Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore อาหารไทย

อาหารไทย

Published by กนกวรรณ นวนจันทร์, 2021-03-23 04:19:28

Description: เป็นอาหารที่เกี่ยวกับประเทศไทยเเละเป็นอาหารไทยที่น่ากินทุกอย่างสะอาด

Search

Read the Text Version

อาหารไทย แกง ขนมจนี สม้ ตา ผดั ไทย เขยี วหวาน ขา้ วมนั ไก่ ขา้ วยา ไขเ่ จยี ว ไขต่ ม้ ขา้ วแช่ ตม้ ยา ผดั ขเ้ี มา ผดั ซีอ๊ิว ลาบ ราดหนา้ พะแนง แกงไตปลา แกงสม้ แกงมสั มนั่ แกงเหลอื ง อา้ งอิง แกงบวน จดั ทา

อาหารไทย อาหารไทย เป็ นอาหารประจาของประเทศ หนา้ หลกั ไทย ท่ีมกี ารสงั่ สมและถ่ายทอดมาอย่างตอ่ เนอ่ื ง ตงั้ แตอ่ ดตี จนเป็ นเอกลกั ษณป์ ระจาชาติ ถือไดว้ ่า อาหารไทยเป็ นวฒั นธรรมประจาชาตทิ ส่ี าคญั ของ ไทย

แกงเขยี วหวาน แกงเขียวหวาน เป็ นอาหารไทยประเภท แกง ประกอบดว้ ยเนอื้ ปลา ไก่ หรือหมู และผกั ปรงุ รส ดว้ ยกะทิ มะเขอื นา้ ตาล นา้ ปลาใบมะกรดู และใบ โหระพา นยิ มรบั ประทานกบั ขา้ วสวยหรอื ขนมจีนนา้ พรกิ แกงมสี เี ขยี วเพราะใชพ้ ริกขห้ี นสู ดสเี ขยี ว บางทอ้ งท่ใี ส่ใบ พรกิ ลงไปตาดว้ ย หนา้ หลกั

ขนมจีน ขนมจีน เป็ นอาหารคาวชนดิ หนงึ่ ทาดว้ ยแป้ ง เป็ นเสน้ กลม ๆ คลา้ ย เสน้ หมี่ รบั ประทานกบั นา้ ยา นา้ พรกิ เป็ นตน้ อาหารชนดิ น้ี ภาษาเหนอื เรยี ก \"ขนมเสน้ \" และภาษาอสี านเรียก \"ขา้ วป้ ุน“ ขนมจีนไมใ่ ชอ่ าหารจนี หากแตเ่ ป็ นอาหารมอญ คาว่า \"ขนมจีน\" มาจากภาษามอญวา่ \"ขฺนจินฺ\" [คะ - นอม-จนี ] คาว่า \"คะนอม\" มคี วามหมายอยา่ งหนง่ึ วา่ เสน้ ขนมจนี คาว่า \"จีน\" มคี วามหมายว่า \"สกุ \" หนา้ หลกั

สม้ ตา สม้ ตา เป็ นอาหารคาวทม่ี ชี อื่ เสียงและเป็ นที่ รจู้ กั มากทส่ี ดุ ของวฒั นธรรมชนชาตลิ าว ภายหลงั การยดึ ดนิ แดนฝัง่ ขวาแมน่ า้ โขงแลว้ ตอ่ มาสม้ ตาได้ กลายเป็ นอาหารไทยอย่างหนงึ่ ดว้ ย และเป็ นที่นยิ ม แพร่หลายไปทวั่ ทกุ ภมู ภิ าค ตลอดจนกลายเป็ น อาหารทมี่ ชี อื่ เสยี งของไทยควบค่กู บั ผดั ไทยและตม้ ยากงุ้ สม้ ตามปี ระวตั ศิ าสตรต์ น้ กาเนิดไมแ่ นช่ ดั แต่ สนั นษิ ฐานวา่ เป็ นอาหารที่มาจากภาค ตะวนั ออกเฉียงเหนอื ของไทยและประเทศลาว ซึ่งใน อดตี ถือเป็ นแผน่ ดนิ เดยี วกนั หนา้ หลกั

ผดั ไทย ผดั ไทย เป็ นอาหารทีไ่ ดร้ บั อิทธพิ ลจาก อาหารจีน เดมิ เรยี กอาหารชนดิ นวี้ ่า \"กว๋ ยเตยี๋ ว ผดั \" และไดร้ บั การเปล่ยี นแปลงดา้ นรสชาตใิ หมต่ าม อยา่ งอาหารไทยมากขน้ึ ในเวลาตอ่ มา ผดั ไทยไดก้ ลายเป็ นทีร่ จู้ กั ของคนตา่ งชาตใิ น สมยั จอมพล ป. พบิ ลู สงคราม นายกรฐั มนตรใี น ขณะนน้ั ซ่ึงเป็ นชว่ งเดยี วกบั สงครามโลกครั้งที่ 2 ท่านไดร้ ณรงคใ์ หป้ ระชาชนหนั มานยิ ม รบั ประทานกว๋ ยเตยี๋ ว เพ่ือลดการบรโิ ภคขา้ ว ภายในประเทศ เนอื่ งจากในชว่ งนนั้ สภาวะเศรษฐกิจ ของประเทศตกตา่ ขา้ วแพง หนา้ หลกั

ขา้ วมนั ไก่ ขา้ วมนั ไก่ (ขา้ วไกไ่ หหลา หรอื ขา้ วไกไ่ ห่ หนาน) เป็ นอาหารคาวของไทยและจนี คาดว่าอาหาร ชนดิ นไ้ี ดร้ บั การเผยแพร่มาจากชาวจีน หรอื ไหหลา หรือไห่หนาน มใี หร้ บั ประทานกนั ทวั่ ทกุ ภาคใน ประเทศไทย และนยิ มกนั มากในหมชู่ าวไทยเชอ้ื สาย จนี นอกจากนย้ี งั นยิ มรบั ประทานกนั มากในมาเลเซีย และสงิ คโปรอ์ ีกดว้ ย รา้ นขา้ วมนั ไกพ่ บไดท้ วั่ ไปตามแหลง่ ชมุ ชน โดยมกั จะมตี ใู้ สแขวนไกต่ ม้ ทง้ั ตวั อยหู่ นา้ รา้ นเป็ นจดุ สงั เกต บางรา้ นนาขา้ วมนั ไกม่ าประยกุ ตโ์ ดยใชไ้ กย่ า่ ง หรือไกท่ อดเพือ่ เพ่ิมความหลากหลาย หนา้ หลกั

ขา้ วยา ขา้ วยา หรือ ขา้ วยาบดู ู เป็ นอาหารไทยภาคใต้ โดยถือ กนั วา่ เป็ นอาหารท่คี รบโภชนาการมากทส่ี ดุ และมคี ณุ ลักษณะ พเิ ศษแตกตา่ งโดยเป็ นอาหารจานเดยี วทม่ี นี า้ ปรงุ ราด ขา้ วยาทาจากขา้ วทเี่ รารบั ประทานกนั ประจาวนั นเ้ี อง แตเ่ พ่ิมการปรงุ แตง่ บา้ งเล็กนอ้ ย เพ่อื ใหข้ า้ วเหล่านน้ั มสี สี นั และ รสชาตทิ ีน่ า่ รบั ประทานมากขนึ้ ในขา้ วยาจะมผี กั รบั ประทาน กบั ขา้ วยาเรียกผกั หมวด ผกั ท่ีนยิ มนามาทาเป็ นผกั หมวด ไดแ้ ก่ ถวั่ ฝักยาว ถัว่ งอก ตะไครก้ ระถิน ยอดมะมว่ งหิม พานต์ ผกั บงุ้ ใบยอ ถวั่ พู และพาโหม ราดดว้ ยนา้ บดู ู ชาวไทย มสุ ลมิ นยิ มนาสีจากพืชมาหงุ กบั ขา้ วใหไ้ ดข้ า้ วสตี ่างๆ เรยี กวา่ ขา้ วยาหา้ สี ส่วนขา้ วยาทางจงั หวดั สตลู จะมเี อกลกั ษณเ์ ฉพาะคอื ไมใ่ ส่นา้ บดู ู แตจ่ ะนาขา้ วมาคลกุ กบั เคร่อื งแกงและผกั โดย เคร่ืองปรงุ หลกั คอื ขา่ เรียกว่าขา้ วยาหัวขา่ หนา้ หลกั

ไขเ่ จียว ไขเ่ จียว เป็ นอาหารทอดจากไขท่ ี่ทาไดง้ า่ ย นยิ มใชไ้ ข่ ไกห่ รอื ไขเ่ ป็ ด นาไขม่ ากะเทาะเปลือก ตไี ขข่ าวและไขแ่ ดงใหเ้ ขา้ เป็ นเนอื้ เดยี วกนั แลว้ เตมิ เครื่องปรงุ รสคือ นา้ ปลา ซอสหอย นางรม นม หรอื นา้ มะนาว ดว้ ย จากนน้ั ตง้ั กระทะบน เตา และใสน่ า้ มนั หมหู รอื นา้ มนั พชื พอรอ้ น ก็นาลงทอด จน สกุ จะไดแ้ ผน่ ไขส่ ีเหลอื งรบั ประทานได้ ถา้ นา้ มนั มากจนไขท่ ี่ เจียวฟู เรยี กวา่ ไขฟ่ ู ไขเ่ จียวหนงึ่ ฟองใหพ้ ลงั งานประมาณ 90 แคลอรี หนา้ หลกั

ไขต่ ม้ ไขต่ ม้ เป็ นอาหารจากไขข่ องสตั วป์ ี กหรอื สตั ว์ ชนดิ อ่ืนๆ ท่ีนยิ มรบั ประทานคอื ไขไ่ ก่ ไขเ่ ป็ ด ไขน่ ก กระทา ทาโดยแชไ่ ขใ่ นภาชนะท่มี นี า้ ใหค้ วามรอ้ นจน เดอื ด เนอื้ ไขท่ เี่ หลวจะแปรสภาพเป็ นของแข็ง ถา้ ตม้ ไม่ สกุ เรยี กว่า ไขล่ วก ซึ่งนยิ มรบั ประทานเป็ นอาหารเชา้ ถา้ ไขข่ าวสกุ แตไ่ ขแ่ ดงไมส่ กุ (ตม้ 7-8 นาท)ี เรียกวา่ ไข่ ตม้ ยางมะตมู ไขต่ ม้ นาไปทาอาหารตอ่ ยอด เชน่ ไขล่ กู เขย ไขพ่ ะโล้ หรือ นามาทายาไขต่ ม้ ไขป่ ิ้ ง บางท่ี ก็ใชไ้ ขต่ ม้ มาเสียบไมป้ ้ิ ง บา้ งก็นาไปรบั ประทานกบั สลดั ผกั โดยนยิ มหัน่ เป็ น แวน่ ๆ หนา้ หลกั

ขา้ วแช่ ขา้ วแช่ เป็ นชอ่ื อาหารชนดิ หนง่ึ มีขา้ ว สกุ ขดั แชน่ า้ เย็น ซ่ึงมกั เป็ นนา้ ดอกไม้ แลว้ กินกบั เครื่องกบั ขา้ วตา่ ง ๆ เชน่ ลกู กะปิ พริกหยวกสอด ไส้ เนอ้ื เค็มฝอยผดั หวาน หวั หอมสอดไส้ ผกั กาด เค็มผดั หวาน ปลาแหง้ และเครอื่ งผดั หวานตา่ ง ๆ นยิ มรบั ประทานในหนา้ รอ้ น ปัจจบุ นั อาจใส่นา้ แข็ง ในขา้ วแชด่ ว้ ย เชอ่ื กนั ว่า ขา้ วแชเ่ ดมิ เป็ นอาหารพนื้ บา้ นมอญ นยิ ม ทาสงั เวยเทวดาในตรษุ สงกรานต์ ตอ่ มา ชาววงั รบั ไปปรบั ปรงุ เรียกว่า \"ขา้ วแชเ่ สวย\" หรอื \"ขา้ วแช่ ชาววัง\" เมอ่ื สิน้ รชั กาลพระบาทสมเด็จพระ จลุ จอมเกลา้ เจา้ อย่หู ัวในปี 2453 แลว้ ขา้ วแชไ่ ดร้ บั การเผยแพรไ่ ปนอกวังและเป็ นทน่ี ยิ มอยา่ งย่ิง หนา้ หลกั

ตม้ ยา ตม้ ยา เป็ นซปุ ไทยทม่ี รี สเปรีย้ วเผ็ด ตม้ ยาเป็ นอาหารที่รจู้ กั ในกล่มุ ประเทศเพอ่ื นบา้ นของประเทศไทย เชน่ ลาว กมั พชู า มาเลเซีย และสงิ คโปร์ รวมถึงมชี อื่ เสยี งไปทวั่ โลก คาวา่ “ตม้ ยา” มาจากคาภาษาไทย 2 คา คือ “ตม้ ” และ “ยา” คาว่า “ตม้ ” หมายถึง กิรยิ าเอาของเหลวใสภ่ าชนะแลว้ ทาใหร้ อ้ นให้ เดอื ดหรอื สกุ ขณะที่ “ยา” หมายถึงอาหารลาวและไทย ประเภทท่มี รี สเปรยี้ วเผ็ด ดงั นนั้ “ตม้ ยา” คอื ซปุ ลาวและไทย ทีม่ คี วามเผ็ดรอ้ นและเปร้ยี ว อันที่จริงคณุ ลกั ษณะของตม้ ยา มาจากความแตกตา่ งระหวา่ งความเผ็ดรอ้ นและความเปรี้ยว และกล่ินหอมของสมนุ ไพรในนา้ แกง ท่ีสาคญั นา้ แกงนนั้ ประกอบดว้ ย นา้ ตม้ กระดกู และเครอ่ื งปรงุ ส่วนผสมสดไดแ้ ก่ ตะไคร้ ใบมะกรดู ขา่ นา้ มะนาว นา้ ปลาและพรกิ หนา้ หลกั

ผดั ขเี้ มา ผดั ข้ีเมา เป็ นอาหารทีไ่ ดร้ บั ความนยิ ม มากในประเทศไทย และ ลาว โดยอาหารชนดิ น้ี เกิดขนึ้ จากการผสมผสานอาหารแบบไทยเขา้ กบั อาหารของชาวจนี ท่ยี า้ ยถิ่นฐานเขา้ มาอย่ใู นประเทศ ไทยและลาว (หรือ ชาวไทยเชอ้ื สายจีน) คาว่า ขเี้ มา สนั นษิ ฐานวา่ เกิดจากผทู้ ช่ี อบดม่ื สรุ ามกั จะหา กบั แกลม้ จากของเหลอื ทมี่ ใี นตเู้ ย็น พบผกั อะไรก็ เตมิ ลงไปได้ ไมใ่ คร่จะมสี ตู รแนน่ อนตายตวั แตท่ า ออกมาแลว้ อร่อย จึงเป็ นที่นยิ มตอ่ ๆ กนั มา หนา้ หลกั

ผดั ซีอิ๊ว ผดั ซีอิ๊ว เป็ นอาหารยอดนยิ มที่มขี ายทวั่ ไปใน ประเทศไทย เป็ นอาหารท่มี กั จะเป็ นเมนขู องทกุ รา้ นอาหารตามสงั่ โดยสว่ นใหญ่แลว้ รา้ นใดท่ีขาย ราดหนา้ จะมขี ายผดั ซีอ๊วิ ควบคกู่ นั ไปดว้ ย ลกั ษณะการ ปรงุ คลา้ ย กว๋ ยเตยี๋ วควั่ แตจ่ ะใส่ซีอิ๊วดาหวาน และใช้ ผกั คะนา้ เป็ นวตั ถดุ บิ ในการปรงุ เสน้ กว๋ ยเตยี๋ วทใ่ี ชเ้ ป็ นสว่ นใหญ่คือ เสน้ ใหญ่ และ เสน้ หม่ี ขาว ไมน่ ยิ มใชเ้ สน้ เล็ก และบะหมี่ ผกั ทนี่ ยิ มใส่จะมแี ต่ คะนา้ เพียงอยา่ งเดยี ว เนอื้ สตั วท์ ี่นยิ มคือ ไก่ และ หมู ไม่ นยิ มใส่ปลาหมกึ โดยทวั่ ไปมกั ใส่ไขด่ ว้ ย ปรงุ รสดว้ ยซีอ๊ิว ดา นา้ ตาล นา้ ปลา นาไปผดั ในกระทะไฟแรง รสชาติ โดยทวั่ ไปของผดั ซีอิ๊วจะออกหวานนา หนา้ หลกั

ลาบ ลาบ เป็ นอาหารทอ้ งถิ่นทางภาคอีสาน และภาคเหนอื (รวมถึงประเทศลาวและสบิ สองปัน นา) โดยนาเนอ้ื มาสบั ใหล้ ะเอียดแลว้ คลกุ กบั เครอ่ื งปรงุ ซึ่งเนอื้ ทม่ี าทาลาบเป็ นเนอื้ หลายชนดิ เชน่ เนอื้ ไก่ เนอื้ เป็ ด เนอ้ื ววั เนอื้ ควาย เนอ้ื ปลา เนอ้ื หมู และเนอื้ นก นอกจากนย้ี งั สามารถลาบสตั ว์ จาพวก กวาง เชน่ ละมงั่ กระจง เกง้ หรอื แมแ้ ต่ บึ้ง [1]ก็นามาลาบไดเ้ ชน่ กนั ลาบนยิ มกินคกู่ บั ขา้ ว เหนยี ว หนา้ หลกั

ราดหนา้ ราดหนา้ เป็ นกว๋ ยเตย๋ี วชนดิ หนงึ่ ที่ทาโดย การใชเ้ สน้ ลงไปผดั กบั นา้ มนั ออ่ น ๆ กอ่ น แลว้ พกั ไว้ นา้ ทใ่ี ชร้ าด เป็ นนา้ ตม้ กระดกู ผสมกบั แป้ งมนั มี ความขน้ เหนยี ว เนอ้ื สตั วน์ ยิ มใช้ เนอ้ื หมู และ กงุ้ หรอื เนอ้ื สตั วอ์ ื่น ๆ ซ่ึงถา้ เป็ นเนอื้ หมจู ะ นยิ มหมกั กบั กระเทียมกอ่ น เพือ่ ใหเ้ หนยี วนมุ่ ผกั นยิ มใช้ ผกั คะนา้ หรือจะใชผ้ กั อย่างอ่ืน เชน่ ผกั กวางตงุ้ หรือ ผกั กาดขาว ก็ได้ หนา้ หลกั

พะแนง พะแนง เป็ นอาหารไทยประเภทแกง โดยมี ส่วนผสมหลกั ของเครื่องแกง คอื พริก ขา่ ตะไคร้ รากผกั ชี เม็ดผกั ชี เม็ดยหี่ ร่า กะเทยี ม และเกลอื พะแนงเป็ นอาหารทไ่ี ดร้ บั อิทธิพลจากอินเดยี และ อาจมวี ฒั นธรรมการกินแบบเขมรผสมดว้ ยหรือไม่ ไมอ่ าจยนื ยันไดแ้ ตม่ กี ารใชภ้ าษาเขมร ท่ีเดิมใช้ สาหรบั การอธิบายทา่ เอาขาไขว้ หรอื ขดั กนั ท่ี เรียกวา่ นงั่ ขดั สมาธิ หรอื ขดั ตะหมาด ทค่ี นไทยใชใ้ น ภาษาพดู จริงๆ แลว้ พะแนง แปลว่าทา่ นงั่ แบบ ขดั สมาธิ ใชอ้ ธิบายคาในภาษาไทยตง้ั แตต่ น้ หรือ กอ่ นอยธุ ยา หนา้ หลกั

แกงไตปลา แกงไตปลา หรอื แกงพงุ ปลาเป็ นแกงท่มี ไี ตปลาเป็ น ส่วนประกอบท่ีสาคญั มที ง้ั แบบทใี่ สและไมใ่ สก่ ะทิ แบบใสก่ ะทิเป็ น ที่นยิ มในบางทอ้ งที่ เชน่ ทจ่ี งั หวดั ยะลา การแกงจะตม้ กะทิแคพ่ อ สกุ ไมแ่ ตกมนั นา้ พรกิ แกงประกอบดว้ ย พรกิ ขหี้ นู แหง้ เกลอื พริกไทยเม็ด ตะไคร้ ผวิ มะกรดู กระเทียม ขมนิ้ หอม กะปิ [3] แกงไตปลาแบบชมุ พรจะไมใ่ สข่ า่ กระชาย หอม กระเทียมใน นา้ พริกแกง แตจ่ ะซอยละเอียดใสล่ งในแกง เรียกแกงแบบนว้ี า่ แกงไตปลาเครือ่ งซอย หนา้ หลกั

แกงสม้ แกงสม้ เป็ นอาหารไทย ประเภทแกงที่มรี ส เปร้ียว โดยเป็ นแกงท่ใี สเ่ นอื้ สตั ว์ สว่ นใหญ่เป็ นปลา หรอื กงุ้ ผกั ทใี่ ชอ้ าจเป็ นผกั บงุ้ มะละกอ หัวไช เทา้ กะหลา่ ดอก ดอกแค หรอื ไขเ่ จยี วชะอม ใชน้ า้ พรกิ แกงสม้ ละลายนา้ ตม้ ใหเ้ ดอื ด ใสผ่ กั และเนอื้ สัตว์ ปรงุ รสดว้ ยนา้ สม้ มะขาม นา้ ตาลปี๊ บ เกลอื มรี สชาตเิ ผ็ด หวาน เค็ม เปรย้ี ว หนา้ หลกั

แกงมสั มนั่ แกงมสั มน่ั เป็ นอาหารประเภทแกงทไี่ ดร้ บั อิทธพิ ล มาจากอาหารมลายู ชาวไทยมสุ ลิมเรียกแกงชนดิ นวี้ ่า ซา ละหม่ัน แกงมสั มนั่ แบบมสุ ลิมไทยออกรสหวานในขณะที่ ตารบั ดงั้ เดมิ ของชาวมสุ ลิมออกรสเค็มมนั ในไทยมี วิธกี ารทาสองแบบคือ แบบไทย นา้ พริกแกงมี พริกแหง้ ขา่ ตะไคร้ หอม กระเทยี ม ลกู ผกั ชี ยห่ี ร่า ดอกจนั ทน์ กานพลู ปรงุ รสใหห้ วานนา เค็มและอมเปรีย้ ว เป็ นแกงมี นา้ มากเพือ่ รบั ประทานกบั ขา้ ว อีกแบบเป็ นแบบมสุ ลิม นา้ ขลกุ ขลิก ใชจ้ ิม้ ขนมปังหรือโรตี ในนา้ พรกิ แกงไมใ่ สข่ า่ ตะไคร้ ส่วนผสมทเ่ี ป็ นพรกิ แหง้ หอม กระเทียม ถัว่ ลิสง จะทอดกอ่ น ใสผ่ งลกู ผกั ชี ยหี่ รา่ ใสม่ นั ฝรงั่ บางสตู รใส่ มะเขอื ยาว กอ่ นจะมมี นั ฝรงั่ มาปลกู แพร่หลายในไทย จะ นยิ มใสม่ นั เทศ หนา้ หลกั

แกงเหลอื ง แกงเหลอื ง เป็ นอาหารชนดิ หนง่ึ ในภาคใต้ ของประเทศไทย ในทอ้ งถิ่นเรยี กว่า แกงสม้ ซ่ึงมี ความแตกตา่ งจากแกงสม้ ของไทย ทง้ั ในดา้ น รสชาติ เครื่องปรงุ วิธกี ารปรงุ กล่ิน และสีสนั ของ นา้ แกงทป่ี รงุ เสร็จแลว้ สว่ นวตั ถดุ บิ ท่นี ยิ มนามาทาเป็ นแกงเหลืองนน้ั คลา้ ย กบั แกงสม้ ของไทย เชน่ ปลา กงุ้ หรือ หมสู าม ชนั้ และใชผ้ กั ตา่ งๆ เพอื่ เพ่ิมปรมิ าณและรสชาติ หรอื บางครงั้ ใชห้ นอ่ ไมด้ อง หนา้ หลกั

แกงบวน แกงบวน เป็ นแกงพื้นบา้ นภาคกลางของไทย ใสน่ า้ คน้ั จากใบผกั เชน่ ตะไคร้ ขนึ้ ฉา่ ย ใบ มะตมู ผกั ชี ใบขา่ ใบมะขวดิ เพอื่ กลบกลน่ิ คาวของ เคร่อื งใน ตารบั ดง้ั เดมิ เป็ นของชาวเขมรที่นยิ มทา แกงชนดิ นใี้ นงานแตง่ งาน คาวา่ บวนเป็ นภาษาเขมร แปลวา่ สี่ ซ่ึงในตารบั แกงบวนของเขมรจะใชเ้ ครือ่ ง ในส่อี ยา่ งคอื หัวหมู กระเพาะหมู ตบั หมู และหวั ใจ หมู นา้ พริกแกงประกอบดว้ ย พรกิ ไทย ปลาแหง้ ขา่ แก่ ตะไคร้ กระเทียม หอม หนา้ หลกั

อา้ งอิง:www.pantip.com หนา้ หลกั

• จดั ทาโดย • ด.ญ.นนั ทวรรณ ปารมี • ชน้ั ม.1/8 เลขท่ี 24 • เสนอ • คณุ ครู ดลหทยั อนิ ทรจ์ นั ทร์ หนา้ หลกั


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook