Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หนังสือเรียนสาระการพัฒนาสังคม หน้าที่พลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลที่เก้า 2 ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น

หนังสือเรียนสาระการพัฒนาสังคม หน้าที่พลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลที่เก้า 2 ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น

Description: หนังสือเรียนสาระการพัฒนาสังคม รายวิชา สค23088 หน้าที่พลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลที่เก้า 2 ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น

Search

Read the Text Version

145 กกกกกกกกจิ กรรม 4 กกกกกกกคาช้ีแจง ใหน้ กั ศึกษาทาเครอ่ื งหมาย ถูก ( ) หรือผดิ () หนา้ ข้อต่อไปนี้ โดยนา คาตอบทีไ่ ด้ไปเขียนตอบลงในแผ่นกระดาษคาตอบท่แี จกให้ กกกกกกก……………1. ลักษณะ “พิพิธภณั ฑธ๑ รรมชาตทิ ี่มีชวี ิต” ศนู ยศ๑ กึ ษาการพัฒนาภพู านอนั เนื่องมาจากพระราชดาริจังหวดั สกลนคร กกกกกกก……………2. การพัฒนาปาุ ไมเ๎ อนกประสงค๑ การอนุรกั ษ๑และฟืน้ ฟรู ะบบนิเวศปาุ ชายเลนให๎ กลับคืนสูํสภาพสมดลุ ตามธรรมชาติ ศูนยศ๑ กึ ษาการพฒั นาห๎วยทรายอันเนื่องมาจากพระราชดาริ จังหวดั เพชรบุรี กกกกกกก……………3. โครงการแกลง๎ ดนิ เป็นแนวพระราชดาริเกี่ยวกบั การเรํงดนิ ให๎เป็นกรดจัด รุนแรงท่สี ุด โดยการทาให๎ดินแหง๎ และเปียกสลบั กัน กกกกกกก……………4. ดาเนนิ การทดลองวิจัย พัฒนาทางดา๎ นการประมงและการเพาะเล้ยี งสตั ว๑นา้ ชายฝ๓่งศูนยศ๑ ึกษาการพฒั นาห๎วยทรายอนั เนื่องมาจากพระราชดาริจงั หวดั เพชรบุรี กกกกกกก……………5. ศูนยศ๑ ึกษาการพัฒนาหว๎ ยทรายอันเน่ืองมาจากพระราชดาริจงั หวัดเพชรบุรี ดาเนินการฟ้ืนฟสู ภาพปุาไม๎การปลกู ปาุ สามอยํางประโยชน๑ส่ีอยําง

146 บทท่ี 7 การประยุกต์ใชห้ น้าท่ีพลเมืองตามรอยพระยคุ ลบาท รชั กาลที่ 9 ในชวี ติ ประจาวนั สาระสาคญั กกกกกกก1. การน๎อมนาทศพธิ ราชธรรมไปใชใ๎ นชีวติ ประจาวนั สามารถใชก๎ ับครอบครวั ท่ีประกอบ ด๎วย หัวหน๎าครอบครัว สมาชิกในครอบครัว และเครือญาติ การศึกษา ประกอบด๎วย เพ่ือนผู๎เรียน หรือนักศึกษา และครูบาอาจารย๑ การประกอบอาชีพการงาน ประกอบด๎วย เพ่ือนรํวมอาชีพ และ นายจ๎างหรือผู๎บังคบั บัญชา และการพฒั นาชมุ ชน ท้องถนิ่ และสังคม ประกอบดว๎ ย สมาชิกในชุมชน และผู๎นา ได๎เป็นอยํางดี คือ ทาน ด๎วยการให๎บริจาคสิ่งของ ทรัพย๑ หรือแรงกาย ชํวยเหลือกิจกรรม หรือภารกิจ ที่เก่ียวข๎อง ให๎คาแนะนา หรือความร๎ูท่ีเกี่ยวข๎อง และให๎อภัยเม่ือได๎รับความรู๎สึก หรือการกระทาท่ีไมํถูกต๎องกับตนเอง ศีล คือ การละเว๎นในสิ่งที่เป็นข๎อห๎าม ของศีล 5 ให๎ประพฤติ ในส่ิงท่ีดงี าม ปริจาคะ คอื การเสยี สละ สวํ นที่เกี่ยวขอ๎ งกับตนเองเพอ่ื ประโยชน๑ของสํวนรวม อาชชวะ คือ ความซ่ือตรง ให๎ปฏิบัติงานหรือภารกิจท่ีเก่ียวข๎องท้ังตํอหน๎าและลับหลัง ด๎วยความซ่ือสัตย๑สุจริต มัททวะ คือ ความอํอนโยน ให๎คานึงถึงอายุ ถ๎าเป็นผู๎อาวุโสต๎องปฏิบัติด๎วยความอํอนน๎อมถํอมตัว ให๎การเคารพ สํวนผู๎ที่มีอายุเสมอกัน หรืออํอนกวําให๎ปฏิบัติด๎วยความสุภาพอํอนโยน ตบะ คือ ความเพียร ความอดทน ให๎ปฏิบัติภารกิจด๎วยความขยัน มํุงม่ัน อดทน ต้ังใจให๎สาเร็จลุลํวง อักโกธะ คือ ความไมํโกรธ ต๎องควบคุมอารมณ๑ ของตนเองให๎สงบ มีสติตลอดเวลา เพ่ือแสดงออก ถึงพฤติกรรมท่ีเหมาะสมกับ กาลเทศะทุกสถานการณ๑ อวิหิงสา คือ ความไมํเบียดเบียน ไมํเอารัด เอาเปรียบด๎วยการไมํเอาทรัพย๑สินหรือสิ่งของสํวนรวมหรือของผู๎อื่นมาใช๎เพ่ือสํวนตน ไมํพูดจา หรือมีกิริยาสํอเสียด เบียดเบียนผ๎ูอื่น ทั้งทางกาย วาจา และใจ ขันติ คือ ความอดทน ต๎องมีความ อดทนในภารกิจท่ีมอบหมาย หรืออดทนตํอสถานการณ๑ที่ไมํพึงประสงค๑ ไมํยํอท๎อ ไมํท๎อถอย และ อวิโรธนะ คือ ความเที่ยงธรรม ให๎วางตัวเป็นกลาง ไมํเอนเอียงไปที่บุคคลใดหรือกลุํมใดกลุํมหนึ่ง ไมหํ วั่นไหว ไปกับคาพูด การกระทา ใหม๎ คี วามยตุ ธิ รรม เที่ยงตรง กกกกกกก2. การนอ๎ มนาพระราชดารสั ไปใช๎ในชีวิตประจาวนั ครอบครัว ต๎องใหค๎ วามสาคญั กับการ อบรมเล้ียงดูบุตรหลานให๎เป็นคนดี มีคุณธรรม มีสติป๓ญญาเฉลียวฉลาด และมีเหตุมีผล การศึกษา ต๎องอบรม นักเรียน นักศึกษา และบัณฑิตที่เพิ่งจบหรือศิษย๑เกําท่ีจบไปนานแล๎วให๎มีความรู๎วิชาการ และคุณธรรม การประกอบอาชีพการงาน ทุกอาชีพต๎องเน๎นการพัฒนาอาชีพ ตั้งใจ ศึกษาพัฒนา อาชีพ ประกอบอาชีพด๎วยความร๎ู ความสามารถ ประกอบอาชีพด๎วยความพอเพียง ประหยัด พ่ึงตนเอง รอบคอบ คํอย ๆ พัฒนาตามลาดับเพื่อปูองกันความผิดพลาด ใช๎ข๎อมูลหรือ สื่อสารท่ีเป็นประโยชน๑ และต๎องมีคุณธรรมในอาชีพของตนเอง และการพัฒนา ชุมชน ท้องถิ่นและ สังคม ต๎องมีวิชาการและ ผู๎ปฏิบัติรํวมมือกันพัฒนาด๎วยดี ต๎องพัฒนาให๎สอดคล๎องกับบริบท แตํละพื้นที่ เน๎นความเข๎มแข็งของชุมชน ท๎องถ่ิน ด๎วยการอาศัยการแลกเปล่ียนเรียนร๎ูกับบุคคล หรอื องคก๑ รภายนอกชุมชน เขา๎ มามสี ํวนรํวมพฒั นาด๎วยความรักความสามัคคี กระบวนการพัฒนาต๎อง เปน็ ลาดับขนั้ ตอน ประหยดั ถูกหลกั วชิ า เพอ่ื ปูองกันความลม๎ เหลวจากการพฒั นา

147 กกกกกกก3. การนอ๎ มนาหลักการทรงงานไปใชใ๎ นชีวติ ประจาวนั ครอบครวั ใช๎ได๎ 10 ข๎อ คือ (1) การมีสํวนรํวม (2) ประโยชน๑สํวนรวม (3) ขาดทุนคือกาไร (4) การพ่ึงตนเอง (5) พออยูํพอกิน (6) เศรษฐกิจพอเพียง (7) ความซ่ือสัตย๑ สุจริต จริงใจตํอกัน (8) ทางานอยํางมีความสุข (9) ความ เพยี ร และ (10) รู๎ รัก สามคั คี การศึกษา ใช๎ได๎ 21 ข๎อ คอื (1) ศึกษาข๎อมลู อยํางเป็นระบบ (2) ระเบิด จากข๎างใน (3) แก๎ป๓ญหาจากจุดเล็ก (4) ทาตามลาดับข้ัน (5) ภูมิสังคม (6) องค๑รวม (7) ไมํติดตารา (8) ประหยดั เรียบงาํ ย ได๎ประโยชน๑สงู สดุ (9) ทาให๎งําย (10) การมีสํวนรํวม (11) ประโยชน๑สํวนรวม (12) บรกิ ารรวมทจ่ี ุดเดยี ว (13) ปลูกปาุ ในใจคน (14) ขาดทุนคือกาไร (15) การพึ่งตนเอง (16) พออยูํ พอกิน (17) เศรษฐกิจพอเพียง (18) ความซื่อสัตย๑ สุจริต จริงใจตํอกัน (19) ทางานอยํางมีความสุข (20) ความเพียร และ (21) รู๎ รัก สามัคคี การประกอบอาชีพการงาน ใช๎ได๎ 22 ข๎อ (1) ศึกษาข๎อมูล อยํางเป็นระบบ (2) ระเบิดจากข๎างใน (3) แก๎ป๓ญหาจากจุดเล็ก (4) ทาตามลาดับข้ัน (5) ภูมิสังคม (6) องค๑รวม (7) ไมํติดตารา (8) ประหยัด เรียบงําย ได๎ประโยชน๑สูงสุด (9) ทาให๎งําย (10) การมีสํวน รํวม (11) ประโยชน๑สํวนรวม (12) บริการรวมที่จุดเดียว (13) ทรงใช๎ธรรมชาติ ชํวยธรรมชาติ (14) ปลูกปุาในใจคน (15) ขาดทุนคือกาไร (16) การพ่ึงตนเอง (17) พออยูํพอกิน (18) เศรษฐกิจ พอเพียง (19) ความซื่อสัตย๑ สุจริต จริงใจตํอกัน (20) ทางานอยํางมีความสุข (21) ความเพียร และ (22) ร๎ู รัก สามัคคี และ การพัฒนา ชุมชน ท้องถิ่นและสังคม สามารถใช๎หลักการทรงงาน ใช๎ได๎ 23 ข๎อ คือ (1) ศึกษาข๎อมูลอยํางเป็นระบบ (2) ระเบิดจากข๎างใน (3) แก๎ป๓ญหาจากจุดเล็ก (4) ทาตามลาดับขั้น (5) ภูมิสังคม (6) องค๑รวม (7) ไมํติดตารา (8) ประหยัด เรียบงําย ได๎ประโยชน๑ สูงสุด (9) ทาให๎งําย (10) การมีสํวนรํวม (11) ประโยชน๑สํวนรวม (12) บริการรวมท่ีจุดเดียว (13) ทรงใช๎ธรรมชาติชํวยธรรมชาติ (14) ใช๎อธรรมปราบอธรรม (15) ปลูกปุาในใจคน (16) ขาดทุน คือกาไร (17) การพ่ึงตนเอง (18) พออยํูพอกิน (19) เศรษฐกิจพอเพียง (20) ความซื่อสัตย๑ สุจริต จริงใจตํอกัน (21) ทางานอยํางมีความสุข (22) ความเพียร และ (23) รู๎ รัก สามัคคี มาใช๎ในการ พฒั นาชุมชน ทอ๎ งถิ่น และสังคม ให๎เจรญิ ก๎าวหน๎าได๎ ผลการเรียนรู้ท่ีคาดหวัง 1. ปฏบิ ตั ิหน๎าทพ่ี ลเมอื งตามรอยพระยุคลบาทรชั กาลท่ี 9 ในชวี ิตประจาวนั ได๎ 2. ตระหนักถึงความสาคญั เห็นคุณคําของการประยุกต๑ใช๎หน๎าทพ่ี ลเมืองตามรอยพระยุคล บาทรชั กาลท่ี 9 ในชวี ติ ประจาวนั ขอบขา่ ยเนือ้ หา กกกกกกกการประยุกตใ๑ ชห๎ น๎าท่พี ลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลที่ 9 ในชีวติ ประจาวันมีขอบขาํ ย เนอ้ื หา ดงั นี้ กกกกกกก1. การน๎อมนาทศพธิ ราชธรรมไปใช๎ชวี ิตประจาวนั กกกกกกก2. การน๎อมนาพระราชดารัสไปใชช๎ ีวิตประจาวัน กกกกกกก3. การนอ๎ มนาหลักการทรงงานไปใช๎ชีวิตประจาวนั

148 สือ่ ประกอบการเรยี น 1. ส่อื เอกสาร ไดแ๎ กํ 1. 1.1 ใบความรู๎ เรอ่ื งท่ี 7 ทศพธิ ราชธรรมตามพระราชดารัส และหลกั การทรงงาน กับการนาไปใชใ๎ นชีวิตประจาวัน 1. 1.2 ใบงาน หวั เรือ่ งท่ี 7 การประยุกต๑ใชห๎ น๎าท่ีพลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรชั กาล ที่ 9 ในชีวิตประจาวัน 1. 1.3 หนังสือเรียนวิชา หน๎าท่ีพลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลท่ีเกา๎ 2 1. 1.4 หนังสือพระราชดารสั ตรสั เลํา “บุคคลพัฒนาได๎ กด็ ว๎ ยป๓จจัยประการเดียว คือ การศกึ ษา” จัดพิมพโ๑ ดย สมาคมผ๎บู รหิ ารโรงเรียนประถมศึกษาแหงํ ประเทศไทย 1. 1.5 หนังสอื ปรัชญาการศึกษาพระเจ๎าอยํหู ัว ผู๎แตํง อุทมุ พร อมรธรรม ปที พ่ี ิมพ๑ 2559 สานักพมิ พ๑แสงดาว 1. 1.6 หนงั สือเราจะครองแผํนดินโดยธรรม ตามรอยพระยุคลบาทดว๎ ยทศพิธราชธรรม ผูแ๎ ตํงสมพร สานกั พิมพเ๑ จรญิ พงศ๑ ปที ี่พมิ พ๑ 2549 1. 1.7 หนังสือคดิ ดีทาดี ผ๎แู ตงํ เอกชัย จลุ ะจารติ ต๑ สานักพมิ พ๑บริษัท เฟื่องฟาู พร้ินต้ิง ปีท่พี มิ พ๑ 2547 2. ส่อื อิเลก็ ทรอนิกส๑ ได๎แกํ 2. 2.1 ช่อื บทความ บนั ทึกตามรอย 84 ตามคาสอนพํอ ช่ือผูแ๎ ตงํ สานักพิมพ๑เนชน่ั บุ๏ค สืบคน๎ จาก https://books.google.co.th/books?id=true 3. ส่อื บคุ คล ไดแ๎ กํ 3. 3.1 เจ๎าคณะจังหวดั ประจวบครี ขี ันธ๑ พระราชสทุ ธโิ มลี ฝุายธรรมยตุ เจ๎าอาวาสวดั ธรร มกิ ารามวรวิหาร อาเภอเมืองประจวบคีรขี นั ธ๑ จงั หวดั ประจวบครี ีขันธ๑ 3. 3.2 นายกฤษฏา นุตะโร วิทยากรชมรมรักในหลวง ตาบลคลองวาฬ อาเภอเมอื ง ประจวบคีรขี นั ธ๑ จงั หวดั ประจวบครี ีขนั ธ๑ เบอรโ๑ ทร. 083-7895874 3. 3.3 นายคงณัฐ โชตภิ ทั รศรี ภมู ปิ ญ๓ ญาท๎องถิ่น ตาบลอําวนอ๎ ย อาเภอเมือง ประจวบคีรขี ันธ๑ จงั หวัดประจวบครี ีขันธ๑ เบอรโ๑ ทร. 086-5297139 4. สื่อแหลํงเรียนรใ๎ู นชมุ ชน ไดแ๎ กํ 4. 4.1 หอ๎ งสมดุ ประชาชนจงั หวัดประจวบคีรีขนั ธ๑ ทีต่ ั้ง ตาบลประจวบครี ีขันธ๑ อาเภอ เมอื งประจวบครี ขี นั ธ๑ จังหวดั ประจวบครี ีขนั ธ๑ เบอรโ๑ ทร 032 – 601550 4. 4.2 กศน.ตาบล/เทศบาลทกุ แหงํ และศูนย๑การเรยี นชมุ ชน ในอาเภอเมือง ประจวบครี ขี นั ธ๑ เรอื่ งที่ 1 การน้อมนาทศพิธราชธรรมไปใช้ในชีวิตประจาวนั กกกกกกก1. หลกั ทศพธิ ราชธรรม เป็นหลักธรรมสาคัญในการปกครอง กลําวคอื เป็นหลกั ธรรมท่ี พระราชา หรือส่ิงท่ีควรประพฤติ และสามารถที่จะนาไปประยุกต๑ใช๎ในชีวิตประจาวันได๎เป็นอยํางดียิ่ง โดยมหี ลกั ทศพิธราชธรรมท่ีเก่ยี วข๎อง ดังน้ี

149 กกกกกกก1. 1.1 ทศพิธราชธรรมท่ีใช๎ในครอบครัว ไดแ๎ กํ กกกกกกก1. 1.1 1.1.1 ทศพธิ ราชธรรมข๎อที่ 1 ทาน คือ การให๎ ผู๎ท่ีเป็นผ๎นู าครอบครัว ไดแ๎ กํ บิดามารดา ควรมีบทบาทในการใหท๎ านกบั บตุ รธิดา ด๎วยการอบรมส่ังสอน การให๎กาลังใจ การให๎อภัย การให๎ความรัก กับเครือญาติ ด๎วยการให๎ความเอ้ือเฟ้ือเผื่อแผํ ชํวยเหลือยามลาบาก และให๎กาลังใจ สํวนบุตรธิดา ควรให๎ทานกับบุคคลในครอบครัว ด๎วยการให๎ความเคารพนับถือ เชื่อฟ๓งคาสั่งสอนของ บิดามารดา และญาตผิ ใ๎ู หญํ พร๎อมท้งั เอาใจใสํรับผิดชอบชํวยงานบ๎านเพ่ือแบํงเบาภาระของทําน และ ใหค๎ วามสนับสนุนแกํผทู๎ ท่ี าคุณงามความดี เป็นการให๎รางวัลเพื่อเป็นกาลังในการเรียน ไมํทอดทิ้งยาม ทกุ ขย๑ าก เขา๎ ลกั ษณะท่วี าํ ยามปกติ ก็เรียกใช๎ ยามเจ็บไข๎ก็รกั ษา ยามต๎องการคาแนะนาปรึกษา ก็ชํวย ใหแ๎ สงสวําง แนะคือ บอกอุบายให๎ร๎ู นา คือ ทาให๎ดูเป็นแบบอยําง แม๎จากผู๎น๎อยผิดพลาดไปบ๎าง โดย มติ ัง้ ใจ ผูใ๎ หญํกต็ อ๎ งร๎จู กั ให๎โอกาส แก๎ไข ใหอ๎ ภัย มีนา้ ใจ กกกกกกก1. 1.1 1.1.1 จากการสมั ภาษณ๑ พระราชสุทธโิ มลี เจา๎ คณะจังหวดั ประจวบคีรีขนั ธ๑ ฝุายธรรมยุต ได๎ให๎ข๎อมูลการนาทศพิธราชธรรม ข๎อท่ี 1 ทาน ไปใช๎ในครอบครัว ด๎วยการ (1) บิดา มารดา ควรปฏิบัติด๎วยการบาบัดทุกข๑ บารุงสุขคนในครอบครัว การให๎สิ่งของ การให๎วิชาความรู๎ การให๎สิ่งที่ต๎องการ ตลอดจนการอบรมแนะนาเพ่ือจะได๎ใช๎เป็นเครื่องยังชีพ และสร๎างสรรค๑ชีวิตให๎มี ความผาสกุ ตามควรแกอํ ตั ภาพ (2) บุตรธิดา ควรปฏิบัติด๎วยการปฏิบัติตนเป็นคนดีให๎คนในครอบครัว เกดิ ความผาสุก และ (3) เครือญาติ ควรปฏบิ ัตใิ ห๎ความรวํ มมอื กับคนในครอบครัวทกุ ๆ ด๎าน กกกกกกก1. 1.1 1.1.1 กลําวโดยสรปุ หนา๎ ทพ่ี ลเมืองดี ประกอบด๎วย หวั หน๎าครอบครัว สมาชกิ ใน ครอบครัว และเครือญาติของครอบครัว ควรนาทศพิธราชธรรม ข๎อ 1 ทาน คือ การให๎ ไปใช๎กับ ครอบครัวและเครือญาติ ด๎วยการให๎ทานในเร่ืองส่ิงของ การเสียสละทรัพย๑ ส่ิงของบารุงเลี้ยงดู ชํวยเหลือเก้ือกูล ให๎ธรรมทานด๎านการให๎คาแนะนาในการปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ และให๎อภัยทาน ดว๎ ยการ ใหอ๎ ภยั เม่ือมีการกระทาผิด หรือละเมิดกนั และกนั กกกกกกก1. 1.1 1.1.2 ทศพิธราชธรรมขอ๎ ที่ 2 ศลี คือ การตั้งอยูํในศีล ซ่งึ สามารถปฏิบตั ิตามศีล5 คือ ไมํฆําสัตว๑ตัดชีวิต ไมํลักขโมยของของผ๎ูอื่น ไมํลํวงละเมิดลูกเมียเขา ไมํพูดโกหก หรือพูดสํอเสียด ยุยงให๎คนเขาทะเลาะเบาะแว๎งกัน และควรทาตนให๎หํางไกลจากเหล๎า บุหร่ี หรืออบายมุขตําง ๆ เพราะส่ิงเหลํานี้ นอกจากจะทาให๎เราเสียเงินแล๎ว ยังเสียสุขภาพกายและใจท้ังของตัวเราเอง และคน ใกล๎ชิดเราด๎วย ผ๎ูท่ีเป็นผู๎นาครอบครัวได๎แกํ บิดามารดา ควรปฏิบัติศีล 5 ทุกข๎อเป็นแบบอยํางกับ สมาชิกในครอบครัวหรือเครือญาติ ดังตัวอยําง มีบทบาทการปฏิบัติศีลข๎อที่ 3 กับคูํสมรส ด๎วยการมี ความประพฤติท่ีดี ไมํลํวงละเมิดลูกเมียผู๎อ่ืน ศีลข๎อท่ี 4 ไมํพูดโกหกหลอกลวง ไมํพูดจาสํอเสียด ให๎เกียรติซ่ึงกันและกัน กับสมาชิกครอบครัวและเครือญาติ ด๎วยการมีความประพฤติท่ีดี ไมํพูดจา สํอเสียด ให๎เกียรติซ่ึงกันและกัน สํวนบุตรธิดา ควรปฏิบัติตามแบบอยํางที่ดีของพํอแมํ เรื่องศีล 5 ในการดาเนนิ ชวี ิต กกกกกกก1. 1.1 1.1.2 จากการสมั ภาษณ๑ พระราชสุทธโิ มลี เจา๎ คณะจงั หวัดประจวบครี ขี ันธ๑ ฝาุ ยธรรมยตุ ได๎ให๎ขอ๎ มูลการนาทศพิธราชธรรม ขอ๎ ที่ 2 ศีล ไปใช๎ในครอบครัว ด๎วยการ (1) บิดามารดา ควรปฏิบัติ ต๎องรักษาระเบียบกติกา และปฏิบัติตามกฎระเบียบของบ๎านเชํนเดียวกับสมาชิกคนอ่ืน ๆ โดยไมํมี ข๎อยกเว๎น ผ๎ูนาครอบครัวต๎องไมํทาตัวให๎อยํูเหนือกฎระเบียบ เพราะถือตัววํามีอานาจเบ็ดเสร็จ

150 (2) บตุ รธิดา ควรปฏบิ ตั ดิ ว๎ ยการทาตนให๎มีความประพฤติท่ีดีทั้งทางกาย วาจา ใจ และ (3) เครือญาติ ควรปฏบิ ตั ิวางตนใหอ๎ ยํูในความดงี ามทั้งทางกาย วาจา ใจ ใหส๎ ะอาดปราศจากโทษอันควรครหา กกกกกกก1. 1.1 1.1.2 กลําวโดยสรปุ หนา๎ ทีพ่ ลเมืองดี ประกอบด๎วยหวั หนา๎ ครอบครัว สมาชกิ ใน ครอบครัวและเครือญาติ ควรนาทศพิธราชธรรม ข๎อ 2 ศีล คือ การตั้งอยํูในศีล ไปใช๎กับทุกคนใน ครอบครัว โดยเฉพาะบิดามารดา ควรปฏิบัติตนเป็นตัวอยํางที่ดีให๎แกํคนในครอบครัว ท้ังด๎านความ ประพฤตแิ ละการปฏิบัติตน สวํ นสมาชกิ ในครอบครวั ก็ควรปฏิบตั ติ ามแบบอยาํ งของบดิ ามารดา กกกกกกก1. 1.1 1.1.3 ทศพิธราชธรรมขอ๎ ที่ 3 ปริจจาคะ คอื การเสียสละ ผทู๎ ่ีเปน็ ผ๎ูนาครอบครวั ได๎แกํ บิดามารดา ควรมีบทบาทในการเสียสละกับบุตรธิดา ด๎วยการเสียสละความสุขสํวนตน เพื่อความสุขหรือประโยชน๑ของสํวนรวม คอยให๎คาปรึกษา ให๎กาลังใจ ดูแล และเข๎าใจในทุกเร่ือง ท่ีเกี่ยวข๎องกับครอบครัว ปกปูองและให๎ความอบอํุนโดยไมํเกรงกลัวตํอภยันตรายใด ๆ เพ่ือให๎ทุกคน ในครอบครัวอยํูอยํางสุขสบาย เชํน พํอเสียสละความสุขสํวนตัวด๎วยการเลิกดื่มเหล๎า ทาให๎ลูกเมีย มีความสุข และสละทรัพย๑สิ่งของบารุงเล้ียงดู ชํวยเหลือเก้ือกูล กับเครือญาติ ด๎วยการให๎ความ ชํวยเหลือเกื้อกูล และคอยให๎คาปรึกษา ให๎กาลังใจ และยืนหยัดอยํูเคียงข๎าง สํวนบุตรธิดาควรให๎การ เสียสละกับบุคคลในครอบครัว ด๎วยการตั้งใจศึกษาเลําเรียน และเพียรพยายามจนสาเร็จ รวมถึง เสียสละแรงกายและเวลาในการชํวยภารกจิ ของครอบครัวตามโอกาส กกกกกกก1. 1.1 1.1.3 จากการสมั ภาษณ๑ พระราชสุทธโิ มลี เจา๎ คณะจังหวดั ประจวบคีรีขนั ธ๑ ฝุายธรรมยุต ได๎ใหข๎ ๎อมลู การนาทศพิธราชธรรม ข๎อท่ี 3 ปริจจาคะ ไปใช๎ในครอบครัว ด๎วยการ (1) บิดามารดา ควร ปฏิบัติตนให๎มีความรบั ผิดชอบมาก ต๎องดูแลทุกข๑สุขของคนทว่ั ไป ตอ๎ งพยายามหาหนทางทาให๎สมาชิก ในครอบครัวได๎รับความสุขพ๎นจากความทุกข๑ จึงจาเป็นที่ผู๎เป็นนักปกครองจะต๎องอุทิศกาลังกาย กาลงั ใจ และกาลงั ความคดิ ให๎แกํสวํ นรวม (2) บุตรธิดา ควรปฏิบัติควรสนองตอบตํอความปรารถนาดี ของผปู๎ กครอง และ (3) เครอื ญาติ ควรปฏิบัตดิ ว๎ ยการเสียสละเพือ่ สนองตอํ กฎระเบียบของครอบครัว หรอื ความปรารถนาดีของคนในครอบครวั เชนํ เม่ือถงึ คราวอด เราก็อดด๎วยกัน เมื่อถึงคราวควรออมก็ ออมดว๎ ยกนั กกกกกกก1. 1.1 1.1.3 กลําวโดยสรุปหนา๎ ทพ่ี ลเมืองดี ประกอบดว๎ ยหัวหน๎าครอบครัว สมาชิกใน ครอบครัวและเครือญาติ ควรนาทศพิธราชธรรม ข๎อ 3 ปริจจาคะ คือ การเสียสละไปใช๎กับครอบครัว ดว๎ ยการมีความเสยี สละในเรอ่ื งของสวํ นตน เพ่อื ประโยชน๑สวํ นรวมของคนในครอบครวั กกกกกกก1. 1.1 1.1.4 ทศพธิ ราชธรรมขอ๎ ที่ 4 อาชชวะ คอื ความซื่อตรง ผู๎ที่เป็นผน๎ู าครอบครวั ได๎แกํ บิดามารดา ควรมีบทบาทในอาชชวะ ด๎วยการแสดงความซ่ือตรงให๎เป็นแบบอยํางกับบุตรธิดา ด๎วยการสั่งสอนให๎ลูก ๆ มีความซื่อสัตย๑สุจริต มีความซื่อตรงไมํคดโกง หรือหลอกลวงผ๎ูอื่น กับเครือญาติ ด๎วยการซ่ือสัตย๑ จริงใจ ไมํคิดคดโกง หรือหลอกลวง สํวนบุตรธิดาควรให๎อาชชวะ ด๎วยการมีความ ซื่อตรงกับบุคคลในครอบครัวด๎วยการปฏิบัติตนในสิ่งท่ีถูกต๎อง ดีงามท้ังกาย วาจา และใจ ทั้งตํอหน๎า และลบั หลงั เชํน ไมพํ ูดโกหกหลอกลวง ไมํลกั ขโมย ไมเํ อาของผู๎อน่ื มาเปน็ ของตน กกกกกกก1. 1.1 1.1.4 จากการสัมภาษณ๑ พระราชสุทธโิ มลี เจา๎ คณะจังหวัดประจวบครี ขี นั ธ๑ ฝุายธรรมยตุ ได๎ให๎ข๎อมลู การนาทศพิธราชธรรม ขอ๎ ที่ 4 อาชชวะ ความซ่ือตรง ไปใช๎ในครอบครัว ด๎วยการ (1) บิดา มารดา ควรปฏิบัติตนซื่อตรงตํอหน๎าท่ี และซอ่ื ตรงตํอความถกู ความควร (2) บุตรธดิ า ควรปฏิบตั ิตน

151 ให๎ร๎ูจกั การตรงตํอเวลา ความซ่อื สัตย๑ในหนา๎ ที่ของตน และไมํโกหกบคุ คลในครอบครวั และ(3)เครอื ญาติ ควรปฏิบัตติ นใหซ๎ อื่ ตรงตอํ หน๎าทขี่ องตน โดยไมยํ ํอท๎อตํออปุ สรรค กกกกกกก1. 1.1 1.1.4 กลําวโดยสรุปหนา๎ ทพี่ ลเมอื งดี ประกอบดว๎ ยหวั หน๎าครอบครัว สมาชกิ ใน ครอบครัวและเครือญาติ ควรนาทศพิธราชธรรม ข๎อ 4 อาชชวะ คือความซื่อตรง ไปใช๎กับครอบครัว ด๎วยการดาเนินชวี ิตดว๎ ยความซือ่ สตั ย๑สจุ ริต ด๎วยความซ่ือตรง ไมํพูดโกหก ไมํหลอกลวง และให๎ความ จรงิ ใจแกคํ นในครอบครวั ทัง้ ตํอหนา๎ และลบั หลงั กกกกกกก1. 1.1 1.1.5 ทศพิธราชธรรมขอ๎ ท่ี 5 มัททวะ คือ ความอํอนโยน ผท๎ู ี่เปน็ ผูน๎ าครอบครัว ได๎แกํ บิดา มารดา ควรมีบทบาทในการสอนเรื่องความอํอนโยนให๎กับบุตรธิดา ด๎วยการสอนให๎ร๎ูจัก การเคารพผ๎ูท่ีมีอายุสูงกวํา ไมํเยํอหย่ิง ไมํถือตัว และรู๎จักความอํอนน๎อมถํอมตน กับเครือญาติ ด๎วยการให๎ความเคารพนบน๎อม รู๎จักเอาใจเขามาใสํใจเรา สํวนบุตรธิดาควรมีมัททวะกับบุคคล ในครอบครัว ด๎วยการมีสัมมาคารวะ ร๎ูจักกลําวคาขอบคุณ ขอโทษ รู๎จักการให๎ความเคารพ การไหว๎ ผ๎ูใหญํ ประพฤติตนตามกฎระเบียบของครอบครัวตํอบิดา มารดาและญาติผู๎ใหญํ จะทาให๎ไปที่ไหน คนก็ให๎การต๎อนรับ เพราะอยํูใกล๎แล๎วสบายใจ ไมํร๎อนรํุม หากบุคคลแสดงกิริยาหยาบคาย ก๎าวร๎าว คนกถ็ อยหาํ ง กกกกกกก1. 1.1 1.1.5 จากการสมั ภาษณ๑ พระราชสุทธโิ มลี เจ๎าคณะจังหวดั ประจวบครี ีขันธ๑ ฝุายธรรมยุต ได๎ใหข๎ ๎อมูลการนาทศพธิ ราชธรรม ขอ๎ ที่ 5 มัททวะ ไปใช๎ในครอบครวั ดว๎ ยการ (1) บดิ ามารดา ควร ปฏบิ ัติ ให๎เป็นคนทม่ี เี หตุและมีผล และควรมีอธั ยาศัยอํอนโยน กริ ยิ าสภุ าพนมํุ นวล ละมุนละไม (2) บุตร ธิดา ควรปฏบิ ัตติ นใหม๎ ีสมั มาคารวะตํอผ๎ูใหญํ หรือบคุ คลในครอบครวั และอํอนโยนตอํ บุคคล ทเี่ สมอกันและต่ากวํา เชนํ พ่ีนอ๎ ง หรือญาตทิ ี่อายุรํนุ ราวคราวเดียวกัน และ (3) เครอื ญาติ ควรปฏิบัติ ตนใหเ๎ คารพในเหตุผลท่คี วร กกกกกกก1. 1.1 1.1.5 กลําวโดยสรุปหน๎าทีพ่ ลเมืองดี ประกอบด๎วยหวั หนา๎ ครอบครัว สมาชกิ ใน ครอบครัวและเครอื ญาติ ควรนาทศพิธราชธรรม ข๎อท่ี 5 มัททวะ คือความอํอนโยนไปใช๎กับครอบครัว ด๎วยการทาตัวให๎มีกิริยาสุภาพนุํมนวล ละมุนละไม ไมํเยํอหยิ่งถือตัว หรือแสดงกิริยาวาจา หยาบคาย กบั ใคร ทาตวั เป็นผ๎ูที่มคี วามอํอนน๎อมถอํ มตวั กบั ผ๎ทู ม่ี ีความอาวโุ สกวาํ และออํ นโยนกับบคุ คลทเ่ี สมอกัน กกกกกกก1. 1.1 1.1.6 ทศพิธราชธรรมข๎อท่ี 6 ตบะ คือ ความเพียร ผูท๎ เ่ี ปน็ ผน๎ู าครอบครัว ได๎แกํ บดิ ามารดา ควรมบี ทบาทในเร่อื งของตบะกบั บุตรธิดา ด๎วยการเป็นตัวอยํางท่ีดี มีความมุมานะ อดทน ขยัน มํุงมั่นในการสร๎างครอบครัว ให๎มีความเป็นอยํูท่ีสุขสบาย กับเครือญาติ ด๎วยการมีความอดทน พากเพียร เอาใจใสบํ ุคคลในครอบครวั สํวนบุตรธิดาควรมีตบะกับบุคคลในครอบครัว ด๎วยการมีความ มมุ านะ อดทน ขยัน มํุงมั่น พากเพียรในการเรียนหนังสือให๎ประสบผลสาเร็จเป็นท่ีชื่นชมให๎กับบุคคล ในครอบครัว รวมถงึ มงุํ มนั่ พากเพียรในภารกิจทีไ่ ดร๎ ับมอบหมายจากครอบครวั ให๎สาเรจ็ ตามท่ีกาหนดไว๎ กกกกกกก1. 1.1 1.1.6 จากการสัมภาษณ๑ พระราชสุทธโิ มลี เจ๎าคณะจังหวดั ประจวบครี ีขันธ๑ ฝาุ ยธรรมยตุ ได๎ให๎ข๎อมูลการนาทศพิธราชธรรม ข๎อที่ 6 ตบะ ไปใช๎ในครอบครัว ด๎วยการ (1) บิดามารดา ควรปฏิบัติมีความมานะบากบั่น ไมํยํอท๎อ ก๎าวหน๎าไมํถอยหลัง ในหน๎าที่ที่จะต๎องรับผิดชอบตําง ๆ ภายในครอบครัว มีความทํุมเททาอยํางสุดความสามารถ ไมํเสร็จเป็นไมํยอมเลิกรา (2) บุตรธิดา ควรปฏิบัติด๎วยการต้ังใจกาจัดความเกียจคร๎าน หรือการทาผิดหน๎าที่ มุํงทากิจอันเป็นหน๎าท่ีที่พึงทา

152 อันเป็นกิจดีกิจชอบ ให๎สม่าเสมอ และ (3) เครือญาติ ควรปฏิบัติตนด๎วยการมีความอดทน ปราศจาก ความเกียจคร๎าน กกกกกกก1. 1.1 1.1.6 กลาํ วโดยสรปุ หนา๎ ที่พลเมอื งดี ประกอบด๎วยหัวหน๎าครอบครวั สมาชิกใน ครอบครัวและเครือญาติ ควรนาทศพิธราชธรรม ข๎อ 6 ตบะ คือ ความเพียร ไปใช๎กับครอบครัว ด๎วยการปฏิบตั หิ น๎าทท่ี ร่ี บั ผดิ ชอบดว๎ ยความมุมานะ อดทน ขยัน มุํงมั่น และทาแตํส่ิงท่ีดี ความถูกต๎อง ฝุาฟน๓ อปุ สรรคตาํ ง ๆ จนประสบความสาเร็จ นอกจากนี้ ยังสอนให๎เราสู๎ชวี ิตไมํยอมแพอ๎ ะไรงาํ ย ๆ กกกกกกก1. 1.1 1.1.7 ทศพธิ ราชธรรมข๎อท่ี 7 อกั โกธะ คอื ความไมโํ กรธ ผ๎ทู เี่ ปน็ ผู๎นาครอบครวั ได๎แกํ บิดามารดา ควรมีบทบาทในอักโกธะกับบุตรธิดา ด๎วยการควบคุมอารมณ๑ของตนเอง ไมํให๎เป็น คนโมโหงําย และพยายามระงับยับยั้งความโกรธอยํูเสมอ กับเครือญาติด๎วยการรักษามิตรไมตรี หรือ สมั พันธภาพของคนในครอบครวั สํวนบุตรธิดาควรมีอักโกธะกับบุคคลในครอบครัว ด๎วยการไมํแสดง ความโกรธ หรือความไมํพอใจให๎ปรากฏ ต๎องฝึกฝนควบคุมอารมณ๑ของตนเองไมํให๎เป็นคนโมโหงําย แมใ๎ นหลาย ๆ สถานการณจ๑ ะทาได๎ยาก แตํหากเราสามารถฝึกฝนไมํให๎เป็นคนโมโหงําย และพยายาม ระงับยับยั้งความโกรธอยูํเสมอจะเป็นประโยชน๑ตํอเราหลายอยําง เชํน ทาให๎เราสุขภาพจิตดี หน๎าตา ผอํ งใส ข๎อสาคญั ทาให๎เรารกั ษามิตรไมตรี หรือสัมพันธภาพกับผู๎อ่ืนไว๎ได๎ อันมีผลให๎บุคคลนั้นเป็นท่ีรัก และเกรงใจของคน กกกกกกก1. 1.1 1.1.7 จากการสัมภาษณ๑ พระราชสทุ ธโิ มลี เจา๎ คณะจงั หวดั ประจวบคีรีขนั ธ๑ ฝาุ ยธรรมยตุ ได๎ให๎ข๎อมูลการนาทศพิธราชธรรม ข๎อท่ี 7 อักโกธะ ไปใช๎ในครอบครัว ด๎วยการ (1) บิดามารดา ควร ปฏิบัติตนด๎วยการร๎ูจักการควบคุมอารมณ๑ ไมํโกรธงําย ต๎องร๎ูจักเหตุ รู๎จักผล มีเมตตาประจาใจ ไมํ เกรี้ยวกราดปราศจากเหตุผล ต๎องกระทาด๎วยจิตอันสุขุมเยือกเย็น ละเอียดรอบคอบที่สาคัญต๎องมี พรหมวหิ าร 4 คอื เมตตา กรุณา มุทิตา และอเุ บกขา (2) บุตร ธิดา ควรปฏิบัติให๎รู๎จักคิด และควบคุม อารมณ๑ของตน เชํน เม่ือพํอแมํ วํากลําวตักเตือนก็ควรจะรับฟ๓งและนาไปแก๎ไขตนเอง ไมํควรโกรธ ทพี่ อํ แมํวาํ กลําว และ (3) เครือญาติ ควรมีไมตรี เยื่อใยตํอกัน ปรารถนาให๎มีความสุข ไมํทาให๎บุคคล รอบข๎างเกิดความลาบากใจ กกกกกกก1. 1.1 1.1.7 กลําวโดยสรุปหนา๎ ท่พี ลเมอื งดี ประกอบดว๎ ยหัวหนา๎ ครอบครัว สมาชิกใน ครอบครวั และเครือญาติ ควรนาทศพิธราชธรรม ข๎อ 7 อักโกธะ คือ ความไมํโกรธ ไปใช๎กับครอบครัว ด๎วยการฝึกฝนควบคุมอารมณ๑ของตนเอง ไมํให๎เป็นคนโมโหงําย และพยายามระงับยับย้ังความโกรธ อยูํเสมอในทุกสถานการณ๑ กกกกกกก1. 1.1 1.1.8 ทศพธิ ราชธรรมขอ๎ ท่ี 8 อวิหิงสา คือ ความไมเํ บียดเบยี น ผ๎ทู ่ีเป็นผนู๎ า ครอบครวั ได๎แกํ บิดามารดา ควรมีบทบาทของอวิหิงสา กบั บตุ รธดิ า ดว๎ ยการไมํใช๎อานาจไปบงั คบั และใหค๎ วามชวํ ยเหลอื ในดา๎ นตําง ๆ กบั เครือญาติ ดว๎ ยการให๎ความเทาํ เทียมกนั เหมือนกัน เสมอภาคกัน ไมํทะเลาะวิวาท ไมํบาดหมางกัน หม่ันนาข๎อคิดเห็นที่แตกตํางมาพูดคุยสร๎างความเข๎าใจกันการนา ความคิดเห็นท่ีแตกตํางกันมาสร๎างความสามัคคี บุตรธิดาควรมีอวิหิงสา คือความไมํเบียดเบียนกับ บุคคลในครอบครัว ด๎วยการไมทํ ะเลาะววิ าท บาดหมางกนั หากมเี รอ่ื งคลางแคลงใจควรหันหน๎าพดู คยุ กนั กกกกกกก1. 1.1 1.1.8 จากการสมั ภาษณ๑ พระราชสุทธโิ มลี เจ๎าคณะจงั หวดั ประจวบครี ขี นั ธ๑ ฝาุ ยธรรมยุต ได๎ให๎ข๎อมูลการนาทศพิธราชธรรม ข๎อที่ 8 อวิหิงสา ไปใช๎ในครอบครัว ด๎วยการ (1) บิดา มารดา ควรปฏิบัติตนด๎วยการไมํวางอานาจขํมขูํ หรือพูดจาบังคับให๎บุคคลในครอบครัวปฏิบัติตาม

153 (2) บุตร ธิดา ควรปฏิบัติตนด๎วยการหลีกเล่ียงความรุนแรง ไมเบียดเบียนผูอื่น เคารพในกฎระเบียบ กติกาของบุคคลในครอบครัว และ (3) เครือญาติ ควรปฏิบัติตนให๎มีความสุข ท้ังทางกาย วาจา ใจ ไมทํ ะเลาะวิวาท ไมบํ าดหมางกันในครอบครัว กกกกกกก1. 1.1 1.1.8 กลําวโดยสรุปหนา๎ ทพ่ี ลเมอื งดี ประกอบด๎วยหัวหนา๎ ครอบครัว สมาชกิ ใน ครอบครัวและเครือญาติ ควรนาทศพิธราชธรรม ข๎อ 8 อวิหิงสา คือ ความไมํเบียดเบียนไปใช๎กับ ครอบครัว ด๎วยการไมํใช๎อานาจกิริยาวาจา ขํมขํู เบียดเบียนสมาชิกในครอบครัว ให๎มีความเทําเทียมกัน เสมอภาคกัน เคารพในกฎหมาย ไมํทะเลาะวิวาทบาดหมาง กกกกกกก1. 1.1 1.1.9 ทศพธิ ราชธรรมข๎อท่ี 9 ขันติ คอื ความอดทน ผูท๎ ี่เป็นผน๎ู าครอบครัว ได๎แกํ บดิ ามารดา ควรมีบทบาทในขันติ กับบุตรธิดา ด๎วยการมีความอดทนตํอสู๎กับความเหนื่อยยากลาบาก ในการเลย้ี งดบู ตุ รธิดาของตน กับเครอื ญาติ ด๎วยการมอี ดทนตํอความยากลาบาก ไมํท๎อถอย และไมํหมด กาลังกาย กาลังใจ ท่ีจะดาเนินชีวิตเพ่ือให๎ครอบครัวน้ันอยํูอยํางสุขสบาย สํวนบุตรธิดา ควรมีขันติ กับบุคคลในครอบครัว ด๎วยการอดทนตํอการทางานท่ีได๎รับมอบหมาย อดทนตํอคาพูดกิริยา ทําทาง ของบุคคลในครอบครัวท่ีตนเองไมํชอบ รวมทั้งไมยํ อํ ท๎อตอํ การทาคุณงามความดี ความอดทนจะทาให๎ เราชนะอปุ สรรคทง้ั ปวงไมวํ าํ เลก็ หรือใหญํ และจะทาให๎เราแกรงํ ขนึ้ เข๎มแขง็ ขึ้น กกกกกกก1. 1.1 1.1.9 จากการสมั ภาษณ๑ พระราชสุทธโิ มลี เจา๎ คณะจงั หวัดประจวบคีรขี ันธ๑ ฝุายธรรมยุต ได๎ให๎ข๎อมูลการนาทศพิธราชธรรม ข๎อท่ี 9 ขันติ ไปใช๎ในครอบครัว ด๎วยการ (1) บิดามารดา ควร ปฏิบัติตนให๎มีความอดทนอุตสาหะ ในการปกครองคนในครอบครัว ด๎านอารมณ๑ ด๎านวาจา (2) บุตร ธิดา ควรปฏิบัติตนด๎านความอดทนตํอส่ิงย่ัวยุกิเลสตําง ๆ ท่ีจะเข๎ามาทาลายชีวิต ทาให๎สมาชิก ในครอบครัวไมํมีความสุข และ (3) เครือญาติ ควรปฏิบัติด๎วยการประพฤติตนเป็นที่ปรึกษาท่ีดีให๎แกํ ครอบครัว อดทนตอํ กเิ ลส โทสะตําง ๆ ทไี่ มดํ ี กกกกกกก1. 1.1 1.1.9 กลําวโดยสรปุ หน๎าท่พี ลเมอื งดี ประกอบด๎วยหวั หน๎าครอบครัว สมาชิกใน ครอบครัวและเครือญาติ ควรนาทศพิธราชธรรม ข๎อ 9 ขันติ คือ ความอดทน ไปใช๎กับครอบครัว ด๎วยการให๎เราอดทนตํอความยากลาบาก ไมํท๎อถอย และไมํหมดกาลังกาย อดทนตํอภาระที่ต๎อง ปฏบิ ัตใิ ห๎สาเรจ็ อดทนตํอกิรยิ า วาจา สง่ิ ยวั่ ยุตาํ ง ๆ ท่ีทาให๎ท๎อถอย หมดกาลงั ใจในการดาเนินชีวิต กกกกกกก1. 1.1 1.1.10 ทศพิธราชธรรมข๎อที่ 10 อวโิ รธนะ คอื ความเทย่ี งธรรม ผู๎ทเ่ี ป็นผูน๎ า ครอบครัว ได๎แกํ บิดา มารดา ควรมีบทบาทในอวิโรธนะ กับบุตรธิดา ด๎วยการให๎ความยุติธรรม หนักแนํน ถือความถูกต๎อง เที่ยงธรรมเป็นหลัก ไมํเอนเอียงหวั่นไหวด๎วยคาพูดอารมณ๑ กับเครือญาติ ด๎วยการให๎ความยุติธรรมแกํเครือญาติ และไมํลาเอียง สํวนบุตรธิดา ควรมีอวิโรธนะกับบุคคล ในครอบครัว ด๎วยการปฏิบัติตนให๎เป็นกลาง เชื่อฟ๓งคาส่ังสอนของคนในครอบครัว ไมํเอนเอียง หว่ันไหวด๎วยคาพดู อารมณ๑ กกกกกกก1. 1.1 1.1.10 จากการสมั ภาษณพ๑ ระราชสุทธโิ มลี เจา๎ คณะจงั หวัดประจวบครี ขี นั ธ๑ ฝาุ ยธรรมยุต ได๎ให๎ข๎อมูลการนาทศพิธราชธรรม ข๎อท่ี 10 อวิโรธนะ ไปใช๎ในครอบครัว ด๎วยการ (1) บิดามารดา ควรปฏิบัติตนให๎อยูํในทานองคลองธรรม ให๎เป็นแบบอยํางให๎กับบุคคลในครอบครัว (2) บุตรธิดา ควรปฏบิ ตั ิตนเปน็ คนดี เปน็ ลกู ที่นํารักของพํอแมํ รู๎จักผิดชอบช่ัวดี และ (3) เครือญาติ ควรปฏิบัติตน ใหถ๎ ูกทานองคลองธรรม เปน็ ที่ปรึกษาใหก๎ บั คนในครอบครัว ชวํ ยเหลือแบงํ เบาภาระของกนั และกนั

154 กกกกกกก1. 1.1 1.1.10 กลําวโดยสรุปหน๎าท่ีพลเมืองดี ประกอบด๎วย หัวหน๎าครอบครัว สมาชิก ในครอบครัว และเครือญาติ ควรนาทศพิธราชธรรม ข๎อ 10 อวิโรธนะ คือ ความเท่ียงธรรมไปใช๎กับ ครอบครัว ด๎วยการมีความหนักแนํน ไมํมีความเอนเอียง หวั่นไหว ยึดม่ันในสิ่งที่ถูกต๎องดีงาม มีความ เทยี่ งธรรม ในการดาเนินชวี ิตไดม๎ ากทสี่ ุด กกกกกกก1. 1.2 ทศพิธราชธรรมทใ่ี ช๎ในการศึกษา ไดแ๎ กํ กกกกกกก1. 1.2 1.2.1 ทศพธิ ราชธรรมข๎อท่ี 1 ทาน คือ การให๎ ผูเ๎ รยี นหรอื นักศึกษาควรมแี นว ปฏิบตั ใิ นการให๎ทานแกเํ พือ่ นผเู๎ รียน หรือนักศกึ ษา ดว๎ ยการชํวยเหลือเพ่อื นในการให๎ความรู๎กับเพ่ือนท่ี อํอนหรือด๎อยกวํา และกับครูบาอาจารย๑ ควรมีแนวปฏิบัติให๎ทาน ด๎วยการชํวยเหลือครูบาอาจารย๑ ตามโอกาส และความสามารถของตนเอง ด๎วยการให๎ข๎อมูลที่จาเป็น หรือความรู๎ท่ีจาเป็นแกํ ครูบาอาจารย๑ เพอื่ นาไปชวํ ยเหลือเพื่อนผ๎ูเรยี น หรือเพ่ือนนกั ศึกษาดว๎ ยกนั ได๎ถกู ต๎อง กกกกกกก1. 1.2 1.2.1 จากการสมั ภาษณ๑พระราชสุทธโิ มลี เจ๎าคณะจังหวดั ประจวบคีรีขันธ๑ ฝาุ ยธรรมยุต ได๎ให๎ข๎อมูลการนาทศพิธราชธรรม ข๎อท่ี 1 ทาน ไปใช๎ในการศึกษาด๎วยการ (1) กับเพ่ือนผ๎ูเรียน หรือเพ่ือนนักศึกษา ควรมีแนวปฏิบัติ คือ การให๎กาลังใจแกํเพื่อนที่ตกอยํูในห๎วงทุกข๑ ให๎ข๎อแนะนาท่ี เป็นความร๎ู ให๎รอยย้ิม และปิยวาจาแกํเพ่ือนฝูง รวมถึงบุคคลที่มารับบริการจากเรา และ (2) กับครู บาอาจารย๑ ควรมีแนวปฏิบัติให๎ทานด๎วยการให๎ความรู๎ ความคิด และข๎อแนะนาอันเป็นประโยชน๑ ตอํ นกั ศกึ ษา กกกกกกก1. 1.2 1.2.1 กลําวโดยสรุปหน๎าทพ่ี ลเมืองดี ประกอบด๎วย เพอื่ นผู๎เรยี น และครบู าอาจารย๑ ควรนาทศพิธราชธรรม ข๎อ 1 คือ ทานมาใช๎ในการศึกษา ด๎วยการรู๎จักการให๎ความชํวยเหลือเพ่ือน ในการให๎ความรู๎กับเพ่ือนที่อํอนหรือด๎อยกวํา พร๎อมทั้งร๎ูจักการตอบแทนครูบาอาจารย๑ด๎วยการให๎ ข๎อมูล หรือความรู๎ท่ีเก่ียวข๎องกับเพื่อนผ๎ูเรียนหรือเพ่ือนนักศึกษา เพ่ือจะได๎ให๎การชํวยเหลือ ตามโอกาสทเี่ หมาะสม กกกกกกก1. 1.2 1.2.2 ทศพิธราชธรรมขอ๎ ท่ี 2 ศลี คือ การตัง้ อยูํในศลี ผ๎เู รยี นหรือนักศกึ ษาควรมี แนวปฏิบัติแกํเพ่ือนผ๎ูเรียน หรือนักศึกษา ด๎วยการให๎กาลังใจเพ่ือน สํงเสริมในทุก ๆ ด๎านทางท่ีถูก ท่ีควร ไมํอิจฉาริษยาเพ่ือน ไมํชักชวนให๎กระทาในทางที่ผิด หรือทาลายเพื่อน ไมํใสํร๎ายเพ่ือนให๎ได๎รับ ความเสียหาย และกับครูบาอาจารย๑ ควรมแี นวปฏิบตั มิ ศี ลี ดว๎ ยการประพฤตติ นเรยี บร๎อย ไมเํ กเร กกกกกกก1. 1.2 1.2.2 จากการสมั ภาษณ๑พระราชสุทธโิ มลี เจา๎ คณะจงั หวัดประจวบคีรขี ันธ๑ ฝาุ ยธรรมยตุ ได๎ให๎ข๎อมูลการนาทศพิธราชธรรม ข๎อท่ี 2 ศีล ไปใช๎ในการศึกษาด๎วยการ (1) กับเพ่ือนผู๎เรียน หรือเพื่อนนักศึกษา ควรมีการปฏิบัติ คือการชํวยเหลือเพื่อนในยามที่ต๎องการชํวยเหลือ แนะนาแตํ ส่ิงที่ดีงาม ชักชวนเพ่ือนทาแตํส่ิงท่ีดีงาม ไมํพูดโกหก พูดจาสํอเสียดจนเกิดการทะเลาะวิวาท และ (2) กับครูบาอาจารย๑ ควรมีแนวปฏิบัติมีศีลด๎วยการปฏิบัติตนเป็นคนดี ตั้งใจศึกษาเลําเรียน เชื่อฟ๓ง คาส่งั สอนไมํเกเร ไมํสรา๎ งความวํนุ วาย หรอื ทะเลาะวิวาทกับเพ่ือนจนทาใหเ๎ สียการเรียน กกกกกกก1. 1.2 1.2.2 กลําวโดยสรปุ หน๎าท่พี ลเมืองดี ประกอบด๎วยเพ่ือนผ๎เู รียน และครบู าอาจารย๑ ควรนาทศพธิ ราชธรรม ข๎อ 2 คอื ศลี มาใช๎ในการศึกษา ดว๎ ยการปฏิบัติใหอ๎ ยํูในหลกั ธรรมของศีล 5 คือ มีความประพฤติท่ีดี ตอ๎ งไมํเกเร ไมใํ ห๎รา๎ ยผอู๎ ่ืน ทั้งกบั เพื่อนผเู๎ รียน และกับครูบาอาจารย๑

155 กกกกกกก1. 1.2 1.2.3 ทศพิธราชธรรม ขอ๎ ท่ี 3 ปริจจาคะ คอื การเสยี สละ ผูเ๎ รยี นหรอื นักศึกษา ควรมีแนวปฏิบัติในปริจจาคะ แกํเพ่ือนผู๎เรียนหรือนักศึกษา ด๎วยการยอมสละเวลาเพ่ือสํวนรวม คือ การชํวยกันทาความสะอาดห๎องเรียนหลังเลิกเรียน หรือการเสียสละเวลาสอนหนังสือกับเพ่ือน ที่อํอนกวํา และกับครูบาอาจารย๑ ควรมีแนวปฏิบัติด๎วยการเสียสละเวลาชํวยครู ถือของเวลาท่ีเห็น ครเู ดนิ ถอื ของจานวนมากมาคนเดียว และการมจี ติ สาธารณะ กกกกกกก1. 1.2 1.2.3 จากการสมั ภาษณ๑พระราชสทุ ธโิ มลี เจ๎าคณะจังหวัดประจวบคีรขี ันธ๑ ฝาุ ยธรรมยตุ ได๎ให๎ข๎อมูลการนาทศพิธราชธรรม ข๎อที่ 3 ปริจจาคะ ไปใช๎ในการศึกษาด๎วยการ (1) กับเพ่ือนผู๎เรียน หรือเพื่อนนักศึกษา ควรมีแนวปฏิบัติตนในการชํวยเหลือเพื่อนรํวมห๎อง หรือเพื่อนรํวมช้ันในการทา ความสะอาด หรอื ชํวยกันทาส่งิ ดี ๆ เพ่ือสํวนรวม และ (2) กับครูบาอาจารย๑ ควรมีแนวปฏิบัติด๎วยการ เสียสละความสุขในเรื่องสํวนตัว หันกลับมาตั้งใจศึกษาเลําเรียนให๎ประสบผลสาเร็จ เพ่ือในอนาคต จะได๎เป็นคนดที าให๎ครู และพํอแมํ ญาติพนี่ อ๎ ง ภูมิใจและมคี วามสุข กกกกกกก1. 1.2 1.2.3 กลําวโดยสรุปหนา๎ ท่ีพลเมืองดี ประกอบดว๎ ยเพื่อนผเ๎ู รยี น และครบู าอาจารย๑ ควรนาทศพธิ ราชธรรม ข๎อ 3 คอื ปริจจาคะ มาใชใ๎ นการศึกษา ด๎วยการมีจติ สาธารณะ คือ เหน็ แกํ ประโยชนข๑ องสํวนรวม ยอมเสียผลประโยชน๑สวํ นตนเพื่อผ๎อู ่นื ทง้ั กับเพื่อนผ๎เู รียนและกับครูบาอาจารย๑ หรือสงั คมโดยรวมไดร๎ บั ประโยชนจ๑ ากการกระทาของตน กกกกกกก1. 1.2 1.2.4 ทศพิธราชธรรมข๎อที่ 4 อาชชวะ คือ ความซ่ือตรง ผเู๎ รียนหรอื นักศึกษา ควรมีแนวปฏิบัติในอาชชวะแกํเพ่ือนผู๎เรียน หรือนักศึกษา ด๎วยการมีความซ่ือสัตย๑ ไมํหลอกลวง ไมํเอาเปรียบผู๎อ่ืน ลั่นวาจาวําจะทางานส่ิงใดก็ต๎องทาให๎สาเร็จ ไมํกลับกลอก มีความจริงใจตํอทุกคน และกับครูบาอาจารย๑ ควรมีแนวปฏิบัติมีอาชชวะ ด๎วยการปฏิบัติตน ทางกาย วาจา จิตใจ ทต่ี รงไปตรงมา ไมํแสดงความคดโกง ไมหํ ลอกลวง กกกกกกก1. 1.2 1.2.4 จากการสมั ภาษณ๑ พระราชสทุ ธโิ มลี เจ๎าคณะจังหวดั ประจวบคีรีขันธ๑ ฝุายธรรมยตุ ได๎ให๎ข๎อมูลการนาทศพิธราชธรรม ข๎อท่ี 4 อาชชวะ ไปใช๎ในการศึกษาด๎วยการ (1) กับเพื่อนผ๎ูเรียน หรือเพื่อนนักศึกษา ควรมีแนวปฏิบัติคือ มีความจริงใจ ไมํหลอกลวง และไมํพูดกลําวหาผู๎อื่น ทงั้ ทางกาย วาจา ใจให๎รสู๎ กึ ไมํดี รู๎จักเอาใจเขามาใสใํ จเรา และ (2) กับครูบาอาจารย๑ ควรมีแนวปฏิบัติ อาชชวะ ด๎วยการไมํปฏิบัตติ น ออกนอกลูํนอกทาง เป็นคนดีของสังคม ไมํโกหก หรือหลอกลวงจนเกิด ความเสียหาย กกกกกกก1. 1.2 1.2.4 กลําวโดยสรปุ หนา๎ ทีพ่ ลเมืองดี ประกอบด๎วยเพ่ือนผเ๎ู รียน และครบู าอาจารย๑ ควรนาทศพิธราชธรรม ข๎อ 4 คือ อาชชวะ มาใช๎ในการศึกษา ด๎วยความซื่อสัตย๑ มีการปฏิบัติตน ทางกาย วาจา จิตใจที่ตรงไปตรงมา ไมํแสดงความคดโกง ไมํหลอกลวง ไมํเอาเปรียบเพ่ือน ล่ันวาจา วาํ จะทางานสง่ิ ใดก็ตอ๎ งทาให๎สาเร็จ ไมํกลับกลอก มีความจริงใจตํอทุกคน ท้ังกับเพ่ือนผ๎ูเรียน และกับ ครูบาอาจารย๑ กกกกกกก1. 1.2 1.2.5 ทศพธิ ราชธรรมข๎อท่ี 5 มัททวะ คือ ความอํอนโยน ผู๎เรียนหรอื นกั ศึกษา ควรมีแนวปฏิบัติในมัททวะ แกํเพื่อนผู๎เรียน หรือนักศึกษา ด๎วยการให๎เกียรติเพ่ือนในเร่ืองของคาพูด และการกระทาที่อํอนโยน ไมํเยํอหย่ิง ไมํหยาบกระด๎าง และกับครูบาอาจารย๑ ควรมีแนวปฏิบัติ มัททวะ ดว๎ ยการเชอื่ ฟง๓ คาสัง่ สอนด๎วยดี ไมดํ ้ือร้ัน ถอื ทิฏฐิมานะ ยอมรับคาแนะนา ตักเตือนด๎วยความ ต้ังใจ มีความอํอนนอ๎ มถํอมตัว กบั ครูบาอาจารย๑

156 กกกกกกก1. 1.2 1.2.5 จากการสัมภาษณ๑ พระราชสุทธโิ มลี เจ๎าคณะจงั หวดั ประจวบคีรีขนั ธ๑ ฝุายธรรมยตุ ได๎ให๎ข๎อมูลการนาทศพิธราชธรรม ข๎อท่ี 5 มัททวะ ไปใช๎ในการศึกษาด๎วยการ (1) กับเพ่ือนผ๎ูเรียน หรือเพื่อนนักศึกษา ควรมีแนวปฏิบัติ คือ การร๎ูจักเอื้อเฟื้อเผื่อแผํ มีอัธยาศัยที่ดีกับเพื่อนรอบข๎าง และ(2) กับครูบาอาจารย๑ ควรมีแนวปฏิบัติมัททวะ ด๎วยการไมํด้ือรั้น ไมํถือทิฐิมานะ ยอมรับฟ๓ง ความคดิ เหน็ และคาแนะนาด๎วยความต้งั ใจ มสี มั มาคารวะ ออํ นนอ๎ มถํอมตวั กกกกกกก1. 1.2 1.2.5 กลําวโดยสรปุ หนา๎ ที่พลเมืองดี ประกอบด๎วยเพ่ือนผู๎เรยี น และครบู าอาจารย๑ ควรนาทศพธิ ราชธรรม ข๎อ 5 คอื มัททวะ มาใช๎ในการศึกษา ดว๎ ยการปฏิบัติตนให๎มคี วามประพฤติดี สภุ าพออํ นโยน ให๎เกยี รตผิ อ๎ู น่ื ไมแํ สดงกริ ยิ าทไ่ี มํเหมาะสม มีการเปิดใจยอมรบั ความคดิ เหน็ ของเพื่อน หรือกับครบู าอาจารย๑ มีความออํ นน๎อมถํอมตวั กกกกกกก1. 1.2 1.2.6 ทศพธิ ราชธรรมข๎อที่ 6 ตบะ คือ ความเพียร ผ๎ูเรียนหรือนักศึกษาควรมี แนวปฏิบัติในตบะแกํเพ่ือนผ๎ูเรียนหรือนักศึกษา ด๎วยการเป็นกาลังใจให๎เพื่อน ไมํยํอท๎อตํอการศึกษา เลําเรียน แม๎บางคร้ังบทเรียนน้ันจะยาก หรือมีอุปสรรคตําง ๆ บางอยํางก็มานะชวนกันทาจนสาเร็จ เมอ่ื มีเวลาวาํ งชักชวนกนั ใช๎เวลาวาํ งนั้นใหเ๎ ป็นประโยชน๑ตํอการศกึ ษาเลําเรียนของตน โดยอํานหนังสือ ศึกษาค๎นคว๎าจากแหลํงความรู๎ตําง ๆ เพิ่มเติมทบทวนบทเรียนท่ีเรียนทุกวัน และกับครูบาอาจารย๑ ควรมีแนวปฏิบัติตบะ ด๎วยการแสดงความต้ังใจมุํงมั่นศึกษาเลําเรียน ตั้งใจฟ๓งครูสอน ไมํฟูุงซําน หรือ น่งั หลบั แมเ๎ มื่อเลิกเรยี นกลับบ๎านก็เอาใจใสํทบทวนบทเรียนท่ีเรียน คอยหม่ันตรวจตราวําครูสั่งให๎ทา การบ๎านอะไรบ๎าง ต้งั ใจทางานที่ครูสัง่ ใหเ๎ รยี บรอ๎ ย กกกกกกก1. 1.2 1.2.6 จากการสมั ภาษณ๑ พระราชสทุ ธโิ มลี เจา๎ คณะจังหวัดประจวบครี ขี นั ธ๑ ฝาุ ยธรรมยตุ ได๎ให๎ข๎อมูลการนาทศพิธราชธรรม ข๎อท่ี 6 ตบะไปใช๎ในการศึกษาด๎วยการ (1) กับเพื่อนผ๎ูเรียน หรือ เพ่ือนนักศึกษา ควรมีแนวปฏิบัติตนด๎วยความเพียรพยายามทาหน๎าที่เป็นนักเรียน นักศึกษาท่ีดี อยํางเด็ดเด่ียวรํวมกัน แก๎ป๓ญหา หารือกับเพ่ือนในวิชาท่ีไมํเข๎าใจ หรือวํายากเกินไป ให๎ผํานพ๎นไปได๎ ด๎วยดี และ (2) กับครูบาอาจารย๑ ควรมีแนวปฏิบัติตบะด๎วยการแสดงความมํุงมั่นฝึกฝนตนเองให๎ร๎ูจัก ความเพยี รพยายาม และเอาใจใสํทีจ่ ะทางานทไ่ี ดร๎ บั มอบหมายหรือเรียนใหส๎ าเร็จ กกกกกกก1. 1.2 1.2.6 กลําวโดยสรปุ หน๎าทพี่ ลเมอื งดี ประกอบด๎วยเพ่ือนผ๎ูเรยี น และครบู าอาจารย๑ ควรนาทศพธิ ราชธรรม ข๎อ 6 คอื ตบะ มาใช๎ในการศึกษา ด๎วยการมคี วามต้งั ใจ มงํุ ม่นั ศกึ ษาเลําเรียน ท้ังกํอนเรยี น ขณะเรยี น และหลังเลกิ เรยี น ดว๎ ยความพยายาม พากเพยี ร สํวนกับครูบาอาจารยก๑ ็ มงุํ ม่ันทางานที่ได๎รบั มอบหมายจากครูบาอาจารย๑ พากเพียรใหส๎ าเรจ็ ลลุ ํวงตามทีก่ าหนดไว๎ กกกกกกก1. 1.2 1.2.7 ทศพธิ ราชธรรมขอ๎ ที่ 7 อักโกธะ คอื ความไมโํ กรธ ผูเ๎ รยี นหรือนักศึกษา ควรมีแนวปฏิบัติในอักโกธะแกํเพื่อนผ๎ูเรียน หรือนักศึกษา ด๎วยการระงับความโกรธ เมื่อเพื่อน กลั่นแกล๎ง หรือบางคนอาจตักเตือนเพื่อนให๎นาข๎อผิดพลาดมาปรับปรุงแก๎ไข และกับครูบาอาจารย๑ ควรมีแนวปฏิบัติมีอักโกธะ ด๎วยการต๎องร๎ูจักยอมรับข๎อผิดพลาดมาปรับปรุง แก๎ไข และพัฒนา เชํน เม่ืออยโํู รงเรยี นครูวํากลาํ วตกั เตือน ต๎องรจ๎ู ักการระงับความโกรธ และนาข๎อผิดพลาดไปปรับปรุงแก๎ไข และเม่อื เพ่อื นกลั่นแกล๎งต๎องระงับความโกรธให๎ได๎จะทาให๎อยํูในสงั คมได๎อยํางมีความสุข กกกกกกก1. 1.2 1.2.6 จากการสมั ภาษณ๑ พระราชสทุ ธโิ มลี เจ๎าคณะจงั หวัดประจวบครี ขี นั ธ๑ ฝาุ ยธรรมยุต ได๎ให๎ข๎อมูลการนาทศพิธราชธรรม ข๎อที่ 7 อักโกธะไปใช๎ในการศึกษา ด๎วยการ (1) กับเพื่อนผู๎เรียน หรือเพ่ือนนักศึกษา ควรมีแนวปฏิบัติตนด๎วยการร๎ูจักใช๎เหตุผล ไมํยึดอคติกับเพ่ือน ระงับและขํมใจ

157 ตนเองไมํให๎ลํุมหลงไปกับคากลําว หรือให๎ร๎ายเพ่ือน และ (2) กับครูบาอาจารย๑ ควรมีแนวปฏิบัติ อักโกธะด๎วยความไมํโกรธ ไมํมํุงร๎ายแม๎จะถูกครูลงโทษก็ทาตามเหตุผล เป็นไปด๎วยความเท่ียงธรรม ปราศจากอคติ ไมํทาดว๎ ยอานาจความโกรธ กกกกกกก1. 1.2 1.2.7 กลําวโดยสรปุ หนา๎ ท่พี ลเมืองดี ประกอบดว๎ ยเพื่อนผเ๎ู รียน และครบู าอาจารย๑ ควรนาทศพิธราชธรรม ข๎อ 7 คือ อักโกธะมาใช๎ในการศึกษา ด๎วยการควบคุมอารมณ๑ของตนเองไมํให๎ เป็นคนโมโหงําย และพยายามระงับยับยั้งความโกรธ ท้ังกับเพ่ือนผู๎เรียน และกับครูบาอาจารย๑ ในทุกสถานการณ๑ กกกกกกก1. 1.2 1.2.8 ทศพธิ ราชธรรมขอ๎ ท่ี 8 อวหิ ิงสา คือ ความไมํเบียดเบยี น ผเ๎ู รยี นหรอื นักศกึ ษา ควรมแี นวปฏิบัติ อวหิ ิงสา แกํเพื่อนผ๎ูเรียน หรือนักศึกษา ด๎วยการไมํเอารัดเอาเปรียบเพ่ือนในการทา กิจกรรม หรือภารกิจที่ได๎รับมอบหมาย และกับครูบาอาจารย๑ ควรมีแนวปฏิบัติ อวิหิงสา ด๎วยการ ไมํพูดจาที่ไมํดีงามถึงครูบาอาจารย๑ กับผู๎อื่น หรือขอสิ่งของที่จาเป็นของครูบาอาจารย๑มาใช๎ในงาน สํวนตวั ของผ๎ูเรยี น กกกกกกก1. 1.2 1.2.8 จากการสมั ภาษณ๑ พระราชสุทธโิ มลี เจ๎าคณะจังหวัดประจวบคีรขี นั ธ๑ ฝาุ ยธรรมยุต ได๎ให๎ข๎อมูลการนาทศพิธราชธรรม ข๎อท่ี 8 อวิหิงสา ไปใช๎ในการศึกษาด๎วยการ (1) กับเพ่ือนผู๎เรียน หรือเพ่ือนนักศึกษา ควรมีแนวปฏิบัติด๎วยการไมํเอารัดเอาเปรียบเพื่อน มีการแบํงป๓นกัน ต๎องมีความ เมตตา กรุณากบั เพือ่ นในยามทลี่ าบาก หรือต๎องการความชํวยเหลือ และ (2) กับครูบาอาจารย๑ ควรมี แนวปฏิบัติ อวหิ ิงสา ด๎วยการไมํพูดจาเพ๎อเจอ๎ จนทาใหค๎ รไู มเํ จริญก๎าวหนา๎ ในหน๎าท่กี ารงาน กกกกกกก1. 1.2 1.2.8 กลําวโดยสรุปหน๎าท่พี ลเมอื งดี ประกอบดว๎ ยเพื่อนผ๎เู รียน และครบู าอาจารย๑ ควรนาทศพิธราชธรรม ข๎อ 8 คือ อวหิ งิ สา มาใช๎ในการศกึ ษา ดว๎ ยการไมเํ อารดั เอาเปรียบเพอื่ นผูเ๎ รยี น ด๎วยกนั และกับครูบาอาจารย๑ ดว๎ ยการไมํพดู จาเบียดเบียนใหเ๎ สียหาย หรอื เอาทรพั ย๑สนิ ของครูบาอาจารย๑ มาใชใ๎ นเรื่องสํวนตัวของผ๎เู รียน กกกกกกก1. 1.2 1.2.9 ทศพิธราชธรรมข๎อท่ี 9 ขันติ คอื ความอดทน ผ๎ูเรียนหรือนักศกึ ษาควรมี แนวปฏิบัติในขันติแกํเพื่อนผู๎เรียน หรือนักศึกษา ด๎วยการมีสติ และความสามารถควบคุมอารมณ๑ กิริยามารยาทในสถานการณ๑ที่ไมํพึงประสงค๑ได๎ และมีความอดทนกับความไมํชอบในขณะศึกษาอยํู และกับครูบาอาจารย๑ ควรมีแนวปฏิบัติมีขันติด๎วยการ ความอดทนในการเรียน และการปฏิบัติงาน ท่ีได๎รบั มอบหมาย กกกกกกก1. 1.2 1.2.9 จากการสมั ภาษณ๑ พระราชสุทธโิ มลี เจ๎าคณะจงั หวัดประจวบคีรีขนั ธ๑ ฝาุ ยธรรมยุต ได๎ให๎ข๎อมูลการนาทศพิธราชธรรม ข๎อท่ี 9 ขันติ ไปใช๎ในการศึกษาด๎วยการ (1) กับเพ่ือนผ๎ูเรียน หรอื เพ่อื นนักศึกษา ควรมแี นวปฏบิ ัตดิ ว๎ ยการอดทนตํอความโกรธที่มากระทบกระท่ัง เพราะบุคคลทุก คน จะอยูํคนเดียวลาพังไมํได๎ ต๎องอาศัยอยํูรํวมกัน เป็นหมูํคณะ เป็นครอบครัว ตลอดถึงเป็น ประเทศชาติ บุคคลผู๎อยูํรํวมกันเชํนนี้ บางครั้งอาจมีความกระทบกระท่ังกัน ทะเลาะวิวาทบาดหมาง กันบ๎าง เพราะตํางก็มีกิเลสอยํูด๎วยกันทั้งนั้น ถ๎าหากฝุายใดฝุายหนึ่งขาดความอดทนแล๎ว ความทะเลาะววิ าทบาดหมางกจ็ ะแตกแยกแผํขยายกว๎างออกไป จนทาให๎เสียหน๎าที่การศึกษาได๎ และ (2) กบั ครบู าอาจารย๑ ควรมแี นวปฏิบัติขันติ ด๎วยการร๎ูจักอดทนตํอสิ่งที่เราไมํชอบทาแตํจาเป็นต๎องทา ตามโอกาสและความถกู ต๎อง

158 กกกกกกก1. 1.2 1.2.9 กลําวโดยสรุปหน๎าทพี่ ลเมอื งดี ประกอบดว๎ ยเพื่อนผเู๎ รียน และครูบาอาจารย๑ ควรนาทศพิธราชธรรม ข๎อ 9 คือ ขันติมาใช๎ในการศึกษา ด๎วยการมีความอดทนตํออุปสรรคที่เข๎ามา ระหวํางท่ีศึกษา และกับเพื่อนผู๎เรียน หรือตํอภารกิจที่ได๎รับมอบหมายจากครูบาอาจารย๑ ให๎ผําน พ๎นอปุ สรรคไปไดด๎ ๎วยดี กกกกกกก1. 1.2 1.2.10 ทศพิธราชธรรมขอ๎ ที่ 10 อวโิ รธนะ คอื ความเท่ยี งธรรม ผู๎เรยี นหรอื นกั ศกึ ษาควรมีแนวปฏิบัติ อวิโรธนะ แกํเพื่อนผู๎เรียนหรือนักศึกษา ด๎วยการมีความยุติธรรมหนักแนํน ถือความถูกต๎อง ไมํเอนเอียง หว่ันไหว ด๎วยคาพูด อารมณ๑ ของเพ่ือนผ๎ูเรียนด๎วยกัน และกับ ครูบาอาจารย๑ควรมีแนวปฏิบัติด๎วย การเช่ือฟ๓งคาส่ังสอนของครูบาอาจารย๑ ที่จะต๎องวางตน ให๎เป็นกลางในทํามกลางสังคม ที่ตนเองเป็นสมาชิกอยูํ ไมํเอนเอียง หว่ันไหว ด๎วยคาพูด อารมณ๑ ท่ไี ด๎รบั รู๎ก กกกกกก1. 1.2 1.2.10 จากการสัมภาษณ๑ พระราชสทุ ธโิ มลี เจา๎ คณะจงั หวดั ประจวบคีรีขันธ๑ ฝาุ ยธรรมยตุ ไดใ๎ หข๎ อ๎ มูลการนาทศพิธราชธรรม ข๎อท่ี 10 อวิโรธนะ ไปใช๎ในการศึกษาด๎วยการ (1) กับเพ่ือนผู๎เรียน หรือเพื่อนนักศึกษา ควรมีแนวปฏิบัติด๎วยการแนะนา สนับสนุนและตักเตือนเพื่อนให๎ทาแตํสิ่งที่ ถูกต๎อง เป็นธรรมแกํผู๎เก่ียวข๎อง และ (2) กับครูบาอาจารย๑ ควรมีแนวปฏิบัติ อวิโรธนะ ด๎วยการมี ความยุติธรรม ไมมํ ีความเอนเอยี งตํอคาพูดของผู๎อืน่ มคี วามหนกั แนนํ เทย่ี งธรรมในการปฏิบัติหนา๎ ที่ กกกกก1. 1.2 1.2.10 กลําวโดยสรปุ หนา๎ ท่พี ลเมืองดี ประกอบดว๎ ยเพื่อนผูเ๎ รียน และครูบาอาจารย๑ ควรนาทศพิธราชธรรม ข๎อ 10 คือ อวิโรธนะ มาใช๎ในการศึกษา ด๎วยการมีความหนักแนํน ไมํมีความ เอนเอียงหวั่นไหว ยึดม่ันในสิ่งที่ถูกต๎องดีงามในการดาเนินชีวิตได๎มากท่ีสุด ท้ังกับเพ่ือนผู๎เรียน กบั ครูบาอาจารย๑ และการเปน็ สมาชกิ ของสังคมน้ัน ๆ กกกกกกก1. 1.3 ทศพธิ ราชธรรมที่ใชใ๎ นอาชีพการงาน ได๎แกํ กกกกกกก1. 1.3 1.3.1 ทศพธิ ราชธรรมข๎อท่ี 1 ทาน คอื การให๎ ควรมีการใหท๎ าน สงิ่ ของทจี่ าเป็น ท่ีเพื่อนรํวมอาชีพยังขาดแคลนอยํู ให๎ทานความรู๎เกี่ยวกับอาชีพ เพ่ือให๎เพื่อนสามารถนาไปประกอบ อาชพี ได๎ และใหอ๎ ภยั ทาน เม่อื เพือ่ นรํวมอาชีพปฏิบัติตนไมํถูกต๎อง หรือละเมิดเพ่ือนรํวมอาชีพด๎วยกัน สํวนสาหรับนายจ๎างหรือผู๎บังคับบัญชา ควรให๎ทาน ด๎วยการชํวยทางานในเวลาเรํงดํวนท่ีนายจ๎าง หรือผู๎บังคับบัญชาต๎องการความชํวยเหลือ ให๎ทานความร๎ูหรือข๎อมูลท่ีจาเป็นในอาชีพกับนายจ๎าง และให๎อภัยเมอ่ื นายจ๎างทาใหเ๎ ราไมสํ บายใจ หรือเสียใจ กกกกกกก1. 1.3 1.3.1 จากการสัมภาษณ๑ พระราชสทุ ธโิ มลี เจา๎ คณะจังหวัดประจวบครี ขี ันธ๑ ฝุายธรรมยุต ได๎ให๎ข๎อมูลการนาทศพิธราชธรรม ข๎อที่ 1 ทาน ไปใช๎ด๎านอาชีพการงานด๎วยการ (1) เพื่อนรํวมงาน หรือเพ่ือนรํวมอาชีพด๎วยการให๎ธรรมหรือความร๎ู ให๎สติป๓ญญา ให๎กาลังใจ ให๎อภัย ให๎ความรัก ให๎ความเอื้อเฟื้อ ให๎ความเมตตา และ (2) นายจ๎างหรือผ๎ูบังคับบัญชาด๎วยการให๎โอกาส ให๎กาลังใจ มคี วามเอ้อื เฟ้อื แบงํ ปน๓ กับลกู นอ๎ ง กกกกกกก1. 1.3 1.3.1 กลําวโดยสรุปหนา๎ ที่พลเมืองดี ประกอบด๎วยเพ่ือนรวํ มอาชีพการงาน และ นายจา๎ ง ควรนาทศพิธราชธรรม ข๎อ 1 คือ ทานมาใช๎ในอาชีพการงาน ท้ังกับเพื่อนรํวมอาชีพ และกับ นายจ๎าง ด๎วยการให๎สิ่งของ หรือเวลาเมื่อมีความจาเป็น ให๎ความร๎ู เพื่อให๎สามารถประกอบอาชีพได๎ และให๎อภยั เมอ่ื มีความรสู๎ ึกไมดํ ีจากการกระทาของเพ่ือนรวํ มอาชีพ และนายจา๎ ง

159 กกกกกกก1. 1.3 1.3.2 ทศพธิ ราชธรรมข๎อที่ 2 ศลี คือ การต้งั อยํูในศีล ควรมีศลี กับเพอื่ นรํวมงาน หรือเพื่อนรํวมอาชีพ ด๎วยการไมํซุบซิบนินทา อยําพูดถึงผู๎อ่ืนในทางเสียหาย หรือวําร๎ายต๎องให๎ความ เคารพกับสิทธิสํวนตัวของเพ่ือนรํวมงาน และท่ีสาคัญต๎องลุกข้ึนปกปูองความลับของตน สาหรับ นายจ๎างหรือผ๎ูบังคับบัญชา ควรมีการประพฤติตนให๎อยํูในกฎระเบียบของสถานประกอบการหรือ องค๑กร ไมํพูดนินทาวําร๎ายนายจ๎าง หรือผ๎ูบังคับบัญชาให๎เกิดความเสียหาย ไมํลักขโมยสิ่งของใน สถานประกอบการ เปน็ ตน๎ กกกกกกก1. 1.3 1.3.2 จากการสมั ภาษณ๑ พระราชสุทธโิ มลี เจา๎ คณะจังหวดั ประจวบครี ีขันธ๑ ฝาุ ยธรรมยตุ ได๎ให๎ข๎อมูลการนาทศพิธราชธรรม ข๎อท่ี 2 ศีล ไปใช๎ด๎านอาชีพการงานด๎วยการ (1) เพื่อนรํวมงาน หรือเพื่อนรํวมอาชีพด๎วยการไมํซุบซิบนินทา ไมํพูดถึงผ๎ูอ่ืนในทางเสียหาย หรือวําร๎ายต๎องให๎ความ เคารพกับสิทธิสํวนตัวของเพื่อนรํวมงาน และ (2) นายจ๎างหรือผ๎ูบังคับบัญชา ด๎วยการเป็นบุคคลที่มี ระเบียบวินัย เครํงครัด ระมัดระวัง ควบคุมตนเองได๎ จะต๎องร๎ูจักบริหารคน บริหารงาน และบริหาร บ๎านเมอื งด๎วยศลี ธรรม กกกกกกก1. 1.3 1.3.2 กลําวโดยสรุปหนา๎ ท่พี ลเมอื งดี ประกอบด๎วยเพื่อนรวํ มอาชีพการงาน และ นายจ๎าง ควรนาทศพิธราชธรรม ขอ๎ 2 คอื ศีลมาใช๎ในอาชีพการงาน ดว๎ ยการไมํพูดซุบซิบนินทา ไมํพูด ถึงผู๎อ่ืนในทางเสียหาย หรือวําร๎าย ให๎ความเคารพกับสิทธิสํวนตัวของเพ่ือนรํวมงาน เคารพกฎเกณฑ๑ ท่นี ายจา๎ งกาหนดไว๎ ในขณะทนี่ ายจา๎ งตอ๎ งบรหิ ารงานใหม๎ ีศลี ธรรม กกกกกกก1. 1.3 1.3.3 ทศพิธราชธรรม ข๎อท่ี 3 ปริจจาคะ คือ การเสียสละ ควรมีปรจิ จาคะกบั เพื่อน รวํ มงานหรอื เพ่อื นรวํ มอาชพี ดว๎ ยการเสียสละเวลาชวํ ยเพื่อนทางาน เมื่อเพอ่ื นต๎องการความชํวยเหลือ สํวนสาหรับนายจ๎างหรือผ๎ูบังคับบัญชา ควรมีปริจจาคะคือ ต๎องอุทิศกาลังกาย กาลังใจและกาลัง ความคิดให๎แกํสํวนรวม ทางานจนสาเร็จลุลํวงไปได๎ นายจ๎างหรือผู๎บังคับบัญชา มีภาระหน๎าที่ และความรับผิดชอบมาก นายจ๎างหรือผ๎ูบังคับบัญชาดูแลสมาชิกให๎อยูํเย็นเป็นสุข ต๎องเอาใจใสํ รับร๎ูป๓ญหาของสังคม ต๎องไมํเห็นแกํตัว ต๎องเห็นแกํประโยชน๑สํวนรวมมากกวําสํวนตน หรือสํวนใหญํ มากกวําสํวนน๎อย ต๎องพยายามหาทางทาให๎สังคมเจริญรํุงเรือง นายจ๎างหรือผ๎ูบังคับบัญชา จึงจาเป็นต๎องเสียสละทรัพย๑ เสียสละเวลา เสียสละกาลังกาย กาลังใจ กาลังความคิด และกาลังสติป๓ญญา รวมทั้งเสียสละความสุขให๎แกํสํวนรวม น่ันคือผ๎ูนาต๎องอุทิศตนในทุก ๆ ดา๎ นเพอ่ื พฒั นาคน และองคก๑ รให๎สงบสุข กกกกกกก1. 1.3 1.3.3 จากการสมั ภาษณ๑ พระราชสทุ ธโิ มลี เจ๎าคณะจังหวดั ประจวบคีรีขันธ๑ ฝุายธรรมยุต ได๎ให๎ข๎อมูลการนาทศพิธราชธรรม ข๎อท่ี 3 ปริจจาคะ ไปใช๎ด๎านอาชีพการงานด๎วยการ (1) เพื่อน รวํ มงานหรอื เพ่ือนรํวมอาชีพด๎วยการต๎องไมํเห็นแกํตัว ต๎องเห็นแกํประโยชน๑สํวนรวมมากกวําสํวนตน หรือสํวนใหญมํ ากกวาํ สํวนน๎อย และ (2) นายจ๎างหรือผ๎ูบังคับบัญชาด๎วยการต๎องปกครองดูแลสมาชิก ในสังคมให๎อยูเํ ยน็ เป็นสขุ ตอ๎ งเอาใจใสํรบั ร๎ปู ญ๓ หาของสงั คม ตอ๎ งไมํเห็นแกตํ ัว กกกกกกก1. 1.3 1.3.3 กลําวโดยสรุปหนา๎ ทพ่ี ลเมืองดี ประกอบดว๎ ยเพื่อนรวํ มอาชีพการงาน และ นายจา๎ ง ควรนาทศพิธราชธรรม ข๎อ 3 คือ ปริจจาคะ ใช๎ในอาชีพการงาน ท้ังเพื่อนรํวมงานหรือเพ่ือน รํวมอาชพี และนายจา๎ ง ต๎องมีความเสยี สละความสุขเพื่อประโยชน๑ของตนเพื่อสังคมสวํ นรวม

160 กกกกกกก1. 1.3 1.3.4 ทศพิธราชธรรม ข๎อท่ี 4 อาชชวะ คอื ความซอ่ื ตรง ควรมีอาชชวะกับ เพ่ือนรํวมงานหรอื เพอื่ นรํวมอาชพี ด๎วยการมคี วามจริงใจ ปากกับใจตรงกนั ไมทํ าตนเปน็ คนเจา๎ เลหํ ๑ ไมกํ ลบั กลอก ไมํพูดลับหลงั อยาํ งหนึ่ง ตํอหนา๎ อยาํ งหนงึ่ สวํ นสาหรบั นายจ๎างหรือผู๎บังคับบัญชา ควรมี อาชชวะเก่ียวกับความซื่อตรง ไมฉํ อ๎ ฉลหลอกลวง ไมทํ ุจริตคอรัปชน่ั เพราะความซ่ือตรงเปรียบเหมือน เกราะปูองกนั มิให๎ผูใ๎ ดกลา๎ ใสํรา๎ ยปูายสี กกกกกกก1. 1.3 1.3.4 จากการสัมภาษณ๑ พระราชสุทธโิ มลี เจา๎ คณะจงั หวดั ประจวบคีรขี นั ธ๑ ฝาุ ยธรรมยตุ ไดใ๎ หข๎ ๎อมูลการนาทศพธิ ราชธรรม ขอ๎ ท่ี 4 อาชชวะ ไปใช๎ด๎านอาชพี การงานดว๎ ยการ (1) เพ่อื นรํวมงาน หรือเพื่อนรวํ มอาชีพ ดว๎ ยการมคี วามจรงิ ใจตํอกนั และ (2) นายจา๎ งหรอื ผ๎ูบังคบั บญั ชาดว๎ ยการมีความ ซอ่ื สตั ยส๑ จุ ริตก็จะพาให๎ผูต๎ ามมคี วามซ่ือสตั ย๑สจุ รติ ไปดว๎ ย กกกกกกก1. 1.3 1.3.4 กลําวโดยสรุปหนา๎ ที่พลเมืองดี ประกอบด๎วยเพื่อนรวํ มอาชีพการงาน และ นายจ๎าง ควรนาทศพิธราชธรรม ข๎อ 4 อาชชวะ คือความซื่อตรง มาใช๎ในอาชีพการงาน ท้ังเพื่อน รํวมงานหรือเพ่ือนรํวมอาชีพ และนายจ๎าง ควรปฏิบัติการงานด๎วยความซื่อสัตย๑สุจริต ไมํหลอกลวง มีความจริงใจ โดยเฉพาะนายจ๎างต๎องเป็นแบบอยํางของความซ่ือสัตย๑ ให๎กับเพ่ือนรํวมงานหรือเพ่ือน รวํ มอาชพี กกกกกกก1. 1.3 1.3.5 ทศพธิ ราชธรรมข๎อที่ 5 มัททวะ คอื ความอํอนโยน ดว๎ ยการมอี ัธยาศยั สภุ าพ อํอนโยนตํอคนทุกชนช้ัน ทุกเพศ ทุกวัย ความสุภาพอํอนโยนน้ี ในทางปฏิบัติจริงในชีวิตประจาวัน ยํอมมีการปรับใช๎ตามเหตุ และตามความเหมาะสมแกํบุคคลและกาลเทศะ เชํน เมื่อใช๎กับบุคคล ที่วัยวุฒิสูงกวํา ความสุภาพอํอนโยนก็คือความมีสัมมาคารวะ เม่ืออยํูกับคนที่อํอนวัยวุฒิความสุภาพ อํอนโยนก็จะแปลเป็นความเอ็นดูหรือความกรุณา เป็นต๎น คนท่ีมีความสุภาพอํอนโยนจะเป็นคนท่ี เข๎ากับบุคคลอ่ืนได๎งํายและได๎ดี มักจะเป็นผ๎ูท่ีได๎รับการยอมรับจากคนอื่น ถ๎าเป็นผ๎ูใหญํก็จะเป็นคน นํานับถือ คนเสมอกันก็นําคบหาสมาคม คนต่ากวําก็เป็นคนนํารักเอ็นดู ควรมีมัททวะกับเพื่อน รํวมงานหรือเพื่อนรํวมอาชีพ ด๎วยการมีความสุภาพอํอนโยน และชํวยกันปฏิบัติท้ังหน๎าท่ีทางกาย ทงั้ หน๎าทที่ างใจ อยํางเคารพกันและกนั สวํ นสาหรับนายจา๎ งหรือผ๎บู ังคับบญั ชา ควรมมี ัททวะ ด๎วยการ มีความอํอนน๎อมถํอมตัวตํอผ๎ูที่อาวุโสกวํา ไมํวางอานาจ เยํอหย่ิง สํวนกับผู๎ที่มีอายุน๎อยกวําก็ควรให๎ เกียรติ ดว๎ ยการพูดจาดว๎ ยความสภุ าพออํ นโยน กกกกกกก1. 1.3 1.3.5 จากการสมั ภาษณ๑ พระราชสุทธโิ มลี เจา๎ คณะจงั หวัดประจวบครี ขี นั ธ๑ ฝุายธรรมยตุ ได๎ให๎ข๎อมูลการนาทศพิธราชธรรม ข๎อท่ี 5 มัททวะไปใช๎ด๎านอาชีพการงานด๎วยการ (1) เพ่ือนรํวมงาน หรือเพ่ือนรํวมอาชีพด๎วยการไมํเยํอหยิ่ง ทระนงตัว รับฟ๓งความคิดเห็นของเพื่อน และ (2) นายจ๎าง หรือผ๎ูบังคับบัญชา ด๎วยการปฏิบัติตนให๎มีความอํอนโยนนํุมนวล ไมํหยาบคาย ไมํแข็งกระด๎าง ไมเํ ยํอหย่งิ ยโสโอหงั ทบี่ งั อาจทาตนเปน็ เหมือน “คางคกขน้ึ วอ” ใหล๎ ดมานะละทฐิ ิ กกกกกกก1. 1.3 1.3.5 กลําวโดยสรปุ หนา๎ ทพี่ ลเมอื งดี ประกอบด๎วยเพื่อนรํวมอาชีพการงาน และ นายจ๎าง ควรนาทศพิธราชธรรม ข๎อ 5 มัททวะ คือ ความอํอนโยน มาใช๎ในอาชีพการงาน โดยถ๎า เป็นเพื่อนรํวมงาน หรือเพื่อนรํวมอาชีพ ควรมีความสุภาพอํอนโยนตํอกัน สํวนนายจ๎าง ควรมีความ อํอนน๎อมถํอมตัว กับเพื่อนรํวมงานที่มีความอาวุโสกวํา และเพ่ือนรํวมงานท่ีมีอาวุโสน๎ อยกวํา ก็ควรแสดงความสภุ าพออํ นโยน

161 กกกกกกก1. 1.3 1.3.6 ทศพธิ ราชธรรมข๎อท่ี 6 ตบะ คือ ความเพยี ร ควรมคี วามเพียรกบั เพื่อนรํวมงาน หรือเพื่อนรํวมอาชีพ ด๎วยการต้ังใจชํวยกันทางานท่ีตนได๎รับมอบหมายให๎สาเร็จ ไมํลดละ และ เบื่อหนํายกับงานของตน สํวนสาหรับนายจ๎างหรือผู๎บังคับบัญชา ควรมีตบะด๎วยการมีสติระลึก อยูํเสมอวําตนมีหน๎าท่ีอะไร มีความรับผิดชอบตํอประชาชนอยํางไร จะต๎องมุํงม่ันตํอหน๎าที่นั้น ไมปํ ลํอยให๎หลงในความสุขสาราญ จนลมื หนา๎ ที่ ลืมตวั และหลงผิด กกกกกกก1. 1.3 1.3.6 จากการสมั ภาษณ๑ พระราชสุทธโิ มลี เจา๎ คณะจงั หวัดประจวบครี ขี ันธ๑ ฝาุ ยธรรมยตุ ได๎ให๎ข๎อมูลการนาทศพิธราชธรรม ข๎อท่ี 6 ตบะไปใช๎ด๎านอาชีพการงานด๎วยการ (1) เพื่อนรํวมงาน หรือเพื่อนรํวมอาชีพด๎วยการมีจิตใจมั่นคง เด็ดเด่ียวในอันที่จะพากเพียรปฏิบัติหน๎าที่ให๎จนบรรลุ ผลสาเร็จ และ (2) นายจ๎างหรือผ๎ูบังคับบัญชา ด๎วยการมีความเพียรพยายามขจัดกิเลสตัณหาไมํให๎ เข๎าครอบงาจิตใจ สามารถบังคับควบคุมตนเองมิให๎ลุํมหลงหมกมุํน ในความสุขสาราญจนเป็นเหตุ ใหเ๎ สยี การงานได๎ ผู๎นาหรือผ๎ูปกครองที่ดีต๎องมีสติระลึกอยํูเสมอวําตนมีหน๎าท่ีอะไร มีความรับผิดชอบ ตํอประชาชนอยํางไร จะต๎องมํุงมั่นตํอหน๎าท่ีนั้น ไมํปลํอยใจให๎หลงใหลในความสุขสาราญท่ีมี ผเ๎ู สนอสนองมาใหด๎ ๎วยวิธกี ารตําง ๆ จนลมื หนา๎ ที่ ลมื ตวั และหลงผดิ กกกกกกก1. 1.3 1.3.6 กลําวโดยสรุปหนา๎ ทพ่ี ลเมืองดี ประกอบด๎วยเพ่ือนรวํ มอาชีพการงาน และ นายจา๎ ง ควรนาทศพิธราชธรรม ขอ๎ 6 คือ ตบะ มาใช๎ในอาชีพการงานทั้งเพื่อนรํวมงานหรือเพ่ือนรํวม อาชีพ และนายจ๎าง ต๎องปฏิบัติหน๎าท่ีการงานที่รับผิดชอบด๎วยความมุมานะ อดทน ขยัน มํุงม่ัน และ ทาแตํสงิ่ ทีด่ ี ฝุาฟน๓ อุปสรรคตําง ๆ จนประสบความสาเรจ็ ด๎วยความพากเพียร กกกกกกก1. 1.3 1.3.7 ทศพิธราชธรรมข๎อที่ 7 อกั โกธะ คอื ความไมโํ กรธ ควรมอี กั โกธะกบั เพอื่ นรวํ มงาน หรอื เพอ่ื นรวํ มอาชพี ด๎วยการรจู๎ ักระงับยับยง้ั ความโกรธ เชํน เพื่อนอาจจะพูดอะไรที่ไมํถูกใจ ให๎ขํมใจ ไว๎ไมํแสดงความโกรธออกมา มิเชํนน้ันจะเกิดผลเสียคือการทะเลาะวิวาทกัน แม๎ในหลาย ๆ สถานการณ๑จะทาได๎ยาก แตํหากเราสามารถฝึกฝน ไมํให๎เป็นคนโมโหงําย และพยายามระงับยับย้ัง ความโกรธอยูํเสมอ จะเป็นประโยชน๑ตํอเราหลายอยําง เชํน ทาให๎เราสุขภาพจิตดี หน๎าตาผํองใส สํวนสาหรับนายจ๎างหรือผู๎บังคับบัญชา ควรมีอักโกธะ ด๎วยการสร๎างความสุขสงบ เยือกเย็น เห็นตน เห็นคน เห็นงาน เหน็ องคก๑ รทแ่ี จํมใสไมขํ ํุนมวั กกกกกกก1. 1.3 1.3.7 จากการสัมภาษณ๑ พระราชสทุ ธโิ มลี เจา๎ คณะจังหวัดประจวบคีรีขนั ธ๑ ฝาุ ยธรรมยุต ได๎ให๎ข๎อมูลการนาทศพิธราชธรรม ข๎อท่ี 7 อักโกธะไปใช๎ด๎านอาชีพการงาน ด๎วยการ (1) เพ่ือนรํวมงาน หรอื เพอื่ นรํวมอาชพี ดว๎ ยการรูจ๎ กั การยบั ย้ังช่งั ใจ ขมํ ใจไมํให๎เอาแตํใจตนเอง รักษาน้าใจเพ่ือน เห็นแกํ สวํ นรวมมากกวําสํวนตน และ (2) นายจ๎างหรือผู๎บังคับบัญชา ด๎วยการฝึกไมํให๎เป็นคนโมโหงําย และ พยายามระงบั ยับยั้งความโกรธอยเูํ สมอ จะเป็นประโยชน๑ตํอเราหลายอยําง เชํน ทาให๎เราสุขภาพจิตดี หนา๎ ตาผํองใส ข๎อสาคัญทาใหเ๎ รารกั ษามติ รไมตรีกบั ผ๎อู นื่ ไวไ๎ ด๎ กกกกกกก1. 1.3 1.3.7 กลําวโดยสรุปหนา๎ ท่ีพลเมอื งดี ประกอบดว๎ ยเพื่อนรํวมอาชีพการงาน และ นายจ๎าง ควรนาทศพิธราชธรรม ข๎อ 7 คอื อกั โกธะ มาใช๎ในอาชีพการงานท้ังเพ่ือนรํวมงาน หรือเพื่อน รํวมอาชีพ และนายจ๎าง ด๎วยการฝึกฝนควบคุมอารมณ๑ของตนเอง ไมํให๎เป็นคนโมโหงําย และพยายาม ระงับยบั ยงั้ ความโกรธอยํูเสมอ

162 กกกกกกก1. 1.3 1.3.8 ทศพิธราชธรรมข๎อท่ี 8 อวหิ ิงสา คือ ความไมํเบียดเบียน ควรมีอวิหิงสากบั เพื่อนรํวมงานหรือเพื่อนรํวมอาชีพ ด๎วยการไมํกดข่ีขํมเหงรังแกผู๎อ่ืน สํวนสาหรับนายจ๎าง หรือ ผู๎บังคับบัญชา ควรมีอวิหิงสา ด๎วยการต๎องไมํหลงระเริงในอานาจ ใช๎อานาจทาอันตรายตํอรํางกาย และทรัพย๑สินผ๎ูอื่นตามอาเภอใจ ต๎องคอยชํวยเหลือ ประคับประคองผู๎ท่ีด๎อยกวํา หรือผู๎ที่ทุกข๑ยาก เดือดร๎อน นายจ๎างหรือผู๎บังคับบัญชาเป็นผู๎มีอานาจ มีกาลังกาย มีทรัพย๑มากกวําผ๎ูอ่ืน และมีโอกาส ที่จะเลือกปฏิบัติอยํางท่ีตนพอใจเหนือกวําผู๎อ่ืน เพราะไมํมีใครกล๎าทัดทานหรือห๎ามปราม หากนายจ๎างหรือผ๎ูบังคับบัญชาใช๎อานาจ และอภิสิทธ์ิดังกลําวไปกดขี่ขํมเหงผ๎ูที่ด๎อยกวํา สังคมจะมี แตํความยุํงเหยิง ระส่าระสาย ดังน้ันผู๎นาท่ีดีต๎องไมํหลงระเริงในอานาจ ใช๎อานาจทาอันตราย ตํอรํางกายและทรัพย๑สินผ๎ูอ่ืนตามอาเภอใจ ต๎องคอยชํวยเหลือ ประคับประคองผ๎ูท่ีด๎อยกวํา หรือผู๎ท่ี ทุกข๑ยากเดือดร๎อน นายจ๎างหรือผ๎ูบังคับบัญชาที่ยึดทศพิธราชธรรมข๎อน้ียํอมสร๎างพระคุณมากกวํา พระเดช ยํอมเปน็ ทร่ี กั ใครํ เคารพนบั ถอื ของลูกนอ๎ ง หรือผ๎ใู ต๎บงั คบั บญั ชา กกกกกกก1. 1.3 1.3.8 จากการสมั ภาษณ๑ พระราชสุทธโิ มลี เจา๎ คณะจังหวดั ประจวบคีรีขนั ธ๑ ฝาุ ยธรรมยุต ได๎ใหข๎ อ๎ มลู การนาทศพิธราชธรรม ข๎อท่ี 8 อวิหิงสา ไปใช๎ด๎านอาชีพการงานด๎วยการ (1) เพ่ือนรํวมงาน หรือเพ่ือนรํวมอาชีพ ด๎วยการไมํรังแกเพ่ือนรํวมงานทั้งทางกาย วาจา และใจ และ (2) นายจ๎าง หรือ ผูบ๎ งั คับบญั ชา ดว๎ ยการไมํกดขี่ขํมเหง หรือใชอ๎ านาจบงั คบั ขํเู ขญ็ ลูกน๎อง หรือผ๎ูทอี่ ยูํใต๎บังคบั บญั ชา กกกกกกก1. 1.3 1.3.8 กลําวโดยสรปุ หน๎าท่ีพลเมืองดี ประกอบด๎วยเพื่อนรํวมอาชีพการงาน และ นายจ๎าง ควรนาทศพธิ ราชธรรม ขอ๎ 8 คือ อวหิ งิ สา มาใชใ๎ นอาชพี การงานทงั้ เพ่ือนรํวมงาน หรือเพื่อน รํวมอาชีพ และนายจา๎ ง ด๎วยการไมํกดขีข่ ํมเหงรงั แกผู๎อ่ืนให๎เดือดร๎อนลาบาก ทัง้ กาย วาจา และใจ กกกกกกก1. 1.3 1.3.9 ทศพธิ ราชธรรมข๎อที่ 9 ขนั ติ คือ ความอดทน ควรมีขนั ตกิ ับเพือ่ นรํวมงาน หรือเพ่ือนรํวมอาชีพ ด๎วยการระงับอารมณ๑ให๎ได๎ เชํน เมื่อเจอสถานการณ๑ไมํถูกใจ จะแสดงอารมณ๑ ท่ีไมํนําพอใจเข๎า ก็อาจจะแสดงกิริยาอาการอันไมํงาม ไมํนําชมออกมาได๎ทุกเวลา ทุกโอกาส สถานท่ี และเมื่อเป็นเชํนนี้ การคบหาสมาคมกันก็ยํอมจะถึงกาลเส่ือมเสียไป สํวนสาหรับนายจ๎าง หรือ ผู๎บังคับบัญชา ควรมีขันติ ด๎วยการต๎องมีความอดทน เข๎มแข็ง ไมํท๎อถอยตํอความเหน็ดเหน่ือย ยากลาบาก แม๎มีอุปสรรคก็สามารถฟ๓นฝุาจนผํานพ๎นไปได๎ ผ๎ูนาเชํนน้ีจะได๎รับการยกยํองนับถือ ความไว๎วางใจจากผ๎ูท่ีอยูํในความดแู ล กกกกกกก1. 1.3 1.3.9 จากการสมั ภาษณ๑ พระราชสุทธโิ มลี เจา๎ คณะจังหวัดประจวบครี ีขนั ธ๑ ฝาุ ยธรรมยุต ได๎ให๎ข๎อมูลการนาทศพิธราชธรรม ข๎อท่ี 9 ขันติ ไปใช๎ด๎านอาชีพการงาน ด๎วยการ (1) เพ่ือนรํวมงาน หรือเพ่ือนรํวมอาชีพ ด๎วยการที่มีความอดทน คือ รอได๎ คอยได๎ ไมํกระวนกระวายใจ ถ๎าไมํมีความ อดทนมันก็เหมือนกับทรมานตัวเอง จะมีฉลาดเฉลียว ป๓ญญาวิเศษอยํางไร ถ๎าไมํรอได๎ ทนได๎ มันก็จะ เปลําประโยชน๑ เพราะประโยชน๑มันไมํออกมาทนั ที มนั ต๎องมโี อกาสตามเวลาแหํงความสาเร็จ ต๎องรอได๎ ทนได๎เหมือนกับทานา มันต๎องรอได๎จนกวําจะออกเป็นข๎าว และ (2) นายจ๎างหรือผ๎ูบังคับบัญชา ด๎วยการทีม่ สี ติ หนักเอาเบาสู๎ ไมํทอ๎ ถอย หรอื เกรงกลัวตํองานหนกั เปน็ แบบอยํางท่ดี ีให๎แกลํ กู น๎อง กกกกกกก1. 1.3 1.3.9 กลําวโดยสรปุ หน๎าท่ีพลเมืองดี ประกอบด๎วยเพ่ือนรํวมอาชพี การงาน และ นายจ๎าง ควรนาทศพิธราชธรรม ข๎อ 9 คือ ขันติ มาใช๎ในอาชีพการงานท้ังเพ่ือนรํวมงานหรือเพ่ือน รํวมอาชีพ และนายจ๎าง ต๎องมีความเข๎มแข็ง ไมํท๎อถอย สามารถอดทนตํองานหนัก ความเหนื่อย ยากลาบาก หรอื แม๎กระท่ังสามารถทนตํอความเจบ็ ใจท่ีเกดิ จากสาเหตตุ ําง ๆ ได๎

163 กกกกกกก1. 1.3 1.3.10 ทศพิธราชธรรมข๎อท่ี 10 อวิโรธนะ คอื ความเทยี่ งธรรม ควรมกี ารใหอ๎ วิโรธนะ กับเพ่ือนรํวมงานหรือเพื่อนรํวมอาชีพ ด๎วยการรับฟ๓งข๎อมูลของผู๎รํวมงานด๎วยความเป็นธรรม ไมํลาเอียง หรือปฏิบัติภารกิจด๎วยความเที่ยงธรรม กับทุกคนที่รํวมงาน สํวนสาหรับนายจ๎าง หรือ ผู๎บังคับบัญชา ควรมีอวิโรธนะ ด๎วยการประพฤติตนให๎ตั้งม่ันอยํูในความเท่ียงตรง ไมํเอียงเอน หรือ เชือ่ คาพูดของผูอ๎ ืน่ มกี ารพิจารณาถงึ ความถกู ตอ๎ งเสมอ กกกกกกก1. 1.3 1.3.10 จากการสัมภาษณพ๑ ระราชสทุ ธิโมลี เจา๎ คณะจงั หวดั ประจวบคีรีขนั ธ๑ ฝาุ ยธรรมยตุ ได๎ให๎ข๎อมูลการนาทศพิธราชธรรม ข๎อที่ 10 อวิโรธนะ ไปใช๎ด๎านอาชีพการงานด๎วยการ (1) เพ่ือนรํวมงานหรือเพ่ือนรํวมอาชีพด๎วยการมีความยุติธรรม ตั้งมั่นอยํูในศีลธรรมทาตัวเป็นกลาง และ(2) นายจ๎างหรือผู๎บังคับบัญชา ด๎วยการไมํมีความเอนเอียง หว่ันไหว วางตัวเป็นกลาง ต๎องตั้งม่ัน อยูํในธรรมท้ังสํวนยุติธรรม คือ ความเท่ียงธรรม และนิติธรรม คือ ระเบียบแบบแผน หลักการ ปกครอง กกกกกกก1. 1.3 1.3.10 กลําวโดยสรุปหน๎าท่ีพลเมอื งดี ประกอบด๎วยเพื่อนรวํ มอาชพี การงาน และ นายจ๎าง ควรนาทศพิธราชธรรม ข๎อ 10 คืออวิโรธนะ มาใช๎ในอาชีพการงาน ท้ังเพ่ือนรํวมงาน หรือ เพ่ือนรวํ มอาชพี และนายจา๎ ง ตอ๎ งมีความยตุ ิธรรม หนักแนํน มัน่ คง ไมํเอนเอยี งไป กบั บุคคลใดบคุ คลหน่งึ กกกกกกก1. 1.4 ทศพธิ ราชธรรมที่ใชใ๎ นชุมชน ทอ๎ งถ่ินและสังคม ไดแ๎ กํ กกกกกกก1. 1.4 1.4.1 ทศพธิ ราชธรรม ขอ๎ ที่ 1 ทาน คอื การให๎ กบั ชมุ ชนท๎องถ่ิน และสังคม สมาชกิ ชมุ ชนควรปฏบิ ตั ิ ดว๎ ยการให๎ทานส่ิงของ เงินทอง หรือแรงกาย ตามโอกาสอันควร เพื่อปฏบิ ัติ กิจกรรมของชมุ ชนรวํ มกัน ให๎คาแนะนาเป็นความรู๎แกํผ๎ูรวํ มงาน และให๎อภัย ด๎วยการให๎รอยย้มิ และ ปิยวาจาแกสํ มาชิกชุมชน กกกกกกก1. 1.4 1.4.1 จากการสัมภาษณ๑พระราชสุทธโิ มลี เจา๎ คณะจังหวดั ประจวบครี ีขนั ธ๑ ฝาุ ยธรรมยุต ไดใ๎ ห๎ข๎อมูลการนาทศพธิ ราชธรรม ข๎อที่ 1 ทาน ไปใช๎กบั ชมุ ชน ท๎องถ่ินและสงั คม ควรปฏิบัตดิ ว๎ ยการ สละทรัพย๑หรือสิ่งของ เพื่อชํวยเหลือสมาชกิ ของหมูํคณะทด่ี ๎อย และออํ นแอกวําผู๎อนื่ กกกกกกก1. 1.4 1.4.1 กลําวโดยสรุปหน๎าท่พี ลเมอื งดี ประกอบดว๎ ยสมาชกิ ชมุ ชน ท๎องถน่ิ ควรนา ทศพิธราชธรรม ข๎อ 1 คือ ทานมาใช๎กับชุมชน ท๎องถิ่นและสังคมบ๎านเกิด ด๎วยการให๎บริจาคส่ิงของ เงินทอง หรือแรงกาย แกํชุมชนท๎องถิ่นและสังคมบ๎านเกิดตามโอกาสอันควร ให๎คาแนะนาความร๎ู ท่ีเป็นประโยชน๑ตํอการพัฒนา รวมถึงการให๎อภัยกับสมาชิกในชุมชน ท่ีทาให๎รู๎สึกไมํดี หรือไมํได๎รับ การยอมรับ กกกกกกก1. 1.4 1.4.2 ทศพธิ ราชธรรมข๎อท่ี 2 ศลี คอื การตงั้ อยูํในศลี กับชมุ ชนท๎องถิ่นและสงั คม สมาชกิ ชุมชนควรปฏิบตั ิตามศลี 5 คือ ไมฆํ ําสัตว๑ตดั ชวี ติ ไมํลกั ขโมยของของผู๎อ่ืน ไมํลํวงละเมิดลูกเมีย เขา ไมํพูดโกหก หรือพูดสํอเสียดยุยง และควรทาตนให๎หํางไกลจากเหล๎า บุหรี่ หรืออบายมุขตําง ๆ นอกจากนใ้ี หน๎ าศลี 5 ที่ยดึ ถอื ปฏิบัติไปควบคุมพฤติกรรมของตนเอง ให๎เคารพกฎหมายของบ๎านเมือง อยํางเครํงครัด ก็จะชํวยให๎สังคมไทยอยูํรํวมกันได๎อยํางมีความสุข หรือปฏิบัติตามหลักธรรม ตามศาสนาท่ีตนเองนบั ถอื กกกกกกก1. 1.4 1.4.2 จากการสมั ภาษณ๑ พระราชสุทธโิ มลี เจ๎าคณะจงั หวัดประจวบครี ขี ันธ๑ ฝาุ ยธรรมยุต ได๎ให๎ข๎อมูลการนาทศพิธราชธรรม ข๎อท่ี 2 ศีล ไปใช๎กับชุมชน ท๎องถ่ินและสังคม ควรปฏิบัติด๎วยการ ประพฤตใิ นสง่ิ ที่ดีงาม งดเว๎นจากการทาชั่ว เสียหาย ไมทํ าอะไรทีเ่ ป็นการไมเํ หมาะสม ไมํควร

164 กลาํ วโดยสรปุ หนา๎ ทพ่ี ลเมืองดี ประกอบด๎วยสมาชกิ ชุมชน ท๎องถิ่น ควรนา ทศพิธราชธรรม ขอ๎ 2 คือ ศลี มาใช๎กบั ชมุ ชน ท๎องถน่ิ และสังคมบา๎ นเกิด ด๎วยการประพฤติสิง่ ทด่ี ีงาม ตามหลกั ศาสนาของตน กกกกกกก1. 1.4 1.4.3 ทศพธิ ราชธรรมข๎อที่ 3 ปริจจาคะ คือ การเสียสละ กบั ชุมชน ทอ๎ งถน่ิ และ สังคม สมาชิกชุมชนควรปฏิบัติ ด๎วยการเสียสละประโยชน๑สุขของตน เพ่ือประโยชน๑สุขของสํวนรวม และความสงบเรียบร๎อยของชุมชนน้ัน หากเห็นแกํประโยชน๑ตนก็เป็นคนเห็นแกํตัว ไมํสามารถทางาน ให๎ชุมชนได๎อยํางกว๎างขวาง เพราะคนเหน็ แกํตนเองมากกวําสํวนรวม เปน็ คนมจี ติ ใจคบั แคบ ยํอมไมํได๎ รับความรํวมมือจากทุกฝุาย และอาจนาความเสียหายมาสูํสังคม และประเทศชาติได๎มาก แตํหาก ชมุ ชน ทอ๎ งถนิ่ และสังคมมคี นเสียสละ มีจิตสาธารณะจานวนมาก ชุมชน ท๎องถิ่นและสังคมก็จะมีความ เจริญก๎าวหนา๎ อยํางตํอเน่ือง กกกกกกก1. 1.4 1.4.3 จากการสัมภาษณ๑ พระราชสุทธโิ มลี เจา๎ คณะจังหวดั ประจวบคีรีขันธ๑ ฝาุ ยธรรมยุต ได๎ใหข๎ ๎อมลู การนาทศพิธราชธรรม ข๎อที่ 3 ปรจิ จาคะ ไปใช๎กบั ชุมชน ทอ๎ งถ่ินและสังคม ควรปฏิบัติ ด๎วยการยอมเสยี สละเพ่ือประโยชน๑ท่ยี ง่ิ กวํา ยอมสละประโยชนส๑ วํ นตนเพ่อื ประโยชนส๑ ํวนรวม กกกกกกก1. 1.4 1.4.3 กลําวโดยสรุปหนา๎ ที่พลเมอื งดี ประกอบดว๎ ยสมาชกิ ชุมชน ทอ๎ งถนิ่ ควรนา ทศพธิ ราชธรรม ข๎อ 3 คือ ปริจจาคะ มาใช๎กับชุมชน ท๎องถ่ินและสังคมบ๎านเกิด ด๎วยการการเสียสละ ความสขุ สาราญของตนเพื่อประโยชนส๑ ขุ ของหมํคู ณะ กกกกกกก1. 1.4 1.4.4 ทศพธิ ราชธรรมขอ๎ ท่ี 4 อาชชวะ คือความซ่ือตรง กบั ชุมชน ทอ๎ งถ่นิ และสังคม สมาชิกชุมชนควรปฏิบัติ มีความตรงไปตรงมา ผ๎ูนาหรือผ๎ูปกครองต๎องเป็นแบบอยํางเป็นตัวอยํางท่ีดี แกสํ ังคม หากผ๎ูนาขาดความซื่อตรง มีเลํห๑เหลี่ยม คดในข๎องอในกระดูก ฉ๎อราษฎร๑บังหลวง ปากพูดอยําง ทาอีกอยําง และคิดไปอีกอยําง ยํอมจะไมํได๎รับความเชื่อถือ ความไว๎วางใจจากคนในสังคม จะตัดสิน ปญ๓ หาใด ๆ กไ็ มํไดร๎ ับความสะดวก ทกุ คนไมํยอมรบั กกกกกกก1. 1.4 1.4.4 จากการสัมภาษณ๑ พระราชสทุ ธโิ มลี เจ๎าคณะจงั หวดั ประจวบครี ขี นั ธ๑ ฝุายธรรมยุต ได๎ให๎ข๎อมูลการนาทศพิธราชธรรม ข๎อที่ 4 อาชชวะ ไปใช๎กับชุมชน ท๎องถ่ิน และสังคม ควรปฏิบัติ การงานด๎วยความซ่ือสัตย๑สุจริต ไมํหลอกลวงประชาชน แตํผ๎ูนาไมํซื่อตรงแล๎ว สังคมและหมํูคณะนั้น จะระส่าระสาย และป่๓นปุวนอยํางที่สุด เพราะสังคมและหมูํคณะขาดที่พ่ึง ขาดหลักท่ีจะยึดเหนี่ยว หากคนท่วั ไปไมํมีศรทั ธาในตัวผ๎นู าแลว๎ ความสงบสขุ จะมไี ด๎ยาก กกกกกกก1. 1.4 1.4.4 กลําวโดยสรปุ หนา๎ ท่พี ลเมืองดี ประกอบด๎วยสมาชิกชมุ ชน ท๎องถนิ่ ควรนา ทศพิธราชธรรม ข๎อ 4 คือ อาชชวะ มาใช๎กับชุมชน ท๎องถิ่น และสังคมบ๎านเกิด สมาชิกชุมชนควรมี ความซอ่ื สตั ยส๑ จุ ริต มีความจรงิ ใจ ไมกํ ลบั กลอก กกกกกกก1. 1.4 1.4.5 ทศพิธราชธรรมขอ๎ ที่ 5 มัททวะ คอื ความออํ นโยน มาใชก๎ ับชมุ ชนท๎องถ่ิน และสังคม สมาชิกชุมชนควรปฏิบัติ ด๎วยการสุภาพอํอนโยนกับผู๎ท่ีมีอายุรุํนราวคราวเดียวกัน หรือ อํอนกวํา สํวนสมาชกิ ชมุ ชนท่เี ปน็ ผอ๎ู าวโุ ส ควรได๎รับการแสดงออก ดว๎ ยความเคารพ ออํ นน๎อมถอํ มตวั กกกกกกก1. 1.4 1.4.5 จากการสมั ภาษณ๑ พระราชสทุ ธโิ มลี เจ๎าคณะจังหวัดประจวบคีรีขนั ธ๑ ฝุายธรรมยตุ ได๎ให๎ข๎อมูลการนาทศพิธราชธรรม ข๎อที่ 5 มัททวะ ไปใช๎กับชุมชน ท๎องถ่ินและสังคม ควรปฏิบัติด๎วย การมีกิริยาสุภาพ วาจาอํอนหวาน ไมํหยาบคาย มีความนํุมนวล ผ๎ูอ่ืนอยํูใกล๎ก็มีแตํความสบายใจ แตํความอํอนโยนมิได๎หมายความวําอํอนแอ ความอํอนโยนนั้น แฝงไว๎ด๎วยความสงํางามได๎ ผู๎นาท่ีดี

165 จะต๎องมีทั้งความอํอนโยนและเข๎มแข็งในเวลาเดียวกัน ซึ่งเป็นส่ิงท่ีเป็นไปได๎ เพราะความเข๎มแข็ง มิใชํความแข็งกระด๎าง ความอํอนโยนเป็นลักษณะท่ีสาคัญของผ๎ูนาเพราะชํวยให๎ผ๎ูคนเกิดความรัก ความช่ืนชมยินดี ที่จะให๎ความรํวมมือในกิจการตําง ๆ นักปกครองท่ีหยาบกระด๎างพูดจากดูถูก เหยียดหยามคน แม๎จะมีความสามารถและตั้งใจทางาน แตํก็ไมํอาจโน๎มน๎าวใจให๎คนอ่ืนรํวมมือได๎ มากเทาํ ที่ควร กกกกกกก1. 1.4 1.4.5 กลําวโดยสรปุ หนา๎ ทพ่ี ลเมืองดี ประกอบด๎วยสมาชกิ ชมุ ชน ทอ๎ งถิ่น ควรนา ทศพิธราชธรรม ข๎อ 5 คือ มัททวะ มาใช๎กับชุมชน ท๎องถ่ิน และสังคมบ๎านเกิด สมาชิกชุมชนควรมี ความสภุ าพอํอนโยนกบั เพ่ือนสมาชกิ ทม่ี ีรนํุ ราวคราวเดียวกัน หรือผ๎ูที่มีอายุน๎อยกวํา สํวนผ๎ูสูงอายุกวํา ควรให๎ความเคารพ และแสดงความออํ นนอ๎ มถอํ มตัว กกกกกกก1. 1.4 1.4.6 ทศพิธราชธรรมขอ๎ ที่ 6 ตบะ คือ ความเพยี ร มาใชก๎ บั ชมุ ชน ทอ๎ งถน่ิ และ สังคม สมาชิกชุมชนควรปฏิบัติตน ในเรื่องการพยายามขจัดกิเลสตัณหาไมํให๎เข๎าครอบงาจิตใจ สามารถบงั คับควบคมุ ตนเองมิใหล๎ มุํ หลง หมกมุํนในความสขุ สาราญ จนเป็นเหตุให๎เสียการงานได๎ ผ๎ูนา หรือผ๎ูปกครองท่ีดีต๎องมีสติระลึกอยํูเสมอวํา ตนมีหน๎าท่ีอะไร มีความรับผิดชอบตํอประชาชนอยํางไร จะต๎องมํุงม่ันตํอหน๎าที่น้ัน ไมํปลํอยใจให๎หลงใหลในความสุขสาราญท่ีมีผ๎ูเสนอสนองมาให๎ด๎วยวิธีการ ตําง ๆ จนลืมหน๎าที่ ลืมตัว และหลงผิด ผ๎ูนาที่เห็นหน๎าท่ีสาคัญกวําความสุขสาราญ ยํอมจะสร๎าง ความกา๎ วหนา๎ มน่ั คงและความสงบสุขแกํสังคม ผ๎ูนาท่ีมีตบะจะกํอให๎เกิดความร๎ูสึกเกรงขามและความ ศรัทธาเลอ่ื มใสแกผํ ๎ูทพ่ี บเหน็ กกกกกกก1. 1.4 1.4.6 จากการสัมภาษณ๑ พระราชสุทธโิ มลี เจ๎าคณะจงั หวดั ประจวบคีรขี ันธ๑ ฝาุ ยธรรมยุต ไดใ๎ หข๎ ๎อมูลการนาทศพิธราชธรรม ขอ๎ ที่ 6 ตบะ ไปใช๎กบั ชุมชน ทอ๎ งถ่ิน และสังคม ควรปฏิบัติด๎วยการ บงั คบั ตนเองมิใหล๎ มํุ หลงหมกมนุํ กับความสุขสาราญ จนเป็นเหตุใหเ๎ สียการงาน เป็นคนท่ีมีชีวิตเรียบงําย ไมํมัวเมากับอบายมุขและสิ่งช่ัวร๎ายท้ังหลาย ผู๎นาท่ีดีจะต๎องระลึกอยูํเสมอวําตนมีหน๎าที่อะไร มีความ รับผิดชอบต๎องมํุงมั่นตํอหน๎าท่ี มิใชํมุํงมั่นตํอความสาราญ ปุถุชนโดยทั่วไปน้ันบางคร้ังอาจตํอสู๎ กบั สิ่งเยา๎ ยวนไดแ๎ ล๎ว สังคมจะขาดหลักยดึ เหน่ียว และไมอํ าจกา๎ วหนา๎ ไปสํูความเจรญิ ได๎ กกกกกกก1. 1.4 1.4.6 กลําวโดยสรุปหนา๎ ท่ีพลเมอื งดี ประกอบด๎วยสมาชิกชุมชน ทอ๎ งถ่ิน ควรนา ทศพิธราชธรรม ข๎อ 6 คือ ตบะมาใช๎กับชุมชน ท๎องถ่ิน และสังคมบ๎านเกิด ด๎วยการเพียรพยายาม ปฏิบัติหน๎าที่การงานที่รับผิดชอบด๎วยความมุมานะ อดทน ขยัน มุํงมั่น และทาแตํส่ิงท่ีดี มีความ ถูกต๎อง ฝาุ ฟน๓ อุปสรรคตําง ๆ จนประสบความสาเร็จ ดว๎ ยความพากเพยี รนี้ กกกกกกก1. 1.4 1.4.7 ทศพิธราชธรรมขอ๎ ท่ี 7 อกั โกธะ คือ ความไมํโกรธ มาใช๎กับชุมชน ท๎องถ่นิ และสังคม สมาชิกชุมชนควรระงับความโกรธ ควบคุมอารมณ๑ของตนเอง เม่ือผ๎ูนาชุมชนไมํสามารถ ตอบสนองความต๎องการของสมาชิกได๎ สํวนผ๎ูนาจะต๎องมีจิตใจมั่นคง สุขุมเยือกเย็น สามารถอดกลั้น ความไมํพอใจไว๎ได๎ ไมํแสดงโทสะ ดําวําเกร้ียวกราด แม๎บางคร้ังจะถูกติฉินนินทา หรือวิพากษ๑วิจารณ๑ โดยไมํมีมูลความจริง ก็ขํมใจไว๎ได๎ แสดงปฏิกิริยาโต๎ตอบด๎วยอารมณ๑ แตํใช๎เหตุผลพูดจากัน หรือแม๎ บางคร้ังมอบหมายงานผ๎ูใต๎บังคับบัญชา เขาทางานบกพรํองเสียหาย ผู๎เป็นหัวหน๎าต๎องใจเย็น โมโห ฉุนเฉียว หรือลงโทษเขาโดยไร๎เหตุผล ถ๎าเมื่อใดผ๎ูนาหรือผู๎เป็นหัวหน๎าไมํอาจระงับยับยั้ง ความหงดุ หงิด แคน๎ เคืองได๎ ปลอํ ยให๎กาเรบิ ข้นึ มา ความเสียหายเกิดข้ึนแกํการบริหารแนํนอน ตัวของ

166 ผู๎บริหารเองก็เสียหายด๎วย นั่นคือเสียบุคลิกภาพ ผ๎ูใต๎บังคับบัญชาก็เข็ดขยาดไมํกล๎าเข๎าหน๎า ยังผล เสียหายในภาพรวมเกิดตามมามากเกนิ กวาํ ทีจ่ ะคาดคดิ กกกกกกก1. 1.4 1.4.7 จากการสัมภาษณ๑ พระราชสุทธโิ มลี เจา๎ คณะจงั หวัดประจวบคีรีขนั ธ๑ ฝุายธรรมยุต ได๎ให๎ข๎อมูลการนาทศพิธราชธรรม ข๎อที่ 7 อักโกธะ ไปใช๎กับชุมชน ท๎องถิ่นและสังคม ควรปฏิบัติ ด๎วยการมีความเมตตาตํอคนทั่วไป ไมํตกอยูํใต๎อานาจของความโกรธ ไมํใช๎อานาจบาตรใหญํ มีความสขุ ท่ไี ด๎พบปะประชาชนท่ัวไปอยาํ งใกล๎ชิด กกกกกกก1. 1.4 1.4.7 กลําวโดยสรปุ หนา๎ ที่พลเมืองดี ประกอบด๎วยสมาชกิ ชมุ ชน ท๎องถ่ิน ควรนา ทศพิธราชธรรม ข๎อ 7 คือ อักโกธะ มาใช๎กับชุมชน ท๎องถิ่นและสังคมบ๎านเกิด ด๎วยการมีจิตใจมั่นคง มคี วามสุขุม เยือกเยน็ อดกลน้ั ไมแํ สดงความโกรธ หรือความไมพํ อใจ กกกกกกก1. 1.4 1.4.8 ทศพิธราชธรรมข๎อท่ี 8 อวหิ งิ สา คอื ความไมํเบยี ดเบียน มาใช๎กบั ชุมชน ทอ๎ งถิน่ และสงั คม สมาชิกชุมชนควรปฏิบัติด๎วยการไมํเบียดเบียนเอาทรัพย๑สินของชุมชน ท๎องถ่ินและ สังคม มาใช๎เป็นของสํวนตัว สํวนผู๎นาท่ีดีต๎องไมํหลงระเริงในอานาจ ใช๎อานาจทาอันตรายตํอรํางกาย และทรัพย๑สินผ๎ูอื่นตามอาเภอใจ ต๎องคอยชํวยเหลือประคับประคองผ๎ูท่ีด๎อยกวํา หรือผู๎ที่ทุกข๑ยาก เดือดร๎อน ผู๎นาท่ียึดทศพิธราชธรรมข๎อนี้ยํอมสร๎างพระคุณมากกวําพระเดช ยํอมเป็นที่รักใครํ เคารพ นับถือของผู๎ใตบ๎ งั คบั บัญชา และบคุ คลท่วั ไป รวมท้ังสามารสรา๎ งสรรค๑สงั คมให๎เกิดความสงบสุข กกกกกกก1. 1.4 1.4.8 จากการสัมภาษณ๑ พระราชสุทธโิ มลี เจา๎ คณะจังหวดั ประจวบคีรขี นั ธ๑ ฝุายธรรมยตุ ได๎ใหข๎ ๎อมูลการนาทศพธิ ราชธรรม ขอ๎ ที่ 8 อวิหงิ สา ไปใช๎กับชมุ ชน ทอ๎ งถ่นิ และสังคม ควรปฏิบัติดว๎ ย การมคี วามกรณุ าตอํ ผู๎อน่ื ไมํหาเรื่องกดขข่ี ํมเหง หรือลงอาญาแผํนดินโดยปราศจากเหตุอันควร สงสาร หวั่นใจเมือ่ เหน็ ความทุกข๑ของผู๎อ่ืน และหาหนทางที่จะดับทุกข๑เข็ญของพวกเขา กกกกกกก1. 1.4 1.4.8 กลําวโดยสรปุ หนา๎ ท่พี ลเมืองดี ประกอบด๎วยสมาชกิ ชมุ ชน ทอ๎ งถิน่ ควรนา ทศพธิ ราชธรรม ข๎อ 8 คือ อวิหิงสา มาใช๎กับชุมชน ท๎องถิ่นและสังคมบ๎านเกิด ด๎วยการไมํเบียดเบียน ทรัพย๑สินสํวนรวมมาใช๎เพื่อสํวนตน หรือบีบคั้นกดข่ีผู๎อ่ืน รวมไปถึง การไมํใช๎อานาจไปบังคับ หรือ หาเหตุกลั่นแกล๎งคนอ่นื ดว๎ ย กกกกกกก1. 1.4 1.4.9 ทศพธิ ราชธรรมข๎อที่ 9 ขันติ คือ ความอดทน มาใชก๎ บั ชุมชน ทอ๎ งถิน่ และ สงั คม สมาชกิ ชมุ ชนควรปฏบิ ตั ิ ดว๎ ยการเปน็ ผูข๎ ยนั หมั่นเพียร ทางานให๎เหมาะสมกับหน๎าที่ ไมํทอดท้ิง การงานที่ได๎รับมอบหมาย แตํควรเพียรพยายามทาให๎เต็มกาลังความสามารถและสติป๓ญญา การประกอบอาชีพการงานนั้น ยํอมประสบกับอุปสรรค ทํานที่มีป๓ญญาสามารถ ต๎องการที่จะได๎รับ ประโยชน๑และความสุข กไ็ มํควรทอดท้ิงหรือท๎อถอย ควรใช๎ความอดทนเป็นเบ้ืองหน๎า กจ็ ะสาเร็จลุลํวง ไปได๎ กกกกกกก1. 1.4 1.4.9 จากการสัมภาษณ๑ พระราชสทุ ธโิ มลี เจ๎าคณะจังหวัดประจวบครี ขี ันธ๑ ฝุายธรรมยุต ไดใ๎ หข๎ ๎อมลู การนาทศพิธราชธรรม ข๎อท่ี 9 ขันติ ไปใช๎กับชุมชน ท๎องถิ่นและสังคม ควรปฏิบัติด๎วยการ มีความอดทน สามารถควบคุมอารมณ๑ของตนได๎ดีในทุกสถานการณ๑ คือ การใช๎ความสงบสยบความ เคลอ่ื นไหว

167 กกกกกกก1. 1.4 1.4.9 กลําวโดยสรปุ หนา๎ ทพ่ี ลเมืองดี ประกอบด๎วยสมาชกิ ชุมชน ทอ๎ งถ่นิ ควรนา ทศพิธราชธรรม ข๎อ 9 คือ ขันติ มาใช๎กับชุมชน ท๎องถ่ินและสังคมบ๎านเกิด ด๎วยการสามารถเผชิญกับ ความยากลาบากได๎อยํางเข๎มแข็ง เมื่อพบอุปสรรคในการทางาน ก็ยิ่งเข๎มแข็ง เด็ดเด่ียว ไมํท๎อแท๎ มีความอดทนอยํางตํอเน่อื งจนกวําป๓ญหาไดร๎ ับการแก๎ไข หรอื ภารกิจเสร็จลุลํวง กกกกกกก1. 1.4 1.4.10 ทศพธิ ราชธรรมขอ๎ ท่ี 10 อวโิ รธนะ คือ ความเที่ยงธรรม กับชุมชนท๎องถิน่ และสังคม สมาชกิ ชุมชน ควรปฏบิ ตั ิการวางตัวเปน็ หลักหนักแนํน มั่นคง ไมํเอนเอียงไป เพราะอานาจ ของความลาเอียงอยาํ งใดอยาํ งหนึ่ง ไดแ๎ กํ เพราะรัก เพราะชัง เพราะหลง และเพราะกลัว หรือเพราะ อานาจของโลกธรรม ได๎แกํ ลาภ ยศ สรรเสริญ ความเส่ือมจากลาภ ความเสื่อมจากยศ นินทา และ ความทกุ ข๑ กกกกกกก1. 1.4 1.4.10 จากการสัมภาษณพ๑ ระราชสุทธิโมลี เจ๎าคณะจังหวัดประจวบครี ีขนั ธ๑ ฝุายธรรมยุต ได๎ให๎ข๎อมูลการนาทศพิธราชธรรม ข๎อท่ี 10 อวิโรธนะ ไปใช๎กับชุมชน ท๎องถ่ินและสังคม ควรปฏิบัติ ด๎วยความต้ังม่ันในธรรม ไมํหว่ันไหวในเรื่องดี เรื่องร๎าย ประพฤติปฏิบัติตนอยํูในความดีงาม ไมปํ ระพฤตผิ ิด ทานองคลองธรรม กกกกกกก1. 1.4 1.4.10 กลําวโดยสรปุ หน๎าทพี่ ลเมอื งดี ประกอบดว๎ ยสมาชิกชุมชน ท๎องถน่ิ ควรนา ทศพิธราชธรรม ข๎อ 10 คือ อวิโรธนะ มาใช๎กับชุมชน ท๎องถ่ินและสังคมบ๎านเกิด สมาชิกชุมชน และ ผ๎นู าควรวางตวั เป็นกลาง มคี วามหนักแนนํ มัน่ คง ความยุตธิ รรม ไมํลาเอียง ไปกับบุคคลใด หรือกลํุมใด กลมํุ หนึ่ง เพ่ือรวํ มกนั พัฒนาชมุ ชน ทอ๎ งถ่นิ และสงั คม เรือ่ งที่ 2 การนอ้ มนาพระราชดารสั ไปใช้ในชีวิตประจาวัน กกกกกกก2. 2.1 พระราชดารัสท่เี กี่ยวขอ๎ งกบั ครอบครวั กกกกกกก2. 2.1 พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ได๎ทรงพระราชทาน พระราชดารสั ทีเ่ กีย่ วข๎องกบั ครอบครัวไวใ๎ ห๎ประชาชนชาวไทย ได๎นอ๎ มนามาปรบั ใชใ๎ นครอบครัวของ ตนเอง ทสี่ าคัญ ๆ มีดงั น้ี \". \" เด็กเป็นอนั มาก มีความรกั ดีมาแตกํ าเนดิ จะเรียนจะเลนํ จะทาสงิ่ ใด ก็มุํงมัน่ ทาใหด๎ เี ดนํ ไมํมีป๓ญหาอปุ สรรคหรือความลาบากยากแคน๎ ใด ๆ จะกีดก้นั ไว๎ได๎ เด็กเหลําน้ี ผใู๎ หญํควรสนใจและแผํเมตตาเก้อื กลู ประคบั ประคอง ให๎ไดม๎ ีโอกาส พฒั นาไป ในทางทีถ่ กู ที่ดี ทง้ั ดา๎ นการศึกษาและจิตใจ เขาจกั ไดเ๎ จริญเติบโต เป็นคนดีพรอ๎ ม และเป็นตวั อยํางแกํเยาวชนทว่ั ไป\" พระราชดารสั พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู ิพลอดลุ ยเดช พระราชทานพระตาหนักจติ รลดารโหฐาน วนั ที่ 13 มกราคม 2533

168 “ เด็กเปน็ ผูท๎ จ่ี ะไดร๎ ับชวํ งทุกสง่ิ ทกุ อยํางตอํ จากผ๎ใู หญํ รวมทั้งการรับผดิ ชอบ ในการธารงรักษาอิสรภาพ และความสงบสุข ทั้งภาระรับผิดชอบ ในการธารง อิสรภาพ และความสงบสุขของบ๎านเมือง ดังน้ันเด็กทุกคนจึงสมควร และจาเป็น ท่ีจะต๎องได๎รับการอบรมเล้ียงดูอยํางถูกต๎องเหมาะสม ให๎มีความสามารถ สร๎างสรรค๑ประโยชน๑ตาํ ง ๆ พรอ๎ มทัง้ การฝึกหัดขดั เกลาความคิดจติ ใจใหป๎ ระณตี ให๎มีศรัทธามั่นคงในคุณความดี มีความประพฤติเรียบร๎อย สุจริต และมีป๓ญญา ฉลาด แจํมใสในเหตุในผล หน๎าที่นี้เป็นของทุกคนท่ีจะต๎องรํวมมือกัน กระทา โดยพร๎อมเพรียงสม่าเสมอ ผ๎ูที่เกิดกํอน ผํานชีวิตมากํอน จะต๎องสงเคราะห๑อนุเคราะห๑ ผู๎เกิดตามมาภายหลัง ด๎วยการถํายทอดความร๎ูความดี และประสบการณ๑อันมีคํา ท้ังปวงให๎ด๎วยความเมตตาเอ็นดู และด๎วยความบริสุทธิ์ใจในเด็กได๎ทราบ ได๎เข๎าใจ และสาคัญที่สุด ให๎ร๎ูจักคิดด๎วยเหตุผลท่ีถูกต๎อง จนสามารถเห็นจริงด๎วยตนได๎ ในความเจรญิ และความเสือ่ มท้ังปวง” พระราชดารสั พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู ิพลอดุลยเดช พระราชทานในโอกาสปเี ดก็ สากล วันที่ 1 มกราคม 2522 “ผใู๎ หญเํ รามักพากันละท้ิงวิธีการเกํา ๆ ในการอบรมฝึกฝนคุณธรรม และความสุภาพ เรยี บร๎อยในกาย วาจา ใจเยาวชน โดยมไิ ดห๎ าวิธีการทเี่ หมาะสม มาทดแทนให๎เพียงพอ ทั้งน้ี เห็นจะเป็นเพราะโดยมากเราไมํคํอยจะคิดถึงเร่ืองนี้ กันนัก ด๎วยเหตุที่ มัวสนใจ และต่ืนเต๎นกับวิชาการอยํางใหมํกันหมด ประการหน่ึง และด๎วยเหตุท่ีเสียหายมิได๎เกิดขึ้น ฉับพลันทันที หากแตํ คํอย ๆ เกิดขึ้นทีละเล็กละน๎อย อีกประการหนึ่ง จึงปลํอยกันมา เรื่อย ๆ จนบัดน้ีผลเสียหายที่เกิดขึ้นน้ัน ได๎กลายเป็น ป๓ญหาที่เกือบจะแก๎กันไมํตก ตามที่ ทํานเห็นกับตาและทราบแกํใจอยํูแล๎ว ไมํจาเป็น จะต๎องพูดให๎ยาวความไป ความจริง เยาวชนท่ีมีพ้ืนจิตใจดีอยูํแล๎ว และปรารถนาจะทาตัวให๎ดี ให๎เป็นประโยชน๑น้ันมีอยูํ เป็นอันมาก แตํการทาความดีโดยลาพังตนเอง เป็นของยาก จาเป็นต๎องอาศัยผ๎ูใหญํ เป็นที่พ่ึงหรือเป็นผ๎ูนาน่ันเอง ผู๎ใหญํจึงต๎องถือ เป็นหน๎าที่และความจาเป็นที่จะต๎อง ชํวยเหลอื เขา” พระราชดารัสพระราชทานแกผํ บ๎ู ังคบั บัญชาลกู เสือในโอกาส เขา๎ เฝาู ทลู ละอองธุลีพระบาทและรับพระราชทานเหรยี ญลกู เสอื สดดุ ี วนั ที่ 6 กรกฎาคม 2521

169 \"...เด็ก ๆ นอกจากจะต๎องเรียนความร๎ูแลว๎ ยงั ต๎องหัดทา การงานและทาความดีด๎วย เพราะการทางานจะชํวยให๎ มคี วามสามารถ มคี วามขยัน อดทน พึง่ ตนเองได๎ และการทาดี นั้นจะชวํ ยใหม๎ คี วามสุขความเจริญท้ังปูองกันตนไวไ๎ มใํ ห๎ ตกต่า...\" พระบรมราโชวาท พระราชทานเนอ่ื งในวันเดก็ แหํงชาติ ประจาปี 2530 กกกกกกก2. 2.1 จากพระราชดารสั ดังกลําวข๎างตน๎ ครอบครวั ควรปฏบิ ตั ิ (1) บดิ ามารดาจงึ ตอ๎ งสอน บุตรธิดา พี่จงึ ตอ๎ งสอนนอ๎ ง คนรุํนใหญจํ ึงต๎องสอนคนรุํนเล็ก ให๎มีความร๎ูความดี มีความเจริญงอกงาม มีเหตุมีผล และเม่ือคนรํุนเล็กเป็นผู๎ใหญํขึ้น จึงต๎องส่ังสอนคนรํุนหลังตํอ ๆ ไปไมํให๎ขาดสาย ให๎มี ความร๎ู ความดี มีความเจริญงอกงาม มีเหตุผล (2) การสอนลูกให๎เป็นเด็กดีมีการพัฒนา สนับสนุน และสํงเสริมให๎ลูกเติบโตขึ้นเป็นคนดี และตัวอยํางของสังคม (3) การสอนให๎เยาวชนท่ีมีพ้ืนจิตใจดี อยูํแล๎ว และปรารถนาจะทาตัวให๎ดีให๎เป็นประโยชน๑ แตํการทาความดีโดยลาพังตนเองมีความยาก จาเป็นต๎องอาศัยหลักเกณฑ๑ และแบบฉบับท่ีดีอยํางใดอยํางหน่ึงเป็นที่ยึดเหนี่ยว จึงจะกระทาได๎ โดยถูกต๎องเหมาะสม และไมํเปลืองเวลา กลําวคือต๎องอาศัยผู๎ใหญํเป็นท่ีพ่ึง หรือเป็นผ๎ูนาน่ันเอง ผ๎ูใหญํจึงต๎องถือเป็นหน๎าที่ และความจาเป็นที่จะต๎องชํวยเหลือเขา และ (4) การสอนให๎เด็กมี ความขยัน ทางานอยํางมีความสุข มีความต้ังอกตั้งใจทาจริง เห็นคุณคําของส่ิงท่ีทา และอดทน ตํออปุ สรรค กกกกกกก2. 2.1 กลาํ วโดยสรปุ หนา๎ ที่พลเมอื งดี ควรน๎อมนาพระราชดารสั ทีเ่ กี่ยวขอ๎ งกับครอบครวั มาใช๎ ด๎วยการที่พํอแมํอบรมส่ังสอนให๎ลูกได๎รับการเรียนรู๎ที่สร๎างสรรค๑ และปลูกฝ๓งส่ิงที่ดีงามตําง ๆ ท้งั ดา๎ นราํ งกาย จิตใจ อารมณ๑ สังคม สติป๓ญญา คุณธรรม และจริยธรรม พร๎อมท้ังพัฒนาให๎เป็นผู๎ท่ีมี ความรค๎ู วามสามารถใชส๎ ตปิ ญ๓ ญาวิเคราะห๑อยาํ งมเี หตุผล เพอ่ื ใหเ๎ ตบิ โตข้นึ อยาํ งมีคณุ ภาพ กกกกกกกกก 2.2 พระราชดารสั ท่เี ก่ยี วขอ๎ งกบั การศึกษา กกกกกกกกก 2.2 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภมู ิพลอดุลยเดช รชั กาลที่ 9 ได๎ทรงพระราชทาน พระราชดารัสทีเ่ กี่ยวข๎องกบั การศกึ ษาไวใ๎ ห๎สถาบันการศึกษา นักเรียน นิสิตและนกั ศกึ ษา และบณั ฑิต ทจ่ี บการศึกษา ได๎น๎อมนามาใช๎ทีส่ าคัญ ๆ มดี ังนี้ “การศึกษาในมหาวิทยาลัย กลาํ วตามหลกั ควรจะได๎แกํการสรา๎ งเสรมิ ความสามารถ และความเจริญงอกงามของบุคคลในทางวิชาการสวํ นหนึ่ง ในทาง ความคิดอีกสํวนหนง่ึ ซง่ึ เม่ือรวมกนั แล๎วจะทาใหบ๎ คุ คลมีพละกาลงั สามารถนาไปใช๎ ปฏบิ ัตงิ านใหญํ ๆ ของสํวนรวมใหส๎ าเร็จได๎” พระบรมราโชวาทพระราชทานปริญญาบตั รของมหาวิทยาลยั รามคาแหง วันท่ี 26 ตุลาคม 2521

170 “ ในสํวนของนักเรียนเองน้นั กจ็ งสาเหนยี กให๎มากวาํ การทเ่ี ราศกึ ษาวชิ า ความรนู๎ ัน้ ความจรงิ ไมใํ ชํเพ่ือใครเลย แตํเพ่ือตัวเราเอง ในการทีจ่ ะดาเนนิ ชวี ิต ตํอไปในวนั หนา๎ ถา๎ เรียนดกี ็จะได๎ใชค๎ วามรู๎ท่เี รียนมาประกอบกจิ การใหเ๎ ป็น ประโยชน๑ เปน็ ท่ีพึ่งแกตํ น และเป็นที่ชนื่ ชมตํอวงศต๑ ระกูลตํอไปด๎วย ” พระบรมราโชวาทในพระราชพิธพี ระราชทานประกาศนียบตั ร นกั เรยี นวชริ าวธุ วทิ ยาลัย วันที่ 16 กมุ ภาพนั ธ๑ 2500 “ ขอให๎นักเรยี นท้ังหลายตั้งใจรบั ความรู๎ทีค่ รูสอน เพราะโอกาสเชนํ น้ีนน้ั หายาก ถา๎ ไมเํ อาใจใสํ พยายามเรียนกจ็ ะหาโอกาสไมไํ ดอ๎ ีก เพราะเวลาท่ีเปน็ เด็ก นัน้ มีน๎อย จงึ ต๎องขอใหใ๎ ช๎เวลาให๎ถูกต๎อง สะสมความรท๎ู างหลกั วชิ า และความร๎ู ทัว่ ไปใหม๎ าก และดีทสี่ ุดแล๎วจะไมํตอ๎ งเสียใจ เมื่อโตขน้ึ กจ็ ะสามารถทาหน๎าท่ีของ ตน คือ ทามาหาเลย้ี งชีวติ ตน และชวํ ยสํวนตวั และชํวยสวํ นรวม ให๎อยํไู ดด๎ ๎วย ความกา๎ วหนา๎ และดว๎ ยความรํมเย็น ” พระบรมราโชวาท พระราชทานแกคํ ณะครนู กั เรยี นโรงเรยี นวงั ไกลกงั วล วันท่ี 28 พฤษภาคม 2512 “ ขอ๎ สรปุ หน๎าท่ีของผทู๎ เี่ ป็นนสิ ิตนักศึกษาวาํ การเปน็ นักศกึ ษา ไมมํ ีอาชีพเปน็ เวลาทจี่ ะฝึกทางวชิ าการและก็ทางจติ ใจ เพอื่ ที่จะมีพลังแข็งแรงทีจ่ ะ รบั ใช๎ชาติ เป็นพลเมอื งดีแล๎วกเ็ ปน็ ความหวัง และกเ็ ปน็ สง่ิ ทีส่ าคัญที่สุดวาํ เม่ือได๎ฝึก ในทางจติ ใจเปน็ คนเข๎มแขง็ ซื่อตรง และเป็นคนท่ีมคี วามปรารถนาทจ่ี ะสรา๎ งสรรค๑ แล๎ว จะต๎องรกั ษาอุดมคตนิ ้ี หรอื พลงั น้ี หรอื ปณธิ านนี้ไวต๎ ลอดชีวติ ” พระบรมราโชวาทเนื่องในโอกาสเสดจ็ ฯ ทรงดนตรี เปน็ การสํวนพระองค๑ ณ หอประชุมจุฬาลงกรณ๑มหาวิทยาลัย วันท่ี 20 กนั ยายน 2514

171 “ ถา๎ มาพิจารณาดูจรงิ ๆ จะดหี รอื ที่จะให๎พลงั ของนกั ศึกษาท้ังมวล เป็นพลงั มดื ความจรงิ ถ๎าเปน็ พลังสวาํ ง หมายความวาํ เป็นพลงั ท่จี ะให๎แสงสวําง แกบํ ๎านเมือง ก็จะนาํ ช่ืนชมนํายินดยี งิ่ ข้นึ จุดประสงค๑ท่แี ท๎จรงิ ของนักศึกษา ความสวํางสาหรับให๎ผท๎ู ีก่ าลงั ศึกษาก็สวาํ งขน้ึ หมายถึง ผู๎ทีข่ ดั สน หรอื ผ๎ูที่เคราะหร๑ ๎าย ไดม๎ แี สงสวาํ งทจ่ี ะเรียนไดแ๎ ล๎ว กใ็ ห๎แสงสวํางแกผํ ท๎ู ่ีไมํใชนํ ักศึกษาผู๎ทไี่ มํมโี อกาส เปน็ นักศกึ ษา ให๎มีแสงสวาํ ง หมายถึง บ๎านเมืองให๎ก๎าวหน๎าให๎ดี ให๎เปน็ ทีน่ ําชื่นชม จะเป็นพลังสวําง เปน็ พลงั ทน่ี ําชืน่ ชมนําภูมิใจได๎ ” พระบรมราโชวาทพระราชทานแกสํ มาคมบริการนักศึกษานานาชาติ แหงํ ประเทศไทย ผแ๎ู ทนนิสติ นกั ศกึ ษาระดบั ปริญญาตรี จากทุกคณะ ทุกสถาบนั ท่ัวประเทศ และคณะกรรมการจัดงานวนั บริการนักศึกษา วันท่ี 25 กนั ยายน 2512 “ บรรดาผู๎สาเรจ็ การศกึ ษาตามหลักสตู รของมหาวทิ ยาลยั ก็เปรยี บเหมอื น ไดก๎ ุญแจที่จะไขไปสชํู ีวิตท่เี จริญตํอไปในวนั ขา๎ งหน๎า แตขํ อเตือนวาํ การดาเนินชวี ติ โดยใช๎วิชาการอยาํ งเดียวยงั ไมํเพียงพอ จะต๎องอาศยั ความรู๎รอบตัว และหลกั ศลี ธรรม ประกอบด๎วย ผ๎ูที่มคี วามร๎ดู ี แตขํ าดความย้ังคดิ นาความรู๎ไปใชใ๎ นทาง มิชอบกเ็ ทาํ กบั เปน็ บุคคลทเ่ี ป็นภยั แกํสงั คม และของมนุษย๑ ฉะนน้ั ขอให๎ทุกคน จงดารงชวี ิต และประกอบอาชีพโดยอาศัยวชิ าความรท๎ู ี่ไดร๎ ับ มาประกอบดว๎ ย ความยัง้ คิดชง่ั ใจ และศีลธรรมอนั ดงี าม เพอ่ื ความเจริญกา๎ วหนา๎ ของตนเอง และของประเทศชาติ ” พระบรมราโชวาทในพธิ พี ระราชทานปริญญาบตั ร ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร๑ วันท่ี 18 กันยายน 2504

172 “ การศกึ ษาเปน็ เร่ืองใหญํและสาคัญยิ่งของมนุษย๑ คนเราเมือ่ เกดิ มาก็ได๎รับ การสง่ั สอนจากบิดามารดา อันเป็นความรเ๎ู บ้อื งต๎น เม่ือเจริญเติบโตข้นึ ก็เป็น หน๎าท่ีของครู และอาจารย๑ส่งั สอนใหไ๎ ด๎รบั วชิ าความรส๎ู งู และอบรมจติ ใจใหถ๎ ึง พรอ๎ มดว๎ ยคุณธรรม เพื่อจะได๎เปน็ พลเมืองดขี องชาตสิ บื ตํอไป ” พระบรมราโชวาทพระราชทานปริญญาบัตรแกนํ ิสติ และนักศกึ ษา วทิ ยาลัยวชิ าการศกึ ษา วนั ท่ี 13 ธนั วาคม 2505 “ บณั ฑติ ผู๎สาเร็จการศกึ ษาไปแลว๎ จะทาการส่ิงใดใหพ๎ จิ ารณาให๎ รอบคอบเสียกํอน อยําทระนงตวั วาํ เราเป็นบัณฑิตแลว๎ เราตอ๎ งเกงํ กวาํ ฉลาดกวํา ผู๎อื่น อยําลมื วาํ ฉลาดแตํอยํางเดยี วเทําน้ันไมํพอ ต๎องเฉลยี วดว๎ ย ต๎องทงั้ เฉลียว และฉลาด ทาํ นทงั้ หลายคงจะร๎จู ักนทิ านเรื่อง กระตํายแขํงกับเตาํ กระตําย มีฝีเท๎าดี ทระนงตนวาํ ไมํมผี ใู๎ ดวงิ่ เรว็ เสมอเหมอื นยิ่ง เตาํ นั้นก็เปน็ คนละช้นั แตํความที่ทระนงตวั วาํ ตัวเองเกงํ วิง่ ไปยงั ไมํทนั ถึงทห่ี มายไปนอนหลบั เสยี ปลอํ ยให๎เตําซงึ่ เดินชา๎ กวาํ มากไปถึงท่หี มายได๎กอํ น ” พระบรมราโชวาทในพิธีพระราชทานปรญิ ญาบัตรแกํ นสิ ิตจฬุ าลงกรณ๑มหาวทิ ยาลัย วนั ที่ 5 กรกฎาคม 2505 กกกกกกกกก 2.2 จากพระราชดารัสดงั กลาํ วข๎างตน๎ โดยสถาบนั การศกึ ษาจงึ ควรปฏิบตั ิ ในเรื่อง ของการถํายทอดวิชาการ และฝึกหัดอบรมนักศึกษาให๎มีประสิทธิภาพ จะต๎องชํวยเหลือเขา ดว๎ ยหลกั วิชาและความสามารถ ทุกคนไดเ๎ รียนวิชาการแนะแนวมาแล๎ว ควรจะได๎นาหลักการมาปฏิบัติ เพ่อื ให๎เยาวชนไดร๎ ับประโยชน๑อันแท๎จรงิ โดยเฉพาะอยํางย่ิงการแนะแนวทางความประพฤติและจิตใจ ซึง่ สาคัญมาก ขอให๎เพยี รพยายาม ปลูกฝ๓งความร๎ู ความคิดท่ีปราศจากโทษให๎แกํเขาโดยเสมอ แนะนา อบรมด๎วยเหตุผล และด๎วยความจริงใจ ประกอบด๎วยความเมตตาปรานี สงเคราะห๑ อนุเคราะห๑ และนาพาไปสูทํ างทถ่ี กู ท่เี จริญ เยาวชนก็จะเกิดมีความม่ันใจ และมีกาลังใจที่จะทาความดี เพ่ือจักได๎มี อนาคตท่ีมั่นคง สาหรับนักเรียน นิสิต นักศึกษา ควรมีความขยันขันแข็ง หมั่นเพียรในการศึกษา เลําเรียนอยํางเต็มที่ ตระหนักไว๎วํามีหน๎าที่เรียนหนังสือ แสวงหาความรู๎เป็นหลักใหญํ แล๎วก็จงทา หน๎าที่ของตนให๎ดีที่สุด เพ่ือสร๎างความเจริญและความสาเร็จของชีวิต และสาหรับบัณฑิตที่จบ การศึกษา ควรปฏิบัติ ด๎วยการไมํทระนงตัววําวิเศษกวําผู๎อื่นอยําอวดเกํงเกินไป จะทาการส่ิงใด จงไตรํตรองให๎รอบคอบ ถ๎าเป็นเร่ืองเล็ก โทษของความไมํรอบคอบก็น๎อย แตํถ๎าเป็นเรื่องใหญํ

173 เป็นเรอ่ื งของชาติบ๎านเมือง ก็จะเป็นผลเสียหายแกํชาติบ๎านเมืองได๎ ฉะน้ันจะกระทาส่ิงใด จงใช๎สมอง ไตรํตรอง ดคู วามรอบคอบเสยี กอํ น กกกกกกกกก 2.2 กลําวโดยสรุปหนา๎ ที่พลเมืองดี ประกอบดว๎ ย สถาบันการศึกษา ครบู าอาจารย๑ นักเรียน นักศึกษา และบัณฑิตที่เพิ่งจบ หรือบัณฑิตศิษย๑เกําที่จบการศึกษานานแล๎ว ควรน๎อมนา พระราชดารัสมาปรบั ใช๎ ด๎วยการทสี่ ถาบนั มุงํ สงั่ สอน นกั เรียน นักศึกษา และบณั ฑิตให๎มีความร๎ู และมี คุณธรรม ให๎เป็นคนเกํง และเป็นคนดี สาหรับนักเรียน นักศึกษา ควรตั้งใจศึกษาเลําเรียนให๎มี ท้ังความรู๎ ท้ังวิชาการ ความรู๎ทั่วไป เพ่ือสร๎างความเจริญและความสาเร็จของชีวิต ประพฤติในส่ิงท่ี ดีงาม และบัณฑิตที่เพิ่งจบการศึกษา หรือจบการศึกษานานแล๎ว ควรน๎อมนาพระราชดารัสไปปรับใช๎ ด๎วยการใชส๎ ตปิ ๓ญญา พิจารณาทุกเรื่องอยํางรอบคอบ และไมํประมาท กกกกกกกกก 2.3 พระราชดารัสทีเ่ กี่ยวขอ๎ งกับอาชีพการงาน กกกกกกกกก 2.3 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดช รัชกาลท่ี 9 ไดท๎ รงพระราชทาน พระราชดารสั ท่เี ก่ยี วขอ๎ งกับอาชีพการงานทสี่ าคัญ ๆ มดี ังน้ี “… การชํวยเหลอื สนับสนุนประชาชนในการประกอบอาชีพและตั้งตัว ให๎มีความพอกิน พอใช๎กํอนอืน่ เป็นพ้นื ฐานนัน้ เป็นสง่ิ สาคญั อยาํ งยงิ่ ยวด เพราะ ผทู๎ ี่มีอาชีพและฐานะเพียงพอ ทจี่ ะพึง่ ตนเอง ยํอมสามารถสร๎างความเจรญิ ก๎าวหนา๎ ระดับที่สูงข้ึน ตํอไปได๎โดยแนํนอน สํวนการถือหลักท่ีจะสํงเสริมความเจริญ ให๎คํอย เป็นไปตามลาดับ ด๎วยความรอบคอบ ระมัดระวัง และประหยัดนั้น ก็เพ่ือปูองกัน ความผิดพลาดล๎มเหลว และเพื่อให๎บรรลุผลสาเร็จได๎แนํนอนบริบูรณ๑ เพราะหากไมํ กระทาด๎วยความระมดั ระวัง ยํอมจะหวังผลเต็มเม็ดเต็มหนํวยได๎โดยยาก ยกตัวอยําง เชํน การปราบศัตรูพืช ถ๎าทุํมเททาไปโดยไมํมีจังหวะที่ถูกต๎อง และโดยมิได๎ศึกษา ขอ๎ มูลตําง ๆ ให๎กระจํางชดั อยํางทัว่ ถึง ก็อาจสนิ้ เปลอื งแรงงาน ทุนทรัพย๑ วัสดุ อุปกรณ๑ ท่ีล๎วนมีราคาไป โดยได๎รับผลไมํคุ๎มคํายิ่งกวําน้ัน การทาลายศัตรูพืช ยังอาจทาลาย ศัตรูของพืชท่ีมีอยูํบ๎าง แล๎วตามธรรมชาติ และทาอันตรายแกํชีวิตคนชีวิตสัตว๑เลี้ยง อีกด๎วย การพัฒนาอยํางถูกต๎อง ซ่ึงหวังผลอันยั่งยืนไพศาล จึงต๎องวางแผนงาน เป็นลาดับขั้นอยํางถ่ีถ๎วนทั่วถึง ให๎องค๑ประกอบของแผนงานทุกสํวนสัมพันธ๑ และ สมดุลยก๑ นั โดยสอดคล๎อง …” พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปรญิ ญาบัตร ของมหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร๑ วันท่ี 19 กรกฎาคม 2517

174 “ การเกษตรนน้ั ถอื ได๎วาํ เปน็ ท้ังรากฐานและชวี ิตสาหรับประเทศ ของเรา เพราะคนไทย เราสํวนใหญํเป็นผูม๎ ีอาชีพทางการเกษตรกรรม ข๎าพเจ๎า จึงมคี วามเหน็ เสมอ มาวําวธิ ีการพฒั นาท่ีเหมาะสมแกํประเทศเราอยํางยิง่ ก็คอื จะต๎องทานบุ ารงุ เกษตรกรรม ทกุ สาขาให๎พฒั นาก๎าวหนา๎ เพอื่ ยกระดับฐานะ ความเป็นอยูํของเกษตรกรทุกระดับใหส๎ งู ขน้ึ ” พระบรมราโชวาทในพธิ ีพระราชทานปรญิ ญาบัตรของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร๑ ณ อาคารจกั รพันธเ๑ พญ็ ศริ ิ วันที่ 23 กรกฎาคม 2541 \" ผู๎ท่มี หี นา๎ ท่สี ื่อขาํ วท่ดี ี หรอื มหี นา๎ ทป่ี ระสานความเข๎าใจระหวํางคน หลายชาติหลายชั้นก็ดี ควรสานึกอยํูเสมอวํางานของเขาเป็นงานสาคัญ และมี เกยี รตสิ ูง เพราะหมายถึงความรับผิดชอบอันยิ่งใหญํในการรํวมกนั สร๎างสันติสุข ใหแ๎ กโํ ลก การแพรํขาํ วโดยขาดความระมดั ระวงั หรือแม๎แตํคาพูดงําย ๆ เพียงนิด เดียวก็สามารถจะทาลายงานท่ีผู๎มีความปรารถนาดีทั้งหลายพยายามสร๎างไว๎ ดว๎ ยความยากลาบากเป็นเวลาแรมปีหากจะแก๎ตัววําการพูดพลํอย ๆ เพียงสอง สามคานี้เป็นเร่ืองเล็ก ไมํนําจะเก็บมาถือเป็นเรื่องใหญํเลยก็ไมํถูก เหมือน ฟองอากาศนดิ เดยี วถ๎าเข๎าไปอยํูในเส๎นเลือด ก็จะสามารถปลิดชีวิตคนได๎ท้ังคน และน้าตาลหวาน ๆ ก๎อนเล็กนิดเดียว ถ๎าใสํลงไปในถังน้ามันรถก็จะทาให๎ เคร่อื งจกั รดี ๆ ของรถเสยี ไดโ๎ ดยส้นิ เชิง\" พระราชดารสั พระราชทาน แกนํ ักธรุ กิจและนักหนังสือพิมพ๑ ณ พพิ ธิ ภณั ฑเ๑ มโทรโปลิตนั นครนวิ ยอรก๑ อเมรกิ า วนั ท่ี 8 มถิ ุนายน 2510

175 \"การงานทุกอยํางทกุ อาชพี ยํอมจะมจี รรยาบรรณของตนเอง จรรยาบรรณนั้น จะบัญญัติเปน็ ลายลักษณอ๑ กั ษรหรือไมํก็ตาม แตํเป็นส่งิ ทย่ี ดึ ถือกนั วําเป็นความดีงาม ทค่ี นอาชีพน้นั พงึ ประพฤติปฏิบัติ หากผ๎ใู ดลํวงละเมดิ กอ็ าจกํอให๎เกดิ ความเสยี หาย ทั้งแกบํ ุคคล หมํูคณะ และสํวนรวมได๎ \" พระบรมราโชวาท ของพระบาทสมเดจ็ พระเจ๎าอยูํหวั ในพิธพี ระราชทานปรญิ ญาบัตร ของมหาวิทยาลัยมหดิ ล ณ อาคารใหมํ สวนอัมพร วันที่ 4 กรกฎาคม 2540 “… การทางานทกุ อยาํ ง คือ การพฒั นาตัวเอง เรามกั ได๎ยนิ คากลําวอ๎าง ของคนบางคนวาํ ไมํพอใจทางานอยาํ งนัน้ อยาํ งนี้ เพราะเปน็ งานท่ไี มตํ รง กบั วุฒิ หรือตา่ ตอ๎ ยด๎อยกวําวิทยฐานะของตน ท้ัง ๆ ท่ีบางทีก็กาลงั วํางงานอยํู การประพฤติอยาํ งนเี้ รียกวาํ เลือกงาน หรือไมํส๎งู านซงึ่ เป็นการถํวงตวั เองไว๎ ไมใํ หด๎ ขี ึน้ ได๎ ไมํใหก๎ ๎าวหน๎าตํอไปได๎ จงึ อยากจะเตือนบัณฑติ ทุก ๆ คนวาํ อยาํ ทาตัวเปน็ คนเลอื กงาน เม่ือมโี อกาสและมีงานใหท๎ าก็ควรเต็มใจทา โดยไมจํ า ตอ๎ งต้งั ข๎อแม๎ หรือเงอ่ื นไขอันใดไวใ๎ ห๎เป็นเคร่ืองกีดขวาง ขอใหค๎ ดิ กนั เสียใหมํ วาํ คนท่ีทางานได๎จริง ๆ น้นั ไมวํ าํ จะจับงานส่ิงใดยอํ มทาไดเ๎ สมอ ถา๎ ย่งิ มคี วาม เอาใจใสํ มคี วามขยัน มีความสังเกตจดจาดี กย็ ่งิ จะชํวยใหป๎ ระสบผลสาเร็จ ในงานที่ทาสูงขน้ึ ทั้งนเี้ พราะประสบการณท๑ ี่ไดร๎ บั จากการทางานแตํละครง้ั แตลํ ะวันจะคอํ ย ๆ เพิ่มพนู ขนึ้ เปน็ ลาดบั สงํ เสรมิ ให๎มคี วามสามารถจัดเจน มีความเจรญิ กา๎ วหนา๎ สมวิทยฐานะ หรอื เจริญขน้ึ เกนิ กวาํ ท่ีคาดหวังไวม๎ ากมาย ก็ได๎ จึงกลาํ วได๎เต็มปากวาํ การทางานด๎วยความร๎ูความสามารถ ด๎วยความตั้งใจ และเอาใจใสศํ ึกษานัน้ เป็นการพัฒนาบุคคลใหม๎ ีคณุ ภาพสูงขึ้นโดยแท๎ และ บุคคลที่มีคุณภาพอันพัฒนาแลว๎ ยอํ มสามารถจะพัฒนางานสํวนรวมของชาติ ให๎เจรญิ ก๎าวหนา๎ ได๎ดงั ประสงค.๑ .…” พระบรมราโชวาท ในพิธพี ระราชทานปรญิ ญาบัตร ของวทิ ยาลยั เทคโนโลยแี ละอาชีวศึกษา วันท่ี 8 กรกฎาคม 2530

176 “..สมาชกิ ท้งั หลาย ไดท๎ าหน๎าทเี่ ปน็ ตัวแทนของ ปวงชนชาวไทย มสี ํวนสาคญั ในการปกครอง ประเทศชาติ จงึ ขอให๎พิจารณาดาเนินงาน ด๎วยความละเอยี ด รอบคอบ และขอให๎ปฏบิ ัตติ รงตามปรารถนาของประชาชน เป็นสวํ นรวม อยํางแท๎จรงิ ...” ความตอนหนึง่ ในพระราชดารสั ในพิธเี ปดิ ประชมุ รัฐสภา ณ พระที่นัง่ อนันตสมาคม วันท่ี 24 มิถุนายน 2501 กกกกกกกกก 2.3 จากพระราชดารัสดงั กลําวข๎างตน๎ เกษตรกรท่เี ปน็ อาชพี ที่สาคญั ของชาตไิ ทย ตอ๎ งดาเนินชวี ติ ประกอบอาชพี แบบพอเพียง พึ่งตนเอง คํอย ๆ สร๎างความเจริญก๎าวหน๎าให๎กับตนเอง ด๎วยความรอบคอบ ระมัดระวัง ประหยัด เพื่อปูองกันข๎อผิดพลาดล๎มเหลว สํวนอาชีพผ๎ูสื่อขําว ต๎องระมัดระวังในการเผยแพรํขําวสาร เพียงเพราะการใช๎คาพูดไมํถูกต๎อง ยํอมสํงผลตํอผ๎ูต้ังใจ ปฏิบัติงานมาด๎วยความลาบากได๎ และสาหรับผู๎แทนราษฎร ควรปฏิบัติงานด๎วยความละเอียด รอบคอบ ทาให๎ตรงตํอความต๎องการของประชาชน และเพ่ือประโยชน๑สํวนรวม โดยทุกอาชีพต๎องมี จรรยาบรรณ ตอ๎ งมีหรอื มีคุณธรรม ในการประกอบอาชีพ ทุกอาชีพต๎องมีการพัฒนาอาชีพของตนเอง ควรต้ังใจศึกษาพัฒนาอาชีพ ด๎วยการตั้งใจศึกษาพัฒนาอาชีพ และทางานด๎วยความรู๎ ความสามารถ ของตนเอง กกกกกกกกก 2.3 กลาํ วโดยสรุปหนา๎ ท่พี ลเมืองดี ควรน๎อมนาพระราชดารสั ที่เกยี่ วขอ๎ งกับอาชีพการงาน มาปรับใช๎ ด๎วยการพัฒนาตนเองในการประกอบอาชีพการงาน ตั้งใจศึกษาหาความรู๎ ใช๎ความรู๎ ความสามารถในการประกอบอาชีพ ควบคูํกับมีคุณธรรมในอาชีพที่ตนเองประกอบอาชีพอยํู มีความ พอเพียง พ่ึงตนเอง คํอย ๆ สร๎างความเจริญก๎าวหน๎า ของอาชีพท่ีตนทาอยูํด๎วยความรอบคอบ ประหยัด ปูองกันความล๎มเหลว รวมถึงการระมัดระวังคาพูด ท่ีใช๎ในการส่ือสาร ตลอดจนคานึงถึง ผลประโยชน๑ของประชาชนสํวนใหญํ พงึ ได๎รับจากการประกอบอาชีพนน้ั ๆ กกกกกกกกก 2.4 พระราชดารัสที่เก่ียวข๎องกบั ชุมชน ท๎องถิน่ และสังคม กกกกกกกกก 2.4 พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลท่ี 9 ได๎ทรงพระราชทาน พระราชดารัสที่เกี่ยวข๎องกับชุมชน ท๎องถ่ินและสังคม ไว๎ให๎ประชาชนชาวไทยได๎น๎อมนามาใช๎ในการ พฒั นาชมุ ชนท๎องถิน่ และสงั คม ท่สี าคญั ๆ มีดังนี้

177 “งานพฒั นาบ๎านเมืองน้นั ตอ๎ งอาศัยบุคคลสองประเภท คือ นกั วชิ าการ กบั ผ๎ูปฏิบตั ิ นกั วชิ าการเปน็ ผูว๎ างโครงการ เป็นผู๎นาผ๎ูช้ีทางเป็นท่ีปรึกษาของผ๎ูปฏิบัติ สวํ นผป๎ู ฏิบัตินั้นเปน็ ผู๎ลงมือลงแรงกระทางาน งานจะได๎ผลหรือไมํเพียงไร ข้ึนอยูํกับ ความสัมพันธ๑ระหวํางบุคคลสองฝุายน้ี ถ๎ามีความเข๎าใจและรํวมงานกัน ก็ไมํมีอุปสรรค ได๎ผลงานเต็มเม็ดเต็มหนํวย แตํถ๎าไมํเข๎าใจกันก็เกิดอุปสรรคลําช๎า ซึ่งมักปรากฏ อยเํู สมอ และจาเปน็ จะตอ๎ งแกไ๎ ข” พระบรมราโชวาทในพธิ ีพระราชทานปริญญาบตั รของ มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร๑ ณ หอประชุมมหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร๑ วนั ที่ 16 กรกฎาคม 2513 “ในการพัฒนาประเทศนัน้ จาเปน็ ต๎องทาตามลาดบั ข้ัน เร่มิ ดว๎ ย การสรา๎ งพ้นื ฐาน คอื ความมีกนิ มใี ชข๎ องประชาชนกอํ นด๎วยวิธกี ารที่ประหยัด ระมัดระวังแตํถูกต๎องตามหลักวิชา เม่ือพ้ืนฐานเกิดขึ้นมั่นคงพอควรแล๎ว จึงคํอยสร๎างเสริมความเจริญขั้นท่ีสูงข้ึนตามลาดับตํอไป ก็เพ่ือปูองกัน ความผิดพลาดลม๎ เหลว และเพอ่ื ใหบ๎ รรลผุ ลสาเร็จแนนํ อนบริบูรณ๑” พระบรมราโชวาทในพิธีพระราชทานปริญญาบตั ร ของมหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร๑ วนั ท่ี 19 กรกฎาคม 2517 “…การพฒั นาทเี่ หมาะกบั ประเทศไทยเรา กค็ ือจะต๎องทานุบารงุ เกษตรกรรม ทกุ สาขาใหพ๎ ฒั นากา๎ วหน๎าเพื่อยกระดับฐานะของเกษตรกร ซ่งึ เป็นประชาชน สวํ นใหญํของประเทศใหส๎ งู ขน้ึ อันจะสงํ ผลใหฐ๎ านะทางเศรษฐกิจโดยสํวนรวม ของประเทศมคี วามเข๎มแข็งมั่นคงขนึ้ ดว๎ ย…” คัดตดั ตอนจากพระบรมราโชวาท ในพธิ ีพระราชทานปริญญาบัตร ของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร๑ วนั ท่ี 24 กรกฎาคม 2541

178 “พวกเราท้ังหลายจึงต๎องร๎จู ัก ร๎ูวาํ แตลํ ะชมุ นมุ ชนอยูํไดด๎ ว๎ ยตนเอง และถ๎า อยากอยูํให๎ดขี น้ึ ให๎มคี วามเจรญิ ใหม๎ คี วามอยูดํ ีกินดีข้นึ มีรายไดม๎ ากขึน้ จะต๎อง แลกเปลย่ี นระหวาํ งชุมนุมชน ระหวาํ งหมูบํ า๎ น ระหวํางจังหวัด ระหวํางประเทศ จะต๎องมคี วามสามคั คี ความสามัคคีปรองดองกันระหวาํ งบุคคลในประเทศ จงึ เปน็ ความสาคัญ เพ่ือให๎แตํละคน ไดส๎ ามารถที่จะทามาหากิน มคี วามก๎าวหนา๎ เครือ่ งหมายผนู๎ าเยาวชน จงึ มีสงิ่ ท่ีสาคญั ทสี่ ุด คือ ธงชาติอยูํในเครอื่ งหมาย และเป็นสํวนใหญทํ ส่ี ดุ อันนมี้ ีไว๎ เพราะตอ๎ งทราบวําชาติน้ี เป็นส่งิ สาคญั สาหรบั ทกุ คน และต๎องรวํ มกนั สร๎าง ไมํใชวํ าํ แตํละคนตํางอยูํ ทุกคนได๎รับความร๎ู ในทางวชิ าการ ได๎รับความร๎ใู นทางความสามคั คีวาํ ต๎องรวบรวมกาลัง ตอ๎ งรํวมแรงกนั เพ่ือท่ีจะ สรา๎ งความเจรญิ แกบํ า๎ นเมือง” พระบรมราโชวาท พระราชทานแกผํ ๎ูนาเยาวชนจากจังหวัดตําง ๆ 36 จงั หวัด ทป่ี รกึ ษาผน๎ู าเยาวชน และเจา๎ หน๎าทีด่ าเนนิ การฝึกอบรม ณ ศาลาดุสดิ าลัย วนั ท่ี 30 สิงหาคม 2514 ก กกกกกกกก 2.4 จากพระราชดารสั ดงั กลําวข๎างต๎น ในฐานะที่ทุกคนเปน็ สมาชิกของชมุ ชน ทอ๎ งถิ่น และสังคม เก่ียวข๎องกับการพัฒนาบ๎านเมือง ชุมชน ท๎องถ่ิน ต๎องมีท้ังนักวิชาการ และผ๎ูปฏิบัติ ท่ีมีความสัมพันธ๑อันดี รํวมมือกันพัฒนา โดยการพัฒนาต๎องเหมาะสมกับบริบทของพ้ืนท่ีน้ัน ๆ ชุมชน ท๎องถิ่น จะเข๎มแข็งได๎ ต๎องมีการติดตํอ แลกเปล่ียนกับบุคคลหรือองค๑กรภายนอก ภายใต๎การมี สัมพันธภาพที่ดี มีความรักใครปํ รองดอง และสามคั คกี นั ตลอดจนมีกระบวนการพัฒนาชุมชน ท๎องถ่ิน ตามลาดับข้นั ประหยัด ถูกหลกั วชิ า เพอ่ื ปอู งกันความลม๎ เหลว กกกกกกกกก 2.4 กลําวโดยสรุปหนา๎ ที่พลเมืองดี ควรน๎อมนาพระราชดารัสท่เี ก่ียวข๎องกบั การพฒั นา ต๎องอาศัยความรํวมมือท้ังฝุายวิชาการและผู๎ปฏิบัติ ต๎องพัฒนาให๎เหมาะสมกับสภาพพ้ืนท่ีบริบท ต๎องอาศัยบุคคลภายนอก หรือองค๑กรภายนอกเข๎ามามีสํวนรํวมแลกเปล่ียนสร๎างความเข๎มแข็ง ให๎กับ ชุมชน ทอ๎ งถ่นิ โดยต๎องทาตามขน้ั ตอนถูกตอ๎ งตามหลักวชิ า เพื่อปอู งกันความผดิ พลาดทเี่ กดิ ขึน้ เรื่องท่ี 3 การนอ้ มนาหลักการทรงงานไปใช้ชีวิตประจาวัน กกกกกกก3. 3.1 การนอ๎ มนาหลกั การทรงงานไปใช๎ในครอบครวั กกกกกกก3. 3.1 หลักการทรงงานของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภมู ิพลอดลุ ยเดช รชั กาลท่ี 9 ทีส่ าคญั ท่คี รอบครวั ชาวไทย ควรน๎อมนาไปใช๎ในชวี ิตประจาวนั ได๎แกํ

179 กกกกกกก3. 3.1 3.1.1 การมีสํวนรวํ ม และคดิ ถึงสํวนรวม สมาชิกในครอบครวั ควรน๎อมนามาใช๎ ด๎วยการเปิดโอกาสให๎ทุกคนในครอบครัวรํวมแสดงความคิดเห็น เปิดใจให๎กว๎างรับฟ๓งความคิดเห็น แล๎วนามาปรับใช๎ในการดารงชีวิตของครอบครัว รํวมกันทากิจกรรม หรือภารกิจของครอบครัว และ เม่อื ไดร๎ ับมอบหมาย ก็รํวมกันทาความตง้ั ใจใหส๎ าเรจ็ ลลุ ํวง กกกกกกก3. 3.1 3.1.2 ประโยชนส๑ ํวนรวม สมาชกิ ในครอบครัว ควรนอ๎ มนามาใช๎ ดว๎ ยการมีความ เสียสละความสุขสํวนตน เพื่อประโยชน๑สํวนรวมของคนในครอบครัว เพื่อให๎ครอบครัวอยํูรํวมกัน อยาํ งมคี วามสุข กกกกกกก3. 3.1 3.1.3 ขาดทนุ คือกาไร สมาชิกในครอบครวั ควรนอ๎ มนามาใช๎ ดว๎ ยการคานึงถึง ผลประโยชน๑ของคนสํวนรวมภายในครอบครัว มากกวําผลสาเร็จที่เป็นตัวเลข อันเป็นผลประโยชน๑ ของตนเองทีเ่ ปน็ สํวนหน่งึ ของสมาชิกครอบครัว กกกกกกก3. 3.1 3.1.4 การพง่ึ ตนเอง สมาชิกในครอบครวั ควรน๎อมนามาใช๎ ดว๎ ยการพง่ึ พาตนเอง ปฏิบตั ภิ ารกิจสวํ นตัวใหส๎ าเร็จ เพราะสมาชิกในครอบครวั ตํางมีภารกจิ ท่ีต๎องรบั ผดิ ชอบ กกกกกกก3. 3.1 3.1.5 พออยํู พอกิน สมาชิกในครอบครัว ควรน๎อมนามาใช๎ ดว๎ ยการใชข๎ องใช๎ หรือบริโภคส่งิ ของท่ีมีอยํูแล๎ว ใหค๎ ม๎ุ คํา ประหยัด และเรียบงําย กกกกกกก3. 3.1 3.1.6 เศรษฐกิจพอเพยี ง สมาชกิ ในครอบครวั ควรน๎อมนามาใช๎ ด๎วยการดารงอยํู และดาเนนิ ชีวติ ตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี งอยํางรูเ๎ ทาํ ทัน ปรบั ตัวได๎ตามสภาพเศรษฐกิจ และสังคมทเ่ี ปลี่ยนไป กกกกกกก3. 3.1 3.1.7 ความซอ่ื สัตย๑สจุ ริต จริงใจตํอกัน สมาชิกในครอบครัว ควรน๎อมนามาใช๎ ด๎วยการปฏบิ ตั ติ นท้งั ทางกาย วาจา จิตใจ ทตี่ รงไปตรงมา ไมํแสดงความคดโกง ไมหํ ลอกลวง ไมเํ อาเปรียบ สมาชกิ คนอื่น ๆ ในครอบครวั ท้ังตํอหนา๎ และลบั หลงั กกกกกกก3. 3.1 3.1.8 ทางานอยาํ งมีความสขุ สมาชิกในครอบครัว ควรน๎อมนามาใช๎ ดว๎ ยการ ทางาน หรอื ปฏิบตั ิภารกิจของครอบครัวอยาํ งมีความสุข กกกกกกก3. 3.1 3.1.9 ความเพยี ร สมาชกิ ในครอบครวั ควรนอ๎ มนามาใช๎ ด๎วยการเร่มิ ตน๎ ทางาน หรอื ภารกจิ ของครอบครัวท่ีได๎รบั มอบหมาย ด๎วยความมุงํ มั่นเพียรพยายามให๎สาเร็จลุลํวง กกกกกกก3. 3.1 3.1.10 ร๎ู รกั สามคั คี สมาชกิ ในครอบครัว ควรนอ๎ มนามาใช๎ ด๎วยการตอ๎ งมี ความร๎ูในงานที่ตนเองได๎รับมอบหมายจากครอบครัวเป็นอยํางดี ตํอจากน้ันให๎ทางานท่ีได๎รับ มอบหมายจากครอบครัว ด๎านความร๎ูสึกที่ดี ชอบในงานที่ปฏิบัติ ในกรณีที่ลงมือปฏิบัติแล๎ว ไมํสามารถทาได๎สาเร็จด๎วยตนเองตามลาพังก็ต๎องใช๎สมาชิกคนอ่ืน ๆ ในครอบครัวมาชํวยทารํวมกัน อยํางมคี วามสามัคคี กกกกกกก3. 3.2 การนอ๎ มนาหลักการทรงงานมาใช๎กับการศกึ ษา กกกกกกก3. 3.2 3.2.1 ศึกษาข๎อมูลอยํางเป็นระบบ ผ๎เู รียนหรอื นักศึกษาควรน๎อมนามาใช๎ ด๎วยการ มกี ารวางแผนศึกษาค๎นควา๎ ข๎อมูลทเ่ี กี่ยวขอ๎ งกบั การเรยี น เรือ่ งนนั้ ๆ ใหค๎ รอบคลมุ แลว๎ นามาวิเคราะห๑ ขอ๎ มลู จดั ลาดบั ความสาคญั ของข๎อมูลที่ไดศ๎ ึกษาวํา ควรปฏิบตั ิเร่ืองใดกํอนหลัง โดยการศึกษาของตน วําควรจะตอ๎ งทาสงิ่ ไหนกอํ น ให๎เรยี งระดบั ตรวจดูวําสิ่งทท่ี ามผี ลดี หรอื ผลเสีย หากเกิดผลเสีย เราก็ นามาปรบั ปรงุ แก๎ไขให๎ดีข้นึ

180 กกกกกกก3. 3.2 3.2.2 ระเบดิ จากข๎างใน ผเ๎ู รยี นหรือนักศกึ ษาควรนอ๎ มนามาใช๎ ด๎วยการพิจารณา ถึงคุณคําความสาคัญ หรือประโยชน๑ของเรื่องที่กาลังศึกษาอยูํ ถ๎ารับร๎ูได๎ก็จะเกิดแรงบันดาลใจ หรือ ความปรารถนาของผูเ๎ รยี น หรอื นกั ศึกษาให๎อยากเรียนร๎ู จนสาเร็จลุลวํ ง กกกกกกก3. 3.2 3.2.3 แก๎ปญ๓ หาทจี่ ุดเล็ก ผูเ๎ รียนหรอื นักศกึ ษาควรน๎อมนามาใช๎ ดว๎ ยการแก๎ไข ป๓ญหาเฉพาะหนา๎ ซ่ึงเป็นปญ๓ หาใกล๎ตวั หรือปญ๓ หาจุดเล็ก ๆ ท่ีสามารถแก๎ไขได๎ด๎วยตนเองกํอน ซึ่งเม่ือ ไดแ๎ ก๎ไขจุดเลก็ ๆ ไดแ๎ ลว๎ จึงคํอย ๆ ไปแกไ๎ ขปญ๓ หาอ่นื ของผู๎เรียน หรอื นกั ศกึ ษาตามลาดบั กกกกกกก3. 3.2 3.2.4 ทาตามลาดับข้ัน ผ๎ูเรียนหรอื นักศึกษาควรน๎อมนามาใช๎ ดว๎ ยการเร่มิ ต๎นทา จากเรื่องหรืองานท่ีได๎รับมอบหมายตามลาดับกํอนหลัง ที่ต๎องสํงอาจารย๑ผ๎ูสอนกํอน เพ่ือให๎สามารถ ปฏบิ ตั ติ ามทอ่ี าจารย๑กาหนดไว๎ กกกกกกก3. 3.2 3.2.5 ภูมสิ ังคม ผู๎เรยี นหรอื นักศึกษาควรน๎อมนามาใช๎ ดว๎ ยการคานึงถงึ ความ แตกตํางระหวํางบุคคล ของเพื่อนนักศึกษา ครูบาอาจารย๑ ท่ีมีสังคม วัฒนธรรม การหลํอหลอม ความคดิ กฎระเบยี บมาแตกตาํ งกนั เคารพความแตกตาํ ง และปรับตวั ให๎เหมาะสมตามบรบิ ท กกกกกกก3. 3.2 3.2.6 องค๑รวม ผู๎เรยี นหรอื นกั ศึกษาควรนอ๎ มนามาใช๎ ด๎วยการเช่ือมโยงองค๑ความร๎ู จากวิชาตาํ ง ๆ ทเ่ี รยี นร๎ู ใหเ๎ ป็นองคร๑ วมสมั พันธก๑ ัน จะชํวยใหก๎ ารเรยี นร๎ูมมี มุ มองทกี่ วา๎ งขวาง เกดิ ความคดิ ทส่ี รา๎ งสรรค๑ กกกกกกก3. 3.2 3.2.7 ไมํติดตารา ผเ๎ู รยี นหรือนกั ศึกษาควรน๎อมนามาใช๎ ด๎วยการไมํยดึ ตดิ กับ วิชาการอยาํ งเดยี ว แตคํ วรผสมผสานกบั ความร๎ปู ฏิบตั ทิ ่ีมอี ยใูํ นชีวติ จรงิ หรอื วถิ ชี วี ิต กกกกกกก3. 3.2 3.2.8 ประหยัด เรียบงาํ ย ไดป๎ ระโยชนส๑ งู สุด ผู๎เรียนหรอื นกั ศึกษาควรน๎อมนา มาใช๎ ด๎วยการรจ๎ู ักใช๎วัสดุการศกึ ษาท่ีประหยดั เรียบงําย ราคาถูก สามารถใช๎ประโยชน๑ในการศึกษา ไดส๎ ูงสดุ กกกกกกก3. 3.2 3.2.9 ทาให๎งาํ ย ผ๎เู รยี นหรอื นักศึกษาควรน๎อมนามาใช๎ ดว๎ ยการวางแผนออกแบบ ค๎นหาวิธีการดาเนินงาน หรือภารกิจการเรียนท่ีได๎รับมอบหมายให๎เข๎าใจชัดเจน ใช๎ภาษาท่ีอํานงําย พรอ๎ มท่ีจะใหอ๎ าจารย๑ผ๎สู อนตรวจ กกกกกกก3. 3.2 3.2.10 การมสี ํวนรวม ผเ๎ู รียนหรือนกั ศึกษาควรน๎อมนามาใช๎ ดว๎ ยการเปดิ โอกาส ให๎เพ่ือนนักศึกษาแสดงความคิดเห็น รับฟ๓งด๎วยความหนักแนํน ปราศจากอคติ แล๎วนามาประยุกต๑ใช๎ หรอื มสี ํวนรํวมในกิจกรรมกบั เพ่อื นนักศึกษา หรือกบั สถาบันการศึกษาตามโอกาสอนั ควร กกกกกกก3. 3.2 3.2.11 ประโยชน๑สํวนรวํ ม ผเ๎ู รยี นหรอื นักศึกษาควรน๎อมนามาใช๎ ด๎วยการ จะต๎องมีความเสียสละสํวนตนเพ่ือผลประโยชน๑สํวนรวม หรือของกลุํมเพ่ือนนักศึกษาท่ีทากิจกรรม รํวมกัน ให๎สาเร็จลุลํวง ตลอดจนชํวยกันรักษาผลประโยชน๑ หรือภาพลักษณ๑ของสถานศึกษาที่ตนเอง ได๎มสี วํ นเรยี นรู๎ กกกกกกก3. 3.2 3.2.12 บรกิ ารรวมท่จี ดุ เดยี ว ผ๎ูเรียนหรอื นักศึกษาควรนอ๎ มนามาใช๎ ดว๎ ยการ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการเรียน จากการที่ตํางคนตํางทา มาสูํการประสานงานกิจกรรมท่ีทากับ เพอื่ นท่เี กยี่ วข๎อง ซึง่ จะเห็นผลงานที่ชดั ขึ้น กกกกกกก3. 3.2 3.2.13 ปลกู ปุาในใจคน ผเู๎ รยี นหรอื นักศึกษาควรนอ๎ มนามาใช๎ ด๎วยการตอ๎ ง ชวํ ยกันรณรงคใ๑ ห๎ทุกภาคสํวนเห็นความสาคัญของการอนุรักษธ๑ รรมชาตขิ องสิ่งแวดลอ๎ ม

181 กกกกกกก3. 3.2 3.2.14 ขาดทุนคือกาไร ผเ๎ู รียนหรือนักศึกษาควรนอ๎ มนามาใช๎ ด๎วยการคานึงถงึ ผลประโยชน๑ของสถาบันการศึกษา หรือกลุํมเพ่ือนนักศึกษาสํวนรวม มากกวําผลสาเร็จที่เป็นตัวเลข หรอื มผี ลการเรียนท่ีดี แตํผลงานกลุํมไมํดี หรือสถาบันการศึกษาเสียหายจากการกระทาของนักศึกษา บางคนท่มี ุงํ ประโยชนต๑ นเอง กกกกกกก3. 3.2 3.2.15 การพงึ่ ตนเอง ผู๎เรยี นหรอื นกั ศึกษาควรน๎อมนามาใช๎ ด๎วยการพัฒนาการ เรียนของตนเองให๎สาเร็จลุลํวงด๎วยตนเอง มากกวํารอความชํวยเหลือจากเพ่ือนนักศึกษา หรือครู บาอาจารย๑ กกกกกกก3. 3.2 3.2.16 พออยูํพอกนิ ผู๎เรยี นหรอื นกั ศึกษาควรน๎อมนามาใช๎ ดว๎ ยการดาเนินชวี ติ ขณะศึกษาเลําเรยี นดว๎ ยความประหยัดเรียบงําย ต๎องตระหนกั วาํ ใชเ๎ งนิ ของพํอแมํในการศกึ ษา กกกกกกก3. 3.2 3.2.17 เศรษฐกิจพอเพียง ผ๎เู รยี นหรือนกั ศึกษาควรนอ๎ มนามาใช๎ ดว๎ ยการเรียนร๎ู ความร๎ูวิชาการ ควบคูํกับการเข๎ารํวมกิจกรรมพัฒนาคุณธรรมท่ีสถาบันการศึกษาจัดขึ้น ใช๎ชีวิต การศึกษาแบบเรียบงําย ไมฟํ งูุ เฟูอ มีเหตผุ ล รจู๎ กั ปฏิเสธเพอ่ื นทจี่ ะชกั ชวนเราไปในทางทผ่ี ิด กกกกกกก3. 3.2 3.2.18 ความซ่ือสัตย๑ สจุ ริต จรงิ ใจตอํ กัน ผเ๎ู รียนหรอื นกั ศึกษาควรน๎อมนามาใช๎ ด๎วยการปฏิบัติภารกิจ การเรียนด๎วยความซ่ือสัตย๑สุจริต ไมํลอกการบ๎านเพ่ือนมาสํงอาจารย๑ผู๎สอน ทาข๎อสอบด๎วยความสามารถ ไมํลอกข๎อสอบของเพ่ือน หรือพูดแตํเรื่องท่ีถูกต๎อง ตรงไปตรงมา เป็นตน๎ กกกกกกก3. 3.2 3.2.19 ทางานอยาํ งมคี วามสุข ผูเ๎ รียนหรือนักศึกษาควรนอ๎ มนามาใช๎ ด๎วยการ ต้ังใจศึกษาเลําเรียนอยํางมีความสุข ปฏิบัติงานท่ีได๎รับมอบหมายจากเพ่ือนนักศึกษา หรือครู ด๎วย ความร๎ูสึกท่มี ีความสุขจะชํวยใหก๎ ารศกึ ษาสนกุ และผลการเรียนดขี น้ึ ได๎ กกกกกกก3. 3.2 3.2.20 ความเพยี ร ผ๎เู รยี นหรือนักศกึ ษาควรน๎อมนามาใช๎ ด๎วยการมุํงมน่ั ตั้งใจ เพยี รพยายาม ศึกษาเลําเรียนในหลกั สูตรให๎สาเร็จ กกกกกกก3. 3.2 3.2.21 ร๎ู รัก สามคั คี ผ๎ูเรยี นหรอื นกั ศึกษาควรน๎อมนามาใช๎ ด๎วยการต๎องมี ความรใ๎ู นเรื่องทตี่ นเองศึกษากํอน ทาด๎วยความรัก ในเร่ืองที่ศกึ ษา และทางานเป็นทีมด๎วยความ สามคั คี กกกกกกก3. 3.3 การน๎อมนาหลักการทรงงานมาใช๎ในอาชพี การงาน กกกกกกก3. 3.3 3.3.1 ศกึ ษาข๎อมูลอยํางเป็นระบบ ผ๎ปู ระกอบอาชีพการงาน ควรน๎อมนามาใช๎ ด๎วยการทางานอยาํ งมีขน้ั ตอน เชํน มกี ารวางแผน การออกแบบ เม่อื เสรจ็ สิน้ แลว๎ มีการวเิ คราะห๑ผล ประเมนิ ผลแล๎วพิจารณาหาวธิ ีการแก๎ไขในงานทที่ า กกกกกกก3. 3.3 3.3.2 ระเบดิ จากขา๎ งใน ผู๎ประกอบอาชพี การงานควรน๎อมนามาใช๎ ดว๎ ยการต๎อง มํุงให๎ตนเอง และเพื่อนรํวมอาชพี เหน็ คุณคาํ และประโยชน๑ของการประกอบอาชีพรวํ มกัน กกกกกกก3. 3.3 3.3.3 แก๎ป๓ญหาท่จี ุดเลก็ ผปู๎ ระกอบอาชีพการงานควรน๎อมนามาใช๎ ดว๎ ยการ แกไ๎ ขปญ๓ หาเฉพาะหนา๎ ท่ีเกิดขึ้นเรงํ ดวํ น และผู๎ประกอบอาชพี มคี วามสามารถในการแก๎ไขปญ๓ หานี้ได๎ ดว๎ ยตนเอง กกกกกกก3. 3.3 3.3.4 ทาตามลาดับขั้น ผ๎ปู ระกอบอาชีพการงานควรนอ๎ มนามาใชด๎ ว๎ ยการวาง ลาดับขั้นของส่ิงที่จะต๎องทา แล๎วคํอย ๆ ลงมือทาไปทีละขั้น ระหวํางที่ทาก็พิจารณาผลที่เกิดขึ้นวํา เป็นไปตามที่ควรจะเป็นหรือไมํ ถ๎าเป็นไปตามสิ่งที่คาดไว๎ก็ลงมือทาข้ันถัดไป ถ๎าไมํเป็นดังท่ีคาดก็ต๎อง

182 พิจารณาหาข๎อผิดพลาด เพื่อที่จะเรียนรู๎และหาทางแก๎ไข โดยอาจมีการปรับขั้นตอนได๎ การทางาน อยํางเปน็ ระบบยํอมเกิดขึน้ ไดจ๎ ากคนที่คิดสง่ิ ตาํ ง ๆ อยํางเป็นระบบ กกกกกกก3. 3.3 3.3.5 ภูมสิ งั คม ผ๎ปู ระกอบอาชพี การงานควรนอ๎ มนามาใช๎ ด๎วยการปรบั ตวั ให๎เข๎า กบั เพื่อนรวํ มอาชีพ หรอื เคารพความแตกตาํ งของเพื่อนรวํ มอาชีพ และผูร๎ ับบริการท่ีมาติดตอํ ด๎วย กกกกกกก3. 3.3 3.3.6 องคร๑ วม ผป๎ู ระกอบอาชีพการงานควรน๎อมนามาใช๎ ดว๎ ยการมองอยํางครบ วงจร คือ คดิ ตั้งแตเํ ริม่ ทางานอาชพี จนถงึ ผลผลติ ผลลัพธ๑ และผลกระทบ ท่ีหย่ังคาดถึงเหตุการณ๑ท่ีจะ เกิดข้ึน และแนวทางแก๎ไขอยํางเช่ือมโยงกัน จากน้ันจึงวางแผนงานให๎รัดกุม ความรอบคอบ ลดการ สญู เสยี รายได๎ หรืออนั ตรายทอี่ าจจะเกดิ ขนึ้ กับตนเอง หรอื เพื่อนรํวมอาชีพ กกกกกกก3. 3.3 3.3.7 ไมํติดตารา ผ๎ูประกอบอาชพี การงานควรน๎อมนามาใช๎ ด๎วยการทีย่ อมรับ เปิดใจกว๎าง ตํอความร๎ูปฏิบัติในอาชีพที่มีทาตํอ ๆ กันมาหลายชํวงระยะเวลา และนาความรู๎วิชาการ สมัยใหมํ ผนวกเข๎าไปเสริมให๎การปฏิบัติหรือผลิตผล หรือผลิตภัณฑ๑ หรือสินค๎าของอาชีพนั้น มีคณุ ภาพตรงกบั ความตอ๎ งการของผรู๎ บั บริการ หรอื ผบู๎ รโิ ภค กกกกกกก3. 3.3 3.3.8 ประหยัด เรียบงําย ได๎ประโยชนส๑ งู สดุ ผูป๎ ระกอบอาชพี การงานควรน๎อม นามาใช๎ ด๎วยการต๎องรู๎จักใช๎ทรัพยากร วัตถุดิบในอาชีพน้ันอยํางฉลาด คือไมํนามาทุํมเทใช๎ให๎ สิ้นเปลืองไปโดยไร๎ประโยชน๑ หรือได๎รับประโยชน๑ไมํค๎ุมคํา หากแตํระมัดระวังใช๎ด๎วยความประหยัด รอบคอบ กกกกกกก3. 3.3 3.3.9 ทาใหง๎ ําย ผ๎ูประกอบอาชพี การงานควรน๎อมนามาใช๎ ดว๎ ยการวางแผน ออกแบบผลิตภัณฑ๑ หรือผลิตสินค๎า หรือค๎นหาวิธีการดาเนินงาน ผลิตสินค๎าที่มีลักษณะเรียบงําย ไมยํ ํงุ ยากซับซอ๎ น ใชเ๎ ทคโนโลยที ่ีเรยี บงาํ ย แตไํ ด๎ผลผลติ หรอื สินคา๎ ท่ีมีคุณภาพจาหนํายไดร๎ าคาท่ดี ี กกกกกกก3. 3.3 3.3.10 การมสี วํ นรํวม ผ๎ปู ระกอบอาชีพการงานควรน๎อมนามาใช๎ดว๎ ยการเปิด โอกาสให๎ผ๎ูบรโิ ภค หรอื เพ่ือนรํวมงานไดม๎ ีโอกาสแสดงความคดิ เหน็ ในการผลติ สินคา๎ หรือผลติ ภณั ฑ๑ ทมี่ ีคณุ ภาพตรงความตอ๎ งการของผ๎ูบริโภคเปน็ สาคญั นอกจากนใี้ นการผลิตสนิ ค๎า หรือผลติ ภัณฑ๑ จานวนมาก ตอ๎ งอาศัยการมีสํวนรวํ มของเพื่อนรํวมอาชพี ที่เราควรใหค๎ วามสาคญั ดว๎ ย กกกกกกก3. 3.3 3.3.11 ประโยชน๑สํวนรวม ผป๎ู ระกอบอาชพี การงานควรน๎อมนามาใช๎ ด๎วยการ คานงึ ถงึ ผลประโยชน๑ของผบ๎ู ริโภคเปน็ หลกั มากกวํา ประโยชนท๑ ตี่ นเองจะได๎รับ กกกกกกก3. 3.3 3.3.12 บรกิ ารรวมทจี่ ดุ เดียว ผ๎ูประกอบอาชีพการงานควรน๎อมนามาใช๎ ด๎วยการ นาเสนอตง้ั แตํข้ันตอนการเตรียมวตั ถุดบิ กระบวนผลติ การใสบํ รรจุภณั ฑ๑ ใหผ๎ ูบ๎ รโิ ภคไดเ๎ หน็ เพ่อื เพิม่ ความม่ันใจ ในผลติ ภัณฑ๑ทสี่ ดสะอาด นาํ ซื้อไปใช๎ หรอื เพื่อการบรโิ ภค กกกกกกก3. 3.3 3.3.13 ใชธ๎ รรมชาติ ชํวยธรรมชาติ ผป๎ู ระกอบอาชีพการงานควรน๎อมนามาใช๎ ด๎วยการใชว๎ ตั ถดุ บิ ทม่ี าจากธรรมชาติ ในการผลิตสนิ ค๎า ใชส๎ ารที่มาจากธรรมชาติในการแกไ๎ ขกลิน่ สี ของผลิตภณั ฑ๑ หรือสนิ คา๎ ท่ีประกอบอาชีพ ใช๎พชื ผักสมนุ ไพร มาชํวยกาจดั ศัตรูพชื หรือดับกล่ินทเ่ี กิด จากการประกอบอาชีพ กกกกกกก3. 3.3 3.3.14 ปลกู ปุาในใจคน ผู๎ประกอบอาชพี การงานควรน๎อมนามาใช๎ ดว๎ ยการ ชํวยกันดแู ลทรพั ยากรปาุ ไมท๎ ี่เป็นต๎นน้าลาธาร ใหผ๎ ู๎ประกอบอาชีพ และประชาชนทวั่ ไปได๎ใชเ๎ พอ่ื การ บรโิ ภค และอปุ โภค

183 กกกกกกก3. 3.3 3.3.15 ขาดทุนคือกาไร ผู๎ประกอบอาชพี การงานควรน๎อมนามาใช๎ ด๎วยการ คานงึ ถึงผลประโยชน๑ของผ๎บู ริโภค หรือผร๎ู ับบริการสวํ นรวมมากกวาํ ผลสาเรจ็ ทีเ่ ป็นตัวเลขผลกาไรทผี่ ๎ู ประกอบอาชีพจะได๎รับ กกกกกกก3. 3.3 3.3.16 การพึ่งตนเอง ผ๎ูประกอบอาชีพการงานควรน๎อมนามาใช๎ ด๎วยการผลติ สนิ คา๎ ท่ีมีวัตถดุ ิบที่ตนเองผลติ ไดม๎ ากท่ีสดุ เพื่อลดการพ่งึ พาจากภายนอก หรือให๎บรกิ ารด๎วยตนเอง เพอ่ื ลดการพึ่งพาเพ่ือนรวํ มงานท่ีอาจจะต๎องจํายคาํ ใช๎จาํ ย หรือคาํ ตอบแทนให๎ กกกกกกก3. 3.3 3.3.17 พออยูํพอกนิ ผ๎ปู ระกอบอาชพี การงานควรน๎อมนามาใช๎ ด๎วยการผลิต สินคา๎ ใหต๎ นเองได๎ใชห๎ รอื บรโิ ภค เมอ่ื เหลือจึงจาหนํายให๎มีรายไดเ๎ พ่ิม เพื่อดารงชีวติ แบบเรียบงําย ประหยดั กกกกกกก3. 3.3 3.3.18 เศรษฐกจิ พอเพยี ง ผ๎ปู ระกอบอาชพี การงานควรน๎อมนามาใช๎ ด๎วยการ ดาเนินชวี ติ และประกอบอาชีพ ดว๎ ยการบริหารความเสีย่ ง มกี ารออมไว๎ใชใ๎ นยามจาเปน็ ฉุกเฉิน มีคณุ ธรรมในอาชพี มีความพอประมาณ คิดเปน็ มคี วามรู๎ และพฒั นาความรู๎ของตนเอง เพ่ือให๎อาชพี นนั้ มีความเข๎มแข็ง และมั่นคง กกกกกกก3. 3.3 3.3.19 ความซ่อื สตั ย๑ สจุ รติ จรงิ ใจตํอกัน ผป๎ู ระกอบอาชพี การงานควรนอ๎ ม นามาใช๎ ดว๎ ยการใชว๎ ัตถดุ บิ กระบวนการผลิตทถี่ ูกต๎อง มคี ุณภาพ ทซี่ ื่อสัตย๑ตํอผู๎บรโิ ภค หรอื ผ๎รู ับบรกิ าร กกกกกกก3. 3.3 3.3.20 ทางานอยาํ งมคี วามสุข ผู๎ประกอบอาชีพการงานควรน๎อมนามาใช๎ ด๎วย การในขณะทางานประกอบอาชพี ตอ๎ งมีความสุขดว๎ ย หรือจะทางานประกอบอาชีพ โดยคานงึ ถึง ความสุขทผ่ี บ๎ู ริโภค หรอื ผู๎รบั บรกิ ารไดร๎ ับมคี วามพึงพอใจในสินคา๎ หรือบริการ กกกกกกก3. 3.3 3.3.21 ความเพียร ผป๎ู ระกอบอาชพี การงานควรน๎อมนามาใช๎ ด๎วยการมํุงมนั่ พากเพียร ประกอบอาชีพใหส๎ าเรจ็ ลุลํวง เป็นทพ่ี งึ พอใจของผบู๎ รโิ ภค หรอื ผร๎ู ับบรกิ าร กกกกกกก3. 3.3 3.3.22 ร๎ู รัก สามคั คี ผ๎ูประกอบอาชีพการงานควรน๎อมนามาใช๎ ด๎วยการตอ๎ งมี ความรูใ๎ นงานอาชพี ท่ีตนเองทาเป็นอยาํ งดีกํอน ตํอจากน้นั ใหท๎ างานอาชีพด๎วยความรักและเมือ่ ลงมือ ปฏิบตั ิ ถา๎ ทาคนเดียวไมํสาเร็จกต็ ๎องใชเ๎ พ่ือนรวํ มอาชีพเข๎ามาชํวยรํวมกนั ทาอยํางมคี วามสามคั คี กกกกกกก3. 3.4 การน๎อมนาหลกั การทรงงานมาใชใ๎ นการพฒั นาชมุ ชน ทอ๎ งถิ่น และสงั คม กกกกกกก3. 3.4 3.4.1 ศึกษาข๎อมลู อยํางเป็นระบบ สมาชิกชมุ ชน ท๎องถ่ินและสงั คม ควรนอ๎ ม นามาใช๎ ดว๎ ยการวางแผน เก็บรวบรวมข๎อมลู การออกแบบเก็บรวบรวมข๎อมูล วิเคราะห๑ขอ๎ มูล ประเมนิ ผลข๎อมูล แล๎วคิดหาวิธกี ารแกไ๎ ขในงานท่ที า กกกกกกก3. 3.4 3.4.2 ระเบดิ จากขา๎ งใน สมาชิกชุมชน ท๎องถนิ่ และสงั คม ควรนอ๎ มนามาใช๎ ดว๎ ย การสรา๎ งความเขม๎ แข็งใหค๎ นในชมุ ชนทเ่ี ราเขา๎ ไปพัฒนา ให๎มสี ภาพพร๎อมทจี่ ะรบั การพัฒนาเสียกํอน แลว๎ จงึ คอํ ยออกมาสสูํ งั คมภายนอก มใิ ชํการนาเอาความเจรญิ หรอื บุคคลจากสงั คมภายนอกเขา๎ ไปหา ชมุ ชนหรือหมบูํ า๎ นที่ยงั ไมทํ นั ได๎มีโอกาสเตรียมตวั หรือตง้ั ตวั กกกกกกก3. 3.4 3.4.3 แก๎ปญ๓ หาทจี่ ุดเล็ก สมาชิกชมุ ชน ทอ๎ งถน่ิ และสงั คม ควรนอ๎ มนามาใช๎ ด๎วยการแก๎ไขปญ๓ หาเฉพาะหนา๎ เรํงดํวนกํอน ซ่งึ เมอ่ื ได๎แกไ๎ ขจุดเล็ก ๆ ได๎แลว๎ จงึ คอํ ย ๆ แกไ๎ ขปญ๓ หาอ่นื ตามลาดบั

184 กกกกกกก3. 3.4 3.4.4 ทาตามลาดับขั้น สมาชิกชุมชน ทอ๎ งถ่นิ และสงั คม ควรนอ๎ มนามาใช๎ ด๎วย การเริ่มทาจากความจาเป็นกํอน สิ่งที่ขาดคือสิ่งที่จาเป็น เชํน ประชาชนต๎องแก๎ป๓ญหาเร่ืองสุขภาพ กํอน จากน้ันกไ็ ปแกท๎ ่ีสาธารณปู โภค แล๎วตอํ ดว๎ ยการประกอบอาชีพ ถ๎าทาเป็นข้ันเป็นตอน ก็จะทาให๎ สาเร็จได๎งําย เชํน งานยาเสพติด รักษา สํงเสริม ฟ้ืนฟู กลับอยํูในสังคมปกติ เป็นคนดีของชุมชน ทอ๎ งถ่ิน และสงั คม กกกกกกก3. 3.4 3.4.5 ภูมสิ งั คม สมาชิกชุมชน ท๎องถ่นิ และสงั คม ควรนอ๎ มนามาใช๎ ดว๎ ยการ ทางานทุกอยําง ต๎องคานึงถึงภูมิศาสตร๑วําอยูํแถบไหน อากาศเป็นอยํางไร ติดชายแดน ติดทะเล และ สังคมของเราเป็นอยํางไร นับถือศาสนาอะไร คนนิสัยใจคอเป็นอยํางไร รวมไปถึงพวกเรากันเองด๎วย ถ๎าไมํร๎ูเขา รู๎เราจะรบชนะได๎อยํางไร ส่ังทาโครงการท่ัวประเทศไมํได๎ ต๎องดูเฉพาะพ้ืนที่ กระทรวง สาธารณสขุ ออกแบบสถานอี นามัยเหมือนกนั กับชมุ ชน ท๎องถ่ินและสงั คม บางครงั้ กไ็ มดํ ีนกั กกกกกกก3. 3.4 3.4.6 องค๑รวม สมาชกิ ชุมชน ท๎องถิ่นและสงั คม ควรน๎อมนามาใช๎ ดว๎ ยการคิด ความเช่ือมโยงมองเหตุการณ๑ท่เี กดิ ขึ้น และคน๎ หาวธิ กี ารแก๎ไขเช่อื มโยงเป็นองค๑รวมครบวงจร กกกกกกก3. 3.4 3.4.7 ไมํติดตารา สมาชิกชมุ ชน ทอ๎ งถ่ินและสังคม ควรนอ๎ มนามาใช๎ ดว๎ ยการใช๎ ป๓ญญาในการนาไปใช๎แก๎ป๓ญหา เมื่อเกิดป๓ญหาก็ไมํโทษวํา หรือเอาตาราใด ๆ มารับผิด หากแตํใช๎ สมรรถนะคิดหาหนทางในการปรับตัวเพื่อรับมือกับป๓ญหา ลดผลเสียที่เกิดขึ้น ใช๎การรํวมมือเข๎ามา ชํวยให๎สามารถฝุาฟ๓นกับป๓ญหาตํอไป แล๎วแสวงหาความรู๎ ความคิดเห็น คาแนะนาตําง ๆ มาใช๎คิด ด๎วยศักยภาพของป๓ญญามนุษย๑จะทาให๎ได๎พบคาตอบของป๓ญหาได๎ การพัฒนาจึงมีการลงมือปฏิบัติ ด๎วยป๓ญญาที่มีลักษณะของความยืดหยํุน ไหลล่ืน และสอดคล๎องไปกับวิถีทางในการบรรลุเปูาหมาย ของการพัฒนา คือ การพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนเพ่ือความผาสุกของชุมชน ท๎องถิ่น และ สงั คม กกกกกกก3. 3.4 3.4.8 ประหยัด เรยี บงาํ ย ไดป๎ ระโยชนส๑ ูงสุด สมาชิกชมุ ชน ท๎องถนิ่ และสังคม ควรน๎อมนามาใช๎ ด๎วยการต๎องร๎ูจักใช๎ทรัพยากรน้ันอยํางฉลาด คือไมํนามาทํุมเท ใช๎ให๎สิ้นเปลืองไป โดยไร๎ประโยชน๑ หรือได๎ประโยชน๑ไมํค๎ุมคํา หากแตํระมัดระวังใช๎ด๎วยความประหยัดรอบคอบ ประกอบ ด๎วยความคิดพิจารณาตามหลักวิชา เหตุผล และความถูกต๎องเหมาะสม โดยมุํงประโยชน๑ แท๎จริงท่จี ะเกดิ กับชมุ ชน ท๎องถ่นิ และสงั คม กกกกกกก3. 3.4 3.4.9 ทาให๎งาํ ย สมาชิกชมุ ชน ทอ๎ งถ่นิ และสงั คม ควรนอ๎ มนามาใชด๎ ๎วยการ วางแผน ออกแบบ ค๎นหาวธิ ีการดาเนินงานทม่ี ลี ักษณะเรยี บงําย ไมํยงุํ ยากซับซ๎อน อาศัยการมีสวํ น รวํ ม ไมตํ ิดตารา ยดึ ภมู ปิ ๓ญญาเดมิ ผสมเทคโนโลยีใหมํ กกกกกกก3. 3.4 3.4.10 การมีสวํ นรํวม สมาชกิ ชมุ ชน ท๎องถนิ่ และสงั คม ควรน๎อมนามาใช๎ ด๎วย การปฏิบัติภารกิจสํวนรวม ทุกคนควรเข๎าไปมีสํวนรํวม รํวมคิด รํวมทา เพ่ือให๎ภารกิจน้ันสาเร็จลุลํวง ถึงแม๎วําบางครั้งการคิดของแตํละคนอาจจะไมํตรงกันก็ตาม แตํเราต๎องปฏิบัติตามถ๎าเป็นมติ ความคิดเห็นของสํวนใหญํ กกกกกกก3. 3.4 3.4.11 ประโยชน๑สวํ นรวม สมาชกิ ชมุ ชน ทอ๎ งถน่ิ และสงั คม ควรนอ๎ มนามาใช๎ ด๎วยการที่ทุกคนมีน้าใจ ยอมรับความคิดเห็นของผ๎ูอื่น การแนะนาในส่ิงท่ีเป็นประโยชน๑โดยไมํหวงแหน แนะนาหลักการดาเนินชีวิต โดยอาศัยหลักธรรมและประสบการณ๑ ด๎วยความบริสุทธิ์ใจ การเสียสละ สขุ และผลประโยชนส๑ ํวนตน เพ่ือสุขและประโยชนส๑ วํ นรวม การเสียสละส่ิงที่ไมํเป็นประโยชน๑เล็กน๎อย

185 เพ่ือประโยชน๑ที่มากกวํา การสละประโยชน๑สํวนตนเพื่อชํวยเหลือ และหรือทาประโยชน๑ให๎แกํบุคคล อ่ืนหรอื สงั คม โดยการสละกาลังกาย ทรัพยส๑ ิ่งของ สตปิ ญ๓ ญา เวลา และความสุขสบายสํวนตัว ซึ่งเป็น สํวนสาคัญในการสงํ เสริมการมีจติ สาธารณะ โดยสํงเสรมิ การรวมกลํมุ เพือ่ ทากจิ กรรมตําง ๆ ที่เกิดจาก ความรักและเอ้ืออาทรตํอกัน สํงเสริมความคิดท่ีจะแจกจํายแบํงป๓นให๎ผู๎อ่ืน ซึ่งจะทาให๎ได๎เพื่อน และเกดิ เป็นวฒั นธรรมทด่ี ที จ่ี ะชวํ ยลดความเหน็ แกตํ ัวและสร๎างความพอเพียงให๎เกิดขึน้ ในจติ ใจ กกกกกกก3. 3.4 3.4.12 บรกิ ารรวมที่จดุ เดยี ว สมาชกิ ชุมชน ทอ๎ งถน่ิ และสังคม ควรน๎อมนามาใช๎ ด๎วยการท่มี ีพลเมอื งหลากหลายอาชีพซ่ึงมคี วามร๎ูและประสบการณ๑ที่แตกตํางกัน การรํวมกนั แกไ๎ ข ปญ๓ หาหรอื การบริการรวํ มกัน ณ จดุ เดยี วกัน เพื่อใหส๎ มาชกิ ในสงั คมไดร๎ บั บรกิ ารเบ็ดเสร็จ กกกกกกก3. 3.4 3.4.13 ใช๎ธรรมชาติ ชํวยธรรมชาติ สมาชิกชมุ ชน ทอ๎ งถน่ิ และสังคม ควรนอ๎ ม นามาใช๎ ดว๎ ยการควรน๎อมนามาใชใ๎ นการดูแล ทรพั ยากรธรรมชาติปุาไม๎ ใหข๎ ึ้นเองตามธรรมชาติ ไมํไป บุกรกุ ทาลายปุาก็จะทาใหม๎ ีปุา ซึง่ เป็นต๎นน้าใหก๎ บั ชุมชน ท๎องถน่ิ และสงั คม ใชใ๎ นการบริโภค อปุ โภค กกกกกกก3. 3.4 3.4.14 ใช๎อธรรมปราบอธรรม สมาชิกชมุ ชน ทอ๎ งถน่ิ และสงั คม ควรนอ๎ ม นามาใช๎ในการพฒั นาสงิ่ แวดลอ๎ มอาจต๎องใชส๎ ่ิงที่มีอยูํที่ไมํเป็นประโยชน๑ตํอชุมชน มาจัดการกับสิ่งท่ีไมํ เป็นประโยชน๑ พบเหน็ อยูํในชมุ ชน เชํน ใช๎ผักตบชวากาจัดนา้ เสียในชมุ ชน กกกกกกก3. 3.4 3.4.15 ปลกู ปาุ ในใจคน สมาชิกชุมชน ท๎องถิ่นและสงั คม ควรน๎อมนามาใช๎ดว๎ ย การปลูกจิตสานึกให๎สมาชิกชุมชน ท๎องถิ่นและสังคม รักและหวงแหนส่ิงนั้นกํอนแล๎วพวกเขาจะหัน กลับมาดแู ลส่งิ นนั้ ดว๎ ยตนเอง โดยเฉพาะทรัพยากรธรรมชาตปิ ุาไม๎ กกกกกกก3. 3.4 3.4.16 ขาดทนุ คือกาไร สมาชกิ ชมุ ชน ทอ๎ งถ่นิ และสงั คม ควรน๎อมนามาใชด๎ ๎วย การเสยี สละผลประโยชนท๑ ตี่ นเองจะได๎รับให๎กับสํวนรวมแทน เพราะเมื่อสํวนรวมได๎รับผลประโยชน๑น้ี เราในฐานะเป็นสวํ นหนง่ึ ของสมาชกิ สังคมกไ็ ดร๎ ับผลประโยชนด๑ ว๎ ย กกกกกกก3. 3.4 3.4.17 การพึง่ ตนเอง สมาชิกชมุ ชน ท๎องถนิ่ และสังคม ควรน๎อมนามาใช๎ด๎วยการ พยายามพง่ึ ตนเองให๎มากทสี่ ุด ลดการพง่ึ พาภายนอกจะทาใหส๎ ามารถแก๎ไขป๓ญหาของชุมชน ทอ๎ งถน่ิ และสังคมในเบื้องตน๎ ได๎ กกกกกกก3. 3.4 3.4.18 พออยูํพอกิน สมาชกิ ชุมชน ท๎องถนิ่ และสงั คม ควรนอ๎ มนามาใช๎ ด๎วยการ ผลิตสินค๎าทางการเกษตร ให๎พอกินในครัวเรือนของสมาชิกชุมชนกํอน ที่เหลือจึงจาหนํายให๎มีรายได๎ ดาเนินชวี ิตได๎ แล๎วจึงคอํ ยขยับขยาย ดว๎ ยการรวมกลุํมจาหนาํ ย ตํอรอง ขายได๎ในราคาทสี่ ูงข้ึน กกกกกกก3. 3.4 3.4.19 เศรษฐกิจพอเพยี ง สมาชกิ ชมุ ชน ทอ๎ งถน่ิ และสังคม ควรนอ๎ มนามาใช๎ ด๎วยการดารงอยูํ และปฏิบัติตนของประชาชนในทุกระดับ ตั้งแตํระดับครอบครัว ระดับชุมชน จนถึง ระดับรัฐ ทั้งในการพัฒนาและบริหารประเทศให๎ดาเนินไปในทางสายกลาง โดยเฉพาะการ พัฒนา เศรษฐกจิ เพอื่ ให๎ก๎าวทนั ตอํ โลกยุคโลกาภิวัฒน๑ กกกกกกก3. 3.4 3.4.20 ความซ่อื สตั ยส๑ ุจริต จรงิ ใจตํอกัน สมาชิกชุมชน ทอ๎ งถิน่ และสงั คม ควร น๎อมนามาใช๎ ด๎วยการปฏิบัติตนทางกาย วาจา จิตใจท่ีตรงไปตรงมา ไมํแสดงความคดโกง ไมหํ ลอกลวง ไมเํ อาเปรียบผ๎ูอ่ืน ลั่นวาจาวําจะทางานสิ่งใดก็ต๎องทาให๎สาเร็จเป็นอยํางดี ไมํกลับกลอก มคี วามจริงใจตํอทกุ คนจนเปน็ ท่ไี ว๎วางใจของคนทกุ คน

186 กกกกกกก3. 3.4 3.4.21 ทางานอยาํ งมีความสุข สมาชิกชมุ ชน ท๎องถิ่นและสงั คม ควรนอ๎ มนามาใช๎ ด๎วยการขณะทางานต๎องมีความสุขดว๎ ย ถ๎าเราทาอยํางไมํมคี วามสขุ เราจะแพ๎ แตํถ๎าเรามีความสุข เรา จะชนะ สนุกกับการทางานเพียงเทําน้ัน ถือวําเราชนะแล๎ว หรือจะทางานโดยคานึงถึงความสุขที่เกิด จากการไดท๎ าประโยชนใ๑ ห๎ผอ๎ู น่ื ในชมุ ชน ทอ๎ งถน่ิ และสังคมกส็ ามารถทาได๎ กกกกกกก3. 3.4 3.4.22 ความเพียร สมาชกิ ชมุ ชน ท๎องถน่ิ และสงั คม ควรนอ๎ มนามาใช๎ด๎วยการ เร่ิมต๎นทางาน หรือทาสิ่งใดน้ันอาจไมํมีความพร๎อมแตํต๎องอาศัยความอดทนและความมุํงม่ัน เพียรพยายาม ให๎งานนัน้ สาเร็จลุลวํ งไปได๎ กกกกกกก3. 3.4 3.4.23 ร๎ู รัก สามัคคี สมาชิกชุมชน ท๎องถ่ินและสงั คม ควรนอ๎ มนามาใช๎ ด๎วยการ ต๎องมีความร๎ูในงานทตี่ นเองทาเปน็ อยาํ งดีกํอน ตอํ จากน้ันใหท๎ างานด๎วยความรัก และเม่ือลงมือปฏิบัติ ถ๎าทาคนเดียวไมํสาเร็จก็ต๎องใช๎บุคคลอ่ืนในชุมชน ท๎องถิ่นและสังคม มาชํวยทารํวมกันอยํางมี ความสามัคคี

187 กิจกรรมท้ายบท กจิ กรรมท่ี 1 คาช้แี จง ให๎นักศึกษาเลอื กคาตอบทถี่ ูกต๎องทสี่ ดุ เพียงข๎อเดยี วแล๎วนาไปเขียนใน แผนํ กระดาษคาตอบท่ีแจกให๎ 1. “ ถา๎ จะถือวําเกิดมาเป็นเจ๎านายแลว๎ นิ่ง ๆ อยูํจนตลอดชวี ติ กเ็ ป็นสบาย ดงั นัน้ จะไมผํ ดิ อันใดกบั สตั ว๑เดรจั ฉานอยํางเลวนกั สัตวเ๑ ดรัจฉานมันเกิดมากินๆ นอนๆ แล๎วกต็ าย ” พระบรมราโชวาทตอนนีส้ ะท๎อนใหเ๎ หน็ แนวคดิ ตามข๎อใด 1. ก. เกิดเป็นคนทั้งทีทาดีเขา๎ ไว๎ 1. ข. เกิดเป็นคนท้งั ทีต๎องให๎มีสุขสบาย 1. ค. เกดิ เป็นคนทัง้ ทีตอ๎ งมศี กั ด์ิศรไี วล๎ าย ง. เกิดเปน็ คนทงั้ ที กินดี อยดํู ี เป็นที่หมาย กกกกกกก2. พระบรมราโชวาทตอนใดสะท๎อนบทบาทสาคัญทส่ี ดุ ของผทู๎ ีเ่ ปน็ บิดามารดา กกกกกกก2. ก. อยาํ ได๎ถือตัววาํ เปน็ ลูกเจ๎าแผนํ ดนิ พํอมอี านาจยงิ่ ใหญํในบ๎านเมืองถึงจะเกะกะ ไมํกลัวเกรงคุมเหงผ๎ูใด กกกกกกก2. ข. การซึง่ ให๎มโี อกาสและใหท๎ นุ ทรพั ยว๑ ง่ิ ได๎เลําเรยี นวิชาน้ีเปน็ ทรัพย๑มรดกกันประเสริฐ กวําทรพั ย๑สนิ อนื่ ๆ กกกกกกก2. ค. เงนิ ทองทจี่ ะใช๎สอยในคาํ กินอยูํ นงุํ หมํ หรือใชส๎ อยเบ็ดเสร็จทั้งปวงจงเขม็ดแขมํ กกกกกกก2. ง. เมอ่ื ไปอยโํู รงเรียนแหํงใด จงประพฤติการใหเ๎ รียบรอ๎ ยตามแบบอยํางซง่ึ เขาตกลงไว๎ กกกกกกก3. ผ๎ูนาชมุ ชนทดี่ ีควรเป็นอยาํ งไร กกกกกกก2. ก. มีความมงุํ มั่น ปฏิบตั ิหน๎าทีข่ องตนให๎ดีท่สี ุด กกกกกกก2. ข. มหี วั ใจท่ีรกั ชุมชน ทอ๎ งถิ่นและสงั คมโดยยึดมัน่ ในพระบรมราโชวาทของ พระบาทสมเด็จพระเจ๎าอยหํู ัว กกกกกกก2. ค. ปฏิบตั ิหน๎าท่ีของตนใหด๎ ที ่ีสุด โดยยดึ มั่นพระบรมราโชวาทซ่ึงกอํ ให๎เกิดประโยชน๑ สูงสดุ แกํชุมชน ทอ๎ งถน่ิ และสังคมเป็นหลัก กกกกกกก2. ง. ถูกทุกข๎อ กกกกกกก4. พระบรมราโชวาททว่ี าํ “...การทางานดว๎ ยความบริสุทธ์ิใจ มไิ ด๎มํุงหมายหากินดว๎ ย วธิ ใี ดๆ ใครอยากหากนิ ขอให๎ลาออกจากตาแหนํงไปทาการค๎าขายดีกวํา...” เรียนรไ๎ู ดว๎ าํ อยาํ งไร ก. ร๎รู ัก สามคั คี ข. ตอ๎ งรจู๎ ักการให๎มากกวําท่ีจะหวังผลรบั ค. ทางานอยาํ งสอดประสานสมั พนั ธ๑ ง. ตอ๎ งมีป๓ญญาในการทางาน

188 กกกกกกก5. พระบรมราโชวาทตํอไปน้ีมีความหมายตรงกับสานวนในข๎อ “ถา๎ ประพฤติความช่ัวเสีย แตํในเวลามพี ํออยูแํ ล๎ว โดยจะปดิ บังซํอนเรน๎ อยไํู ดด๎ ว๎ ยอยํางหนงึ่ อยํางใด เวลาไมํมีพํอความชั่วนัน้ คง จะปรากฏใหเ๎ หน็ ” ก. ชนักตดิ หลัง ข. นา้ ลดตอผดุ ค. นา้ ลดใต๎ทราย ง. น้าข้นึ ปลากนิ มดนา้ กกกกกกกกิจกรรมที่ 2 กกกกกกกคาชี้แจง ให๎นักศึกษาจบั คํโู ดยการโยงเสน๎ ข๎อความด๎านตัวเลขกบั ข๎อความตวั อักษรทีม่ ี ความสัมพนั ธ๑กนั แลว๎ นาคาตอบท่ีได๎ไปเขียนลงในแผนํ กระดาษคาตอบท่ีแจกให๎ กกกกกกก1. หลกั การใดไมใํ ชเํ ศรษฐกิจพอเพยี ง ก. การแกป๎ ญ๓ หาเฉพาะหนา๎ กกกกกกก2. การพ่ึงตนเองตามเศรษฐกิจพอเพียงเนน๎ ดา๎ น ข. มัททวะ กกกกกกก3. แนวทางการพัฒนาประเทศตามพระราชดาริ ค. ความไมํโกรธ กกกกกกก4. ทศพิธราชธรรมขอ๎ ท่ี 5 ง. ดา๎ นเศรษฐกิจ กกกกกกก5. อักโกธะ จ. การลงทนุ ขนาดใหญํเพ่ือการ ผลติ สินค๎า กกกกกกกกจิ กรรมที่ 3 กกกกกกกคาช้ีแจง ให๎นักศกึ ษาเติมคาลงในชํองวํางใหถ๎ กู ต๎องสมบรู ณส๑ ้ันๆ กกกกกกก1. นกั เรียนควรแสดงความกตัญ๒กู ตเวทตี อํ พํอแมํโดยวธิ ีใดจึงเหมาะสมที่สดุ ………………… กกกกกกก2. การดาเนนิ ชีวิตทางสายกลาง ......................................................................................... กกกกกกก3. พระบาทสมเด็จพระเจ๎าอยูํหัวแก๎ปญ๓ หาดนิ ถลมํ โดยโครงการ.......................................... กกกกกกก4. การปลกู ปุาชายเลนสามารถปอู งกันผลกระทบจากการเกดิ ภยั ........................................ กกกกกกก5. หลักการทรงงานที่ใชป๎ ระยกุ ต๑ในการเป็นพลเมืองดดี ๎านครอบครัวมี...........................ขอ๎

189 กกกกกกกกจิ กรรมท่ี 4 กกกกกกกคาช้ีแจง ใหน๎ ักศึกษาทาเคร่ืองหมายถูก ( ) หรือผิด () หนา๎ ข๎อตอํ ไปนี้ โดยนา คาตอบท่ไี ดน๎ าไปเขยี นตํอลงในแผํนกระดาษคาตอบท่ีแจกให๎ ...............1. หน๎าที่ของนักศึกษาน้ันต๎องอดทน เปรียบได๎กับพระราชนิพนธ๑เรอ่ื งพระมหาชนก ...............2. โครงการอันเนอื่ งมาจากพระราชดาริของพระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภูมพิ ลอดุลยเดช รชั กาลท่ี 9 แสดงให๎เหน็ ถึงหลกั การพัฒนาโดยเน๎นการดาเนนิ งานทห่ี ลากหลาย ...............3. หนังสอื พระราชนิพนธ๑ในพระบาทสมเด็จพระเจ๎าอยูํหวั ภมู พิ ลอดุลยเดชเรอ่ื งพระมหาชนก ท่ีทรงได๎รับแรงบันดาลพระทัยจากชาดกในพระพุทธศาสนา ...............4. สมาชิกในหมูบํ า๎ นรวํ มหารอื กันเพื่อพัฒนาชุมชนเป็นการปฏิบัตติ นของสมาชิกในชมุ ชน ทอ๎ งถ่ินที่เหมาะสม ...............5. ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เปน็ ปรัชญาทช่ี แี้ นวทางปฏบิ ัตดิ า๎ นการดาเนินชีวิต

190 บรรณานุกรม

191 บรรณานกุ รม กระทรวงศกึ ษาธกิ าร. (2539). พระราชกรณียกจิ พระบาทสมเดจ็ พระเจ๎าอยูํหัว. กกกกกกกกรงุ เทพมหานคร : โรงพิมพ๑ครุ สุ ภาลาดพร๎าว. กลุํมงานผลติ เอกสาร สานกั ประชาสัมพันธ๑ สานักงานเลขาธกิ ารสภาผู๎แทนราษฎร. (2556). กกกกกกกสิทธิเสรภี าพ และหนา๎ ทข่ี องพลเมืองในระบอบประชาธปิ ไตย. กรุงเทพมหานคร : กกกกกกกโรงพมิ พ๑สานกั งานเลขาธกิ ารสภาผู๎แทนราษฎร. คณะอาจารย๑ กศน. (2548). คูมํ อื การเรียนร๎ูสาระการเรียนรู๎หมวดวิชาพัฒนาสังคมและชุมชน กกกกกกกระดบั ประถมศกึ ษา. โรงพิมพไ๑ ผํมเี ดีย เซน็ เตอร๑. คานณู สทิ ธิสมาน. (2542). ทฤษฎใี หมํในหลวง ชวี ิตทพี่ อเพียง. กรงุ เทพมหานคร : กกกกกกกโรงพมิ พ๑รวํ มด๎วยชวํ ยกนั . จารุนนั ท๑ อ้งึ ภาภรณ๑. (ม.ป.ป.). ในหลวงกับเดก็ และเยาวชน. กรุงเทพมหานคร : ม.ป.พ. ชสู ิทธิ์ ชชู าต.ิ (2553). โครงการหลวงพระราชกรณียกิจนวมนิ ทรมหาราชาเพื่อปวงประชาราษฎร กกกกกกกเชยี งใหมํ : โรงพมิ พ๑วนิดาการพิมพ๑. ชสู ทิ ธิ์ ชูชาต.ิ (2554). หลักการทรงงานตามรอยพระยุคลบาท. เชยี งใหมํ : โรงพิมพว๑ นดิ าการพมิ พ๑. ทองตํอ กล๎วยไม๎ ณ อยธุ ยา. (2535). ทศพธิ ราชธรรม. กรงุ เทพมหานคร : โรงพมิ พ๑พบั ลคิ เนสพร้นิ ท.๑ พรหมมาตร๑ ชายสิม. (2554). 84 คาสอนของพํอ. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ๑คิดด.ี พระภิกษปุ รัชญา. (2539). พระราชประวัติ พระราชกรณียกิจ พระราชธรรม พระบาทสมเดจ็ พระกกก กกกกกกกเจ๎าอยํูหวั ภูมพิ ลอดุลยเดชมหาราช. กรุงเทพมหานคร : โรงพมิ พ๑ธรรมสภา. พุทธทาส. (2559). โชคดีมโี อกาสได๎ตามรอยพระยุคบาทโดย ทศพธิ ราชธรรม. กรงุ เทพมหานคร : กกกกกก โรงพมิ พ๑อมรินทร๑พริ้นติง้ แอนด๑พับลชิ ช่งิ จากดั . พุทธทาสภกิ ข.ุ (ม.ป.ป.). เราจะครองแผํนดินโดยธรรมตามรอยพระยคุ ลบาทด๎วยทศพธิ ราชธรรม. กกกกกกกกรุงเทพมหานคร : โรงพิมพธ๑ รรมสภา. มลู นธิ ชิ ยั พฒั นา. (ม.ป.ป.). ตามรอยเบื้องพระยุคลบาทด๎วยทศพธิ ราชธรรม และหลักการทรงงาน กกกกกกกจดั พมิ พเ๑ ผยแพรเํ พ่ือเฉลมิ พระเกียรติเนื่องในโอกาส มหามงคลเฉลิมพระ กกกกกกกชนมพรรษา 80 พรรษา 5 ธนั วาคม 2550. กรุงเทพมหานคร : ม.ป.พ. มูลนธิ ิโตโยต๎าประเทศไทยและมลู นธิ ิพระดาบส. (2543). ประมวลพระบรมราโชวาทและพระราชกก กกกกกกกดารัสเกี่ยวกับเด็กและเยาวชน. กรงุ เทพมหานคร : โรงพิมพ๑กรุงเทพฯ. ราชบัณฑติ ยสถาน. (2556). พจนานุกรมฉบบั ราชบณั ฑติ ยสถาน พ.ศ. 2554 เฉลิมพระเกียรติ กกกกกกกพระบาทสมเด็จพระเจา๎ อยํูหัวเนื่องในโอกาสพระราชพิธมี หามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา กกกกกกก7 รอบ 5 ธันวาคม 2554. กรงุ เทพมหานคร : โรงพมิ พศ๑ ิริวัฒนา อินเตอร๑พริ้นต๑จากัด. สถาบนั บันลือธรรม. (2551). 209 คาสอนพอ เศรษฐกจิ พอเพยี ง. กรุงเทพมหานคร : กกกกกกกโรงพมิ พ๑ธรรมสถานศนู ย๑หนังสือพระพทุ ธศาสนา. สมพร เทพสิทธา. (2546). การเดนิ ทางตามรอยพระยุคลบาท เศรษฐกิจพอเพียง ชวํ ยแก๎ปญ๓ หาความ กกกกกกกยากจนและการทุจริต. กรงุ เทพมหานคร : โรงพิมพ๑ศรีเมอื งการพิมพ.๑

192 สมบัติ จาปาเงิน. (ม.ป.ป.). รชั กาลท่ี 9 พระบาทสมเด็จพระเจ๎าอยํูหัวภมู ิพลอดลุ ยเดชมหาราช. กกกกกกก กรงุ เทพมหานคร : โรงพมิ พ๑เอกพมิ พ๑ไทย. สมเด็จพระญาณสังวร (เจริญ สวุ ฑฒฺ โน). (2550). ทศพิธราชธรรม ของพระบาทสมเด็จพระเจ๎าอยหูํ ัว. กกกกกกก กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ๑กระทรวงวัฒนธรรม. สิทธา มชี อบธรรม. (2547). หนงั สอื เรยี นพฒั นาสงั คมและชมุ ชน ระดบั ประถมศึกษา. กกกกกกกกรงุ เทพมหานคร : โรงพิมพป๑ ยิ มติ ร. สานักงานกองทุนสนับสนนุ การสรา๎ งเสรมิ สุขภาพ. (2549). 9 ตามยาํ งรอยเทา๎ พอํ คูํมอื สร๎างแรง กกกกกกกบันดาลใจ จากในหลวง ถงึ เยาวชน. กรงุ เทพมหานคร : โรงพิมพส๑ านกั งาน กกกกกกกกองทุนสนบั สนนุ การสรา๎ งเสริมสุขภาพ สานกั งานกองทุนสนับสนุนการสรา๎ งเสรมิ สขุ ภาพ และมลู นิธิสดศรี-สฤษดว์ิ งศ๑. (2550). คาพํอสอน. กกกกกกกพมิ พ๑ครั้งที่ 5. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ๑กรงุ เทพฯ. สานกั งานพัฒนาสังคม. (2549). ชีวิตพอเพยี งตามแนวพระราชดาริ. กรงุ เทพมหานคร : ม.ป.พ. สานกั งานสํงเสริมการศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย. (2559). หนังสอื เรียนรายวิชา กกกกกกกศาสนาและหน๎าท่ีพลเมืองระดบั ประถมศึกษา. กรุงเทพมหานคร : โรงพมิ พป๑ ิยมิตร. สานกั งานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกจิ และสังคมแหํงชาติ. (ม.ป.ป.). เรียนรห๎ู ลักการทรงงาน กกกกกกกในพระบาทสมเดจ็ พระเจา๎ อยหูํ วั . กรงุ เทพมหานคร : โรงพิมพส๑ านกั งานคณะกรรมการ กกกกกกกพฒั นาการเศรษฐกิจ สานักสงํ เสริมกจิ การการศึกษา สานักปลัดกระทรวงศึกษาธิการ. (ม.ป.ป.). โครงการเรยี นรู๎ตามรอย กกกกกกกพระยุคลบาท. กรุงเทพมหานคร : ม.ป.พ. อธิบดกี รมการปกครอง. (2553). เย็นศิระเพราะพระบริบาล. กรุงเทพมหานคร : โรงพมิ พ๑อาสารัก กกกกกกกดนิ แดน ความหมายของคนดี. ผ๎ูเขียน ทักษด๑ นยั สรอ๎ ยคา Retired from กกกกกกกสบื คน๎ จาก http:// www.gotoknow.org2posts2244587 กกกกกกกวันที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2560. บันทึกตามรอย 84 ตามคาสอนพํอ.สานักพิมพ๑เนชั่นบ๏ุค กกกกกกกสืบคน๎ จาก https://books.google.co.th/books?id= true กกกกกกกวันท่ี 11 มิถุนายน พ.ศ. 2560. พระราชกรณียกจิ ด๎านความสัมพนั ธร๑ ะหวํางประเทศ. ผ๎ูเขยี น News Chaopraya. กกกกกกกสืบค๎นจาก http://www.News Chaopraya.com กกกกกกกวันท่ี 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2560 พลเมือง ชื่อผู๎เขียน สานกั งานราชบัณฑติ ยสภา กกกกกกกสบื ค๎นจาก http://www.royin.go.th/?knowledges กกกกกกกวันที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2560. พลเมืองดีของประเทศชาติและสงั คมโลก ผู๎เขยี น พมิ พ๑ พมิ พ๑นภัทร กกกกกกกสบื คน๎ จาก https://www.academia.edu/8265830 กกกกกกกวันท่ี 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2560.

193 พลเมืองดตี ามวิถีประชาธิปไตย. ผ๎เู ขยี น ปณิตา ปตตาทานัง Retired from กกกกกกกสบื คน๎ จาก http://www.thistudyfocas.com/สังคมศึกษา/หน๎าทีพ่ ลเมือง กกกกกกกวนั ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2560 โครงการพัฒนาในตํางประเทศ. ผเู๎ ขยี น มลู นธิ ิแมฟํ ูาหลวง. กกกกกกกสืบคน๎ จาก http://www.maefahluang.org/indax.php กกกกกกกวันท่ี 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2560 โครงการในพระราชดาริ. ผ๎เู ขียน มูลนิธิแมํฟาู หลวง. กกกกกกกสบื คน๎ จาก http://www.thaisavannaket.com กกกกกกกวนั ท่ี 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2560 “ ศาสตรพ๑ ระราชา” แผไํ พศาล ตามรอยเสน๎ ทางพัฒนาใน “ เยนนั ซอง ”. ผ๎เู ขียน ไทยรฐั . กกกกกกกสบื คน๎ จาก http://www.thairath.co.th กกกกกกกวนั ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

194 ภาคผนวก