2.2 สาหรับในส่ิงมีชีวติ อ่นื ๆ เกิดจากการรวมตวั กันของเซลล์ สืบพนั ธ์ุท่มี ีขนาดและรูปร่างต่างกนั เซลล์สืบพนั ธ์ุเพศเมียหรือไข่ มีขนาดใหญ่ และไม่เคล่ือนท่ี เซลล์สืบพันธ์ุเพศผู้มีขนาดเล็ก ได้แก่ ไฮดรา,ไส้เดือน,คน เป็ นต้น ข้อดีของ sexual reproduction เป็ นการเพ่มิ ความแตกต่างแปรผันทางพนั ธุกรรม (genetic variation) ซ่งึ มีประโยชน์ในส่งิ แวดล้อมท่เี ปล่ียนแปลง 51
ความแตกต่างระหว่าง reproductive cycle และ pattern ของสัตว์ ชนิดต่างๆ สัตว์มี reproductive cycle ขึน้ อยู่กับฤดกู าล -สัตว์จะสืบพันธ์ุเม่ือมีอาหารเหลือจากการดารงชีวติ ท่ี จาเป็ นอ่นื ๆ และเม่ือส่ิงแวดล้อมเหมาะกับการเจริญของสมาชิก ใหม่ และถกู ควบคุมโดยฮอร์โมนและส่ิงแวดล้อม ส่งิ มีชีวิตต่างๆสามารถดารงชวี ิตในแบบต่างๆกัน บาง ชนิดสามารถสืบพันธ์ุได้ทงั้ แบบไม่อาศัยเพศ และแบบอาศยั เพศ หรือสลับกนั โดยจะสืบพนั ธ์ุแบบไม่อาศัยเพศเม่ือส่ิงแวดล้อม เหมาะสม และแบบอาศัยเพศเม่ือส่งิ แวดล้อมเปล่ียนแปลง 52
การสืบพนั ธ์ุของสัตว์บางชนิด อาจเกิดขนึ้ โดยวธิ ีท่เี รียกว่า parthenogenesis คอื เซลล์สืบพนั ธ์ุเพศเมยี เจริญเป็ นส่ิงมีชีวติ ท่ี สมบรู ณ์โดยไม่ต้องมีการปฏิสนธิ พบในส่ิงมีชีวิตหลายชนิด เช่น ผงึ้ มด ต่อ แตน เพลีย้ rotifers และ crustaceans บางชนิด ตัวเตม็ ไวท่เี จริญมาจาก parthenogenesis จะเป็ น haploid และเซลล์จะไม่ มีการแบ่งแบบไมโอซสิ ในการสร้างไข่ สาหรับผงึ้ นัน้ ไข่ท่มี ีการปฏสิ นธิจะเจริญเป็ นนางพญา และผงึ้ งานท่เี ป็ นตวั เมียทงั้ หมด ส่วนไข่ท่ไี ม่มีการปฏสิ นธิจะเจริญ เป็ นผงึ้ ตวั ผู้ ปลาบางชนิด สัตว์สะเทนิ นา้ สะเทนิ บก และ สัตว์เลือ้ ยคลาน มีการสืบพันธ์ุแบบ parthenogenesis เช่นกนั โดย การเพ่มิ จานวนโครโมโซมหลังการเกดิ ไมโอซสิ เป็ น diploid zygote 53
Hermaphroditism เกดิ ขนึ้ ในส่งิ มีชีวติ หลายชนิดท่ีไม่สามารถหาคู่ผสมพนั ธ์ุ ได้ ตวั อย่างเช่น พวกท่ีอย่กู ับท่ี พวกอย่ใู นรู หรือพวกปรสติ - ส่งิ มีชวี ติ มที งั้ 2 เพศในตวั เดยี วกัน -บางชนิดผสมภายในตวั เอง บางชนิดผสมข้ามตวั แต่เป็ นการเพ่มิ ประสทิ ธภิ าพเป็ น 2 เท่าในการเพ่มิ จานวนลูกหลาน ส่งิ มีชวี ติ บางชนิดอาจสลับกันทงั้ 2 เพศ หรือบางชนิดเป็ น protogynous (female first) หรือ protandrous (male first) หรือบางชนิด เก่ียวข้องกับอายุและขนาดตัว ตวั อย่างเช่น พวกท่ีเป็ น protogynous ได้แก่ ปลา blue head wrasse ตวั ท่แี ก่ท่ีสุด และตวั ใหญ่ท่สี ุดในฝูงปลาจะเป็ นตวั ผู้ เพ่อื ทาหน้าท่ีป้องกัน อันตรายให้ฝูงปลา พวกหอย oysters เป็ น protandrous ตัวใหญ่จะกลายเป็ นตัวเมยี ซ่งึ สร้างไข่ได้เป็ นจานวนมาก 54
ปลา blue head wrasse ตัวท่แี ก่ท่ีสุด และตวั ใหญ่ท่สี ุดในฝูงปลาจะเป็ นตวั ผู้ เพ่อื ทาหน้าท่ปี ้องกันอันตรายให้ฝูงปลา 55
Mechanisms of sexual reproduction Mechanisms of fertilization เป็ นกระบวนการของการรวมกันของสเปิ ร์ม และไข่ แบ่งออกเป็ น external fertilization และ internal fetilization External fertilization -เกดิ ขนึ้ ในส่งิ แวดล้อมท่ีมีความชนิ้ ซ่งึ ความชืน้ ช่วยการเจริญของ เอมบริโอให้เป็ นไปได้ โดยไม่แห้งหรือร้อนเกนิ ไปซ่งึ ทาให้ตายได้ 56
-สัตว์ไม่มีกระดกู สันหลังหลายชนิดปล่อยสเปิ ร์มและไข่ลงใน นา้ และเกดิ การปฏสิ นธิในนา้ โดยท่ตี ัวพ่อและแม่ไม่ได้พบกนั เลย -ส่งิ แวดล้อมและออร์โมนช่วยกระต้นุ ให้มีการสร้างเซลล์ สืบพนั ธ์ุในเวลาใกล้ๆกัน เพ่อื เพ่มิ ประสิทธิภาพในการปฏิสนธิ -ในพวกสัตว์มีกระดกู สันหลัง ได้แก่ ปลาและสัตว์สะเทนิ นา้ สะเทนิ บก จะแสดงพฤตกิ รรมการเกยี้ วพาราสีเพ่อื เพ่มิ ประสิทธิภาพ การปฏิสนธิและการเลือกคู่ -ในการป้องกันเอมบริโอ เพ่อื ให้เจริญต่อไปได้ มีหลาย ขัน้ ตอน ดงั นี้ เอมบริโอต้องอยู่ในส่ิงแวดล้อมท่มี ีนา้ หรือความชืน้ เพ่อื ป้องกันการแห้งหรือความร้อนจัด พวกไข่ปลาและไข่สัตว์คร่ึง บกคร่ึงนา้ จะคลุมด้วย gelatinous coat เพ่อื ให้เกิดการแลกเปล่ียนนา้ และก๊าซได้ และนอกจากนีจ้ ะมีไซโกตเป็ นจานวนมาก แต่จานวน รอดชีวติ ไม่มากนัก 57
Internal fertilization เป็ นการปฏสิ นธภิ ายในร่างกายของตัวเมยี - ต้องมีระบบสืบพนั ธ์ุท่ีเจริญดี และพฤตกิ รรมการเกีย้ วพาราสี -ตวั ผู้ต้องมีอวัยวะช่วยในการปล่อยสเปิ ร์ม มีถุงเกบ็ สเปิ ร์ม -มีขัน้ ตอนป้องกันการเจริญของเอมบริโอมากมาย -ไข่มีเปลือกหุ้ม (amniotic egg) -การเจริญของเอมบริโอเกดิ ภายในตวั เมีย -มีการป้องกันจากพ่อแม่ (parental care) (parental care ส่วนมากเกดิ ในพวกท่ีเป็ น internal fertilization แต่ external fertilization บางชนิดกม็ ีเหมือนกัน เช่น nesting fishes แสดงพฤติ ป้องกันไข่จากผู้ล่า) -โดยมากสร้างไซโกตจานวนน้อย และสามารถเจริญต่อไปได้ มากโดยมีการป้องกันและการเลีย้ งดตู ่างๆ 58
Internal fertilization • Oviparous (สตั วท์ ี่ออกลูกเป็นไข่) ไดแ้ ก่สตั วเ์ ล้ือยคลาน นก มีการ ปฏิสนธิภายในตวั แต่ตวั อ่อนเจริญนอกตวั แม่จึงตอ้ งมีการวางไข่ • Viviparous (สัตวอ์ อกลูกเป็นตวั ) ตวั อ่อนเจริญภายในตวั แม่และ ไดร้ ับอาหารจากแม่ ไดแ้ ก่สตั วเ์ ล้ียงลูกดว้ ยน้านม • Ovoviviparous (สตั วอ์ อกลูกเป็นไข่แต่ฟักอยใู่ นตวั ) มีการปฏิสนธิ ภายในตวั และออกลูกเป็นไขแ่ ต่ไขฟ่ ักอยใู่ นตวั แม่ 59
การสืบพนั ธุ์แบบสลบั ของแมงกะพรุน • พลานูรา(planula) เป็นตวั อ่อนที่ไดจ้ ากการสืบพนั ธุ์แบบอาศยั เพศ • อีไฟรา (ephyra) เป็นตวั อ่อนที่ไดจ้ ากการสืบพนั ธุ์แบบไมอ่ าศยั เพศ 60
การสร้างเซลล์สืบพนั ธ์ุในพชื วงจรชีวติ ของพชื เป็ นแบบสลับระหว่าง sporophyte ซ่งึ เป็ น diploid generation กับ gametophyte ซ่งึ เป็ น haploid generation Sporophyte จะสร้างสปอร์โดยกระบวนการไม โอซสิ สปอร์จะเจริญเป็ นต้นใหม่โดยไม่มีการผสมกับเซลล์อ่นื ส่วน Gametophyte จะ สร้างเซลล์สืบพนั ธ์ุ (gamete) โดยกระบวนการไมโทซสิ แล้ว gamete ทงั้ สอง (sperm และ egg) มารวมกนั ได้ไซโกต ซ่งึ เจริญต่อไปกลายเป็ น sporophyte ต้นใหม่ 61
โครงสร้างของดอก เกสรตวั ผู้เรียกว่า stamen ประกอบด้วยอับ เรณู (anther) และก้านชู อับเรณู (filament) เกสร ตวั เมีย (carpel หรือ pistil) ประกอบด้วยยอด เกสรตวั เมยี (stigma) คอ เกสรตัวเมีย (style) และ รังไข่ (ovary) ภายในรัง ไข่มี ovule 62
วงจรชีวติ ของพืชดอก 63
วงชีวติ ของเฟริน์ 64
วงชีวติ ของมอส 65
สัตว์มีระบบสืบพนั ธ์ุแบบต่างๆ สัตว์พวกไม่มีกระดกู สันหลัง มีความแตกต่างกนั ในแต่ละ ชนิด จากแบบง่ายๆจนถงึ แบบซับซ้อน สัตว์ท่มี ีกระดกู สันหลัง มีลักษณะคล้ายกัน แต่มีข้อ แตกต่างท่สี าคัญได้แก่ - ในสัตว์เลีย้ งลูกด้วยนมส่วนมาก มีทางเปิ ดของ digestive, excretory และ reproductive tracts แยกกัน แต่ในพวกอ่นื ๆท่ไี ม่ใช่ สัตว์เลีย้ งลูกด้วนนม หลายชนิดมีทางเปิ ดร่วม เรียกว่า cloaca -สัตว์มีกระดกู สันหลังท่ไี ม่ใช่สัตว์เลีย้ งลูกด้วยนม ไม่มี penis ท่เี จริญดี และใช้วธิ ีการอ่นื ในการส่ง สเปิ ร์ม 66
Reproductive anatomy of a parasitic flatworm 67
Insect reproductive anatomy 68
ระบบสืบพนั ธุ์ของคน อวยั วะสืบพนั ธุเ์ พศชาย(male genital organ) แบ่งเป็น 2 ส่วนใหญ่ๆ คอื 1. อวยั วะสืบพนั ธ์ุเพศชายภายนอก (external male genital organ) 1.1 ลงึ ค์(penis) เป็นส่วนใชใ้ นการร่วมเพศ เป็นทางผา่ นของน้าอสุจิและน้าปัสสาวะ พบวา่ มีเน้ือเยอ่ื ที่แขง็ ได(้ erectile tissue) ประกอบดว้ ย คอร์พสั สปองจิโอซมั (corpus spongiosum) 1 อนั อยรู่ อบท่อปัสสาวะ และอีก 2 อนั อยทู่ างดา้ นบน บริเวณปลาย สุดเรียกวา่ หวั ลึงค(์ gland penis) และมี ผวิ หนงั หุม้ อยเู่ รียกวา่ พรีพวิ (prepuce) 69
1.2 ถุงอณั ฑะ(scrotum หรือ scrotal sec) เป็นผวิ หนงั ที่ยนื่ ออก จากช่องทอ้ งเน่ืองจากอณั ฑะอยใู่ น ช่องทอ้ งเลื่อนลงมา โดยทาหนา้ ท่ี ควบคุมอุณหภูมิโดยใหต้ ่ากวา่ 3-5 องศาเซลเซียสของร่างกาย ซ่ึง เหมาะสมต่อการสร้างอสุจิ 70
2. อวยั วะสืบพนั ธุ์เพศชายภายใน(internal male genital organ) 2.1 อณั ฑะ(testis) มีอยู่ 2 เล่ือนจากช่องทอ้ งลงมาถา้ ไม่เลื่อนจะทาใหเ้ ป็นหมนั แต่ ถา้ เลื่อนลงมาเพยี งขา้ งเดียวเรียกวา่ ทองแดง (crytochism) 71
2.1.1 หลอดสร้างอสุจิ(seminiferous tubule) เป็นท่อภายในอณั ฑะมีเซลล์ 2 ชนิดคือ เซอร์ทอไลเซลล์ (sertoli cell) มีขนาดโตมีรูปร่างไม่ แน่นอนเป็นตวั ใหอ้ าหารแก่ เซลลอ์ ีกชนิดหน่ึงไดแ้ ก่ สปอร์ มาโตโกเนีย(spormatogonia) ซ่ึงจะ แบ่งตวั สร้างอสุจิ ตอ่ ไปการ สร้างอสุจิถูกควบคุมโดยฮอร์โมน FSH กบั textosterone ในอณั ฑะ 2.1.2 เน้ือเยอ่ื อินเตอร์สติเชียล (interstitial cell) อยรู่ ะหวา่ งหลอด สร้างอสุจิ ประกอบดว้ ยเสน้ เลือด เส้นประสาทและพวกเซลลต์ ่างๆ อินเตอร์สติเชียลเซลลอ์ อฟ เลย ติก(interstitial cell of leydig) เป็น เซลลท์ ี่เจริญมากกวา่ เซลลอ์ ื่นถูก ควบคุมโดย ฮอร์โมน LH 72
2.2 ท่อต่างๆ(duct) ประกอบดว้ ย 2.2.1 เรตีเทสทิส(rete testis) เป็นท่อรวมของหลอดสร้างอสุจิ(seminiferous tuble)มี ลกั ษณะเป็นร่างแหอยหู่ ลงั อณั ฑะ 73
2.2.2 เอพดิ ิไดมีส(epididymis) เป็นท่อยาวขดไปมาทาหนา้ ท่ีในการเกบ็ อสุจิและสร้าง อาหารเล้ียงอสุจิ สามารถพกั ไดน้ าน 6 สปั ดาห์ 2.2.3 ท่อนาอสุจิ(vas deferens) มีความยาวประมาณ 18 นิ้ว เป็นทางผา่ นของอสุจิและ เปิ ดเขา้ สู่ท่อรวม เซมินลั เวซิเคิล(seminal vesicle) ใน การทาหมนั ชายจะตดั ส่วนน้ีเองเรียกวา่ วาเซกโทมี(vasectomy) 2.2.4 ท่ออีเจคูลาทอรี(ejecculatory duct) เป็นท่อท่ีเกิดจากการรวมกนั ของท่อนาอสุจิกบั เซมินลั เวซิเคิล ผสมกนั ระหวา่ งอสุจิและน้าเล้ียงอสุจิและบีบตวั ปลอ่ ยออกสู่ภายนอก 74
2.3 ตอ่ มตา่ งๆ(accessory male genital glands) 2.3.1 เซมินลั เวซิเคิล(seminal vesicle) เป็นท่อ 2 ท่อ ขอไปมาทาหนา้ ที่ ในการสร้างอาหารสาหรับอสุจิไดแ้ ก่ น้าตาลฟรักโตส วติ ามินซี โปรตีน โกลบูลิน รวมกนั เรียกวา่ เซมินลั ฟลู อิด(seminal fluid) ถูกควบคุมโดย ฮอร์โมนเทสโทสเทอโรนจากอณั ฑะ 2.3.2 ตอ่ มลูกหมาก(prostate gland) สร้างสารสีขาวมีกลิ่นเฉพาะตวั มี กรดซิตริกรวมอยดู่ ว้ ย เรียกวา่ prostatic fluid ช่วยทาใหท้ ่อปัสสาวะซ่ึงเป็น กรดทาใหล้ ดความเป็นกรดลง 75
76
แสดงอวัยวะสืบพนั ธ์ุของเพศหญิง อวยั วะสืบพนั ธุ์เพศหญิงภายนอก(external female genetial organ) 1. คลิทอริส(clitoris) เป็นส่วนท่ีมีลกั ษณะการเจริญเช่นเดียวกบั ลึงค์ เป็นเน้ือเยอื่ ที่ แขง็ ตวั ได้ มีปลายประสาทมาสิ้นสุดมากจึงรับความรู้สึกไดเ้ ร็ว 77
1.2 แคมใหญ่(labia majora) เป็นส่วนท่ีเจริญมาเช่นเดียวกบั ถุง อณั ฑะของเพศชาย เป็นส่วนของผวิ หนงั ที่มีช้นั ไขมนั อยู่ 1.3 แคมลก็ (labia minora) เป็นส่วนอยดู่ า้ นในของแคมใหญ่ มีตอ่ ม ไขมนั จานวนมากเพอื่ ช่วยในการหลอ่ ล่ืนและกนั การเสียดสีระหวา่ งการ ร่วมเพศ อวยั วะสืบพนั ธุ์เพศหญิงภายใน (internal female genetial organ) 2.1 รังไข(่ ovary) ทาหนา้ ที่ในการสร้าง ไข่ และฮอร์โมนเพศ ในคนเราจะ มีประมาณ 4 แสนเซลลแ์ ต่จะตก ไขเ่ พยี ง 400 เซลล์ 78
2.2 มดลูก(uterus) ทาหนา้ ท่ีเป็นที่ฝังตวั ของไขท่ ่ีไดร้ ับการผสมและเป็นแหล่งใหก้ าเนิด ประจาเดือน และประกอบดว้ ย ปากมดลูก(cervix) ตวั มดลูก(body) ส่วนบนมดลูก (fundus) โดยผนงั มดลูกแบ่งออกเป็น 3 ช้นั โดยช้นั ในมีชื่อวา่ endometrium 79
2.3 ช่องคลอด(vagina) ท่ีปากช่องคลอดมีเยอ่ื บางๆยน่ ๆบิดอยู่ เรียกวา่ เยอ่ื พรหมจารีย(์ hymen) มีความเป็นกรดเลก็ นอ้ ยและโปรโตซวั ท่ีพบใน ช่องคลอดไดแ้ ก่ Trichomonas vaginalis ซ่ึงทาใหผ้ นงั ช่องคลอดอกั เสบ เกิดการตกขาวได้ 2.4 ท่อนาไข่(oviduct หรือ fallopian tube) เป็ นท่อท่ีมี การปฏินธิกนั โดย เกิดท่ีส่วนท่ีบริเวณ แอมพลู าจะมีการ ปฏิสนธิกนั ของอสุจิ และไข่ 80
แสดงอวัยวะสืบพันธ์ุของเพศหญิง 81
การสร้างเซลล์สืบพนั ธ์ุ (gametogenesis) เม่ือมีการสืบพนั ธ์ุเซลล์ท่จี ะทาหน้าท่สี ืบพันธ์ุจะมีการ แบ่งตัวแบบไมโอซิส เพ่อื ลดจานวนโครโมโซมลงเหลือเพยี ง คร่ึงหน่ึง และมีกระบวนการท่เี รียกว่า gametogenesis เพ่ือช่วยให้ ได้เซลล์สืบพันธ์ุท่สี มบรู ณ์พร้อมจะทาหน้าท่ี เช่นในพชื มีดอกจะมี กระบวนการไมโทซสิ เกดิ ขึน้ มาอกี 2-3 ครัง้ เพ่อื ให้ได้เซลล์ สืบพนั ธ์ุ ในสัตว์จะมีการเจริญเปล่ียนแปลงรูปร่างของเซลล์ เพ่อื ให้ได้เซลล์สืบพนั ธ์ุท่พี ร้อมท่จี ะผสม (gametogenesis หมายถงึ กระบวนการตงั้ แต่เซลล์มี ไมโอซิสและผ่านขัน้ ตอนต่างๆจนได้เป็ นเซลล์สืบพนั ธ์ุ) 82
Spermatogenesis •เป็ นกระบวนการทเ่ี กดิ ต่อเนื่องในผู้ชาย ผลทาให้ได้สเปิ ร์ม 250-400 ล้านตวั ใน การฉีดแต่ละคร้ัง • เกดิ ขึน้ ใน seminiferous tubules ของ testes • เร่ิมจาก primodial germ cells เปลยี่ นมาเป็ น spermatogonia ใน embryonic testes (2n) • spermatogonia อยู่ทผ่ี นังด้านข้างของ semniniferous tubules แบ่งตวั เพื่อเพม่ิ จานวนตลอดเวลาด้วย mitosis • เมื่อถึงวยั เจริญพนั ธ์ุ spermatogonia จะแบ่งตวั แบบ meiosis และเปลย่ี นแปลง รูปร่างจนได้สเปิ ร์ม 4 ตัว 83
Spermatogenesis แสดงท่อ seminiferous tubules ท่ีผลิตสเปิร์มภายใน อณั ฑะ สเปิร์มจะเจริญเป็น ขนั้ ๆโดยเริ่มจาก spermatogonium (2n) เจริญเป็น primary spermatocyte เซลล์นี ้1 เซลล์แบ่งแบบ meiosis I กลายเป็น secondary spermatocyte 2 เซลล์ ใน การแบง่ ตวั meiosis II จะได้ spermatid 4 เซลล์ spermatid จะเปล่ียนรูปร่าง ไปเป็นสเปิร์ม ในขณะที่ได้ สารอาหารจาก ser8t4oli cell
85
86
โครงสร้างของสเปิ ร์ม สว่ นหวั ของสเปิร์มมี haploid nucleus และ acrosome ซง่ึ มีเอนไซม์ช่วยใน การเจาะเข้าไปในเซลล์ไข่ สว่ นหางมีไมโตคอนเดรียจานวนมาก (หรือบางชนิด อาจมีไมโตคอนเดรียขนาดใหญ่เพียงอนั เดียว) ทาหน้าสร้าง ATP ชว่ ยในการ เคล่ือนไหวของ flagella 87
Hormonal control of the testes 88
Hormonal control of the testes ต่อมใต้สมองส่วนหน้า (anterior pituitary) ผลติ ฮอร์โมน 2 ชนิด ได้แก่ 1. Luteinizing hormone (LH) ซ่งึ จะไปกระตุ้น leydig cells ให้ผลติ androgen ซ่งึ เป็ นฮอร์โมนควบคุม primary sex characteristics ได้แก่การ เจริญของอวัยวะสืบพันธ์ุ และ secondary sex characteristics ได้แก่ การ มีเสียงแหบห้าว การมีหนวดเป็ นต้น และ 2. Follicle stimulating hormone (FSH) ซ่งึ มีผลต่อกระบวนการ spermatogenesis ใน seminiferous tubules การผลติ LH และ FSH ถูก ควบคุมโดยฮอร์โมน Gonadotropin-releasing hormone (GnRH) ซ่งึ สร้าง จากต่อม hypothalamus ถ้ามี androgen มากกจ็ ะมีกลไกย้อนกลับ (feedback mechanism) ไปควมคุมการผลติ LH, FSH และ GnRH อีกที หน่ึง นอกจากนี้ GnRH ถูกควบคุมโดยกลไกย้อนกลับของ LH และ FSH ด้วยซ่งึ ไม่ได้แสดง ณ ท่นี ี้ 89
Oogenesis การสร้างไข่เกดิ ขนึ้ ในรังไข่ เร่ิมต้นจากกลุ่ม primordial germ cell ในเอมบริโอเร่ิมแบ่งแบบไม โตซสิ เพ่อื เพ่มิ จานวน ได้เป็ น oogonium (2n) (ใน รูปนี้ 2n=4) แต่ละ oogonium เจริญไปเป็ น primary oocyte (2n) โดยแบ่งแบบไมโอซสิ และ หยุดกระบวนการอยู่ท่รี ะยะ prophase I เม่อื ถงึ วัยเจริญพนั ธ์ุ primary oocyte จะแบ่งตัวต่อไป จนสนิ้ สุดกระบวนการ meiosis I แต่การแบ่งไซ โตพลาสซมึ ได้เซลล์ท่มี ีขนาดไม่เท่ากนั คือได้ secondary oocyteท่มี ขี นาดใหญ่ และ first polar body ท่มี ขี นาดเล็กกว่ามาก ต่อมาในกรณีท่ีมี การผสมพนั ธ์ุและสเปิ ร์มเจาะเข้าไปใน secondary oocyte จะกระตุ้นให้เกดิ meiosis II เม่อื meiosis เสร็จสิน้ secondary polar body แยกออกจากไข่ (ovum) สเปิ ร์มและไข่ท่เี จริญ เตม็ ท่แี ล้วจะเกดิ การปฏสิ นธิขึน้ 90
ไข่เจริญอยู่ภายในถุง follicle ซ่งึ เป็ นช่องว่าง ภายใต้ผิวของรังไข่ (1-3) หลังจากเซลล์ไข่หลุดจาก ถุงนี้ (4) เซลล์ของถุงกจ็ ะ เจริญไปเป็ น corpus luteum ซ่งึ แปลว่า ก้อนสี เหลือง (5) ถ้าไข่ไม่ได้รับ การผสม corpus luteum ก็ จะฝ่ อภายใน 2-3 สัปดาห์ (6) ถ้าไข่ได้รับการผสม พนั ธ์ุ corpus luteum กจ็ ะ ยงั คงอย่แู ละผลติ โปรเจส เตอโรนซ่งึ จะช่วยในการ เตรียมมดลูกรอรับเอมบริ โอ 91
92
93
ข้อแตกต่าง spermatogenesis และ Oogenesis Spermatogenesis Oogenesis 1. ผลทไี่ ด้ 4 mature 1. ผลท่ไี ด้ single ovum spermatozoa ส่วน polar body สลายไป 2. เกดิ ตลอดเวลาในช่วงอายุ 2. Potentail ova (primary ของส่ิงมชี ีวิต oocyte) อย่ใู น ovary แล้วตงั้ แต่ 3. Spermatogenesis เกิด เกดิ ต่อไปเร่ือยๆ 3. Oognesis มีช่วงพกั 94
The reproductive cycle of the human female แสดงวงจรของประจาเดือนซ่งึ สัมพันธ์กับการตกไข่ ฮอร์โมน FSH ผลติ จากต่อมใต้สมองส่วนหน้า (anterior pituitary) ในปริมาณท่ี สูงขนึ้ จะไปกระตุ้นการเจริญของ follicle และการผลติ ฮอร์โมน estrogen จาก follicle Estrogen มีหน้าท่ีกระตุ้นการเจริญของเย่อื บุภายในของผนัง มดลูกให้หนาขนึ้ estrogenท่ีมีปริมาณสูงจะไปยับยัง้ การผลติ FSH ขณะเดยี วกัน LH ท่ีกาลังผลิตจากต่อมใต้สมองส่วนหน้าในปริมาณ สูงขนึ้ ๆเช่นกัน กจ็ ะร่วมกระตุ้นให้เกดิ การตกไข่ หลังจากนัน้ follicle ก็ จะกลายเป็ น corpus luteum ซ่งึ จะเร่ิมผลติ ฮอร์โมน progesterone ฮอร์โมนนีจ้ ะกลับไปยบั ยงั้ การผลติ LH ในระยะนีห้ ากไม่มีการผสมพนั ธ์ุ ระดับฮอร์โมนต่างๆกจ็ ะลดลง ผลคือการสลายตวั ของผนังเย่อื บุมดลูก มี การหลุดตวั ของเย่อื บุและตกเลือด หลังจากนัน้ กเ็ ร่ิมวงจรใหม่ แต่ใน ระยะเวลาเดยี วกัน หากมีการผสมพนั ธ์ุ corpus luteum จะไม่สลายตัว และผลติ ฮอร์โมนต่อ เย่อื บุมดลูกกจ็ ะไม่สลายตวั และมีการฝังตวั ของ 95 เอมบริโอ
The reproductive cycle of the human female รอบประจาเดอื น(menstrual cycle) 1.ระยะก่อนตกไข่(follicle stage) FSH กระตุ้น ให้ฟอลลิเคลิ ขยายตวั เป็ นแกรเฟี ยนฟอล ลเิ คลิ และมกี ารสร้าอีสโทนเจนเพ่อื กระตุ้นให้ผนังด้านในมดลูกหนาขึน้ 2.ระยะตกไข่(ovulation stage) LH เพ่มิ ขนึ้ อย่าง มากมีผลต่อแกรเฟี ยนฟอลลเิ คลิ ทาให้ แตกออกไข่จงึ หลุดออกมา และเคล่ือนท่ี เข้าสู่ปี กมดลูก 3.ระยะหลังตกไข่(corpusluteum stage) ส่วน ฟอลลเิ คลิ ท่แี ตกออกจะเปล่ียนเป็ น คอลพสั ลูเทยี ม และส่วนนีส้ ร้างฮอร์โมน โพรเจสเทอโรนและฮีสโทรเจนกระตุ้นให้ ผนังมดลูกหนามากขึน้ พร้อมสาหรับการ ฝังตัวของไข่ 96
The human life cycle ในการสืบพนั ธ์แุ บบอาศยั เพศทงั้ พ่อและ แม่ ตา่ งต้องมีกระบวนการสร้างเซลล์สืบพนั ธ์ุ เซลล์สืบพนั ธ์แุ ตล่ ะเซลล์มีจานวนโครโมโซม เพียงครึ่งหนงึ่ ของเซลล์ร่างกาย ปรากฏการณ์ดงั กลา่ วเกิดในกระบวนการ แบง่ เซลล์แบบพิเศษ ท่ีเรียกวา่ meiosis เซลล์ที่มีสมบตั สิ ามารถแบง่ เซลล์แบบ meiosis นีไ้ ด้ คือ gonad ในเพศหญิงจะพบ เซลล์ชนิดนีใ้ นรังไข่ (ovary) ซงึ่ จะสร้างเซลล์ สืบพนั ธ์เุ รียกวา่ ไข่ (ovum) สว่ นในเพศชาย จะพบเซลล์ชนิดนีใ้ นอณั ฑะ (testis) ซง่ึ สร้าง เซลล์สืบพนั ธ์เุ รียกวา่ สเปิร์ม (sperm) เมื่อ เกิดการปฏิสนธิระหวา่ งสเปิร์มและไข่ ทาให้ เกิดไซโกตซง่ึ เจริญเป็นสิง่ มีชีวติ หนว่ ยใหม่ ตอ่ ไป ในคนจานวนโครโมโซมในเซลล์ สืบพนั ธ์ซุ งึ่ เป็น haploid cell = 23 (n=23) และจานวนโครโมโซมในไซโกต และเซลล์ ร่างกายซงึ่ เป็น diploid cell = 46 (2n9=746).
98
99
การปฏิสนธิ(Fertilization) 100
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195