Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore วิชา 9 หน้า

วิชา 9 หน้า

Published by saowanee.yaukala, 2020-04-10 03:22:28

Description: วิชา 9 หน้า

Search

Read the Text Version

เนอสเซอร่สี ัตวน์ ำ�้ ของในหลวงรชั กาลท่ี ๙ สตั ว์นำ้� ตวั เลก็ ๆ ก็เหมือนกบั เด็ก หากไม่มกี ารดแู ลท่ดี ี โอกาสทจี่ ะเจริญเตบิ โตเป็นแหลง่ โปรตนี ที่ดี ก็คง ลำ� บาก ในหลวงรชั กาลที่ 9 ทรงเขา้ ใจเรอื่ งนเี้ ปน็ อยา่ งดี จงึ เปน็ สาเหตวุ า่ ทำ� ไมถงึ โปรดฯ ใหจ้ ดั ตง้ั ศนู ยศ์ กึ ษา การพฒั นาอา่ วคงุ้ กระเบน อนั เนอ่ื งมาจากพระราชดำ� ริ จังหวัดจันทบรุ ี ในเดอื นธนั วาคม พ.ศ.2524 เรื่องเร่ิมข้ึนเมื่อในหลวงรัชกาลท่ี 9 เสด็จฯ เยี่ยมราษฎรในพ้ืนท่ีชายฝั่งทะเลและหมู่เกาะต่างๆ ทรงพบว่าทรัพยากรธรรมชาติชายฝั่งถูกท�ำลายอย่างหนัก สัตว์น�้ำถูกจับขายจนขยายพันธุ์ไม่ทัน ท�ำให้ปริมาณลดลงอย่างรวดเร็ว ส่งผลกระทบต่ออาชีพประมงโดยตรง นอกจากน้ีในพ้ืนที่ป่าชายเลน ซงึ่ ถอื เปน็ แหลง่ อาหารและแหลง่ เจรญิ พนั ธข์ุ องสตั วน์ ำ้� นานาชนดิ และยงั เปน็ แนวปอ้ งกนั ชายฝง่ั ทส่ี ำ� คญั ก็ประสบปัญหาน�้ำทะเลเอ่อล้นจนท่วม บางแห่งก็ถูกบุกรุกจนกลายสภาพเป็นป่าเสื่อมโทรม ต้องหา มาตรการวธิ ปี อ้ งกันและอนุรกั ษพ์ น้ื ทช่ี ายฝง่ั และปา่ ชายเลนโดยเรง่ ด่วน ภารกิจส�ำคัญท่ีพระองค์ทรงรับส่ังให้ท�ำท่ีศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบนฯ มีต้ังแต่การทดลอง เพาะเล้ียงสัตว์น�้ำชนิดต่างๆ ในน�้ำกร่อย เช่น ปลากะพงขาว และหอยนางรม ซึ่งถือเป็นสัตว์ชนิดใหม่ ท่ีชาวบ้านไม่เคยเล้ียงมาก่อน รวมทั้งยังโปรดฯ ให้อนุรักษ์และขยายพันธุ์ไม้โกงกาง ซ่ึงเป็นไม้ชายเลน ที่เพาะพันธุ์ได้ยากมาก ต้องอาศัยระบบการข้ึนลงของน�้ำทะเลช่วยในการเติบโต เพราะหากขยาย พนั ธไ์ุ มโ้ กงกางได้ส�ำเร็จแลว้ กส็ ามารถจดั ระบบนเิ วศไดเ้ หมาะสมส�ำหรับการอนบุ าลสตั ว์น�ำ้ เชน่ กัน แม้ในหลวงรัชกาลท่ี 9 จะไม่ได้เสด็จฯ มาท่ีอ่าวคุ้งกระเบนอีกเลย แต่ก็ไม่เคยละท้ิง ยังคงเฝ้า ติดตามความเคล่ือนไหวและการท�ำงานของเจ้าหน้าที่เสมอ เพราะทรงถือว่าศูนย์ศึกษาการพัฒนา อันเนื่องมาจากพระราชด�ำริทุกแหง่ เปรยี บเสมือนบา้ นหลังที่ 2 ท่ีทรงตั้งใจจะให้เปน็ พพิ ิธภัณฑท์ ีม่ ชี วี ติ ส�ำหรับประชาชนทส่ี นใจเรยี นรู้และต้องการแนวทางเพ่อื น�ำไปปรบั ใช้และประยุกตใ์ นพน้ื ทข่ี องตนเอง ท่ีน่ีจึงเปรียบเสมือนโรงเรียนอนุบาลป่าชายเลนของพระองค์ ที่มีแนวคิดการพัฒนาแบบครบวงจร คือ อนุรักษ์ ขยายพันธุ์ และต่อยอด ส่งผลให้ชีวิตของคนคุ้งกระเบน และพ้ืนท่ีโดยรอบเปลี่ยนแปลงไป ทั้งคุณภาพชีวิตท่ีดีขึ้น มีอาหารการกิน มีอาชีพท่ีสามารถเล้ียงครอบครัวได้ ท่ีส�ำคัญกว่านั้นคือ ทรพั ยากรธรรมชาตชิ ายฝง่ั ทฟี่ น้ื คนื กลบั มา รวมไปถงึ ปา่ ชายเลน ทท่ี รงยำ�้ ใหท้ กุ คนหวงแหน เพอ่ื ตอ่ ชวี ติ สตั วน์ ้�ำตัวเลก็ ๆ ทั้ง กงุ้ หอย ปู ปลา ใหม้ โี อกาสเตบิ โตต่อไป คงปฏิเสธไม่ได้ว่าในหลวงรัชกาลท่ี 9 พระองค์เปรียบเสมือนผู้ที่อนุบาลสังคมไทย ผ่านโครงการ พระราชด�ำริต่างๆ มากมาย และสิ่งท่ีพระองค์ให้ความส�ำคัญย่ิงกว่า ก็คือการพัฒนาคนให้มีความคิดที่ เขม้ แข็ง สามารถยืนหยดั ดว้ ยตนเอง ดังเช่นโครงการอา่ วค้งุ กระเบนในวันนี้ ท่ยี ังคงเดนิ หนา้ ตอ่ ไป วิชา ๙ หนา้ ศาสตรพ์ ระราชาจากตำ�ราของพ่อ • วชิ านเิ วศปฐมวยั 47

ศนู ยศ์ กึ ษาการพฒั นาอา่ วคงุ้ กระเบน อนั เนอื่ งมาจากพระราชดำ�ริ อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี “ศูนยศ์ กึ ษาฯ ไมใ่ ชว่ ทิ ยาลยั ไม่ใช่โรงเรยี น แตเ่ ป็นสถานที่ แห่งหนึ่ง ที่คนทกุ ระดบั สามารถท่ีจะมาดู ” “...เป็นเสมือนพิพิธภัณฑ์ ที่จะมาดูอะไร มีวิชาการใด ท่ีเก่ียวข้องกับการพัฒนา นอกจากน้ีไปดูศูนย์ศึกษาฯ ไปพักผ่อนหย่อนใจก็ได้ เพราะท�ำงานมาเครียดก็ไป เท่ยี วศูนย์ เหมือนไปเทย่ี วสวนสาธารณะกไ็ ด้” พระราชด�ำรัสของในหลวงรัชกาลท่ี 9 วนั ที่ 26 สงิ หาคม พ.ศ.2531 นอกจากศูนย์ศึกษาพัฒนาการอ่าวคุ้งกระเบน ที่ให้ความรู้ ความเขา้ ใจในดา้ นทรพั ยากรชายฝง่ั ทะเลไดอ้ ยา่ งชดั เจนแลว้ อยากจะชักชวนทุกคนไปเดินเล่นท่ีศูนย์ศึกษาธรรมชาติป่า ชายเลนคุ้งกระเบนท่ีอยู่ใกล้กัน เพราะที่น่ันเปรียบเสมือน พพิ ิธภณั ฑท์ บี่ อกเล่าเรือ่ งราวของธรรมชาติใหไ้ ดเ้ หน็ กบั ตา 48

คณุ ปู่แสม อยา่ ลมื แวะไปทกั ทาย คณุ ปแู่ สมทยี่ นื ตน้ ยาวนานมาถงึ 100 ปี ศาลาชมววิ ศาลาที่ย่ืนออกไปในอ่าว สามารถมองเห็นแนวป่าชายเลนท่ี อดุ มสมบรู ณ์ ทอดตวั ยาวขนานไปกบั ผนื นำ้� เปน็ แนวโดยรอบ อยา่ งสวยงาม และยงั มวี ถิ ชี วี ติ ของชาวบา้ นทม่ี อี าชพี ทำ� ประมง ชายฝง่ั ขนาดเลก็ ทใี่ หไ้ ดเ้ หน็ บนสะพานไม้ท่ีทอดยาวเข้าไปใน หอดเู รอื นยอดไม้ ดงปา่ ชายเลนของอา่ วทมี่ รี ปู รา่ งเหมอื น ปลากระเบน ป่าชายเลนคุ้งกระเบน ออกก�ำลังแล้วเดินข้ึนหอดูเรือนยอดไม้ ที่ไม่สูงเกินเหน่ือย ถือว่ามีความอุดมสมบรูณ์และสวยงาม ประมาณ 15 เมตรเทา่ นนั้ มบี นั ไดเวยี นสำ� หรบั ขนึ้ ลง มจี ดุ พกั มากที่สุดแห่งหน่ึง สะพานเดินศึกษา ในแต่ละช้ัน ชั้นบนสุดเป็นระเบียงห้าเหล่ียม ส�ำหรับ ธรรมชาติ ระยะทาง 1.6 กิโลเมตร นั่งชมวิวอ่าวคุง้ กระเบนและววิ ปา่ ชายเลนจากมมุ สูง ถ้าตาดี มีแต่ความร่มรื่นด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ อาจจะได้เห็นนกท่ีอาศัยอยู่ในแถบอ่าวคุ้งกระเบน ซึ่งมี หลากหลายชนิด ท้ัง ต้นโกงกาง แสม มากกวา่ 120 ชนดิ ลำ� พู ฯลฯ แตล่ ะตน้ จะมชี อ่ื และสรรพคณุ กำ� กบั เอาไวด้ ว้ ย รวมถงึ สตั วน์ ำ้� ตวั เลก็ ๆ กจิ กรรมพายเรอื คายคั กุ้ง หอย ปู ปลา ก็มีให้ดูตลอดทาง ไมต่ อ้ งกลวั ทจ่ี ะเหนอ่ื ยเพราะระหวา่ งทาง พายเรือคายัคลัดเลาะเข้าไปในป่าชายเลนที่อุดมสมบูรณ์ จะมศี าลาใหน้ ง่ั พกั 10 ศาลา พรอ้ มบอรด์ เสน้ ทางคดเคย้ี ว แตร่ ม่ รนื่ และสวยงาม มสี ตั วน์ ำ้� หลากหลาย นทิ รรศการทใ่ี หค้ วามรเู้ กย่ี วกบั โซนนน้ั ๆ รวมทง้ั ฝงู นกชนดิ ตา่ งๆ ดว้ ย สองข้างทางที่ร่มร่ืน เย็นสบายด้วย ต้นไม้ท่ีปกคลุมตลอด ท�ำให้ได้สัมผัส อนสุ รณห์ มดู ดุ จา้ วแหง่ คงุ้ กระเบน กับธรรมชาติอย่างแท้จริง ถือเป็น แหล่งท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจแบบ หมูดุด หรือพะยูน แต่เดิมเคยพบได้ที่อ่าวคุ้งกระเบนเป็น นิเวศทัศนา (Eco-tourism) ท่ีทุกคน จ�ำนวนมาก ปัจจุบันได้สูญพันธุ์และกลายเป็นต�ำนานแห่ง สามารถใช้เวลาในช่วงวันหยุดพักผ่อน อา่ วคงุ้ กระเบนเพราะคนทมี่ อี ายตุ งั้ แต่ 20ปีลงมาถงึ จะเกดิ ที่ รว่ มกนั ไดอ้ ยา่ งเพลดิ เพลนิ เหมาะสมกบั จันทบุรี ก็ไม่มีโอกาสได้เห็น ทางศูนย์ศึกษาการพัฒนาฯ ทกุ เพศทกุ วยั จึงได้จัดท�ำอนุสรณ์หมูดุด เอาไว้เพ่ือให้ความรู้แก่ผู้ท่ีเข้ามา เยี่ยมชม ศูนยศ์ กึ ษาการพฒั นาอา่ วค้งุ กระเบน อนั เนือ่ งมาจากพระราชดำ�ริ ต.คลองขดุ อ.ทา่ ใหม่ จ.จันทบรุ ี เปดิ เวลา 08.30-16.30 น. โทร. 0-3943-3216-8 วิชา ๙ หนา้ ศาสตร์พระราชาจากตำ�ราของพ่อ • วชิ านเิ วศปฐมวัย 49

บ้านปลา ธนาคารปู บา้ นบางสระเกา้ แหลมสงิ ห์ จ.จนั ทบรุ ี หากพดู ถงึ ชมุ ชนทเ่ี ขม็ แขง็ ทรี่ ว่ มกนั ตอ่ สเู้ พอื่ ความเปน็ อยทู่ ยี่ ง่ั ยนื ของชมุ ชน ตอ้ งยกให้ ชมุ ชนบา้ นบางสระเกา้ ทม่ี อี าชพี ทำ� นา ทอเสอ่ื ทำ� ประมงเรอื เลก็ มาตงั้ แตบ่ รรพบรุ ษุ ในล�ำคลองหนองบัวและคลองบางสระเก้า ซึ่งเป็นพ้ืนท่ี 3 น้�ำ ท�ำให้มีแพลงตอน และอาหารมากมาย ท�ำให้มีกุ้ง หอย ปู ปลาท่ีสมบูรณ์ จวบจนมีการรุกรานของ คนนอกพ้นื ถิน่ ทใ่ี ชเ้ รือดนุ ลกั ลอบเข้ามาจบั สตั ว์น้�ำ ทำ� ใหเ้ กิดปัญหาสัตว์น้�ำลดลง กวา่ 20 ปี ภายใตก้ ารน�ำของผูใ้ หญอ่ ดู๊ (นายสถติ แสนเสนาะ) ทร่ี ว่ มใจกบั ชาวบา้ น จนสามารถขบั ไลเ่ รอื ดนุ ออกนอกพนื้ ทสี่ ำ� เรจ็ แลว้ รว่ มกนั จดั ตง้ั บา้ นปลา ธนาคารปู เพอื่ ใหค้ วามรทู้ ถ่ี กู ตอ้ งและรกั ษาความอดุ มสมบรู ณข์ องแหลง่ อาหารในชมุ ชนเอาไว้ 50

การสร้างบ้านปลา ก็คือการสร้างปะการังเทียม โดยน�ำ ปัจจุบันบ้านปลา ธนาคารปู กลายเป็น ยางนอกรถยนต์มามัดเป็นลูกเต๋า แล้วน�ำไปปล่อยไว้ตาม ศูนย์เรียนรู้ธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม คลอง เพื่อเป็นท่ีหลบภัยจากกระแสน้�ำของปลาตัวเล็กๆ ใหก้ บั องค์กรและสถาบันต่างๆ ทส่ี นใจ เมื่อมีปลาเล็ก ย่อมมีปลาใหญ่ที่ตามเข้ามากินปลาเล็กตาม โดยเรียนรู้และลงมือท�ำกิจกรรมตาม วงจรธรรมชาติ จึงก่อให้เกิดแหล่งอาหารของชุมชนอีกคร้ัง ฐานต่างๆ ท้ังแบบเต็มวันหรือคร่ึงวัน ชาวประมงไม่ต้องเดินทางไกล เสียเงิน เสียเวลา เพราะ และก�ำลังจะขยับขยายในส่วนของการ สามารถจบั ปลาในทอ้ งท่ไี ด้เลย ท่องเที่ยวแบบโฮมสเตย์ พร้อมเปิดรับ ส�ำหรับธนาคารปู เปรยี บเสมอื นโรงพยาบาลรบั ฝากท้องของ นกั ทอ่ งเทย่ี ว ใหม้ ากนิ อยกู่ บั ชาวบา้ นได้ บรรดาแม่ปทู งั้ หลาย โดยเฉพาะปูไขน่ อกกระดอง เนือ่ งจาก ภายในต้นปี พ.ศ.2561 แตใ่ นระหวา่ งนี้ ปูไข่เป็นที่นิยมกินกันมาก ท�ำให้เกิดภาวะขาดแคลนพันธุ์ปู ถ้าไม่มีเวลาพอส�ำหรับท�ำกิจกรรม ท่ีจะเกิดขึ้นตามธรรมชาติ ท่ีนี่จึงเกิดแนวคิดว่าต้องท�ำ นกั ทอ่ งเทยี่ วกส็ ามารถเขา้ ไปรบั ประทาน การอนุรักษ์และขยายพันธุ์ไปพร้อมๆ กัน จึงมีการท�ำกติกา อาหารจากฝีมือชาวบ้านในชุมชนได้ ร่วมกันว่า เมื่อจับปูไข่ได้ โดยเฉพาะปูไข่นอกกระดอง โดยต้องติดต่อลว่ งหนา้ ที่สามารถผลิตลูกได้เป็นล้านตัว ให้น�ำมาฝากธนาคารปูไว้ เมื่อแม่ปูฟักไข่เป็นลูกปูเล็กๆ มากมาย ก็จะน�ำไปปล่อย ให้เติบโตตามธรรมชาติ เพ่อื กลายเปน็ แหลง่ อาหารต่อไป สนใจทำ�กจิ กรรม หรอื รับประทานอาหารในชุมชน เที่ยวชุมชนใกล้เคยี ง ตดิ ตอ่ ลว่ งหนา้ ที่ ผใู้ หญอ่ ดู๊ โทร. 08-1 158 -9440, 09-9259- 6832 วสิ าหกจิ ชมุ ชนทอ่ งเทยี่ วเชงิ เกษตร ชมุ ชนรกั ษเ์ ขาบายศรี อ.ทา่ ใหม่ จ.จนั ทบรุ ี โทร. 08-6834-9604 ชมุ ชนรมิ นำ้� จนั ทบรู อ.เมอื ง จ.จนั ทบรุ ี โทร. 08-1945-5761 ชมุ ชนขนมแปลกรมิ คลองหนองบวั อ.เมอื ง จ.จนั ทบรุ ี โทร. 08-1761-6034 วชิ า ๙ หน้า ศาสตร์พระราชาจากตำ�ราของพ่อ • วชิ านเิ วศปฐมวยั 51

สถานท่ีทอ่ งเท่ียวน่าสนใจ จ.จนั ทบุรี ชุมชนริมน�้ำจนั ทบูร ไปทางถนนสุขาภิบาล ระยะทาง ประมาณ1กโิ ลเมตรจะไดพ้ บกบั เรอื นไม้ ดืม่ ด่�ำกับวิถสี โลวไ์ ลฟ์ กบั ชมุ ชนรมิ น้ำ� เก่าแกข่ องชาวจีนและ หรือตึกแถวโบราณอายุมากกว่าร้อยปี ญวน ท่ีอพยพมาตั้งแต่สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น และกลาย ท่ีมีการสลักลวดลายไม้งดงามอยู่ตาม เป็นศูนย์กลางการค้าขายท่ีส�ำคัญมาตั้งแต่สมัยรัชกาลท่ี 5 บานประตู หนา้ ต่าง ระเบียงไม้ ช่องลม ความเข็มแข็งของคนในชุมชน ที่ร่วมใจกันอนุรักษ์วิถีด้ังเดิม ให้เดินเล่นถ่ายรูปกันอย่างเพลิดเพลิน ของชุมชนเอาไว้ ไม่ให้เปลี่ยนไปตามกระแสแห่งความนิยม มรี ้านอาหารรมิ น้�ำ รา้ นกาแฟ ใหน้ งั่ ชลิ กลายเปน็ เสนห่ เ์ ฉพาะตวั ชวนใหม้ าสมั ผสั เรมิ่ จากถนนทา่ หลวง ดม่ื ดำ่� บรรยากาศ มบี รกิ ารลอ่ งเรอื เพอ่ื ชมวิถีริมน้�ำอย่างใกล้ชิด เดินทักทาย คณุ ยา่ คณุ ยาย ทท่ี ำ� ขนมขายอยหู่ นา้ บา้ น หากอยากรจู้ กั ชุมชนอยา่ งลึกซงึ้ ให้ไปท่ี ศนู ยก์ ารเรยี นรรู้ มิ นำ้� จนั ทบรู ทรี่ วบรวม ประวัติภาพถ่ายของชุมชน ท่ีบอกเล่า เรื่องราววถิ ีชวี ติ ของทีน่ ไ่ี ด้เปน็ อย่างดี ถนนทา่ หลวง อ.เมือง จ.จนั ทบรุ ี 52

ตงั้ อยใู่ นโรงเรยี นสตรมี ารดาพทิ กั ษ์ อาสนวิหารพระนางมารีอาปฏสิ นธินริ มล ถ.สนั ตสิ ขุ ต.จนั ทนิมิต อ.เมอื ง จ.จันทบุรี หรือ โบสถ์วัดแม่พระปฏิสนธินิรมล คือโบสถ์คริสต์เก่าแก่ท่ีต้ังเด่น เปน็ สงา่ คกู่ บั ชมุ ชนจนั ทบรู มายาวนาน โดยโบสถห์ ลงั ปจั จบุ นั นน้ั มอี ายุ มากกวา่ ร้อยปแี ลว้ นับเป็นหลงั ท่ี 5 ท่ีถกู สรา้ งใหใ้ หญ่ขึ้น เพื่อรองรับ ศรทั ธาของชาวครสิ ตท์ เี่ พม่ิ มากขน้ึ ตวั โบสถม์ คี วามสวยงามแบบยโุ รป สไตลโ์ กธคิ ดา้ นในเปน็ หลงั คาทรงสงู สลกั ลวดลาย ตกแตง่ ดว้ ยสแตน กลาสหรือกระจกสีเป็นรูปนักบุญต่างๆ บริเวณแท่นท่ีเวทีด้านหน้า มีรูปปนั้ แม่พระแม่มารียห์ รอื พระนางมารอี า พระมารดาของพระเยซู ในศาสนาครสิ ต์ ท่ีประดับพลอยถงึ 2 แสนเม็ด 2 หมน่ื กะรตั มลู คา่ กว่า 10 ล้านบาท ด้านนอกโบสถ์ จะมีอนุสาวรีย์พระนางมารีอา ยนื อยดู่ า้ นหนา้ พระวหิ าร และหากมองขนึ้ ไปใตโ้ ดมฝง่ั ขวา จะมองเหน็ นาฬิกาโบราณขนาดใหญ่อายุร้อยกว่าปีที่ยังเดินบอกเวลา นับว่า เป็นโบสถ์คาทอลิกเก่าแก่และมีความงดงามมากท่ีสุดแห่งหนึ่งของ เมืองไทย และได้รับรางวัลอาคารอนุรักษ์ดีเด่นประจ�ำปี 2542 จากสถาปนิกสมาคม วงั สวนบ้านแกว้ น้�ำตกพลว้ิ ประกอบดว้ ยพระตำ� หนกั เทา นอกจากสายนำ้� ตกทไี่ หลเยน็ คือวังประทับของสมเด็จ เส้นทางเดินธรรมชาติที่ พระนางเจ้าร�ำไพพรรณี สมบูรณ์ และปลาพลวงหนิ พระบรมราชนิ ใี นรชั กาลท่ี 7 ท่ีสร้างความตื่นตาต่ืนใจ เปน็ บ้านแบบชน้ั คร่ึง ดา้ นบนเปน็ หอ้ งพระบรรทม ให้กับคนที่มาเท่ียวแล้ว ท่ีน่ียังมีสถูปพระนาง ด้านล่างเป็นห้องหับต่างๆ ซ่ึงปัจจุบันจัดแสดง เรือล่มรูปทรงปิรามิด อนุสรณ์สถานแห่งความรัก ของใช้ส่วนพระองค์ และเปิดให้นักท่องเที่ยวได้ และความอาลัย ท่ีรัชกาลที่ 5 สรา้ งให้พระนางเรอื เข้าชม รวมท้ังรถยนต์พระท่ีนั่ง พร้อมเรือนไม้ ลม่ ซง่ึ เสดจ็ ทวิ งคตในเหตเุ รอื ลม่ ทแ่ี มน่ ำ�้ เจา้ พระยา 3 หลังที่อยู่ด้านนอก คือ เรือนเทา เรือนแดง รวมท้ังอลงกรณ์เจดีย์ (เจดีย์จุลศิรจุมพฏเจดีย์) เรือนเขียว และอนุสาวรีย์ของพระองค์ท่ีประทับ ท่ีสร้างเพ่ือเป็นท่ีระลึก ในการเสด็จน้�ำตกพลิ้ว น่ังอยู่ในสวนดอกไม้สวยงาม ของทั้งสองพระองค์ และทรงโปรดปรานท่ีนี่มาก น้�ำตกพล้ิว จึงมีครบทั้งเรื่องของธรรมชาติท่ี มหาวิทยาลยั ราชภฎั รำ�ไพพรรณี สวยงาม และประวตั ิศาสตรท์ นี่ า่ สนใจ ต.ท่าชา้ ง อ.เมือง จ.จนั ทบุรี เปดิ วันจนั ทร์-วันศุกร์ เวลา 08.30 - 16.30 น. ต.พลวิ้ อ.แหลมสงิ ห์ จ.จันทบุรี โทร. 0-3947-1064, 0-3931-9111 ต่อ 7000-1 วชิ า ๙ หนา้ ศาสตรพ์ ระราชาจากตำ�ราของพอ่ • วชิ านเิ วศปฐมวยั 53





56

กาแฟตน้ เดยี วของในหลวง ทช่ี ว่ ยสรา้ งป่าใหส้ มบูรณ์ ใครจะเช่ือปัญหาฝิ่นที่อยู่คู่สังคมไทยมานานกว่า 600 ปี จะหายไป ด้วยพระอัจฉริยภาพท่ีเกิดจาก การมองปัญหาอย่างรอบด้านลึกซ้ึงของในหลวงรัชกาลท่ี 9 ท�ำให้สามารถเอาชนะปัญหาท่ีเกาะกิน สงั คมไทยมายาวนานได้ ยอ้ นไปเมอื่ ปี พ.ศ.2512 ระหวา่ งทใี่ นหลวงรชั กาลที่ 9 เสดจ็ ฯ ไปยงั หมบู่ า้ นของชาวเขาเผา่ มง้ ระหวา่ งทาง ทรงทอดพระเนตรเหน็ ตน้ ทอ้ พน้ื เมอื ง จงึ สอบถามชาวเขาละแวกนนั้ วา่ ปลกู ฝน่ิ ไดเ้ งนิ เทา่ ใด และเกบ็ ทอ้ พืน้ เมอื งขายไดเ้ งนิ กบี่ าท ปรากฏวา่ ขายได้ราคาพอกันทงั้ คู่ ทรงคิดวา่ ถ้าปลกู ทอ้ ลูกนดิ ๆ แล้วยงั ทำ� เงนิ ไดด้ เี ทา่ กบั ปลกู ฝน่ิ กค็ วรเปลยี่ นไปปลกู ทอ้ ลกู ใหญๆ่ แทน โดยจะทรงชว่ ยรบั ซอื้ และจดั หาตลาดให้ และ พอขายไดจ้ �ำนวนมากๆ แลว้ สุดท้ายฝ่ินก็คงสูญหายไปเอง จากนั้นก็ทรงเริ่มพัฒนาทีมงานข้ึนมา ครั้งแรกได้พระราชทานเงินให้คณะทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์ จำ� นวน 200,000 บาท เพอ่ื ซอื้ ทดี่ นิ เกษตรกรบนดอยปยุ กอ่ ตงั้ สวนสองแสน เพอ่ื ทำ� หนา้ ท่ี วิจัยและค้นหาพืชใหม่ๆ ให้ชาวเขาปลกู ทดแทน และภายหลงั กท็ รงมอบหมายให้ หม่อมเจ้าภศี เดช รัชนี รวบรวมนักวิชาการเกษตรเพ่มิ เติม จนตอ่ ยอดเปน็ สู่ ‘โครงการหลวง’ ขณะท่ีทีมวิจัยท�ำงานอย่างหนัก พระองค์ก็ไม่ทรงหยุดนิ่ง ทรงชักชวนให้ชาวเขาลองหันมาปลูกพืชผัก เมอื งหนาวแทนการปลกู ฝน่ิ ทรงเหน็ วา่ หากดงึ ชาวเขามาเปน็ แนวรว่ มได้ กเ็ ทา่ กบั ประเทศชาตจิ ะมกี ำ� ลงั สำ� คญั ในการดแู ลปา่ ตน้ นำ้� จากการทำ� งานทง้ั เชงิ รบั และเชงิ รกุ บวกกบั ความรว่ มมอื ของนานาชาติ ทำ� ให้ โครงการหลวงมเี มลด็ พนั ธม์ุ ากมายสำ� หรบั การทดลองใหช้ าวเขาปลกู อาทิ แอปเปล้ิ พลบั สาลี่ บว๊ ย และ ทนี่ ่าสนใจสุดคือ เมล็ดกาแฟพันธุอ์ ราบกิ า้ ซึ่งไดร้ บั ถวายมาจากประเทศปาปัวนิวกินี โดยมีเรือ่ งเลา่ วา่ เมอ่ื พ.ศ.2517 ครั้งหนึง่ ระหว่างท่ีเสดจ็ ฯ เยีย่ มราษฎรบนดอย หมอ่ มเจ้าภีศเดช รชั นี ได้กราบทูลว่าชาวเขาท่ีบ้านหนองหล่ม ในพ้ืนท่ีเกษตรหลวงอินทนนท์ เร่ิมลงมือปลูกกาแฟบ้างแล้ว จงึ อยากทลู เชญิ ไปเยยี่ มชม แตเ่ นอ่ื งจากทางทไ่ี ปเปน็ เขาสงู ไมม่ ถี นน ตอ้ งเดนิ เทา้ อยา่ งเดยี วเกอื บ 2 ชว่ั โมง กวา่ จะถึงปากหมบู่ า้ น แลว้ ยังต้องเดินต่ออีก 1 กิโลเมตร ถงึ จะพบไรก่ าแฟ และสิ่งที่ปรากฏวันนัน้ คอื ทง้ั ไรม่ กี าแฟขนึ้ เพยี งตน้ เดยี วเทา่ นนั้ ทำ� ใหเ้ กดิ ความฉงนจากบรรดาผทู้ ต่ี ดิ ตามเสดจ็ ตา่ งๆ พระองค์จงึ ทรง อธบิ ายเหตผุ ลใหฟ้ งั วา่ “เราเพงิ่ ใหพ้ นั ธก์ุ าแฟไปเมอื่ ปกี ลาย กะเหรยี่ งไมเ่ คยปลกู กาแฟเลย เหลอื ตน้ เดยี ว กถ็ ือวา่ กา้ วหน้าแลว้ ไมเ่ หลือเลยมันแย่ แตน่ ี่ปลูกได้ต้นหน่งึ แปลว่ากา้ วหน้าแล้วถงึ ตอ้ งตามไปด”ู จากกาแฟตน้ เดยี วในวนั นนั้ กาแฟอราบกิ า้ ไดน้ ำ� รายไดม้ หาศาลมาสชู่ าวเขาในวนั น้ี เชน่ เดยี วกบั ยอดดอยท่ี คนื สู่ความอุดมสมบรู ณ์อกี ครั้ง ทงั้ หมดนี้กเ็ พราะมีในหลวงรชั กาลท่ี 9 เปน็ แรงผลักดนั ทสี่ �ำคัญนั่นเอง วชิ า ๙ หน้า ศาสตรพ์ ระราชาจากตำ�ราของพ่อ • วิชาปลูกรักษ์ 57

สถานวี จิ ยั โครงการหลวงดอยอนิ ทนนท์ จ.เชยี งใหม่ ห้องเรียนของพ่อบนดอยสูงที่สุดของประเทศ เรียกว่า สถานีวิจัยของมูลนิธิโครงการหลวงดอยอินทนนท์ เป็น ห้องเรียนท่ีเปลี่ยนพื้นที่ฝิ่น เป็นพื้นที่ท�ำกินอย่างย่ังยืน เพื่อช่วยเหลือชาวไทยภูเขาให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ไดม้ ที ี่อยู่และท่ที �ำกินเป็นหลกั แหลง่ มรี ายได้เพมิ่ ขนึ้ โดยการ สนบั สนนุ ใหป้ ลกู พชื เมอื งหนาวเนอ่ื งจากมภี มู อิ ากาศหนาวเยน็ มีการเลี้ยงสัตว์และอนุรักษ์วิถีชีวิตของชุมชนให้สอดคล้อง กับการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ห้องเรียนใหญ่ประกอบ ไปด้วยห้องเรยี นยอ่ ยมี 4 ห้องดว้ ยกัน หอ้ งเรยี นท่ี 1 เรยี กวา่ หนว่ ยวจิ ยั ขนุ หว้ ยแหง้ เปน็ ทวี่ จิ ยั และ ปรบั ปรงุ พนั ธพ์ุ ชื ทง้ั ไมผ้ ล พชื ไร่ ดอกไมท้ นี่ ำ� เขา้ จากตา่ งประเทศ 58

ห้องเรียนท่ี 2 คือหน่วยวิจัยแม่ยะน้อย มีหน้าท่ีปรับปรุง พนั ธก์ุ าแฟอราบกิ า้ ในพน้ื ทเี่ พอ่ื ใหม้ คี ณุ ภาพ รสชาตกิ ลมกลอ่ ม พรอ้ มออกสู่ตลาดด้วยความภาคภูมิ ห้องเรียนท่ี 3 เป็นหน่วยวิจัยผาต้ังมีหน้าท่ีอนุรักษ์พันธุ์ไม้ โบราณ พวกกหุ ลาบพนั ปี และตน้ สนโบราณทห่ี ายาก นอกจากนี้ ยงั มหี อ้ งเรยี นพิเศษ คอื หนว่ ยวจิ ยั ประมงพ้ืนท่สี ูงอินทนนท์ โดยมลู นธิ โิ ครงการหลวงไดร้ ว่ มมอื กบั กรมประมง ทดลองเลย้ี ง และขยายพันธุ์เพื่อลดการน�ำเข้าจากต่างประเทศ ซึ่งจะ มปี ลาอยู่ 2 ชนดิ คอื ปลาเรนโบวเ์ ทราต์และปลาสเตอร์เจีย้ น ห้องเรียนพิเศษนี้อยู่ห่างกับตัวสถานีเกษตรหลวงไม่ไกลนัก และเราสามารถรว่ มจบั ปลากบั ชาวบา้ นไดโ้ ดยตดิ ตอ่ สอบถาม ล่วงหน้า สดุ ทา้ ยคอื หอ้ งเรยี นรวม หรอื หลกั สถานที ี่ 4 คือบ้านขุนกลาง จะมีหน้าท่ีต้อนรับนักท่องเท่ียวด้วยผลผลิตจากโครงการหลวง ทุกอย่าง จากทุกสถานี เรียกว่าเป็นคลังแห่งวัตถุดิบที่เลอค่า ท้ังผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์ ที่ทดลองวิจัยจนได้ผลผลิตเพียงพอต่อความต้องการของตลาด ไม่ว่าจะเป็น ปลาเรนโบว์เทราต์ กุ้งก้ามแดง เป็ดอ้ีเหลียง ปลาสเตอร์เจี้ยน น�ำมาท�ำเป็น เมนูรสชาติอร่อย ราคาไม่แพง สามารถชิมรสได้ท่ีร้านอาหารของโครงการหลวง เช่น เป็ดอี้เหลียงอบกาแฟดอยค�ำ ปลาสเตอร์เจ้ียนน่ึงซีอ๊ิว แกงเหลืองปลาเทราต์ และอื่นๆ อีกมากมาย ที่น่ียังมีมีสวนไม้ดอกไม้ประดับให้เท่ียวชมและถ่ายรูปกัน อย่างเพลดิ เพลิน กว่าจะมาเป็นสถานีวิจยั ทเี่ พียบพรอ้ มเหล่านี้ ตอ้ งใช้เวลาพัฒนา ทดลอง ปรับปรุง มานานหลายสิบปี แม้กระท่ังทุกวันน้ีการพัฒนายังคงไม่หยุดยั้ง เพ่ือสานต่อ พระราชปณธิ านของในหลวงรชั กาลที่ 9 ท่มี ีพระประสงคใ์ หพ้ สกนิกรทุกหมเู่ หลา่ ไดม้ ีชีวติ ความเปน็ อยทู่ ีด่ ีขึน้ ไม่วา่ จะอย่สู ว่ นใดของประเทศ วิชา ๙ หนา้ ศาสตรพ์ ระราชาจากตำ�ราของพ่อ • วชิ าปลกู รักษ์ 59

ชุมชนบา้ นกลางหลวง และหนงึ่ ในหมบู่ า้ นใกลก้ บั พนื้ ทโ่ี ครงการหลวงอนิ ทนนท์ ทไี่ ดร้ บั ประโยชนท์ างออ้ ม ในด้านการท่องเท่ียวเชิงนิเวศน์วัฒนธรรมคือ บ้านแม่กลางหลวง แม่กลางหลวง อยู่ระหว่างกลางระหว่างพื้นราบจากถนนสายจอมทองถึงดอยอินทนนท์ ตรง หลักกิโลเมตรที่ 26 ท่ีน่ีมีนาข้ันบันไดผืนใหญ่ที่สุดบนดอยอินทนนท์ เป็นนาข้าว ทา่ มกลางหบุ เขา มลี ำ� ธารหลายสายไหลผา่ น ทำ� ใหเ้ หมาะแกก่ ารเพาะปลกู และเปน็ เสนห่ ด์ งึ ดดู ใหน้ กั ทอ่ งเทย่ี วทร่ี กั ธรรมชาตแิ ละตอ้ งการความเงยี บสงบ เดนิ ทางเพอื่ มา สมั ผสั กบั บรรยากาศแบบนี้ โดยเฉพาะในฤดทู ที่ งุ่ ขา้ วเขยี วขจี หม่ คลมุ ภเู ขาผนื ใหญ่ คณุ สมศกั ด์ิ ศรภี มู ทิ อง เลา่ วา่ ดว้ ยวถิ เี นบิ ชา้ กจิ กรรมตา่ งๆ ในชมุ ชนจงึ ไมร่ บี เรง่ แต่เน้นแบบลึกซึ้ง เพื่อให้ทุกคนได้ดื่มด่�ำกับธรรมชาติรอบๆ ตัวอย่างเต็มท่ี และ หนงึ่ ในนนั้ คอื การจบิ กาแฟสด ดว้ ยวธิ กี ารชงแบบโบราณ เมอ่ื เมลด็ กาแฟจากชมุ ชน ถกู บดดว้ ยเครอื่ งบดมอื หมนุ ผงกาแฟละเอยี ดเหมาะสำ� หรบั ชงเทลงไปในถงุ ตามดว้ ย นำ�้ รอ้ นทต่ี ม้ จากกานำ้� และฟนื ควนั ไฟจากเตาใหค้ วามรสู้ กึ เหมอื นยอ้ นกลบั ไปอดตี ภาพนกั ทอ่ งเทยี่ วรอคอยจบิ กาแฟดว้ ยความรสู้ กึ ตน่ื เตน้ เปน็ ภาพทไี่ มค่ นุ้ ตาในเมอื ง ทมี่ คี วามรบี เรง่ และวนุ่ วาย คณุ สมศกั ดบิ์ อกวา่ การทอ่ งเทย่ี วแบบนเ้ี รม่ิ เปน็ ทนี่ ยิ ม ทำ� ใหร้ ายไดข้ องชาวบา้ นเพมิ่ มากขนึ้ แตต่ อ้ งแลกมากบั การดแู ลความสะอาด และการจดั การทเ่ี ปน็ ระบบ ซงึ่ ทกุ ฝา่ ย 60

ตอ้ งรว่ มมอื กนั รวมทง้ั การรกั ษาทรพั ยากรสว่ นกลางดว้ ย แตก่ ็ ถอื วา่ มขี อ้ ดยี งิ่ กวา่ เพราะทำ� ใหช้ มุ ชนอยไู่ ดแ้ บบยง่ั ยนื เอกลกั ษณท์ างวฒั นธรรม อยา่ งการทอผา้ ของชาวบา้ นในชมุ ชน ทย่ี งั คงสบื ทอดจากรนุ่ สรู่ นุ่ ไดก้ ลายเปน็ ของฝากประจำ� หมบู่ า้ น ท่ีใครๆ ก็อยากได้และรู้สึกดีที่ได้รับ และนอกจากกิจกรรม ดงั กลา่ วแลว้ ยงั มกี จิ กรรมเดนิ ปา่ แบบเบาๆ โดยมไี กดท์ อ้ งถน่ิ ที่ต้องได้รับอนุญาตจากอุทยานแห่งชาติเท่าน้ันเป็นผู้น�ำทาง เพราะจะไดร้ ะมดั ระวงั เรอ่ื งผลกระทบตอ่ ปา่ ไมแ้ ละธรรมชาติ หากใครมเี วลาและตอ้ งการชารต์ แบตในฤดทู ส่ี ายฝนฉำ�่ ลองมา พกั โฮมสเตยข์ องชมุ ชนบา้ นแมก่ ลางหลวง รบั รองวา่ จะไดส้ มั ผสั วถิ เี นบิ ชา้ แตง่ ดงามอยา่ งแนน่ อน บ้านแม่กลางหลวง อ.จอมทอง จ.เชยี งใหม่ จาก อ.จอมทอง ขับตามทางขนึ้ อช.ดอยอนิ ทนนท์ พอถงึ ป้าย กิโลเมตรที่ 26 จะมีป้ายแม่กลางหลวง เล้ยี วเขา้ หมู่บา้ นทางซ้ายมือ ติดตอ่ พักโฮมสเตย์ในหม่บู า้ น คุณสมศกั ดิ์ ศรภี ูมทิ อง บ้านแมก่ ลางหลวง อ.จอมทอง จ.เชยี งใหม่ โทร. 08-1960-8856 เทีย่ วชมุ ชนใกล้เคียง บา้ นผาหมอน อ.จอมทอง จ.เชยี งใหม่ โทร. 08-1166-4344 ชมุ ชนบา้ นไรก่ องขงิ อ.หางดง จ.เชยี งใหม่ โทร. 06-1195-9551 วชิ า ๙ หนา้ ศาสตรพ์ ระราชาจากตำ�ราของพอ่ • วิชาปลกู รกั ษ์ 61

สถานท่ีท่องเที่ยวนา่ สนใจบรเิ วณดอยอินทนนท์ อทุ ยานแห่งชาติดอยอนิ ทนนท์ อุทยานแหง่ ชาติดอยอินทนนท์ 119 ม. 7 ต.บา้ นหลวง อ.จอมทอง หรอื เรียกว่า ดอยหลวง ซ่ึงหมายถึงภูเขาที่มีขนาดใหญ่ หรือ จ.เชียงใหม่ ดอยอา่ งกา ตามเรอ่ื งเลา่ วา่ ทางทศิ ตะวนั ตกของดอยอนิ ทนนท์ เปิด เวลา 05.00-18.00 น. มีหนองน้ำ� แห่งหน่งึ ทเี่ หมือนอ่างน�้ำ แต่กอ่ นมีฝูงกาไปเลน่ น�้ำ โทร. 0-5328-6729 กันมากมาย จึงเรียกว่าอ่างกา ต่อมาจึงเรียกว่าดอยอ่างกา ติดตอ่ ทพี่ ักทีก่ รมอุทยานแห่งชาติฯ สว่ นทม่ี าของชอื่ ดอยอนิ ทนนท์ มาจากกพู่ ระเจา้ อนิ ทวชิ ยานนท์ (สำ�รองทพ่ี กั ลว่ งหนา้ อยา่ งนอ้ ย 1 อาทติ ย)์ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ องค์ที่ 7 ท่ีต้ังอยู่บนนั้น ซ่ึงท่านมี โทร. 0-2562-0760 พระนามาภิไธย นามวา่ เจา้ อนิ ทนนท์ Www.dnp.go.th ด้วยสภาพอากาศเย็นตลอดทั้งปีราว 5–18 องศาเซลเซียส เปน็ ทตี่ ง้ั สถานเี รดารข์ องกองทพั อากาศไทย ทนี่ ยี่ งั มกี ลว้ ยไม้ พันธุ์ไม้ป่าท่ีสวยงาม และนกหายากนานาชนิด ให้เดินเล่น เดนิ ชมกนั อยา่ งเพลดิ เพลนิ รวมทง้ั บา้ นพกั และเตน็ ทไ์ วบ้ รกิ าร ส�ำหรบั นกั ท่องเทยี่ วที่ตอ้ งการใกลช้ ิดกบั ธรรมชาติ คา่ เขา้ ชม • ชาวไทย ผใู้ หญ่ 50 บาท เดก็ 20 บาท • ชาวต่างชาติ ผ้ใู หญ่ 300 บาท เดก็ 150 บาท 62

ตลาดปกาเกอะญอหรอื ตลาดม้ง น�้ำตกวิชรธาร เหมือนซูเปอร์มาร์เก็ตลอยฟ้าที่มีท้ังพืช ผักผลไม้ เดิมช่ือน้�ำตกตาดฆ้องโยง และได้เปลี่ยนชื่อตาม บนดอยสูงชนิดต่างๆ ตามฤดูกาลจ�ำหน่าย เช่น พระนามของในหลวงรัชกาลท่ี 10 เป็นน�้ำตก ลูกพลับ อโวคาโด ในช่วงหน้าหนาวซ่ึงเป็นช่วง ขนาดใหญ่ มีหน้าผาสูง น�้ำเบื้องบนหน้าผาไหล ทอ่ งเทย่ี วจะมสี ตรอวเ์ บอรร์ ี พนั ธพ์ุ ระราชทาน 80 ลงสู่แอ่งน�้ำเบื้องล่าง ด้วยความสูงถึง 70 เมตร กสู เบอรร์ ี เป็นที่นยิ มซอื้ กลบั เป็นของฝาก มีปรมิ าณน�้ำมาก เปน็ นำ้� ตกทม่ี ีความสวยงามมาก แห่งหนึ่งของเมืองไทย เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ การเดินทาง: อยู่ระหวา่ งทางข้ึนดอยอินทนนท์ ของคนพ้ืนที่และนักท่องเที่ยว มีร้านอาหารและ เลยอทุ ยานแห่งชาติดอยอนิ ทนนท์ขึน้ ไป รา้ นกาแฟใหน้ งั่ ชลิ ฟงั เสยี งนำ้� ตกอยา่ งเพลดิ เพลนิ เปิด ทุกวัน เวลา 07.00-17.00น. การเดินทาง: อย่ใู นอทุ ยานแห่งชาติดอยอนิ ทนนท์ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ เปิด ทกุ วนั เวลา 06.00-17.00 น. พระมหาธาตุ นภเมทนดี ล พระมหาธาตุ นภพลภมู ิสิริ สร้างขึ้นเพื่อถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ส ร ้ า ง ขึ้ น เ พ่ื อ ถ ว า ย ส ม เ ด็ จ พ ร ะ น า ง เ จ ้ า ฯ เน่ืองในวโรกาสทรงเจริญพระชนมพรรษา พระบรมราชินนี าถ ในรัชกาลที่ 9 เน่อื งในวโรกาส ครบ 5 รอบ ในปี พ.ศ.2530 สักการะพระพทุ ธรูป ทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 5 รอบ เม่ือปี ศิลา-แกรนิตนามว่า “พระพุทธบรมศาสดา พ.ศ. 2535 พระมหาธาตุเจดีย์ นภพลภูมิสิริ นวมินทรมหาจักรีราชานุสรณ์ สัฐิพรรษาสถาพร มคี วามหมายวา่ “เปน็ กำ� ลงั แหง่ ฟา้ เปน็ สริ แิ หง่ ดนิ ” พิพัฒน์” ซ่ึงมีความหมายว่า พระพุทธเจ้า ทก่ี ลางโถงเจดยี ป์ ระดษิ ฐานพระพทุ ธรปู ปางรำ� พงึ ผู้พระบรมศาสดา สร้างเป็นอนุสรณ์ท่ีพระบาท ซึ่งเป็นพระประจ�ำ พระชนมวาร ของสมเด็จ สมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั รชั กาลที่ 9 แหง่ พระมหาจกั รี พระนางเจา้ ฯ พระบรมราชินีนาถ ในรชั กาลที่ 9 บรมราชวงศ์ พระชนมพรรษา 60 คา่ เขา้ ชม : 40 บาท สำ�หรบั ผใู้ หญ่ เดก็ เขา้ ชมฟรี เปดิ เวลา 08.00-16.00น วิชา ๙ หน้า ศาสตรพ์ ระราชาจากตำ�ราของพ่อ • วชิ าปลกู รกั ษ์ 63





66

‘แก้มลิง’ มหศั จรรยแ์ หง่ การสงั เกต เพราะความรักท่ีมีต่อสัตว์ทรงเล้ียงของในหลวงรัชกาลท่ี 9 พระองค์จึงคอยเฝ้าสังเกตพฤติกรรมของ ลิงแสมทรงเลี้ยงอย่างใกล้ชิด จากความสนพระทัยน้ีได้ถูกต่อยอดมาเป็นแนวทางการบริหารจัดการน�้ำ ที่ส�ำคญั ของประเทศ เม่ือพ.ศ.2538 ประเทศไทยต้องประสบกับเหตุอุทกภัยคร้ังใหญ่ เน่ืองจากมีพายุหลายลูกพัดผ่านมายัง พ้ืนที่ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคอีสาน ส่งผลให้เกิดฝนตกอย่างหนักจนแม่น้�ำหลายสายท่วม และ กลายเป็นมวลน้�ำก้อนใหญ่มุ่งตรงมายังกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ในหลวงทรงเรียกประชุมหน่วย งานทเ่ี กย่ี วขอ้ ง เพอื่ หามาตรการรบั มอื อยา่ งเรง่ ดว่ น โดยวธิ แี กป้ ญั หาหนง่ึ ทท่ี รงเสนอขน้ึ มากค็ อื ‘แกม้ ลงิ ’ การท�ำแกม้ ลิงคอื การจดั หาพ้นื ท่ี ซงึ่ อาจจะเปน็ สระ คลอง บึง หรอื พ้ืนทโ่ี ล่งขนาดใหญก่ ็ได้ เพือ่ ชะลอ และรองรับมวลน�้ำทกี่ ำ� ลงั ไหลบ่าลงมาเปน็ การชวั่ คราว และพอนำ�้ ในทะเลลดลงจึงคอ่ ยๆ ระบายนำ้� ใน แกม้ ลงิ ลงสทู่ ะเล ตามหลกั แรงโนม้ ถว่ งของโลก โดยทฤษฎนี ใ้ี นหลวงไดร้ บั แรงบนั ดาลใจจากลงิ ทรงเลยี้ ง สมัยพระเยาว์ เพราะเวลาที่ทรงย่ืนกล้วยให้ ลิงจะรีบปอกเปลือกแล้วเคี้ยวอย่างรวดเร็ว แต่แทนที่จะ กลนื ลงไป กลบั กกั อาหารไวจ้ นเตม็ กระพงุ้ แกม้ แลว้ พอถงึ เวลาจงึ คอ่ ยดนุ กลว้ ยมากนิ ทลี ะนดิ ในภายหลงั โดยพื้นที่ท่ีทรงเลอื กไว้ท�ำแก้มลิงคือ ทงุ่ มะขามหย่อง จงั หวัดพระนครศรอี ยธุ ยา ซ่งึ เป็นสวนสาธารณะ ที่โปรดฯ ให้สร้างขึ้นใหม่ ทว่าก่อนจะได้ท�ำหน้าท่ีแก้มลิง กลับเกิดเหตุฉุกละหุกข้ึน เพราะข้าราชการ ในพนื้ ทไ่ี มท่ ราบพระราชประสงค์ ดว้ ยเหน็ วา่ เปน็ พน้ื ทส่ี ำ� คญั จงึ พยายามกนั ไมใ่ หน้ ำ�้ ทว่ ม กระทงั่ ในหลวง รัชกาลที่ 9 ต้องมีพระราชกระแสรับส่ังให้ผันน้�ำเข้าพ้ืนท่ี ท�ำให้ปัญหาน้�ำท่วมทุเลาลง ประชาชนและ โรงงานอุตสาหกรรมจ�ำนวนมากจึงรอดพ้นวิกฤต ท่ีส�ำคัญแก้มลิงยังมีประโยชน์อีกสารพัด เช่น พอถึง ฤดูแล้ง ก็สามารถปล่อยน�้ำมาช่วยเรื่องการเกษตร หรือหากเกิดปัญหาน�้ำเสีย ก็สามารถระบายน�้ำไป เจอื จางความสกปรก ตามหลกั การ ‘น�้ำดีไลน่ �้ำเสยี ’ ที่ในหลวงรชั กาลท่ี 9 ทรงพระราชทานไว้ ดว้ ยความสำ� เร็จของแกม้ ลิงทที่ งุ่ มะขามหยอ่ ง น�ำมาสู่แกม้ ลงิ อกี หลายแหง่ หนึง่ ในนน้ั คือ ทงุ่ ทะเลหลวง จังหวัดสุโขทยั ที่สรา้ งเพ่อื แก้ปญั หาน้�ำทว่ มในฤดนู �้ำหลากและขาดแคลนนำ�้ ในช่วงหน้าแล้ง โดยรฐั บาล ได้ท�ำการขุดคลองลอกพื้นท่ีบริเวณทะเลหลวง ซึ่งเป็นแหล่งเก็บน้�ำในอดีต พร้อมกับออกแบบพ้ืนที่ สว่ นกลางให้เปน็ รูปหวั ใจ จากพระอัจฉริยภาพของในหลวงรัชกาลที่ 9 ในการประยุกต์หลักการวิทยาศาสตร์เข้ากับการสังเกต น�ำไปสู่การต่อยอดเป็นโครงการมหัศจรรย์ ท่ีสามารถช่วยเหลือประชาชนได้อย่างยั่งยืน อีกทั้งยังเป็น ตน้ แบบการบริหารจัดการน้�ำ ท่ีสามารถถ่ายทอดเป็นองค์ความรแู้ ก่คนท่วั โลกไดอ้ ีกด้วย วชิ า ๙ หนา้ ศาสตร์พระราชาจากตำ�ราของพอ่ • วชิ ารกั แรงโน้มถว่ ง 67

โครงการแกม้ ลงิ ในพระราชดำ�ริ “ทงุ่ ทะเลหลวง” แผน่ ดนิ ศกั ดสิ์ ทิ ธร์ิ ปู หวั ใจ ต.บา้ นกล้วย อ.เมอื ง จ.สโุ ขทัย “แม่น�้ำยมในฤดูฝนมีน้�ำมาก ในฤดูแล้งเกือบไม่มีน้�ำ ให้พิจารณากั้นน�้ำเป็นช่วงๆ เพื่อผันน้�ำเข้าคลองธรรมชาติ ที่มีอยู่เดิมท้ังฝั่งซ้ายและฝั่งขวาของแม่น้�ำยมและขุดลอก ให้สามารถส่งน้�ำไปกักเก็บไว้ตามหนองบึงตามธรรมชาติได้” พระราชด�ำรัสของในหลวงรัชกาลที่ 9 เม่ือครั้งเสด็จ เยือนสุโขทัยเม่ือ พ.ศ.2535 จึงเกิดโครงการพัฒนาและ จัดการแหล่งน้�ำในหลายพ้ืนท่ี รวมถึงพ้ืนที่ทุ่งทะเลหลวง โดยน้อมน�ำต�ำราแก้มลิง หนึ่งในวิชาการบริหารจัดการน�้ำ ตามแนวคิดของในหลวงรัชกาลที่ 9 มาใช้ เพื่อให้เป็น พื้นที่หน่วงน�้ำ กักเก็บน้�ำในช่วงหน้าแล้ง และบรรเทา อทุ กภยั ในชว่ งหนา้ ฝน ดว้ ยการเปน็ แหลง่ รบั นำ�้ จากแมน่ ำ�้ ยม ท่ีไหลบ่าล้นตลิ่งฝั่งขวา นำ�้ ห้วยทา่ แพ น้�ำแมม่ อก ทีไ่ หลบ่า 68

ทเี่ ทีย่ วในโครงการ จากอ�ำเภอสวรรคโลก และน�้ำแมร่ ำ� พัน มนฑปทรงจตรุ มขุ น�้ำแม่กองค่าย ท่ีไหลบ่าจากอ�ำเภอ บ้านด่านลานหอย ให้ไหลมารวมกัน สกั การะพระพทุ ธรตั นสริ สิ โุ ขทยั พระพทุ ธรปู เกา่ แกม่ อี ายกุ วา่ บริเวณท่ีลุ่ม ซึ่งเป็นหลักการตาม 700 ปี พระพุทธรูปสัมฤทธิ์ ปางมารวิชัย คาดวา่ สร้างตงั้ แต่ ธรรมชาติ พ.ศ.1845 ในสมัยพระมหาธรรมราชาท่ี 1 (พระยาลิไท) แก้มลิงในพื้นที่ทะเลหลวง มีลักษณะ เคยจมอยู่ในแม่น�้ำยมและถูกค้นพบเมื่อพ.ศ.2546 ก่อนจะ เปน็ เกาะรปู หวั ใจขนาดใหญห่ ากมองจาก มีการอัญเชิญมาประดิษฐาน ณ มณฑปเกาะกลางแผ่นดิน มุมสูง และมีเกาะที่ยื่นออกไปกลางน้�ำ รูปหวั ใจทงุ่ ทะเลหลวง ที่ถูกออกแบบพ้ืนท่ีให้เป็นรูปหัวใจ ซงึ่ ในวนั ที่ 17 มกราคม พ.ศ.2553 ไดม้ ี เดนิ เลน่ บนเสน้ ทางสมู่ ณฑป การจดั ทำ� บญุ พธิ กี ลน่ั แผน่ ดนิ โดยใหท้ กุ ครอบครวั ในแตล่ ะหมบู่ า้ น จำ� นวน 843 สองข้างทางเดินสู่มณฑป ถูกก่อสร้างด้วยบรรยากาศแบบ หมู่บ้าน น�ำดินมาด้วย แล้วมาท�ำให้ ย้อนยุค ในลักษณะของเสาศิลาศิลปะแบบสุโขทัยโบราณ เป็นดินบริสุทธิ์ และตั้งปณิธานร่วม เหมาะอย่างย่ิงที่จะเดินทอดน่องชมทัศนียภาพอันงดงาม กันว่า จะร่วมกันสร้างแผ่นดินนี้ให้ และสัมผัสกับความตั้งใจ ที่จะท�ำให้เป็นหน่ึงในสถานท่ี เจริญรุ่งเรือง แล้วได้น�ำดินท้ังหมดไป ท่องเท่ียวอันกลมกลืนกับบรรยากาศของเมืองอันทรงคุณค่า วางรองรับพระพุทธรัตนสิริสุโขทัย ทางวฒั นธรรม ณ มณฑปเกาะกลางแผ่นดินรูปหัวใจ ทุ่งทะเลหลวง และเรียกพื้นที่จุดน้ีว่า ชมพระอาทติ ยอ์ สั ดง แผ่นดินศักด์ิสิทธ์ิรูปหัวใจ เพ่ือสื่อถึง แผ่นดินที่เป็นศูนย์รวมแห่งความรัก แผ่นดินศักดิ์สิทธิ์รูปหัวใจยังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ลาลับ ใครป่ รองดองของชาวเมอื งสโุ ขทยั และ ขอบฟ้าได้อย่างงดงาม ทา่ มกลางความร่มรนื่ ของบรรยากาศ เชื่อมโยงความรักผูกพันกับบรรพบุรุษ โดยรอบ ซ่ึงก�ำลังถูกสรรค์สร้างให้เป็นสถานท่ีในการ สมัยสุโขทัยถงึ ปัจจุบนั จัดกิจกรรมในวันส�ำคัญ รวมถึงมีการวางแผนท่ีจะย้าย ศูนยร์ าชการ สรา้ งสนามกีฬา และสวนสาธารณะ ไว้บนพืน้ ท่ี โดยรอบด้วย วิชา ๙ หนา้ ศาสตร์พระราชาจากตำ�ราของพ่อ • วิชารกั แรงโน้มถ่วง 69

บา้ นทุ่งหลวง อ.ครี มี าศ จ.สโุ ขทยั ที่บ้านทุ่งหลวงมีหนองน้�ำขนาดใหญ่ คือหนองทอง ท่ีชาวบ้านได้ใช้ดินจาก แหล่งนี้ ผลิตเครื่องปั้นดินเผาจากรุ่นสู่รุ่นมานานนับร้อยๆ ปี โดยมีหลักฐาน ทางประวัติศาสตร์ในจดหมายที่สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัติวงศ์ ได้บนั ทึกเมอ่ื คร้งั เดินทางมาสำ� รวจมณฑลพษิ ณุโลกเมอ่ื พ.ศ.2444 วา่ “วันท่ี 18 เวลาตนื่ นอนเช้า พระยาสุโขไทยเอาหมอ้ กรนั มาให้ 3 ใบ เปน็ หม้อที่ตัง้ ใจทำ� อย่าง ประณีต ภาษาบ้านนอกเขาท�ำที่บ้านทุ่งหลวงอยู่ใต้เมืองสุโขทัยฝั่งตะวันตก หมอ้ ใหญก่ ระพงุ เกอื บ 2 ศอก เขากท็ ำ� มชี มุ พละสหี ะสมคราม ใหม้ าแตว่ งั ไมข้ รกม็ ”ี จากข้อความดังกล่าว แสดงว่าบ้านทุ่งหลวงมีการปั้นเคร่ืองปั้นดินเผามานาน นบั ศตวรรษ ทพี่ ดู ถงึ ในนน้ั กค็ อื หมอ้ กรนั ซง่ึ คณุ วนั ชยั โมรษั เฐยี ร รองนายกเทศมนตรี ต�ำบลท่งุ หลวงและประธานกลมุ่ เคร่อื งปัน้ ดินเผาบา้ นทุง่ หลวงไดเ้ ล่าให้ฟงั ว่า หมอ้ กรนั หรอื หมอ้ นำ�้ โบราณ คนโบราณเชอ่ื วา่ หากมไี วใ้ นบา้ นจะชว่ ยเสรมิ สริ มิ งคล โชคชะตาบารมี จงึ มกั ใหเ้ ปน็ ของขวญั หรอื ของชำ� รว่ ยในงานพธิ ตี า่ งๆ เชน่ ขน้ึ บา้ นใหม่ ออกเรอื น เพ่อื ป้องกนั สิ่งชั่วรา้ ยไมใ่ หเ้ ขา้ มาในทอี่ ยอู่ าศยั ตามค�ำพ้องเสยี ง “กรนั ” และ “กนั ” 70

หม้อกรัน ตรงกลางจะป่องมีฐานแข็งแรง มี 3 ส่วน คือ เป็นการส่งต่อภูมิปัญญาไม่ให้สูญหาย ฝาปดิ หมายถงึ การมีกนิ มีใช้ กระพงุ ตรงกลาง หมายถงึ ความ นอกจากจะได้ความรู้และได้ลงมือท�ำ อุดมสมบูรณ์ สว่ นฐาน หมายถึงความมั่นคงมั่งมีศรีสขุ ในการ ดว้ ยตวั เองจนสำ� เรจ็ และกลายเปน็ ของ ด�ำรงชวี ิต ฝากซึ่งมีเพียงช้ินเดียวในโลกจากบ้าน บา้ นทุ่งหลวงจะมกี ารผลิตเคร่ืองปั้นดินเผาแตกตา่ งจากทีอ่ ืน่ ทุ่งหลวงตดิ ไมต้ ดิ มือกลบั บา้ น นอกจากดนิ เหนยี วในหมบู่ า้ นทม่ี สี ดี ำ� สนิทแล้ว ยงั มกี ารผสม ทรายลงไป ท�ำให้แข็งแกร่ง ทนความร้อนได้นานมากขึ้น กลมุ่ เคร่อื งป้นั ดินเผาบา้ นทุ่งหลวง เมอ่ื เผาแลว้ จะไดส้ แี ดงมนั วาวและมคี วามแกรง่ ในตวั วธิ กี ารทำ� ราคาโฮมสเตยเ์ รม่ิ ตน้ ทรี่ าคา 600 บาท ก็คือน�ำดินและทรายมานวดจนได้ท่ี ก็น�ำมาตี ข้ึนรูปด้วย ตามความสะดวกสบาย และต้องการของ แป้นหมุน หล่อน้�ำดิน และปั้นด้วยมือตามความช�ำนาญ นักทอ่ งเทีย่ ว ของแต่ละบ้าน เมื่อเสร็จแล้วก็ตากให้แห้ง แล้วก็น�ำไปเผา ประสานงานการท่องเทย่ี วโฮมสเตย์ สมัยกอ่ นจะเปน็ เตาสมุ แบบเปิดโล่ง แตป่ ัจจุบนั จะก่อก�ำแพง รองนายกเทศมนตรบี า้ นทงุ่ หลวงและ อิฐลอ้ มรอบ ใช้ความร้อน 1,250 องศา ใชเ้ วลา 2 วัน กจ็ ะ ประธานกลุ่มเคร่อื งปน้ั ดนิ เผาบา้ นทงุ่ หลวง เสร็จสมบูรณ์ วันนี้นอกจากหม้อกรันแล้ว ยังมีรูปแบบอื่นๆ คณุ วันชยั โมรษั เฐยี ร โทร. 08-1281-1367 ที่สามารถน�ำไปใช้ในชีวิตประจ�ำวันได้ ไม่ว่าจะเป็น โอ่ง ตดิ ต่อเข้าชมแหล่งเรียนรู้ประจำ�หมูบ่ ้าน กระถาง จาน ชาม หมอ้ ดนิ เตาดินเผา เตาอโรมา ฯลฯ และ คุณพาหนุ อยู่แย้ม โทร. 09-5796-5582 งานศิลปะอืน่ ๆ ที่มีท้ังความสวยงามประณีต จากอาชีพเสริมในช่วงเว้นจากการท�ำนา กลายมาเป็น อาชีพหลักและสามารถท�ำรายได้ให้กับชาวบ้านควบคู่ ไปกับการท�ำโฮมสเตย์ โดยชุมชนได้จัดท�ำเส้นทางการ ท่องเที่ยวภายในหมู่บ้าน ส�ำหรับเดินชมกรรมวิธีการผลิต เครื่องปั้นดินเผาในแบบต่างๆ เรียกว่า วิทยาลัยใต้ถุนบ้าน เที่ยวชุมชนใกล้เคยี ง ชมุ ชนเมอื งเกา่ สโุ ขทยั อ.เมอื ง จ.สโุ ขทยั โทร. 08-0116-4141 บา้ นนาตน้ จน่ั อ.ศรสี ชั นาลยั จ.สโุ ขทยั โทร. 08-8495-7738 วชิ า ๙ หนา้ ศาสตร์พระราชาจากตำ�ราของพ่อ • วชิ ารักแรงโน้มถ่วง 71

สถานท่ที อ่ งเทยี่ วน่าสนใจ จ.สุโขทัย อุทยานประวัตศิ าสตรส์ โุ ขทยั มรดกทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ ท่ีถูกยกย่องให้เป็น มรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก้ ศูนย์รวมแห่งอารยธรรม อันเป็นรากเหง้าของเมืองรุ่งอรุณแห่งความสุข โดยเป็น ท้ังศูนย์กลางการปกครอง ศาสนา เศรษฐกิจ สังคม และ วฒั นธรรม ทีส่ ืบต่อกันมายังชนร่นุ หลงั ต.เมอื งเกา่ อ.เมอื ง จ.สโุ ขทยั โทร. 0-5569-7310 เปิด เวลา 06.00-21.00 น. สวนพฤกษศาสตรพ์ ระแม่ย่า แหล่งทอ่ งเที่ยวเพื่อการเรยี นรู้ ทีร่ วบรวมพรรณไม้เฉพาะถ่นิ มรดกวัฒนธรรมและภูมิปัญญาพื้นถิ่น เนื่องจาก สุโขทัยเป็นพื้นท่ีราบลุ่มแม่น้�ำ ที่เป็นศูนย์กลางมรดก ทางวัฒนธรรมในอดีต ปรากฏหลักฐานทางประวัติศาสตร์ ทง้ั โบราณสถาน โบราณวัตถุ และยังเปน็ พ้ืนท่ีเกษตรกรรม ภายในสวนมีการปรับปรุงภูมิทัศน์ให้ดูร่มรื่นเหมาะแก่ การพกั ผ่อน 72

ศาลพระแม่ยา่ วัดศรีชมุ ส่ิงศักดิ์สิทธ์ิคู่บ้านคู่เมือง ชาวสุโขทัยเช่ือว่า ภายในวัดมีพระอจนะ พระพุทธรูปเก่าแก่สมัย พระขพุงผีหรือพระแม่ย่า พระรูปสลักหินชนวน สุโขทัย มีต�ำนานเล่าขานถึงความศักดิ์สิทธิ์ และ ศักด์ิสิทธ์ินั้นคือพระนางเสือง พระราชมารดา รำ่� ลอื กนั วา่ เปน็ พระพดู ได้ เนอื่ งจากเปน็ กศุ โลบาย ของพ่อขุนรามค�ำแหงมหาราช พระแม่ย่าของ ของสมเด็จพระนเรศวรมหารราช ท่ีให้ทหารปีน พระยาเลอไท ทบี่ รรดาไพรฟ่ า้ ขา้ แผน่ ดนิ สมยั กอ่ น ข้ึนไปด้านหลังองค์พระ แล้วพูดให้ก�ำลังใจแก่ มักจะเรียกขานพระมหากษัตริย์ว่าพ่อเมือง และ กองทหารในการต่อสู้ และพระองค์ทรงท�ำ เรยี กพระราชมารดาของพอ่ เมืองวา่ แมย่ า่ พธิ ถี ือนำ�้ พพิ ัฒนส์ ตั ยาทวี่ ดั แหง่ น้ี 8 ถ.ประเวศนคร ต.ธานี อ.เมือง จ.สโุ ขทยั อุทยานประวตั ศิ าสตรส์ โุ ขทัย ต.เมืองเก่า อ.เมือง จ.สุโขทยั เปิด ทกุ วัน เวลา 06.00-21.00 น. วัดเจดีย์เจด็ แถว วัดชา้ งล้อม ด้วยเอกลักษณ์อันโดดเด่นของเจดีย์แบบต่างๆ โดดเด่นด้วยเจดีย์ทรงลังกาบนฐานประทักษิณ มากมาย ไม่วา่ จะเปน็ เจดีย์ประธานรปู ดอกบวั ตมู รูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส มีช้างปูนปั้นเต็มตัวล้อมรอบ ด้านหลังพระวิหารศิลปะแบบสุโขทัยแท้ และ แม้ว่าส่วนใหญ่จะเสียหายไปตามกาลเวลา เจดีย์ราย 26 องค์ เหลือเพียงหัวช้างอยู่ไม่ก่ีเชือก แต่ก็ยังมองเห็น ความงดงามของประตมิ ากรรมสมยั สุโขทัย อทุ ยานประวัตศิ าสตรศ์ รสี ชั นาลยั อ.ศรสี ัชนาลัย จ.สโุ ขทยั อทุ ยานประวตั ิศาสตร์ศรสี ัชนาลยั โทร. 0-5567-9211 เปดิ เวลา 08.00-17.00 น. อ.ศรสี ชั นาลยั จ.สุโขทัย โทร. 0-5567-9211 เปดิ เวลา 08.00-17.00 น. วชิ า ๙ หนา้ ศาสตรพ์ ระราชาจากตำ�ราของพ่อ • วิชารักแรงโน้มถ่วง 73





76

พลกิ ตำ�ราในหลวง เอาชนะดนิ เสอื่ มโทรม ถึงจะเป็นพระมหากษัตริย์ แต่เช่ือหรือไม่ว่าที่ดินหลายแปลงที่มีผู้ถวายในหลวงรัชกาลท่ี 9 กลับมี สภาพเสื่อมโทรมจนน่าใจหาย เพราะส่วนใหญ่ผู้ถวายมักคิดว่าพระองค์จะทรงน�ำท่ีดินว่างเปล่า ไปสรา้ งพระต�ำหนกั ทว่าพระองค์กลับคิดมมุ กลบั ด้วยเห็นความสำ� คัญของดนิ ยิ่งกว่าใคร ทรงอธิบายว่า ทด่ี นิ ในเมอื งไทยมจี ำ� กดั ตอ่ ใหส้ ภาพยำ�่ แยเ่ พยี งใด กต็ อ้ งปรบั ปรงุ แกไ้ ขใหใ้ ชป้ ระโยชน์ ไมเ่ ชน่ นน้ั สดุ ทา้ ย ประเทศไทยกจ็ ะเหลอื แต่ทะเลทราย และหน่งึ ในโครงการที่พระองคส์ ามารถเอาชนะปญั หา จนพลกิ ฟ้ืน ดินเสอ่ื มโทรมจนกลับมาเป็นดนิ ดีได้ ก็คอื เขาชะงุม้ จงั หวัดราชบรุ ี สำ� หรบั ที่ดินบรเิ วณน้ี เดิมปลกู พืชไรแ่ ละสวนมะมว่ ง แตไ่ ม่ประสบความส�ำเร็จ จึงเปลี่ยนมาเลี้ยงววั และ ขุดลกู รังขายแทน พอขุดหนกั เขา้ หน้าดินถกู ชะลา้ งไปเกือบหมด บวกกบั ขาดการบำ� รงุ รกั ษา สง่ ผลให้ ดินเส่ือมโทรมถงึ ขัน้ ทปี่ ลูกอะไรไม่ขนึ้ เลยแม้แตห่ ญา้ เพอ่ื แก้ปัญหา ขน้ั แรกในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงโปรดฯ ใหข้ ุดอา่ งเก็บน้�ำ และสำ� รวจทดี่ นิ โดยละเอียดวา่ จุดใดท่ีน่าจะพอเพาะปลูกต้นไม้ได้ ก็ให้ไปปลูกตรงน้ันก่อน เม่ือปลูกแล้วก็ปล่อยให้ต้นไม้เจริญเติบโต ตามธรรมชาติ โดยป้องกันไม่ให้คนเข้ามาบุกรุกและท�ำลาย หลังพยายามอยู่นานหลายปี ก็เร่ิมเห็น ผลลพั ธท์ นี่ า่ พอใจ ทง้ั พนั ธ์ุไมท้ ่กี ระจายอยทู่ ่ัวผนื ป่า สัตวป์ ่าที่เรมิ่ กลบั คนื สรู่ งั อกี คร้งั จนกลายเป็นผืนปา่ ท่ีอุดมสมบูรณ์ในท่ีสุด ส่วนดินท่ีเส่ือมสภาพสุดๆ โดยเฉพาะพ้ืนที่มีการขุดดินลูกรังไปขาย พระองค์ ทรงแกป้ ญั หาดว้ ยการใชห้ ญา้ แฝก ซง่ึ มรี ากแขง็ แรงสามารถแทงทะลดุ นิ ทแี่ หง้ กรงั และชว่ ยทำ� ใหน้ ำ�้ กลบั มา ซึมผ่านไปได้ โดยก่อนปลูกยังรับส่ังให้ปรับสภาพดิน ด้วยการน�ำปุ๋ยหมัก ปุ๋ยอินทรีย์น�้ำและปุ๋ยพืชสด เชน่ ปอเทือง ถั่วพร้าแล้วไถกลบซำ้� ไปซำ้� มาอยู่ 2-3 ปี จนมีหนา้ ดนิ เกิดขน้ึ บา้ ง ถงึ ค่อยปลกู หญ้าแฝก นานถึง 2 ปี 8 เดอื น จนดนิ ที่เขาชะงมุ้ กลับมาดีเหมอื นเดิม สามารถปลกู พชื ตา่ งๆ ได้อีกครั้ง ระหว่างนั้นในหลวงรัชกาลท่ี 9 เสด็จฯมาตรวจเย่ียมความคืบหน้า พร้อมรับส่ังชมเชย ผู้เก่ียวข้องทุกคน โดยเฉพาะกรมพัฒนาที่ดินว่า“โครงการน้ีท�ำให้เป็นของขวัญวันแซยิดใช่ไหม พอใจมาก และขอบใจมากแล้วจะมาใหม่เมื่อครบ 6 รอบ” สร้างความปล้ืมปีติกับข้าราชการ ผู้ถวายงานเป็นอย่างยิ่ง ผลจากการพัฒนาพื้นที่เขาชะงุ้ม น�ำมาซึ่งการต่อยอดอีกมากมาย อาทิ การทำ� แปลงสาธติ การฟน้ื ฟดู นิ ดว้ ยหญา้ แฝก การทดลองปลกู ผกั ผลไมใ้ นพน้ื ทด่ี นิ เสอ่ื มโทรม การทดสอบ ปลูกสบู่ด�ำเพื่อเป็นพืชทดแทนพลังงานทางเลือก รวมไปถึงการจัดแหล่งเรียนรู้ด้านป่าไม้ ตามแนวคิด ‘ปลูกป่าโดยไม่ตอ้ งปลกู ’ ความส�ำเร็จนี้เกิดข้ึนด้วยปณิธานอันแน่วแน่ของในหลวงรัชกาลที่ 9 ท่ีไม่ทรงย่อท้อต่อดินเลวๆ ดงั พระราชด�ำรัสท่วี ่า “ทด่ี ินเลวๆ เชน่ น้ี ถา้ ไมท่ �ำแลว้ จะให้ใคร” วิชา ๙ หน้า ศาสตรพ์ ระราชาจากตำ�ราของพ่อ • วชิ าหมอดิน 77

ศูนย์ศึกษาวธิ ีการฟ้นื ฟทู ด่ี ินเสอ่ื มโทรมเขาชะงมุ้ อนั เนอ่ื งมาจากพระราชดำ�ริ ต.เขาชะงมุ้ อ.โพธาราม จ.ราชบรุ ี ภายหลังจากท่ีทรงได้รับการน้อมเกล้าฯ ถวายที่ดินจาก 1 งาน 3 ตารางวา และมพี ระราชกระแส อดตี นายตำ� รวจสญั ญาบตั ร บรเิ วณพน้ื ทเ่ี ขาชะงมุ้ ซงึ่ หนา้ ดนิ รับสั่งให้ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เสียหายอย่างหนัก ขาดความอุดมสมบูรณ์ แห้งแล้ง เลขาธกิ ารมลู นิธชิ ยั พัฒนา พัฒนาทด่ี นิ จนไม่สามารถเพาะปลูกพืชได้อีก ด้วยพ้ืนท่ีดังกล่าวเคยเป็น ออกเป็น 3 ส่วน คือ ฟื้นฟูสภาพป่า ฟาร์มปศุสัตว์ ปลูกพืชไร่ และใช้ดินผิดวิธี ซ่ึงเมื่อในหลวง ด�ำเนินการพัฒนา และปล่อยไว้ใน รชั กาลที่ 9 เสดจ็ พระราชด�ำเนนิ ทอดพระเนตรพื้นท่คี ร้งั แรก สภาพเดิม ท้ังยังมีพ้ืนท่ีส่วนหนึ่ง ในวนั ที่26พฤศจกิ ายน พ.ศ.2529ไดพ้ ระราชทานพระราชดำ� ริ ที่อยู่ติดกับพ้ืนที่โครงการ ซ่ึงมูลนิธิ ในการปรับปรุงดินเสื่อมโทรมให้กลับมามีความอุดมสมบูรณ์ ชัยพัฒนาจัดซ้ือเพิ่มเติม ท�ำให้มีพ้ืนที่ พลิกฟื้นผืนดินให้สามารถเพาะปลูกได้ และทรงแนะน�ำให้ โครงการจำ� นวนทัง้ ส้ิน 849 ไร่ 3 งาน ปลูกหญ้าแฝก เพ่ือการอนรุ ักษด์ นิ และน้ำ� 22 ตารางวา และน่ีคือจุดเร่ิมต้นของโครงการศึกษาวิธีการฟื้นฟูที่ดิน ปจั จบุ นั เปน็ สถานทท่ี อ่ งเทยี่ วเชงิ เกษตร เสื่อมโทรมเขาชะงุ้ม อันเนื่องมาจากพระราชด�ำริ อันเป็น สำ� คญั ของจงั หวดั ราชบรุ ี ซงึ่ ชว่ ยพลกิ ฟน้ื โครงการที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จัดท�ำข้ึนเพื่อ ผืนดินให้อุดมสมบูรณ์ ส่งเสริมอาชีพ เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพล ให้เกษตรกรไทยอย่างย่ังยืน รวมท้ัง อดลุ ยเดช ในวโรกาสพระชนมพรรษาครบ 60 พรรษา และ ยงั เปน็ ศนู ยก์ ลางในการศกึ ษาวจิ ยั และ พระราชพิธีรัชมังคลาภิเษก ซงึ่ ตอ่ มาเจา้ ของที่ดินที่อยู่ติดกับ สาธิตทดสอบวิธีการฟื้นฟูปรับปรุงดิน พน้ื ทข่ี องโครงการฯ ไดน้ อ้ มเกลา้ ฯ ถวายทด่ี นิ เพมิ่ เตมิ อกี 63 ไร่ เสือ่ มโทรมใหส้ ามารถใชป้ ระโยชนไ์ ด้ 78

กจิ กรรมทอ่ งเท่ยี วในโครงการ นงั่ รถของโครงการเพอื่ ชมรอบโครงการ สานฝนั ...ปน่ั ตามรอยพระบาท มีผู้บรรยาย ที่จะมาเล่าเร่ืองราวของโครงการอย่างละเอียด บรษิ ทั มติ ซบู ชิ ิไดส้ นบั สนนุ จกั รยาน22คนั พรอ้ มพาไปชมจดุ ตา่ งๆ ทน่ี า่ สนใจ พร้อมจัดท�ำเส้นทางปั่นจักรยานชม ภายในโครงการฯ เปน็ ระยะทาง 5.1 กม. • จดุ ทใ่ี นหลวงรชั กาลที่ 9 ทรงปลกู ตน้ ประดู่ ปี พ.ศ.2539 และ เพอื่ อำ� นวยความสะดวกและสง่ เสรมิ การ ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ โดยเสียค่าบ�ำรุง ทรงปลกู หญา้ แฝกในปี พ.ศ.2535 รกั ษาจกั รยานตามแตก่ ำ� ลงั ศรทั ธา • แปลงพชื ผกั ผลไมต้ า่ งๆ ซอื้ ของฝากทศ่ี นู ยจ์ ำ�หนา่ ยผลติ ภณั ฑ์ • ซมุ้ มง่ิ มงคล ทใี่ ชต้ น้ ไมม้ งคลมาตดั แตง่ เปน็ ซมุ้ อยา่ งสวยงาม • แปลงหญ้าแฝก ท่ีรวบรวม 28 สายพันธุ์ ซึ่งมีช่ือเป็น ร ่ ว ม ส นั บ ส นุ น ด ้ ว ย ก า ร เ ลื อ ก ซ้ื อ ผลิตภัณฑ์ท่ีเป็นผลผลิตจากในพ้ืนท่ี จงั หวดั ตา่ งๆ ของโครงการฯ รวมทง้ั ของชาวบา้ นจาก ในชุมชน มั่นใจได้ถึงความสะอาด • ชมฐานเรยี นรู้ เพอื่ ประโยชนใ์ นการศกึ ษา อาทิ วธิ กี ารจดั การ ปลอดภัยแบบไรส้ ารเคมี ดนิ นำ้� พชื • พลับพลาที่ประทับ ณ บริเวณอ่างเก็บน�้ำ จัดสร้างเป็น สถานท่ีรับเสด็จ เป็นจุดท่ีพวกเราสามารถน้อมรําลึกถึง พระมหากรณุ าธคิ ณุ และชนื่ ชมในพระอจั ฉรยิ ภาพ เดนิ ชมเสน้ ทางศกึ ษาธรรมชาติ ลองจดั สรรเวลาไวส้ ำ� หรบั เดนิ ศกึ ษาเสน้ ทางตามธรรมชาตขิ อง ผนื ปา่ เตง็ รงั และปา่ เบญจพรรณ ระยะทางราว 1,170 เมตร จะท�ำให้คุณจะอิ่มเอมกับกระแสพระราชด�ำรัสท่ีว่า “ใหช้ ว่ ยดแู ลรกั ษาปา่ อยา่ ไปรงั แกปา่ ถา้ ปลอ่ ยทงิ้ ไวไ้ มใ่ หใ้ คร รบกวนป่า ระยะเวลา 30-40 ปี ป่าแห่งนี้จะคืนสภาพจาก เตง็ รงั เปน็ ปา่ เบญจพรรณ” ชมทงุ่ ดอกทานตะวนั และปอเทอื ง ดอกทานตะวนั จะบานเตม็ พน้ื ท่ีกวา้ งไกล สดุ สายตา เพอ่ื รองรบั นกั ทอ่ งเทยี่ วใหม้ า ถา่ ยรปู เดนิ เลน่ ในชว่ งปใี หม่ วชิ า ๙ หนา้ ศาสตร์พระราชาจากตำ�ราของพ่อ • วิชาหมอดนิ 79

ตลาดน�้ำเหล่าตก๊ั ลกั จ.ราชบรุ ี นับตั้งแต่รัชกาลท่ี 4 ทรงโปรดเกล้าฯ ให้ขุดคลองด�ำเนินสะดวกใน พ.ศ.2409 เพื่อเช่ือมการคมนาคมระหว่างแม่น้�ำท่าจีนและแม่น้�ำแม่กลอง เพ่ือสะดวกใน การเดินทาง และขนส่งสินค้าไปตามที่ต่างๆ การขุดคลองครั้งนั้น ได้ใช้แรงงาน ของคนล้วนๆ ซึ่งเป็นคนจีนท่ีมาอาศัยอยู่ในเมืองไทยใหม่ๆ และตั้งรกรากอยู่ ริมสองฝั่งคลอง เมื่อคลองขุดเสร็จแล้ว รัชกาลที่ 4 ได้ทรงพระราชทานนามว่า คลองดำ� เนนิ สะดวก ซง่ึ ตง้ั อยปู่ ากคลองลดั พลี นบั เปน็ ตลาดนำ้� แหง่ แรกของเมอื งไทย และกลายเปน็ ตลาดนำ้� ชมุ ชนไทยจนี มกี ารพายเรอื ไปมาหาสกู่ นั ขนสง่ แลกเปลยี่ น สินค้า จากพืชสวนไร่นา ก่อเกิดเป็นวิถีริมคลองท่ีมีเสน่ห์ จนในปี พ.ศ.2510 การทอ่ งเท่ยี วแห่งประเทศไทย ไดม้ กี ารเผยแพร่วิถรี มิ คลองออกไป ท�ำใหต้ ลาดนำ้� แหง่ น้ี เป็นทร่ี ้จู กั อย่างแพร่หลาย กลายเป็นแหลง่ ทอ่ งเทย่ี วท่โี ด่งดังไปทวั่ โลก 80

ตลาดน�้ำเหล่าต๊ักลัก มีความหมายว่า ตลาดเก่า เน่ืองจาก ของชาวจีนท่ีน่ี คือ โกปี๊กับข้าวแห้ง ได้มีการตัดถนน แล้วย้ายตลาดน้�ำด�ำเนินสะดวกเดิม ท่ีอยู่ แล้วค่อยเดิมชมร้านรวงท่ีอยู่ริมน�้ำ ปากคลองลดั พลี ไปอยใู่ นสถานทใ่ี หม่ ทกี่ วา้ งขวางและสะดวก รวมทงั้ พพิ ธิ ภณั ฑต์ ลาดนำ้� ดำ� เนนิ สะดวก สบายมากข้ึน ซ่ึงก็คือ ตลาดน้�ำด�ำเนินสะดวกในปัจจุบัน ที่จะท�ำให้เรารู้เรื่องราวของตลาดน้�ำ ทำ� ให้ตลาดนำ้� เหลา่ ต๊ักลักนน้ั เริม่ เงียบเหงาซบเซา แห่งแรกของเมืองไทยได้อย่างละเอียด แตด่ ว้ ยบา้ นเรอื นไมแ้ บบเกา่ และวถิ ไี ทยจนี รมิ คลองทยี่ งั คงอยู่ แ ล ้ ว ค ่ อ ย น่ั ง เ รื อ พ า ย ช ม ส ว น แ ล ะ ทำ� ใหม้ กี ารฟื้นฟูเร่ืองการท่องเทีย่ วอีกคร้ัง ใหก้ ับผทู้ ีห่ ลงใหล วิถีชีวิตชาวจีนริมน้�ำ ตกบ่ายนอกจาก ในเสนห่ ์ท่ีเนิบชา้ และวถิ ดี งั้ เดมิ ทไ่ี ม่เคยเปล่ียน ร้านผัดไทยอาม่า ก๋วยเตี๋ยวเจ๊หมวย ลองเปลย่ี นบรรยากาศมานอนโฮมสเตยร์ มิ นำ�้ ซงึ่ มอี ยู่ 2-3 แหง่ กาแฟร้านฮกหลีแล้ว ยังมีข้าวแห้ง ทตี่ ลาดนำ�้ เหลา่ ตกั๊ ลกั ยามเชา้ จะมพี ระออกบนิ ฑบาตรใหเ้ หน็ หรือโกยปึ่ง อาหารดั้งเดิมของชาวจีน ชาวไร่ชาวสวนพายเรอื อกมาขายของเรมิ่ ตน้ ดว้ ยอาหารดง้ั เดมิ ใหล้ องทง้ั หมดนคี้ อื นยิ ามของวถิ สี โลวไ์ ลฟ์ อย่างแท้จริง เทยี่ วชมุ ชนใกลเ้ คียง ตลาดเกา่ โพธาราม อ.โพธาราม จ.ราชบรุ ี โทร. 0-3223-1267 ตอ่ 104 ตลาดเจด็ เสมยี น อ.โพธาราม จ.ราชบรุ ี โทร. 0-3239-7616, 0-3239-7032 วิชา ๙ หนา้ ศาสตร์พระราชาจากตำ�ราของพอ่ • วชิ าหมอดนิ 81

สถานทีท่ ่องเท่ียวนา่ สนใจ จ.ราชบุรี อุทยานหินเขางู จากแหล่งระเบิดและย่อยหินท่ีส�ำคัญของไทยสมัยต้นรัตนโกสินทร์ กลายมาเป็น แหล่งท่องเที่ยว และสวนสาธารณะ โดยมีการสร้างพระพุทธรูปหินขนาดใหญ่ ดว้ ยการยงิ แสงเลเซอรล์ งบนผาหนิ เพอื่ ใหน้ กั ทอ่ งเทย่ี วไดก้ ราบขอพร และทอ่ งเทย่ี ว ภายในโถงถำ�้ มากมาย ไมว่ า่ จะเปน็ ถำ้� ฤาษี ถำ�้ ฝาโถ และถำ�้ จนี -จาม รวมทง้ั ทางเดนิ ชมธรรมชาตเิ ลยี บบึงน�้ำ ต.เกาะพลับพลา อ.เมอื ง จ.ราชบุรี 82

พพิ ธิ ภณั ฑสถานแห่งชาตริ าชบรุ ี ตง้ั อยูใ่ นศาลากลางจงั หวดั เดมิ ที่สรา้ งตง้ั แต่สมยั รัชกาลที่ 6 และมกี ารบูรณะใหมเ่ พอ่ื ใชเ้ ป็นพพิ ิธภัณฑ์ ของจังหวัด แบ่งเป็นห้องต่างๆ ท่ีบอกเล่าเร่ืองราว ของประวัติศาสตร์ โบราณคดี วัฒนธรรมพื้นบ้าน กลุ่มชนต่างๆ บุคคลส�ำคัญของราชบุรี รวมทั้งโอ่งมังกรสินค้าข้ึนช่ือของจังหวัด พ้ืนที่สนามด้านหน้ามี การตกแต่งดว้ ยงานศลิ ปะสวยงาม ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 20 บาท ชาวตา่ งชาติ 100 บาท (เด็กไม่เสียค่าเข้าชม) ถ.วรเดช หน้าเมอื ง อ.เมือง จ.ราชบรุ ี เปดิ วนั พธุ –อาทิตย์ เวลา 08.30-16.30 น. โทร. 0-3232-1513 พิพธิ ภณั ฑห์ นังใหญ่วัดขนอน เถ้าฮงไถ่ บอกเล่าเร่ืองราวและประวัติความเป็นมาของ จากโรงงานผลิตโอ่งมังกรช่ือดังซึ่งเป็นที่รู้จักใน หนังใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นกรรมวิธีการแกะสลัก รนุ่ พอ่ รนุ่ แม่ มกี ารพฒั นารปู แบบใหเ้ ขา้ กบั ยคุ สมยั ตวั หนงั ใหญห่ รอื หนงั ใหญแ่ บบตา่ งๆ ถงึ 313 ตวั ที่ ใส่สีสันและงานศิลปะลงไป ผลิตงานเซรามิกที่ ยงั คงอยใู่ นสภาพสมบรู ณ์ ซง่ึ สว่ นใหญเ่ ปน็ ตวั ละคร หลากหลายใหก้ ลายเปน็ ของตกแตง่ บา้ น ตง้ั แตช่ นิ้ ในเรอ่ื งรามเกยี รต์ิ แบง่ เปน็ ชดุ หนมุ านถวายแหวน เลก็ ไปถงึ ชน้ิ ใหญ่ พนื้ ทด่ี า้ นหนา้ ยงั มกี ารตกแตง่ ดว้ ย ชดุ สหสั สกมุ าร และเผากรงุ ลงกา ชดุ ศกึ อนิ ทรชติ งานเซรามิกสวยงาม รวมท้ังร้านกาแฟ เพ่ือให้ ครง้ั ที่ 1 การแสดงหนงั ใหญ่ ณ โรงละครหนงั ใหญ่ นกั ทอ่ งเทยี่ วไดเ้ ขา้ มาเดนิ เลน่ ถา่ ยรปู หรอื ชมขน้ั ตอน มที กุ วนั เสาร์ เรม่ิ 10.00 น. การผลติ การปน้ั การเขยี นลายจากชา่ งทชี่ ำ� นาญ วัดขนอน บ้านสร้อยฟา้ ต.สร้อยฟา้ 234/1 ม.2 ต.เจดียห์ ัก อ.เมือง จ.ราชบุรี อ.โพธาราม จ.ราชบุรี เปดิ ทุกวัน เวลา 08.00-17.00 น. เปดิ เวลา 08.00-17.30 น. โทร. 0-3233-7574, 0-3232-3630 วชิ า ๙ หนา้ ศาสตร์พระราชาจากตำ�ราของพ่อ • วิชาหมอดนิ 83





86

เปล่ยี น ‘ฝัน’ ใหก้ ลายเปน็ ‘ฝน’ ดว้ ยศาสตร์ของการหลอกฟ้า ย้อนกลับไปเม่ือปลายเดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2498 ระหว่างที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 เสด็จฯ เย่ียมเยือน ราษฎรทั่วภาคอีสาน ทรงถือโอกาสน้ีถามไถ่ถึงสารทุกข์สุขดิบของพสกนิกร จนทราบปัญหาส�ำคัญของ คนทน่ี กี่ ค็ อื ความแหง้ แลง้ ขณะนนั้ เองทรงแหงนพระพกั ตรเ์ พอ่ื ทอดพระเนตรทอ้ งฟา้ แลว้ พบวา่ มเี มฆลอย เต็มท้องฟ้าไปหมด แต่กลับไม่มีก้อนใดที่รวมตัวกันเลย ทรงคิดว่าถ้าเมฆรวมตัวกันได้ก็จะกลายเป็นฝน สามารถหยดุ ความทุกขย์ ากของประชาชนได้ เมื่อเสด็จกลับมากรุงเทพฯ ทรงค้นงานวิจัยจากต่างประเทศจ�ำนวนมาก เพ่ือศึกษาหาความเป็นไปได้ โดยมมี .ร.ว.เทพฤทธิ์ เทวกุล ซึ่งอาสาท�ำฝนั ของในหลวงรชั กาลที่ 9 โดยใชเ้ วลา 2 ปเี ตม็ ศึกษาจนพบว่า ปจั จยั ทที่ ำ� ใหเ้ กดิ ฝนหลกั ๆ คอื อณุ หภมู แิ ละความชนื้ หากอยากจะสรา้ งฝน ตอ้ งทำ� ใหค้ วามชนื้ ในอากาศ รวมตวั กัน จากนน้ั กท็ ำ� อุณหภูมิให้เย็นจดั เพอื่ ให้ความช้นื รวมตวั และกล่ันตวั กลายเป็นเมฆ แลว้ กม็ าถงึ ขนั้ ตอนทดลอง แตไ่ มม่ นี กั บนิ คนใดกลา้ บนิ ชนเมฆ เพอ่ื พสิ จู นค์ วามเชอื่ ม.ร.ว.เทพฤทธ์ิ เทวกลุ จึงตัดสินใจเรียนขับเครื่องบิน จนได้ประกาศนียบัตร แล้วก็บินส�ำรวจท้องฟ้า รวมถึงค้นหาสารต้ังต้น ทจ่ี ะชว่ ยทำ� ใหเ้ กดิ ฝน โดยที่ในหลวงรชั กาลที่ 9 ทรงควบคมุ อย่างใกล้ชิด สารสองตวั แรกทีน่ �ำมาใช้คอื เกลอื และนำ้� แขง็ แหง้ แตไ่ ดผ้ ลเพยี งแค่ ‘เกอื บ’ เทา่ นนั้ จงึ ยงั ตอ้ งควานหาสารตง้ั ตน้ ตอ่ ไป จนไดพ้ บตวั ชว่ ย ท่ีสำ� คญั อย่าง ‘แคลเซยี มคลอไรด์’ คร้ังน้ันในหลวงรัชกาลที่ 9 เสด็จฯ กลับมาจากอ�ำเภอบ้านโป่ง ระหว่างเส้นทางมีเมฆอยู่มาก ม.ร.ว.เทพฤทธ์ิ เทวกุล ซึ่งขับเฮลิคอปเตอร์น�ำขบวน จึงโปรยแคลเซียมคลอไรด์กับน�้ำแข็งแห้งเพื่อ ไลเ่ มฆมาตลอดทาง ผลปรากฏวา่ เมฆแยกออกเปน็ เสน้ ทางโลง่ คลา้ ยกำ� แพงยกั ษส์ องขา้ ง และเมอื่ ในหลวง รัชกาลท่ี 9 เสด็จฯ ถึงพระต�ำหนักจิตรลดาฯ ก�ำแพงทั้งสองเริ่มเปิดเข้าหากัน และเกิดกระแสลมแรง ไมช่ า้ ฝนกต็ กหนกั ในหลวงจงึ ทรงมน่ั ใจวา่ ‘มาถกู ทางแลว้ ’ จนนำ� มาสกู่ ารทดลองอยา่ งเปน็ ทางการครงั้ แรก ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ.2512 ณ สนามบินหนองตะกู ในเขตพื้นทอ่ี ุทยานแหง่ ชาตเิ ขาใหญ่ ผลท่ีได้คือ ทอ้ งฟา้ มดื ครม้ึ และฝนกต็ กหลงั จากนนั้ 15 นาที นบั เปน็ ครงั้ แรกทฝี่ นั ตลอด 14 ปี ของพระองคก์ ลายเปน็ จรงิ ถึงจะท�ำฝนได้ส�ำเร็จ แต่ในหลวงรัชกาลท่ี 9 ก็ยังไม่ยอมหยุดฝัน โดยโปรดฯ ให้ย้ายการทดลองมายัง สนามบนิ บอ่ ฝา้ ย จงั หวดั ประจวบครี ขี นั ธ์ ซงึ่ อยใู่ กลพ้ ระราชวงั ไกลกงั วล และใกลก้ บั โครงการพระราชดำ� ริ มากมาย อาทิ อ่างเก็บน้�ำเขาเต่า เพื่อจะได้พระราชทานแนวทางการทำ� งานต่างๆ ได้ใกล้ชิดยิ่งข้ึน จากวันนั้นฝนท่ีพระองค์ทรงสร้าง จากศาสตร์ของการหลอกฟ้า ท่ีท้ังค้นคิด และทดลองซ้�ำแล้วซ�้ำเล่า มานานถึง 14 ปี ได้กลายเปน็ เคร่ืองมอื สำ� คญั ทช่ี ่วยชาวบ้านนบั แสนนับลา้ นใหร้ อดพน้ วิกฤติ และถกู เรยี กวา่ ‘ฝนหลวง’ วิชา ๙ หน้า ศาสตร์พระราชาจากตำ�ราของพอ่ • วชิ าหลอกฟา้ 87

หอเฉลมิ พระเกยี รตพิ ระบดิ าแหง่ ฝนหลวง ศนู ย์ฝนหลวงหัวหิน สนามบินบอ่ ฝา้ ย อ.หัวหนิ จ.ประจวบคีรขี นั ธ์ และในวันน้ีความรู้เรื่องฝนหลวง กลายเป็นวิชาท่ีทุกคน ด้วยคอมพิวเตอร์ เพื่อพระราชทานแก่ สามารถเรียนรู้ได้ ผ่านต�ำราฝนหลวง ท่ีในหลวงรัชกาลที่ 9 นักวิชาการฝนหลวง เพ่ือใช้ปฏิบัติใน ทรงพระราชนิพนธ์ไว้ และเราทุกคนสามารถเข้าชมได้ท่ี แนวทางเดยี วกนั ซงึ่ ดสู นกุ เขา้ ใจไดง้ า่ ย หอเฉลมิ พระเกยี รตพิ ระบดิ าแหง่ ฝนหลวงณสนามบนิ บอ่ ฝา้ ยซงึ่ และเหน็ ภาพทช่ี ดั เจน สรา้ งขนึ้ เพอ่ื จารกึ ถงึ ความฝนั อนั ยงิ่ ใหญข่ อง ในหลวงรชั กาลท่ี 9 ส�ำหรับศูนย์ฝนหลวงที่อยู่ด้านหน้า ในสว่ นของหอเฉลมิ พระเกยี รตพิ ระบดิ าแหง่ ฝนหลวง เราจะ เราจะสามารถมองเห็นเคร่ืองบินที่ใช้ ได้เห็นเครื่องบินล�ำเล็กสีส้ม ท่ีใช้ท�ำฝนหลวงในอดีตจอดอยู่ ทำ� ฝนหลวงจรงิ ๆ จอดอยู่ เตรยี มพรอ้ ม ดา้ นหนา้ เมอื่ เขา้ มาดา้ นใน สว่ นแรก คอื สว่ นของหอ้ งทรงงาน ปฏิบัติหน้าที่ตามวันเวลาที่เหมาะสม สำ� หรบั ใชร้ บั เสดจ็ ในเวลาทพ่ี ระองคเ์ สดจ็ มาทน่ี ่ี และยงั เคยเปน็ ตามพระราชปณิธานของในหลวง ห้องที่พระองค์ ทรงใช้เป็นห้องบรรยายเก่ียวกับฝนหลวงให้ รัชกาลที่ 9 ท่ีต้องการให้ฝนหลวง นกั เรยี นโรงเรยี นไกลกงั วลไดฟ้ งั มกี ารจำ� ลองโตะ๊ ทรงงาน ทม่ี ี ช่วยชะล้างความทุกข์ให้กับราษฎร เครอื่ งมอื ตา่ งๆ อยา่ ง กระดาษ ดนิ สอ คอมพวิ เตอร์ เอาไวใ้ หด้ ู ของพระองค์ ถัดมาเป็นส่วนของห้องนิทรรศการ ที่จัดแสดงจุดก�ำเนิด หอเฉลมิ พระเกียรตพิ ระบดิ าแหง่ ฝนหลวง ของฝนหลวงอย่างละเอียด ท้ังภาพ เสียง และวิดีโอ อย่าง เปิดให้ประชาชนทวั่ ไปเข้าชมได้ทุกวัน เปน็ ขน้ั เปน็ ตอน มตี วั อยา่ งสารทำ� ฝนหลวงตา่ งๆ พรอ้ มตำ� รา ตามวันเวลาราชการ ฝนหลวงพระราชทาน ทใ่ี นหลวงรชั กาลท่ี 9 ทรงประดษิ ฐภ์ าพ โทร. 0-3252-0062 88

โครงการตามพระราชดำ�ริ อา่ งเกบ็ นำ้� เขาเตา่ ต.หนองแก อ.หวั หนิ จ.ประจวบคีรีขนั ธ์ เขาเต่าเดิมทีนั้นเป็นหมู่บ้านชายทะเลเล็กๆ อยู่ห่างจาก ตัวเมืองหัวหินไปทางทิศใต้ เม่ือครั้งที่ในหลวงรัชกาลท่ี 9 ไดเ้ สด็จเยอื นประชาชนในเขตหวั หนิ พระองคท์ รงเหน็ ความ ลำ� บากของประชาชนในหมบู่ า้ นเขาเตา่ ซงึ่ มปี ระชากรอาศยั อยอู่ ยา่ งหนาแนน่ แตข่ าดแคลนนำ�้ อปุ โภคบรโิ ภค สว่ นในชว่ ง น้�ำขึ้นก็มีปัญหาน้�ำทะเลไหลเข้าท่วมพื้นท่ีการเกษตร สร้าง ความเสยี หายใหแ้ กพ่ ชื ผลของประชาชนในพนื้ ที่ พระองคท์ รงมี พระราชดำ� รใิ หก้ รมชลประทานกอ่ สรา้ งอา่ งเกบ็ นำ้� เขาเตา่ ขนึ้ นบั เปน็ โครงการอนั เนอ่ื งมาจากพระราชดำ� รดิ า้ นชลประทาน แหง่ แรกของประเทศไทย ทสี่ รา้ งขนึ้ เมอ่ื ปี พ.ศ.2506 นับต้ังแต่น้ันมาหมู่บ้านเขาเต่า จึงเร่ิมมีความเจริญต่างๆ เข้ามาในพ้ืนท่ี และเริ่มเป็นท่ีรู้จักจากคนภายนอก และ กลายเปน็ หมบู่ า้ นทอ่ งเทย่ี วชายทะเล ทมี่ ชี อ่ื ในดา้ นความสงบ และสวยงาม อา่ งเกบ็ นำ�้ เขาเตา่ ไมเ่ พยี งแตท่ ำ� หนา้ ทบี่ ำ� บดั ทกุ ข์ ของชมุ ชนดา้ นอปุ โภคและบรโิ ภคเทา่ นนั้ แตค่ วามสวยงามจาก ธรรมชาตโิ ดยรอบ ไดก้ ลายเปน็ ทพี่ กั ผอ่ นหยอ่ นใจ ชมววิ ทวิ ทศั น์ หรอื ใชอ้ อกกำ� ลงั กาย ทง้ั เดนิ วง่ิ หรอื ขจ่ี กั รยาน ของคนในชมุ ชน และนกั ทอ่ งเทยี่ วอกี ดว้ ย วชิ า ๙ หนา้ ศาสตร์พระราชาจากตำ�ราของพอ่ • วชิ าหลอกฟา้ 89

ศนู ยห์ ตั ถกรรมทอผา้ บ้านเขาเต่า อ.หวั หนิ จ.ประจวบครี ขี นั ธ์ เสียงกี่กระทบกันเป็นจังหวะภายในศูนย์หัตถกรรมทอผ้า บา้ นเขาเตา่ ก่อใหเ้ กดิ ลวดลายทเี่ ปน็ เอกลกั ษณ์ และผนื ผา้ ที่ งดงาม เกดิ จากฝไี มล้ ายมอื ของบรรดาคณุ ปา้ ในชมุ ชนเขาเตา่ ที่มานั่งทอผ้ายามว่างเว้นจากอาชีพประจ�ำ เพื่อเป็นรายได้ เสริมใหก้ ับครอบครัว บางคนกใ็ ช้เปน็ งานแกเ้ บื่อในยามวา่ ง ศนู ยห์ ตั ถกรรมทอผา้ บา้ นเขาเตา่ เปน็ โครงการอนั เนอ่ื งมาจาก พระราชดำ� ริของในหลวงรชั กาลที่9ทที่ รงสง่ เสรมิ ใหป้ ระชาชน ในหมู่บ้านมีอาชีพเสริมจากการทอผ้าฝ้ายด้วยก่ีกระตุก ในช่วงมรสุมที่ไมส่ ามารถออกไปทำ� การประมงได้ ด้วยเหตนุ ้ี สมเด็จพระนางเจา้ สิรกิ ติ ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 จึงโปรดเกล้าฯ ให้จัดหาครูจากราชบุรีมาสอนทอผ้า ย้อมสี ออกแบบลายผ้า ตัดเย็บ พร้อมจัดหาอุปกรณ์ทอผ้าและ เครื่องใช้ต่างๆ รวมถึงสอนการจักสาน โดยอาศยั ใตถ้ นุ ศาลา 90

วดั เขาเตา่ ในการฝกึ ทอ นบั ตงั้ แต่ พ.ศ.2507 จงึ เปน็ จดุ เรม่ิ ตน้ เท่ยี วชมุ ชนใกลเ้ คียง ของอาชีพทอผ้าใหก้ บั ลูกหลานชาวประมงนบั แตน่ ัน้ มา บา้ นรวมไทย พ.ศ.2536 ดว้ ยปจั จยั หลายดา้ น ท�ำให้ศูนยห์ ัตถกรรมทอผา้ อ.กยุ บรุ ี จ.ประจวบครี ขี นั ธ์ บา้ นเขาเตา่ ตอ้ งหยดุ ดำ� เนนิ งานไป จนในปี พ.ศ.2545 จงึ ไดม้ ี โทร. 08-2294-9022 การปรบั ปรงุ และซอ่ มแซมตวั อาคารสถานทใ่ี นการทอผา้ ใหม่ นำ� โดยคณุ ปา้ อมลวรรณ เอี่ยมสำ� อางค์ ซ่งึ เป็นนักเรียนทอผา้ รนุ่ แรก และเปน็ 1 ใน 13 คน ทเี่ คยไดร้ บั พระราชทานเหรยี ญ ทองค�ำในฐานะนักเรยี นท่ีมคี วามขยันหมัน่ เพยี รจากในหลวง รชั กาลที่ 9 ป้าอมลวรรณได้ท�ำหน้าที่ประธานกลุ่ม และรวบรวมกลุ่ม เพื่อนรุ่นเดียวกัน กลับมาท�ำอาชีพทอผ้า ซึ่งเป็นอาชีพ พระราชทานรว่ มกนั อกี ครงั้ โดยทอผา้ ดว้ ยฝา้ ยกก่ี ระตกุ และ ใชเ้ สน้ ฝา้ ย 100% และมกี ารพฒั นาสนิ คา้ ใหม้ คี วามหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นผ้าขาวม้าลายสก็อตใหญ่ ที่น�ำไปตัดเสื้อผ้า หรือตกแต่งบ้านได้ จากผ้ายกดอกลายเดิม ก็มีการเพ่ิม ลายใหม่ โดยเฉพาะลายเตา่ ทเ่ี ปน็ เอกลกั ษณข์ องชมุ ชน จนไดร้ บั รางวลั OTOP ระดบั 5 ดาว รวมทง้ั ผา้ ฝา้ ยเดมิ กพ็ ฒั นาใหเ้ ปน็ ผา้ ฝา้ ยขดั มนั ซง่ึ เนอื้ ผา้ จะมคี วามมนั เหมอื นเสน้ ไหม ไมเ่ ปน็ ขน ใส่สบาย ไม่ยับง่าย โดยมีกลุ่มคนรุ่นใหม่มาช่วยออกแบบ ใหเ้ ป็น เสื้อผา้ ของใช้ และของตกแต่งบ้าน ทีใ่ ชง้ ่าย สวยงาม และรว่ มสมยั มากขน้ึ เพม่ิ มลู คา่ และรายไดใ้ ห้กับชมุ ชน จากจดุ เรม่ิ ตน้ ของการทอผา้ จนถงึ วนั นี้ แมจ้ ะผา่ นไปนานกวา่ 50 ปีแลว้ ป้าอมลวรรณยงั คงทอผ้า และดแู ลศูนย์หตั ถกรรม ทอผ้าบ้านเขาเต่าอย่างต่อเนื่อง เพ่ือเป็นการสืบทอดอาชีพ เก่าแก่ของชุมชนไว้ ให้คนรุ่นใหม่ได้ศึกษาและสืบทอด เพอ่ื รกั ษาอาชีพพระราชทานน้ีใหค้ งอย่ตู อ่ ไป สนใจผลติ ภัณฑ์จากศนู ยห์ ตั ถกรรมทอผา้ บ้านเขาเตา่ บ้านเขาเตา่ ต.หนองแก อ.หัวหนิ จ.ประจวบครี ขี นั ธ์ โทร. 08-9260-0867 (ปา้ อมลวรรณ เอยี่ มสำ�อางค)์ วิชา ๙ หนา้ ศาสตรพ์ ระราชาจากตำ�ราของพ่อ • วชิ าหลอกฟา้ 91

สถานที่ทอ่ งเท่ยี วนา่ สนใจ จ.ประจวบคีรขี ันธ์ อทุ ยานราชภักดิ์ เปน็ ชอื่ พระราชทานจากในหลวงรชั กาลที่ 9 ซง่ึ มคี วามหมายวา่ อทุ ยานทส่ี รา้ งขนึ้ ดว้ ยความจงรกั ภกั ดตี อ่ พระมหากษตั รยิ ไ์ ทย และจดั สรา้ งเพอื่ เทดิ ทนู และประกาศเกยี รตพิ ระบรู พกษตั รยิ ์ ในอดีต ทั้ง 7 พระองค์ ได้แก่ พ่อขุนรามค�ำแหงมหาราช สมเด็จพระนเรศวรมหาราช สมเด็จพระนารายณ์มหาราช สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้า จฬุ าโลกมหาราช (ร.1) พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั (ร.4) พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (ร.5) ถา้ เดนิ ไปทลี่ านอเนกประสงค์ ใหไ้ ปยนื ทจี่ ดุ รวมสายพระเนตร ซ่ึงเป็นต�ำแหน่งที่บูรพกษัตริย์ทั้ง 7 พระองค์ ทรงทอด พระเนตรมาประสานเป็นจดุ เดียวกนั ต.หนองแก อ.หวั หิน จ.ประจวบครี ขี ันธ์ 92

วัดเขาเตา่ เน่ืองจากตั้งอยู่บริเวณเชิงเขาติดทะเล ท�ำให้วัดเขาเต่ามีทิวทัศน์สวยงาม รวมถึงมีถาวรวัตถุและ ส่ิงศักด์ิสิทธ์ิให้กราบไหว้ขอพรมากมาย โดยภายในมีการสร้างให้มีลักษณะจ�ำลองคล้ายถ�้ำ และ มีประติมากรรมหลากหลาย ซ่ึงจุดเด่นของวัดน้ี คือการข้ึนไปสักการะพระพุทธศากยชินมหาราช ท่ีประดษิ ฐานบนยอดเขา สามารถมองเห็นทวิ ทศั นส์ วยๆ ของท้องทะเลไดด้ ว้ ย บา้ นหนองแก ต.หนองแก อ.หวั หิน จ.ประจวบครี ีขันธ์ หาดทรายน้อย หมบู่ า้ นชาวประมงเขาเต่า หาดทรายเลก็ ๆ เหมาะกบั การพกั ผอ่ น ในชายหาด เสนห่ ข์ องชมุ ชนเขาเตา่ นอกจากความสวยงามของ ทม่ี บี รรยากาศเงยี บสงบและไมม่ สี งิ่ บนั เทงิ ใหว้ นุ่ วาย บรรยากาศธรรมชาตโิ ดยรอบแลว้ ยงั เปน็ ชมุ ชนทม่ี ี นำ้� ทะเลสสี วยใสระดบั นำ้� ไมล่ กึ จนเกนิ ไปทำ� ใหเ้ ลน่ นำ�้ ความสงบเงียบ เหมาะกับเป็นสถานที่แห่งการ ไดอ้ ยา่ งสบายใจ ยง่ิ ชว่ งทนี่ ำ�้ ลงชายหาดจะกวา้ งใหญ่ พกั ผอ่ นอยา่ งแทจ้ รงิ นกั ทอ่ งเทย่ี วสามารถเยยี่ มชม เดนิ เลน่ ชมววิ ทวิ ทศั นร์ อบๆ ไดเ้ พลนิ ๆ และกลายเปน็ หมู่บ้านชาวประมงของชุมชนเขาเต่า ท่ียังคง ซเี ครต็ บชี สำ� หรบั คนทช่ี นื่ ชอบความสงบ วถิ ีชวี ติ ชาวเรือแบบด้ังเดิมไว้ ซงึ่ ใชเ้ รือประมงเล็ก ในการหาปลา และหาดูได้ยากในปัจจุบนั บ้านหนองแก ต.หนองแก อ.หวั หนิ จ.ประจวบครี ีขันธ์ บ้านหนองแก ต.หนองแก อ.หวั หิน จ.ประจวบคีรขี นั ธ์ วิชา ๙ หนา้ ศาสตรพ์ ระราชาจากตำ�ราของพ่อ • วิชาหลอกฟ้า 93





จัดทำ�โดย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ศwนูwยw์บ.รtoิกuารriขsา่ mวสthาaรกilaารnทdอ่ .oงเrทgีย่ ว 1672


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook