อบรมนักศกึ ษา พุทธ วศิ วกรรมศาสตร์ ทาส ภิกขุ
ธรรมะสำ�หรับผแู้ รกศึกษา พุทธทาสภกิ ขุ การบรรยาย อบรมนกั ศึกษาวศิ วกรรมศาสตร์ ปี ๒๕๑๘ วนั ท่แี สดง ๒๓ ตลุ าคม ๒๕๑๘ รหัส ๔๑๒๕๑๘๑๐๒๓๐๑๐ ผู้ถอดเสยี ง วรวรรณ ยงเกียรติไพบลู ย์ ผู้ตรวจทาน ลลติ า อิทธอิ มรเลศิ ISBN 978-616-757477-6 พิมพค์ ร้งั แรก เมษายน ๒๕๖๒ จำ�นวน ๑๐,๐๐๐ เล่ม จัดพิมพ์โดย มูลนิธหิ อจดหมายเหตุพทุ ธทาส อนิ ทปัญโญ พิมพท์ ี่ บริษทั พิมพ์ดี จำ�กัด ประสงคร์ บั หนงั สือเพอ่ื ใช้ในงานพิธีหรือเผยแผใ่ นวาระตา่ งๆ ติดตอ่ ที่ มูลนิธิหอจดหมายเหตพุ ทุ ธทาส อนิ ทปญั โญ สวนวชิรเบญจทศั (สวนรถไฟ) ถนนนคิ มรถไฟสาย ๒ แขวงจตุจกั ร เขตจตจุ ักร กรุงเทพฯ ๑๐๙๐๐ โทรศัพท ์ : ๐ ๒๙๓๖ ๒๘๐๐ ต่อ ๕๑๐๑ โทรสาร : ๐ ๒๙๓๖ ๒๖๘๕ อีเมล : [email protected] Facebook : bookclub.bia www.bia.or.th
3
สารบัญ ธรรมะคอื ทุกสงิ่ ๗ ธรรมะคือหน้าที่ ๑๑ ชวี ติ ท่สี มดุลต้องเทยี มดว้ ยสตั ว์ ๒ ตวั ๑๘ ถาม - ตอบ ๑. ผ้ทู ีไ่ มป่ ระกอบอาชพี เปน็ คนทเ่ี ลวมากไหม ๒๓ ๒. พระภกิ ษุท่ถี กู ตอ้ งเป็นอยา่ งไร ๒๖ ๓. ภิกษทุ ถ่ี กู ตอ้ งทำ� ประโยชนใ์ ห้แก่ผสู้ นใจอยา่ งไร ๒๗ ๔. ความดกี บั ความยุติธรรมมสี ่วนดีอยา่ งไรบ้าง ๒๙ ๕. เรอื่ งพระศรอี าริย ์ ๓๒ ๖. ตายแล้วไปไหน ชาตหิ นา้ มจี ริงหรอื เปลา่ ๓๖
๗. สวรรค ์ - นรก มีจริงไหม ๔๑ ๘. การลอ่ งหนหายตัวได้ ๔๘ ๙. จติ ประภสั สรกบั จติ พระอรหนั ตแ์ ตกต่างกันอย่างไร ๕๒ ๑๐. นิกายเซนกับจิตประภสั สรตายตวั ๕๔ ๑๑. อนาคตงั สญาณ ๕๕ ๑๒. ประโยชนข์ องอนาคตังสญาณ ๕๗ ๑๓. การอนโุ มทนาสว่ นบญุ ของผู้อ่นื ๕๙ ๑๔. ส่งิ แทรกแซงขณะภาวนา ๖๑ ๑๕. การเหน็ ภาพในขณะภาวนา ๖๓
เอาละ, วนั แรกนกี้ จ็ ะพดู ในหวั ขอ้ วา่ “ธรรมะสำ� หรบั ผู้แรกศึกษา” ก็แล้วกัน ในฐานะที่เป็นวันแรก พูดธรรมะ สำ� หรบั ผแู้ รกศกึ ษา สมมตวิ า่ ไมเ่ คยรเู้ รอ่ื งธรรมะมากอ่ นเลย เราก็จะพดู กนั ถงึ ส่งิ ทคี่ วรทราบในชั้นแรก
ธรรมะคือทุกส่ิง มันเน่ืองจากโดยมากคนเขาไม่ทราบว่า ‘ธรรมะนี้มัน คอื ทกุ สง่ิ ’ หรอื วา่ ทมี่ นั เปน็ อยแู่ ลว้ โดยไมร่ สู้ กึ ตวั คอื ไมท่ ราบ ว่าไอ้ท่มี ันเป็นอย่แู ลว้ ทำ� อยแู่ ลว้ พดู อยู่แล้ว คดิ อยแู่ ลว้ อยู่ มาตั้งแต่แรกก�ำเนิดนั้นมนั กค็ อื ธรรมะอยแู่ ลว้ เหมอื นกัน น่ีเข้าใจว่าคงยังไม่เคยทราบอย่างนั้น ฉะน้ันจึงเรียก หาธรรมะกันอีก คล้ายกับว่าเป็นอีกเร่ืองหนึ่งซึ่งยังไม่เคย มี ท่ีแท้เป็นสิ่งท่ีมีอยู่ในทุกส่ิง ในคน ในการกระท�ำของคน คำ� ว่า ธรรมะ นีม้ ันแปลวา่ ธรรมดา กไ็ ด้ ธรรมชาติ กไ็ ด ้ มนั เปน็ เรอ่ื งของไอธ้ รรมชาติ แตท่ นี ม้ี นั มมี าก มากอยา่ ง มาก ชั้น มากระดบั 7
ความหมายที่ ๑ ธรรมะคอื ธรรมชาติ อยา่ งเนอ้ื ตวั รา่ งกายของเรานก้ี ค็ อื ธรรมชาติ เขากเ็ รยี ก วา่ ‘รปู ธรรม’ มนั กค็ อื ธรรมะชนดิ รปู ธรรมน้ี ความรสู้ กึ คดิ นกึ จิตใจของเราเขาเรยี กวา่ ‘นามธรรม’ มันกเ็ ป็นธรรมะอย่าง นามธรรม ท้ังที่เป็นรูปธรรมเป็นนามธรรมมันก็คือธรรมะ มันก็คือธรรมชาติ เราก็ต้ังต้นที่จุดต้ังต้นว่าเนื้อตัว ร่างกาย จิตใจ ชีวิตของเราก็คือธรรมชาติ คือธรรมะในฐานะที่เป็น ธรรมชาติ ความหมายท่ี ๒ ธรรมะคือกฎของธรรมชาติ ทีน้ีในธรรมะธรรมชาตินั้นมันก็มีอีกส่วนหน่ึงท่ีเป็น ธรรมะทเ่ี ปน็ กฎของธรรมชาติ ทท่ี ำ� ใหม้ นั เกดิ มา ใหม้ นั โตขน้ึ ใหม้ นั เปน็ ไปตามกฎของธรรมชาติ ไอก้ ฎของธรรมชาตนิ นั้ ก็ คอื ธรรมะอกี เหมอื นกนั นนั่ แหละมนั เลยชกั จะเฝอื ขนึ้ มาแลว้ ตวั ธรรมชาตกิ ็เปน็ ธรรมะ ตวั กฎของธรรมชาตกิ เ็ ป็นธรรมะ ความหมายที่ ๓ ธรรมะคอื หนา้ ทีต่ ามธรรมชาติ ทีน้ีกฎของธรรมชาติมันก็ท�ำให้เรามีหน้าท่ีที่จะต้อง 8
ท�ำอย่างนั้นอย่างน้ี ฉะนั้นเราท�ำอะไรลงไป ปฏิบัติอะไรลง ไป ไอน้ น่ั มนั กเ็ ปน็ ธรรมเหมอื นกนั เปน็ ธรรมะในฐานะทเี่ ปน็ หน้าที่ตามธรรมชาติที่เราจะต้องท�ำ เช่นว่าเราจะต้องกิน อาหาร ตอ้ งหาอาหารกนิ ตอ้ งอาบ ต้องถ่าย ตอ้ งทุกอย่าง ให้ชวี ติ มนั อยู่ได้ นก่ี เ็ รยี กว่า ‘หน้าท่’ี ถา้ ยังมนี อกไปจากนน้ั อีกก็คือการท�ำให้มันฉลาดให้สามารถให้ท�ำอะไรได้อีกมาก ใหม้ นั แก้ปญั หาต่างๆ ใหไ้ ด้มากข้นึ ไปอกี จนกระทัง่ เราต้อง เลา่ เรียน ต้องประพฤตกิ ระท�ำทง้ั อาชีพกับทัง้ มใิ ช่อาชีพ ท้ัง อะไรอีกหลายๆ อย่าง เช่นการสังคมถูกต้อง อะไรเหล่าน้ี ล้วนแต่เป็นหนา้ ที่ นีก่ ็เรียกว่า ธรรมะเหมอื นกัน ธรรมะใน ฐานะที่เปน็ หนา้ ที่ ความหมายท่ี ๔ ธรรมะคอื ผลของการท�ำหนา้ ที่ เม่ือได้ผลอะไรข้ึนมาแก่จิตใจของเรา เป็นความสุขก็ ดี เปน็ ความทุกข์ก็ดี หรือเปน็ ผลทางวัตถุ เชน่ เงนิ ทองก็ดี นก้ี เ็ รียกว่าผลทไ่ี ด้รบั จากหนา้ ท่ี อย่างน้เี ขาก็เรียกว่าธรรมะ อีกเหมือนกัน ธรรมะในฐานะที่เป็นผลท่ีได้รับมา นี่มันชัก จะเฝือ ถา้ ไมเ่ ขา้ ใจก็จะเฝอื กธ็ รรมะมันทกุ อยา่ งแหละนพ่ี ดู 9
อย่างภาษาบาลมี นั เปน็ อยา่ งนี้ ทบทวนให้มันสั้นๆ ได้ว่าไอ้ที่มันมีอยู่ตามธรรมชาต ิ รูปธรรม นามธรรม ร่างกาย จิตใจน่ีก็เป็นธรรมชาติ เป็น ธรรมะในฐานะธรรมชาติ แล้วมีกฎที่บังคับธรรมชาตินั้นอยู่ น่ันก็คือธรรมะ น่ีเฉียบขาดมากเหมือนกับพระเจ้าบังคับให้ เป็นไปตามกฎของธรรมชาติ นีธ้ รรมะคอื หน้าท่ที ีส่ ง่ิ ที่มชี ีวิต จะตอ้ งดน้ิ รนจะตอ้ งกระทำ� นส่ี ำ� คญั มาก ธรรมะทสี่ ำ� คญั มาก กค็ อื อนั นที้ จ่ี ะตอ้ งรู้ จะตอ้ งปฏบิ ตั ิ จำ� เปน็ สำ� หรบั มนษุ ยม์ าก กค็ อื ธรรมะทเ่ี ปน็ หนา้ ทท่ี จ่ี ะตอ้ งทำ� ถา้ ไมร่ กู้ ไ็ มไ่ ด้ เมอ่ื ถา้ ไมร่ ู้ ไม่ได้ปฏิบัติหน้าท่ี มันก็เดือดร้อนเหลือประมาณ เราต้องรู้ ว่าจะต้องทำ� อะไรบา้ ง ทกุ ข้นั ทุกตอนเปน็ ระดับสูงขน้ึ ไป สงู ขน้ึ ไป ขอให้ตง้ั ขอ้ สงั เกตธรรมะในความหมายท่ี ๓ นใ่ี ห้ดๆี ธรรมะคอื หนา้ ท่ี 10
ธรรมะคอื หน้าที่ ภาษาตามธรรมดา พูดกันตามธรรมดาในภาษาชาว อินเดีย ธรรมะกแ็ ปลวา่ หน้าท่ี ธรรมะคอื Duty เพราะมนั จำ� เป็นกวา่ ธรรมะในความหมายอ่นื ส่วนธรรมะท่ีเป็นผลของการท�ำหน้าที่นั้นจะไม่ต้อง พูดถึงก็ได้ เพราะว่าถ้าเราท�ำหน้าที่แล้วผลมันก็มีข้ึนมาเอง ท�ำหน้าที่ผิดผลมันก็ผิด ท�ำหน้าที่ถูกผลมันก็ถูก ท�ำด้วย ความเขา้ ใจผดิ กท็ ำ� ผดิ มนั กไ็ ดร้ บั ผลทเ่ี ปน็ ความผดิ มนั แกต้ วั ไมไ่ ด้ นเี่ ราตอ้ งรใู้ หถ้ กู ตอ้ งวา่ อะไรมนั เปน็ อยา่ งไร ทำ� อยา่ งไร อะไรมันจะเกิดข้ึน ต้องรู้ถูกต้อง ฉะน้ันมันจึงมาอยู่ท่ีตรงนี้ ธรรมะในความหมายที่ ๓ คือหน้าท่ีของส่งิ ทมี่ ชี วี ิต จะตอ้ ง รูแ้ ลว้ ปฏิบัติ 11
หน้าท่ีบางอย่างมันรู้ได้โดยธรรมชาติอย่างน้ีตาม สญั ชาตญาณ เชน่ สตั วม์ นั กร็ จู้ กั หากนิ รจู้ กั ตอ่ สู้ รจู้ กั สบื พนั ธ์ุ รจู้ กั อะไรอยา่ งนต้ี ามธรรมชาติ ทมี่ นั สงู ไปกวา่ ตามธรรมชาติ นี่เราต้องรอู้ ีก แลว้ ทำ� ให้มนั ดี แม้ที่ต้องทำ� ไปตามธรรมชาติ ตามสัญชาตญาณนั้นมันก็ยังต้องแก้ไขปรับปรุงให้ท�ำให้ดี ยงิ่ ขึน้ ไปอีก เพียงแตใ่ ห้รอดชวี ิตอยู่ได้นั้นยงั ไม่พอ ท�ำเพยี ง ใหร้ อดชวี ติ อยไู่ ดน้ กี้ เ็ รยี กวา่ ไมน่ อ้ ยนะ เปน็ ธรรมะในขน้ั หนง่ึ แหละเพ่ือใหม้ ันรอดชีวิตอยไู่ ด้ ทนี ยี้ งั เหลอื ไปจากนนั้ กใ็ หม้ นั ไดส้ งิ่ ทด่ี ที ส่ี ดุ ทคี่ วรจะได้ นี่ส�ำคัญ เรื่องให้มีชีวิตอยู่ได้คือมีกินมีใช้น่ีไม่ใช่ส�ำคัญอะไร นกั เพราะวา่ ถงึ อยา่ งไรเสยี กค็ งจะรแู้ น่ คงจะทำ� ไดแ้ น่ จนถงึ ว่าเขาพูดไว้น่าฟังว่า แม้แต่นกกระจิบนกกระจอกมันก็ยัง ไมอ่ ดตาย มนั รจู้ ักหากนิ แต่เมือ่ ไม่ตาย รอดตายอยู่ไดแ้ ล้ว จะท�ำอะไรอกี ละ่ น่มี ันมปี ญั หาตรงน้ี เดี๋ยวนี้เราไม่ค่อยจะสนใจในความหมายอันหลัง ที่ ว่าเมื่อรอดชีวิตแล้วจะท�ำอะไรต่อไปอีก เราไม่ค่อยสนใจ เราสนใจแต่เพียงจะให้มันมีชีวิตอยู่อย่างเอร็ดอร่อยอย่าง สนุกสนาน จนคล้ายกับว่ามีชีวิตอยู่ก็เพ่ือเอร็ดอร่อยเพ่ือ 12
สนุกสนาน มันก็ถูกในระดับเด็กๆ แต่พอโตข้ึนมาแล้วมันก็ ใช้ไมไ่ ด้ กต็ ้องรูใ้ ห้แนล่ งไปว่ามีชวี ติ อยเู่ พอื่ อะไรกนั แน่ ถา้ พูดว่าเพอื่ นพิ พานมันก็ไกลลิบ ยังฟงั ไมถ่ กู เดีย๋ วนี้ ยังฟังไมถ่ กู เว้นไวแ้ ต่จะศึกษาเร่ืองนิพพานให้เข้าใจเสยี ว่า นพิ พานน้คี อื ไมม่ ีปัญหา ไมม่ ีความทุกขร์ อ้ น มีแตค่ วามสงบ เย็น อยทู่ ่นี ่ี เดยี๋ วน้ี ไมต่ ้องตายแล้วจงึ จะได้ ทีน่ ่จี ะมีทางท่ี จะไดน้ พิ พาน คอื ชวี ติ ทม่ี นั เยอื กเยน็ ไมม่ คี วามรอ้ นในความ หมายใดๆ คอื รา่ งกายก็ไม่ร้อน จติ ใจกไ็ ม่ร้อน ความรู้ ความ คิด ความเหน็ มนั กไ็ ม่ผดิ ตอ้ งการชีวติ แบบน้นั จงึ เหน็ ไดว้ ่าเพียงแตร่ ูจ้ ักประกอบอาชพี นี่มันยงั ไมพ่ อ ฉะน้ันบางทีเพราะประกอบอาชีพนั่นเองท�ำให้ร้อนให้เป็น ทกุ ขไ์ ปเสยี อกี มนั กค็ อื ขาดธรรมะในสว่ นนนั้ ไมร่ จู้ กั ประกอบ อาชีพนี่มันก็โง่มากนะ คือมันขาดธรรมะอย่างเลวที่สุดเลย รจู้ ักประกอบอาชพี แลว้ แตไ่ ม่รจู้ กั ป้องกันอย่าให้ความทกุ ข์ เกิดขน้ึ มาเพราะประกอบอาชีพน้นั นี่ก็สูงขึน้ ไป เป็นความรู้ ท่สี ูงข้นึ ไป ฉะนนั้ ขอใหส้ นใจในขอ้ นเ้ี ปน็ พเิ ศษ วา่ เราเปน็ นกั เรยี น เปน็ นกั ศกึ ษา วชิ าทศ่ี กึ ษาอยา่ งยงิ่ นก้ี เ็ ปน็ เพยี งอาชพี เทา่ นน้ั 13
อาชพี วิศวะ หรืออาชพี อะไรก็ตามมันเป็นอาชีพ ต้องศึกษา ใหส้ ามารถทำ� ไดต้ ามอาชพี นน้ั แตใ่ นโรงเรยี นหรอื ในวทิ ยาลยั กไ็ มไ่ ด้สอนเร่ืองท่วี ่าจะป้องกันความทุกข์ร้อนได้อย่างไร ใน เมื่อประกอบอาชีพ เราจะสรวลเสเฮฮาไปในขณะประกอบ อาชพี นน้ั มนั กไ็ ด้ แตม่ ันยงั มอี นั อ่ืนที่มันปอ้ งกนั ไมไ่ ด้ ความ คิดท่ีมันเดินไปผิด มันก็ทะเยอทะยาน มันกระวนกระวาย มันกระหายเกินกว่าความจ�ำเป็น หรือบังคับความกระหาย นไี้ ว้ไมไ่ ด้ มันก็ไปท�ำทุจรติ ทำ� คอรร์ ปั ชนั ทำ� อะไรตา่ งๆ ซึ่ง อาชีพก็ช่วยไม่ได้ ท้ังที่มีอาชีพอยู่ก็ยังพลัดตกลงไปสู่ความ เดอื ดรอ้ น กระทง่ั ส่คู วามพินาศในชาตนิ ้ันเลย ธรรมะส่วนน้ีมันจ�ำเป็น ธรรมะในส่วนท่ีท�ำให้เรา ประกอบอาชีพได้น้ันมันก็ส่วนหน่ึง เราก็เรียนอยู่ แต่มัน ยังต้องการอีกส่วนหน่ึงที่จ�ำเป็นมาก ท�ำอย่างไรเราจึงจะ ควบคุมตัวเราให้เรียบร้อยไปตลอดเวลา เรียนเสร็จแล้ว ประกอบอาชพี แลว้ จะควบคมุ ตวั เองอยา่ งไรใหม้ นั ปลอดภยั เรือ่ ยไป มแี ต่ความสขุ ความเจริญโดยสว่ นเดียว นีค่ อื ธรรมะ ท่ีจ�ำเป็น ธรรมะในความหมายที่จ�ำเป็น ในแง่ที่จ�ำเป็นท่ี ทุกคนจะต้องทราบ 14
ขอใหส้ งั เกตดสู กั หนอ่ ย คนบางคนประสบความสำ� เรจ็ ในการงาน ในอาชีพ แต่หาความสุขไม่ได้ก็มี กลับมีความ ทกุ ข์ กลับฆา่ ตัวตายก็ยงั มี เสียชือ่ เสียเสยี ง เป็นคนเลวไปก็ มี ถา้ เปน็ สมัยกอ่ นแล้วกจ็ ะล�ำบากมาก เพราะวา่ เขายึดถอื ธรรมะเป็นหลักกันมาก แต่ว่าเด๋ียวนี้ชักจะโลเล มักจะเอา เงินเข้าว่ากัน ถ้ามีเงินแล้วก็ดี แต่ขอให้สังเกตดูเถอะว่ามัน ไปไม่รอดหรอก จะเอาความร�่ำรวยมาข่มข่ีไอ้ความทุกข์น้ี มนั กเ็ ปน็ ไปไมไ่ ด้ แมแ้ ตอ่ ำ� นาจวาสนามนั กป็ อ้ งกนั ความทกุ ข์ ไม่ได้ จึงลงใจมีความเช่ือลงไปเลยว่ามันยังมีความจ�ำเป็นท่ี จะต้องมีธรรมะอีกส่วนหน่ึงที่จะคอยประคับประคองคนไว้ อยา่ ให้พลัดตกลงไปสูค่ วามเดอื ดรอ้ น เพราะฉะน้ันค�ำว่าธรรมะ ในความหมายที่ใช้กันอยู่ ท่ัวๆ ไปตามธรรมดาสามัญนั้น ก็ให้ความหมายแก่ค�ำว่า ธรรมะนีว้ ่า สงิ่ ที่จะทรงผ้ปู ฏิบัติไมใ่ หต้ กลงไปในท่ีตำ่� ท่ชี ่ัว คอื ความทกุ ข์ ควรจะจ�ำไว้อยา่ งแนน่ แฟน้ ตลอดกาลวา่ สง่ิ ทจ่ี ะทรงบุคคลผู้ปฏบิ ัตไิ วไ้ ม่ให้พลดั ตกลงไปสู่ท่ีต่ำ� คือความ ช่วั หรือความทกุ ข ์ ถา้ ขาดธรรมะแล้วมันกค็ อื ไมม่ อี ะไรท่ีจะ เป็นเครื่องประกันว่าจะไม่ให้ตกลงไปสู่ความชั่วหรือความ 15
ทุกข์ แม้จะมีความรู้ความสามารถอย่างอื่นดี ในทางอาชีพ ดี อย่าเข้าใจว่าความฉลาดน้นั จะช่วยไดห้ มด ความฉลาดตามธรรมดาสามญั ทเ่ี ราเลา่ เรยี นกนั มานไ้ี ม่ ช่วยแกป้ ัญหาทงั้ หมดได้ เรียนมาเทา่ ไหร่มันกช็ ว่ ยไดเ้ ทา่ นั้น คือไม่ได้เรียนธรรมะ มันก็ไม่ฉลาดในทางของธรรมะ มันก็ ขาดความฉลาดในการทีจ่ ะช่วยใหร้ อดอย่ไู ด้ นี่ก็เพื่อจะให้เห็นว่าเราจะเรียนแต่วิชาชีพอย่างเดียว นั้นไม่พอแน่ส�ำหรับมนุษย์ จึงต้องเรียนธรรมะไว้ส่วนหน่ึง ส�ำหรับไม่ให้พลัดตกลงไปสู่ความชั่วหรือความทุกข์ แต่ท่ีดี กวา่ นั้นไปอีก ละเอยี ดกวา่ น้ันไปอกี ก็คือมนั จะปอ้ งกนั ไมใ่ ห้ ความทกุ ขเ์ กดิ ข้ึนไมว่ า่ ในกรณีใดๆ อย่างเมื่อเรามีความรู้ใน ทางอาชพี แต่ถา้ ไม่มธี รรมะมนั กจ็ ะทำ� ไดแ้ ตอ่ าชีพ ทนี ม้ี นั ก็ จะเกิดไอก้ ิเลส ความโลภ ความโกรธ ความหลงอะไรขึน้ มา ทำ� ใหเ้ ดอื ดรอ้ น เรากป็ อ้ งกนั ไมไ่ ด้ เราตอ่ สมู้ นั ไมไ่ ด้ คอื ถา้ เรา บงั คบั กเิ ลสไวไ้ มไ่ ด้ กเิ ลสมนั กพ็ าใหเ้ ราไปทำ� ความชว่ั แลว้ มนั กเ็ ป็นเรือ่ งตกตำ่� ไปทางความช่วั ยากท่ีจะถอนขึน้ มาได้ ฉะน้ันขอให้เห็นความจ�ำเป็นที่จะต้องมีธรรมะเคียงคู่ กนั อยกู่ บั ความรใู้ นทาง... ซงึ่ จะเรยี กวา่ ทางโลกกไ็ ด้ คอื อาชพี 16
นัน่ เอง ความรทู้ างโลกก็คืออาชีพ ความรทู้ างธรรมะกค็ ือ สิง่ ท่ีจะปอ้ งกนั ไมใ่ ห้จติ ใจมนั ท�ำผิด หรอื ใช้ความรูใ้ นทาง โลกอยา่ งผดิ ๆ 17
ชวี ติ ที่สมดุล ต้องเทียมดว้ ยสัตว์ ๒ ตัว เร่ืองน้ีก็เลยมีอุปมาเปรียบให้จ�ำง่ายคือว่า ชีวิตน้ีเป็น เหมือนยานพาหนะ แล้วกจ็ ะต้องเทียมดว้ ยสตั ว์ ๒ ตวั เปน็ ววั ๒ ตวั ม้า ๒ ตวั อะไรก็ตามให้มนั สมบูรณ์ ตวั หนง่ึ เป็น เรื่องของร่างกาย ตัวหน่ึงเป็นเร่ืองของจิตใจ สองตัวแล้ว ก็ถูกตอ้ งและพอดี ข้อน้ีก็ย่อมแสดงให้เห็นได้ทันทีแล้วว่าไอ้เรื่องธรรมะ นน้ั ไม่ใชเ่ รอื่ งวัตถุล้วนๆ แลว้ ก็ไม่ใช่เรอื่ งจติ ใจล้วนๆ เพราะ ฉะน้ันธรรมะท่ีถูกต้องจึงไม่เป็นวัตถุนิยมหรือไม่เป็นจิตต- นยิ มอยา่ งใดอยา่ งหนง่ึ โดยสว่ นเดยี ว มนั เปน็ ความถกู ตอ้ ง ของท้งั สองส่วน แลว้ กส็ มั พันธก์ ันอย่างถูกตอ้ งดว้ ย อย่าง ทเี่ รยี กวา่ สมดลุ ฉะนน้ั ความสมดลุ ของความถกู ตอ้ งระหวา่ ง วตั ถกุ บั จติ นคี่ อื ธรรมะ กจ็ งึ แยกเหมอื นกบั วา่ มสี ตั ว์ ๒ ตวั ลาก 18
ยานพาหนะน้ันไป ตัวหนึ่งมสี ติปัญญา ตวั หน่ึงมีเร่ียวมีแรง รา่ งกายนเ่ี หมอื นกบั เรย่ี วแรง จติ ใจมสี ตปิ ญั ญา กค็ วบคมุ กนั ไปไดด้ ี ฉะนนั้ การทที่ กุ คนมคี วามสนใจในธรรมะขน้ึ มาน้ี คาด ว่าเป็นเรื่องท่ีถูกต้อง ที่น่าอนุโมทนา แล้วก็ขออนุโมทนา เพราะนี่เป็นจุดตั้งต้นท่ีดีแล้ว ที่ถูกต้องแน่ ขอให้ท�ำให้มัน มากยิง่ ขนึ้ ๆ ต้ังต้นมาดแี ล้วก็กอ่ หรอื สานให้มนั ตอ่ ไปใหถ้ ึงท่ี สดุ ใหช้ วี ติ นเี้ ปรยี บเหมือนกบั เทียมด้วยวัว ๒ ตัว ตัวหนง่ึ เรื่องจิต ตัวหนึ่งเรื่องวัตถุ เพราะฉะน้ันธรรมะนี้จะช่วย ไมใ่ ห้พลดั ตกไปในทางต่�ำ ทางกายกไ็ ม่ให้เกิดความขาดแคลนทางกาย เช่น ไมม่ ี เงนิ ใชห้ รอื โรคภยั ไขเ้ จบ็ ซงึ่ เปน็ เรอ่ื งปญั หาทางฝา่ ยกาย เรา กม็ ธี รรมะในฝา่ ยกาย ทีนเ้ี รอ่ื งจิตท่จี ะคดิ ใหถ้ ูกต้อง มคี วาม เหน็ ใหถ้ กู ตอ้ ง ใหท้ กุ สง่ิ เดนิ ไปถกู ทาง นกี้ ม็ ธี รรมะในสว่ นจติ กไ็ มต่ กตำ�่ ในสว่ นจติ แลว้ ไมต่ กตำ่� ในสว่ นกาย เรยี กวา่ ธรรมะ ทรงบคุ คลผปู้ ฏบิ ตั ธิ รรมะไวไ้ ดไ้ มใ่ หต้ กตำ่� อยา่ งน้ี นเ่ี ปน็ ความ หมายรวมทั้งหมด จ�ำไว้ส�ำหรับเป็นหัวข้อรวม หัวข้อใหญ่ สำ� หรบั จะแยกออกไปใหเ้ ปน็ เรอ่ื งละเอยี ด เปน็ เรอื่ งๆ เรอ่ื งๆ 19
ไป หมายความว่าจะทรงกันในข้อไหน ทรงกันในส่วนไหน ทรงกนั อย่างไร น่ันเป็นรายละเอียด หัวขอ้ ใหญ่ ธรรมะจะ ชว่ ยทรงผปู้ ฏบิ ตั ไิ วไ้ มใ่ หต้ กไปในทางตำ�่ คอื ความทกุ ข์ ทง้ั ฝา่ ย กายกด็ ี ท้งั ฝา่ ยจิตกด็ ี น้ีโดยมากในโลกน้ี โดยเฉพาะเวลานี้นะ โดยเฉพาะ ปัจจุบันน้ี เขาสนใจแล้วก็รู้เรื่องกันแต่เรื่องฝ่ายกาย ฝ่าย วตั ถุ ฉะนน้ั ปญั หามันจึงเกดิ คือหลงใหลในไอเ้ รอ่ื งทางวัตถุ ไม่สนใจในทางธรรมะ เขาเหน็ แก่ตัว เพื่อจะใหไ้ ดป้ ระโยชน์ ทางวตั ถมุ า กท็ ำ� ใหไ้ ม่มองผูอ้ ่นื ไม่รกั ผ้อู ่นื ไมเ่ ออื้ เฟอื้ เผ่ือแผ่ แกผ่ ู้อื่น นเ่ี ปน็ ปญั หาในโลกเวลานี้ มันมีคนพวกหนึ่งซึ่งไม่เห็นแก่ผู้อ่ืน เห็นแก่ตัว เอา เปรียบผอู้ ่ืน มแี ผนการที่จะสูบดูดเอาประโยชนข์ องผู้อืน่ มา เปน็ ของตัวท่าเดยี ว นัน่ เพราะวา่ มันขาดธรรมะในส่วนจิตใจ มันเหน็ แตร่ ่างกาย เหน็ แตค่ วามสขุ ส่วนร่างกาย ถา้ มีธรรมะ ในสว่ นจติ ใจมนั จะมคี วามคดิ ทถ่ี กู ตอ้ ง มนั จะรวู้ า่ ทำ� อยา่ งนนั้ ไม่ได้ ไม่ถูกไม่ควร แล้วก็เป็นไปไม่ได้ด้วย การท่ีเราจะเอา เปรียบผู้อนื่ ชนะผู้อนื่ ในทางอย่างนีม้ ันเปน็ ไปไมไ่ ด้ แล้วมนั ก็ไม่มีใครยอม การท่ีจะเอาเปรียบผู้อ่ืนในโลกนี้มันเป็นการ 20
ผิดธรรมะแลว้ คอื ผิดกฎธรรมชาตแิ ล้ว มันก็จะไมม่ ีใครยอม ฉะน้ันความเห็นแก่ผู้อ่ืนมันเป็นรากฐานของการมี ความสงบสุขในโลกน้ี เป็นธรรมะท่ีขยายวงกว้างออกไปถึง ส่วนสังคม เม่ือเราเอาตัวรอดแล้ว เราก็ยังเห็นแก่ผู้อื่น คิด ช่วยผู้อื่นให้เอาตัวรอดได้ด้วย เป็นธรรมะส่วนสังคม คู่กัน กับธรรมะสว่ นบคุ คล ในส่วนบุคคลน่ีมีความถูกต้องทั้งทางกายทางจิต คน ทป่ี ระสบความส�ำเรจ็ ในเรอ่ื งน้แี ล้วกน็ กึ ถงึ ผอู้ ่นื จะช่วยผ้อู น่ื ให้เปน็ อย่างน้นั บา้ ง กเ็ ปน็ ธรรมะทส่ี มบูรณท์ ั้งแกต่ นและแก่ ผู้อื่น เรียกว่าในขั้นที่สมบูรณ์ต้องเป็นอย่างน้ัน ฉะน้ันเราก็ ต้องรับรู้ไว้ ถา้ ไม่อยา่ งนน้ั มนั ไปไมร่ อดหรอก ท่ีเราจะไปคน เดียวหรืออย่คู นเดียวในโลกน้ีมนั เปน็ ไปไมไ่ ด้ เราจะชนะคน อื่นเพ่ือตวั เรานม่ี ันเป็นไปไม่ได้ ไปคิดดูเถอะจะพบ ‘มนั เป็น ไปไม่ได้’ ‘มันต้องไปดว้ ยกัน’ แลว้ ก็ ‘พออยู่กันไปไดด้ ้วยกัน ทกุ คน’ มนั จงึ จะมคี วามปกตอิ ยไู่ ด้ ถา้ คนนมี้ นั สบายและคน หนงึ่ มนั เปน็ ทุกข์ทรมานอยูม่ นั กท็ นอยูไ่ ม่ได้ มันกต็ อ้ งมีการ กระทบกระทั่งกนั เพราะธรรมะนี้จะทรงผู้ปฏิบัติไม่ให้ตกไปในทางต่�ำ 21
หรอื ความทกุ ข์ ทงั้ ทเี่ ปน็ สว่ นบคุ คลและทงั้ ทเ่ี ปน็ สว่ นรวมคอื ทงั้ โลกดว้ ย ฉะนนั้ จงึ พดู วา่ ธรรมะนมี่ นั คมุ้ ครองโลก ชว่ ยโลก ท้งั โลกไว้ได้ นธ่ี รรมะเบอื้ งตน้ ธรรมะในฐานะท่ีจะตอ้ งร้กู ัน ในเบอื้ งต้นวา่ มนั เป็นอย่างนี้ ทนี ร้ี ายละเอยี ดมนั ก็มอี กี มาก 22
๑ นักศึกษา : ท่านครบั อยากจะเรียนถามว่า ผู้ท่ไี มป่ ระกอบอาชพี นเ่ี ป็นคนที่เลวมากไหมครบั อย่างคนพกิ ารหรอื ขอทานนีค่ รบั พทุ ธทาสภิกขุ : ออ๋ , ตอ้ งใชค้ ำ� พดู ใหถ้ กู ตอ้ ง เขากม็ อี าชพี อยา่ งคนพกิ าร ค�ำว่าอาชีพน้ีคือการด้ินรนขวนขวายเพื่อให้ด�ำรงชีวิตอยู่ ได้ ในรปู ไหนกไ็ ด้ ในรูปปกตแิ ล้วกเ็ หมือนกบั สตั วท์ ่วั ไป เขา ก็ดน้ิ รนประกอบอาชพี หรอื หาอาหารตามธรรมชาติ ทนี พ้ี อมาเปน็ มนษุ ยก์ ม็ อี าชพี ทล่ี ะเอยี ดประณตี สงู ขน้ึ ไป ถ้าเป็นคนพิการทุพพลภาพก็มีอาชีพอีกอย่างหนึ่ง คือ อาชีพดำ� รงตนใหด้ ีๆ แลว้ ก็มีคนเลีย้ ง มคี นให้กิน ยงั มอี าชพี ทพี่ เิ ศษทเ่ี ขาเรยี กวา่ อาชพี ของปชู นยี บคุ คล ไมไ่ ด้ทำ� งานเพื่อหาอาหารโดยตรง เช่น อาชีพของไอ้ครบู า อาจารย์ หรอื อาชพี ของผทู้ ม่ี หี นา้ ทสี่ งั่ สอน เปน็ นกั บวช เปน็ 23
ภกิ ษุ เปน็ พระพุทธเจา้ น้กี ็เรยี กวา่ มีอาชีพเหมือนกัน เป็น อาชีพอย่างปูชนียบุคคล คือผู้น้ันท�ำส่ิงท่ีเป็นประโยชน์แก่ ผู้อื่นอยู่ตลอดเวลา แล้วผู้อ่ืนหรือคนท้ังโลกก็ช่วยเล้ียง ดูผู้นั้นไว้ เพ่ือให้ท�ำประโยชน์อันสูงสุด ก็เลยเป็นอาชีพ ของปูชนียบุคคลคือว่าเขาท�ำประโยชน์ให้แก่สังคมหรือโลก มากๆ มากเกนิ ทจ่ี ะพรรณนา แลว้ อาชพี นน้ั ทไ่ี ดร้ บั เอาไปนนั้ เพยี งแตว่ า่ ขา้ วปลาอาหารพอมชี วี ติ อยไู่ ดม้ นั เลก็ นอ้ ย เพราะ ฉะนนั้ เขาจงึ เรยี กวา่ อาชพี ของปชู นยี บุคคล อาชีพตามธรรมดาเราก็ลงทุนลงแรงไปเพื่อให้ได้ของ กลบั มา น่เี ป็นอาชพี ตามธรรมดา หรือวา่ สัตว์ทัง้ หลายมันก็ ออกหากิน เลี้ยงชีวิตตามธรรมชาติ นั่นมันเป็นอาชีพอย่าง ง่ายอย่างต�่ำท่ีสุด การแสวงหาอาหารนี่ก็เป็นธรรมะด้วย เหมือนกัน คือธรรมะในฐานะตามธรรมชาติที่ให้ชีวิตมัน รอดอยู่ได้ ทีน้ีจะให้มันสูงข้ึนไปก็ต้องหาเลี้ยงชีพให้ถูกต้อง การหาเล้ียงชีพให้ถูกต้องก็เป็นการปฏิบัติธรรมะที่สูงขึ้นไป กระท่ังว่าเป็นอาชีพที่กว้างขวาง มีประโยชน์มาก จุนเจือ ผู้อ่ืนได้ กว้างขวางเป็นอาชีพท่ีสูงข้ึนไปอีก แล้วไปสูงสุด อยู่ที่อาชีพที่เป็นผู้น�ำในทางวิญญาณ เช่น ครูบาอาจารย์ 24
พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นผู้น�ำในทางวิญญาณ ไม่ต้องท�ำ นา ไม่ต้องอะไรเอง ก็ให้คนท่ีเขาได้รับประโยชน์เขาช่วย เลี้ยงดู อย่างภกิ ษสุ งฆ์นี้ ถ้าทำ� หนา้ ที่ของตนถูกตอ้ งกอ็ ยู่ใน อาชีพนี้คือท�ำประโยชน์อย่างเป็นผู้น�ำในทางวิญญาณ แล้ว กร็ บั อาหารบณิ ฑบาตมา ทเี่ ขาใสบ่ าตรใหอ้ ะไรใหน้ ม่ี นั กเ็ ปน็ เร่อื งเลก็ น้อย มีคา่ น้อยกวา่ ประโยชน์ทีค่ นเหล่านน้ั จะทำ� ให้ แกป่ ระชาชน แตถ่ า้ เปน็ ภกิ ษทุ ไ่ี มถ่ กู ตอ้ งมนั กอ็ กี ความหมาย หนง่ึ นะ ความหมายอยา่ งอืน่ น่ีก็พดู กันในทางทถี่ ูกต้อง การประกอบอาชีพให้ถูกต้องก็คือการปฏิบัติธรรมะ ในความหมายหน่ึง แล้วคนทุกคนจะมีอาชีพ สัตว์ที่มีชีวิต ทั้งหลายจะต้องมีอาชีพ คือขวนขวายด้ินรนเพื่อให้ชีวิต ทรงอยู่ได้นี่ก็เรียกว่าอาชีพ มีความหมายกว้างกว่าภาษา ไทยธรรมดา น่คี �ำอาชีพ มีปัญหาอะไรอีกก็ถามได้ ตอนท้ายน้ีถามปัญหากันดี กวา่ เดยี๋ วจะหลับกนั เสยี หมด 25
๒ นักศึกษา : พระภิกษุทถ่ี กู ต้องเปน็ อยา่ งไรครบั พทุ ธทาสภิกขุ : กผ็ ทู้ ป่ี ฏบิ ตั ติ ามระเบยี บวนิ ยั ของภกิ ษนุ แ่ี หละ คอื ภกิ ษุ ท่ถี กู ตอ้ ง 26
๓ นกั ศึกษา : พระภกิ ษุท่ีถูกต้อง ท�ำประโยชน์ให้แกผ่ ู้สนใจอยา่ งไรครับ พทุ ธทาสภิกขุ : เมื่อภกิ ษบุ วชจริง เรยี นจรงิ ปฏิบัติจรงิ ได้ผลจริง แลว้ สอนคนอืน่ จรงิ ๆ อย่างนีเ้ ป็นอยา่ งไรบ้าง สิ่งทสี่ อนนัน้ กค็ ือ สอนธรรมะหรอื สอนความรใู้ นช้ันทสี่ ูงกวา่ ธรรมดา คือเรือ่ ง จิต เร่ืองวิญญาณ เป็นหน้าที่ของภิกษุ หรือเจ้าหน้าท่ีทาง ศาสนาจะสอนให้ แตถ่ า้ หากวา่ เปน็ เรอ่ื งธรรมดาสามญั เรอื่ ง ปากเรอื่ งทอ้ ง เรอ่ื งวตั ถนุ ก่ี ส็ อนไดเ้ หมอื นกนั ในบางกรณี คอื ภกิ ษจุ ะตอ้ งร้จู ักดบั ความทุกขข์ องตวั ใหส้ ้นิ สดุ ไปก่อน มนั ก็ เลยมีความรู้สมบูรณ์ในเร่ืองนี้ นี้ไปสอนให้ผู้อื่นให้ดับความ ทกุ ขก์ ไ็ ด้ นน่ั กค็ อื หนา้ ทข่ี องภกิ ษทุ ส่ี มบรู ณ์ ทำ� ประโยชนต์ น แลว้ กท็ ำ� ประโยชนผ์ อู้ น่ื ดว้ ย ถงึ แมจ้ ะไมท่ ำ� ประโยชนผ์ อู้ น่ื ทำ� เพยี งประโยชนต์ นอยกู่ ถ็ อื วา่ เปน็ สงิ่ ทม่ี คี า่ ควรจะมอี ยใู่ นโลก 27
ควรจะชว่ ยกันรกั ษาบ�ำรงุ ไวใ้ หม้ ีอยูใ่ นโลก เพือ่ เป็นตวั อยา่ ง ที่ดี เป็นตวั อย่างของบคุ คลทไี่ มม่ ีความทกุ ข์ ฉะน้นั พวกสมณะทั้งหลาย คอื พวกทีท่ ำ� ความสงบสุข ให้แก่ตนได้ กเ็ รียกว่าสมณะทงั้ หลาย ในพทุ ธศาสนากไ็ ดใ้ น ศาสนาอ่ืนก็ได้ ถ้าเขาดบั ทุกขข์ องเขาได้โดยสมควร สัดสว่ น ถูกต้องแล้วก็เรียกว่าเป็นสมณะ มีอยู่ในโลกน้ีก็มีประโยชน์ ส�ำหรับเป็นตัวอย่างท่ีดีว่าต้องอยู่กันอย่างนี้จึงจะมีความ ผาสกุ สงสัยอีกอยา่ งไรกถ็ ามไดไ้ ม่ต้องเกรงใจ ค�ำถามต่อไป อีก 28
๔ นักศึกษา : ความดีกับความยตุ ธิ รรม มีสว่ นดอี ยา่ งไรบา้ งครบั พทุ ธทาสภกิ ขุ : ความดีกับความยุติธรรม ถ้าในแง่ของภาษาเป็นส่ิง เดียวกันหรอื เปลา่ ? ความดี ความงาม ความถกู ตอ้ ง ความ ยตุ ธิ รรม โดยความหมายกจ็ ะเปน็ สงิ่ เดยี วกนั ได้ แตต่ วั หนงั สอื มันไม่เหมือนกัน แต่โดยความหมายแล้วมันก็เรียกว่าเน่ือง ถึงกัน เป็นอนั เดยี วกนั ถา้ มคี วามดี คอื ไมม่ โี ทษ ไมม่ คี วามชว่ั ไมม่ คี วามทราม อะไรทง้ั หมด แบบนแ้ี ลว้ มนั กเ็ รยี กวา่ ‘งาม’ งามในภาษาของ ธรรมะ ไม่ใช่งามทางวตั ถุประดับประดาตกแตง่ ภาษานี้มี ๒ ภาษา ภาษาชาวบ้านธรรมดานี่อย่าง หนงึ่ ภาษาวตั ถุ สว่ นภาษาธรรมะนน้ั เรยี กวา่ ภาษานามธรรม ภาษาลกึ ซ้ึงทางจติ ใจ 29
ถ้าว่ามีความดีมันก็มีความงาม เพราะความดีมันงาม มนั กเ็ ปน็ ความถกู ตอ้ งอยใู่ นความดแี ละความงาม เปน็ ความ ยตุ ธิ รรม คอื ประกอบอยดู่ ว้ ยธรรม เปน็ ไปตามธรรมอยใู่ นตวั มนั เอง ในทางธรรมะมนั จึงเป็นของท่เี นอื่ งอยใู่ นอันเดียวกนั โดยความหมาย ตวั หนงั สอื มนั ตา่ งกนั แตถ่ า้ อยา่ งโลกๆ นม่ี นั อีกแนวหนึง่ เอาไปนน่ั กันไมไ่ ด้ ท่ีเรียกความยุติธรรมอย่างโลกๆ นี่มันก็อย่างหน่ึง ความยุติธรรมอย่างธรรมะนี่มันก็อีกอย่างหน่ึง ยุติธรรม อยา่ งธรรมะมนั ไปตามกฎธรรมชาติ ธรรมชาตเิ ปน็ ผตู้ ดั สนิ มันยุติธรรมแท้, ไอ้ยุติธรรมอย่างโลกๆ อย่างกฎหมาย อยา่ งอะไรอยา่ งนม้ี นั ยตุ ธิ รรมชนดิ ทอี่ งิ อาศยั อยกู่ บั ไอเ้ รอ่ื ง อน่ื ๆ มนั ไมแ่ ท้ มนั แลว้ แตว่ ตั ถพุ ยานหรอื วา่ อะไรตา่ งๆ หรอื ว่ากฎหมายบางประเทศมันก็เป็นอย่าง อีกบางประเทศก็ เป็นอีกอย่างหน่ึง เพราะฉะน้ันการยุติธรรมตามกฎหมาย ของประเทศน้ันๆ มันก็ไม่แท้ นี่พูดได้ตรงๆ เลย แต่ก็ต้อง ยอมรับในส่วนน้ัน ในส่วนท่ีมันเป็นเร่ืองทางกฎหมายของ โลกๆ ยุติธรรมอยา่ งโลกๆ ถา้ ยตุ ธิ รรมตามแบบของธรรมชาตแิ ลว้ มนั แท้ แนน่ อน 30
ไม่มีอะไรจะยิ่งไปกว่า ฉะน้ันก็จะพอมองเห็นได้ว่าความดี ความงาม ความจรงิ ความยุติธรรมอะไรเหล่าน้ี ถา้ เอาตาม กฎของธรรมะแล้วมนั ก็เป็นสิง่ เดยี วๆ กัน นัน่ มนั เปน็ ภาษา พดู ไปตามภาษาชาวบา้ นชาวโลกมนั ก็ยงั แยกกนั ได้ ฉะน้ันเราจะพูดกันในภาษาไหนก็ต้องให้มันแน่เสีย ก่อน พูดภาษาธรรมะหรือว่าพูดภาษาชาวบ้าน มันก็จะไม่ ต้องเถยี งกัน เอา้ , มีปัญหาอะไรอีก 31
๕ นักศกึ ษา : ผมเคยไดย้ นิ ได้ฟงั ชาวบา้ นพูดถึงเก่ยี วกับ เร่ืองพระศรอี ารยิ ์ เรือ่ งนีผ้ มยังไม่เข้าใจ อยากจะเรียนถามพระอาจารย์ครับ พุทธทาสภิกขุ : อยากจะทราบเร่ืองพระศรีอาริย์ ก็ต้องพูดอย่าง ๒ ภาษาอกี แหละ ถา้ ภาษาชาวบา้ น ภาษาธรรมดาเขากม็ เี รอ่ื งทส่ี อนกนั วา่ ในอนาคตกาลขา้ งหนา้ นานเปน็ พนั ๆ ปี หลงั จากทม่ี นษุ ย์ มันวินาศไปด้วยความชัว่ แลว้ มนั ก็ฟื้นตัวขน้ึ มาใหม่ ตั้งหนา้ ต้ังตาประพฤติแต่ความดี ความงาม ความถูกต้อง แล้วก็ เกดิ ศาสนาของพระศรอี ารยิ ข์ นึ้ มา อยกู่ นั เปน็ ผาสกุ จนทไี่ มร่ ู้ ว่าจะทุกข์อย่างไร นี่ว่าไปตามตัวหนังสือที่เขาเขียนไว้ เขา เล่าไวน้ ะ ไม่มกี ารเบยี ดเบียนไมม่ อี ะไรหมด มคี วามสะดวก สบาย ถึงกับพูดไว้ว่ามันมีต้นกัลปพฤกษ์อยู่ทั้ง ๔ มุมเมือง 32
ใครตอ้ งการอะไรไปขอเอาได้ ไมม่ โี รคภยั ไขเ้ จบ็ คนดเี หมอื น กันหมด จนจ�ำกันไมไ่ ด้ว่าใครเป็นใคร แม้แตว่ ่าน้ำ� ในแมน่ �้ำ นก้ี ็ยังให้ความสะดวก ไหลข้ึนขา้ งหนงึ่ ไหลลงขา้ งหนงึ่ อกี มากมาย อย่าพูดถึงโดยรายละเอียดเลย นี่เขาเรียกว่าพระ ศาสนาพระศรีอาริย์ ในความหมายของภาษาโลก ภาษา ธรรมดา ถา้ อยากจะเกดิ ในศาสนานน้ั กท็ ำ� ความดตี ามทเี่ ขา ระบุไว้ คอื ความดที ัว่ ๆ ไปนที่ �ำให้มากพอแล้วกต็ าย แล้ว กไ็ ปเกดิ ในยคุ นน้ั ในศาสนานน้ั ทีนี้อีกความหมายหนึ่งเรียกว่าเป็นภาษาธรรมะ เรา จะต้องประพฤติดีอีกเหมือนกันแหละ แต่ว่าเอากันเร็วๆ น่ี ถ้าทุกคนประพฤติดี ไม่เบียดเบียนกัน มันก็อาจจะเกิดข้ึน มาในไม่ก่วี ันน้ี ถ้าท�ำได้นะ ถา้ มนษุ ย์ทุกคนประพฤติดี ต้ัง อยู่ในธรรมะแท้จริง โลกพระศรีอาริย์ก็เกิดปุบปับข้ึนมา ได้ ฉะนั้นควรจะสนใจธรรมะ ประพฤติธรรมะ ชวนกันให้ ประพฤตธิ รรมะพรอ้ มๆ กนั ท้งั โลก ทนี ถี้ า้ มนั ทำ� ไมไ่ ด้ ถา้ มนั เปน็ ไปไมไ่ ด้ เรากย็ งั มที างที่ จะท�ำของเราเอง ศกึ ษา ฝึกฝน อบรมจติ ใจให้มันอยูใ่ นรอ่ ง ในรอย ให้บังคับจิตใจได้ ไม่ไปตามอ�ำนาจของกิเลส ไม่ไป 33
ตามอ�ำนาจแวดลอ้ มใดๆ หมด เราท�ำความดี แลว้ ก็พอใจใน ความดขี องเราไดอ้ ยเู่ สมอ เรากส็ บายใจ อมิ่ อกอมิ่ ใจ แมจ้ ะมี ความวบิ ตั อิ ะไรมา จติ ใจชนดิ นม้ี นั ทกุ ขไ์ มเ่ ปน็ มคี วามเจบ็ ไข้ มา จติ ใจชนดิ นมี้ นั กท็ กุ ขไ์ มเ่ ปน็ แมค้ วามตายมามนั กม็ คี วาม ทกุ ขไ์ มเ่ ปน็ ตายกต็ าย อยกู่ ไ็ มเ่ ปน็ ทกุ ข์ จะตายกไ็ มเ่ ปน็ ทกุ ข์ อย่างนี้ก็เรียกว่าเป็นคนที่อยู่ในศาสนาของพระศรีอาริย์ได้ เหมือนกัน หรือมันเป็นความหมายเดียวกันกับธรรมะหรือ พทุ ธศาสนา ถ้าปฏิบตั ิธรรมะไดจ้ รงิ หมดกิเลส หมดอาสวะ อะไรกไ็ ม่มีความทุกข์ ทุกข์ไม่เป็น ไมม่ ีความทุกขอ์ ะไรอกี ได้ อย่างท่เี รยี กว่าเปน็ พระอรหนั ต์ ทุกข์ไมเ่ ปน็ อีกต่อไป แต่ทีน้ีคนก็ไม่ค่อยเข้าใจเพราะว่าเร่ืองทางวัตถุไม่ สมบูรณ์ เขาจึงพูดไว้ส�ำหรับศีลธรรมในอนาคต พูดอย่างที่ เขาพูด อย่างที่เล่าให้ฟังทีแรก อย่างน้ันๆ สมบูรณ์เป็นสุข สนุกสนาน ไม่มีความทุกข์ ความหมายเหมือนกัน คือผล ของความดที ไี่ ดก้ ระทำ� ไวเ้ รยี กวา่ ศาสนาของพระศรอี ารยิ ์ ถา้ เป็นกนั ได้ทงั้ โลกกด็ ี ถา้ มนั เปน็ กนั ไม่ไดท้ ้งั โลก เราเป็นของ เราสิ อบรมจิตใจชนิดท่ีให้ทุกข์ไม่เป็น ก็เป็นเรื่องของการ ท�ำกรรมฐานภาวนาอย่างที่ว่าเม่ือตะกี้น้ีให้มันถูกต้องเถอะ 34
ถ้าท�ำได้จริง ส�ำเร็จแล้ว มันก็จะมีความทุกข์ไม่เป็น จิตใจ ชนิดนน้ั จะมคี วามทุกข์ไมเ่ ป็น แตก่ ็ไม่ใช่ง่ายอย่างที่เรยี กว่า พูดกนั ง่ายๆ หรือทำ� กนั ไดง้ ่ายๆ เอา้ , ใครมีปัญหาอะไรอกี 35
๖ นักศกึ ษา : คนเรานตี่ ายแล้วจะไปไหน แล้วชาตหิ น้ามีจรงิ หรือเปล่าครบั พุทธทาสภกิ ขุ : ชาติหน้ามีจริงหรือเปล่า ตายแล้วไปไหน มีคนชอบ ถามปญั หานี้ มนั ก็มีความสงสัยอย่แู ตเ่ รือ่ งนี้ แลว้ ก็มองขา้ ม ไปเสียว่าท่ีเรายังไม่ตายนี่เราควรจะท�ำอย่างไรบ้าง เราควร จะทำ� อย่างไรเมอ่ื ยงั ไม่ตาย ซึง่ เรามองเหน็ อยู่ เราท�ำได้ ไอ้ หลงั จากตายแลว้ นเี่ ราไมม่ องเห็น เราจะควบคุมมันไปไมถ่ ึง ฉะน้ันเราจึงสอนให้เข้าใจว่าเมื่อยังไม่ตายนี้จะต้องท�ำอะไร ก่อน ท�ำให้เสร็จหน้าที่หรือให้หมดปัญหาเม่ือยังไม่ตายน่ี ก่อน ให้ได้สิ่งท่ีดีท่ีสุดท่ีมนุษย์ควรจะได้ก่อนจะตาย คือถ้า ท�ำได้อย่างน้ีแล้วไม่ต้องกลัว เม่ือตายแล้วก็เป็นอนั ว่าต้องดี แน่ ถ้าหลังจากการตายแล้วไปเกิดอีกเป็นดีแน่ ถ้าไม่เกิดก็ ไม่ขาดทุนอะไร ปัญหามันมีอยู่ที่ว่าตายแล้วเกิดหรือไม่เกิด 36
กอ่ น นเี้ ราจะต้องทำ� ใหป้ ลอดภัยไว้ท้งั สองอย่าง ถา้ ตายแลว้ เกิดกป็ ลอดภยั หรือวา่ ตายแลว้ ไมเ่ กดิ ก็ปลอดภยั คือทำ� ให้ มนั ดที ส่ี ดุ ไวต้ ามทเ่ี ราจะทำ� ได ้ นส้ี ว่ นทเี่ ราจะไปเกดิ อกี นี้ ถา้ ทำ� ไวด้ ที น่ี ่ี แลว้ กเ็ กดิ ใหมม่ นั กด็ อี กี ทำ� ไวไ้ มด่ ที นี่ ่ี เกดิ ใหมม่ นั กไ็ มด่ อี กี ไปตามกฎเกณฑข์ องธรรมชาตทิ พ่ี อจะถอื ไดว้ า่ เปน็ อยา่ งนั้น เมอื่ มผี ไู้ ปทลู ถามพระพทุ ธเจา้ เรอ่ื งน้ี ตายแลว้ เกดิ หรอื ไมเ่ กดิ ทา่ นก็บอกวา่ ไมจ่ ำ� เปน็ จะตอ้ งพูดถึง ทมี่ นั อยเู่ ดีย๋ วนี้ ทำ� ใหเ้ สรจ็ เสยี กอ่ น ทำ� ใหถ้ กู ตอ้ ง ใหส้ มบรู ณใ์ หเ้ สรจ็ เสยี กอ่ น แลว้ กจ็ ะรู้เองว่าตายแลว้ เกดิ หรอื ไม่เกดิ นีห่ มายความวา่ ถา้ เราศกึ ษา ประพฤติ ปฏิบตั ิทน่ี ่ีและ เด๋ียวน้ีตามหลักธรรมะให้ถูกต้องแล้ว มันแก้ปัญหาของมัน ไดเ้ อง คือมนั รูจ้ นถงึ กับว่ามิได้มีเรา มิได้มีตัวเราอย่างท่ีเรา ส�ำคัญผิด มันมีแต่สิ่งที่เป็นไปตามเหตุตามปัจจัย รูปธรรม นามธรรมเป็นไปตามเหตุตามปัจจัย ไม่มีตัวเรา ก็เหลืออยู่ แต่สิ่งที่เป็นไปตามธรรมชาติ ตามเหตุตามปัจจัย ไม่มีตัว เรา เรากเ็ ลยไมพ่ ดู วา่ เราเกดิ หรือเราตาย กลายเป็นไมม่ ีเรา ส�ำหรับเกดิ หรือตาย มแี ตจ่ ิตใจทหี่ ลดุ พน้ จากความเกิดและ 37
ความตาย บรรลนุ พิ พานไปเสยี ไมต่ อ้ งเกดิ ไมต่ อ้ งตายอกี ตอ่ ไป น่แี บบของพระพุทธเจ้าท่านมไี วอ้ ย่างนี้ ทบทวนอกี ทกี ไ็ ด้ ถา้ ใครไปทลู ถามพระพทุ ธเจา้ วา่ ตาย แล้วเกดิ หรือไม่เกดิ หรือจะไปไหน ทา่ นจะบอกว่าไมต่ ้องคิด อย่าเพงิ่ คดิ อย่าเพ่ิงคิด เด๋ียวนท้ี ่ีนที่ �ำอย่างไรดกี ว่า ท�ำให้ เสร็จเสียกอ่ น ถา้ ทำ� เสร็จจะร้วู า่ ไม่มเี ราส�ำหรบั เกดิ และตาย มีแต่กระแสแห่งธรรมชาติที่ปรุงแต่ง เปล่ียนแปลง เป็นไป เป็นไป พอรู้อย่างนี้แล้วก็ไม่มีความทุกข์ ไม่มีอะไรที่จะยึด เอาเปน็ เรา เปน็ ของเรา มนั กไ็ มม่ กี เิ ลส ไมม่ กี เิ ลสกไ็ มม่ คี วาม ทุกข์ เรื่องมันก็จบที่นี่ ไม่มีส�ำหรับท่ีจะไปมีปัญหาต่อไปว่า ตายแลว้ เกดิ หรอื ไมเ่ กดิ เกิดอยา่ งไรน่ีไมม่ ีปญั หา แต่เขายังมีไว้อีกแขนงหนึ่งส�ำหรับผู้ที่ไม่อาจจะเข้าใจ อยา่ งทว่ี า่ นไ้ี ด้ กส็ อนใหท้ ำ� ความดี กเ็ พอ่ื เราจะเกดิ อกี เรากจ็ ะ ไดเ้ กดิ ดี ถา้ มนั ไมเ่ กดิ เรากไ็ มข่ าดทนุ อะไรอยา่ งน้ี นเ่ี ปน็ เรอ่ื ง ทางศีลธรรมทัว่ ๆ ไป กวา้ งขวาง ไม่ต้องรูอ้ ะไรมากก็ได้ ให้ ทำ� ไปอยา่ งกบั วา่ เราจะตอ้ งเกดิ อกี แลว้ เราจะตอ้ งเกดิ ดี เราก็ ทำ� ความดี ทำ� ความดเี พอื่ จะไดเ้ กดิ อกี และเกดิ ดี นก้ี ป็ ลอดภยั เหมือนกัน แต่ไม่ใช่ถึงที่สุด ถ้าถึงท่ีสุดมันประพฤติปฏิบัติ 38
ศึกษาไปจนรู้ว่าไม่ใช่เรา ไม่มีเรา เป็นธรรมชาติ รูปธรรม นามธรรมล้วนๆ อนั นก้ี ็หมดปัญหา ที่นแ่ี ละเดย๋ี วน้ีเลย ไมม่ ี ความทกุ ข์ นก่ี เ็ รยี กวา่ บรรลนุ พิ พาน ไมต่ อ้ งเวยี นวา่ ยตายเกดิ อีกตอ่ ไป ถา้ ไม่อาจจะบรรลนุ พิ พานกท็ �ำอย่างเวียนว่ายตาย เกิดอกี ต่อไป กท็ �ำใหด้ เี ขา้ ไว้ ประพฤติธรรมะทเ่ี รยี กวา่ ดใี ห้ เตม็ ทเ่ี ขา้ ไว้ ฉะนน้ั เรายดึ มน่ั ในความดี กระทำ� ความดี ใหร้ จู้ กั ความดี ใหท้ ำ� ในฐานะทเี่ ปน็ ความดนี ด่ี กี วา่ ทจ่ี ะทำ� เปน็ ฐานะ ทจ่ี ะไดเ้ งนิ ไดข้ องไดอ้ ะไรไปเสยี อกี ถา้ ทำ� ความดแี ลว้ มนั กจ็ ะ ต้องได้ดี แลว้ เงนิ กไ็ ด้ ก็ได้ตามสมควรแก่เหตกุ ารณน์ ั้น แต่ที่ มนั ไดแ้ นค่ อื วา่ ทำ� ดมี นั กด็ ที นั ที ทำ� ชว่ั มนั กช็ วั่ ทนั ที แตจ่ ะได้ เงินหรือไม่นัน้ มนั แลว้ แต่เหตกุ ารณ์ นน้ั มนั อกี เรอ่ื งหน่ึง เขา เรยี กวา่ พลอยได้ สว่ นไอด้ ีหรอื ช่วั น่ีมันเปน็ สว่ นหนึง่ มนั จริง แท้ พอทำ� ในสง่ิ ท่ีดีมันกด็ ี ทำ� สิง่ ทชี่ ่ัวมันก็ช่วั จะได้เงนิ ไม่ได้ เงินมันอีกเรื่องหน่ึง ถ้าท�ำดีได้เงินก็เงินดี ท�ำชั่วได้เงินก็เงิน ช่ัว เอามาท�ำใหช้ ั่วมากขึ้นอกี นีป่ ญั หาเร่อื งตายแล้วเกดิ หรือไม่ ขอใหเ้ ข้าใจไว้อยา่ ง น้ี ใหท้ ำ� ไว้ ใหป้ ระพฤตมิ ีหลักไวอ้ ย่างว่า เราจะเกดิ อีกแล้ว จะเกิดดี ก็ประพฤติท�ำความดี ดีๆ ๆ เข้าไว้เรื่อยไป หมด 39
ปัญหาไปเรื่องหนึ่ง ถ้าว่าท�ำดีนี้มันมากจนถึงกับว่ารู้ธรรมะ ลึกซง้ึ ๆ จนรวู้ ่าไมม่ ีตวั เรา มีแต่ไอ้ธรรมชาติ นี้กห็ มดตวั เรา หมดปัญหาทน่ี ่ี ไม่มีปัญหาเร่ืองเกิดอีก น่ีคอื ตวั พุทธศาสนา ท่ีสงู สดุ ถา้ ใครสนใจกศ็ กึ ษาตอ่ ไป ศึกษาไปเรอ่ื ยๆ จนจติ ใจ มันฉลาดสว่างไสวแจ่มแจ้ง รู้ความท่ีไม่มีตัวมีตนนั่นแหละ มนั ละเอยี ดมาก ถ้าถึงน่ันแล้วมนั กห็ มดปัญหาเรอ่ื งตายเกดิ เดยี๋ วนม้ี นั ยงั ไมห่ มดปญั หา ยงั มปี ญั หากท็ ำ� ไวใ้ นทางดี ใหเ้ กดิ ดี ให้พืชดี ให้มีพืชพันธุ์ทีด่ ไี ว้ เอา้ , ใครมปี ัญหาอะไรอกี 40
๗ นักศึกษา : สวรรค ์ - นรก มจี รงิ ไหมครับ พทุ ธทาสภกิ ขุ : ไม่มีแล้วเอามาจากไหนมาพูดล่ะ เขาจะถามอย่างน ้ี กอ่ น เขาพดู เรอ่ื งนรกสวรรคก์ นั มาแลว้ ตงั้ แตก่ อ่ นพระพทุ ธเจา้ พระพุทธเจ้านี่สองพันสามพันปีเลยนะ ไอ้สวรรค์นั่นเขา พูดกันมาก่อนน้ันนาน ค�ำพูดน้ันมีอยู่แล้ว แต่ว่าค�ำพูดน ี้ มีหลายความหมาย หลายความหมาย น่ีรู้กันไว้เสียด้วย ทุกคนว่า ค�ำพูดค�ำหน่ึงน่ะมีหลายความหมายหลายระดับ โดยเฉพาะในทางศาสนาแล้วก็มีหลายระดับ อย่างเดียวกับ เรือ่ งพระศรีอาริยเ์ มอื่ ตะกี้ ภาษาชาวบ้านตามธรรมดา นรกมีสวรรค์มี แล้วก็ เป็นเรื่องต่อตายแล้วท้ังน้ัน นรกสวรรค์อย่างต่อตายแล้ว มันส�ำหรับไอ้ความหมายอย่างน้ี ก็อย่างเดียวกับเรื่องพระ ศรอี าริย์ เรายงั ไม่ถึงกย็ งั ไม่มปี ัญหา 41
มันมีนรกสวรรค์ที่จริงกว่าน้ัน เมื่อใดร้อนใจเม่ือน้ัน เป็นนรก เมื่อใดสบายใจเมื่อน้ันเป็นสวรรค์ น่ีมันจริงกว่า แล้วก็รู้สึกได้ เมื่อใดเราร้อนใจเหมือนกับไฟเผาเรียกว่ามี นรก เม่อื ใดเยน็ อกเย็นใจ สบายดี เปน็ ทพี่ อใจตวั เอง กเ็ รียก วา่ สวรรค์ นจ่ี ริงกว่า จรงิ กว่าต่อตายแล้ว เพราะมนั ร้สู ึกได้ ด้วยจิตใจน้ี ฉะนัน้ อยา่ ท�ำสิ่งท่ใี ห้ร้อนใจมันจะเป็นนรก ท�ำ แตส่ ง่ิ ท่ีสบายใจจะไดเ้ ปน็ สวรรค์ ท่ีเขาพูดไว้ให้มันหลายๆ อย่างนี้ก็เพราะว่ามันมีคน หลายชนิดหลายระดับ ไอ้คนที่ไม่เข้าใจอย่างน้ีก็ไปเข้าใจ อย่างนั้นได้ เขาจะได้ท�ำดี ขยันท�ำดี ไม่ตกนรก แล้วก็ไป สวรรค์ แตแ่ ลว้ คนฉลาดกวา่ นน้ั จะหลกี นรกกนั ทน่ี ี่ มสี วรรค์ กนั เดี๋ยวนมี้ นั ก็ท�ำได้ ท�ำแตส่ ่งิ ท่ีดีที่ท�ำให้ยกมือไหวต้ วั เองได้ น่ันแหละคอื สวรรค์ ถ้าจะพูดให้อย่างพระพุทธเจ้าตรสั มนั ยงั ชดั กว่านี้ ตวั ที่ตา หู จมูก ล้ิน กาย ใจ ที่มนั ทำ� ไปในทางผดิ แล้วมนั ร้อน รอ้ นทางตา ทางหู ทางจมกู ทางลน้ิ ทางกาย ทางใจนน้ั เรยี ก ว่า นรกแทจ้ รงิ นถ่ี ้ามนั ทำ� ถูกทางตา หู จมกู ล้ิน กาย ใจ มี ความสบาย เป็นที่พอใจ สุขใจนน้ั คือ สวรรค์ท่แี ท้จริง 42
ฉะน้นั ระวังตา หู จมกู ลิน้ กาย ใจ อยา่ ใหม้ นั นำ� เอา ความร้อนเข้ามา ก็ไม่ตกนรก จัดแจงให้มันมีแต่น�ำความ พอใจ สบายใจเขา้ มากเ็ ปน็ สวรรค์ แตอ่ ยา่ ลมื วา่ พระพทุ ธเจา้ ทา่ นไมไ่ ดต้ อ้ งการใหห้ ยดุ อยเู่ พยี งสวรรคห์ รอก เพราะสวรรค์ มนั กเ็ ปลย่ี นแปลง ตอ้ งการใหข้ นึ้ ไปใหพ้ น้ สวรรคไ์ ปเสยี อกี ให้ ถงึ ความไมเ่ ปลยี่ นแปลง คอื นพิ พาน ใหจ้ ติ ปกตอิ ยเู่ หนอื นรก เหนือสวรรค์ นเ้ี ขาเรียกหลดุ พน้ เปน็ นพิ พาน น่พี ระพทุ ธเจ้า ทา่ นสอนอย่างน้ี ก่อนนี้เขาสอนเพียงว่าอย่าตกนรกแล้วก็อยู่ในสวรรค์ นีพ่ ระพทุ ธเจา้ ท่านมาชว้ี ่า ถ้ายงั ต้องการมากกวา่ นัน้ ดีกวา่ นน้ั กค็ อื วา่ มนั พน้ สวรรคข์ น้ึ ไปอกี ไมต่ กทงั้ นรกไมม่ ที ง้ั สวรรค์ จิตใจมนั ก็ไม่ถูกทำ� ให้ติดพันอย่ใู นสงิ่ ใด ไมต่ ิดพนั อยใู่ นสิ่งใด ก็เรยี กว่า วิมุตติ –หลุดพ้น อย่างนเี้ ปน็ นิพพาน คอื เยน็ จรงิ ๆ สวรรค์ไม่ใช่มันเย็นจริงๆ นรกมันร้อน ฟังง่ายแล้ว แตส่ วรรค์มนั กม็ ีไฟอกี ชนดิ หนง่ึ ไฟเปียกๆ อยู่ในนน้ั มันเป็น ความรอ้ นอกี ชนดิ หนึ่ง คือไม่เย็นสนิท ไมด่ ับทุกขแ์ ท้ เพราะ วา่ มนั ตอ้ งไปเอรด็ อรอ่ ยกบั เร่อื งตา หู จมูก ล้ิน กาย ใจ เปน็ ของร้อนแบบน้ัน ฉะน้ันเร่ืองนรกสวรรค์จึงไม่เป็นปัญหา 43
สำ� หรบั พทุ ธบรษิ ทั เพราะพทุ ธบรษิ ทั เขาตอ้ งการจะขน้ึ ไปอกี ช้นั หนงึ่ ใหไ้ ปถึงความหยุด ความหลดุ พ้น ความเย็นแทจ้ รงิ ไม่ต้องไปหลงในรสอร่อย แม้ชนิดท่ีเป็นสวรรค์ มันก็เป็น กามารมณ์ทงั้ นนั้ เด๋ียวนค้ี นเราในโลกนเี้ วลานีก้ ต็ ิดอยูท่ ี่สว่ นนี้ แลว้ ไปๆ มาๆ มันก็กลายเป็นไอ้นรกอยู่ในสวรรค์ เสวยสวรรค์ เสพ สวรรค์จนเป็นนรกไม่ทันรู้ตัวอยู่ในนั้น เรื่องของกามารมณ์ มันเป็นอย่างนั้น ส่วนศีลธรรมน้ันเขามีไว้ เขาไม่เลิก นรก สวรรค์มันมีให้คนกลัวบาป แล้วก็ท�ำบุญ แล้วก็อยู่กันเป็น ผาสกุ ในโลกน้ี ทนี ส้ี ว่ นบคุ คลกอ็ ยา่ ใหม้ คี วามรอ้ นใจอะไรเลย ในเรื่องของโลกๆ นี้ แต่ถา้ ต้องการใหด้ ีกวา่ น้ันให้หลดุ พ้นไป เสยี กไ็ มต่ อ้ งเกาะเกีย่ วในสิ่งใด ไม่เกาะเก่ยี วในสวรรค์ ค�ำวา่ สวรรค์นัน้ แปลวา่ อะไร ใครทราบ ? สวรรค์แปล ว่าท่ีเกาะเก่ียว สวรรค์ไอ้ค�ำนี้ในภาษาไทย ‘สวรรค์’ หรือ สฺวรฺค ในภาษาสันสกฤต หรือว่า สคฺค ในภาษาบาลีนี่ค�ำ เดยี วกนั แปลว่า ‘ทเ่ี กาะเกย่ี ว’ คำ� น้แี ปลวา่ เกยี่ ว เกาะเกยี่ ว มันสนกุ เกาะเกย่ี ว มันสู้ไม่เกาะเกยี่ วไมไ่ ด้ เหมอื นกับว่าเรา กินของขมอยู่เรื่อยมันก็ไม่ไหว กินของหวานอยู่เรื่อยมันก็ 44
ไม่ไหว เวลาท่ีไม่ขมไม่หวานมันสบายกว่า จ�ำค�ำเปรียบนี้ แม้เรือ่ งกามารมณ์จะเปน็ เร่อื งมีรสอรอ่ ย มอี ะไรก็ตามเหลือ ให้เกาะเก่ียวอยู่ที่น่ันตลอดเวลามันก็ทนไม่ไหว เดี๋ยวมันก็ ปลีกตวั ออกมานัง่ พกั ผ่อน ฉะนน้ั ธรรมะทแี่ ทม้ นั จงึ ไมไ่ ดส้ อนใหไ้ ปเกาะเกย่ี วอยทู่ ี่ สวรรค์ แตใ่ นชั้นต้นกใ็ หห้ ลีกนรกมาสสู่ วรรค์ พอเป็นที่รจู้ กั พอสมควรแล้วก็ขึ้นไปให้พ้นที่สวรรค์ก็ไปสู่ท่ีว่าง ท่ีไม่เกาะ เกี่ยว ท่ีเป็นอิสระ ที่จิตมันก็เยือกเย็นโดยแท้จริง นี่ก็เรียก วา่ นพิ พาน นรก สวรรค์ แลว้ กน็ ิพพาน ไอ้รูปน้ันนะ ที่รูปที่เป็นการ์ตูนล้อน้ันมันพ้นแล้วโว้ย พน้ แลว้ โวย้ แลว้ กข็ นึ้ พน้ โบสถ์ พน้ เจดยี ์ พน้ สวรรค์ พน้ วมิ าน อะไรหมด รปู นนั้ กเ็ ขยี นลอ้ เดย๋ี วนพี้ น้ แลว้ โวย้ Free is Now น่ะ มันก็เป็นเพียงเมฆแค่น้ันไม่ใช่คนจริง นั้นมันเมฆไม่ใช่ คนจริง ถ้าเรารู้ว่าไอ้เราน้ีก็ไม่ใช่คนจริง มันส่วนประกอบ ของรปู ธรรม นามธรรมตามธรรมชาติ ไรต้ วั ตนก็เหมอื นกับ เมฆ แตม่ นั กล็ อยขน้ึ ไปได้ ลอยขนึ้ ไปได้ ลอยขน้ึ ไปได้ จนพน้ ไอส้ ่งิ ท่จี ะบบี คั้น นี่มนษุ ย์กค็ วรจะเปน็ อยา่ งน้นั ถา้ ฉลาดๆ ๆ เรอ่ื ยๆ ไป เรอื่ ยไปมนั จะพน้ พน้ สง่ิ รบกวนบบี คน้ั อะไรตา่ งๆ 45
เรียกวา่ หลุดพ้น ฉะน้ันเร่ืองอาชีพกับท�ำมาหากินน่ีมันเป็นเรื่องของ ร่างกาย หรือให้ชีวิตอยไู่ ด้ ถ้าชีวติ อยไู่ ดแ้ ล้วกอ็ ยา่ ให้มคี วาม ทุกข์ทรมาน ต้องการมีธรรมะส�ำหรับไม่ให้ชีวิตน้ีเป็นทุกข์ ทรมาน ใหจ้ ติ ใจมนั ไมถ่ กู ผกู พนั ดว้ ยสงิ่ ใด กเ็ รยี กวา่ จติ ใจมนั หลดุ พน้ น่ันแหละดีท่ีสดุ ส�ำหรับมนษุ ย์ เมอื่ ตะกที้ างนถี้ าม ถามทแี รกไมไ่ ดต้ อบ อะไรดที สี่ ดุ สง่ิ นค้ี อื สงิ่ ทดี่ ที สี่ ดุ คอื การหลดุ พน้ จากปญั หา จากสงิ่ รบกวน จากการเกาะเก่ียวทง้ั หลาย คือสงิ่ ที่ดที ส่ี ดุ ของมนุษยต์ าม หลักของพระศาสนา ถ้าดีนี่ต้องเกาะเกี่ยวผูกพัน เต็มไปด้วยสิ่งรบกวน ปญั หาตา่ งๆ กย็ ังไมด่ ที ่ีสุด เปน็ ดธี รรมดา ถา้ ดีทสี่ ดุ ก็คือว่า เหนอื ดขี น้ึ ไปอีก เขาไมเ่ รยี กวา่ ดี แตเ่ รากต็ อ้ งเรียกวา่ ดีทสี่ ดุ เพราะไม่รู้ว่าจะเรียกว่าอะไร พูดว่าเหนือดี พ้นดี ไม่มีใคร ต้องการหรอก ต้องโฆษณาชวนเชื่อไว้หน่อยว่าดีท่ีสุด ว่า นิพพานดีทสี่ ดุ แตท่ จ่ี ริงมนั ไมใ่ ชด่ ีหรอก มนั พน้ ไปจากดี เอา้ , ใครมปี ัญหาอะไรอกี 47
๘ นกั ศกึ ษา : ทา่ นอาจารย์ครบั ตามประวตั ิ ของพระโมคคัลลานะ เขากล่าวว่า พระโมคคลั ลานะ สามารถล่องหนหายตวั ได้ เพราะฉะน้นั ตามหลกั ทางชวี วทิ ยาองค์รวม ผมคิดวา่ คนเราจะหายตวั ได้เช่นกัน ท่านอาจารยค์ ดิ ว่าเป็นอย่างนน้ั ได้ไหมครับ พุทธทาสภิกขุ : ท�ำไมต้องอ้างพระโมคคัลลานะ ท�ำไมต้องอ้างพระ โมคคัลลานะ มันก็ต้องควรจะเป็นหลักท่ัวไป พระอรหันต์ องค์ไหนที่มีฤทธิ์นะ เอาว่าท่ีมีฤทธ์ิก็แล้วกัน ต้องล่องหน หายตวั ได้ มนั เปน็ วชิ ชาสูงสุดอนั หน่ึงเขาเรยี กวา่ ‘อทิ ธิวธิ ิ’ นะ –ลอ่ งหนหายตัวได้ เออ, เดย๋ี วก่อน ถามว่าอย่างไร ถามว่าเป็นสิง่ ทเี่ ป็นไป ไดใ้ ชไ่ หม ถามอยา่ งนน้ั กอ่ นยงั ไมไ่ ดถ้ ามวา่ สง่ิ นด้ี ที สี่ ดุ ใชไ่ หม มนั ควรจะเป็นไปได้ 48
น่ีถ้ากล่าวตามพระคัมภีร์ ที่มีอยู่ในพระคัมภีร์พระ ไตรปฎิ กมนั กม็ ี วธิ ฝี กึ จนใหห้ ายตวั ได้ ลอ่ งหนหายตวั ได้ ทะลุ ฝาก�ำแพงไปได้หรืออะไรพวกน้ีก็มี แต่ก็ต้องมีการฝึกพิเศษ เฉพาะอย่างน้ัน แล้วก็เป็นไปได้ อย่างน้อยที่สุดก็ท�ำให้คน เห็นว่าเรามนั หายตัวไปได้ อยา่ งนอ้ ยที่สุด มนั มีจิตสูง บงั คบั ให้คนอ่ืนเห็นว่าเราทะลุก�ำแพงไปได้ มันเป็นส่ิงที่ท�ำได้ แต่ ทา่ นไมไ่ ดส้ อนใหท้ ำ� เพราะวา่ แมว้ า่ จะลอ่ งหนหายตวั ไดอ้ ยา่ ง นนั้ แลว้ มันกย็ ังต้องตายใช่ไหม มนั ยงั ตอ้ งกินข้าว มันยังต้อง ทำ� อะไรทกุ อยา่ งเหมอื นคนอน่ื อยู่ มนั จะใชป้ ระโยชนจ์ ากไอ้ การลอ่ งหนหายตัวไดน้ ีเ้ อาเปรยี บผอู้ ่นื นะ มนั ก็เป็นไปในรูป นน้ั ฉะนนั้ ทา่ นจงึ ไมส่ อนใหย้ ดึ ไอส้ ง่ิ นเี้ ปน็ สง่ิ ทคี่ วรจะกระทำ� นี่เขาเรียกว่าล่องหนหายตัวได้ตามความหมายธรรมดา ภาษาธรรมดา ไมม่ ใี ครเหน็ ไปทไ่ี หนกไ็ ด้ มนั กไ็ ดน้ ี่ แลว้ จะได้ ประโยชนอ์ ะไร นอกจากวา่ จะเอาเปรยี บผอู้ น่ื หรอื วา่ จะหลบ หนีศตั รไู ด้ แต่ถา้ ไปเอาเปรยี บผ้อู ่ืนมนั กท็ �ำบาป การล่องหน หายตวั กลายเปน็ เครอื่ งมอื สำ� หรบั ทำ� บาป อยา่ งนม้ี นั กไ็ มไ่ หว จะวา่ สำ� หรบั พน้ ทกุ ขม์ นั กพ็ น้ ไมไ่ ด้ คนทลี่ อ่ งหนหายตวั ไดม้ นั กย็ งั มีกเิ ลส มนั กเ็ ลยมีความทุกข์ต่อกเิ ลส นเ่ี รยี กว่าลอ่ งหน 49
หายตวั ตามภาษาพูดตามธรรมดา มีอยา่ งน้ี เป็นไปได้ แล้ว ก็รู้กันก่อนพระพทุ ธเจ้าตรสั รกู้ ็มี เอา้ , ทนี อี้ ยากจะพดู วา่ มนั มคี วามหมายทด่ี กี วา่ นน้ั สงู กวา่ นนั้ ลอ่ งหนหายตวั ไดน้ ี่ กค็ อื พระอรหนั ตป์ ระเภททเ่ี รยี ก วา่ หมดตวั ตน มคี วามหมายในทางท่ีพระอรหันตน์ ่ีทา่ นหมด ความรสู้ กึ วา่ มตี วั มตี น มตี วั มตี นนนั่ แหละคอื หายไปหมด คอื ตวั ตนมนั หายไปหมด มนั ไมม่ ีตวั ตน มันเป็นลอ่ งหนหายไป หมดโดยไมม่ ตี วั ตนสำ� หรบั จะเกดิ จะแกจ่ ะเจบ็ จะตาย จะเปน็ ทุกข์ ท่านสลัดความยึดถือว่าตัวกูว่าของกู ว่าตัวตนว่าของ ตน นี่ออกไปหมด มนั เลยไม่มีตวั ตน มนั หายไปหมด ตัวตน มันหายไปหมด นอี่ ย่างนี้เปน็ พระอรหันต์แท้ ในความหมาย ของพระอรหันตแ์ ท้ ส่วนข้อท่ีว่าพระอรหันต์บางองค์จะมีฤทธ์ิหายตัวได้ อย่างแบบทแี รกท่ีเขาวา่ น้ันกม็ ีเหมอื นกัน นน่ั ไม่ใชเ่ ร่ืองของ พระอรหนั ต์ ถ้าพระอรหันตจ์ ะหายตัวหายตน หมดตวั หมด ตนนั่นนะไม่มีทุกข์ ไม่มีตัวตนส�ำหรับจะเป็นทุกข์ น่ีเรียก หายตัวหายตน ล่องหนหายตนได้ ก็เป็นสิ่งท่ีเป็นธรรมะใน พทุ ธศาสนาถา้ หมดตวั หมดตนอยา่ งนี้ 50
Search