Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เอกสารประกอบการติว โอเน็ต วิชาโลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ

เอกสารประกอบการติว โอเน็ต วิชาโลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ

Published by uchn107, 2019-10-20 04:13:49

Description: เล่มที่ 1

Search

Read the Text Version

เ อ ก ส า ร ป ร ะ ก อ บ ก า ร ติ ว O - N E T โ ด ย ค รู ด ว ง สุ ด า ส า จั น ท ร์ | 1 เตรียมสอบ O-NET วชิ า โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ สาระ 6 กระบวนการเปลยี่ นแปลงของโลก มาตรฐาน ว 6.1 เขา้ ใจกระบวนการต่าง ๆ ที่เกิดข้ึนบนผิวโลกและภายในโลก ความสัมพันธ์ ของกระบวนการตา่ ง ๆ ท่ีมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ ภูมิประเทศ และสัณฐานของโลก มีกระบวนการสืบเสาะหาความรู้และจิตวิทยาศาสตร์ ส่ือสารส่ิงที่เรียนรู้และนาความรู้ ไปใชป้ ระโยชน์ ตัวชว้ี ดั ม.4-6/1 สืบค้นและอธิบายหลกั การในการแบง่ โครงสรา้ งโลก 1. ชัน้ “ฐานธรณีภาค” อยตู่ รงสว่ นใดของโครงสร้างโลก ก. ช้นั เปลือกโลก ข. รอยตอ่ ชน้ั เปลือกโลกกับช้ันเนอ้ื โลก ข. ชัน้ เน้อื โลก ง. รอยตอ่ ชัน้ เนื้อโลกกบั ช้ันแก่นโลก 2. ขอ้ ความใด ไมถ่ กู ตอ้ ง เก่ียวกับโลก ก. ภายในโลกมคี วามรอ้ นและอณุ หภมู ิสงู มาก ข. เปลือกโลกเป็นช้นั ทบี่ างท่ีสดุ และมคี วามหนาสม่าเสมอ ค. โครงสร้างภายในโลก แบง่ ออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ เปลือกโลก เน้ือโลก และแกน่ โลก ง. สัณฐานของโลกมีรูปร่างกลมรี เส้นผ่านศูนย์กลางในแนวนอนยาวกว่าเส้นผ่าน ศูนยก์ ลางในแนวด่งิ 3. “ธรณีภาค” มคี วามหมายตรงตามขอ้ ใด ก. ชั้นเนอ้ื โลกสว่ นบนกบั ชน้ั เปลือกโลก ข. ชน้ั เนือ้ โลกส่วนลา่ งกบั ชน้ั แก่นโลก ค. ชั้นในเนือ้ โลกท้ังหมดกบั ชน้ั เปลอื กโลก ง. ช้นั เปลอื กโลกเพียงอยา่ งเดยี ว

เ อ ก ส า ร ป ร ะ ก อ บ ก า ร ติ ว O - N E T โ ด ย ค รู ด ว ง สุ ด า ส า จั น ท ร์ | 2 4. นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า เราสามารถศึกษาลักษณะและส่วนประกอบของโลกของเรา เมื่อคร้ัง แรกเริ่มเกดิ ขึ้นได้จากวัตถุในข้อใด ก. หนิ บะซอลต์ ข. เพชร ค. อุกกาบาต ง. อุลกมณี 5. คล่ืนไหวสะเทอื นจะมีการเดินทางในตัวกลางในข้อใดไดเ้ รว็ ทส่ี ุด ก. ของแข็ง ข. ของเหลว ค. แก๊ส ง. มคี วามเรว็ เทา่ กันทงั้ 3 ชนิด 6. ในการศึกษาชนั้ ของโลก นักวทิ ยาศาสตร์สามารถศึกษาลาดับชนั้ หนิ บรเิ วณรอยตอ่ ระหวา่ งเปลอื กโลกกบั เน้ือโลกได้จากขอ้ ใด ก. ตัวอย่างหินจากดวงจนั ทร์ ข. พื้นท้องมหาสมุทรแอตแลนตกิ ค. ภูเขาไฟฟูจิ ประเทศญี่ปุ่น ง. ชดุ หนิ โอฟิโอไลต์ ประเทศโอมาน จ. หลมุ เจาะที่บรเิ วณคาบสมทุ รโคลา ประเทศรัสเซยี 7. พจิ ารณาขอ้ ความต่อไปน้ี 1. เนอ้ื โลกมมี วลมากทส่ี ุดของโครงสร้างโลกท้งั หมด 2. เนือ้ โลกตอนบนประกอบด้วยหนิ อัลตราเมฟกิ 3. ฐานธรณภี าคเป็นส่วนหนึ่งของเน้ือโลก ขอ้ ความใดอธิบายลกั ษณะของเน้อื โลกได้ถกู ต้อง ก. 1 ข. 2 ค. 1 และ 2 ง. 2 และ 3 จ. 1, 2 และ 3

เ อ ก ส า ร ป ร ะ ก อ บ ก า ร ติ ว O - N E T โ ด ย ค รู ด ว ง สุ ด า ส า จั น ท ร์ | 3 ตัวช้ีวัด ม.4-6/2 ทดลองเลียนแบบและอธิบายกระบวนการเปลี่ยนแปลงทางธรณภี าคของโลก ตัวชว้ี ัด ม.4-6/3 ทดลองเลียนแบบและอธิบายกระบวนการเกิดภูเขา รอยเล่ือน รอยคดโค้ง แผ่นดนิ ไหว ภูเขาไฟระเบิด 8. เทือกเขาหมิ าลัย เกดิ จากปรากฏการณท์ างธรณภี าคแบบใด ก. การเกิดแผ่นดินไหว ข. การแยกตวั ของแผ่นเปลือกโลก ค. การชนกนั ของแผ่นเปลือกโลก ง. การระเบิดของภูเขาไฟ 9. พ้ืนทใี่ นข้อใดที่อยู่ในบรเิ วณท่เี รยี กวา่ “วงแหวนแห่งไฟ” ก. แนวรอยตอ่ ภเู ขาหมิ าลัยในทวีปเอเชยี ข. บรเิ วณเทือกเขากลางมหาสมุทรแอตแลนตกิ ค. บริเวณขอบมหาสมทุ รแปซิฟิกทงั้ หมด ง. บรเิ วณภูเขาแอลปใ์ นทวปี ยุโรป 10. มาตราที่ใชบ้ อกความเสียหายเน่ืองจากแผ่นดินไหวคืออะไร ก. รกิ เตอร์ ข. เมอรค์ ัลลี ค. โมห์ ง. เวนสเ์ วอรด์ 11. บริเวณหบุ เขาทรดุ ตวั ตามแนวสันเขากลางมหาสมทุ รมีการเคลื่อนตัวของขอบแผ่นธรณีภาค ในลักษณะใดท่ีสาคัญ ก. เคลอ่ื นตัวหนีห่างออกจากกนั ข. เคลอ่ื นตัวเข้าหากัน ค. เคลอ่ื นตัวมุดลงไปใต้อกี แผน่ ง. เคล่อื นตวั เฉือนกัน

เ อ ก ส า ร ป ร ะ ก อ บ ก า ร ติ ว O - N E T โ ด ย ค รู ด ว ง สุ ด า ส า จั น ท ร์ | 4 12. การเกิดแผน่ ดนิ ไหวเกิดขน้ึ ทีส่ ่วนใดของโครงสร้างโลก ก. ฐานธรณภี าค ข. ธรณีภาค ค. แก่นโลก ง. ชัน้ ของโครงสรา้ งโลกที่มหี นิ หลอมละลาย 13. เม่ือเปลือกโลกภาคพ้ืนทวีปกับเปลือกโลกภาคพ้ืนมหาสมุทรชนกัน จะเกิดเหตุการณ์ ลักษณะใด ก. ทง้ั เปลอื กโลกภาคพน้ื ทวีปและเปลือกโลกภาคพื้นมหาสมทุ รจะยกตัวขึน้ ข. ทัง้ เปลอื กโลกภาคพ้ืนทวีปและเปลอื กโลกภาคพื้นมหาสมทุ รจะจมตวั ลง ค. เปลือกโลกภาคพ้ืนทวปี จะถกู ยกตัวขึ้น ส่วนเปลือกโลกภาคพืน้ มหาสมทุ รจะจมลง ง. เปลือกโลกภาคพื้นทวีปจะจมลง ส่วนเปลือกโลกภาคพ้ืนมหาสมทุ รจะถูกยกตวั ขึ้น 14. สาเหตุใดท่ีทาให้แผ่นธรณีภาคมีการเคล่อื นท่ี ก. การหมุนรอบตวั เองของโลก ข. หนิ บนเปลือกโลกเกิดการทรุดตวั ค. การเคลื่อนทข่ี องหนิ หนืดในชนั้ เนอื้ โลก ง. การปรับสมดลุ เพ่ือระบายความร้อนภายในโลก 15. หลกั ฐานใดไมไ่ ดส้ นบั สนุนทฤษฎกี ารเลอื่ นไหลของทวปี ก. ฟอสซลิ ของทวีปที่ต่อกันมีลักษณะเหมือนกนั ข. ทวีปตา่ งๆ ในปัจจบุ นั สามารถนามาตอ่ กันไดอ้ ย่างพอดี ค. ลกั ษณะของคนชาวอเมรกิ าใต้กบั คนชาวอเมริกาเหนือคลา้ ยกัน ง. หินในบรเิ วณขอบของทวปี ทต่ี อ่ กันเป็นชนิดเดยี วกัน และเกิดในยคุ ใกลเ้ คียงกนั

เ อ ก ส า ร ป ร ะ ก อ บ ก า ร ติ ว O - N E T โ ด ย ค รู ด ว ง สุ ด า ส า จั น ท ร์ | 5 16. ตามทฤษฎีการแปรสัณฐานแผ่นธรณีภาค (plate tectonics) ข้อใดไม่ได้รวมอยู่ในทวีป “กอนด์วานา\" ก. ทวีปแอฟริกา ข. ทวปี อนิ เดีย ค. ทวีปอเมริกาเหนือ ง. ทวปี ออสเตรเลีย 17. การเกดิ สนึ ามิเม่อื วนั ท่ี 26 ธนั วาคม 2547 เกดิ จากการชนของแผ่นทวีปใด ก. ออสเตรเลีย – อนิ เดยี กับ แผน่ ยูเรเซีย ข. แผ่นอนิ โดนเี ซีย กบั แผ่นแปซิฟกิ ค. แผ่นยเู รเซยี กบั แผ่นแปซฟิ ิก ง. แผน่ อินโดนีเซีย กับ แผน่ ฟลิ ิปปินส์ 18. ลักษณะที่โดดเด่นเก่ียวกับการเปลี่ยนแปลงทางธรณีวิทยาของมหาสมุทรแอตแลนติก คอื ข้อใด ก. การเกดิ ข้นึ ของเทือกเขากลางมหาสมุทรที่ทอดโค้งไปตามแนวของทวีป ข. การชนกนั ของแผน่ ธรณีภาคภาคพื้นมหาสมุทรกับแผน่ ธรณีภาคภาคพ้นื มหาสมทุ ร ค. การเกดิ ขน้ึ ของวงแหวนแห่งไฟรอบมหาสมทุ ร ง. การเกดิ เกาะเนือ่ งจากการระเบิดของภูเขาไฟท่ีกระจายตวั อยทู่ ั่วมหาสมทุ ร 19. จากข้อมลู ในอดตี ท่ีผ่านมา ข้อใดคือบริเวณที่เกิดแผ่นดินไหวที่ค่อนข้างรุนแรง และมากท่ีสุด ของโลก ก. แนวรอยตอ่ ของแผน่ ธรณีภาคบริเวณเทอื กเขาแอลป์และหิมาลยั ข. แนวรอยต่อของแผน่ ธรณีภาคบริเวณขอบมหาสมุทรแปซิฟกิ ค. แนวรอยตอ่ ของแผน่ ธรณีภาคบริเวณแนวสันกลางมหาสมทุ รแอตแลนติก ง. ไม่มีข้อใดถูกตอ้ ง

เ อ ก ส า ร ป ร ะ ก อ บ ก า ร ติ ว O - N E T โ ด ย ค รู ด ว ง สุ ด า ส า จั น ท ร์ | 6 20. เมือ่ ประมาณ 200 ล้านปีทีแ่ ล้ว มหาทวปี พันเจีย เริ่มแยกออกเป็น 2 มหาทวปี ใด ก. ลอเรเชีย และ กอนดว์ านา ข. ยเู รเซยี และ กอนดว์ านา ค. อเมรกิ า และ อัฟรกิ า ง. เอเชยี และ ออสเตรเลีย 21. การเกดิ ร่องลึกก้นสมทุ รมาเรียน่า เปน็ การเคลื่อนทส่ี มั พัทธ์ของแผน่ ธรณภี าค ในลกั ษณะใด ก. การเคลอื่ นทีแ่ บบแยกออกจากกนั ข. การเคล่ือนท่ีแบบเขา้ หากัน ค. การเคลื่อนทแ่ี บบผา่ นกนั ง. ถูกทุกข้อ 22. การเกิดภูเขาไฟในประเทศใดต่อไปน้ี ท่ีเกิดขึ้นจากกระบวนการท่ีแตกต่างจากข้ออ่ืน มากทีส่ ดุ ก. ญ่ีปุ่น ข. นิวซีแลนด์ ค. อินโดนเี ซยี ง. ไอซแ์ ลนด์ 23. ข้อใดกล่าวได้ถกู ตอ้ งเกี่ยวกับคล่ืนไหวสะเทอื น ก. คลืน่ พน้ื ผวิ มีอัตราของการเคลอื่ นท่ีเรว็ กว่าคล่ืนในตวั กลาง ข. คล่ืนพนื้ ผวิ มี 2 ชนิด คอื คล่ืนปฐมภมู แิ ละคลื่นทุติยภมู ิ ค. คลืน่ ปฐมภมู ไิ มส่ ามารถเคลอ่ื นทผี่ ่านตัวกลางที่เปน็ ของแข็งได้ ง. คลื่นทุตยิ ภูมไิ ม่สามารถเคลอื่ นท่ีผา่ นตวั กลางท่เี ป็นของเหลวได้ จ. คล่นื ในตวั กลางทกุ ชนดิ สามารถเคลือ่ นท่ีผ่านตัวกลางทีเ่ ป็นของแขง็ ได้

เ อ ก ส า ร ป ร ะ ก อ บ ก า ร ติ ว O - N E T โ ด ย ค รู ด ว ง สุ ด า ส า จั น ท ร์ | 7 24. หลักฐานอายุหินบริเวณพื้นมหาสมุทรท่ีใช้สนับสนุนทฤษฎีทวีปเล่ือนและการขยายตัว ของพ้นื ทอ้ งมหาสมุทรไดจ้ ากการศึกษาหินในข้อใด ก. หินแกรนิต ข. หนิ ทราย ค. หนิ บะซอลต์ ง. หินปูน จ. หินออบซิเดยี น 25. ข้อใดเป็นรอยตอ่ แบบแยกออกจากกัน ของแผน่ ธรณภี าคใต้มหาสมทุ ร ก. เทือกเขากลางมหาสมทุ รเแอตแลนติก ข. ทะเลแดง ค. รอยเลื่อนอลั ไพน์ ง. ร่องลกึ กน้ สมุทรมาริอานาส์ จ. หม่เู กาะฮาวาย 26. รอยเลื่อนซานแอนเดรยี สในประเทศสหรัฐอเมรกิ าเป็นรอยเลอ่ื นแบบใด ก. รอยเลอ่ื นปกติ ข. รอยเลื่อนย้อน ค. รอยเลอื่ นยอ้ นมุมตา่ ง. รอยเล่อื นตามแนวมุมเท จ.รอยเลอ่ื นตามแนวระดบั 27. หินบะซอลต์บริเวณสันเขาใต้มหาสมุทรจะมีอายุน้อยที่สุดและมีอายุแก่มากขึ้นเรื่อยๆ เมื่ออยู่ห่างออกไปจากแนวกลางสันเขาใต้มหาสมุทรในลักษณะเกือบสมมาตร จาก สถานการณข์ ้างตน้ สอดคล้องกบั การแยกตัวของแผน่ ดินในข้อใด ก. แผ่นธรณี ข. แผ่นธรณีทวีป ค. เปลือกโลกทวีป ง. แผ่นธรณีมหาสมุทร จ. เปลือกโลกมหาสมุทร

เ อ ก ส า ร ป ร ะ ก อ บ ก า ร ติ ว O - N E T โ ด ย ค รู ด ว ง สุ ด า ส า จั น ท ร์ | 8 28. พจิ ารณากระบวนการทางธรณวี ทิ ยาตอ่ ไปนี้ 1. เปลือกโลกทวปี ชนกบั เปลอื กโลกทวีป 2. แผน่ ธรณีทวีปชนกับแผน่ ธรณที วปี 3. แผ่นอินเดยี - ออสเตรเลยี ชนกบั แผน่ ยูเรเซีย เทอื กเขาหิมาลยั เกดิ จากกระบวนการทางธรณวี ิทยาข้อใด ก. 1 ข. 2 ค. 3 ง. 1 และ 3 จ. 2 และ 3 29. ข้อใดถกู ตอ้ งท่สี ดุ ก. ภเู ขาไฟสว่ นใหญพ่ บบนเกาะที่อยู่ตรงขอบของแผ่นธรณีภาค แผ่นดินไหวขนาดใหญ่ ส่วนใหญ่เกดิ ในแผน่ ดนิ ทอี่ ย่ตู รงกลางของแผน่ ธรณภี าค ข. ภูเขาไฟและแผ่นดนิ ไหวขนาดใหญ่มักเกิดตามแนวขอบของแผน่ ธรณีภาค ค. ภูเขาไฟส่วนใหญ่เกิดตรงใจกลางของแผ่นธรณีภาคและแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ มกั เกดิ ตามแนวขอบของแผ่นธรณภี าค ง. ทั้งภูเขาไฟและแผ่นดินไหวขนาดใหญ่มักเกิดในภูมิอากาศเขตร้อนใกล้กับ แผ่นธรณภี าค

เ อ ก ส า ร ป ร ะ ก อ บ ก า ร ติ ว O - N E T โ ด ย ค รู ด ว ง สุ ด า ส า จั น ท ร์ | 9 30. ภาพแสดงแนวหินบะซอลต์ที่เกิดข้ึนในช่วงเวลาต่างกันและสะสมตัวเป็นเทือกสันเขา ใต้สมุทร ซ่ึงเกิดจากการเย็นตัวของลาวาที่ปะทุแทรกข้ึนมาในแนวรอยแตกของเปลือกโลก บรเิ วณพืน้ สมทุ รกง่ึ กลางระหว่างทวปี อเมริกาใต้กับทวปี แอฟรกิ า เปน็ ดังน้ี แนวรอยแตกของเปลอื กโลก การเคล่ือนท่ีของแผ่นธรณีลักษณะใด เป็นสาเหตุหลักทาให้เกิดแนวเทือกสันเขา ใตส้ มทุ รระหวา่ งทวปี อเมริกาใต้กบั ทวีปแอฟรกิ า ดงั ภาพ ก. การมดุ ตัวของแผน่ ธรณอี เมรกิ าใตล้ งใต้แผ่นธรณีแอฟรกิ า ข. การมุดตวั ของแผน่ ธรณแี อฟริกาลงใต้แผ่นธรณอี เมรกิ าใต้ ค. การเคลอ่ื นที่เฉอื นกนั ของแผน่ ธรณีอเมรกิ าใต้และแผ่นธรณีแอฟริกา ง. การเคลื่อนที่เขา้ หากนั ของแผน่ ธรณอี เมริกาใตแ้ ละแผน่ ธรณีแอฟริกา จ. การเคลอ่ื นท่ีแยกออกจากกนั ของแผ่นธรณีอเมริกาใต้และแผ่นธรณีแอฟริกา

เ อ ก ส า ร ป ร ะ ก อ บ ก า ร ติ ว O - N E T โ ด ย ค รู ด ว ง สุ ด า ส า จั น ท ร์ | 10 31. ในการเกิดแผ่นดินไหวคร้ังหนึ่ง พบว่า สถานีตรวจวัดคล่ืนไหวสะเทือน A B C และ D ที่ตง้ั อยู่ ณ ตาแหน่งตา่ ง ๆ บนผวิ โลก ตรวจวัดคลนื่ ไหวสะเทอื น ณ ช่วงเวลาเดยี วกนั ได้ดงั ภาพ กาหนดให้ เครอ่ื งวัดความไหวสะเทอื นทั้งสเ่ี ครือ่ งตงั้ เวลามาตรฐานตรงกัน

เ อ ก ส า ร ป ร ะ ก อ บ ก า ร ติ ว O - N E T โ ด ย ค รู ด ว ง สุ ด า ส า จั น ท ร์ | 11 จากภาพ ตาแหน่งของสถานีตรวจวัดคลื่นไหวสะเทือน A B C และ D บนผิวโลก สอดคล้องกับภาพใดตอ่ ไปนี้

เ อ ก ส า ร ป ร ะ ก อ บ ก า ร ติ ว O - N E T โ ด ย ค รู ด ว ง สุ ด า ส า จั น ท ร์ | 12 32. ภาพแสดงแผ่นธรณแี ละการเคล่อื นทข่ี องแผน่ ธรณีลักษณะต่าง ๆ บนโลก เป็นดังนี้ จากภาพ ข้อความใดต่อไปน้ีไมถ่ ูกต้อง ก. เมื่อเวลาผ่านไป มหาสมุทรระหว่างแผ่นธรณีแอนตาร์กติกกับแผ่นธรณี อินเดีย-ออสเตรเลยี จะมีขนาดกวา้ งขน้ึ เรือ่ ย ๆ ข. มีโอกาสพบร่องลึกก้นสมุทรท่ีบริเวณแนวรอยต่อระหว่างแผ่นธรณีอเมริกาเหนือ และแผน่ ธรณยี เู รเซีย ค. มีโอกาสพบแนวภูเขาไฟมีพลังตามแนวรอยต่อระหว่างแผ่นธรณียูเรเซีย และแผน่ ธรณี อนิ เดีย-ออสเตรเลยี ในบริเวณ A ง. แผน่ ดนิ ไหวที่บรเิ วณแนวรอยตอ่ ระหว่างแผน่ ธรณีอินเดยี -ออสเตรเลียและแผน่ ธรณี แปซิฟิก สว่ นใหญเ่ กิดจากการเคลื่อนทเ่ี ขา้ หากนั ของแผ่นธรณีทั้งสอง จ. ขณะท่ีขอบแผ่นธรณีอเมริกาใต้ด้านทิศตะวันออกแยกห่างจากแผ่นธรณีแอฟริกา ขอบแผน่ ธรณีอเมรกิ าใต้ด้านทิศตะวันตกจะเคล่ือนที่เข้าหาแผ่นธรณนี าสกา

เ อ ก ส า ร ป ร ะ ก อ บ ก า ร ติ ว O - N E T โ ด ย ค รู ด ว ง สุ ด า ส า จั น ท ร์ | 13 ตวั ชี้วดั ม.4-6/4 สืบค้นและอธบิ ายความสาคัญของปรากฏการณ์ทางธรณีวิทยา แผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบดิ ท่ีสง่ ผลต่อสง่ิ มีชีวติ และส่งิ แวดล้อม ตวั ช้ีวัด ม.4-6/6 สบื คน้ วเิ คราะห์ และอธิบายประโยชน์ของข้อมลู ทางธรณวี ทิ ยา 33. ความพรุนของหินท่ีเกิดขึน้ ภายหลังภเู ขาไฟระเบดิ ขน้ึ อยูก่ บั ปัจจยั ใด ก. รูปรา่ งและความสูงของภเู ขาไฟ ข. ตาแหน่งของรอยแยกบนพื้น ค. อตั ราการเย็นตัวของลาวา ง. องคป์ ระกอบทางเคมขี องแมกมา 34. ประเทศไทยได้รับผลจากแผ่นดินไหว อันเน่ืองมาจากการกระทบกันของแผ่นธรณีภาคคู่ใด มากทส่ี ุด ก. แผ่นยูเรเซียและแผน่ แปซฟิ ิก ข. แผ่นยูเรเซียและแผ่นอนิ เดยี ค. แผน่ แปซฟิ ิกและแผน่ นาสกา ง. แผน่ แอนตาร์กติกาและแผน่ ออสเตรเลยี -อนิ เดีย 35. ข้อใดคือสาเหตขุ องการเกดิ แผน่ ดินไหว ก. คล่ืนสนึ ามิ ข. โลกหมุน ค. น้าขึ้น – น้าลง ง. การเคลือ่ นตัวของแผ่นเปลอื กโลก 36. แผ่นดนิ ไหวท่ีรู้สึกได้ในประเทศไทย มกั จะมีศนู ย์เกดิ แผน่ ดนิ ไหวอยู่ในประเทศใด ก. ลาว ข. พม่า ค. เวียดนาม ง. อนิ โดนีเซีย

เ อ ก ส า ร ป ร ะ ก อ บ ก า ร ติ ว O - N E T โ ด ย ค รู ด ว ง สุ ด า ส า จั น ท ร์ | 14 37. ผลจากเหตกุ ารณ์ในขอ้ ใดไม่ได้เปน็ สาเหตุให้เกดิ แผน่ ดินไหว ก. การทดลองระเบิดปรมาณใู ตด้ นิ ข. การปะทขุ องภูเขาไฟอย่างรุนแรง ค. การผพุ งั ทางเคมขี องเปลือกโลก ง. การเคลื่อนทีเ่ ขา้ ชนกันของแผน่ เปลอื กโลก 38. บริเวณใดท่มี โี อกาสเกดิ ภูเขาไฟมากทีส่ ุด ก. แนวเทือกเขากลางมหาสมุทร ข. แนวรอยต่อของแผ่นธรณภี าค ค. บรเิ วณกลางของแผน่ ธรณภี าค ง. บรเิ วณที่มีการมุดตัวของแผ่นธรณีภาค 39. ขอ้ ใดไมอ่ ยู่ในบรเิ วณทเ่ี รียกวา่ \"วงแหวนแห่งไฟ (ring of fire)\" ก. บรเิ วณขอบมหาสมทุ รแปซิฟิกท้ังหมด ข. บรเิ วณรอยต่อภเู ขาแอลป์และภเู ขาหิมาลัย ค. ประเทศญป่ี ุ่นท้ังหมด ง. บริเวณด้านตะวนั ตกของประเทศเม็กซโิ ก 40. หนิ ของภูเขาใดต่อไปนไี้ มใช่หนิ ภเู ขาไฟ ก. ภพู ระองั คาร จงั หวดั บุรรี ัมย์ ข. ดอยผาคอกหนิ ฟู จังหวดั ลาปาง ค. ภูเขาพนมรุ้ง จงั หวดั บุรรี มั ย์ ง. ภูชี้ฟ้า จังหวัดเชยี งราย 41. เครื่องมือในขอ้ ใดทใ่ี ชต้ รวจวัดความไหวสะเทอื นของแผ่นดนิ ไหว ก. รกิ เตอรส์ เกล ข. เมอร์คลั ลีกราฟ ค. ไซสโมกราฟ ง. เครอ่ื งวดั จดุ เหนือศูนยเ์ กดิ แผ่นดนิ ไหว

เ อ ก ส า ร ป ร ะ ก อ บ ก า ร ติ ว O - N E T โ ด ย ค รู ด ว ง สุ ด า ส า จั น ท ร์ | 15 42. ขอ้ ใดต่อไปน้กี ล่าวถึงคลื่นสึนามิไม่ถกู ต้อง ก. ความเรว็ ของคลนื่ ขึน้ อย่กู บั ความลกึ ข. เปน็ คลน่ื นา้ ที่มีความยาวคล่ืน 80-200 กิโลเมตร ค. ปรากฏการณ์น้มี ักเกดิ บรเิ วณชายฝงั มหาสมุทรแปซฟิ ิก ง. จะเกิดขน้ึ ทุกคร้ังท่เี กิดแผ่นดินไหวขนาด 6.5 รกิ เตอรข์ ึ้นไปในมหาสมทุ ร 43. ข้อใดไม่ใช่หนิ ภูเขาไฟ ก. หนิ แกรนิต ข. หนิ บะซอลต์ ค. หินพมั มชิ ง. หนิ เหล็กไฟ จ. หนิ ออบซิเดียน 44. คล่ืนชนดิ ใดมีอตั ราเร็วในการเคล่อื นทแ่ี ผก่ ระจายออกไปมากท่ีสดุ ก. คล่นื ปฐมภูมิ ข. คลน่ื ทุติยภมู ิ ค. คล่นื เรย์ลี ง. คลืน่ เลิฟ จ. คลนื่ สนึ ามิ 45. นอกจากระดับความรุนแรงของแผ่นดินไหวจะข้ึนอยู่กับระยะห่างจากจุดเหนือศูนย์เกิด แผน่ ดนิ ไหวแล้ว ยงั ขน้ึ อยู่กบั สาเหตุในข้อใด ก. ความหนาแน่นของอาคารและสิ่งกอ่ สรา้ งในพื้นที่ ข. จานวนประชากรมนษุ ยท์ ี่อาศัยอยู่ในพื้นที่ ค. ชนดิ ของตะกอนหรือหินฐานที่รองรบั พื้นที่ ง. ระดับความสงู ของพนื้ ท่ี จ. ลักษณะภมู อิ ากาศของพน้ื ที่

เ อ ก ส า ร ป ร ะ ก อ บ ก า ร ติ ว O - N E T โ ด ย ค รู ด ว ง สุ ด า ส า จั น ท ร์ | 16 46. ทรัพยากรธรณหี รือแหลง่ ท่องเที่ยวในประเทศไทยขอ้ ใด ไม่มสี ่วนสมั พันธ์กับ หนิ ภูเขาไฟ ก. หนิ บะซอลต์ จงั หวดั ตราด ข. ดนิ ขาว จังหวัดลาปาง ค. พลอย จังหวดั จนั ทบรุ ี ง. ศิลาแลง จงั หวดั กาแพงเพชร จ. เขาพนมรงุ้ จังหวดั บุรีรมั ย์ 47. พิจารณาขอ้ ความตอ่ ไปน้ี 1. แผน่ แปซิฟกิ เป็นแผน่ ธรณีท่มี ขี นาดใหญท่ ส่ี ุด 2. ขอบของแผ่นธรณเี ปน็ รอยต่อทมี่ ีลกั ษณะเคล่ือนทเ่ี ข้าหากัน 3. มแี นวภูเขาไฟมีพลงั ข้อความใดเปน็ เหตุผลทีท่ าให้บริเวณรอบ ๆ มหาสมุทรแปซิฟิกเกิดแผ่นดินไหวมากกว่า รอ้ ยละ 80 ของแผ่นดนิ ไหวทัว่ โลก ก. 1 ข. 2 ค. 3 ง. 1 และ 2 จ. 2 และ 3 48. ภเู ขาไฟรปู กรวย (cinder cone volcano) เกดิ จากลาวาชนดิ ใด ก. ไรโอไรต์ ข. แอนดีไซต์ ค. บะซอลตแ์ ละไรโอไรต์ ง. ไรโอไรตแ์ ละแอนดีไซต์ จ. แอนดีไซต์และบะซอลต์

เ อ ก ส า ร ป ร ะ ก อ บ ก า ร ติ ว O - N E T โ ด ย ค รู ด ว ง สุ ด า ส า จั น ท ร์ | 17 49. พจิ ารณารปู ร่างภูเขาไฟ ตอ่ ไปน้ี 1. ภเู ขาไฟยอดราบ (plateau basalt หรือ fissure volcano) 2. ภูเขาไฟรูปโล่ (shield volcano) 3. ภูเขาไฟกรวยสลบั ชนั้ (composite volcano) ภมู ิสัณฐานภูเขาไฟท่เี กดิ บรเิ วณแผ่นธรณีมหาสมุทรแยกออกจากกนั มีรูปร่างตรงกบั ข้อใด ก. 1 ข. 2 ค. 3 ง. 1 และ 2 จ. 2 และ 3 ตัวชี้วัด ม.4-6/5 สารวจ วิเคราะห์ และอธิบายการลาดับช้ันหิน จากการวางตัวของช้ันหิน ซากดึกดาบรรพ์ และโครงสรา้ งทางธรณวี ิทยา เพ่ืออธิบายประวตั ิความเปน็ มาของพื้นที่ 50. หินชน้ั ชน้ิ หนึ่งมีการสะสมตัวเป็นช้ันๆ ของหินทราย หินกรวดมน หินปูนและหินดินดาน ดังรูป หนิ ชนิดใดมีอายมุ ากทส่ี ดุ ก. หนิ ทราย ข. หินกรวดมน ค. หินปูน ง. หนิ ดินดาน

เ อ ก ส า ร ป ร ะ ก อ บ ก า ร ติ ว O - N E T โ ด ย ค รู ด ว ง สุ ด า ส า จั น ท ร์ | 18 51. ซากดึกดาบรรพส์ ่วนใหญจ่ ะพบอยู่ในหินชนดิ ใด ก. หนิ แปร ข. หินอคั นี ค. หนิ ชีสต์ ง. หินตะกอน 52. การหาอายุสมั บูรณ์ของหินหรอื ซากดกึ ดาบรรพท์ างธรณีวทิ ยาใชว้ ธิ ีการใด ก. วธิ กี ารหาอายุทางกมั มนั ตรงั สี ข. ตรวจสอบเปรียบเทยี บกบั ฟอสซลิ อน่ื ๆ ค. ตรวจสอบจากลาดบั ชัน้ หินและความสมั พนั ธ์ของโครงสร้างทางธรณวี ิทยา ง. วธิ ีการทางรงั สีเอกซ์ 53. ทดลองหยดกรดเกลอื เจือจางลงบนหินชนิดหน่งึ แลว้ จะเกดิ ฟองขึน้ แสดงวา่ เปน็ หนิ ชนดิ ใด ก. หนิ ทราย ข. หนิ ดนิ ดาน ค. หนิ ปูน ง. หินแกรนิต 54. ซากดึกดาบรรพไ์ ดโนเสาร์ของประเทศไทยในภาคตะวันออกเฉยี งเหนือพบในหนิ ชนดิ ใด ก. หนิ ทราย ข. หินปนู ค. หินบะซอลต์ ง. หนิ ดนิ ดาน 55. ซากดกึ ดาบรรพ์ดชั นี จะต้องมีความเด่นชัดในข้อใดมากทสี่ ุด ก. สี ข. ขนาด ค. รูปร่าง ง. ช่วงอายุ

เ อ ก ส า ร ป ร ะ ก อ บ ก า ร ติ ว O - N E T โ ด ย ค รู ด ว ง สุ ด า ส า จั น ท ร์ | 19 56. วธิ กี ารในขอ้ ใดทไี่ ม่สามารถบอกอายขุ องซากดกึ ดาบรรพไ์ ดโนเสารไ์ ด้ ก. การใช้ซากดกึ ดาบรรพดัชนี ข. การเปรียบเทยี บอายุกบั ชน้ั หนิ ทีพ่ บซากนนั้ ค. การวิเคราะหป์ รมิ าณยเู รเนียมในซากดึกดาบรรพ์ ง. การวิเคราะห์ปรมิ าณคารบ์ อน-14 ในซากดึกดาบรรพ์ 57. ภาคใดของประเทศไทยทีม่ ีการคน้ พบซากไดโนเสาร์มากท่ีสุด ก. ภาคใต้ ข. ภาคเหนอื ค. ภาคกลาง ง. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 58. นักธรณีวทิ ยาใช้วธิ ใี ดในการหาอายหุ นิ ตะกอน ก. โดยใชว้ ธิ กี มั มันตรงั สหี าอายขุ องหิน ข. โดยการค้นหาซากดึกดาบรรพ์เชน่ ไทรโลไบต์ ค. ใช้วธิ กี ัมมันตภาพรังสี C-14 หาอายซุ ากดึกดาบรรพ์ ง. ใช้ลักษณะโครงสร้างทางธรณวี ิทยาของหิน 59. สตั วเ์ ล้ยี งลูกด้วยนมเร่ิมเพ่มิ จานวนแฟมิลอี ยา่ งรวดเรว็ ในยคุ ใด ก. เทอรเ์ ชียรี ข. พรีแคมเบรียน ค. ไซลเู รียน ง. คารบ์ อนเิ ฟอรสั 60. การพบหลักฐานในขอ้ ใดทแ่ี สดงวา่ ในอดีตประเทศไทยเคยมภี ูเขาไฟในบางพ้ืนท่ี ก. หนิ บะซอลต์ ข. หินแกรนิต ค. รอยแตกเลื่อนของชน้ั หนิ ง. น้าพุร้อน

เ อ ก ส า ร ป ร ะ ก อ บ ก า ร ติ ว O - N E T โ ด ย ค รู ด ว ง สุ ด า ส า จั น ท ร์ | 20 (ขอ้ 61-63) พิจารณาชนั้ หนิ ที่วางซ้อนกันดงั รูป แลว้ ตอบคาถามข้อ 61 ถงึ 63 ชั้น ก กระดกู ชา้ ง ซากต้นพชื (บนสุดมตี ้นหญา้ ) ชน้ั ข กระดกู ช้าง ซากต้นพืช หอยแครง ชั้น ค หอยแครง ชน้ั ง แมงดาทะเล แอมโมไนต์ ชั้น จ แอมโมไนต์ 61. ช้ันหนิ ในขอ้ ใดเกา่ แก่ที่สุด ก. ชั้น ก ข. ชนั้ ข ค. ช้ัน ค ง. ช้ัน จ 62. ฟอสซลิ ในข้อใดท่พี บในตวั อยา่ งนที้ ี่สามารถใช้เป็นฟอสซิลดัชนีได้ ก. หอยแครง ข.แอมโมไนต์ ค. แมงดาทะเล ง. ช้าง 63. ข้อใดถูกตอ้ งเก่ียวกบั สภาพของสถานทีแ่ ห่งนี้ ก. เคยเป็นทะเลมาก่อน ปัจจบุ นั เป็นบก ข. เคยเป็นบกมากอ่ น แลว้ เปน็ ทะเลในภายหลงั ค. ไมเ่ คยเปน็ ทะเลเลย ง. เปน็ ทะเลทงั้ อดีตและปัจจบุ ัน

เ อ ก ส า ร ป ร ะ ก อ บ ก า ร ติ ว O - N E T โ ด ย ค รู ด ว ง สุ ด า ส า จั น ท ร์ | 21 64. ซากดกึ ดาบรรพในข้อใดตอ่ ไปน้ี มชี ว่ งอายเุ กา่ แก่ท่ีสดุ ก. ไดโนเสาร์ ข. ไครนอยด์ ค. ไทรโลไบต์ ง. แอมโมไนต์ 65. ซากดึกดาบรรพด์ ชั นี จะตอ้ งมีความเด่นชัดในขอ้ ใดมากที่สดุ ก. ขนาด ข. สี ค. รปู ร่าง ง. ชว่ งอายุ 66. ซากดึกดาบรรพ์หรือฟอสซิล (fossil) ของฟิวซูลินิดที่ใช้เป็นหลักฐานกาหนดอายุของหิน ในกลุ่มหินสระบุรี (Saraburi Group) มรี ายงานวา่ ถูกค้นพบในหนิ ชนิดใด ก. หนิ ดินดาน ข. หนิ ทราย ค. หินปูน ง. หินออ่ น จ. หินแอนดีไซต์ 67. ข้อใดจดั เป็นไดโนเสาร์ในกล่มุ กับไดโนเสารก์ ินพืชตระกูลซอโรพอด คอยาว ก. ซิตตะโกซอรัส สตั ยารกั ษ์กี ข. ภูเวยี งโกซอรสั สริ ินธรเน ค. สยามโมซอรสั สุธีธรนี ง. สยามโมดอน นม่ิ งามมิ จ. สยามโมไทรันนสั อสิ านเอนซิส

เ อ ก ส า ร ป ร ะ ก อ บ ก า ร ติ ว O - N E T โ ด ย ค รู ด ว ง สุ ด า ส า จั น ท ร์ | 22 68. ธรณีกาลชว่ งใดทเี่ กดิ การสญู พันธข์ุ องสง่ิ มชี วี ติ มากท่ีสุด ก. ช่วงยคุ ดโี วเนียนตอนปลาย ข. ชว่ งยุคไทรแอสซกิ ตอนปลาย ค. ชว่ งยคุ ครเี ทเชียสถึงยคุ พาลโี อจีน ง. ช่วงยคุ เพอร์เมียนถึงยุคไทรแอสซกิ จ. ชว่ งยคุ ออร์โดวิเชียนถึงยคุ ไซลเู รียน 69. เหมอื งแม่เมาะ จังหวดั ลาปาง และชายทะเล อาเภอเมอื ง จังหวัดกระบ่ี พบซากดึกดาบรรพ์ หอยขมชนดิ เดียวกนั อายปุ ระมาณ 40 ล้านปี พิจารณาข้อความต่อไปน้ี 1. บรเิ วณทั้งสองเคยอยตู่ ิดกนั ต่อมาแยกออกจากกนั เพราะการเคล่ือนที่ของทวีป 2. บริเวณทง้ั สองเคยเป็นทะเลเดียวกนั ต่อมาบรเิ วณแม่เมาะเกิดการยกตวั 3. บรเิ วณท้ังสองเปน็ แผ่นดินเหมือนกัน ต่อมาบรเิ วณแม่เมาะเกดิ การยกตวั ข้อใดแสดงลักษณะภูมิประเทศโบราณของบรเิ วณทั้งสองไดถ้ ูกดอ้ ง ก. 1 ข. 2 ค. 3 ง. 1 และ 2 จ. 1 และ 3 70. พบซากหอยนางรมยักษ์ ที่วัดเจดีย์หอย ตาบลบ่อหิน อาเภอลาดหลุมแก้ว จังหวัด ปทุมธานี พิจารณาขอ้ ความตอ่ ไปนี้ 1. เป็นหอยทมี่ ีอายุประมาณ 5,500 ปี จากข้อมลู คารบ์ อน -14 2. ภูมิประเทศเปลี่ยนจากทะเลเปน็ แผน่ ดิน 3. เป็นหอยอยู่ใต้ดนิ ซากหอยนางรมยักษ์น้ีจดั เป็นซากดกึ ดาบรรพ์ดว้ ยเหตุผลท่แี สดงในข้อความใด ก. 1 ข. 2 ค. 3 ง. 1 และ 2 จ. 1, 2 และ 3

เ อ ก ส า ร ป ร ะ ก อ บ ก า ร ติ ว O - N E T โ ด ย ค รู ด ว ง สุ ด า ส า จั น ท ร์ | 23 สาระ 7 ดาราศาสตร์และอวกาศ มาตรฐาน ว 7.1 เข้าใจวิวัฒนาการของระบบสุริยะ กาแล็กซีและเอกภพ การปฏิสัมพันธ์ ภายในระบบสรุ ิยะและผลต่อสิ่งมีชีวิตบนโลก มีกระบวนการสืบเสาะ หาความรู้และจิตวิทยา ศาสตร์ ส่ือสารสงิ่ ทีเ่ รียนร้แู ละนาความรู้ไปใช้ประโยชน์ ตัวช้ีวัด ม.4-6/1 สืบค้นและอธิบายการเกิดและวิวัฒนาการของระบบสุริยะ กาแล็กซี และเอกภพ 71. ดาวเคราะหใ์ ดต่อไปนีอ้ ยูใ่ กล้ดวงอาทติ ย์มากกว่าดวงอน่ื ก. พฤหัสบดี ข. ศกุ ร์ ค. เสาร์ ง. เนปจูน 72. ดาวพฤหัสบดีมอี งคป์ ระกอบหลักคอื อะไร ก. เหล็ก ข. ไฮโดรเจนและฮเี ลยี ม ค. หิน ง. แอมโมเนีย 73. คาว่า 1 ปีแสง หมายถึงอะไร ก. ระยะทางท่แี สงใชเ้ วลาเดนิ ทาง 1 ปี ข. ระยะทางจากดวงอาทติ ยถ์ ึงโลก ค. เวลาท่แี สงเดนิ ทางจากดวงอาทติ ยถ์ งึ โลก ง. หน่วยของเวลาแบบหนึ่ง

เ อ ก ส า ร ป ร ะ ก อ บ ก า ร ติ ว O - N E T โ ด ย ค รู ด ว ง สุ ด า ส า จั น ท ร์ | 24 74. ปรากฏการณใ์ ดทสี่ นับสนุน “ทฤษฎบี ิกแบง” ก. การชนกันของดาวหางกับดาวฤกษ์ ข. การขยายตวั ของเอกภพ ค. การเกิดลมสุรยิ ะ ง. การยุบตวั ของดาวฤกษ์ 75. หลงั เกิดบกิ แบงปริมาณอนุภาคกบั ปรมิ าณปฏอิ นภุ าคควรเปน็ ตามข้อใดจงึ เกดิ กาแลกซี และดาวต่างๆ ขน้ึ ดังทเ่ี ปน็ อยู่ ก. มปี ริมาณเทา่ กนั ข. อนุภาคมปี ริมาณมากกวา่ ค. ปฏอิ นภุ าคมปี ริมาณมากกวา่ ง. เปน็ ไปได้ทุกข้อ 76. ในระบบสุรยิ ะ แถบดาวเคราะห์น้อยอยใู่ นบริเวณใด ก. อยูร่ ะหวา่ งแถบดาวเคราะห์ชน้ั ในกับดาวเคราะห์ชนั้ นอก ข. อยู่ระหว่างแถบดาวเคราะหช์ น้ั ในกับเขตของดาวหาง ค. อยู่ระหวา่ งแถบดาวเคราะห์ช้ันนอกกับเขตของดาวหาง ง. อยแู่ ถบนอกสุดของระบบสุริยะ 77. ขอ้ ใด ไมไ่ ด้ เกดิ จากพายุสรุ ยิ ะ ก. การเกดิ แสงเหนือแสงใต้ ข. วงจรอิเล็กทรอนิกส์บนดาวเทียมเสียหาย ค. การเกดิ ฝนดาวตก ง. การตดิ ต่อสอ่ื สารโดยวิทยคุ ลื่นสน้ั ขัดขอ้ ง

เ อ ก ส า ร ป ร ะ ก อ บ ก า ร ติ ว O - N E T โ ด ย ค รู ด ว ง สุ ด า ส า จั น ท ร์ | 25 78. ขอ้ ใดต่อไปน้กี ล่าวไดถ้ กู ตอ้ งเกี่ยวกับเอกภพ ก. เอกภพมขี นาดใหญก่ ว่าระบบสุรยิ ะแต่มีขนาดเล็กกว่ากาแลก็ ซี ข. การขยายตัวของเอกภพมีผลทาให้กาแลก็ ซเี คล่อื นเขา้ ใกล้กนั มากขึ้น ค. เอกภพเกิดจากการระเบิดครั้งใหญ่ที่เรียกว่า บิกแบง ทาให้อนุภาคและพลังงาน แผ่กระจายออกไป ง. พลังงานความร้อนท่ีลดลงหลังจากการเกิดบิกแบง ทาให้เกิดอนุภาคมูลฐานต่างๆ ได้แก่ อเิ ลก็ ตรอน โปรตอน และนิวตรอน 79. เอ็ดวิน ฮับเบิล ไดศ้ กึ ษาเกยี่ วกบั เร่อื งในขอ้ ใดท่ีทาใหพ้ บวา่ เอกภพมีการขยายตวั ก. การสังเกตการเคลื่อนท่ขี องดาวฤกษ์ โดยใช้การวดั สเปกตรมั ข. การสร้างสมการเพ่ือแกไ้ ขขอ้ ผดิ พลาดของทฤษฎีสัมพัทธภาพ ค. ศกึ ษาโครงสร้างของกาแลก็ ซี ว่าประกอบดว้ ยดาวฤกษ์จานวนมาก ง. การวัดการเล่อื นตาแหน่งของสเปกตรมั จากกาแล็กซี เทียบกบั ระยะห่างจากโลก 80. ขอ้ ใดเป็นการเรยี งลาดบั ระบบจากเล็กไปใหญ่ ก. ระบบสรุ ยิ ะ กระจุกดาว ดาราจกั ร เอกภพ ข. ระบบสุริยะ ดาราจักร กระจกุ ดาว เอกภพ ค. ดาราจักร กระจกุ ดาว เอกภพ กระจกุ ดาราจกั ร ง. กระจกุ ดาว ดาราจักร เอกภพ กระจุกดาราจกั ร 81. ขอ้ ใดจดั เป็นดาวเคราะหช์ ้นั นอกทง้ั หมด ก. ดาวเสาร์ ดาวพฤหสั บดี ดาวศุกร์ ข. ดาวพฤหัสบดี ดาวอังคาร ดาวยเู รนัส ค. ดาวเสาร์ ดาวยูเรนัส ดาวศกุ ร์ ง. ดาวเนปจูน ดาวเสาร์ ดาวยูเรนัส

เ อ ก ส า ร ป ร ะ ก อ บ ก า ร ติ ว O - N E T โ ด ย ค รู ด ว ง สุ ด า ส า จั น ท ร์ | 26 82. ขอ้ ใดเปน็ สมบัติของ \"ดาวเคราะห์ยกั ษ์\" ของดวงอาทิตย์ ก. มคี วามหนาแน่นสูงมาก ข. ประกอบด้วยหินเปน็ สว่ นใหญ่ ค. มีแสงสว่างในตัวเอง ง. ประกอบดว้ ยไฮโดรเจนและฮีเลยี มเปน็ สว่ นใหญ่ 83. แรงในขอ้ ใดต่อไปนที้ เี่ ป็นปัจจัยทาให้กลมุ่ หมอกกา๊ ซเกิดการยบุ ตัวเพ่ือเป็นดาว ก. แรงแม่เหลก็ ไฟฟ้า ข. แรงนิวเคลียร์ ค. แรงโน้มถว่ ง ง. แรงสู่ศนู ยก์ ลาง 84. ทางชา้ งเผอื กเปน็ ดาราจกั ร (Galaxy) ทม่ี ีรูปร่างแบบใด ก. วงรี ข. ก้นหอยหรอื กังหนั ค. กน้ หอยหรือกงั หนั แบบมีแกน ง. รปู รา่ งไมแ่ นน่ อน 85. ขอ้ ใดเป็นการเรยี งลาดับระบบจากเล็กไปใหญ่ ก. ระบบสรุ ยิ ะ กระจุกดาว ดาราจักร เอกภพ ข. ระบบสรุ ิยะ ดาราจักร กระจุกดาว เอกภพ ค. ดาราจกั ร กระจกุ ดาว เอกภพ กระจุกดาราจกั ร ง. กระจกุ ดาว ดาราจักร เอกภพ กระจุกดาราจกั ร

เ อ ก ส า ร ป ร ะ ก อ บ ก า ร ติ ว O - N E T โ ด ย ค รู ด ว ง สุ ด า ส า จั น ท ร์ | 27 86. จากข้อมลู ตอ่ ไปน้ี 1. การระเบดิ ของดาวแคระขาว 2. การระเบิดของดาวแคระดา 3. การระเบิดของดาวฤกษ์ขนาดใหญ่ 4. สสารเดิมหลังเกดิ บกิ แบง ข้อใดเปน็ ต้นกาเนิดของเนบวิ ลา ก. 1 และ 2 ข. 3 และ 4 ค. 3 เพยี งขอ้ เดียว ง. ถกู ทกุ ข้อ 87. ดาวเคราะห์ในระบบสุรยิ ะมีก่ดี วง ก. 7 ดวง ข. 8 ดวง ค. 9 ดวง ง. 10 ดวง 88. ดวงอาทิตย์เป็นแหล่งพลังงานสาคัญของโลก กระบวนการใดบ้างต่อไปนี้เกี่ยวข้องกับ ดวงอาทติ ย์ 1. พลงั งานไฟฟ้าจากเชลล์สุริยะ 2. การเกิดภูมิอากาศทแี่ ตกต่างในภูมิภาคตา่ งๆ ของโลก 3. การเกิดน้าข้ึนน้าลง 4. การเกดิ ลมบก-ลมทะเล จงเลอื กคาตอบทถี่ กู ที่สดุ ก. 1 และ 2 ข. 1, 2 และ 4 ค. 1 และ 3 ง. ถูกทกุ ข้อ

เ อ ก ส า ร ป ร ะ ก อ บ ก า ร ติ ว O - N E T โ ด ย ค รู ด ว ง สุ ด า ส า จั น ท ร์ | 28 89. ขอ้ สนับสนุนทฤษฎีบิกแบงของการกาเนิดของเอกภพ ก. การหดตวั ของเอกภพ ข. การหมุนรอบตัวเองของกาแลกซี ค. การขยายตัวของกาแล็กซีทางชา้ งเผอื ก ง. อณุ หภูมิ 2.73 K ของคล่ืนไมโครเวฟพน้ื หลัง จ. ปรากฏการณด์ อพเพลอรข์ องแสงจากดวงอาทติ ย์ 90. กาแลกซีเกิดหลงั บิกแบงเปน็ เวลาประมาณเทา่ ใด ก. 3 นาที ข. 300,000 ปี ค. 1,000 ล้านปี ง. 5,000 ลา้ นปี จ. 13,700 ล้านปี 91. อนภุ าคใดประกอบขึ้นจากอนภุ าคอนื่ ก. ควาร์ก ข. โปรตอน ค. นวิ ทริโน ง. อิเลก็ ตรอน จ. โพสิตรอน 92. ท่ีแกนกลางของดวงอาทติ ยม์ ีอณุ หภมู ปิ ระมาณกเ่ี คลวิน ก. 1,000 ข. 5,800 ค. 20,000 ง. 1 ล้าน จ. 15 ล้าน

เ อ ก ส า ร ป ร ะ ก อ บ ก า ร ติ ว O - N E T โ ด ย ค รู ด ว ง สุ ด า ส า จั น ท ร์ | 29 ตัวชี้วดั ม.4-6/2 สืบคน้ และอธิบายธรรมชาตแิ ละวัฒนาการของดาวฤกษ์ 93. ตามววิ ัฒนาการของดวงอาทติ ย์ในชว่ งทา้ ยทส่ี ดุ จะเป็นอะไร ก. ดาวแคระดา ข. ดาวแคระขาว ค. หลมุ ดา ง. ดาวนิวตรอน 94. ตามหลักการจัดอนั ดบั ความสว่างของดาว ดาวในข้อใดมีความสว่างมากทีส่ ุด ก. ดาว A มีอนั ดบั ความสว่าง 6 ข. ดาว B มอี นั ดับความสว่าง 1 ค. ดาว C มอี ันดบั ความสวา่ ง 0 ง. ดาว D มีอนั ดับความสวา่ ง -2 95. สงิ่ ทเ่ี กดิ ขน้ึ กับดาวฤกษ์ทกุ ดวง เมอื่ เขา้ สู่ระยะสุดทา้ ยเป็นตามขอ้ ใด ก. ความหนาแนน่ เพิ่มขึน้ ข. การระเบิดซเู ปอรโ์ นวา ค. การกลายสภาพเป็นดาวนิวตรอน ง. มวลสลายไปหมด 96. ดาวฤกษ์ในข้อใด ทม่ี ีอุณหภูมิของผวิ ดาวต่าทส่ี ดุ ก. มแี สงสนี า้ เงิน ข. มีแสงสีแดง ค. มแี สงสีเหลือง ง. มแี สงสีส้ม

เ อ ก ส า ร ป ร ะ ก อ บ ก า ร ติ ว O - N E T โ ด ย ค รู ด ว ง สุ ด า ส า จั น ท ร์ | 30 97. ดาวศุกร์เม่อื สว่างน้อยทสี่ ดุ มคี วามสว่าง -3.5 ดาวซรี ีอสุ มีอันดับความสวา่ ง -1.5 ดาวศุกร์ มีความสว่างมากกว่าดาวซรี อี สุ ก่ีเทา่ ก. 2.5 ข. 3.0 ค. 6.25 ง. 15.6 98. ในคืนทท่ี ้องฟา้ แจ่มใส เราสามารถมองเห็นกาแลกซที างชา้ งเผอื กซงึ่ พาดผา่ นเป็นแถบยาว ขนาดความกว้าง 15 องศา ถ้าต้องการประมาณเวลาท่ีแสงจากดาวท่ีขอบข้างหนึ่งของ ทางชา้ งเผือกไปถึงอกี ขา้ งหนึง่ ต้องใช้ขอ้ มลู จากขอ้ ใดตอ่ ไปนี้ ก. ระยะทางจากดวงอาทิตยถ์ งึ ดาวทีข่ อบน้ัน ข. ความสว่างของดาวทข่ี อบ ค. อตั ราการหมนุ ของกาแลกซี ง. ดัชนหี กั เหของแสงในอวกาศ 99. ในววิ ฒั นาการของดาวฤกษ์ ชว่ งเวลาในข้อใดเป็นชว่ งเวลาทส่ี น้ั ท่ีสดุ ก. ดาวยักษแ์ ดง ข. ดาวแคระขาว ค. ดาวแคระดา ง. เนบวิ ลา 100. ปฏิกิริยาในขอ้ ใดเกิดขึน้ บนดวงอาทิตย์ ก. ฟวิ ชัน ข. ฟชิ ชัน ค. ซูเปอร์โนวา ง. ออโรรา

เ อ ก ส า ร ป ร ะ ก อ บ ก า ร ติ ว O - N E T โ ด ย ค รู ด ว ง สุ ด า ส า จั น ท ร์ | 31 101. ดาวฤกษช์ นิดใดในข้อต่อไปน้ีมอี ณุ หภมู ผิ วิ สงู ท่สี ดุ ก. ดาวทม่ี สี ีแดง ข. ดาวทม่ี สี เี หลือง ค. ดาวทีม่ สี นี ้าเงิน ง. ดาวที่มสี ขี าว 102. ขอ้ ใดคือจดุ จบของดาวฤกษท์ ม่ี ีมวลมากกว่าดวงอาทิตยม์ ากๆ ก. เนบวิ ลา ข. หลมุ ดา ค. ดาวแคระดา ง. ดาวยกั ษ์แดง 103. ทางชา้ งเผือกเปน็ ดาราจักร (Galaxy) ทม่ี รี ปู รา่ งแบบใด ก. วงรี ข. รูปร่างไมแ่ นน่ อน ค. กน้ หอยหรือกังหัน ง. ก้นหอยหรือกงั หันแบบมแี กน 104. เพราะเหตุใดดาวเคราะห์ถึงโคจรรอบดวงอาทิตย์ 1. เพราะดวงอาทติ ยม์ แี รงดงึ ดูดระหว่างมวลแกด่ าวเคราะห์ 2. เพราะดาวเคราะหถ์ ูกดวงอาทิตย์ดงึ ดูดเอาไว้ดว้ ยแรงทางไฟฟา้ 3. เพราะดาวเคราะห์ภายในระบบสรุ ิยะอยภู่ ายใต้สนามโนม้ ถ่วงของดวงอาทิตย์ ขอ้ ใดกล่าวถูกต้อง ก. 1. และ 2. ข. 1. และ 3. ค. 1. เท่านั้น ง. 2. เท่าน้ัน

เ อ ก ส า ร ป ร ะ ก อ บ ก า ร ติ ว O - N E T โ ด ย ค รู ด ว ง สุ ด า ส า จั น ท ร์ | 32 105. แรงในข้อใดตอ่ ไปนเ้ี ปน็ ปัจจยั ทาใหก้ ลมุ่ หมอกแก๊สเกิดการยุบตัวเพ่ือเปน็ ดาว ก. แรงโนม้ ถ่วง ข. แรงนวิ เคลยี ร์ ค. แรงสศู่ นู ยก์ ลาง ง. แรงแมเ่ หลก็ ไฟฟ้า 106. ข้อใดเรยี งลาดบั การสนิ้ สดุ ของดาวฤกษไ์ ด้ถูกต้อง ⟶ หลุมดา ก. ดาวฤกษ์ท่มี ขี นาดใหญ่ ⟶ ดาวยักษแ์ ดง ⟶ ดาวยักษแ์ ดง ข. ดาวฤกษท์ ม่ี ขี นาดใหญ่ ⟶ ซูเปอรโ์ นวา ⟶ ดาวนวิ ตรอน ค. ดาวฤกษท์ ่มี ขี นาดเล็ก ⟶ ซเู ปอรโ์ นวา ⟶ ดาวแคระขาว ง. ดาวฤกษท์ ี่มีขนาดเล็ก ⟶ ดาวยักษ์แดง 107. ขอ้ ใดถกู ต้องเก่ียวกับอันดบั ความสว่าง ก. มคี ่าเป็นบวกเทา่ นน้ั ข. คา่ มากแสดงว่าสวา่ งมาก ค. เป็นปรมิ าณท่ีไมม่ หี นว่ ย ง. ค่าเปน็ ศูนยแ์ สดงว่าไม่มีแสงในตวั เอง 108. การสิ้นสุดของดาวฤกษ์ข้นึ อยู่กับสิง่ ใด ก. สี ข. มวล ค. อุณหภูมิ ง. องคป์ ระกอบทางเคมี 109. ดาวฤกษ์ในข้อใดต่อไปนีท้ ่ีมีอณุ หภมู ผิ วิ สูงสุด ก. ดาวท่ีมีสีสม้ ข. ดาวท่มี ีสีแดง ค. ดาวทีม่ สี ีเหลือง ง. ดาวที่มสี ีส้มแดง

เ อ ก ส า ร ป ร ะ ก อ บ ก า ร ติ ว O - N E T โ ด ย ค รู ด ว ง สุ ด า ส า จั น ท ร์ | 33 110. ดาวฤกษท์ ีม่ ีอันดบั ความสว่างต่างกนั 4 จะมีความสวา่ งต่างกันประมาณก่ีเท่า ก. 100 เท่า ข. 80 เท่า ค. 60 เท่า ง. 40 เทา่ 111. ชนิดของสเปกตรัมในข้อใดท่ีแสดงว่าเป็นดาวฤกษ์สีขาว และอุณหภูมิของดาวที่ 10,000-8,000 เคลวิน ก. M ข. G ค. A ง. O 112. ดวงอาทิตย์ได้พลังงานจากปฏิกริ ิยาหรือปรากฏการณ์ขอ้ ใด ก. การรวมตวั ของของนวิ เคลียส H เป็น He ข. การแตกตวั ของนิวเคลียสใหญ่ ค. การเผาไหม้อย่างต่อเนื่อง ง. การระเบดิ อยา่ งต่อเน่ือง 113. ข้อใดคือจุดจบของดาวฤกษ์ทมี่ ีมวลมากกวา่ ดวงอาทิตยม์ าก ๆ ก. เนบิวลา ข. หลุมดา ค. ดาวแคระดา ง. ดาวยกั ษแ์ ดง 114. ขอ้ ใดที่เกดิ จากลมสรุ ยิ ะ ก. การเกดิ แสงออโรราแถบขัว้ โลกเหนอื และใต้ ข. วงจรอเิ ล็กทรอนิกส์ของดาวเทียมไหม้ ค. การติดตอ่ สือ่ สารโดยเสน้ ใยนาแสงขัดข้อง ง. เข็มทิศเบนไปมา

เ อ ก ส า ร ป ร ะ ก อ บ ก า ร ติ ว O - N E T โ ด ย ค รู ด ว ง สุ ด า ส า จั น ท ร์ | 34 115. ดาว A มีค่าอันดับความสว่าง 2 ในขณะท่ีดาว B มีค่าอันดับความสว่าง 4 ข้อความใด ตอ่ ไปนีถ้ ูกต้อง ก. ดาว A มคี วามสว่างมากกว่าดาว B 2 เทา่ ข. ดาว B มีความสว่างมากกว่าดาว A 2 เทา่ ค. ดาว A มคี วามสว่างมากกว่าดาว B 6.3 เทา่ ง. ดาว B มคี วามสวา่ งมากกวา่ ดาว A 6.3 เทา่ 116. ดาวฤกษ์ในข้อใดต่อไปนที้ ีม่ อี ณุ หภมู ิผิวสงู สดุ ก. ดาวทมี่ สี ีสม้ แดง ข. ดาวทมี่ สี ีส้ม ค. ดาวที่มสี ีแดง ง. ดาวท่ีมสี ีเหลือง 117. ขอ้ ใดต่อไปนก้ี ลา่ วถูกตอ้ งเก่ียวกบั ดวงจนั ทร์ ก. หมุนรอบโลกในเวลาเท่ากับที่หมุนรอบดวงอาทิตย์ ข. หมนุ รอบตัวเองในเวลาท่เี ท่ากับหมนุ รอบโลก ค. หมนุ รอบตัวเองในเวลาทเ่ี ทา่ กับท่โี ลกหมุนรอบตัวเอง ง. หมนุ รอบตวั เองในเวลาท่ีเท่ากับการหมุนรอบดวงอาทิตย์ 118. ขอ้ ใดต่อไปนี้ไมเ่ ปน็ สว่ นประกอบของระบบสรุ ิยะ ก. ดาวหางฮัลเลย์ ข. พลโู ต ค. ดาวเคราะหน์ ้อย ง. ดาวลกู ไก่

เ อ ก ส า ร ป ร ะ ก อ บ ก า ร ติ ว O - N E T โ ด ย ค รู ด ว ง สุ ด า ส า จั น ท ร์ | 35 119. เอด็ วิน อับเบิล ได้ศึกษาเกยี่ วกับเร่อื งในขอ้ ใดทที่ าใหพ้ บว่าเอกภพมกี ารขยายตวั ก. การวดั การเลอ่ื นตาแหน่งของสเปคตรมั จากกาแลก็ ซีเทยี บกบั ระยะห่างจากโลก ข. ศึกษาโครงสร้างของกาแล็กซวี า่ ประกอบดว้ ยดาวฤกษจ์ านวนมาก ค. การสรา้ งสมการเพอ่ื แกไขข้อผิดพลาดของทฤษฎสี มั พทั ธภาพ ง. การสังเกตการเคลื่อนท่ีของดาวฤกษ์ โดยใช้การวดั สเปกตรมั 120. ดาวปีเทลจุสอยู่ห่างจากโลกประมาณ 500 ปีแสง ถ้าขณะน้ีดาวน้ันเกิดการระเบิด (ซูเปอรโนวา) เราจะสังเกตเหน็ ปรากฏการณ์ดงั กลา่ วตามเวลาในข้อใด ก. เหน็ ทนั ทที ี่เกดิ ข. เม่ือเวลาผา่ นไป 10 ปี ค. เม่อื เวลาผ่านไป 500 ปี ง. เม่อื เวลาผ่านไป 500 ปีแสง 121. ข้อใดเรียงลาดับความสวา่ งทป่ี รากฏของดาวจากสว่างนอ้ ยไปมากไดถ้ กู ต้อง ก. ดาวศกุ ร์เมือ่ สว่างท่ีสุด ดวงจันทรเ์ มอื่ สวา่ งที่สุด ดาวซีรีอัส ข. ดาวซรี อี สั ดาวศุกรเ์ ม่อื สว่างท่สี ดุ ดวงจนั ทร์เมื่อสว่างท่ีสดุ ค. ดาวศกุ ร์เมื่อสวา่ งที่สุด ดาวซรี อี ัส ดวงจันทร์เม่อื สว่างทส่ี ุด ง. ดวงจันทรเ์ มือ่ สว่างทสี่ ดุ ดาวศุกร์เม่อื สว่างทส่ี ดุ ดาวซีรอี ัส 122. ขอ้ ใดถูกต้องเก่ียวกับอนั ดบั ความสวา่ ง ก. มคี ่าเป็นบวกเทา่ นนั้ ข. ค่ามากแสดงว่าสวา่ งมาก ค. ค่าเป็นศนู ยแ์ สดงว่าไมม่ ีแสงในตัวเอง ง. เปน็ ปรมิ าณทไ่ี ม่มหี น่วย

เ อ ก ส า ร ป ร ะ ก อ บ ก า ร ติ ว O - N E T โ ด ย ค รู ด ว ง สุ ด า ส า จั น ท ร์ | 36 123. ข้อใดถูกต้องเก่ียวกับอันดับความสว่างของดาวศุกร์เมื่อสว่างท่ีสุดกับอันดับความสว่าง ของดวงอาทิตย์ ก. ค่าใกล้เคยี งกัน ข. ค่าของดาวศุกรม์ ากกว่า ค. ค่าของดาวศกุ รน์ อ้ ยกวา่ ง. เปรียบเทียบกันไม่ได้ 124. ดาวทม่ี ีอันดบั ความสว่างตา่ งกนั 1 จะมีความสว่างต่างกนั ประมาณก่ีเทา่ ก. 2.0 ข. 2.5 ค. 5.0 ง. 5.5 125. ความเรว็ แสงในสุญญากาศมีค่าประมาณเท่าใด ก. 1 X 108 เมดร/วินาที ข. 3 X 108 กิโลเมดร/ชั่วโมง ค. 3 X 109 เมตร/วินาที ง. 1 X 109 กิโลเมตร/ช่วั โมง 126. ข้อใดบา้ งตอ่ ไปน้ีถกู ต้อง ก. ดาวฤกษ์สีแดงมอี ายูมากกวา่ ดาวฤกษส์ ีน้าเงนิ ข. ดาวฤกษ์สแี ดงอย่ไู กลกวา่ ดาวฤกษ์สนี ้าเงิน ค. ดาวฤกษ์สีแดงเคลื่อนที่เรว็ กว่าดาวฤกษส์ ีนา้ เงิน ง. ดาวฤกษ์สีแดงมีอณุ หภมู ิตา่ กว่าดาวฤกษส์ ีนา้ เงิน จ. ดาวฤกษ์สีแดงมีขนาดเลก็ กวา่ ดาวฤกษ์สีนา้ เงนิ

เ อ ก ส า ร ป ร ะ ก อ บ ก า ร ติ ว O - N E T โ ด ย ค รู ด ว ง สุ ด า ส า จั น ท ร์ | 37 127. ดาวดวงใดตอ่ ไปนีม้ อี ุณหภมู ิพื้นผิวตา่ ท่ีสุด ก. ดาวพฤหัส (สขี าว) ข. ดาวรวงข้าว (สีนา้ เงินแกมขาว) ค. ดวงอาทติ ย์ (สีเหลอื ง) ง. ดาวดวงแกว้ (สสี ม้ ) จ. ดาวปารชิ าต (สแี ดง) 128. จากข้อมูลโชติมาตรปรากฏ (apparent magnitude) เราจะเห็นดาวดวงใดต่อไปน้ี สว่างนอ้ ยที่สุด ก. ดาวเสาร์เมอ่ื ริบหรี่สุด มคี า่ ประมาณ 1.2 ข. ดาวปาริชาต (Antares) มคี า่ ประมาณ 1.0 ค. ดาวดวงแก้ว (Arcturus) มีค่าประมาณ 0.0 ง. ดาวพฤหสั เมื่อริบหรี่สดุ มีคา่ ประมาณ-1.4 จ. ดาวศุกร์เมื่อริบหรี่ท่ีสุด มีคา่ ประมาณ-3.5 129. ดาวเคราะหด์ วงใดต่อไปน้ีถูกคน้ พบด้วยวิธที ่ีแตกตา่ งจากดาวเคราะห์ดวงอนื่ ก. ดาวเนปจนู ข. ดาวยูเรนัส ค. ดาวเสาร์ ง. ดาวอังคาร จ. ดาวพธุ

เ อ ก ส า ร ป ร ะ ก อ บ ก า ร ติ ว O - N E T โ ด ย ค รู ด ว ง สุ ด า ส า จั น ท ร์ | 38 130. คืนหนึ่งมีแสงประหลาดเกิดขึ้นบนท้องฟ้า ทาให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์กัน อย่างกวา้ งขวาง นกั เรยี นคิดวา่ การใหเ้ หตผุ ลในข้อใดไม่ถกู ต้อง ก. อาจเปน็ แสงวาบท่ีเกิดจากดาวตก เพราะสามารถสังเกตเห็นได้ที่ยะลา และท่ีเขียงใหม่ ในเวลาใกลเ้ คียงกัน ข. อาจเป็นแสงวาบท่ีเกิดจากดาวตก เพราะมีความสว่าง สี และลักษณะการตก คล้ายกบั ดาวตกชนิดลูกไฟ (fireball) ค. อาจเป็นแสงวาบจากดาวเทียม เนื่องจากตาแหน่งบนพ้ืนโลกอยู่ในแนวท่ีดาวเทียม ดวงหน่ึงเคลื่อนผ่านในเวลาน้ัน โดยมีความสว่างและทิศทางเทียบกับผู้สังเกต สอดคล้อง กับผลการคานวณโดยแหล่งขอ้ มูลที่เช่ือถอื ได้ ง. อาจเป็นแสงท่เี กดิ จากเครือ่ งบนิ ความเร็วเหนือเสียงที่บินไม่สูงนัก เพราะมีลักษณะ เป็นเสน้ ตรงและผูส้ ังเกตไดย้ นิ เสียงดงั จ. อาจเป็นแสงที่เกิดจากเคร่ืองบินโดยสารเพราะเคลื่อนท่ีช้ามาก มีการกระพริบ เป็นจงั หวะ สังเกตเห็นเปน็ เวลานาน 131. ดวงอาทิตยม์ ีอายปุ ระมาณเทา่ ไร และจะฉายแสงเช่นนี้ไปอึกนานเทา่ ไร ก. 100 ล้านปี, 1,000 ล้านปี ข. 1,000 ล้านป,ี 10,000 ล้านปี ค. 5,000 ล้านปี, 5,000 ล้านปี ง. 5,000 ลา้ นปี, 50,000 ล้านปี จ. 13,700 ล้านป,ี 5,000 ลา้ นปี

เ อ ก ส า ร ป ร ะ ก อ บ ก า ร ติ ว O - N E T โ ด ย ค รู ด ว ง สุ ด า ส า จั น ท ร์ | 39 132. แผนภูมแิ สดงความสัมพนั ธ์ระหว่างกาลงั ส่องสว่างกับชนิดสเปกตรัมหรืออุณหภูมิพื้นผิว ของดาวฤกษ์ และตาแหนง่ ของดาวฤกษ์ ก ข ค ง และ จ บนแผนภมู ิเป็นดังภาพ

เ อ ก ส า ร ป ร ะ ก อ บ ก า ร ติ ว O - N E T โ ด ย ค รู ด ว ง สุ ด า ส า จั น ท ร์ | 40 และขอ้ มลู แสดงชนิดสเปกตรมั สี และอณุ หภูมิพน้ื ผิวของดาวฤกษ์ เปน็ ดงั นี้ จากขอ้ มูล ขอ้ สรปุ ใดต่อไปน้ีไม่ถูกต้อง ก. ดาวฤกษ์ ก มีสนี ้าเงินแกมขาว และดาวฤกษ์ ง มีสขี าว ข. ดาวฤกษ์ ข มีกาลังส่องสวา่ งมากกวา่ ดวงอาทิตย์ ค. ดาวฤกษ์ ค มีช่วงชวี ิตยาวนานกวา่ ดาวฤกษ์ ก ง. ดาวฤกษ์ ง มวี วิ ัฒนาการมาจากดาวฤกษ์มวลมาก จ. ดาวฤกษ์ จ มีอณุ หภมู ิพนื้ ผวิ นอ้ ยกวา่ ดาวฤกษ์ ง

เ อ ก ส า ร ป ร ะ ก อ บ ก า ร ติ ว O - N E T โ ด ย ค รู ด ว ง สุ ด า ส า จั น ท ร์ | 41 ว 7.2 เข้าใจความสาคัญของเทคโนโลยีอวกาศท่ีนามาใช้ในการสารวจอวกาศและ ทรัพยากรธรรมชาติ ด้านการเกษตรและ การสื่อสาร มีกระบวนการ สืบเสาะหาความรู้และ จิตวิทยาศาสตร์ สื่อสารสิ่งที่เรียนรู้และนาความรู้ไปใช้ประโยชน์อย่างมีคุณธรรมต่อชีวิตและ ส่ิงแวดลอ้ ม ตัวชี้วัด ม.4-6/1 สืบค้นและอธิบายการส่งและคานวณความเร็วในการโคจรของดาวเทียม รอบโลก ตวั ช้วี ัด ม.4-6/2 สืบค้นและอธบิ ายประโยชน์ของดาวเทยี มในด้านต่าง ๆ 133. การโคจรของดาวเทยี มเกยี่ วขอ้ งกบั แรงชนดิ ใด ก. แรงพยุง ข. แรงเสียดทาน ค. แรงโน้มถ่วงของโลก ง. แรงกริ ิยาและแรงปฏิกิรยิ า 134. แรงดึงดดู ระหวา่ งวตั ถุ 2 ชนดิ จะมีค่ามากหรือนอ้ ยข้ึนอยู่กบั ส่งิ ใด ก. มวลของวัตถุและชนดิ ของวตั ถุ ข. มวลของวตั ถุและระยะห่างระหว่างวัตถุ ค. ชนดิ ของวตั ถุและระยะห่างระหว่างวัตถุ ง. มวลของวัตถุ ชนดิ ของวตั ถุ และระยะห่างระหว่างวตั ถุ 135. ข้อใด ไม่ถูกตอ้ ง เก่ยี วกบั การโคจรของดาวเทียม ก. การสง่ ดาวเทยี มขึ้นไปส่วู งโคจรจะต้องใช้จรวดเป็นตวั นาส่ง ข. จรวดที่ใช้นาสง่ ดาวเทียมจะมี 3 ท่อน เม่ือทอ่ นใดใชพ้ ลงั งานหมดก็จะถกู สลดั ทง้ิ ไป ค. ดาวเทียมทโ่ี คจรอยูใ่ กลโ้ ลกจะโคจรด้วยความเรว็ มากกวา่ ดาวเทยี มทโี่ คจรอยหู่ ่าง จากโลก ง. การโคจรของดาวเทียมตอ้ งมีแรงสู่ศนู ย์กลางนอ้ ยกว่าแรงหนีศูนย์กลาง ดาวเทยี ม จงึ จะโคจรได้

เ อ ก ส า ร ป ร ะ ก อ บ ก า ร ติ ว O - N E T โ ด ย ค รู ด ว ง สุ ด า ส า จั น ท ร์ | 42 136. ข้อใด ไมใ่ ช่ ประโยชน์ที่ได้รบั จากเทคโนโลยสี ารวจระยะไกล ก. ใช้ในการพยากรณ์อากาศ ข. ใช้ในการเตือนภยั ธรรมชาติ ค. ใช้ในการสารวจทศิ ทางในการเดนิ ทาง ง. ใช้ในการสารวจการใชป้ ระโยชน์ของทด่ี นิ 137. ดาวเทยี มสารวจทรัพยากรธรรมชาติดวงแรกของประเทศไทย ที่ถูกส่งข้ึนสู่วงโคจรเม่ือ วนั ท่ี 1 ตุลาคม พ.ศ. 2551 ชอ่ื อะไร ก. ธีออส ข. ไทยคม 4 ค. แลนเซท ง. ไทยคม 1A 138. ข้อใดไมใ่ ช่ประโยชนข์ องดาวเทยี มทีใ่ ชก้ ันอย่ใู นปจั จุบัน ก. รวมพลังงานแสงอาทติ ย์แลว้ สง่ มายงั โลก ข. กาหนดพิกัดของตาแหน่งต่างๆ บนพนื้ โลก ค. ค้นหาแหล่งทรัพยากรทมี่ คี ่า เชน่ ทองคา น้ามนั ง. ชว่ ยเตือนภัยเก่ียวกบั ภยั ธรรมชาติ เช่น น้าทว่ ม พายุ ตัวช้ีวัด ม.4-6/3 สืบค้นและอธิบายการส่งและสารวจอวกาศโดยใช้ยานอวกาศและสถานี อวกาศ 139. เช้ือเพลงิ ในข้อใดเหมาะสมทีจ่ ะใช้ในการส่งยานอวกาศมากทส่ี ดุ ก. ออกซเิ จนเหลว ข. เบนซนิ เกรดสูง ค. ไนโตรเจนเหลวและออกซิเจน ง. ไนโตรเจนเหลวและออกซิเจนเหลว

เ อ ก ส า ร ป ร ะ ก อ บ ก า ร ติ ว O - N E T โ ด ย ค รู ด ว ง สุ ด า ส า จั น ท ร์ | 43 140. ข้อใดตอ่ ไปนี้ ไมใ่ ช่ ผลจากเทคโนโลยีอวกาศ ก. แผนท่กี ูเกลิ (Google Maps) ข. เคร่ืองไซสโมกราฟ (Seismo-graph) ค. ภาพถ่ายเมฆที่ใชใ้ นข่าวพยากรณอ์ ากาศ ง. การถา่ ยทอดสดฟตุ บอลโลกจากประเทศแอฟรกิ าใต้ 141. การส่งยานอวกาศด้วยยานขนสง่ อวกาศมีคณุ สมบัตเิ ด่นอยา่ งไร ก. นา้ หนักเบา ข. เคลอื่ นทไี่ ด้เรว็ ค. ประหยดั พลงั งาน ง. สามารถนากลบั มาใชใ้ หมไ่ ด้ 142. ข้อใดต่อไปนไ้ี ม่ใช่ผลจากเทคโนโลยีอวกาศ ก. ภาพถ่ายเมฆที่ใชใ้ นขา่ วพยากรณอ์ ากาศ ข. แผนที่กูเกลิ (Google Map) ค. การถา่ ยทอดสดฟุตบอลโลกจากประเทศแอฟรกิ าใต้ ง. เคร่ืองไซสโมกราฟ (Seismo-graph) 143. จากขอ้ มูลต่อไปนี้ 1. มวลของวตั ถนุ อ้ ยทสี่ ุด 2. วตั ถุอยู่ในสญุ ญากาศ 3. ช่ังนา้ หนักวัตถแุ ล้วเปน็ ศนู ย์ 4. วัตถเุ คล่ือนที่ดว้ ยความเร็วคงที่ ขอ้ ใดบ้างท่ีอย่ใู นสภาพไร้น้าหนัก ก. 3 ข. 2 และ 3 ค. 1, 2 และ 3 ง. 1, 3 และ 4

เ อ ก ส า ร ป ร ะ ก อ บ ก า ร ติ ว O - N E T โ ด ย ค รู ด ว ง สุ ด า ส า จั น ท ร์ | 44 144. นักวทิ ยาศาสตร์ท่านใดต่อไปนี้มีส่วนในการพัฒนาการส่งจรวด ก. โรเปีรต์ กอดดารด์ ข. โรฌริ ค์ วลิ สนั ค. ปีเตอร์ ไชคอฟสกี ง. คอนสแตนดิน ไชออลคอฟสกี จ. อาร์โน เพนเชียส 145. ในอนาคตเม่อื เราสามารสสร้างอาณานิคมบนดาวเคราะหน์ อกระบบสรุ ิยะดวงหนึ่ง ซง่ึ มี ความหนาแนน่ เทา่ กับโลก แต่มีรศั มีเป็น 1.21 เท่าของรศั มีโลก ความเร็วน้อยทส่ี ุด ในการสง่ จรวดจากดาวเคราะห์กลบั มายังโลกมคี ่าเป็นกี่เทา่ ของความเร็วน้อยที่สดุ ในการสง่ จรวดจาก โลกไปยังดาวดวงนี้ ก. 1.21 ข. 1.10 ค. 1.33 ง. 0.909 จ. 0.751