Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ใบความรู้ที่1

ใบความรู้ที่1

Published by surachatwongduang, 2018-05-01 03:24:57

Description: ใบความรู้ที่1

Search

Read the Text Version

11 ใบความรู้ท่ี 1 หน่วยท่ี 1 ชื่อวชิ า งานจักรยานยนต์ เวลารวม 6 ชั่วโมง ชื่อหน่วย เครื่องมือทใ่ี ช้ในงานจักรยานยนต์ สอนคร้ังท่ี 1ช่ือเรื่อง เครื่องมอื ทวั่ ไปและ เครื่องมือพเิ ศษ จานวน 2 ชั่วโมง เคร่ืองมือที่ใช้ซ่อมรถจกั รยานยนต์มีหลายแบบหลายชนิด ซ่ึงแต่ละชนิดจะเหมาะสมกบั งานที่แตกต่างกนั ออกไป โดยทว่ั ๆ ไปจะแบ่งเครื่องมือออกไดเ้ ป็น 2 ประเภทคือ1.1 เคร่ืองมอื ทวั่ ไป เคร่ืองมือทว่ั ไป หมายถึง เครื่องมือท่ีสามารถใชง้ านในการซ่อม ถอดประกอบชิ้นส่วน ปรับแต่งระบบต่าง ๆ ในรถจกั รยานยนต์ โดยใชแ้ รงคนในการขนั เคาะ จบั หมุน หรือตดั เช่น ประแจ ไขควงคีม คอ้ น เป็ นตน้ 1.1.1 ประแจ (Wrench) เป็ นเคร่ืองมือท่ีใช้สาหรับขนั นตั หรือโบลต์ โดยทวั่ ๆ ไปชิ้นส่วนระบบต่าง ๆ ในรถจกั รยานยนต์มกั จะประกอบไปด้วยนตั หรือโบลต์ ซ่ึงมีลกั ษณะเป็ นหัวหกเหล่ียมหลายขนาดดว้ ยกนั ดงั น้นั ประแจจึงเป็นเคร่ืองมือหลกั ในงานซ่อมรถจกั รยานยนต์ ซ่ึงไดแ้ ก่ 1.1.1.1 ประแจปากตาย (Open-end Wrench) ประแจปากตายเป็ นเครื่องมือท่ีมีปากสัมผสักบั หวั นตั หรือโบลตเ์ พียงสองดา้ น จึงเป็ นเคร่ืองมือที่สะดวกในการขนั นตั หรือโบลตม์ าก ๆ ขนาดของประแจปากตายมกั จะเรียกตามขนาดต่าง ๆ ของนตั หรือโบลต์ ซ่ึงไดแ้ ก่ ระบบองั กฤษ จะบอกขนาดเป็นเลขเศษส่วน เช่น 1/2 , 3/4 ส่วนระบบเมตริกจะบอกเป็นตวั เลข เช่น ขนาดเบอร์ 10 ,ขนาดเบอร์ 11 เป็นตน้ ดงั แสดงในรูปที่ 1.1 และรูปที่ 1.2รูปท่ี 1.1 มุมและขนาดของประแจปากตาย

12 ผดิ ถูก กด ผดิรูปที่ 1.2 การใชง้ านประแจปากตาย

13 1.1.1.2 ประแจแหวน ( Box-end Wrench) ประแจแหวนเป็ นประแจท่ีสามารถจบั หวั นตัหรือหวั โบลตไ์ ดม้ ากกวา่ ประแจปากตาย มีมุมจบั ต้งั แต่ 6 มุม และ 12 มุม ทาใหส้ ามารถขนั นตั หรือโบลตท์ ี่แน่นมากไดด้ ีกวา่ ประแจปากตาย ขนาดของประแจแหวนมีขนาดเหมือนกบั ประแจปากตาย คือมีท้งั ระบบองั กฤษและระบบเมตริก ดงั แสดงในรูปท่ี 1.3 รูปที่ 1.3 ลกั ษณะของประแจแหวนขนาดตา่ ง ๆ ผดิ ถูก รูปที่ 1.4 วธิ ีการใชง้ านประแจแหวน

14 1.1.1.3 ประแจรวม (Combination Wrench) ประแจรวมมีลกั ษณะผสมระหวา่ งประแจปากตายกบั ประแจแหวน โดยปลายดา้ นหน่ึงมีลกั ษณะเหมือนประแจปากตาย อีกดา้ นหน่ึงมีลกั ษณะเหมือนประแจแหวน การใชง้ านของประแจรวมเหมือนกบั ประแจปากตายและประแจแหวน แต่ดา้ นปากตายจะไม่มีมุมเอียง และดา้ นปากแหวนจะมีปากแบนกวา่ ประแจแหวน จึงใชข้ นั ในพ้ืนท่ีแคบไดด้ ีกวา่ ดงัแสดงในรูปท่ี 1.5 รูปท่ี 1.5 ลกั ษณะของประแจรวม 1.1.1.4 ประแจกระบอกหรือประแจบ็อกซ์ (Socket Wrench) ประแจกระบอกมีปากลกั ษณะเหมือนกับประแจแหวน มีมุมเหล่ียมต้งั แต่ 6 มุม และ 12 มุม อยู่ภายในของตวั ประแจกระบอก เวลาใชต้ อ้ งใชร้ ่วมกบั ดา้ มขนั ชนิดต่าง ๆ โดยสามารถเปล่ียนขนาดของประแจกระบอกได้หลายขนาด ตามสภาพและความเหมาะสมของการใชง้ าน ดงั แสดงในรูป 1.6

15 รูปท่ี 1.6 ลกั ษณะของประแจกระบอกและดา้ มขนั 1.1.1.5 ประแจเลื่อน (Adjustable Wrench) ใชส้ าหรับขนั นตั หรือโบลตท์ ่ีมีขนาดไม่มาตรฐานหรือเป็นรูปเหลี่ยม แตไ่ ม่นิยมใชข้ นั นตั หรือโบลตท์ ว่ั ๆ ไป ดงั แสดงในรูปท่ี 1.7 รูปที่ 1.7 ลกั ษณะของประแจเล่ือน

16 1.1.1.6 ประแจวดั แรงบิด (Torque Wrench) ประแจวดั แรงบิดเป็ นเครื่องมือที่ใชร้ ่วมกบัประแจกระบอก สาหรับขนั นตั หรือโบลตท์ ่ีตอ้ งการแรงขนั ที่แน่นอนตามค่ากาหนด อ่านค่าออกมาเป็ นตวั เลข โดยขณะทาการขนั ท่ีตวั ประแจวดั แรงบิดจะมีสเกลแสดงค่าแรงขนั ไวท้ ่ีดา้ มขนั ชนิดของประแจวดั แรงบิดแบง่ ตามลกั ษณะของสเกลไดด้ งั น้ี 1) ประแจวดั แรงบิดแบบเขม็ ช้ี (Deflecting Beam) จะใชว้ ธิ ีวดั แรงขนั โดยการดูสเกลจากเขม็ ท่ีดา้ มขนั โดยเขม็ จะขยบั เมื่อออกแรงขนั ดงั แสดงในรูปที่ 1.8 รูปท่ี 1.8 ลกั ษณะของประแจวดั แรงบิดแบบเขม็ ช้ี 2) ประแจวดั แรงบิดแบบหนา้ ปัด (Dial) จะใชว้ ธิ ีการวดั แรงโดยการดูสเกลจากหนา้ ปัดที่ดา้ มขนัโดยเขม็ ท่ีหนา้ ปัดจะขยบั เม่ือออกแรงขนั ดงั แสดงในรูปที่ 1.9 รูปท่ี 1.9 ลกั ษณะของประแจวดั แรงบิดแบบหนา้ ปัด

17 3) ประแจวดั แรงบิดแบบไมโครมิเตอร์ (Micrometer Adjustable) จะใชว้ ิธีวดั แรงโดยการปรับดา้ มหมุนให้ได้ค่าตามที่ตอ้ งการออกแรงขนั เมื่อทาการขนั จนได้ตามค่าท่ีต้งั ไวจ้ ะมีเสียงดงั ข้ึน เพ่ือแสดงใหท้ ราบวา่ แรงขนั ไดต้ ามคา่ ที่กาหนดแลว้ ดงั แสดงในรูปที่ 1.10 รูปท่ี 1.10 ลกั ษณะของประแจแรงบิดแบบไมโครมิเตอร์ 1.1.1.7 ประแจแอล (Allen Wrench) ใช้สาหรับขนั โบลตท์ ี่มีหัวกลมภายนอก ส่วนภายในจะมีลกั ษณะเป็ นหลุมมีเหล่ียมหกเหล่ียม ประแจแอลจะมีหลายขนาดตามขนาดของหวั โบลต์ มีท้งั ระบบองั กฤษและระบบเมตริก ดงั แสดงในรูปที่ 1.11 ดา้ มขนั ขนาดปากประแจ รูปท่ี 1.11 ลกั ษณะของประแจแอล

18 1.1.1.8 ประแจจบั ท่อ (Pipe Wrench) ใชส้ าหรับจบั ชิ้นงานท่ีมีลกั ษณะทรงกระบอก เช่นท่อเหล็ก เพลา เป็นตน้ ดงั แสดงในรูปท่ี 1.12 รูปที่ 1.12 ลกั ษณะของประแจจบั ทอ่ 1.1.1.9 ประแจถอดสตดั (Stud Wrench) ใชส้ าหรับถอดสลกั เกลียวหรือสตดั ที่ไม่มีหวัสาหรับขนั เขา้ หรือออก เช่น สตดั ยดึ ฝาสูบใหต้ ิดกบั เส้ือสูบ เป็นตน้ ดงั แสดงในรูปท่ี 1.13 รูปที่ 1.13 ลกั ษณะของประแจถอดสตดั และการใชง้ าน

19 1.1.1.10 ประแจถอดหวั เทียน (Spark Plug Wrench) มีลกั ษณะเหมือนกบั ประแจกระบอกแตจ่ ะมีความสูงมากกวา่ ประแจกระบอก มีท้งั แบบใชร้ ่วมกบั ดา้ มขนั และมีดา้ มขนั ติดมาดว้ ย เป็นประแจที่ออกแบบมาไวส้ าหรับถอดหวั เทียนโดยเฉพาะ บางแบบจะฝังแม่เหลก็ ติดอยทู่ ี่ตวั ประแจ เม่ือคลายหวัเทียนออกมาแลว้ จะสามารถดึงหวั เทียนติดออกมากบั ประแจได้ ดงั แสดงในรูปที่ 1.14 รูปที่ 1.14 ลกั ษณะของประแจถอดหวั เทียนและการใชง้ าน 1.1.2 ไขควง (Screw Driver) เป็นเคร่ืองมือสาหรับใชข้ นั หรือคลายสกรู สกรูแต่ละชนิดจะมีหวัแตกตา่ งกนั เช่น แบบหวั ผา่ เป็นร่อง แบบหวั แฉก เป็นตน้ นอกจากน้ีไขควงยงั มีหลายขนาด แบ่งออกตามความยาวของตวั ของไขควง ซ่ึงจะบอกขนาดเป็ นนิ้วหรือมิลลิเมตร ไขควงท่ีนิยมใชม้ ากมกั จะเรียกตามชนิดของปากไขควง คือ ไขควงปากแบน (Standard Screw Driver) และไขควงปากแฉก(Phillips Screw Driver) นอกจากน้ียงั มีอีกหลายชนิดที่ไม่ค่อยไดใ้ ชก้ นั บ่อยนกั แตใ้ ชง้ านกบั ชิ้นส่วนท่ีมีลกั ษณะพิเศษ เช่น หวั จีบ หวั หกเหล่ียม หวั บอ็ กซ์ เป็นตน้ ดงั แสดงในรูปที่ 1.15 และรูปท่ี 1.16ปากแบน หวั แฉก หวั บอ็ กซ์รูปที่ 1.15 ลกั ษณะของปากไขควงและการใชง้ าน

20 รูปที่ 1.16 ลกั ษณะของไขควงขนาดต่าง ๆ (ระบบเมตริก) 1.1.3 คีม (Plier) เป็ นเครื่องมือสาหรับใช้จบั ชิ้นงานทวั่ ๆ ไป นอกจากน้นั ยงั ใช้ตดั หรือบิดชิ้นงานตามตอ้ งการ คีมท่ีใชบ้ ่อย ๆ ในงานซ่อมรถจกั รยานยนต์ คือ 1.1.3.1 คีมเลื่อน (Combination Plier) ใชจ้ บั ชิ้นงานทว่ั ๆ ไป สามารถปรับขนาดความกวา้ งตามขนาดของชิ้นงานไดต้ ามความเหมาะสม โดยปรับได้ 2 ระดบั นอกจากน้นั ยงั สามารถตดัชิ้นงานท่ีไม่หนามากนกั ดงั แสดงในรูปท่ี 1.17 รูปที่ 1.17 ลกั ษณะของคีมเลื่อน

21 1.1.3.2 คีมปากจิ้งจก (Long Nose Plier) ใชส้ าหรับจบั ชิ้นงานท่ีอยใู่ นท่ีแคบ ๆ หรือชิ้นงานท่ีมีขนาดเล็ก เช่น ถอดชิ้นส่วนในคาร์บูเรเตอร์หรือถอดชุดหนา้ ทองขาว เป็ นตน้ ดงั แสดงในรูปท่ี 1.18 รูปท่ี 1.18 ลกั ษณะของคีมปากจิ้งจก 1.1.3.3 คีมตดั (Diagonal Cutter Plier) ใชส้ าหรับถอดปิ้ นล็อก ตดั เส้นลวดหรือสายไฟเป็นตน้ ดงั แสดงในรูปที่ 1.19 รูปที่ 1.19 ลกั ษณะของคีมตดั 1.1.3.4 คีมล็อก (Locking Plier) เป็ นคีมที่มีความสามารถใชจ้ บั ชิ้นงานไดแ้ น่นเป็ นพิเศษใชค้ ลายสตดั จบั ชิ้นงานทว่ั ๆ ไป คลายหวั นตั หรือโบลตใ์ นกรณีที่ประแจอื่นไม่สามารถคลายได้ ดงัแสดงในรูปที่ 1.20 รูปท่ี 1.20 ลกั ษณะของคีมลอ็ ก

22 1.1.3.5 คีมเลื่อนล็อก (Slip joint Adjustable Plier) ปากของคีมสามารถปรับใหม้ ีความกวา้ งไดห้ ลายขนาด ทาใหจ้ บั ชิ้นงานไดต้ ามขนาดเล็กหรือใหญข่ องชิ้นงานไดอ้ ยา่ งดี ดงั แสดงในรูปที่ 1.21 รูปที่ 1.21 ลกั ษณะของคีมเลื่อนล็อก 1.1.4 คอ้ น (Hammer) เป็นเคร่ืองมือที่ใชเ้ คาะ ตอกชิ้นงานเขา้ หรือออก คอ้ นที่ใชง้ านบ่อย ๆ ในงานซ่อมรถจกั รยานยนต์ ไดแ้ ก่ 1.1.4.1 คอ้ นหวั กลม (Ball Peen Hammer) เป็นคอ้ นเหลก็ ท่ีมีลกั ษณะหวั กลม ใชใ้ นการเคาะขณะถอดหรือประกอบชิ้นส่วนของรถจกั รยานยนต์ ดงั แสดงในรูป 1.22 รูปที่ 1.22 ลกั ษณะของคอ้ นหวั กลม 1.1.4.2 คอ้ นทองเหลือง (Brass Hammer) ใช้สาหรับตอกหรือเคาะชิ้นงานท่ีตอ้ งระมดั ระวงั ไม่ใหเ้ กิดการบุบหรือเสียรูป เช่น ชิ้นส่วนที่มีลกั ษณะบาง เป็ นตน้ โดยท่ีหวั ของคอ้ นจะทาดว้ ยวสั ดุที่มีความอ่อนกวา่ เหลก็ ไดแ้ ก่ ทองเหลือง ดงั แสดงในรูปท่ี 1.23 รูปที่ 1.23 ลกั ษณะของคอ้ นทองเหลือง

23 1.1.4.3 คอ้ นพลาสติก (Plastic Hammer) หวั ของคอ้ นจะทาดว้ ยพลาสติก ใชส้ าหรับตอกหรือเคาะชิ้นงานท่ีออ่ นและบอบบาง ดงั แสดงในรูปท่ี 1.24 รูปท่ี 1.24 ลกั ษณะของคอ้ นพลาสติก 1.1.4.4 คอ้ นยาง (Rubber Hammer) หวั ของคอ้ นทาดว้ ยยางแขง็ ใชเ้ คาะชิ้นงานที่บอบบาง ละเอียด และประณีต ดงั แสดงในรูปที่ 1.25 รูปท่ี 1.25 ลกั ษณะของคอ้ นยาง 1.1.5 สกดั (Cold Chisel) เป็ นเคร่ืองมือท่ีใช้สาหรับตดั โลหะ โลหะแผน่ หัวหมุดย้า ผ่าหวัโบลต์ หวั นตั และเซาะร่องลิ่ม โดยใชง้ านร่วมกบั คอ้ นหวั กลม เวลาใชง้ านควรเลือกให้เหมาะสมกบัลกั ษณะของปากสกดั แตล่ ะชนิด ดงั แสดงในรูปท่ี 1.26 รูปท่ี 1.26 ลกั ษณะของปากสกดั แต่ละชนิด

24 1.1.6 เหล็กนาศูนย์ (Center Punch) ใชส้ าหรับตอกนาก่อนที่จะทาการเจาะโลหะดว้ ยดอกสวา่ นและใชท้ าเครื่องหมายบนชิ้นส่วนที่จะตอ้ งประกอบเขา้ ดว้ ยกนั เพ่ือให้การประกอบถูกตอ้ งเหมือนเดิมปากของเหล็กนาศูนยจ์ ะลบั เป็ นมุม 90 องศา ส่วนปากที่มีมุม 60 องศา เรียกว่า เหล็กตอกหมาย(Prick Punch) ใชส้ าหรับตอกนาคร้ังแรกก่อนที่จะใชเ้ หล็กนาศูนยเ์ พอื่ ใหไ้ ดต้ าแหน่งที่ถูกตอ้ ง ดงั แสดงในรูปท่ี 1.27 รูปท่ี 1.27 ลกั ษณะของเหล็กนาศูนย์ 1.1.7 เหลก็ ส่ง (Punch) ใชส้ าหรับตอกหมุดย้า สลกั เกลียว และสลกั ต่าง ๆ เพ่ือใหข้ ยบั ออกจากที่ โดยเหล็กส่งจะมีใชอ้ ยู่ 3 แบบ คือ 1.1.7.1 เหล็กส่งเรียว (Starting Punch) มีลกั ษณะเรียว ใชส้ ่งคร้ังแรกเพ่ือให้สลกั ขยบั ตวัดงั แสดงในรูปท่ี 1.28 (ก) 1.1.7.2 เหล็กส่งสกดั (Pin Punch) ใชส้ ่งเพื่อใหส้ ลกั เคล่ือนตวั ออกจากชิ้นงาน ดงั แสดงในรูปท่ี 1.28 (ข) 1.1.7.3 เหลก็ ส่งปรับรู (Aligning Punch) ใชป้ รับชิ้นงานสองชิ้นให้มีรูตรงกนั เพ่ือใส่สลกัเขา้ ไปได้ ดงั แสดงในรูปที่ 1.28 (ค) รูปท่ี 1.28 ลกั ษณะของเหล็กส่งชนิดต่าง ๆ

25 รูปที่ 1.29 ลกั ษณะการใชง้ านเหล็กส่ง 1.1.8 ตะไบ (File) ใช้สาหรับปรับแต่งโลหะส่วนที่ไม่ตอ้ งการออก หรือลบมุมที่แหลมคมเพ่ือใหผ้ วิ งานเรียบ เป็ นเครื่องมือที่ทาดว้ ยเหล็กกลา้ ชุบแข็ง หน้าของตะไบจะมีฟันเรียงเป็ นแถว มีท้งัแบบฟันหยาบและฟันละเอียด ตะไบที่นิยมใชง้ านกนั มาก คือ ตะไบแบน ตะไบหางหนู (กลม) ตะไบสี่เหลี่ยมจตั ุรัส และตะไบสามเหล่ียม ดงั แสดงในรูปที่ 1.30 รูปท่ี 1.30 ลกั ษณะของตะไบแบบตา่ ง ๆ

26 1.1.9 เลื่อยตดั เหล็ก (Hacksaw) ใชส้ าหรับตดั งานโลหะทวั่ ๆ ไป การใชง้ านตอ้ งเลือกฟันของใบเล่ือยให้เหมาะกบั ขนาดความหนาของโลหะ โดยความหยาบหรือละเอียดของใบเลื่อยจะนบั จากจานวนฟันตอ่ ความยาวหน่ึงนิ้ว สาหรับโลหะหนาใชข้ นาด 18 ฟันนิ้ว โลหะหนาปานกลาง 24 ฟันนิ้วและโลหะบางใชข้ นาด 32 ฟันนิ้ว ดงั แสดงในรูปท่ี 1.31 รูปที่ 1.31 ลกั ษณะของเลื่อยตดั เหล็ก 1.1.10 เคร่ืองมือทาความสะอาดชิ้นส่วน (Cleaning Tool) ใชส้ าหรับทาความสะอาดชิ้นส่วนของเครื่องรถจกั รยานยนต์ ไดแ้ ก่ แปรงขดั เขม่า แปรงลา้ งเครื่อง แปรงลวด เหลก็ ขดู เป็นตน้ดงั แสดงในรูปท่ี 1.32 รูปท่ี 1.32 ลกั ษณะของเคร่ืองมือทาความสะอาดชนิดตา่ ง ๆ และการใชง้ าน

271.2 เคร่ืองมอื พเิ ศษ (Special Tools ) เครื่องมอื พเิ ศษ หมายถึง เคร่ืองมือที่ใชง้ านเฉพาะอยา่ ง เพื่อให้ช่างซ่อมเกิดความคล่องตวั ในการซ่อมและยงั ช่วยป้ องกนั ความเสียหายอนั อาจเกิดข้ึนแก่ชิ้นส่วนน้นั รูปร่างลกั ษณะของเคร่ืองมือพิเศษน้ีจะออกแบบตามลกั ษณะการใชง้ านเฉพาะอยา่ ง เครื่องมือพเิ ศษ มีอยหู่ ลายแบบซ่ึงพอจะแบ่งไดด้ งั น้ี 1.2.1 เครื่องมือจับล้อแม่เหลก็ (Flywheel Holder) ใชส้ าหรับจบั ยดึ ลอ้ แม่เหล็กใหอ้ ยกู่ บั ที่ เพ่ือคลายนตั ล็อกลอ้ แม่เหลก็ มีอยู่ 2 แบบ 1.2.1.1 เครื่องมือจบั ลอ้ แมเ่ หลก็ แบบเดือยล็อก ดงั แสดงในรูปท่ี 1.33 รูปท่ี 1.33 ลกั ษณะของเครื่องมือจบั ลอ้ แม่เหล็กแบบเดือยลอ็ ก วธิ ีการใช้ ขยายเครื่องมือใหพ้ อเหมาะกบั ร่องสล๊อตท่ีลอ้ แมเ่ หล็ก แลว้ ใชเ้ ดือยท่ีเคร่ืองมือเสียบเขา้ ในร่องสล๊อตของลอ้ แม่เหล็ก ยดึ ใหอ้ ยกู่ บั ที่เพอ่ื คลายนตั ลอ็ กลอ้ แม่เหลก็ 1.2.1.2 เครื่องมือจบั ลอ้ แม่เหลก็ แบบใชค้ วามฝืด ดงั แสดงในรูปที่ 1.34 รูปท่ี 1.34 ลกั ษณะของเครื่องมือจบั ลอ้ แม่เหลก็ แบบความฝืด

28 วธิ ีการใช้ หมุนดา้ มจบั ใหเ้ ครื่องมือขยายตวั ออกพอเหมาะกบั ลอ้ แม่เหลก็ แลว้ สวมเขา้ ไปท่ีลอ้แม่เหลก็ หมุนดา้ มจบั ล็อกลอ้ แมเ่ หล็กใหแ้ น่นยดึ ใหอ้ ยกู่ บั ท่ีเพอ่ื คลายนตั ลอ็ กลอ้ แมเ่ หลก็ 1.2.2 เครื่องมอื ดูดล้อแม่เหลก็ (Magneto Puller) ใชส้ าหรับดูดลอ้ แม่เหลก็ ออกจากปลายเพลาขอ้ เหวย่ี ง มีอยู่ 2 แบบ 1.2.2.1 เครื่องมือดูดลอ้ แม่เหลก็ แบบเกลียวนอก ดงั แสดงในรูปท่ี 1.35 รูปที่ 1.35 ลกั ษณะของเคร่ืองมือดูดลอ้ แม่เหลก็ แบบเกลียวนอก วธิ ีการใช้ หมุนเคร่ืองมือดูดลอ้ แม่เหล็กแบบเกลียวนอก (เกลียวซ้าย) ขนั เขา้ กบั ลอ้ แม่เหล็กที่เป็ นเกลียวในใหแ้ น่น ใชเ้ คร่ืองมือจบั ลอ้ แม่เหล็กใหอ้ ยกู่ บั ท่ี หมุนดา้ มขนั เหลก็ ดูดตามเขม็ นาฬิกา แกนดา้ มขนั จะยนั ปลายเพลาขอ้ เหวยี่ งเพื่อดูดลอ้ แม่เหลก็ ออก 1.2.2.2 เครื่องมือดูดลอ้ แม่เหล็กแบบเกลียวใน ดงั แสดงในรูปท่ี 1.36 รูปที่ 1.36 ลกั ษณะของเครื่องมือดูดลอ้ แมเ่ หลก็ แบบเกลียวใน

29 วธิ ีการใช้ หมุนเครื่องมือดูดลอ้ แม่เหล็กแบบเกลียวใน (เกลียวซา้ ย) ขนั เขา้ กบั ลอ้ แม่เหล็กที่เป็ นเกลียวนอกให้แน่น ใชเ้ ครื่องมือจบั ลอ้ แม่เหล็กใหอ้ ยกู่ บั ที่ หมุนดา้ มขนั เหล็กดูดตามเข็มนาฬิกา แกนดา้ มขนั จะยนั ปลายเพลาขอ้ เหวย่ี ง เพื่อดูดลอ้ แมเ่ หลก็ ออก 1.2.3 เครื่องมือดูดสลกั ลกู สูบ (Piston Pin Puller) ใชส้ าหรับดูดสลกั ลูกสูบออกจากลูกสูบและกา้ นสูบ ดงั แสดงในรูปที่ 1.37 รูปที่ 1.37 ลกั ษณะของเคร่ืองมือดูดสลกั ลูกสูบ วธิ ีการใช้ สอดเคร่ืองมือเขา้ ไปในสลกั ลูกสูบ แลว้ ปรับใหเ้ ดือยเครื่องมือโผล่พน้ สลกั ลูกสูบดา้ นตรงขา้ ม ประกอบอะแด๊พเตอร์ขนาดพอเหมาะกบั ขนาดเส้นผ่านศูนยก์ ลางของสลกั ลูกสูบ เขา้ กับเกลียวปลายเดือยและขนั จนสุดเกลียว จากน้นั จึงขนั ดูดสลกั ลูกสูบออก 2.4 เคร่ืองมือล็อกก้านสูบ (Conectingrod Topper) ใชส้ าหรับล็อกกา้ นสูบเพื่อไม่ให้กา้ นสูบคลอนตวั ไปมา ขณะท่ีประกอบเส้ือสูบเขา้ กบั ลูกสูบ หรือใชย้ ดึ กา้ นสูบไม่ให้เพลาขอ้ เหวีย่ งหมุน เพื่อการคลายนตั ยดึ ลอ้ แมเ่ หลก็ หรือ Primary Gear ดงั แสดงในรูปท่ี 1.38 รูปที่ 1.38 ลกั ษณะของเคร่ืองมือลอ็ กกา้ นสูบ วธิ ีการใช้ หลงั จากประกอบลูกสูบเขา้ กบั กา้ นสูบแลว้ ใชเ้ คร่ืองมือล็อกกา้ นสูบเสียบเขา้ กบั กา้ นสูบจากน้นั หมุนเครื่องยนต์ให้ลูกสูบนงั่ อยู่บนเคร่ืองมือ แล้วจึงประกอบเส้ือสูบเขา้ กับลูกสูบเสียบเครื่องมือเขา้ กบั หวั กา้ นสูบแลว้ หมุนเคร่ืองยนตจ์ นเพลาขอ้ เหวี่ยงไม่สามารถหมุนไดจ้ ึงทาการขนั หรือคลายนตั ที่ปลายเพลาขอ้ เหวย่ี งหรือ Primary Gear

30 2.5 เครื่องมอื ถอดสปริงลนิ้ (Valve Spring Compression Assy) ใชส้ าหรับถอดและประกอบสปริงลิ้นและประกบั ล็อกลิ้นของเครื่องรถจกั รยานยนต์ 4 จงั หวะ ดงั แสดงในรูปท่ี 1.39 รูปที่ 1.39 ลกั ษณะของเครื่องมือถอดสปริงลิ้น วิธีการใช้ นาเครื่องมือถอดสปริงลิ้นใส่ลงไปในฝาสูบ โดยใชส้ ่วนบนสัมผสั กบั ฝาครอบสปริงลิ้น และส่วนล่างสมั ผสั กบั หนา้ ลิ้น ขนั ดา้ มขนั ของเคร่ืองมือเพ่ือกดให้สปริงลิ้นยุบตวั จนสามารถถอดประกบั ลอ็ กลิ้นออกได้ คลายเคร่ืองมือออกจากฝาสูบและถอดชิ้นส่วนของลิ้น 2.6 เคร่ืองมือดูดลูกปื น (Bearing Pullers) ใชส้ าหรับดูดตลบั ลูกปื นออกจากเพลา เช่น ดูดลูกปื นออกจากเพลาขอ้ เหวย่ี ง เป็นตน้ ดงั แสดงในรูปท่ี 1.40 รูปที่ 1.40 ลกั ษณะของเครื่องมือดูดลูกปื น วธิ ีการใช้ เลือกขนาดของเคร่ืองมือดูด ให้เหมาะสมกบั ขนาดของลูกปื น เก่ียวขาเครื่องมือดูดเขา้กบั บา่ ลูกปื นใหม้ นั่ คง และปรับแกนกลางใหต้ รงตามแนวแกนเพลา แลว้ เริ่มหมุนเพ่ิมแรงใหแ้ กนกลางไปดนั ที่เพลาทีละนอ้ ยจนลูกปื นหลุดออกมา

31 2.7 เคร่ืองมอื แยกแคร้ง (Crankcase Seperating Tools) ใชส้ าหรับดูดแยกแคร้งซา้ ยและแคร้งขวาออกจากกนั หรือถอดแยกเพลาขอ้ เหวยี่ งออกจากห้องแคร้ง ดงั แสดงในรูปที่ 1.41 รูปท่ี 1.41 ลกั ษณะของเคร่ืองมือแยกแคร้ง วธิ ีการใช้ ให้วางปลายโบลตแ์ กนกลางลงบนปลายเพลาขอ้ เหวย่ี งดา้ นลอ้ แม่เหล็ก จากน้นั ใหข้ นัสกรูบนแขนตวั แยกแคร้งท้งั 2 ตวั ลงบนรูสกรูของแคร้งเท่า ๆ กนั แลว้ จึงใชม้ ือจบั ดา้ มขนั ตามเข็มนาฬิกาจึงแยกแคร้งออก ข้อควรระวัง การติดต้งั เคร่ืองมือจะตอ้ งจดั ให้อยใู่ นแนวต้งั ฉาก ก่อนขนั โบลตเ์ สมอเพ่ือป้ องกนัการเสียหาย 2.8 เคร่ืองมือดูดประกอบเพลาข้อเหวยี่ ง (Crank Shaft Installer ) ใชส้ าหรับดูดประกอบเพลาขอ้ เหวย่ี งเขา้ กบั เส้ือแคร้ง และปรับต้งั ตาแหน่งเพลาขอ้ เหวยี่ ง ดงั แสดงในรูปท่ี 1.42 รูปท่ี 1.42 ลกั ษณะของเคร่ืองมือประกอบเพลาขอ้ เหวย่ี ง

32 วธิ ีการใช้ สอดเพลาขอ้ เหว่ียงเขา้ กบั เส้ือแคร้งแลว้ ขนั ขอ้ ต่อเพลาเขา้ กบั ปลายเพลาขอ้ เหวย่ี งให้แน่น จากน้นั เลือกหนา้ แปลนขนาดพอเหมาะเพื่อรองรับบ่าปลอกดูด สวมปลอกดูดเขา้ กบั เดือย ขนั นตัดูดเขา้ กบั เดือยแลว้ ดูดเพลาขอ้ เหวี่ยงเขา้ จนไดท้ ี่ ในขณะที่ขนั ดูดจะตอ้ งให้กา้ นสูบอยู่ในตาแหน่งศูนย์ตายบน 2.9 เคร่ืองมือจับยดึ ดุมคลัตช์ (Clutch Sleeve Hub Holder) ใชส้ าหรับจบั ยดึ ดุมคลตั ชแ์ บบธรรมดาให้อยกู่ บั ท่ี เพอื่ ท่ีจะคลายนตั ลอ็ กดุมคลตั ช์ แบ่งออกได้ 2 แบบ คือ 2.9.1 เครื่องมือจบั ดุมคลตั ช์แบบตายตวั (Clutch Sleeve Hub Holder Fixed) ดงั แสดงในรูปที่ 1.43 รูปที่ 1.43 ลกั ษณะของเครื่องมือจบั ดุมคลตั ช์แบบตายตวั วิธีการใช้ เลือกเคร่ืองมือจบั ดุมคลตั ช์ให้เหมาะสมกบั ร่องฟันเฟื องของดุมคลตั ช์แล้ว จึงสวมเครื่องมือเขา้ กบั ดุมคลตั ช์ ยึดเครื่องมือใหอ้ ยกู่ บั ที่เพื่อไม่ใหด้ ุมคลตั ช์หมุนตาม ในขณะคลายนตั ยดึ ดุมคลตั ช์ออก หมายเหตุ เครื่องมือน้ีจะใชไ้ ดเ้ ฉพาะรุ่นเท่าน้นั 2.9.2 เครื่องมือจบั ยดึ คุมคลตั ช์แบบปรับขยายได้ (Clutch Sleeve Hub Holder Adjustable)ดงั แสดงในรูปที่ 1.44 รูปท่ี 1.44 ลกั ษณะของเครื่องมือจบั ดุมคลตั ช์แบบปรับขยายได้

33 วธิ ีการใช้ ปรับขนาดของเคร่ืองมือใหเ้ ทา่ กบั ขนาดของดุมคลตั ช์ สวมเคร่ืองมือเขา้ กบั ดุมคลตั ชย์ ดึเครื่องมือใหอ้ ยกู่ บั ท่ี แลว้ คลายนตั ลอ็ กดุมคลตั ช์ออก หมายเหตุ เครื่องมือน้ีสามารถจบั ดุมคลตั ช์แบบธรรมดาไดท้ ุกรุ่น 2.10 เครื่องมือถอดประกอบคลตั ช์ ระบบ P.E.C.S. (Clutch Remover) ใชส้ าหรับเป็นตวั กดแผน่ สปริงหวีของคลตั ช์ชุดที่ 2 ระบบ P.E.C.S. เพ่อื ถอดประกอบแหวนล็อก ดงั แสดงในรูปท่ี 1.45 รูปที่ 1.45 ลกั ษณะของเคร่ืองมือถอดประกอบคลตั ช์ระบบ P.E.C.S และการใชง้ าน วธิ ีการใช้ ใหส้ อดโบลตเ์ ขา้ ในตวั ดุมคลตั ช์แลว้ ประกอบตวั กดคลตั ช์ลงไป จึงขนั นตั กดสปริงหวใี หล้ งแนบกบั แผน่ คลตั ช์ แลว้ จึงถอดหรือประกอบแหวนล็อก 2.11 เคร่ืองมอื ตัดโซ่ (Chain Cutter Tool) ใชส้ าหรับตดั โซ่รถจกั รยานยนต์ ดงั แสดงในรูปที่ 1.46 รูปที่ 1.46 ลกั ษณะของเครื่องมือตดั โซ่

34 วิธีการใช้ ถอดคลิ๊ปล็อกขอ้ ต่อโซ่ออกจากโซ่ คลายเกลียวหัวอดั สลักข้อต่อโซ่ออกให้สุดจากน้นั นาโซ่ใส่เขา้ ไปในร่องของตวั ตดั โซ่ ขนั เกลียวหวั อดั สลกั เพือ่ ดนั ใหส้ ลกั ขอ้ ต่อโซ่หลุดออก 2.12 เครื่องมือถอดซีล (Oil Seal Remover) ใชส้ าหรับงดั ซีลเพลาต่าง ๆ ออก เช่น ซีลเพลาขอ้ เหวยี่ งของเคร่ืองรถจกั รยานยนต์ เป็นตน้ ดงั แสดงในรูปที่ 1.47 รูปท่ี 1.47 ลกั ษณะของเคร่ืองมือถอดซีล วธิ ีการใช้ ปรับขาต้งั บ่าซีลใหไ้ ดต้ ามขนาดที่เหมาะสมกบั ขนาดของซีล แลว้ จึงงดั ซีลออก หมายเหตุ เคร่ืองมืองดั ซีลแบบน้ีสามารถปรับขนาดตา่ ง ๆ ไดต้ ามความตอ้ งการ ข้อควรระวงั หา้ มใชเ้ คร่ืองถอดซีลไปถอดหรืองดั ลูกปื น 1.2.13 ประแจขันซี่ลวดวงล้อ (Wheel Spoke Nipple Wrench) ใชส้ าหรับขนั ซ่ีลวดวงลอ้ ให้ตึงเพือ่ ป้ องกนั การคดของวงลอ้ เน่ืองจากสาเหตุความตึงของซ่ีลวดไม่เทา่ กนั ดงั แสดงในรูปท่ี 1.48 รูปที่ 1.48 ลกั ษณะของประแจขนั ซ่ีลวด วธิ ีการใช้ วางวงลอ้ ลงบนแท่นต้งั ศนู ยว์ งลอ้ ขนั ซี่ลวดดว้ ยประแจขนั ซี่ลวดวงลอ้ ไปรอบ ๆ พร้อมกบั การตรวจวดั การคดของวงลอ้ ไปดว้ ย

35 1.2.14 เครื่องมือปรับต้งั ระยะห่างลนิ้ (Valve Adjusting Holder) ใชส้ าหรับหมุนปรับสกรูต้งัระยะห่างลิ้น ดงั แสดงในรูปที่ 1.49 รูปท่ี 1.49 ลกั ษณะของเคร่ืองมือปรับต้งั ระยะห่างลิ้น วิธีการใช้ คลายนตั ล็อกใช้เคร่ืองมือปรับต้งั ระยะห่างลิ้น หมุนสกรูปรับต้งั ลิ้นท่ีกระเด่ืองลิ้นหมุนไปทางซ้ายลิ้นจะห่างข้ึน หมุนไปทางขวาลิ้นชิดลง เมื่อได้ระยะห่างลิ้นตามต้องการแล้วจบัเครื่องมือปรับต้งั ลิ้นใหอ้ ยกู่ บั ท่ี และขนั นตั ลอ็ กใหแ้ น่ 1.2.15 ประแจถอดแกนบังคับเลยี้ ว (Steering Stem Lock Nut Wrench) ใชส้ าหรับคลายและขนั นตั ลอ็ กแกนบงั คบั เล้ียว เพอื่ ถอดและประกอบแกนบงั คบั เล้ียว ดงั แสดงในรูปท่ี 1.50 รูปท่ี 1.50 ลกั ษณะของประแจถอดแกนบงั คบั เล้ียว วธิ ีการใช้ สวมประแจถอดแกนบงั คบั เล้ียวเขา้ กบั ร่องฟันของนตั ล็อกให้กระชบั โดยหนั ทางดา้ นโคง้ งอของประแจไปตามทิศทางที่จะคลายหรือขนั แลว้ ทาการคลายหรือขนั นตั ลอ็ ก

36 1.2.16 เครื่องมอื ประกอบตลบั ลกู ปื นและซีล (Bearing and Oil Seal Installing Tool ) ใช้สาหรับประกอบตลบั ลูกปื นและซีลเขา้ ที่ ดงั แสดงในรูปท่ี 1.51 รูปที่ 1.51 ลกั ษณะของเคร่ืองมือประกอบตลบั ลูกปื น วธิ ีการใช้ เลือกขนาดของเครื่องมือประกอบตลบั ลูกปื นและซีลให้ไดข้ นาด สวมตลบั ลูกปื นและซีลเขา้ กบั บา่ นงั่ วางเคร่ืองมือบนตลบั ลูกปื นหรือซีลใชค้ อ้ นตอกนาจนกระท้งั เขา้ ท่ี ขณะตอกจะตอ้ งให้งานไดศ้ ูนย์ 1.2.17 เครื่องมือจับไส้โช้กอพั หน้า (Fork Cylinder Holder Adapter) ใชส้ าหรับเป็นแกนต่อจบั ไส้โชก้ อพั หนา้ ดงั แสดงในรูปที่ 1.52 รูปที่ 1.52 ลกั ษณะของเคร่ืองมือจบั ไส้โชก้ อพั หนา้ วธิ ีการใช้ ถอดโชก้ อพั หนา้ ออก ถอดนตั ปิ ดหวั โชก้ ออก และถ่ายน้ามนั ออกใหห้ มดใชต้ วั จบั ไส้โชก้ อพั หน้า ซ่ึงจะใชร้ ่วมกบั ตวั ต่อจบั ไส้โช้กอพั หนา้ จบั ที่ไส้โชก้ อพั หนา้ เพื่อไม่ให้หมุนตาม แลว้ จึงใชป้ ระแจแอลถอดนตั ยดึ ไส้โชก้ อพั ออก ซ่ึงอยดู่ า้ นปลายสุดของกระบอกโชก้ อพั ดึงตวั จบั ไส้โชก้ อพัออกและดึงแกนโชก้ อพั ออก

37 1.2.18 เครื่องมอื ประกอบเบ้าลูกปื นคอ (Steering Race Installer) เป็นเครื่องใชส้ าหรับประกอบเบา้ ลูกปื นคอ ดงั แสดงในรูปที่ 1.53 รูปที่ 1.53 ลกั ษณะของเครื่องมือประกอบเบา้ ลูกปื นคอและการใชง้ าน วธิ ีการใช้ เลือกขนาดของตวั กดเบา้ ลูกปื นใหเ้ หมาะสมแลว้ ประกอบเบา้ ลูกปื นเขา้ กบั แผงคอ ดงัแสดงในรูปท่ี 1.53 แลว้ ขนั นตั รัดใหเ้ บา้ ลูกปื นเขา้ กบั แผงคอ 1.2.19 เคร่ืองมอื ประกอบซีลโช้กอพั หน้า (Front Fork Oil Seal Installer) ใชส้ าหรับประกอบซีลของโชก้ อพั หนา้ แบบเทเลสโคปิ ค ดงั แสดงในรูปที่ 1.54 รูปท่ี 1.54 ลกั ษณะของเคร่ืองมือประกอบซีลโชก้ อพั และการใชง้ าน

38 วธิ ีการใช้ ปรับขนาดของเคร่ืองมือใหเ้ ท่ากบั ขนาดของซีลแลว้ สวมเขา้ บนแกนโชก้ แลว้ ตอกซีลเขา้ ในปลอกโชก้ อพั จนสุด ดงั แสดงในรูปท่ี 1.54 ข้อควรระวงั ควรปรับขนาดใหถ้ ูกตอ้ งอยา่ ใหโ้ ตเกินไปเพราะจะทาใหบ้ า่ ซีลเสียหาย 1.2.20 คมี ถ่างแหวนสปริงล็อกนอก (Snap Ring Plier Opening Type) ใชส้ าหรับถ่างแหวนสปริงลอ็ กนอกใหถ้ ่างและถอดออก ดงั แสดงในรูปท่ี 1.55 รูปที่ 1.55 ลกั ษณะของคีมถ่างแหวนสปริงล็อกนอก วธิ ีการใช้ ประคองและดนั ปากคีมใหแ้ นบสนิทกบั ปากแหวนล็อก บีบคีมเพื่อถ่างแหวนลอ็ กและถอดแหวนล็อกออก 1.2.21 คีมบีบแหวนสปริงลอ็ กใน (Snap Ring Plier Closing Type) ใชส้ าหรับบีบแหวนสปริงลอ็ กในใหห้ ุบเขา้ และถอดออก ดงั แสดงในรูปท่ี 1.56 รูปที่ 1.56 ลกั ษณะของคีมบีบแหวนสปริงล็อกใน วธิ ีการใช้ ประคองและดนั ปากคีมใหแ้ นบสนิทกบั ปากแหวนลอ็ ก บีบคีมเพ่ือหุบแหวนลอ็ กและถอดแหวนล็อกออก

39 1.2.22 ไขควงตอก (Shock Screwdriver) ใชส้ าหรับขนั หรือคลายสกรูเป็ นไขควงที่ใชง้ านหนกัเหมาะสาหรับการนาไปใชข้ นั หรือคลายสกรูที่ตอ้ งการยดึ แน่นมาก ๆ หรือสกรูท่ีมีสนิม ดงั แสดงในรูปที่ 1.57 รูปที่ 1.57 ลกั ษณะของไขควงตอกและการใชง้ าน วธิ ีการใช้ เลือกขนาดหวั ดอกตอกใหพ้ อดีกบั หวั สกรู แลว้ จบั ยดึ ดา้ มจบั ใหแ้ น่นใชค้ อ้ นตอกลงบนดา้ มจะทาใหป้ ลายไขควงหมุนไปในทิศทางขนั เขา้ หรือคลายออกได้ 1.2.23 ไดอลั เกจ (Dial Gauge) เป็นเครื่องมือวดั ใชส้ าหรับวดั ค่าความคดงอ การบิดโคง้ ของชิ้นงานทรงกลมที่ตอ้ งการความละเอียดมาก ดงั แสดงในรูปที่ 1.58 ระยะต้งั พิกดั ความเพื่อ ตวั ลอ็ กขีดสเกลบนหน้าปด เข็มสนั้ เข็มยาวของนาฬิกาวดันาฬิกาวัด ขอบนาฬิกา ก้านยดึ หวั วดั แกนเลื่อน รูปที่ 1.58 ลกั ษณะของไดอลั เกจ

40 วธิ ีการใช้ ประกอบไดอลั เกจเขา้ กบั ขาต้งั แลว้ นาขาต้งั ไดอลั เกจวางลงบนพ้ืนใกลช้ ิ้นงานท่ีทาการวดั จากน้นั นาไดอลั เกจสัมผสั กบั ชิ้นงานที่จะวดั เล็กน้อย แลว้ ปรับหนา้ ปัดให้อยใู่ นตาแหน่งศูนย์ (0)หมุนชิ้นงานชา้ ๆ สังเกตการแกวง่ ของเข็มบนหน้าปัดไดอลั เกจข้ึนสูงสุด อ่านค่าแลว้ เปรียบเทียบจากคา่ มาตรฐานที่กาหนด หมายเหตุ การอ่านค่าไดอลั เกจ สามารถอ่านได้ 2 ทาง คือ ค่าสูงสุดหรือค่าความโก่งงอ และค่าต่าสุดหรือค่าความสึกหรอ 1.2.24 ฟิ ลเลอร์เกจ (Feeler Gauges) เป็ นเครื่องมือวดั ใชว้ ดั ความหนาหรือช่องวา่ ง ทาจากแผน่เหล็กบาง ใชส้ าหรับตรวจสอบวดั ระยะห่างของลิ้น ระยะเบียดขา้ งของกา้ นสูบกบั เพลาขอ้ เหวี่ยง ดงัแสดงในรูปท่ี 1.59 รูปท่ี 1.59 ลกั ษณะของฟิ ลเลอร์เกจ วธิ ีการใช้ เลือกขนาดความหนาท่ีพอดี เม่ือใส่เกจเขา้ ไปวดั ช่องวา่ ง ซ่ึงจะมีความฝื ดเล็กนอ้ ย แลว้อ่านค่าตามแผน่ เกจวดั มีหน่วยเป็นมิลลิเมตรและเป็นนิ้ว ข้อควรจา ก่อนหรือหลงั การใชเ้ กจวดั ความหนาตอ้ งทาความสะอาดและทาน้ามนั กนั สนิม

41 1.2.25 มลั ตมิ เิ ตอร์ (Multimeter) เป็นเครื่องมือวดั ใชส้ าหรับวดั คา่ แรงเคล่ือนไฟฟ้ าและคา่ ความตา้ นทานทางอุปกรณ์ไฟฟ้ า ท่ีนิยมใชก้ นั มีท้งั แบบเขม็ และแบบดิจิตอล ดงั แสดงในรูปท่ี 1.60 หน้าปด เข็ม ลกู บิดปรับตัง้ รูปที่ 1.60 ลกั ษณะของมัลติมเิ ตอร์แบบเข็ม วธิ ีการใช้ ก่อนทาการวดั อุปกรณ์ไฟฟ้ าตอ้ งพิจารณาค่าท่ีใชใ้ นการวดั ซ่ึงโดยปกติจะวดั แรงเคล่ือนไฟ DC, AC วดั ค่าความตา้ นทาน วดั กระแสไฟแลว้ เลือกพิกดั ในการใชง้ าน เช่น วดั แรงเคล่ือนไฟ ACหรือ DC จะตอ้ งปรับพิกดั ไปในตาแหน่งน้นั ส่วนการใชค้ ่าพิกดั จะตอ้ งมากกวา่ ค่าไฟฟ้ าท่ีทาการวดั ถา้เป็ นการวดั ค่าความตา้ นทานตอ้ งปรับพิกดั ตาแหน่ง “0” ตามค่าท่ีกาหนด และในการวดั ค่าความตา้ นทานจะตอ้ งมีการปรับความตรงของเขม็ ช้ีใหต้ รงกบั ตาแหน่งศูนย์ “0” (การปรับโดยการนาสายบวกและลบของเคร่ืองวดั มาแตะกนั แลว้ ดูวา่ เข็มช้ีท่ี “0” หรือไม่ ถา้ ไม่ตรงใหท้ าการปรับที่ป่ ุมปรับจนกระท้งั เข็มช้ีอยตู่ รงท่ีศูนยพ์ อดี) นาสายบวก (สีแดง) และสายลบ (สีดา) ของมลั ติมิเตอร์จ้ีลงไปในส่วนท่ีจะทาการวดั และใหอ้ า่ นคา่ ท่ีหนา้ ปัดของมลั ติมิเตอร์ โดยอา่ นจากสเกลของพิกดั น้นั ๆ หมายเหตุ ในการวดั ค่าความตา้ นทานของอุปกรณ์ไฟฟ้ า จะตอ้ งแน่ใจว่าไม่มีกระแสไฟอยู่ในวงจรหรืออุปกรณ์ไฟฟ้ า


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook