Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ของขวัญแห่งชีวิต

ของขวัญแห่งชีวิต

Description: หนังสือธรรมะ

Search

Read the Text Version

พ ร ะ ไ พ ศ า ล วิ ส า โ ล

พระไพศาล วสิ าโล

พระไพศาล วิสาโล ชมรมกัลยาณธรรม หนังสอื ดีล�ำดับที่  ๒ ๘ ๘ สัพพทานัง ธัมมทานงั  ชนิ าติ การให้ธรรมะเปน็ ทาน ยอ่ มชนะการใหท้ ั้งปวง พมิ พค์ รงั้ ท ่ี ๑ : มกราคม ๒๕๕๗  จ�ำนวนพิมพ ์ ๘,๐๐๐ เล่ม   จดั พมิ พโ์ ดย ชมรมกลั ยาณธรรม ๑๐๐ ถนนประโคนชยั  ตำ� บลปากนำ้�  อำ� เภอเมอื ง  จงั หวดั สมทุ รปราการ ๑๐๒๗๐ โทรศพั ท ์ ๐-๒๗๐๒-๗๓๕๓ และ ๐-๒๗๐๒-๙๖๒๔ ภาพปก/ภาพประกอบ/ออกแบบ คนขา้ งหลงั    ชว่ ยแกค้ ำ�  อะตอ้ ม  พสิ จู นอ์ กั ษร หะน,ู ทมี งานกลั ยาณธรรม พมิ พโ์ ดย บรษิ ทั  สำ� นกั พมิ พส์ ุภา จ�ำกัด ๑๑๘ ซอย ๖๘ ถนนจรัญสนิทวงศ ์ เขตบางพลัด  กรุงเทพฯ  ๑๐๗๐๐  โทร.  ๐-๒๔๓๕-๘๕๓๐ www.kanlayanatam.com www.visalo.org

ขอมอบเป็น ธรรมบรรณาการ แ ด่ จาก

ค ํ า  ป ร า ร ภ “ของขวัญแห่งชีวิต”  เป็นหัวข้อบรรยายท่ีข้าพเจ้าได้รับ  อาราธนาจากชมรมกัลยาณธรรมในงานแสดงธรรมและปฏิบัติ  ธรรมคร้ังที่  ๒๖  ซ่ึงจัดขึ้นเมื่อวันที่  ๒๘  กรกฎาคม  ศกน้ี  ณ  มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล  กรุงเทพฯ  ต่อมาชมรม  กัลยาณธรรมเห็นว่าการบรรยายดังกล่าวมีประโยชน์  น่าพิมพ ์ เผยแพรใ่ นโอกาสขนึ้ ปใี หม ่ ขา้ พเจา้ จงึ ไดป้ รบั ปรงุ แกไ้ ขใหเ้ หมาะ  แกก่ ารจดั พมิ พ์ ของขวญั อนั ประเสรฐิ ยง่ิ นน้ั  ไมม่ ใี ครสามารถมอบใหแ้ ก ่ เราได ้ แทจ้ รงิ เปน็ สง่ิ ทมี่ อี ยแู่ ลว้ กบั เรา แตจ่ ะมคี วามหมายอยา่ ง  แท้จริงก็ต่อเมื่อเรารู้จักใช้ประโยชน์หรือต่อยอดให้เกิดความ  ดีงามย่ิงๆ  ข้ึนไป  หาไม่แล้วส่ิงเหล่านั้นก็ดูเหมือนไร้ค่าหรือ  ถูกมองข้ามไป  ขณะที่ทรัพย์  ยศ  อ�ำนาจ  หรือส่ิงที่ฉาบฉวย  ผิวเผินทั้งหลาย  กลับเป็นท่ีหมายปองหรือถูกยกให้มีความ  สำ� คัญขึน้ มาแทน

พระไพศาล วิ ส า โ ล 5 ของขวัญอันประเสริฐของชีวิตนั้นได้แก่อะไร  ค�ำตอบมี  อยแู่ ลว้ ในหนงั สอื เลม่ เลก็ ๆ น ี้ เมอื่ ไดอ้ า่ นแลว้  ทา่ นยอ่ มมองเหน็   ได้เองว่า  ไม่ว่ายากดีมีจนอยู่ในสถานะใด  เราแต่ละคนล้วนมี  สิ่งทรงคุณค่าไม่ได้ย่ิงหย่อนกว่ากัน  ไม่มีใครต�่ำต้อยกว่าใคร  กล่าวอย่างถึงท่ีสุดแล้ว  ชีวิตของเราจะมีคุณค่ามากหรือน้อย  ก็อยู่ที่ว่าจะใช้ของขวัญท่ีมีอยู่นั้นให้เกิดประโยชน์เพียงใด  ต่างหาก ขออนโุ มทนาชมรมกลั ยาณธรรม ซง่ึ มกี ศุ ลฉนั ทะในการ  เผยแผ่ธรรมอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด  ท้ังการจัดบรรยาย  และจัดพิมพ์หนังสือ  มีผลงานมากมายอันเปี่ยมด้วยคุณภาพ  ในช่วงเวลาเพียงไม่กี่ปี  หวังว่าหนังสือเล่มเล็กๆ  น้ีจะมีส่วน  สมทบในการเสริมสร้างสัมมาทัศนะและสัมมาปฏิบัติ  เอ้ือให้  ทกุ ทา่ นมชี วี ติ ทผ่ี าสกุ  สงบเยน็  และเขา้ ถงึ ประโยชนส์ งู สดุ แหง่   ความเป็นมนุษย์ วนั มหาปวารณา ๑๙ ตุลาคม ๒๕๕๖

คํ า นํ า ของ ช ม ร ม กั ล ย า ณ ธ ร ร ม หนงั สอื เรอ่ื ง ของขวญั แหง่ ชวี ติ  เลม่ น ี้ เปน็ การเรยี บเรยี งจาก  การแสดงธรรมในชอ่ื เรอื่ งเดยี วกนั  ของพระอาจารยไ์ พศาล วสิ าโล  จากงานแสดงธรรมเปน็ ธรรมทาน ครง้ั ท ่ี ๒๖ ของชมรมกลั ยาณธรรม  ตามที่พระอาจารย์ได้อ้างถึงในค�ำอนุโมทนาไว้แล้ว    เพื่อให้เกิด  ประโยชน์กว้างขวางแก่สาธุชนผู้ใฝ่ธรรม  จึงกราบขออนุญาตพระ  อาจารยจ์ ดั พมิ พเ์ ป็นหนังสอื  เป็นของขวญั รับศักราชใหม่ ๒๕๕๗  ทกี่ ำ� ลงั จะมาถงึ น ้ี  ซงึ่ ทา่ นมเี มตตาตรวจทานและปรบั ปรงุ ตน้ ฉบบั   ให้เหมาะสมแก่การจัดพิมพ์เป็นหนังสือ  ขอกราบขอบพระคุณใน  ความกรุณาของพระอาจารย์เป็นอยา่ งสูงไว้ ณ ทีน่ ้ี ดว้ ยเสนห่ แ์ หง่ การถา่ ยทอดธรรมทอี่ า่ นเขา้ ใจงา่ ย ไมม่ ศี พั ท ์ บาลหี รอื ปมความหมายนยั ยะทเ่ี ข้าใจยาก ทำ� ใหห้ นังสือธรรมของ 

พระไพศาล วิ ส า โ ล 7 พระอาจารยไ์ พศาล วสิ าโล สามารถเปน็ ทางเลอื กทรี่ นื่ รมยแ์ ละเปย่ี ม  ดว้ ยอรรถรสสาระแหง่ ธรรม ชวนศกึ ษา ทำ� ความเขา้ ใจ นา่ ใครค่ รวญ  น้อมน�ำมาปฏิบัติ  แม้คนท่ีไกลวัดก็ไม่กลัวหนังสือธรรมะอีกต่อไป  เนอื่ งดว้ ยทา่ นพระอาจารยส์ ามารถใชภ้ าษางา่ ยๆ ใสๆ ตรงไปตรงมา  และตรงประเด็น  พร้อมด้วยตัวอย่างและสถานการณ์ที่ทันสมัย  น�ำมาประยุกตใ์ ชแ้ กป้ ญั หาในหลากหลายมติ ขิ องชีวติ จริงได้ เมื่ออ่านหนังสือเล่มน้ีแล้ว  ทุกท่านย่อมเข้าใจชัดเจนข้ึนว่า  “ของขวัญแห่งชีวิต” ทแ่ี ทจ้ รงิ น้ัน ไมไ่ ด้อยไู่ กลเกินเออ้ื ม แต่อย่ทู ่ ี กายใจของแตล่ ะทา่ น ณ ปจั จบุ นั ขณะนเ้ี อง ทกุ ทา่ นมโี อกาส มสี ทิ ธ ิ มีอ�ำนาจ  เท่าเทียมกัน  ไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบในการได้รับ  ของขวญั ทย่ี ง่ิ ใหญ ่ แมจ้ นกระทงั่ สงิ่ สงู สดุ ในระดบั  “อรยิ โลกตุ ตร-  ธรรม” อนั บรสิ ทุ ธหิ์ มดจดผอ่ งแผว้  กไ็ มเ่ กนิ ขอบเขตแหง่ ศกั ยภาพ  ของมนษุ ยท์ กุ คนทจ่ี ะเปน็ ผสู้ มควรไดร้ บั ของขวญั อนั ประเสรฐิ สดุ น้ี ตอ่ แตน่ ไี้ ป เมอื่ เราเขา้ ใจถงึ ของขวญั ทแี่ ทจ้ รงิ แลว้  เรายอ่ ม  มีจิตใจเป็นอิสระจากสิ่งภายนอกได้มากข้ึนตามล�ำดับ  และมา  สร้างสรรค์ของขวัญท่ีมีอยู่แล้ว  ในกายใจของเราเอง  ให้มีมูลค่า  เพม่ิ มากยงิ่ ขนึ้  ไมว่ า่ จะเปน็ สง่ิ พน้ื ฐาน เชน่  สภาวะของความเปน็   มนษุ ย ์ การมลี มหายใจเขา้ ออก การอยใู่ นปจั จบุ นั ขณะ และแมแ้ ต ่

ข อ ง ข วั ญ แ ห่ ง ชี วิ ต 8 สิ่งต่างๆ  รอบตัว  เราก็จะมีมุมมองใหม่  ที่จะได้รับโอกาสในการ  เพ่ิมพูนของขวัญให้ชีวิตเราได้มากขึ้น  ต่อนี้ไป  ในคราวที่เรา  ประสบทุกข์จากความพลดั พราก ความไมส่ มปรารถนา หรอื ความ  ผนั ผวนตา่ งๆ ของโลกตามอ�ำนาจแห่งโลกธรรม เราก็จะมองเห็น  ความทกุ ขย์ าก ไมส่ มปรารถนาเหลา่ น ้ี เปน็  “เทพธดิ าจ�ำแลง” ท่ ี แปลงกายมาเพื่อมอบส่ิงที่มีค่าให้เราในท้ายที่สุด  หากเราใช้  สติ-ปัญญาต้อนรับเขาอย่างเป็นมิตร  ตามท่ีมีค�ำกล่าวว่า  “เพราะ  ประสบทุกข ์ จึงไดเ้ หน็ ธรรม” น่ันเอง ชมรมกัลยาณธรรมหวังอย่างยิ่งว่า  “ของขวัญแห่งชีวิต”  ท่ี  มอบให้ทุกท่านด้วยรักและปรารถนาดีน้ี  จะเป็นส่ิงจรรโลงใจและ  จดุ ประกาย ใหท้ กุ ทา่ นไดร้ บั ความสขุ ความเจรญิ ในชวี ติ  กา้ วหนา้   ในธรรม  เพ่ือประโยชน์และความสุขแก่ส่วนตัวและส่วนรวม  ทั้ง  ปจั จุบนั และอนาคต ยิง่ ๆ ขนึ้ ไป ดว้ ยความปรารถนาดีอยา่ งย่งิ ทพญ. อัจฉรา กลนิ่ สุวรรณ์ ประธานชมรมกัลยาณธรรม ๙ ธนั วาคม ๒๕๕๖

ส า ร บั ญ ของขวญั คอื  ความเปน็ มนษุ ย ์ ๑๓ ของขวญั คอื  ลมหายใจ ๒๑ ของขวญั คอื  โลกรอบตวั ๒๕ ของขวญั คอื  ปจั จบุ นั ขณะ ๒๙ ของขวญั คอื  ความทกุ ข ์ ๔๓ ของขวญั คอื  อรยิ โลกตุ ตรธรรม ๕๙ ประวตั พิ ระไพศาล วสิ าโล ๖๒



เวลาพูดถึงของขวัญ  เรามักจะหมายถึงส่ิงท่ีคนอ่ืนให้  แก่เรา  โดยเฉพาะในเทศกาลต่างๆ  แต่จะว่าไปแล้ว  ของขวญั เหลา่ นน้ั ไมไ่ ดป้ ระเสรฐิ ไปกวา่ ของขวญั ทเ่ี รามี  อยแู่ ลว้ กบั ตวั  เราแตล่ ะคนมขี องขวญั  มขี องประเสรฐิ   ท่ีอยู่กับตัวแล้วท้ังนั้น  แต่มักจะมองข้ามไป  เราก็เลย  ไปจดจ่อ  ไปให้ความส�ำคัญกับของขวัญที่คนอ่ืนจะ  มอบให้แก่เราในเทศกาลต่างๆ  โดยเฉพาะท่ีเป็นวัตถ ุ รูปธรรม



ข อ ง ข วั ญ ค ื อ ค ว า ม เ ป็ น ม นุ ษ ย์ ของขวญั อนั ประเสรฐิ ทเี่ รามอี ยแู่ ลว้ กบั ตวั ประการแรกกค็ อื ความเป็นมนุษย์ ความเป็นมนุษย์หมายถึงการมีร่างกายอย่างมนุษย์และ  มีจิตใจท่ีสามารถคดิ ได ้ รบั รู ้ ใครค่ รวญ รวมทัง้ มสี ต ิ มีความ  รสู้ กึ ตวั  มปี ญั ญา นอ้ ยคนจะตระหนกั วา่ ความเปน็ มนษุ ยข์ องเรา  น้ันเป็นส่ิงประเสริฐ  อาจจะเป็นเพราะว่ามันมีอยู่กับเราต้ังแต ่ เกิดแล้ว  เราก็เลยไม่ค่อยเห็นคุณค่าเท่าไหร่  บางคนเกิดมา  เป็นมนุษย์แล้วก็ยังอยากจะไปเกิดเป็นเทวดา มีนอ้ ยคนทเี่ คย

ข อ ง ข วั ญ แ ห่ ง ชี วิ ต 14 ไดย้ นิ พทุ ธพจนท์ วี่ า่  “ภกิ ษทุ ง้ั หลาย ความเปน็ มนษุ ยน์ แี่ ล นบั วา่   เปน็ การไปสคุ ตขิ องเทพทง้ั หลาย” หมายความวา่  เทวดาทงั้ หลาย  ปรารถนาทจ่ี ะมาเกดิ เปน็ มนษุ ย ์ เมอ่ื เทวดาองคใ์ ดจะจตุ  ิ (หรอื   ดบั ) เพอ่ื นเทวดากจ็ ะพากนั อวยพรวา่  ขอใหไ้ ปเกดิ ในหมมู่ นษุ ย์ ในขณะทผี่ คู้ นจำ� นวนไมน่ อ้ ยอยากไปเกดิ เปน็ เทวดา แต่  ทำ� ไมเทวดาจงึ อยากเกดิ มาเปน็ มนษุ ย ์ กเ็ พราะวา่ การเปน็ มนษุ ย ์ น้ันหมายถึงการมีโอกาสท�ำคุณงามความดีงามต่างๆ  รวมทั้ง  ประพฤตธิ รรมไดอ้ ยา่ งเตม็ ท ี่ พระพทุ ธเจา้ ทรงเปรยี บมนษุ ยก์ บั   เทวดาชั้นดาวดึงส์ว่า  มนุษย์มีความกล้าหาญกว่า  มีสติดีกว่า  อีกท้ังมีการประพฤติพรหมจรรย์  พรหมจรรย์ในที่น้ีไม่ได ้ หมายถึงการไม่มีคู่  แต่หมายถึงการปฏิบัติตามอริยมรรคซึ่ง  ท�ำให้เกิดปัญญา  สามารถเข้าใจสัจธรรมจนหลุดพ้นออกจาก  ความทกุ ข์ได้ เทวดาทงั้ หลายยงั หมนุ เวยี นอยใู่ นสงั สารวฏั ฏ ์ แตม่ นษุ ย์  มีความสามารถพิเศษที่จะเข้าถึงวิวัฏฏะ  คือหลุดพ้นจากวัฏฏ-  สงสาร ทง้ั นเ้ี พราะการปฏบิ ตั ติ ามอรยิ มรรค เพราะฉะนนั้ ความ  เป็นมนุษย์จึงเป็นส่ิงล�้ำค่าอย่างหน่ึงที่เรามี  เม่ือเราเกิดเป็น 

พระไพศาล วิ ส า โ ล 15 ร่างกายนีไ้ ม่เท่ียง เม่อื ปราศจากวิญญาณ ก็ลม้ กองนอนทบั แผน่ ดิน  ประดุจทอ่ นไม้ หาประโยชน์มไิ ด้ มนษุ ย ์ แมจ้ ะมอี วยั วะไมค่ รบ ๓๒ แต่ตราบใดทเี่ รายงั มจี ติ ใจ  ท่ีสามารถคิดนึกและรู้สึกได้  ความสุขตลอดจนความสามารถ  ในการรธู้ รรมกส็ ามารถเกดิ ขน้ึ กบั เราได ้ มคี นพกิ ารจำ� นวนไมน่ อ้ ย  ที่ไม่มีแขนไม่มขี า แต่สามารถด�ำเนินชีวติ ได้อยา่ งมีความสขุ มชี าวญป่ี นุ่ คนหนง่ึ ชอ่ื  โอโตทาเกะ  มีหัวกับตัว  แต่ไม่มีแขน  ไม่มีขา  เขา  เขียนหนังสือเรื่อง  ไม่ครบห้า  มีแปลเป็น  ไทยมาหลายปีมาแล้ว  เป็นหนังสือที่ขาย  ดีมากในญ่ีปุ่น  ชีวิตของบุคคลคนน้ี  น่าสนใจเพราะเขาเป็นคนที่มีความสุข  คนหนงึ่ แมร้ ่างกายไมส่ มบูรณ์ มปี ระโยค 

ข อ ง ข วั ญ แ ห่ ง ชี วิ ต 16 หนึ่งท่ีเขาเขียนในหนังสือเล่มนี้ว่า  “ผมเกิดมาพิการแต่มี  ความสขุ และสนุกทกุ วัน” ทง้ั ท่ีพกิ ารและพร่องหลายอย่าง แต่  ถ้าใจยังมีความคิด  ยังมีสติปัญญา  ความสุขหรือความดีงาม  ทง้ั หลายสามารถเกดิ ข้นึ กบั เขาเหลา่ น้นั ได้ อาจารยก์ ำ� พล ทองบญุ นมุ่  ซงึ่ เปน็ ผทู้ พ่ี กิ ารตงั้ แตค่ อลงมา  เนอ่ื งจากประสบอบุ ตั เิ หตจุ ากการสอนนกั เรยี นวา่ ยน้�ำเมอื่ เกอื บ  ๓๐ ปที แ่ี ลว้  ทกุ วนั นเ้ี ปน็ อาจารยท์ างธรรมทไี่ ดร้ บั ความนบั ถอื   อยา่ งมากจากผคู้ น นเ้ี ปน็ ตวั อยา่ งหนง่ึ ของบคุ คลซงึ่ มคี วามสขุ   เพราะไดค้ น้ พบธรรมะจากการปฏบิ ตั ดิ ว้ ยตวั เอง แมเ้ ดนิ จงกรม  ไม่ได้  แม้ยกมือสร้างจังหวะเจริญสติตามแนวหลวงพ่อเทียน  สอนไม่ได้  แม้ท�ำอะไรไม่ได้อย่างท่ีพวกเราสามารถท�ำได้  แต ่ ท่านก็สามารถเห็นธรรมจนประจักษ์อย่างแจ่มแจ้งว่า  ความ  พกิ ารทเ่ี กิดขึ้นกับตนน้นั  เปน็ แคค่ วามพิการทางกาย  แตว่ า่ ใจไม่ไดพ้ ิการดว้ ย

พระไพศาล วิ ส า โ ล 17 แต่ก่อนท่านเคยทุกข์เพราะรู้สึกตลอดเวลาว่า  ฉันพิการ  ฉนั พกิ าร ความคดิ แบบนท้ี ำ� ใหใ้ จพลอยพกิ ารไปดว้ ย แตพ่ อได้  เห็นความจริงเกี่ยวกับรูปนามว่า  กายก็อันหน่ึง  ใจก็อันหน่ึง  จึงเห็นชัดเลยว่าความพิการเกิดขึ้นกับกายเท่านั้น  แต่ว่าใจ  ไม่ได้พิการด้วย  จิตจึงออกจากความพิการทันที  พบกับความ  สงบเย็น  แม้ว่าต้องนั่งรถเข็นหรือนอนเตียงเป็นส่วนใหญ่  ไม่สามารถเดินเหินไปไหนมาไหนได้อย่างอิสระ  แต่ท่านก็มี  ความสขุ และความสงบเยน็  จนกระทงั่ บางคนถงึ กบั พดู วา่  ถา้ หาก  เขาสามารถมีความสุขเหมือนกับอาจารย์ก�ำพล  เขาก็พร้อมท่ี  จะพกิ ารอยา่ งอาจารยก์ ำ� พล คอื พรอ้ มจะแลกรา่ งกายทค่ี รบถว้ น  สมบูรณ ์ เพ่อื จะไดม้ คี วามสุขอย่างอาจารย์ก�ำพล แต่เราย่อมทราบดีว่าของแบบน้ีแลกกันไม่ได้  และก ็ ไม่จ�ำเป็นต้องแลก  เพราะว่าผู้พูดท่านน้ันสามารถจะเข้าถึง  สง่ิ ทอ่ี าจารยก์ ำ� พลเขา้ ถงึ  หรอื อาจจะทำ� ไดย้ ง่ิ กวา่ กไ็ ด ้ เพราะวา่   ความเป็นมนุษย์ที่เราทุกคนมีน้ันเต็มไปด้วยศักยภาพอันไม่ม ี ประมาณ  ไม่เพียงคนพิการเท่าน้ัน  แม้แต่คนที่เจ็บป่วยด้วย  โรครา้ ยไมว่ า่ โรคใดกต็ าม กส็ ามารถเขา้ ถงึ ความสขุ ความสงบ  เย็นและเข้าถงึ ธรรมอนั ลกึ ซ้งึ อย่างที่เทวดายากจะเขา้ ถึงได้

ข อ ง ข วั ญ แ ห่ ง ชี วิ ต 18 มีตัวอย่างมากมายของคนท่ีประสบความเจ็บป่วยซ่ึงแม ้ บั่นทอนร่างกายให้เป็นทุกข์  แต่สติปัญญาท่ีมีนั้นก็สามารถ  ยกจิตออกจากความทุกข์ได้  อย่างพระติสสเถระในสมัยพุทธ-  กาล ท่านปว่ ยดว้ ยโรคร้ายซง่ึ สังคมรังเกียจ แมแ้ ตพ่ ระด้วยกนั   ก็ไมอ่ ยากมารกั ษาพยาบาล เนื่องจากท่านมแี ผลพพุ องเต็มตัว  สง่ กลน่ิ เหมน็  พอไมม่ ใี ครมาดแู ล ทา่ นกน็ อนจมอจุ จาระปสั สาวะ  เป็นที่รังเกียจของผู้คนหนักขึ้น  จนกระท่ังพระพุทธเจ้าได ้ เสด็จมาดูแล  พระองค์ไม่ได้พยาบาลอะไรมากนอกจากเช็ด เนอ้ื เชด็ ตวั  เอาจวี รของทา่ นไปซกั ไปตม้  ทำ� ใหท้ า่ นมคี วามรสู้ กึ   ผ่องใส  สบายใจขึ้น  แต่ทุกขเวทนายังมีอยู่และบีบคั้นอย่าง  แรงกล้า  ครั้นพระพุทธเจ้าแสดงธรรมส้ันๆ  ว่า  “ร่างกายน ี้ ไม่เที่ยง  เม่ือปราศจากวิญญาณก็ล้มกองนอนทับแผ่นดิน  ประดจุ ทอ่ นไม ้ หาประโยชนม์ ไิ ด”้  เพยี งเทา่ นพ้ี ระตสิ สะกบ็ รรลุ  ธรรมเป็นพระอรหันต์ทันที  เพราะท่านเห็นด้วยปัญญาอย่าง  ชดั เจนวา่  สงั ขารนเ้ี ปน็ ทกุ ขม์ าก ไมน่ า่ ยดึ ถอื เลย แตก่ อ่ นเคย  รักเคยหวงเคยแหนสังขารร่างกายนี้  แต่พอเจ็บป่วยก็รู้เลย  ว่าสังขารนี้เป็นทุกข์อย่างย่ิง  จิตก็ปล่อยวาง  ไม่ยึดถือสังขาร  อีกต่อไป  ก็บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ในวินาทีเดียวกับที่ท่าน  สิน้ ลม

พระไพศาล วิ ส า โ ล 19 มตี วั อยา่ งคนทบ่ี รรลธุ รรมทา่ มกลางความเจบ็ ปว่ ย หรอื   ถงึ แมจ้ ะไมบ่ รรลธุ รรม แตพ่ บกบั ความสงบทง้ั ๆ ทท่ี กุ ขเวทนา  บบี คนั้  เชน่  เปน็ โรคมะเรง็  หลายคนบอกวา่ ขอบคณุ ทเี่ ปน็ มะเรง็   เพราะว่าท�ำให้ได้พบความสงบเย็นในจิตใจ  ท�ำให้ปล่อยวาง  ส่ิงต่างๆ  ท่ีเคยยึดติดถือมั่นเอาไว้  เม่ือความตายใกล้เข้ามา  อีกท้ังยังเห็นชัดว่า  สังขารร่างกายนี้ไม่สามารถพ่ึงพาได้  เช่น  เดยี วกบั สง่ิ ทง้ั ปวงทส่ี ะสมมากไ็ มส่ ามารถเอาไปได ้ จงึ ปลอ่ ยวาง  เกิดความเบาสบายและสงบเยน็ มาแทนท่ี ท้ังหมดนี้ช้ีว่าตราบใดท่ีเรายังเป็นมนุษย์อยู่  แม้พิการ  หรอื เจบ็ ปว่ ย เรากย็ งั สามารถเขา้ ถงึ สงิ่ ทป่ี ระเสรฐิ ดงี ามไดเ้ สมอ  ไม่ว่าการท�ำความดี  การเห็นความจริงและการเข้าถึงความสุข  สงบเย็น



ข อ ง ข วั ญ ค ื อ ล ม ห า ย ใ จ ของขวญั แหง่ ชวี ติ ประการตอ่ มา คอื  ลมหายใจ เปน็ เพราะ เรามลี มหายใจ เราจงึ มที กุ อยา่ งอยา่ งทเ่ี รามอี ยใู่ นขณะน ้ี และสามารถทจี่ ะมยี งิ่ กวา่ นด้ี ว้ ย ไมว่ า่ ความสำ� เรจ็ ทางโลก หรอื   ความเจริญก้าวหน้าในทางธรรม ทกุ วนั นผี้ คู้ นมกั มองขา้ มลมหายใจ หลายคนไมไ่ ดต้ ระหนกั   เลยวา่  การทตี่ วั เองมลี มหายใจนบั วา่ เปน็ โชคอนั ประเสรฐิ  เปน็   ของขวญั ลำ�้ คา่ ทคี่ วรทะนถุ นอม หลายคนคดิ ถงึ แตก่ ารแสวงหา 

ข อ ง ข วั ญ แ ห่ ง ชี วิ ต 22 ลมหายใจยงั สามารถทำ� ใหเ้ รา เห็นความจริงของชีวติ   เขา้ ใจเรื่องไตรลกั ษณ์ ลมหายใจสามารถเปน็ อุปกรณ์ ที่พาเราเขา้ ถงึ ธรรมอนั ลกึ ซ้งึ ทพี่ ระพุทธองค์ทรงคน้ พบ ทรัพย์สมบัติและอ�ำนาจวาสนาเพราะคิดว่าต่อเม่ือมีสิ่งนั้นแล้ว  ตวั เองจงึ จะมคี วามสขุ  แตค่ วามจรงิ แลว้ ลมหายใจนแี่ หละสำ� คญั   ท่ีสุด  ถ้าเราไม่มีลมหายใจเสียอย่างเดียว  สิ่งที่เราเคยมีก ็ สูญหมด  อีกทั้งสิ่งที่เราสามารถจะมีได้ก็หมดโอกาสท่ีจะมี  เช่นเดยี วกนั ลมหายใจยังช่วยให้เราเข้าถึงความสงบเย็น  หากเรา  นอ้ มใจมาอยทู่ ลี่ มหายใจ มสี ตริ ลู้ มหายใจเขา้ ออกอยา่ งตอ่ เนอ่ื ง  จิตใจเราจะเบาสบาย  ที่รุ่มร้อนก็เย็นลง  ท่ีเคยว้าวุ่นก็นิ่งสงบ 

พระไพศาล วิ ส า โ ล 23 อะไรท่ีท�ำให้หนักอกหนักใจก็ถูกปัดเป่าไปจนรู้สึกโปร่งเบา  ลมหายใจจึงไม่เพียงเอาออกซิเจนไปเล้ียงร่างกายเราเท่าน้ัน  หากยังสามารถน�ำความสงบเยน็ และความสขุ มาชว่ ยหล่อเลี้ยง  จติ ใจเราได้ด้วย ลมหายใจยังสามารถท�ำให้เราเห็นความจริงของชีวิต  เข้าใจเรื่องไตรลักษณ์  ลมหายใจสามารถเป็นอุปกรณ์ท่ีพาเรา  เขา้ ถงึ ธรรมอนั ลกึ ซงึ้ ทพี่ ระพทุ ธองคท์ รงคน้ พบ แมพ้ ระพทุ ธองค ์ ตรัสรู้แล้ว  ก็ยังอาศัยลมหายใจเป็นวิหารธรรม  ดังมีกล่าวใน  พระไตรปฎิ กวา่  พระองคท์ รงประทบั จำ� พรรษาดว้ ยอานาปานสต ิ เป็นส่วนมาก กล่าวอีกนัยหนึ่ง  เป็นเพราะยังมีลมหายใจอยู่  เราจึง  สามารถท�ำความดี  มีความสุข  และเข้าถึงประโยชน์สูงสุดที่  ธรรมชาติจะมใี หไ้ ด้



ข อ ง ข วั ญ ค ื อ โ ล ก ร อ บ ต ั ว ไ มใ่ ชแ่ ตล่ มหายใจเทา่ นน้ั  แมก้ ระทง่ั ทกุ อยา่ งทม่ี อี ยรู่ อบตวั เราก็สามารถเรียกได้ว่าเป็นของขวัญอันประเสริฐส�ำหรับ  เรา เพราะถา้ ไมม่ ธี รรมชาตริ อบตวั  สง่ิ ทเ่ี ราเรยี กวา่ ตวั เรากเ็ กดิ ขนึ้   ไมไ่ ด ้ เปน็ เพราะมโี ลกรอบตวั  มนี ำ้�  มอี ากาศ มปี จั จยั ส ี่ จงึ มเี รา  ขน้ึ มาได ้ นเี้ ปน็ อกี สง่ิ ทผี่ คู้ นไมค่ อ่ ยตระหนกั  เราจงึ ไมค่ อ่ ยเหน็   ความส�ำคัญของสรรพสิง่ ท่ีอยรู่ อบตัวไม่ว่าใกลห้ รือไกล

ข อ ง ข วั ญ แ ห่ ง ชี วิ ต 26 พทุ ธศาสนาสอนใหเ้ ราเห็นความส�ำคญั ของสรรพสงิ่ รอบ  ตัว  เพราะถ้าไม่มีส่ิงเหล่านั้นก็ไม่มีเรา  ไม่ใช่แค่พ่อแม่ครูบา  อาจารย์เท่าน้ัน  แต่ยังรวมถึงธรรมชาติรอบตัว  เวลาชาวพุทธ  สวดมนตบ์ ททเ่ี รยี กวา่  กรวดน�้ำตอนเยน็  ทขี่ น้ึ ตน้ ดว้ ยขอ้ ความ  วา่  “อมิ นิ า ปญุ ญะกมั เมนะ” เราจะนอ้ มใจระลกึ ถงึ คณุ คา่ ของ  สิ่งต่างๆ  ด้วยความขอบคุณแล้วแผ่เมตตาหรืออุทิศส่วนกุศล  ไปให ้ ตงั้ แตอ่ ปุ ชั ฌายอ์ าจารย ์ พอ่ แม ่ ไปจนถงึ พระจนั ทรแ์ ละ  พระอาทติ ย ์ พระจนั ทรแ์ ละพระอาทติ ยก์ ค็ อื ตวั แทนของธรรมชาติ  ทม่ี บี ญุ คุณต่อเรา ท่านติช  นัท  ฮันห์  ได้ย�้ำเตือนให้เราตระหนักถึงคุณค่า  ของสง่ิ ตา่ งๆ ทดี่ เู หมอื นสามญั จนเรามองขา้ มไป เชน่  เวลาเรา  ก�ำลังล้างหน้าหรือก�ำลังล้างมือ  ท่านได้เขียนบทภาวนาให้เรา  พิจารณาวา่ น�ำ้ จากต้นธารแหง่ ยอดเขาสงู นำ้� จากใจกลางแห่งแผ่นดินอนั ลึกซ้งึ น�ำ้ ไหลหล่อเลี้ยงชวี ติ อย่างมหัศจรรย์ ส�ำนึกคณุ ด้วยใจอนั เต็มเปี่ยม

พระไพศาล วิ ส า โ ล 27 เราเคยตระหนกั หรอื ไมว่ า่  นำ้� ทเ่ี ราใช ้ เปน็ ของขวญั ลำ้� คา่   ทธี่ รรมชาตมิ อบใหแ้ กเ่ รา อาหารทเ่ี รากนิ  เราเคยตระหนกั ไหม  ว่า  น่ันคือของขวัญที่มีค่าส�ำหรับชีวิตเรา  ท่านติช  นัท  ฮันห ์ ไดเ้ ขียนคำ� ภาวนาส�ำหรับพิจารณาเวลากินอาหารเชน่ กันว่า ในอาหารนี้ ฉันมองเห็นอยา่ งชดั เจนถงึ จักรวาลและสรรพสิง่ ที่ชว่ ยเก้ือกูลให้ฉนั ดำ� รงชวี ติ อยูไ่ ด้ ส�ำนกึ ในบญุ คณุ ของสรรพสงิ่ หากเราส�ำนึกในคุณค่าของอากาศ  ของน�้ำและอาหาร  ตลอดจนปจั จยั เครอื่ งใชส้ อยตา่ งๆ เราจะตระหนกั วา่ เราเปน็ ผทู้ ี่  โชคดีอย่างย่ิงที่มีสิ่งเหล่าน้ีอยู่รอบตัวอย่างพร่ังพร้อมบริบูรณ์  และเราจะใช้ส่ิงเหล่าน้ีด้วยความเคารพ  ด้วยความทะนุถนอม  พยายามอนรุ กั ษส์ ง่ิ เหลา่ นเี้ อาไว ้ รวมทงั้ พยายามใชช้ วี ติ ใหเ้ ปน็   ประโยชนต์ ่อโลก ต่อธรรมชาติ และต่อสรรพสงิ่

ข อ ง ข วั ญ แ ห่ ง ชี วิ ต

ข อ ง ข วั ญ ค ื อ ปั จ จ ุ บั น ข ณ ะ ปั จจุบันขณะ  คือของขวัญแห่งชีวิตอย่างหนึ่งท่ีเรามักจะ มองข้ามไปเช่นกัน  เราเคยตระหนักหรือไม่ว่า  เม่ือมี  ปจั จบุ นั ขณะกแ็ สดงวา่ เรายงั มชี วี ติ อย ู่ คนตายเขาไมม่ ปี จั จบุ นั ขณะ  แลว้  เขามแี ตอ่ ดตี  แตถ่ งึ แมย้ งั มลี มหายใจ แตถ่ า้ ใจไมร่ บั รถู้ งึ   ปจั จบุ ันขณะเลย กอ็ าจมชี ีวิตไมต่ า่ งจากคนตาย มคี นจ�ำนวน  ไมน่ อ้ ยทมี่ ชี วี ติ เหมอื นตายแลว้ เพราะเขาจมอยกู่ บั อดตี ทไี่ มอ่ าจ  หวนกลบั มาได้

ข อ ง ข วั ญ แ ห่ ง ชี วิ ต 30 มีภรรยาคนหน่ึงสูญเสียสามี  สามีเป็นคนที่ดีมาก  รัก  ครอบครัว  สุภาพอ่อนโยน  และใส่ใจภรรยา  แล้ววันหนึ่งเขาก ็ เจบ็ ปว่ ยดว้ ยมะเรง็  โรครา้ ยลกุ ลามอยา่ งรวดเรว็ จนตายหลงั จาก  นน้ั ไมก่ เี่ ดอื น ภรรยารสู้ กึ ชอ็ ค ยอมรบั ความตายของสามไี มไ่ ด ้ ผา่ นไปหนง่ึ ปแี ลว้ เธอกย็ งั ทำ� อาหารใหส้ ามกี นิ ทกุ เชา้  วางอาหาร  ไว้บนโต๊ะท่ีสามีเคยนั่ง  และโทรศัพท์เข้าเบอร์ของสามีทุกวัน  ราวกบั วา่ สามยี งั มชี วี ติ อย ู่ จติ ใจของเธอจมอยกู่ บั อดตี  ใชช้ วี ติ   โดยไมร่ บั รปู้ จั จบุ นั  เธอมลี กู สาวแตไ่ มส่ นใจลกู สาวเลย เพราะ  คิดถึงแต่สามีซึ่งตายไปแล้ว  อย่างน้ีเราจะเรียกว่าเธอมีชีวิต  อยา่ งแท้จรงิ ไดไ้ หม ในเมอื่ เธออยอู่ ย่างไร้ชวี ติ ชีวา บางคนพอรู้ว่าตัวเองป่วยเป็นโรคมะเร็งก็หมดอาลัย  ตายอยาก  ไม่มีเร่ียวไม่มีแรง  จมอยู่กับความกังวล  คิดถึงแต่  ความตาย พะวงแตเ่ รอ่ื งอนาคต กนิ ไมไ่ ดน้ อนไมห่ ลบั  ไมร่ บั ร้ ู ปัจจุบันเลย  อย่างนี้ก็เหมือนกับคนท่ีตายทั้งเป็น  หรือว่าอยู ่ เหมอื นตาย อนั นเี้ ปน็ ตวั อยา่ งของคนทไ่ี มไ่ ดอ้ ยกู่ บั ปจั จบุ นั ขณะ คนที่  อยู่กับปัจจุบันขณะเท่าน้ันจึงจะรู้สึกตื่นและมีชีวิตชีวา  ถ้าหลง 

พระไพศาล วิ ส า โ ล 31 เขา้ ไปในอดตี เมื่อไหร ่ ก็จะจมอย่ใู นความเศรา้  ถ้าหมกมนุ่ กับ  อนาคต ก็จะถกู ความกังวลครอบง�ำ เตม็ ไปดว้ ยความหนักอก  หนกั ใจ ไม่ต่างจากคนหลงละเมอหรือตดิ อยใู่ นฝันร้าย ทา่ นตชิ  นทั  ฮนั ห ์ เคยพดู ไวว้ า่  “ปจั จบุ นั คอื เวลาประเสรฐิ   สดุ ” เพราะปจั จุบันคอื โอกาสเดยี วเท่าน้ันทเี่ ราสามารถท�ำส่งิ ด ี ใหเ้ กดิ ขน้ึ ได ้ ถา้ เราตอ้ งการความสำ� เรจ็  เราตอ้ งทำ� เสยี แตเ่ ดย๋ี วน้ ี ถา้ ตอ้ งการความสขุ  เรากต็ อ้ งรจู้ กั เปน็ สขุ เสยี แตเ่ ดย๋ี วน ้ี ตราบใด  ทยี่ งั ไมร่ จู้ กั เปน็ สขุ  ณ วนิ าทนี  ี้ กย็ ากทจี่ ะมคี วามสขุ ในอนาคต  เราไม่ควรคาดหวังว่าพรุ่งน้ีฉันจะมีความสุขหากยังปล่อยให ้ ปจั จุบนั ขณะผา่ นเลยไป ปัจจุบันขณะคือโอกาสเดียวเท่านั้นที่เราสามารถจะท�ำ  สง่ิ ดๆี  ใหเ้ กดิ ขน้ึ ได ้ และปจั จบุ นั ขณะเท่าน้ันคือโอกาสท่ีสิ่งดีๆ มากมายจะเกิดขึน้ กับเรา อาตมาขออ้างท่านติช  นัท  ฮันห์  อีกคร้ังหนึ่ง  อาตมา  เคยไปเย่ียมท่านท่ีปากช่องเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา  ก่อนท ่ี จะลากลับท่านได้มอบคติธรรมที่เขียนด้วยลายมือของท่าน 

ข อ ง ข วั ญ แ ห่ ง ชี วิ ต 32 เปน็ ภาษาองั กฤษ เปน็ ลายพกู่ นั  ขอ้ ความวา่  “This moment  is full of wonders” แปลเปน็ ไทยวา่  “เวลาขณะนเ้ี ตม็ ไปดว้ ย  ความอัศจรรย์”  ความอัศจรรย์ที่แท้จริงไม่ได้อยู่ที่การเดินดิน  บินบนอากาศได้  ไม่ได้อยู่ที่การทายจิตทายใจผู้คนได้  ไม่ได้  อยทู่ ก่ี ารเหน็ อดตี หรอื อนาคต แตอ่ ยทู่ ก่ี ารพบเหน็ สง่ิ มหศั จรรย์  มากมายในปจั จบุ นั ขณะ จะเหน็ เชน่ นนั้ ได ้ เราตอ้ งอยกู่ บั ปจั จบุ นั -  ขณะใหเ้ ปน็  แลว้ เราจะพบสงิ่ วเิ ศษตา่ งๆ มากมาย ไมว่ า่ จะเปน็   ความสุข  ความงดงาม  ความสงบเย็น  หรือแม้กระทั่งนิพพาน  ทงั้ หมดน้ีสามารถพบได้ในปจั จุบัน ถ้าเราต้องการมีความสุขก็ต้องอยู่กับปัจจุบันให้เป็น  ไมต่ อ้ งรอสงิ่ ทจี่ ะเกดิ ขนึ้ ในอนาคต แลว้ กไ็ มจ่ ำ� เปน็ ตอ้ งหวนไป  นึกถึงอดีต  เพราะปัจจุบันขณะสามารถจะมอบความสุขให ้ กบั เราได้ หากว่าเรารู้จกั เปิดใจรับปจั จบุ นั ขณะ เพอ่ื นอาตมาคนหนง่ึ เปน็ คนทขี่ ยนั ทำ� งานมาก วนั ๆ กว็ นุ่   กบั การทำ� งาน เรยี กวา่ ทำ� งานตลอดวนั หรอื ตลอดปเี ลย สว่ นใหญ่  เป็นงานท่ีต้องใช้ความคิด  วันหน่ึงพบว่าตนเองเป็นไส้เล่ือน  เม่ือผ่าตัดไส้เล่ือนเสร็จก็ต้องมาพักฟื้นที่บ้านซึ่งอยู่ชานเมือง 

พระไพศาล วิ ส า โ ล 33 เปน็ เวลาหลายวนั  นนั่ เปน็ ครง้ั แรกทเี่ ขาวางงานทกุ อยา่ ง เพราะ  ท�ำงานไม่สะดวก  วันๆ  ก็ได้แต่นั่งหรือนอนพักผ่อน  วันหน่ึง  ประมาณบ่ายสามเขามาน่ังเล่นที่ระเบียง  สักพักก็ได้ยินเสียง  นกเขารอ้ ง ทแี รกกต็ วั หนง่ึ  ตอ่ มากส็ องตวั  สามตวั  สตี่ วั  แลว้   นกชนิดอ่ืนก็ร้องขับขานประสานเสียง  ราวกับบรรเลงดนตร ี เขาน้อมใจฟังก็รู้สึกว่าเป็นเสียงที่ไพเราะมาก  ไพเราะจนเขา  ถงึ กบั นำ้� ตาไหล ขณะนนั้ เองเขาฉกุ คดิ ขนึ้ มาวา่ เขาอยบู่ า้ นนม้ี า  ๒๐  ปีแล้ว  ตั้งแต่ลูกสาวยังเล็ก  ตอนน้ีลูกเรียนเกือบจบมหา-  วทิ ยาลยั แล้ว ท�ำไมเขาเพง่ิ ไดย้ ินเสยี งนกรอ้ งเปน็ คร้ังแรก ถามว่านกเพ่ิงร้องหรือเปล่า  นกไม่ได้ร้องแค่วันน้ี  นก  รอ้ งมานานแลว้  แตเ่ ขาไมไ่ ดย้ นิ เอง ท�ำไมเขาไมไ่ ดย้ นิ  กเ็ พราะ  ใจเขาวนุ่ อยกู่ บั งานการ วนุ่ อยกู่ บั อดตี บา้ ง อนาคตบา้ ง คดิ นน่ั   คดิ นี่ตลอดเวลา ใจเขาไม่เคยวา่ งที่จะรับรสู้ ง่ิ ท่ีเปน็ ปัจจบุ ันเลย  ตอนน้ันเองท่ีเขาตระหนักวา่ แท้จริงแล้วความสุขไมไ่ ด้อยู่ที่ไหน  เลย อย่รู อบตัวเขาตลอดเวลา

ข อ ง ข วั ญ แ ห่ ง ชี วิ ต 34 ปัจจุบันขณะเต็มไปด้วยความสุขและความงดงามที่จิต  เราสามารถรบั รไู้ ด ้ แตส่ ว่ นใหญแ่ ลว้ เราไมค่ อ่ ยรบั รคู้ วามสขุ และ  ความงดงามเหล่าน้ันซ่ึงไหลหล่ังพร่ังพรูมาหาเราตลอดเวลา  เพราะเรานึกถึงแต่อนาคต  เรานึกถึงแต่ส่ิงที่เรายังไม่มีหรืออยู ่ ข้างหน้า  เช่น  ทรัพย์สมบัติ  ช่ือเสียง  ความส�ำเร็จ  หรือไม่ก็  นึกถึงส่ิงท่ีเราเคยมีแต่สูญเสียไป  เช่น  คนรัก  เงินทอง  หน้าท่ี  การงาน ผคู้ นมกั โหยหาความสขุ จากอนาคตหรอื จากอดตี  แต ่ ไม่เคยตระหนักเลยว่าปัจจุบันขณะน้ันมีความสุขที่เราสามารถ  สัมผัสได้ตลอดเวลา  จะว่าไปแล้วช่วงเวลาที่เราสามารถจะ  เปน็ สขุ อย่างแทจ้ ริงก็คือขณะนี้หรอื ปัจจุบนั ขณะเท่าน้ัน เคยมีพิธีกรรายการโทรทัศน์ถามท่านทะไลลามะว่า  พระองค์จะทรงเล่าให้ผู้ชมฟังถึงช่วงเวลาที่พระองค์มีความสุข  ที่สุดในชีวิตได้หรือไม่  องค์ทะไลลามะคิด  สักพกั แลว้ ก็ตอบวา่  “กข็ ณะนไี้ งล่ะ” การท่ีคนเราจะสามารถรับรู้ถึงคุณค่า  ของปัจจุบันขณะได้สิ่งส�ำคัญก็คือใจ  ใจท่ีอยู่  กบั ปจั จบุ นั  ใจทรี่ สู้ กึ ตวั อยเู่ สมอ ถา้ หากวา่ เรา 

พระไพศาล วิ ส า โ ล 35 มคี วามรสู้ กึ ตวั  เรากจ็ ะสามารถรบั รสู้ งิ่ ดๆี  ทเ่ี กดิ ขน้ึ ในปัจจุบัน  ไดไ้ มใ่ ชเ่ ฉพาะความสขุ เทา่ นนั้  แมก้ ระทง่ั ธรรมะ หรอื ความจรงิ   อันลึกซ้ึงก็สามารถปรากฏแก่จิตของเราได้  ถ้าหากว่าเรารู้จัก  อยู่กับปัจจุบันขณะให้เป็น  พระอริยเจ้าท้ังหลายบรรลุธรรมได้  ก็เพราะใจอยู่กับปัจจุบัน  รับรู้และพิจารณาสิ่งท่ีเป็นปัจจุบัน  ไม่ว่าเกิดขึ้นกับกายและใจของท่าน  หรือท่ีเกิดขึ้นเฉพาะหน้า  ของท่าน สิ่งที่เกิดกับกายกับใจในปัจจุบันขณะ  ล้วนแสดงธรรม  ให้แก่ใจของเราท้ังนั้น  แม้ว่าสิ่งที่เกิดข้ึนน้ันจะเป็นความปวด  ความเจ็บก็ตาม  อยู่ท่ีว่าใจเราจะเปิดรับหรือไม่  เม่ือสักครู่  อาตมาไดเ้ ลา่ ถงึ พระตสิ สะทไี่ ดอ้ าศยั ทกุ ขเวทนาในรา่ งกายเปน็   ตวั จดุ ประกายใหเ้ กดิ ปญั ญาเหน็ ถงึ ความไมเ่ ทย่ี ง ความเปน็ ทกุ ข์  และความไม่ใช่ตัวตนของสังขาร  จนกระทั่งจิตของท่านปล่อย  วางและบรรลุอรหัตตผล พระนางสามาวด ี มเหสขี องพระเจา้ อเุ ทนกเ็ ชน่ กนั  นาง  ถูกไฟคลอกและส้ินชีวิตในกองไฟเช่นเดียวกับบริษัทบริวาร  ท้งั น้ีเนือ่ งจากถูกพระนางมาคนั ทยิ ากล่นั แกล้ง เม่ือมคี นไปทูล 

ข อ ง ข วั ญ แ ห่ ง ชี วิ ต 36 ถามพระพุทธเจ้าถึงเรื่องน้ี  พระพุทธเจ้าก็ตอบว่าการตายของ  นางรวมทั้งบริษัทบริวารเป็นการตายท่ีไม่สูญเปล่า  คือเป็นการ  ตายทด่ี  ี เนอ่ื งจากทง้ั หมดไดบ้ รรลธุ รรมขน้ั สงู  พระนางสามาวดี  นั้นเดิมเป็นพระโสดาบันอยู่แล้ว  แต่จากเหตุการณ์ครั้งน้ันก็ได้  บรรลุธรรมขั้นสูงกว่าเดิม  ทั้งน้ีเพราะว่าตอนท่ีไฟลุกท่วมตัว  เกดิ ทกุ ขเวทนาแรงกลา้ นนั้  นอกจากพระนางสามาวดจี ะใหอ้ ภยั   แกพ่ ระนางมาคนั ทยิ าแลว้  ยงั เจรญิ กรรมฐาน คอื เอาเวทนาเปน็   อารมณ์  คือพิจารณาทุกขเวทนาท่ีก�ำลังเกิดข้ึน  ดูความปวด  โดยทใ่ี จไมเ่ ปน็ ผปู้ วด อนั นเี้ รยี กวา่ เวทนานปุ สั สนา พจิ ารณาจน  เหน็ วา่ สงั ขารเปน็ ทกุ ขม์ าก ไมน่ า่ ยดึ ถอื เลย จงึ บรรลธุ รรมขนั้ สงู ทกุ ขเวทนานนั้ หากกำ� ลงั เกดิ ขน้ึ กบั เรา กถ็ อื วา่ เปน็ อารมณ ์ ปจั จบุ นั เชน่ กนั  หากรจู้ กั พจิ ารณาอยา่ งมสี ตกิ ส็ ามารถเหน็ ธรรม  จากทกุ ขเวทนานน้ั จนเกดิ ปญั ญาได ้ นก้ี เ็ ชน่ เดยี วกบั พระรปู หนง่ึ   ซง่ึ เดนิ ธดุ งคใ์ นปา่ ลกึ  ปรากฏวา่ โดนเสอื กดั  เกดิ ความเจบ็ ปวด  หรือทุกขเวทนาแรงกล้า  แต่ท่านใช้วิธีการเดียวกันกับพระนาง  สามาวดี  ก็คือภาวนาโดยเอาเวทนาเป็นอารมณ์  ใช้สติดูความ  ปวดก็เกิดปัญญาเห็นชัดว่า  สังขารเป็นทุกข์มาก  ไม่น่ายึดถือ  เลย กป็ ลอ่ ยวาง ไมย่ ดึ ถอื ในสงั ขารอกี ตอ่ ไป จงึ บรรลธุ รรมเปน็  

พระไพศาล วิ ส า โ ล 37 พระอรหันต์คาปากเสือ  นี่เป็นเพราะการท่ีท่านเห็นธรรมใน  ปัจจบุ นั ขณะ ปจั จบุ นั ขณะเตม็ ไปดว้ ยความอศั จรรย ์ สามารถนำ� สงิ่ ดๆี   มาใหแ้ กเ่ ราได ้ ถา้ หากวา่ ใจเราเปดิ รบั  คอื มสี ต ิ มคี วามรสู้ กึ ตวั   ไมถ่ กู ครอบงำ� ดว้ ยความคดิ ฟงุ้ ซา่ นหรอื อารมณต์ า่ งๆ นอกจาก  ส่ิงท่ีเกิดข้ึนกับกายและใจแล้ว  แม้แต่ส่ิงที่เกิดข้ึนเฉพาะหน้าก็  สามารถแสดงธรรมให้ใจรับรู้ได้จนเกิดความหลุดพ้น  แม้ว่า  สง่ิ ทเี่ กดิ ขน้ึ เฉพาะหนา้ อาจจะเปน็ สงิ่ ทยี่ วั่ ยหุ รอื เรา้ กเิ ลสดว้ ยซำ้� พระนาคสมาลเถระเปน็ พระรปู หนง่ึ สมยั พทุ ธกาล วนั หนง่ึ   ทา่ นบณิ ฑบาตเขา้ ไปในเมอื ง ปรากฏวา่ ไดเ้ หน็ หญงิ สาวคนหนง่ึ   แตง่ กายดว้ ยเสอ้ื ผา้ ทสี่ วยงาม ทดั ทรงดอกไม ้ ก�ำลงั ฟอ้ นรำ� อย่ ู กลางถนนท่ามกลางเสียงดนตรีบรรเลง  ภาพอย่างนี้สามารถ  กระตนุ้ ราคะหรอื ทำ� ใหค้ นหลง แตพ่ ระนาคสมาลกลบั มองเหน็ วา่   นีค้ อื บว่ งหรอื กบั ดกั ของมจั จรุ าช แทนทจี่ ะหลงใหล ทา่ นกลบั   เหน็ โทษของมนั  จงึ เกดิ ความหนา่ ย ทนั ใดนน้ั เองจติ กห็ ลดุ พน้   จากกเิ ลส บรรลวุ ชิ ชาสาม พน้ จากความทกุ ข ์ เปน็ พระอรหนั ต์  หมดกิจที่ตอ้ งทำ� อกี ต่อไป

ข อ ง ข วั ญ แ ห่ ง ชี วิ ต 38 สง่ิ ทเี่ กดิ ขน้ึ เฉพาะหนา้ นน้ั  แมจ้ ะชวนใหล้ มุ่ หลง แตเ่ มอื่   มีสติ  โยนิโสมนสิการก็เกิดข้ึน  ปัญญาก็ตามมา  จิตหลุดพ้น  นีค้ ือความอัศจรรยท์ ีเ่ กิดขนึ้ เมอื่ จิตอยกู่ ับปจั จบุ ันขณะ เช่นเดียวกับพระสุนทรสมุทรซึ่งถูกหญิงแพศยาเล้าโลม  หญงิ สาวผนู้ แี้ ตง่ ตวั สวยงาม ลบู ไลด้ ว้ ยเครอ่ื งหอม หลอกลอ่ วา่   ท่านยงั หนมุ่ แนน่  ตอนนคี้ วรสกึ มาบรโิ ภคกามก่อน ต่อเม่อื แก่  เฒา่ จงึ คอ่ ยไปถอื ศลี บำ� เพญ็ พรหมจรรย ์ เรยี กวา่ ไดร้ บั ประโยชน์  จากโลกท้ังสอง  แต่ท่านไม่ได้ใจอ่อนด้วย  เม่ือได้ยินนางพูด  เช่นนั้น ท่านเกิดโยนิโสมนสิการข้ึนมา  เห็นโทษของสังขาร  อย่างแจ่มชัด  จึงเกิดความเบ่ือหน่าย  จิตจึงหลุดพ้นจากกิเลส  บรรลวุ ิชชาสาม เปน็ พระอรหันต์ต่อหน้าหญงิ ผู้นัน้ ความหลุดพ้นหรือการเข้าถึงธรรมอยา่ งแจ่มแจ้ง ไม่ได้  เกิดขึ้นเพราะหลีกเร้นอยู่ป่า  แต่เกิดขึ้นเมื่อใจเปิดรับธรรมท่ี  ปรากฏแสดงในปจั จบุ นั ขณะ จะทำ� เชน่ นนั้ ไดต้ อ้ งมสี ต ิ ตอ้ งมี  ความรสู้ กึ ตวั  เพราะจะทำ� ใหเ้ กดิ โยนโิ สมนสกิ าร คอื การรจู้ กั คดิ   คิดเป็น  หรือคิดแยบคาย  ท�ำให้สามารถเห็นธรรมที่ปรากฏใน  ปจั จบุ นั ขณะ ดว้ ยเหตนุ พ้ี ระพทุ ธเจา้ จงึ ตรสั เนน้ ถงึ ความสำ� คญั  

พระไพศาล วิ ส า โ ล 39 ของปจั จุบนั ธรรม ในบทสวดทช่ี อ่ื  ภทั เทกรตั ตคาถา ซง่ึ ชาววดั คนุ้ เคยกนั ดี  มีตอนหนึ่งพระพุทธเจ้าตรัสว่า “ผู้ใดเห็นธรรมที่เกิดข้ึนเฉพาะ  หนา้ ในทน่ี น้ั ๆ อยา่ งแจม่ แจง้  ไมง่ อ่ นแงน่ คลอนแคลน เขาควร  พอกพนู อาการเชน่ นน้ั ไว”้  ธรรมะทเ่ี กดิ ขน้ึ เฉพาะหนา้ ในทน่ี นั้ ๆ  กค็ ือปจั จบุ นั ธรรม  ปจั จบุ นั ธรรม คอื  สง่ิ ทเ่ี ปน็ ปจั จบุ นั  ปรากฏตอ่ กายและ  ใจ  หรือปรากฏอยู่เฉพาะหน้า  ถ้าหากว่าจิตรับรู้ปัจจุบันธรรม  อย่างซ่ือตรง  อย่างมีสติ  มีความรู้สึกตัว  ก็สามารถเห็นธรรม  หรือเขา้ ถึงสัจธรรมท่ีปรากฏอยเู่ บื้องหนา้ ได้ ดังน้ันเราจึงควรตระหนักว่า  ปัจจุบันขณะและปัจจุบัน  ธรรมเปน็ ของขวญั ที่มคี ่ามาก โดยเฉพาะสำ� หรบั ผทู้ ่ีหวงั ความ  เจรญิ กา้ วหนา้ ในธรรม ปจั จบุ นั ธรรมนนั้ ไมว่ า่ จะเปน็ สงิ่ ทปี่ รากฏ  เบ้ืองหน้าเรา  หรือเกิดกับกายและใจในปัจจุบันขณะก็ตาม  รวมทั้งส่ิงที่เราก�ำลังท�ำอยู่ในปัจจุบัน  เราควรให้ความสนใจ  เมอื่ ทำ� อะไร อยใู่ นอริ ยิ าบถใด ใจกอ็ ยกู่ บั สงิ่ นน้ั  มคี วามรสู้ กึ ตวั  

ข อ ง ข วั ญ แ ห่ ง ชี วิ ต 40 ในทุกอิริยาบถท่ีเกิดข้ึน  ดังพระพุทธเจ้าได้ตรัสสอนหรือย้�ำ  พระภกิ ษวุ า่ ใหม้ คี วามรสู้ กึ ตวั ไมว่ า่ เดนิ ไปขา้ งหนา้ หรอื ถอยหลงั   แลหนา้ หรอื เหลยี วหลงั  คขู้ าหรอื เหยยี ดขา ทรงจวี ร บณิ ฑบาต  กิน  ด่ืม  ถ่ายอุจจาระ  ถ่ายปัสสาวะ  เม่ือยืน  เดิน  น่ัง  นอน  กิน  ด่ืม  ก็มีความรู้สึกตัว  คือมีสัมปชัญญะในทุกอิริยาบถ  นี่เป็นตัวอย่างของการอยู่กับปัจจุบันให้เป็น  ไม่ใช่ว่าท�ำอะไร  ใจกลบั ลอยหรอื ไหลไปที่อน่ื  อย่างน้ีเรยี กวา่ ไม่อย่กู บั ปัจจุบนั คนสว่ นใหญเ่ วลาอยใู่ นอริ ยิ าบถใด ไมร่ สู้ กึ เลยวา่ ปจั จบุ นั   ขณะน้ันเป็นส่ิงส�ำคัญ  ไม่ได้ตระหนักเลยว่าปัจจุบันขณะนั้น  เปน็ เวลาประเสรฐิ สดุ  แทนทใี่ จจะอยกู่ บั ปจั จบุ นั  อยกู่ บั อริ ยิ าบถ  ที่ท�ำในขณะนั้นๆ  กลับลอยไปอดีต  ลอยไปอนาคต  หรือไม่ก ็ ใจก็ไหลไปหาลูก  ไหลไปท่ีท�ำงาน  ไหลไปที่ห้างสรรพสินค้า  พอลอยไปไหลไปซักพักใจก็จม  คือจมอยู่ในอารมณ์  ไม่ว่า โลภะ  โทสะ  หรือโมหะ  ความเศร้า  ความเสียใจ  ความหดหู่  ทอ้ แท ้ เปน็ ตน้  คนทอ่ี ยกู่ บั ปจั จบุ นั ไมเ่ ปน็  ใจจะวนอยใู่ นอาการ  แคส่ ามอยา่ งน ้ี คอื  ใจลอย ใจไหล แลว้ ใจกจ็ ม จมไปในความ  ทุกข์  เสร็จแล้วก็ร่�ำร้องเรียกหาสิ่งต่างๆ  ไม่ว่าเงินทอง  ทรัพย ์ สมบตั  ิ หรอื สง่ิ เสพ เพอ่ื คลายทกุ ขห์ รอื ใหค้ วามสขุ ทางตา ทางหู 

พระไพศาล วิ ส า โ ล 41 ทางจมูก  ทางลิ้น  ทางกาย  แต่ถ้าเราอยู่กับปัจจุบันขณะเป็น  ใจอยกู่ บั ทกุ อริ ยิ าบถทกี่ ำ� ลงั ทำ� กจ็ ะพบความสงบ ความโปรง่ เบา  ได้ง่าย ถ้าหากว่าใจเราอยู่กับปัจจุบัน  ไม่ว่ามีอะไรปรากฏอยู่  ต่อหน้าเรา  ส่ิงน้ันๆ  ก็สามารถสอนธรรมให้แก่เราได้  อย่างท ี่ หลวงปมู่ นั่ เคยพดู กบั สมเดจ็ พระมหาวรี วงศ ์ (อว้ น ตสิ โส) สมเดจ็   ทา่ นนเ้ี ปน็ ผรู้ ใู้ นทางปรยิ ตั ธิ รรม จบประโยค ๖ ทา่ นมคี วามคดิ   ว่า  คนเราจะมีความรู้ทางธรรมได้ต้องเรียนปริยัติธรรมมากๆ  แต่หลวงปู่ม่ันจบแค่นักธรรม  ไม่มีความรู้ด้านบาลี  เอาแต่เดิน  ธดุ งคใ์ นปา่  แตก่ ลบั สอนธรรมะไดล้ กึ ซง้ึ  ตวั ทา่ นเองยงั มคี วามร้ ู ทางธรรมไม่เท่าหลวงปู่ม่ัน  ดังนั้นเม่ือได้พบหลวงปู่ม่ัน  ท่าน  จึงถามหลวงปู่มั่น  ท่านเรียนรู้ธรรมจนสอนพระและญาติโยม  ไดอ้ ยา่ งไร หลวงปมู่ น่ั ตอบสนั้ ๆ วา่  “ธรรมะนนั้ มอี ยทู่ กุ หยอ่ ม  หญ้าส�ำหรับผู้มีปัญญา”  หมายความว่าทุกสิ่งที่ปรากฏแก่เรา  เฉพาะหนา้  ล้วนสามารถสอนธรรมใหแ้ กเ่ ราไดท้ ั้งนน้ั

ข อ ง ข วั ญ แ ห่ ง ชี วิ ต

ข อ ง ข วั ญ ค ื อ ค ว า ม ท ุ ก ข์ ปั จจุบันธรรมเป็นสิ่งส�ำคัญท่ีเราควรใส่ใจ  ไม่ว่าเป็นสิ่งที่ อยเู่ บอ้ื งหนา้ เรา หรอื สงิ่ ทเ่ี กดิ ขนึ้ กบั กายและใจ จะเปน็   บวกหรอื ลบกต็ าม เชน่  อาจเปน็ ทกุ ขเวทนา หรอื สงิ่ ทไี่ มง่ ามกไ็ ด ้ ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นของดีท่ีทำ� ให้เราเห็นธรรมหรือเกิดปัญญาได ้ อันน้ีรวมถึงสิ่งท่ีผู้คนเรียกว่าเคราะห์กรรม  ใครๆ  ก็อยากหนี  ไมอ่ ยากเจอมนั  แตท่ จี่ รงิ แลว้ มนั มคี ณุ คา่ อยา่ งมาก เรยี กไดว้ า่   เปน็ โชคอ�ำพราง และนี้คอื ของขวญั อกี อยา่ งหนง่ึ สำ� หรับเรา

ข อ ง ข วั ญ แ ห่ ง ชี วิ ต 44 คนเรามักอ้าแขนต้อนรับความสุข  แต่ปฏิเสธความทุกข ์ พยายามหนคี วามทกุ ขใ์ หไ้ กลทส่ี ดุ  แตม่ คี วามทกุ ขห์ ลายอยา่ งท ี่ ไม่ว่าเราจะพยายามหนีอย่างไรก็หนีไม่พ้น  ในที่สุดก็ต้องเจอ  แตถ่ า้ เจอแลว้ เรายงั ปฏเิ สธมนั  ไมย่ อมรบั มนั  มนั กจ็ ะบบี คน้ั เรา  ใหท้ กุ ขห์ นกั ขน้ึ  ไมใ่ ชแ่ คท่ กุ ขก์ ายเทา่ นน้ั  แตท่ กุ ขใ์ จดว้ ย ทำ� ให้  พลัดหลงเขา้ ไปในโมหะ ในอวิชชามากขึ้น ความทุกข์น้ันเป็นของขวัญหรือโชคอ�ำพรางตรงท่ีมัน  สามารถผลกั ใหเ้ ราเขา้ หาธรรมและพบสง่ิ ดงี ามในชวี ติ ได ้ ไมว่ า่   ความทุกข์น้ันจะเป็นความเจ็บป่วย  อกหัก  ล้มละลาย  หรือ  เสยี คนรกั ก็ตาม ทา่ นโกเอน็ กา้ ซง่ึ เปน็ วปิ สั สนาจารยค์ นส�ำคญั ทโี่ ลกรจู้ กั ด ี เดิมท่านเป็นนักธุรกิจซึ่งประสบความส�ำเร็จตั้งแต่ยังอายุ  ๓๐  ต้นๆ นอกจากความสำ� เร็จทางธุรกิจแล้ว ยังได้รับการยกย่อง  เป็นผู้น�ำของนักธุรกิจเชื้อสายอินเดียในพม่า  ท่านเป็นนายก  หอการค้าและนายกสมาคมต่างๆ  มากมาย  แต่ท�ำไมท่าน  กลายมาเป็นวิปัสสนาจารย์ที่มีช่ือเสียงท่ัวโลก  มีศูนย์วิปัสสนา  กว่า  ๑๖๐  แห่งในหลายสิบประเทศ  และเป็นผู้ที่ท�ำให้ฝรั่ง 

พระไพศาล วิ ส า โ ล 45 เข้าใจค�ำว่า  “วิปัสสนา”  โดยที่ไม่ต้องแปลเป็นภาษาอังกฤษ  ฝร่ังพอได้ยินค�ำนี้ก็รู้แล้วว่าหมายถึงการท�ำสมาธิภาวนาแบบ  พุทธ  ท่านโกเอ็นก้ามาสนใจธรรมไม่ใช่เพราะอะไรอ่ืน  แต ่ เพราะวา่ ทา่ นเปน็ ไมเกรนอยา่ งแรงถงึ ขน้ั ตอ้ งใชม้ อรฟ์ นี บรรเทา  แม้กระนั้นไมเกรนก็ไม่หาย  แถมติดมอร์ฟีนเข้าไปอีก  ท่าน  ต้องไปรักษาที่ยุโรปและอเมริกา  อาการก็ไม่ดีขึ้น  แค่จะท�ำให ้ ท่านเลิกมอร์ฟีนก็ไม่มีหมอคนไหนช่วยได้  ยังไม่ต้องพูดถึง  การรักษาไมเกรน ความทกุ ข์นัน้ เปน็ ของขวัญหรือโชคอำ� พราง ตรงท่ีมันสามารถผลกั ให้เรา เขา้ หาธรรมและพบสิ่งดงี ามในชีวิตได้

ข อ ง ข วั ญ แ ห่ ง ชี วิ ต 46 ท่ีท่านมาสนใจธรรมะก็เพราะมีคนแนะน�ำว่าถ้าท�ำสมาธ ิ แลว้ ไมเกรนจะหาย ปรากฏวา่ พอทา่ นไปเรยี นสมาธภิ าวนาจาก  ทา่ นอบู าขน่ิ  ซงึ่ เปน็ วปิ สั สนาจารยค์ นสำ� คญั ของพมา่  ไมเกรนก็ หายไปจรงิ ๆ ทา่ นจงึ สนใจการทำ� สมาธแิ บบพทุ ธอยา่ งตอ่ เนอื่ ง  ท้ังๆ  ที่ท่านเป็นชาวฮินดู  ภายหลังก็กลายเป็นผู้ช่วยอาจารย์  แลว้ เปน็ วิปสั สนาจารย์เสยี เอง ถา้ ทา่ นโกเอน็ กา้ ไมเ่ ปน็ ไมเกรน ถา้ ทา่ นมสี ขุ ภาพดเี หมอื น  พวกเราหลายคนในที่น้ีก็คงไม่หันมาหาธรรมะ  ยังคงเพลิด  เพลนิ ในความสำ� เรจ็ ทางธรุ กจิ ของตน เหน็ ไหมวา่ ความเจบ็ ปว่ ย  หรอื ความทุกขส์ ามารถผลักใหเ้ ราเขา้ หาธรรมะได้ หลายคนล้มละลายจากเหตุการณ์วิกฤติปี  ๔๐  ไม่มี  ทางออกไมม่ ที างไป สดุ ทา้ ยกต็ อ้ งเขา้ วดั ปฏบิ ตั ธิ รรม แลว้ กไ็ ด ้ พบวา่  ธรรมะตา่ งหากทเ่ี ปน็ คำ� ตอบของชวี ติ อยา่ งแทจ้ รงิ  ไมใ่ ช่  เงนิ ทอง ไมใ่ ชค่ วามสำ� เรจ็  หลายคนอกหกั จนตอ้ งเขา้ วดั แลว้ ก ็ พบวา่  ธรรมะตา่ งหากทสี่ ามารถเปน็ ทพ่ี ง่ึ ของใจไดอ้ ยา่ งแทจ้ รงิ   ทำ� ใหเ้ ขารจู้ กั รกั ตวั เองอยา่ งถกู ตอ้ ง ไมใ่ ชค่ าดหวงั ความรกั จาก  คนอ่ืน  เมื่อรักตัวเองได้อย่างถูกต้องแล้ว  ก็ไม่แคร์แล้วว่าใคร 

พระไพศาล วิ ส า โ ล 47 จะรกั ฉันหรอื ไมก่ ็ตาม มีแม่คนหนึ่งเศร้าโศกเพราะเสียลูกจนเสียศูนย์  ไม่มี  ทางไปก็เลยมาปฏิบัติธรรม  ในที่สุดธรรมก็สอนให้ตระหนักว่า  ความตายเปน็ ธรรมดาของทกุ ชวี ติ  คนบางคนอายยุ นื  บางคน  อายุสั้น  ท้ังน้ีข้ึนอยู่กับกรรมที่ตนได้ท�ำไว้  เมื่อเห็นความจริง  เชน่ น้ีเธอก็ทำ� ใจได ้ แล้วยง่ิ ไดม้ าปฏิบตั ธิ รรม ไดพ้ บความสงบ  ในจติ ใจ เปน็ ความสงบทไี่ มเ่ คยพบมากอ่ น ทำ� ใหจ้ ติ ใจเปน็ สขุ   ยงิ่ กวา่ ตอนทยี่ งั ไมเ่ สยี ลกู ซะอกี  เธอถงึ กบั พดู วา่  ขอบคณุ ความ  ตายของลูก  ความตายของลูกนับว่าเป็นส่ิงคุ้มค่ามากเพราะ  ท�ำให้แม่ได้มาพบธรรมะ  คงมีแม่ไม่ก่ีคนท่ีจะกล้าพูดแบบน้ ี เพราะความตายของลูกใหญ่หลวงเสมอสำ� หรับแม่ทุกคน ไม่มี  อะไรเทยี บได ้ แตเ่ มอื่ ไดม้ าพบธรรมเพราะความตายของลกู เปน็   แรงผลักดันก็อดขอบคุณลูกไม่ได้  น่ีเป็นตัวอย่างของคนท่ีพบ  ธรรมเพราะความทกุ ข ์ ถา้ ไมเ่ จอทกุ ข ์ ไมพ่ ลดั พรากสญู เสยี  ก็  คงจะไมพ่ บสง่ิ ประเสรฐิ ของชีวิต อย่าว่าแต่ธรรมเลย  แม้กระทั่งความส�ำเร็จทางโลก  ก็  ไม่อาจจะแยกจากความล้มเหลวได้  พวกเราหลายคนคงรู้จัก 

ข อ ง ข วั ญ แ ห่ ง ชี วิ ต 48 สตีฟ  จ็อบส์  ครั้งหนึ่งเขาประสบวิกฤติในชีวิตเพราะว่าถูก  ไล่ออกจากบริษัทที่เขาก่อตั้งคือบริษัทแอปเปิ้ล  เขาก่อต้ัง  บริษัทน้ีขึ้นมากับเพ่ือนโดยเริ่มจากศูนย์  จนกลายเป็นบริษัท  ใหญ่  แล้ววันดีคืนดีเขาก็ถูกไล่ออกมาหลังจากท่ีแอปเปิ้ลได้  กลายเปน็ บรษิ ทั มหาชน เขาเปน็ ทกุ ขม์ ากจากเหตกุ ารณค์ รงั้ นนั้   แต่หลายปีผ่านไปเขาบอกว่า  “การถูกไล่ออกจากแอปเปิ้ล  กลายเป็นส่ิงท่ีดีที่สุดท่ีจะเกิดกับผมได้”  เพราะเหตุการณ์  ครั้งนั้นผลักให้เขาไปทดลองหาประสบการณ์ใหม่ๆ  ในบริษัท  พิกซาร์และเน็กซ์  ซึ่งท�ำให้เขามีประสบการณ์ในเร่ืองการ  ท�ำธุรกิจมากขึ้น ตอนหลังเขาถูกเรียกตัวกลับไปเป็น  CEO  ของแอปเป้ิล คราวนี้เขาทำ� ให้แอปเปิ้ลยิง่ ใหญ่กวา่ เดิม เพราะ  สามารถสร้างสรรค์สินค้าตัวใหม่ๆ ทปี่ ฏิวัติวงการ เช่น iPod,  iPhone  และ  iPad  เขาประสบความส�ำเร็จมากมายท้ังใน  การท�ำงานและในชีวิต  เขาเคยกล่าวว่า  สิ่งดีๆ  เหล่านี้จะ  ไม่เกดิ ข้ึนกบั เขาเลย ถ้าแอปเปลิ้ ไม่ไล่เขาออก

พระไพศาล วิ ส า โ ล 49 ไม่มีใครอยากถูกไล่ออก  แต่ในท่ีสุดการถูกไล่ออกกลับ  กลายเปน็ ของดสี ำ� หรบั  สตฟี  จอ็ บส ์ เขาบอกวา่ ชว่ งทเ่ี ขาหลดุ   จากแอปเปิ้ลไปน้ัน  เป็นช่วงที่เขามีความสร้างสรรค์มากที่สุด  ชว่ งหนงึ่ ของชวี ติ  ดงั นน้ั ใครทถ่ี กู ไลอ่ อกกอ็ ยา่ เสยี ใจ เพราะวา่   นั่นอาจจะเป็นโชคอ�ำพราง  หรือเป็นของขวัญที่น�ำสิ่งดีๆ  มา  ให้แกเ่ รากไ็ ด้ มีนักธุรกิจคนหนึ่งตกใจมากเม่ือรู้ว่าเป็นโรคหัวใจ  เขา  รู้สึกว่านี่เป็นเคราะห์ซ้�ำกรรมซัดเพราะเพิ่งหย่ากับภรรยาได้  ไม่นาน  พอรู้ว่าเป็นโรคร้ายเขาก็พยายามออกก�ำลังกายเป็น  ประจ�ำ  กินอาหารสุขภาพ  ลดเน้ือและไขมัน  แต่ปรากฏว่า  อาการดีขึ้นไม่มากจึงรู้สึกกังวลมาก  วันหน่ึงเขาอ่านพบงาน  วิจัยที่ระบุว่า คนท่ีเปล่าเปลี่ยวอ้างว้างหรือหดหู่ซึมเศร้า  ม ี โอกาสท่ีจะตายเพราะโรคหัวใจภายใน  ๖  เดือน  มากกว่า  คนปกติถึง  ๔  เท่า  เขาอ่านแล้วก็ไม่สบายใจเพราะว่าเขาเอง  ก็มีสภาพดังกล่าวคือ  ใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยว  เก็บตัวเงียบ  ไม่สุงสิงกับใคร  ย่ิงหย่าจากภรรยาด้วยแล้วก็ย่ิงรู้สึกอ้างว้าง  ความกลวั ตายทำ� ใหเ้ ขาพยายามออกไปพบปะผคู้ น ทำ� กจิ กรรม  ตา่ งๆ กับเพ่อื นบ้าน รวมทงั้ เปน็ จิตอาสา ปรากฏว่านอกจาก 


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook