1 แผนการจัดการเรยี นรู้ มุ่งเน้นฐานสมรรถนะและบรู ณาการปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง วชิ า วทิ ยาศาสตรเ์ พื่อพฒั นาอาชีพช่างอุตสาหกรรม(Science for Industry) รหัสวิชา 20000-1302 ท.ป.น. 1:2:2 หลกั สตู รประกาศนยี บตั รวิชาชีพ พทุ ธศกั ราช 2562 ประเภทวิชา ชา่ งอุตสาหกรรม หมวดวชิ า ทักษะชวี ติ กลุม่ วิชา วทิ ยาศาสตร์ จัดทาโดย นางสาวปยิ ธดิ า จนั ทรท์ า ตาแหน่ง ครู พิเศษสอน แผนกวชิ าสามญั สมั พนั ธ์ วทิ ยาลัยการอาชีพบา้ นไผ่ สานักงานคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา กระทรวงศกึ ษาธกิ าร
2 แผนการจัดการเรียนรู้สมรรถนะอาชพี และบรู ณาการหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง รหัสวิชา 20000-1302 วชิ าวิทยาศาสตรเ์ พือ่ พัฒนาอาชีพช่างอตุ สาหกรรม(Science for Industry) จัดทาโดย ชือ่ นางสาวปยิ ธดิ า จนั ทรท์ า วฒุ ิ ปริญญาตรี ครุศาสตรบณั ฑิต วิทยาศาสตร์
3 รายการตรวจสอบและอนญุ าตใหใ้ ช้ วชิ า วทิ ยาศาสตร์เพือ่ พัฒนาอาชพี ช่างอตุ สาหกรรม(Science for Industry) รหสั วิชา 20000-1302 ควรอนญุ าตให้ใชก้ ารสอนได้ ควรปรับปรงุ เกีย่ วกบั ................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ลงชอื่ ..................................................... (นายเกยี รติภมู ิ ซุยโล้น) หัวหนา้ แผนกสามัญสมั พนั ธ์ ............../......................../.................... เหน็ ควรอนุญาตใหใ้ ช้การสอนได้ ควรปรับปรุงดงั เสนอ อื่น ๆ .......................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ลงช่อื ..................................................... (นายเทียนชัย มลู ดามาตย์) รองผู้อานวยการฝา่ ยวชิ าการ ............../......................../.................... อนุญาตให้ใช้การสอนได้ อ่นื ๆ .......................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... วา่ ที่รอ้ ยตรี (จรรยา พาบุ) ผอู้ านวยการวิทยาลัยการอาชีพบ้านไผ่ ............../......................../...................
4 คานา วัตถุประสงค์ 1. มคี วามรู้ความเข้าใจเกย่ี วกับ ปริมาณทางฟิสิกส์ เวกเตอร์ แรง สมดลุ ของวัตถุ การเคลือ่ นท่ี งาน กาลังพลงั งาน คลืน่ 2. มที ักษะการคานวณ การทดลอง สามารถนาไปประยุกต์ใชใ้ นวชิ าชพี และชวี ิตประจาวนั 3. มเี จตคติทีด่ ีต่อวชิ าวิทยาศาสตร์ และกจิ นสิ ัยท่ีดใี นการทางาน แผนการจัดการเรียนรู้ รายวิชา วิทยาศาสตร์เพ่ือพัฒนาอาชีพช่างอุตสาหกรรม(Science for Industry) รหัสวิชา 20000-1302 สาหรับนักเรียนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) หลักสูตร ประกาศนียบัตรวิชาชีพ พุทธศักราช 2562 ประเภทวิชา ช่างอุตสาหกรรม หมวดวิชา ทักษะชีวิต กลุ่มวิชา วทิ ยาศาสตร์ จัดทาขึ้นเพ่ือใช้ประกอบการเรียนการสอน โดยมีจานวนแผนการจัดการเรียนรู้ท้ังหมด 17 แผน เวลาในการเรียน การสอน 17 สัปดาห์ สัปดาห์ท่ี 18 ทาการสอบปลายภาคเรียนของทางวิทยาลัย ผูร้ ายงาน ไดจ้ ัดกิจกรรมการเรียนรู้เพ่ือพัฒนาผู้เรยี นให้มีทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ให้ผู้เรยี นมีพฤติกรรม และ ลักษณะอนั พึงประสงค์ ด้วยกจิ กรรมทหี่ ลากหลายเนน้ ที่ผเู้ รยี นเปน็ สาคญั และบรู ณาการเศรษฐกิจพอเพียง เข้า ไปในแผนการจัดการเรยี นรใู้ นคร้ังน้ีด้วย ขา้ พเจา้ หวงั อย่างยงิ่ วา่ แผนการจัดการเรียนรู้ รายวิชาวิทยาศาสตรเ์ พือ่ พัฒนาอาชีพชา่ งอุตสาหกรรม (Science for Industry) รหัสวชิ า 20000-1302 สาหรบั นักเรยี นระดบั ประกาศนียบตั รวิชาชพี (ปวช.) เล่มน้ี จะเปน็ ประโยชนต์ อ่ การจดั กจิ กรรมการเรียนรขู้ องครูและผู้ที่สนใจต่อไป ขอขอบคุณ ลงชื่อ........................................... (นางสาวปยิ ธดิ า จันทร์ทา) วนั ที่……...เดือน………………….…..พ.ศ 2563
5 สารบัญ หนา้ คานา..................................................................................................................................... 3 สารบญั .................................................................................................................................. 7 คาอธบิ ายรายวิชา.................................................................................................................. 5 แหล่งข้อมลู ในการศกึ ษาค้นคว้า............................................................................................ 6 โครงการจดั การเรยี นรู้............................................................................................................ 7 สมรรถนะย่อยและจุดประสงค์การปฏิบัติ.............................................................................. 8 การรวเิ คราะหค์ วามสาคญั ของเนอ้ื หา.................................................................................... 16 การบรู ณาการหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งในดา้ นการเรยี นการสอน…………………….. 17 19 แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 1 ปรมิ าณทางฟิสกิ ส์ 24 แผนการจดั การเรียนรูท้ ่ี 2 ปรมิ าณทางฟสิ กิ ส์ 29 แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 3 เวกเตอร์ 34 แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 4 แรงและชิดของแรง 38 แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 5 แรงและชดิ ของแรง 43 แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 6 การเคลือ่ นทใ่ี นแนวตรง 48 แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 7 การเคล่ือนที่ในแนวตรง 54 แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 8 โปรเจคไทล์ 58 แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 9 โปรเจคไทล์ 62 แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 10 งาน กาลงั และพลงั งาน 66 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 11 งาน กาลัง และพลงั งาน 70 แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 12 สมดลุ ของวัตถุ 74 แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 13 สมดลุ ของวตั ถุ 78 แผนการจัดการเรยี นร้ทู ่ี 14 คลน่ื และสมบัติของคลืน่ 83 แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 15 คลื่นและสมบัตขิ องคล่นื 88 แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 16 คล่นื แมเ่ หลก็ ไฟฟา้ 93 แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 17 วดั และประเมินผลปลายภาคเรียน การวัดผลประเมนิ ผล
6 คาอธบิ ายรายวชิ า ชอ่ื วชิ า วิทยาศาสตร์เพื่อพัฒนาอาชีพช่างอุตสาหกรรม รหัสวชิ า 20000-1302 ท.ป.น. 1:2:2 จานวนคาบสอน 3 คาบ : สปั ดาห์ ระดบั ชั้น ปวช. จุดประสงค์รายวชิ า เพือ่ ให้ 1. มีความรู้ความเข้าใจเก่ียวกับ ปริมาณทางฟิสิกส์ เวกเตอร์ แรง สมดุลของวัตถุ การเคลื่อนท่ี งาน กาลงั พลงั งาน คลนื่ 2. มีทักษะการคานวณ การทดลอง สามารถนาไปประยุกต์ใช้ในวิชาชีพและชีวิตประจาวนั 3. มีเจตคตทิ ีด่ ีต่อวิชาวทิ ยาศาสตร์ และกจิ นสิ ยั ที่ดใี นการทางาน สมรรถนะรายวิชา 1. แสดงความรู้และปฏิบัติเก่ยี วกับปรมิ าณทางฟสิ กิ ส์ แรง สมดุลของวัตถุและการเคลอื่ นท่ีแบบตา่ ง ๆ 2. แสดงความรูแ้ ละปฏบิ ัตเิ ก่ียวกับหลกั การทางานของคล่ืน และพลังงาน คาอธิบายรายวิชา ศึกษาและปฏิบัติเก่ียวกับ ปริมาณทางฟิสิกส์และเวกเตอร์ แรง การรวมแรงและการแยกแรง การสมดุลของวัตถุ การเคล่ือนที่แนวเส้นตรง การเคล่ือนท่ีแบบโปรเจคไทล์ การเคลื่อนที่แบบวงกลม การเคลอื่ นท่ีแบบฮาร์โมนิกอยา่ งง่าย งาน กาลงั และพลงั งาน คลื่นและสมบตั ิของคลื่น คลื่นแม่เหลก็ ไฟฟ้า
7 แหล่งขอ้ มลู ชอื่ วิชา วิทยาศาสตร์เพ่ือพัฒนาอาชพี ชา่ งอุตสาหกรรม รหสั วชิ า 20000-1302 ท.ป.น. 1:2:2 จานวนคาบสอน 3 คาบ : สัปดาห์ ระดบั ช้นั ปวช. หนว่ ยท่ี ช่อื หน่วย จานวน ทีม่ า คาบ A B C D E F G 1 ปรมิ าณทางฟิสกิ ส์ 6 /////// 2 ปริมาณการเคลื่อนที่เคล่ือนทีแ่ ละการ 9 / / / / / / / เคลื่อนทีใ่ นแนวตรง 3 แรงและการเคลอื่ นที่ 6 /////// 4 การเคล่ือนที่แบบตา่ ง ๆ 9 /////// 5 งานและพลงั งาน 6 /////// 6 โมเมนตแ์ ละสมดุล 6 /////// 7 คลน่ื และสมบัตขิ องคลนื่ 6 /////// 8 คลืน่ แมเ่ หลก็ ไฟฟ้า 3 /////// รวม 54 หมายเหตุ A = หลักสูตรรายวิชา B = ตาราเอกสาร รายวิชา วทิ ยาศาสตรเ์ พ่ือพฒั นาอาชีพชา่ งอตุ สาหกรรม C = แบบเฉลยรายวิชา วทิ ยาศาสตร์เพ่อื พัฒนาอาชพี ชา่ งอุตสาหกรรม D = ประสบการณ์ E = internet F = ส่ือประกอบการสอน รายวิชา วิทยาศาสตร์เพ่อื พฒั นาอาชพี ช่างอตุ สาหกรรม G = ห้องสมดุ
8 โครงการจดั การเรียนรู้ ชอ่ื วชิ า วิทยาศาสตร์เพ่อื พัฒนาอาชพี ช่างอุตสาหกรรม รหสั วิชา 20000-1302 ท.ป.น. 1:2:2 จานวนคาบสอน 3 คาบ : สัปดาห์ ระดับช้นั ปวช. สัปดาหท์ ี่ หน่วยที่ ชอ่ื หนว่ ย/รายการสอน จานวนคาบ 1-2 1 ปริมาณทางฟสิ ิกส์ 6 3-5 2 ปริมาณการเคลอื่ นทเ่ี คลอ่ื นท่ีและการเคลือ่ นทใ่ี นแนวตรง 9 6-7 3 แรงและการเคล่อื นที่ 6 8-10 4 การเคลอื่ นทแี่ บบต่าง ๆ 9 11-12 5 งานและพลังงาน 6 13-14 6 โมเมนต์และสมดุล 6 15-16 7 คล่ืนและสมบัติของคลืน่ 6 17 8 คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า 3 18 3 การวดั ผลประเมนิ ผล 54 รวมเวลา
9 สมรรถนะยอ่ ยและจุดประสงค์การปฏิบัติ ช่อื วิชา วทิ ยาศาสตรเ์ พ่ือพัฒนาอาชพี ช่างอุตสาหกรรม รหสั วิชา 20000-1302 ท.ป.น. 1:2:2 จานวนคาบสอน 3 คาบ : สัปดาห์ ระดับชัน้ ปวช. ชื่อเร่อื ง สมรรถนะยอ่ ยและจดุ ประสงค์การปฏิบัติ 1. ปรมิ าณทางฟิสิกส์ สมรรถนะประจาหนว่ ยการเรยี นรู้ (Physical quantities) แสดงความรู้ โดยการอธิบายเคร่ืองมือวดั หนว่ ยในการวดั ความหมายของ 1. เครื่องมือวดั ปริมาณทางฟิสิกส์ คานวณหาค่าปริมาณทางฟิสิกส์โดยการวัดรูปและใช้สูตร 2. หนว่ ยทใ่ี ชว้ ดั ปรมิ าณ ใช้ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ มีด้านคุณธรรม จริยธรรม/บูรณาการ ต่าง ๆ เศรษฐกิจพอเพียงได้อยา่ งถูกต้องและเหมาะสม 2.1 หน่วยมูลฐาน จดุ ประสงค์การปฏบิ ตั ิ (Performance Objectives) 2.2 หนว่ ยเสริม ดา้ นความรู้ 2.3 หนว่ ยอนุพันธ์ 1. บอกเคร่อื งมอื ที่เหมาะสมในการวัดได้ 2.4 คาอุปสรรค 2. บอกหน่วยในการวดั ท่เี ป็นระบบสากลที่ใช้ในงานชา่ งได้ 3. ปรมิ าณทางฟิสิกส์ 3. แปลงคา่ หน่วยต่าง ๆ และคาอุปสรรคได้ 3.1 ปริมาณทาง 4. อธิบายความหมาย ความแตกต่างระหว่างปริมาณเวกเตอร์และปริมาณ สเกลาร์ (Scalar สเกลาร์ได้ quantity) 5. จัดกลุม่ ของปรมิ าณเวกเตอรแ์ ละปริมาณสเกลาร์ได้ 3.2 ปริมาณทาง 6. บอกเวกเตอร์ ชนิดต่าง ๆ ได้ เวกเตอร์ (Vector 7. คานวณหาค่าปริมาณเวกเตอร์โดยการวาดรปู และการคานวณได้ quantity) 8. คานวณหาปริมาณเวกเตอร์โดยคณู เวกเตอร์แบบ Dot product และ 4. การหาปรมิ าณเวกเตอร์ แบบ Cross product ได้ 4.1 การหาปริมาณ ด้านทักษะ เวกเตอร์โดยการวาดรูป 1. ใช้ทักษะการวดั ระยะทางและการกระจัดได้ 4.2 การหาปรมิ าณ 2. ใช้ทักษะการสงั เกตส่งิ ต่าง ๆ จากการทดลองได้ เวกเตอร์โดยการใช้สูตร 3. ใชท้ ักษะการคานวณหาคา่ ปริมาณเวกเตอร์ ปรมิ าณสเกลาร์ แบบต่าง ๆ กิจกรรม ท่ี 1/1และ1/2 ได้ ปฏบิ ัติ การทดลองท่ี 1 ด้านจติ พสิ ยั เรือ่ ง ปริมาณเวกเตอร์และ มีคุณธรรมจริยธรรมและลักษณะอนั พงึ ประสงคใ์ นการเรยี น/บูรณาการ ปรมิ าณสเกลาร์ เศรษฐกจิ -พอเพยี ง
10 สมรรถนะยอ่ ยและจดุ ประสงค์การปฏบิ ตั ิ ชื่อวชิ า วทิ ยาศาสตร์เพอื่ พฒั นาอาชีพชา่ งอุตสาหกรรม รหัสวิชา 20000-1302 ท.ป.น. 1:2:2 จานวนคาบสอน 3 คาบ : สัปดาห์ ระดบั ชน้ั ปวช. ช่ือเร่อื ง สมรรถนะย่อยและจดุ ประสงค์การปฏบิ ัติ 2. ปริมาณในการ สมรรถนะประจาหน่วยการเรียนรู้ เคลื่อนท่ีและการเคลือ่ นท่ี แสดงความรู้ โดยการอธบิ าย ระยะทาง ระยะกระจัด เวลา อตั ราเร็ว ในแนวตรง ความเรว็ ความเรง่ การเคลอ่ื นที่ในแนวตรง ทัง้ ในแนวราบ แนวดง่ิ 1. ความหมายของ คานวณหาค่าปรมิ าณตา่ ง ๆ ในการเคล่ือนท่ีในแนวราบ ใช้ทักษะกระบวนการ ระยะทาง การกระจัด ทางวิทยาศาสตร์ มีดา้ นคุณธรรม จริยธรรม/บูรณาการเศรษฐกิจพอเพยี งได้ เวลา อตั ราเรว็ ความเรว็ อย่างถูกตอ้ งและเหมาะสม ความเร่ง 2. การหาระยะทาง การ จุดประสงค์การปฏิบัติ (Performance Objectives) กระจดั อัตราเรว็ ด้านความรู้ ความเร็ว และความเรง่ 1. อธบิ ายความหมายของ ระยะทาง การกระจดั เวลา อตั ราเร็ว ความเรว็ 3. การเคล่ือนที่ในแนวราบ ความเรง่ ได้ 4 การเคลอื่ นทใี่ นแนวด่งิ 2. คานวณหาค่าปริมาณ ระยะทาง การกระจัด เวลา อตั ราเร็ว ความเร็ว กิจกรรม ท่ี 2/1และ2/2 ความเรง่ ได้ ปฏิบตั ิ 3. อธบิ ายการเคลือ่ นทใี่ นแนวตรงท้งั ในแนวราบและแนวด่ิงได้ การทดลอง ที่ 2 เรือ่ ง 4. คานวณหาคา่ ปรมิ าณต่าง ๆ ในการเคลอ่ื นท่ีในแนวตรงท้งั ในแนวราบและ การเคล่ือนทใ่ี นแนวตรง แนวดง่ิ ได้ ดา้ นทักษะ 1. ใชท้ กั ษะการสังเกตส่ิงต่าง ๆ จากการทดลองได้ 2. ใช้ทกั ษะการคานวณหาคา่ ต่างๆ ในการเคล่ือนทีใ่ นแนวตรงได้ 3. ใช้ทักษะการทดลองจากการทดลองได้ 4. ใชท้ ักษะการลงความเหน็ จากขอ้ มลู 5. ใชท้ กั ษะการตีความหมายของข้อมูลและสรุปผลการทดลองได้ ดา้ นจติ พสิ ยั มคี ุณธรรมจริยธรรมและลกั ษณะอันพงึ ประสงคใ์ นการเรยี น/บูรณาการ เศรษฐกจิ -พอเพยี ง
11 สมรรถนะยอ่ ยและจุดประสงค์การปฏิบตั ิ ชือ่ วิชา วทิ ยาศาสตรเ์ พื่อพัฒนาอาชพี ชา่ งอุตสาหกรรม รหสั วชิ า 20000-1302 ท.ป.น. 1:2:2 จานวนคาบสอน 3 คาบ : สปั ดาห์ ระดับช้ัน ปวช. ช่อื เรื่อง สมรรถนะยอ่ ยและจดุ ประสงค์การปฏิบตั ิ 3. แรงและการเคลือ่ นที่ สมรรถนะประจาหนว่ ยการเรยี นรู้ 1. แรง สญั ลกั ษณข์ องแรง แสดงความรู้ อธบิ าย มวล น้าหนัก แรงชนดิ ตา่ ง ๆ และแรงเสยี ดทาน กฎ ผลของแรงต่อวตั ถุ นวิ ตัน ท้ัง 3 ข้อ คานวณหาคา่ ปริมาณตา่ ง ๆ เกีย่ วกบั แรง ใชท้ ักษะ 2. ชนิดของแรง กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ มดี ้านคุณธรรม จริยธรรม/บูรณาการเศรษฐกิจ- 3. มวล พอเพยี งไดอ้ ย่างถกู ต้องและเหมาะสม 4. น้าหนกั จุดประสงค์การปฏบิ ัติ (Performance Objectives) 5. การจาแนกประเภท ดา้ นความรู้ ของแรง 1. อธิบายความหมายของ มวล น้าหนกั แรงชนิดต่าง ๆ และแรงเสียดทาน ได้ 6. ประสิทธิภาพของแรง 2. คานวณหา น้าหนกั แรงในกรณีที่แรงกระทาต่อวัตถุในแนวราบ ไม่มีแรง เสยี ดทาน เสยี ดทาน ในแนวราบกรณีมีแรงเสยี ดทาน ในพ้ืนเอียงทัง้ กรณีมีแรงเสยี ด 7. กฎของนวิ ตันท้งั 3 ขอ้ ทาน และไมม่ ี แรงเสยี ดทาน ตามกฎของนวิ ตันได้ 8. แรงเสยี ดทานและแรง 3. อธบิ ายการเกดิ แรงตามกฎของนิวตันท้ังสามขอ้ ได้ เสยี ดทานในชีวิตประจาวัน 4. บอกสว่ นประกอบของวัตถุทที่ าให้การเกิดแรงเสียดทานในชวี ิตประจาวันได้ 1. ประโยชน์และโทษ 5. อธิบายถึงประโยชนแ์ ละโทษของแรงเสียดทานได้ ของแรงเสียดทาน 6. อธิบายถงึ วธิ กี าร ทจี่ ะเพม่ิ และลดแรงเสียดทานได้ 2. การเพม่ิ และลดแรง 7. สามารถเลือกใชอ้ ุปกรณ์ ท่ีจะชว่ ยเพม่ิ และลดแรงเสยี ดทานได้ เสยี ดทาน ด้านทกั ษะ 9. รอก ประเภทต่าง ๆ 1. ใช้ทักษะการวัดได้ แบบฝกึ หัดที่ 3/1 และ 2. ใช้ทักษะการสังเกตสงิ่ ต่าง ๆ จากการทดลองได้ 3/2 3. ใช้ทักษะการคานวณหาคา่ มวล น้าหนัก แรง กฎนิวตัน ได้ ปฏิบัตกิ ารทดลองที่ 3 4. ใชท้ ักษะการต้งั สมมติฐานในการทดลองได้ เรอื่ ง แรงและแรงเสียด 5. ใชท้ ักษะการทดลองจากการทดลองได้ ทาน ด้านจติ พิสยั มีคุณธรรมจริยธรรมและลกั ษณะอนั พึงประสงค์ในการเรยี น/บรู ณาการ เศรษฐกิจ-พอเพยี ง
12 สมรรถนะย่อยและจุดประสงค์การปฏิบัติ ชอื่ วชิ า วิทยาศาสตรเ์ พอ่ื พัฒนาอาชพี ชา่ งอุตสาหกรรม รหสั วิชา 20000-1302 ท.ป.น. 1:2:2 จานวนคาบสอน 3 คาบ : สปั ดาห์ ระดับช้นั ปวช. ชื่อเร่ือง สมรรถนะย่อยและจดุ ประสงค์การปฏบิ ัติ 4. การเคลื่อนที่แบบต่าง ๆ สมรรถนะประจาหน่วยการเรยี นรู้ 1. การเคลอื่ นทแ่ี บบโพรเจกไทล์ แสดงความรู้ โดยการอธิบายลักษณะการเคล่ือนท่ีแบบโพรเจกไทล์ แบบ 1.1 การเคลื่อนท่ีในแนวระดบั วงกลม แบบฮารม์ อนกิ อย่างง่าย ลักษณะต่าง ๆ คานวณหาค่าปรมิ าณต่าง ๆ 1.2 การเคลอื่ นทเี่ มื่อจดุ เร่มิ ตน้ เกย่ี วกบั การเคลื่อนท่ีแบบโพรเจกไทล์ แบบวงกลม แบบฮาร์มอนิกอย่างง่าย และจดุ ใช้ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ มีดา้ นคุณธรรม จรยิ ธรรม/บูรณาการ เศรษฐกิจ-พอเพียงได้อยา่ งถูกต้องและเหมาะสม สุดทา้ ยอยู่ในระดับเดยี วกัน 1.3 การเคล่ือนที่ของวตั ถุทต่ี ก จุดประสงค์การปฏิบตั ิ (Performance Objectives) ดา้ นความรู้ บนพ้นื เอยี ง 2. การเคลื่อนทแ่ี บบวงกลม 2.1 การเคลอ่ื นทเ่ี ป็นวงกลมใน 1. อธบิ ายลกั ษณะการเคล่อื นทีแ่ บบโพรเจกไทล์ลกั ษณะต่าง ๆ ได้ แนวราบ 2. อธิบายลกั ษณะการเคลอ่ื นทแ่ี บบวงกลมลักษณะต่าง ๆ ได้ 2.2 การเคล่อื นที่เป็นวงกลมใน 3. อธบิ ายลักษณะการเคลื่อนท่ีแบบฮารม์ อนกิ อย่างงา่ ย ลักษณะต่าง ๆ ได้ แนวด่งิ 4. คานวณหาค่าต่าง ๆ ในการเคลือ่ นท่แี บบโพรเจกไทล์ ได้ 2.3 การเคล่อื นทแี่ บบกรวย 5. คานวณหาค่าต่าง ๆ ในการเคล่อื นท่ี แบบวงกลม ได้ กลม 6. คานวณหาค่าต่าง ๆ ในการเคลอ่ื นท่ีแบบฮาร์มอนกิ อย่างงา่ ย ได้ 3. การเคล่ือนทแี่ บบฮารม์ อนิ 7. อธบิ ายถงึ ลักษณะการเคล่ือนทีแ่ บบต่าง ๆ ทใ่ี ชใ้ นชีวิตประจาวนั ได้ กอยา่ งงา่ ย ดา้ นทกั ษะ 3.1 การเคลอื่ นของสปรงิ 1. ใชท้ ักษะการวัดได้ เชือก 2. ใชท้ ักษะการสังเกตสิ่งต่าง ๆ จากการทดลองได้ แบบฝกึ หดั ที่ 4/1 และ 4/2 3. ใช้ทกั ษะการคานวณหาค่า ในการเคล่อื นที่แบบต่าง ๆ ได้ ปฏิบัติ 4. ใช้ทกั ษะการต้ังสมมติฐานในการทดลองได้ 1. การทดลองที่ 4 /1 เร่ือง 5. ใช้ทักษะการทดลองจากการทดลองได้ เคลื่อนที่แบบวงกลม 2. การทดลองที่ 4/2 เรือ่ ง การ ด้านจิตพิสัย เคล่อื นทีแ่ บบฮาร์มอนิกอย่าง มีคุณธรรมจรยิ ธรรมและลกั ษณะอันพึงประสงคใ์ นการเรียน/บรู ณาการ งา่ ย เศรษฐกจิ -พอเพียง
13 สมรรถนะย่อยและจดุ ประสงค์การปฏบิ ัติ ชอื่ วิชา วิทยาศาสตร์เพอ่ื พฒั นาอาชพี ช่างอุตสาหกรรม รหสั วชิ า 20000-1302 ท.ป.น. 1:2:2 จานวนคาบสอน 3 คาบ : สัปดาห์ ระดบั ชั้น ปวช. ชื่อเร่ือง สมรรถนะยอ่ ยและจุดประสงค์การปฏบิ ตั ิ 5. งาน พลงั งาน กาลัง สมรรถนะประจาหนว่ ยการเรยี นรู้ 1. งาน แสดงความรู้ โดยการอธิบายลักษณะการเกิดพลังงานจลน์ พลังงานศักย์ 2. พลังงาน โนม้ ถ่วง พลังงานศกั ยย์ ดื หย่นุ กาลัง ประสิทธภิ าพของเคร่ืองกล การเปลย่ี นรูป 2.1 พลงั งานศกั ย์ พลังงาน การอนุรักษ์พลงั งานและการนาไปใชใ้ นชีวิตประจาวัน คานวณหาค่า 2.1.1 พลังงานศักย์โนม้ ปริมาณต่าง ๆ เก่ียวกับพลังงาน กาลัง ประสิทธิภาพของเคร่ืองกล ใช้ทักษะ ถ่วง กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ มีด้านคุณธรรม จรยิ ธรรม/บูรณาการเศรษฐกิจ- 2.1.2 พลงั งานศักยใ์ น พอเพียงไดอ้ ย่างถกู ต้องและเหมาะสม สปรงิ 2.2 พลังงานจลน์ จดุ ประสงค์การปฏบิ ัติ (Performance Objectives) 4. กาลงั ดา้ นด้านความรู้ 1. อธบิ ายความหมายของงานและคานวณการหาค่างานในแบบต่าง ๆ ได้ 5. การอนุรกั ษ์พลังงาน 6. ประสทิ ธภิ าพของเครือ่ งกล 2. อธบิ ายลกั ษณะการเกิดพลงั งานจลน์ พลงั งานศักย์ พลงั งานศกั ย์โน้มถว่ ง แบบฝึกหัดท่ี 5/1 และ 5/2 และ พลังงานศกั ยย์ ดื หยนุ่ ปฏบิ ตั ิ 3. คานวณหาคา่ พลงั งานจลน์และพลงั งานศักยไ์ ด้ 4. คานวณหาค่ากาลงั ในแบบต่าง ๆ ได้ 5. อธิบายการเปล่ียนรูปพลังงาน การอนุรกั ษ์พลงั งานได้ การทดลองที่ 5 เรอ่ื ง การ 6. คานวณหาประสทิ ธิภาพของเครอ่ื งกลได้ อนรุ กั ษ์พลงั งาน 7. อธิบายไดว้ า่ งาน พลังงาน และกาลงั นาไปใช้ในชีวิตประจาวัน อยา่ งไร ด้านทักษะ 1. ใช้ทกั ษะการวดั ได้ 2. ใช้ทกั ษะการสงั เกตสง่ิ ต่าง ๆ จากการทดลองได้ 3. ใชท้ กั ษะการคานวณหาคา่ ในการเคลอ่ื นท่แี บบตา่ ง ๆ ได้ ดา้ นจติ พสิ ยั มีคุณธรรมจริยธรรมและลกั ษณะอันพึงประสงคใ์ นการเรียน/บูรณาการ เศรษฐกิจ-พอเพยี ง
14 ช่ือเร่อื ง สมรรถนะยอ่ ยและจดุ ประสงค์การปฏบิ ตั ิ 6. โมเมนต์และสมดลุ ชอ่ื วิชา วทิ ยาศาสตร์เพอื่ พัฒนาอาชพี ช่างอตุ สาหกรรม 1. สภาพสมดุลจลน์ สภาพ สมดุลสถติ รหสั วชิ า 20000-1302 2. สมดลุ ต่อการเลอื่ นตาแหน่ง ท.ป.น. 1:2:2 จานวนคาบสอน 3 คาบ : สัปดาห์ ระดับชั้น ปวช. 3. สมดุลตอ่ การหมุน 4. เสถยี รภาพของสมดุล สมรรถนะยอ่ ยและจดุ ประสงค์การปฏิบตั ิ 5. โมเมนต์ สมรรถนะประจาหน่วยการเรียนรู้ 6. จดุ ศนู ย์กลางมวล 7. จุดศูนยถ์ ่วง แสดงความรู้ โดยการอธิบายลักษณะการเกิดพลังงานจลน์ พลังงานศักย์ โนม้ ถ่วง พลงั งานศกั ย์ยดื หยุ่น กาลงั ประสิทธิภาพของเคร่ืองกล การเปลย่ี นรปู แบบฝกึ หดั ท่ี 6/1 และ 6/2 พลังงาน การอนรุ กั ษพ์ ลงั งานและการนาไปใชใ้ นชีวติ ประจาวนั คานวณหาคา่ ปรมิ าณต่าง ๆ เกี่ยวกบั พลังงาน กาลงั ประสิทธิภาพของเครอ่ื งกล ใช้ทักษะ ปฏบิ ตั ิ กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ มีด้านคุณธรรม จริยธรรม/บูรณาการเศรษฐกิจ- การทดลอง ที่ 6 เร่อื ง พอเพียงได้อยา่ งถูกต้องและเหมาะสม สมดลุ ของคาน จดุ ประสงค์การปฏิบัติ (Performance Objectives) ดา้ นความรู้ 1. อธบิ ายความหมายของ สภาพสมดลุ แบบต่าง ๆ เสถยี รภาพสมดุล โมเมนต์ จดุ ศนู ย์กลางมวล จดุ ศูนยถ์ ว่ ง ได้ 2. คานวณหาค่า สภาพสมดุลแบบตา่ ง ๆ โมเมนต์ จุดศนู ย์กลางมวล จุดศูนยถ์ ่วง ได้ 3. อธิบายการใช้สภาพสมดุล เสถยี รภาพสมดลุ โมเมนต์ จุดศูนย์กลางมวล จดุ ศูนย์ถ่วง ไปใชใ้ นชวี ติ ประจาวนั ได้ ด้านทักษะ 1. ใชท้ ักษะการวดั ได้ 2. ใชท้ กั ษะการสังเกตส่ิงต่าง ๆ จากการทดลองได้ 3. ใช้ทกั ษะการคานวณหาคา่ สภาพสมดุล โมเมนต์ จุดศูนย์กลางมวล จุดศูนยถ์ ว่ ง ได้ ดา้ นจติ พสิ ยั มคี ุณธรรมจริยธรรมและลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ในการเรยี น/บูรณาการ เศรษฐกจิ -พอเพยี ง
15 ชอื่ เรื่อง สมรรถนะยอ่ ยและจุดประสงค์การปฏิบตั ิ 7. คลน่ื และสมบตั ขิ องคลืน่ ชอ่ื วชิ า วทิ ยาศาสตร์เพอ่ื พัฒนาอาชพี ชา่ งอตุ สาหกรรม 1. ความหมายของคล่นื 2. การจาแนกประเภทของคลน่ื รหัสวชิ า 20000-1302 ใชต้ ัวกลาง ในการแผ่ ท.ป.น. 1:2:2 จานวนคาบสอน 3 คาบ : สปั ดาห์ ระดับชน้ั ปวช. และตามแหล่งกาเนิด 3. ส่วนประกอบของคลนื่ สมรรถนะยอ่ ยและจุดประสงค์การปฏิบตั ิ 4. เฟสตรงกัน เฟสตรงกนั ข้าม สมรรถนะประจาหน่วยการเรยี นรู้ 5. ความเขม้ ของเสียง 6. คณุ สมบตั ขิ องคลน่ื แสดงความรู้ โดยการอธิบายลกั ษณะการเกิดคลนื่ ส่วนประกอบของคลืน่ สมบัตขิ องคลืน่ คานวณหาค่าปริมาณตา่ ง ๆ เกย่ี วกบั คล่นื ใช้ทักษะ - การสะทอ้ น กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ มดี ้านคุณธรรม จริยธรรม/บรู ณาการเศรษฐกิจ- - การหกั เห พอเพียงได้อยา่ งถูกตอ้ งและเหมาะสม - การแทรกสอด - การเล้ยี วเบน จุดประสงค์การปฏบิ ัติ (Performance Objectives) ดา้ นความรู้ แบบฝกึ หดั ที่ 7/1 และ 7/2 1. อธบิ าย ความหมายของ คล่นื ได้ 2. อธิบาย การจาแนกประเภทของคลน่ื ใช้ตวั กลางในการแผ่ และการสั่นของ ปฏบิ ตั ิ การทดลองท่ี 7 คลนื่ ตาม ตวั กลางได้ 3. อธบิ ายสว่ นประกอบของคลน่ื ได้ ขวางและคลน่ื ตามยาว 4. อธบิ าย เฟสตรงกนั และเฟสตรงกนั ขา้ ม ได้ 5. อธิบาย ความเขม้ ของเสียง ระดับความเข้มของเสียงได้ 6. สามารถเลือกสถานท่ี ท่ีมีความเขม้ ของเสยี ง เหมาะสมในการดาเนนิ ชีวิตได้ 7. อธิบายคุณสมบตั ขิ องคลน่ื การสะทอ้ น การหักเห การแทรกสอด การ เล้ยี วเบนได้ 8. การคานวณหาค่าปรมิ าณต่าง ๆ ของคลื่นได้ 9. อธบิ ายความสมั พนั ธข์ องคา่ ตา่ ง ๆ ของคลืน่ ได้ 10. อธิบายคลนื่ ชนิดตา่ ง ๆ ในในชวี ติ ประจาวันได้ ด้านทักษะ 1. ใช้ทกั ษะการวดั คา่ ตา่ ง ๆ ได้ 2. ใช้ทกั ษะการสงั เกตสิ่งต่าง ๆ จากการทดลองได้ 3. ใชท้ กั ษะการคานวณหาคา่ ต่าง ๆ ของคล่ืน ได้ ด้านจิตพิสยั มคี ุณธรรมจรยิ ธรรมและลกั ษณะอนั พึงประสงคใ์ นการเรียน/บูรณาการ เศรษฐกิจ-พอเพียง
16 สมรรถนะย่อยและจดุ ประสงค์การปฏิบัติ ชื่อวิชา วิทยาศาสตร์เพอ่ื พฒั นาอาชีพชา่ งอุตสาหกรรม รหสั วิชา 20000-1302 ท.ป.น. 1:2:2 จานวนคาบสอน 3 คาบ : สปั ดาห์ ระดบั ชั้น ปวช. ชอื่ เรอ่ื ง สมรรถนะยอ่ ยและจุดประสงค์การปฏิบัติ 8. คล่ืนแม่เหล็กไฟฟ้า สมรรถนะประจาหน่วยการเรียนรู้ 1. แมเ่ หล็ก แสดงความรู้ โดยการอธิบายลักษณะการเกิดแม่เหล็ก สนามแม่เหล็กและ 2. สนามแม่เหลก็ คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าแบบต่าง ๆ ประโยชน์และโทษ ของคล่ืนแม่เหล็กไฟฟ้า 3. คลนื่ แม่เหล็กไฟฟ้า คานวณหาค่าปริมาณต่าง ๆ เกี่ยวกับคล่ืน ใช้ทักษะกระบวนการทาง 4. สเปกตรัมของคลน่ื วทิ ยาศาสตร์ มีด้านคุณธรรม จริยธรรม/บูรณาการเศรษฐกจิ -พอเพียงได้อย่าง แมเ่ หล็กไฟฟ้า ถูกตอ้ งและเหมาะสม 5. คลน่ื วิทยุโทรทัศน์ จุดประสงค์การปฏบิ ตั ิ (Performance Objectives) 6. คลนื่ ไมโครเวฟ ดา้ นความรู้ 7. รงั สอี นิ ฟราเรด 1. มีความรู้และเขา้ ใจพน้ื ฐานของคลืน่ แมเ่ หลก็ ไฟฟ้า ได้ 8. แสง เลเซอร์ 2. บอกลักษณะการเกิด แม่เหล็ก สนามแม่เหล็กและคล่ืนแม่เหล็กไฟฟ้าแบบ 9. รังสอี ัลตราไวโอเลต 10. รังสเี อกซ์ ต่าง ๆ ได้ 11. รังสแี กมมา 3. อธบิ ายช่วงสเปกตรมั ของคล่ืนแม่เหลก็ ไฟฟา้ ได้ 4. อธบิ ายถึงประโยชน์และโทษของคลน่ื แม่เหลก็ ไฟฟ้า ได้ แบบฝึกหัดท่ี 8/1 และ 8/2 ด้านทักษะ 1. ใช้ทกั ษะการสังเกตสิ่งตา่ ง ๆ จากการทดลองได้ 2. ใชท้ กั ษะการตง้ั สมมติฐานในการทดลองได้ ปฏบิ ัติ 3. ใช้ทักษะการทดลองจากการทดลองได้ การทดลองท่ี 8 เรอื่ ง การ 4. ใช้ทักษะการลงความเห็นจากขอ้ มูล และสรุปผลการทดลองได้ ผสมแสงสี 5. ใช้ทักษะการจดั ทาและส่ือความหมายขอ้ มูลได้ 6. ใชว้ ธิ กี ารทางวทิ ยาศาสตรท์ ั้ง 5 วธิ ี ไดอ้ ย่างถูกต้อง ด้านจิตพสิ ยั มคี ุณธรรมจริยธรรมและลักษณะอนั พงึ ประสงค์ในการเรยี น/บรู ณาการ เศรษฐกิจ-พอเพยี ง
17 การรวิเคราะห์ความสาคัญของเนอื้ หา ชื่อวิชา วทิ ยาศาสตร์เพ่ือพัฒนาอาชีพชา่ งอุตสาหกรรม รหัสวชิ า 20000-1302 ท.ป.น. 1:2:2 จานวนคาบสอน 3 คาบ : สปั ดาห์ ระดับชั้น ปวช. พฤติกรรม พทุ ธพิ สิ ยั (60 %) ช่ือหนว่ ย ความรู้ จติ ความเข้าใจ พิสยั การนาไปใ ้ช ( 20 วิเคราะห์ สังเคราะห์%) ประเ ิมน ่คา ทักษะพิ ัสย( 20 %) รวม จานวนคาบ 1. ปรมิ าณทางฟิสกิ ส์ 7 7 5 5 5 4 8 8 49 6 2.ปรมิ าณการเคลอ่ื นท่ี เคล่อื นทแ่ี ละการเคลือ่ นที่ใน 9 9 9 9 7 6 10 10 69 9 แนวตรง 3.แรงและการเคลื่อนที่ 7 7 5 5 5 4 8 8 49 6 4.การเคลอื่ นที่แบบต่าง ๆ 9 9 9 9 8 8 10 10 72 9 5.งานและพลงั งาน 7 7 5 5 5 4 8 8 49 6 6.โมเมนตแ์ ละสมดุล 7 7 5 5 5 4 8 8 49 6 7.คล่ืนและสมบัติของคลื่น 7 7 5 5 5 4 8 8 49 6 8.คล่ืนแมเ่ หล็กไฟฟ้า 3 3 3 3 3 3 5 2 25 3 รวม 56 56 46 46 43 37 65 62 411 หมายเหตุ สูตรทใ่ี ชใ้ นการคานวณ W TP สาคัญมาก 8-10 จานวนชวั่ โมง = TW สาคัญปานกลาง 5-7 สาคัญนอ้ ย 1-4 W = น้าหนกั รวมในแต่ละหนว่ ย TP = จานวนคาบทั้งหมด TW = นา้ หนกั รวม
18 แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 1 บทท่ี 1 ชือ่ วิชา วทิ ยาศาสตรเ์ พอ่ื พฒั นาอาชีพช่างอุตสาหกรรม เวลาเรียนรวม 6 คาบ ชือ่ หน่วย ปริมาณทางฟสิ กิ ส์ สอนคร้งั ที่ 1/17 ช่ือเรอ่ื ง หน่วยในการวดั จานวน 3 คาบ หัวขอ้ เร่ือง 1.1 เครื่องมือในการวดั 1.2 ปริมาณทางฟสิ กิ ส์ 1.3 หนว่ ยทใี่ ชว้ ัด สาระสาคญั /แนวคดิ สาคัญ เคร่ืองมือในการวัด มีหลากหลายชนิด ควรเลือกใช้งานให้เหมาะสม เช่น นาฬิกาวัด เป็นเคร่ืองมือวัด เอนกประสงค์ คาลิปเปอร์วัดในแบบใช้ความฝืด วัดความกว้างภายในชิ้นงาน ไมโครมิเตอร์ ใช้วัดช้ินงานได้ อย่างละเอียด เวอร์เนียร์คาลิปเปอร์ อ่านค่าแบบสเกล ใช้วดั ชิ้นงานที่เป็นของแข็ง เป็นต้น ปริมาณทางฟิสิกส์ แบง่ เป็นปรมิ าณสเกลาร์ (Scalar quantity) เป็นปรมิ าณท่ีบอกเพยี งขนาดเพยี งอย่างเดียว เชน่ ระยะทาง เวลา มวล ปริมาตร ความหนาแน่น เป็นต้น ส่วนปริมาณเวกเตอร์ (Vector quantity) เป็นปริมาณท่ีบอกทั้งขนาด และทิศทาง เช่น การกระจัด ความเร่ง แรง เป็นต้น หน่วยที่ใช้วัดปริมาณต่าง ๆ หน่วยในการวัดทาง วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ใช้ระบบมาตรฐานระหวา่ งชาติ ประกอบดว้ ย หนว่ ยมลู ฐาน หน่วยฐาน หรอื หนว่ ย รากฐาน หน่วยอนุพันธ์ คาอุปสรรค ใช้เขียนแทนค่าหน่วยมูลฐาน หน่วยอนุพันธ์ท่ีมคี ่ามากหรือน้อยเกินไป ใหอ้ ยูใ่ นรปู ตัวเลขคูณด้วยเลขสิบยกกาลังบวกหรอื ลบ สมรรถนะ 1. หาค่าคาอุปสรรค ปริมาณเวกเตอร์ ปริมาณสเกลลาร์ ไดอ้ ยา่ งถูกต้อง 2. บอกเครอื่ งมอื ในการวดั หนว่ ยในการวัด ปรมิ าณเวกเตอร์ ปริมาณสเกลลาร์ ได้อยา่ งเหมาะสม 3. ใช้ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ได้อย่างเหมาะสม จุดประสงค์การเรยี นรู้ จุดประสงค์ท่ัวไป 1. เพื่อให้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเคร่ืองมือท่ีใช้ในการวดั วิธีการวัดหาค่าต่าง ๆ การแปลง คา่ หนว่ ยคาอุปสรรค ปริมาณเวกเตอรช์ นดิ ต่าง ๆ 2. เพ่ือให้มีความรู้ความ เข้าใจเกี่ยวกบั การหาปรมิ าณสเกลาร์ ปรมิ าณเวกเตอร์ 3. เพื่อให้มีทักษะการทดลอง เร่ือง การหาปริมาณเวกเตอร์และปริมาณสเกลาร์ โดยใช้ กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ 4. เพอื่ สร้างกิจนิสัยใหแ้ สดงพฤตกิ รรมด้านคุณธรรมจริยธรรมและคา่ นิยม ท่ีพึงประสงค์ จุดประสงคเ์ ชิงพฤตกิ รรม ด้านความรู้
19 6. บอกเครื่องมือท่เี หมาะสมในการวดั ได้ 7. บอกหนว่ ยในการวดั ทเ่ี ปน็ ระบบสากลท่ีใช้ในงานช่างได้ 8. แปลงค่าหน่วยต่าง ๆ และคาอุปสรรคได้ 9. อธิบายความหมาย ความแตกต่างระหวา่ งปริมาณเวกเตอร์และปริมาณสเกลาร์ได้ 10. จดั กลุ่มของปริมาณเวกเตอร์และปรมิ าณสเกลาร์ได้ 11. บอกเวกเตอร์ ชนิดตา่ ง ๆ ได้ ด้านทกั ษะ 12. ใชท้ กั ษะการวัดระยะทางและการกระจัดได้ 13. ใชท้ กั ษะการสังเกตส่ิงต่าง ๆ จากการทดลองได้ 14. ใช้ทักษะการตง้ั สมมติฐานในการทดลองได้ 15. ใช้ทกั ษะการทดลองจากการทดลองได้ 16. ใชท้ กั ษะการลงความเห็นจากขอ้ มลู และสรุปผลการทดลองได้ 17. ใชท้ ักษะการจัดทาและสือ่ ความหมายขอ้ มูลได้ ด้านจติ พิสยั มคี ุณธรรมจรยิ ธรรมและลกั ษณะอันพึงประสงค์ในการเรยี น เนือ้ หาสาระ ในหนงั สือเรียน วิชา วทิ ยาศาสตร์เพ่ือพัฒนาอาชีพช่างอุตสาหกรรม(Science for Industry)รหสั วิชา 20000-1302 หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ พุทธศักราช 2562ประเภทวิชา ช่างอุตสาหกรรมหมวดวิชา ทกั ษะชวี ติ กลุ่มวิชา วทิ ยาศาสตร์ รวบรวมโดย นายเกียรติภูมิ ซุยโล้นบทท่ี 1 เรื่อง ปริมาณทางฟสิ กิ ส์ กิจกรรมการเรยี นรู้ กจิ กรรมครู กิจกรรมนกั เรียน ครูทบทวนคณติ ศาสตร์ทีเ่ ปน็ พน้ื ฐาน ฟังทาความเข้าใจ ของการเรยี นในบทนี้ เรอื่ ง เลขยกกาลงั และมุมพืน้ ฐาน (10 นาที) 1. แจกแบบทดสอบก่อนเรียน (20 นาที) 1. ทาแบบทดสอบก่อนเรียน ให้นักเรียนทาแบบทดสอบก่อนเรียน 20 ข้อ นกั เรียนทกุ คนทาแบบทดสอบ ก่อนเรยี น เปน็ ขอ้ สอบแบบปรนยั ชนิด 4 ตวั เลือก จานวน 20 ข้อ ใชเ้ วลา 20 นาที 2. นาเขา้ สู่บทเรียน (10 นาท)ี 2.นาเขา้ สู่บทเรยี น ใช้ชดุ เสริมทกั ษะ กลวิทยาศาสตร์ นักเรียน เปล่ียนกนั วดั ตามทค่ี รแู นะนา (Science show) เร่อื ง รา่ งกายกบั การวัด และตอบคาถามตามทตี่ นเองเขา้ ใจ โดยครูทาเปน็ ตวั อย่างและใหน้ ักเรียนปฏบิ ตั ติ าม 3. ข้นั เรียน 3. ข้ันสอน (140 นาท)ี ฟังและบนั ทกึ การเรยี น คิดตามครู ตอบ ผู้สอนให้เน้ือหาตามใบความรู้พรอ้ มท้ัง อธบิ ายประกอบหัวขอ้ เครอื่ งมอื ในการวัด หนว่ ย คาถามเท่าท่ที ราบ ร่วมสนทนาอภปิ ราย ทีใ่ ช้วัดปริมาณต่าง ๆ หน่วยมลู ฐาน หนว่ ยเสรมิ แสดงความคิดเห็น
20 หน่วยอนุพนั ธ์ และคาอุปสรรค ปรมิ าณฟสิ ิกส์ แยกเปน็ ปริมาณสเกลาร์ (Scalar quantity) และปรมิ าณเวกเตอร์ (Vector quantity) การหา 4. ข้นั สรุปเนือ้ หา 10 นาที สรุปเนอื้ หาท่เี รียน เรอื่ ง เครื่องมือในการวดั หน่วยทางฟสิ กิ ส์ ปริมาณฟิสกิ ส์ และการหาปริมาณ 4. ข้นั สรุป ร่วมกนั อธปิ รายและสรปุ เรอื่ ง เคร่อื งมอื เวกเตอร์ ในการวัด หนว่ ยทางฟสิ กิ ส์ ปรมิ าณทางฟสิ ิกส์ และการหาปริมาณเวกเตอร์ ส่ือการเรียนรู้ 1. แบบทดสอบก่อนเรียนที่ 1 2. เฉลยแบบทดสอบกอ่ นเรยี นที่ 1 3. หนงั สอื เรียน ที่รวบรวมโดย นางศวิ รกั ษ์ บญุ ประเสรฐิ 4. แบบเฉลยงานที่ 1/1 และ 1/2 5. PowerPoint แผ่นท่ี 1/1 - 1/30 6. Internet (http://rumtphysicscom) 7. แบบสังเกตพฤตกิ รรมที่ 1 8. ชดุ เสรมิ ทกั ษะ กลวิทยาศาสตร์ (Science show) ท่ี 1 โดยมีอปุ กรณ์ดงั นี้ เส้นด้าย หรอื เส้นเชือกฟาง ยาว 2 เมตร แหล่งเรยี นรู้ 1. ห้องเรียนวิทยาศาสตร์ 2. ห้องสมดุ วิทยาลัยเทคนคิ นครสวรรค์ 3. ห้องคอมพิวเตอร์ การวดั ผลและประเมินผล 1.เครอื่ งมือวัดผล 1.1 แบบฝึกหัดท่ี 1/1 และ 1/2 1.2 แบบสังเกตพฤตกิ รรมขณะเรียนที่ 1 2. วธิ วี ดั ผล 2.1 ตรวจแบบทดสอบก่อนเรยี น ที่ 1 2.2 ตรวจแบบฝึกหัด ท่ี 1/1 และ 1/2 2.3 การสังเกตพฤตกิ รรม ขณะเรียนท่ี 1 3. เกณฑ์การประเมินผล ประเมินจากการทากจิ กรรมระหว่างเรียน เกณฑ์ผ่านรอ้ ยละ 60 ข้นึ ไป เอกสารอ้างองิ กระทรวงศกึ ษาธกิ าร. หนงั สือเรียนวิทยาศาสตรช์ า่ งอตุ สาหกรรม เล่ม 1-2-3. ระดบั ประกาศนยี บตั ร
21 วิชาชพี . กรงุ เทพฯ: ครุ ุสภา, 2535. จกั รินทร์ วรรณโพธ์กลาง.รวมสดุ ยอดเทคนิค ฟิสิกส์ Entrance. กรุงเทพฯ: สานกั พมิ พพ์ ฒั นา ศึกษา, 2544.
22 บันทึกหลงั การสอน 1. ผลการใชแ้ ผนการจดั การเรียนรู้ .............................................................................................................................................................................. ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................... .............................................................................................................................................................................. 2. ผลการเรียนของนักเรียน/ผลการสอนของคร/ู ปัญหาท่พี บ .............................................................................................................................................................................. ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................... .............................................................................................................................................................................. 3. แนวทางการแก้ปญั หา .............................................................................................................................................................................. ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................... ..............................................................................................................................................................................
23 แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 2 บทท่ี 1 ชอื่ วชิ า วทิ ยาศาสตร์เพื่อพัฒนาอาชพี ชา่ งอตุ สาหกรรม เวลาเรยี นรวม 6 คาบ ชอื่ หน่วย ปรมิ าณทางฟิสกิ ส์ สอนคร้งั ท่ี 2./17 ชื่อเร่อื ง การหาปริมาณเวกเตอรโ์ ดยการวาดรูปและโดยการคานวณ จานวน 3 คาบ หวั ข้อเรอ่ื ง การหาปริมาณเวกเตอร์โดยการวาดรปู และโดยการคานวณ สาระสาคัญ/แนวคิดสาคญั การหาปริมาณเวกเตอร์ โดยการวาดรูปหลักการคือ นาหางลูกศรเวกเตอร์มาต่อกับหัวลูกศรของ เวกเตอร์กอ่ นหนา้ น้ตี ามลาดับจนหมด และโดยการคานวณ เนื่องจากการหาปรมิ าณเวกเตอรโ์ ดยการวาดรปู จะ ขาดความแมน่ ยา แตม่ ีวิธีทีส่ ามารถหาปรมิ าณเวกเตอร์ไดแ้ มน่ ยาขึ้น โดยการใช้วธิ ีการคานวณ สมรรถนะ 1. คานวณหาคา่ ปริมาณเวกเตอร์ โดยการวาดรูปแลโดยการคานวณได้อยา่ งถกู ตอ้ ง 2. ใชท้ ักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรไ์ ดอ้ ย่างเหมาะสม จุดประสงค์การเรียนรู้ จุดประสงค์ทั่วไป 1 เพ่อื ให้มีความร้คู วาม เขา้ ใจเก่ียวกับ การหาปริมาณเวกเตอร์ 2. เพ่ือให้มีทักษะการทดลอง เร่ือง การหาปริมาณเวกเตอร์และปริมาณสเกลาร์ โดยใช้ กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ 3. เพ่อื สร้างกิจนิสัยใหแ้ สดงพฤตกิ รรมด้านคุณธรรมจรยิ ธรรมและคา่ นยิ มที่พึงประสงค์ จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม ด้านความรู้ 1. คานวณหาค่าปรมิ าณเวกเตอรโ์ ดยการวาดรปู และการคานวณได้ ดา้ นทักษะ 1. ใชท้ ักษะการวดั ระยะทางและการกระจดั ได้ 2. ใช้ทกั ษะการสังเกตสงิ่ ต่าง ๆ จากการทดลองได้ 3. ใช้ทักษะการคานวณหาค่าปริมาณเวกเตอร์ ปรมิ าณสเกลาร์ แบบตา่ ง ๆ ได้ 4. ใชท้ กั ษะการตงั้ สมมติฐานในการทดลองได้ 5. ใชท้ ักษะการทดลองจากการทดลองได้ 6. ใชท้ กั ษะการลงความเหน็ จากข้อมลู และสรปุ ผลการทดลองได้ 7. ใชท้ กั ษะการจัดทาและสือ่ ความหมายขอ้ มลู ได้ ด้านจิตพสิ ัย มคี ณุ ธรรมจริยธรรมและลกั ษณะอนั พึงประสงคใ์ นการเรยี น
24 เนอ้ื หาสาระ ในหนังสือเรียน วิชา วิทยาศาสตร์เพ่ือพัฒนาอาชพี ช่างอุตสาหกรรม(Science for Industry)รหสั วิชา 20000-1302 หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ พุทธศักราช 2562ประเภทวิชา ช่างอุตสาหกรรมหมวดวิชา ทกั ษะชีวิต กลุ่มวชิ า วิทยาศาสตร์ รวบรวมโดย นายเกียรติภูมิ ซุยโลน้ บทท่ี 1 เร่ือง ปริมาณทางฟิสิกส์ กจิ กรรมการเรยี นการสอน กจิ กรรมนักเรียน กจิ กรรมครู 1. นาเข้าสบู่ ทเรยี น นกั เรียนตอบคาถาม 1. นาเข้าสบู่ ทเรียน (10 นาท)ี ครูใหน้ ักเรยี น 2 คน ออกมาหน้าหอ้ ง ให้คนหนง่ึ เดนิ 2. ขนั้ เรยี น 2.1 ฟงั และคิดตามครู ตอบคาถาม เปน็ เสน้ ตรง หนา้ ห้องเรียน จากด้านหน่งึ ไปอีกด้านหนงึ่ เทา่ ที่ทราบ ร่วมสนทนาอภิปราย ของหนา้ กระดาน อีกคนหน่ึงเดินรอบห้องเรียนแลว้ แสดงความคิดเหน็ กลบั มาที่เดิม ใหน้ กั เรียนตอบว่าการเดนิ ท้ังสองแบบแบบ 2.2 ปฏบิ ตั ติ ามการทดลองที่ 1 ใดมีการกระจัดมากทส่ี ุด และบันทกึ ลงในแบบบันทึก 2. ขน้ั สอน (140 นาที) ผลการทดลอง 2.3 รว่ มกันอธปิ รายและสรปุ 2.1 ผ้สู อนให้เนอื้ หาหวั ข้อเรอื่ ง การหาปริมาณ ผลการทดลอง เวกเตอร์โดยการคานวณ การบวกลบเวกเตอร์ โดยการ 2.4 ทาตามใบมอบหมายงานที่ 1/1 วาดรปู และการใช้สูตร และ 1/2 และนามาส่งในครงั้ ตอ่ ไป 2.2 ให้นกั เรยี นจดั แบ่งกลุ่มกลุ่มละ 5-6 คน และ 3. ขัน้ สรุป ใหน้ กั เรียนปฏิบัติตามการทดลอง ท่ี 1 และให้บันทึกผล รับฟงั การอภิปรายสรุปและซักถาม ตามแบบบนั ทึกผลการทดลอง 4. ทาแบบทดสอบหลังเรียน 2.3 ผู้สอนและนกั เรียนรว่ มกันอธิปรายสรปุ นักเรยี นทาแบบทดสอบหลังเรียน ผลการทดลอง จานวน 20 ขอ้ ใช้เวลา 20 นาที 2.4 ผู้สอนมอบหมายงาน ตามใบมอบหมายงาน ท่ี 1/1(งานกลุ่ม) และ1/2 (งานเด่ียว) ใหน้ กั เรียน ทาเป็นการบ้านและให้นามาส่งในคร้งั ต่อไป 3. ข้นั สรปุ (10 นาที) ผสู้ อนอภิปรายสรุปใหไ้ ด้เน้อื หาตามหัวข้อ เรอ่ื ง ปรมิ าณทางฟสิ ิกส์ 4. ให้ทาแบบทดสอบหลังเรยี น (20 นาท)ี ใหน้ ักเรยี นทาแบบทดสอบหลงั เรยี นจานวน 20 ข้อ 20 นาที เปน็ ข้อสอบปรนยั ชนดิ 4 ตัวเลือก 5. ผูส้ อน ตรวจแบบฝกึ หดั การทดลองและเมินผล ทกุ อยา่ งใหเ้ ปน็ ปัจจบุ ัน ส่ือการเรียนรู้ 1. แบบบันทึกผลปฏบิ ตั ิการทดลองที่ 1 2. หนงั สือเรยี น ท่ีรวบรวมโดย นางศิวรักษ์ บญุ ประเสรฐิ 3. แบบเฉลยงานที่ 1/1 และ 1/2
25 4. PowerPoint แผ่นท่ี 1/1 - 1/30 5. Internet (http://rumtphysicscom) 6. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมท่ี 1 7. ปฏบิ ัตกิ ารทดลองที่ 1 โดยมอี ุปกรณด์ ังนี้ a. เชือกปา่ น ยาว 150 เซนตเิ มตร 1 เส้น และ 100 เซนตเิ มตร 1 เสน้ b. ไม้เมตร c. ปากกาเขียนแผน่ ใสชนดิ ลบได้หรอื เทปกาว d. กระดาษ 8. แนวทางการบันทึกผลการทดลองที่ 1 9. แบบประเมนิ ผลปฏบิ ตั กิ ารทดลองที่ 1 10. แบบเฉลยงานที่ 1/1 และ 1/2 แหลง่ เรยี นรู้ 1. หอ้ งเรียนวิทยาศาสตร์ 2. ห้องสมดุ วิทยาลยั เทคนคิ นครสวรรค์ 3. ห้องคอมพวิ เตอร์ 4. บุคคล/ผรู้ ู้ การวัดผลและประเมินผล 1. เครื่องมอื วัดผล 1.1 แบบทดสอบ หลังเรยี นที่ 1 1.2 แบบบนั ทกึ ผลปฏิบัติการทดลองท่ี 1 1.3 แบบฝึกหัดท่ี 1/1 และ 1/2 1.4 แบบสังเกตพฤติกรรมขณะเรียนท่ี 1 2. วธิ ีวัดผล 2.1 ตรวจแบบทดสอบหลงั เรยี นท่ี 1 2.2 ตรวจใบบันทึกผลการปฏิบัตกิ ารทดลองท่ี 1 2.3 ตรวจแบบฝกึ หัด ท่ี 1/1 และ 1/2 2.4 การสังเกตพฤตกิ รรม ขณะเรยี นท่ี 1 3. เกณฑ์การประเมินผล ประเมนิ จากการทากิจกรรมระหวา่ งเรยี น และการทดสอบหลงั เรยี น เกณฑผ์ ่านรอ้ ยละ 60 ข้ึนไป เอกสารอ้างอิง กระทรวงศกึ ษาธิการ. หนงั สือเรียนวทิ ยาศาสตร์ชา่ งอุตสาหกรรม เล่ม 1-2-3. ระดบั ประกาศนยี บัตร วิชาชพี . กรุงเทพฯ: ครุ ุสภา, 2535. จกั รินทร์ วรรณโพธ์กลาง.รวมสุดยอดเทคนคิ ฟิสกิ ส์ Entrance. กรงุ เทพฯ: สานกั พมิ พพ์ ฒั นา ศึกษา, 2544. ชเู กียรติ จารุธกจิ พานิช. วิทยาศาสตร์ 2. กรงุ เทพฯ: สานักพิมพ์แมค็ , มปป.
26 บันทกึ หลงั การสอน 1. ผลการใชแ้ ผนการจัดการเรยี นรู้ .............................................................................................................................................................................. ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................... 2. ผลการเรยี นของนกั เรียน/ผลการสอนของคร/ู ปัญหาท่พี บ .............................................................................................................................................................................. ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................... 3. แนวทางการแกป้ ญั หา .............................................................................................................................................................................. ........................................................................................................................................................................ ...........................................................................................................................................................................
27 แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ 3 บทท่ี 2 ช่ือวิชา วิทยาศาสตร์เพ่อื พฒั นาอาชพี ช่างอตุ สาหกรรม เวลาเรียนรวม 9 คาบ ช่ือหนว่ ย ปริมาณการเคล่อื นที่และการเคล่ือนทใี่ นแนวตรง สอนครง้ั ท่ี 3/17 ช่อื เรื่อง ปริมาณการเคลื่อนที่ จานวน 3 คาบ หัวขอ้ เรื่อง 1. ความหมายของ ระยะทาง การกระจัด เวลา อัตราเร็ว ความเร็ว ความเร่ง 2. การหาระยะทาง การกระจัด อัตราเรว็ ความเรว็ และความเรง่ สาระสาคญั /แนวคดิ สาคญั การเคลื่อนที่ของวัตถุใด ๆ ในแนวตรงจะมีการเปลี่ยนตาแหน่ง ถ้าเราทราบตาแหน่งเริ่มต้น เส้นทางการเคล่ือนทแ่ี ละตาแหน่งสดุ ท้าย กส็ ามารถหาระยะทางท่เี คลื่อนท่ีและการกระจดั ตลอดระยะทางการ เคล่ือนที่ ถ้าต้องการบอกว่าวัตถุเคลื่อนที่เร็วเท่าใด จะบอกด้วยอัตราเร็ว (Speed) ซึ่งเก่ียวข้องกับ ระยะทาง (Distance) หรือบอกด้วยความเร็ว (Velocity) ซ่ึงเก่ียวข้องกับการกระจัด (Displacement) ใน กรณีการเคลือ่ นที่มีการเปลย่ี นความเรว็ กล่าวได้ว่า วัตถุเคล่อื นที่ดว้ ยความเร่ง (Acceleration) ปรมิ าณในการ เคล่ือนที่มีส่วนที่เก่ียวข้องท่ีสาคัญคือ ระยะทาง (s) การกระจัด (s) (v) sเว,ลaา(tv) อัตราเร็ว (v) ความเร็ว ความเรง่ ซ่ึงปริมาณต่าง ๆ จะมีความสัมพันธ์กนั เช่น v s (a) ,v tt t สมรรถนะ 1. คานวณหาคา่ ระยะทาง อตั ราเรว็ ความเร็ว ความเรง่ ไดอ้ ยา่ งถูกต้อง 2. ใช้ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรไ์ ดอ้ ย่างเหมาะสม จดุ ประสงค์การเรียนรู้ จุดประสงค์ทั่วไป 1. เพ่ือใหม้ ีความรคู้ วามเขา้ ใจเก่ยี วกบั ความหมายของ ระยะทาง การกระจดั เวลา อัตราเรว็ ความเรว็ ความเร่ง การเคลือ่ นท่ีในแนวตรง กรณีแนวราบและแนวดิ่ง 2. เพื่อให้มีความรคู้ วาม เขา้ ใจเกี่ยวกบั การหา ระยะทาง การกระจดั เวลา อตั ราเรว็ ความเรว็ ความเรง่ 3. เพือ่ สร้างกจิ นสิ ัยใหแ้ สดงพฤตกิ รรมด้านคุณธรรมจรยิ ธรรมและค่านยิ ม ทีพ่ ึงประสงค์ จดุ ประสงคเ์ ชิงพฤตกิ รรม ดา้ นความรู้ 1. อธิบายความหมายของ ระยะทาง การกระจดั เวลา อัตราเรว็ ความเร็ว ความเร่ง ได้ 2. คานวณหาค่าปริมาณ ระยะทาง การกระจัด เวลา อัตราเรว็ ความเรว็ ความเรง่ ได้ ดา้ นทักษะ 1. ใชท้ ักษะการสังเกตสงิ่ ต่าง ๆ จากการทดลองได้
28 2. ใชท้ กั ษะการคานวณหาคา่ ตา่ ง ๆ ในการเคลอื่ นท่ใี นแนวตรงได้ 3. ใช้ทักษะการทดลองจากการทดลองได้ 4. ใชท้ ักษะการลงความเห็นจากขอ้ มูล 5. ใชท้ กั ษะการตคี วามหมายของข้อมลู และสรปุ ผลการทดลองได้ ดา้ นจิตพิสยั มคี ุณธรรมจรยิ ธรรมและลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ในการเรียน เน้อื หาสาระ ในหนงั สือเรยี น วิชา วิทยาศาสตร์เพ่ือพัฒนาอาชีพช่างอุตสาหกรรม(Science for Industry)รหสั วิชา 20000-1302 หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ พุทธศักราช 2562ประเภทวิชา ช่างอุตสาหกรรมหมวดวิชา ทักษะชีวิต กลมุ่ วชิ า วิทยาศาสตร์ รวบรวมโดย นายเกียรตภิ มู ิ ซยุ โลน้ บทที่ 2 เรอื่ ง ปริมาณการเคล่อื นที่และ การเคล่ือนทใี่ นแนวตรง กิจกรรมการเรยี นการสอน กิจกรรมครู กจิ กรรมนกั เรียน ครทู บทวนคณติ ศาสตร์ทเ่ี ป็นพื้นฐานของการเรยี น ฟงั ทาความเข้าใจ ในบทนี้ เรอื่ ง การแกส้ มการยกกาลังสอง (10 นาท)ี 1. แจกแบบทดสอบกอ่ นเรียน (20 นาท)ี 1. ทาแบบทดสอบก่อนเรยี น ใหน้ ักเรียนทาแบบทดสอบก่อนเรียน 20 ขอ้ นกั เรยี นทกุ คนทาแบบทดสอบก่อน เปน็ ข้อสอบแบบปรนัย ชนิด 4 ตวั เลอื ก เรียนจานวน 20 ขอ้ ใชเ้ วลา 20 นาที 2. นาเข้าสบู่ ทเรียน (10 นาท)ี 2. นาเขา้ สู่บทเรยี น ใชก้ ลวทิ ยาศาสตร์ (Science show) เรื่อง รถ นักเรยี นสงั เกตเพื่อนทท่ี ากล พลังลูกโปง่ โดยให้นักเรียนสง่ ตัวแทนออกมาปฏบิ ัติ วิทยาศาสตร์(Science show) ตามท่ีครู ตามทค่ี รแู นะนา แนะนา และลองทาตามดู 3. การประกอบกิจกรรมการเรยี นการสอน ครั้งท่ี 1 3. ขน้ั เรียน (120 นาที) ครผู ู้ สอนให้เน้ือหาตามใบความร้พู รอ้ มทัง้ อธิบาย ฟังและคิดตามครูตอบคาถาม ประกอบ PowerPoint/Internet หวั ขอ้ เรอื่ ง เท่าท่ีทราบ ร่วมสนทนาอภปิ รายแสดง ความหมายของ ระยะทาง ระยะกระจัด เวลา ความคิดเห็น อัตราเร็ว ความเร็ว ความเร่ง การหาระยะทาง การ กระจัด อตั ราเร็ว ความเร็ว และความเร่ง 4.ข้นั สรปุ ผล (20 นาท)ี 4.ข้ันสรปุ ผล สรปุ ความแตกต่างระหว่างระยะทางกับการกระจัด ฟังและทาความเข้าใจเก่ียวกบั ความแตกต่างระหวา่ งอตั ราเร็ว กับความเรว็ และการ ความสัมพนั ธ์และความแตกต่าง ทีค่ รู ความสมั พันธ์ระหว่างความเรว็ กับความเรง่ สรปุ ให้ รวมเวลา 180 นาที
29 สอื่ การเรยี นการสอนและแหลง่ การเรยี นรู้ 1. แบบทดสอบกอ่ นเรยี น ที่ 2 2. แบบเฉลยแบบทดสอบ หลังเรยี นที่ 2 3. ชดุ เสรมิ ทักษะ กลวิทยาศาสตร์ (Science show) ท่ี 2 3.1 ลูกโป่ง 3.2 รถจาลอง 4. แบบฝึกหดั ที่ 2/1 และ 2/2 7. แบบเฉลยงานที่ 2/1 และ 2/2 8. PowerPoint แผน่ ที่ 2/1 - 1/21 9. Internet (http://rmutphysics.com ) 10. แบบสังเกตพฤตกิ รรมท่ี 2 11. หนงั สอื เรียน ท่ีรวบรวมโดย นางศวิ รักษ์ บญุ ประเสรฐิ แหลง่ เรียนรู้ 1. ห้องเรียนวทิ ยาศาสตร์ 2. หอ้ งสมดุ วิทยาลัยเทคนิคนครสวรรค์ 3. หอ้ งคอมพิวเตอร์ 4. บุคคล/ผูร้ ู้ การวดั ผลและการประเมินผล 1. เครอ่ื งมือวดั ผล 1.1 แบบทดสอบก่อนเรียนที่ 2 1.2 แบบฝึกหัดท่ี 2/1 และ 2/2 1.3 แบบสงั เกตพฤติกรรมขณะเรยี นท่ี 2 2. วธิ วี ัดผล 2.1 ตรวจแบบทดสอบ หลงั เรียนท่ี 2 2.2 ตรวจแบบฝกึ หัด ท่ี 2/1 และ 2/2 2.4 การสังเกตพฤติกรรมขณะเรียนท่ี 2 3. เกณฑก์ ารประเมนิ ผล ประเมินจากการทากจิ กรรมระหวา่ งเรียน เกณฑผ์ า่ นรอ้ ยละ 60 ข้นึ ไป เอกสารอา้ งอิง กระทรวงศึกษาธกิ าร. หนงั สอื เรยี นวทิ ยาศาสตรช์ ่างอุตสาหกรรม เล่ม 1-2-3. ระดับประกาศนียบตั ร วิชาชีพ. กรงุ เทพฯ: ครุ สุ ภา, 2535. จกั รินทร์ วรรณโพธก์ ลาง.รวมสดุ ยอดเทคนคิ ฟสิ กิ ส์ Entrance. กรงุ เทพฯ: สานกั พิมพ์พัฒนา
30 ศกึ ษา, 2544. ชูเกียรติ จารธุ กิจพานิช. วิทยาศาสตร์ 2. กรุงเทพฯ: สานกั พมิ พแ์ มค็ , มปป. นิรันดร์ สุวรัตน์. คมู่ อื ฟสิ ิกส์ ม. 4 -5-6 . กรุงเทพฯ: สานกั พิมพ์ พ.ศ. พฒั นา, 2544. ราชบัณฑติ ยสถาน. ศพั ท์วทิ ยาศาสตร์. ฉบับราชบณั ฑติ ยสถาน.กรุงเทพฯ: ราชบัณฑติ สถาน, 2546. สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี. ฟสิ ิกส์ เล่ม 1 ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4. กรงุ เทพฯ: โรงพมิ พค์ ุรุสภาลาดพร้าว, 2544.
31 บันทกึ หลงั การสอน 1. ผลการใชแ้ ผนการจดั การเรยี นรู้ .............................................................................................................................................................................. ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................... 2. ผลการเรียนของนกั เรยี น/ผลการสอนของคร/ู ปญั หาที่พบ .............................................................................................................................................................................. ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................... 3. แนวทางการแกป้ ญั หา .............................................................................................................................................................................. ........................................................................................................................................................................ ...........................................................................................................................................................................
32 แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 4 บทท่ี 2 ชื่อวชิ า วทิ ยาศาสตรเ์ พ่อื พัฒนาอาชพี ชา่ งอุตสาหกรรม เวลาเรยี นรวม 9 คาบ ชื่อหน่วย ปรมิ าณการเคล่อื นทแี่ ละการเคลอื่ นทใี่ นแนวตรง สอนครง้ั ที่ 4/17 ชื่อเรอื่ ง การเคลอ่ื นท่ใี นแนวราบ จานวน 3 คาบ หวั ขอ้ เรือ่ ง การเคลอ่ื นที่ในแนวราบ สาระสาคญั /แนวคิดสาคัญ การเคล่ือนทใ่ี นแนวตรง แยกเป็นการเคล่ือนที่ในแนวราบและการเคลื่อนที่ตามแรง โน้มถ่วงของโลก หรือแนวดิ่ง โดยสามารถคานวณหาค่าความเร็วต้น ความเร็วปลาย การกระจัด การเคล่ือนท่ีแบบเส้นตรง ระยะทางและการกระจัดมีค่าเท่ากัน ดังน้ันการกระจัดจึงใช้เป็นระยะทางในการคานวณ เวลา ความเร่ง จาก สูตรดังตอ่ ไปนี้ การเคลื่อนทใี่ นแนวราบ (แกน x ) 1. v u at 2. s ut 1 at 2 2 3. v 2 u 2 2as 4. s u v . t 2 5. s vt 1 at 2 2 สมรรถนะ 1. คานวณหาค่าระยะกระจดั ความเรว็ ตน้ ความเรว็ ปลาย ความเรง่ เวลา ในแนวราบ ได้อยา่ งถูกตอ้ ง 2. ใช้ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม จุดประสงค์การเรียนรู้ จุดประสงค์ทั่วไป 1. เพือ่ ให้มีความรคู้ วามเขา้ ใจเกย่ี วกบั ความหมายของ การเคลื่อนท่ีในแนวตรง กรณแี นวราบ 2. เพือ่ ใหม้ คี วามรู้ความ เขา้ ใจเก่ยี วกับการหา ระยะทาง การกระจดั เวลา อตั ราเร็ว ความเรว็ ความเร่ง 3. เพื่อสรา้ งกจิ นิสยั ให้แสดงพฤตกิ รรมดา้ นคณุ ธรรมจริยธรรมและคา่ นยิ ม ทพี่ งึ ประสงค์ จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม ด้านความรู้ 1. คานวณหาค่าปรมิ าณ ระยะทาง การกระจดั เวลา อัตราเร็ว ความเรว็ ความเรง่ ได้ 1. อธิบายการเคล่ือนท่ีในแนวตรงแนวราบได้ 3. คานวณหาคา่ ปรมิ าณต่าง ๆ ในการเคลือ่ นท่ีในแนวตรงท้งั ในแนวราบได้
33 ดา้ นทกั ษะ 1. ใช้ทกั ษะการสงั เกตสิ่งต่าง ๆ จากการทดลองได้ 2. ใชท้ กั ษะการคานวณหาค่าต่างๆ ในการเคลือ่ นท่ใี นแนวตรงได้ 3. ใชท้ กั ษะการทดลองจากการทดลองได้ 4. ใชท้ ักษะการลงความเหน็ จากข้อมูล 5. ใชท้ กั ษะการตีความหมายของข้อมูลและสรปุ ผลการทดลองได้ ดา้ นจติ พสิ ัย มีคณุ ธรรมจรยิ ธรรมและลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ในการเรยี น เนอ้ื หาสาระ ในหนังสือเรียน วิชา วิทยาศาสตร์เพื่อพัฒนาอาชีพช่างอุตสาหกรรม(Science for Industry)รหัสวิชา 20000-1302 หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ พุทธศักราช 2562ประเภทวิชา ช่างอุตสาหกรรมหมวดวิชา ทกั ษะชีวติ กลุม่ วชิ า วทิ ยาศาสตร์ รวบรวมโดย นายเกยี รตภิ มู ิ ซุยโลน้ บทท่ี 2 เร่อื ง ปริมาณการเคลอ่ื นท่แี ละ การเคลื่อนทใ่ี นแนวตรง กจิ กรรมการเรียนการสอน กิจกรรมครู กจิ กรรมนักเรียน 1. ข้นั นาเข้าสบู่ ทเรยี น(10 นาท)ี 1. ขน้ั นาเขา้ สูบ่ ทเรียน ครูทบทวนระยะทาง การกระจดั อัตราเรว็ ฟังและตอบคาถาม ความเร็ว ความเรง่ โดยตั้งเปน็ คาถามเชน่ ความเร็ว แตกตา่ งจากอัตราเร็วอย่างไร 2. การประกอบกิจกรรมการเรยี นการสอน (140 นาท)ี 2.1 ผู้สอนให้เนื้อหาตามใบความรู้พรอ้ มทั้งอธบิ าย 2.1 ฟงั และคดิ ตามครูตอบคาถามเท่าที่ ประกอบ Power point/Internet หัวข้อเรอื่ ง การ ทราบรว่ มสนทนาอภปิ รายแสดงความ เคลื่อนท่ีในแนวราบ คดิ เห็น 2.2 ผู้สอนมอบหมายงาน (กลุม่ ) ตามใบ 2.2 ทาตามใบมอบหมายงานท่ี 2/1 และ มอบหมายงานท่ี 2/1 และงานเด่ยี ว ตามใบมอบหมาย 2/2 นามาสง่ ในครง้ั ตอ่ ไป งานที่ 2/2 ใหน้ ามาสง่ ในครัง้ ตอ่ ไป 3. ขั้นสรปุ (10 นาท)ี 3. ขัน้ สรปุ ผู้สอนอภิปรายสรปุ ใหไ้ ด้เนอ้ื หาตามหัวข้อเรื่อง รับฟงั การอภปิ รายสรุปและซักถาม การเคลอ่ื นทีใ่ นแนวราบ และแนวดงิ่ รวมเวลา 180 นาที ส่ือการเรียนการสอนและแหลง่ การเรยี นรู้ 1. หนังสอื เรยี น ท่ีรวบรวมโดย นางศวิ รกั ษ์ บุญประเสริฐ 2. ใบมอบหมายงานที่ 2/1 และ 2/2 3. เฉลยใบมอบหมายงานท่ี 2/1 และ 2/2
34 4. PowerPoint แผน่ ท่ี 2/1 - 1/21 5. Internet (http://rmutphysics.com ) 6. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมที่ 2 แหล่งเรยี นรู้ 1. ห้องเรียนวทิ ยาศาสตร์ 2. ห้องสมดุ วทิ ยาลยั เทคนิคนครสวรรค์ 3. หอ้ งคอมพวิ เตอร์ 4. บุคคล/ผ้รู ู้ การวดั ผลและการประเมนิ ผล 1. เครอื่ งมือวดั ผล 1.1 แบบฝกึ หดั ท่ี 2/1 และ 2/2 1.2 แบบสังเกตพฤตกิ รรมขณะเรยี นท่ี 2 2. วธิ ีวัดผล 2.1 ตรวจแบบฝึกหัด ที่ 2/1 และ 2/2 2.2 การสังเกตพฤติกรรมขณะเรียนที่ 2 3. เกณฑก์ ารประเมนิ ผล ประเมินจากการทากิจกรรมระหวา่ งเรยี น เกณฑ์ผ่านรอ้ ยละ 60 ขนึ้ ไป เอกสารอา้ งอิง กระทรวงศกึ ษาธิการ. หนงั สอื เรยี นวิทยาศาสตรช์ ่างอุตสาหกรรม เล่ม 1-2-3. ระดบั ประกาศนียบัตร วิชาชพี . กรุงเทพฯ: คุรสุ ภา, 2535. บันทกึ หลังการสอน 1. ผลการใช้แผนการจัดการเรียนรู้ .............................................................................................................................................................................. ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................... 2. ผลการเรียนของนักเรยี น/ผลการสอนของคร/ู ปัญหาท่ีพบ .............................................................................................................................................................................. ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................... 3. แนวทางการแก้ปัญหา .............................................................................................................................................................................. ........................................................................................................................................................................ ...........................................................................................................................................................................
35 แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 5 บทท่ี 2 ชอื่ วชิ า วทิ ยาศาสตรเ์ พอ่ื พฒั นาอาชพี ชา่ งอตุ สาหกรรม เวลาเรียนรวม 9 คาบ ชือ่ หน่วย ปรมิ าณการเคลอ่ื นทแ่ี ละการเคลือ่ นทใ่ี นแนวตรง สอนคร้งั ท่ี 5/17 ช่อื เรอ่ื ง การเคล่อื นที่ในแนวดิง่ จานวน 3 คาบ หวั ขอ้ เรอ่ื ง การเคลอ่ื นที่ในแนวดิ่ง สาระสาคัญ/แนวคดิ สาคญั การเคลื่อนท่ีในแนวตรง แยกเป็นการเคล่ือนที่ในแนวราบและการเคล่ือนท่ีตามแรง โน้มถ่วงของโลก หรือแนวดิ่ง โดยสามารถคานวณหาค่าความเร็วต้น ความเร็วปลาย การกระจัด การเคล่ือนท่ีแบบเส้นตรง ระยะทางและการกระจัดมีค่าเท่ากัน ดังนั้นการกระจัดจึงใช้เป็นระยะทางในการคานวณ เวลา ความเร่ง จากสูตรดังต่อไปนี้ การเคลือ่ นท่ีในแนวดิ่ง (แกน y ) 1. v u gt 2. s u t 1 gt2 2 3. v2 u2 2gs 4. s u v . t 2 5. s vt 1 gt2 2 สมรรถนะ 1. คานวณหาคา่ ระยะกระจดั ความเร็วตน้ ความเร็วปลาย เวลาในแนวดิง่ ไดอ้ ยา่ งถูกต้อง 2. ใช้ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม จดุ ประสงค์การเรียนรู้ จดุ ประสงคท์ ่ัวไป 1. เพ่ือให้มีความรู้ความ เขา้ ใจเก่ยี วกับการหา ระยะทาง การกระจัด เวลา อตั ราเรว็ ความเรว็ ความเรง่ กรณแี นวด่งิ 2. เพอื่ สรา้ งกจิ นสิ ัยให้แสดงพฤติกรรมดา้ นคุณธรรมจริยธรรมและค่านยิ ม ที่พงึ ประสงค์ จดุ ประสงคเ์ ชิงพฤตกิ รรม ดา้ นความรู้ 1. อธิบายการเคลื่อนท่ีในแนวตรงกรณีแนวดงิ่ ได้ 2. คานวณหาค่าปริมาณตา่ ง ๆ ในการเคลื่อนที่ในแนวตรงในแนวดิ่งได้
36 ดา้ นทักษะ 1. ใชท้ กั ษะการสงั เกตสิง่ ต่าง ๆ จากการทดลองได้ 2. ใช้ทักษะการคานวณหาคา่ ต่างๆ ในการเคลือ่ นที่ในแนวตรงได้ 3. ใช้ทกั ษะการทดลองจากการทดลองได้ 4. ใชท้ ักษะการลงความเหน็ จากขอ้ มูล 5. ใชท้ ักษะการตคี วามหมายของขอ้ มลู และสรปุ ผลการทดลองได้ ดา้ นจิตพสิ ยั มคี ุณธรรมจรยิ ธรรมและลกั ษณะอนั พึงประสงคใ์ นการเรียน เนอ้ื หาสาระ ในหนงั สือเรยี น วิชา วทิ ยาศาสตร์เพ่ือพัฒนาอาชพี ช่างอุตสาหกรรม(Science for Industry)รหัสวิชา 20000-1302 หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ พุทธศักราช 2562ประเภทวิชา ช่างอุตสาหกรรมหมวดวิชา ทักษะชวี ติ กลุ่มวชิ า วิทยาศาสตร์ รวบรวมโดย นายเกียรติภมู ิ ซุยโลน้ บทท่ี 2 เร่ือง ปริมาณการเคลอื่ นทแ่ี ละ การเคลอื่ นท่ใี นแนวตรง กิจกรรมการเรยี นการสอน กจิ กรรมครู กจิ กรรมนักเรยี น 1. ขน้ั นาเขา้ สู่บทเรียน(10 นาท)ี 1. ข้ันนาเข้าสูบ่ ทเรยี น ครทู บทวนระยะทาง การกระจัด อตั ราเร็ว ฟังและตอบคาถาม ความเร็ว ความเรง่ กรณีการเคลอ่ื นท่ีในแนวตรงกรณีใน แนวราบ 2.การประกอบกิจกรรมการเรยี นการสอน (140 นาท)ี 2.1 ผสู้ อนใหเ้ นอื้ หาตามใบความรพู้ ร้อมทง้ั อธิบาย 2.1 ฟังและคิดตามครูตอบคาถามเท่าที่ ประกอบ Power point/Internet หวั ข้อเรอ่ื ง การ ทราบรว่ มสนทนาอภิปรายแสดงความ เคลื่อนที่ในแนวด่ิง คิดเห็น 2.2 ใหน้ ักเรยี นจัดแบ่งกลมุ่ กลุ่มละ 5-6 คน และ 2.2 ปฏิบัติตามการทดลองที่ 2 และ ใหน้ ักเรยี นทาตามใบปฏิบัตกิ ารทดลองท่ี 2 และให้ บนั ทึกลงในแบบบนั ทึกผลการทดลอง บันทึกผลตามแบบบันทึกผลการทดลอง 2.3 ผู้สอนและนกั เรียนร่วมกันอธปิ รายสรุปผล 2.3 ร่วมกนั อธิปรายและสรปุ ผลการ 2.4 ผู้สอนมอบหมายงาน (กลุ่ม) ตามใบ ทดลอง มอบหมายงานท่ี 2/1 และงานเดีย่ ว ตามใบ 2.4 ทาตามใบมอบหมายงานท่ี 2/1 มอบหมายงานที่ 2/2 ให้นามาสง่ ในครั้งต่อไป และ 2/2 นามาส่งในครั้งตอ่ ไป 3. ขนั้ สรุป(10 นาท)ี 3. ขัน้ สรปุ ผู้สอนอภิปรายสรปุ ใหไ้ ดเ้ น้ือหาตามหวั ขอ้ เรื่อง รับฟงั การอภปิ รายสรุปและซักถาม การเคลอ่ื นท่ใี นแนวราบ และแนวดงิ่
37 4. ทาแบบทดสอบหลังเรียน (20 นาท)ี 4. ทาแบบทดสอบหลงั เรียน ให้นกั เรียนทาแบบทดสอบก่อนเรียน 20 ข้อ 20 นาที นักเรยี นทาแบบทดสอบหลังเรียน เป็นขอ้ สอบแบบปรนยั ชนดิ 4 ตวั เลอื ก จานวน 20 ขอ้ ใช้เวลา 20 นาที ผสู้ อน ตรวจแบบฝึกหดั การทดลองและประเมิน ผลทุกอยา่ งให้เปน็ ปจั จุบัน รวมเวลา 180 นาที 4. สื่อการเรยี นการสอนและแหล่งการเรยี นรู้ 1. แบบทดสอบ หลังเรียน ที่ 2 2. แบบเฉลย หลงั เรยี นท่ี 2 3. หนังสอื เรยี น ที่รวบรวมโดย นางศิวรักษ์ บญุ ประเสรฐิ 4. ใบปฏิบัติการทดลองที่ 2 4.1 เครื่องเคาะสญั ญาณเวลา 1 เครือ่ ง 4.2 ถงุ ทราย 500 กรัม 4.3 แถบกระดาษ 4.4 หมอ้ แปลงไฟฟ้า 12 V (AC.) 4.5 สายไฟฟา้ กระดาษคารบ์ อน แถบกระดาษบันทึกระยะทาง 5. แนวทางการบนั ทึกผลการทดลองท่ี 2 6. แบบประเมินผลปฏิบัตกิ ารทดลองท่ี 2 7. เฉลยใบมอบหมายงานท่ี 2/1 และ 2/2 10. PowerPoint แผน่ ท่ี 2/1 - 1/21 11. Internet (http://rmutphysics.com ) 12. แบบสังเกตพฤตกิ รรมที่ 2 5. แหลง่ เรยี นรู้ 1. ห้องเรียนวทิ ยาศาสตร์ 2. หอ้ งสมุดวิทยาลัยเทคนคิ นครสวรรค์ 3. หอ้ งคอมพิวเตอร์ 4. บคุ คล/ผู้รู้ 6. การวัดผลและการประเมนิ ผล 1. เครอ่ื งมือวดั ผล 1.1 แบบทดสอบ หลงั เรียนที่ 2 1.2 แบบบนั ทกึ ผลปฏิบัตกิ ารทดลองท่ี 2 1.3 แบบฝึกหัดที่ 2/1 และ 2/2
38 1.4 แบบสงั เกตพฤตกิ รรมขณะเรียนที่ 2 2. วิธวี ัดผล 2.1 ตรวจแบบทดสอบ หลงั เรียนท่ี 2 2.2 ตรวจใบบันทึกผลการปฏิบัติการทดลองท่ี 2 2.3 ตรวจแบบฝึกหัด ที่ 2/1 และ 2/2 2.4 การสงั เกตพฤติกรรมขณะเรียนท่ี 2 3. เกณฑ์การประเมินผล ประเมนิ จากการทากจิ กรรมระหว่างเรยี นและการทดสอบหลงั เรยี น เกณฑ์ผ่านรอ้ ยละ 60 ข้ึนไป เอกสารอา้ งองิ กระทรวงศึกษาธิการ. หนงั สอื เรยี นวิทยาศาสตรช์ ่างอุตสาหกรรม เล่ม 1-2-3. ระดับประกาศนียบตั ร วชิ าชีพ. กรุงเทพฯ: ครุ สุ ภา, 2535. จักรินทร์ วรรณโพธก์ ลาง.รวมสุดยอดเทคนคิ ฟิสกิ ส์ Entrance. กรงุ เทพฯ: สานกั พิมพพ์ ัฒนา ศกึ ษา, 2544.
39 บันทึกหลงั การสอน 1. ผลการใช้แผนการจดั การเรียนรู้ .............................................................................................................................................................................. ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................... 2. ผลการเรียนของนกั เรยี น/ผลการสอนของครู/ปัญหาทพ่ี บ .............................................................................................................................................................................. ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................... 3. แนวทางการแกป้ ัญหา .............................................................................................................................................................................. ........................................................................................................................................................................ ...........................................................................................................................................................................
40 แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 6 บทท่ี 3 ช่อื วิชา วทิ ยาศาสตร์เพ่อื พฒั นาอาชีพช่างอุตสาหกรรม เวลาเรียนรวม 6 คาบ ช่อื หนว่ ย แรงและการเคล่อื นที่ สอนครั้งที่ 6/17 จานวน 3 คาบ ช่อื เรื่อง แรง หัวข้อเรอ่ื ง 1. แรง 2. สัญลักษณ์ของแรง 3. ผลของแรงตอ่ วัตถุ 4. ชนดิ ของแรง 5. มวล 6. น้าหนัก 7. การจาแนกประเภทของแรง 8. แรงเสยี ดทาน 9. สัมประสทิ ธิข์ องแรงเสยี ดทาน 11. แรงเสียดทานในชวี ติ ประจาวัน 12. ประโยชน์และโทษของแรงเสยี ดทาน 13. การเพ่ิมและลดแรงเสยี ดทาน สาระสาคแัญรง/แ(Fนoวrคcดิeส;าFค)ัญเป็นปริมาณที่บอกท้ังขนาดและทิศทาง มวล (Mass;m) เป็นปริมาณท่ีบอกให้ ทราบถึงการต้านการเปล่ียนสภาพการเคล่ือนที่ของวัตถุ มีหน่วยเป็นกิโลกรัม ( kg ) น้าหนัก (Weight ;w) เปน็ แรงที่โลกดึงดูดต่อวัตถุ มีหน่วยเป็น นวิ ตัน N แรงโน้มถว่ งของโลก โลกเป็นวตั ถุขนาดใหญ่ เม่อื มวี ตั ถใุ ดๆ อยู่ใกล้โลกจะเกิดแรงกระทาซึ่งกันและกัน อันเป็นผลจากแรงดึงดูดระหว่างมวล แต่วัตถุต่าง ๆ มีขนาดเล็กจึง ถแรูกงโเลสกยี ดดึงทดาูดนเ(ขF้าrหicาtiแoรnงทf่ีโoลrกceดึง;ดfูด)วัตหถมุตา่ายงถๆึงเแข้ารหงตา้าโลนกกาเรรเาคเลรีือ่ยนกวท่าี่ขอ“งแวรัตงถโนุท้ม่ีกถระ่วงทขาอตง่อโวลตั กถุ(จGะraมvีคit่าyมาFกoหrcรeือ) น้อย ขนึ้ อยู่กับ ขนาด มวล ลกั ษณะพื้นผิว และแรงเสียดทานสถิต ”แรงเสียดทานในชีวิตประจาวัน แรงเสียด ทานท่ีเกิดขึ้นบนวัตถุเป็นแรงต้านการเคลื่อนท่ี ซึ่งจะทาให้วตั ถเุ คลื่อนท่ีไดย้ ากข้นึ แต่ถ้าไมม่ ีรงเสยี ดทานวัตถุก็ ไม่สามารถเคล่ือนท่ีได้ ประโยชน์ของแรงเสียดทาน เช่น ทาให้เราสามารถเดินได้สะดวก โทษของแรงเสียด ทาน เช่น ถ้าล้อรถยนต์กับพ้ืนถนนมีแรงเสียดทานมากเกินไป รถจะแล่นช้า ต้องใช้น้ามันเชื้อเพลิงมากข้ึน เพื่อให้มีพลังงานมากพอที่จะให้เคลื่อนท่ีได้ได้ จึงทาให้สิ้นเปลืองพลังงาน การลดและเพ่ิมแรงเสียดทาน แรง เสียดทานในงานชา่ ง ถา้ มีปริมาณมากเกินความต้องการจะทาใหส้ ิ้นเปลืองพลังงานดังนั้นควรลดแรงเสียดทาน ลงบ้าง การลดแรงเสียดทาน สามารถทาได้หลายวิธี เช่น การขดั ถูผิววัตถุใหเ้ รียบและลน่ื การใชส้ ารล่อล่ืน การ ใช้อุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น ล้อ ตลับลูกปืน การเพิ่มแรงเสียดทาน สามารถทาได้หลายวิธี เช่น การทาลวดลาย เพื่อให้ผวิ ขรุขระ การเพิ่มผิวสัมผสั เป็นต้น
41 สมรรถนะ 1. อธบิ ายความหมายของ มวล นา้ หนกั แรงชนดิ ตา่ ง ๆ และแรงเสียดทาน ได้อยา่ งถกู ตอ้ ง 2. บอกประโยชน์ โทษ และยกตัวอยา่ งวัตถุทตี่ ้องอาศยั แรงเสยี ดทานในงานช่างได้อยา่ งถูกตอ้ ง 3. คานวณหา นา้ หนัก แรงในกรณีที่แรงกระทาต่อวตั ถใุ นแนวราบ ไม่มแี รงเสยี ดทาน ในแนวราบ กรณีมแี รงเสียดทาน ในพ้ืนเอียงทง้ั กรณีมแี รงเสียดทาน และไม่มี แรงเสยี ดทาน ได้อยา่ งถกู ตอ้ ง 4. ใช้ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรไ์ ด้อยา่ งเหมาะสม จดุ ประสงค์การเรียนรู้ จุดประสงคท์ ั่วไป 1. เพอ่ื ใหม้ ีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับความหมายของ มวล น้าหนกั แรงชนิดตา่ ง ๆ ท้ังทม่ี ีแรงเสยี ด ทานและไม่มีแรงเสยี ทาน 2. เพ่อื ให้มีความรู้ความเข้าใจเกย่ี วกบั การคานวณการหาน้าหนกั แรงประเภทต่าง ๆ ท้งั ที่มีแรงเสียด ทานและไม่มีแรงเสียดทาน 3 เพือ่ สร้างกจิ นิสัยให้แสดงพฤติกรรมด้านคุณธรรมจริยธรรมและคา่ นิยม ทีพ่ ึงประสงค์ จดุ ประสงคเ์ ชิงพฤตกิ รรม ดา้ นความรู้ 1. อธิบายความหมายของ มวล นา้ หนกั แรงชนดิ ต่าง ๆ และแรงเสียดทาน ได้ 2. คานวณหา นา้ หนัก แรงในกรณที ่ีแรงกระทาตอ่ วัตถุในแนวราบ ไมม่ แี รงเสียดทาน ในแนวราบ กรณมี แี รงเสียดทาน ในพ้นื เอยี งท้ังกรณมี แี รงเสยี ดทาน และไมม่ ี แรงเสยี ดทาน ตามกฎของนิวตนั ได้ ดา้ นทักษะ 1. ใชท้ ักษะการวัดได้ 2. ใช้ทักษะการสงั เกตส่ิงต่าง ๆ จากการทดลองได้ 3. ใช้ทักษะการคานวณหาคา่ มวล นา้ หนกั แรง กฎนวิ ตนั ได้ 4. ใชท้ ักษะการตง้ั สมมติฐานในการทดลองได้ 5. ใช้ทักษะการทดลองจากการทดลองได้ 6. ใช้ทกั ษะการลงความเหน็ จากข้อมูล และสรุปผลการทดลองได้ 7. ใชท้ กั ษะการจัดทาและส่อื ความหมายขอ้ มลู ด้านจติ พสิ ยั มคี ุณธรรมจรยิ ธรรมและคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ในการเรียน เนือ้ หาสาระ ในหนังสือเรยี น วิชา วิทยาศาสตร์เพื่อพัฒนาอาชีพช่างอุตสาหกรรม(Science for Industry)รหสั วิชา 20000-1302 หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ พุทธศักราช 2562ประเภทวิชา ช่างอุตสาหกรรมหมวดวิชา ทกั ษะชีวิต กลุ่มวชิ า วิทยาศาสตร์ รวบรวมโดย นายเกียรตภิ ูมิ ซุยโล้นบทที่ 3 เรื่อง แรงและการเคลือ่ นท่ี
42 กจิ กรรมการเรียนการสอน กจิ กรรมครู กิจกรรมนักเรียน ครทู บทวนคณิตศาสตร์ที่เป็นพ้ืนฐานของการเรยี นในบทนี้ ฟงั ทาความเข้าใจ เรือ่ ง มมุ (10 นาท)ี 1. แจกแบบทดสอบกอ่ นเรยี น (20 นาที) 1. ทาแบบทดสอบก่อนเรยี น ให้นักเรียนทาแบบทดสอบก่อนเรียน 20 ข้อ เปน็ ขอ้ สอบ นักเรยี นทกุ คนทาแบบ แบบปรนัย ชนิด 4 ตัวเลอื ก ทดสอบกอ่ นเรียน จานวน 20 ข้อ ใชเ้ วลา 20 นาที 2. นาเขา้ สู่บทเรยี น (10 นาท)ี 2. นาเขา้ ส่บู ทเรยี น ครูนาเข้าสู่บทเรยี นโดยการใหน้ กั เรียนออกมาสาธติ นกั เรียนสงั เกตจากเพ่อื น กิจกรรม เรือ่ ง รอก โดยใช้ชุดเสริมทักษะกลวิทยาศาสตร์ ท่อี อกมาทากจิ กรรม และ (Science show) เร่อื ง มหศั จรรยข์ องรอก มสี ว่ นร่วมในการทากจิ กรรม 3. การประกอบกจิ กรรมการเรยี นการสอน (120 นาที) 3. ขน้ั เรียน ผ้สู อนใหเ้ นอื้ หาตามใบความรู้พรอ้ มทง้ั อธบิ ายประกอบ ฟงั และคดิ ตามครูตอบคาถาม PowerPoint /Internet หัวข้อเรอ่ื งแรง สญั ลักษณ์ของแรง เทา่ ที่ทราบ ร่วมสนทนาอภิปราย ผลของแรงตอ่ วตั ถุ ชนดิ ของแรง มวล นา้ หนัก การจาแนก แสดงความคิดเหน็ ประเภทของแรง แรงเสียดทาน ประสทิ ธภิ าพของแรง เสียดทาน 4. ขนั้ สรุปผล (20 นาที) 4. ขนั้ สรุปผล ผสู้ อนสรปุ เนื้อหา เรื่อง แรง ผลของแรง ชนดิ ของแรง มวล รบั ฟังการอภิปรายสรปุ และ น้าหนัก การจาแนกประเภทของแรงการคานวณหาแรง ซกั ถาม รวมเวลา 180 นาที ส่อื การเรียนการสอนและแหลง่ การเรียนรู้ 1. แบบทดสอบก่อนเรยี นที่ 3 2. แบบเฉลยแบบทดสอบ หลงั เรียน ท่ี 3 3. หนงั สอื เรียน ทร่ี วบรวมโดย นางศวิ รักษ์ บญุ ประเสรฐิ 4. ใบงานที่ 3/1 และ 3/2 5. แบบเฉลยใบงานที่ 3/1 และ 3/2 6. PowerPoint แผ่นท่ี 3/1 – 3/32 7. Internet (http://rmutphysics.com.) 8. แบบสงั เกตพฤติกรรมที่ 3 แหล่งเรยี นรู้ 1. ห้องเรยี นวทิ ยาศาสตร์ 2. ห้องสมุดวิทยาลยั เทคนคิ นครสวรรค์ 3. ห้องคอมพวิ เตอร์ 4. บุคคล/ผรู้ ู้
43 การวดั ผลและการประเมนิ ผล 1. เครอื่ งมอื วัดผล 1.1 แบบทดสอบก่นเรยี น 1.2 แบบฝึกหัดท่ี 3/1 และ 3/2 1.3 แบบสังเกตพฤติกรรมขณะเรียน 2. วิธวี ดั ผล 2.1 ตรวจแบบทดสอบกอ่ นเรียน 2.2 ตรวจแบบฝกึ หัด ท่ี 3/1 และ 3/2 2.3 การสังเกตพฤตกิ รรมขณะเรียน 3. เกณฑ์การประเมนิ ผล ประเมินจากการทากิจกรรมระหว่างเรียน ผ่านเกณฑ์ร้อยละ 60 ข้ึนไป เอกสารอ้างองิ กระทรวงศึกษาธกิ าร. หนงั สือเรยี นวทิ ยาศาสตร์ช่างอตุ สาหกรรม เลม่ 1-2-3. ระดับประกาศนียบตั ร วิชาชีพ. กรงุ เทพฯ: ครุ ุสภา, 2535. จกั รินทร์ วรรณโพธก์ ลาง.รวมสุดยอดเทคนคิ ฟิสิกส์ Entrance. กรุงเทพฯ: สานักพมิ พพ์ ัฒนา ศึกษา, 2544. บนั ทึกหลังการสอน 1. ผลการใช้แผนการจดั การเรยี นรู้ .............................................................................................................................................................................. ........................................................................................................................................................................ 2. ผลการเรยี นของนกั เรียน/ผลการสอนของครู/ปญั หาทพ่ี บ .............................................................................................................................................................................. ........................................................................................................................................................................ 3. แนวทางการแก้ปญั หา .............................................................................................................................................................................. ........................................................................................................................................................................
44 แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 7 บทท่ี 3 ชอ่ื วิชา วทิ ยาศาสตรเ์ พอื่ พฒั นาอาชีพช่างอุตสาหกรรม เวลาเรียนรวม 6 คาบ ชื่อหนว่ ย แรงและการเคลอื่ นที่ สอนครัง้ ที่ 7/17 จานวน 3 คาบ ช่ือเรื่อง กฎนวิ ตัน หวั ขอ้ เร่อื ง 1. กฎข้อท่หี นงึ่ ของนิวตัน 2. กฎขอ้ ที่สองของนิวตนั 3. กฎขอ้ ท่ีสามของนิวตนั 4. รอก สาระสาคัญ/แนวคิดสาคญั นวิ ตัน เป็นนักวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ชาวอังกฤษ ได้สรปุ เกี่ยวกับการรักษาสภาพการเคล่ือนที่ ของวัตถุ ทั้งสภาพอยู่นง่ิ และสภาพการเคล่ือนท่ีดว้ ยความเร็วคงที่ เป็นกฎการเคลอื่ นท่ี ข้อทห่ี น่ึง ของนวิ ตัน มี ใจความวา่ “วัตถจุ ะคงสภาพอยู่นิง่ หรือสภาพเคลื่อนท่ีดว้ ยความเร็วคงที่ ในแนวตรง นอกจากจะมีแรงลัพธ์ซึ่ง มีค่าไม่เป็นศูนย์มากระทา” F 0 กฎการเคล่ือนที่ ข้อท่ีสองของนิวตัน มีใจความว่า “ เมื่อมีแรงลัพธ์ ซ่ึงมีขนาดไมเ่ ป็นศูนย์มากระทาต่อวัตถุจะทาให้วตั ถุ เกดิ ความเร่งในทิศเดียวกับแรงลพั ธ์ที่มากระทาและขนาด ma ของความเร่งจะแปรผันตรงกับขนาดของแรงลัพธ์และจะแปรผกผัน กับมวลของวัตถุ” F กฎ การเคล่ือนท่ีข้อที่สามของ นิวตัน มีใจความว่า “ทุกแรงกิริยาย่อมมีแรงปฏิกิริยาซ่ึงมีขนาดเท่ากันและทิศ ทางตรงข้ามเสมอ” แรงกิริยา = แรงปฏิกิริยา รอก มีลักษณะเป็นล้อหมุนได้คล่องรอบแกน และมีเชือก คล้องในร่องตัวรอก เพ่ือช่วย ในการยกของ เป็นเครื่องผ่อนแรง รอกแบ่งเป็น 1. รอกเดี่ยว แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ 1)รอกเดี่ยวตายตัว เป็นรอกเดียวท่ีใช้แขวนติดอยู่กับเพดานเคลื่อนย้ายไปไหนไม่ได้ 2) รอก เดย่ี วเคล่ือนที่ เปน็ รอกเดยี่ วท่พี าดอยู่บนเชือก ปลายขา้ งหนึง่ ของเชอื กยึดไว้ กับเพดานส่วนปลายอกี ขา้ งหน่ึงมี แรงพยายามดึงไว้ 2. รอกพวง เปน็ การนารอกหลาย ๆ ตวั มาตอ่ รวมกันและมรี อกเคล่ือนท่ีอยา่ งน้อย 1 ตัว สมรรถนะ 1. คานวณหา แรงในกรณีท่ีแรงกระทาตอ่ วัตถใุ นแนวราบ ในพ้ืนเอียงท้ังกรณมี แี รงเสยี ดทาน และไม่ มี แรงเสยี ดทาน หาแรงกรณใี ชร้ อกชนดิ ต่าง ๆ ในการทางาน ไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง 2. อธบิ ายลกั ษณะการเกิดแรงตามกฎของนวิ ตนั ได้อย่างถูกต้อง 3. ใช้ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ได้อย่างเหมาะสม
45 จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ จดุ ประสงคท์ ั่วไป 1. เพ่ือให้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับความหมายของ การเกดิ แรงตามกฎของนิวตนั 2. เพอื่ ใหม้ คี วามรู้ความเข้าใจเกีย่ วกบั การคานวณการหาค่าแรง จากกฎต่าง ๆ ของนวิ ตนั 3. เพ่ือให้มีทักษะการทดลอง เรือ่ ง แรงและแรงเสียดทาน โดยใชก้ ระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ 4. เพื่อสร้างกจิ นสิ ยั ใหแ้ สดงพฤตกิ รรมดา้ นคณุ ธรรมจรยิ ธรรมและคา่ นยิ ม ท่พี งึ ประสงค์ จดุ ประสงค์เชิงพฤตกิ รรม ดา้ นความรู้ 1. อธิบายความหมายของ มวล น้าหนัก แรงชนิดต่าง ๆ และแรงเสียดทาน ได้ 2. คานวณหา น้าหนกั แรงในกรณที ีแ่ รงกระทาต่อวัตถใุ นแนวราบ ไม่มแี รงเสยี ดทาน ในแนวราบ กรณีมีแรงเสียดทาน ในพนื้ เอยี งท้ังกรณีมแี รงเสียดทาน และไมม่ ี แรงเสยี ดทาน ตามกฎของนิวตันได้ 3. อธบิ ายการเกดิ แรงตามกฎของนวิ ตนั ท้งั สามขอ้ ได้ 4. บอกสว่ นประกอบของวตั ถทุ ี่ทาให้การเกิดแรงเสยี ดทานในชวี ติ ประจาวันได้ 5. อธิบายถึงประโยชนแ์ ละโทษของแรงเสยี ดทานได้ 6. อธิบายถึงวิธกี าร ที่จะเพิ่มและลดแรงเสียดทานได้ 7. สามารถเลือกใชอ้ ุปกรณ์ ท่ีจะชว่ ยเพม่ิ และลดแรงเสยี ดทานได้ ด้านทกั ษะ 1. ใชท้ ักษะการวัดได้ 2. ใช้ทกั ษะการสงั เกตส่งิ ต่าง ๆ จากการทดลองได้ 3. ใชท้ ักษะการคานวณหาค่า มวล น้าหนกั แรง กฎนวิ ตนั ได้ 4. ใช้ทักษะการตั้งสมมติฐานในการทดลองได้ 5. ใชท้ ักษะการทดลองจากการทดลองได้ 6. ใช้ทกั ษะการลงความเหน็ จากขอ้ มลู และสรปุ ผลการทดลองได้ 7. ใชท้ กั ษะการจดั ทาและส่อื ความหมายขอ้ มูล 8. ใช้วธิ ีการทางวิทยาศาสตร์ทั้ง 5 วธิ ี ไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง ดา้ นจติ พิสัย มีคุณธรรมจรยิ ธรรมและคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ในการเรียน
46 เน้อื หาสาระ ในหนังสือเรียน วิชา วทิ ยาศาสตร์เพื่อพัฒนาอาชพี ช่างอุตสาหกรรม(Science for Industry)รหสั วิชา 20000-1302 หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ พุทธศักราช 2562ประเภทวิชา ช่างอุตสาหกรรมหมวดวิชา ทกั ษะชีวติ กลุ่มวชิ า วิทยาศาสตร์ รวบรวมโดย นายเกยี รติภมู ิ ซุยโลน้ บทที่ 3 เรือ่ ง แรงและการเคล่ือนที กจิ กรรมการเรียนการสอน กิจกรรมครู กจิ กรรมนักเรียน 1. การนาเข้าสู่บทเรยี น(10 นาที) ครทู บทวนเก่ียวกับแรงชนิดตา่ ง ๆ และกฎของนิวตนั ฟังและตอบคาถามท่ีเรียน ที่เรียนไปแลว้ ผ่านมาแลว้ 2. การประกอบกจิ กรรมการเรยี นการสอน (140 นาที) 1. ผู้สอนให้เนอ้ื หาตามใบความรพู้ ร้อมท้งั อธบิ ายประกอบ 1. ฟังและคิดตามครูตอบคาถาม PowerPoint /Internet หัวขอ้ เรื่อง กฎขอ้ ทส่ี องของนิวตนั เท่าท่ีทราบ ร่วมสนทนาอภปิ ราย กฎข้อทีส่ ามของนวิ ตัน รอก แสดงความคิดเหน็ 2. ใหน้ ักเรยี นจดั แบ่งกล่มุ กลุม่ ละ 5-6 คน และให้นกั เรียน 2. ปฏบิ ตั ติ ามการทดลองที่ 3 ปฏิบัตติ ามการทดลอง ที่ 3 และใหบ้ นั ทกึ ผลตามแบบบันทึกผล และบันทกึ ลงในแบบบันทกึ ผล การทดลอง(ส่อื รายเละเอียดของอุปกรณก์ ารทดลอง การทดลอง อยู่ในใบปฏิบตั กิ ารทดลองที่ 3) 3. ผสู้ อนและนักเรยี นรว่ มกนั อธปิ รายสรปุ ผลการ 3. ร่วมกันอธปิ รายและสรปุ ผล ทดลอง การทดลอง 4. ผู้สอนมอบหมายงาน ตามใบมอบหมายงานที่ 4. ทาตามใบมอบหมายงาน 3/1(งานกล่มุ ) และ 3/2 (งานเดีย่ ว) ใหน้ ักเรียนทาเป็นการบ้าน ท่ี 3/1 และ 3/2 ใหน้ ามาสง่ และใหน้ ามาสง่ ในครง้ั ตอ่ ไป ในคร้งั ตอ่ ไป 3. ขน้ั สรปุ ผล(10 นาท)ี ผู้สอนอภิปรายสรปุ ใหไ้ ด้เนอื้ หาตามหัวขอ้ เร่ือง กฎขอ้ ที่ 2 รับฟงั การอภปิ รายสรุปและ และ 3 ของนิวตนั รอก ซักถาม 4. ทาแบบทดสอบหลังเรยี น (20 นาท)ี 4. ทาแบบทดสอบหลงั เรียน ใหน้ ักเรยี นทาแบบทดสอบก่อนเรยี น 2 0 ขอ้ เปน็ ขอ้ สอบแบบ นกั เรียนทาแบบทดสอบหลงั ปรนยั ชนดิ 4 ตวั เลอื ก (แบบทดสอบก่อนเรียน/หลังเรยี น) เรียน จานวน 20 ข้อ ใชเ้ วลา 5. ผูส้ อน ตรวจแบบฝึกหัด การทดลองและประเมินผลทกุ อย่าง 20 นาที ใหเ้ ปน็ ปัจจบุ นั รวมเวลา 180 นาที ส่อื การเรียนการสอนและแหลง่ การเรยี นรู้ 1. แบบทดสอบ หลงั เรยี นท่ี 3 2. แบบเฉลยแบบทดสอบ หลังเรียน ท่ี 3 3. หนังสือเรียน ทร่ี วบรวมโดย นางศวิ รักษ์ บญุ ประเสริฐ 4. ใบปฏบิ ัตกิ ารทดลองที่ 3
47 4.1 ถุงทราย 500 กรมั จานวน 4 ถงุ 4.2 แผน่ ไม้ 4.3 รางไม้ 4.4. ตาชัง่ สปรงิ 5. แนวทางการบนั ทกึ ผลการทดลองที่ 3 6. แบบประเมินผลปฏิบัติการทดลองที่ 3 7. ใบมอบหมายงานที่ 3/1 และ 3/2 8. แบบเฉลยใบมอบหมายงานที่ 3/1 และ 3/2 9. PowerPoint แผ่นที่ 3/1 – 3/32 10. Internet (http://rmutphysics.com.) 11. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมที่ 3 แหล่งเรียนรู้ 1. หอ้ งเรียนวทิ ยาศาสตร์ 2. ห้องสมุดวทิ ยาลยั เทคนคิ นครสวรรค์ 3. หอ้ งคอมพวิ เตอร์ การวัดผลและการประเมินผล 1. เคร่ืองมือวดั ผล 1.1 แบบทดสอบก่อนเรยี น/หลงั เรยี น 1.2 แบบบนั ทึกผลปฏบิ ัติการทดลองท่ี 3 1.3 แบบฝึกหัดที่ 3/1 และ 3/2 1.4 แบบสงั เกตพฤติกรรมขณะเรียน 1.5 แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิทางการเรยี นชุดการสอนที่ 3 2. วิธีวดั ผล 2.1 ตรวจแบบทดสอบก่อนเรยี น/หลังเรยี น 2.2 ตรวจใบบนั ทึกผลการปฏิบัติการทดลองที่ 3 2.3 ตรวจแบบฝกึ หัด ท่ี 3/1 และ 3/2 2.4 การสังเกตพฤตกิ รรมขณะเรียน 2.5 แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนชุดการสอนที่ 3 3. เกณฑ์การประเมนิ ผล ประเมนิ จากการทากจิ กรรมระหว่างเรียนและการทดสอบหลังเรยี น ผ่านเกณฑ์ ร้อยละ 60 ข้นึ ไป เอกสารอ้างอิง กระทรวงศึกษาธิการ. หนังสอื เรยี นวิทยาศาสตรช์ ่างอุตสาหกรรม เลม่ 1-2-3. ระดบั ประกาศนียบตั ร วชิ าชีพ. กรงุ เทพฯ: ครุ สุ ภา, 2535. จกั รนิ ทร์ วรรณโพธก์ ลาง.รวมสุดยอดเทคนิค ฟสิ กิ ส์ Entrance. กรุงเทพฯ: สานักพิมพพ์ ัฒนา ศกึ ษา, 2544. ชเู กยี รติ จารธุ กจิ พานชิ . วทิ ยาศาสตร์ 2. กรงุ เทพฯ: สานักพมิ พแ์ มค็ , มปป.
48 นิรันดร์ สุวรตั น.์ ค่มู อื ฟสิ ิกส์ ม. 4 -5-6 . กรงุ เทพฯ: สานกั พิมพ์ พ.ศ. พัฒนา, 2544. ราชบัณฑิตยสถาน. ศัพท์วิทยาศาสตร์. ฉบับราชบัณฑติ ยสถาน.กรุงเทพฯ: ราชบัณฑติ สถาน, 2546. สถาบนั สง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี. ฟสิ ิกส์ เลม่ 1 ช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี 4. กรุงเทพฯ: โรงพิมพค์ ุรสุ ภาลาดพรา้ ว, 2544. บันทกึ หลงั การสอน 1. ผลการใชแ้ ผนการจัดการเรียนรู้ .............................................................................................................................................................................. ........................................................................................................................................................................ 2. ผลการเรียนของนกั เรียน/ผลการสอนของครู/ปญั หาทีพ่ บ .............................................................................................................................................................................. ........................................................................................................................................................................ 3. แนวทางการแกป้ ัญหา .............................................................................................................................................................................. ........................................................................................................................................................................
49 แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 8 บทท่ี 4 ชอื่ วิชา วิทยาศาสตรเ์ พื่อพฒั นาอาชพี ช่างอตุ สาหกรรม เวลาเรียนรวม 9 คาบ ช่ือหน่วย การเคลือ่ นทแ่ี บบตา่ ง ๆ สอนครั้งท่ี 8/17 1. ช่อื เรือ่ ง การเคล่ือนท่แี บบโพรเจกไทล์ จานวน 3 คาบ หวั ข้อเรื่อง 2. การเคลอ่ื นที่แบบโพรเจกไทล์ 1.1 การเคลอ่ื นทีใ่ นแนวระดับ 1.2 การเคล่ือนท่ีเมื่อจดุ เร่มิ ต้นและจุดสุดท้ายอยู่ในระดับเดยี วกัน 1.3 การเคล่ือนท่ีของวตั ถทุ ีต่ กบนพน้ื เอยี ง สาระสาคัญ/แนวคิดสาคญั วตั ถุมีการเคล่ือนท่ีแบบต่าง ๆ เช่น การเคล่ือนท่ีแบบโพรเจกไทล์ หรือการเคลื่อนที่ แบบวิถี่โค้ง มี ลักษณะการเคล่ือนท่ี 3 แบบด้วยกันคือ 1. การเคล่ือนท่ีในแนวระดับ 2. การเคลื่อนที่เม่ือจุดเร่ิมต้นและจุด สดุ ท้ายอยู่ในระดับเดียวกัน 3. การเคลอื่ นทีข่ องวตั ถทุ ่ตี กบนพืน้ เอยี ง สมรรถนะ 1. คานวณหา ความเรว็ ต้น ความเรว็ ปลาย ความเร่ง เวลา ระยะกระจัดของการเคล่อื นท่ีแบบ โพรเจกไทล์ ไดอ้ ย่างถกู ตอ้ ง 2. อธิบายลกั ษณะการเคลื่อนทีแ่ บบโพรเจกไทล์ได้อยา่ งถูกตอ้ ง 3. ใช้ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ได้อยา่ งเหมาะสม จุดประสงค์การเรียนรู้ จุดประสงคท์ ั่วไป 1. เพ่ือให้มคี วามร้คู วามเข้าใจและอธบิ ายลักษณะการเคลื่อนทแ่ี บบโพรเจกไทล์ ในลกั ษณะตา่ ง ๆ ที่ใช้ในชีวิตประจาวัน 2. เพ่อื ให้มคี วามรูค้ วามเขา้ ใจวิธีการวดั หาค่าต่าง ๆ ของการเคลือ่ นทแี่ บบ โพรเจกไทล์ ในลกั ษณะต่าง ๆ 3. เพือ่ ใหม้ ีทักษะการทดลอง โดยใช้กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ 4. เพือ่ สร้างกจิ นสิ ัยให้แสดงพฤติกรรมดา้ นคณุ ธรรมด้านคุณธรรมและจริยธรรม และคา่ นยิ มที่ พงึ ประสงค์ จดุ ประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม ด้านความรู้ 1. อธิบายลักษณะการเคลอื่ นท่แี บบโพรเจกไทล์ลักษณะตา่ ง ๆ ได้ 3. คานวณหาค่าตา่ ง ๆ ในการเคล่ือนท่แี บบโพรเจกไทล์ ได้ 4. อธิบายถงึ ลักษณะการเคลื่อนทแี่ บบโพรเจกไทล์ในลักษณะตา่ ง ๆ ที่ใชใ้ นชีวิตประจาวนั ได้ ดา้ นทกั ษะ 1. ใช้ทักษะการวัดได้ 2. ใช้ทักษะการสังเกตส่งิ ต่าง ๆ จากการทดลองได้ 3. ใช้ทกั ษะการคานวณหาค่า ในการเคล่อื นทแี่ บบตา่ ง ๆ ได้ 5. ใช้ทกั ษะการตั้งสมมติฐานในการทดลองได้
50 6. ใชท้ กั ษะการทดลองจากการทดลองได้ 7. ใช้ทกั ษะการลงความเห็นจากขอ้ มลู และสรุปผลการทดลองได้ 8. ใชท้ ักษะการจดั ทาและสอ่ื ความหมายข้อมูล 9. ใช้วิธีการทางวทิ ยาศาสตร์ท้ัง 5 วิธี ไดอ้ ย่างถูกต้อง ดา้ นจิตพิสยั มีคณุ ธรรมจริยธรรมและลกั ษณะอันพงึ ประสงคใ์ นการเรียน เนอื้ หาสาระ ในหนังสือเรยี น วิชา วทิ ยาศาสตรเ์ พอื่ พัฒนาอาชพี ช่างอุตสาหกรรม(Science for Industry) รหสั วชิ า 20000-1302 หลักสูตรประกาศนยี บัตรวชิ าชพี พทุ ธศกั ราช 2562ประเภทวิชา ชา่ งอตุ สาหกรรม หมวดวิชา ทกั ษะชวี ิต กล่มุ วชิ า วทิ ยาศาสตร์ รวบรวมโดย นายเกยี รตภิ มู ิ ซุยโล้นบทที่ 4 เรอ่ื ง การเคลื่อนท่ี แบบตา่ ง ๆ กจิ กรรมการเรยี นการสอน กจิ กรรมครู กิจกรรมนกั เรียน 1. แจกแบบทดสอบกอ่ นเรียน (20 นาที) 1. ทาแบบทดสอบก่อนเรยี น ใหน้ กั เรียนทาแบบทดสอบก่อนเรียน 20 ขอ้ นกั ศกึ ษาทกุ คนทาแบบทดสอบกอ่ น เปน็ ขอ้ สอบแบบปรนยั ชนดิ 4 ตัวเลือก เรียน จานวน 20 ข้อ ใชเ้ วลา 20 นาที 2. นาเข้าส่บู ทเรียน (10 นาที) 2. นาเข้าสบู่ ทเรยี น (10 นาท)ี โดยใช้ชุดเสรมิ ทกั ษะกระบวนทางวิทยาศาสตร์ นักศึกษา ลองเปลี่ยนกนั ปฏบิ ตั ิ Science Show เรื่อง รว่ ง หรอื ไมร่ ่วง 3. ข้นั สอน (140 นาท)ี 3. ข้นั เรยี น 3.1 ผูส้ อนใหเ้ นือ้ หาตามใบความร้พู ร้อมท้ังอธบิ าย 3.1 ฟังและคิดตามครูตอบคาถาม ประกอบ PowerPoint/Internet หัวข้อเร่ือง การเคลอ่ื นท่ี เท่าท่ีทราบ รว่ มสนทนาอภิปราย แบบโพรเจกไทล์ การเคลอื่ นที่ในแนวระดบั การเคล่ือนที่ แสดงความคิดเห็น เม่ือจุดเรม่ิ ตน้ และจุดสุดทา้ ยอยใู่ นระดบั เดียวกนั การเคลื่อนทขี่ องวัตถุท่ีตกบนพ้ืนเอยี ง การเคล่อื นที่แบบ 3.4 ผู้สอนมอบหมายงาน ตามใบมอบหมายงาน 3.4 ทาตามใบมอบหมายงานที่ 4/1 และ 4/2 ที่ 4/1(งานกลมุ่ ) และ 4/2 (งานเด่ียว) ใหน้ ักเรียน โดยนามาส่งในเวลาที่กาหนด ทาเปน็ การบา้ นและใหน้ ามาสง่ ภายใน 2 อาทติ ย์ 3.5 ผู้สอน ตรวจแบบฝกึ หดั การทดลองและเมินผล ทกุ อย่างใหเ้ ปน็ ปจั จุบัน 4. ข้นั สรปุ 4. ข้นั สรุปเนือ้ หา (10 นาที) ร่วมกันอธปิ รายและสรปุ เร่ือง การ สรุปเนือ้ หาทเี่ รียน เรอื่ ง การเคลื่อนทแี่ บบโพรเจกไทล์ เคลอ่ื นท่ีแบบโพรเจกไทล์การเคล่อื นที่ใน การเคล่ือนทใี่ นแนวระดับ การเคลื่อนทเี่ มอ่ื จดุ เร่ิมต้นและ แนวระดบั การเคลอื่ นท่ีเมือ่ จดุ เริ่มต้น จดุ สุดทา้ ยอยู่ในระดบั เดียวกัน การเคล่อื นทขี่ องวตั ถุท่ตี ก และจุดสุดท้ายอยู่ในระดบั เดียวกนั การ เคลอ่ื นที่ของวตั ถุท่ีตก บนพ้นื เอยี ง บนพื้นเอยี ง รวมเวลา 180 นาที
Search