Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หลักสูตรเล่านิทานเพื่อพัฒนาการเด็ก

หลักสูตรเล่านิทานเพื่อพัฒนาการเด็ก

Published by กศน.ตำบลบางเพรียง, 2019-07-05 00:37:17

Description: หลักสูตรเล่านิทานเพื่อพัฒนาการเด็ก

Search

Read the Text Version

Milk ...! หลกั สตู ร “ เล่านิทาน เพ่ือพฒั นาการเด็ก ” โดย กลมุ่ พฒั นาความร่วมมือทันตสาธารณสขุ ระหวา่ งประเทศ







Milk ...! หลกั สตู ร “ เล่านิทาน เพ่ือพฒั นาการเด็ก ” โดย กลมุ่ พฒั นาความร่วมมือทันตสาธารณสขุ ระหวา่ งประเทศ

หลกั สูตร เล่านิทาน เพือ่ พัฒนาการเดก็ ISBN… 978-616-11-0726-0 โดย กลุ่มพฒั นาความรว่ มมอื ทนั ตสาธารณสุขระหว่างประเทศ พมิ พค์ ร้งั ท่ี 1 พ.ศ. 2554 จำ�นวน 1,000 เลม่ คณะที่ปรกึ ษา อาจารยพ์ นู สุข บุญยส์ วสั ด์ิ ทพญ.ศันสณี รัชชกูล กลมุ่ พฒั นาความรว่ มมอื ทนั ตสาธารณสุขระหวา่ งประเทศ ทีมงานเขียนหลกั สตู รสง่ เสรมิ พัฒนาการเดก็ กลุม่ พฒั นาความร่วมมือทันตสาธารณสขุ ระหวา่ งประเทศ ดร.พัชรนิ ทร์ เล็กสวสั ดิ์ นักวจิ ยั อสิ ระ นางสาวคณุ ญั ญา สงบวาจา นกั จัดกจิ กรรมและพฒั นาส่ืออิสระ นายวิบูลย์ นุชนยิ ม สำ�นกั งานสาธารณสขุ จงั หวัดน่าน ทพ.ฉลองชยั สกลวสนั ต์ กลุม่ พัฒนาความรว่ มมือทันตสาธารณสขุ ระหว่างประเทศ นายจุมพล พรหมสาขา ณ สกลนคร สถาบันวจิ ยั โภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล นางอรพินท์ บรรจง วิทยาลยั พยาบาลสาธารณสุขบรมราชชนนี ลำ�ปาง ดร.พัฒนา นาคทอง วิทยาลยั พยาบาลสาธารณสขุ บรมราชชนนี ลำ�ปาง นางศิรวิ รรณ ใบตระกูล คณะวิทยาการสุขภาพและการกฬี า มหาวิทยาลยั ทักษิณ จังหวดั สงขลา ผศ.ดร. จฑุ ารตั น์ สถริ ปัญญา นางชะออ้ น จันจะนะ หน่วยโภชนาการเด็ก ภาควชิ ากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศ์ าสตร์ มหาวทิ ยาลัยสงขลานครนิ ทร์ นางยุพา ภทั รเคหะ โรงพยาบาลนา่ น จงั หวัดนา่ น นางพกิ ลุ วิไชยยา โรงพยาบาลนา่ น จังหวดั น่าน ทีมงานใหข้ ้อมูล ทพญ.สุวรรณ์ ประสงคต์ นั สกุล โรงพยาบาลลำ�พนู จังหวดั ลำ�พนู นางนลิ บุ ล โพพิพัฒน์ โรงพยาบาลลำ�พูน จังหวดั ลำ�พูน น.ส. อมั พร คำ�ปาละ โรงพยาบาลลำ�พนู จังหวัดลำ�พนู นางบุณยานุช กนั ทะวงศ์ โรงพยาบาลอำ�เภอสนั กำ�แพง จงั หวดั เชยี งใหม่ นางสาวมารีย์ ทองสาย ศูนยพ์ ัฒนาเดก็ เลก็ บ้านทรายมลู จังหวัดลำ�ปาง ผู้แทนโรงพยาบาลอำ�เภอเชยี งดาว จังหวดั เชยี งใหม่ ผแู้ ทนโรงพยาบาลอำ�เภอสารภี จงั หวดั เชียงใหม่ นางโสภิต แตป้ ระจิตร สำ�นักงานสาธารณสขุ จงั หวดั ลำ�พูน ผู้แทนสำ�นกั งานสาธารณสุขจังหวดั เชียงใหม่ นางอำ�ไพ ตนั ตาปกุล สำ�นกั งานสาธารณสุขจงั หวัดลำ�ปาง ผ้เู รียบเรยี ง กลมุ่ พฒั นาความรว่ มมอื ทนั ตสาธารณสุขระหว่างประเทศ นางนำ้ �ผง้ึ รตั นพิบลู ย์ ออกแบบปก/รปู เลม่ หา้ งหนุ้ ส่วนจำ�กัดโกอิง้ เพลอ้งิ นายทศพร โสภานนท ์

คำ�นำ� จากแนวคิดขององค์การอนามัยโลกที่เสนอแนะกลวิธีพัฒนาหน่วยงานระดับที่มีความเป็นเลิศทางวิชาการในสาขาใดสาขาหนึ่งอยู่แล้ว ด้วยกระบวนการ ให้ศูนย์ตา่ งๆเหล่าน้มี าทำ�งานร่วมกนั ในลกั ษณะสหวชิ าการ เพ่ือให้เกดิ การเรียนรู้จากประสบการณข์ องกนั และกัน และองค์การอนามัยโลกยงั มีความเชอื่ มน่ั ว่า ผลงานท่ีเกิดจากการทำ�งานร่วมกนั เปน็ สหวชิ าชพี จะเปน็ ผลงานที่มคี ณุ ภาพเป็นเลิศ แนวคดิ ดังกล่าวจะเป็นจริงหรือไม่ พิสจู น์ไดจ้ ากคณุ ภาพของหลกั สูตร “เลา่ นทิ านเพ่อื พัฒนาการเด็ก” เลม่ นี้ หนงั สอื หลักสูตร “เลา่ นทิ าน เพอื่ พัฒนาการเดก็ ” ฉบบั นเ้ี กิดจากความร่วมมือของนักวชิ าการหลากหลายสาขาทมี่ าจากศนู ยค์ วามร่วมมือขององคก์ าร อนามัยโลก (WHO Collaborating Center) และ ศนู ยค์ วามเป็นเลิศทางวิชาการ (National Center of Expertise) อันประกอบดว้ ยนักวิชาการจาก สถาบันวจิ ยั โภชนาการ มหาวทิ ยาลัยมหดิ ล คณะแพทยศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยสงขลานครนิ ทร์ คณะวทิ ยาการสขุ ภาพและการกีฬา มหาวทิ ยาลัยทักษิณ วิทยาลยั พยาบาล สาธารณสขุ บรมราชชนนี และคณะครศุ าสตร์ จุฬาลงกรณม์ หาวิทยาลยั โดยทำ�งานร่วมกับผ้ปู ฏิบตั งิ านในพืน้ ที่ อนั ไดแ้ ก่ ผู้ปฏิบตั งิ านจากจงั หวัดเชียงใหม่ ลำ�พูน ลำ�ปางและนา่ น โดยมีกลุ่มพฒั นาความรว่ มมือทนั ตสาธารณสุขระหว่างประเทศเป็นผ้ปู ระสานจัดเวทใี ห้เกดิ ผลงานดังกลา่ ว ด้วยการสนับสนุนขององค์การอนามัยโลก ก่อนจะมีการจัดพิมพ์เป็นหนังสือฉบับนี้ ทางเราได้นำ�หลักสูตรนี้ออกทดลองปฏิบัติในพื้นที่จริง หลายครั้ง และนำ�ผลมาปรับปรุงหลักสูตรให้สมบูรณ์ ยิ่งขึ้น นอกจากนรี้ ะหวา่ งทีน่ ำ�หลกั สตู รออกทดลองปฏบิ ตั ิ เราไดม้ ีการบนั ทึกภาพเคลอ่ื นไหวของกจิ กรรมที่เกิดขึ้นไว้ และไดน้ ำ�ข้นึ เผยแพร่ไวใ้ นเวปไซดข์ องกลมุ่ ฯ เพ่ือที่ผูน้ ำ�หลกั สตู รไปใช้ จะได้เหน็ กระบวนการทเี่ กดิ ข้นึ จรงิ และนำ�ไปใช้ตอ่ ไดอ้ ย่างเหมาะสม อนง่ึ ผลจาการประเมนิ หลกั สตู รนใ้ี นระยะตอ่ มาพบวา่ สามารถเสรมิ สรา้ งพลงั ใหแ้ กพ่ เ่ี ลย้ี งในศนู ยพ์ ฒั นาการเดก็ ไดอ้ ยา่ งมน่ั คง จนพเ่ี ลย้ี งสามารถนำ�แนวคดิ และความรู้ทไ่ี ดไ้ ปคิดขยายผลตอ่ เน่ืองได้อย่างเหมาะสม ท้ายที่สุดนี้ กลุ่มพัฒนาความร่วมมือทันตสาธารณสุขระหว่างประเทศขอขอบพระคุณนักวิชาการทุกท่านที่ได้ร่วมคิด ร่วมจัดทำ�หนังสือเล่มนี้ขึ้น และ ขอบคุณองค์การอนามัยโลกท่ีไดม้ อบโอกาสให้แก่ พวกเราให้ได้ เรยี นรูร้ ่วมกนั ทำ�งานรว่ มกัน และยังได้มอบสิง่ ดๆี ใหแ้ กเ่ ดก็ ไทยเพือ่ สขุ ภาพท่แี ขง็ แรงยง่ั ยนื ต่อไปใน อนาคตอกี ดว้ ย กลมุ่ พัฒนาความรว่ มมือทันตสาธารณสุขระหวา่ งประเทศ ศนู ย์ความร่วมมอื กบั องคก์ ารอนามยั โลกเพ่อื สง่ เสริมงานทันตสาธารณสขุ ในชุมชน มนี าคม 2554 7



คำ�อุทิศ ความดีของหนังสอื เลม่ นี้ขอมอบแด่ ดร. พชั รินทร์ เล็กสวัสดิ์ ผู้อุทิศ แรงกาย แรงใจ แรงสติปญั ญา เพื่อสขุ ภาพของเด็กไทย

สารบญั 2 หลักสตู ร “ เลา่ นทิ าน เพือ่ พัฒนาการเด็ก ” โดย กลมุ่ พฒั นาความร่วมมือทันตสาธารณสุขระหว่างประเทศ 7 ใบความรู้ 1 เรือ่ ง สร้างความเขา้ ใจในการพฒั นาเดก็ 10 ใบงาน 1 กจิ กรรม : สื่อเพอ่ื พฒั นาการเดก็ (1) “ภาพเด็กของฉัน” 12 ใบความรู้ 2 เร่อื ง นิทิานกับสมอง 19 ใบงาน 2 กจิ กรรม : สอื่ เพอ่ื พัฒนาการเดก็ (2) “รปู เรขาคณิตคิดสร้างสรรค์” 20 ใบความรู้ 3 เรื่อง ส่อื เพ่ือพัฒนาการเด็ก 22 ใบงาน 3 กจิ กรรม : สื่อกระดาษแปลงกาย (1) แปลงกายเปน็ “ใบหน้า” 24 ใบความรู้ 4 เรอื่ งการบริโภคนมและการดแู ลรักษา 29 ใบงาน 4 กจิ กรรม : สื่อกระดาษแปลงกาย (2) แปลงกายเปน็ “ปาก” 31 ใบความรู้ 5 เรอ่ื ง การดแู ลสุขภาพฟนั 34 ใบความรู้ 6 เร่อื ง การวิเคราะหห์ นงั สือภาพ 36 ใบงาน 5 กิจกรรม : หนงั สอื ของฉนั 37 ใบงาน 6 กิจกรรม : สือ่ กระดาษแปลงกาย (3) แปลงกายเป็น “หม้ออาหาร”

39 ใบความรู้ 7 เรอื่ ง อาหารเด็กวัยกอ่ นเรยี น 43 ใบงาน 7 กิจกรรมเรียนรูต้ ำ�หรบั อาหารสําหรบั ศนู ยพ์ ัฒนาเดก็ เล็ก 44 ใบงาน 8 กิจกรรมฝึกตกั อาหาร : ขา้วสวย ขา้ วสารสําหรับเด็ก 45 ใบงาน 9 กิจกรรม : ส่อื เพอื่ พัฒนาการเด็ก (3) “พลงั มอื ของเรา” 47 ใบงาน 10 นว้ิ มอื สรา้ งภาพ 49 ใบความรู้ 8 เรือ่ ง นิทานกบั เด็ก 52 ใบความรู้ 9 เรื่อง การเล่นและของเล่นสำ�หรบั เดก็ อายุ 1-3 ปี 5 585 ใบงาน 11 กิจกรรม : รู้จกั เลอื กของเลน่ ใบความรู้ 10 เรื่อง การจัดสงิ่ แวดลอ้ มในศนู ยพ์ ฒั นาเด็กเลก็ 59 ใบความรู้ 11 เร่อื ง การเขา้ เล่มเอกสาร “เย็บเลม่ แบบหนงั สอื จีน” 60 ใบงาน 12 : กิจกรรมทบทวนความรู้ 61 เพลง 62 บรรณานุกรม

หลกั สูตร “ เล่านทิ าน เพ่ือพฒั นาการเด็ก ” โดย กลุ่มพัฒนาความรว่ มมือทนั ตสาธารณสุขระหวา่ งประเทศ วัตถุประสงค ์ 1. เพื่อพฒั นาศกั ยภาพผู้ดแู ลเดก็ ในเรอ่ื งการพฒั นาเด็กและเทคนิคการเล่านิทาน 2. เพือ่ ส่งเสรมิ การมีสว่ นรว่ มของผดู้ แู ลเดก็ นักวชิ าการศึกษา ในงานสง่ เสริมสขุ ภาพเดก็ วัยกอ่ นเรยี น เนอ้ื หาการอบรม พัฒนาศกั ยภาพในการดำ�เนนิ งาน ได้แก่ 1. ความรู้เกยี่ วกบั การสง่ เสริมสขุ ภาพเดก็ วัยกอ่ นเรียน 2. ความร้เู ก่ียวกับ - ผลติ สื่อการสอนจาก “กระดาษ” - เทคนคิ การเลา่ นิทาน - การส่งเสริมสขุ ภาพเด็ก เช่น เมนวู ัยเก่ง วัยซน การดม่ื นม - การดแู ลฟัน การเลือกของเล่น - การทำ�งานเปน็ ทมี - การวางแผน 3. กิจกรรมชมุ ชนเพอ่ื สนบั สนุนศูนย์พฒั นาเดก็ เล็ก วธิ ีการอบรม การเรยี นรู้แบบมสี ่วนร่วม (PARTICIPATORY LEARNING) บรรยาย อภิปราย ฝึกปฏบิ ตั ิ การประเมนิ ผล 1. สังเกตการมสี ว่ นรว่ มของผู้เขา้ รับการอบรม ในการฝึกปฏิบตั ิ และการแสดง ความคดิ เหน็ 2. ประเมินความรู้ ของผ้เู ขา้ รับการอบรม โดยนกั วชิ าการศกึ ษาจะตดิ ตาม สนบั สนุนและรบั ทราบปัญหาอุปสรรค หลังการอบรม 3 เดอื น ดว้ ยการสัมภาษณ์ 3. คณะกรรมการประเมนิ ผล ออกติดตามและคัดเลอื กศูนย์พัฒนาเด็กเล็กดเี ดน่ ในกิจกรรมเล่านทิ านเพ่ือสนบั สนนุ การพัฒนาการเดก็ จำ�นวน 1 แห่ง ต่อตำ�บล เพ่อื เชิญมาแลกเปลยี่ น เรยี นรู้ ระหว่างศนู ยเ์ ด็กเลก็ ทั้งหมด 2

หลักสูตร “เลา่ นิทาน เพือ่ พฒั นาการเดก็ ” เวลา กจิ กรรม กระบวนการ ผูด้ ำ�เนนิ การ อปุ กรณ์ ชดุ ความรู้ วันท่หี นง่ึ ลงทะเบียน 08.30 - 09.00 น. ป้ายช่ือ ปากกา ชดุ อุปกรณก์ ารอบรม (30 นาที) เครอื่ งฉาย LCD 09.00 - 09.30 น. พิธีเปดิ การอบรม - พดู คยุ ความสำ�คญั ของผูด้ แู ลเดก็ (30 นาท)ี - แนะน�ำ คณะวทิ ยากร 09.30 - 10.00 น. การพัฒนาเดก็ - แนะนำ�แนวทางการอบรม เครือ่ งฉาย LCD ใบความรู้ 1 (30 นาที) สอ่ื เพ่ือการพฒั นาเดก็ (1) - ความเก่ยี วโยงในการพัฒนาเดก็ กระดาษ A4 ใบงาน 1 - งานฉีกกระดาษ “ ภาพเด็กของฉัน “ สเี มจกิ 10.00 - 10.20 น. พกั ของว่าง 10.20 - 10.30 น. กจิ กรรมเคลื่อนไหว (1) - เพลง เพลง (10 นาท)ี ใบความรู้ 2 ใบงาน 2 10.30 - 11.00 น. นิทานกับสมอง - ให้ความรู้เรื่องความสำ�คัญของสมอง ใบความรู้ 3 (30 นาที) สื่อเพ่อื การพฒั นาเดก็ (2) - งานฉกี กระดาษ “ รปู เรขาคณติ คิดสร้างสรรค์ “ ใบงาน 3 11.00 - 12.00 น. สอื่ กระดาษแปลงกาย (1) - ใหค้ วามรสู้ ื่อเพื่อการพฒั นาเด็ก ใบความรู้ 4 (20 นาที) เรื่องนม - จากหนังสอื นทิ าน ผลติ งานกระดาษ “ใบหนา้ ” (40 นาที) - ใหค้ วามร้เู รอ่ื งการบริโภคนมและการดแู ลรกั ษา 12.00 - 13.00 น. พกั รบั ประทานอาหารกลางวัน 3

เวลา กจิ กรรม กระบวนการ ผดู้ ำ�เนินการ อุปกรณ์ ชุดความรู้ วันทห่ี น่งึ (ตอ่ ) คณะวทิ ยากร 13.00 - 13.10 น. กจิ กรรมเคลอื่ นไหว (2) - เกม สำ�หรับเด็ก (10 นาที) กระดาษ A4 13.10 - 14.10 น. สื่อกระดาษแปลงกาย(2) - จากหนังสือนทิ าน ผลิตงานกระดาษสามมิติ “ปาก” กระดาษสี ใบงาน 4 (20 นาท)ี เรือ่ งฟัน - ใหค้ วามร้เู รื่องการดแู ลฟัน ใบความรู้ 5 (40 นาที) สีไม้ ใบความรู้ 6 กระดาษ A4 ใบงาน 5 14.10 - 15.00 น. วเิ คราะห์หนังสือ - แนะนำ�หนงั สอื (50 นาท)ี - กิจกรรมหนังสอื ของฉนั สไี ม้ ใบงาน 6 ใบความรู้ 7 15.00 - 15.20 น. พกั ของวา่ ง ใบงาน 7 15.20 - 16.20 น. สอ่ื กระดาษแปลงกาย(3) - จากหนังสอื นทิ าน ผลติ งานกระดาษ “หมอ้ อาหาร” (20 นาท)ี เรอื่ งอาหาร (40 นาที) ฝกึ ตักข้าวสวย ข้าวสาร - ใหค้ วามรูเ้ รือ่ งอาหารเด็กวัยกอ่ นเรยี น ส�ำ หรับเดก็ - กิจกรรมเรยี นรูต้ ำ�รับอาหาร 16.20 – 16.30 น. ซกั ถามข้อสงสัย 16.30 น. เดินทางกลบั 4

เวลา กิจกรรม กระบวนการ ผดู้ ำ�เนนิ การ อุปกรณ์ ชุดความรู้ วนั ทสี่ อง ลงทะเบียน 08.30 – 09.00 น. 09.00 – 09.30 น. ทบทวนกิจกรรม - ทบทวนสิ่งทีไ่ ดเ้ รียนรู้เมอ่ื วานน้ี (30 นาท)ี เคล่อื นไหว 09.30 – 11.00 น. ปฏบิ ตั กิ ารอาหาร - เรยี นรู้ ต�ำ รบั อาหาร ส�ำ หรบั ศนู ยพ์ ฒั นาเดก็ เลก็ ใบงาน 8 (1.30 ชม.) ส�ำ หรับเด็ก - กจิ กรรมฝกึ ตกั อาหาร พกั ของวา่ ง 11.00 - 12.00 น. สอ่ื เพ่ือการพัฒนาเด็ก (3) - จบั คพู่ ูดคุยกัน สร้างกำ�ลงั ใจและเหน็ ความส�ำ คญั ของ กระดาษร้อยปอนด์ ใบงาน 9 (30 นาท)ี ตนเองในการพฒั นาเด็ก สีนำ้� ใบงาน 10 (30 นาท)ี ศิลปะสีน้ำ� - งานฉกี กระดาษ “ พลังมือของเรา ” - กจิ กรรมนวิ้ มอื สร้างภาพเพ่ือฝกึ การแก้ไขปัญหา กระดาษ A4 12.00 - 13.00 น. นิทานกบั เด็ก พกั รบั ประทานอาหารกลางวนั ใบความรู้ 8 13.00 - 13.20 น. เกมเคลือ่ นไหว - ใหค้ วามรแู้ นะน�ำ เทคนคิ การเล่านิทาน ใบความรู้ 9 เร่อื งของเลน่ - เกมสำ�หรับเดก็ ใบงาน 11 (20 นาที) - ให้ความรเู้ รอ่ื งการเลน่ และของเล่นส�ำ หรับเดก็ อายุ 1-3 ปี 13.20 - 14.00 น. - กจิ กรรมรู้จักเลอื กของเล่น (40 นาที) 5

เวลา กจิ กรรม กระบวนการ ผดู้ ำ�เนนิ การ อปุ กรณ์ ชดุ ความรู้ วันทส่ี อง (ต่อ) คณะวิทยากร เชือกขาว 14.00 - 14.30 น. หนังสอื ทำ�มอื ของฉนั - การเขา้ เล่มเอกสาร สตก๊ิ เกอร์ใส ใบความรู้ 10 การเชื่อมโยงกิจกรรม ใบความรู้ 11 (30 นาที) - นำ�ส่ิงท่ีได้เรียนรมู้ าเชื่อมโยง / ประยุกต์ กระบวนการกลมุ่ เพอ่ื พัฒนาเด็กท้งั กาย จิตใจ สมอง 14.30 - 15.00 น. ซักถามข้อสงสยั พักของวา่ ง (30 นาที) ปิดการอบรม - แบง่ กลมุ่ รว่ มกนั คดิ “สง่ิ ทไี่ ด้เรยี นรูใ้ นการพฒั นาเด็ก” กระดาษปรู๊ฟ ใบงาน 12 15.00 - 15.20 น. ปากกาเมจิก 15.20 - 15.40 น. - ประเมินการอบรม / ถามขอ้ สงสัย (20 นาท)ี มอบเกยี รติบตั ร 15.40 - 16.00 น. เดินทางกลับ 16.00 - 16.30 น. 16.30 น. 6

ใบความรู้ 1 เรื่อง สร้างความเขา้ ใจใน การพัฒนาเดก็ 7

ใบความรู้ 1 เรือ่ ง สร้างความเขา้ ใจในการพฒั นาเดก็ เด็กแรกเกดิ ถงึ 5 ปี เปน็ ชว่ งอายทุ สี่ �ำ คัญทส่ี ุด เด็กจะเจรญิ เติบโตไดเ้ ต็มศกั ยภาพตอ้ งอาศยั พอ่ แม่ และผู้เลย้ี งดูอยา่ งใกล้ชิด ดงั น้ัน “ผ้ดู ูแลเดก็ ” จึงมคี วามส�ำ คัญ อยา่ งยิง่ เพราะเปน็ ผูท้ ใ่ี กลช้ ดิ กับเด็กรองจากพ่อแม่ในการดูแลสง่ เสรมิ พัฒนาการเดก็ ทงั้ ดา้ นร่างกาย จติ ใจ อารมณ์ สงั คม และสติปัญญา การสรา้ งเสริมพัฒนาการทุก ดา้ นให้กบั เดก็ ใหม้ ีการเจรญิ เตบิ โตและพฒั นาการเต็มศักยภาพในแต่ละชว่ งอายุ จะเปน็ รากฐานท่ีดที ่จี ะท�ำ ให้เด็กเตบิ โตมคี ุณภาพชวี ติ ทีด่ ี เปน็ เยาวชนและพลเมอื งที่ดขี อง ประเทศชาติ การพัฒนาเด็กเล็กเราตอ้ งคำ�นึงถึง ด้านร่างกาย ดา้ นอารมณ์และจิตใจ ดา้ นสงั คม ดา้ นสติปญั ญา ดา้ นภาษา พฤตกิ รรมของเด็กต้ังแต่ 1 ถงึ 6 ปี อายุ 1 - 2 ป ี ผดู้ ูแลเด็กต้องสอนให้เด็กรู้จักพ่ึงตนเอง ใหก้ ำ�ลงั ใจและค�ำ ชมเชย ถ้าหกลม้ กป็ ลอ่ ยให้ลุกข้นึ มาเอง และเปน็ วยั ที่ชอบเลียนแบบ ไมค่ วรดู โทรทัศน์ 2 - 3 ปี เป็นวัยท่ีตอ้ งการความเป็นอิสระ เดก็ จะชว่ ยตนเองได้หลายอยา่ ง กินข้าวไดเ้ อง ชา่ งจ�ำ ชอบเล่นกบั เพือ่ นแต่อาจทะเลาะกันบ้าง 3 - 4 ป ี วยั น้ีชอบเอาแต่ใจตนเอง เรม่ิ เขา้ ใจภาษาและเหตผุ ลงา่ ย ๆ การฝึกเดก็ ท่ีดี จึงควรฝกึ สงั เกตและเรยี นร้จู ากการกระทำ� 4 – 5 ปี เป็นวัยนักคดิ นกั สรา้ งสรรค์ มีจินตนาการมาก อยากรู้ อยากเห็น ช่างจ�ำ ชว่ ยตนเองได้มากขึ้น 5 – 6 ปี เปน็ วยั ทที่ ำ�กจิ วตั รประจำ�วนั ไดเ้ อง เช่น ดูแลท�ำ ความสะอาดหลงั ปสั สาวะ ตดิ กระดมุ เสื้อได้ เด็กวัยน้ีควรไดร้ บั การสนับสนุนให้เลน่ กับเด็ก คนอ่นื เพ่ือเตรียมความพรอ้ มสำ�หรับเขา้ โรงเรยี น 8

ผู้ท่เี ก่ยี วข้องในศูนย์เด็กเล็ก คือ อบต. ใหก้ ารสนับสนุนงบประมาณ ดูแลบคุ ลากร ตัวเดก็ ไดร้ บั การพฒั นาด้านตา่ ง ๆ บรกิ ารสขุ ภาพ อนามยั สง่ิ แวดลอ้ ม (สนามเด็กเลน่ , ของเลน่ ) กนิ อาหาร 5 หมู่ สะอาด ปลอดภยั ปลกู ฝงั พฤติกรรมทด่ี มี ีคุณธรรม สร้างสุขนิสัย ผดู้ แู ลเดก็ มคี วามรู้ทักษะต่างๆ จดั หาสอ่ื พัฒนาเด็ก บรกิ ารสง่ เสริมสุขภาพ ศกึ ษาดูงาน ผปู้ กครอง ดูแลความตอ่ เนือ่ งเร่อื งสุขภาพของเดก็ จดั ให้มกี จิ กรรมชมุ ชน พบปะพดู คยุ เราจะพัฒนาศนู ย์เด็กเล็กอยา่ งไร คณุ สมบตั ผิ ้ดู แู ลเด็ก .. ต้องได้รบั การอบรม สนบั สนุนให้ผปู้ กครองผลติ ของเลน่ เดก็ ดแู ล บคุ ลกิ อารมณ์ นเิ ทศติดตาม พน้ื ฐานความรู้ ด้านบรกิ ารตวั เดก็ .. ภาวะโภชนาการของเด็ก ความสะอาด สุขภาพฟนั สขุ นสิ ัย อาหารกลางวัน การมีส่วนร่วมของชมุ ชน .. มีการพบปะประชมุ ชว่ ยเหลอื กนั การพัฒนา .. ส่อื เรยี นรู้ การเล่นมุมต่าง ๆ กจิ กรรมการเลน่ เคลอื่ นไหว นิทาน สงิ่ แวดลอ้ ม .. ภายในศูนยม์ มี ุมตา่ ง ๆ ชน้ั หนังสือ ภายนอกมหี ้องน�ำ้ แปลงผกั วธิ ีการเรียนร้ขู องเด็กทีผ่ ู้ดแู ลเด็กต้องใส่ใจ ฝกึ ทักษะตา่ ง ๆ ความสัมพนั ธค์ นกับวัตถุ เสรมิ แรงกระตุ้นจงู ใจ อารมณก์ ล่อมเกลาจติ ใจ ปรบั ตัวกบั เพอ่ื น ส่ิงแวดลอ้ ม เลียนแบบ อา้ งอิง : กรมสุขภาพจิต แนวทางปฏิบตั เิ พอ่ื การเลีย้ งลูกใหฉ้ ลาดและมคี ณุ ธรรม กระทรวงสาธารณสุข กรมอนามัย คู่มือการดำ�เนนิ งานศนู ย์เดก็ เลก็ น่าอยู่ กระทรวงสาธารณสขุ วภิ า ตณั ทุลพงษ์ เอกสารประกอบการอบรม โครงการพัฒนาเดก็ ปฐมวัยด้วยหนังสือ ในเขตพ้ืนทโี่ ครงการพฒั นาดอยตุงฯ มูลนธิ แิ มฟ่ า้ หลวง 9

ใบงาน 1 กจิ กรรม : สื่อเพอื่ การพัฒนาเด็ก (1) “ภาพเดก็ ของฉัน” “งานฉกี กระดาษ” เป็นกิจกรรมที่ฝึกสมาธิและจินตนาการในการสร้างผลงาน ซึ่งผู้ผลิตสามารถเชื่อมโยงภาพฝัน หรือสร้างกำ�ลังใจได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับ ผลงานที่จะผลติ เช่น ฉกี ตวั เดก็ ฉีกเป็นรปู มือ อปุ กรณ ์ กระดาษขนาด A 4 สีเมจกิ สีไม้ / สีเทียน ข้ันตอน 1. ให้ผเู้ ขา้ อบรมพบั กระดาษขนาด A4 ใหไ้ ด้ส่ีส่วนแล้วฉีกออกจากกัน 2. นำ�กระดาษขนาด 1/4 ฉกี เปน็ รูปเดก็ 1 คน กำ�หนดเวลา 3 นาที 3. เขยี นความคาดหวังท่อี ยากใหเ้ กิดกบั เด็กทตี่ นดูแล 4. น�ำ เสนอใหเ้ พ่ือนทราบ แลว้ น�ำ ไปตดิ รอบหอ้ ง สรุปผลทไี่ ด้ ผู้เข้าอบรมเห็นคุณค่าของตน เกิดความคาดหวังทีอ่ ยากพัฒนาเดก็ http://icoh.anamai.moph.go.th/booksonline/lesson1.php 10

ใบงานท่ี 1 ภาพเด็กของฉัน พéืน·ÕèãËéÊÓËÃѺá»ะµÑǧÒน หลงั การอบรม (ใบงานท่ี 1 ภาพเดก็ ของฉนั ) 11

ใบความรู้ 2 เรื่อง นิทานกับสมอง ...! 12

ใบความรู้ 2 โดย คณุ ญั ญา สงบวาจา นทิ านกบั สมอง สมอง เปน็ อวยั วะทสี่ ำ�คัญของร่างกาย เรารู้วา่ สมองจ�ำ เป็นต้องได้รับการดูแลอย่างดีโดยเฉพาะในเด็กที่มีผ้ปู กครอง พอ่ แมค่ าดหวังอยากให้ลูกเป็นอจั ฉริยะ ปจั จุบันมี การผลิตเครื่องมือ อุปกรณ์ต่างๆ มากมายทำ�ให้ผู้ปกครองที่มีสถาณะทางการเงินไม่ดีมองว่าไม่มีความสามารถที่จะสรรหาเครื่องมือมาช่วยการพัฒนาเด็ก ก่อนที่จะคิด ในส่วนนี้มาท�ำ ความรจู้ ักสมองของเดก็ กันกอ่ น สมองคืออะไร? 13

สมองเปน็ อวยั วะทถี่ กู ห่อหุ้มดว้ ยกระดกู กะโหลกศรี ษะ เพอื่ ป้องกนั การกระทบกระเทือนจากภายนอก ลักษณะสมองคล้ายลูกเกาลดั ลกู ใหญเ่ ห่ยี วๆ ภายใน ประกอบไปดว้ ยเซลสมองจำ�นวนมากซ่งึ ในเด็กเม่ือเกิดมามี 1. จ�ำ นวนเซลอยู่ 1 แสนล้านเซลเทียบเท่ากับทางชา้ งเผือก 2. มีนำ�้หนกั 1.3 กิโลกรมั 3. แตล่ ะเซลรบั ข้อมูลได้ 5 แสนขอ้ มูลต่อนาที 14

แตส่ มองของคนจะแตกต่างจากอวยั วะอน่ื ตรงไมไ่ ดม้ คี วามสมบรณู ์แต่เกดิ สมองจะสมบรูณแ์ ละท�ำ งานไดด้ ีจะต้องเกดิ จากการทเ่ี ซลสมองตอ้ งมีการติดตอ่ ส่ือสารเชือ่ มโยงกนั และกันโดยไดร้ ับการกระตนุ้ จากประสบการณ์ ในชีวติ ประจ�ำ วนั หากการเชือ่ มโยงมมี ากสมองกจ็ ะพฒั นาและทำ�งานได้ดโี ดยการทีใ่ ยประสาทจะมีการแตกตวั ดังภาพทเี่ หน็ ได้ ว่าเดก็ มกี ารเชอ่ื มโยงใยประสาทมากขนึ้ เม่ีอโตขน้ึ ภาพใยประสาทของสมองวัยตา่ งๆ แรกเกดิ 3 เดอื น 2 ปี การเรียนรูข้ องสมอง การเรียนร้ขู องเด็กจะเรม่ิ มตี ้งั แต่อยู่ในทอ้ งของแม่ จากการท่สี มองจะพฒั นาจากดา้ นหลงั มาดา้ นหนา้ การเรียนร้ใู นชว่ งแรกจะเปน็ เรือ่ งงา่ ยๆธรรมดาๆและการดำ�เนิน ชีวติ สว่ นการคิดวเิ คราะห์ หาเหตุผล ออกแบบสิง่ ใหม่ ช่วงอายุ 0-6 ปนี ับวา่ เปน็ ช่วงทองของสมองเด็กเน่ืองจากเซลสมองจะมีการเจรญิ เตบิ โตและเชอ่ื มโยงกันมากทีส่ ดุ ใน ชว่ งนี้ จากการศึกษาพบวา่ สมองเด็กเจริญรวดเร็วมากในช่วง 0-2 ปี เดก็ วัยนีจ้ ะสรา้ งระบบเครือขา่ ยภายในเปน็ 2 เทา่ ของสมองผใู้ หญ่นั้นหมายถงึ ว่าเดก็ เลก็ ๆ เรยี นรไู้ ด้ดี กวา่ ผใู้ หญ่ ดังนั้นหากอยากใหเ้ ดก็ มคี ณุ ธรรม จรยิ ธรรมท่ีดีตรงนจ้ี ดั ปน็ ช่วงทนี่ ่าสนใจ เดก็ ทีข่ าดการเรียนรู้หรือไดร้ บั การกระตนุ้ ท่ไี มเ่ หมาะสม ไมเ่ พียงพอ เซลสมองที่ไม่ได้ถูก กระตนุ้ จะเจอกระบวนการขจดั เซลสมองท้ิงเพือ่ จำ�กดั เนอื้ ท่ใี ห้กับเกบ็ ขอ้ มลู ส�ำ คัญ 15

ลำ�ดบั ความสำ�คญั การเจรญิ เติบโตของสมองเดก็ .4...เ.ด..ือ..น............... .........ส..ม..อ..ง..เ.ด..ก็...ม..ีก..า..ร..ต..อ..บ...ส..น...อ..ง.ต...อ่ ..เ.ส..ีย..ง..ก..ับ...ท..กุ..ๆ...ภ..า..ษ..า............................................................................................................ 8....-..9...เ.ด..อื..น........... ........เ.ด..็ก..ส...า.ม...า..ร.ถ...จ..ด..จ..�ำ ..บ..า..ง..ส..ง่ิ .บ...า..ง.อ...ย..า่ ..ง.จ..า..ก..ป...ร..ะ.ส...บ..ก..า..ร..ณ...์.เ.ช..น่....จ..ะ.ท...�ำ..ใ.ห...ล้..ูก..บ...อ..ล..ก...ล..้งิ .ไ..ด..้อ..ย...า่ ..ง.ไ..ร................................................. .1..0...เ.ด..ือ..น... .... ...............เ.ด..ก็..ส...า.ม...า..ร.ถ...จ..ำ�.แ...น..ก...แ...ล..ะ...ส..ร..า้ ..ง.เ.ส..ีย...ง.เ.ฉ...พ..า..ะ..ข..อ..ง..ต..วั..เ.อ..ง..ไ..ด..้.(.เ.ช...่น...ด..า..ด...า.)...แ..ล..ะ..เ.ร..่มิ..ไ..ม..ส่..น...ใ..จ.แ...ต..เ่.ส..ีย..ง..แ..ป...ล..ก..ๆ...(..เ.ช..่น..ค...น..ต...่า.ง..ภ...า.ษ...า..). 1...2...เ.ด..ือ..น... .... ...............เ.ด..ก็..ต...อ..บ..ส...น..อ..ง..ต..อ่..เ.ส...ีย..ง.ส...ูง.ต...่ำ�..แ..ป...ล..ก..ๆ..ม..า..ก...ก..ว..่า..เ.ส..ีย..ง..ร..า.บ...เ.ร..ีย..บ...ธ..ร.ร..ม...ด..า............................................................................... 1...2..-.1..8...เ.ด..ือ..น... .. ............เ.ด..็ก..ส...า.ม...า..ร.ถ...จ..ด..จ..ำ�...ห..ร..อื..เ.ร..ยี..ก...ค..ว..า..ม..จ..�ำ ..บ..า..ง..ส..ว่ ..น..ท...่ีซ..อ่ ..น..อ...ย..ใู่ .ห...อ้..อ..ก..ม...า..ไ.ด...้ .แ..ล..ะ..ท..�ำ..อ..ะ..ไ..ร..ง.า่..ย..ๆ...ซ...้�ำ ..ๆ...ไ..ด..้ ...................................... 2...4...เ.ด..ือ..น....... .. .............เ.ด..็ก..เ..ร.มิ่...ม..คี..ว..า..ม..ท...ร..ง.จ..ำ�..ใ..น..ส..ม...อ..ง..จ..�ำ..ค..น...ท..เ่ี..ล..ี้ย..ง..ด..ใู..ก..ล..ช้..ดิ...ไ.ด...้ .ร.ว..ม...ถ..ึง.เ..พ..อ่ื...น..ๆ............................................................................ 3...0...เ.ด..อื..น... .... ...............ส..า..ม..า..ร..ถ..เ.ข..้า..ใ..จ..แ..ล..ะ..จ..ด..จ..�ำ ..ถ..งึ..ล..ำ�..ด..บั...ข..ั้น..ห...ร..อื ...แ..ผ..น...ท..่ขี..อ..ง..ส..่ิง..ต..่า..ง..ๆ...แ..ล..ะ..ร..วู้ ..า่ ..อ..ะ.ไ..ร..อ..ย..ทู่...่ีไ.ห...น..ใ..น...ส..ง่ิ .แ...ว.ด...ล..้อ..ม.................................... 3...6...เ.ด..ือ..น... .... ...............เ.ด..ก็..ม...อี ..า..ร..ม..ณ...์ .2...ช..น...ิด..ใ..น..เ.ว..ล..า..เ.ด...ยี ..ว..ก..ัน...เ..ช..น่ ...ร..้อ..ง..ไ..ห..ท้..ท่ี...�ำ..ไ..อ..ศ..ก..ร..มี ..ห...ก..เ.ล..อ..ะ..เ.ท...อ..ะ...ข..ณ...ะ..ท..ีด่...ใี .จ..เ.พ...ร..า..ะ.ไ..ด..้ร..่ว..ม..ง..า..น..ว..นั...เ.ก..ดิ...ใ.น...บ..า้..น..... 16

ในช่วง 2 ขวบปีแรก ผูใ้ หญจ่ ะตอ้ งกระตุ้นพฒั นาการเด็กในด้าน การเคลอ่ื นไหว ซ่งึ เป็นพื้นฐานส�ำ หรับพฒั นากลา้ มเนอ้ื มัดใหญ่ กลา้ มเนอ้ื มัดเลก็ มติ สิ มั พันธ์ การใชป้ ระสาท สมั ผัสท้งั หมด (มองเห็น ไดย้ นิ ได้กล่นิ ล้มิ รส สมั ผสั ด้วยผวิ หนงั และความรูส้ ึกต่อส่ิงรอบตัว ผา่ นอวยั วะสัมผัส อายตนะ 6) และพัฒนาการภาษา อันเป็นพ้นื ฐานส�ำ คัญของการ เรียนรูข้ องเดก็ ตั้งแต่แรกเกิด จนถึงผ้ใู หญ่ และจะด�ำ รงการพัฒนาไปเรอื่ ยตลอดชีวติ เมอ่ื เขา้ ใจลำ�ดบั ข้นั พฒั นาการสมองของเดก็ ปฐมวยั แลว้ เราจึงควรสง่ เสรมิ ใหพ้ ่อแม่ฝกึ ฝนวิธกี ารกระต้นุ การทำ�งานของสมองเด็กดว้ ยวิธงี า่ ยๆ ตอ่ ไปน้ี 1. ทกั ทายเด็กตัง้ แตต่ นื่ นอน เช่น “สวัสดจี ้ะลูกน้อยของแม่(พอ่ )” ค�ำ พดู เพียงเท่านจ้ี ะกระตนุ้ การรบั รู้ โดยทีเ่ สยี งและน้ำ�เสียงจะถูกส่งผ่านระบบการเช่ือมโยงในเซล สมองทุกครง้ั ถา้ ทา่ นทักทายเดก็ ทกุ เชา้ จะชว่ ยกระตนุ้ ระบบการเช่อื มโยงของเซลล์สมองทีม่ อี ยู่ และยังชว่ ยสรา้ งระบบการเช่อื มโยงใหมท่ กุ วนั 2. ในชว่ ง 3-4 เดือนแรกหลงั คลอด เด็กจะเริ่มรบั รฉู้ นั ทลกั ษณ์ของภาษาได้จากการรบั รู้เสยี งสูงเสยี งต่ำ� หมายความว่า เด็กจะเร่ิมรับรูแ้ ละปรับเข้ากับความ แตกต่างของ อารมณจ์ ากน้ำ�เสียง ฉะนนั้ ใชว้ ธิ เี ลน่ ละคร หุ่นมือ ใช้เสยี งสูงต�่ำ บ่อยๆ ในการเลา่ เร่อื ง ก็จะชว่ ยกระตนุ้ การเชอ่ื มโยงของเซลล์สมองดขี ึ้น ท้งั ใน ระบบเดียวกันและข้าม ระบบ 3. เลา่ นิทาน ใชไ้ ด้ดีมากๆ สำ�หรบั การกระตุ้นพัฒนาการทางภาษา การรบั รู้ ความทรงจ�ำ และโดยเฉพาะอย่างย่ิง กระตนุ้ ใหเ้ ด็กมสี ว่ นร่วมในการเลา่ จะชว่ ยเพ่ิม พฒั นาการของสมอง 4. ใหเ้ วลาเด็กเลน่ กับเด็กอน่ื ๆ เพ่ือกระตุน้ ให้เดก็ มปี ฏสิ มั พันธ์ ได้ยนิ เห็นอะไรใหมๆ่ จากเดก็ ด้วยกัน แม้แตเ่ ด็กจะสรา้ งภาษาใหมๆ่ ของตัวเอง จะกระตนุ้ ให้เซลสมองมี ความเชอ่ื มโยงกันมากขึ้น 5. ซ้ำ�แลว้ ซ้ำ�อกี กระตุน้ สมองด้วยการสอ่ื สารกับเด็กซ้ำ�ๆ กระตุน้ หรือพาเดก็ ไปรู้จักเด็กกลุ่มใหม่ผู้ใหญค่ ืนอืน่ ๆ เข้าไปในสถานที่เรยี นรแู้ ปลกๆ 6.ใหค้ วามสนใจตอ่ เดก็ เปน็ รายบคุ คลในระหวา่ งการเลน่ รวมกนั เปน็ กลมุ่ จะชว่ ยกระตนุ้ ใหเ้ ดก็ รอื้ ฟน้ื ความทรงจำ�ในอดตี เขา้ มาเชอ่ื มโยงกบั สง่ิ ทพ่ี บเหน็ ในปจั จบุ นั เปน็ การ กระตุ้นใหเ้ กดิ การเชอื่ มโยงของสมองระหวา่ งความทรงจำ�ใหม่และเกา่ เขา้ ด้วยกนั นทิ าน ดนตรีเสยี งสำ�หรบั เด็กสำ�คญั อย่างไร? ปัจจุบนั มกี ารให้ความสนใจตอ่ นทิ าน ดนตรี เสียงทม่ี สี ่วนส�ำ คญั ในการกระต้นุ การเรยี นร้ขู องเดก็ นทิ าน ดนตรีเป็นส่งิ ทชี่ ่วยใหป้ ระสทิ ธิภาพของสมองดีขนึ้ น้นั หมาย ถงึ การทส่ี มองไดร้ บั การกระตนุ้ ใหม้ ีการโยงเสน้ ใยประสาทได้มากขึน้ จากการวิจยั พบว่าเม่อื ไดฟ้ งั นทิ าน หรือดนตรี สมองจะใชซ้ กี ขวาในการรบั เสยี ง สมองซกี ซา้ ยจะซาบซึ้ง ทว่ งท�ำ นองและจดจ�ำ ภาษานั้นท�ำ ใหเ้ ห็นวา่ สมองถกู ได้รบั การกระตุ้นให้มีใยประสาทโยงซึ่งกันและกนั ทง้ั 2 ซกี แตเ่ สียงท่ดี ังมากและมีจังหวะของดนตรีกระแทกกระทัน้ เช่น ดนตรีร๊อคหรือหมอล�ำ ทใี่ ช้เครือ่ งดนตรไี ฟฟา้ กลองที่ดังมากๆ เปน็ ตน้ จะทำ�ให้สมองเกดิ ความเครยี ดทำ�ใหก้ ารสรา้ งใยประสาทจะถกู หยดุ ชะงกั ทนั ที นิทาน ดนตรี เสียงต่างๆทำ�ใหเ้ กดิ ความยุ่งยากในการชว่ ยสรา้ งส่งิ แวดลอ้ มของผู้ปกครอง พอ่ แม่ ผดู้ ูแลเด็กใชไ่ หม หากมาช่วยกนั ทบทวนดูจะเห็นว่าทงั้ 3 สงิ่ เปน็ สงิ่ ที่อยูร่ ว่ มกนั เพราะเมอื่ มีการเลา่ นทิ านให้เดก็ ฟังผู้เล่าจะต้องใช้ใชท้ ง้ั ภาษา ทว่ งท�ำ นองการเล่าและบางครัง้ อาจจะตอ้ งใช้ ดนตรีเขา้ มาประกอบใหเ้ กดิ ความนา่ สนใจ บาง คนอาจคิดว่าดนตรตี อ้ งหามาเปดิ หรอื อาจใช้เพลงโปรดของผู้เลยี้ งดเู ด็กแทนกไ็ ด้ จริงๆแลว้ การร้องเพลงกลอ่ มให้เดก็ ฟังเราจะเห็นได้วา่ เป็นการที่เราใชท้ ั้งเสยี งดนตรี การ เลา่ เรือ่ ง เสยี งพร้อมในเวลาเดยี วกัน 17

ลักษณะของคลนื่ สมองเม่ือได้รบั เสียงในตา่ งๆ { BETA: Alert/Working { ALPHA: Relaxed/reflecting { THETA: Drowsy/ideating { DELTA: Deep.Dreaming { DELTA: Deep.Dreamless sleep การดูแลและบำ�รุงสมองเด็ก 1. รบั ประทานอาหารที่มคี ณุ คา่ ครบ 5 หมู่ โดยเฉพาะวิตามิน เกลือแร่ ได้แก่ ธาตุเหลก็ ไอโอดีน วิตามนิ เอ เป็นต้น 2. ดืม่ น้ำ�สะอาดเพราะสมองตอ้ งการน้ำ�เป็นจ�ำ นวนมาก 3. หลีกเลยี่ งสิ่งเสพติด เชน่ บหุ รี่ น้ำ�ตาล คาเฟอีนจากเคร่อื งดมื่ น�้ำ อัดลม 4. ลดความเครยี ดของสมอง 5. ออกก�ำ ลังกายและออกก�ำ ลังทางจติ เช่น อา่ นหนงั สือนิทาน เลน่ เกม (ไม่ใช่เกมคอมพิวเตอร์) ดนตรี วาดรปู งานศลิ ปะ 6. พกั ผอ่ น รับอากาศบริสุทธิ์ เอกสารอา้ งองิ และอา่ นเพมิ่ เติม 1. พญ.จนั ทร์เพญ็ ชปู ระภาวรรณ. เดก็ ไทยใครว่าโง่. สถาบันวิทยาการการเรียนรู้,2548 2. ดร.อุษณีย์ อนรุ ุทธิว์ งศ์(โพธสิ ขุ ). สรา้ งเด็กใหเ้ ปน็ อจั ฉรยิ ะเล่มท่ี 6 ”สมองมหศั จรรย์” .มลู นิธสิ ดศร-ี สฤษด์วิ งศ์ .กรงุ เทพ,2545 3. จเร สำ�อางค์ .สมองดี ดนตรที ำ�ได.้ กรงุ เทพ,2550 4. พญ.จันทรเ์ พ็ญ ชปู ระภาวรรณ. วางรากฐานพฒั นาการทางสมองของเดก็ ต้งั แตป่ ฐมวัย. 18 5. เอกสารประกอบการบรรยายการอบรมแพทย์ ศูนยบ์ ริการสาธารณสุขในโครงการเด็กกรุงเทพแขง็ แรง ฉลาด สดใส.กรงุ เทพ,2551

ใบงาน 2 กจิ กรรม : สื่อเพอื่ การพฒั นาเด็ก (2) “รปู เรขาคณิตคิดสรา้ งสรรค”์ “งานฉีกกระดาษ” เปน็ กจิ กรรมทฝ่ี ึกสมาธิ และเสรมิ จินตนาการ สามารถน�ำ ส่ิงตา่ งๆ รอบตวั เรา มาสร้างผลงานผ่านรปู เรขาคณติ อุปกรณ์ กระดาษขนาด A4 กระดาษสี สเี มจกิ สีไม้ / สเี ทยี น กาวลาเท็กซ์ ขั้นตอน 1. ให้ผูเ้ ขา้ อบรมฉกี กระดาษสเี ป็นรูปสามเหล่ียม ส่เี หลยี่ ม วงกลม มาติดบนกระดาษขนาด A4 2. ตอ่ เตมิ รูปเรขาคณิตให้เป็นภาพทสี่ มบูรณ์ เชน่ ภาพทอ้ งท่งุ นา มีสามเหล่ยี มเปน็ ภูเขา วงกลมเป็นต้นไม้ สีเ่ หลยี่ มเป็นผนื นา 3. น�ำ เสนอให้เพือ่ นทราบ แลว้ น�ำ ไปตดิ รอบห้อง สรุปผลท่ีได ้ ผ้เู ข้าอบรมไดฝ้ กึ จินตนาการ ฝึกสังเกตสิง่ ตา่ ง ๆ รอบตวั เรา และมสี มาธิในการทำ�งาน 19

ใบความรู้ 3 เรื่อง ส่อื เพอื่ การพฒั นาเดก็ 20

ใบความรู้ 3 เร่อื ง ส่ือเพอื่ การพฒั นาเด็ก “ส่ือการสอน” เปน็ เครอ่ื งมอื ท่ผี ู้ดูแลเด็กจัดเตรียมไวเ้ ปน็ ตัวกลางถ่ายทอดความรู้ ประสบการณ์ เจตคติ ค่านิยมทักษะต่าง ๆ ไปส่เู ดก็ มุ่งใหเ้ ดก็ เกดิ การเรยี นรู้ และพัฒนาได้ตามจดุ มุ่งหมาย หน้าทีส่ ำ�คัญของสือ่ การสอน คือ - เป็นการปูพืน้ ฐานใหเ้ ดก็ เกิดการเรยี นรู้ สนใจบทเรียนและพรอ้ มท่ีจะท�ำ กจิ กรรมด้วยตัวเด็กเอง - ช่วยให้เด็กจ�ำ ได้แมน่ ยำ�ไมล่ ืมง่าย - เปน็ การชว่ ยอธิบายส่ิงที่เขา้ ใจยากให้เขา้ ใจงา่ ยข้นึ - ช่วยให้เดก็ ใช้ประสาทต่าง ๆ หลายทาง - ชว่ ยสรา้ งความคดิ ตอ่ เนอื่ งให้แก่เด็ก ตัวอย่าง • สือ่ ทพ่ี ฒั นาการด้านรา่ งกาย จะชว่ ยใหเ้ ดก็ มีการเคล่ือนไหวโดยใช้พืน้ ทีร่ อบ ๆ ตัวเดก็ เช่น การละเลน่ พื้นบ้าน การใช้ของเล่น (พัฒนากล้าม เนอ้ื มดั ใหญ)่ การร้อย การผูก การบีบ เขย่า เคาะเคร่อื งดนตรี (พัฒนากล้ามเนื้อมดั เล็ก และประสาทสมั พนั ธ)์ • สือ่ ทพ่ี ฒั นาการดา้ นสังคมและอารมณ์ จะชว่ ยสง่ เสริมใหเ้ ด็กเหลา่ นมี้ พี ฤติกรรมท่เี หมาะสม เชน่ เลา่ นิทานทีม่ เี น้ือหาสง่ เสรมิ คุณธรรม งานศิลปะ การแสดง บทบาทสมมติ การท�ำ งานรว่ มกนั • ส่ือทีพ่ ฒั นาการด้านสตปิ ัญญา จะชว่ ยฝกึ ใหเ้ ดก็ เปน็ คนชา่ งสงั เกตซึง่ ตอ้ งผา่ นประสาทสมั ผสั ทัง้ 5คอื ตาหูจมกู ปากหรอื ลิน้ และผวิ หนงั จะชว่ ยใหเ้ ดก็ รจู้ กั ใชเ้ หตผุ ลตดั สนิ ใจและแกป้ ญั หาตา่ งๆเมอ่ื เตบิ โตขน้ึ เชน่ การสงั เกตธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดลอ้ มตา่ งๆการเจรญิ เตบิ โต ของพชื การผสมสี รูปทรง การชมิ การจบั คภู่ าพ การต่อภาพ • สื่อท่พี ฒั นาการดา้ นภาษา จะชว่ ยใหจ้ ดจำ�คำ�ตา่ ง ๆ ไดด้ ี เชน่ การใช้หนังสอื เลา่ นทิ าน เกมค�ำ คลอ้ งจอง อา้ งองิ : ปยิ ะธดิ า ขจรชยั กลุ , เทคนิคการใช้สือ่ การสอนสำ�หรบั เด็กปฐมวัย . เอกสารถ่ายสำ�เนา 21

ใบงาน 3 กจิ กรรม : ส่อื กระดาษแปลงกาย (1) แปลงกายเป็น “ใบหน้า” “กระดาษ” เปน็ สื่อการสอนอยา่ งงา่ ย ลงทนุ นอ้ ย ซ่งึ ผผู้ ลิตสอ่ื ต้องรู้วธิ กี ารน�ำ กระดาษมาใช้ หรอื แปลงกายดว้ ยวิธีตา่ ง ๆ เชน่ การพับ ตัด ใหเ้ ปน็ รปู ตา่ ง ๆ ตามจนิ ตนาการของตน อุปกรณ ์ กระดาษขนาด A 4 สไี ม้หรอื สีเทยี น สีเมจกิ ขัน้ ตอน 1. แจกกระดาษ A4 2. พบั กระดาษ ด้านบนลงมาใหไ้ ด้ 1 ใน 3 จากนน้ั วาดรูปหนา้ สตั ว์ ส่วนทพี่ ับลงมาจะเป็นสว่ นปากดา้ นบน ตกแต่งระบายสี 3. สมาชิกในกล่มุ ประยุกต์สรา้ งผลงานคนละ 1 ชิ้น โดยเลยี นแบบการพับใบหน้า ซงึ่ สามารถปรบั กระดาษ จากซา้ ยไปขวา จากขวาไปซา้ ย หรอื บนลงลา่ ง 4. น�ำ เสนอใหส้ มาชิกในกลุ่มดูผลงานของแตล่ ะคน http://icoh.anamai.moph.go.th/booksonline/lesson3.php 22

ใบงานที่ 3 แปลงกายเป็น “ใบหนา้ ” พ้นื ที่ใหส้ ำ�หรบั แปะตวั งาน พน้ื ท่ีให้สำ�หรบั แปะตวั งาน 23

ใบความรู้ 4 เรื่อง การบรโิ ภคนมและ การดแู ลรกั ษา Milk 24

ใบความรู้ 4 เรื่อง การบริโภคนมและการดูแลรักษา โดย คุณัญญา สงบวาจา บรรยายประกอบpower point ปจั จุบนั นมไดม้ ีบทบาทในรปู แบบของอาหารส�ำ หรับคนทุกวยั โดยเฉพาะเด็กหลงั 1 ปี ทเี่ ด็กจะเรม่ิ กินอาหารครบ 3 มอ้ื เหมอื นผใู้ หญ่ แต่นมยงั เปน็ อาหารทจ่ี �ำ เปน็ ที่เด็กจะต้องไดก้ ินอย่างตอ่ เน่อื ง เหตุผลสำ�คัญของการดื่มนม นมมสี ารอาหารท่ีมคี วามจำ�เป็นตอ่ การเจริญเตบิ โตโดยเฉพาะโครงสรา้ งของรา่ งกายอนั ได้แก่เน้อื เย่อื กระดูกตอ้ งใชส้ ารอาหารวิตามนิ และเกลือแร่ท่ีส�ำ คญั คอื แคลเซยี ม ฟอสฟอรัส วิตามนิ A D E K B2 สารอาหารเหล่าน้ีจะพบในนมคอ่ นขา้ งสูง นมมปี ระโยชน์อย่างไร • ซอ่ มแซมส่วนที่สึกหรอ • สร้าง เนอื้ เยื่อ เลือด กระดกู ฟัน • ให้พลังงาน ชนดิ ของนมทเ่ี หมาะสมกบั เดก็ นมรสจืด ชนิดของนมทไ่ี มแ่ นะนำ�ใหเ้ ด็กดื่ม ได้แก่ 1. นมเปรยี้ ว เนอื่ งจากในนมเปรย้ี วมปี รมิ าณเนอื้ นมไมเ่ ตม็ 100เปอรเ์ ซน็ ต์เพราะตอ้ งมกี ารผสมกลนิ่ น้ำ�ตาล สีรวมทง้ั เนอื้ นมมกั จะเอาหางนมมาท�ำ ถา้ อยากจะกนิ แนะน�ำ ใหก้ นิ โยเกิรต์รสธรรมชาติ 2. นมรสหวานทุกชนิด เพราะมีน้ำ�ตาลสูง และนมหวานรสชอ๊ คโกแลต โดยตวั ช๊อคโกแลตท่อี ย่ใู นเน้อื นมจะมีคณุ สมบตั ิเหมือนคาเฟอนี ท่อี ยูใ่ นกาแฟ 3. นมพรอ่ งมันเนย เพราะเปน็ นมทไี่ ดถ้ กู ดึงไขมันออก และวติ ามินท่ลี ะลายในไขมันทมี่ ีอยใู่ นนม ไดแ้ ก่ วติ ามินเอ วติ ามนิ อี วิตามนิ ดี วิตามินเค จะสูญเสยี ไป 25

รปู แบบของนม นมพาสเจอรไ์ รส์ นมยเู อชที นมกระปอ๋ ง นมพาสเจอรไ์ รส์ ใช้ ความร้อน 72องศาเซลเซยี ต เวลา 15 วนิ าทีในการฆ่าเชื้อโรคเกบ็ ในอณุ หภมู ิไม่เกิน 8 องศาเซลเซยี ต นมยูเอชที ใช้ ความรอ้ น 133 องศาเซลเซยี ต เวลา 1 วินาทีในการฆา่ เชือ้ โรคเกบ็ ในอณุ หภูมิห้อง 6-9 เดือน นมสเตอรร์ ิไรส์ ใชค้ วามรอ้ นสูง (เกิน 100 องศาเซลเซยี ต ) เกบ็ ในอณุ หภมู ิหอ้ ง 12 เดือน ปญั หาของการเก็บรกั ษานม หากนมท่ีซ้อื มาเก็บรกั ษาไมด่ หี รือไม่ถูกวิธจี ะทำ�ให้เกดิ การเสยี จากเชอื้ โรค หากรับประทานเขา้ ไปอาจเกิดโรคอาหารเปน็ พิษจากการด่มื นม ซงึ่ อาการจะแตกตา่ งกันไป ไดแ้ ก่ คลนื่ ไส้ อาเจยี น ปวดท้อง ทอ้ งเสีย เดก็ ผู้สูงอายุ คนปว่ ยจะมีอาการรนุ แรงอาจเสยี ชวี ติ ไดน้ มทเ่ี สยี จะมลี ักษณะ 1. สจี ะเปลีย่ นจากสขี าวไปเปน็ สีอ่ืน 2. กลนิ่ จะเปลย่ี น ( หืน เหม็นเปรยี้ ว กลิน่ ไหม้ ) 3. เน้ือนมจะเปลย่ี นเป็นยางเหนียว เปน็ ลมิ่ แยกชน้ั เปน็ ฟอง 4. รสเปลย่ี น ขม เปร้ียว การเกบ็ รักษานมพาสเจอร์ไรส์ ในการดแู ลเก็บรักษาผูด้ แู ลจะตอ้ งดูใหอ้ ุณหภูมิ นมอยทู่ ี่ 8 องศาเซลเซียต เป็นหลกั สำ�คัญ การเก็บรกั ษานมทศ่ี ูนย์เดก็ การเกบ็ รักษานมที่ศูนยเ์ ด็กบริโภคภายในวันท่รี บั นม (บริโภคภายใน 9 ชั่วโมง) ภาชนะถงั แช่นมพลาสติกท่ีมีฝาปิดและเกบ็ ความเยน็ ไดด้ ี จำ�นวนถงุ นม ไม่เกิน 100 ถุง การบรรจนุ ้ำ�แข็ง น้ำ�แข็งเกล็ดหรือบดอยา่ งน้อย 1/4 กระสอบ (8 กิโลกรัม) โดยไมม่ ีการน�ำ น้ำ�แขง็ ออกจาก ถงั ควรเรยี งน้ำ�แข็ง 2 ชนั้ โดยเรยี งนำ้�แข็งไวด้ า้ นลา่ งถัง 1 ชนั้ และด้านบนถัง 1 ชนั้ ใช้น้ำ�แข็งอยา่ งน้อย ชั้นละ 1/8 กระสอบ (4 กิโลกรมั ) จะสามารถเกบ็ นมให้มีอณุ หภมู ไิ มเ่ กิน 8 องศาเซลเซยี สได้ 9 ชั่วโมง ซง่ึ ใน การเปลีย่ นชนดิ น้ำ�แขง็ ทป่ี ูดา้ นล่างถงั จากน้ำ�แข็งเกล็ดหรอื บดเปน็ น้ำ�แข็งก้อนกใ็ ห้ผลเชน่ เดียวกนั แตช่ ั้น บนควรเป็นน้ำ�แขง็ เกล็ดหรอื บดเทา่ นนั้ 26

ภาชนะถังแช่นมพลาสตกิ ที่มฝี าปิดและเก็บความเย็นไดด้ ี จำ�นวนถงุ นม 100-250 ถงุ การบรรจุน้ำ�แขง็ น้ำ�แข็งเกล็ดหรือบดอยา่ งนอ้ ย ½ กระสอบ (15 กโิ ลกรมั ) โดยไม่มีการนำ� น้ำ � แข็งออก จากถัง ควรเรยี งน้ำ�แขง็ 2 ช้ัน โดยเรียงน้ำ�แข็งไว้ ดา้ นล่างถัง 1 ชนั้ และด้านบนถัง 1 ชั้น ใชน้ ้ำ�แขง็ อย่างน้อยชัน้ ละ 1/4 กระสอบ (8 กโิ ลกรมั ) จะสามารถเกบ็ นมใหม้ ีอุณหภมู ไิ มเ่ กนิ 8 องศาเซลเซยี ส ได้ 9 ชวั่ โมง ซ่ึงในการเปลี่ยนชนดิ น้ำ�แขง็ ท่ปี ดู า้ นล่างถังจากน้ำ�แขง็ เกล็ดหรือบดเปน็ น้ำ�แข็งกอ้ นก็ใหผ้ ล เชน่ เดยี วกัน แตช่ น้ั บนควรเป็นน้ำ�แขง็ เกลด็ หรือบดเท่านน้ั ภาชนะกระติกนำ้ �แข็ง จำ�นวนถุงนม ไม่เกนิ 40 ถุง การบรรจุน้ำ�แข็ง น้ำ�แข็งเกลด็ หรือบดอย่างนอ้ ย 1/8 กระ กระสอบ (4 กิโลกรมั ) โดยไมม่ ีการนำ�น้ำ�แข็งออก จากถัง ควรเรียงน้ำ�แข็ง 2 ช้นั โดยเรียงน้ำ�แข็งไว้ดา้ นลา่ งถัง 1 ชนั้ และด้าน ด้านบนถัง 1 ชั้น ใชน้ ้ำ�แขง็ อย่างนอ้ ยชัน้ ละ 2 กโิ ลกรมั จะสามารถเกบ็ นมให้มอี ุณหภมู ไิ ม่เกิน 8 องศาเซลเซียส ได้นาน 9 ชัว่ โมง การเกบ็ รักษานมไวบ้ ริโภคในวนั รุ่งข้ึน (บริโภคภายใน 33 ชวั่ โมง) ภาชนะถงั แชน่ มพลาสตกิ ท่มี ฝี าปิดและเก็บความเย็นไดด้ ี จำ�นวนถุงนม ไม่เกนิ 500 ถงุ การบรรจุน้ำ�แขง็ น้ำ�แขง็ เกล็ดหรอื บดอย่างนอ้ ย 1 กระสอบ (30 กิโลกรมั ) โดยไม่มกี ารน�ำ น้ำ�แขง็ ออกจาก ถงั ควรเรียงน้ำ�แขง็ 3 ชั้น โดยเรียงน้ำ�แข็งไวด้ ้านลา่ งถงั 1 ชัน้ กลางถัง 1 ชน้ั และ ด้านบนถัง 1 ชน้ั ใชน้ ้ำ� แขง็ อยา่ งนอ้ ยชน้ั ละ กระสอบ (10 กิโลกรัม) จะสามารถเก็บนมใหซ้ ึ่งในการเปล่ียนชนิดน้ำ�แขง็ มอี ณุ หภมู ไิ ม่ เกิน 8 องศาเซลเซียสไดน้ าน 33 ชวั่ โมง ซง่ึ ในการเปลี่ยนชนิดน้ำ�แข็งทปี่ ูด้านล่างถังจากน้ำ�แขง็ เกล็ดหรอื บด เป็นน้ำ�แข็งกอ้ นกใ็ หผ้ ลเช่นเดยี วกัน แตช่ นั้ บนควรเป็นน้ำ�แข็งเกล็ด หรอื บดเทา่ นน้ั ซ่งึ ในการเปลีย่ นชนดิ น้ำ�แข็ง 27

1 2 34 5 กรณที เ่ี กบ็ ในตูเ้ ยน็ หากเกบ็ ในตู้เย็นควรวางนมไว้ใกล้ชอ่ งแชแ่ ข็งไมใ่ สไ่ ว้ชน้ั ลา่ งๆ ของตู้เพราะความเยน็ จะไมเ่ พยี งพอ ข้อแนะนำ� 1. หากใชน้ ้ำ�แข็งบด ควรระวัง เรอื่ งความคมของก้อนน้ำ�แขง็ ซึง่ จะทำ�ใหถ้ ุงนมรว่ั ได้ 2.ในการบรรจนุ ้ำ�แข็งแต่ละช้นั ตอ้ งมีการเกลยี่ น้ำ�แข็งใหก้ ระจายท่วั ถึงอย่างสม่ำ�เสมอ และทกุ ครงั้ ท่มี ี การนำ�นมออกจากภาชนะบรรจตุ อ้ งมกี ารเกลีย่ น้ำ�แข็งให้กระจายปดิ ทวั่ ถงุ นม 3. การเปดิ ปดิ ฝาถัง ควรท�ำ อย่างรวดเรว็ ควรเปดิ ปดิ ฝาถังเทา่ ท่จี �ำ เปน็ และไม่ควรเปิดทิง้ ไว้นาน 4. การประมาณความหนาของชั้นน้ำ�แข็ง ทำ�ได้โดยการชั่งน้ำ�หนักน้ำ�แข็งตามที่แนะนำ�ไว้ หรือ ประมาณจากความหนาของชั้นน้ำ�แข็งหลังจากเกลี่ยน้ำ�แข็งให้กระจายอยา่ งสม่�ำ เสมอแล้ว ควรมี ความหนาไม่ต่ำ�กว่า 1 นิ้วไม้บรรทัด ดังรูป } ผู้ดแู ลเดก็ จะตอ้ งดูแลอย่างไร ? ระบบการจดั การดา้ นการเกบ็ รักษานมท่ศี นู ย์เด็ก ควรมีระเบยี บปฏิบัตใิ นการบรรจนุ มในถงั เก็บนมทเี่ หมาะสม ควรอยูใ่ นการดแู ลอยา่ งใกล้ชดิ 1. ผู้ดแู ลเด็ก หรอื ผู้แทนไปดูแลควบคมุ การบรรจนุ มของสายส่ง เพือ่ ให้เกดิ การบรรจุนมอยา่ งเหมาะสมในถงั ท่ีสะอาดและมนี ้ำ�แขง็ เพียงพอ โดยดูแลการจดั เรียง นม และน้ำ�แข็งของสายส่งใหเ้ ปน็ ไปตามข้อแนะน�ำ ของการเก็บรกั ษานม และมีการวัดอุณหภูมินมตามวิธที แ่ี นะนำ� 2. มกี ารบันทกึ ขอ้ มลู ลงแบบฟอร์มการรบั ส่งนม 3. ในระหวา่ งการเกบ็ รกั ษานม ทางศูนย์เดก็ ตอ้ งมกี ารควบคมุ ไม่ใหม้ ีการนำ�น้ำ�แขง็ ออกจากถังแช่นมระหวา่ งรอบริโภค เชน่ การใสก่ ญุ แจถงั แช่นม 4. การจา่ ยนมใหเ้ ด็กบริโภค 4.1 กำ�หนดผรู้ ับผดิ ชอบในการจ่ายนมที่สามารถดแู ลการเก็บรกั ษานมให้คงอย่ใู นอุณหภมู ิท่เี หมาะสม 4.2 กำ�หนดการจ่ายนมใหเ้ ด็กบริโภคในเวลาเดียวกัน และดูแลให้เดก็ บรโิ ภคทันที อยา่ งถกู สขุ ลักษณะ ควรบริโภคจากแก้วหรอื หลอดดูดทีส่ ะอาด ดแู ลอยา่ ใหเ้ ด็กใชป้ ากกัดถุงนม ข้อควรระวงั อยา่ ใหถ้ งั บรรจุนมถกู ความร้อน ถูกแสงแดด ดูวันหมดอายุทถ่ี งุ นมทกุ ครั้ง ขอ้ แนะนำ� กรณีท่ีเด็กดื่มนมแลว้ ทอ้ งเสีย ให้ตรวจสอบลักษณะนมวา่ เสียหรือไม่ ถา้ นมไม่เสยี อาจเกิดจากการท่เี ดก็ ต้องงดการด่ืมนมมานาน ดังนัน้ ถ้าจะ เรม่ิ ด่มื ใหม่จะตอ้ งเริม่ ดม่ื ตอนท้องไมว่ า่ ง ควรดื่มหลังกินขา้ วแล้ว เรม่ิ ดื่มปรมิ าณนอ้ ย ถ้าดมื่ แลว้ ไม่มกี ารถ่ายท้อง คอ่ ยเพิ่มปรมิ าณใหไ้ ดต้ าม กำ�หนดทีเ่ ดก็ ควรได้รับ 28

ใบงาน 4 กจิ กรรม : สอื่ กระดาษแปลงกาย (2) แปลงกายเป็น “ปาก” “กระดาษ” เปน็ ส่อื การสอนอย่างงา่ ย ลงทุนนอ้ ย ซง่ึ ผู้ผลติ ส่อื ต้องรู้วธิ กี ารนำ�กระดาษมาใช้ หรอื แปลงกายดว้ ยวธิ ตี ่าง ๆ เชน่ การพบั ตดั ให้เป็น รปู ตา่ ง ๆ ตามจินตนาการของตน อปุ กรณ ์ กระดาษขนาด A 4 กระดาษสี กาวลาเท็กซ์ สีไมห้ รือสเี ทยี น สีเมจกิ ข้ันตอน 1. แจกกระดาษ A4 2. พบั กระดาษลงมาคร่งึ หน่งึ รีดใหเ้ รยี บ แล้วตดั กระดาษตรงกลางพอประมาณ (ไม่ให้ขาดจากกัน) 3. พับรอยที่ตัดขนึ้ ดา้ นบนและลงด้านลา่ ง 4. คล่กี ระดาษออกมา พับตรงรอยพับเข้าดา้ นในทัง้ ดา้ นบนและลา่ ง เมื่อหุบกระดาษกจ็ ะได้ปากทีข่ ยับเคลือ่ นไหวได้ (เรยี กงาน กระดาษสามมิต)ิ 5. วาดรปู ใบหน้า เตมิ ตา จมกู แล้วระบายสี http://icoh.anamai.moph.go.th/booksonline/lesson4.php 29

ใบงานที่ 4 แปลงกายเป็น “ปาก” มพี ื้นท่ใี ห้สำ�หรบั แปะตวั งาน พื้นทีใ่ หส้ ำ�หรบั แปะตวั งาน 30

ใบความรู้ 5 เรื่อง การดแู ลสุขภาพฟนั 31

ใบความรู้ 5 เรอ่ื ง การดแู ลสขุ ภาพฟนั โรคฟันผุในเด็กก่อนวัยเรยี นเปน็ ปญั หาสุขภาพที่สำ�คญั ปญั หาหน่ึงที่มีผลกระทบตอ่ การเจริญเติบโตและพัฒนาการของเด็กกอ่ นวยั เรยี น เน่ืองจากสภาวะสขุ ภาพชอ่ ง ปากที่เปน็ ปญั หามีผลต่อการบดเคย้ี วอาหาร เด็กรับประทานอาหารไดน้ อ้ ยลง ทำ�ให้เกิดภาวะทพุ โภชนาการ นอกจากนน้ั ความเจบ็ ปวดทเ่ี กดิ ขึ้นยงั ไปรบกวนการนอนของ เดก็ ทำ�ใหม้ ีการหลั่งฮอร์โมนท่คี วบคุมการเจริญเตบิ โตของรา่ งกายนอ้ ยลง เป็นผลให้การเจรญิ เตบิ โตและพัฒนาการทางรา่ งกายชา้ ลง ไมเ่ พยี งเท่านัน้ โรคฟันผุในเด็กกอ่ นวัย เรียนยังส่งผลถึงพฒั นาการด้านการพดู และความเชอ่ื มั่น (self-esteem) ของเดก็ อีกด้วย ปัจจยั ท่ีมสี ่วนสมั พันธ์กบั การเกิดโรคฟนั ผุในเดก็ คือ พฤตกิ รรมการดูแลทีไ่ ม่ถกู ตอ้ งของพ่อแมแ่ ละผเู้ ล้ยี งดู พฤติกรรมสขุ ภาพช่องปากทีม่ ีความสำ�คญั ต่อการเกดิ โรค ฟนั ผไุ ด้แก่ พฤตกิ รรมการบรโิ ภคอาหารและพฤตกิ รรมดแู ลความสะอาดในชอ่ งปาก พฤติกรรมการบริโภคอาหาร การบริโภคอาหารทม่ี แี ปง้ และน้ำ�ตาลเปน็ องค์ประกอบมีผลตอ่ การเกิดโรคฟนั ผุ น้ำ�ตาลทมี่ ีความสมั พันธก์ ับการเกดิ โรคฟนั ผุมากที่สุด คอื น้ำ�ตาลซโู ครส การกอ่ โรค ฟันผุของน้ำ�ตาลขึ้นกบั ความถ่ีในการบรโิ ภค ซงึ่ การบริโภคน้ำ�ตาลบอ่ ยครั้ง หรอื การบริโภคขนมจุบจิบ ทำ�ใหค้ ราบจลุ ินทรีย์เกดิ ความเปน็ กรดอย่างตอ่ เนอ่ื ง เกดิ การละลายตวั ของแร่ธาตุจากผวิ ฟนั มากกว่ากระบวนการสะสมแรธ่ าตุคนื กลับ ทำ�ให้เกดิ ฟันผุ นอกจากความถ่ีในการบรโิ ภคซง่ึ เปน็ ปัจจยั ส�ำ คญั แล้ว ปรมิ าณรวมของนำ้�ตาลทบ่ี ริโภคเปน็ อกี องค์ประกอบหน่ึงที่มีผลตอ่ การเกดิ โรคฟันผุ ซึ่งปริมาณการบริโภคน้ำ�ตาลจะส่ง ผลต่อการเกดิ โรคฟนั ผุในลกั ษณะกราฟรปู ตัวเอส โดยขนาดการบริโภค 10 กโิ ลกรัมตอ่ คนตอ่ ปี ทำ�ใหเ้ กดิ โรคฟันผุด�ำ แต่หากบรโิ ภคสูงกว่า 15 กิโลกรัมตอ่ คนต่อปี โรคฟนั ผุ จะเพิ่มขึน้ อยา่ งรวดเร็ว ลกั ษณะอาหารทบ่ี รโิ ภคเปน็ อกี ปัจจยั หนึ่งทเ่ี กยี่ วขอ้ งกับการเกดิ ฟันผดุ ้วย อาหารที่มลี กั ษณะหยาบหรอื มีเส้นใย เช่น ผลไม้ จะชว่ ยให้เกิดกระบวนการท�ำ ความสะอาด ตามธรรมชาติ และกระตุน้ การไหลของน้ำ�ลายไดด้ ี ส่วนอาหารทม่ี ลี ักษณะนมุ่ เหนยี วจะติดฟนั ง่ายและตกคา้ งอยใู่ นช่องปากเป็นเวลานาน มีผลใหเ้ กดิ กรดในชอ่ งปากไดม้ าก ขนึ้ ดงั นนั้ การปลกู ฝงั พฤตกิ รรมการบรโิ ภคทด่ี ใี นเดก็ กอ่ นวยั เรยี นควรหลกี เลย่ี งการเตมิ น้ำ�ตาลในอาหารหรอื เครอ่ื งดมื่ ทงั้ อาหารหลกั และอาหารวา่ งควรใหเ้ ดก็ รบั ประทาน อาหารเป็นเวลาไมร่ บั ประทานจุบจบิ เพ่อื ปอ้ งกันไม่ใหเ้ กดิ สภาพความเป็นกรดอยา่ งตอ่ เนอ่ื ง และควรเลอื กอาหารท่ีไม่ท�ำ ใหฟ้ ันผงุ ่าย เช่น ผลไม้ ปลากรอบ 32

พฤติกรรมดแู ลความสะอาดช่องปาก องคป์ ระกอบของพฤติกรรมการดูแลความสะอาดในช่องปากทม่ี สี ว่ นสมั พันธก์ บั การเกิดโรคฟนั ผุไดแ้ ก่ ความถีใ่ นการแปรงฟนั การใช้ยาสีฟนั ผสมฟลูออไรด์ วิธกี าร แปรง การมีผปู้ กครองช่วยดูแล อายุทเ่ี ร่ิมแปรงฟนั มหี ลกั ฐานการศึกษาหลายการศึกษาพบวา่ ความถใ่ี นการแปรงฟนั มผี ลตอ่ การเกดิ โรคฟันผุ เนื่องจากการแปรงฟนั บอ่ ยๆ มผี ลชว่ ยปอ้ งกันการกอ่ ตวั ของเชอ้ื อกี ทง้ั สามารถหยดุ และชะลอการเกิดฟนั ผใุ นระยะเรม่ิ แรกได้ แตใ่ นทศั นะของผูป้ กครองการดแู ลความสะอาดในชอ่ งปากเปน็ สิ่งทีต่ อ้ งปฏิบตั ิเพ่อื การเข้าสังคม ดังนั้นผปู้ กครองจงึ พอใจกับการที่เด็กส่วนใหญ่แปรงฟันเพียงวนั ละ 1 ครัง้ ในตอนเช้า การที่เด็กจะจบั แปรงสฟี นั ไดด้ พี อและแปรงฟนั ได้เองก็ตอ่ เม่อื เด็กสามารถจบั ปากกาเขยี นหนงั สอื ได้คล่องแล้ว ซึ่งท่ัวไปจะมอี ายุประมาณ 7 ปขี ้ึนไป ดงั น้นั การแปรง ฟนั ของเดก็ วยั ก่อนเรยี นจึงต้องอยใู่ นความรับผิดชอบและการชว่ ยเหลือของพอ่ แมแ่ ละผู้ดูแลเด็ก ซึ่งการทีผ่ ปู้ กครองชว่ ยแปรงฟันให้เด็กนั้นจะควบคมุ ความสะอาดในช่องปาก ไดด้ กี ว่าการปล่อยให้เด็กแปรงฟันเอง แตผ่ ปู้ กครองส่วนใหญ่ไมไ่ ด้แปรงฟันให้เด็กเนือ่ งจากส่วนหนึ่งไมม่ ีเวลา และมกั คิดวา่ เดก็ มีความสามารถดีพอในการแปรงฟนั ด้วย ตนเอง รวมทัง้ การท่เี ดก็ ไม่ยอมใหแ้ ปรงฟนั ผปู้ กครองจึงปล่อยให้เด็กแปรงฟันเอง นอกจากนนั้ อายุท่เี ด็กเริม่ แปรงฟันยงั มีสว่ นสัมพันธก์ ับการเกดิ ฟันผุด้วย การเร่ิมแปรงฟนั หลงั จากอายุ 1 ปี ท�ำ ใหฟ้ นั ผมุ ากขนึ้ แตจ่ ากการศึกษาในตา่ งประเทศพบวา่ ผูป้ กครองรอ้ ยละ 50 เริ่มแปรงฟนั ใหเ้ ด็กเมือ่ อายุ 2 ปี ท�ำ ใหป้ ระสบกบั ปัญหาเด็กไมย่ อมใหแ้ ปรง สำ�หรับในประเทศไทยพบวา่ ผู้ปกครองเร่มิ แปรงฟันใหเ้ ด็กเมือ่ อายปุ ระมาณ 2 ปี เช่นกัน เนือ่ งจากเดก็ ตอ้ งการเลยี นแบบการปฏิบตั ขิ องผใู้ หญ่ ดงั นั้นอายุของเด็กท่ผี ปู้ กครองควรเริม่ แปรงฟันให้คือ เม่ือพบว่ามีฟันเรม่ิ ขึน้ โดยแปรงอย่างน้อยวันละ 2 คร้งั รว่ มกับการใช้ยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ ลกั ษณะวธิ กี ารแปรงฟนั ในเดก็ กอ่ นวยั เรยี นสามารถใชก้ ารขยบั ไปมาสนั้ ๆในแนวนอนแทนการขยบั ปดั ซงึ่ เปน็ วธิ แี นะนำ�ส�ำ หรบั การแปรงในผใู้ หญ่เนอื่ งจากฟนั น้ำ�นม มขี นาดตัวฟนั สัน้ 33

ใบความรู้ 6 เร่อื ง การวเิ คราะห์หนงั สอื ภาพ 34

ใบความรู้ 6 เรอ่ื ง การวเิ คราะหห์ นังสือภาพ การเรยี นรู้ของเดก็ เร่ิมตน้ ได้จากภาพ จึงมี “หนงั สือภาพ” ส�ำ หรบั เดก็ เกิดขึ้น ในหนังสือภาพจะมุง่ เน้นทีภ่ าพเป็นส�ำ คญั คำ�บรรยายสั้น ๆ ง่าย ๆ หรือไมม่ ีค�ำ บรรยาย ก็ได้ หนังสอื ภาพ จงึ เปน็ เคร่อื งมือหนง่ึ ทีช่ ่วยกระตุ้นพัฒนาการของเด็ก เหมาะส�ำ หรับอ่านใหเ้ ด็กเลก็ ฟัง ช่วยเสรมิ พัฒนาการทางภาษาและจินตนาการของเด็ก ในหนังสือนทิ านภาพ หนึ่งเรอื่ งมีเรอ่ื งราวต่างกันมากมาย หากวิเคราะหไ์ ดว้ ่าในนทิ านเรือ่ งน้นั ใหอ้ ะไรแก่เด็ก เด็กได้เรยี นรู้อะไร กจ็ ะสามารถจัดกิจกรรมเพอื่ เสรมิ การเรียน รู้เรื่องนั้น ๆ ได้อยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ สำ�หรบั การใช้หนังสือภาพ หรือนิทาน สามารถใช้ด้วยการเลา่ หรืออ่านเนือ้ เรอื่ งใหเ้ ดก็ ฟงั แล้วคิดกิจกรรมต่อเน่ืองหลงั จากใช้หนังสอื เล่มนน้ั “หนงั สอื ภาพเล่มนั้น ให้อะไร ... ใช้อย่างไร ... กิจกรรมตอ่ เน่อื ง ...” ในหนังสือนทิ านบางเลม่ อาจจะมิไดเ้ สรมิ พฒั นาการของเด็กไดค้ รบทกุ ดา้ น แต่การใช้หนงั สอื นิทานหลากหลายเลม่ และใช้อยา่ งตอ่ เนอื่ งจะสามารถเสริมพัฒนาการของเด็ก ได้ครบทุกด้าน อา้ งอิง : สมาคมไทสรา้ งสรรค์ , โครงการพฒั นาเด็กปฐมวยั ในชนบทดว้ ยการเล่านทิ านอ่านหนังสอื ให้เดก็ ฟงั , หนงั สอื เดก็ ดี 35

ใบงาน 5 กิจกรรม : หนงั สอื ของฉนั จุดประสงค ์ เพ่ือสร้างความเข้าใจ วเิ คราะหก์ ารนำ�หนังสอื ไปใช้พฒั นาเดก็ ท้ัง 5 ด้าน คือ ร่างกาย อารมณแ์ ละจิตใจ สงั คม สติปญั ญา ภาษา อปุ กรณ์ หนังสอื เดก็ ท่ีชอบ / ใช้เล่านทิ านประจ�ำ 1 เรือ่ ง ขน้ั ตอน 1. ให้แต่ละคนเลอื กหนงั สือภาพ 1 เลม่ แลว้ วเิ คราะหห์ นังสอื (ตามแบบฝกึ วิเคราะหห์ นงั สือที่ก�ำ หนด) ออกมานำ�เสนอ ใหอ้ ะไรกับเดก็ ... แบบฝกึ วิเคราะหห์ นังสอื ช่อื หนังสอื ................................................................................................. การใช้หนังสือ... เขยี นเร่ือง ................................................................................................. กิจกรรมตอ่ เนอื่ ง... วาดภาพ ................................................................................................. ส�ำ นักพมิ พ.์ ............................................................................................... เหตผุ ลท่ีเลือก ... พฒั นาการเด็ก... 36

ใบงาน 6 กิจกรรม : สือ่ กระดาษแปลงกาย (3) แปลงกายเปน็ “หมอ้ อาหาร” “กระดาษ” เปน็ ส่ือการสอนอย่างงา่ ย ลงทุนน้อย ซึ่งผ้ผู ลิตสื่อตอ้ งรวู้ ิธกี ารน�ำ กระดาษมาใช้ หรอื แปลงกายด้วยวธิ ีต่าง ๆ เชน่ การพบั ตดั ให้เปน็ รปู ต่าง ๆ ตามจินตนาการของตน อุปกรณ ์ กระดาษขนาด A 4 สไี มห้ รอื สีเทยี น สีเมจิก ขั้นตอน 1. แจกกระดาษ A4 2. พบั กระดาษด้านบนลงมา 1 ใน 3 แล้วพลกิ กลบั ดา้ น 3. พบั กระดาษสว่ นที่ยาวลงมาขึ้นไป ใหเ้ หลือกระดาษส่วนล่างประมาณ 1 น้ิว 4. วาดภาพหม้ออาหาร โดยส่วนด้านบนจะเป็นฝาหม้อ ส่วนด้านล่างจะเป็นตัวหม้อ เมื่อเปิดขึ้นจะมีพื้นที่ว่างสำ�หรับวาด ส่วนประกอบอาหาร 5. นำ�เสนอ http://icoh.anamai.moph.go.th/booksonline/lesson6.php 37

ใบงานท่ี 6 แปลงกายเปน็ “หมอ้ อาหาร” มีพืน้ ที่ให้สำ�หรับแปะตวั งาน พื้นท่ใี ห้สำ�หรับแปะตัวงาน 38

ใบความรู้ 7 เรอ่ื ง อาหารเดก็ วัยก่อนเรียน 39

ใบความรู้ 7 เรอื่ ง อาหารเด็กวยั กอ่ นเรยี น ข้อมลู : ยพุ า ภัทรเคหะ นักโภชนาการ โรงพยาบาลน่าน โรงพยาบาลน่าน พิกลุ วไิ ชยยา นักโภชนาการ เด็กวัยก่อนเรียน คือเด็กชว่ งอายุ 1-5 ปี มีการเจรญิ เตบิ โตทั้งด้านร่างกายและสมอง เด็กวัยก่อนเรียนมคี วามเส่ยี งต่อการขาดสารอาหารสูง จงึ ควรจัดอาหาร ให้เหมาะสมกบั ความต้องการของเด็กวัยน้ี เพ่ือช่วยใหเ้ ดก็ มีพฒั นาการทางร่างกาย สมอง และอารมณ์ได้ดี อาหาร คอื ส่งิ ทรี่ ับประทานได้และกอ่ ใหเ้ กิดประโยชน์ต่อร่างกาย อาหารมปี ระโยชน์ คือ 1. ทำ�ให้รา่ งกายเจริญเตบิ โต เสรมิ สร้างระบบภมู ิคุ้มกนั 2. ใหพ้ ลงั งาน 3. ควบคุมการเกิดปฏิกิรยิ าตา่ งๆ ในร่างกาย ข้อปฏบิ ัตใิ นการจดั อาหารให้เด็กวัยก่อนเรียน 1. จัดอาหารใหค้ รบ 5 หมู่ มคี วามหลากหลาย ใหส้ ารอาหารครบถ้วนและเพียงพอกบั ความต้องการของร่างกาย ตัวอย่าง จดั เมนูท่มี ี ไข่ 2 ครั้งตอ่ สัปดาห์ เมนทู ่ีมีตับหรือเลือด 1 ครง้ั ต่อสปั ดาห์ 2. จดั อาหารในปรมิ าณท่ีพอเหมาะสะดวกตอ่ การกนิ มกี ารแบง่ ม้อื อาหาร ห่นั ขนาดเล็ก มลี กั ษณะออ่ นน่มุ 3. คำ�นึงถึงความนา่ รบั ประทานท้งั รูป รส กลิน่ สี และคุณคา่ ทางโภชนาการ 4. ดแู ลและจดั การความสะอาดของวัตถุดบิ ที่นำ�มาประกอบอาหาร เพื่อความปลอดภัย เชน่ การลา้ งผักสดดว้ ยผงฟู 5. จัดอาหารทม่ี ใี นท้องถิ่นและตามฤดูกาล 6. ความเช่ือ ประเพณีวัฒนธรรม 7. งบประมาณ 40


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook