พ ร ะ ไ พ ศ า ล ว ิ ส า โ ล 99 แต่ยังมีความจริงอีกอย่างหน่ึงท่ีเราพึงตระหนักก็คือ สุขหรือ ทุกข์นั้น มิได้ขึ้นอยู่กับว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับเรา แต่อยู่ที่ว่าเรารู้สึก อย่างไรกับสิ่งน้ันต่างหาก แม้มีสิ่งไม่ดีเกิดข้ึนกับเราแต่ถ้าเราไม ่ รู้สึกย่�ำแย่ไปกับมันหรือวางใจให้เป็น มันก็ท�ำให้เราเป็นทุกข์ไม่ได้ กนกวรรณ ศลิ ปส์ ขุ เปน็ โรคธาลสั ซเี มยี ตงั้ แตเ่ กดิ ทำ� ใหเ้ ธอมรี า่ งกาย แคระแกรน็ กระดกู เปราะ และเจบ็ ปว่ ยดว้ ยโรคแทรกซอ้ นนานาชนดิ ซงึ่ มกั ทำ� ใหอ้ ายสุ น้ั แตเ่ ธอกบั นอ้ งสาวไมม่ สี หี นา้ อมทกุ ขแ์ ตอ่ ยา่ งใด กลับใช้ชีวิตอย่างมีความสุข เธอพูดจากประสบการณ์ของตัวเองว่า “มันไม่ส�ำคัญหรอกว่าเราจะเป็นอย่างไรหรือมีอะไรเกิดขึ้นกับชีวิต แตส่ ำ� คญั ทวี่ า่ เมอื่ เกดิ ขน้ึ มาแลว้ เราคดิ กบั มนั ยงั ไงตา่ งหาก สำ� หรบั เราสองคน ความสุขเป็นเร่ืองท่ีหาง่ายมากถ้าใจของเราคิดว่ามัน เปน็ ความสขุ ” โอโตทาเกะ ฮิโรทาดะ เกิดมาพิการ ไร้แขนไร้ขา แต่เขา สามารถช่วยตัวเองได้แทบทุกอย่าง ในหนังสือเร่ือง ไม่ครบห้า เขา พดู ไวต้ อนหนง่ึ วา่ “ผมเกดิ มาพกิ ารแตผ่ มมคี วามสขุ และสนกุ ทกุ วนั ” ใครทไ่ี ดร้ จู้ กั เขาคงยอมรบั เตม็ ปากวา่ เขาเปน็ คนทม่ี คี วามสขุ คนหนง่ึ อาจจะสขุ มากกวา่ คนทม่ี อี วยั วะครบ (แตก่ ลบั เปน็ ทกุ ขเ์ พราะหนา้ มี สวิ ผิวตกกระ หนุ่ ไม่กระชบั )
100 ธ ร ร ม ะ สํ า ห ร ั บ ผู้ ป ่ ว ย ในโลกที่ซับซ้อนและผันผวนปรวนแปรอยู่เสมอ เราไม ่ สามารถเลือกได้ว่าจะต้องมีส่ิงดีๆ เกิดขึ้นกับเราตลอดเวลา แต่เรา เลือกได้ว่าจะมีปฏิกิริยากับสิ่งน้ันอย่างไร รวมท้ังเลือกได้ว่าจะยอม ให้มันมอี ทิ ธพิ ลตอ่ เราอย่างไรและแค่ไหน ในวนั ทแี่ ดดจา้ อากาศรอ้ นอา้ ว บรุ ษุ ไปรษณยี ค์ นหนงึ่ ยนื รอสง่ เอกสารหนา้ บา้ นหลงั ใหญ ่ หลงั จากเรยี กหาเจา้ ของบา้ นแตไ่ มม่ วี แี่ วว วา่ จะมคี นมารบั เขากร็ อ้ งเพลงไปพลางๆ เสยี งดงั ชดั เจนไปทง้ั ซอย ในท่ีสุดเจ้าของบ้านก็ออกจากห้องแอร์มารับเอกสาร เธอมีสีหน้า หงุดหงิด เมื่อรับเอกสารเสร็จแล้วเธอก็ถามบุรุษไปรษณีย์ว่า “ร้อน แบบน้ียังมีอารมณ์ร้องเพลงอีกเหรอ” เขาย้ิมแล้วตอบว่า “ถ้าโลก รอ้ นแตใ่ จเราเยน็ มนั กเ็ ยน็ ครบั รอ้ งเพลงเปน็ ความสขุ ของผมอยา่ ง หนงึ่ ส่งไปร้องไป” ว่าแล้วเขาก็ขบั รถจากไป เราสงั่ ใหอ้ ากาศเยน็ ตลอดเวลาไมไ่ ด ้ แตเ่ ราเลอื กไดว้ า่ จะยอม ให้อากาศร้อนมีอิทธิพลต่อจิตใจของเราได้แค่ไหน นี้คือเสรีภาพ อย่างหน่ึงที่เรามีกันทุกคน อยู่ที่ว่าเราจะใช้เสรีภาพชนิดนี้หรือไม่ พูดอีกอย่างก็คือถ้าเราหงุดหงิดเพราะอากาศร้อน นั่นแสดงว่าเรา เลอื กแล้วทีจ่ ะยอมให้มันยดั เยียดความทุกข์แกใ่ จเรา
พ ร ะ ไ พ ศ า ล ว ิ ส า โ ล 101 ถงึ ทสี่ ดุ แลว้ สขุ หรอื ทกุ ขอ์ ยทู่ เ่ี ราเลอื ก มใิ ชม่ ใี ครมาทำ� ให ้ ถงึ แมจ้ ะปว่ ยดว้ ยโรครา้ ย เรากย็ งั สามารถมคี วามสขุ ได ้ โจว ตา้ กวน เด็กชายวัย ๑๐ ขวบ เป็นโรคมะเร็งที่ขา จนต้องผ่าตัดถึง ๓ คร้ัง เขาได้เขียนบทกวีเล่าถึงประสบการณ์ในคร้ังน้ันว่า เม่ือพ่อแม่ ประคองเขาเข้าห้องผ่าตัด เขาเลือก “เด็กหญิงสงบ” เป็นเพ่ือน (แทนทจ่ี ะเปน็ “เดก็ ชายกงั วล”) เมอ่ื พอ่ แมอ่ มุ้ เขาเขา้ หอ้ งผา่ ตดั ครงั้ ที่ ๒ เขาเลือก “คุณอาม่ันคง” เป็นเพื่อน (แทนที่จะเป็น “คุณน้า หวาดหวนั่ ”) เมอ่ื พอ่ แมใ่ หเ้ ขาขหี่ ลงั เขา้ หอ้ งผา่ ตดั ครงั้ ท ่ี ๓ เขาเลอื ก “คุณอยู่รอด” (แทนท่ีจะเป็น “คุณความตาย”) ด้วยการเลือกเช่นน ้ี มะเรง็ จงึ บัน่ ทอนได้แต่ร่างกายของเขา แต่ท�ำอะไรจติ ใจเขาไมไ่ ด้ เมื่อใดก็ตามที่ความเปล่ียนแปลงอันไม่พึงประสงค์เกิดขึ้น หากเราไม่สามารถสกัดกั้นหรือบรรเทาลงได้ ในยามน้ันไม่มีอะไร ดีกว่าการหันมาจัดการกับใจของเราเอง เพื่อให้เกิดความทุกข์น้อย ทส่ี ดุ หรือใชม้ ันให้เกดิ ประโยชน์มากทีส่ ดุ ด้วยวิธีการต่อไปน้ี
102 ธ ร ร ม ะ สํ า ห ร ั บ ผู้ ป ่ ว ย ยอมรบั ความจรงิ ทเ่ี กดิ ขึน้ แลว้ การยอมรบั ความจรงิ ทไ่ี มพ่ งึ ประสงค ์ ทำ� ใหเ้ ราเลกิ บน่ ตโี พยตี พายหรอื มวั แตต่ อี กชกหวั ซง่ึ มแี ตจ่ ะเพมิ่ ความทกุ ขใ์ หแ้ กต่ นเอง คน เรามกั ซ้�ำเตมิ ตัวเองดว้ ยการบน่ โวยวายในสิง่ ทไ่ี ม่อาจแก้ไขอะไรได้ เรามักท�ำใจยอมรับความจริงท่ีเกิดข้ึนแลว้ ไม่ไดเ้ พราะเห็นว่า มนั ไมถ่ กู ตอ้ ง ไมน่ า่ เกดิ ไมย่ ตุ ธิ รรม (“ทำ� ไมตอ้ งเปน็ ?”) แตย่ งิ่ ไปยดึ ติดหรือหมกมุ่นกับเหตุผลเหล่านั้น เราก็ยิ่งเป็นทุกข์ แทนท่ีจะเสีย เวลาและพลังงานไปกับการบ่นโวยวาย ไม่ดีกว่าหรือหากเราจะเอา เวลาและพลังงานเหล่านัน้ ไปใช้ในการรบั มือกบั ส่งิ ทเ่ี กิดขนึ้ แลว้ เดก็ ๓ คน ไดร้ บั มอบหมายใหข้ นของขน้ึ รถไฟ แตร่ ะหวา่ งท่ ี กำ� ลงั ขนของ เดก็ ชาย ๒ คนกผ็ ละไปดโู ทรทศั นซ์ ง่ึ ก�ำลงั ถา่ ยทอดสด การชกมวยของสมจติ ร จงจอหอ นกั ชกเหรยี ญทองโอลมิ ปกิ เมอื่ ม ี คนถามเด็กหญิงซ่ึงก�ำลังขนของอยู่คนเดียวว่าเธอไม่โกรธ หรือคิด จะด่าว่าเพ่ือน ๒ คนนั้นหรือ เธอตอบว่า “หนูขนของข้ึนรถไฟ หนู เหนื่อยอย่างเดียวแต่ถ้าหนูโกรธหรือไปด่าว่าเขา หนูก็ต้องเหน่ือย สองอยา่ ง”
พ ร ะ ไ พ ศ า ล ว ิ ส า โ ล 103 ทุกครัง้ ท่ีทำ� งาน เราสามารถเลอื กไดว้ า่ จะเหนื่อยอยา่ งเดียว หรอื เหนอ่ื ยสองอยา่ ง คำ� ถามคือทกุ วันนีเ้ ราเลือกเหนื่อยกอ่ี ยา่ ง นอกจากเหนอื่ ยกายแลว้ เรายังเหนอ่ื ยใจดว้ ยหรือไม่ ทุกคร้ังท่ีท�ำงาน เราสามารถเลือกได้ว่าจะเหน่ือยอย่างเดียว หรือเหนื่อยสองอย่าง ค�ำถามคือทุกวันนี้เราเลือกเหน่ือยก่ีอย่าง นอกจากเหนือ่ ยกายแล้ว เรายังเหนอ่ื ยใจดว้ ยหรอื ไม่ การยอมรับความจริง ไม่ได้แปลว่ายอมจ�ำนนต่อส่ิงที่เกิดขึ้น แต่เป็นจุดเร่ิมต้นของการเลือกท่ีจะไม่ยอมทุกข์เพราะความเปลี่ยน แปลง อีกท้ังยังท�ำให้สามารถตั้งหลักหรือปรับตัวใจพร้อมรับความ เปลยี่ นแปลงนนั้ อย่างดที ่ีสุด
พ ร ะ ไ พ ศ า ล ว ิ ส า โ ล 105 ท�ำปัจจุบันให้ดที ีส่ ุด นอกจากบ่นโวยวายกับสิ่งท่ีเกิดขึ้นแล้ว เรามักทุกข์เพราะ อาศัยอดีตอันงดงาม หรือกังวลกับส่ิงเลวร้ายท่ีคาดว่าจะเกิดข้ึนใน อนาคตสุดทา้ ยกเ็ ลยไมเ่ ปน็ อนั ท�ำอะไร ไม่ว่าจะอาลัยอดีตหรือกังวลกับอนาคตเพียงไร ก็ไม่ช่วยให้ อะไรดีขึ้นกลับท�ำให้เราย่�ำแย่กว่าเดิม ส่ิงเดียวท่ีจะท�ำให้อะไรดีข้ึน กค็ อื การทำ� ปจั จบุ นั ใหด้ ที ส่ี ดุ ทางขา้ งหนา้ แมจ้ ะยาวไกลและล�ำบาก เพยี งใด แตเ่ ราไมม่ วี นั ถงึ จดุ หมายเลยหากไมล่ งมอื กา้ วเสยี แตเ่ ดยี๋ วน ี้ รวมทง้ั ใสใ่ จกบั แตล่ ะกา้ วใหด้ ี ถา้ กา้ วไมห่ ยดุ ในทสี่ ดุ กต็ อ้ งถงึ ทห่ี มายเอง บรชู๊ เคอรบ์ ี นกั ไตเ่ ขา พดู ไวอ้ ยา่ งนา่ สนใจวา่ “ทกุ อยา่ งมกั จะ ดเู ลวรา้ ยกวา่ ความจรงิ เสมอเมอ่ื เรามองจากทไ่ี กลๆ เชน่ หนทางขน้ึ เขาดนู า่ กลวั บางเสน้ ทางอาจดเู ลวรา้ ยจนคณุ ระยอ่ และอยากหนั หลงั กลับ นานมาแล้วผมได้บทเรียนส�ำคัญคือ แทนที่จะมองขึ้นไปข้าง บนและสูญเสียก�ำลังใจกับการจินตนาการถึงอันตรายข้างหน้า ผม จบั จ้องอย่ทู ี่พ้นื ทฝี่ า่ เทา้ แล้วก้าวไปข้างหนา้ ทีละก้าว”
106 ธ ร ร ม ะ สํ า ห ร ั บ ผู้ ป ่ ว ย มองแงบ่ วก มองแงบ่ วกไม่ไดห้ มายถึงการฝันหวานว่าอนาคตจะต้องดีแน่ แต่หมายถึงการมองเห็นส่ิงดีๆ ท่ีมีอยู่ในปัจจุบัน ไม่ว่าเจ็บป่วย ตก งานหรอื อกหกั กย็ งั มสี ง่ิ ดๆี อยรู่ อบตวั และในตวั เรา รวมทงั้ มองเหน็ ส่ิงดๆี ทีซ่ ุกซ่อนอยู่ในความเปล่ยี นแปลงเหล่าน้นั ดว้ ย แม้ กนกวรรณ ศลิ ป์สุข จะปว่ ยด้วยโรครา้ ย แตเ่ ธอก็มคี วาม สขุ ทกุ วนั เพราะ “เรากย็ งั มตี าเอาไวม้ องสง่ิ ทส่ี วยๆ มจี มกู ไวด้ มกลนิ่ หอมๆ มปี ากไวก้ นิ อาหารอรอ่ ยๆ แลว้ กม็ รี า่ งกายทย่ี งั พอท�ำอะไรได ้ อกี หลายอยา่ งแคน่ ก้ี เ็ พยี งพอแลว้ ทเี่ ราจะมคี วามสขุ ” สว่ น จารวุ รรณ ศิลป์สุข น้องสาวของเธอ ซึ่งขาหักถึง ๑๔ คร้ังด้วยโรคเดียวกัน ก ็ พูดว่า “ขาหักก็ดีเหมือนกัน ไม่ต้องไปโรงเรียน ได้อยู่กับบ้าน ฟัง ยายเลา่ นทิ าน หรอื ไมก่ อ็ า่ นหนงั สอื อยกู่ บั ดอกไม ้ กบั ธรรมชาต ิ กบั ส่ิงท่เี ราชอบ ก็ถือว่ามีความสขุ ไปอกี แบบ” โจว ต้า กวน แมจ้ ะถกู ตดั ขา แตแ่ ทนทจี่ ะเศรา้ เสยี ใจกบั ขาท ี่ ถกู ตดั เขากลบั รสู้ กึ ดที ย่ี งั มขี าอกี ขา้ งหนง่ึ ดงั ตงั้ ชอ่ื หนงั สอื รวมบทกว ี ของเขาวา่ ฉนั ยงั มขี าอกี ข้างหนง่ึ
พ ร ะ ไ พ ศ า ล ว ิ ส า โ ล 107 หลายคนพบว่าการท่ีเป็นมะเร็งท�ำให้ตนเองได้มาพบธรรมะ และความสุขที่ลึกซ้ึง จึงอดไม่ได้ที่จะอุทานว่า “โชคดีที่เป็นมะเร็ง” ขณะท่ีบางคนบอกว่า “โชคดีที่เป็นแค่มะเร็งสมอง” เพราะหากเป็น มะเร็งปากมดลกู เธอจะต้องเจ็บปวดย่งิ กว่าน้ี ถึงท่ีสุด ไม่ว่าอะไรเกิดขึ้นกับเราก็ล้วนดีเสมอ อย่างน้อยก็ด ี ทไี่ ม่แย่ไปกว่าน้ี มสี ตริ ูเ้ ท่าทันตนเอง เมอื่ ความเปลย่ี นแปลงทไี่ มพ่ งึ ประสงคเ์ กดิ ขน้ึ เรามกั มองออก นอกตวั และอดไมไ่ ดท้ จี่ ะโทษคนโนน้ ตอ่ วา่ คนน ี้ และเรยี กหาใครตอ่ ใครมาชว่ ย แตเ่ รามกั ลมื ดใู จตนเองวา่ กำ� ลงั ปลอ่ ยใหค้ วามโกรธแคน้ ความกงั วล และความทอ้ แทค้ รอบง�ำใจไปแลว้ มากนอ้ ยเพยี งใด เรา ลืมไปว่าเป็นตัวเราเองต่างหากท่ียอมให้เหตุการณ์ต่างๆ รอบตัว ยัดเยียดความทุกข์ให้แก่ใจเรา ไม่ใช่เราดอกหรือท่ีเลือกทุกข์มาก กวา่ สขุ การมสี ตริ ะลกึ รใู้ จทกี่ ำ� ลงั จมอยกู่ บั ความทกุ ข ์ จะชว่ ยพาใจ กลบั สคู่ วามปกต ิ เหน็ อารมณต์ า่ งๆ เกดิ ขนึ้ โดยไมไ่ ปขอ้ งเกยี่ ว จอ่ ม จม หรือยึดติดถือม่ันมันอีก ท้ังยังเปิดช่องและบ่มเพาะปัญญาให ้
108 ธ ร ร ม ะ สํ า ห ร ั บ ผู้ ป ่ ว ย ทำ� งานไดเ้ ตม็ ท ่ี สามารถเปลย่ี นรา้ ยใหก้ ลายเปน็ ด ี หรอื มองเหน็ ดา้ น ดขี องมันได้ สติและปัญญาท�ำให้เรามีเสรีภาพที่จะเลือกสุข และหันหลัง ให้กับความทุกข์ ใช่หรือไม่ว่าอิสรภาพท่ีแท้คือความสามารถใน การอนุญาตให้ส่ิงต่างๆ มีอิทธิพลต่อชีวิตของเราได้เพียงใด ความ เปลี่ยนแปลงของร่างกาย ของทรัพย์สิน ของผู้คนรอบตัว รวมท้ัง ความเปลี่ยนแปลงบ้านเมือง ไม่สามารถท�ำให้เราทุกข์ได้ หากเรา เขา้ ถงึ อสิ รภาพดงั กลา่ ว แทนทเ่ี ราจะมวั วงิ วอนเรยี กรอ้ งใหเ้ กดิ ความ เปลี่ยนแปลงที่ถูกใจเรา ไม่ดีกว่าหรือหากเราพยายามพัฒนาตน บม่ เพาะจติ ใจใหเ้ ขา้ ถงึ อสิ รภาพดงั กลา่ ว ควบคไู่ ปกบั การสรา้ งสรรค์ สิ่งดงี ามให้เกดิ ขน้ึ แกต่ นเองและสงั คม
พ ร ะ ไ พ ศ า ล ว ิ ส า โ ล ถ้ามองแงบ่ วกเป็นกจ็ ะเห็นตอ่ ไปวา่ สิ่งท่ีเปน็ เคราะหก์ ม็ ีข้อดีเหมือนกัน มองแงบ่ วกคอื สามารถจะเหน็ ขอ้ ดี ของสง่ิ ทไี่ ม่น่าพอใจ หรือสามารถเหน็ โชคจากเคราะหไ์ ด้ ไมอ่ ยา่ งนั้นคงไม่มคี นที่พูดว่า โชคดีที่เปน็ มะเรง็ ท�ำไมเขาถึงพดู ว่าโชคดีทเี่ ปน็ มะเร็ง
ผู้เข้าถึงธรรม ไมเ่ ศร้าโศกถึงสิง่ ท่ลี ว่ งแล้ว ไม่ฝันเพ้อถงึ สิง่ ท่ียงั มาไม่ถงึ ด�ำรงอยู่กับปัจจบุ นั ฉะนั้นผิวพรรณจึงผ่องใส พุทธวจนะ
ว า ง ใ จ อ ย ่ า ง ไ ร เ ม ื่ อ เ ป ็ น ม ะ เ ร ็ ง พวกเราหลายคนในที่น้ีอาจจะกังวลใจที่รู้ว่าตัวเองเป็น มะเรง็ จรงิ ๆ แลว้ พวกเราไมไ่ ดเ้ ปน็ มะเรง็ นะ พวกเราแคม่ มี ะเรง็ อย ู่ ในตวั มนั ตา่ งกนั มากระหวา่ งความคดิ วา่ “ฉนั เปน็ มะเรง็ ” กบั ความคดิ ว่า “ฉันมีมะเร็งอยู่ในตัว” ถ้าเราคิดว่าเราเป็นมะเร็ง ก็แสดงว่า มะเร็งเป็นทั้งหมดของเรา แต่ในความเป็นจริง มะเร็งไม่ใช่เป็น ทั้งหมดของเรา มันเป็นแค่ส่วนเส้ียวหนึ่งของตัวเรา แต่ถ้าเรา คิดว่าเราเป็นมะเร็งเม่ือไร ก็แปลว่ามะเร็งคือเรา เราคือมะเร็ง มัน ไม่มีอะไรมากกว่านั้นแล้ว แต่ที่จริงเรามีอะไรอีกเยอะในชีวิต นอกจากมะเรง็
พ ร ะ ไ พ ศ า ล ว ิ ส า โ ล 113 ขอให้แยกแยะให้ได้ว่า เราแค่มีมะเร็งอยู่ในตัว เราไม่ใช่เป็น มะเรง็ ถงึ แมเ้ ราจะพดู วา่ ฉนั เปน็ มะเรง็ กข็ อใหเ้ ปน็ การพดู โดยโวหาร แต่ให้ตระหนักว่าจริงๆ แล้วเราแค่มีมะเร็งอยู่ในตัว มะเร็งไม่ใช่เรา และเรากไ็ มใ่ ชม่ ะเร็ง อาตมาอยากจะพดู ถงึ การทำ� ใจยามประสบเหตรุ า้ ย ซง่ึ รวมถงึ เวลาพบวา่ มมี ะเรง็ อยใู่ นตวั ดว้ ย พทุ ธศาสนานนั้ มองวา่ คนเราจะสขุ หรือทุกข์ มันไม่ได้อยู่ท่ีว่ามีอะไรเกิดข้ึนกับเรา แต่อยู่ท่ีว่าเรารู้สึก หรือมีปฏิกิริยาอย่างไรกับมัน ส่ิงไม่ดีท่ีเกิดขึ้นกับเรา เช่น เงินหาย เจ็บป่วย ตกงาน อกหัก อุบัติเหตุ สิ่งเหล่าน้ีไม่สามารถท�ำให้เรา ทกุ ขไ์ ด ้ จนกวา่ ใจเราจะยอมทกุ ขเ์ พราะมนั แตถ่ า้ ใจเราไมย่ อมทกุ ข์ เราวางจติ วางใจวา่ สง่ิ ทเ่ี กดิ ขน้ึ กแ็ คก่ ระทบทรพั ยส์ มบตั ิ หรอื กระทบ กายของเราเทา่ นนั้ แตไ่ มก่ ระเทอื นไปถงึ ใจ มนั มหี ลายดา่ นกวา่ จะมา ถึงใจเราได้ ถ้าเรายอมเปิดให้ความทุกข์เข้ามาถึงใจ เราก็ต้องทุกข์ แนน่ อน แตถ่ า้ ใจเราไมย่ อม เราวางใจถกู วางใจเปน็ กท็ กุ ขแ์ คภ่ ายนอก ไม่ทกุ ขม์ าถงึ ใจ พระพทุ ธเจา้ เคยตรสั สอนอบุ าสกคนหนงึ่ ชอื่ นกลุ บดิ า ซง่ึ กำ� ลงั ป่วยหนักว่า “แม้กายกระสับกระส่าย แต่อย่าให้ใจกระสับกระส่าย” กายทุกข์แต่ว่าใจไม่ทุกข์นั้นท�ำได้ กายทุกข์ไม่ได้แปลว่าใจจะต้อง
114 ธ ร ร ม ะ สํ า ห ร ั บ ผู้ ป ่ ว ย ทกุ ขต์ ามไปดว้ ย แตส่ ว่ นใหญป่ ลอ่ ยใหใ้ จทกุ ขด์ ว้ ย ทใ่ี ครๆ บน่ กนั วา่ ทุกขก์ ็เพราะทกุ ข์ ความทุกข์ท่ีแท้มันอยู่ที่ใจ และใจจะทุกข์หรือไม่ข้ึนอยู่ว่าเรา วางใจอยา่ งไร เรามองเหตกุ ารณน์ นั้ อยา่ งไร ถา้ เรามองวา่ มะเรง็ คอื ค�ำพิพากษาตัดสินประหารชีวิต เราก็หมดอาลัยตายอยาก เราก็ท้อ แท้ แต่ถ้าเราคิดว่ามะเร็งเป็นเหตุการณ์หน่ึงในชีวิตท่ีเราสามารถ เรยี นรจู้ ากมนั ได ้ เรากไ็ มท่ กุ ข ์ มนั เหมอื นกบั เวลาเราเจอแดด ถา้ เรา วางใจไมเ่ ปน็ ใจก็ทุกข ์ แตถ่ า้ วางใจเปน็ กไ็ มท่ กุ ขถ์ งึ ใจ มคี นหนง่ึ เลา่ ใหฟ้ งั วา่ บา่ ยวนั หนง่ึ อากาศรอ้ นมาก เขาเลยนงั่ เลน่ อยใู่ นบา้ นเปดิ แอรเ์ ตม็ ท ี่ ไมน่ านเขาไดย้ นิ เสยี งไปรษณยี ก์ ดกรง่ิ ทห่ี นา้ บา้ นใหม้ ารบั จดหมาย เขาหงดุ หงดิ มากเพราะไมอ่ ยากออกไป เจอความร้อนข้างนอก เขาก็เลยนั่งอยู่เฉยๆ แต่บุรุษไปรษณีย์รู้ว่า ในบา้ นมคี นอยเู่ พราะมรี ถจอดอยแู่ ละประตบู า้ นขา้ งในกเ็ ปดิ อย ู่ เขาก็ เลยรอคนมารบั จดหมาย แต่เขาไม่ได้รอเปล่าๆ ร้องเพลงด้วย รอ้ ง เพลงลกู ทงุ่ อยนู่ านเลย รอ้ งจนเจา้ ของบา้ นอยเู่ ฉยไมไ่ ดต้ อ้ งเดนิ ออก มารับ พอรับจดหมายเสร็จเขาก็ถามบุรุษไปรษณีย์ว่า อากาศร้อน อย่างน้ีคณุ ยงั มอี ารมณ์รอ้ งเพลงอกี หรอื
พ ร ะ ไ พ ศ า ล ว ิ ส า โ ล 115 บรุ ษุ ไปรษณยี ต์ อบไดด้ มี าก เขาตอบวา่ “ถา้ โลกรอ้ น แตใ่ จเรา เยน็ มนั กเ็ ยน็ ครบั รอ้ งเพลงเปน็ ความสขุ ของผมอยา่ งหนงึ่ สง่ ไปรอ้ ง ไป” วา่ แลว้ เขากข็ บั รถไปสง่ จดหมายท่บี ้านอน่ื ตอ่ อากาศร้อนแต่ใจบุรุษไปรษณีย์คนนี้ไม่ได้ร้อนตามไปด้วย เขารู้วิธีท�ำใจให้เย็น เห็นไหมว่าจริงๆ แล้วคนเราเลือกได้ว่าจะสุข หรอื ทกุ ข ์ ถงึ แมเ้ ราเลอื กไมไ่ ดว้ า่ จะตอ้ งมสี ง่ิ ดๆี เกดิ ขน้ึ กบั เราตลอด เวลา แตเ่ ราเลอื กไดว้ า่ จะยอมใหส้ งิ่ เหลา่ นนั้ มอี ทิ ธพิ ลตอ่ เราแคไ่ หน เราไม่สามารถบงการให้มีแต่สิ่งดีๆ เกิดข้ึนกับเรา แต่เราสามารถ เลอื กไดว้ า่ จะสขุ หรอื ทกุ ข ์ ตรงนส้ี ำ� คญั มากนะ เราเลอื กไมไ่ ดว้ า่ ชวี ติ นี้จะมีแต่ลูกน้องท่ีถูกใจ จะมีแต่เจ้านายท่ีดีๆ จะมีโชคลาภเสมอๆ บางครั้งเราก็ต้องเจอสิ่งที่ไม่ถูกใจ แต่แม้กระนั้นเราก็เลือกได้ว่าจะ วางใจอยา่ งไร เราเลือกได้ว่าจะสุขหรือทกุ ข์เพราะมันหรอื เปลา่ มเี ดก็ ไตห้ วนั คนหนงึ่ ชอ่ื โจว ตา้ กวน อาย ุ ๑๐ ขวบ เขาเปน็ มะเรง็ ทตี่ น้ ขา ท�ำเคมบี ำ� บดั ๗ ครง้ั ฉายแสง ๓๐ ครงั้ ในทสี่ ดุ ตอ้ ง ผ่าขา เขาเขียนบทกวีไว้เล่มหนึ่งเป็นหนังสือชื่อว่าฉันยังมีขาอีก ข้างหน่ึง แปลเป็นภาษาไทยแล้ว ขอให้สังเกตว่าเขาไม่ได้เขียนว่า ฉนั เสยี ขาไปขา้ งหนง่ึ แตเ่ ขยี นวา่ ฉนั ยงั มขี าอกี ขา้ งหนงึ่ แตกตา่ งกนั มากนะ ระหว่างฉันเสียขาไปข้างหน่ึงกับฉันยังมีขาอีกข้างหน่ึง
116 ธ ร ร ม ะ สํ า ห ร ั บ ผู้ ป ่ ว ย คนท่ีคิดว่าฉันเสียขาไปข้างหน่ึงจะทุกข์มาก แต่คนที่มองว่าฉันยัง มีขาอีกข้างหน่ึง จะรู้สึกว่าฉันยังโชคดีที่ไม่เสียขาไปทั้งสองข้าง น่ ี เป็นการมองแง่บวก มองแง่ลบคือว่าฉันเสียขาไปข้างหน่ึง มองแง่ บวกคอื วา่ ฉนั ยงั มขี าอกี ขา้ งหนง่ึ และฉนั โชคดที ย่ี งั ไมเ่ สยี ขาสองขา้ ง มตี อนหนงึ่ ในหนงั สอื เลม่ นน้ี า่ สนใจมาก เขาเขยี นงา่ ยๆ แบบ เด็กๆ ว่า วันท ่ี ๑๙ พฤษภาคม ๑๙๙๖ พ่อแม่ประคองฉันเข้าห้องผ่าตดั เด็กชายสงบเป็นเพอื่ นบ้านฉนั เด็กหญิงวิตกเปน็ เพอื่ นบา้ นฉัน ฉนั เลือกเดก็ ชายสงบเปน็ เพ่ือน ต่อมาอีกเดอื นหน่ึงเขาเขียนว่า พ่ออุม้ ฉันเขา้ หอ้ งผ่าตัด ฉนั มลี ุงม่นั คงเป็นเพือ่ นบา้ น ฉันมปี า้ กังวลเปน็ เพ่ือนบ้าน ฉนั เลอื กลงุ มน่ั คงเปน็ เพอ่ื น ต่อมาอีกหน่งึ ปี ฉันข่หี ลงั พ่อเข้าห้องผ่าตดั คุณความตายเปน็ เพอื่ นบ้าน
พ ร ะ ไ พ ศ า ล ว ิ ส า โ ล 117 คุณอยู่รอดเป็นเพอ่ื นบ้านฉัน ฉนั เลอื กคุณอยูร่ อดเปน็ เพ่อื น คนเรามักจะกลัวและกังวลเวลาเข้าห้องผ่าตัด แต่เด็กคนน้ี เลือกท่ีจะท�ำใจให้สงบและม่ันคงเม่ือเข้าห้องผ่าตัด เด็กคนนี้ก�ำลัง บอกว่าเราเลือกได้ระหว่างความสงบกับความวิตก ระหว่างความ มน่ั คงกบั ความวติ กกงั วลเราเลอื กไดม้ นั อยทู่ ใ่ี จเรา ใจเราสำ� คญั มาก ยอมรบั ความจริง อย่างที่พูดไว้แล้ว เม่ือประสบเหตุร้ายเราเลือกท่ีจะไม่ทุกข ์ กไ็ ดถ้ า้ วางใจใหเ้ ปน็ ทนี จี้ ะวางใจอยา่ งไร อยา่ งแรกทคี่ วรทำ� กค็ อื การ ยอมรับความจริง เมื่อเกิดอะไรขึ้นแล้ว ป่วยการที่เราจะไปตีโพยตี พายว่าท�ำไมถึงต้องเป็นฉัน ป่วยการที่จะไปโทษชะตากรรมหรือ โทษคนนนั้ คนน ้ี ยงิ่ ตโี พยตพี ายหรอื ยง่ิ ปฏเิ สธความจรงิ เรากย็ ง่ิ ทกุ ข์ แต่อะไรล่ะท่ีท�ำให้เรายอมรับความจริงได้ยาก ส่วนหนึ่งก็ เพราะเราหวนคดิ ถงึ อดตี ทส่ี วยงาม เมอ่ื เราตอ้ งสญู เสยี อะไรสกั อยา่ ง หรือประสบกับเหตุร้าย เราจะรู้สึกแย่ทันทีเมื่อหวนนึกถึงตอนที่เรา
118 ธ ร ร ม ะ สํ า ห ร ั บ ผู้ ป ่ ว ย ยังมีส่ิงน้ัน หรือยังสุขสบายดี ความอาลัย ความเสียดาย จะท�ำให ้ เราไม่สามารถยอมรับความจริงทเี่ ปน็ อยู่ตอนนไ้ี ด้ นอกจากหวนคิดถึงอดีตท่ีสวยงามแล้ว เรายังมักกังวลกับ อนาคตดว้ ยวา่ ตอ่ ไปนฉี้ นั จะอยอู่ ยา่ งไร ใครจะดแู ลมนั บางทกี น็ กึ ถงึ ภาพตวั เองตอนปว่ ยหนกั หรอื คดิ ไปถงึ ความตายโนน่ เลย คดิ แคน่ ก้ี ็ ท�ำให้ทรุดแล้ว มีคนหน่ึงเดินข้ึนบันได ๓ ช้ันไปหาหมอ พอหมอ บอกวา่ คณุ เปน็ มะเรง็ เทา่ นก้ี เ็ ขา่ ออ่ น ทรดุ เลย กลบั ไปบา้ นกก็ นิ ไมไ่ ด ้ นอนไมห่ ลบั ทเี่ ขาลม้ ทรดุ ไมใ่ ชเ่ พราะรา่ งกายออ่ นแอ แตเ่ ปน็ เพราะ ใจทกี่ ังวลปรงุ แต่งจนเครยี ด ท�ำใหย้ อมรับความจรงิ ทเ่ี กดิ ขึน้ ไมไ่ ด้ คนเราไม่สามารถยอมรับความจริงในปัจจุบันได้ก็เพราะเรา มัวอาศัยกับอดีตหรือกังวลกับอนาคต มีแค่สองอย่างน้ีเท่านั้นแต ่ ถ้าเราพาจิตกลับมาอยู่กับปัจจุบัน เห็นว่าอดีตผ่านไปแล้ว อย่าไป อาลัยถึงมัน ส่วนอนาคตก็ยังมาไม่ถึง อย่าเพิ่งไปกังวลกับมันมาก ปว่ ยการทจ่ี ะบ่นหรือตโี พยตพี าย ให้เรามาเรม่ิ ตน้ ทป่ี จั จุบนั เรากจ็ ะ ยอมรบั ความจริงได้ มคี นหนงึ่ พดู ไวน้ า่ สนใจวา่ ชวี ติ เหมอื นกบั การเลน่ ไพ ่ บางครง้ั เราจั่วไพ่ได้ใบที่ไม่ดีมา ป่วยการท่ีจะบ่นว่าท�ำไมฉันได้ไพ่ใบนี้มา
พ ร ะ ไ พ ศ า ล ว ิ ส า โ ล 119 ไมม่ ปี ระโยชนเ์ พราะคณุ ไมส่ ามารถเปลยี่ นไพท่ จ่ี ว่ั มาได ้ สง่ิ ทค่ี ณุ ควร ทำ� คอื เลน่ ไพใ่ นมอื ใหด้ ที สี่ ดุ นค่ี อื การยอมรบั ความจรงิ เมอื่ ยอมรบั ความจรงิ แลว้ เราจงึ จะสามารถคดิ ตอ่ ไปไดว้ า่ ตอ่ แตน่ ไ้ี ปฉนั จะใชช้ วี ติ อย่างไร จะทำ� อยา่ งไรกับโรคภยั ไข้เจ็บ แตถ่ า้ เราเอาแตบ่ ่นว่าทำ� ไม ถงึ ตอ้ งเปน็ ฉนั ฉนั อตุ สา่ หท์ ำ� บญุ ใหท้ านมาตลอดชวี ติ ทำ� ไมถงึ เปน็ มะเรง็ ถา้ มวั แตบ่ น่ อยา่ งนเี้ ราจะไมม่ ปี ญั ญาคดิ อา่ นท�ำอะไรเลย อยา่ ลืมว่า คนเก่งแม้จั่วได้ไพ่ใบท่ีไม่ดี เขาก็ยังสามารถเล่นจนชนะได ้ นน่ั เพราะเขาไม่มัวบน่ ว่าโชคไม่ดี ในทำ� นองเดยี วกนั แมค่ รวั ทมี่ ฝี มี อื แมม้ เี ครอื่ งปรงุ ไมค่ รบ แต ่ เขาไมเ่ สยี เวลามาโวยวายวา่ ทำ� ไมถงึ ไมม่ เี ครอ่ื งปรงุ ดๆี แตเ่ ขาจะใช้ เครื่องปรุงที่มีอยู่นั้นให้ดีท่ีสุด แล้วเขาสามารถปรุงอาหารให้อร่อย และอาจอร่อยกว่าคนที่มีเครื่องปรุงครบทุกอย่างเสียอีก เพราะ อาหารจะอร่อยหรือไม่ ไม่ได้ข้ึนกับอุปกรณ์หรือวัตถุดิบเท่าน้ันแต่ อยทู่ ฝี่ มี อื ดว้ ย แตถ่ า้ มวั แตต่ โี พยตพี าย ใจเรากท็ กุ ข ์ พอทกุ ข ์ ปญั ญา กเ็ ลยไม่เกดิ ไมส่ ามารถเปลี่ยนร้ายให้กลายเปน็ ดีได้ ถา้ เรามวั แตต่ โี พยตพี ายวา่ ทำ� ไมตอ้ งเปน็ มะเรง็ ทำ� ไมตอ้ งเปน็ ฉนั กจ็ ะไมส่ ามารถใชช้ วี ติ ใหม้ คี วามสขุ ได ้ และนนั่ คอื การสรา้ งความ ทุกข์ให้แก่ตัวเอง คือทุกข์กายไม่พอ ยังเอาความทุกข์ใจมาทับถม
120 ธ ร ร ม ะ สํ า ห ร ั บ ผู้ ป ่ ว ย ตวั เองดว้ ย ทุกขใ์ จคอื อะไร ก็คือการบ่น การตีโพยตีพาย บางทเี รา ก็บ่นโวยวายบอกว่าไม่เป็นธรรมเลย มีหลายคนคิดแบบน้ี แต่ไม่ม ี ประโยชน์ที่เราจะคิดอย่างน้ัน เพราะว่าตอนน้ีโรคภัยไข้เจ็บเกิดข้ึน แล้ว เราก็ต้องท�ำส่ิงท่ีมีอยู่ให้ดีที่สุด ทุกข์กายอย่างเดียวก็พอแล้ว อย่าไปทุกขใ์ จเพิ่มอีก เม่ือ ๒ เดือนท่ีแล้วอาตมาไปอภิปรายกับหลวงพ่อพยอม กัลยาโณ ท่านเล่าถึงรายการหน่ึงท่ีท่านประทับใจ คือรายการ พลเมอื งเดก็ ของชอ่ งทวี ไี ทย ในรายการนเี้ ขาเอาเดก็ มาท�ำกจิ กรรม บ�ำเพ็ญประโยชน์คล้ายๆ เรียลลิต้ีโชว์ มีตอนหน่ึงเขาให้เด็ก ๓ คน ขนของขน้ึ รถไฟ เดก็ กต็ อ้ งรบี ขนเพราะวา่ รถไฟมเี วลาออกทแี่ นน่ อน แต่วา่ บ่ายวนั น้ันมีการถ่ายทอดสดการชกมวยของสมจิตร จงจอหอ นักชกเหรียญทองโอลิมปิก เด็กสองคนที่เป็นผู้ชายอายุ ๑๒-๑๓ ก ็ ทิ้งงานไปดูสมจิตรชกมวยที่ร้านกาแฟข้างสถานี ปล่อยให้เพ่ือนซ่ึง เป็นผูห้ ญงิ ขนของคนเดียว พธิ กี รจงึ ไปถามเดก็ ผหู้ ญงิ วา่ คดิ อยา่ งไรกบั เพอื่ นอกี สองคนที่ ทง้ิ งานไป เธอตอบวา่ เหน็ ใจเขาเพราะเขาอยากดมู วย นานๆ เขาจะ ไดด้ ู พธิ กี รกถ็ ามแหยต่ อ่ ไปวา่ เธอไมโ่ กรธไมค่ ดิ จะดา่ วา่ เดก็ สองคนน ี้ หรือที่ทิ้งงานให้ท�ำคนเดียว เธอตอบน่าสนใจมากว่า “หนูขนของ
พ ร ะ ไ พ ศ า ล ว ิ ส า โ ล 121 ขน้ึ รถไฟหนกู เ็ หนอื่ ยอยา่ งเดยี ว แตถ่ า้ หนโู กรธหรอื ไปดา่ วา่ เขา หน ู กเ็ หนอ่ื ยสองอยา่ ง” เดก็ คนนฉ้ี ลาดพอทจี่ ะเลอื กหนงึ่ อยา่ งเดยี ว แต ่ ผู้ใหญจ่ ำ� นวนไม่นอ้ ยเลือกเหนื่อยสองอยา่ งใช่ไหม อย่าปลอ่ ยให้ความเศร้าหมอง บดบังทุกสิ่งทกุ อยา่ ง เหมือนเวลาท่ีเราร้องไห้ น�ำ้ ตาจะท�ำให้เรานยั นต์ าเราเลอื น มองอะไรกพ็ รา่ มวั ไปหมด เวลาเราเจ็บเราป่วย เราเลือกป่วยอย่างเดียวหรือเลือกป่วย สองอยา่ ง ถา้ ปว่ ยแคก่ ายเราทกุ ขแ์ คอ่ ยา่ งเดยี ว แตถ่ า้ เราบน่ วา่ ทำ� ไม ถงึ ปว่ ยหรอื กงั วลกบั อนาคต เรากจ็ ะปว่ ยสองอยา่ ง คอื ปว่ ยทงั้ กาย ปว่ ยทงั้ ใจ เราควรเอาเดก็ คนนเี้ ปน็ แบบอยา่ ง เธอฉลาด ไมม่ วั โมโห ทเี่ พอ่ื นทงิ้ งานในเมอื่ เธอตอ้ งทำ� งานคนเดยี ว เธอกย็ อมรบั ความจรงิ และทำ� งานน้ใี ห้ดีทสี่ ุด ไมม่ าเสยี เวลาหรือเสยี อารมณ์ ทำ� ใหท้ กุ ขใ์ จ เปล่าๆ อันนี้ก็ตรงกับท่ีพระพุทธเจ้าตรัสว่า เราไม่ควรเอาทุกข์มา
122 ธ ร ร ม ะ สํ า ห ร ั บ ผู้ ป ่ ว ย ทับถมตน แต่คนเรามักจะเอาทุกข์มาทับถมตน ป่วยกายไม่พอ ยัง ปรุงแต่งจนป่วยใจ เหนื่อยกายไม่พอ ยังเอาความโกรธมาซ�้ำเติม จนป่วยใจ อยอู่ ยา่ งมีความสุข ประการตอ่ มากค็ อื การอยอู่ ยา่ งมคี วามสขุ หมายความวา่ เรา ควรรู้จักเก็บเก่ียวความสุขท่ีอยู่รอบตัว ความจริงเรามีความสุขอยู่ แล้ว แต่เมื่อใดก็ตามที่เราบ่น โวยวาย โศกเศร้าเสียใจกับเคราะห ์ กรรม กลุ้มใจท่ีต้องเป็นมะเร็ง ท่ีต้องสูญเสียคนรัก หรือเพราะถูก คนโกง มันก็จะท�ำให้เราไม่สามารถเปิดรับความสุขท่ีอยู่ในปัจจุบัน ได ้ อยา่ งทบี่ อกไวต้ ง้ั แตต่ อนตน้ แลว้ วา่ เรามสี ง่ิ ดๆี ในชวี ติ มากมาย มะเร็งเป็นแค่สว่ นหนงึ่ ในชวี ติ อยา่ ใหม้ ันมาบดบังขวางก้นั ความสขุ ที่มีอยู่ ใครที่เศร้าโศกเสียใจกับการเป็นมะเร็ง จะไม่สามารถสัมผัส หรือช่ืนชมความสุขที่มีอยู่ได้เลย แต่ถ้าไม่มามัวโศกเศร้าเสียใจ ก็ สามารถเก็บเกย่ี วความสุขท่มี อี ย่รู อบตัวได้ มีผู้หญิงคนหน่ึงเป็นธาลัสซีเมียต้ังแต่เกิด เป็นโรคเลือดที ่ สามารถทำ� ใหต้ ายตง้ั แตย่ งั เลก็ ได ้ หมอบอกวา่ เธอจะมอี ายไุ มถ่ งึ ๒๐
พ ร ะ ไ พ ศ า ล ว ิ ส า โ ล 123 ป ี แตต่ อนนเ้ี ธออาย ุ ๓๐ แลว้ เธอไมร่ จู้ กั คำ� วา่ สขุ ภาพดมี าตง้ั แตเ่ กดิ และกไ็ มร่ วู้ า่ จะตายเมอ่ื ไร คนอยา่ งเธอนา่ จะมคี วามทกุ ข ์ แตเ่ ธอพดู ไวด้ มี ากวา่ “เลอื ดเราอาจจะจาง จะแยห่ นอ่ ย แตเ่ รากย็ งั มตี าเอาไว้ มองส่ิงท่ีสวยๆ มีจมูกไว้ดมกล่ินหอมๆ มีปากไว้กินอาหารอร่อยๆ แลว้ กม็ รี า่ งกายทยี่ งั พอทำ� อะไรไดอ้ กี หลายอยา่ ง แคน่ กี้ เ็ พยี งพอแลว้ ทีเ่ ราจะมคี วามสุข” เธอไมม่ วั เสยี ใจทำ� ไมฉนั ตอ้ งมาเปน็ อยา่ งน ้ี เพราะเธอรวู้ า่ ชวี ติ นย้ี งั มสี ง่ิ ดๆี อกี มากมายใหช้ น่ื ชม มตี าไวม้ องสงิ่ สวยๆ งามๆ มจี มกู ไวด้ มดอกไมห้ อม มปี ากไวก้ นิ ของอรอ่ ยๆ แมว้ า่ นเี่ ปน็ ความสขุ แบบ พื้นๆ แต่เราก็ไม่ควรปฏิเสธความสุขแบบน้ี เราควรเก็บเกี่ยวความ สุขแบบนี้ซ่ึงมีอยู่มากในชีวิตประจ�ำวัน แต่ถ้าเราเอาแต่เศร้าโศก เสยี ใจ เรากจ็ ะละเลยสง่ิ เหลา่ นไี้ ป ถงึ แมจ้ ะปว่ ยเพราะมะเรง็ แตเ่ รา ยงั มสี งิ่ ดๆี ในชวี ติ เรามรี า่ งกายทเ่ี ดนิ เหนิ ไปไหนมาไหนได ้ เรามใี จท ่ี สามารถสงบเยน็ ดว้ ยการท�ำสมาธภิ าวนาได ้ เรายงั มโี อกาสดๆี ทจี่ ะ เก็บเก่ียวความสุขได้มากมาย เพราะฉะนั้นอย่ามัวเศร้าโศก เสียใจ หรือกลัดกลุ้ม ขอให้เปดิ ใจกว้างเสมอเพือ่ รบั ความสขุ เธอยงั พดู นา่ สนใจอกี วา่ “อยา่ ปลอ่ ยใหค้ วามเศรา้ หมองบดบงั ทุกสิ่งทุกอย่าง เหมือนเวลาที่เราร้องไห้ น�้ำตาจะท�ำให้นัยน์ตาเรา
124 ธ ร ร ม ะ สํ า ห ร ั บ ผู้ ป ่ ว ย เลือน มองอะไรก็พร่ามัวไปหมด” อันน้ีก็ตรงกับท่ีคนหน่ึงพูดว่า “อย่าร้องไห้เม่ือพระอาทิตย์ตกดิน เพราะว่านำ�้ ตาจะท�ำให้เรามอง ไม่เห็นดวงดาวท่ีสวยงาม” ดวงอาทิตย์ลับฟ้าแล้วก็จริง แต่ก็ยังมี ดวงดาวอยบู่ นทอ้ งฟา้ ใหเ้ ราชนื่ ชม ถา้ เรามวั แตเ่ สยี ดายดวงอาทติ ย์ เราจะไมม่ โี อกาสรบั รคู้ วามสวยงามของดวงดาวยามคำ่� คนื ทง้ั หมดน้ ี เตือนให้เรากลับมาอยู่กับปัจจุบัน แล้วเราจะพบว่ามีความสุขอีก มากมายท่ีรอเราอยู่ การอยู่อย่างมีความสุข คือการรู้จักเก็บเก่ียวความสุขที่มีอยู ่ รอบตัวในปัจจุบัน หมายถึงการชื่นชมสิ่งดีๆ ที่มีอยู่ เราจะไปเสียใจ ท�ำไมกับเงินพันบาทท่ีหายไป ในเมื่อเรายังมีบ้าน รถ และเงินใน ธนาคารเปน็ แสนๆ หรอื เปน็ ลา้ นดว้ ยซำ�้ เรายงั มพี น่ี อ้ งพอ่ แมค่ นรกั และลกู หลาน นเ่ี ปน็ สง่ิ ดๆี ทเ่ี ราควรชน่ื ชมและรจู้ กั เกบ็ เกย่ี วความสขุ จากสิ่งน้ันๆ แต่ถ้าเรามาเสียใจเพราะประสบเหตุร้าย เราจะไม่มี โอกาสสมั ผสั กับความสขุ ในปจั จุบนั ความสุขไม่ใชส่ งิ่ ท่ีต้องไขว่ควา้ หามา เพราะความสขุ มอี ยกู่ บั เราแล้วเพียงแต่เราจะเห็นหรือไม่ อาตมาขอย้�ำว่าความสุขมีอยู่กับ เราแล้วไม่ต้องไปหาที่ไหน มันมีอยู่กับเราแล้วทุกขณะ อยู่ท่ีว่าเรา จะเหน็ มนั หรอื ไม ่ การทเ่ี รามตี ามองเหน็ มจี มกู ดมกลน่ิ มลี น้ิ พดู ได้
พ ร ะ ไ พ ศ า ล ว ิ ส า โ ล 125 เปน็ ความสขุ ทค่ี นพกิ ารจำ� นวนมากไมร่ จู้ กั คนตาบอดไมม่ คี วามสขุ อย่างที่เรามีตอนนี้ คนหูหนวกไม่มีความสุขอย่างท่ีเรามีตอนน้ี คน ใบก้ ไ็ มม่ คี วามสขุ อยา่ งทเ่ี รามตี อนน ี้ ปญั หาคอื วา่ เราเหน็ ความสขุ ท่ี เรามอี ยตู่ อนนหี้ รอื ไม ่ ถา้ เราเหน็ กค็ วรชน่ื ชมสง่ิ เหลา่ น ้ี พระพทุ ธเจา้ ตรัสว่า นอกจากเราไม่ควรเอาทุกข์ทับถมตนแล้ว ก็ไม่พึงปฏิเสธ ความสขุ ท่ีได้มาโดยชอบธรรม พทุ ธศาสนาไมไ่ ดป้ ฏเิ สธความสขุ ความสขุ อะไรทเ่ี ราไดม้ าโดย ชอบธรรม เราควรเก็บเก่ียวเอามาบ�ำรุงเล้ียงชีวิตจิตใจ และไม่ว่า อะไรจะเกดิ ขน้ึ กบั เราแค่ไหน ใหร้ ะลกึ ว่าเราสามารถสัมผสั ความสขุ ไดต้ ลอดเวลาตราบใดทเี่ รายงั มหี วั ใจ ยงั มลี มหายใจ ยงั มสี ตปิ ญั ญา อยู่ มีคนๆ หน่ึงพิการหนักมาก คือไม่มีแขนไม่มีขา มีแต่หัว เป็น ชาวญี่ปุ่นชื่อโอโตทาเกะ เขาเขียนหนังสือเร่ืองไม่ครบห้า ไปไหน มาไหนดว้ ยรถเลอ่ื นไฟฟา้ แตเ่ ขาเปน็ คนทมี่ คี วามสขุ คนหนง่ึ มตี อน หนึ่งเขาเขียนว่า “ผมเกิดมาพิการแต่ผมมีความสุขและสนุกทกุ วัน” คนพิการก็มีสิทธ์ิเป็นสุขได้ เขาช่วยตัวเองได้หลายอย่าง รวมท้ัง เล่นบาสเกตบอลก็ได้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะพ่อแม่เลี้ยงมาดีไม่ให้เขา สมเพชตัวเอง พ่อแม่สอนให้เขาพึ่งตัวเองและใช้ส่ิงที่มีอยู่ทุกอย่าง ให้เป็นประโยชน์ เขาเปรียบเหมือนคนที่จั่วไพ่ได้ไม่ดีแต่เล่นไพ่ได้ดี เลยมากๆ ทงั้ ทใ่ี นมอื เขามไี พไ่ ม่กใ่ี บที่ดี
126 ธ ร ร ม ะ สํ า ห ร ั บ ผู้ ป ่ ว ย การอยู่อย่างมีความสุขได้สรุปก็คือ หนึ่ง ต้องรู้จักเก็บเกี่ยว ความสขุ รอบตวั สอง ชนื่ ชมสงิ่ ดๆี ทมี่ อี ย ู่ สำ� หรบั ขอ้ สามกค็ อื เลอื ก สุขอย่าปล่อยใจให้จมทุกข์ ตอนต้นอาตมาได้พูดถึง โจว ต้า กวน เมอื่ เขาเขา้ หอ้ งผา่ ตดั เขาเลอื กความสงบและความมนั่ คงเปน็ เพอ่ื น ขณะทคี่ นสว่ นใหญม่ กั จะเลอื กความวติ กและความกงั วล ทจ่ี รงิ ไมไ่ ด ้ เลอื กดว้ ยซำ�้ แตป่ ลอ่ ยใจใหจ้ มปลกั อยใู่ นความวติ กกงั วล ทจ่ี รงิ เราทกุ คนสามารถเลือกท่ีจะสงบและม่ันคงได้ น่ันคือเลือกสุข ไม่ปล่อยใจ จมกับความทุกข์ ในชีวิตจริงคนเราต้องเจอทั้งสุขและทุกข์อยู่ที่ว่าเราจะเลือก อะไร ถ้าเราเลือกเป็นเราก็ได้ความสุข ถ้าเราเลือกไม่เป็นเราก็ถล�ำ เขา้ ไปในความทกุ ข ์ แตถ่ า้ เราเรมิ่ ตน้ จากการยอมรบั สภาพความจรงิ เรากจ็ ะสามารถเกบ็ เกย่ี วความสขุ จากปจั จบุ นั ได ้ อาตมาอยากจะยำ้� ว่า ยอมรับความจริงไม่ได้แปลว่ายอมจ�ำนน มันต่างกัน ยอมรับ ความจรงิ คอื ยอมรบั วา่ มนั ไดเ้ กดิ ขนึ้ แลว้ ถอยหลงั ไมไ่ ด ้ อยทู่ วี่ า่ จะ เดินหน้าอย่างไร ในเมื่อเป็นมะเร็งแล้วจะปฏิเสธมันก็ไม่ควร ส่ิงท ี่ ควรท�ำคือจะจัดการกับมันอย่างไร ยอมรับความจริงไม่ได้แปลว่า ยอมแพ ้ มปี ญั หากต็ อ้ งแกก้ นั ไป ไมต่ โี พยตพี ายและไมง่ อมอื งอเทา้
พ ร ะ ไ พ ศ า ล ว ิ ส า โ ล 127 อยกู่ ับปจั จุบันใหเ้ ปน็ การยอมรับความจริงก็ดี การอยู่อย่างมีความสุขก็ดี เป็นผล จากการที่เรารู้จักอยู่กับปัจจุบัน คนส่วนใหญ่อยู่กับปัจจุบันไม่เป็น ตัวอยู่ตรงน้ีแต่ใจไม่รู้อยู่ไหน ไปอยู่กับอดีตบ้าง ไปอยู่กับอนาคต บ้าง ถ้าเราอยู่กับปัจจุบันเป็นเราก็จะยอมรับปัจจุบัน ถ้าเรายอมรับ ปจั จบุ นั เปน็ แลว้ เรากส็ ามารถหาความสขุ จากปจั จบุ นั ได ้ ไมต่ อ้ งรอ ความสขุ จากอนาคต เพราะความสขุ ในปจั จบุ นั มอี ยแู่ ลว้ แตถ่ า้ ใจไม่ อยู่กับปัจจุบันก็จะไม่มีทางเห็นความสุขได้ คนเรานอกจากจะไม่มี ความสขุ เพราะมวั อาลยั อดตี หรอื กงั วลอนาคตแลว้ ยงั เปน็ เพราะเรา ชอบเปรยี บเทยี บกับคนอนื่ พอเปรยี บเทยี บกับคนอืน่ ก็เลยไม่พอใจ ส่ิงที่ตัวเองมี แต่เม่ือใดก็ตามที่เราไม่เปรียบเทียบกับคนอ่ืน เพราะ เรารวู้ า่ เรามสี ง่ิ ทด่ี อี ยแู่ ลว้ เรากจ็ ะไมท่ กุ ข ์ แตถ่ า้ เผลอเปรยี บเทยี บกบั คนอ่นื เมื่อไร แม้ไดส้ ่งิ ดีๆ มาก็ยังเปน็ ทกุ ข์ มคี นหนงึ่ ในหมบู่ า้ นอาตมา แทงหวย ๑๕ บาท ปรากฏวา่ ถกู ไดเ้ งินมา ๖๐๐ บาท เขาดีใจมาก แตพ่ อไปเจอเพอ่ื นอกี คนหน่ึงซ่งึ แทงเบอรเ์ ดยี วกนั แตเ่ ขาแทงมากกวา่ เลยไดม้ า ๒,๐๐๐ บาท พอร ู้ วา่ เพอื่ นได้ ๒,๐๐๐ บาท เท่านน้ั แหละแกซึมไปเลย คงคลา้ ยๆ กับ ข้าราชการท่พี อรู้ว่าได้เลื่อนหนึ่งขั้นก็ดีใจ แต่พอรู้วา่ เพ่ือนอกี คนได้
128 ธ ร ร ม ะ สํ า ห ร ั บ ผู้ ป ่ ว ย สองขั้นก็เศร้าเลย ถึงแม้คุณจะได้โชคลาภมาเท่าไรก็ตาม แต่ถ้าไป เปรยี บเทยี บกบั คนอน่ื ตลอดเวลา คณุ จะไมม่ คี วามสขุ เลยเพราะคณุ จะรสู้ ึกวา่ คณุ ไดน้ อ้ ยกว่า มเี รอื่ งหนงึ่ ใหข้ อ้ คดิ ทด่ี มี าก คนเลา่ เปน็ นกั เลน่ หนุ้ วนั หนงึ่ เขา พบคุณป้าผู้หนึ่งที่ตลาดหุ้น คุณป้าคนน้ีเล่าว่าเมื่อ ๒ วันก่อนขาย หนุ้ ไปไดก้ ำ� ไร ๑๐ ลา้ นบาท เขากเ็ ลยพดู วา่ ขอแสดงความยนิ ดดี ว้ ย ครับ คุณป้าเลยตอบว่า ยินดีอะไรเล่าถ้าฉันขายวันนี้ฉันก็ได้ก�ำไร แล้ว ๒๐ ล้าน วันรุ่งข้ึนเขาไม่เห็นคุณป้าที่ตลาดหุ้นเหมือนเคย ก็เลยถามโบรกเกอร์ว่าแกหายไปไหน ได้ค�ำตอบว่า คุณป้าเข้า โรงพยาบาลเพราะเครียด คุณป้าเครียดเพราะได้แค่ ๑๐ ล้านบาท ๑๐ ลา้ นบาทไมใ่ ชเ่ งนิ จำ� นวนเลก็ นอ้ ยเปน็ ลาภกอ้ นใหญท่ แี่ กนา่ จะดใี จ ทไ่ี ดม้ า แตพ่ อคดิ วา่ ฉนั นา่ จะได ้ ๒๐ ลา้ น แคน่ แ้ี หละแกกท็ กุ ขท์ นั ที คนเราเป็นทุกข์มากเพราะคำ� ว่า “น่าจะ” พวกเราเป็นอย่างนี ้ หรอื เปลา่ ไปซอื้ ของตดิ ราคา ๕๐๐ บาท ตอ่ ได ้ ๓๐๐ บาท กลบั ไป บ้านด้วยความดีใจ แต่พอพบว่าเพ่ือนซ้ือของชิ้นเดียวกันในราคา ๒๐๐ บาท รสู้ กึ อยา่ งไร เสยี ใจใชไ่ หม นกั ชอ็ ปปง้ิ จะเปน็ ทกุ ขเ์ พราะ เหตุการณ์แบบน้ีอยู่เป็นประจ�ำ เพราะชอบเปรียบเทียบกับคนอื่น เพราะคดิ วา่ ฉนั นา่ จะซอ้ื ไดถ้ กู กวา่ น ้ี นเ่ี รยี กวา่ ไมอ่ ยกู่ บั ปจั จบุ นั และ
พ ร ะ ไ พ ศ า ล ว ิ ส า โ ล 129 ไมร่ ้จู ักช่นื ชมสงิ่ ทม่ี อี ยู่ เวลาเราปว่ ยไขอ้ ยา่ ไปเปรยี บเทยี บกบั คนอนื่ มาก เพราะถา้ เรา เปรยี บเทยี บแลว้ เราจะไมพ่ อใจสง่ิ ทเ่ี ราม ี อยา่ งโอโตทาเกะแมไ้ มม่ ี แขนไมม่ ขี า แตเ่ นอ่ื งจากเขาพอใจสง่ิ ทเ่ี ขาม ี เขาเลยไมท่ กุ ข ์ แตถ่ า้ เขาถูกสอนมาให้เปรียบเทียบกับคนอื่น เขาจะไม่มีความสุขในชีวิต เลย การอยอู่ ยา่ งมคี วามสขุ เกดิ จากทเี่ รารจู้ กั อยกู่ บั ปจั จบุ นั เปน็ การ รู้จักอยู่กับปัจจุบัน รวมไปถึงการไม่อาลัยอดีตหรือกังวลกับอนาคต ไม่ไปเปรียบเทยี บกับใครมาก มองแงบ่ วก อยอู่ ยา่ งมคี วามสขุ ยงั ตอ้ งอาศยั การมองในแงบ่ วกดว้ ย เพราะ ว่าคนเรามีแนวโน้มมองอะไรในแง่ลบ หรือไปยึดติดกับส่ิงที่เป็นลบ เรามสี งิ่ ดๆี ในชวี ติ มากมาย แตพ่ อเปน็ มะเรง็ ปบุ๊ ใจกจ็ ะไปจดจอ่ อย ู่ กบั กอ้ นมะเรง็ ไมส่ ามารถเปดิ รบั สงิ่ ดๆี มากมายทมี่ อี ย ู่ เวลาของหาย ก็เช่นกัน ท้ังๆ ท่ีเรามีทรัพย์สมบัติอยู่นับพันช้ิน แต่พอของหายแค่ ชนิ้ เดยี วใจเรากไ็ ปปกั อยกู่ บั ของชน้ิ นนั้ ไมส่ นใจของทม่ี อี ยอู่ กี ๙๙๙ ชน้ิ กเ็ ลยเปน็ ทกุ ข ์ นก้ี เ็ ปน็ ผลจากการมองในแงล่ บ แตถ่ า้ เรามองใน แงบ่ วก ของหายไปหน่งึ ชน้ิ ก็ไมท่ ุกขเ์ พราะรูว้ ่ามีอยู่อีก ๙๙๙ ชิ้น
130 ธ ร ร ม ะ สํ า ห ร ั บ ผู้ ป ่ ว ย ครคู นหนงึ่ ชกู ระดาษซงึ่ มกี ากบาทอยตู่ รงมมุ ขวา ถามนกั เรยี น วา่ เหน็ อะไรบา้ ง นกั เรยี นทงั้ ชน้ั ตอบวา่ เหน็ กากบาทครบั ครจู งึ ถาม ต่อว่าแล้วเธอไม่เห็นสีขาวของกระดาษเลยเหรอ หลายคนที่เป็น มะเรง็ กค็ ลา้ ยกบั เดก็ นกั เรยี นในชนั้ น ี้ ใจปกั อยตู่ รงกอ้ นมะเรง็ เหน็ แต่ แค่น้ีแต่เขาไม่ได้มองว่าเขายังมีสิ่งดีๆ อีกหลายอย่างในชีวิต บาง อย่างคนอ่ืนก็ไม่มีด้วยซ้�ำ การมองในแง่บวกคือการท่ีเรามองเห็น สขี าวของกระดาษดว้ ย ถา้ เราเหน็ แตโ่ รคภยั ไขเ้ จบ็ ทเี่ กดิ ขน้ึ กบั ตวั เรา แล้วไม่เห็นส่ิงอื่นใดในชีวิต ก็แสดงว่าเราไม่เห็นสีขาวของกระดาษ เราเหน็ แตก่ ากบาท อยา่ ลมื วา่ เรายงั มพี อ่ แมล่ กู หลาน ยงั มสี ขุ ภาพด ี เดินเหินไปมาได้ ถ้าเห็นตรงเรียกว่ามองแง่บวกคือไม่ได้เห็นอะไร ที่เป็นลบอยา่ งเดยี ว ถ้ามองแง่บวกเป็น ก็จะเห็นต่อไปว่าสิ่งที่เป็นเคราะห์ก็มีข้อด ี เหมอื นกนั มองแงบ่ วกคอื สามารถจะเหน็ ขอ้ ดขี องสงิ่ ทไี่ มน่ า่ พอใจ หรือสามารถเห็นโชคจากเคราะห์ได้ ไม่อย่างน้ันคงไม่มีคนที่พูดว่า โชคดที เ่ี ปน็ มะเรง็ ทำ� ไมเขาถงึ พดู วา่ โชคดที เ่ี ปน็ มะเรง็ เพราะวา่ มะเรง็ ท�ำให้เขาได้พบสิ่งดีๆ ในชีวิตหลายอย่าง ท�ำให้หันมาสนใจธรรมะ ท�ำให้ค้นพบความสุขที่แท้คือความสงบใจ หลายคนอาจไม่รู้จัก ธรรมะถ้าไม่เป็นมะเรง็
พ ร ะ ไ พ ศ า ล ว ิ ส า โ ล 131 มนี กั ศกึ ษาคนหนง่ึ พดู ไวด้ มี าก เขาบอกวา่ โรคมะเรง็ เมด็ เลอื ด ขาวหรือลิวคีเมีย ได้น�ำพาส่ิงดีๆ เข้ามาในชีวิตของเขามากมาย มะเรง็ ทำ� ใหเ้ ขารจู้ กั กบั พระพทุ ธศาสนาอยา่ งจรงิ จงั ไดม้ องเหน็ ความ รกั ทบี่ รสิ ทุ ธแิ์ ทจ้ รงิ จากพอ่ แม ่ มเี วลาอา่ นหนงั สอื และมเี วลาหยดุ คดิ เขาบอกว่าหากไม่มีโรคมะเร็งเข้ามาในชีวิต เขาก็จะใช้ชีวิตเหมือน ท่ีเคย คือ “ต่ืนบ่ายสามโมง รอเวลากินเหล้ากับเพื่อน หลับและต่ืน ขึ้นมาใหม่ ใช้ชีวิตอย่างไม่นึกถึงคนอื่น ไม่มองคนรอบข้าง ใช้ชีวิต อย่างประมาท และไม่ร้จู ักระวงั ” การมองแงบ่ วกจะท�ำใหเ้ ราเหน็ วา่ อะไรทเี่ กดิ ขน้ึ กบั เรา ลว้ นด ี ท้ังน้ัน อย่างน้อยก็ดีที่มันไม่แย่ไปกว่านี้ มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งเป็น มะเร็งสมอง แต่เธอยิ้มแย้มแจ่มใสมาก พอมีคนไปถาม เธอตอบ ว่า เธอโชคดีท่ีไม่ใช่เป็นมะเร็งที่มดลูกเพราะเคยมีญาติคนหน่ึงเป็น มะเรง็ มดลูก เจ็บปวดมาก เธอรู้สึกโชคดที ่เี ปน็ แคม่ ะเร็งสมอง การมองแง่บวกน้ีเป็นวิธีคิดแบบพุทธเหมือนกัน พวกเราเคย ได้ยินเร่ืองพระปุณณะหรือไม่ วันหนึ่งพระปุณณะมาทูลลาพระ- พุทธเจ้าไปเมืองสุนาปันตะ พระพุทธเจ้าท้วงว่าเมืองน้ีคนดุร้ายนะ ถ้าเขาด่าว่าท่าน ท่านจะคิดอย่างไร พระปุณณะก็ตอบว่า เขาด่า ก็ดีกว่าเขาทุบตี พระพุทธเจ้าถามต่อไปว่า ถ้าเขาทุบตีท่านจะคิด
132 ธ ร ร ม ะ สํ า ห ร ั บ ผู้ ป ่ ว ย อยา่ งไร พระปณุ ณะตอบวา่ เขาทบุ ตกี ด็ กี วา่ เขาเอากอ้ นหนิ มาขวา้ ง พระพุทธเจ้าถามว่า ถ้าเขาเอาก้อนหินมาขว้างท่านล่ะ ท่านจะคิด อย่างไร พระปุณณะตอบว่า เขาเอาหินมาขว้างก็ดีกว่าเขาเอาไม ้ มาต ี พระพทุ ธเจา้ ถามวา่ ถา้ เขาเอาไมม้ าต ี ทา่ นจะคดิ อยา่ งไร พระ ปุณณะตอบว่า ถ้าเขาเอาไม้มาตีก็ดีกว่าเขาเอาของแหลมมาแทง พระพทุ ธเจา้ ถามวา่ ถา้ เขาเอาของแหลมมาแทง ทา่ นจะคดิ อยา่ งไร พระปุณณะตอบว่า เขาเอาของแหลมมาแทงก็ดีกว่าเขาฆ่าให้ตาย ทนี พี้ ระพทุ ธเจา้ ถามคำ� ถามสดุ ทา้ ยวา่ ถา้ เขาฆา่ ทา่ นใหต้ าย ทา่ นจะ คิดอย่างไร พระปุณณะบอกว่า คนบางคนอยากตายก็ต้องไปหามีด หรอื ไปขอให้คนอ่นื มาฆา่ หากมคี นมาฆ่าขา้ พระองคก์ ็ดี ไม่ต้องไป ขวนขวายหามีดหรอื หาคนมาฆ่าตัวเอง พระปณุ ณะมองวา่ อะไรเกดิ ขนึ้ กบั ทา่ นลว้ นดที ง้ั นนั้ นเ่ี ปน็ การ มองแง่บวก อะไรท่ีเกิดข้ึนกับเราดีหมดเลย อย่างน้อยก็ดีที่มันไม่ แยไ่ ปกวา่ น ้ี การคดิ แบบนกี้ เ็ ปน็ การคดิ แบบฉลาดท�ำใจ พทุ ธศาสนา เรียกว่าโยนิโสมนสกิ าร เปน็ การมองแบบเร้ากุศล
พ ร ะ ไ พ ศ า ล ว ิ ส า โ ล 133 เป็นมติ รกับความตาย อาตมาได้พูดถึงการวางใจ ต้ังแต่การยอมรับความจริง อยู ่ อยา่ งมคี วามสขุ อยกู่ บั ปจั จบุ นั มองแงบ่ วกแลว้ อกี เรอื่ งหนง่ึ ทคี่ ดิ วา่ ควรจะเตรยี มใจดว้ ย คอื การเผชญิ ความตายอยา่ งสงบ เรอ่ื งนบี้ างคน อาจจะคิดว่าเป็นเรื่องไกลตัว แต่บางคนก็คิดว่าเป็นเร่ืองน่ากลัว อาตมาคิดว่าน่ีไม่ใช่เร่ืองน่ากลัวเลย หากมองว่านี่เป็นการท�ำใจให ้ เป็นมิตรกับความตาย น่ีเป็นเร่ืองท่ีต้องท�ำทุกคนไม่ว่าจะเป็นใคร กต็ าม ทง้ั ทป่ี ว่ ยและไมป่ ว่ ย ทกุ คนมหี นา้ ทท่ี จี่ ะตอ้ งทำ� ใจใหเ้ ปน็ มติ ร กับความตาย ถ้าไม่อยากตายอยา่ งทุรนทรุ าย เราไม่ควรรอให้ความตายมาใกล้ตัว จึงค่อยฝึกใจให้เป็นมิตร กับความตาย แม้มันยังอยู่ไกล เราก็ต้องฝึกใจให้เป็นมิตรกับความ ตายเอาไว ้ เพราะวา่ ทกุ คนเกดิ มาแลว้ กต็ อ้ งตาย เวลาหมอวนิ จิ ฉยั ว่าเราเป็นมะเร็ง เราอาจจะรู้สึกว่าเราถูกพิพากษาประหารชีวิตแล้ว ท่ีจริงเราถูกพิพากษาประหารชีวิตมาต้ังแต่เกิดแล้ว ทันทีที่เราเกิด มา ความตายก็รอเราอยู่ข้างหน้าทันที อย่าคิดว่าเราถูกพิพากษา ประหารชีวิตเม่ือหมอบอกว่าเราเป็นมะเร็ง ไม่ใช่หรอก ทันทีท่ีเรา เกิดมา เรากถ็ ูกพิพากษาเรยี บรอ้ ยแลว้ วา่ จะตอ้ งตายเมอื่ ไรไมร่ ู้
134 ธ ร ร ม ะ สํ า ห ร ั บ ผู้ ป ่ ว ย เราไม่ควรรอให้ความตายมาใกลต้ วั จึงคอ่ ยฝึกใจให้เป็นมิตรกบั ความตาย แม้มันยังอยู่ไกล เราก็ตอ้ งฝกึ ใจใหเ้ ป็นมติ รกบั ความตายเอาไว้ เพราะว่าทกุ คนเกิดมาแล้วก็ต้องตาย คนทมี่ ปี ญั ญาจะไมม่ องวา่ ความตายคอื เคราะหร์ า้ ย แตจ่ ะมอง วา่ ความตายเปน็ ธรรมชาตธิ รรมดา ขณะเดยี วกนั กจ็ ะพยายามฝกึ ใจ ให้เป็นมิตรกับความตาย ส�ำคัญมากนะ เราอย่าไปมองความตาย เปน็ ศตั ร ู เราตอ้ งมองความตายวา่ เปน็ มติ ร เมอื่ ความตายกลายเปน็ มติ รแลว้ เราจะไมก่ ลัวความตาย เราจะเหน็ ความตายเปน็ มติ รหรอื เปน็ ครทู กี่ ระตนุ้ เตอื นใหเ้ ราไมป่ ระมาท ทำ� ไมหลายคนบอกวา่ โชคดี ที่เป็นมะเร็ง เพราะมะเร็งท�ำให้เขาระลึกถึงความตาย เม่ือระลึกถึง ความตายกจ็ ะเรง่ ทำ� ความด ี เรง่ เขา้ วดั ปฏบิ ตั ธิ รรม เรง่ สรา้ งกศุ ล ละ ชั่วท�ำดี ใครท่ีท�ำอย่างน้ีความตายจะกลายเป็นของดี กระตุ้นให้เรา ขยนั หมนั่ เพยี ร ไม่ประมาท
พ ร ะ ไ พ ศ า ล ว ิ ส า โ ล 135 ถ้าเราใช้ความตายให้เป็น ชีวิตเราก็จะมีแต่ความเจริญไม่ม ี ความเสื่อม และเมื่อเราเป็นมิตรกับความตายจนถึงข้ันท่ีเมื่อความ ตายมาถึงเราก็ไม่กลัว เรายอมรับความจริงได้ว่าเราก�ำลังจะตาย กลบั มาสขู่ อ้ แรกเรอื่ งการยอมรบั ความจรงิ เมอ่ื ยอมรบั ความจรงิ วา่ ความตายกำ� ลงั จะเกดิ ขน้ึ กบั เรา เราจะไมด่ นิ้ รนไมผ่ ลกั ไส พรอ้ มอา้ แขนรบั ความตาย เพราะเรารบั ความตายเปน็ มติ รแลว้ เมอื่ ใดกต็ าม ท่ีเราเปิดใจยอมรับความตาย เราก็สามารถตายอย่างสงบได้ ความ ตายจะไมท่ �ำใหเ้ ราทรุ นทรุ าย แตจ่ ะท�ำอยา่ งนไี้ ดก้ เ็ พราะมกี ารฝกึ อย ู่ เสมอ เราต้องฝึกกันทุกคนแม้ว่ายังไม่เป็นมะเร็งหรือโรคหัวใจ ก็ ตอ้ งฝกึ เพราะเราตอ้ งตายกนั ทกุ คน ฝกึ อยา่ งไร ฝกึ ดว้ ยการระลกึ ถงึ ความตายอยเู่ สมอวา่ ความตายเปน็ สง่ิ แนน่ อน แตจ่ ะตายเมอื่ ไร ไม่ มใี ครร ู้ อาจตายคนื นพี้ รงุ่ นก้ี ไ็ ด ้ อยา่ ประมาท ภาษติ ทเิ บตกลา่ วไวด้ ี มากวา่ “ระหวา่ งวนั พรงุ่ นก้ี บั ชาตหิ นา้ ไมม่ ใี ครรหู้ รอกว่าอะไรจะมา ก่อน” ดังน้ันเราจึงควรเร่งท�ำความดี สร้างบุญกุศลและฝึกใจให้ ปล่อยวางอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นคนรัก ของรัก หรือส่ิงท่ีไม่รัก เช่น ความโกรธเกลียดหรือความรู้สึกผิด ก็ต้องปล่อยวางให้เป็น ถ้าจะ ให้ดีควรฝึกจิตด้วยการท�ำสมาธิภาวนา โดยเฉพาะการเจริญสติ ซึ่ง ก็คือการฝึกใจให้อยู่กับปัจจุบัน และวางใจเป็นอุเบกขา ยอมรับทุก อยา่ งที่เกิดขนึ้ ดว้ ยใจเปน็ กลาง
136 ธ ร ร ม ะ สํ า ห ร ั บ ผู้ ป ่ ว ย มีสติรกู้ ายและใจ อาตมาไดพ้ ดู มาตงั้ แตแ่ รกเรอ่ื งการอยกู่ บั ปจั จบุ นั ทผ่ี า่ นมาได ้ พูดถึงการยอมรับความจริงเร่ืองการเก็บเกี่ยวความสุขในปัจจุบัน การรจู้ กั ชน่ื ชมสง่ิ ดๆี ทม่ี อี ย ู่ รวมทง้ั เหน็ ดา้ นบวกของทกุ สง่ิ ทเี่ กดิ ขน้ึ อย่างไรก็ตามการอยู่กับปัจจุบันในความหมายท่ีลึกซึ้งกว่าน้ัน คือ การมีสติรู้กายและใจ ตัวอยู่ไหนใจก็อยู่นั่น ใจอยู่กับเน้ือกับตัว ไม ่ หลดุ ไปอยใู่ นโลกแหง่ ความคดิ ฟงุ้ ซา่ นหรอื อารมณค์ วามรสู้ กึ เรยี กวา่ มีจิตที่ต้ังมั่นอยู่กับปัจจุบัน ถ้าเรามีสติตั้งม่ันอยู่กับปัจจุบันเราก็จะ รู้กายรู้ใจ เราจะรู้ทันความคิด ถ้าเรามีสติรู้กายรู้ใจเราจะเห็นความ จรงิ ของกายและใจ และเมอื่ เราเหน็ ความจรงิ ของกายและใจ เรากจ็ ะ รู้ว่ากายและใจน้ันไม่ใช่เรา ถึงตรงนี้เราจะเห็นว่าเวลาป่วยมันเป็น กายทปี่ ว่ ย ไมใ่ ชเ่ ราปว่ ย ไมม่ เี ราผปู้ ว่ ย มแี ตก่ ายเทา่ นนั้ ทปี่ ว่ ย ถา้ ม ี สตมิ นั่ คงอยกู่ บั ปจั จบุ นั กจ็ ะมาถงึ ขน้ั ทวี่ า่ กายทกุ ขแ์ ตใ่ จไมท่ กุ ข ์ กาย เปน็ มะเรง็ แตเ่ ราไมไ่ ดเ้ ปน็ มะเรง็ มมี ะเรง็ อยใู่ นกาย แตเ่ ราไมไ่ ดเ้ ปน็ มะเรง็ เราจะเหน็ อยา่ งนไ้ี ดก้ ต็ อ่ เมอื่ เราเหน็ กายเหน็ ใจ รวู้ า่ กายและ ใจไมใ่ ช่เรา กายทุกขใ์ จไมท่ ุกข์ กายปวดใจไม่ปวด ตรงนี้ส�ำคัญมากเวลาเราเผชิญกับทุกขเวทนาหรือความเจ็บ ปวดในวาระสุดท้าย ความเจ็บปวดจะต้องเกิดขึ้นกับทุกคน ไม่ใช่
พ ร ะ ไ พ ศ า ล ว ิ ส า โ ล 137 เฉพาะคนท่ีเป็นมะเร็งเท่าน้ัน ทุกคนเมื่อใกล้ตายก็จะมีทุกขเวทนา บีบค้ัน แต่ว่าถ้าเรามีสติรู้ทันทุกขเวทนาไม่ปฏิเสธความเจ็บปวด ยอมรบั มันอยา่ งทเ่ี ปน็ ไมผ่ ลักไส ใจกจ็ ะน่งิ ไดไ้ ม่กระเพ่ือม จะมแี ต่ กายเท่านั้นท่ีทุกข์แต่ใจไม่ทุกข์ไปด้วย มีแต่กายที่ปวดแต่ใจไม่ปวด ไปด้วย จะท�ำได้อย่างท่ีพระพุทธเจ้าตรัสสอนนกุลบิดา ท่ีอาตมา เล่าตอนต้นว่า กายกระสับกระส่ายแต่อย่าให้ใจกระสับกระส่าย ทำ� อยา่ งนนั้ ไดเ้ พราะมสี ตเิ หน็ วา่ กายกอ็ นั หนงึ่ ความเจบ็ ปวดกอ็ นั หนงึ่ ใจก็อีกอันหน่ึง สามารถแยกกายและใจออกจากกัน กายทุกข์แต่ใจ ไม่ทุกข์ กายปวดแต่ใจไม่ปวด มีแต่กายท่ีกระสับกระส่าย แต่ใจไม ่ กระสบั กระสา่ ย และไมม่ คี วามรสู้ กึ กวา่ เปน็ เราทกี่ ระสบั กระสา่ ยดว้ ย การเจริญสติอยู่เสมอจะช่วยให้เราอยู่กับปัจจุบันได้โดยไม่ยึด ตดิ กบั สง่ิ ทเ่ี กดิ ขนึ้ กบั ปจั จบุ นั คอื ปลอ่ ยวางได ้ แมก้ ระทง่ั ทกุ ขเวทนา ที่ก�ำลังบีบค้ันอยู่ การเจริญสติเป็นกิจวัตรจะทำ� ให้เราไม่ลืมกายไม ่ ลมื ใจ อยกู่ บั เนอื้ กบั ตวั ไมเ่ ผลอไปในอดตี ไมเ่ ผลอไปในอนาคต ท�ำ อยา่ งนแ้ี ลว้ ในทส่ี ดุ กจ็ ะเปน็ มติ รกบั ความตาย และสามารถเผชญิ กบั ความตายได้อยา่ งสงบ
สัตวท์ ้ังหลายเกดิ มาแล้ว พยายามหาวิธีท่จี ะไมต่ อ้ งตาย ก็ไม่ส�ำเรจ็ ถึงจะมีชีวิตอย่ตู อ่ ไปจนชราภาพ กต็ อ้ งตายอยู่ดี เพราะธรรมดาของสตั ว์โลกเปน็ อย่างนี้ พุทธวจนะ
ธ ร ร ม ะ ส ํ า ห ร ั บ ผ ู้ ป่ ว ย ความเจบ็ ความปว่ ยเปน็ ธรรมดาของชวี ติ เราคงทราบด ี ว่าชีวิตของทุกคนมีขึ้นมีลง ต้องประสบกับส่ิงที่เป็นบวกและลบ บางครง้ั กไ็ ดล้ าภบางครง้ั กเ็ สยี ลาภ บางครง้ั กไ็ ดร้ บั ค�ำสรรเสรญิ แต่ บางครง้ั กถ็ กู ตำ� หน ิ สว่ นใหญเ่ รามสี ขุ ภาพด ี แตบ่ างครงั้ กต็ อ้ งพบกบั ความเจบ็ ปว่ ย พดู งา่ ยๆ กค็ อื วา่ สงิ่ ทเ่ี กดิ กบั เรามที ง้ั สงิ่ ทน่ี า่ ยนิ ดแี ละ ไมน่ า่ ยินด ี มีท้งั สง่ิ ท่นี า่ ปรารถนาและส่ิงทไ่ี มน่ ่าปรารถนา สิ่งที่ไม่น่าปรารถนานี้พูดรวมๆ ก็คือความสูญเสียพลัดพราก จากสงิ่ เปน็ ทร่ี กั คนสว่ นใหญม่ กั เอาสขุ และทกุ ขข์ องตวั เองไปผกู ตดิ กับสิ่งท่ีมากระทบ คือถ้าประสบส่ิงที่ดีๆ ก็มีความสุข แต่ถ้าประสบ กับสิ่งท่ีไม่ดี ส่ิงที่เป็นลบก็จะรู้สึกทุกข์ อย่างเช่น สูญเสียทรัพย์สิน พลัดพรากจากคนรัก เจบ็ ปว่ ยหรืองานการไมป่ ระสบความสำ� เรจ็
พ ร ะ ไ พ ศ า ล ว ิ ส า โ ล 141 จะวา่ ไปแลว้ ชวี ติ ของคนเราทกุ ขก์ เ็ พราะ ๔ เรอ่ื งใหญๆ่ อนั ดบั ท ่ี ๑ คอื เรอื่ งรา่ งกาย ไดแ้ ก ่ สขุ ภาพและอาจจะรวมถงึ รปู รา่ งหนา้ ตา ทรวดทรง สมยั นด้ี จู ะเนน้ ตรงนม้ี าก ถา้ เกดิ นำ้� หนกั มากหรอื วา่ ผวิ คลำ�้ หรือแมแ้ ตเ่ ปน็ สวิ ผิวแหง้ ผมแตกปลายกท็ กุ ขแ์ ล้ว นอกจากทุกข์เพราะเรื่องร่างกายแล้ว ต่อมาก็ทุกข์เร่ือง ทรัพย์สิน ทรัพย์สินสูญหายไปก็เป็นทุกข์ หรือแม้จะได้มาแต่ถ้าได้ ไม่ถึงใจ หรือรู้ว่าคนอ่ืนได้มากกว่าเราก็ทุกข์ เดี๋ยวนี้จะเป็นอย่างนี้ มาก มีชาวบ้านคนหน่ึงแทงหวยถูกได้เงินมา ๖๐๐ บาท ทีแรกก็ ดีใจ แต่พอรู้ว่าเพื่อนอีกคนแทงหวยถูกเหมือนกัน แต่ได้ ๒,๐๐๐ บาท เพราะแทงมากกวา่ พอรเู้ ขา้ ทเี่ คยยมิ้ กเ็ ปลยี่ นเปน็ หนา้ บง้ึ ทนั ที อันดับที่ ๓ ก็คือเร่ืองความสัมพันธ์ อันนี้เป็นเร่ืองใหญ่เลย เช่น เพ่ือนไม่รัก พ่อแม่ไม่เข้าใจ หรือลูกไม่ดูแลเอาใจใส่ มีคนมา ต�ำหนิ หรือถึงขั้นสูญเสียคนรัก เจออย่างนี้ก็จะทุกข์มาก หรือว่า เปน็ คนดงั แตไ่ ปทไี่ หนไมม่ คี นทกั ไมม่ ใี ครรจู้ กั กท็ กุ ขไ์ ด ้ อนั นร้ี วมถงึ เร่ืองหน้าตาและศกั ดิศ์ รดี ว้ ย สุดท้ายคือเรื่องงานการ งานไม่คืบหน้า งานไม่ประสบความ ส�ำเร็จ หรือว่าเจ้านายไม่เห็นคุณค่าของเรา เขาไม่เลื่อนขั้นเล่ือน
142 ธ ร ร ม ะ สํ า ห ร ั บ ผู้ ป ่ ว ย ตำ� แหน่งใหเ้ รา อนั นกี้ ท็ ุกข์ได้ คนเราส่วนใหญ่ก็หนีไม่พ้นความทุกข์เพราะเหตุ ๔ ประการ น ี้ แตจ่ ะวา่ ไปแลว้ คนเราจะสขุ หรอื ทกุ ข ์ มนั ไมไ่ ดข้ น้ึ อยกู่ บั วา่ มอี ะไร เกิดข้ึนกับเรา หรือมีอะไรมากระทบเรา สุขหรือทุกข์มันอยู่ท่ีใจเรา ต่างหาก มีบางคนที่เจ็บป่วย สูญเสียเงินทอง แต่เขาไม่มีทุกข์ก็ม ี อาตมาไปไต้หวันมาได้ฟังเร่ืองของเศรษฐีนีคนหนึ่ง เธอถูกโกงเงิน ไป ๖๐ สิบลา้ น ทแี รกเจา้ ตัวกท็ กุ ข์มาก แต่ว่าหลงั จากนนั้ ไมก่ ี่วนั ก็ ยิ้มได้ มีคนถามว่าท�ำไมถึงยิ้มออก เธอตอบว่าก็ยังมีข้าวหอมกรุ่น กนิ อยทู่ กุ วนั ยงั มที ห่ี ลบั ทน่ี อนสบายๆ จะไมส่ ขุ ไดอ้ ยา่ งไร คนอน่ื เขา ไมม่ กี ิน ไม่มที หี่ ลับที่นอน เราสบายกวา่ เขาเยอะจะทุกข์ไปทำ� ไม พอคิดได้แบบนี้เธอก็ไม่ทุกข์ ตรงกันข้ามบางคนอาจจะถูก หวย ไดม้ า ๒๐ ลา้ นหรอื ไดม้ ารอ้ ยลา้ นพนั ลา้ น แตว่ า่ ชวี ติ นกี้ ลบั ทกุ ข์ เพราะวา่ มคี นมามะรมุ มะตมุ้ มาขอเงนิ ตอนทเ่ี ราไมถ่ กู หวยเรากค็ ดิ ว่าใครมาขอเท่าไรเราก็ให้ สมมติว่าเราถูกหวยได้เงิน ๒๐ ล้าน มี ใครมาขอลา้ นหนงึ่ เราจะใหไ้ หม หลายคนบอกวา่ ให ้ ไมเ่ หน็ ยากเลย ใหแ้ ลว้ กย็ งั เหลอื อกี ตง้ั ๑๙ ลา้ น ถา้ เราถกู หวยจรงิ ๆ มคี นมาขอแค ่ แสนเดียว ยังไม่อยากจะให้เลย พอมีคนมารุมขอเงินจากเราคนละ แสนสองแสนเราก็กล้มุ ใจ
พ ร ะ ไ พ ศ า ล ว ิ ส า โ ล 143 ฉะน้ันดูให้ดีๆ สุขหรือทุกข์ของคนเรามันอยู่ท่ีใจ ไม่ได้อยู่ท ่ี ว่ามีอะไรมากระทบกับเรา ไม่ได้อยู่ที่ว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับเรา แม้มี สติดีๆ เกิดขึ้นกับเรา เราก็ทุกข์ได้ อย่างเช่นมีคนแจกเงินให้เรา ๕,๐๐๐ บาท หรอื ไดโ้ บนสั มา ๑๐,๐๐๐ บาท เราดใี จใชไ่ หม แตพ่ อ เรารู้ว่าเพื่อนได้มากกว่าเรา เขาได้ ๒๐,๐๐๐ บาท เราก็จะทุกข์ข้ึน มาเลย เคยสงั เกตหรอื เปลา่ เวลาเอาผา้ หม่ ไปแจกชาวบา้ น ชาวบา้ น ได้ผ้าห่มคนละผืนก็ดีใจ แต่ถ้าเขารู้ว่าบ้านอื่นได้ ๒ ผืน จากท่ีเคย ดีใจก็กลายเป็นเสียใจทันที อาจจะเสียใจยิ่งกว่าตอนท่ีไม่ได้รับแจก ผ้าห่มเสียอีก แม้ได้ลาภมาก็อาจจะทุกข์ได้ถ้าวางใจไม่เป็น ในทาง ตรงขา้ มแมจ้ ะสญู เสยี สงิ่ ดๆี ไปกไ็ มท่ กุ ข ์ ถา้ หากวางใจใหเ้ ปน็ เพราะ ฉะน้นั สุขหรอื ทกุ ข์จริงๆ แล้วอยู่ทีใ่ จ ทีนี้พูดเฉพาะเรื่องความทุกข์ อย่างที่บอกแล้วว่ามันอยู่ที่ใจ เปน็ สำ� คญั แตว่ า่ ตรงไหนในจติ ใจทที่ ำ� ใหเ้ ราทกุ ข ์ คำ� ตอบกค็ อื ความ ยดึ ตดิ นนั่ เอง เวลาเราทำ� เงนิ หายทง้ั ๆ ทผ่ี า่ นไปเปน็ อาทติ ยแ์ ลว้ แต่ ทำ� ไมเรายงั ทกุ ขอ์ ย ู่ เพราะใจเรายงั ไปตดิ ไปยดึ อยกู่ บั เงนิ กอ้ นนน้ั อย่ ู เงินอาจจะหายแค่พันบาท เทียบไม่ได้กับเงินที่เรามีอยู่ในธนาคาร เป็นแสนเป็นล้านแต่ท�ำไมเงินแค่นี้ถึงท�ำให้เราทุกข์ ก็เพราะเรายัง ไมย่ อมปล่อยวาง ใจเรายังไมย่ ดึ อยู่กบั เงินพนั ที่หายไป
144 ธ ร ร ม ะ สํ า ห ร ั บ ผู้ ป ่ ว ย ความเจ็บป่วยก็เหมือนกัน คนเราเวลาเจ็บป่วยไม่ได้ป่วยที่ กายอย่างเดียว แต่ยังทุกข์ที่ใจด้วย ถามว่าทุกข์ใจเพราะอะไร ก ็ เพราะไปหว่ งกงั วลวา่ ฉนั จะอยอู่ ยา่ งไร ใครจะดแู ลฉนั ใครจะดแู ลลกู ฉัน บางทีก็คิดไปถึงความตายโน่น มีบางคนไปหาหมอ ทันทีท่ีรู้ว่า เปน็ มะเรง็ กท็ รดุ เลย ไมเ่ ปน็ อนั กนิ อนั นอน ซมึ ทงั้ วนั ทงั้ ๆ ทตี่ อนไป หาหมอยังกระฉับกระเฉงยิ้มแย้มแจ่มใส แต่ท�ำไมพอรู้ข่าวเท่านั้น ก็ทรุดเลย ท่ีทรุดไม่ใช่เพราะฤทธิ์มะเร็งนะ แต่ทรุดเพราะใจ ใจไป คิดถึงความตาย หรือไม่ก็สร้างภาพเลวร้ายว่า ต่อไปฉันจะเจ็บป่วย อย่างทุกข์ทรมาน จะทุรนทุรายจนตาย พูดง่ายๆ คือทุกข์เพราะ กังวลกับอนาคต ใจปรุงแต่เอาไว้ล่วงหน้า แล้วก็ไปยึดกับภาพปรุง แต่งน้ัน อยา่ งนี้เรยี กวา่ ไปยดึ ติดกบั อนาคต จะว่าไปแล้วคนเราหากป่วยกายอย่างเดียวก็ไม่ค่อยเท่าไร แต่ส่วนใหญ่มักป่วยใจด้วย ป่วยใจคือ กังวล กลัว ต่ืนตระหนก เครียด กลุ้มใจ ซึ่งมักเกิดจากการปรุงแต่งอนาคต ไปสร้างภาพท่ี เกินเลยจากความเป็นจริง บางทีอาการไม่ได้หนักหนาอะไรเท่าไร แตพ่ อสรา้ งภาพหรอื ปรงุ แตง่ ไปในทางทเี่ ลวรา้ ยกท็ �ำใหร้ า่ งกายแยล่ ง ท่านอาจารย์ประเวศ วะสี เคยเล่าให้ฟังว่า เคยมีผู้ป่วยคน หนึ่งมาหา แกตัวซีด ไม่มีเรี่ยวแรงจนต้องนอนเปลมา คุณหมอซัก
พ ร ะ ไ พ ศ า ล ว ิ ส า โ ล 145 ถามอาการเสรจ็ แลว้ กห็ นั ไปพดู กบั แพทยฝ์ กึ หดั วา่ คนไขค้ นนไ้ี มเ่ ปน็ อะไรมาก แค่มีพยาธิปากขอ ท�ำให้เลือดจาง เม่ือได้กินเหล็กก็จะด ี วนั ดคี นื พอพดู จบกห็ นั ไปมองคนไข ้ ปรากฏวา่ คนไขล้ กุ ขน้ึ มาไดเ้ ลย แล้วบอกว่า ถ้าคุณหมอบอกว่ามันหายง่ายแบบน้ี ผมก็ไม่ต้องใช้ ไอเ้ ปลน้ีแล้วล่ะ ว่าแลว้ กเ็ ขน็ เปลไปชิดผนงั ทีแรกคนไข้คนน้ีไม่มีแรงขนาดต้องนอนเปล ท�ำไมถึงเป็น อย่างน้ัน ท้ังๆ ท่ีเขาแค่มีพยาธิเท่านั้น นั่นก็เพราะเขาคงคิดไปว่า ฉันเป็นมะเร็งหรือเป็นโรคร้าย คิดอย่างเดียวไม่พอ แต่ยังยึดติดกับ ความคิดน้ันด้วย พอไปยึดว่ามันเป็นเร่ืองจริงเร่ืองจังขึ้นมาก็เลย กงั วลตนื่ ตระหนก ทำ� ใหไ้ มม่ เี รยี่ วไมม่ แี รง แตพ่ อคนไขไ้ ดฟ้ งั ค�ำของ ท่านอาจารย์ประเวศ ก็เลยปล่อยวางความกังวล รู้สึกสบายใจว่า ไม่ได้เป็นโรคร้าย พอใจสบาย กายก็สบาย มีเรี่ยวมีแรงกลับมา เหมือนเดิมโดยที่ไมต่ ้องกนิ ยาเลยด้วยซ้�ำ ตรงนี้คือปัญหาของคนเจ็บคนป่วยส่วนใหญ่ คือว่าเจ็บป่วย ทางกายอยา่ งเดยี วไมพ่ อ ยงั ปลอ่ ยใจใหเ้ จบ็ ปว่ ยอกี ดว้ ย เพราะมวั กงั วล กบั อนาคตหรอื ไมก่ ไ็ ปนกึ ถงึ อดตี เมอ่ื ครง้ั ยงั มสี ขุ ภาพด ี ไปไหนมาไหน ได้ พอนึกถึงความสุขที่เคยสญู เสียไปเพราะความเจ็บป่วย ก็เลยยง่ิ ทกุ ขใ์ หญ ่ อยา่ งนเี้ รยี กวา่ ปว่ ยใจเพราะยดึ ตดิ กบั อดตี ไมย่ อมปลอ่ ยวาง
146 ธ ร ร ม ะ สํ า ห ร ั บ ผู้ ป ่ ว ย นอกจากความยึดติดในอดีตกับอนาคตแล้ว ความยึดติดอีก อย่างหน่ึงท่ีท�ำให้คนเราเป็นทุกข์ก็คือ ความยึดติดว่าเป็นฉัน เป็น ของฉัน หรือเป็น “ตัวกู ของกู” ที่จริงการยึดติดกับอดีตกับอนาคต และการยดึ ตดิ วา่ เปน็ ฉนั เปน็ ของฉนั เปน็ เรอื่ งเดยี วกนั แตว่ า่ อาตมา แยกออกมาเป็นสองเรือ่ งเพือ่ จะทำ� ใหเ้ ราเข้าใจได้ง่ายข้นึ การยดึ ตดิ วา่ เปน็ ฉนั เปน็ ของฉนั คอื ตวั การสำ� คญั ทที่ ำ� ใหเ้ รา เป็นทกุ ข ์ อยา่ งเช่นของหาย ถ้าเป็นของคนอืน่ หาย เราไม่ทกุ ข์เลย ใช่ไหม แต่ถ้าเงินของเราหาย เราจะทุกข์ข้ึนมาทันที ยิ่งยึดว่าเป็น ฉนั เปน็ ของฉนั มากเทา่ ไร กจ็ ะยง่ิ ทกุ ขม์ ากเทา่ นนั้ เวลามคี นประสบ อุบัติเหตุ เราไม่รู้สึกเดือดร้อนเท่าไร แต่ถ้าเป็นพ่ีน้องฉัน เพ่ือนฉัน เราจะตกใจหรอื ถึงกบั กนิ ไม่ได้นอนไมห่ ลบั เวลาคนอน่ื เดอื ดรอ้ น เราอาจรสู้ กึ เปน็ หว่ งเปน็ ใยเขาบา้ ง เพอื่ น ทำ� สรอ้ ยทองหาย หรอื รถของเขาถกู ขโมย เราสามารถแนะนำ� เขาได ้ วา่ ควรทำ� ใจอยา่ งไร แตถ่ า้ เราท�ำของหายเสยี เอง สง่ิ ทเ่ี ราแนะน�ำคน อ่ืน กลับเอามาใช้กับตัวเองไม่ได้เลย เราแนะนำ� ให้คนอ่ืนท�ำใจ แต ่ เรากลบั ทำ� ใจไมไ่ ด ้ เพราะอะไร กเ็ พราะเรายดึ ตดิ ถอื มน่ั วา่ สง่ิ เหลา่ นนั้ เปน็ ของฉนั มนั เลยกระเทอื นไปถงึ ใจท�ำใหล้ มื ไปวา่ เคยแนะน�ำอะไร แก่ใครไว้บ้าง
พ ร ะ ไ พ ศ า ล ว ิ ส า โ ล 147 ขอให้สังเกตดู พอเราไปยึดติดถือมั่นอะไรว่าเป็นของเรา ใน ทสี่ ดุ เราเองกลบั กลายเปน็ ของมนั ไป เรายดึ วา่ เงนิ นเ้ี ปน็ ของเรา แต ่ วา่ พอมคี นมาปลน้ มาจ ้ี บางทเี ราคดิ จะสขู้ นึ้ มาเลยนะ เพราะไมอ่ ยาก สูญเงิน มีหลายคนยอมตายเพื่อรักษาเงินเอาไว้ กลายเป็นว่าเรา กลายเป็นของเงินไปเสียแล้ว เงินไม่ใช่เป็นของเรา แต่เราเป็นของ มนั มรี ถคนั หนงึ่ อตุ สา่ หด์ แู ลดว้ ยความภาคภมู ใิ จวา่ มนั เปน็ ของเรา แต่พอเอาไปจอดไว้ข้างถนน ใจก็จะคอยกังวลถึงรถคันน้ัน ไม่เป็น อันท�ำงาน ไม่เป็นอันกินข้าว หรือว่าถ้ารถมีรอยขูดขีดข่วนข้ึนมา บางทีกลุ้มใจจนกินไม่ได้นอนไม่หลับเลย เพราะเป็นห่วงมัน ตกลง ว่ามันเป็นของเราหรอื วา่ เราเปน็ ของมันกนั แน ่ นแี่ หละคนเรา ทกุ ข ์ กเ็ พราะไปยึดตดิ วา่ มนั เป็นฉัน เปน็ ของฉัน คราวน้ีมันเกี่ยวข้องกับความเจ็บป่วยอย่างไรบ้าง มันเก่ียว ขอ้ งกบั ความเจบ็ ปว่ ยกเ็ พราะวา่ เวลาเกดิ ความเจบ็ ปว่ ยขนึ้ มาทจี่ รงิ มนั เป็นแค่ร่างกายท่ีปว่ ย มันเป็นธรรมชาติของมนั อย่างนน้ั แต่พอ เราไปยึดวา่ ร่างกายนีเ้ ป็นของฉนั เรากจ็ ะรูส้ กึ วา่ ฉันเจบ็ ฉนั ปวด ไม ่ ใชแ่ คร่ า่ งกายเจบ็ ปว่ ยเทา่ นนั้ แตม่ คี วามรสู้ กึ วา่ ฉนั เจบ็ ฉนั ปวดซอ้ น ทับขึ้นมา ตรงนแี้ หละที่ทำ� ให้เราทุกข์เพมิ่ ขึ้น
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195