45 กกกกกกก8. อวิหิงสา คือ ความไมํเบียดเบียน หมายถึง ไมํกดข่ีขมํ เหง กลัน่ แกลง๎ รังแกคนอน่ื ไมํหลงในอานาจ ทาอันตรายตํอราํ งกาย และทรัพยส๑ ินผอู๎ ่ืนตามอาเภอใจ กกกกกกก8. ทุกชวี ิตบนผืนแผนํ ดนิ ไทยได๎รบั ความรํมเยน็ มีความเปน็ อยํูอยํางสขุ สงบ ภายใตเ๎ บือ้ ง พระยุคลบาทแหํงพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 พระผ๎ูทรงบาเพ็ญ อวหิ งิ สาบารมี คอื ไมเํ บียดเบียนให๎ผู๎อ่ืนลาบาก ไมํกํอทุกข๑ยากให๎แกํผู๎ใด แม๎จนถึงสรรพสัตว๑ ด๎วยเห็น เป็นของสนุกเพราะอานาจแหํงโมหะหรือความหลง ไมํทาร๎ายรังแกมนุษย๑และสัตว๑เลํน เพื่อความ บันเทิงใจแหํงตน ในการบาเพ็ญอวิหิงสาบารมีนี้ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รชั กาลท่ี 9 ทรงบาเพ็ญไดโ๎ ดยบรสิ ุทธ์ิทกุ สถาน ไมวํ าํ จะเป็นทรงพระวรกาย พระวาจา พระราชหฤทัย และไมํวําจะเป็นการอันทรงปฏิบัติตํอมวลมนุษย๑หรือสรรพสัตว๑ใดๆ แม๎การน้ันจะยังความ สะดวกสบายมาสํูพระองค๑ หากเป็นความยากลาบากแกํทวยราษฎร๑แล๎ว พระองค๑จะทรงงดเว๎นเสีย โดยทรงยอมลาบากตรากตราพระวรกายของพระองค๑เองแทน ดังเหตุการณ๑อันเป็นท่ีเปิดเผยจาก วงการตารวจจราจรเม่ือวันที่ 12 ตุลาคม พ.ศ.2530 วํา พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพล อดุลยเดช รัชกาลท่ี 9 ทรงมีพระราชดาริวําตามปกติเวลาท่ีพระองค๑เสด็จพระราชดาเนินไป ณ ท่ีใดเจ๎าหน๎าท่ีจราจรจะปิดถนนตลอดเส๎นทางนั้นทุกคร้ัง จึงทรงมีกระแสพระราชดารัสวํา ไมํต๎อง ให๎เจ๎าหน๎าท่ีปิดการจราจรเวลาเสด็จพระราชดาเนินไมํวําที่ใด หากการจราจรเกิดติดขัดก็มีพระมหา กรุณาธิคุณท่ีจะทรงรํวมอยํูในสภาวะแหํงการติดขัดนั้น เชํนเดียวกับพสกนิกรของพระองค๑ การบาเพญ็ อวหิ ิงสาอยาํ งยง่ิ ยวดของพระองค๑น้ี แม๎จะหยิบยกมาใหเ๎ ห็นอยาํ งเดํนชดั เพียงประการเดียว จากพระราชกรณียกิจอันมากมาย คงเพียงพอที่จะกลําวได๎วําไมํมีพระมหากษัตริยาธิราช หรือพระ ประมุข หรอื ประมุขประเทศใดในโลกที่จะเสมอเหมือนพระองค๑ ในสํวนที่เก่ียวกับสรรพสัตว๑ พระองค๑ ไมํเคยทรงกระทาการใดให๎เป็นที่ทุกข๑ยากเจ็บปวด ไมํเคยมีแม๎แตํครั้งเดียวท่ีจะเสด็จออกประพาสปุา ลําสัตว๑ตัดชีวิต จะมีก็แตํการพระราชทานชีวิตให๎เทําน้ัน ในรูปของโครงการพระราชดาริตํางๆ ที่เป็นไปเพ่ือการอนุรักษ๑ปุา อนุรักษ๑แหลํงน้า และอนุรักษ๑สัตว๑ เชํน โครงการอนุรักษ๑ปุาและสัตว๑ปุา เป็นต๎น การบาเพ็ญอวิหิงสาบารมีของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลท่ี 9 ซึ่งแผํไพศาลไปท่ัวทุกหนแหํง จงึ ปกปอู งคุม๎ ครองชวี ติ ไมวํ าํ มนุษย๑ หรอื สรรพสัตว๑ทกุ ชีวิตบนผืนแผํนดิน ไทย จึงดารงอยูํไดด๎ ๎วยความสขุ สงบและรมํ เย็น ภาพทรงพระเมตตาตํอสัตว๑
46 ภาพทรงขบั รถยนต๑ดว๎ ยพระองคเ๑ อง กกกกกกก8. หนา้ ท่ีพลเมืองดี มแี นวปฏบิ ตั ิ ได๎แกํ การไมํเบียดเบียน หรอื บบี คั้นกดข่ีผอู๎ ืน่ รวมไปถึง การไมํใช๎อานาจไปบงั คบั หรือหาเหตุกลั่นแกล๎งคนอ่นื ดว๎ ย เชํน ไมํไปขํมเหงรังแกผ๎ดู ๎อยกวาํ ไมํไปขํมขใํู หเ๎ ขากลัวเรา หรือไปบบี บงั คับเอาของรักของหวงมาจากเขา เปน็ ตน๎ นอกจากไมเํ บยี ดเบยี น คนดว๎ ยกนั แล๎ว เรายังไมํควรเบียดเบยี นธรรมชาติ ส่ิงแวดล๎อม และสตั ว๑อีกดว๎ ย เพราะมิฉะน้นั ผลร๎าย จะย๎อนกลับมาสํเู รา และสังคม อยาํ งทเี่ ห็นในปจ๓ จุบันจากภัยธรรมชาตติ าํ ง ๆ กกกกกกก9. ขันติ คอื ความอดทน หมายถึงการอดทนตอํ ส่ิงทง้ั ปวง สามารถอดทนตํองานหนัก ความยากลาบาก ทง้ั อดทน อดกลัน้ ตํอคาติฉนิ นนิ ทา กกกกกกก9. พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 เป็นพระมหา กษัตรยิ าธิราช ผูท๎ รงมพี ระขนั ติธรรมเป็นยอดเยี่ยมอยํางหาผู๎ใดเสมอเหมือนมิได๎ จากเหตุการณ๑ท่ีผําน มาทั้งในเมืองไทย และตํางประเทศ บางครั้งเป็นเรื่องยากยิ่งสาหรับพระองค๑ที่จะทรงอดทนได๎ แตพํ ระองคย๑ งั ทรงอดทนรกั ษาพระราชหฤทัย พระวาจา พระวรกาย และพระอาการให๎สงบเรียบร๎อย งดงามไดใ๎ นทุกสถานการณ๑ ทรงอดทนตํอโทสะ จากการเบียดเบียนหยามดูหมิ่น ดังเชํน การถูกขับไลํ โดยกลมุํ ชนท่ีไมหํ วงั ดตี ํอเมอื งไทย ซง่ึ เป็นเหตุการณท๑ ี่เกิดขน้ึ ในตํางประเทศ เม่ือปี พ.ศ.2505 ดังกลําว มาแล๎วข๎างต๎น เป็นต๎น ทรงอดทนตํอโลภะ คือความอยากได๎ทุกประการโดยสิ้นเชิง ดังจะเห็นได๎วํา พระองค๑ได๎เคยมีพระราชประสงค๑สิ่งใดจากผู๎ใด แม๎ส่ิงของท่ีนามาถวายหากมากเกินไปก็มิได๎ทรงรับ เชํน รัฐบาลในสมัยหนึ่งจะถวายรถพระที่น่ังคันใหญํเป็นพิเศษเพ่ือให๎สมพระเกียรติยศ แตํพระองค๑ กลับมพี ระราชดาริวํารถพระท่นี ง่ั นาํ จะเปน็ รถคนั ใหญพํ อประมาณและราคาไมํแพงนัก เพ่ือจะได๎สงวน เงนิ ไว๎พัฒนาประเทศไดอ๎ กี สํวนหน่ึง เปน็ ตน๎ กกกกกกก9. นอกจากนย้ี งั ทรงอดทนตํอโมหะ คอื ความหลง โดยพระองคม๑ ิได๎ทรงติดข๎องอยูํใน ความสขุ สาราญและความสะดวกสบายตําง ๆ อนั พงึ หาได๎ในพระราชฐานะแหงํ พระมหากษัตริยาธิราช ทรงอดทนตํอความทุกขเวทนา ความลาบากตรากตราพระวรกายตําง ๆ เพื่อทรงบาบัดทุกข๑บารุงสุข ให๎แกํพสกนิกรทุกแหํงหน ทรงอดทนตํอความหวาดหวั่นภยันตรายตําง ๆ ดังเหตุการณ๑ที่เกิดขึ้นในปี พ.ศ.2510 เป็นระยะที่ผ๎ูกํอการร๎ายกาลังฮึกเหิม พระองค๑ก็มิได๎ทรงทอดท้ิงทหารตารวจ ผู๎ทาหน๎าที่ ปกปูองผืนแผํนดินไทย โดยทรงมีวิทยุติดพระองค๑เพ่ือทรงรับฟ๓งเหตุการณ๑ตําง ๆ อยูํตลอดเวลา ทรงสอบถามเหตุการณ๑ทางวิทยุอยํูเสมอ และหากทรงวํางจากพระราชภารกิจจะรีบเสด็จไปยังท่ีเกิด เหตุทันที เพื่อทรงสอบถามเหตุการณ๑ด๎วยพระองค๑เอง หากทรงทราบวํามีทหารตารวจได๎รับบาดเจ็บ
47 จะทรงให๎เฮลิคอปเตอร๑รับผู๎บาดเจ็บไปรักษาพยาบาลทันที สํวนในท่ีบางแหํง เชํน ท่ีกุยบุรี จังหวัด ประจวบคีรีขันธ๑ ซึ่งขาดแคลนพาหนะในการตรวจท๎องท่ี ทาให๎ทหารตารวจถูกลอบทาร๎ายล๎มตาย กันเนือง ๆ หลังจากเสด็จไปทรงเยี่ยมทหารตารวจ แล๎วทรงเห็นความจาเป็นจึงพระราชทานพระราช ทรัพย๑สํวนพระองค๑ จานวน 500,000 บาท ซื้อรถจ๊ิปพระราชทานแกํทหาร ตารวจ 6 คัน เพ่ือสงวน ชีวิตเจ๎าหน๎าท่ีเหลํานี้ไว๎ นอกจากนี้ในคราวเกิดเหตุปะทะที่ทํุงช๎าง จังหวัดนําน อันขึ้นช่ือวําเป็น สมรภูมิเลือดน้ัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 มิได๎ทรงกลัวเกรง ภยันตรายใด ๆ ได๎เสด็จขึ้นเฮลิคอปเตอร๑พระที่นั่งไปบินสารวจเหนือจุดซํองสุมของผู๎กํอการร๎าย ซึ่งเป็นจุดที่เฮลิคอปเตอร๑ของทางราชการเคยถูกยิงตกมาแล๎ว ไมํเพียงเทําน้ันยังทรงให๎เฮลิคอปเตอร๑ รับทหารผู๎บาดเจ็บออกมารับการรักษาพยาบาลได๎ทันทํวงทีด๎วย พระองค๑มิได๎ทรงหวาดหวั่น ภยันตรายใดๆ แม๎ในแหลํงที่ผ๎ูกํอการร๎ายปฏิบัติการอยํางรุนแรง เชํน ลอบฆําข๎าราชการและ ประชาชน ที่บ๎านนาวง อาเภอเมือง จังหวัดพัทลุง และแม๎ในขณะท่ีพายุฝนกระหน่าอยํางหนัก พระองค๑ยงั คงเสดจ็ ฝุาสายฝนไปเพ่ือทรงเยี่ยมทหารตารวจ ในสภาวะอันวิกฤตนั้น ด๎วยขันติบารมีของ พระองค๑เชํนน้ี ทาให๎ราษฎรไมํวําจะอยูํในสภาวะทุกข๑ยาก ทุรกันดาร หรือตกอยูํในภยันตรายเพียงใด ยังเกิดความร๎ูสึกอยํูเสมอวําเขามิได๎ถูกทอดทิ้งให๎ว๎าเหวํ ผจญชะตากรรมอยูํเพียงลาพัง หากยังมี องคพ๑ ระประมขุ ที่จะเสด็จมาประทับเคียงข๎าง และแผํพระบารมีคุ๎มครองให๎เขารอดพ๎นจากภยันตราย ทั้งมวล ภาพทรงเสดจ็ เยี่ยมทหารท่ีบาดเจ็บ ภาพทรงรับสั่งให๎รบี สงํ ตัวทหารที่บาดเจ็บเขา๎ โรงพยาบาลดํวน
48 กกกกกกก9. หน้าท่พี ลเมืองดี มีแนวปฏบิ ัติ ได๎แกํ ใหเ๎ ราอดทนตํอความยากลาบากทกุ สถานการณ๑ ไมํท๎อถอย และไมํหมดกาลังกาย กาลังใจท่ีจะดาเนินชีวิต และทาหน๎าที่การงานตํอไปจนสาเร็จ รวมทง้ั อดทนตํอการไมไํ ด๎รบั ความสุขสาราญ ไมํได๎รับความสะดวกสบาย ความอดทนจะทาให๎เราชนะ อปุ สรรคท้งั ปวงไมํวาํ เล็กหรือใหญํ และจะทาใหเ๎ ราแกรงํ ข้นึ เขม๎ แข็งขนึ้ กกกกกกก10. อวโิ รธนะ คอื ความเที่ยงธรรม หมายถึง ไมํประพฤตผิ ิด ประพฤตปิ ฏิบัติตนอยูใํ น ความดีงาม ไมํหว่ันไหวในเรื่องร๎าย กกกกกกก10. นบั เป็นบญุ ของชาวไทยเป็นอยาํ งย่ิงที่ได๎อยูํภายใต๎เบือ้ งพระยุคลบาทแหงํ พระบาท สมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดช รชั กาลที่ 9 พระมหากษัตริยาธิราช ผู๎ทรงบาเพ็ญอวิโรธนะ คือความเทีย่ งธรรมได๎อยํางสมบูรณ๑ย่ิง ซึ่งความเท่ียงธรรมในท่ีน้ี หมายถึง ความตรงตามความถูกต๎อง หรือความไมํผิดนั่นเอง พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ทรงปฏิบัติ พระองค๑ถูกต๎องตามขัตติยราชประเพณีทุกประการ ไมํเคยทรงประพฤติผิดจากราชจรรยานุวัตร นิติศาสตร๑ และราชศาสตร๑ ทรงปฏิบัติพระองค๑ได๎อยํางงดงาม ไมํมีความบกพรํองให๎เป็นที่เสื่อมเสีย พระเกียรติยศได๎เลย พระองค๑ทรงรักษาพระราชหฤทัยได๎บริสุทธิ์ปราศจากกิเลสทั้งมวล จึงมิได๎ทรง หวน่ั ไหวตํออานาจแหงํ อคติใด ๆ อนั มคี วามรัก ความชัง ความโกรธ ความกลัว และความหลง เป็นต๎น จึงไมํมีอานาจใดที่อาจน๎อมพระองค๑ให๎ทรงประพฤติทรงปฏิบัติไปในทางท่ีมัวหมอง ไมํสมควร หรือ คลาดเคลื่อนไปจากความยุติธรรม ทรงอุปถัมภ๑ยกยํองผู๎ควรอุปถัมภ๑ยกยํอง ทรงบาราบคนมีความผิด ด๎วยเป็นธรรม และในพระราชฐานะแหํงองค๑พระประมุขของชาติไทยในระบอบประชาธิปไตย ซ่ึงต๎อง มีพรรคการเมืองทั้งรัฐบาลและฝุายค๎าน พระองค๑ได๎ทรงดาริอยูํในความยุติธรรม ทรงเป็นหลักชัยของ พรรคการเมืองทุกพรรค ในด๎านพระราชภารกิจตําง ๆ ทรงปฏิบัติได๎อยํางถูกต๎อง ไมํมีผิด ด๎วยทรง สดับตรบั ฟ๓ง ทรงศึกษา ทรงแสวงหาความรค๎ู วามถูกตอ๎ งทั้งจากบุคคล ตารา จากการที่ทรงสืบค๎นด๎วย พระองค๑เอง และทรงนามาประมวลใครํครวญด๎วยพระป๓ญญา ความร๎ูที่ทรงได๎จึงเป็นความร๎ูที่ชัดแจ๎ง และถูกต๎อง ด๎วยเหตุน้ีพระราชกรณียกิจใด ๆ ท่ีทรงมุํงผลให๎บังเกิดเป็นความผาสุก ความเจริญแกํ พสกนิกรอยํางใด ก็ยํอมสาเร็จเป็นความผาสุก และความเจริญอยํางนั้น แม๎วําจะมีบางส่ิงบางอยํางท่ี จะต๎องแก๎ไขอันเป็นธรรมดาของการทางานทั้งปวง ก็ทรงปฏิบัติแก๎ไขอยํางรอบคอบ ให๎บังเกิดผลดี และสมบูรณ๑ย่ิงข้ึนไปด๎วยลาดับ พระราชกรณียกิจของพระองค๑จึงมีแตํความไมํผิด ดังเชํน ในการ พัฒนาประเทศทรงพัฒนาอยํางถูกต๎อง คือทรงพัฒนาประเทศไปพร๎อม ๆ กับการพัฒนาประชาชน โดยทรงแนะนาตรัสสอนดว๎ ยพระองคเ๑ อง และผาํ นทางโครงการพระราชดาริตาํ ง ๆ เป็นต๎น นอกจากนี้ ในการพัฒนาแตํละท๎องถ่ิน พระองค๑ยังได๎ทรงศึกษาถึงภูมิประเทศ ลมฟูาอากาศ ตลอดจน ขนบธรรมเนียมประเพณี ความเป็นอยํู และความต๎องการที่แท๎จริงของประชาชน ซ่ึงในแตํละท๎องถ่ิน ยํอมไมเํ หมอื นกัน การพัฒนาของพระองค๑จึงเป็นการพัฒนาด๎วยความเข๎าใจ เหมาะสม และเหมาะแกํ ความจาเป็นของท๎องถ่ินนั้น ๆ การพัฒนาโดยวิธีทางที่ถูกต๎องน้ีเอง ทาให๎การพัฒนาประเทศได๎ผลไมํ สูญเปลํา สามารถชํวยให๎ไพรํฟูาหน๎าใสได๎โดยทั่วหน๎ากันสมดังพระราชประสงค๑ ท้ังน้ีก็ด๎วยการ บาเพ็ญอวิโรธนะของพระองค๑นีเ้ อง
49 ภาพทรงโปรดเกล๎าฯ ให๎ พล.อ.สจุ นิ ดา คราประยรู พล.ต.จาลอง ศรเี มือง เขา๎ เฝูาเพ่ือยุติความขดั แย๎ง ภาพทรงเสดจ็ อํางเก็บน้ายางชมุ อนั เนอ่ื งมาจากพระราชดาริ ตาบลหาดขาม อาเภอกยุ บรุ ี จังหวดั ประจวบครี ีขันธ๑ กกกกกกก10. หน้าท่ีพลเมืองดี มีแนวปฏิบตั ิ ได๎แกํ ควรกระทาการงาน หรือดาเนินชีวติ ทถ่ี ูกต๎อง และให๎ความเป็นธรรมกับบุคคลทเี่ กย่ี วข๎อง ด๎วยความยตุ ธิ รรม และเที่ยงธรรม กกกกกกก10. จะเห็นไดว๎ าํ หลกั ธรรมท้ัง 10 ขอ๎ หรือทศพธิ ราชธรรมน้ี มิใชํขอ๎ ปฏบิ ตั ิที่ยากจนเกิน ความสามารถของคนธรรมดาสามญั ที่จะทาตามได๎ หลาย ๆ ขอ๎ ก็เปน็ สง่ิ ท่เี ราปฏบิ ตั อิ ยํูแล๎ว จะโดย รูต๎ วั หรอื ไมํกต็ าม แตหํ ากเรามีความตั้งใจจริง หลักธรรมดังกลําวกจ็ ะเป็นทุนท่ีชวํ ยหนุนนาให๎เราได๎ พัฒนาชวี ิตไปสูํความดีงาม ความม่ันคง และความสาเร็จที่เราปรารถนาทุกประการ ด๎วยการประพฤติ ปฏบิ ัติท่มี คี ุณคาํ ท้ังตํอตนเอง ครอบครวั สังคม และประเทศชาติอีกด๎วย
50 กจิ กรรมท้ายบท กกกกกกกกจิ กรรมที่ 1 กกกกกกกคาชแ้ี จง ใหน๎ กั ศกึ ษาเลอื กคาตอบที่ถกู ต๎องทสี่ ดุ เพยี งข๎อเดียว แล๎วนาไปเขียนไว๎ในแผํน กระดาษคาตอบที่แจกให๎ กกกกกกก1. ข๎อใดคือหลกั ธรรมสาหรบั พระมหากษตั ริย๑ โดยตรง กกกกกกก1. ก. อทิ ธิบาท 4 กกกกกกก1. ข. สังคหวัตถุ 4 กกกกกกก1. ค. พรหมวหิ าร 4 กกกกกกก1. ง. ทศพิธราชธรรม กกกกกกก2. ทศพธิ ราชธรรม มกี ป่ี ระการ กกกกกกก1. ก. 10 ประการ กกกกกกก1. ข. 11 ประการ กกกกกกก1. ค. 12 ประการ กกกกกกก1. ง. 13 ประการ กกกกกกก3. ข๎อใดไมจํ ดั อยํใู นทศพิธราชธรรม กกกกกกก1. ก. ศลี กกกกกกก1. ข. ทาน กกกกกกก1. ค. ขนั ติ กกกกกกก1. ง. สมาธิ กกกกกกก4. หากผูป๎ กครองประเทศ ท่ีมเี ลหํ ๑เหลยี่ ม ฉ๎อราษฎร๑บงั หลวง แสดงวาํ ขาด ทศพธิ ราชธรรมข๎อใด กกกกกกก1. ก. ทาน กกกกกกก1. ข. อกั โกธะ กกกกกกก1. ค. อาชชวะ กกกกกกก1. ง. อวิหิงสา กกกกกกก5. นายตน๎ เป็นคนท่ีมีนิสัยสุขภาพ ออํ นโยน มีมนุษยสมั พนั ธ๑ ตรงกับทศพธิ ราชธรรมข๎อใด กกกกกกก1. ก. ตบะ กกกกกกก1. ข. มัททวะ กกกกกกก1. ค. อาชชวะ กกกกกกก1. ง. อวิหิงสา
51 กกกกกกกกจิ กรรมท่ี 2 กกกกกกกคาชีแ้ จง ให๎นักศกึ ษาจับคํโู ดยการโยงเส๎นข๎อความด๎านตัวเลข กับขอ๎ ความตวั อกั ษรทมี่ ี ความสมั พันธเ๑ หมือนกัน แล๎วนาคาตอบท่ีได๎ไปเขยี นลงในแผํนกระดาษคาตอบท่แี จกให๎ 1. อาชชวะ ก การไมํแสดงความโกรธให๎ปรากฏ 2. อวหิ ิงสา ข ความอดทน ไมํทอ๎ ถอย 3. ตบะ ค การไมเํ บียดเบียน ไมํใชอ๎ านาจบังคับ กลั่นแกล๎งผู๎อ่ืน 4. ขันติ ง ความซือ่ ตรง ดารงอยํูในสตั ยส๑ จุ รติ 5. อกั โกธะ จ ความอตุ สาหะในการปฏิบัตงิ าน กกกกกกกกจิ กรรมท่ี 3 กกกกกกกคาช้ีแจง ใหน๎ ักศึกษาเตมิ คาลงในชํองวํางให๎ถูกต๎องสมบรู ณ๑ ส้ัน ๆ โดยนาคาตอบท่ีไดไ๎ ป เขียนลงในแผนํ กระดาษคาตอบทแ่ี จกให๎ กกกกกกก1. หลกั ธรรมสาหรับพระมหากษัตรยิ ๑ พงึ ปฏิบตั ิ 10 ประการ คือ....................................... กกกกกกก2. ............................. คอื การเสียสละความสุขสํวนตน เพือ่ ความสุขสวํ นรวม กกกกกกก3. ............................. คือ ความสุภาพ อํอนโยน มีสัมมาคารวะ กกกกกกก4. ............................. คือ ความประพฤตทิ ีด่ ีงาม ทั้งกาย วาจา และใจ เปน็ ตัวอยาํ งทดี่ แี กํ คนท่วั ไป กกกกกกก5. ……………………….. คอื ความหนกั แนํน ถือความถูกต๎อง เที่ยงธรรมเปน็ หลัก ไมํเอนเอยี ง หว่นั ไหวตํอคาติทง้ั ปวง กกกกกกกกิจกรรมที่ 4 กกกกกกกคาชแ้ี จง ให๎นักศกึ ษาทาเคร่ืองหมายถูก ( ) หรือผิด () หนา๎ ข๎อตอํ ไปนี้ โดยนา คาตอบท่ีได๎ไปเขยี นลงในแผํนกระดาษคาตอบที่แจกให๎ กกกกกกก............... 1. ทศพธิ ราชธรรม คอื ธรรมของพระราชา 10 ประการ เปน็ ของสงู บคุ คล ธรรมดาควรเคารพบชู าเทํานั้น ไมํควรนามาใช๎ในชีวิตประจาวัน กกกกกกก............... 2. ผทู๎ ป่ี ระพฤตปิ ฏิบัติตนอยํูในความถูกต๎อง เท่ยี งธรรม ไมหํ วน่ั ไหวตํอคาพดู อารมณ๑ หรือลาภ ยศ สรรเสริญ คือวาํ ผ๎ูนน้ั มี อวโิ รธนะ กกกกกกก............... 3. การมีความอดทนตํอสิ่งทั้งปวงรักษาอาการกายวาจาใจใหเ๎ รยี บร๎อย คือ ตบะ กกกกกกก............... 4. มทั ทวะ หมายถงึ การมีอัธยาศัยอํอนโยน มสี มั มาคารวะตํอผู๎อาวุโส กกกกกกก............... 5. อาชชวะ หมายถึง ความซ่ือสัตย๑ สจุ ริต มีความจรงิ ใจ
52 บทท่ี 4 หน้าท่พี ลเมืองตามรอยพระยคุ ลบาทรัชกาลที่ 9 ตามพระราชดารสั สาระสาคัญ กกกกกกก1. หน๎าท่ีพลเมอื งตามพระราชดารสั ความสขุ ในการดาเนินชีวติ ได๎แกํ กกกกกกก1. 1.1 สุขกาย จะเกดิ ข้ึนได๎ พลเมืองต๎องมสี ภาวะราํ งกายท่ีมคี วามสมบรู ณ๑แขง็ แรง เจริญเติบโตอยํางปกติ มีความต๎านทานโรคได๎ดี ปราศจากโรคภัยไข๎เจ็บ รวมถึงดูแลสุขภาพจิต ด๎านการแสวงหาความร๎ูให๎มีป๓ญญาร๎ูเทําทัน จะทาให๎จิตใจดี ควบคุมจิตได๎ นอกจากน้ีต๎องดูแล สุขภาพใจ ด๎านการแสวงหาความรู๎ที่ทาให๎เข๎าใจ สบายใจ หรือรู๎เทําทันการเปล่ียนแปลง เพ่ือให๎ สามารถดาเนินชวี ิตได๎อยํางปกติ รวมถงึ ทางานไดด๎ ๎วย กกกกกกก1. 1.2 สขุ ใจ จะเกดิ ขึ้นได๎ พลเมืองต๎องมีสภาวะของจิตใจที่มีความสดชื่นแจํมใส สามารถควบคุมอารมณ๑ให๎มั่นคง ปรับตัวให๎เข๎ากับการเปล่ียนแปลงทางสังคม และสิ่งแวดล๎อมได๎เป็น อยํางดี จากการที่บุคคลน้ันใช๎ความร๎ูที่มีอยูํ ประกอบกับมีสัมพันธภาพกับบุคคลอื่นอันดี และมี รํางกายทแี่ ข็งแรงจึงจะทาให๎มีความสขุ ใจได๎ กกกกกกก1. 1.3 สขุ ในการอยํรู ํวมกนั จะเกดิ ข้ึนได๎พลเมืองต๎องมีความรัก ความสามัคคี ความปรองดอง และความสงบสุขในสังคม ท่เี กดิ จากทกุ คนไดร๎ บั ความยตุ ธิ รรม กกกกกกก2. หนา๎ ท่ีพลเมอื งตามพระราชดารสั เกยี่ วกบั เด็ก นักเรียนและเยาวชน และนักศึกษา กกกกกกก1. 2.1 วยั เดก็ และการปลูกฝ๓งคุณธรรมจะเกิดขน้ึ ได๎ จากการอบรมเล้ยี งดู ส่ังสอน ขัดเกลาของทุกฝุายทั้งครอบครวั และโรงเรียน ใหเ๎ ห็นคุณคาํ ของความดี ความสจุ รติ มีความประพฤติ เรียบร๎อย มีเหตุผลหรือสติปญ๓ ญาน้นั เอง โดยการเปน็ แบบอยํางทดี่ ี เพื่อให๎เด็กเหน็ เปน็ ตัวอยํางและ ยดึ เปน็ แบบอยาํ งให๎ได๎ กกกกกกก1. 2.2 นักเรียนและเยาวชน ต๎องไดร๎ ับการปลูกฝง๓ ถาํ ยทอดความรท๎ู ี่แท๎จรงิ เพ่อื ให๎ สามารถรเ๎ู ทาํ ทนั ฉลาดและคิดสรา๎ งสรรค๑ ทาประโยชนใ๑ ห๎กับตนเองและสวํ นรวม กกกกกกก1. 2.3 นักศกึ ษาเป็นผ๎ูท่มี คี วามพรอ๎ มทงั้ วยั วุฒิและคณุ วฒุ ิ ฉะน้นั จงึ ต๎องมีความเพียร ความอดทน มสี ติปญ๓ ญา ร๎ูจกั ใช๎เหตผุ ล และเลอื กสงิ่ ที่ดีงามมาประยุกต๑ใช๎ในชีวิตของตนเอง กกกกกกก1. 2.4 วยั ทางาน และการศึกษา กกกกกกก1. 2.4 2.4.1 วยั ทางาน ยอํ มเจอป๓ญหาและอุปสรรคเสมอ เมื่อเจอปญ๓ หาใหห๎ า ทางแก๎ไข ถา๎ แก๎คนเดยี วไมํได๎กใ็ ห๎คนทเ่ี กย่ี วข๎องชํวยกันคดิ หาทางแก๎ไข กกกกกกก1. 2.4 2.4.2 การศกึ ษา สรา๎ งคนใหม๎ ีความรู๎ ความสามารถ เปน็ พื้นฐานทีจ่ าเปน็ ในการ พัฒนาตนเองและประเทศชาติ กกกกกกก1. 2.5 หนา๎ ที่ และความรบั ผิดชอบตํอบ๎านเมืองของคนในชาติตอ๎ งมคี วามรัก ความ สามัคคี มีเหตุผล มีความรู๎ ชํวยกันสร๎างความเจริญ ปลูกฝ๓งความดีงามให๎กับจิตใจของคนในชาติ รวมถึงรักษาวฒั นธรรมประเพณีทเี่ ป็นแบบแผนของไทยให๎คงอยูํตลอดไป
53 กกกกกกก3. หนา๎ ที่พลเมืองตามพระราชดารสั ท่เี ก่ียวข๎องกบั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง กกกกกกก3. 3.1 ความพอประมาณ จะเกิดขน้ึ ได๎ โดยรจ๎ู ักตนเอง มคี วามซื่อสตั ย๑และความเพยี ร เดนิ ทางสายกลาง และพอใจในส่งิ ท่ตี นมีอยํู กกกกกกก3. 3.2 ความมีเหตผุ ล ตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี งมุํงสอนให๎พลเมอื งไทย มีความคิดอยาํ งรอบคอบ โดยพจิ ารณาจากปจ๓ จยั ท่ีเกยี่ วขอ๎ ง และคานงึ ถงึ ผลทจี่ ะเกดิ ข้นึ จากการ กระทานน้ั กกกกกกก3. 3.3 ความมีภมู ิคม๎ุ กนั คือ เป็นการเตรียมตัวให๎พร๎อมตํอการเปลย่ี นแปลงในทกุ ด๎าน ด๎วยการวเิ คราะห๑ความเส่ียง ใช๎ประสบการณ๑เดิมมาชวํ ยตดั สินใจ และรวบรวมมาใชใ๎ นโอกาสตอํ ไป กกกกกกก3. 3.4 เงอ่ื นไขความร๎ู กกกกกกก3. 3.4 3.4.1 ความรู๎ มีหลายประเภท ได๎แกํ ความรท๎ู เี่ กีย่ วข๎องกบั การดาเนินชวี ติ การประกอบอาชพี การศึกษา รวมถงึ ความรูท๎ ี่เกยี่ วขอ๎ งกบั การพฒั นาจติ ใจ ทาใหบ๎ คุ คลมคี วาม เจรญิ กา๎ วหนา๎ ได๎ กกกกกกก3. 3.4 3.4.2 หลักวชิ า คือ เน้อื หาความร๎ู และหลักวิชาการ คือ นาความรู๎มาจดั กระบวนการเรยี นรู๎ กกกกกกก3. 3.4 3.4.3 รอบร๎ู รอบคอบ และระมัดระวัง เปน็ การศึกษาหาข๎อมูล กอํ นการปฏบิ ัติ โดยคานงึ ผลที่จะตามมาอยํางรอบคอบ และระมดั ระวัง กกกกกกก3. 3.5 เงอื่ นไขคุณธรรม แบงํ ออกเป็น 2 ประเภท ได๎แกํ คุณธรรมและหน๎าที่ กกกกกกก3. 3.4 3.5.1 คณุ ธรรม กกกกกกก3. 3.4 3.5.1 1) ความซื่อสัตย๑สจุ รติ เป็นพ้นื ฐานของความดีทุกอยาํ ง กกกกกกก3. 3.4 3.5.1 2) ความเพียร พากเพียร และอดทน จะเกิดขน้ึ ไดจ๎ ากการฝึกฝน จนเกดิ เปน็ นิสยั และกระตุ๎นให๎เกดิ การทางานอยํางจริงจงั จนสาเรจ็ กกกกกกก3. 3.4 3.5.1 3) สติ และป๓ญญา เป็นความสามารถในตัวบุคคล ที่จะทราบได๎จาก พฤติกรรมท่ีบุคคล แสดงออก ระดับของสติป๓ญญาสังเกตได๎จากการแสดงออกที่มีความคลํองแคลํว รวดเร็ว ความถูกต๎อง ความสามารถในการคิด การแก๎ป๓ญหาและการปรับตัว การใช๎แบบทดสอบวัด สตปิ ญ๓ ญาจะทาใหท๎ ราบระดบั สติปญ๓ ญาชดั เจนข้นึ กกกกกกก3. 3.4 3.5.1 4) ไมํเบยี ดเบยี น มีเมตตา จะเกดิ ขึน้ ได๎ โดยการปลูกฝ๓งคุณธรรมจาก ครอบครวั และสิ่งแวดล๎อม กกกกกกก3. 3.4 3.5.1 5) ตั้งใจดี คดิ ดี และทาดี หากคิดดีก็จะมีความรูส๎ ึกทดี่ ี เม่ือมคี วามรูส๎ ึกท่ี ดกี จ็ ะมีคาพดู ที่ดี สงํ ผลให๎มีการกระทาทด่ี ดี ๎วย กกกกกกก3. 3.4 3.5.1 6) ความรับผิดชอบ รับผิด และรบั ชอบ จะแสดงถึงความเอาใจใสํ มํงุ ม่ัน ตํอภารกิจท่ีทาทุกคนต๎องมีความรับผิดชอบตํอหน๎าท่ีการงาน การศึกษา อื่น ๆ อยํางเต็ม ความสามารถเพื่อให๎บรรลผุ ลสาเรจ็ ตามจดุ มุํงหมาย และยอมรับผลการกระทาทจี่ ะเกดิ ข้นึ
54 กกกกกกก3. 3.4 3.5.2 หนา๎ ท่ี กกกกกกก3. 3.4 3.5.2 1) ประโยชนส๑ วํ นรวม ประโยชนส๑ ํวนตน และเสียสละ การทาประโยชน๑ ให๎สํวนรวม เสยี สละเพือ่ ให๎ประเทศชาติมีความเจรญิ ซง่ึ เปน็ ความรับผิดชอบของทุกคน และไมํเหน็ แกํ ประโยชนส๑ ํวนตน กกกกกกก3. 3.4 3.5.2 2) ความสามคั คี รํวมมอื ปรองดอง เกิดจากความรวํ มมอื รวํ มใจเป็น อันหน่งึ อันเดียวกนั คณุ ธรรมน้นี ับวาํ สาคญั มากในหมคํู ณะ เป็นคุณธรรมท่ีกํอใหเ๎ กิดความสุขอยํางย่งิ แกหํ มูคํ ณะ กกกกกกก3. 3.4 3.5.2 3) ความสุข ความเจรญิ เกดิ ข้ึนจาก บุคคลทั้งหมดมเี จตนากระทาเพ่ือให๎ มีความสุข ความเจริญจะต๎องไมเํ บียดเบียน หรือแกํงแยงํ ผู๎อน่ื มา ผลการเรยี นรทู้ ่ีคาดหวัง กกกกกกก1. วเิ คราะห๑หนา๎ ที่พลเมืองตามรอยพระยคุ ลบาทรชั กาลท่ี 9 ตามพระราชดารัส ความสขุ ในการดาเนินชวี ิตเกีย่ วกบั เดก็ นักเรียน และเยาวชน และนักศึกษา และเก่ยี วกบั ปรชั ญาของเศรษฐกิจ พอเพียงตามสถานการณท๑ ่ีกาหนดให๎ได๎ กกกกกกก2. ตระหนกั ถึง ความสาคญั ของหน๎าท่ีพลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรชั กาลที่ 9 ตาม พระราชดารัส ขอบข่ายเนอ้ื หา กกกกกกกเร่ืองที่ 1 หนา๎ ทพี่ ลเมืองตามพระราชดารสั ความสุขในการดาเนนิ ชวี ติ กกกกกกกเร่ืองที่ 2 หนา๎ ทพ่ี ลเมอื งตามพระราชดารสั เกย่ี วกบั เด็ก นักเรยี นและเยาวชน และ นกั ศกึ ษา กกกกกกกเรื่องท่ี 3 หน๎าทีพ่ ลเมอื งตามพระราชดารสั ทเ่ี ก่ียวข๎องกับปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง สื่อประกอบการเรียน กกกกกกก1. สือ่ เอกสาร ไดแ๎ กํ กกกกกกก1. 1.1 ชอ่ื หนงั สือ ประมวลพระบรมราโชวาทและพระราชดารสั เกยี่ วกบั เด็กและเยาวชน ซือ่ ผ๎แู ตํง มลู นิธโิ ตโยต๎าประเทศไทยและมูลนธิ พิ ระดาบส ปีทพี่ ิมพ๑ 2543 สานกั พิมพ๑กรงุ เทพฯ กกกกกกก1. 1.2 ชื่อหนังสือ พจนานุกรมฉบับราชบณั ฑติ ยสถาน พ.ศ. 2554เฉลมิ พระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจา๎ อยํูหวั เน่ืองในโอกาสพระราชพธิ ีมหามงคลเฉลมิ พระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554 ผแ๎ู ตงํ ราชบัณฑติ ยสถาน ปีทพี่ ิมพ๑ 2556 สานกั พมิ พ๑ศริ วิ ัฒนาอนิ เตอร๑พริน้ ท๑ จากัด (มหาชน)
55 กกกกกกก2. สอ่ื อเิ ลก็ ทรอนิกส๑ ได๎แกํ กกกกกกก2. 2.1 ชอ่ื บทความ บนั ทกึ ตามรอย 84 ตามคาสอนพํอ ช่ือผแ๎ู ตงํ สานกั พมิ พ๑เนชน่ั บ๏ุค สบื คน๎ จาก https://books.google.co.th/books?id= true กกกกกกก2. 2.2 ชอื่ บทความ พลเมืองดตี ามวิถปี ระชาธิปไตย ผ๎ูแตงํ ปณติ า ปตตาทานัง สืบคน๎ จาก http://www.thistudyfocas.com กกกกกกก3. สอ่ื แหลํงเรียนรู๎ในชุมชนได๎แกํ กกกกกกก3. 3.1 หอ๎ งสมุดประชาชนจังหวดั ประจวบคีรีขนั ธ๑ กกกกกกก3. 3.2 กศน.ตาบล/เทศบาลทกุ แหงํ และศนู ยก๑ ารเรียนร๎ูชุมชนในอาเภอเมือง ประจวบครี ขี นั ธ๑ เร่อื ง 1 หน้าท่พี ลเมืองตามพระราชดารัส ความสขุ ในการดาเนนิ ชีวติ กกกกกกก1. สขุ กาย หมายถึง “ความสุข” ในมุมมองน้ีเป็นการส่อื ความหมายของความสุขทางกาย ทางใจ ความสมหวงั และความเปน็ อยูทํ ี่ดี กกกกกกก1. พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได๎ทรงพระราชทานพระราชดารสั เกี่ยวกับ สุขกายเน่ืองในการฉลองครบรอบ 50 ปี ของสโมสรโรตาร่ใี นประเทศไทย ณ อาคารใหมํ สวนอมั พร วันท่ี 15 ธนั วาคม พ.ศ. 2523 ดงั น้ี “ ชีวิตของแตํละคนจะต๎องประกอบด๎วยส่ิงใด สาหรับให๎มีชีวิตอยูํได๎ถ๎าเรา คิดสักหนํอยวํา เรามีรํางกายท่ีจะต๎องอุ๎มชูตนเอง คือหมายความวําทุกวันนี้เราจะต๎อง หาอาหารมาเลี้ยง ถ๎าไมํมีอาหารเล้ียงรํางกายน้ีเป็นเวลาหน่ึง ก็ทาให๎ รํางกายซูบผอม และอํอนเพลียลงไป ไมํมีทางที่จะทางานทาการใด ๆ หรือแม๎จะทางานท่ีไมํใชํเป็นงาน คือเลํนสนุกอะไรก็ตาม ก็ไมํได๎ทั้งน้ัน คิดอะไรก็ไมํออกดาเนินชีวิตไมํได๎ ถ๎าไมํมีอาหาร ถ๎ามองดูในแงํน้ีเพียงอาหารที่มาใสํท๎อง ก็เป็น กิจการที่กว๎างขวางอยํางมาก มาทีน้ีพูด กันวําคนเราต๎องทามาหากิน ดูเป็นของที่สาคัญที่สุด เพราะวําถ๎าไมํทามาหากินก็ไมํมี ชีวิตอยไํู ด๎ หรอื มีชวี ิตก็แรน๎ แคน๎ และทกุ ขท๑ รมานอยํางย่ิง นอกจากน้ีก็ยังมีอาหารใจอีก ถ๎าคนเราไมํมีอาหารใจ ไมํขวนขวายหาความรู๎ จะไมํสบายใจ และจะไมํเป็นคนที่เจริญ ฉะน้ัน ทุกคนท่ี ต๎องการท่ีจะมีชีวิตอยํู และมีชีวิตอยํูอยํางดี ก็ต๎องอุ๎มชูให๎อาหารแกํตา และหาทางที่จะมอี าหารของใจด๎วย ”
56 กกกกกกก1. กลาํ วโดยสรุป สขุ กายจะเกดิ ข้ึนได๎ พลเมืองตอ๎ งมสี ภาวะรํางกายท่ีมคี วามสมบรู ณ๑ แข็งแรง เจริญเติบโตอยํางปกติ มีความต๎านทานโรคได๎ดี ปราศจากโรคภัยไข๎เจ็บ รวมถึงดูแล สุขภาพจิต ด๎านการแสวงหาความรู๎ให๎มีป๓ญญาร๎ูเทําทันจะทาให๎จิตใจดี ควบคุมจิตได๎ นอกจากนี้ต๎อง ดูแลสุขภาพใจ ด๎านการแสวงหาความร๎ูที่ทาให๎เข๎าใจ สบายใจ หรือร๎ูเทําทันการเปล่ียนแปลง เพื่อให๎ สามารถดาเนนิ ชีวิตได๎อยาํ งปกติ รวมถึงทางานไดด๎ ๎วย กกกกกกก1. หนา๎ ท่ีพลเมืองดี มีแนวปฏบิ ตั ิ ได๎แกํ การดแู ลสุขภาพราํ งกายใหแ๎ ข็งแรง รับประทาน อาหารท่ีมีประโยชน๑ หมัน่ ออกกาลงั กายอยูเํ ป็นประจา และไมํใช๎ชวี ติ อยบูํ นความประมาท รวมถงึ ดูแล สุขภาพจติ ด๎านการแสวงหาความรใ๎ู หม๎ ปี ๓ญญารู๎เทาํ ทันจะทาให๎จติ ใจดคี วบคุมจิตได๎ กกกกกกก2. สุขใจ หมายถึง ความสขุ ที่สมั ผสั ได๎จากจิต คือ ความสบายใจ ความสขุ ใจ ความอิม่ ใจ ความพอใจ อนั เกิดจากจิตใจท่ีสงบและเย็น เปน็ ความสขุ ท่ีสะอาด กกกกกกก2. พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลท่ี 9 ไดท๎ รงพระราชทาน พระราชดารสั เกี่ยวกบั สขุ ใจไว๎ให๎แกคํ ณะครูและนักเรยี นโรงเรยี นราชวินติ ณ พระตาหนักจติ รลดา รโหฐาน วันที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2518 ดังนี้ “ ความเข๎มแข็งในจิตใจน้ีเป็นสิ่งท่ีสาคัญที่จะต๎องฝึกฝนแตํเล็กเพราะวําตํอไป ถ๎ามีชีวิตที่ลาบาก ไปประสบอุปสรรคใด ๆ ถ๎าไมํมีความเข๎มแข็ง ไมํมีความร๎ู ไมํมีทางท่ี จะผํานอุปสรรคนั้นได๎ เพราะวําถ๎าไปเจออุปสรรคอะไร ก็ไมํมีอะไรที่จะมาชํวยเราได๎ แตํถ๎ามีความร๎ู มีอัธยาศัยท่ีดี และมีความเข๎มแข็ง ในกาย ในใจ ก็สามารถท่ีจะผํานพ๎น อปุ สรรคตําง ๆ นั้นได๎ ” กกกกกกก2. กลาํ วโดยสรปุ สขุ ใจจะเกิดขน้ึ ได๎ พลเมืองต๎องมีสภาวะของจติ ใจท่ีมคี วามสดชนื่ แจํมใส สามารถควบคุมอารมณ๑ให๎ม่ันคง ปรับตัวให๎เข๎ากับการเปลี่ยนแปลงทางสังคม และสิ่งแวดล๎อมได๎เป็น อยํางดีจากการท่ีบุคคลนั้นใช๎ความรู๎ที่มีอยูํประกอบกับมีสัมพันธภาพกับบุคคลอ่ืนอันดี และมีรํางกาย ทแ่ี ข็งแรง จึงจะทาใหม๎ คี วามสขุ ใจได๎ กกกกกกก2. หน๎าที่พลเมืองดี มแี นวปฏบิ ตั ิไดแ๎ กํ การดูแลสขุ ภาพใจใหแ๎ ข็งแรง ดว๎ ยวิธกี ารทาจติ ให๎ สดช่ืนแจมํ ใส ควบคุมอารมณ๑ให๎มนั่ คง คน๎ คว๎าหาความรใู๎ ห๎ร๎ูเทาํ ทนั การเปลี่ยนแปลงรวมถึงมี สัมพันธภาพทด่ี ีกับบุคคลอนื่ และมีราํ งกายแขง็ แรงดี จะชวํ ยให๎บคุ คลปรับตัวให๎เข๎ากับการ เปล่ยี นแปลงของสังคม และสามารถเผชิญกับป๓ญหาไดเ๎ ปน็ อยาํ งดี กกกกกกก3. สขุ ในการอยรู่ ่วมกนั หมายถึง การอยรูํ ํวมกันในสงั คมอยํางสนั ตสิ ขุ จาเป็นอยํางยงิ่ ท่ี จะตอ๎ งอาศยั ความมีนา้ ใจไมตรที ดี่ ตี อํ กัน โดยไมตํ ๎องใช๎เงนิ ทองมากมาย เพียงแตํแสดงความเมตตา กรณุ าตํอเพื่อนมนุษย๑ โดยการชํวยเหลอื เลก็ ๆ น๎อย ๆ เทาํ น้นั กเ็ ป็นการแสดงน้าใจได๎
57 กกกกกกก3. พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รชั กาลท่ี 9 ไดท๎ รงพระราชทาน พระราชดารสั เกยี่ วกับสุขในการอยรูํ ํวมกัน เน่ืองในโอกาสที่รองประธานศาลฎีกานาผพู๎ ิพากษา ประจากระทรวงเข๎าเฝาู ฯ ณ พระตาหนักจิตรลดารโหฐาน วันท่ี 21 ธนั วาคม พ.ศ.2537 ดงั นี้ “ การทใ่ี นประเทศใดมีประชาชนท้งั หมดอยํูรวํ มกันโดยสันติ กเ็ ปน็ สง่ิ ท่ี ปรารถนาของทุกคน ไมํมใี ครอยากให๎มีความวนํุ วายในหมํูคณะในประเทศชาติ เพราะวํา ถ๎ามีความวนํุ วายนั้นเป็นความทุกข๑ ทุกคนต๎องการความสุข หากความสุขน้ันก็จะมาจาก ความปรองดอง และความท่ีทกุ ส่ิงทกุ อยาํ งเป็นไปโดยยตุ ธิ รรม ” กกกกกกก3. กลาํ วโดยสรุปสขุ ในการอยํรู ํวมกันจะเกิดข้นึ ได๎พลเมืองจะต๎องมีความรัก ความสามคั คี ความปรองดอง และความสงบสุขในสงั คมทเี่ กิดจากทุกคนได๎รับความยุติธรรม กกกกกกก3 หน๎าทพี่ ลเมืองดี มีแนวปฏบิ ตั ิได๎แกํ ใหค๎ วามเมตตา ความรัก ความรวํ มมือในการปฏบิ ัติ ภารกจิ สวํ นรวมรวม ถึงดา๎ นความเออ้ื อาทร ปรองดอง สมานฉนั ท๑ อยํางเสมอภาค เรื่องที่ 2 หนา้ ท่ีพลเมืองตามพระราชดารัส เก่ยี วกับเดก็ นักเรียน และเยาวชน และ นกั ศกึ ษา กกกกกกก1. วัยเด็กและการปลูกฝงั คณุ ธรรม หมายถึง การสร๎างแรงจงู ใจเป็นการเปลี่ยนกระบวน ความคดิ ให๎เหน็ คุณคาํ และประโยชนข๑ องการมคี ุณธรรม จริยธรรม ดว๎ ยการสัง่ สอนอบรม การเห็น แบบอยําง และใหร๎ างวลั เม่ือทาความดี กกกกกกก1. พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู ิพลอดุลยเดช ได๎ทรงพระราชทานพระราชดารัส เกีย่ วกบั วัยเด็กและการปลูกฝ๓งคณุ ธรรม เนือ่ งในโอกาสปีเด็กสากล วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2522 ดังน้ี “ เด็กเปน็ ผ๎ทู ่ีจะได๎รบั ชํวงทุกสิง่ ทุกอยํางตํอจากผ๎ูใหญํ ดงั น้ัน เดก็ ทกุ คนจึง สมควรและจาเป็น ทจ่ี ะตอ๎ งไดร๎ บั การอบรมเล้ยี งดอู ยํางถูกต๎องเหมาะสม ให๎มศี รัทธา ม่นั คงในคุณความดี มคี วามประพฤติเรียบรอ๎ ย สุจริต และมปี ๓ญญา ฉลาดแจํมใสใน เหตุผล ”
58 กกกกกกก1. กลําวโดยสรุปวยั เดก็ และการปลูกฝง๓ คุณธรรมจะเกิดข้นึ ได๎ เกิดจากการอบรมเลี้ยงดู สง่ั สอน ขดั เกลาของทุกฝาุ ย ทัง้ ครอบครัวและโรงเรียน ให๎เห็นคณุ คาํ ของความดี ความสุจรติ มคี วาม ประพฤติเรียบร๎อย มเี หตผุ ล หรอื สตปิ ญ๓ ญานนั้ เอง โดยการเปน็ แบบอยํางที่ดี เพ่ือใหเ๎ ด็กเห็นเปน็ ตวั อยาํ ง และยึดเป็นแบบอยาํ งใหไ๎ ด๎ กกกกกกก1. หนา๎ ทพี่ ลเมืองดี มแี นวปฏิบตั ไิ ด๎แกํ บคุ คลผู๎เป็นผ๎ูปกครองในครอบครัวต๎องอบรม สง่ั สอนเร่ืองของคณุ ธรรม และจริยธรรมท่เี ด็กควรปฏิบตั อิ ยํางมเี หตมุ ีผลให๎เด็กเกดิ ป๓ญญา นอกจากน้ี สถาบันการศึกษากต็ ๎องชํวยอบรมส่ังสอน และปลูกฝ๓งเร่อื งคณุ ธรรมจริยธรรมใหก๎ ับเด็กด๎วย กกกกกกก2. นักเรยี น และเยาวชน หมายถึง ผู๎รับการศกึ ษาจากโรงเรยี นหรือสถาบัน การศึกษา กกกกกกก2. พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภมู ิพลอดุลยเดช รชั กาลที่ 9 ได๎ทรงพระราชทาน พระบรมราโชวาทเกยี่ วกบั นกั เรียนและเยาวชน เนือ่ งในโอกาสวันเดก็ แหํงชาติประจาปี 2532 ณ พระตาหนกั จติ รลดารโหฐาน วันที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2532 ดังนี้ “ ความรู๎ประโยชน๑แท๎จริงของสิ่งท้ังหลาย เป็นสิ่งที่ผ๎ูใหญํต๎องปลูกฝ๓งให๎ หยั่งลึกในตัวเด็ก เด็กจักได๎เติบโตเป็นคน ฉลาดเท่ียงตรงและสามารถสร๎างสรรค๑ ประโยชน๑ทพี่ ึงประสงค๑ ใหแ๎ กํตน แกสํ ํวนรวมไดแ๎ นํนอนมปี ระสทิ ธิภาพ ” กกกกกกก2. กลําวโดยสรุป นกั เรียน และเยาวชนตอ๎ งไดร๎ ับการปลูกฝ๓งถํายทอดความรู๎ท่ีแทจ๎ รงิ เพอื่ ใหส๎ ามารถรู๎เทาํ ทัน ฉลาด และคิดสรา๎ งสรรค๑ทาประโยชน๑ให๎กับตนเอง และสวํ นรวม กกกกกกก2. หน๎าท่ีพลเมืองดี มีแนวปฏบิ ัตไิ ดแ๎ กํ บคุ คลในครอบครัว หรอื ครู อาจารย๑ และ ผ๎ูนาชุมชน ต๎องสนับสนุนให๎นักเรียนและเยาวชนได๎เรียนร๎ูในสถาบันการศึกษา หรือแหลํงเรียนรู๎ใน ชุมชน ตามศักยภาพของนักเรียน และเยาวชนให๎ได๎มากท่ีสุด เพ่ือให๎มีความรู๎อยํางแท๎จริง มีความ ฉลาด คิดสรา๎ งสรรคท๑ าประโยชนต๑ ํอตนเองและสังคมโดยรวม กกกกกกก3. นักศกึ ษา พจนานุกรมฉบับราชบัณฑติ ยสถาน พ.ศ.2554 ไดใ๎ ห๎คาจากัดความ หรือความหมายของนักศึกษา คือ ผูท๎ ่ศี ึกษาอยํใู นสถาบนั อุดมศึกษาหรือเทยี บเทํา กกกกกกก3. พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รชั กาลท่ี 9 ได๎ทรงพระราชทาน พระบรมราโชวาทเกยี่ วกบั นักศึกษาเนื่องในโอกาสเสด็จฯ ทรงดนตรีเปน็ สวํ นพระองค๑ ณ หอประชุม จุฬาลงกรณ๑มหาวทิ ยาลัย วนั ท่ี 20กันยายน พ.ศ.2513 ดงั นี้
59 “ ขอสรุปหน๎าท่ีของผ๎ูที่เป็นนิสิตนักศึกษาวํา การเป็นนักศึกษาไมํใชํอาชีพ เป็นเวลาที่จะฝึกทางวิชาการและก็ทางจิตใจ เพื่อที่จะมีพลังแข็งแรงที่จะรับใช๎ชาติ เป็นพลเมืองดี แล๎วก็เป็นความหวัง และก็เป็นสิ่งท่ีสาคัญท่ีสุดวํา เม่ือได๎ฝึกในทางจิตใจ เป็นคนเข๎มแขง็ ซอ่ื ตรง และเป็นคนท่ีมีความปรารถนาที่จะสร๎างสรรค๑แล๎ว จะต๎องรักษา อดุ มคตนิ ี้ หรอื พลงั น้ี หรือปณิธานน้ีไวต๎ ลอดชวี ิต ” กกกกกกก3. กลําวโดยสรปุ นกั ศึกษาเปน็ ผท๎ู ่ีมีความพรอ๎ มทั้งวัยวฒุ ิและคุณวุฒิ ฉะน้ันจงึ ต๎องมีความ เพยี ร ความอดทน มีสตปิ ๓ญญา รูจ๎ กั ใชเ๎ หตุผล และเลือกส่งิ ทดี่ งี ามมาประยุกต๑ใช๎ในชวี ติ ของตนเอง กกกกกกก3. หนา๎ ท่ีพลเมืองดี มีแนวปฏบิ ตั ิ ไดแ๎ กํ ต๎องมีความเพยี รและอดทน และมปี ๓ญญา และเหตุผล ร๎ูจักวําอะไรดี อะไรไมํดี ซ่ึงคาวําเพียร และคาวําอดทนเป็นคุณสมบัติ หรือคุณธรรมท่ี จะต๎องปฏิบัติ โดยเฉพาะกับนักศึกษา วําการศึกษานี้ หมายความวํา การเรียน การหาความรู๎ของผู๎ที่ ศึกษาก็เป็นสิ่งที่ยากลาบาก จึงต๎องมีความเพียรความอดทน เราเป็นคน เราเป็นนักศึกษา หรือแม๎จะ ไมํใชํนักศึกษาก็เรียนอยํูเสมอ ศึกษาอยูํเสมอ คนเรามีป๓ญญา ควรจะมีป๓ญญา หมายความวํามีความ เข๎าใจ เข๎าใจด๎วยเหตุผลได๎ รู๎จักใช๎เหตุผล รู๎จักเลือกสิ่งท่ีดีที่งาม ร๎ูวําอันนี้ดี อันนี้ไมํดี ถูกต๎อง หรอื ไมถํ ูกต๎อง กกกกกกก4. วัยทางาน และการศกึ ษา กกกกกกก4. 4.1 วัยทางาน พจนานกุ รมฉบบั ราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 ได๎ให๎คาจากัดความ หรือความหมายของวัยทางาน คอื วยั ที่ใช๎พลังทางรํางกายและสตปิ ๓ญญาผลิตงานออกมา กกกกกกก4. 4.1 พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู ิพลอดลุ ยเดช รัชกาลที่ 9 ไดท๎ รง พระราชทานพระบรมราโชวาทเกย่ี วกบั วัยทางาน เน่อื งในพิธีพระราชทานปริญญาบตั รวทิ ยาลยั เทคโนโลยีและอาชีวศึกษา วันที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2530 ดังน้ี “ เมือ่ มีโอกาสและมงี านทา ควรเตม็ ใจทาโดยไมจํ าเป็นต๎องตง้ั ข๎อแม๎ หรือ เงื่อนไขอนั ใด ไวใ๎ ห๎เป็นเครื่องกีดขวาง คนทท่ี างานได๎จริง ๆ นัน้ ไมวํ ําจะจับงานสิ่งใด ยอํ มทาได๎เสมอ ถา๎ ย่ิงมคี วามเอาใจใสํ มีความขยนั และ ความซ่อื สัตย๑สจุ รติ กย็ ิ่งจะชวํ ย ใหป๎ ระสบผลสาเร็จในงานที่ทาสงู ขนึ้ ”
60 กกกกกกก4. 4.1 กลาํ วโดยสรุป วยั ทางานยอํ มเจอปญ๓ หาและอุปสรรคเสมอ เมื่อเจอป๓ญหาใหห๎ า ทางแก๎ไข ถา๎ แก๎คนเดยี วไมํได๎ก็ให๎คนทเ่ี กย่ี วข๎องชํวยกนั คิดหาทางแก๎ไข กกกกกกก4. 4.1 หนา๎ ทพ่ี ลเมืองดี มีแนวปฏิบัติไดแ๎ กํ เมื่อพบบุคคลมีป๓ญหา ถ๎าเหน็ วาํ เขาไมํ สามารถแก๎ไขป๓ญหาน้ันได๎ ถ๎าเรามีความรู๎ความเข๎าใจก็เข๎าไปชํวยแก๎ไขป๓ญหาน้ันให๎หมดไป ควรให๎ ความรํวมมือใสํใจชํวยแก๎ไขป๓ญหาของบุคคลอื่นด๎วย นอกจากน้ีบุคคลไมํควรปลํอยให๎ป๓ญหาเกิดข้ึน โดยไมแํ กไ๎ ข กกกกกกก4. 4.2 การศกึ ษา พจนานกุ รมฉบบั ราชบณั ฑิตยสถาน พ.ศ.2554 ไดใ๎ ห๎คาจากัดความ หรอื ความหมายของการศึกษา คือ การเลําเรียน ฝกึ ฝน และอบรม กกกกกกก4. 4.2 การศกึ ษา หมายถึง การดาเนินการด๎วยกระบวนการทกุ อยําง ที่ทาให๎บุคคล พฒั นาความสามารถดา๎ นตําง ๆ รวมทั้งทัศนคติ และพฤติกรรมอืน่ ๆ ตามคํานยิ มและคุณธรรม ในสังคม กกกกกกก4. 4.2 การศึกษา หมายถงึ กระบวนการทางสังคม ท่ที าใหบ๎ ุคคลได๎รับอิทธิพลจาก สง่ิ แวดลอ๎ ม ท่ีคัดเลอื กและกาหนดไว๎อยาํ งเหมาะสมโดยเฉพาะโรงเรียน เพ่อื พัฒนาบคุ คลและสังคม กกกกกกก4. 4.2 กลาํ วโดยสรปุ การศกึ ษา หมายถึง วชิ าชพี อยาํ งหนึ่งสาหรบั ครู หรือการเตรียม บุคคลให๎เป็นครู ซ่ึงจัดสอนในสถาบันอุดมศึกษา ประกอบด๎วย วิชาจิตวิทยาการศึกษา ปรัชญา ประวัติการศึกษา หลักสูตร หลักการสอน การวัดผล การบริหาร การนิเทศการศึกษา และวิชาอื่น ๆ ท่ีครคู วรรู๎ ทั้งภาคทฤษฎีและปฏบิ ัติ ซึง่ จะทาใหเ๎ กิดความเจรญิ งอกงามสาหรับครู กกกกกกก4. 4.2 พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดช รัชกาลที่ 9 ไดท๎ รง พระราชทานพระบรมราโชวาทเกยี่ วกับการศึกษา เนื่องในพธิ ีพระราชทานปริญญาบตั ร ณ วทิ ยาลัยการศึกษาประสานมิตร วนั ที่ 12 ธนั วาคม พ.ศ. 2512 ดงั นี้ “ งานด๎านการศึกษาเปน็ งานท่ีสาคัญทีส่ ุดอยาํ งหน่งึ ของชาติ เพราะความ เจริญและความเส่ือมของชาตินน้ั ขึ้นอยํกู บั การศึกษาของพลเมืองเปน็ ขอ๎ ใหญํ จึงต๎องจัด การศกึ ษาให๎เข๎มแข็งขนึ้ ” เรื่องท่ี 2 4. 4.2กลาํ วโดยสรุป การศึกษา เป็นส่งิ สาคญั สรา๎ งคนให๎มีความร๎ู ความสามารถ เปน็ พ้นื ฐานทจ่ี าเป็นในการพัฒนาตนเองและประเทศชาติ เรื่องที่ 2 4. 4.2หนา๎ ท่ีพลเมืองดี มีแนวปฏบิ ัตไิ ดแ๎ กํ การศึกษาความร๎ูทางวิชาการ ความรู๎ ปฏิบัติการ และความร๎คู ิดอาํ นตามเหตุผลความเป็นจรงิ มีความจรงิ ใจและบรสิ ุทธใ์ิ จตอํ งาน/ ผร๎ู ํวมงาน/การรักษาระเบียบแบบแผนความดงี าม หมนั่ สารวจความบกพรํองของตนเอง และแก๎ไข ฝึกฝนใหม๎ คี วามสงบหนักแนํนทัง้ ทางกาย ใจ และวาจา
61 กกกกกกก5. หน้าทแ่ี ละความรบั ผิดชอบต่อบ้านเมือง กกกกกกก5. หน๎าที่ พจนานุกรมฉบับราชบณั ฑติ ยสถาน พ.ศ.2554 ได๎ให๎คาจากัดความ หรอื ความหมายของหน๎าที่ คือ กิจท่จี ะต๎องทาด๎วยความรับผิดชอบ กกกกกกก5. ความรับผดิ ชอบ พจนานกุ รมฉบบั ราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 ได๎ให๎คาจากดั ความ หรือความหมายของความร๎ผู ิดชอบ คือ ยอมรบั ผลทัง้ ทด่ี แี ละไมํดีในกิจการท่ีตนได๎ทาลงไปหรือท่ีอยูํใน ความดูแลของตน เชํน สมุห๑บัญชีรับผิดชอบเร่ืองเก่ียวกับการเงิน, รับเป็นภารธุระ เชํน งานน้ีเขา รบั ผดิ ชอบเรอ่ื งอาหาร เธอจะไปไหนก็ไปเถอะ ฉนั รับผิดชอบทกุ อยาํ งในบา๎ นเอง กกกกกกก5. บา๎ นเมอื ง พจนานกุ รมฉบบั ราชบัณฑติ ยสถาน พ.ศ.2554 ไดใ๎ ห๎คาจากดั ความหรือ ความหมายของบา๎ นเมือง คือ ประเทศชาติ กกกกกกก5. กลาํ วโดยสรุป หน๎าที่และความรบั ผดิ ชอบตํอบ๎านเมือง หมายถึง บุคคลท่ีอยใูํ นสงั คม มหี นา๎ ท่แี ละความรับผดิ ชอบตํอสํวนรวม สังคม และประเทศชาติ กกกกกกก5. พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ไดท๎ รงพระราชทาน พระราชดารัสเกยี่ วกบั หน๎าท่แี ละความรับผดิ ชอบตํอบา๎ นเมืองไว๎ เนื่องในโอกาสขึ้นปใี หมํ 2519 วันที่ 31 ธนั วาคม 2518 ดงั น้ี “ อันแผํนดินไทยของเราน้ี ถึงจะเป็นท่ีเกิดที่อาศัยของคนหลายเช้ือชาติ หลายศาสนา แตํเราก็อยูํรํวมกันโดยปกติราบรื่นมาได๎เป็นเวลาช๎านาน เพราะเราตําง สมัครสมานกันอุตสําห๑ชํวยกันสร๎างบ๎านเมือง สร๎างความเจริญ สร๎างจิตใจ สร๎างแบบ แผนที่ดีข้ึน เป็นของเราเอง ซึ่งแม๎นานาประเทศก็นําจะนาไปเป็นแบบฉบับได๎ เพราะฉะนนั้ ถ๎าเราท้ังหลายมสี ามคั คี มีเหตุผลอันหนักแนํน และมีความรู๎ความเข๎าใจอัน ถูกต๎องชัดเจนในสถานการณ๑ท่ีเป็นจริง ตํางคนตํางรํวมมือ รํวมความคิดกันในอันที่จะ ชวํ ยกนั ผํอนคลายปญ๓ หา และสถานการณ๑ท่ีหนักให๎เป็นเบา ไมํนาเอาประโยชน๑สํวนน๎อย เข๎ามาเก่ียวขอ๎ ง ใหเ๎ สยี หายถงึ ประโยชนส๑ วํ นใหญํของชาติบา๎ นเมอื ง เช่อื วาํ เราจะสามารถ รักษาชาติประเทศ และความผาสุกสงบที่เราได๎สร๎างสมและ รักษาสืบตํอกันมาช๎านาน นนั้ ไวไ๎ ด”๎ กกกกกกก5. พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ไดท๎ รงพระราชทาน พระบรมราโชวาทเกี่ยวกับหน๎าที่และความรับผิดชอบตํอบ๎านเมือง เน่ืองในพิธีเปิดงานชุมนุมลูกเสือ แหงํ ชาติ คร้งั ท่ี 6 ณ คํายลกู เสอื วชิราวุธ อาเภอศรีราชา จังหวดั ชลบรุ ี วนั ที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2512
62 “ ในบ๎านเมืองนัน้ มที งั้ คนดีและคนไมดํ ี ไมํมใี ครจะทาใหค๎ นทุกคนเปน็ คนดี ได๎ท้งั หมด การทาใหบ๎ า๎ นเมืองมีความปกติสุขเรยี บร๎อย จงึ มใิ ชกํ ารทาใหท๎ กุ คนเป็นคนดี หากแตํอยูทํ ี่การสงํ เสริมคนดี ใหค๎ นดไี ดป๎ กครองบา๎ นเมอื ง และควบคุมคนไมํดีไมใํ หม๎ ี อานาจ ไมํใหก๎ ํอความเดือดร๎อนวนํุ วายได๎ ” กกกกกกก5. กลําวโดยสรปุ หนา๎ ท่แี ละความรับผดิ ชอบตํอบา๎ นเมอื งของคนในชาติ ต๎องมคี วามรกั ความสามัคคี มีเหตุผล มคี วามรู๎ ชํวยกนั สรา๎ งความเจริญ ปลกู ฝ๓งความดีงามให๎กบั จติ ใจของคนในชาติ รวมถงึ รกั ษาวฒั นธรรมประเพณที เ่ี ป็นแบบแผนของไทยให๎คงอยูตํ ลอดไป กกกกกกก5. หน๎าท่ีพลเมืองดี มแี นวปฏิบตั ิได๎แกํ ต๎องมีความรัก ความสามัคคี ศึกษาหาความร๎ูเพื่อ นามาพฒั นาประเทศให๎เจรญิ กา๎ วหนา๎ รวมถงึ ชํวยปลกู ฝ๓งจรยิ ธรรมใหก๎ ับบคุ คลที่เกย่ี วข๎องและชํวยกัน อนรุ ักษ๑วฒั นธรรมประเพณีของไทยใหค๎ งอยตํู ลอดไป เรอ่ื งท่ี 3 หนา้ ที่พลเมอื งตามพระราชดารสั ท่เี กีย่ วขอ้ งกับปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง กกกกกกก1. ความพอประมาณ กกกกกกก1. ความพอประมาณ พจนานกุ รมฉบับราชบณั ฑติ ยสถาน พ.ศ.2554 ได๎ให๎คาจากัดความ หรือความหมายของความพอประมาณ คือ เพยี งปานกลาง เชนํ มีฐานะดีพอประมาณ กกกกกกก1. ความพอประมาณ หมายถงึ พอประมาณในทกุ อยําง ความพอดีไมํมาก หรอื วาํ น๎อย จนเกนิ ไป โดยตอ๎ งไมํเบียดเบียนตนเอง หรอื ผู๎อน่ื ใหเ๎ ดือดร๎อน กกกกกกก1. ความพอประมาณ หมายถึง การร๎ูจกั ประมาณตน กกกกกกก1. ความพอประมาณ หมายถงึ ความพอดที ี่ไมํน๎อยเกินไป และไมํมากเกินไป โดยไมํ เบยี ดเบียนตนเองและผู๎อน่ื เชนํ การผลติ และการบรโิ ภคที่อยํใู นระดับพอประมาณ กกกกกกก1. กลําวโดยสรุป ความพอประมาณ หมายถงึ ความพอดีในทุกอยําง ไมํมากไมํน๎อย จนเกินไป เหมาะสม ไมํเบียดเบียนผู๎อ่นื รจู๎ กั ประมาณตน กกกกกกก1. พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ไดท๎ รงพระราชทาน พระราชดารสั เกย่ี วกับ ความพอประมาณเนือ่ งในโอกาสเฉลมิ พระชนมพรรษา ณ ศาลาดสุ ิตดาลยั สวนจิตรลดารโหฐานพระราชวงั ดสุ ิต วนั ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2541 ดงั น้ี
63 “ พอเพียงน้ี อาจมีมาก อาจจะมีของหรหู ราก็ได๎ แตํตอ๎ งไมเํ บียดเบียนคนอ่ืน ตอ๎ งให๎พอประมาณตามอัตภาพ พูดจาพอเพียง ทาอะไรกพ็ อ ปฏิบตั กิ พ็ อเพยี ง ” กกกกกกก1. พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รชั กาลท่ี 9 ได๎ทรงพระราชทาน พระราชดารสั เกีย่ วกับ ความพอประมาณเนือ่ งในวันเฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสิตดาลยั วนั ท่ี 4 ธันวาคม พ.ศ. 2541 ดงั นี้ “ คนเราถ๎าพอในความต๎องการ กม็ ีความโลภนอ๎ ย เมื่อมคี วามโลภน๎อย ก็เบียดเบียนคนอ่ืนน๎อย ถา๎ ทุกประเทศมีความคดิ อันน้ไี มใํ ชเํ ศรษฐกิจ มีความคดิ วาํ ทาอะไรต๎องพอเพียง หมายความวาํ พอประมาณ ไมํสดุ โตงํ ไมโํ ลภมาก คนเราก็อยูํ เป็นสุข” กกกกกกก1. พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลท่ี 9 ไดท๎ รงพระราชทาน พระราชดารัสเก่ียวกับ ความพอประมาณ เน่อื งในวันเฉลมิ พระชนมพรรษา ณ ศาลาดสุ ิตดาลยั วันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2539 ดังนี้ “ การเปน็ เสอื น้นั ไมสํ าคญั สาคัญอยทํู ่เี รามเี ศรษฐกิจแบบพอมีพอกิน แบบ พอมีพอกนิ นน้ั หมายความวาํ อุม๎ ชตู ัวเองไดใ๎ ห๎มีความพอเพียงกบั ตวั เอง อนั นีก้ เ็ คยบอก วาํ ความพอเพียงน้ี ไมํได๎หมายความวํา ทกุ ครอบครัวจะต๎องผลติ อาหารของตวั จะต๎อง ทอผ๎าใสเํ อง อยาํ งนน้ั มันเกินไป แตํวําในหมบูํ า๎ น หรือในอาเภอจะต๎องมีความพอเพยี ง พอสมควร บางสงิ่ บางอยาํ งที่ผลติ ได๎มากกวําความต๎องการ กข็ ายได๎ แตขํ ายในทไ่ี มํ หํางไกลเทําไหรํ ไมํตอ๎ งเสยี คาํ ขนสํงมากนัก ”
64 กกกกกกก1. พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลท่ี 9 ได๎ทรงพระราชทาน พระราชดารสั เกยี่ วกับความพอประมาณ เนื่องในพธิ ีพระราชทานปริญญาบตั รของ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร๑ ณ หอประชุมมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร๑ วนั ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2517 ดังนี้ “ การพัฒนาประเทศจาเป็นต๎องทาตามลาดับขั้น ต๎องสร๎างพนื้ ฐาน คือ ความพอมีพอกิน พอใชข๎ องประชาชนสํวนใหญํเป็นเบือ้ งตน๎ กอํ น โดยใชว๎ ิธีการและ ใชอ๎ ุปกรณ๑ทีป่ ระหยัด แตถํ ูกต๎องตามหลักวชิ า เมื่อได๎พน้ื ฐานม่นั คงพรอ๎ มพอควรและ ปฏบิ ัตไิ ด๎แล๎ว จึงคอํ ยสร๎างคํอยเสริมความเจริญและฐานะเศรษฐกจิ ข้นั ที่สงู ข้นึ โดย ลาดับตํอไป หากมุํงแตํจะทมํุ เทสร๎างความเจริญ ยกเศรษฐกิจขน้ึ ใหร๎ วดเร็วแตํ ประการเดียว โดยไมํใหแ๎ ผนปฏบิ ัตกิ ารสัมพนั ธก๑ ับสภาวะของประเทศและของ ประชาชนโดยสอดคล๎องดว๎ ย กจ็ ะเกดิ ความไมสํ มดลุ ในเรอ่ื งตําง ๆ ข้นึ ซงึ่ อาจ กลายเปน็ ความยงุํ ยากลม๎ เหลวไดใ๎ นทีส่ ุด ” กกกกกกก1. พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภมู ิพลอดุลยเดช รชั กาลที่ 9 ได๎ทรงพระราชทาน พระราชดารัสเก่ยี วกับความพอประมาณ เน่ืองในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดสุ ิดาลัย วันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2534 ดังนี้ “ เราไมเํ ปน็ ประเทศร่ารวย เรามีพอสมควร พออยํูได๎ แตํไมเํ ป็นประเทศท่ี ก๎าวหน๎าอยํางมาก เราไมํอยากจะเปน็ ประเทศก๎าวหน๎าอยาํ งมาก เพราะถ๎าเราเปน็ ประเทศกา๎ วหนา๎ อยํางมากก็จะมแี ตํถอยกลบั ประเทศเหลํานัน้ ท่เี ป็นประเทศ อตุ สาหกรรมกา๎ วหนา๎ จะมีแตํถอยหลงั และถอยหลงั อยํางนํากลัว แตถํ า๎ เรามีการ บรหิ ารแบบเรียกวาํ แบบคนจน แบบทไี่ มํตดิ กับตารามากเกินไป ทาอยํางมสี ามัคคนี ่ี แหละคือเมตตากนั จะอยูํไดต๎ ลอดไป ” กกกกกกก1. กลาํ วโดยสรปุ ความพอประมาณ จะเกดิ ขึ้นได๎ โดยรู๎จักตนเอง มีความซื่อสัตย๑และ ความเพยี ร เดนิ ทางสายกลาง และพอใจในสงิ่ ทีต่ นมีอยํู
65 กกกกกกก1. หนา๎ ที่พลเมืองดี มีแนวปฏิบตั ิได๎แกํ กกกกกกก1. 1. ร๎ตู นเองเสมอ วาํ กาลังทาอะไร กกกกกกก1. 2. มีความซอื่ สัตยส๑ ุจรติ และความเพยี ร กกกกกกก1. 3. ดาเนนิ การตามแนวทางสายกลาง หลกี เล่ียงการกระทาทส่ี ดุ โตํง กกกกกกก2. ความมเี หตุผล กกกกกกก2. ความมเี หตุผล พจนานุกรมฉบบั ราชบณั ฑิตยสถาน พ.ศ.2554 ได๎ให๎คาจากัดความหรอื ความหมายของความมีเหตุผล คือ เหตุ, เหตแุ ละผล กกกกกกก2. ความมีเหตุผล หมายถึง การตัดสนิ ใจเก่ียวกับระดับของความพอเพยี งนัน้ จะต๎อง เป็นไปอยํางมีเหตุผล โดยพิจารณาจากเหตุป๓จจัยท่ีเก่ียวข๎อง ตลอดจนคานึงถึงผลท่ีคาดวําจะเกิดข้ึน จากการกระทาน้ัน ๆ อยาํ งรอบคอบ กกกกกกก2. ความมีเหตผุ ล หมายถึง มนุษยเ๑ ราใหเ๎ หตผุ ลสนบั สนุนความเชอ่ื และเพ่ือหาความจริง หรอื ข๎อสรุปในเร่ืองทต่ี ๎องการศกึ ษา กกกกกกก2. กลาํ วโดยสรุปความ มเี หตุผล หมายถงึ การตัดสนิ ใจอยาํ งรอบคอบ และมีเหตมุ ผี ลโดย พิจารณาจากเหตปุ จ๓ จัยท่เี กี่ยวข๎อง กกกกกกก2. พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รชั กาลท่ี 9 ไดท๎ รงพระราชทาน พระราชดารัสเก่ียวกับความมีเหตผุ ล เนอื่ งในวันเฉลมิ พระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสดิ าลยั สวนจิตรลดา พระราชวงั ดสุ ติ ฯ วันท่ี 4 ธนั วาคม พ.ศ. 2548 ดงั นี้ “ ถา๎ นา้ มันเชอื้ เพลิงหมดแล๎ว ก็ใช๎เชื้อเพลิงอยํางอน่ื ไดม๎ แี ตํตอ๎ งขยันหาวิธที ่ี ทาให๎เชือ้ เพลิงเกิดใหมํ เช้ือเพลิงทเ่ี รียกวาํ น้ามันน้นั มนั จะหมดภายในไมํก่ีปีหรอื ไมํกี่สบิ ปกี ห็ มด ถา๎ ไมํไดท๎ าเชื้อเพลงิ ทดแทน เราก็เดอื ดร๎อน ” กกกกกกก2. กลาํ วโดยสรปุ ความมเี หตุผลตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง มงํุ สอนให๎ พลเมืองไทย มีความคิดอยาํ งรอบคอบโดยพิจารณาจากปจ๓ จัยทเี่ กีย่ วข๎อง และคานงึ ถึงผลทจ่ี ะเกดิ ขึน้ จากการกระทานนั้ กกกกกกก2. หนา๎ ที่พลเมืองดี มีแนวปฏบิ ัตไิ ดแ๎ กํ กอํ นการทาสิ่งใดก็ตาม ควรมีการวางแผนอยําง รอบคอบ โดยไมํทาให๎ตนเองและสังคมเดือดร๎อน กกกกกกก3. ความมีภมู ิคุ้มกนั กกกกกกก3. ความมีภมู ิคุ๎มกัน พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 ได๎ให๎คาจากัดความ หรอื ความหมายของความมภี มู คิ ม๎ุ กนั คือ สภาพทรี่ าํ งกายมีแรงตํอตา๎ นเช้ือโรคทเ่ี ข๎าสูรํ าํ งกาย, ภูมติ า๎ นทาน ก็เรียก
66 กกกกกกก3. ความมภี มู คิ ุ๎มกัน หมายถงึ การเตรียมตวั ใหพ๎ รอ๎ มรบั ผลกระทบและการเปลย่ี นแปลง ด๎านตําง ๆ ท่ีจะเกิดข้ึน โดยคานึงถึงความเป็นไปได๎ของสถานการณ๑ตําง ๆ ท่ีคาดวําจะเกิดขึ้นใน อนาคตทง้ั ใกล๎และไกล กกกกกกก3. ความมีภูมิค๎ุมกัน หมายถึง การเตรียมใจให๎พร๎อมรบั ผลกระทบและความเปลยี่ นแปลงท่ี จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยภูมิคุ๎มกันพ้ืนฐานที่ทุกคนควรมี คือ การจัดสรรป๓นสํวนทรัพย๑สินของเราเก็บ เป็นเงินสารองประมาณ 6 เทําของรายจํายเฉลี่ยของครอบครัว แนะนาเก็บออมในสินทรัพย๑ที่มีสภาพ คลํอง เชนํ เงนิ ฝากออมทรัพย๑ หรอื สนิ ทรพั ย๑ท่สี ามารถเบิกถอนมาใช๎ได๎ภายในระยะเวลาสัน้ กกกกกกก3. พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลท่ี 9 ไดท๎ รงพระราชทานพระ ราชดารสั เก่ยี วกบั ความมีภูมิคุ๎มกันไว๎ เนือ่ งในโอกาสวันเฉลมิ พระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสดิ าลยั สวนจิตรลดา พระราชวังดสุ ิต วันที่ 23 ธนั วาคม พ.ศ. 2542 ดงั นี้ “ ถ๎าไมํมเี ศรษฐกิจพอเพียงเวลาไฟดบั จะพังหมดจะทาอยํางไรทท่ี ีต่ ๎องใช๎ ไฟฟูาก็ต๎องแยไํ ป หากมี เศรษฐกิจพอเพียงแบบไมเํ ต็มท่ี ถ๎าเรามเี ครื่องป่น๓ ไฟ กใ็ ห๎ป๓่น ไฟ หรอื ถ๎าขนั้ โบราณกวํา มดื กจ็ ุดเทยี น คือมีทางที่จะแกป๎ ๓ญหาเสมอ ฉะนนั้ เศรษฐกิจ พอเพียงน้ีก็มเี ปน็ ขนั้ ๆ แตํจะบอกวํา เศรษฐกิจพอเพยี งน้ี ให๎พอเพยี งเฉพาะตวั เอง รอ๎ ยเปอรเ๑ ซ็นต๑ น่เี ป็นสงิ่ ทีท่ าไมํได๎ จะต๎องมีการแลกเปล่ยี น ตอ๎ งมีการชวํ ยกนั พอเพียงในทฤษฎีหลวงนค้ี ือ ใหส๎ ามารถที่จะดาเนนิ งานได๎ ” กกกกกกก3. กลาํ วโดยสรปุ ความมีภูมคิ ๎ุมกันเป็นการเตรียมตัวใหพ๎ รอ๎ มตํอการเปลยี่ นแปลงใน ทุกดา๎ น โดยการวเิ คราะหค๑ วามเสย่ี ง ใช๎ประสบการณ๑เดมิ มาชวํ ยตัดสนิ ใจ และรวบรวมมาใช๎ในโอกาส ตอํ ไป กกกกกกก3. หนา๎ ที่พลเมืองดี มีแนวปฏิบตั ิ `ได๎แกํ กกกกกกก3. ข๎อ 1 วเิ คราะห๑ภารกิจทกุ แงํมุมเพ่อื ลดความเสี่ยง กกกกกกก3. ข๎อ 2 ใชป๎ ระสบการณเ๑ ดิมและขอ๎ มูลจากบคุ คลอืน่ มาชวํ ยในการตดั สนิ ใจ กกกกกกก3. ข๎อ 3 ค๎นหาและเปรียบเทยี บความเป็นไปได๎ท่เี หมอื นหรือแตกตาํ งกันประกอบการ ตดั สนิ ใจ กกกกกกก3. ข๎อ 4 รวบรวมขอ๎ มลู เร่ืองราวตาํ ง ๆ ไว๎ใช๎ในโอกาสตํอไป กกกกกกก4. เงื่อนไขความรู้ กกกกกกก4. 4.1 ความรู้ กกกกกกก4. 4.1 ความร๎ู พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2554 ไดใ๎ ห๎คาจากัดความหรือ ความหมายของความรู๎ คือ ส่ิงที่สั่งสมมาจากการศึกษาเลําเรียน การค๎นคว๎า หรือประสบการณ๑ รวมทง้ั ความสามารถเชงิ ปฏิบตั แิ ละทักษะ เชํน ความรู๎เร่ืองประวัติศาสตร๑, ส่ิงท่ีได๎รับมาจากการได๎ยิน ได๎ฟ๓ง การคดิ หรือการปฏิบัติ เชํน ความร๎เู ร่ืองสขุ ภาพ ความร๎เู ร่อื งนทิ านพืน้ บ๎าน
67 กกกกกกก4. 4.1 ความรู๎ หมายถึง ความเขา๎ ใจในเร่ืองบางเร่อื ง หรอื สง่ิ บางส่ิง ซ่งึ อาจจะรวมไปถึง ความสามารถในการนาสงิ่ นั้นไปใชเ๎ พ่อื เปูาหมายบางประการ ความสามารถในการร๎ูบางอยํางน้ีเป็นส่ิง สนใจหลกั ของวิชาปรัชญา (ทห่ี ลายคร้ังก็เป็นเร่ืองท่ีมีการโต๎เถียงอยํางมาก) และมีสาขาที่ศึกษาด๎านนี้ โดยเฉพาะเรียกวําญาณวิทยา (epistemology) ความรู๎ในทางปฏิบัติมักเป็นส่ิงท่ีทราบกันในกลํุมคน และในความหมายนเ้ี องท่ีความรู๎น้ันถูกปรบั เปลี่ยนและจดั การในหลาย ๆ แบบ กกกกกกก4. 4.1 ความรู๎ หมายถึง สง่ิ ท่สี งั่ สมมาจากการศกึ ษาเลําเรยี น การค๎นควา๎ หรอื ประสบการณ๑ รวมทั้งความสามารถเชิงปฏิบัติ และทักษะความเข๎าใจ หรือสารสนเทศที่ได๎รับมาจาก ประสบการณ๑ สิ่งทไ่ี ด๎รับมาจากการได๎ยิน ไดฟ๎ ๓ง การคดิ หรอื การปฏบิ ตั อิ งคว๑ ิชาในแตํละสาขา กกกกกกก4. 4.1 ความรู๎ หมายถงึ เกิดจากการตคี วาม แปลความ ตามความเขา๎ ใจของแตํละคน ซึ่งมาจากประสบการณ๑ ทักษะการเรียน ความเช่ือ ซึ่งจะมาเป็นตัวชํวยในการตีความด๎วย ความรู๎จะ เกิดมาจากความจาเป็นอันดับแรก แล๎วเข๎าใจจนเกิดการนาไปใช๎ให๎บรรลุเปูาหมาย ความร๎ูเป็น กระบวนการหนง่ึ ของการเรยี นรู๎ กกกกกกก4. 4.1 ความรู๎ หมายถงึ การเรียนร๎ูทีเ่ น๎นถงึ การจาและการระลกึ ได๎ถงึ ความคิด วัตถุ และ ปรากฏการณ๑ตําง ๆ ซึ่งเป็นความจาท่ีเร่ิมจากส่ิงงําย ๆ ที่เป็นอิสระแกํกัน ไปจนถึงความจาในสิ่งที่ ยํงุ ยากซบั ซ๎อน และมีความสมั พันธ๑ระหวาํ งกัน กกกกกกก4. 4.1 กลําวโดยสรุป ความรู๎ หมายถงึ สิง่ ท่ีทาให๎คนเข๎าใจ แล๎วนาความเข๎าใจน้ันมา ปฏิบตั ิ หรือประยุกต๑ให๎เกดิ ประโยชน๑ กกกกกกก4. 4.1 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลท่ี 9 ได๎ทรง พระราชทานพระราชดารสั เกี่ยวกบั ความรู๎ให๎แกคํ ณะครูและนักเรยี นโรงเรยี นจติ รลดา ณ หอ๎ งประชุมโรงเรยี นจิตรลดา วนั ท่ี 27 มนี าคม พ.ศ. 2523 ดงั น้ี “ ความรู๎ทส่ี ะสมเอาไวใ๎ นตัวเป็นสิ่งท่สี าคัญ เปน็ เหมือนประทีปสาหรบั นา ทางเราไปในการปฏิบตั ติ นในชวี ติ จะเป็นการศึกษาตํอก็ตาม หรือจะเป็นการไป ประกอบอาชีพการงานกต็ าม ความรน๎ู ั้นจะเปน็ เคร่อื งนาทางไปสคํู วามเจรญิ ความร๎ู ทางวชิ าการกจ็ ะสามารถใหป๎ ระกอบอาชีพการงานที่มปี ระสิทธภิ าพ เทาํ กับเป็นส่ิงทจ่ี ะ เล้ียงตัวเล้ียงกายเราความร๎ูในทางการประพฤติท่ีดีจิตใจท่เี ข๎มแขง็ ท่ีซือ่ สัตย๑สจุ รติ นัน้ จะนาเราไปไดท๎ ุกแหํงเพราะเหตุวาํ ผ๎ทู มี่ คี วามซ่ือสตั ยส๑ จุ ริต ผูม๎ ีความขยันหมั่นเพียร ผูม๎ คี วามตงั้ ใจที่แนํวแนํน้ันไมํมที างทีจ่ ะลมํ จม ”
68 กกกกกกก4. 4.1 พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู ิพลอดุลยเดช รัชกาลท่ี 9 ได๎ทรง พระราชทานพระราชดารสั เก่ียวกับความร๎ู เนอื่ งในพธิ ีพระราชทานธงประจารนุํ ลกู เสือชาวบา๎ น จงั หวดั สระบรุ ี ณ วัดหนองเขื่อนช๎าง อาเภอเมืองสระบุรี จังหวดั สระบรุ ี วันที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2519 ดงั นี้ “ ความร๎นู น้ั แบงํ เปน็ 2 อยาํ ง ความร๎ูเก่ยี วขอ๎ งกบั กายและความร๎ูท่เี กยี่ วข๎อง กบั ใจ ความรู๎เกยี่ วขอ๎ งกับกายท่ไี ดฝ๎ ึกและท่ีไดม๎ าเรยี นร๎กู ็คือ วธิ ที จี่ ะรักษาตวั ใหแ๎ ข็งแรง รกั ษาส่งิ ของของตัวให๎อยูํ ให๎ดี และสรา๎ งสรรคใ๑ ห๎ส่ิงที่ใช๎ หรือสง่ิ ที่มใี ห๎อยํูดแี ละใหด๎ ีข้นึ และทางจติ ใจทกุ คนมีความปรารถนาที่จะมีความสุขตอ๎ งทีความสงบ ตอ๎ งการมีความร๎ู ความสามารถกไ็ ดฝ๎ ึกไดเ๎ รยี นร๎ูจากการพบปะกนั ในหมูํลูกเสือชาวบ๎าน และไดร๎ ับความร๎ู จากวทิ ยากร ความร๎ูท้ังหลายทัง้ กายท้ังใจน้ี ก็เกิดประโยชน๑แกํตวั ” กกกกกกก4. 4.1 พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ได๎ทรง พระราชทานพระราชดารสั เก่ียวกับความรู๎ให๎แกํคณะเยาวชนชายหญิงจากถน่ิ ทรุ กนั ดารในเขต ปฏบิ ตั ิการของหนํวยพฒั นาการเคลอ่ื นทต่ี ําง ๆ รวม 24 จงั หวดั พร๎อมด๎วยพ่ีเลี้ยงและเจ๎าหน๎าท่ี ณ ศาลาดสุ ดิ าลัยพระราชวังดุสติ วนั ที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2516 ดังน้ี “ ในชวี ติ ทุกวนั ๆ กไ็ ด๎มีโอกาสเข๎าโรงเรยี น กห็ าความรู๎ แล๎วมีโอกาสท่ี จะได๎เห็นชีวิตของตัวเองและของคนอืน่ ขอให๎ถือวําเป็นอาหารทัง้ นั้น เป็นอาหารสมอง และเมื่อได๎รับอาหารแลว๎ ให๎ไปพจิ ารณา คือไปไตรํตรอง ไปคดิ ให๎ดี ถา๎ ทาเชํนน้แี ลว๎ ทกุ คนจะสามารถท่ีจะสรา๎ งตวั เองให๎แข็งแรง เพอ่ื ทจ่ี ะทาประโยชน๑แกํตนเอง สร๎างบา๎ นเมือง สร๎างท๎องทีข่ องตวั สรา๎ งตนเองให๎เจรญิ ตามท่ที ุกคนตอ๎ งการ ” กกกกกกก4. 4.1 กลําวโดยสรุปความรูม๎ ีหลายประเภท ได๎แกํ ความรท๎ู ่ีเก่ยี วข๎องกบั การดาเนนิ ชีวติ การประกอบอาชีพ การศึกษา รวมถงึ ความร๎ูทีเ่ กย่ี วขอ๎ งกบั การพัฒนาจติ ใจ ทาใหบ๎ ุคคลมคี วาม เจริญก๎าวหนา๎ ได๎
69 กกกกกกก4. 4.1 หนา๎ ท่ีพลเมอื งดี มีแนวปฏบิ ัติไดแ๎ กํ ศกึ ษาหาความรู๎ท่ีมีอยูํอยํางมากมาย เพื่อนามาใช๎ในการดาเนินชีวิต ประกอบอาชีพ และศึกษาตํอ รวมถึง นาความรู๎ที่เก่ียวข๎องกับการ พัฒนาจิตใจมารํวมพฒั นาทง้ั ตนเอง ครอบครัว ชมุ ชน และประเทศใหเ๎ จรญิ ก๎าวหนา๎ กกกกกกก4. 4.2 หลักวิชา และหลักวิชาการ กกกกกกก4. 4.2 หลักวชิ า พจนานุกรมฉบับราชบณั ฑติ ยสถาน พ.ศ. 2554 ได๎ให๎คาจากัดความ หรือความหมายของหลกั วิชา คอื ความร๎ูท่ีเป็นหลกั ของแตลํ ะวิชา กกกกกกก4. 4.2 หลกั วชิ าการ พจนานกุ รมฉบับราชบณั ฑิตยสถาน พ.ศ. 2554 ได๎ให๎คาจากดั ความ หรอื ความหมายของหลักวชิ า คอื วชิ าความรู๎สาขาใดสาขาหน่ึงหรือหลายสาขา เชํน บทความวชิ าการ สัมมนาวชิ าการ การประชมุ วิชาการ กกกกกกก4. 4.2 ดังน้ัน หลักวิชา และหลักวชิ าการแตกตํางกันดงั น้ี หลกั วิชา คือ เนื้อหาความรู๎ และหลกั วิชาการคือนาความรู๎มาจัดกระบวนการเรยี นรู๎ กกกกกกก4. 4.2 พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู ิพลอดุลยเดช รชั กาลท่ี 9 ได๎ทรง พระราชทานพระราชดารสั เก่ยี วกบั หลักวิชาเพือ่ เชญิ ไปอํานในงานวนั อาหารโลก ณ สานกั งานองค๑การอาหารและเกษตรแหงํ สหประชาชาติ สาขาภูมิภาคเอเชยี และแปซิฟิก วันท่ี 16 ตุลาคม พ.ศ. 2537 ดงั น้ี “ การนาหลกั วิชาการและเทคโนโลยีใด ๆ มาใชง๎ านเกษตรกรรม จึงตอ๎ ง พยายามระมัดระวงั ไมํใหเ๎ ป็นการทาลายธรรมชาติ เพราะจะมผี ลกระทบเสียหายแกกํ าร ดารงชวี ติ ของมนุษยโ๑ ดยตรง ทงั้ ในปจ๓ จบุ ันและอนาคต ” กกกกกกก4. 4.2 พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดช รัชกาลที่ 9 ไดท๎ รง พระราชทานพระราชดารัสเกี่ยวกับหลกั วชิ าการ เนอื่ งในโอกาสวันปิดภาคเรียนของโรงเรยี นจติ รลดา ปีการศกึ ษา 2514 ณ ศาลาผกาภิรมย๑ พระราชวงั ดสุ ิต วันท่ี 25 มีนาคม พ.ศ. 2515 ดังนี้ “ ความรใู๎ นวิชาการเป็นส่ิงหนึ่งท่จี ะทาใหส๎ ามารถฟน๓ ฝาุ อปุ สรรคไดเ๎ เละทาให๎ เปน็ คนท่มี เี กียรติ เปน็ คนท่ีสามารถเป็นคนทจ่ี ะมคี วามพอใจได๎ในตวั วําทาประโยชนเ๑ เกํ ตนเอง เเละเเกํสวํ นรวม นอกจากวชิ าความรูก๎ จ็ ะตอ๎ งฝึกฝนในสิง่ ทตี่ วั จะต๎องปฏิบัติให๎ สอดคล๎องกับสังคม สอดคลอ๎ งกับสมัย เเละสอดคล๎องกับศีลธรรมท่ีดีงาม ถ๎าได๎ทั้ง วชิ าการ ทงั้ ความรรู๎ อบตัว เเละความรู๎ในชีวติ กจ็ ะทาให๎เป็นคนที่ครบ คนทีจ่ ะภูมิใจได๎ ”
70 กกกกกกก4. 4.2 กลาํ วโดยสรุป หลกั วิชา และหลักวชิ าการดังน้ี หลักวชิ า คือ เนอ้ื หาความรู๎ และ หลักวิชาการ คอื นาความรู๎มาจดั กระบวนการเรียนร๎ู กกกกกกก4. 4.2 หนา๎ ท่ีพลเมอื งดี มีแนวปฏิบตั ิได๎แกํ ต๎องคานงึ เสมอวําความร๎เู ปน็ เสมือนไฟ ตอ๎ งเลอื กใชใ๎ ห๎ถูกต๎อง ฉะนั้นการใช๎ความรค๎ู ือดวงประทีปเปรยี บกนั ไดห๎ ลายทาง ดวงประทีปเป็นไฟที่ สํองแสงเพือ่ นาทางไป ถ๎าใช๎ไฟน้ีสอํ งในทางที่ถูก ก็จะไปถึงจดุ หมายปลายทางไดโ๎ ดยสะดวกเรยี บรอ๎ ย แตํถา๎ ไมรํ ะวงั ไฟน้นั อาจเผาผลาญใหบ๎ า๎ นชํองพินาศลงได๎ ความรู๎เป็นแสงสวํางที่จะนาเราไปสํู ความเจรญิ กกกกกกก4. 4.3 รอบรู้ รอบคอบ และระมดั ระวงั กกกกกกก4. 4.3 รอบรู๎ พจนานุกรมฉบบั ราชบัณฑติ ยสถาน พ.ศ. 2554 ไดใ๎ ห๎คาจากดั ความ หรือความหมายของรอบร๎ู คือ รู๎หลายอยาํ ง, รูก๎ ว๎างขวาง, เชนํ เขารอบรู๎ในเร่ืองกฎหมาย กกกกกกก4. 4.3 รอบคอบ พจนานุกรมฉบับราชบณั ฑติ ยสถาน พ.ศ. 2554 ได๎ใหค๎ าจากดั ความ หรือความหมายของรอบคอบ คือ ท่ัว, ถ๎วนถี่, เชํน พิจารณาอยํางรอบคอบ, ระวังเหตุการณ๑ข๎างหน๎า ขา๎ งหลังเสมอ, ไมํเผอเรอ, เชนํ ดูแลให๎รอบคอบ กกกกกกก4. 4.3 ระมัดระวัง พจนานุกรมฉบบั ราชบัณฑติ ยสถาน พ.ศ. 2554 ได๎ให๎คาจากดั ความ หรือความหมายของระมัดระวัง คือ ดูแลให๎ปลอดภัย, ดูแลอยํางรอบคอบ ไมํให๎พลั้งพลาด, เชํน ระมดั ระวังใหด๎ ีเวลาขา๎ มถนน ระมัดระวงั เรอ่ื งสายไฟฟูาร่วั ให๎มาก กกกกกกก4. 4.3 กลาํ วโดยสรปุ รอบรู๎ รอบคอบ และระมัดระวัง หมายถึงการศกึ ษาหาขอ๎ มูล กํอนการปฏิบัติโดยคานึงผลท่ีจะตามมา อยํางรอบคอบและระมดั ระวัง กกกกกกก4. 4.3 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภมู ิพลอดลุ ยเดช รชั กาลท่ี 9 ไดท๎ รง พระราชทานพระบรมราโชวาทเกีย่ วกับรอบร๎ูเนอื่ งในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรและอนุปรญิ ญา บัตรแกผํ ู๎สาเร็จการศกึ ษาจุฬาลงกรณม๑ หาวิทยาลยั ประจาปีการศกึ ษา 2515 ณ หอประชมุ จุฬาลงกรณ๑มหาวทิ ยาลยั วันที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2516 ดังนี้ “ ทกุ คนจาเปน็ ตอ๎ งหมนั่ ใช๎ป๓ญญาพิจารณา การกระทาของตนให๎รอบคอบ อยเํู สมอ ระมัดระวงั ทาการทุกอยาํ งด๎วยเหตุผล ด๎วยความมสี ติ และดว๎ ยความรตู๎ ัว เพ่ือเอาชนะความชั่วร๎ายท้งั มวลให๎ได๎โดยตลอด และสามารถกา๎ วไปถงึ ความสาเรจ็ ที่ แทจ๎ รงิ ท้ังในการงานและการครองชวี ิต ” กกกกกกก4. 4.3 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภมู ิพลอดลุ ยเดช รัชกาลท่ี 9 ไดท๎ รง พระราชทานพระราชดารัสเกี่ยวกบั รอบคอบ เนอื่ งในโอกาสวนั เฉลมิ พระชนมพรรษาณ ศาลาดุสดิ าลยั สวนจติ รลดาฯ พระราชวงั ดสุ ติ วันท่ี 4 ธันวาคม พ.ศ. 2540 ดังน้ี
71 “ ฉะน้ันการที่จะทาโครงการอะไร จะต๎องทาด๎วยความรอบคอบ และอยํา ตาโตเกินไป คือ บางคนเห็นวํามีโอกาสท่ีจะทาโครงการอยํางโน๎นอยํางนี้ และไมํได๎นึก ถึงวาํ ป๓จจัยตาํ ง ๆ ไมํครบ ป๓จจัยหน่ึงคือขนาดของโรงงาน หรือเครื่องจักรที่สามารถที่ จะปฏิบัติได๎ แตํข๎อสาคัญท่ีสุดคือวัตถุดิบ ถ๎าไมํสามารถที่จะให๎คําตอบแทนวัตถุดิบแกํ เกษตรกร เกษตรกรกจ็ ะไมผํ ลติ ยิง่ ถา๎ วตั ถดุ บิ สาหรับใช๎ในโรงงานนัน้ เป็นวัตถุดิบท่ีต๎อง นามาจากระยะไกล หรือนาเข๎าก็จะย่ิงยาก เพราะวําวัตถุดิบที่นาเข๎าน้ันราคา ย่ิงแพง บางปีวัตถุดิบนั้นมีบริบูรณ๑ ราคาอาจจะต่าลงมา แตํเวลาจะขายส่ิงของท่ีผลิต จากโรงงาน ก็ขายยากเหมือนกัน เพราะวํามีมาก จึงทาให๎ราคาตก นี่ก็เป็นกฎเกณฑ๑ที่ ตอ๎ งมี ” กกกกกกก4. 4.3 พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลท่ี 9 ไดท๎ รง พระราชทานพระราชดารัสเก่ียวกับความระมัดระวงั เน่ืองในการแถลงการณ๑ สภาการวิทยุและ โทรทัศน๑แหํงชาติตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง (สวชพ.) เรื่อง “การใช๎เสรีภาพเพ่ือ ความปรองดองสมานฉันท๑” ในวันนักขําว วันที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2520 ดงั น้ี “ การมเี สรภี าพน้นั เป็นของดีอยํางย่ิง แตํเมอ่ื จะใช๎ จาเปน็ ต๎องใช๎ดว๎ ย ความระมัดระวงั และความรับผดิ ชอบ มิใหล๎ วํ งละเมิดเสรีภาพของผู๎อน่ื ที่เขามีอยูํ เทาํ เทียมกนั ท้ังมิให๎กระทบกระเทือนถงึ สวสั ดิภาพ และความเปน็ ปกตสิ ขุ ของ สํวนรวมดว๎ ย มฉิ ะนัน้ จะทาใหม๎ คี วามยํงุ ยาก จะทาสงั คมและชาตปิ ระเทศต๎อง แตกสลายจนสิน้ เชิง ” กกกกกกก4. 4.3 กลําวโดยสรุป รอบร๎ู รอบคอบ และระมดั ระวัง ได๎แกํ การศึกษาหาข๎อมูลกํอนการ ปฏิบตั ิโดยคานึงผลท่ีจะตามมา อยํางรอบคอบและระมัดระวัง กกกกกกก4. 4.3 หน๎าท่ีพลเมอื งดี มีแนวปฏบิ ัติ ได๎แกํ การดาเนนิ ชวี ิตอยาํ งมเี หตุผล รอบคอบ ระมดั ระวัง อยํรู ํวมกับผ๎ูอ่นื ด๎วยความรับผิดชอบ ไมเํ บียดเบียนผ๎ูอื่น เห็นคุณคําของทรัพยากรตาํ ง ๆ มกี ารวางแผนปูองกนั ความเส่ียง และพร๎อมรับการเปลีย่ นแปลง
72 กกกกกกก5 เงื่อนไขคุณธรรม กกกกกกก5 5.1 คุณธรรม กกกกกกก5 5.1 5.1.1 ความซอื่ สตั ย์สจุ ริต กกกกกกก5 5.1 5.1.1 ความซ่ือสตั ย๑ พจนานกุ รมฉบบั ราชบณั ฑิตยสถาน พ.ศ. 2554 ไดใ๎ ห๎ คาจากดั ความ หรอื ความหมายของความซ่ือสตั ย๑ คอื ประพฤตติ รงและจริงใจ, ไมํคิดคดทรยศ, ไมคํ ดโกงและไมํหลอกลวง กกกกกกก5 5.1 5.1.1 สจุ รติ พจนานกุ รมฉบับราชบณั ฑิตยสถาน พ.ศ.2554 ได๎ให๎คาจากดั ความ หรอื ความหมายของสจุ รติ คือ ความประพฤตชิ อบ กกกกกกก5 5.1 5.1.1 กลําวโดยสรปุ ความซ่ือสัตยส๑ จุ รติ หมายถงึ การยึดมั่นในความสตั ยจ๑ รงิ และในสงิ่ ที่ถูกต๎องดีงาม มีความซอ่ื ตรง และมเี จตนาท่ีบรสิ ุทธ์ิ ปฏบิ ัตติ ํอตนเองและผู๎อนื่ โดยชอบ ไมคํ ดโกง กกกกกกก5 5.1 5.1.1 พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภูมพิ ลอดุลยเดช รชั กาลท่ี 9 ไดท๎ รง พระราชทานพระบรมราโชวาทเก่ียวกบั ความซือ่ สตั ยส๑ จุ รติ เนอ่ื งในพธิ ีพระราชทานปริญญาบตั รของ จุฬาลงกรณ๑มหาวทิ ยาลยั ณ หอประชมุ จุฬาลงกรณ๑มหาวิทยาลัย วนั ท่ี 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2522 ดังน้ี “ คนทไ่ี มํมีความสจุ ริต คนที่ไมมํ ีความมน่ั คง ชอบแตมํ ักงําย ไมํมีวนั จะ สรา๎ งสรรค๑ประโยชนส๑ ํวนรวมทสี่ าคญั อันใดได๎ ผท๎ู ีม่ คี วามสุจรติ และความมํุงม่นั เทาํ นน้ั จงึ จะทางานสาคัญยิ่งใหญํท่เี ป็นคณุ เป็นประโยชน๑แท๎จริงไดส๎ าเร็จ ” กกกกกกก5 5.1 5.1.1 กลําวโดยสรปุ ความซ่อื สตั ยส๑ จุ รติ เป็นพืน้ ฐานของความดีทุกอยําง กกกกกกก5 5.1 5.1.1 หน๎าทพี่ ลเมืองดี มีแนวปฏิบตั ิไดแ๎ กํ ตอ๎ งมีจติ ใจทีต่ ง้ั ม่ัน เทยี่ งตรง มุงํ มัน่ ทา ความดี และชํวยปลกู ฝ๓งผเ๎ู ก่ียวข๎องให๎ตัง้ ใจทาความดี กกกกกกก5 5.1 5.1.2 ความเพยี ร พากเพียร และอดทน กกกกกกก5 5.1 5.1.2 ความเพยี ร พจนานกุ รมฉบับราชบณั ฑติ ยสถาน พ.ศ. 2554 ได๎ให๎ คาจากดั ความ หรือความหมายของความเพียร คือ ความบากบัน่ , ความกลา๎ แขง็ กกกกกกก5 5.1 5.1.2 ความพากเพยี ร พจนานุกรมฉบับราชบณั ฑติ ยสถาน พ.ศ. 2554 ได๎ให๎ คาจากดั ความ หรอื ความหมายของความพากเพยี ร คือบากบน่ั , พยายาม, มํงุ ทาไมํท๎อถอย กกกกกกก5 5.1 5.1.2 ความอดทน พจนานุกรมฉบบั ราชบณั ฑติ ยสถาน พ.ศ. 2554 ได๎ให๎ คาจากดั ความ หรอื ความหมายของความอดทน คือ บกึ บนึ , ยอมรับสภาพความยากลาบาก กกกกกกก5 5.1 5.1.2 กลําวโดยสรุป ความเพยี ร พากเพยี ร อดทนหมายถงึ การปฏบิ ัตหิ นา๎ ท่กี าร งานและประกอบอาชพี ทีส่ ุจริตอยํางกระตือรือร๎น และต้งั ใจจรงิ ให๎สาเร็จดว๎ ยความมานะอดทน
73 กกกกกกก5 5.1 5.1.2 พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดช รชั กาลท่ี 9 ได๎ทรง พระราชทานพระราชดารัสเก่ียวกบั ความเพียรแกํคณะบคุ คลตาํ ง ๆ ที่เข๎าเฝูาฯถวายชยั มงคลใน พระราชพิธีกาญจนาภิเษก ณ พระท่ีนง่ั กาญจนาภิเษก มณฑลพิธีท๎องสนามหลวง เมือ่ วันท่ี 9 มิถุนายน พ.ศ.2539 ดังนี้ “ ความเพียรท่ีถกู ต๎องเปน็ ธรรม และพึงประสงคน๑ น้ั คือความเพียรทจี่ ะกาจัด ความเสอ่ื มใหห๎ มดไป และระวงั ปูองกันมิให๎เกดิ ข้ึนใหมํ อยํางหนึ่ง กบั ความเพยี รทจ่ี ะ สร๎างสรรค๑ความดีงาม ให๎บงั เกดิ ขึน้ และระวงั รักษามิใหเ๎ สื่อมสน้ิ ไป อยาํ งหนึ่ง ความเพยี รท้ังสองประการน้ี เป็นอุปการะอยํางสาคัญ ตํอการปฏิบตั ติ น ปฏิบัติงาน ถ๎าทกุ คนในชาตจิ ะได๎ตั้งตนตงั้ ใจอยํใู นความเพียรดังกลาํ ว ประโยชนแ๑ ละความสุขกจ็ ะ บงั เกิดขน้ึ พรอ๎ ม ทั้งแกสํ ํวนตวั และสวํ นรวม ” กกกกกกก5 5.1 5.1.2 พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภูมพิ ลอดลุ ยเดช รชั กาลที่ 9 ไดท๎ รง พระราชทานพระราชดารสั เกี่ยวกบั ความพากเพียร เนอ่ื งในพิธีพระราชทานปรญิ ญาบัตรของ มหาวทิ ยาลัยรามคาแหง ณ อาคารสวนอมั พร วนั ท่ี 10 ธนั วาคม พ.ศ. 2522 ดังนี้ “ ความเพียรท่จี ะเปน็ กาลังได๎ต๎องมลี ักษณะแข็งกลา๎ ไมํยํอหยอํ นเส่อื ม คลายดว๎ ยอุปสรรค ด๎วยความยากลาบาก เหน็ดเหน่ือยประการใด ๆ หากแตอํ ตุ สาหะ พยายามกระทาเรือ่ ยไปไมํถอยหลงั แม๎หยุดมอื กย็ ังพยายามตดิ ตอํ ไปไมทํ อดธุระ กาลังความเพยี รจงึ ทาให๎การงานไมํชะงักลาํ ช๎า มีแตดํ าเนนิ รุดหนา๎ เปน็ ลาดบั ไป จนบรรลคุ วามสาเรจ็ โดยไมมํ ีส่ิงใดจะยับยงั้ ขดั ขวางได๎ ” กกกกกกก5 5.1 5.1.2 พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช รชั กาลที่ 9 ได๎ทรง พระราชทานพระบรมราโชวาทเกยี่ วกับความอดทนเนื่องในพระราชทานแกนํ ักเรยี น นกั ศึกษา ครู และอาจารย๑ ในโอกาสเข๎าเฝาู ฯ ณ อาคารใหมํสวนอัมพร วันที่ 27 ตลุ าคม พ.ศ. 2516 ดังนี้
74 “ การสรา๎ งสรรค๑ตนเอง การสรา๎ งบา๎ นเมอื งกต็ าม มิใชํวําสรา๎ งในวนั เดยี ว ตอ๎ งใช๎เวลา ตอ๎ งใช๎ความเพียร ต๎องใช๎ความอดทน เสียสละ แตํสาคญั ทส่ี ุดคอื ความ อดทน คือไมยํ ํอท๎อ ไมยํ ํอท๎อในส่งิ ท่ดี งี าม สง่ิ ท่ดี ีงามน้ันทามันนาํ เบอ่ื บางทเี หมือนวําไมํ ได๎ผล ไมํดัง คือดูมนั ครทึ าดีน่ี แตํขอรบั รองวําการทาใหด๎ ีไมํครึตอ๎ งมีความอดทน เวลาขา๎ งหน๎าจะเห็นผลแนํนอนในความอดทนของตนเอง ” กกกกกกก5 5.1 5.1.2 กลําวโดยสรปุ ความเพยี ร พากเพียร และอดทน จะเกดิ ขนึ้ ได๎จากการ ฝึกฝนจนเกดิ เป็นนสิ ยั และกระตุน๎ ให๎เกิดการทางานอยาํ งจริงจงั จนสาเร็จ กกกกกกก5 5.1 5.1.2 หน๎าท่พี ลเมืองดี มีแนวปฏบิ ตั ิไดแ๎ กํ ฝกึ ฝนความเพียรจนเปน็ นิสัย ให๎เปน็ พลังการทางานใด ๆ การฝกึ ฝนความเพยี ร ถึงหากแรก ๆ จะรู๎สึกเหน็ดเหน่ือยลาบาก แตํไดเ๎ พียรจน เปน็ นิสัยแลว๎ กจ็ ะกลบั เปน็ พลงั อยาํ งสาคญั ที่คอยกระตน๎ุ เตือนใหท๎ างานอยํางจริงจงั ดว๎ ยใจราํ เริง กกกกกกก5 5.1 5.1.3 สติ และปัญญา กกกกกกก5 5.1 5.1.3 สติ พจนานุกรมฉบบั ราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2554 ได๎ให๎คาจากัดความ หรือความหมายของสติ คือ ความรูส๎ กึ , ความรสู๎ กึ ตัว, เชนํ ไดส๎ ติ ฟ้นื คืนสติ ส้ินสติ, ความร๎สู กึ ผิดชอบ เชํน มีสติ ไร๎สติ, ความระลกึ ได๎ เชํน ตัง้ สติ กาหนดสติ กกกกกกก5 5.1 5.1.3 ป๓ญญา พจนานุกรมฉบับราชบัณฑติ ยสถาน พ.ศ. 2554 ได๎ให๎ คาจากดั ความหรือความหมายของป๓ญญา คือ ความรอบร๎ู, ความรู๎ท่วั , ความฉลาดเกิดแตเํ รยี นและ คดิ , เชนํ คนมปี ๓ญญา หมดป๓ญญา กกกกกกก5 5.1 5.1.3 กลําวโดยสรุป สติ และป๓ญญา หมายถงึ ป๓ญญารอบคอบ, ปญ๓ ญารูค๎ ิดเชํน เขาเปน็ คนมสี ติป๓ญญาดี กกกกกกก5 5.1 5.1.3 พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู พิ ลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ไดท๎ รงพระราชทานพระราชดารสั เกยี่ วกบั สติเนอื่ งในพธิ ีพระราชทานปริญญาบัตร ของมหาวิทยาลัยรามคาแหง ณ อาคารใหมํ สวนอมั พร วันท่ี 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2520 ดังนี้
75 “ ความบังคบั ตนเองนนั้ เกดิ ข้ึนไดจ๎ ากความรู๎สึกระลึกได๎วาํ อะไรเปน็ อะไร หรอื เรยี กสน้ั ๆ วํา \"สต\"ิ กลาํ วคือ กํอนที่บุคคลจะทา จะพูด หรอื แม๎แตํจะคิดเรื่อง ตาํ ง ๆ สติหรือความร๎ูสกึ ระลึกไดน๎ ้นั จะทาใหห๎ ยุดคิด วําส่งิ ทจ่ี ะทานน้ั ผิดชอบชั่วดี อยํางไร จะมผี ลเสียหายหรอื จะเปน็ ประโยชน๑อยาํ งไรในระยะยาว เมือ่ บุคคลคดิ ได๎ กจ็ ะสามารถตัดสนิ การกระทาของตนไดถ๎ ูกต๎อง แลว๎ ก็จะกระทาแตํเฉพาะสิง่ ท่ีสุจรติ ทมี่ ีประโยชน๑อันยั่งยนื ไมํกระทาส่ิงทีจ่ ะเป็นความผิดเสยี หายทงั้ แกตํ นและสํวนรวม ความมสี ตินนั้ จะชํวยใหส๎ ามารถศกึ ษาทุกสงิ่ ทุกอยาํ งได๎อยํางละเอียดประณีต คอื เม่ือจะศึกษาส่งิ ใด ก็จะพิจารณากลน่ั กรองส่ิงที่มิใชํความถกู ต๎องแท๎จริงออกเสยี กอํ น เพอื่ ใหไ๎ ดม๎ าแตํเนื้อแท๎ทปี่ ราศจากโทษ บณั ฑิตทัง้ ปวงผ๎หู วงั ความม่นั คงปลอดภยั ท้งั ของตนและของชาตบิ ๎านเมือง เมอ่ื จะทาการงานใด ๆ ทส่ี าคัญ ควรอยํางย่ิงที่จะหยุด คดิ สักหนอํ ยกอํ นทุกครั้ง แล๎วทํานจะไมตํ ๎องประสบกบั ความผดิ หวังและผดิ พลาด ในชวี ิต ” กกกกกกก5 5.1 5.1.3 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภมู พิ ลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ไดท๎ รงพระราชทานพระบรมราโชวาทเกี่ยวกบั ปญ๓ ญาเนื่องในพิธีพระราชทานปรญิ ญาบตั ร มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร๑ วนั ที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2539 ดังนี้ “ ป๓ญหาทุกอยาํ งไมํวาํ เล็กหรือใหญํ มีทางแก๎ไขได๎ถ๎าร๎จู ักคิดให๎ดี ปฏบิ ัตใิ ห๎ ถกู การคดิ ได๎ดีนั้น มิใชกํ ารคดิ ไดด๎ ๎วยลกู คดิ หรือดว๎ ยสมองกลเพราะโลกเราในปจ๓ จบุ ัน จะววิ ัฒนาการไปมากเพียงใดกต็ าม ก็ยังไมํมเี คร่ืองมืออันวเิ ศษชนดิ ใดสามารถขบคิด แก๎ไขปญ๓ หาตาํ ง ๆ ได๎อยํางสมบูรณ๑การขบคดิ วนิ ิจฉยั ปญ๓ หา จงึ ตอ๎ งใช๎สตปิ ญ๓ ญา คอื คิดด๎วยสตริ ูต๎ ัวอยเํู สมอ เพื่อหยุดย้ังและปูองกันความประมาทผดิ พลาดและอคตติ ําง ๆ มิใหเ๎ กดิ ข้นึ ชํวยใหก๎ ารใช๎ป๓ญญาพจิ ารณาป๓ญหาตําง ๆ เป็นไปอยํางเทีย่ งตรง ทาให๎ เห็นเหตเุ หน็ ผลท่เี กี่ยวเน่ืองกันเป็นกระบวนการได๎กระจาํ งชดั ทุกขน้ั ตอน ”
76 กกกกกกก5 5.1 5.1.3 กลําวโดยสรปุ สติ และป๓ญญาเป็นความสามารถในตัวบุคคล ที่จะทราบได๎ จากพฤติกรรมทบ่ี คุ คลแสดงออก ระดับของสติปญ๓ ญาสงั เกตไดจ๎ ากการแสดงออกที่มคี วามคลอํ งแคลวํ รวดเรว็ ความถูกต๎อง ความสามารถในการคิด การแกป๎ ๓ญหาและการปรับตัว การใช๎แบบทดสอบวัด สตปิ ๓ญญาจะทาใหท๎ ราบระดับสตปิ ๓ญญาชดั เจนข้นึ กกกกกกก5 5.1 5.1.3 หนา๎ ท่พี ลเมืองดี มีแนวปฏิบัติไดแ๎ กํ ต๎องหมนั่ แสวงหาความร๎ูอยเํู สมอ ผ๎ปู รารถนาความเจรญิ ในการประกอบกิจการงาน จะต๎องหม่นั เอาใจใสํแสวงหาความรู๎ให๎เพิ่มพนู อยูเํ สมอ มิฉะนัน้ จะกลายเป็นผู๎ทีล่ ๎าสมัย กกกกกกก5 5.1 5.1.4 ไม่เบยี ดเบยี น มเี มตตา กกกกกกก5 5.1 5.1.4 ไมํเบียดเบียน หมายถึง ไมทํ าให๎เดอื ดร๎อน เชนํ โรคภัยไขเ๎ จ็บไมํมา เบียดเบียน หรือ บุคคลผู๎ไมํเบียดเบียนผู๎อื่นให๎ได๎รับความเดือดร๎อน มีแตํความปรารถนาดีตํอผู๎อ่ืน ดว๎ ยการเจริญเมตตาจติ ปรารถนาสขุ ให๎หมูชํ น หรือสงั คมอยูํรํวมกันอยาํ งเปน็ สขุ กกกกกกก5 5.1 5.1.4 มเี มตตา พจนานุกรมฉบบั ราชบัณฑติ ยสถาน พ.ศ. 2554 ได๎ให๎ คาจากัดความหรือความหมายของมเี มตตา คอื ความรักและเอ็นดู, ความปรารถนาจะให๎ผอ๎ู ืน่ ได๎สุข, เป็น 1 ในพรหมวหิ าร 4 คือ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา กกกกกกก5 5.1 5.1.4 กลําวโดยสรปุ ไมเํ บียดเบยี น มเี มตตา หมายถึง บุคคลผูไ๎ มํเบียดเบียนผ๎ูอืน่ ให๎ไดร๎ ับความเดือดร๎อน มีแตํความปรารถนาจะให๎ผ๎อู ่ืนได๎สุข กกกกกกก5 5.1 5.1.4 พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช รัชกาลที่ 9 ไดท๎ รงพระราชทานพระราชดารสั เก่ียวกับ ไมเํ บียดเบียนให๎แกคํ ณะบุคคลทเ่ี ขา๎ เฝูาฯ ณ ศาลาดุสิดาลยั วันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ.2541 ดังน้ี “ คนเราถ๎าพอใจในความต๎องการ ก็มีความโลภนอ๎ ย เม่อื มีความโลภน๎อยก็ เบียดเบียนคนอ่ืนน๎อย ถา๎ ทกุ ประเทศมคี วามคดิ วาํ ทาอะไรตอ๎ งพอเพยี ง หมายความวํา พอประมาณ ไมํสดุ โตงํ ไมโํ ลภอยํางมาก คนเรากอ็ ยเูํ ปน็ สุข ” กกกกกกก5 5.1 5.1.4 พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ได๎ทรงพระราชทานพระราชดารัสเกีย่ วกบั มีเมตตาเน่อื งในการเสด็จออกมหาสมาคม ณ สหี ัญชร พระที่นงั่ อนนั ตสมาคม พระราชวงั ดสุ ติ ในพระราชพิธีเฉลมิ ชนมพรรษา วนั ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ.2555 ดังน้ี “ ความเมตตาปรารถนาดตี ํอกนั เปน็ ป๓จจยั อยํางสาคญั ทจี่ ะยงั ความพรอ๎ ม เพรียงใหเ๎ กดิ มขี นึ้ ท้ังในหมูํคณะและในชาตบิ ๎านเมอื ง และถา๎ คนไทยเรา ยังมีคณุ ธรรม ข๎อน้ีประจาอยูจํ ติ ใจ ก็มีความหวงั ได๎วํา บา๎ นเมอื งไทยไมํวําจะอยูใํ นสถานการณ๑ใด ๆ ก็อยรูํ อดปลอดภัย และดารงความมั่นคงตํอไปไดต๎ ลอดรอดฝง่๓ อยํางแนนํ อน ”
77 กกกกกกก5 5.1 5.1.4 กลําวโดยสรุป ไมํเบียดเบียน มีเมตตา จะเกดิ ข้นึ ได๎ โดยการปลูกฝ๓ง คุณธรรมจากครอบครัว และสิ่งแวดลอ๎ ม กกกกกกก5 5.1 5.1.4 หน๎าทีพ่ ลเมืองดี มีแนวปฏบิ ตั ิได๎แกํ การไมํทาให๎ผอ๎ู ่ืนเดือนร๎อน ท้งั กาย วาจา และใจ มีแตํความปรารถนาดีตอํ ผู๎อื่น กกกกกกก5 5.1 5.1.5 ตั้งใจดี คิดดี และทาดี กกกกกกก5 5.1 5.1.5 ต้ังใจดี พจนานกุ รมฉบบั ราชบัณฑติ ยสถาน พ.ศ. 2554 ได๎ให๎ คาจากัดความ หรือความหมายของต้ังใจดี คือ มงุํ มัน่ ทจี่ ะทาดี กกกกกกก5 5.1 5.1.5 คิดดี หมายถงึ การคดิ ท่ีไมํยอมแพป๎ ๓ญหาและอุปสรรคแล๎วคิดวธิ ีแกไ๎ ข การคิดท่ีกระต๎ุนใหต๎ ัวเองเกิดความกระตอื รือรน๎ การมองเหตุการณแ๑ ละผ๎อู ื่นในดา๎ นดีมากกวําดา๎ น ไมดํ ี การสร๎างความรู๎สึกท่ดี ี แม๎ส่งิ ทเี่ ผชิญอยจูํ ะทาให๎เครยี ด กงั วล กต็ าม กกกกกกก5 5.1 5.1.5 ทาดี หมายถงึ การปฏิบตั งิ านด๎วยความมุงํ มนั่ ไมยํ ํอท๎อ กกกกกกก5 5.1 5.1.5 กลําวโดยสรุป ต้ังใจดี คิดดี และทาดี หมายถงึ ความคดิ เป็นสิ่งสาคญั ท่ีจะ เปลีย่ นแปลงวิถชี วี ิตของเรา หากคดิ ดีก็จะมคี วามร๎สู กึ ทดี่ ี ๆ เมอื่ มีความรสู๎ กึ ดี ก็จะมีคาพูดที่ดี ๆ ตามมา สํงผลใหม๎ ีการกระทาท่ดี ีดว๎ ย กกกกกกก5 5.1 5.1.5 พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช รัชกาลที่ 9 ได๎ทรง พระราชทานพระราชดารสั เกี่ยวกบั ตงั้ ใจดเี นื่องในพธิ ีพระปฐมบรมราชโองการเนื่องในพระราช พิธบี รมราชาภเิ ษก ณ พระท่ีนั่งไพศาลทกั ษณิ วนั ท่ี 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2493 ดังนี้ “ เราจะครองแผนํ ดนิ โดยธรรม เพอ่ื ประโยชนส๑ ุขแหงํ มหาชนชาวสยาม ” กกกกกกก5 5.1 5.1.5 พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภูมพิ ลอดุลยเดช รชั กาลที่ 9 ได๎ทรงพระราชทานพระราชดารัสเกี่ยวกบั คิดดเี นื่องในโอกาสวนั เฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดสุ ิตดาลัย วนั ท่ี 4 ธนั วาคม พ.ศ. 2517 ดังน้ี . “ ถา๎ เราคิดดี ทาดี ไมใํ ชํแตปํ ากนะ ทาอยาํ งดจี ริง ๆ คอื สรา๎ งสมส่งิ ที่ดี ดว๎ ยการปฏิบัตใิ นสิ่งทเ่ี รียกวาํ ดี หมายความวาํ ไมเํ บยี ดเบยี นผอ๎ู ื่น สรา๎ งสรรค๑ทาใหม๎ ี ความเจริญท้ังวตั ถุทง้ั จิตใจ แลว๎ ไมํต๎องกลวั ”
78 กกกกกกก5 5.1 5.1.5 พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู ิพลอดลุ ยเดช รัชกาลที่ 9 ได๎ทรงพระราชทานพระบรมราโชวาทเกีย่ วกบั ทาดี เนื่องในพธิ ีพระราชทานกระบ่แี ละ ปรญิ ญาบตั รแกวํ ําที่ร๎อยตารวจตรี โรงเรียนนายร๎อยตารวจ วันท่ี 10 มนี าคม พ.ศ. 2529 ดังน้ี “ การทาความดีนั้น โดยมากเปน็ การเดินทวนกระแสความพอใจและความ ตอ๎ งการของมนุษย๑ จงึ ทาได๎ยากและเห็นผลช๎า แตกํ ็จาเปน็ ต๎องทา เพราะหากไมํ ความชว่ั ซึ่งทางาํ ยจะเขา๎ มาแทนที่ แลว๎ พอกพูนขึ้นอยาํ งรวดเร็วโดยไมรํ ๎ูสกึ ตวั ” กกกกกกก5 5.1 5.1.5 กลําวโดยสรปุ ตง้ั ใจดี คดิ ดี และทาดี หากคิดดีก็จะมีความรู๎สึกทีด่ ี เมื่อมี ความรู๎สกึ ทีด่ ีกจ็ ะมีคาพูดทีด่ ี สํงผลให๎มกี ารกระทาท่ดี ดี ๎วย กกกกกกก5 5.1 5.1.5 หนา๎ ท่พี ลเมืองดี มีแนวปฏิบัติได๎แกํ ต้ังใจดี คดิ ดี ทาดี คือ ต้ังใจทาในสิ่งท่ีดี ซึง่ การตัง้ ใจทาดคี วรมีการลงมือปฏิบตั ิจงึ จะเห็นผลอยาํ งแทจ๎ รงิ กกกกกกก5 5.1 5.1.6 ความรับผดิ ชอบ รับผิด และรับชอบ กกกกกกก5 5.1 5.1.6 ความรับผดิ ชอบ หมายถึง ลกั ษณะของบุคคลที่แสดงออกถึงความเอาใจใสํ จดจอํ ต้ังใจ มํุงมั่นตํอหน๎าท่ีการงาน การศึกษาเลาํ เรยี น และการเป็นอยขูํ องตนเอง และ ผ๎ูอยํูในความ ดูแล ตลอดจนสังคม อยํางเต็มความสามารถ เพ่ือให๎บรรลุผลสาเร็จตามความมํุงหมายในเวลาท่ี กาหนด ยอมรบั ผลการกระทาทงั้ ผลดแี ละผลเสยี ทเี่ กดิ ขึน้ กกกกกกก5 5.1 5.1.6 รบั ผิด หมายถงึ การยอมรับวําสิ่งทต่ี นทามีขอ๎ ใดสวํ นใดผิดพลาดเสยี หาย และเสียหายเพราะเหตุใด ข๎อน้ีมีประโยชน๑ ทาให๎ร๎ูจักพิจารณาการกระทาของตน พร๎อมทั้ง ข๎อบกพรํองของตนอยํางจริงจัง เป็นทางท่ีจะชํวยให๎คิดหาวิธีปฏิบัติแก๎ไข การกระทาและความ ผดิ พลาดตําง ๆ หถ๎ กู ต๎องสมบรู ณ๑ได๎ กกกกกกก5 5.1 5.1.6 รบั ชอบ หมายถงึ รู๎วาํ สิง่ ท่ตี นทามีสํวนใดท่ีใด ถูกตอ๎ งแลว๎ คือถูกตามความ มุงํ หมาย ตามหลักวิชา ตามหลกั วิธกี าร ตามสถานการณแ๑ ล๎ว เรือ่ งท่ี 35 5.1 5.1.6 กลําวโดยสรปุ ความรับผิดชอบ รบั ผดิ และรบั ชอบ หมายถึง ยอมรับผลท้ัง ท่ีดีและไมํดีในกิจการท่ีตนได๎ทาลงไป หรือที่อยํูในความดูแลของตน เชํน สมุห๑บัญชีรับผิดชอบเร่ือง เกี่ยวกับการเงิน, รับเป็นภารธุระ เชํน งานนี้เขารับผิดชอบเร่ืองอาหาร เธอจะไปไหนก็ไปเถอะ ฉนั รบั ผดิ ชอบทกุ อยํางในบ๎านเอง กกกกกกก5 5.1 5.1.6 พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู ิพลอดลุ ยเดช รชั กาลที่ 9 ได๎ทรงพระราชทานพระราชดารสั เก่ียวกับ ความรบั ผิดชอบ เนื่องในพธิ ีถวายพระพรชัยมงคล ณ พระท่ีนงั่ อนันตสมาคมวนั ท่ี 12 มิถนุ ายน พ.ศ. 2549 ดงั นี้
79 “ การทานุบารุงประเทศชาตินน้ั มิใชํเป็นหน๎าทขี่ องผู๎หนง่ึ ผใู๎ ดโดยเฉพาะ หากเปน็ ภาระความรบั ผิดชอบของคนไทยทกุ คน ที่จะตอ๎ งขวนขวายกระทาหน๎าที่ของ ตนให๎ดีทส่ี ดุ เพื่อธารงรกั ษาและพัฒนาชาติบ๎านเมืองให๎เจริญม่ันคง และผาสุกรํมเย็น ” กกกกกกก5 5.1 5.1.6 พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช รชั กาลที่ 9 ไดท๎ รงพระราชทานพระบรมราโชวาท เกยี่ วกับ ความรบั ผดิ เนื่องในพิธพี ระราชทานปริญญาบัตร แกํผสู๎ าเร็จการศึกษาของมหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร๑ ณ หอประชมุ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร๑ วันท่ี 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2519 ดงั น้ี “ การร๎ูจกั รบั ผิดหรอื ยอมรับรว๎ู าํ อะไรผดิ อะไรผดิ พลาดเสียหาย และเสียหาย เพราะอะไร เพียงใดน้ันมีประโยชน๑ทาให๎บุคคลร๎ูจักพิจารณาตนเอง ยอมรับความ รับผิดชอบของตนเองโดยใจจริง เป็นทางท่ีจะชํวยให๎แก๎ไขความผิดได๎ และให๎รู๎วําจะ ปฏิบตั ิแกไ๎ ขใหมํ ” กกกกกกก5 5.1 5.1.6 พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู ิพลอดลุ ยเดช รชั กาลท่ี 9 ไดท๎ รงพระราชทานพระบรมราโชวาท เกีย่ วกับ ความรบั ชอบเน่ืองในพธิ พี ระราชทานปริญญาบัตร แกผํ ูส๎ าเร็จการศึกษาของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร๑ ณ หอประชมุ มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร๑ วันที่ 16 กรกฎาคมพ.ศ. 2519 ดังนี้ “ สํวนการรู๎จักรับชอบหรือร๎ูวําอะไรถูก อันได๎แกํถูกตามความมุํงหมาย ถูกตามหลักวิชา ถูกตามวิธีการน้ัน มีประโยชน๑ทาให๎ทราบแจ๎งวํา จาทาให๎งานสาเร็จ สมบรู ณอ๑ ยํางไร จักไดถ๎ อื ปฏิบัติตอํ ไป ” กกกกกกก5 5.1 5.1.6 กลําวโดยสรปุ ความรบั ผิดชอบ รับผิด และรับชอบจะแสดงถึงความเอาใจ ใสํมํุงม่ันตํอภารกิจที่ทาทุกคนต๎องมีความรับผิดชอบตํอหน๎าท่ีการงาน การศึกษา อื่นๆ อยํางเต็ม ความสามารถเพื่อให๎บรรลผุ ลสาเร็จตามจดุ มุํงหมายและยอมรับผลการกระทาทจี่ ะเกดิ ข้นึ
80 กกกกกกก5 5.1 5.1.6 หน๎าทพี่ ลเมืองดี มีแนวปฏิบัติได๎แกํ ประชาชนทุกคนต๎องมีความรับผิดชอบ ตํอหน๎าท่ีการงาน การศึกษาเลําเรียน และการเป็นอยํูของตนเอง และ ผู๎อยํูในความดูแล ตลอดจน สังคม อยํางเต็มความสามารถ เพื่อให๎บรรลุผลสาเร็จตามความมํุงหมายในเวลาท่ีกาหนด ยอมรับผล การกระทาท้ังผลดีและผลเสียท่ีเกิดข้ึน รับผิด คือ การยอมรับวําสิ่งที่ตนทามีข๎อใดสํวนใดผิดพลาด เสียหาย และเสียหายเพราะเหตุใดข๎อน้ีมีประโยชน๑ ทาให๎ร๎ูจักพิจารณาการกระทาของตน พร๎อมทั้ง ขอ๎ บกพรอํ งของตนอยาํ งจรงิ จงั เป็นทางทจี่ ะชวํ ยให๎คิดหาวธิ ปี ฏบิ ัติแก๎ไข กกกกกกก5 5.2 หน้าท่ี กกกกกกก5 5.2 5.2.1 ประโยชน์ส่วนรวม ประโยชนส์ ่วนตน และเสียสละ กกกกกกก5 5.2 5.2.1 ประโยชน๑สวํ นรวม หมายถึง ผลประโยชน๑สาธารณะ ยงั หมายรวมถึง หลักประโยชนต๑ ํอมวลสมาชกิ ในสังคม กกกกกกก5 5.2 5.2.1 ประโยชน๑สํวนตน หมายถงึ นกึ ถึงแตํตัวเอง หรือเหน็ แกํตัว เชํน หากพวก เราทางานโดยนึกถงึ แตํประโยชนส๑ ํวนตัว องคก๑ รของเรากจ็ ะไมกํ ๎าวหน๎า กกกกกกก5 5.2 5.2.1 เสียสละ จากพจนานุกรมฉบบั ราชบณั ฑิตยสถาน พ.ศ. 2554 ไดใ๎ หค๎ าจากดั ความ หรอื ความหมายของเสยี สละ คือให๎โดยยินยอม, ใหด๎ ๎วยความเตม็ ใจ, เชนํ ทหารเสียสละชีวติ เพอ่ื ปกปอู งเอกราชของชาติ พํอแมํเสียสละทุกสิง่ ทุกอยาํ งได๎เพ่ือลูก กกกกกกก5 5.2 5.2.1 กลําวโดยสรุป ประโยชน๑สวํ นรวม ประโยชนส๑ วํ นตน และเสียสละ หมายถงึ การเสยี สละเพ่ือให๎ประเทศชาติมีความเจริญซ่ึงเป็นความรบั ผิดชอบของทุกคน และไมํเหน็ แกํ ประโยชนส๑ ํวนตน กกกกกกก5 5.2 5.2.1 พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ได๎ทรงพระราชทานพระราชดารัสเกย่ี วกับ ประโยชน๑สวํ นรวมให๎แกนํ ักศึกษา มหาวทิ ยาลยั สงขลานครินทร๑ ณ มหาวิทยาลัยสงขลานครนิ ทร๑ วิทยาเขตปต๓ ตานี วนั ท่ี 11 กันยายน พ.ศ. 2523 ดงั นี้ “ การทาเพอื่ ประโยชน๑สํวนรวมนน้ั ไดป๎ ระโยชน๑มากกวาํ ทาเฉพาะประโยชน๑ สํวนตัว และบอกได๎วําคนไหนทาเพื่อประโยชน๑สํวนตัวแท๎ ๆ ล๎วน ๆ เช่ือวําประโยชน๑ น้ันจะไมํได๎ เทํากับรวบรวมของหนักมาวางบนหัว แบกเอาไว๎ตลอดเวลา ซึ่งก็ไมํสบาย ก็หนัก ก็เหน่ือย แตํถ๎าผู๎ใดทาเพ่ือสํวนรวม ย่ิงมากย่ิงดี ยิ่งเบา ยิ่งคลํองแคลํววํองไว และยงิ่ มคี วามสขุ ” กกกกกกก5 5.2 5.2.1 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภมู พิ ลอดุลยเดช รัชกาลท่ี 9 ไดท๎ รงพระราชทานพระบรมราโชวาทเกีย่ วกับ ประโยชน๑สํวนตน เน่อื งในพธิ พี ระราชทานปรญิ ญาบัตร ประกาศนียบตั ร และอนุปริญญาบัตรแกผํ ู๎สาเร็จการศกึ ษา สาขาวิชาและวชิ าตําง ๆ ของมหาวทิ ยาลยั เชียงใหมํ ณ มหาวทิ ยาลยั เชียงใหมํ วนั ท่ี 16 มกราคม พ.ศ. 2512 ดังน้ี
81 “ ผูท๎ ี่ทางานใหเ๎ กิดประโยชนแ๑ กํสํวนรวมยํอมไดป๎ ระโยชน๑สวํ นตนด๎วย ผู๎ที่ทางานโดยเหน็ แกํตวั เบยี ดเบยี นประโยชน๑สํวนรวม ยํอมบั่นทอนทาลายความม่ันคง ของประเทศชาติ และทสี่ ดุ ตนเองก็จะเอาตวั ไมํรอด ” กกกกกกก5 5.2 5.2.1 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดุลยเดช รชั กาลที่ 9 ได๎ทรงพระราชทานพระบรมราโชวาทเกย่ี วกบั ความเสียสละ เนอ่ื งในพิธพี ระราชทาน แกํคณะกรรมการสมาคมหนังสอื พมิ พ๑แหํงประเทศไทย ณ พระตาหนักจิตรลดารโหฐาน วนั ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2515 ดงั นี้ “ การท่ีขอให๎ทาเพ่ือสํวนรวมน้ี ก็ใชํวําแตํละคนจะต๎องเสียสละให๎เหลือแตํ ตัวลํอนจ๎อนเพ่ือสิ่งที่เรียกวําสํวนรวม มิใชํอยํางนั้น แตํหมายวําสละสิ่งใดท่ีสละได๎ เพื่อที่จะให๎สํวนรวมอยูํได๎ โดยจุดประสงค๑ที่จะสํวนบุคคลอยูํได๎เหมือนกัน เพราะวําถ๎า สํวนรวมอยํูไมํได๎ สํวนบุคคลก็อยํูลาบาก นอกจากจะเป็นผู๎ที่เอาตัวรอดโดยแท๎ และลง ท๎ายผ๎ูทเ่ี อาตวั รอดเหลําน้ันก็จะนบั วาํ เอาตัวไมํรอด เพราะวําไมํมีเกียรติไมํมีความภูมิใจ ในตวั ฉะนั้นก็ขอร๎องใหส๎ มาชิกทั้งหลายพยายามที่จะพินิจเคราะห๑ในการกระทาในการ เสนอขําวเสนอบทความ ใหเ๎ ปน็ ไปในทางทสี่ รา๎ งสรรค๑ เป็นไปในทางที่จะทาให๎สํวนรวม เป็นปกึ แผนํ ใหส๎ วํ นรวมมคี วามก๎าวหนา๎ มีสง่ิ ดงี าม ” กกกกกกก5 5.2 5.2.1 กลําวโดยสรุป ประโยชนส๑ ํวนรวม ประโยชน๑สํวนตน และเสยี สละ คือ การทาประโยชนใ๑ ห๎สํวนรวม เสยี สละเพ่อื ใหป๎ ระเทศชาตมิ ีความเจรญิ ซึง่ เป็นความรับผดิ ชอบของ ทุกคน และไมํเห็นแกํประโยชน๑สวํ นตน กกกกกกก5 5.2 5.2.1 หนา๎ ท่ีพลเมืองดี มีแนวปฏบิ ตั ิได๎แกํ การทท่ี ุกคนสามารถเข๎ารํวมกิจกรรม ที่เป็นประโยชน๑ตํอโรงเรียน ชุมชนและสังคม พฤติกรรมที่บํงชี้เชํน ดูแลรักษาสาธารณสมบัติ และส่ิงแวดล๎อมด๎วยความเต็มใจ เข๎ารํวมกิจกรรมท่ีเป็นประโยชน๑ตํอโรงเรียน ชุมชน และสังคม และเข๎ารํวมกิจกรรมเพ่ือแก๎ป๓ญหา หรือรํวมสร๎างส่ิงที่ดีงามของสํวนรวม ตามสถานการณ๑ที่เกิดข้ึน ดว๎ ยความกระตือรือร๎น
82 กกกกกกก5 5.2 5.2.2 ความสามคั คี รว่ มมือ ปรองดอง กกกกกกก5 5.2 5.2.2 ความสามคั คี พจนานุกรมฉบับราชบณั ฑิตยสถาน พ.ศ. 2554 ไดใ๎ หค๎ าจากดั ความ หรอื ความหมายของความสามัคคี คอื ความพร๎อมเพรยี งกนั , ความปรองดองกนั กกกกกกก5 5.2 5.2.2 ความรํวมมอื พจนานุกรมฉบับราชบัณฑติ ยสถาน พ.ศ. 2554 ได๎ให๎คาจากดั ความ หรือความหมายของความรวํ มมอื คอื พรอ๎ มใจชํวยกนั กกกกกกก5 5.2 5.2.2 ความปรองดอง พจนานุกรมฉบับราชบัณฑติ ยสถาน พ.ศ. 2554 ได๎ใหค๎ าจากัดความหรือความหมายของความปรองดอง คือ ออมชอม, ประนีประนอม, ยอมกัน, ไมแํ กงํ แยํงกันตกลงกันด๎วยความไกลํเกล่ีย, ตกลงกนั ด๎วยไมตรีจิต กกกกกกก5 5.2 5.2.2 กลําวโดยสรปุ ความสามัคคี รํวมมอื ปรองดอง หมายถึง ความปรองดอง สมานฉนั ท๑ พร๎อมเพรยี งกนั แหํงหมคูํ ณะในการดาเนนิ ชวี ติ หรือในการทากิจการงานโดยชอบธรรม รํวมกนั กกกกกกก5 5.2 5.2.2 พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ได๎ทรงพระราชทานพระราชดารสั เกยี่ วกับความสามัคคี ในพธิ พี ระราชทานธงประจารํุนลูกเสือ ชาวบ๎านจังหวดั นครศรธี รรมราช ณ สนามกีฬาชาติตระการโกศล วนั ที่ 12 กนั ยายน พ.ศ. 2521 ดังน้ี “ ความสามคั คนี น้ั เป็นการที่ทุกคนเห็นใจกนั ซงึ่ กันและกันและพร๎อม เพรยี งกห็ มายความวาํ ไมํได๎ทาคนละทีสองทแี ตํทาพรอ๎ มกันความสามคั คีและความ พรอ๎ มเพรียงนี้มผี ลตํอเนื่องอีกอยาํ งหนึ่งคือทาใหท๎ ุกคนมีความเข๎มแขง็ แขง็ แรง ซ่ึงจะนามาสํูความสุขของแตํละคน เพราะวําคนเรามที ง้ั สุขทั้งทุกข๑ เม่ือเราสุขก็อยาก ใหค๎ นอน่ื สขุ ด๎วยทาให๎สุขของตวั เองใหญหํ ลวงขน้ึ แตเํ มอ่ื มีความทุกขค๑ นอ่ืนกจ็ ะชวํ ย ทาให๎ความทกุ ขน๑ นั้ น๎อยลงไป ฉะนนั้ ความสามัคคีและความพรอ๎ มเพรยี งนัน้ จึงเปน็ ส่ิง ท่ีสาคญั ” กกกกกกก5 5.2 5.2.2 พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู ิพลอดลุ ยเดช รัชกาลท่ี 9 ไดท๎ รงพระราชทานพระราชดารัสเก่ียวกับรวํ มมือ เน่ืองในโอกาสพระราชทานเครอื่ งราชอิสรยิ าภรณ๑ แกํข๎าราชการ ณ พระตาหนักจิตรลดารโหฐาน วันท่ี 22 กรกฎาคมพ.ศ. 2513 ดังน้ี “ การจะทางานท่ีมนั่ คงและก๎าวหนา๎ นน้ั มิใชวํ ําจะกม๎ หนา๎ ก๎มตาทาหนา๎ ที่ ของแตลํ ะคนเทํานั้น จะต๎องมีความรวํ มมือสัมพันธ๑กนั ระหวาํ งหนํวยงานทกุ หนวํ ย เพ่ือให๎งานรดุ หน๎าไปพร๎อมเพรยี งกนั ”
83 กกกกกกก5 5.2 5.2.2 พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู ิพลอดลุ ยเดช รัชกาลท่ี 9 ไดท๎ รงพระราชทานพระราชดารัสเกี่ยวกบั ปรองดอง เน่ือง ในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสติ ดาลยั วนั ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2536 ดังน้ี “ สามัคคีหรือการปรองดองกันไมไํ ด๎หมายความวาํ คนหนง่ึ พูดอยํางหนง่ึ คนอื่นต๎องพดู เหมือนกันหมด ลงทา๎ ยชวี ติ กไ็ มํมีความหมาย ตอ๎ งมีความแตกตาํ งกัน แตํตอ๎ งทางานให๎สอดคล๎องกัน แม๎จะขัดกันบา๎ งแตํต๎องสอดคล๎องกัน ” กกกกกกก5 5.2 5.2.2 กลําวโดยสรุป ความสามัคคี รํวมมอื ปรองดองเกดิ จากความรํวมมอื รํวมใจ เปน็ อันหนึง่ อนั เดียวกนั คณุ ธรรมนน้ี บั วาํ สาคัญมากในหมูํคณะเป็นคุณธรรมที่กํอใหเ๎ กิดความสุขอยําง ยงิ่ แกํหมูํคณะ กกกกกกก5 5.2 5.2.2 หนา๎ ทีพ่ ลเมืองดี มีแนวปฏบิ ตั ิได๎แกํ ประชาชนมีความรวํ มมือรวํ มใจ ชํวยเหลอื เก้ือกูลซ่ึงกันและกัน รวํ มแรงรํวมใจเป็นอันหน่งึ อันเดยี วกนั กอํ ให๎เกดิ ความสงบสขุ ทาให๎ ประเทศไทยอยรํู อดได๎ น่นั คือ ความสามัคคีและความเปน็ ไทย กกกกกกก5 5.2 5.2.3 ความสขุ ความเจรญิ กกกกกกก5 5.2 5.2.3 ความสุข พจนานุกรมฉบบั ราชบัณฑติ ยสถาน พ.ศ. 2554 ได๎ให๎คาจากดั ความ หรอื ความหมายของความสขุ คือ ความสบายกายสบายใจ เชนํ ขอใหอ๎ ยูดํ ีมสี ขุ เกดิ มาก็มสี ขุ บ๎างทกุ ข๑บา๎ ง, มักใช๎เขา๎ คํูกับคาเป็น เชํน ขอให๎อยูเํ ย็นเปน็ สขุ ขอให๎เปน็ สขุ ๆ นะ กกกกกกก5 5.2 5.2.3 ความเจรญิ พจนานุกรมฉบบั ราชบัณฑติ ยสถาน พ.ศ. 2554 ได๎ให๎คาจากดั ความ หรอื ความหมายของความเจรญิ คือ เติบโต, งอกงาม, ทาให๎งอกงาม, เชํน เจริญทางพระราชไมตรี เจรญิ สัมพันธไมตรี, มากขึ้น กกกกกกก5 5.2 5.2.3 กลําวโดยสรปุ ความสุข ความเจริญ หมายถงึ ความสุขความเจรญิ ที่บุคคล แสวงหามาได๎ดว๎ ยความเป็นธรรม ท้ังในเจตนา และการกระทา กกกกกกก5 5.2 5.2.3 พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดุลยเดช รชั กาลท่ี 9 ไดท๎ รงพระราชทานบรมราโชวาทเกี่ยวกบั ความสุขความเจริญ เนอ่ื งในพธิ ีพระราชทานปรญิ ญาบตั ร และอนุปริญญาบัตรของจุฬาลงกรณ๑มหาวิทยาลยั ณ หอประชุมจุฬาลงกรณ๑มหาวิทยาลัย วันท่ี 10 กรกฎาคม 2518 ดังนี้
84 “ ความสขุ ความเจริญอนั แทจ๎ รงิ นน้ั หมายถึง ความสุขความเจรญิ ทีบ่ ุคคล แสวงหามาไดด๎ ๎วยความเป็นธรรม ทง้ั ในเจตนาและการกระทา ไมํใชํได๎มาด๎วยความ บังเอิญ หรือดว๎ ยแกํงแยํงเบยี ดเบยี นมาจากผ๎ูอนื่ ความเจริญทีแ่ ท๎น้มี ีลักษณะเป็น การสรา๎ งสรรค๑ เพราะอานวยประโยชนถ๑ งึ ผู๎อ่นื และสํวนรวมดว๎ ย ตรงกันข๎ามกับ ความเจรญิ อยํางเทจ็ เทยี ม ท่ีเกิดข้นึ มาดว๎ ยความประพฤติไมํเปน็ ธรรมของบุคคล ซึง่ มลี กั ษณะเปน็ การทาลายลา๎ ง เพราะให๎โทษบํอนเบยี นทาลายผู๎อน่ื และสํวนรวม การบอํ นเบยี นทาลายนั้น ทส่ี ุดก็จะกลับมาทาลายตน ดว๎ ยเหตุทเี่ มอ่ื สํวนรวมถูก ทาลายเสยี แลว๎ ตนเองก็จะยืนตวั อยํไู มํได๎ จะต๎องลมํ จมลงไปเหมือนกนั ” กกกกกกก5 5.2 5.2.3 กลําวโดยสรุป ความสุข ความเจรญิ เกิดขน้ึ จากบุคคลทงั้ หมดมีเจตนา กระทา เพื่อใหม๎ คี วามสขุ ความเจรญิ จะต๎องไมํเบียดเบยี น หรือแกงํ แยงํ ผูอ๎ ่นื มา กกกกกกก5 5.2 5.2.3 หน๎าที่พลเมืองดี มีแนวปฏบิ ัติไดแ๎ กํ การต้ังใจกระทาทุกสงิ่ ให๎ตนเองมี ความสุขความเจรญิ โดยต๎องไมไํ ปเบียดเบียน หรือแกํงแยงํ ผู๎อืน่ มา
85 กิจกรรมท้ายบท กกกกกกกกิจกรรมที่ 1 กกกกกกกคาช้ีแจง ให๎นักศึกษาเลือกคาตอบท่ีถกู ต๎องที่สดุ เพียงข๎อเดียวโดยนาไปเขยี นใน แผํนกระดาษคาตอบที่แจกให๎ 1. สุขในการอยูรํ วํ มกนั เกดิ จากอะไร ก. รํางกายแขง็ แรง ข. รํางกายสมบรู ณ๑ ค. ความรกั ความสามัคคี ง. การมีจิตใจทีส่ ดชนื่ แจํมใส 2. “ เดินทางสายกลาง ” มคี วามหมายตรงกับข๎อใด ก. ความร๎ู ข. ความซื่อสัตย๑ ค. ความพอประมาณ ง. ความร๎ูคํคู ุณธรรม 3. เยาวชนควรไดร๎ บั การปลูกฝ๓งในเรื่องใดมากทีส่ ดุ ก. สติ ข. ใช๎เหตุผล ค. ความร๎อู ยํางแทจ๎ ริง ง. การแก๎ไขปญ๓ หาอยาํ งสุขมุ 4. ขอ๎ ใดเป็นแนวปฏบิ ตั ิหน๎าท่พี ลเมืองดีใน เร่ือง ความรอบคอบ ก. การศึกษาหาความรู๎ ข. การมจี ติ ใจท่ีมุํงมนั่ เทยี่ งตรง ค. การฝึกฝนตนเองจนเปน็ นิสัย ง. การดาเนินชีวติ อยํางมีเหตุผล 5. ข๎อใดเปน็ แนวทางปฏบิ ัตหิ นา๎ ทีพ่ ลเมืองดี ในเร่ืองประโยชน๑สวํ นรวม ก. การดแู ลซ่งึ กันและกนั ข. ดแู ลสาธารณสมบตั ิอยํางเต็มใจ ค. การใหค๎ วามรํวมมอื ในการทางาน ง. เตรยี มความพรอ๎ มตอ๎ นรับสถานการณ๑
86 กกกกกกกกจิ กรรมท่ี 2 กกกกกกกคาชีแ้ จง ใหน๎ กั ศึกษาจบั คูํโดยการโยงเส๎นข๎อความดา๎ นตัวเลขกบั ข๎อความดา๎ นตวั อกั ษรทม่ี ี ความสมั พนั ธ๑กันโดยนาคาตอบท่ไี ด๎ไปเขียนในแผนํ กระดาษคาตอบทีแ่ จกให๎ 1. สขุ ใจ ก. รจ๎ู กั ประมาณตน 2. ความพอประมาณ ข. ความร๎ู 3. ส่งิ ที่ทาใหเ๎ ข๎าใจแลว๎ นามาปฏิบัติ ค. ความอ่ิมใจอันเกิดจากจติ ท่สี งบ 4. ยอมรับวาํ สงิ่ ท่ีทาไปผดิ พลาด ง. ความมีภูมิคมุ๎ กัน 5. ใชป๎ ระสบการณ๑เดมิ มาตัดสินใจ จ. รบั ผิด กกกกกกกกจิ กรรมท่ี 3 กกกกกกกคาชแี้ จง ใหน๎ ักศึกษาเตมิ คาลงในชอํ งวํางให๎ถกู ต๎องสมบูรณล๑ งในแผนํ กระดาษคาตอบท่ี แจกให๎ กกกกกกก1. เงอ่ื นไขคุณธรรมได๎แกํ 1………………………………………………….…..………………...…… กกกกกกก2. คุณธรรมในวัยเด็กควรปลูกฝ๓งโดย........................................................................... กกกกกกก3. การมีสภาวะราํ งกายท่แี ข็งแรงเรยี กวาํ ..................................................................... กกกกกกก4. การยอมรบั ท้ังผลดีและไมํดีทท่ี าลงไป เรยี กวํา........................................................ กกกกกกก5. การดูแลรักษาสาธารณสมบัติเปน็ การทาประโยชนเ๑ พ่ือ........................................... กกกกกกกกจิ กรรมท่ี 4 กกกกกกกคาชีแ้ จง ใหน๎ ักศึกษาทาเคร่ืองหมายถูก ( ) หรอื ผดิ () หนา๎ ข๎อตํอไปนีโ้ ดยนาคาตอบ ทไี่ ด๎ไปเขียนในแผนํ กระดาษคาตอบท่ีแจกให๎ กกกกกกก............1. การปลกู ฝ๓งคุณธรรมในวัยเด็กทาได๎โดยอบรมสงั่ สอนเปน็ แบบอยํางท่ดี ี กกกกกกก............2. ความมีเหตุผลจะเกดิ จากการมีความซื่อสัตย๑ เดนิ ทางสายกลาง กกกกกกก............3. ความซ่อื สัตยส๑ จุ ริตเป็นพื้นฐานของความดที ุกอยาํ ง กกกกกกก............4. คุณธรรมท่ีมีความสาคญั สาหรับหมํูคณะ คือ ความสามัคคี กกกกกกก............5. การอนุรักษว๑ ัฒนธรรมไทยเป็นหนา๎ ท่ีของรัฐบาล
87 บทที่ 5 หน้าทพ่ี ลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลท่ี 9 ตามหลกั การทรงงาน สาระสาคัญ กกกกกกก1. หลกั การทรงงาน หมายถึง การปฏบิ ตั หิ น๎าที่หรอื ภารกจิ หรือกจิ กรรมของ พระมหากษัตริย๑ทรงยึดการดาเนินงานในลักษณะทางสายกลางที่สอดคล๎องกับสิ่งท่ีอยูํรอบตัวและ สามารถปฏิบัติได๎จริง ทรงมีความละเอียดรอบคอบ และทรงคิดค๎นแนวทางพัฒนาเพ่ือมํุงสูํประโยชน๑ ตํอประชาชนสูงสุด มี 23 ข๎อ ได๎แกํ (1) ศึกษาข๎อมูลอยํางเป็นระบบ (2) ระเบิดจากข๎างใน (3) แก๎ป๓ญหาท่ีจุดเล็ก (4) ทาตามลาดับข้ัน (5) ภูมิสังคม (6) องค๑รวม (7) ไมํติดตารา (8) ประหยัด เรียบงาํ ย ไดป๎ ระโยชนส๑ งู สุด (9) ทาให๎งําย (10) การมีสํวนรํวม (11) ประโยชน๑สํวนรวม (12) บริการ รวมที่จุดเดียว (13) ใช๎ธรรมชาติ ชํวยธรรมชาติ (14) ใช๎อธรรมปราบอธรรม (15) ปลูกปุาในใจคน (16) ขาดทุนคือกาไร (17) การพ่ึงตนเอง (18) พออยํูพอกิน (19) เศรษฐกิจพอเพียง (20) ความ ซอื่ สัตยส๑ จุ รติ จริงใจตํอกนั (21) ทางานอยํางมีความสุข (22) ความเพยี ร และ (23) รู๎ รัก สามคั คี กกกกกกก2. หน๎าทพ่ี ลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรชั กาลที่ 9 ตามหลกั การทรงงาน ทเ่ี ก่ยี วขอ๎ งกับ คุณธรรมของการเป็นพลเมืองดี มี 9 ข๎อ ได๎แกํ (1) การมีสํวนรํวม มีสํวนรํวมและคิดถึงสํวนรวม (2) ต๎องยึดประโยชน๑สํวนรวม (3) บริการจุดเดียว (4) ขาดทุนคือกาไร (5) การพ่ึงตนเอง (6) ความ ซื่อสัตย๑สจุ รติ จริงใจตํอกนั (7) ทางานอยํางมีความสขุ (8) ความเพยี ร และ (9) รู๎ รัก สามคั คี ผลการเรียนรทู้ คี่ าดหวงั กกกกกกก1. วเิ คราะหห๑ น๎าท่ีพลเมอื งตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลท่ี 9 ตามหลกั การทรงงาน ในสถานการณ๑ทีก่ าหนดใหไ๎ ด๎ กกกกกกก2. ตระหนกั ถึงความสาคญั ของหนา๎ ท่พี ลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรชั กาลที่ 9 ตามหลักการทรงงาน ขอบขา่ ยเนอื้ หา กกกกกกกเรื่องที่ 1 หน๎าทพี่ ลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรชั กาลที่ 9 ตามหลักการทรงงาน กกกกกกกเร่ืองที่ 2 แนวทางการปฏบิ ัตหิ น๎าที่พลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรชั กาลท่ี 9 ตามหลักการทรงงาน
88 ส่ือประกอบการเรยี น กกกกกกก1. ส่อื เอกสาร ไดแ๎ กํ กกกกกกก1. 1.1 ชื่อหนงั สือ หลักการทรงงานตามรอยพระยุคลบาท ผ๎ูแตํง ชสู ิทธิ์ ชูชาติ ปีทพี่ ิมพ๑ 2554 โรงพมิ พ๑ วนดิ าการพิมพ๑ กกกกกกก1. 1.2 ช่อื หนงั สือ เรยี นร๎หู ลกั การทรงงานในพระบาทสมเดจ็ พระเจา๎ อยํหู ัว ผ๎ูแตํง สานกั งานคณะกรรมการการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแหํงชาติ ปที ี่พิมพ๑ (มปป.) โรงพิมพ๑ สานักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกจิ กกกกกกก2. สอ่ื อเิ ลก็ ทรอนิกส๑ ไดแ๎ กํ กกกกกกก1. 2.1 ชือ่ บทความ หลกั การทรงงาน \"พระมหากษัตรยิ ๑นักพัฒนาเพื่อประโยชนส๑ ุขสูํปวง ประชา\" ธนั วาคม 2554 ผแ๎ู ตงํ สานักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกจิ และสงั คมแหํงชาติ สืบค๎นจาก http://oknation.nationtv.tv/blog/phra-dhamma/2013/06/13/entry-1 กกกกกกก1. 2.2 ชอ่ื บทความ \"หลกั การทรงงาน ในพระบาทสมเดจ็ พระเจ๎าอยูํหัว\" ผแู๎ ตํง สานักงานคณะกรรมการพเิ ศษเพ่ือประสานงานโครงการอันเน่อื งมาจากพระราชดาริ (กปร.) สบื คน๎ จาก http://www.rakbankerd.com/agriculture/ page.php?id กกกกกกก3. สอ่ื แหลํงเรียนรู๎ในชุมชน ได๎แกํ กกกกกกก1. 3.1 หอ๎ งสมุดประชาชนจงั หวัดประจวบคีรีขันธ๑ 3.2 กศน.ตาบล/เทศบาลทุกแหงํ และศนู ย๑การเรียนชุมชน ในอาเภอเมือง ประจวบครี ขี นั ธ๑ เร่ืองท่ี 1 หนา้ ท่พี ลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลท่ี 9 ตามหลกั การทรงงาน กกกกกกก1. ความหมายของหลกั การทรงงาน กกกกกกก1. หลกั การ พจนานกุ รมฉบบั ราชบณั ฑิตยสถาน พ.ศ. 2554 ให๎ความหมายวาํ สาระสาคัญ ทยี่ ึดถือเปน็ แนวปฏบิ ตั ิ เชนํ คณะกรรมการลงมตริ บั หลักการตามทม่ี ีผ๎เู สนอ กกกกกกก1. งาน พจนานกุ รมฉบบั ราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2554 ใหค๎ วามหมายวํา ส่ิงหรอื กิจกรรมท่ีทา กกกกกกก1. การงาน แรงท่ีกระทาตอํ วตั ถุแลว๎ ทาให๎วตั ถุเคลอ่ื นที่ไปตามทิศทางของแนวแรง ถา๎ เรา ออกแรงกระทาตอํ วตั ถุ แล๎ววตั ถไุ มํเคล่ือนที่ แสดงวําไมํเกิดงาน กกกกกกก1. การงาน หมายถงึ การทามาหากนิ ท่ีเกิดจากกิจกรรมหรือบริการใด ๆ ทกี่ ํอใหเ๎ กดิ ผลผลติ และรายได๎ ซ่งึ เป็นงานประจาทีส่ ุจริต ไมผํ ิดศลี ธรรม กกกกกกก1. หลักการทรงงาน ในพระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดช รัชกาลที่ 9 ทรงทํุมเทพระวรกายตรากตราและมุํงมั่น เพ่ือแก๎ไขป๓ญหาความเดือดร๎อนให๎แกํพสกนิกรไมํวําจะ เชือ้ ชาติใด ศาสนาใด อยหํู าํ งไกลสกั เพยี งใด ก็มทิ รงยอํ ท๎อ เข๎าไปชํวยเหลือราษฎร ทั้งด๎านสาธารณสุข การศึกษา สาธารณูปโภคขั้นพ้ืนฐาน การเกษตร การฟ้ืนฟูทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล๎อม ทั้ง ดิน น้า ปุาไม๎ และพลังงาน หรือแม๎กระท่ังการจราจร ทรงคิดค๎นหาแนวทางแก๎ไขป๓ญหาได๎ อยํางแยบยล
89 กกกกกกก1. การทรงงานในพระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู ิพลอดลุ ยเดช รชั กาลที่ 9 ทรงยึดดาเนินงานในลักษณะทางสายกลางที่สอดคล๎องกับส่ิงท่ีอยํูรอบตัว และสามารถปฏิบัติได๎จริง ทรงมีความละเอียดรอบคอบ ทรงคิดค๎นหาแนวทางพัฒนา เพ่ือมํุงประโยชน๑ตํอประชาชนสูงสุด มคี ุณคาํ และควรยึดเป็นแบบอยาํ งในการเจริญรอยตามเบ้ืองพระยคุ ลบาท นามาปฏบิ ัติเพอื่ ให๎ บงั เกิดผลตอํ ตนเอง สงั คม และประเทศชาติตลอดไป กกกกกกก1. กลําวโดยสรุป หลักการทรงงาน คอื การปฏิบัตหิ น๎าที่ หรอื ภารกจิ หรือกิจกรรมของ พระมหากษัตริย๑ทรงยึดการดาเนินงานในลักษณะทางสายกลางที่สอดคล๎องกับส่ิงท่ีอยูํรอบตัวและ สามารถปฏิบัติได๎จริง ทรงมีความละเอียดรอบคอบ และทรงคิดค๎นแนวทางพัฒนาเพ่ือมุํงสํูประโยชน๑ ตํอประชาชนสูงสุด ซึ่งพระมหากษัตริย๑ในที่นี้คือ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รชั กาลที่ 9 ผมู๎ ีคุณปู การตํอประชาชนชาวไทย และประชาคมโลก กกกกกกก2. หลักการทรงงานของพระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดช รัชกาลท่ี 9 มี 23 ข๎อ คือ กกกกกกก2. 2.1 ศกึ ษาข๎อมูลอยาํ งเป็นระบบ กกกกกกก2. 2.1 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดุลยเดช รชั กาลที่ 9 ไดใ๎ ชห๎ ลักการทรง งานข๎อนี้ โดยนาโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดาริทุกโครงการที่เกิดจากกระบวนการศึกษาข๎อมูล ต้ังแตํเร่ิมตน๎ โดยทรงศึกษาพื้นทีเ่ ปาู หมายจากขอ๎ มูลเอกสาร แผนท่ี การสารวจพื้นที่เปูาหมาย โดยใช๎ วิธีการสังเกต สัมภาษณ๑ การปรึกษาหารือ บางคร้ังทรงปฏิบัติจริงจนได๎ผลดีแล๎วนาไปเผยแพรํ สูํประชาชน หลังจากประชาชนปฏิบัติจริงแล๎ว มีการวิเคราะห๑ผล ประเมินผลแล๎วทรงพิจารณาหา วิธีการแก๎ไข ดังตัวอยําง การศึกษาข๎อมูลอยํางเป็นระบบในเร่ืองการวางแผนชํวยเหลือความ ยากลาบากของราษฎร ท่ีประสบป๓ญหา บ๎านห๎วยมงคล ตาบลหินเหล็กไฟ อาเภอหัวหิน จังหวัด ประจวบครี ขี ันธ๑ ได๎พระราชทาน ความชํวยเหลือในเรื่องการสรา๎ งถนนห๎วยมงคล เพือ่ ระบบการขนสํง
90 ภาพทรงศึกษาข๎อมูลจากประชาชนอยาํ งเป็นระบบ กกกกกกก2. 2.2 ระเบิดจากข๎างใน กกกกกกก2. 2.2 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภมู ิพลอดุลยเดช รชั กาลท่ี 9 ได๎ใชห๎ ลักการ ทรงงานข๎อน้ี โดยมุํงเน๎นการพัฒนาคน มีพระราชดารัสวํา \"ต๎องระเบิดจากข๎างใน\" นั้นหมายความวํา ต๎องมุํงพัฒนาเพื่อสร๎างความเข๎มแข็งให๎คนและครอบครัวในชุมชนที่เข๎าไปพัฒนา ให๎มีสภาพพร๎อมที่ จะรับการพัฒนาเสียกํอน แล๎วจึงคํอยออกมาสํูสังคมภายนอก มิใชํการนาเอาความเจริญจากสังคม ภายนอกเข๎าไปหาชุมชนและหมํูบ๎าน ซ่ึงหลายชุมชนยังไมํทันได๎มีโอกาสเตรียมตัว หรือตั้งตัว จึงไมํ สามารถปรบั ตวั ไดท๎ นั กับกระแสการเปลี่ยนแปลง และนาไปสูํความลมํ สลายได๎
91 ภาพทรงเตรียมความพร๎อมของประชาชนท่ีจะไดร๎ ับการพัฒนา กกกกกกก2. 2.3 แก๎ป๓ญหาจากจุดเล็ก กกกกกกก2. 2.3 พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช รัชกาลท่ี 9 ไดใ๎ ช๎หลกั การ ทรงงานข๎อน้ี โดยการแก๎ไขป๓ญหาที่พบอยํูด๎วยการแก๎ไขท่ีจุดเล็กของป๓ญหาเรื่องนั้น ๆ กํอนเป็น เบ้ืองต๎น เป็นการแก๎ไขป๓ญหาเฉพาะหน๎า ซึ่งเม่ือได๎แก๎ไขจุดเล็ก ๆ ได๎แล๎วจึงคํอย ๆ แก๎ไขป๓ญหาอื่น ตามลาดับความสาคัญตํอไป ดังตัวอยําง ปลูกพืชเมืองหนาวของโครงการหลวงในปี พ.ศ.2511, 2512 ป๓ญหา คอื พืชทปี่ ลกู เมืองหนาวในเขตหว๎ ยคอกม๎า ดอกปุย ตาบลสุเทพ อาเภอเมือง จังหวัดเชียงใหมํ อากาศไมํหนาวเย็นพอ จึงหาพ้ืนที่ใหมํซ่ึงสูงระหวําง 1,400 เมตร – 1,700 เมตร เหนือระดับน้าทะเล ปานกลางที่ดอยอํางขาง อาเภอฝาง จังหวัดเชียงใหมํ ทดลองปลูกพืชเมืองหนาวใน พ.ศ. 2512 จนประสบความสาเร็จ ตํอจากนั้นทรงทดลองสํงเสริมการปลูกกาแฟที่ศูนย๑พัฒนาโครงการหลวงแมํ หลอด ในปี พ.ศ. 2517 จนประสบความสาเร็จและไดพ๎ ัฒนาขยายออกไปพ้ืนที่อ่นื ๆ
92 ภาพทรงแกไ๎ ขป๓ญหาที่จุดเล็กด๎วยการปลกู พืชเมืองหนาว กกกกกกก2. 2.4 ทาตามลาดับข้ัน กกกกกกก2. 2.4 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภมู พิ ลอดุลยเดช รัชกาลท่ี 9 ได๎ใช๎ หลักการทรงงานข๎อนี้ โดยการดาเนินงานท่ีคานึงถึงทุกป๓จจัยและเง่ือนเวลา ให๎มีความพอดี สมดุล รอบคอบ และสอดคล๎องกับลักษณะของสังคมและภูมิสังคม มิใชํการดาเนินงานในลักษณะ “ก๎าวกระโดด” หรือในแนวทางอนุรักษนิยมสุดโตํง เชํน การไมํเรํงรัดนาความเจริญเข๎าไปสํูชุมชนใน ภูมิภาคท่ยี ังมไิ ด๎ทันตงั้ ตวั แตใํ ห๎มีการเตรยี มความพรอ๎ มเพือ่ ให๎มคี วามสามารถในการรับแรงปะทะจาก สถานการณ ของโลกภายนอกได๎ ดังตัวอยําง เร่ือง “หญ๎าแฝก” เพ่ือการอนุรักษ๑ดินและฟ้ืนฟูพ้ืนที่ เส่ือมโทรม ได๎เร่ิมต๎นเป็นครั้งแรกเม่ือวันที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2534 ได๎พระราชทานพระราชดาริให๎ เลขาธิการสานักงาน กปร. (ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล) ทาการทดลองปลูกหญ๎าแฝก เพ่ือปูองกันการ ชะล๎างพังทลายของดิน และอนุรักษ๑ความชํุมช้ืนในดิน ผลการทดลองปลูกหญ๎าแฝก ที่ศูนย๑ศึกษา การพฒั นาเขาหินซอ๎ น จงั หวดั ฉะเชิงเทราได๎ขยายไปสูํศูนย๑ศึกษาการพัฒนาห๎วยทรายอันเนื่องมาจาก พระราชดาริ จังหวัดเพชรบุรี
93 ภาพทรงแก๎ไขปญ๓ หาการปลูกหญา๎ แฝกทเ่ี ป็นไปตามลาดับข้ัน กกกกกกก2. 2.5 ภมู สิ ังคม กกกกกกก2. 2.5 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดลุ ยเดช รชั กาลท่ี 9 ได๎ใช๎ หลักการทรงงานข๎อน้ี โดยการพัฒนาใด ๆ ต๎องคานึงถึงสภาพภูมิประเทศของบริเวณนั้นวําเป็น อยํางไร และสังคมวิทยาเกี่ยวกับลักษณะนิสัยใจคอของคน ตลอดจนวัฒนธรรมประเพณีในแตํละ ท๎องถิ่นท่ีมีความแตกตํางกัน ดังพระราชดารัส ความตอนหน่ึงวํา “การพัฒนาจะต๎องเป็นไปตาม ภมู ิประเทศทางภูมิศาสตร๑ และภูมิประเทศทางสังคมศาสตร๑ ในสังคมวิทยา คือ นิสัยใจคอของคนเรา จะไปบังคับให๎คนอื่นคิดอยํางอ่ืนไมํได๎ เราต๎องแนะนา เราเข๎าไปชํวยโดยที่จะคิดให๎เขาเข๎ากับเราไมํได๎ แตํถ๎าเราเข๎าไปแล๎ว เราเข๎าไปดูวําเขาต๎องการอะไรจริง ๆ แล๎วก็อธิบายให๎เขาเข๎าใจหลักการของการ พัฒนาน้ีก็จะเกิดประโยชน๑อยํางย่ิง ดังตัวอยําง กลํุมชาติพันธ๑ุ ม๎ง ปะหลํอง ลําหํู เย๎า เป็นกลํุม ชาติพนั ธุ๑ โดยปกตแิ ล๎วอยูํในเขตพื้นท่ีสูงกวํากะเหรี่ยงและคนไทย เขตพ้ืนที่สูงมีความถนัดในการปลูก พืชไรํ ปลูกผัก ปลูกไม๎ดอก โครงการหลวง จึงสํงเสริมให๎ม๎ง ปะหลํอง ปลูกพืชผักและไม๎ดอก เมืองหนาวเป็นหลกั
94 ภาพทรงพัฒนาทค่ี านึงถึงภมู ิสงั คม กกกกกกก2. 2.6 องค๑รวม กกกกกกก2. 2.6 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดลุ ยเดช รชั กาลที่ 9 ได๎ใช๎หลักการ ทรงงานข๎อนี้ โดยการมองอยํางครบวงจรในการปฏิบัติงานหรือโครงการ จะทรงมองเหตุการณ๑ท่ีจะ เกิดข้ึนและนาแนวทางมาแก๎ไขอยํางเชื่อมโยง ดังตัวอยํางทฤษฎีใหมํ ที่พระราชทานให๎แกํปวงชนชาว ไทย เป็นแนวทางในการประกอบอาชีพแนวทางหน่ึง ที่พระองค๑ทรงมองอยํางองค๑รวม ตั้งแตํการถือ ครองท่ีดิน โดยเฉลีย่ ของประชาชนคนไทยประมาณ 10 – 15 ไรํ การบริหารจัดการที่ดินและแหลํงน้า อันเป็นป๓จจัยพ้ืนฐานท่ีสาคัญในการประกอบอาชีพ เม่ือมีน้าในการทาการเกษตรแล๎วจะสํงผลให๎ ผลผลิตดีข้ึน และหากมีผลผลิตเพิ่มมากข้ึนเกษตรกรจะต๎องรู๎จักวิธีการจัดการและการตลาด รวมถึง การรวมกลุํม รวมพลังชุมชนให๎มีความเข๎มแข็ง เพื่อพร๎อมท่ีจะออกสูํการเปลี่ยนแปลงของสังคม ภายนอกได๎อยาํ งครบวงจร นน่ั คอื ทฤษฎี 3 ข้ัน ดงั น้ี กกกกกกก2. 2.6 ขนั้ ทห่ี นง่ึ ทฤษฎีใหมํข้นั ต๎น : การจัดสรรพ้นื ท่อี ยูํอาศัยและทท่ี ากนิ ใหแ๎ บงํ พ้นื ทอ่ี อกเปน็ 4 สวํ น ตามอัตราสํวน 30:30:30:10 ซ่ึงหมายถงึ กกกกกกก2. 2.6 พื้นที่สวํ นที่1 ประมาณ 30% ใหข๎ ุดสระกักเก็บนา้ เพื่อใชก๎ ักเกบ็ นา้ ฝน ในฤดฝู น และใชเ๎ สริมการปลูกพชื ในฤดูแลง๎ ตลอดจนการเล้ยี วสตั ว๑น้า และพืชน้าตาํ งๆ กกกกกกก2. 2.6 พื้นที่สํวนที่ 2 ประมาณ 30% ให๎ใชป๎ ลกู ขา๎ วในฤดูฝน เพอื่ ใช๎เป็นอาหารประจาวนั สาหรับครอบครวั ใหเ๎ พียงพอตลอดปี เพ่ือลดคําใชจ๎ ําย และสามารถพ่งึ ตนเองได๎ กกกกกกก2. 2.6 พน้ื ทส่ี วํ นท่ี 3 ประมาณ 30% ให๎ปลกู ไม๎ผล ไม๎ยนื ต๎น พืชผัก พืชไรํ พืชสมนุ ไพร ฯลฯ เพอื่ ใชเ๎ ป็นอาหารประจาวัน หากเหลือบรโิ ภคก็นาไปจาหนาํ ย กกกกกกก2. 2.6 พน้ื ท่สี วํ นที่ 4 ประมาณ 10% เป็นทอ่ี ยํูอาศัย เลยี้ งสตั ว๑และโรงเรือนตําง ๆ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212