1
2 แผนการจัดการเรยี นรรู้ ายวชิ า การพฒั นาตนเอง ชมุ ชน สังคม ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย หลักสตู รการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาข้นั พน้ื ฐาน พทุ ธศักราช 2551 โดย นางสาวนุชรยี ์ กว้างขวาง กลมุ่ กศน.ตำบลเททพาลยั ศูนยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั อำเภอคง สำนักงานส่งเสริมการศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั จังหวดั นครราชสมี า สำนกั งานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัย สำนกั งานปลดั กระทรวงศึกษาธกิ าร กระทรวงศึกษาธกิ าร
3 บันทึกข้อความ ส่วนราชการ ศนู ย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั อำเภอคง ท่ี ศธ ๐๒๑๐.๓๖๐๕/ วนั ที่ ๑ ตลุ าคม พ.ศ. ๒๕๖๔ เร่อื ง การตรวจคุณภาพแผนการเรยี นรู้ เรยี น ผอู้ ำนวยการศนู ย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอคง ด้วย คณะครูผู้ชว่ ย และ ครู กศน.ตำบล งานการศกึ ษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพ้นื ฐาน ศูนย์ การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอคง ได้จัดทำแผนการจัดการสอนรายวิชา การพัฒนา ตนเอง ชุมชน สงั คม (รหสั วชิ า สค๓๑๐๐๓ ) ระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย เพื่อใช้จดั การเรียนรู้ใน ภาคเรียน ที่ ๒ ปีการศึกษา ๒๕๖๔ เรียบร้อยแล้วประกอบด้วย การวิเคราะห์เนื้อหาวิชา ปฏิทินการจัดการเรียนรู้ แผนการจัดการเรียนรู้แบบพบกลุ่ม แผนการจัดการเรียนรู้แบบออนไลน์ สัญญาการเรียนรู้ด้วยตนเอง แผนการจัดการเรียนรู้ด้วยตนเอง ใบความรู้ ใบงาน และแบบทดสอบหลังเรียน เพื่อให้กระบวนการจัดการ เรียนรู้เป็นไปตามเป้าหมายการจัดการศึกษาของสถานศึกษา จึงได้เสนอแผนการเรียนรู้มาเพื่อตรวจสอบ คุณภาพกอ่ นนำไปจดั การเรยี นรู้ รายละเอยี ดดังแนบมาพรอ้ มน้ี จึงเรยี นมาเพ่ือโปรดพจิ ารณา (นางสาวนุชรยี ์ กว้างขวาง) ครผู ู้ช่วย องคป์ ระกอบของแผนครบถ้วน การจัดการเรียนรู้เป็นไปตามเป้าหมายของสถานศึกษา เนื้อหาสาระตรงตามโครงสรา้ ง ใช้กระบวนการจดั การเรยี นรู้ทเี่ น้นผู้เรียนเปน็ สำคัญ สอื่ ทีใ่ ชเ้ รียนรเู้ หมาะสม ความเหน็ กลุม่ งานจดั การศกึ ษาพ้ืนฐาน ความเหน็ ผ้อู ำนวยการฯ เห็นควรพิจารณา ( ) อนญุ าต ( ) ไม่อนญุ าต อนุญาต เพราะ.................................................................... ไมอ่ นุญาต ……………………………………………………………………. ลงชื่อ........................................นายทะเบยี น ลงชอื่ ......................................................... (นายภษู ิชช์ จันทร์น้อย) (นายคมพิสิษฐ์ ดังไธสงฆ์) ตำแหนง่ ครู คศ.๑ ตำแหน่ง ผอ.กศน.อำเภอคง
4 แผนการจัดการเรยี นรรู้ ายวิชา การพฒั นาตนเอง ชมุ ชน สังคม ระดับมธั ยมศึกษาตอนปลาย หลกั สูตรการศึกษานอกระบบระดบั การศึกษาข้นั พ้นื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 โดย นางสาวนุชรีย์ กว้างขวาง กลมุ่ กศน.ตำบลเทพาลยั ศนู ย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั คง สำนักงานส่งเสรมิ การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัยจงั หวีด นครราชสมี า สำนกั งานส่งเสริมการศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย สำนักงานปลัดกระทรวงศกึ ษาธกิ าร กระทรวงศกึ ษาธิการ
5 คำนำ แผนการจัดการเรียนรู้รายวิชา เป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับครูที่จะทำให้การจัดการเรียนรู้บรรลุ เป้าหมายที่ต้องการ เป็นการวางแผนไว้ล่วงหน้าโดยศึกษาในเรื่อง สาระพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๔๕) หมวด ๓ ระบบการศึกษา และ หมวด ๔ แนวการจัดการศึกษาทุก มาตรากรอบของการจัดการศึกษาตามหลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ เอกสารเกี่ยวกับการประกันคุณภาพการศึกษา โดยจัดกระบวนการเรียนรู้ให้สอดคล้องกับมาตรฐาน เอกสารเกี่ยวกับเนื้อหาในรายวิชาที่จัดการเรียนรู้ และศึกษาหาข้อมูลจากแหล่งเรียนรู้ต่าง ๆ วิธีการจัดการ เรียนรู้แบบตา่ ง ๆ ซ่ึงเนน้ ผ้เู รียนเป็นสำคญั และรปู แบบการเรยี นรู้ โดยกำหนดใหใ้ ช้รปู แบบการจัดกระบวนการ เรียนรู้ กศน. (ONIE MODEL) ซ่งึ มี ๔ ขน้ั ตอน ไดแ้ ก่ ข้ันตอนที่ ๑ การกำหนดสภาพ ปญั หา ความต้องการใน การเรียนรู้ (O : Orientation) ขั้นตอนที่ ๒ การแสวงหาข้อมูลและจัดการเรียนรู้ (N : New ways of learning) ข้นั ตอนที่ ๓ การปฏบิ ัตแิ ละนำไปประยกุ ต์ใช้ (I : Implementation) ขัน้ ตอนที่ ๔ การประเมินผล (E : Evaluation) แผนการเรียนรู้จะทำให้ครูได้คู่มอื การจัดการเรียนรู้ ทำให้ดำเนนิ การจดั การเรยี นรู้ได้ครบถ้วน ตรงตามหลักสตู รและจดั การเรยี นรูไ้ ดต้ รงเวลา ในการจดั ทำแผนการเรยี นรูด้ งั กล่าว ขอขอบคณุ ผอ.คมพสิ ิษฐ์ ดังไธสงฆ์ ผูอ้ ำนวยการศูนย์การศกึ ษา นอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั อำเภอคง ข้าราชการครู ท่ใี หค้ ำปรึกษา และแผนการเรยี นร้สู ำเร็จลงได้ด้วย ความร่วมมือจาก นักศึกษา กศน. ร่วมกับคณะครูผู้ช่วย และ ครู กศน.ตำบล ทุกท่าน ที่ระดมความคิด ประชุม วางแผนการจัดทำใหส้ ำเร็จเรยี บร้อย หวงั เป็นอย่างย่ิงแผนการเรียนรูจ้ ะเปน็ ประโยชน์ยิ่งต่อการพัฒนาเป็นการ จดั การเรียนรู้ตามหลกั สูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษา ขัน้ พืน้ ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ ตอ่ ไป คณะทำงาน กศน.อำเภอคง
สารบญั 6 คำอธิบายรายวิชา และรายละเอยี ดคำอธบิ ายรายวชิ า หน้า ผลการวเิ คราะหร์ ายละเอียดคำอธิบายรายวชิ า 1 ตารางการวางแผนจดั การเรียนรู้ 5 แผนการจัดการเรยี นรูแ้ บบพบกลุม่ 9 11 แผนการจดั การเรียนรูท้ ่ี 1 เรอื่ ง ทศั นศิลป์ไทย 38-44 แผนการจัดการเรียนรู้แบบออนไลน์ 45-58 แผนการจดั การเรยี นรูแ้ บบเรยี นรดู้ ้วยตนเอง (กรต.) 59-60 สัญญาการเรียนรดู้ ้วยตนเอง(กรต.) แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 1 แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 2 แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 3 แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 4 แผนการจดั การเรียนร้ทู ี่ 5 แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ 6 แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 7 แผนการจดั การเรียนรูท้ ่ี 8 แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ 9 แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 10 แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 11 แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 12 แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 13 แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 14 แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 15 แผนการจดั การเรยี นรูท้ ี่ 16 แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 17 ใบงาน กรต.ครงั้ ท่ี 1-17 แบบทดสอบหลังเรยี น คณะทำงาน
7 คำอธบิ ายรายวิชา สค31003 การพฒั นาตนเอง ชุมชน สงั คม จำนวน 1 หนว่ ยกติ ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย มาตรฐานการเรียนรูร้ ะดบั มคี วามรู้ ความเข้าใจ หลกั การพัฒนา ชุมชน สงั คม สามารถวเิ คราะห์ข้อมลู และเป็นผู้นำผู้ตามในการ พฒั นาตนเอง ครอบครัว ชมุ ชน สงั คม ใหส้ อดคล้องกบั สภาพการเปลย่ี นแปลงของเหตุการณ์ปัจจบุ นั ศกึ ษาและฝึกทักษะเก่ียวกับเรือ่ งดงั ต่อไปนี้ 1. ความหมาย ความสำคัญ ของขอ้ มลู ประโยชนข์ องขอ้ มูลตนเอง ชุมชน สังคม 2. เทคนิคและวิธีการจัดเก็บข้อมูล เช่น การจัดเวทีประชาคม การสำรวจข้อมูลโดยใช้แบบสอบถาม การ สบื ค้นขอ้ มูลจากแหลง่ ตา่ ง ๆ ฯลฯ 3. การวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อการจัดทำแผนพัฒนาตนเอง ชุมชน สงั คม 4. การจดั ทำแผนพัฒนาตนเอง ชมุ ชน สังคม และการนำไปใช้ 5. ความหมายความสำคัญที่มาและบทบาทหน้าที่ของผู้นำ ผู้ตามชุมชนด้านการจัดทำแผนพัฒนาตนเอง ชมุ ชน สงั คม 6. การเป็นผนู้ ำ ผู้ตามในการขับเคลอ่ื นแผนพฒั นาตนอง ชมุ ชน สงั คม สู่การปฏบิ ตั ิ การจดั ประสบการณก์ ารเรียนรู้ จัดให้ผู้เรียนศึกษาจากการปฏิบัติจริง เข้าร่วมสังเกตการณ์ ศึกษากรณีตัวอย่างในชุมชน และผู้นำ ชุมชน สร้างสถานการณ์จำลอง จัดทำเวทีประชาคม และการศึกษาดูงาน เปรียบเทียบการจัดทำแผนพัฒนา ตนเอง ชมุ ชน/สังคม ระหว่างกลุม่ ระหว่างชุมชน ฝกึ ทกั ษะการเปน็ ผู้นำ / ผตู้ ามในการขับเคล่ือนแผนพัฒนาสู่ การปฏบิ ัติ การวดั และประเมนิ ผล ประเมนิ จากผลงาน และการมสี ว่ นรว่ มในการจดั ทำแผนและการขบั เคล่อื นแผนพัฒนาส่กู ารปฏบิ ัติ
8 รายละเอียดคำอธบิ ายรายวิชา สค31003 การพฒั นาตนเอง ชุมชน สังคม จำนวน 1 หน่วยกิต ระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย มาตรฐานการเรียนรู้ระดบั มีความรู้ ความเข้าใจ หลักการพฒั นา ชมุ ชน สังคม สามารถวเิ คราะห์ข้อมลู และเป็นผู้นำผู้ตามในการ พฒั นาตนเอง ครอบครัว ชุมชน สงั คม ให้สอดคล้องกับสภาพการเปลย่ี นแปลงของเหตุการณป์ ัจจบุ นั ท่ี หวั เร่ือง ตวั ช้ีวดั เนือ้ หา จำนวน (ชว่ั โมง) 1. พัฒนาตนเอง ชมุ ชน สังคม 1. มีความรู้ ความเข้าใจ 1. หลักการพัฒนาตนเอง ชุมชน 20 หลกั การพัฒนาตนเอง ชมุ ชน สังคม สังคม 2. มีความรู้ ความเขา้ ใจ และ 2. ข้อมูลตนเอง ครอบครัว ชุมชน เห็นความสำคัญของข้อมูล สังคม ตนเอง ครอบครัว ชุมชน - ความหมาย ของขอ้ มูล สังคม ความสำคญั และประโยชน์ - ขอ้ มลู ตนเอง ครอบครวั - ขอ้ มูลชมุ ชน สังคม 3. วิเคราะห์และอธิบาย 3. วิธกี ารจดั เก็บ วิเคราะหข์ อ้ มูลด้วย ข้อมูล วิธีการที่หลากหลาย และเผยแพร่ ขอ้ มลู 4. เกิดความตระหนัก และมี 4. การมีส่วนร่วมในการวางแผน ส ่ ว น ร ่ ว ม ใ น ก า ร จั ด ท ำ พฒั นาตนเอง ครอบครัว ชุมชนสังคม แผนพฒั นาชุมชน สังคม 5. ส า ม า ร ถ ก ำ ห น ด แ น ว 5.1 เทคนิคการมีส่วนร่วมในการ 20 ทางการพัฒนาตนเอง จัดทำแผน เชน่ ครอบครัว ชมุ ชน สังคม - การจดั ทำเวทปี ระชาคม - การประชุมกลุม่ ยอ่ ย - การสัมมนา - การสำรวจประชามติ - การประชาพจิ ารณ์ ฯลฯ 5.2 การจัดทำแผน -ทิศทาง นโยบาย
9 ที่ หวั เร่ือง ตวั ชี้วดั เนื้อหา จำนวน (ชว่ั โมง) - โครงการ - ผูร้ ับผดิ ชอบ - จดั ลำดบั ความสำคัญ ฯลฯ 5.3 การเผยแพร่สูก่ ารปฏิบตั ิ - การเขียนรายงาน - การเขยี นโครงงาน ฯลฯ 6. รู้และเข้าใจ บทบาท 6. บทบาท หน้าที่ของผู้นำ/สมาชิกท่ี หนา้ ทีข่ องผนู้ ำชุมชน ดีของชุมชน สังคม 7. เป็นผู้นำ ผู้ตามในการ 7.1 ผู้นำ ผู้ตามในการจัดแผนพัฒนา จ ั ด ท ำ แ ล ะ ข ั บ เ ค ล ื ่ อ น ชมุ ชน สงั คม แผนพัฒนาตนเอง ครอบครัว 7.2 ผู้นำ ผู้ตามในการขับเคลื่อน ชมุ ชนสงั คม แผนพฒั นาตนเอง ชุมชน สงั คม
10 ผลการวเิ คราะห์รายละเอียดคำอธิบายรายวชิ า สาระทกั ษะการดำเนินชวี ติ วชิ าการพัฒนาตนเอง ชมุ ชน สังคม รหัสวิชา สค31003 จำนวน ๑ หน่วยกิต ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย ภาคเรียนท่ี 2 ปกี ารศึกษา 2564 เวลา วธิ ีการจดั การเรียนรู้ ช่วั โมง ที่ ตัวช้วี ัด เน้อื หารายวิชา งา่ ย ปาน ยาก ตน พบ สอน กลาง เอง กลมุ่ เสรมิ 1. 1. มีความรู้ ความเข้าใจ 1. หลักการพัฒนาตนเอง 20 / / ห ล ั ก ก า ร พ ั ฒ น า ต น เ อ ง ชมุ ชนสังคม ชมุ ชน สังคม 2. 2. มคี วามรู้ ความเข้าใจ และ 2. ขอ้ มลู ตนเอง ครอบครวั / / เห็นความสำคัญของข้อมูล ชมุ ชน สงั คม ตนเอง ครอบครัว ชุมชน - ความหมาย ของข้อมูล สงั คม ความสำคัญ และประโยชน์ - ขอ้ มูลตนเอง ครอบครวั - ขอ้ มูลชมุ ชน สงั คม 3. 3. วิเคราะห์และอธิบาย 3. วิธีการจัดเก็บ วิเคราะห์ / / / ขอ้ มลู ข ้ อ ม ู ล ด ้ ว ย ว ิ ธ ี ก า ร ท่ี / หลากหลาย และเผยแพร่ ขอ้ มูล 4. 4. เกิดความตระหนัก และมี 4. การมีส่วนร่วมในการ / ส่วนร่วมในการจัดทำ วางแผนพัฒนาตนเอง แผนพัฒนาชุมชน สังคม ครอบครวั ชุมชนสังคม 5. 5. ส า ม า ร ถ ก ำ ห น ด แ น ว 5.1 เทคนคิ การมีส่วนร่วมใน 20 / ทางการพฒั นาตนเอง การจัดทำแผน เช่น ครอบครัว ชุมชน สงั คม - การจัดทำเวทปี ระชาคม - การประชุมกลุ่มย่อย - การสัมมนา - การสำรวจประชามติ - การประชาพิจารณ์ ฯลฯ 5.2 การจดั ทำแผน
11 เวลา วธิ ีการจัดการเรียนรู้ ช่วั โมง ท่ี ตัวชว้ี ัด เนื้อหารายวิชา ง่าย ปาน ยาก ตน พบ สอน กลาง เอง กลมุ่ เสรมิ -ทศิ ทาง นโยบาย - โครงการ - ผ้รู ับผิดชอบ - จัดลำดบั ความสำคัญ ฯลฯ 5.3 การเผยแพรส่ ู่การปฏิบัติ - การเขียนรายงาน - การเขียนโครงงาน ฯลฯ 6. 6. รู้และเข้าใจ บทบาท 6. บทบาท หน้าที่ของผู้นำ/ / / หน้าทข่ี องผ้นู ำชมุ ชน สมาชิกทีด่ ขี องชุมชน สังคม 7. 7. เป็นผู้นำ ผู้ตามในการ 7.1 ผู้นำ ผู้ตามในการจัด / / จ ั ด ท ำ แ ล ะ ข ั บ เ ค ล ื ่ อ น แผนพัฒนา ชมุ ชน สังคม แผนพฒั นาตนเอง ครอบครวั 7.2 ผู้นำ ผู้ตามใน ก า ร ชุมชนสงั คม ขับเคลื่อนแผนพัฒนาตนเอง ชุมชน สังคม
12 ตารางการจัดการเรยี นรรู้ ายวิชาการพฒั นาตนเอง ชมุ ชน สงั คม รหัสวชิ า สค31003 ระดบั มัธยมศึกษาตอนปลาย คร้ังท่ี เน้อื หา วธิ กี ารจดั การเรยี นรู้ หมายเหตุ 1. หลกั การพัฒนาตนเอง ชมุ ชนสังคม กรต. 2. ข้อมลู ตนเอง ครอบครวั ชุมชน สังคม กรต. - ความหมาย ของข้อมูล ความสำคญั และประโยชน์ - ขอ้ มลู ตนเอง ครอบครวั - ข้อมูลชุมชน สังคม 3. วิธีการจัดเก็บ วิเคราะห์ข้อมูลด้วยวิธีการที่หลากหลาย กรต. และเผยแพร่ขอ้ มูล 4. การมีส่วนร่วมในการวางแผนพัฒนาตนเอง ครอบครัว กรต. ชุมชนสังคม 5. เทคนิคการมสี ่วนร่วมในการจัดทำแผน เชน่ พบกลุ่ม - การจัดทำเวทีประชาคม - การประชมุ กล่มุ ยอ่ ย - การสัมมนา - การสำรวจประชามติ - การประชาพจิ ารณ์ การจดั ทำแผน -ทิศทาง นโยบาย - โครงการ - ผ้รู บั ผดิ ชอบ - จัดลำดบั ความสำคัญ การเผยแพรส่ ูก่ ารปฏบิ ตั ิ - การเขียนรายงาน - การเขียนโครงงาน 6. บทบาท หน้าท่ขี องผู้นำ/สมาชกิ ท่ดี ขี องชุมชน สังคม กรต. 7. ผู้นำ ผตู้ ามในการจัดแผนพัฒนา ชมุ ชน สงั คม กรต. 8. ผู้นำ ผู้ตามในการขับเคลื่อนแผนพัฒนาตนเอง ชุมชน กรต. สังคม 9. ความหมาย ความสำคัญ ประโยชน์ ของข้อมลู ด้าน กรต. - ภูมศิ าสตร์
13 คร้งั ที่ เนอ้ื หา วธิ ีการจดั การเรยี นรู้ หมายเหตุ - ประวตั ศิ าสตร์ - เศรษฐศาสตร์ 10. ความหมาย ความสำคญั ประโยชน์ ของข้อมูลดา้ น กรต. - การเมือง การปกครอง - ศาสนา วฒั นธรรม ประเพณี - หน้าทพ่ี ลเมือง 11. ความหมาย ความสำคญั ประโยชน์ ของขอ้ มูลดา้ น กรต. - ทรัพยากร สง่ิ แวดล้อม - สาธารณสขุ - การศึกษา 12. เทคนิคการมสี ว่ นร่วมในการจัดทำแผน เชน่ กรต. - การจัดทำเวทปี ระชาคม - การประชุมกล่มุ ยอ่ ย - การสัมมนา - การสำรวจประชามติ - การประชาพิจารณ์ 13. การจัดทำแผน กรต. -ทศิ ทาง นโยบาย - โครงการ - ผู้รับผิดชอบ - จดั ลำดบั ความสำคญั 14. การเผยแพร่สู่การปฏบิ ัติ กรต. - การเขียนรายงาน - การเขียนโครงงาน 15. วิธีการจัดเก็บ วิเคราะห์ข้อมูลด้วยวิธีการที่หลากหลาย กรต. และเผยแพรข่ ้อมลู 16. การมีส่วนร่วมในการวางแผนพัฒนาตนเอง ครอบครัว กรต. ชมุ ชนสังคม 17. ผนู้ ำ ผูต้ ามในการจดั แผนพฒั นา ชุมชน สังคม กรต. 18. ผู้นำ ผู้ตามในการขับเคลื่อนแผนพัฒนาตนเอง ชุมชน กรต. สังคม
14 แผนการจดั การเรียนรู้แบบพบกลุ่ม และ แผนการจัดการเรียนรู้ทางออนไลน์ ระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย หลักสตู รการศึกษานอกระบบ ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศกั ราช 2551 วิชาการพฒั นาตนเอง ชมุ ชน สังคม รหสั วชิ า สค31003 จำนวน ๑ หน่วยกติ ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564 โดย กศน.ตำบลเทพาลัย ศูนย์การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั อำเภอคง
15 แผนการจดั การเรยี นรรู้ ายสปั ดาหแ์ บบพบกล่มุ กลุ่มสาระการพัฒนาสังคม รายวิชาการพัฒนาชุมชน สังคม ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย แผนการจัดการเรียนรู้แบบพบกลุ่ม เร่อื ง การเรยี นรู้ดว้ ยตนเอง เวลาสอน 6 ชว่ั โมง สอนวนั ที่ ..........เดอื น.................................. พ.ศ. 2564 ภาคเรียนท่ี 2 ปีการศกึ ษา 2564 ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัยอำเภอคง มาตรฐานการเรียนรรู้ ะดบั มีความรู้ ความเข้าใจ หลักการพฒั นา ชมุ ชน สังคม สามารถวิเคราะห์ข้อมูลและเป็นผู้นำผู้ตามในการ พัฒนาตนเอง ครอบครัว ชมุ ชน สงั คม.ให้สอดคล้องกบั สภาพการเปล่ียนแปลงของเหตกุ ารณ์ปัจจบุ นั ตวั ชี้วัด 1. รแู้ ละเข้าใจแนวทางการพัฒนาตนเองครอบครวั ชุมชน สังคม 2. สามารถกำหนดแนวทางการพฒั นาตนเองครอบครวั ชุมชน สงั คม 3. สามารถจัดทำแผนและเผยแพร่สูก่ ารปฏบิ ตั ปิ รบั ใชใ้ นชวี ิตประจำ จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1. บอกและอธบิ ายความสำคญั ของแนวทางการพฒั นาตนเองครอบครวั ชุมชน สังคม 2. ยกตวั อยา่ งและอธิบายแนวทางการพัฒนาตนเองครอบครวั ชุมชน สงั คมได้ 3. จดั ทำแผนและเผยแพร่สู่การปฏิบัตปิ รับใช้ในชวี ิตประจำ เนือ้ หา 1. เทคนิคการมสี ว่ นรว่ มในการจดั ทำแผน เช่น - การจัดทำเวทปี ระชาคม - การประชุมกลุม่ ย่อย - การสมั มนา - การสำรวจประชามติ - การประชาพจิ ารณ์ 2. การจดั ทำแผน -ทิศทาง นโยบาย - โครงการ - ผู้รับผิดชอบ - จัดลำดบั ความสำคัญ 3. การเผยแพร่สู่การปฏบิ ัติ - การเขียนรายงาน - การเขียนโครงงาน
16 คุณธรรม 1. เพ่ือพัฒนาตนเอง 2. เพ่อื พัฒนาการทำงาน 3. เพอ่ื พัฒนาการอยูร่ ่วมกนั ในสังคม 4. เพ่ือการพัฒนาประเทศชาติ ข้นั ตอนการจัดกระบวนการเรียนรู้ ขั้นที่ 1 การกำหนดสภาพ ปญั หา ความต้องการในการเรียนรู้ (O : Orientation) ( 15 นาท)ี 1. ครูทักทายผู้เรียนและชี้แจงจุดประสงค์การเรียนรู้ตามแผนการเรียนรู้ และร่วมกันพูดคุย แลกเปลี่ยนประสบการณ์เกี่ยวกับปัญหาของชุมชน สังคม ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเช้ือ ไวรสั โคโรนา่ โควดิ -19 ที่มใี นปัจจบุ ัน 2. หลังจากนั้นครูชวนพูดชวนคุยเกี่ยวกับเรือ่ ง การมีส่วนร่วมของประชาชนต้านภัยโควิด - 19 โดยให้ ผู้เรียนชมคลิปวีดีโอ เรื่อง โควิด -19 กับการตีตราของสังคม จาก https://youtu.be/eM_sryauiRk (2.22 นาที) โดยใหผ้ เู้ รยี นตอบคำถามเปน็ รายบคุ คล จำนวน 2-3 คน ตามความสมคั รใจ ในประเด็น “ หลังจากท่ีผู้เรยี นฟังชมคลิปวีดโี อแล้ว ท่านคิดว่า ถ้าทุกคนคิดเหมือนกนั ตามคลิปวีดีโอจะเป็นย่างไร ?” จากนั้นผเู้ รยี นและครสู รปุ สิ่งที่ได้เรยี นรเู้ รอื่ ง เทคนิคการมีสว่ นร่วมของประชาชน ขนั้ ที่ 2 การแสวงหาขอ้ มูล และการจัดการเรียนรู้ (N : New Way of learning) ( 60 นาที) 1. ครอู ธิบายเน้ือหา เร่อื ง เทคนคิ การมสี ว่ นรว่ มในการจัดทำแผน จากหนังสอื เรียนรายวิชาการพัฒนา ตนเอง ชุมชน สังคม สค31003 2. ครูแบ่งกลุ่มผู้เรียน ออกเป็นกลุ่มละ 4-8 คน มอบหมายงานให้แต่ละกลุ่มร่วมกันหาสาเหตุของ ปัญหาที่เกิดขึ้นต่อครอบครัว ชุมชน และสังคม ในปัจจุบัน และวิธีการแก้ไขปัญหา พร้อมจัดทำเป็นแผนการ ดำเนนิ งานเบ้อื งต้นอย่างง่ายเพื่อนำเสนอหน้าชั้นเรียน โดยให้แต่ละกลุ่มตอบคำถาม และให้แต่ละกลุ่มส่งผู้แทนออกมานำเสนอต่อกลุ่มใหญ่ จำนวน 3 ประเดน็ ดังน้ี ประเด็นที่ 1 เทคนิคการมีส่วนรว่ มในการจดั ทำแผน ประเดน็ ที่ 2 การจดั ทำแผน ประเดน็ ท่ี 3 การเผยแพร่สกู่ ารปฏิบัติ หลงั จากนัน้ ผเู้ รยี นและครสู รปุ ส่ิงทไ่ี ดป้ ระเดน็ ที่ 1 – 3 รว่ มกนั ขั้นท่ี 3 การปฏิบตั ิและการนำไปประยกุ ต์ใช้ (I : Implementation) (60 นาท)ี 1. ให้ผู้เรียนแตล่ ะกล่มุ ทำตามขั้นตอนท่ี 2 และสรปุ เปน็ Mind Mapping: แผนทคี่ วามคิด เรื่อง เทคนิคการมสี ว่ นร่วมในการจดั ทำแผน ของแตล่ ะกลุ่ม 2. ผเู้ รยี นและครูสรุป รว่ มกัน
17 ขนั้ ท่ี 4 การประเมินผล (E : Evaluation) ( 45 นาท)ี 1. ใหผ้ ู้เรยี นตอบคำถามเปน็ รายบุคคล จำนวน 2-3 คน ตามความสมคั รใจ ในประเด็น “ผู้เรยี นจะนำความรู้ที่ได้รับจากการเรียนรู้เรื่อง เทคนคิ การมสี ่วนรว่ มในการจัดทำแผน ไปใชใ้ นชีวิตประจำวัน ของตนเอง ครอบครวั และชุมชน ได้อยา่ งไร 2. ครูและผเู้ รียนสรปุ สง่ิ ทีเ่ รยี นรรู้ ่วมกัน 3. ทำแบบทดสอบจาก Google From ส่อื การเรยี นรู้ 1. คลิปวิดีโอ เรื่อง โควิด -19 กับการตตี ราของสงั คม จาก https://youtu.be/eM_sryauiRk (2.22 นาท)ี 2. หนังสือเรยี นวชิ า การพฒั นาตนเอง ชุมชน สงั คม สค31003 3. ใบความรู้ เรอ่ื ง เทคนิคการมสี ่วนรว่ มในการจดั ทำแผน 4. ใบงาน เรือ่ ง เทคนิคการมีสว่ นร่วมในการจดั ทำแผน การวดั และประเมินผล 1. สงั เกตพฤตกิ รรมในการแลกเปลยี่ นเรียนรู้ ความสนใจ ความตงั้ ใจ 2. ผลงาน 3. แบบทดสอบจาก Google From 4. การอภิปรายหน้าชนั้ เรยี น 5. ใบงาน การเรยี นรตู้ ่อเน่ือง ( 3 ชม.) กจิ กรรมเพอ่ื เสรมิ สร้างนสิ ยั ใฝ่รใู้ ฝ่เรียน ใหผ้ เู้ รียนทำ 1. ใบงาน เรือ่ ง เทคนคิ การมสี ่วนร่วม 2. ใบงาน เร่อื ง การจดั ทำแผน 3. ใบงาน เรือ่ ง การเผยแพรส่ ่กู ารปฏบิ ตั ิ ความคดิ เห็นและขอ้ เสนอแนะของผบู้ รหิ ารสถานศกึ ษา พจิ ารณาแลว้ .............................................................................................................................................................................. ........................................................................................................................................................................ ลงชื่อ (นายคมพสิ ษิ ฐ์ ดงั ไธสงฆ์) ผอู้ ำนวยการ กศน.อำเภอคง วนั ท่.ี ........เดอื น.........................พ.ศ...........
18 ใบความรู้ เรอื่ ง เทคนิคการมสี ่วนร่วมในการจดั ทำแผน เทคนิคการมสี ่วนร่วมในการจดั ทำแผน 1.1 การมีส่วนร่วมของประชาชนในการจัดทำแผน การเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมใน การจัดทำแผน ตดั สนิ ใจ ในการวางโครงการ สำหรบั ประชาชนเอง มวี ัตถุประสงค์เพ่อื 1.1.1 ให้ประชาชนยอมรับในแผนการดำเนินงาน และพร้อมจะร่วมมือ เป็นการลด การต่อต้าน และ ลดความรู้สึกแตกแยกจากโครงการ 1.1.2 ให้ประชาชนไต้ร่วมตัดสินใจเกี่ยวกับสถานการณ์ ปัญหาความต้องการ ทิศทางของ การ แก้ปัญหา และผลลพั ธท์ ี่จะเกิดข้ึน 1.1.3 ใหป้ ระชาชนมปี ระสบการณ์ตรงในการรว่ มแกป้ ัญหาของประชาชนเอง ทำใหป้ ระชาชนเกิด การเรียนรู้ในกระบวนการแกป้ ัญหา 1.2 การจัดทำเวทีประชาคม เป็นวิธีการกระตุ้นให้เกิดการเรียนรู้อย่างมีส่วนร่วม ระหว่างคนที่มี ประเด็นหรือ ปัญหาร่วมกันโดยใช้เวทีในการสื่อสาร เพื่อการรับรู้และเข้าใจในประเด็น/ปัญหาและช่วยกันหา แนวทางแกไ้ ข ประเด็นปัญหาน้นั ๆ ซ่ึงมีขัน้ ตอนในกระบวนการจัดทำเวทปี ระชาคม 1.2.1 เตรยี มการ ควรแบ่งเปน็ 2 ส่วน คอื 1) ผู้อำนวยการเรียนรู้หลกั หรือวิทยากรกระบวนการหลัก ที่มีหน้าที่ขับเคลือ่ นการมี ส่วนร่วม เวทีประชาสังคมทั้งกระบวน และเป็นวิทยากรหลักท่ีทำให้เกิดการแสดงความคดิ เห็นรว่ มกนั ระหว่างผู้เข้ารว่ ม อภปิ ราย ในเวทปี ระชาคม 2) ผู้สนับสนุนวิทยากรกระบวนการ ซึ่งอาจจะแสดงบทบาทเป็นวิทยากรรอง หรือผู้จดบันทึก การประชุม ผู้สนับสนุน'ฯ มีหน้าที่เติมคำถามในเวทีเพื่อให้ประเด็นบางประเด็นสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น สังเกต ลักษณะท่าทีและบรรยากาศของการอภิปราย สรุปประเด็นที่อภิปรายไปแล้ว และให้ข้อมูลเพิ่มเติมที่เกี่ยวลับ กลุ่มและบรรยากาศแกว่ ิทยากรหลกั 1.2.2 ดำเนินการเวทปี ระชาคม ในกระบวนการนนั้ ผ้อู ำนวยการเรยี นรหู้ รือวิทยากรกระบวนการ หลกั มบี ทบาทมากท่ีสดุ ข้ันตอนในกระบวนการนี้ประกอบด้วย 1) การทำความรู้จักกันระหว่างผู้เข้าร่วมอภิปราย จุดมุ่งหมายของขั้นตอนนี้ คือ การละลาย พฤตกิ รรมในกล่มุ และระหวา่ งกลมุ่ กับทีมงาน เพ่อื สรา้ งบรรยากาศที่ดีระหว่างการอภปิ ราย 2) บอกวัตถุประสงค์ของการจัดเวทีประชาคม เป็นการบอกกล่าว เพื่อให้ผู้เข้าอภิปรายได้ เตรียมตัว ในฐานะผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับประเด็น/ปัญหา การกระตุ้นให้เกิดการมีส่วนร่วมของผู้ร่วม อภปิ รายควรใช้ภาษา ทสี่ อดคลอ้ งกับภมู หิ ลังของผเู้ ขา้ ร่วมอภิปราย และตอ้ งให้ผูร้ ว่ มอภิปราย ในเวทีประชาคมรสู้ กึ ไว้ใจต้งั แตเ่ ร่ิมดน้ 3) การเกริ่นนำเข้าสู่ที่มาที่ไปของประเด็นการอภิปรายในเวทีประชาคม เพื่อให้ผู้เข้าร่วม อภิปรายไดเ้ ข้าใจทีไ่ ปที่มาและความสำคัญของประเด็นต่อการดำเนนิ ชวี ติ หรือวิถชี ีวติ และบอกถงึ ความจำเป็น ในการร่วมมือกันหรือแสดงความคิดเห็นต่อประเด็นน้ีร่วมกันเพื่อหาจุดยืนหรือแนวทางแก้ปัญหาของประเด็น ดังกลา่ ว
19 4) การวางกฎและระเบยี บของการจัดเวทีประชาคมร่วมกัน ข้ันตอนน้เี ปน็ ขน้ั ตอนก่อนการเร่ิม อภิปรายในประเด็นที่ตั้งไว้ มีจุดมุ่งหมายเพื่อร่วมกันกำหนดขอบเขตและการวางระเบียบของการจัดทำเวที ประชาคมร่วมกันระหวา่ งผู้ดำเนนิ การอภปิ รายและผู้ร่วมอภปิ ราย กฎพื้นฐานของการจัดเวทปี ระชาคม คือ (1) ทุกคนต้องแสดงความคดิ เหน็ และกำหนดเวลาท่แี น่นอนในการพูดแตล่ ะคร้ัง (2) ไม่แทรกพดู ระหว่างคนอน่ื กำลังอภิปราย (3) ทกุ คนในเวทปี ระชาคมมีความเท่าเทียมกันในการแสดงความคิดเห็น (4) ทกุ คนสามารถเสนอประเดน็ ใหมๆ่ ได้ แตต่ อ้ งตรงกับประเดน็ หลัก (5) ทกุ คนสามารถเสนอประเดน็ ใหม่ๆ ได้ แตต่ อ้ งตรงกับประเดน็ หลกั (6) วิทยากรหลกั เปน็ เพยี งคนกลางท่ีชว่ ยกระตุ้นให้เกิดการพูดคุย และสรุปประเด็นท่ีเกิด จากการอภิปราย ไมใ่ ชผ่ ูเ้ ช่ียวชาญในการแก้ปัญหา 5) การอภปิ รายประเด็นหรือปญั หา ในขน้ั ตอนนี้วทิ ยากรกระบวนการ/ผู้อำนวยการเรียนรู้ต้อง ดำเนินการอภิปรายให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ตามกระบวนการและตามแผนท่ีวางไว้ นอกจากนั้นทีมงานเองก็ ตอ้ งชว่ ยสนับสนนุ ใหเ้ วทีประชาคมดำเนินการไปอย่างมีประสิทธภิ าพและตามแผนท่ีไต้ตกลงกัน 6) การสรุป เปน็ ข้ันตอนสุดบ้ายของการจดั เวทปี ระชาคม ซึ่งวทิ ยากรหลกั /ผู้อำนวยการเรียนรู้ ต้องสรุปผลของการอภิปราย โดยแยกเป็นผลที่ได้จากการพูดคุยกันเพื่อนำไปเป็นแนวทางในการแก้ปัญหา ต่อไป ลบั ผลท่ีได้จากเวทีประชาคม โดยเฉพาะอยา่ งยิ่งอาจระบุอยา่ งชัดเจนว่าใครจะต้องไปทำอะไรต่อ และจะ นดั หมายกลับมาพบกนั เพื่อติดตามความคบื หน้าเม่ือไร/อยา่ งไร 1.2.3 ติดตาม – ประเมนิ ผล เป็นกระบวนการต่อเนื่องหลังจากการจัดเวทีประชาคมเสร็จสิ้นแล้ว ซึ่งสามารถแบ่ง กระบวนการนี้เปน็ 2 ขั้นตอนใหญ่ คอื การติดตาม และการประเมนิ ผล 1) ข้นั ตอนการติดตาม เป็นการตามไปดวู ่ามีการดำเนนิ การอย่างใดอย่างหน่งึ หรือไม่ ตามที่ได้ ตกลงกันไว้ ขั้นตอนนี้จำเป็นต้องเปิดโอกาสให้ประชาชนหรือผู้ท่ีมีส่วนเกี่ยวข้องได้เข้ามามีส่วนร่วมในการ ตดิ ตามผล 2) ขั้นตอนของการประเมนิ ผล คอื (1) เพื่อตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงภายหลงั การจัดเวทปี ระชาคม ว่าประชาชนมีคุณภาพ ชวี ิตทดี่ ีข้ันหรือไม่ เมือ่ มีการจดั การอย่างใดอย่างหนง่ึ แลว้ (2) เพื่อประเมินทั้งประสิทธิภาพและประสิทธิผลของกระบวนการจัดเวทีประชาคม ท้ังหมดว่าได้รับความร่วมมือมากน้อยเพียงใดลักษณะและกระบวนการที่ ทำเอื้อต่อการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ รว่ มกันหรอื ไม่ ผลทไี่ ด้รับคุม้ ค่าหรอื ไม่ และบรรลตุ ามวัตถุประสงคท์ ่ีวางไวห้ รอื ไม่ อยา่ งไร การสรุปขอ้ มลู ท่ีไดจ้ ากการติดตามและการประเมินผล จะช่วยให้ทงั้ ผูจ้ ัดเวทีประชาคมและเข้าร่วมได้มี บทเรียนรว่ มกัน และสามารถนำประสบการณ์ทไี่ ตไ้ ปใชพ้ ฒั นาในการจดั กิจกรรมประชาคมอืน่ ๆ ต่อไป
20 1.3 การประชมุ กลุ่มยอ่ ย หรือการสนทนากลุ่ม การสนทนากลุ่ม หมายถึง การรวบรวมข้อมูลจากการสนทนาลับกลุ่มผู้ให้ข้อมูลในประเด็น ปัญหาท่ี เฉพาะเจาะจง โดยมีผดู้ ำเนินการสนทนา (Moderator) เป็นผู้คอยจุดประเดน็ ในการสนทนา เพื่อชักจูงให้กลุ่ม เกิดแนวคิดและแสดงความคิดเห็นต่อประเด็นหรือแนวทางการสนทนาอย่างกว้างขวางละเอียดถึกซึ้ง โดยมี ผู้เข้าร่วมสนทนาในแต่ละกลุ่ม ประมาณ 6 – 10 คน ซึ่งเลือกมาจากประชากรเป้าหมายที่กำหนดเอาไว้ (สำนกั งานกองทนุ สนับสนุนการวจิ ยั , 2549) 1.3.1 ขั้นตอนการจัดสนทนากลุ่ม 1) กำหนดวตั ถปุ ระสงค์ (6 – 8 สัปดาห์ล่อนการสนทนากล่มุ ) 2) กำหนดกลมุ่ ผรู้ ่วมงานและบคุ คลกลมุ่ เปา้ หมาย (6 – 8 สปั ดาห์ก่อนการสนทนากลุ่ม) 3) รวบรวมทอ่ี ยู่และเบอร์โทรศัพท์ของผรู้ ่วมงาน (6 – 8 สปั ดาหก์ อ่ นการสนทนากล่มุ ) 4) ตัดสนิ ใจว่าจะทำการสนทนาเป็นจำนวนก่ีกลมุ่ (4 – 5 สัปดาห์ก่อนการสนทนากลมุ่ ) 5) วางแผนเรอ่ื งระยะเวลาและตารางเวลาการสนทนา (4 – 5 สปั ดาหก์ ่อนการสนทนากลุ่ม) 6) ออกแบบแนวคำถามที่จะใช้ (4 – 5 สัปดาหก์ อ่ นการสนทนากลุม่ ) 7) ทดสอบแนวคำถามที่สร้างขั้น (4 – 5 สัปดาห์ก่อนการสนทนากลุ่ม) ทำความเข้าใจกับ ผดู้ ำเนินการสนทนา (Moderator) และผจู้ ดบันทึก (Note taker) (4 – 5 สัปดาห์ก่อนการสนทนากลมุ่ ) 8) คัดเลือกผู้เข้าร่วมกลุ่มสนทนา และจัดทำบัตรเชิญส่งให้ผู้ร่วมสนทนา (3 – 4 สัปดาห์ก่อน การสนทนากลุ่ม) 9) โทรศัพท์เพอ่ื ติดตามผลและส่งบัตรเชิญใหผ้ ูร้ ่วมงาน (3 – 4 สัปดาหก์ อ่ นการสนทนากลุม่ ) 10) การจัดการเพื่อเตรียมการทำสนทนากลุ่ม เช่น จัดตำแหน่งที่นั่ง จัดเตรียมเครื่องมือ/ อุปกรณ์ เปน็ ตน้ 11) แจง้ สถานที่ใหผ้ เู้ ข้าร่วมสนทนาทราบลว่ งหนา้ 2 วัน 12) จัดกลมุ่ สนทนา และหลังจากการประชุมควรมกี ารสง่ จดหมายขอบคุณผูร้ ่วมงานดว้ ย 13) สรปุ ผลการประชุม วเิ คราะห์ขอ้ มูลและส่งให้ผู้ร่วมประชมุ ทกุ คน 14) การเขียนรายงาน 1.3.2 การดำเนินการสนทนากลุ่ม 1) แนะนำตนเองและทีมงาน 2) อธบิ ายถึงจดุ มงุ่ หมายในการมาทำสนทนากลุม่ / วัตถุประสงค์ของการศึกษา 3) เริ่มเกร่ินนำดว้ ยคำถามอุ่นเครอื่ งสรา้ งบรรยากาศเป็นกันเอง 4) เมื่อเริ่มคุ้นเคย เริ่มคำถามในแนวการสนทนาท่ีจัดเตรียมไว้ทิ้งช่วงให้มกี ารถกประเด็น และ โตแ้ ยง้ กันให้พอสมควร 5) สร้างบรรยากาศให้เกิดการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นต่อกัน ควบคุมเกมไม่ให้หยุดนิ่ง อย่า ซักถาม คนใดคนหนึ่งจนเกินไป คำถามทถี่ ามไมค่ วรถามคนเดียว อย่าซักถามรายตัว
21 6) ในการนั่งสนทนา พยายามอย่าให้เกดิ การขม่ ทางความคิด หรือชักนำผู้อื่นใหเ้ หน็ คล้อยตาม กบั ผู้ทพี่ ดู เก่ง 7) พธิ ีกรควรเปน็ ผูค้ ยุ เกง่ ซักถามเก่ง มพี รสวรรคใ์ นการพดู คยุ จังหวะการถามดี 1.3.3 ข้อดีของการจดั สนทนากลมุ่ 1) ผเู้ กบ็ ขอ้ มลู เปน็ ผไู้ ดร้ บั การอบรมเปน็ อย่างดี 2) เป็นการนั่งสนทนาระหว่างผู้ดำเนินการกับผู้รู้ ผู้ให้ข้อมูลหลายคนที่เป็นกลุ่ม จึงก่อให้เกิด การเสวนาในเรอ่ื งทสี่ นใจ ไมม่ กี ารปิดบัง คำตอบท่ไี ด้จากการถกประเด็นซงึ่ กนั และกัน ถือว่าเป็นการกลนั่ กรอง 3) การใช้วิธีการสนทนากลุ่ม ได้ข้อมูลละเอียดและสอดคล้องกับวตั ถุประสงค์ของการศึกษาได้ สำเร็จหรือไดด้ ยี งิ่ ขนึ้ 4) คำตอบจากการสนทนากลุ่มมีลักษณะเป็นคำตอบเชิงเหตุผลคล้ายๆกับการรวบรวมข้อมูล แบบคุณภาพ 5) ประหยัดเวลาและงบประมาณของผู้ดำเนินการในการศึกษา 6) ทำให้ไดร้ ายละเอยี ด สามารถตอบคำถามประเภททำไมและอยา่ งไรได้อยา่ งแตกฉาน ลกึ ซงึ้ 7) เป็นการเผชิญหน้ากันในลักษณะกลุ่มมากกว่าการสัมภาษณ์ตัวต่อตัว ทำให้มีปฏิกิริยา โตต้ อบกันได้ 8) การสนทนากลุ่ม จะช่วยบง่ ช้อี ทิ ธพิ ลของวัฒนธรรมและคณุ คา่ ต่างๆ ของสังคม น้ันได้ 9) สภาพของการสนทนากลุ่ม ช่วยใหเ้ กดิ และได้ข้อมูลทีเ่ ป็นจรงิ 1.4 การสมั มนา “สัมมนา” คือ การประชุมของกลุ่มบุคคลที่มีความรู้ ความสนใจ ประสบการณ์ในเรื่องเดียวกัน ที่มี จุดม่งุ หมาย เพ่ือร่วมกนั วเิ คราะหแ์ ละหาแนวทางการแกป้ ญั หาท่ปี ระสบอยู่ตามหลักการของประชาธิปไตย ประโยชน์ของการสัมมนา 1. ผจู้ ดั สามารถดำเนนิ การจัดสัมมนาไดอ้ ยา่ งมปี ระสิทธิภาพ 2. ผเู้ ข้าร่วมสมั มนาได้รับความรู้ แนวคิดจากการเข้ารว่ มสมั มนา 3. ชว่ ยทำให้ระบบและวธิ ีการทำงานมีประสทิ ธิภาพสงู ขึน้ 4. ช่วยแบ่งเบาภาระการปฏิบัติงานของผบู้ ังคับบัญชา 5. เปน็ การพัฒนาและส่งเสริมความก้าวหนา้ ของผู้ปฏิบัติงาน 6. เกิดความริเริม่ สร้างสรรค์ 7. สามารถสรา้ งความเขา้ ใจอนั ดตี อ่ เพอื่ นร่วมงาน 8. สามารถร่วมกนั แกป้ ัญหาในการทำงานได้ และการเปน็ ผู้นำ องค์ประกอบของการสมั มนา 1. ผูด้ ำเนินการสัมมนา 2. วิทยากร 3. ผเู้ ข้าร่วมสมั มนา
22 ลกั ษณะท่ัวไปของการสัมมนา 1. เปน็ ประเภทหน่งึ ของการประชุม 2. มีการยดื หยุ่นตามความเหมาะสม 3. เปน็ องค์ความรแู้ ละปญั หาทางวิชาการ 4. เป็นกระบวนการรวมผู้ทส่ี นใจในความรู้ทางวชิ าการที่มรี ะดับใกลเ้ คียงกนั หรือแตกต่างกัน มาสร้างสรรค์องค์ความรู้ใหม่จากการแลกเปลี่ยนความรู้ ความคิดเหน็ นำมาทดสอบประเมินค่าความรู้จากคน คนหนงึ่ สูอ่ กี คนหน่งึ ซึง่ จะมีคุณค่ามากมายเปน็ ลักษณะการแพร่กระจายสู่หลากหลายวงการอาชีพ ซ่ึงจะทำให้ ความร้เู หลา่ นนั้ ไดถ้ กู นำไปใชอ้ ย่างแพร่หลายมากขน้ึ 5. อาศยั หลกั กระบวนการกลมุ่ (Group dynamic หรอื group process) 6. เปน็ กจิ กรรมทีเ่ ร่งเรา้ ใหผ้ ู้เขา้ ร่วมสมั มนา มีความกระตอื รอื รน้ 7. มโี อกาสนำเสนอ พดู คุย โตต้ อบซกั ถาม และแสดงความคิดเห็นตอ่ กัน 8. ได้พัฒนาทักษะ การพูด การฟ้ง การคิด และการนำเสนอความคิด ความเชื่อ และความรู้ อ่นื ๆ ตลอดจนการเขยี นรายงานหรือเอกสารประกอบการสมั มนา 9. พัฒนาการเป็นผู้นำและผู้ตามในกระบวนการเรียนรู้ คือ อาจมีผู้ทรงคุณวุฒิ คณาจารย์ หรอื ผู้เชย่ี วชาญ ทั้งหลายมาเป็นวิทยากรหรอื ผู้ดำเนนิ รายการ คอยชว่ ยประดบั ประคองกระบวนการสัมมนาให้ บรรลุวตั ถปุ ระสงค์ขณะเดียวกันผรู้ ว่ มสัมมนาจะเป็นผู้ตามในการเรียนรู้มีการแลกเปลีย่ นความรู้ในระหว่างการ สมั มนา เลง็ ถงึ กระบวนการเรียนรู้ (process) มากกว่าผลที่ได้รบั (product) จากการสัมมนา โดยตรง นั้นคือ ผลของการสัมมนาจะได้ในรูปของผู้ร่วมสัมมนาไดม้ ีการพฒั นากระบวนการฟัง การคิด การแลกเปลี่ยน ความคิดเหน็ ซ่ึงกันและกัน การทดสอบองคค์ วามรู้ การประเมนิ ค่าความคิดเหน็ จากผรู้ ่วมสมั มนา 1.5 ประชามติ (Referendum) หมายถึง มติของประชาชนส่วนใหญ่ในประเทศที่แสดงออกในเรื่อง ใดเรื่องหนึ่งหรือในที่ใดที่หนึ่ง มติของประชาชนที่รัฐให้สิทธิออกเสียงลงคะแนนรับรองร่างกฎหมายที่สำคัญท่ี ผา่ นสภานติ ิบัญญตั ิแลว้ หรือใหต้ ดั สินปญั หาสำคัญๆ ในการบริหารประเทศ ประเภทการสำรวจประชามติ การสำรวจประชามติทางด้านการเมือง ส่วนมากจะรู้จักคันในนามของ Public Opinion Polls หรือ การทำโพล ซง่ึ เป็นท่รี ู้จักคันอยา่ งแพรห่ ลาย คอื การทำโพลการเลือกต้ัง (Election Polls) แบ่งได้ ดงั น้ี 1. Benchmark Survey เป็นการทำการสำรวจเพื่อต้องการทราบความเห็นของประชาชน เกี่ยวกบั การรับรเู้ รอ่ื งราว ผลงานของผสู้ มัคร ช่อื ผสู้ มคั รและคะแนนเสยี งเปรียบเทียบ 2. Trial Heat Survey เป็นการหยง่ั เสียงว่าประชาชนจะเลือกใคร 3. Tracking Polls การถามเพ่อื ดแู นวโนม้ การเปลยี่ นแปลง สว่ นมากจะทำตอนใกลเ้ ลือกตั้ง 4. Cross-sectional vs. Panel เป็นการทำโพล ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง หลายๆ ครั้ง เพื่อทำให้ เห็นว่าภาพผู้สมัครในแต่ละห้วงเวลามีคะแนนความนิยมเป็นอย่างไร แต่ไม่ทราบรูปแบบการเปลี่ยนแปลงที่ เกิดขึน้ ในตัวคนๆ เดียว จึงต้องทำ Panel Survey
23 5. Focus Groups ไม่ใช่ Polls แต่เป็นการได้ข้อมูลที่ค่อนข้างน่าเชื่อถือได้ เพราะจะเจาะ ถามเฉพาะกลุม่ ทรี่ ู้และให้ความสำคัญคบั เร่อื งนั้นๆ จริงจัง 6. Deliberative Opinion รวมเอาการสำรวจทั่วไป กับการทำการประชุมกลุ่มย่อยเข้า ด้วยกัน โดยการนำเอาตัวแทนประชาชนมารวมกัน แล้วให้ข้อมูลข่าวสารหรือโอกาสในการอภิปราย ประเด็น ปญั หา แลว้ สำรวจความเห็นในประเด็นปญั หาเพือ่ วัดประเด็นที่ประชาชนคดิ 7. Exit Polls การสัมภาษณ์ผู้ใช้สิทธิออกเสียงเมื่อเขาออกจากคูหาเลือกตั้ง เพื่อดูว่าเขา ลงคะแนนใหใ้ คร ปัจจุบนั ในสงั คมไทยนยิ มมาก เพราะมีความน่าเชือ่ ถอื มากกว่า Polls ประเภทอืน่ ๆ การสำรวจทัศนคติและความคิดเห็นทางด้านการตลาด (Marketing Research) ส่วนมากจะเน้น การศึกษาความเห็นของผู้ใช้สินค้าและบริการต่อคุณสมบัติอันพึงประสงค์ของสินค้าและบริการ รวมทั้งความ คาดหวังในการได้รับการส่งเสริมการขายที่สอดรับคับความต้องการของผู้ใช้สินค้าและบริการ เป็นการสำรวจ ความคิดเห็นของสาธารณชนในมติ ิที่เก่ียวข้องกับสภาพความเบ่ยี งเบนจากการจดั ระเบียบสงั คมท่ีมีอยู่ในสังคม ใดสังคมหนึ่ง เพื่อนำข้อมูลมากำหนดแนวทางในการแก้ไขปัญหาความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้น เป็นวิธีการที่ใช้มาก ในทางรฐั ศาสตรแ์ ละสงั คมวิทยา เรียกวา่ การวิจยั นโยบายสาธารณะ (Policy Research) กระบวนการสำรวจประชามติ 1. การกำหนดปัญหาหรือข้อมูลที่ต้องการสำรวจ คือ การเลือกสิ่งที่ต้องการจะทราบจาก ประชาชนเกย่ี วกับนโยบาย บคุ คล คณะบคุ คล เหตุการณ์ ผลงาน และสถานทต่ี ่างๆ 2. กลุ่มตัวอย่าง ตัวแทน คือ การกำหนดกลุ่มตัวอย่างของการสำรวจประชามติที่ดีต้องให้ ครอบคลมุ ทกุ เพศ วัย อาชีพ ระดบั การศึกษา และรายได้ เพอื่ ใหไ้ ดเ้ ป็นตัวแทนที่แทจ้ ริง 3. การสร้างแบบสอบถาม แบบสอบถาม คือ เครื่องมือวิจัย (Research Tool) ชนิดหนึ่ง ใช้ วัดค่าตัวแปรในการวิจัย แบบสอบถามมีสภาพเหมือนมาตรหรือมิเตอร์ที่ใช้ในทางวิทยาศาสตร์ หรือใช้ใน ชีวติ ประจำวัน 4. ประชุมเจ้าหน้าที่เก็บข้อมูล เป็นการประชุม เพื่อซักซ้อมความเข้าใจในประเด็นคำถามท่ี ถามให้ตรงกัน ความคาดหวังในคำตอบ ประเภทการให้คำแนะนำวิธีการสัมภาษณ์ การจดบันทึก ข้อมูล การ หาขอ้ มูลเพ่ิมเติมในกรณที ยี่ งั ไม่ไตค้ ำตอบ 5. การเก็บข้อมูลภาคสนาม เจ้าหน้าท่ีเกบ็ ข้อมลู จะได้รับการฝึกในเร่ืองวิธีการสัมภาษณ์ การ บันทึกข้อมูล และการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล การเก็บข้อมูล การสำรวจประชามติ สามารถ ดำเนินการได้ 3 ทาง คือ การสัมภาษณ์แบบเหน็ หน้า (Face to Face) การสัมภาษณท์ างโทรศัพท์ และการส่ง แบบสอบถามทางไปรษณยี ์ 6. การวิเคราะห์ข้อมูล ในกรณีการสำรวจประชามติ การวิเคราะห์ข้อมูลส่วนมากไม่ สลับซบั ซอ้ น เป็นขอ้ มลู แบบร้อยละเพือ่ ตีความและหยบิ ประเดน็ ทส่ี ำคัญจัดลำดับความสำคัญ 7. การนำเสนอผลการสำรวจประชามติ มีโวหารท่ใี ช้นำเสนอผลการสำรวจประชามติ ดงั น้ี 7.1 โวหารที่เน้นนัยสำคัญทางสถิติ นำเสนอผลโดยสร้างความเชื่อมั่นจากการอ้างถึง ผลที่มี นยั สำคญั ทางสถติ ิรองรับ
24 7.2 โวหารว่าด้วยเป็นวิทยาศาสตร์ การนำเสนอผลโดยการอ้างถึงกระบวนการได้มา ซึ่งข้อมูลท่ี เนน้ การสังเกตการณ์ การประมวลขอ้ มูลดว้ ยวธิ ีการท่ีเปน็ กลาง 7.3 โวหารในเชิงปริมาณ นำเสนอผลโดยใช้ตัวเลขที่สำรวจได้มาสร้าง ความน่าเชื่อถือและ ความชอบธรรมในประเดน็ ท่ีศกึ ษา 7.4 โวหารว่าด้วยความเป็นตัวแทน การนำเสนอข้อมูลในฐานะที่เป็นตวั แทนของ กลุ่มตัวอย่างที่ ทำการศกึ ษา 1.6 การประชาพจิ ารณ์ การทำประชาพจิ ารณ์ หมายถงึ การจัดเวทีสาธารณะเพื่อให้ประชาชนโดยเฉพาะผเู้ กย่ี วข้องหรือผู้ท่ีมี ส่วนได้เสียโดยตรง ได้มีโอกาสทราบข้อมูลในรายละเอียดเพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้มีส่วนในการแสดงความ คิดเหน็ และมีสว่ นรว่ มในการใหข้ ้อมลู และความคิดเห็นต่อนโยบายหรือโครงการน้ันๆ ไม่ว่าจะเปน็ การเห็นด้วย หรือไม่เหน็ ด้วยกต็ าม ข้ันตอนการทำประชาพิจารณ์ ขั้นตอนที่ 1 สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญนำประเด็นหลัก และหลักการสำคัญในการแก้ไข ปญั หา ขั้นตอนที่ 2 กรรมาธิการรับพิงความคิดเห็นและประชาพิจารณ์ออกรับพิงความคิดเห็นจาก ประชาชนจังหวดั ต่างๆ ขั้นตอนที่ 3 คณะกรรมาธิการรับพิงความคิดเห็นและประชาพิจารณ์ส่งผลสรุปความคิดเห็น ของประชาชนทไ่ี ด้จากการจัดทำสมัชชาระดบั จังหวดั ใหก้ รรมาธกิ ารยกร่างรฐั ธรรมนูญ
25 ใบงาน เรอ่ื ง เทคนิคการมสี ่วนร่วมในการจัดทำแผน 1. การมสี ่วนร่วม หมายถงึ ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ................................................................................................................. ............................................................. ................................................................................................................. ............................................................. 2. จงบอกหลักการสรา้ งการมีสว่ นร่วมของประชาชนคืออะไรบา้ ง ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ................................................................................................................. ............................................................. ................................................................................................................. ............................................................. 3. จงบอกขัน้ ตอนของการทำประชาพิจารณ์ ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ................................................................................................................. ............................................................. ................................................................................................................. ............................................................. 4. จงบอกองค์ประกอบของ โครงการ มีอะไรบา้ ง ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ................................................................................................................. ............................................................. ................................................................................................................. ............................................................. 5. จงบอกความหมายของคำว่า “ผนู้ ำ” ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ................................................................................................................. ............................................................. ................................................................................................................. ............................................................. 6. จงบอกลกั ษณะของการเป็นผู้นำที่ดี ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ................................................................................................................. ............................................................. ................................................................................................................. .............................................................
26 แผนการพบกลมุ่ ทางออนไลน์ กลุม่ สาระการพัฒนาสงั คม รายวิชา การพัฒนาตนเอง สงั คม ชมุ ชน ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย แผนการจดั การเรียนรแู้ บบออนไลน์ เร่ือง เทคนคิ การมสี ่วนรว่ มการจดั ทำแผน เวลาสอน 6 ชั่วโมง สอนวันท่ี ..........เดอื น.................................. พ.ศ. 2564 ภาคเรยี นท่ี 2 ปีการศกึ ษา 2564 ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอคง ท่ี เนือ้ หาเรื่อง สอื่ ดิจทิ ัล /ชอื่ คลิป VDO เวลา/ กระบวนการ วัดผลประเมินผล นาที 1. เทคนิคการมีส่วนร่วมในการ https://youtu.be/81OtKFI4cIo 29.08 - ครูชแ้ี จงวัตถปุ ระสงค์ 1. สังเกตพฤติกรรม จดั ทำแผน เช่น และเนื้อหาการเรียนรู้ ในการแลกเปลี่ยน - การจัดทำเวทีประชาคม ครั้งน้แี ละมอบหมาย เรียนรู้ ความสนใจ - การประชมุ กลุ่มย่อย - ให้ ผู้เรียนชมคลิป ความตงั้ ใจ - การสัมมนา VDO 2 . ผ ล ง า น ส รุ ป - การสำรวจประชามติ - ให้ผู้เรียนบันทึก Mind Mapping: - การประชาพจิ ารณ์ ความรู้ใส่ลงสมดุ แผนทคี่ วามคดิ การจดั ทำแผน - ให้ทำใบงาน 3. แบบทดสอบจาก - ทิศทาง นโยบาย Google From - โครงการ - ผู้รับผดิ ชอบ - จดั ลำดบั ความสำคญั การเผยแพรส่ ่กู ารปฏิบัติ - การเขยี นรายงาน - การเขยี นโครงงาน
27 แบบประเมินการสรปุ ความรู้ วชิ า การพฒั นาตนเอง สงั คม ชุมชน เรือ่ ง เทคนคิ การมีส่วนร่วมการจัดทำแผน วัตถุประสงค์การเรยี นรู้ 1. บอกและอธิบายความสำคัญของแนวทางการพฒั นาตนเองครอบครวั ชุมชน สังคม 2. ยกตัวอยา่ งและอธบิ ายแนวทางการพัฒนาตนเองครอบครัว ชุมชน สังคมได้ 3. จดั ทำแผนและเผยแพร่สู่การปฏบิ ตั ปิ รับใชใ้ นชีวติ ประจำ ชือ่ บุคคล/กล่มุ กศน.ตำบลเทพาลยั ระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย ภาคเรียนที่ 2/2564 กศน. / ศูนยก์ ารเรียนชมุ ชนเทพาลัย ท่ี สมาชกิ กลุ่ม แสวงหาข้อมูล นำเสนอข้อมลู ได้ สรปุ ข้อมลู ถกู ต้อง นำเสนอเขา้ ใจ รวม ช่อื -สกุล จากแหลง่ เรยี นรูท้ ี่ ครบถ้วน ครอบคลมุ นำไปใช้ประโยชน์ กำหนด ได้ 54321543215432154321 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 คำช้ีแจง 5 หมายถงึ มีผลการปฏิบตั ริ ะดับดมี าก 4 หมายถึง มผี ลการปฏบิ ัตริ ะดบั ดี 3 หมายถึง มีผลการปฏบิ ัตริ ะดบั พอใจ 2 หมายถงึ มีผลการปฏิบัตริ ะดับตอ้ งปรบั ปรุง 1 หมายถงึ มผี ลการปฏบิ ัตริ ะดบั ต้องปรบั ปรุงเร่งดว่ น เกณฑ์การประเมิน ด้านใดได้ 2 ควรใหผ้ ูเ้ รยี นปรบั ปรงุ ลงชื่อ........................................................นกั ศึกษาผ้ปู ระเมิน (......................................................) ประธานกลุ่ม
28 แบบประเมนิ การปฏิบตั ิงานกลมุ่ หมวดวิชา การพัฒนาตนเอง ชมุ ชน สังคม เร่อื ง เทคนคิ การมสี ว่ นรว่ มการจดั ทำแผน วัตถปุ ระสงคก์ ารเรยี นรู้ 1. บอกและอธิบายความสำคัญของแนวทางการพัฒนาตนเองครอบครัว ชมุ ชน สังคม 2. ยกตัวอยา่ งและอธิบายแนวทางการพัฒนาตนเองครอบครวั ชมุ ชน สังคมได้ 3. จัดทำแผนและเผยแพรส่ ูก่ ารปฏบิ ตั ิปรับใชใ้ นชีวิตประจำ ช่อื บคุ คล/กลมุ่ ............................................................ระดับ............................ภาคเรยี นท่ี ........................... กศน. / ศนู ยก์ ารเรียนชุมชน ............................................................................................................... ระดบั พฤติกรรม รายการแสดงพฤตกิ รรม ดมี าก ดี พอใจ ปรบั ปรงุ ปรบั ปรงุ ระดบั (5) (4) (3) (2) เรง่ ดว่ น คะแนน การทำงานกลมุ่ 1. มคี วามร่วมมือ ทำงานเป็นกลุม่ (1) 2. มคี วามรับผดิ ชอบ รู้จกั บทบาทหน้าทขี่ องตนเอง 3. มีความเป็นผู้นำและผูต้ ามทด่ี ี 4. มกี ารแสดงความคดิ เห็นทเ่ี ปน็ ประโยชนภ์ ายในกลุ่ม 5. มีการตัดสินใจและแก้ปญั หารว่ มกัน ค่าเฉลย่ี ระดบั คะแนนการทำงานกลมุ่ กระบวนการทำงาน 1. มกี ารวางแผนทำงาน 2. มกี ารสร้างความเข้าใจและ แบ่งงานตามทถี่ นดั 3. มีการสบื ค้น ประยกุ ตแ์ ละใชข้ อ้ มูลจากแหล่งเรียนรู้ 4. มีการแลกเปลยี่ นความรูค้ วามเขา้ ใจในกลุ่ม 5. มกี ารสรุปและจดั ระเบยี บความรู้ คา่ เฉล่ียระดับคะแนนกระบวนการทำงาน ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. มีความกระตอื รอื รน้ ทำงานเต็มความสามารถ 2. มีการยอมรบั ฟงั ความคิดเหน็ ผู้อื่น 3.มนี ำ้ ใจเอ้ือเฟื้อช่วยเหลอื ผูอ้ ่ืน 4. มีความรับผิดชอบ ทำงานเสรจ็ ทันเวลา 5. มีการใช้วัสดุ อปุ กรณ์ค้มุ ค่า ประหยดั ค่าเฉลีย่ ระดับคะแนนลักษณะอันพึงประสงค์ ค่าเฉลี่ยรวม เกณฑก์ ารประเมินระดับคะแนนการปฏบิ ตั งิ านกลมุ่ ดังนี้ ลงช่อื ........................................นักศึกษา ผู้ประเมิน คา่ คะแนนเฉลยี่ 4.50 – 5.00 หมายถึง พฤติกรรมปฏบิ ัตงิ านกลมุ่ ดมี าก (...............................................) คา่ คะแนนเฉลี่ย 3.50 – 4.49 หมายถึง พฤตกิ รรมปฏบิ ตั ิงานกลุม่ ดี ประธานกลมุ่ ผลคคาา่่หคคละะแแังนนกนนาเเฉฉรลลจีย่ีย่ ดั 12ก..55ร00ะ––บ23ว..44น99กหหามมราาเยยรถถียงึึงนพพรฤฤู้ตตกิิกรรรรมมปปฏฏบบิิ ตัตั ิิงงาานนกกลล่ม่มุุ พต้อองใจปรับปรงุ ค่าคะแนนเฉลีย่ 1.00 – 1.49 หมายถึง พฤตกิ รรมปฏบิ ัติงานกลมุ่ ตอ้ งปรับปรงุ เรง่ ด่วน
29 ผลการใชแ้ ผนการจัดการเรยี นรู้ 1.จำนวนเนือ้ หากับจำนวนเวลา เหมาะสม ไมเ่ หมาะสม ระบเุ หตผุ ล .............................................................................................................................................................................. ....................................................................................................................................................... ....................... ..................................................................................................................................................................... 2.การเรียงลำดบั เน้ือหากบั ความเข้าใจของผู้เรยี น เหมาะสม ไมเ่ หมาะสม ระบุเหตุผล .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ..................................................................................................................................................................... 3.การนำเขา้ สู่บทเรยี นกับเนื้อหาแตล่ ะหัวขอ้ เหมาะสม ไมเ่ หมาะสม ระบเุ หตุผล .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ..................................................................................................................................................................... 4.วิธีการจัดการเรยี นรกู้ บั เนือ้ หาในแตล่ ะข้ันตอน เหมาะสม ไมเ่ หมาะสม ระบเุ หตผุ ล .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ..................................................................................................................................................................... 5.การประเมนิ ผลกบั ตวั ช้ีวัดในแผนการจดั การเรียนรู้ เหมาะสม ไม่เหมาะสม ระบเุ หตุผล .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .....................................................................................................................................................................
30 ผลการเรียนรู้ของผู้เรยี น .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ........................................................................................................................................... ................................... ผลการจดั การเรยี นรู้ของครู .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .......................................................................................................................................... .................................... ขอ้ เสนอแนะ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ..................................................................................................................................................... ......................... ลงชอ่ื ....................................................... (....................................................) ครูทีป่ รึกษา ข้อเสนอแนะของนายทะเบยี น .............................................................................................................................................................................. ........................................................................................................................................................... ................... ลงชือ่ ....................................................... (...................................................) นายทะเบยี น ข้อเสนอแนะของผูอ้ ำนวยการสถานศึกษา .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงช่ือ....................................................... (.....................................................) ผ้อู ำนวยการ กศน.อำเภอ....................................................
31 ใบความรู้ เรื่อง เทคนิคการมสี ว่ นรว่ มในการจดั ทำแผน เทคนคิ การมีสว่ นร่วมในการจดั ทำแผน 1.1 การมีส่วนร่วมของประชาชนในการจัดทำแผน การเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมใน การจดั ทำแผน ตดั สินใจ ในการวางโครงการ สำหรับประชาชนเอง มวี ัตถปุ ระสงคเ์ พอ่ื 1.1.1 ให้ประชาชนยอมรับในแผนการดำเนินงาน และพร้อมจะร่วมมือ เป็นการลด การต่อต้าน และ ลดความรู้สกึ แตกแยกจากโครงการ 1.1.2 ให้ประชาชนไต้ร่วมตัดสินใจเกี่ยวกับสถานการณ์ ปัญหาความต้องการ ทิศทางของ การ แกป้ ัญหา และผลลัพธท์ ่ีจะเกิดข้นึ 1.1.3 ให้ประชาชนมีประสบการณต์ รงในการร่วมแก้ปัญหาของประชาชนเอง ทำให้ประชาชนเกิด การเรียนร้ใู นกระบวนการแกป้ ัญหา 1.2 การจัดทำเวทีประชาคม เป็นวิธีการกระตุ้นให้เกิดการเรียนรู้อย่างมีส่วนร่วม ระหว่างคนที่มี ประเด็นหรือ ปัญหาร่วมกันโดยใช้เวทีในการสื่อสาร เพ่ือการรับรู้และเข้าใจในประเด็น/ปัญหาและช่วยกันหา แนวทางแกไ้ ข ประเดน็ ปัญหาน้ัน ๆ ซงึ่ มขี ั้นตอนในกระบวนการจดั ทำเวทีประชาคม 1.2.1 เตรียมการ ควรแบง่ เป็น 2 สว่ น คือ 1) ผู้อำนวยการเรียนรู้หลักหรือวิทยากรกระบวนการหลัก ท่ีมีหน้าท่ีขับเคลื่อนการมี ส่วนร่วม เวทีประชาสังคมท้ังกระบวน และเป็นวิทยากรหลักท่ีทำให้เกิดการแสดงความคิดเห็นร่วมกันระหว่างผู้เข้ารว่ ม อภิปราย ในเวทีประชาคม 2) ผู้สนับสนุนวิทยากรกระบวนการ ซึ่งอาจจะแสดงบทบาทเป็นวิทยากรรอง หรือผู้จดบันทึก การประชุม ผู้สนับสนุน'ฯ มีหน้าที่เติมคำถามในเวทีเพื่อให้ประเด็นบางประเด็นสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น สังเกต ลักษณะท่าทีและบรรยากาศของการอภิปราย สรุปประเด็นที่อภิปรายไปแล้ว และให้ข้อมูลเพิ่มเติมที่เกี่ยวลับ กล่มุ และบรรยากาศแกว่ ทิ ยากรหลัก 1.2.2 ดำเนินการเวทีประชาคม ในกระบวนการนนั้ ผอู้ ำนวยการเรียนรหู้ รอื วิทยากรกระบวนการ หลัก มีบทบาทมากทส่ี ดุ ขน้ั ตอนในกระบวนการนปี้ ระกอบด้วย 1) การทำความรู้จักกันระหว่างผู้เข้าร่วมอภิปราย จุดมุ่งหมายของขั้นตอนนี้ คือ การละลาย พฤตกิ รรมในกลุม่ และระหว่างกลมุ่ กับทีมงาน เพอื่ สรา้ งบรรยากาศทด่ี ีระหว่างการอภิปราย 2) บอกวัตถุประสงค์ของการจัดเวทีประชาคม เป็นการบอกกล่าว เพื่อให้ผู้เข้าอภิปรายได้ เตรียมตัว ในฐานะผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับประเด็น/ปัญหา การกระตุ้นให้เกิดการมีส่วนร่วมของผู้ร่วม อภปิ รายควรใช้ภาษา ทส่ี อดคล้องกบั ภมู หิ ลงั ของผ้เู ขา้ รว่ มอภปิ ราย และต้องให้ผรู้ ่วมอภิปราย ในเวทีประชาคมรสู้ ึกไว้ใจต้งั แต่เริม่ ด้น 3) การเกริ่นนำเข้าสู่ที่มาที่ไปของประเด็นการอภิปรายในเวทีประชาคม เพื่อให้ผู้เข้าร่วม อภิปรายได้เข้าใจท่ีไปท่ีมาและความสำคัญของประเดน็ ตอ่ การดำเนนิ ชวี ิต หรอื วถิ ชี ีวติ และบอกถงึ ความจำเป็น ในการร่วมมือกันหรือแสดงความคิดเห็นต่อประเด็นนี้ร่วมกันเพื่อหาจุดยืนหรือแนวทางแก้ปัญหาของประเด็น ดังกล่าว
32 4) การวางกฎและระเบียบของการจัดเวทีประชาคมรว่ มกัน ขั้นตอนน้เี ปน็ ขั้นตอนก่อนการเร่ิม อภิปรายในประเด็นที่ตั้งไว้ มีจุดมุ่งหมายเพื่อร่วมกันกำหนดขอบเขตและการวางระเบียบของการจัดทำเวที ประชาคมรว่ มกนั ระหว่างผดู้ ำเนินการอภปิ รายและผู้รว่ มอภิปราย กฎพืน้ ฐานของการจัดเวทีประชาคม คือ (1) ทุกคนต้องแสดงความคดิ เห็น และกำหนดเวลาที่แนน่ อนในการพูดแต่ละคร้งั (2) ไมแ่ ทรกพดู ระหว่างคนอนื่ กำลงั อภิปราย (3) ทุกคนในเวทปี ระชาคมมคี วามเท่าเทยี มกันในการแสดงความคดิ เหน็ (4) ทกุ คนสามารถเสนอประเด็นใหมๆ่ ได้ แตต่ ้องตรงกบั ประเดน็ หลกั (5) ทกุ คนสามารถเสนอประเด็นใหม่ๆ ได้ แต่ต้องตรงกบั ประเดน็ หลัก (6) วิทยากรหลกั เปน็ เพยี งคนกลางท่ชี ่วยกระตนุ้ ใหเ้ กิดการพดู คุย และสรุปประเด็นที่เกิด จากการอภปิ ราย ไม่ใชผ่ ูเ้ ชย่ี วชาญในการแกป้ ญั หา 5) การอภปิ รายประเดน็ หรือปัญหา ในข้นั ตอนน้วี ทิ ยากรกระบวนการ/ผู้อำนวยการเรียนรู้ต้อง ดำเนินการอภิปรายให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ตามกระบวนการและตามแผนที่วางไว้ นอกจากนั้นทีมงานเองก็ ตอ้ งช่วยสนบั สนุนใหเ้ วทีประชาคมดำเนินการไปอย่างมปี ระสิทธภิ าพและตามแผนที่ไต้ตกลงกัน 6) การสรปุ เป็นขนั้ ตอนสุดบา้ ยของการจัดเวทีประชาคม ซึ่งวิทยากรหลัก/ผู้อำนวยการเรียนรู้ ต้องสรุปผลของการอภิปราย โดยแยกเป็นผลที่ได้จากการพูดคุยกันเพื่อนำไปเป็นแนวทางในการแก้ปัญหา ต่อไป ลบั ผลทไ่ี ด้จากเวทีประชาคม โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ อาจระบุอย่างชัดเจนวา่ ใครจะต้องไปทำอะไรต่อ และจะ นัดหมายกลบั มาพบกันเพอ่ื ตดิ ตามความคืบหนา้ เม่ือไร/อยา่ งไร 1.2.3 ตดิ ตาม – ประเมินผล เป็นกระบวนการต่อเนื่องหลังจากการจัดเวทีประชาคมเสร็จสิ้นแล้ว ซึ่งสามารถแบ่ง กระบวนการน้ีเป็น 2 ขนั้ ตอนใหญ่ คือ การตดิ ตาม และการประเมินผล 1) ขั้นตอนการติดตาม เป็นการตามไปดูว่ามีการดำเนนิ การอย่างใดอย่างหนงึ่ หรือไม่ ตามที่ได้ ตกลงกันไว้ ขั้นตอนนี้จำเป็นต้องเปิดโอกาสให้ประชาชนหรือผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องได้เข้ามามีส่วนร่วมในการ ติดตามผล 2) ขัน้ ตอนของการประเมินผล คอื (1) เพื่อตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงภายหลงั การจัดเวทปี ระชาคม ว่าประชาชนมีคุณภาพ ชีวติ ที่ดขี ้ันหรือไม่ เมื่อมีการจดั การอยา่ งใดอย่างหนง่ึ แล้ว (2) เพื่อประเมินทั้งประสิทธิภาพและประสิทธิผลของกระบวนการจัดเวทีประชาคม ทั้งหมดว่าได้รับความร่วมมือมากน้อยเพียงใดลักษณะและกระบวนการที่ทำเอื้อต่อการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ร่วมกนั หรอื ไม่ ผลทไ่ี ดร้ บั คมุ้ ค่าหรอื ไม่ และบรรลุตามวตั ถปุ ระสงค์ทีว่ างไว้หรอื ไม่ อย่างไร การสรุปขอ้ มูลทีไ่ ด้จากการตดิ ตามและการประเมินผล จะชว่ ยใหท้ งั้ ผ้จู ดั เวทีประชาคมและเขา้ ร่วมได้มี บทเรียนร่วมกนั และสามารถนำประสบการณ์ท่ีไต้ไปใช้พฒั นาในการจดั กิจกรรมประชาคมอืน่ ๆ ต่อไป
33 1.3 การประชุมกล่มุ ย่อย หรือการสนทนากลมุ่ การสนทนากลุ่ม หมายถึง การรวบรวมข้อมูลจากการสนทนาลับกลุ่มผู้ให้ข้อมูลในประเด็น ปัญหาที่ เฉพาะเจาะจง โดยมีผู้ดำเนินการสนทนา (Moderator) เปน็ ผ้คู อยจดุ ประเด็นในการสนทนา เพื่อชักจูงให้กลุ่ม เกิดแนวคิดและแสดงความคิดเห็นต่อประเด็นหรือแนวทางการสนทนาอย่างกว้างขวางละเอียดถึกซึ้ง โดยมี ผู้เข้าร่วมสนทนาในแต่ละกลุ่ม ประมาณ 6 – 10 คน ซึ่งเลือกมาจากประชากรเป้าหมายที่กำหนดเอาไว้ (สำนักงานกองทนุ สนบั สนนุ การวิจยั , 2549) 1.3.1 ขน้ั ตอนการจดั สนทนากลุม่ 1) กำหนดวตั ถปุ ระสงค์ (6 – 8 สัปดาห์ล่อนการสนทนากลุม่ ) 2) กำหนดกลมุ่ ผ้รู ว่ มงานและบุคคลกล่มุ เปา้ หมาย (6 – 8 สัปดาหก์ อ่ นการสนทนากลมุ่ ) 3) รวบรวมที่อย่แู ละเบอร์โทรศัพทข์ องผูร้ ว่ มงาน (6 – 8 สัปดาห์กอ่ นการสนทนากล่มุ ) 4) ตัดสนิ ใจว่าจะทำการสนทนาเปน็ จำนวนก่กี ลุ่ม (4 – 5 สปั ดาห์ก่อนการสนทนากล่มุ ) 5) วางแผนเร่อื งระยะเวลาและตารางเวลาการสนทนา (4 – 5 สัปดาห์ก่อนการสนทนากลมุ่ ) 6) ออกแบบแนวคำถามทีจ่ ะใช้ (4 – 5 สปั ดาหก์ อ่ นการสนทนากลมุ่ ) 7) ทดสอบแนวคำถามที่สร้างขั้น (4 – 5 สัปดาห์ก่อนการสนทนากลุ่ม) ทำความเข้าใจกับ ผู้ดำเนินการสนทนา (Moderator) และผ้จู ดบนั ทึก (Note taker) (4 – 5 สปั ดาห์ก่อนการสนทนากลุ่ม) 8) คัดเลือกผู้เข้าร่วมกลุ่มสนทนา และจัดทำบัตรเชิญส่งให้ผู้ร่วมสนทนา (3 – 4 สัปดาห์ก่อน การสนทนากลุ่ม) 9) โทรศพั ทเ์ พื่อติดตามผลและส่งบัตรเชิญให้ผรู้ ่วมงาน (3 – 4 สปั ดาห์ก่อนการสนทนากลมุ่ ) 10) การจัดการเพื่อเตรียมการทำสนทนากลุ่ม เช่น จัดตำแหน่งที่นั่ง จัดเตรียมเครื่องมือ/ อุปกรณ์ เป็นตน้ 11) แจง้ สถานทใี่ ห้ผเู้ ข้ารว่ มสนทนาทราบลว่ งหนา้ 2 วัน 12) จดั กลมุ่ สนทนา และหลงั จากการประชมุ ควรมีการส่งจดหมายขอบคุณผรู้ ่วมงานด้วย 13) สรปุ ผลการประชุม วเิ คราะหข์ อ้ มลู และสง่ ใหผ้ ้รู ว่ มประชมุ ทกุ คน 14) การเขยี นรายงาน 1.3.2 การดำเนนิ การสนทนากล่มุ 1) แนะนำตนเองและทีมงาน 2) อธบิ ายถงึ จดุ มุ่งหมายในการมาทำสนทนากลมุ่ / วัตถุประสงค์ของการศึกษา 3) เร่ิมเกรน่ิ นำด้วยคำถามอ่นุ เครือ่ งสร้างบรรยากาศเปน็ กนั เอง 4) เมื่อเริ่มคุ้นเคย เริ่มคำถามในแนวการสนทนาที่จัดเตรียมไว้ทิ้งช่วงให้มีการถกประเด็น และ โต้แย้งกันให้พอสมควร 5) สร้างบรรยากาศให้เกิดการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นต่อกัน ควบคุมเกมไม่ให้หยุดนิ่ง อย่า ซกั ถาม คนใดคนหนง่ึ จนเกินไป คำถามทถ่ี ามไม่ควรถามคนเดียว อยา่ ซกั ถามรายตวั
34 6) ในการนั่งสนทนา พยายามอย่าให้เกิดการข่มทางความคิด หรือชักนำผู้อ่ืนใหเ้ ห็นคล้อยตาม กบั ผู้ทพี่ ูดเกง่ 7) พธิ กี รควรเปน็ ผู้คยุ เกง่ ซักถามเกง่ มพี รสวรรค์ในการพดู คุย จงั หวะการถามดี 1.3.3 ข้อดขี องการจดั สนทนากลมุ่ 1) ผูเ้ กบ็ ข้อมูล เป็นผ้ไู ด้รบั การอบรมเปน็ อย่างดี 2) เป็นการนั่งสนทนาระหว่างผู้ดำเนินการกับผู้รู้ ผู้ให้ข้อมูลหลายคนที่เป็นกลุ่ม จึงก่อให้เกิด การเสวนาในเร่อื งทีส่ นใจ ไม่มีการปดิ บงั คำตอบท่ไี ดจ้ ากการถกประเดน็ ซง่ึ กันและกนั ถือวา่ เป็นการกล่ันกรอง 3) การใช้วิธีการสนทนากลุม่ ได้ข้อมูลละเอยี ดและสอดคลอ้ งกับวัตถปุ ระสงค์ของการศึกษาได้ สำเร็จหรอื ได้ดียง่ิ ขน้ึ 4) คำตอบจากการสนทนากลุ่มมีลักษณะเป็นคำตอบเชิงเหตุผลคล้ายๆกับการรวบรวมข้อมูล แบบคุณภาพ 5) ประหยดั เวลาและงบประมาณของผู้ดำเนนิ การในการศกึ ษา 6) ทำให้ได้รายละเอียด สามารถตอบคำถามประเภททำไมและอย่างไรไดอ้ ย่างแตกฉาน ลกึ ซ้ึง 7) เป็นการเผชิญหน้ากันในลักษณะกลุ่มมากกว่าการสัมภาษณ์ตัวต่อตัว ทำให้มีปฏิกิริยา โตต้ อบกนั ได้ 8) การสนทนากล่มุ จะช่วยบง่ ชอ้ี ทิ ธพิ ลของวฒั นธรรมและคุณคา่ ต่างๆ ของสังคม น้นั ได้ 9) สภาพของการสนทนากลุ่ม ช่วยให้เกดิ และได้ขอ้ มลู ทเ่ี ป็นจรงิ 1.4 การสมั มนา “สัมมนา” คือ การประชุมของกลุ่มบุคคลที่มีความรู้ ความสนใจ ประสบการณ์ในเรื่องเดียวกัน ที่มี จดุ มงุ่ หมาย เพื่อรว่ มกนั วเิ คราะห์และหาแนวทางการแก้ปญั หาทป่ี ระสบอยู่ตามหลกั การของประชาธิปไตย ประโยชน์ของการสัมมนา 1. ผจู้ ดั สามารถดำเนนิ การจัดสัมมนาได้อยา่ งมปี ระสิทธิภาพ 2. ผู้เขา้ ร่วมสัมมนาไดร้ บั ความรู้ แนวคดิ จากการเขา้ รว่ มสัมมนา 3. ช่วยทำให้ระบบและวิธีการทำงานมีประสิทธิภาพสูงขึน้ 4. ชว่ ยแบง่ เบาภาระการปฏิบัตงิ านของผูบ้ ังคบั บัญชา 5. เป็นการพฒั นาและส่งเสรมิ ความก้าวหนา้ ของผู้ปฏิบตั งิ าน 6. เกดิ ความริเริม่ สรา้ งสรรค์ 7. สามารถสร้างความเข้าใจอันดตี อ่ เพอื่ นรว่ มงาน 8. สามารถร่วมกนั แก้ปญั หาในการทำงานได้ และการเป็นผนู้ ำ องคป์ ระกอบของการสมั มนา 1. ผ้ดู ำเนนิ การสัมมนา 2. วิทยากร 3. ผู้เข้ารว่ มสมั มนา
35 ลกั ษณะท่วั ไปของการสมั มนา 1. เปน็ ประเภทหน่งึ ของการประชมุ 2. มีการยดื หยุน่ ตามความเหมาะสม 3. เปน็ องค์ความร้แู ละปัญหาทางวิชาการ 4. เปน็ กระบวนการรวมผู้ท่สี นใจในความรทู้ างวชิ าการท่ีมีระดับใกล้เคียงกนั หรือแตกต่างกัน มาสร้างสรรคอ์ งค์ความรู้ใหม่จากการแลกเปล่ียนความรู้ ความคิดเห็น นำมาทดสอบประเมินค่าความรู้จากคน คนหนึ่งสู่อกี คนหน่งึ ซ่งึ จะมีคณุ ค่ามากมายเปน็ ลักษณะการแพร่กระจายสหู่ ลากหลายวงการอาชีพ ซึ่งจะทำให้ ความรู้เหลา่ น้ันได้ถกู นำไปใช้อยา่ งแพรห่ ลายมากข้ึน 5. อาศยั หลกั กระบวนการกล่มุ (Group dynamic หรอ group process) 6. เปน็ กิจกรรมทีเ่ รง่ เรา้ ให้ผเู้ ข้ารว่ มสมั มนา มีความกระตือรอื รน้ 7. มีโอกาสนำเสนอ พดู คุย โต้ตอบซกั ถาม และแสดงความคิดเห็นต่อกนั 8. ได้พัฒนาทักษะ การพูด การฟ้ง การคิด และการนำเสนอความคิด ความเชื่อ และความรู้ อนื่ ๆ ตลอดจนการเขยี นรายงานหรอื เอกสารประกอบการสัมมนา 9. พัฒนาการเป็นผู้นำและผู้ตามในกระบวนการเรียนรู้ คือ อาจมีผู้ทรงคุณวุฒิ คณาจารย์ หรอื ผเู้ ช่ียวชาญ ทัง้ หลายมาเป็นวิทยากรหรือผู้ดำเนินรายการ คอยช่วยประดับประคองกระบวนการสัมมนาให้ บรรลุวตั ถปุ ระสงค์ขณะเดียวกนั ผู้ร่วมสมั มนาจะเปน็ ผตู้ ามในการเรียนรู้มีการแลกเปลี่ยนความรู้ในระหว่างการ สมั มนา เล็งถงึ กระบวนการเรียนรู้ (process) มากกว่าผลทไ่ี ด้รับ (product) จากการสัมมนา โดยตรง นั้นคือ ผลของการสัมมนาจะได้ในรูปของผู้ร่วมสัมมนาได้มกี ารพฒั นากระบวนการฟัง การคิด การแลกเปลี่ยน ความคิดเหน็ ซ่ึงกนั และกัน การทดสอบองค์ความรู้ การประเมนิ ค่าความคิดเหน็ จากผู้ร่วมสัมมนา 1.5 ประชามติ (Referendum) หมายถึง มติของประชาชนส่วนใหญ่ในประเทศที่แสดงออกในเรื่อง ใดเรื่องหนึ่งหรือในที่ใดที่หนึ่ง มติของประชาชนที่รัฐให้สิทธิออกเสียงลงคะแนนรับรองร่างกฎหมายที่สำคัญที่ ผา่ นสภานติ ิบัญญตั แิ ล้ว หรอื ใหต้ ัดสินปญั หาสำคญั ๆ ในการบรหิ ารประเทศ ประเภทการสำรวจประชามติ การสำรวจประชามติทางด้านการเมือง ส่วนมากจะรู้จักคันในนามของ Public Opinion Polls หรือ การทำโพล ซง่ึ เปน็ ทร่ี ูจ้ กั คนั อย่างแพรห่ ลาย คอื การทำโพลการเลือกตัง้ (Election Polls) แบง่ ได้ ดังน้ี 1. Benchmark Survey เป็นการทำการสำรวจเพื่อต้องการทราบความเห็นของประชาชน เกี่ยวกับการรับร้เู ร่อื งราว ผลงานของผ้สู มัคร ช่ือผสู้ มัครและคะแนนเสยี งเปรียบเทยี บ 2. Trial Heat Survey เปน็ การหยั่งเสยี งว่าประชาชนจะเลือกใคร 3. Tracking Polls การถามเพือ่ ดูแนวโน้มการเปลย่ี นแปลง สว่ นมากจะทำตอนใกลเ้ ลอื กตัง้ 4. Cross-sectional vs. Panel เป็นการทำโพล ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง หลายๆ ครั้ง เพื่อทำให้ เห็นว่าภาพผู้สมัครในแต่ละห้วงเวลามีคะแนนความนิยมเป็นอย่างไร แต่ไม่ทราบรูปแบบการเปลี่ยนแปลงที่ เกิดขึน้ ในตวั คนๆ เดียว จงึ ตอ้ งทำ Panel Survey
36 5. Focus Groups ไม่ใช่ Polls แต่เป็นการได้ข้อมูลที่ค่อนข้างน่าเชื่อถือได้ เพราะจะเจาะ ถามเฉพาะกลุม่ ทร่ี ู้และให้ความสำคัญคบั เรอ่ื งน้ันๆ จรงิ จงั 6. Deliberative Opinion รวมเอาการสำรวจทั่วไป กับการทำการประชุมกลุ่มย่อยเข้า ด้วยกัน โดยการนำเอาตัวแทนประชาชนมารวมกัน แล้วให้ข้อมูลข่าวสารหรือโอกาสในการอภิปราย ประเด็น ปญั หา แลว้ สำรวจความเหน็ ในประเดน็ ปญั หาเพื่อวัดประเดน็ ที่ประชาชนคดิ 7. Exit Polls การสัมภาษณ์ผู้ใช้สิทธิออกเสียงเมื่อเขาออกจากคูหาเลือกตั้ง เพื่อดูว่าเขา ลงคะแนนใหใ้ คร ปจั จุบนั ในสงั คมไทยนยิ มมาก เพราะมคี วามนา่ เชอื่ ถือมากกว่า Polls ประเภทอืน่ ๆ การสำรวจทัศนคติและความคิดเห็นทางด้านการตลาด (Marketing Research) ส่วนมากจะเน้น การศึกษาความเห็นของผู้ใช้สินค้าและบริการต่อคุณสมบัติอันพึงประสงค์ของสินค้าและบริการ รวมทั้งความ คาดหวังในการได้รับการส่งเสริมการขายที่สอดรับคับความต้องการของผู้ใช้สินค้าและบริการ เป็นการสำรวจ ความคดิ เห็นของสาธารณชนในมติ ิที่เกีย่ วข้องกบั สภาพความเบี่ยงเบนจากการจัดระเบียบสงั คมท่ีมีอยู่ในสังคม ใดสังคมหนึ่ง เพื่อนำข้อมูลมากำหนดแนวทางในการแก้ไขปัญหาความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้น เป็นวิธีการที่ใช้มาก ในทางรฐั ศาสตรแ์ ละสังคมวิทยา เรียกว่า การวิจยั นโยบายสาธารณะ (Policy Research) กระบวนการสำรวจประชามติ 1. การกำหนดปัญหาหรือข้อมูลที่ต้องการสำรวจ คือ การเลือกสิ่งที่ต้องการจะทราบจาก ประชาชนเก่ียวกบั นโยบาย บุคคล คณะบุคคล เหตุการณ์ ผลงาน และสถานทต่ี ่างๆ 2. กลุ่มตัวอย่าง ตัวแทน คือ การกำหนดกลุ่มตัวอย่างของการสำรวจประชามติที่ดีต้องให้ ครอบคลมุ ทกุ เพศ วัย อาชพี ระดบั การศึกษา และรายได้ เพอ่ื ใหไ้ ด้เป็นตวั แทนทแ่ี ท้จริง 3. การสร้างแบบสอบถาม แบบสอบถาม คือ เครื่องมือวิจัย (Research Tool) ชนิดหนึ่ง ใช้ วัดค่าตัวแปรในการวิจัย แบบสอบถามมีสภาพเหมือนมาตรหรือมิเตอร์ที่ใช้ในทางวิทยาศาสตร์ หรือใช้ใน ชีวติ ประจำวัน 4. ประชุมเจ้าหน้าที่เก็บข้อมูล เป็นการประชุม เพื่อซักซ้อมความเข้าใจในประเด็นคำถามท่ี ถามให้ตรงกัน ความคาดหวังในคำตอบ ประเภทการให้คำแนะนำวิธีการสัมภาษณ์ การจดบันทึก ข้อมูล การ หาข้อมูลเพมิ่ เติมในกรณที ยี่ ังไม่ไดค้ ำตอบ 5. การเก็บข้อมูลภาคสนาม เจ้าหน้าทีเ่ ก็บข้อมลู จะได้รับการฝกึ ในเรื่องวิธกี ารสัมภาษณ์ การ บันทึกข้อมูล และการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล การเก็บข้อมูล การสำรวจประชามติ สามารถ ดำเนนิ การได้ 3 ทาง คอื การสมั ภาษณ์แบบเห็นหน้า (Face to Face) การสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ และการส่ง แบบสอบถามทางไปรษณยี ์ 6. การวิเคราะห์ข้อมูล ในกรณีการสำรวจประชามติ การวิเคราะห์ข้อมูลส่วนมากไม่ สลับซบั ซอ้ น เป็นข้อมลู แบบรอ้ ยละเพ่อื ตีความและหยบิ ประเด็นทีส่ ำคญั จัดลำดับความสำคัญ 7. การนำเสนอผลการสำรวจประชามติ มโี วหารที่ใชน้ ำเสนอผลการสำรวจประชามติ ดงั นี้ 7.1 โวหารที่เน้นนัยสำคัญทางสถิติ นำเสนอผลโดยสร้างความเชื่อมั่นจากการอ้างถึง ผลที่มี นยั สำคญั ทางสถติ ริ องรบั
37 7.2 โวหารว่าด้วยเป็นวิทยาศาสตร์ การนำเสนอผลโดยการอ้างถึงกระบวนการได้มา ซึ่งข้อมูลที่ เนน้ การสงั เกตการณ์ การประมวลข้อมูลด้วยวิธกี ารท่ีเปน็ กลาง 7.3 โวหารในเชิงปริมาณ นำเสนอผลโดยใช้ตัวเลขที่สำรวจได้มาสร้าง ความน่าเชื่อถือและ ความชอบธรรมในประเดน็ ท่ีศกึ ษา 7.4 โวหารว่าด้วยความเป็นตัวแทน การนำเสนอข้อมูลในฐานะที่เป็นตัวแทนของ กลุ่มตัวอย่างที่ ทำการศกึ ษา 1.6 การประชาพจิ ารณ์ การทำประชาพจิ ารณ์ หมายถงึ การจัดเวทีสาธารณะเพอื่ ให้ประชาชนโดยเฉพาะผเู้ กีย่ วข้องหรือผู้ที่มี ส่วนได้เสียโดยตรง ได้มีโอกาสทราบข้อมูลในรายละเอียดเพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้มีส่วนในการแสดงความ คิดเหน็ และมีส่วนร่วมในการใหข้ ้อมลู และความคิดเหน็ ต่อนโยบายหรือโครงการนนั้ ๆ ไม่วา่ จะเปน็ การเห็นด้วย หรือไม่เห็นด้วยกต็ าม ขั้นตอนการทำประชาพิจารณ์ ขั้นตอนที่ 1 สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญนำประเด็นหลัก และหลักการสำคัญในการแก้ไข ปญั หา ขั้นตอนที่ 2 กรรมาธิการรับพิงความคิดเห็นและประชาพิจารณ์ออกรับพิงความคิดเห็นจาก ประชาชนจังหวดั ต่างๆ ขั้นตอนที่ 3 คณะกรรมาธิการรับพิงความคิดเห็นและประชาพิจารณ์ส่งผลสรุปความคิดเห็น ของประชาชนทไี่ ด้จากการจัดทำสมัชชาระดับจังหวดั ให้กรรมาธกิ ารยกรา่ งรัฐธรรมนูญ
38 ใบงาน เรือ่ ง เทคนคิ การมีสว่ นรว่ มในการจัดทำแผน คำชแี้ จง ให้ผู้เรียนตอบคำถามต่อไปนี้โดยเขียนตอบลงในสมุดบันทึกกิจกรรมของผู้เรียน แล้วตรวจสอบความถูกต้อง จากแนวเฉลยกิจกรรมท้ายหนงั สือเรียน ***************************************************************************************** 1. เขยี นการเตรียมประเด็นหน่ึงประเด็นใดในการจดั ทำเวทปี ระชาคมโดยใช้ตาราง 2. บอกขอ้ ดีของการจัดสนทนากลมุ่ 3. บอกประโยชนข์ องการสัมมนา 4. การสำรวจประชามติมีก่ีประเภท อะไรบ้าง 5. บอกลักษณะของรายงานทด่ี ีมกี ่ีข้อ อะไรบ้าง 6. ให้ผู้เรียนศึกษาล้นคว้าความรู้ในเรื่องที่ตนเองสนใจแล้วนำมาเขียนรายงานในรูปแบบการเขียน รายงานคน้ คว้าเชิงรวบรวม ไมน่ ้อยกว่า 1 หน้ากระดาษ 7. เขียนสรปุ ลักษณะของโครงงานหนง่ึ หวั ข้อโดยระบุท่ีมา/ชอ่ื ผู้เขียนดว้ ย เขียนสรปุ การทำงาน/กิจกรรมเปน็ กลมุ่ น้มี ีประโยชนท์ ำใหไ้ ตพ้ ฒั นาตนเองอยา่ งไร
39 แผนการจัดการเรยี นรูด้ ้วยตนเอง (กรต.) ระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย หลักสตู รการศกึ ษานอกระบบระดับการศึกษาขัน้ พื้นฐาน พุทธศกั ราช 2551 วชิ าการพัฒนาตนเอง ชมุ ชน สังคม จำนวน 1 หน่วยกิต ภาคเรยี นที่ 2 ปกี ารศึกษา 2564 โดย กศน.ตำบลเทพาลัย ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั อำเภอคง
40 สญั ญาการเรยี นร้ดู ว้ ยตนเอง (กรต.) วิชาการพัฒนาตนเอง ชุมชน สงั คม ระดับมธั ยมศึกษาตอนปลาย ภาคเรียนที่ 2 ปกี ารศกึ ษา 2564 ศนู ย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั อำเภอคง ขา้ พเจ้า ชอ่ื -สกุล ...................................................................................... รหสั ประจำตัวนกั ศึกษา............................. กศน.ตำบล................................ ................................... ขอทำสัญญาการเรยี นร้ดู ้วยตนเอง (กรต.)กบั ครูที่ปรกึ ษาชือ่ ................................................................... ข้าพเจ้ายอมรับและดำเนินการตามแผนการเรียนรู้ด้วยตนเอง (กรต.) และตามเงื่อนไขของเกณฑ์การวัดผล ประเมินผลตามหลักสูตรการศึกษานอกระบบ ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ทุกข้อที่ สถานศึกษาศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั อำเภอ.................................ไดก้ ำหนดไว้ด้วย วธิ ีการจดั การเรยี นร้ดู ว้ ยวธิ ี กศน. จากการวิเคราะห์เนื้อหารายวิชา และจัดทำแผนการเรียนรู้ด้วยตนเอง(กรต.) ร่วมกับครูทปี่ รึกษาประจำวิชา ลงชอ่ื ................................................ ลงชอื่ ................................................ (...............................................) (...............................................) พยาน(ผู้ปกครอง/เพอ่ื น) นกั ศึกษา กศน.ตำบล..................... ลงชือ่ ................................................ (...............................................) ครทู ่ปี รกึ ษาประจำวิชา ความคิดเหน็ เจ้าหน้าที่ทะเบียน เหน็ ควรอนญุ าตให้เรยี นรู้ด้วยตนเอง (กรต.)ตามเนื้อหาท่วี เิ คราะห์รว่ มกับครู ไม่เห็นควรอนญุ าตให้เรยี นรดู้ ว้ ยตนเอง (กรต.)ตามเน้ือหาท่วี ิเคราะห์ร่วมกบั ครู ลงชื่อ................................................ (...............................................) นายทะเบียน กศน.
41 ตารางการจดั การเรยี นรดู้ ว้ ยตนเอง (กรต.) วิชา การพัฒนาตนเอง ชุมชน สังคม ระดับมธั ยมศึกษาตนปลาย ภาคเรยี นท่ี 2 ปกี ารศึกษา 2564 หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดบั การศกึ ษาขน้ั พ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 ครง้ั ท่ี วันทร่ี ับมอบงาน วันทส่ี ่งงาน ลายมือชือ่ นักศกึ ษา ลายมือชอื่ ครทู ี่ปรกึ ษา ประจำวชิ า 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17
42 แผนการจัดการเรยี นรู้ดว้ ยตนเอง (กรต.) วิชาการพัฒนาตนเอง ชุมชน สงั คม ระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย ภาคเรียนที่ 2 ปกี ารศึกษา 2564 หลกั สตู รการศกึ ษานอกระบบระดับการศกึ ษาข้ันพืน้ ฐาน พุทธศักราช 2551 กศน.ตำบล/ศรช./ศกร. เทพาลัย ศนู ยก์ ารศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั อำเภอคง (รวมเนือ้ หารายวิชา 34 ชั่วโมง) ท่ี เนอ้ื หาการเรยี นรู้ ผลการเรยี นรูท้ ี่ กจิ กรรมการ สอ่ื /อุปกรณ์ การวดั ผล คาดหวัง เรียนรู้ ประเมนิ ผล 1. 1. หลกั การพฒั นาตนเอง 1. บอกความหมาย 1. ผู้เรยี นศกึ ษา 1.ใบความรู้ -ตรวจใบงาน ชุมชนสงั คม ความสำคัญของ ค้นควา้ และสรุป 2.ใบงาน กรต. คร้ัง -ทำกิจกรรมตามท่ี การพฒั นาตนเอง เรือ่ งสาระสำคญั ท่ี 1 มอบหมายและส่ง ชุมชนและสังคมได้ ของเน้ือหาการ 3. ห้องสมดุ ตามกำหนด 2. อธิบายหลักการ เรยี นรู้ ตามสอ่ื / 4.INTERNET (รูปเล่มสรุปงาน) พฒั นาตนเอง อปุ กรณ์ 5. แบบเรียน ชมุ ชน และสังคม 2. ผเู้ รยี นทำใบ 6. ได้ งาน https://youtu.be 3. นำผลงาน /81OtKFI4cIo เสนอครทู ปี่ รึกษา 2. ขอ้ มูลตนเอง ครอบครวั 1. บอกความหมาย 1. ผเู้ รียนศึกษา 1.ใบความรู้ -ตรวจใบงาน ชมุ ชน สังคม ความสำคญั และ ค้นควา้ และสรุป 2.ใบงาน กรต. ครัง้ -ทำกจิ กรรมตามที่ - ความหมาย ของขอ้ มูล ประโยชนข์ องข้อมูลได้ เรือ่ งสาระสำคัญ ท่ี 1 มอบหมายและสง่ ความสำคัญ และประโยชน์ 2. บอกข้อมลู ของ ของเน้ือหาการ 3. หอ้ งสมดุ ตามกำหนด - ข้อมูลตนเอง ครอบครัว ตนเองและครอบครัว เรียนรู้ ตามสื่อ/ 4.INTERNET (รปู เล่มสรุปงาน) - ขอ้ มลู ชมุ ชน สงั คม ได้ อุปกรณ์ 5. แบบเรียน 3. บอกข้อมูลของ 2. ผ้เู รยี นทำใบ 6. ชุมชนและสังคมได้ งาน https://youtu.be 3. นำผลงาน /81OtKFI4cIo เสนอครูทีป่ รึกษา 3. วิธกี ารจัดเก็บ วิเคราะห์ 1. บอกวธิ กี ารเกบ็ 1. ผเู้ รยี นศึกษา 1.ใบความรู้ -ตรวจใบงาน ขอ้ มูลด้วยวธิ กี ารที่ รวบรวมขอ้ มูลและ คน้ คว้าและสรปุ 2.ใบงาน กรต. ครง้ั -ทำกิจกรรมตามท่ี หลากหลาย และเผยแพร่ เกบ็ รวบรวมข้อมลู ได้ เรอ่ื งสาระสำคญั ที่ 1 มอบหมายและสง่ ขอ้ มูล 2. วเิ คราะหข์ อ้ มูลได้ ของเน้ือหาการ 3. ห้องสมุด ตามกำหนด
43 ท่ี เน้ือหาการเรยี นรู้ ผลการเรยี นรทู้ ่ี กจิ กรรมการ สอ่ื /อุปกรณ์ การวดั ผล คาดหวัง เรียนรู้ ประเมินผล 3. นำเสนอข้อมูลได้ เรียนรู้ ตามสอ่ื / 4.INTERNET (รูปเล่มสรุปงาน) อปุ กรณ์ 5. แบบเรยี น 2. ผเู้ รียนทำใบ 6. งาน https://youtu.be 3. นำผลงาน /81OtKFI4cIo เสนอครทู ปี่ รึกษา 4. การมสี ่วนร่วมในการ 1. รูแ้ ละเขา้ ใจวธิ กี าร 1. ผู้เรยี นศกึ ษา 1.ใบความรู้ -ตรวจใบงาน วางแผนพฒั นาตนเอง วางแผนพฒั นาตนเอง คน้ ควา้ และสรปุ 2.ใบงาน กรต. ครงั้ -ทำกจิ กรรมตามที่ ครอบครัว ชมุ ชนสงั คม พฒั นาครอบครัวและ เรอ่ื งสาระสำคัญ ท่ี 1 มอบหมายและส่ง การพัฒนาชมุ ชน ของเนื้อหาการ 3. หอ้ งสมดุ ตามกำหนด 2. มีส่วนร่วมในการ เรียนรู้ ตามสือ่ / 4.INTERNET (รปู เล่มสรปุ งาน) จัดทำแผนพัฒนา อปุ กรณ์ 5. แบบเรยี น ชมุ ชนและสังคม 2. ผเู้ รยี นทำใบ 6. งาน https://youtu.be 3. นำผลงาน /81OtKFI4cIo เสนอครูท่ีปรึกษา 5. บทบาท หนา้ ที่ของผนู้ ำ/ 1. มีความรู้ ความ 1. ผ้เู รียนศึกษา 1.ใบความรู้ -ตรวจใบงาน สมาชกิ ท่ีดีของชมุ ชน สังคม เขา้ ใจ แนวคดิ เก่ยี วกับ คน้ ควา้ และสรปุ 2.ใบงาน กรต. ครั้ง -ทำกิจกรรมตามท่ี การมีสว่ นรว่ มของ เร่อื งสาระสำคญั ที่ 1 มอบหมายและสง่ ประชาชนในการจดั ทำ ของเนื้อหาการ 3. หอ้ งสมดุ ตามกำหนด แผน เรียนรู้ ตามส่อื / 4.INTERNET (รูปเลม่ สรุปงาน) 2. บอกข้นั ตอนการ อุปกรณ์ 5. แบบเรียน จดั ทำเวทีประชาคม 2. ผ้เู รียนทำใบ 6. การจดั สนทนากลุ่ม งาน https://youtu.be การทำประชาพิจารณ์ 3. นำผลงาน /81OtKFI4cIo ลกั ษณะของการ เสนอครูที่ปรึกษา สมั มนาและ กระบวนการ ประชามตไิ ด้
44 ที่ เนอ้ื หาการเรียนรู้ ผลการเรียนรทู้ ่ี กจิ กรรมการ สอ่ื /อุปกรณ์ การวัดผล คาดหวงั เรยี นรู้ ประเมนิ ผล 3. บอกลกั ษณะสำคญั ของการจดั ทำแผน และโครงการได้ 4. บอกวิธกี ารเขียน รายงานและโครงงาน ได้ 6. ผูน้ ำ ผตู้ ามในการจัด 1. รแู้ ละเข้าใจ 1. ผู้เรยี นศกึ ษา 1.ใบความรู้ -ตรวจใบงาน แผนพฒั นา ชมุ ชน สงั คม บทบาท หน้าที่ของ คน้ ควา้ และสรุป 2.ใบงาน กรต. ครง้ั -ทำกิจกรรมตามท่ี ผนู้ ำชมุ ชน เร่ืองสาระสำคญั ท่ี 1 มอบหมายและสง่ 2. เป็นผูน้ ำ ผู้ตามใน ของเน้ือหาการ 3. หอ้ งสมดุ ตามกำหนด การจดั ทำและ เรยี นรู้ ตามส่อื / 4.INTERNET (รูปเลม่ สรุปงาน) ขับเคลื่อนแผนพัฒนา อุปกรณ์ 5. แบบเรียน ตนเอง ครอบครวั 2. ผเู้ รียนทำใบ 6. ชุมชน สงั คม งาน https://youtu.be 3. นำผลงาน /81OtKFI4cIo เสนอครทู ี่ปรึกษา 7. ผูน้ ำ ผตู้ ามในการขบั เคล่อื น 1. รู้และเข้าใจ 1. ผู้เรยี นศึกษา 1.ใบความรู้ -ตรวจใบงาน แผนพฒั นาตนเอง ชุมชน บทบาท หนา้ ที่ของ ค้นคว้าและสรปุ 2.ใบงาน กรต. คร้ัง -ทำกิจกรรมตามที่ สังคม ผนู้ ำชมุ ชน เรื่องสาระสำคัญ ท่ี 1 มอบหมายและส่ง 2. เป็นผ้นู ำ ผู้ตามใน ของเนื้อหาการ 3. หอ้ งสมุด ตามกำหนด การจัดทำและ เรยี นรู้ ตามส่ือ/ 4.INTERNET (รปู เล่มสรุปงาน) ขับเคลื่อนแผนพัฒนา อุปกรณ์ 5. แบบเรียน ตนเอง ครอบครวั 2. ผเู้ รียนทำใบ 6. ชุมชน สงั คม งาน https://youtu.be 3. นำผลงาน /81OtKFI4cIo เสนอครทู ่ปี รึกษา 8. ความหมาย ของข้อมูล 1. บอกความหมาย 1. ผเู้ รียนศึกษา 1.ใบความรู้ -ตรวจใบงาน ความสำคัญ และประโยชน์ ความสำคญั และ คน้ คว้าและสรุป 2.ใบงาน กรต. ครั้ง -ทำกจิ กรรมตามที่ ข้อมลู ตนเอง ประโยชนข์ องข้อมูลได้ เร่อื งสาระสำคัญ ท่ี 1 มอบหมายและสง่ ของเน้ือหาการ 3. หอ้ งสมุด ตามกำหนด 4.INTERNET (รปู เล่มสรปุ งาน)
45 ท่ี เนอ้ื หาการเรียนรู้ ผลการเรียนรทู้ ี่ กิจกรรมการ สอ่ื /อุปกรณ์ การวัดผล คาดหวัง เรยี นรู้ ประเมนิ ผล 2. บอกข้อมลู ของ เรยี นรู้ ตามสอ่ื / 5. แบบเรียน ตนเองและครอบครวั อุปกรณ์ 6. ได้ 2. ผู้เรยี นทำใบ https://youtu.be 3. บอกข้อมลู ของ งาน /81OtKFI4cIo ชมุ ชนและสังคมได้ 3. นำผลงาน เสนอครทู ป่ี รึกษา 9. ความหมาย ของข้อมลู 1. บอกความหมาย 1. ผูเ้ รียนศกึ ษา 1.ใบความรู้ -ตรวจใบงาน ความสำคญั และประโยชน์ ความสำคัญ และ ค้นควา้ และสรุป 2.ใบงาน กรต. คร้ัง -ทำกิจกรรมตามท่ี ครอบครัว ประโยชนข์ องข้อมูลได้ เรอ่ื งสาระสำคัญ ที่ 1 มอบหมายและสง่ 2. บอกข้อมลู ของ ของเนื้อหาการ 3. หอ้ งสมดุ ตามกำหนด ตนเองและครอบครัว เรียนรู้ ตามสือ่ / 4.INTERNET (รูปเลม่ สรุปงาน) ได้ อปุ กรณ์ 5. แบบเรียน 3. บอกข้อมลู ของ 2. ผูเ้ รยี นทำใบ 6. ชมุ ชนและสังคมได้ งาน https://youtu.be 3. นำผลงาน /81OtKFI4cIo เสนอครทู ่ปี รึกษา 10. ความหมาย ของข้อมลู 1. บอกความหมาย 1. ผู้เรียนศกึ ษา 1.ใบความรู้ -ตรวจใบงาน ความสำคญั และประโยชน์ ความสำคัญ และ ค้นควา้ และสรุป 2.ใบงาน กรต. คร้งั -ทำกิจกรรมตามที่ สังคม ประโยชนข์ องข้อมูลได้ เร่อื งสาระสำคญั ท่ี 1 มอบหมายและส่ง 2. บอกข้อมูลของ ของเนื้อหาการ 3. หอ้ งสมุด ตามกำหนด ตนเองและครอบครวั เรยี นรู้ ตามส่อื / 4.INTERNET (รปู เลม่ สรุปงาน) ได้ อุปกรณ์ 5. แบบเรียน 3. บอกข้อมูลของ 2. ผเู้ รยี นทำใบ 6. ชุมชนและสังคมได้ งาน https://youtu.be 3. นำผลงาน /81OtKFI4cIo เสนอครทู ป่ี รึกษา 11. เทคนคิ การมีส่วนร่วมใน 1. มีความรู้ ความ 1. ผู้เรยี นศกึ ษา 1.ใบความรู้ -ตรวจใบงาน การจดั ทำแผน เช่น เข้าใจ แนวคดิ เก่ยี วกบั ค้นควา้ และสรปุ 2.ใบงาน กรต. คร้งั -ทำกจิ กรรมตามที่ - การจัดทำเวที การมีสว่ นร่วมของ เรอ่ื งสาระสำคญั ที่ 1 มอบหมายและสง่ ประชาคม ประชาชนในการจัดทำ ของเน้ือหาการ 3. ห้องสมดุ ตามกำหนด - การประชุมกล่มุ ย่อย แผน 4.INTERNET (รูปเลม่ สรุปงาน)
46 ท่ี เนอ้ื หาการเรยี นรู้ ผลการเรียนรทู้ ่ี กจิ กรรมการ สอ่ื /อุปกรณ์ การวัดผล - การสมั มนา - การสำรวจประชามติ คาดหวัง เรยี นรู้ ประเมินผล - การประชาพิจารณ์ 2. บอกขั้นตอนการ เรียนรู้ ตามสือ่ / 5. แบบเรยี น 12. การจัดทำแผน จดั ทำเวทีประชาคม อปุ กรณ์ 6. -ทศิ ทาง นโยบาย - โครงการ การจัดสนทนากลุ่ม 2. ผ้เู รยี นทำใบ https://youtu.be - ผู้รับผิดชอบ การทำประชาพจิ ารณ์ งาน /81OtKFI4cIo - จัดลำดับความสำคัญ ลักษณะของการ 3. นำผลงาน สมั มนาและ เสนอครทู ี่ปรึกษา กระบวนการ ประชามตไิ ด้ 3. บอกลักษณะสำคญั ของการจดั ทำแผน และโครงการได้ 4. บอกวิธีการเขยี น รายงานและโครงงาน ได้ 1. มคี วามรู้ ความ 1. ผู้เรยี นศึกษา 1.ใบความรู้ -ตรวจใบงาน เข้าใจ แนวคิดเก่ยี วกบั ค้นคว้าและสรปุ 2.ใบงาน กรต. คร้งั -ทำกิจกรรมตามที่ การมสี ว่ นร่วมของ เรื่องสาระสำคัญ ที่ 1 มอบหมายและส่ง ประชาชนในการจัดทำ ของเน้ือหาการ 3. หอ้ งสมดุ ตามกำหนด แผน เรยี นรู้ ตามสือ่ / 4.INTERNET (รปู เลม่ สรปุ งาน) 2. บอกขัน้ ตอนการ อปุ กรณ์ 5. แบบเรยี น จดั ทำเวทปี ระชาคม 2. ผ้เู รียนทำใบ 6. การจดั สนทนากลุ่ม งาน https://youtu.be การทำประชาพจิ ารณ์ 3. นำผลงาน /81OtKFI4cIo ลักษณะของการ เสนอครทู ่ปี รึกษา สัมมนาและ กระบวนการ ประชามตไิ ด้ 3. บอกลักษณะสำคัญ ของการจดั ทำแผน และโครงการได้
47 ท่ี เน้ือหาการเรยี นรู้ ผลการเรียนรู้ท่ี กจิ กรรมการ สอ่ื /อุปกรณ์ การวัดผล 13. การเผยแพรส่ กู่ ารปฏบิ ตั ิ คาดหวัง เรียนรู้ ประเมนิ ผล - การเขียนรายงาน 4. บอกวธิ กี ารเขยี น - การเขียนโครงงาน รายงานและโครงงาน 14. วิธีการจัดเกบ็ วิเคราะห์ ข้อมลู ดว้ ยวิธีการที่ ได้ หลากหลาย และเผยแพร่ ขอ้ มูล 1. มีความรู้ ความ 1. ผเู้ รยี นศึกษา 1.ใบความรู้ -ตรวจใบงาน เขา้ ใจ แนวคดิ เกีย่ วกบั ค้นควา้ และสรุป 2.ใบงาน กรต. ครง้ั -ทำกจิ กรรมตามที่ การมสี ่วนรว่ มของ เรอื่ งสาระสำคญั ท่ี 1 มอบหมายและส่ง ประชาชนในการจดั ทำ ของเนื้อหาการ 3. ห้องสมุด ตามกำหนด แผน เรยี นรู้ ตามส่ือ/ 4.INTERNET (รูปเล่มสรปุ งาน) 2. บอกขั้นตอนการ อุปกรณ์ 5. แบบเรยี น จดั ทำเวทปี ระชาคม 2. ผูเ้ รยี นทำใบ 6. การจดั สนทนากลุ่ม งาน https://youtu.be การทำประชาพิจารณ์ 3. นำผลงาน /81OtKFI4cIo ลกั ษณะของการ เสนอครทู ่ีปรึกษา สัมมนาและ กระบวนการ ประชามติได้ 3. บอกลกั ษณะสำคัญ ของการจัดทำแผน และโครงการได้ 4. บอกวิธีการเขยี น รายงานและโครงงาน ได้ 1. บอกวธิ ีการเก็บ 1. ผเู้ รยี นศึกษา 1.ใบความรู้ -ตรวจใบงาน รวบรวมขอ้ มูลและ ค้นคว้าและสรุป 2.ใบงาน กรต. คร้ัง -ทำกิจกรรมตามท่ี เก็บรวบรวมข้อมูลได้ เรอ่ื งสาระสำคญั ท่ี 1 มอบหมายและสง่ 2. วิเคราะห์ขอ้ มลู ได้ ของเนื้อหาการ 3. หอ้ งสมุด ตามกำหนด 3. นำเสนอข้อมูลได้ เรยี นรู้ ตามสื่อ/ 4.INTERNET (รูปเลม่ สรปุ งาน) อุปกรณ์ 5. แบบเรียน 2. ผูเ้ รยี นทำใบ 6. งาน https://youtu.be /81OtKFI4cIo
48 ที่ เนอ้ื หาการเรยี นรู้ ผลการเรยี นรู้ที่ กิจกรรมการ สอ่ื /อปุ กรณ์ การวดั ผล 15. การมีสว่ นร่วมในการ คาดหวัง เรียนรู้ ประเมินผล วางแผนพฒั นาตนเอง 1. รู้และเข้าใจวธิ ีการ 3. นำผลงาน 1.ใบความรู้ -ตรวจใบงาน ครอบครวั ชุมชนสงั คม วางแผนพฒั นาตนเอง เสนอครทู ่ปี รึกษา พฒั นาครอบครวั และ 1. ผูเ้ รยี นศึกษา 2.ใบงาน กรต. ครง้ั -ทำกิจกรรมตามท่ี 16. - ผู้นำ ผตู้ ามในการจัด การพฒั นาชุมชน ค้นคว้าและสรปุ แผนพฒั นา ชุมชน สังคม 2. มสี ่วนร่วมในการ เรอ่ื งสาระสำคญั ที่ 1 มอบหมายและสง่ จดั ทำแผนพัฒนา ของเน้ือหาการ 17. - ผนู้ ำ ผู้ตามในการ ชุมชนและสงั คม เรยี นรู้ ตามสอื่ / 3. ห้องสมุด ตามกำหนด ขับเคล่อื นแผนพฒั นา อปุ กรณ์ ตนเอง ชมุ ชน สังคม 1. รแู้ ละเขา้ ใจ 2. ผู้เรยี นทำใบ 4.INTERNET (รูปเลม่ สรปุ งาน) บทบาท หน้าที่ของ งาน ผู้นำชุมชน 3. นำผลงาน 5. แบบเรยี น 2. เปน็ ผู้นำ ผตู้ ามใน เสนอครทู ่ีปรึกษา การจดั ทำและ 1. ผเู้ รียนศึกษา 6. ขับเคล่อื นแผนพฒั นา ค้นคว้าและสรปุ ตนเอง ครอบครัว เรื่องสาระสำคัญ https://youtu.be ชุมชน สงั คม ของเนื้อหาการ เรียนรู้ ตามสือ่ / /81OtKFI4cIo 1. รู้และเข้าใจ อุปกรณ์ บทบาท หนา้ ท่ีของ 2. ผู้เรยี นทำใบ 1.ใบความรู้ -ตรวจใบงาน ผูน้ ำชุมชน งาน 2. เปน็ ผูน้ ำ ผู้ตามใน 3. นำผลงาน 2.ใบงาน กรต. ครั้ง -ทำกจิ กรรมตามที่ การจัดทำและ เสนอครทู ี่ปรึกษา ขับเคลอ่ื นแผนพฒั นา 1. ผู้เรยี นศึกษา ที่ 1 มอบหมายและส่ง ตนเอง ครอบครวั คน้ ควา้ และสรุป ชุมชน สังคม เร่อื งสาระสำคญั 3. ห้องสมุด ตามกำหนด ของเน้ือหาการ เรียนรู้ ตามสือ่ / 4.INTERNET (รปู เลม่ สรปุ งาน) อปุ กรณ์ 2. ผเู้ รียนทำใบ 5. แบบเรียน งาน 6. https://youtu.be /81OtKFI4cIo 1.ใบความรู้ -ตรวจใบงาน 2.ใบงาน กรต. ครั้ง -ทำกจิ กรรมตามที่ ที่ 1 มอบหมายและสง่ 3. หอ้ งสมุด ตามกำหนด 4.INTERNET (รปู เลม่ สรุปงาน) 5. แบบเรียน 6. https://youtu.be /81OtKFI4cIo
49 ที่ เนอื้ หาการเรียนรู้ ผลการเรยี นรูท้ ่ี กิจกรรมการ สอ่ื /อุปกรณ์ การวดั ผล คาดหวัง เรียนรู้ ประเมนิ ผล 3. นำผลงาน เสนอครทู ปี่ รึกษา ใบความรู้ เรอ่ื งที่ 1 หลักการพัฒนาตนเอง การพัฒนา (development) หมายถึง การทำให้ดีขึ้น ให้เจริญขั้น เป็นการเพิ่มคุณค่าของสิ่งต่าง ๆ การพฒั นาอาจพฒั นาจากส่งิ ท่มี ีอยเู่ ดิม หรอื สร้างสรรค์สิ่งใหมข่ ึน้ มากไ็ ด้ การพัฒนาตนเอง (Self Development) คือ การเปลี่ยนแปลงในทางที่ดขี ึ้น โดยได้มีการกำหนดแนว ทางการพัฒนาไว้แล้ว ซึ่งการพัฒนานั้นมิได้หมายถึงการเปลี่ยนแปลงในด้านปริมาณที่สามารถจับต้อง วัดได้ เท่านน้ั แตห่ มายถงึ การเปลีย่ นแปลงในดา้ นคณุ ภาพดว้ ย ความสำคัญ/ประโยชนข์ องการพฒั นาตนเอง ก. ความสำคัญตอ่ ตนเอง จำแนกไดด้ ังน้ี 1. เป็นการเตรียมตนให้พร้อมในด้านต่าง ๆ เพื่อรับกับสถานการณ์ทั้งหลายได้ด้วยความรู้สึกที่ดีต่อ ตนเอง 2. เป็นการปรับปรุงสงิ่ ทบ่ี กพร่อง และพฒั นาพฤตกิ รรมให้เหมาะสม ขจัดคณุ ลักษณะท่ไี ม่ต้องการออก จากตัวเอง และเสริมสร้างคุณลกั ษณะที่สงั คมต้องการ 3. เป็นการวางแนวทางให้ตนเองสามารถพัฒนาไปสเู่ ป้าหมายในชวี ติ ไดอ้ ย่างมั่นใจ 4. ส่งเสรมิ ความรู้สึกในคุณค่าแห่งตนใหส้ ูงขึ้น มีความเข้าใจตนเอง สามารถทำหนา้ ท่ีตามบทบาทของ ตนไดเ้ ต็มศกั ยภาพ ข. ความสำคัญต่อบุคคลอื่น เนื่องจากบุคคลย่อมต้องเกี่ยวข้องสัมพันธ์กัน การพัฒนาในบุคคลหนึ่งย่อม ส่งผลต่อบุคคลอื่นด้วย การปรับปรุงและพัฒนาตนเองจึงเป็นการเตรียมตนให้เป็นสิ่งแวดล้อมที่ดีของผู้อื่น ทั้ง บุคคลในครอบครัวและเพื่อนในที่ทำงาน สามารถเป็นตัวอย่างหรือเป็นที่อ้างอิงให้เกิดการพัฒนาในคนอื่นๆ ต่อไป เป็นประโยชน์ร่วมกันทั้งชีวิตส่วนตัวและการทำงานและการอยู่ร่วมกันอย่างเป็นสุขในชุมชน ที่จะส่งผล ใหช้ ุมชนมีความเข้มแข็งและพัฒนาอย่างตอ่ เนื่อง ค. ความสำคัญต่อสังคมโดยรวม ภารกิจที่แต่ละหน่วยงานในสังคมต้องรับผิดชอบ ล้วนต้องอาศัย ทรัพยากรบุคคลเป็นผู้ปฏิบตั งิ าน การที่ผู้ปฏิบัติงานแต่ละคนได้พัฒนาและปรบั ปรงุ ตนเองให้ทันต่อพัฒนาการ
50 ของรูปแบบการทำงานหรือเทคโนโลยี การพัฒนาเทคนิควิธี หรือวิธีคิดและทักษะใหม่ๆ ที่จำเป็นต่อการเพิ่ม ประสิทธิภาพการทำงานและคุณภาพของผลผลิต ทำให้หน่วยงานนั้นสามารถแข่งขันในเชิงคุณภาพและ ประสทิ ธิภาพกบั สงั คมอื่นได้สูงข้ึน ส่งผลให้เกดิ ความม่นั คงทางเศรษฐกิจของประเทศโดยรวมได้ หลกั การพฒั นาตนเอง 1. การพัฒนาด้านจิตใจ หมายถึง การพัฒนาสภาพของจิตที่มีความรู้สึกที่ดีต่อตนเองและสิ่งแวดล้อม มองโลกในแงด่ ี เชิงสร้างสรรค์ 2. การพัฒนาด้านร่างกาย หมายถึง การพัฒนารูปร่างหน้าตา กริยาท่าทาง การแสดงออก น้ำเสียง วาจา การสอื่ ความหมายรวมไปถึงสุขภาพอนามัย และการแตง่ กายเหมาะกับกาลเทศะ รปู รา่ งและผิวพรรณ 3. การพัฒนาด้านอารมณ์ หมายถึง การพัฒนาความสามารถในการควบคุมความรู้สึกนึกคิดและการ แสดงออก ควบคมุ อารมณท์ ่ีเปน็ โทษตอ่ ตนเองและผู้อื่น 4. การพัฒนาด้านสตปิ ัญญา และความเฉลยี วฉลาดทางอารมณ์ หมายถึง การพัฒนาความรอบรู้ ความ ฉลาด ไหวพริบ ปฏิภาณ การวิเคราะห์ การตดั สินใจ ความสามารถในการแสวงหาความรู้ และฝึกทกั ษะใหม่ ๆ เรยี นร้วู ิถีทางการดำเนนิ ชีวิตทีด่ ี 5. การพฒั นาด้านสงั คม หมายถึง การพฒั นาปฏิบตั ิตน ทา่ ทตี ่อสิ่งแวดล้อม ประพฤตติ นตามปทัศฐาน ทางสังคม 6. การพัฒนาด้านความรู้ ความสามารถ หมายถึง การพัฒนาความรู้ ความสามารถที่มีอยู่ให้ก้าวหน้า ย่ิงขน้ึ 7. การพัฒนาตนเองสู่ความต้องการของตลาดแรงงาน หมายถึง การพัฒนาความรู้ความสามารถ ทักษะ ความชำนาญทางอาชพี ให้สอดคล้องกบั ความตอ้ งการของตลาดแรงงาน การพัฒนาตนเองจะประสบความสำเร็จได้หรือไม่นั้น ผู้ที่พัฒนาตนเองต้องมีความต้องการที่จะ เปลี่ยนแปลงตนเองด้วยความเต็มใจ ปราศจากความรู้สึกว่าถูกบังคับ การพัฒนาจึงจะเกิดความเปลี่ยนแปลง ในทางที่ดีขนึ้ ไดง้ ่ายและเป็นการพัฒนาอย่างมคี ุณภาพและมีประสทิ ธผิ ล วิธกี ารพฒั นาตนเอง การดำเนินการพัฒนาตนเอง เป็นการลงมือปฏิบัติเพื่อเสริมสร้างตนเองให้บรรลุวัตถุประสงค์ตามที่ กำหนดไว้ ควรดำเนินการ ดงั ตอ่ ไปน้ี 1. การหาความรู้เพม่ิ เติม อาจกระทำโดย 1.1 การอ่านหนงั สอื เปน็ ประจำและอยา่ งตอ่ เนื่อง 1.2 การเข้ารว่ มประชุมหรอื เขา้ รับการฝึกอบรม 1.3 การสอนหนังสือหรอื การบรรยายตา่ ง ๆ 1.4 การรว่ มกิจกรรมต่าง ๆ ของชุมชนหรอื องคก์ ารตา่ ง ๆ 1.5 การรว่ มเปน็ ทป่ี รึกษาแก่บคุ คลหรือหน่วยงาน
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117