Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore พต31001.

พต31001.

Published by กศน.ตำบลบางเพรียง, 2019-06-17 00:30:04

Description: พต31001.

Search

Read the Text Version

43 EN306001 บทท่ี 6 Self-Sufficiency Economy เร่อื งท่ี 1 ศพั ท-สาํ นวนทใี่ ชใ นเรอื่ งเศรษฐกจิ พอเพยี ง เรื่อง 6.2 โครงสรางประโยคเงือ่ นไข (Conditional Sentence หรอื If-clause) ประโยคที่ใชใ นบทความเรอ่ื ง Self-sufficiency Economy มีโครงสรา งConditional Sentences ท่ีควรศึกษา Conditional sentences คอื ประโยคเง่ือนไข ประกอบดวยประโยคยอย (clause) อยางนอย 2 ประโยค มีประโยคยอยที่ข้ึนตนดวย “if” ทาํ ใหเ รียกประโยคเงอ่ื นไขอีกแบบหนึ่งวา “if clause” แบง เปน 3 กลมุ คอื 6.2.1 สมมตุ ใิ นส่ิงท่มี ีโอกาสเปน ไปได (Possible condition) โครงสรา งประโยค จะเปน ดังน้ี If + subject + present simple, subject + will/can/may/+V1 ตวั อยา ง หรอื If it rains, the road will be wet. If + subject + present simple, subject + will/can/may/+V1 If it rains, the road is wet. If + subject + present simple, subject + V1 สว นใหญจะเปน การกลา วถึง สง่ิ ท่มี โี อกาสเปนไปไดสูง หรือเปน ขอเทจ็ จริง เชน If water boils, it changes into steam.

44 6.2.2 สมมุตสิ งิ่ ทเี่ ปน ไปไดนอยมาก หรือเปนไปไมไดเ ลย ในปจจุบนั (Unreal Present) โครงสรา งประโยค คอื If + subject + past simple, subject + would + V1 (V2) could might ตวั อยาง If I won the first prize, I would fly to Rome. (เปนไปไดนอ ยมาก) V2 If I were you, I would go out. (เปนไปไมไดเลย) V2 *หมายเหตุ verb to be ในโครงสรา งนี้ สามารถใช were ไดกบั ประธานทุกตวั 6.2.3 สมมุติในส่ิงท่ตี รงขามกบั ความจริงในอดตี (Unreal Past) ใชแ สดงเงอื่ นไข กับเหตกุ ารณท ไี่ มเกดิ ขึ้นในอดีต โครงสรา งของประโยค เปนดงั นี้ If + subject + had + V3, subject + would + have + V3 could might ตวั อยาง If he had come here last night, I would have taken him to dinner. ความหมายคือ ถาเขามาที่นีเ่ ม่อื คืนนี้ ผมจะพาเขาไปรับประทานอาหารเย็น ขอเท็จจริง คอื He didn’t come, so I didn’t take him to dinner. (เขาไมไ ดมา ดังน้นั ผมจงึ ไมไ ดพาเขาไปรบั ประทานอาหารเย็น) กิจกรรม ใหผเู รยี นทําแบบฝก ในกจิ กรรมที่ 4 ในบทเรยี น และฝกเขยี นประโยคดว ยตนเอง โครงสรา งละ 1 ประโยค

45 6.2.4 โครงสรา ง Imperative ประโยคขอรอ งหรือบังคับ/หาม (Imperative Sentences) คือ ประโยคท่มี ลี ักษณะ เหมือนคําสง่ั มกั ขึ้นตน ดวย กรยิ า1 เชน Give it to me, please. ขอรอ งขอรอง หรอื Please give it to me. คาํ หาม Do not open the door. คาํ หาม Don’t บางครงั้ สามารถใชป ระโยคท่วั ไปได เชน You should do as I told you. EN306002 บทที่ 6 Self-Sufficiency Economy เรื่องที่ 2 โครงสรางประโยคเงื่อนไข

46 กจิ กรรมทา ยบทที่ 6 Sufficiency Economy (This is the name of a philosophy developed by and promoted on many occasions by King Bhumibol Adulyadej.) Sufficiency Economy is a philosophy that stresses the middle path as the overriding principle for appropriate conduct by the populace at all levels. This applies to conduct at the level of the individual, families, and communities, as well as to the choice of a balanced development strategy for the nation so as to modernize in line with forces of globalization while shielding against inevitable shocks and excesses that arise. “Sufficiency” means moderation and due consideration in all modes of conduct, as well as the need for sufficient protection from internal and external shocks. To achieve this, the application of knowledge with prudence is essential. In particular, great care is needed in the utilization of untested theories and methodologies for planning and implementation. At the same time, it is essential to strengthen the moral fiber of the nation, so that everyone, particularly public officials, theorists and businessmen, adhere first and foremost to the principles of honesty and integrity. In addition, a balanced approach combining patience, perseverance, diligence, wisdom and prudence is indispensable to cope appropriately with critical challenges arising from extensive and rapid socioeconomic, environmental, and cultural changes occurring as a result of globalization.” กจิ กรรมท่ี 1 จงตอบคําถามตอ ไปน้ี (3 คะแนน) 1. What does Sufficiency Economy mean? _________________________________________ 2. Who developed the philosophy of Sufficiency Economy? _________________________________________ 3. What does Sufficiency mean? _________________________________________

47 กิจกรรมที่ 2 จงเติมประโยคเงอื่ นไขทีเ่ ปนจรงิ หรือท่เี ปน ไปไดใ นอนาคต (5 คะแนน) 1. If John _______ hard, he _________ his examination (study, pass) 2. If the rain ______, I ________ for a walk (stop, go) 3. Unless the rain ________, I _______ for a walk (stop, go) 4. I __________ him, if he _________ me (help, ask) 5. If it ________, we __________ at home (rain, stay) กจิ กรรมที่ 3 ใหผูเรยี นแปลจากภาษาไทย เปน ภาษาองั กฤษในประโยคขอรอ ง (5 คะแนน) 1. กรุณาบอกชือ่ ของคณุ ใหฉันดวย ______________________________________________________________ 2. กรุณาปดประตู ______________________________________________________________ 3. กรุณาเปดไฟ ______________________________________________________________ 4. กรุณาตามฉนั มา ______________________________________________________________ 5. โปรดระมัดระวงั ______________________________________________________________

48 บทที่ 7 Have You Exercised Today? เรือ่ งท่ี 7.1 : คาํ ศพั ทเ กย่ี วกบั การออกกาํ ลงั กายและสุขภาพ รวมท้งั หนา ทแี่ ละวธิ ีใชคาํ แตล ะคําในประโยค เชน คาํ ศพั ท หนา ท่ี ความหมาย fitness คํานาม สภาพสมบรู ณจ ากการออกกําลงั กาย muscular คาํ คุณศพั ท กลามเนอ้ื strength คาํ นาม ความแขง็ แรง take / do exercise กรยิ า ออกกําลังกาย health คํานาม สขุ ภาพ diet คํานาม การลดนาํ้ หนักดวยการควบคุมอาหาร energy คาํ นาม พลังงาน sweat คาํ นาม เหงื่อ EN307001 บทที่ 7 Have You Exercised Today ? เรอ่ื งที่ 1 คําศัพทเ ก่ียวกบั การออกกําลังกายและสขุ ภาพ รวมทัง้ หนา ทแ่ี ละวิธีใชค าํ แตล ะคาํ ในประโยค เรือ่ งที่ 7.2 : ความหมายของกรยิ าชวย (Modal verbs) และรปู ประโยคท่ใี ชก ริยาชว ยเหลาน้ี เชน will รูปอดีตใช would ความหมายคอื จะ shall รูปอดีตใช should ความหมายคอื จะ can รปู อดีตใช could ความหมายคอื สามารถ may รปู อดตี ใช might ความหมายคือ อาจจะ have to รปู อดีตใช had to ความหมายคือ ตอ ง had ความหมายคอื ตอง must - - should - - ความหมายคือ ควรจะ ought to - - ความหมายคอื ควรจะ

49 7.2.2: การใช Modal verbs ใชไดก ับหลายสถานการณ บางตัวสามารถใชได หลายรูปแบบ เชน Can / Could 1. ใชแ สดงความสามารถในปจจบุ ันและอดตี ได เชน I can speak four languages. I could swim when I was young. 2. แสดงการขออนุญาตได เชน Can I go home now? 3. แสดงการขอรอ งได เชน Could you do me a favour? May/Might 1. แสดงการคาดคะเนได เชน It may rain tomorrow. 2. แสดงการอนญุ าตหรือขออนุญาตได เชน You may go home now. May I come in? Shall / Should Shall 1. แสดงอนาคตตามหลังประธาน I หรือ We ได เชน I shall leave for Rome tomorrow. 2. แสดงถงึ การเสนอแนะหรอื ชกั ชวนได Shall we have dinner here? Should 1. ใชแ สดงรูปอดีตของ shall ได เชน We said we should go home the following week. 2. ใชในการใหค าํ แนะนาํ ได เชน You should go to bed early. EN307002 บทท่ี 7 Have You Exercised Today ? เรือ่ งท่ี 2 ความหมายของกรยิ าชวย

50 เรอื่ งท่ี 7.3 : Present Perfect Tense 7.3.1 : โครงสรางของประโยค subject + have / has + verb3 (กรยิ าชอ ง 3) ถาประธานเปน I, We, You, They ใช have + V3 ถา ประธานเปน He, She, It ใช has + V3 ตัวอยา ง บอกเลา คําถาม ปฏิเสธ She has eaten rice. Has she eaten rice? She has not eaten rice. They have arrived. Have they arrived (yet)? They have not arrived (yet). 7.3.2 : หลักการใช Present Perfect Tense 1. เหตกุ ารณท เี่ กิดขึ้นแลว ในอดตี และดําเนนิ มาถงึ ปจจุบนั มกั จะใชก ับคาํ ตอไปน้ี since (ต้ังแต), for (นับเปนเวลา), recently (เม่อื เรว็ ๆ น)้ี , so far / up to now / up to the present time (จนกระทงั่ ถึงปจ จบุ นั ) เชน He has lived here since 1999. We have worked here for 2 years. 2. ใชกับเหตกุ ารณท เ่ี กิดแลว แตผ ลยงั อยู เชน We have turned the light on since 2 pm. (now it is 4 pm. and the light is on.) 3. เหตุการณท ่ีเพ่ิงเกดิ ขึ้น มักใชกบั คาํ วา just, already, yet เชน Joe has just left. 4. เหตกุ ารณท ่ที ําซ้ํา ๆ ไมร ะบุเวลา มักใชก บั คํา many times, over and over เชน He has been to Chiang Mai several times. 5. การกระทําทเ่ี คยหรือไมเคยกระทาํ มักใชกบั คาํ วา ever, never เชน Have you ever smoked? I have never eaten snake. EN307002 บทท่ี 7 Have You Exercised Today ? เร่อื งท่ี 3 Present Perfect Tense

51 กจิ กรรมทายบทที่ 7 กิจกรรมที่ 1 ใหผูเ รยี นหาหนา ท่แี ละความหมายของคาํ ตอ ไปน้ี (5 คะแนน) ประเภทของคาํ ความหมาย 1. fitness __________ __________ 2. muscular __________ __________ 3. strength __________ __________ 4. health __________ __________ 5. energy __________ __________ กิจกรรมที่ 2 ใหผ เู รียนเติมประโยคตอไปน้ีในรูปของ Present perfect ใหส มบรู ณ (5 คะแนน) 1. Alice ______ (be invite) to the party yet. ______ you______(ask) her? 2. Jane ______ (not know) him for very long. They ____(date) for only three weeks. 3. My dog ____ (not be wash) in a long time. I need to take him to the groomers. He_________ (begin) to stink! 4. He _________ (live) here since 1999. 5. We _________ (turn) the light on since 2 pm.

52 บทที่ 8 Shall we save energy? เรอ่ื ง 8.1 คําศพั ทและหนา ทีข่ องคาํ ศัพทท่ีเกีย่ วขอ งกับพลังงาน เชน คําศัพท ประเภทของคํา ความหมาย draught คาํ นาม ลมโกรก electrical appliance คํานาม เครือ่ งใชไฟฟา electricity คํานาม ไฟฟา power / energy คํานาม พลงั งาน device คํานาม เครื่องประดิษฐ reuse กรยิ า นํามาใชใหม recycle กรยิ า นาํ มาใชใหม plug in กรยิ า เสียบปล๊กั unplug กริยา ถอดปล๊ัก turn on กรยิ า เปด (สวิตซ) turn off กริยา ปด (สวิตซ) reduce กริยา ลด EN308001 บทท่ี 8 Shall we save the energy ? เรือ่ งที่ 1 คาํ ศพั ทแ ละหนา ท่ขี องคาํ ศพั ททเ่ี กี่ยวของกบั พลังงาน

53 เรือ่ งท่ี 8.2 โครงสรา งประโยคคําสง่ั หรอื คาํ หาม (Imperative sentences) 8.2.1 ในประโยคคาํ สง่ั หรอื คาํ ขอรอ ง จะใชคํากริยาขึ้นตนประโยค เชน Listen to me. ถา ใหส ภุ าพหรอื แสดงความขอรอ งมากข้นึ ควรใสค าํ วา please หนาหรอื ทายประโยคก็ได เชน Please listen to me. หรือ Listen to me, please. 8.2.2 คําหามจะใสค าํ วา “Don’t” หรอื “Do not” ไวห นาประโยค เชน Don’t smoke here. Do not make a loud noise! EN308002 บทที่ 8 Shall we save the energy ? เรื่องที่ 2 โครงสรา งประโยคคําส่งั หรอื คาํ หา ม กจิ กรรมทา ยบทที่ 8 กจิ กรรมท่ี 1 ใหผูเรยี นบอกคําศัพทและหนา ทข่ี องคาํ ศัพท ทเ่ี กย่ี วขอ งกับพลังงาน (5 คะแนน) ประเภทของคาํ ความหมาย 1. save __________ __________ 2. electricity __________ __________ 3. draught __________ __________ 4. recycle __________ __________ 5. electric kettle __________ __________ 6. appliance __________ __________ 7. waste __________ __________ 8. unplug __________ __________ 9. plug-in __________ __________ 10. reuse __________ __________

54 บทท่ี 9 What have I done? เร่ืองท่ี 9.1 คําศพั ท สํานวน วลี ทีใ่ ชใ นการสนทนาเก่ียวกบั การตัดเสอ้ื เชน คําศัพท ความหมาย collar ปกเส้ือ design ออกแบบ dressmaker ชางตดั เสอื้ (หญิง) tailor ชา งตดั เช้อื (ชาย) short-sleeved shirt เสื้อแขนส้นั sleeves แขนเสื้อ sew เยบ็ lace ปก take a measurement วัดตวั EN309001 บทท่ี 9 What have I done ? เรอ่ื งที่ 1 คําศัพท สาํ นวน วลี

55 เร่อื งท่ี 9.2 สาํ นวนทใี่ ชส นทนาเก่ียวกบั การตัดเสอ้ื เชน - To have a dress made หมายถึง ตดั เสือ้ - Have you got any designs in your mind? หมายถงึ คุณมีแบบท่ีคิดไวไ หม? - How would you like your sleeves? หมายถึง คุณตองการแขนเส้ือแบบไหน - When would you like to receive this dress? หมายถึง คณุ จะมารบั ชดุ เมือ่ ไหร - It will be ready on Monday. หมายถึง จะเสรจ็ วันจันทร - Let’s take a measurement. หมายถึง วัดตวั EN309002 บทที่ 9 What have I done ? เรอื่ งท่ี 2 สาํ นวนทใ่ี ชส นทนาเก่ียวกบั การตัดเส้อื เร่ืองที่ 9.3 โครงสรา ง have something done (v3) get ใชกับสถานการณที่ผูพูด จะใหผูอื่นทําส่ิงหนึ่งส่ิงใดให เชน ใหคนใดคนหนึ่งตัดผมให จะ พูดวา I had my hair cut (by someone) หรือ ถา จะไปใหผอู นื่ ซอมรถให จะพูดวา I shall have my car repaired (by someone) ตัวอยา งอนื่ ๆ มดี งั ตอไปน้ี I have my house repainted. got built. will have had am having * have หรือ get เปล่ียนรูปไดต าม Tenses ตาง ๆ

56 EN309003 บทท่ี 9 What have I done ? เร่อื งท่ี 3 โครงสรา ง have หรือ get เรอ่ื งที่ 9.4 Reported speech 9.4.1 โครงสราง Reported speech (Indirect speech) คือ การนาํ คําพดู ผูอน่ื ไปพูดตอ แบง เปน 2 ประเภท คอื 1. นาํ คําพูดมาเลาตรง ๆ ไมเ ปล่ียนแปลง โดยใสเ ครอ่ื งหมายคําพดู เรยี กวา “Direct speech” เชน He said, “I am sick today.” 3. การนําคาํ พูดผูอน่ื มาดัดแปลงเปน คําพดู ของผเู ลา เอง เรยี กวา “Indirect speech” หรือ “Reported speech” โดยไมตอ งใสเคร่ืองหมายคําพูด เชน He said (that) he was sick that day. จะสังเกตเหน็ วา มีการเปลี่ยนแปลง หลายอยา ง เวลานําคาํ พูดมาเลา ตอ เชน คาํ สรรพนาม Tense และสํานวนบอกเวลา เชน “I” เปลยี่ นเปน “he” “is” เปล่ยี นเปน “was” “today” เปล่ยี นเปน “that day” 9.4.2 ประเภทของ Reported speech มีดังนี้ 1. Reported Statement 2. Reported Request and Command 3. Reported Questions ตวั อยา ง Reported statement He said, “I will go home tomorrow.” เปลย่ี นเปน “He said that he would go home the next day.” ตวั อยา ง Reported Request and Command He said to Jane, “Buy me some food.” เปล่ียนเปน He told Jane to buy him some food.

57 ถา เปนคํานาม เชน He said to Jane, “Do not go outside” เปลีย่ นเปน He told Jane not to go outside. ตัวอยา ง Reported Questions 1. Questions with a question word. She asked John, “Where is the book?” เปล่ยี นเปน She asked John where the book was.* 2. Questions without question words She asked John, “Is Peter at work?” เปล่ียนเปน She asked John if (whether) Peter was at work. *ขอ สงั เกต การใชตวั เชอื่ มประโยคคําถาม ทไี่ มไ ดข ึน้ ตน ดว ย question words ใหใช if หรอื whether เปน ตวั เช่อื มประโยคคาํ ถามเดิม ใหเ รียงเปน บอกเลา หลัง question words หรือ if (whether) สังเกตการณเปล่ียนแปลง tense และสํานวนบอก เวลาใหเ ปลีย่ นแปลงดว ย 9.4.3 การเลาเรื่อง (สถานการณ) สามารถใชกริยารปู อดีต เลาเหตุการณท่ีผานมา และใช กรยิ ารปู ปจ จบุ ัน โดยเฉพาะ present simple เลาลกั ษณะนิสยั และขอ เท็จจรงิ ของตนเอง โดยตั้ง คาํ ถามเพือ่ เปนกรอบแนวคําตอบจาก key words ตอไปนี้ like,don’t like, always, often etc.

58 กิจกรรมทายบทท่ี 9 กิจกรรมท่ี 1 ใหเ ติมบทสนทนาใหส มบูรณ โดยใชคาํ ศัพทท ่ีใหมา (5 คะแนน) have are washed fine magazines afraid wait long seat shave Peter : Good afternoon, Sir. How ____(1)____ you today ? John : Fine, thank you. I would like to ____(2)____ my hair ___(3)____ and I'd also like a _____(4)______. Peter : I'm ____(5)_____ our staff is quite busy at the moment. Could you _____(6)____ a few minutes? John : How ___(7)____ it will be? Peter : About fifteen minutes. John : That's ______(8)______. I will wait. Peter : Please have a ______(9)______?. Here are some _____(10)____ for you. John : Thank you. กิจกรรมท่ี 2 ใหผ เู รยี นเปลย่ี นประโยคจาก Direct speech เปน Indirect speech (5 คะแนน) 1. The girl said, \"It gives me great pleasure to be here this evening.\" _________________________________________ 2. The man said, \"I must go as soon as possible.\" _________________________________________ 3. She said, \"I don't want to see any of you; go away.\" _________________________________________ 4. He said, \"I have won.\" _________________________________________ 5. He said to me, “where are you going?”

59 บทที่ 10 What is your e-mail address? เรื่องที่ 10.1 การขอมี e-mail e-mail เปนการเขียนสง -รับขอ ความ หรือไฟลภ าพผา นทางเครอื ขา ยเช่ือมโยงระบบ อิเลก็ ทรอนิกส จากเครือ่ งหน่งึ ไปยงั อกี เคร่ืองหน่ึง หรือหลายเครื่อง e-mail address คอื ที่อยใู นอินเทอรเน็ตบอกตําแหนงของผูรับวา อยทู ีไ่ หน เชน [email protected] 12 3 4 1. ชอื่ สมาชิกผูใ ช (user name) อาจใชช อื่ อื่นได 2. เครอื่ งหมาย @ 3. โดเมนเนม (Domain Name) เปน ทอี่ ยูของอินเทอรเ น็ตเซิรฟเวอรท่สี มคั รเปนสมาชกิ เชน yahoo, Hotmail เปน ตน 4. รหัส .com = commercial บรกิ ารดานการคา .edu = education สถานศกึ ษา .org = organization องคกร .net = network หนวยงานบริการเครือขา ย EN310001 บทที่ 10 What is your e-mail address? เรือ่ งท่ี 1 การขอมี e-mail เรอื่ งท่ี 10.2 การเปด-ปด e-mail 1. เปดหนา เวบ็ ไซตของ e-mail ทไ่ี ดส มัครเปนสมาชิก พรอมกรอก ID และ Password 2. Sign in เพ่ือยนื ยันและขออนุญาตการใช e-mail 3. เลอื กหนาท่ตี อ งการใชง าน เชน กลองขาเขา ตอบรบั หรอื สงตอ

60 EN310002 บทที่ 10 What is your e-mail address? เร่ืองท่ี 2 การเปด -ปด e-mail เรอ่ื งท่ี 10.3 ภาษา e-mail ภาษาท่ีใชใน e-mail จะเปนคาํ ศัพทสัน้ ๆ เขาใจงา ย เพือ่ ใหใสในชอ ง Icon เลก็ ๆ บนหนา e-mail ได คาํ ศพั ทท่ีนยิ มใช เชน Sign in หมายถึง การเขาสรู ะบบ Sign out หมายถงึ การออกจากระบบ Sent Items หมายถึง กลอ งหรอื ท่ีเกบ็ e-mail ท่ีสง ไปแลว Deleted Items หมายถึง กลอ งหรอื ทเ่ี กบ็ e-mail ที่ลบทง้ิ แลวแตยัง เก็บสํารองไวอยู Compose หรือ New mail จะเปน การเขียน e-mail ใหมเ พอื่ จะสง Forward จะเปน การสง ตอ e-mail ทีไ่ ดร บั มาไปหาผูอน่ื CC เปนการสง copy e-mail น้นั ๆ ไปยงั ผูอ ่ืนดว ย EN310003 บทที่ 10 What is your e-mail address? เร่ืองท่ี 3 ภาษา e-mail เรอ่ื งท่ี 10.4 การอา นคาํ แนะนาํ ตวั เองจาก e-mail แบง เปน 1. ขอความทักทายพูดคยุ ทัว่ ไป เชน การแนะนําตนเอง บอกชอื่ อายุ ครอบครัว การศกึ ษา การงาน งานอดิเรก ฯลฯ เชน Hi! My name is ………………………… I am ……………years old. I have one sister and two brothers. I am studying at ………………….school. I live in ……………………………………...

61 2. ขอความนาํ เสนอตวั เองเพ่ือสมคั รงาน เปนการแนะนาํ ตนเอง พรอมบอกทักษะ ความสามารถ การศึกษา เปนตน เชน I am …………………….. I graduated from …………………………. I am an active person. I am good at ……………….. EN310004 บทท่ี 10 What is your e-mail address? เรอ่ื งท่ี 4 การอานคาํ แนะนําตวั เองจาก e-mail เรือ่ งที่ 10.5 10.5.1 การสรา งประโยคคาํ ถามจากคําตอบทีใ่ หม า หรอื ตอบคําถาม เวลาโตตอบ e-mail ผเู รยี นตอ งจาํ ลกั ษณะของประโยคเหลา นใ้ี หได แยกเปนคาํ นามเกยี่ วกบั 1. ขอมลู สวนตวั เชน What’s your name? ตอบ Sam Where are you from? ตอบ Italy Can you ……….? ตอบ Yes, I can. or No, I can’t. 2. การพดู ทักทาย เชน How do you do? ตอบ How do you do? It’s nice to meet you. How are you? ตอบ Fine, thanks. 3. คํานามท่ีใชคาํ วา “Like” เชน What do you like to …..? ตอบ I like to …………. What does he look like? ตอบ He is tall and handsome. What would you like? ตอบ I’d like ………………. What’s the weather like? ตอบ It’s hot and sunny. 4. คําถามเกย่ี วกบั ความคดิ เห็นและขอมลู เชน How was the food? ตอบ It was delicious. What do you think about this book? ตอบ It’s interesting.

62 10.5.2 คาํ คณุ ศัพท (Adjectives) และการเปรียบเทียบคาํ คุณศพั ท (Comparison of Adjectives) คาํ คุณศพั ท คือ การใหรายละเอียดกบั คํานาม เวลาใชมหี ลายรูปแบบ คอื การขยายแบบธรรมดา ตําแหนง ที่ใชส ว นใหญ จะอยูหนาคํานาม เชน a big cat หรอื หลงั verb to be หรอื become, get, feel เปน ตน เชน He feels sad. คาํ คณุ ศัพท เวลาใชม ักจะอยใู นรปู ของการเปรียบเทียบ ดงั น้ี 1. เปรียบเทียบขั้นปกติ (Positive Degree) ในการเปรียบเทียบสิง่ ทเี่ ทากัน หรอื ไมเทา กนั โดยใชกบั as………….as หรอื not so (as)………as She is as good as her mother. He is not so fat as his son. 2. เปรียบเทียบนามสองส่ิงทไ่ี มเทากนั (Comparative Degree) โดยการใชก ับ more + adjectives + than หรือ adjective + er + than เชน * This house is more beautiful than mine. That boy is taller than his brother. 3. เปรียบเทยี บนามท่มี ากกวา สองส่งิ ขนึ้ ไป (Superlative Degree) ใชก ับ the most + adjective (+noun) หรือ the adjective + est (+noun) เชน * This is the most difficult test of all. This is the hottest season of the year. * หมายเหตุ คาํ นามที่มากกวา 2 พยางคข น้ึ ไปมกั ใช more กบั (the) most

63 กจิ กรรมทายบทท่ี 10 กจิ กรรมที่ 1 ใหผูเรยี นเติมคําลงในชองวาง ในจดหมายอิเลก็ ทรอนิกส (5 คะแนน) invite start take place will be could delighted know 14 February with best wishes come To: Sakda Vanawit. From: Preecha Lertboon. Subject: Your visit on Wednesday 5 May. Dear Sakda We would like to ______(1)_____ you to the product launch party on 5 March. The party will _____(2)_____ at 6.00 pm. and will _____(3)_____ in the Oriental Hotel. Dinner and drinks ______(4)______ provided. We would be____(5)____ if you ______(6)_____ come. Please let me _____(7)_____ if you will be able to _____(8)_____ by _____(9)______ _________(10)_________. Preecha Lertboon

64 บทท่ี 11 ภัยธรรมชาติ (Natural Disaster) เรือ่ งที่ 11.1 คําศัพท วลี สํานวนทเ่ี กย่ี วขอ งกบั ภยั ธรรมชาติ เชน คาํ ศัพท หนา ที่ของคาํ ความหมาย survivor นาม แผน ดนิ ไหว collapse กริยา พังลง ยบุ ลง ทรุดลง damage กรยิ า / นาม ทําลาย / ความเสยี หาย catastrophic คุณศพั ท ภยั พิบัติ / หายนะ affect กริยา approximately กรยิ าวิเศษณ มีผลกระทบ landslide นาม โดยประมาณ flood นาม แผนดินเลือ่ นไถล rescue กรยิ า น้ําทวมหนกั earthquake นาม ชว ยชีวิต ผูรอดชวี ิตจากหายนะ EN311001 บทท่ี 11 ภัยธรรมชาติ เร่อื งที่ 1 คาํ ศัพท วลี สาํ นวนท่เี กีย่ วของกบั ภยั ธรรมชาติ เรอ่ื งที่ 11.2 โครงสรางประโยค Past Simple Tense, Past Continuous Tense, Past Perfect Tense 11.2.1 ประโยค Past Simple Tense ใชแสดงเหตกุ ารณทผี่ านมา โครงสรา ง ประธาน + กริยารูปอดีต (V3) เชน Joe went out last night. คําทแ่ี สดงอดตี เชน last ……., ago, yesterday, in1990 เปน ตน

65 รปู ปฏิเสธของ Past Simple มกั ใช did not + V1 ถาเปนกรยิ าทั่วไป เชน He did not go out last night. หรือ ถาเปนกริยาชว ย หรือกริยาจาก “be” เตมิ not ขา งหลงั ไดเลย เชน He was not well yesterday. She could not swim when she was young. 11.2.2 Past Continuous Tense โครงสรา ง ประธาน + was / were + กรยิ า + ing การใช Past Continuous Tense เลา เหตกุ ารณ ดงั น้ี 1. เหตุการณทก่ี ําลงั เกิดขนึ้ ในเวลาทแ่ี นนอนในอดีต เชน He was flying to Rome at 9 p.m. last night. เวลาท่ีแนนอน อดตี 2. เหตุการณ 2 เหตุการณเกิดขึน้ พรอ ม ๆ กันในอดตี มกั ใชก ับคําเช่อื ม while หรือ as (หมายถึง ขณะที่) เชน As I was walking home last night, my son was playing football. I was cooking while my son was watching television. 4. ใชคูกบั Past Simple เพ่ือแสดงเหตกุ ารณ ทก่ี าํ ลังเกดิ ในอดีต และ Past Simple เกิดขนึ้ ซอนภายหลัง เชน While he was walking home last night, it rained. 11.2.3 Past Perfect Tense โครงสรา ง ประธาน + had + V3 (past participle) การใชป ระโยค Past Perfect Tense กับเหตกุ ารณในอดีต ทเ่ี กิดข้ึนกอ น Past Simple เชน Joe had left when I arrived home last night. I arrived Joe had left after before He asked me where I had bought my new car. He asked me I had bought my new car after before

66 11.2.4 Compound Sentence Compound Sentence คอื ประโยครวมท่ีประกอบดวยประโยคยอย อยางนอ ย 2 ประโยคขน้ึ ไปเช่ือมดวย coordinators กลุม FANBOYS คอื for, and, nor, but, or, yet, so หรอื คาํ วเิ ศษณ กลุม moreover, however, therefore เปน ตน และประโยคยอ ยเปนอสิ ระ มคี วามหมายสมบูรณในตัวเอง ตัวอยา ง He works hard, for he wants to be rich. He works hard; therefore, he will be rich. *หมายเหตุ ใหส ังเกตการใชเ คร่อื งหมาย “, ” กับตวั เชอื่ ม coordinators และเคร่ืองหมาย “ ;…..,” กบั ตวั เชื่อมท่ีเปนคาํ วเิ ศษณ 11.2.5 Complex Sentence Complex Sentence (ประโยคใจความซอ น) คือ ประโยคยอ ย อยา งนอ ย 2 ประโยคข้ึนไป เช่อื มดวยตวั เช่อื มกลมุ when, while, until, as soon as, because เปนตน ประโยค complex ตา งกับประโยค compound ตรงทป่ี ระโยค complex ประกอบดว ยประโยคยอ ยที่มีความหมายสมบูรณใ นตัวเอง อยางนอ ย 1 ประโยค เรียกวา Main clause กบั ประโยคยอ ยท่ีไมมคี วามหมายสมบูรณใ นตวั อยางนอย 1 ประโยค เรยี กวา subordinate clause ตวั อยา ง When I got up, I heard a bird singing. Subordinate clause Main clause I like him because he is nice. Main clause Subordinate clause *หมายเหตุ ใหส งั เกตการใชเคร่อื งหมาย “, ” เมอื่ subordinate clause อยูประโยคแรก 11.2.6 การถามและตอบคําถามจากบทอา น ควรศกึ ษาคาํ ศัพท สํานวน ท่ีผานมา ขางตน แลว ศึกษาลกั ษณะคําถามและวธิ กี ารตอบ ดงั นี้ How many ………..? ถามเกยี่ วกบั จาํ นวน เชน How many people were injured? ตอบ Ten (people) How far …………? ถามเกย่ี วกับระยะทาง เชน How far is it from here to the airport? ตอบ 20 miles. How long ………….? ถามเกย่ี วกบั เวลา เชน How long did it take you to walk here? ตอบ 20 minutes. Who …………………? ถามเกย่ี วกบั บุคคล เชน Who came first? ตอบ Peter did.

67 EN311002 บทท่ี 11 ภัยธรรมชาติ เรอื่ งที่ 2 โครงสรางประโยค กิจกรรมทา ยบทที่ 11 กิจกรรมที่ 1 ใหผ เู รยี น หาหนาทขี่ องคําและความหมายของคําศัพทต อไปนี้ (5 คะแนน) ประเภทของคาํ ความหมาย 1. Natural disaster __________ __________ 2. Earthquake __________ __________ 3. Tsunami __________ __________ 4. Tidal waves __________ __________ 5. Disaster area __________ __________ 6. Catastrophe __________ __________ 7. Destruction __________ __________ 8. Drought __________ __________ 9. Landslide __________ __________ 10. Evacuate __________ __________

68 บทที่ 12 Let’s Travel เรอ่ื งที่ 12.1 ตารางเวลาการเดินทาง (Traveling Timetable) การอา นตารางเวลา จาํ เปนตองศึกษาคาํ ศพั ท และคาํ ยอ ตอไปนี้ 1. leave หรือ depart (dep.) หมายถึง ออกจาก 2. arrive (arr.) หมายถึง มาถึง 3. คาํ ศัพทท ีใ่ ชใ นการอา นเวลา เชน a half, a quarter, am., pm. ตวั อยา ง The train will leave at 2.45. (อานวา two forty-five หรอื a quarter to three.) The bus will arrive at 8.30. (อา นวา eight thirty หรอื half past eight.) 4. วลี หรอื สํานวนท่ีใชในการถาม-ตอบ เก่ยี วกบั เวลาในการเดินทาง เชน one = หน่งึ ชวั่ โมงครง่ึ hour and a half = คร่งึ ชวั่ โมง an = ทกุ ๆ คร่งึ ชว่ั โมง half an hour = รายวนั /แตละวัน every half hour = รายสัปดาห daily weekly EN312001 บทท่ี 12 Let’s Travel เรอ่ื งที่ 1 ตารางเวลาการเดนิ ทาง เร่ืองที่ 12.2 การถามและใหขอมลู (Asking and Giving Information) ศัพท สาํ นวน ทจี่ ําเปน ตองใชขณะเดินทาง โดยใชยานพาหนะแตล ะประเภท ดังนี้ 12.2.1 การเดนิ ทางโดยรถไฟ (By train) 1. แสดงความจํานงในการซ้ือตวั๋ I would like to buy a ticket to ………………….

69 2. ถามราคาต๋ัวเที่ยวเดียว (one–way ticket) หรอื ตว๋ั ไป-กลับ (round-trip ticket) How much is a one–way ticket to ………………..? round-trip 3. คาํ ถามทใี่ ชเกีย่ วกบั ขบวนรถไฟ - Which train goes to …………………….? รถไฟขบวนไหนไปยัง ..................................... - Does this train go to………………………….? รถไฟขบวนน้ไี ป.............หรอื ไม - Which platform can I get on the 8.30 train to Chiang Mai? จะขนึ้ รถไฟไปเชียงใหมไ ดทช่ี านชาลาไหน - When will the next express train leave? รถดว นขบวนตอ ไปออกเมอื่ ไร - What time does the train arrive in Bangkok? รถไฟถงึ กรงุ เทพฯ ก่โี มง - How long does it take to get to Phuket? การเดนิ ทางไปภเู ก็ตใชเ วลานานเทาไร - I will get off at the next station. ผมจะลงสถานตี อ ไป 12.2.2 การเดนิ ทางโดยรถประจาํ ทาง (By bus) ศัพท สํานวนที่ใช มดี งั น้ี get on = ขนึ้ รถ get off = ลงจากรถ take the bus number ……… = ขน้ึ รถประจําทางหมายเลข ........... catch = ปายรถประจําทาง bus stop 12.2.3 คาํ ถามสําหรบั ใชในการถามขอ มลู มีดงั นี้ Excuse me. Pardon me. = ขอโทษท่ีรบกวน Sorry to trouble you.

70 Would / Could you please tell me if / whether this bus goes to / passes the Victory Monument? รถคันน้ไี ป/ผา นอนุสาวรียช ัยสมรภมู หิ รือไมค รับ กรณุ าบอกผมไดไหมครบั วารถจอดที่ไหน/เม่อื ไร - Do you know how long it takes? how far it is? Where I can catch the bus number 8? ทา นทราบไหมวา ใชเ วลานานเทา ไหร ไกลแคไหน ผมจะขึ้นรถประจําทางหมายเลข 8 ไดอ ยา งไร EN312002 บทท่ี 12 Let’s Travel เรอื่ งที่ 2 การถามและใหข อมลู เรื่องที่ 12.3 การถามและการบอกทศิ ทาง (Asking and Giving Directions) สาํ นวนและประโยคทน่ี ยิ มใชใ นการถามทิศทาง มีดังน้ี - Excuse me. Where is the post office? How can I get to the post office? Which is the best way to the post office? (ขอโทษครบั ) (ไปรษณียอ ยูทีไ่ หนครบั ผมจะไปไปรษณียไ ดอยางไร ทางไหนไปไปรษณียดีทส่ี ุด)

71 * - (Could you) please tell me where the post office is? Do you know how I can get to the post office? (กรณุ าบอกเสนทางผม (ไปรษณยี อยทู ไ่ี หนครบั คณุ ทราบไหมครับ) ผมจะไปไปรษณยี ไ ดอ ยางไร) สาํ นวนและประโยคทีน่ ยิ มใชในการบอกทศิ ทาง มีดังนี้ Go/walk straight on. = เดินตรงไป Turn left / right. = เลย้ี วซา ย / ขวา Take the second turning on the right. = เลีย้ วขวาครง้ั ที่ 2 Keep on walking / driving. = straight on=เดิน /ขับ ตอ ไป The (place) is on your left / right.= สถานท่นี ัน้ อยูดานซาย / ขวา ของคณุ The (place) is next to the police station. = สถานท่นี ั้นอยถู ัดจากสถานีตาํ รวจ It’s about ten minute’s walk from here. = เดิน /ขับรถ 10 นาที จากท่ีน่ี drive * หมายเหตุ ใหส ังเกตประโยคทีต่ ามหลงั Question words (where, how, what etc.) จะเรียงเปนบอกเลา EN312003 บทท่ี 12 Let’s Travel เร่อื งท่ี 3 การถามและการบอกทิศทาง เรื่องท่ี 12.4 การแลกเปลย่ี นขอมลู ความรู 12.4.1 การเขียนเลาเรอ่ื งประสบการณจ ากการทองเที่ยว เปนการเขยี น เลาประสบการณในอดตี โดยใช Past Simple Tense และ Past Continuous Tense ทไี่ ดเรยี นจาก บทเรียนที่ 11 โดยใช Past Tense Verb คือ กรยิ าชอ งท่ี 2 และถา ตองการเนน เหตุการณท ่ีกาํ ลังเกิดในอดีต ใหใ ช Past Continuous Tense คอื กริยา was 2 were + V-ing เชน

72 I went to Phuket last month. I was at home when it rained heavily. I was cleaning my room at midnight last night. He was driving home while his mother was cooking. 12.4.2 การวางแผนการเดนิ ทางเพอ่ื การทองเทยี่ ว (Trip Agenda) คาํ ศพั ท วลี สํานวน และประโยคที่ใชในการวางแผนการทองเท่ียว มีดังน้ี 1. การเขียนกาํ หนดการเดนิ ทาง เนนเรอื่ งเวลาและสถานทตี่ องกําหนดวนั วันที่ เวลาให ชดั เจน รวมถงึ กจิ กรรมทต่ี อ งทําแตล ะวัน เชน Day 1/Date Activities 15 May 2014 8.00 Pick up at the hotel lobby 9.30 Visit Vimanmek Palace 12.00 Lunch 13.00 Visit the Grand Palace 16.00 Back to hotel 18.30 Dinner 2. การจองตว๋ั เครือ่ งบินและโรงแรม (Booking a flight and hotel reservation) ประโยคทีใ่ ชโดยทว่ั ไป เชน - การจองตัว๋ เครือ่ งบนิ (Booking a flight) เชน I’d like to book a flight to ………… ผมขอจองตวั๋ ไป.............. May I have your name, please? ขอทราบชื่อดวยครับ / คะ The seat has already been booked. ทน่ี งั่ ไดม กี ารจองแลว ครับ / คะ สวนคาํ ศัพทท่ีมกั ใชในการจองต๋วั เครื่องบนิ เชน direct flight = บินตรง transit = เปลยี่ น / ถา ยเคร่อื ง departure time = เวลาเครื่องบนิ ออก arrival time = เวลาเครอื่ งบนิ ถงึ land = เครือ่ งบินจอดลง take off = เครื่องบนิ ขึ้น

73 2. การจองหอ งพกั โรงแรม (Hotel reservation) สวนใหญจองทางโทรศพั ท โดยใชสาํ นวนประโยคตอไปน้ี - I’d like to make a reservation, please. ขอจองหอ งโรงแรมครบั - Can I book a single room for two nights, please ? reserve ขอจองหองเดยี่ วสองคืนครับ / คะ - Have you got any vacancies for tonight? คุณมหี องวา งคนื น้ไี หมครบั / คะ การตอบ เลือกใชประโยคตอ ไปน้ี - I’m sorry. We’re fully booked. เสียใจดว ยครับ / คะ เต็มหมดแลว - We have two rooms available / left. เราเหลือวา ง 2 หอ ง ครับ / คะ - I can offer you a double room. ผมมหี อ งคูเหลอื อยูครบั สว นคําศพั ททใ่ี ชม ีดงั น้ี check in = เขา พกั โรงแรม ออกจากโรงแรม check out = มีเหลอื อยู รวมอาหารเชา available = ถา เปน ไปได โปรดถอื สายสักครู including breakfast = if possible = hold on a moment =

74 EN312004 บทที่ 12 Let’s Travel เรื่องที่ 4 การแลกเปลย่ี นขอมลู ความรู กจิ กรรมทายบทท่ี 12 กจิ กรรมที่ 1 ใหผ ูเรียนอา นตารางการบนิ และตอบคําถามตอไปน้ี (5 คะแนน) Suvarnabhumi (BKK) --------- Phuket (HKT) Day Fight Dep Arr Between Daily FD 3021 08.45 10.05 27 Mar-29 May Daily FD 3023 07.50 09.20 27 Mar-29 May Daily ED 3025 10.50 12.15 27 Mar-29 May Daily FD 3027 13.50 15.10 1 Jun-29 July 1. If you plan to go to Phuket on 27 March, where should you get on the plane? ______________________________________ 2. When does the flight FD 3023 leave from Suvarnabhumi? ______________________________________ 3. What time does the flight FD 3025 arrive in Phuket on 29 May? ______________________________________ 4. How long does the fight FD 3027 take to get to Phuket? ______________________________________ 5. Which flight should you take if you have to check in at a Phuket hotel at 10.00 am.? _____________________________________

75 บทท่ี 13 The Weather เรือ่ งท่ี 13.1 บทอานพยากรณอากาศในประเทศ และตา งประเทศ (Weather Forecast) ศัพทท ี่ควรรู เก่ยี วกับการพยากรณอ ากาศ (Words to study about the weather forecast) 1. Weather Factors (องคป ระกอบของกาลอากาศ) 1.1 Rain = ฝน (1) Features of rain (ลกั ษณะของฝน) - rain, rain shower, shower = ฝนทตี่ กลงมาเปน ชวง ๆ - thundershower = ฝนฟาคะนอง - thunderstorm = พายุฝนฟา คะนอง (2) Area where rain falls (พ้ืนท่ฝี นตก) - scattered (adj.) = กระจัดกระจาย - widespread (adj.) = แผเปนวงกวา ง - isolated (adj.) = กระจายไปท่ัวทุกพ้นื ท่ี 1.2 Wind (ลม) (1) light/breezy = ลมพัดเอ่ือย ๆ (2) windy = ลมแรง (3) gusty = ลมกรรโชก (4) gale = ลมพายุ 1.3 Sky (ทองฟา ) (1) clear = แจมใส (2) sunny = แดดจา (3) gusty = ลมกรรโชก (4) partly cloudy = มีเมฆเปน บางสว น 2. Weather condition (สภาพดินฟาอากาศ ) - frost/frosty = น้ําคางแข็ง - snow/snowy = หมิ ะ มีหมิ ะตก - icy = หนาวจดั มหี ิมะจับทั่วไป - misty = มหี มอกบาง ๆ ไมห นานกั - fog/foggy = หมอกหนา/มีหมอกลงจัด 3. Temperature (อุณหภมู )ิ - minimum (min) = ตาํ่ สดุ - maximum (max) = สงู สุด

76 - low/high pressure = ความกดอากาศตํา่ /สงู - average = normal = ปกติ - standard = มาตรฐาน - Celsius = หนว ยวัดอุณหภมู ิสากล (องศา °C) - Fahrenheit = องศาฟาเร็นไฮต 4. Humidity (ความชนื้ ) คดิ เปนรอยละ % - relative humidity = ความชื้นสมั พทั ธ - average humidity = ความชน้ื เฉล่ยี 5. Time : am. / pm. (เวลาน้ําขึน้ นํา้ ลง) = low (ต่าํ ) / high (สูง) 6. Sea (ทะเล) - smooth = สงบ - moderate = มคี ลืน่ ปานกลาง - slight = มีคลืน่ เลก็ นอย - rough = มีคล่นื จดั 7. Areas/regions (เขตพนื้ ท)ี่ - Cent (Central) = ตอนกลาง - Cent S (Central South) = ใตต อนกลาง - Cent N (Central North) = เหนอื ตอนกลาง - SW (South West/ Southwest) = ตะวนั ตกเฉียงใต - SE (South East/Southeast) = ตะวันออกเฉียงใต - NE (North East/Northeast) = ตะวนั ออกเฉียงเหนือ - NW (North West/Northwest) = ตะวนั ตกเฉียงเหนอื 8. Sun / Moon / am. / pm. = พระอาทิตย / พระจันทร - set (v) = ตก - rise (v) = ขึ้น 9. Other words: คําศัพทส ํานวนอื่นทีพ่ บบอ ย ๆ เก่ียวกบั การพยากรณอ ากาศ - rainfall = ปริมาณนํ้าฝน - tropical depression = พายคุ วามกดอากาศตํ่าเขตรอน - intensify (v.) = ทําใหร นุ แรงข้ึน - northeasterly winds = ลมมรสมุ ตะวันออกเฉยี งเหนอื - southwesterly winds = ลมมรสุมตะวนั ตกเฉยี งใต - prevail = ลมพัดแรง - flash flood = นาํ้ ทวมฉับพลนั - flooding condition = สภาวะน้าํ ทวม

77 - kph (kilometer per hour) = 1 กิโลเมตรตอชั่วโมง - hail (n.) = ฝนลกู เห็บ - likely = เปน ไปได - partly (adv.) = บางสว น - mostly (adv.) = สว นมาก สวนใหญ - widely (adv.) = อยา งกวางขวาง/เปนบริเวณกวา ง - decline (v.) = ลดลง กิจกรรม 1 อานการพยากรณอากาศตอ ไปนี้ แลว ฝก ทาํ แบบฝก หดั ในเอกสารหนังสือเรยี น Max. Day Min. Night Wind Humidity Day Weather Temperature Temperature Direction Pressure (°C °F) (°C °F) and Speed Visibility (mph/km/h) South West 53% Sat Light rain 19°C 66°F 10°C 50°F Westerly 1005 mb weather shower 13/21km/h Very good Heavy 18°C 64°F South West 92% Sun rain 11°C 52°F Westerly 1000 mb weather shower 9/14km/h Moderate Mon Sunny 19°C 66°F South West 61% weather Intervals 14°C 57°F Westerly 1011 mb 12/19km/h Very good Tue Light rain 20°C 68°F South West 88% weather 14°C 57°F Westerly 1018 mb 9/14km/h Good Wed Light rain 19°C 66°F North West 95% weather 10°C 50°F Westerly 1017 mb 9/14km/h Moderate

78 EN313001 บทท่ี 13 The Weather เรอื่ งที่ 1 บทอา นพยากรณอ ากาศในประเทศและตา งประเทศ เร่อื งท่ี 13.2 Tense ทน่ี ิยมใชเกย่ี วกับดินฟาอากาศ คอื Present Simple Tense ซงึ่ มีโครงสรางดังนี้ ประธาน + กรยิ า ชอ ง 1 + กรรม (สว นขยาย) ตัวอยา ง : The weather is hot today. *หมายเหตุ : 1. ถา ประธานของประโยคเปนเอกพจนบ รุ ุษที่ 3 เชน a man (he), a girl (she), a dog (it) กริยาปกตทิ ั่วไปใหเตมิ s หรอื es (กรณกี ริยานั้นลงทายดว ย o, sh, ch, ss) ถากริยาลง ทา ยดว ย y หลังพยญั ชนะใหเ ปลี่ยน y เปน ies. เชน The sun sets in the west. A girl washes the dishes every day. He cries (cry) in the morning. ถาเปน ประโยคปฏิเสธหรือประโยคคําถามใหใช “does” ชวย แลว เปลี่ยนกรยิ าเปนรูป เดิมท่ไี มมี s หรอื es เชน The sun doesn’t set in the east. Does he cry in the morning? 3. ถาประธานของประโยคเปนพหูพจน หรือ I, We, You, They กริยาไมตองเตมิ s หรือ es เชน They go home in the evening. ถา เปนประโยคปฏเิ สธหรือประโยคคาํ ถามใหใช “do” ชวย เชน They do not go home in the evening. Do Sam and Mary live here? *หมายเหตุ ถา บันทกึ ขอมูลเร่ืองอากาศใหใ ช Past Simple (กรยิ ารูปอดตี ) EN313002 บทที่ 13 The Weather เรอ่ื งที่ 2 Tense ทน่ี ยิ มใชเ กยี่ วกบั ดินฟา อากาศ

79 เรื่องที่ 13.3 การถามและการขอขอมลู เกีย่ วกับดนิ ฟาอากาศ (Asking and Giving Weather Information) 3.1 คาํ ศพั ททใี่ ชส ว นใหญเ ปนคาํ คณุ ศพั ทท ม่ี ากจากคํานาม ตัวอยางเชน คํานาม ความหมาย คาํ คณุ ศพั ท ความหมาย snow หมิ ะ snowy หมิ ะตกหนัก sun ดวงอาทิตย sunny แดดจดั wind ลม windy ลมแรง cloud เมฆ cloudy เมฆมาก 3.2 คาํ วเิ ศษณ (adverb) ที่ใชเนนลักษณะดินฟาอากาศ ไดแ ก quite / pretty หมายถึง คอนขาง เชน It’s quite hot today. = อากาศคอ นขางรอ นวันน้ี หรือคาํ really, very, terribly หมายถงึ คอ นขางมาก เชน It’s really windy. = ลมแรงมาก 3.3 สาํ นวน ประโยคที่ใชในการถาม-ตอบ เก่ยี วกับอากาศ มีดังนี้ ถาม : What’s the weather like today? วนั น้ีอากาศเปนอยางไร ตอบ : It’s hot and sunny. อากาศรอ นและแดดจา ถาม : Is it rainy in the south? มฝี นตกมากทางภาคใตไหม? ตอบ : Yes, it is. ใชค ะ / ครบั EN313003 บทที่ 13 The Weather เรื่องที่ 3 การถามและขอขอมูลเก่ียวกบั ดนิ ฟาอากาศ

80 เร่ืองที่ 13.4 ประเภทของคําในภาษาองั กฤษ (Parts of speech) การทราบประเภทของคาํ ในภาษาอังกฤษ มีประโยชน ในการอาน-เขียน และพูด เพราะจะทําใหส ามารถใชคําในประโยคไดถ ูกตอ ง เชน คํานาม หรอื คาํ สรรพนาม ทําหนา ที่เปน ประธานหรือกรรมในประโยค ทําใหส ามารถใชไดถกู ตอง เชน My dog is cute. I love it. ประธาน ประธาน กรรม Parts of Speech ประกอบดวย 1. Noun (คาํ นาม) เปน คาํ ทใ่ี ชเรยี ก คน สัตว ส่งิ ของ สถานท่ี เชน Sam, bird, book, Bangkok 2. Pronoun (สรรพนาม) คือ คาํ ทแ่ี ทนคํานาม แบงเปน บุรษุ ที่ 1 (ผูพูด) I, We บรุ ษุ ที่ 2 (ผูฟ ง ) You บุรษุ ท่ี 3 (ผูทีถ่ กู กลา วถึง) He, She, It, They 3. Adjective (คณุ ศพั ท) เปน คาํ ท่ีบอกรายละเอยี ดของคาํ นาม หรือสรรพนาม เชน red, tall, dirty, เปนตน 4. Verb (คาํ กรยิ า) คอื คาํ ท่ีใชแ สดงอาการ หรือสถานภาพของประธาน ของประโยค เชน run, look, read เปนตน 5. Adverb (กรยิ าวเิ ศษณ) เปนคาํ ท่ีขยายกริยา คุณศัพท หรือ กรยิ าวเิ ศษณ เชน really, well, happily เปนตน 6. Auxiliary Verb หรือ Helping Verb เปนกรยิ าชวย เชน do, does, did, is, am, are, can, could, will, would เปน ตน 7. Preposition (คาํ บพุ บท) เปน คําเช่ือมคาํ นามกับคําอนื่ ๆ ในประโยค เชน in, on, at, between, before เปน ตน 8. Conjunction (คําสันธาน) คือ คําเชื่อมระหวางคาํ กบั คาํ วลกี ับวลี ประโยคกับ ประโยค เชน before, after, until, and, but เปนตน 9. Interjection (คําอุทาน) อาจเปนคาํ เดียว หรือกลุมคาํ กไ็ ด เวลาใช มกั จะตามดว ย เครอื่ งหมายอศั เจรยี  (Exclamation mark) เชน My Goodness! or Isn’t she great! เปน ตน EN313004 บทท่ี 13 The Weather เรือ่ งท่ี 4 ประเภทของคําในภาษาองั กฤษ

81 กิจกรรมทายบทท่ี 13 กจิ กรรมที่ 1 ใหผ ูเรียนเปล่ยี นคาํ นามตอ ไปน้ีใหเ ปน คําคณุ ศัพท (5 คะแนน) คาํ นาม (N) คาํ คณุ ศพั ท (adjective) 1.Wind ___________________ 2. Sun ___________________ 3. Cloud ___________________ 4. Dust ___________________ 5. Frost ___________________ 6. Snow ___________________ 7. Mist ___________________ 8. Fog ___________________ 9. Ice ___________________ 10. Rain ___________________

82 บทที่ 14 Global Warming เรื่องที่ 14.1 อา นบทความเก่ยี วกับภาวะโลกรอน (Global Warming) โดยศึกษาความหมายฝก อานคาํ ศพั ทและวธิ กี ารใชค ําศัพทต อ ไปน้ี กอ นทาํ กิจกรรมในหนังสอื เรียน หนา 336 Word studies (ศัพทท ค่ี วรทราบ) คาํ ศพั ท หนาท่ขี องคาํ ความหมาย global warming n. ภาวะโลกรอน temperature n. อณุ หภูมิ planet n. ดาวเคราะห (หมายถงึ โลก) greenhouse effect n. ภาวะเรอื นกระจก atmosphere n. บรรยากาศ carbon dioxide n. กาซคารบ อนไดออกไซด methane n. กา ซมเี ทน phenomena n. ปรากฏการณธ รรมชาติ contribute v. สนับสนุน solar variation n. ความผนั แปรของดวงอาทิตย volcanic eruption n. การระเบิดของภเู ขาไฟ pollution n. มลภาวะ vehicle n. ยานพาหนะ industry n. อตุ สาหกรรม fossil fuel n. นาํ้ มนั เชอ้ื เพลิงทเ่ี กิดจาก ซากพืชซากสัตว energy n. พลงั งาน planet n. โลก, ดาวเคราะห deforestation n. การทําลายปา deplete v. ทาํ ใหส ูญเสีย generate v. ผลิต กอใหเ กดิ increase v. เพม่ิ ขึน้ severe adj. รุนแรง climate n. อากาศตามฤดูกาล ice cap n. ภูเขานา้ํ แขง็ ที่คลมุ พนื้ ทีก่ วา ง

83 14.2.1 ศกึ ษาศัพท สํานวน และวลีตอ ไปน้ี กอ นฝก สนทนา จากบทสนทนาในบทเรียน กจิ กรรมท่ี 3 - Do you think ……? = ทานคดิ วา ....... หรอื ไม - I think …………. = ผม / ฉัน คดิ วา ........ - face the crisis = รับมอื กับวิกฤตกิ ารณ - must be aware of = ตองตระหนกั ถงึ ....... - greenhouse effects = ภาวะเรือนกระจก - instead of = แทนท่ี - Let’s share ………….. = มาแบง ......กันเถิด - If only we are wanted = อยากใหพ วกเราเปน ทต่ี อ งการ - Let’s see what we can do = มาดูกันวาเราจะทาํ อะไรไดบาง 14.2.2 ประโยค Passive Voice โครงสรางของประโยคจําแนกตามความหมายในการใช แบง เปน 2 ประเภท คือ 1. ประโยค Active Voice คอื ประโยคที่ประธานของประโยค เปนผูกระทาํ กรยิ า น้นั เอง เชน John walks home every evening. ประธาน เดินกลบั บาน 2. ประโยค Passive Voice คือ ประโยคทป่ี ระธานของประโยค เปนผถู ูกกระทาํ เชน John was killed by a stranger last night. ประธาน ถูกฆา ผกู ระทาํ โครงสรา งของประโยค Passive Voice Subject + Verb to be + V3 (by someone) กรยิ าประโยค Passive Voice ของแตละ Tense Present Simple -is / am / are + V3 Present Continuous -is / am / are + being + V3 Present Perfect -have / has / been + V3 Past Simple -was / were + V3 Past Continuous -was /were + being + V3 Past Perfect -had / been + V3 Future Simple -will / shall be + V3 *หมายเหตุ : ประโยค Passive Voice ทุกประโยคจะใชก รยิ าชอง 3 (Past Participle) เหมือนกนั หมด ตางกนั ตรง verb to be ทีอ่ ยูหนา Verb3 ที่จะแสดงใหเ หน็ วา Verb3 นัน้ เดมิ มาจาก Verb รปู ใด เชน

84 Active: He eats rice every day. V1 Passive: Rice is eaten (by him) every day. Active: She cooked her lunch last week. V2 Passive: Her lunch was cooked last week. Active: Joe will send a letter tomorrow. V1 Passive: A letter will be sent tomorrow. V3 14.2.3 หลังจากอานบทความ และฝกสนทนาจากแบบฝกในหนังสอื เรียนแลว เขยี น ประโยคเกีย่ วกบั สาเหตกุ ารเกิดสภาวะโลกรอ น และผลกระทบจากสภาวะโลกรอ น แลว ฝกกิจกรรมท่ี 4 และ 5 ในหนงั สอื เรยี น เชน สาเหตุ (cause) - the accumulation of greenhouse gases in the atmosphere. ผลกระทบ (effect) - the rise in the average temperature of the planet. EN314001 บทท่ี 14 Global Warming เร่อื งท่ี 1 ภาวะโลกรอน

85 กิจกรรมทา ยบทท่ี 14 กจิ กรรมท่ี 1 เปลย่ี นประโยคตอไปนเี้ ปน passive voice 1. Mr. Johnson teaches the English class. ______________________________________ 2. A soldier killed him in the war. ______________________________________ 3. They were singing the song. ______________________________________ 4. No one has used that door for a month. ______________________________________ 5. Have you fed the baby yet? ______________________________________

86 บทท่ี 15 Urgently Wanted เรอื่ งที่ 15.1 โฆษณาตาํ แหนงการรบั สมัครงาน (Job Advertisement) จากหนงั สือพมิ พ หรอื Website ทเ่ี กย่ี วของ ใหดโู ฆษณารบั สมคั รงาน หนา 347 ในหนังสอื เรยี น 15.1.1 สว นประกอบของโฆษณาตําแหนงงานวาง มดี ังนี้ 1.–2. ช่อื และทีอ่ ยูข องบรษิ ัท (Name and Address) อยดู านลาง ของขอ ความ โฆษณา 3. ภูมิหลังของบรษิ ัท (Background) บอกใหรวู า บริษทั ดําเนนิ ธุรกจิ ประเภทใด อยู ดา นบนสุด 4. ตาํ แหนง งานวา งท่ปี ระกาศรบั สมัคร (Position or vacancy) อยถู ัดลงมาจาก Background ของบรษิ ทั มกั ใชคาํ วา Wanted, Required, Urgently Required เปน ตน 5. คุณสมบตั ขิ องผูส มคั ร (Qualification อยูถัดจากตําแหนง งานท่ีวาง จะเรียงลาํ ดบั เปนขอ ๆ 6. ข้ันตอนการสมคั ร (Procedure) บอกวธิ ีการสมคั รท่ีผูสมัครตองปฏบิ ตั ิ 15.1.2 คาํ ศัพท สาํ นวนภาษาองั กฤษทมี่ ักพบบอ ยในโฆษณารับสมคั รงาน มีดังน้ี attractive = นาดงึ ดดู ใจ benefit = ผลประโยชน good command of… = มคี วามรดู ดี าน experience = ประสบการณ male = เพศชาย female = เพศหญิง graduate = จบการศึกษา (ปริญญาตรี) offer = เสนอให recent = เร็ว ๆ น้ี, ไมนานมาน้ี salary = เงินเดอื น wages = คา จาง well–established = มั่นคง well–paid = รายไดดี กิจกรรม ศึกษาคําศัพทและการใชในโฆษณารบั สมคั รงาน แลว นาํ มาใชในกจิ กรรมท่ี 1

87 EN315001 บทที่ 15 Urgently Wanted เรื่องท่ี 1 โฆษณาตําแหนงการรบั สมัครงาน เรือ่ งท่ี 15.2 คําศพั ท สํานวน วลี และโครงสรางที่เกี่ยวของกับการสมัครงาน มดี ังนี้ 15.2.1 ชอื่ งาน (job title) เชน Clerk = เสมียน Typist = พนกั งานพิมพดดี Secretary = เลขานุการ Receptionist = พนักงานตอ นรบั Sales Representative = ตวั แทนการขาย 15.2.2 อาชีพตาง ๆ ท่ีควรทราบและพบบอย เชน accountant = พนกั งานบัญชี librarian = บรรณารกั ษ reporter = ผูส่อื ขา ว pharmacist = เภสชั กร (ดูรายละเอียดหนา 350) กิจกรรม หลังจากศกึ ษาศัพท สาํ นวนเหลา นี้แลวใหท ํากจิ กรรม ในหนงั สือเรยี น ทา ยบทเรียน 15.2.3 คุณสมบัติ (Qualification) 1. คาํ ศพั ท สํานวนภาษาอังกฤษท่ีพบบอ ยในการสมัครงาน มดี ังน้ี Graduate = จบการศึกษา Bachelor’s degree = ปริญญาตรี BA = Bachelor of Arts = ปรญิ ญาตรดี านศลิ ปศาสตร BS = Bachelor of Science = ปริญญาตรดี านวทิ ยาศาสตร Master’s degree = ปรญิ ญาโท Doctoral degree = ปริญญาเอก Certificate = ใบประกาศนยี บัตร

88 2. สาขาวิชาท่ีจบการศึกษา เชน Computer Science = คอมพวิ เตอรศาสตร Civil Engineering = วศิ วกรรมโยธา Business Administration = บรหิ ารธรุ กจิ 3. บุคลิกภาพ (Personality) คอื ลกั ษณะของบคุ คลท่ีผวู าจางตอ งการ คําศพั ทที่นิยมใช มีดังนี้ energetic = วอ งไว กระฉบั กระเฉง good human relationship = มมี นุษยส ัมพนั ธดี outgoing = เปด เผย รา เริง เขา กับผูอ่นื ได pleasant personality = มบี คุ ลกิ ภาพท่ีนา คบหา hardworking = ขยนั การงาน 4. ความสามารถดานภาษา (Ability in languages) คําศพั ท วลี ที่ใชในประกาศรับ สมัครงานเกย่ี วกับความสามารถทางภาษา เชน Fluent or Fluency in English = ใชภาษาองั กฤษไดค ลอง a fair knowledge of English = มีความรภู าษาองั กฤษปานกลาง good command of English = มีความรภู าษาอังกฤษดี proficiency in spoken and written English = มีความสามารถใน การพูดและเขียนภาษาอังกฤษไดดี 5. ผลประโยชนตา ง ๆ จากบรษิ ทั (Fringe benefits) เปน ผลประโยชนทผ่ี ูส มัครงาน จะไดรบั จากบรษิ ัท เพ่อื ชวยพจิ ารณาในการตดั สินใจ เชน attractive salary = เงนิ เดือนสงู housing allowance = คา เชา บาน medical care = คา รักษาพยาบาล provident fund = เงินทุนชว ยเหลือ remuneration = เงินรางวลั annual bonus = เงนิ โบนัสประจาํ ป 6. ข้ันตอนการสมคั ร (Application Procedure) หลังจากอา นโฆษณา รบั สมคั รงานแลว ในโฆษณานน้ั จะบอกวิธีการและกําหนดการรบั สมัคร เชน -send a resume stating the current and expected salary and a recent photo to……. -please write by 30 January 2014 stating full personal and careers details, present and expected salary, a contact number and enclosing a recent photo to………

89 กิจกรรม ศึกษารายละเอยี ดจากหนงั สอื เรียน และฝกทาํ กิจกรรมที่ 5- 6 EN315002 บทท่ี 15 Urgently Wanted เร่อื งท่ี 2 คําศัพท สาํ นวน วลี และโครงสรางทเี่ กย่ี วของกับการสมัครงาน เรือ่ งที่ 15.3 การเขยี นประวตั ิสวนตัวในการสมคั รงาน (Resume) คอื ขอมูลที่ใชเขียน ในการสมัครงาน ประกอบดวย ขอ มูลสวนตวั ของผสู มัคร เชน ช่อื อายุ เพศ วัน เดอื นปเกดิ ท่ีอยู ความสามารถ ความสนใจ วุฒกิ ารศกึ ษา เปน ตน (รายละเอยี ดในหนงั สอื เรียนหนา 359-362) ให ศึกษาจากคําศัพท วลี ตอ ไปน้ี hobbies = งานอดิเรก religion = ศาสนา issued on = ออกให ณ วันท่ี...... issued by = ออกใหโ ดย.......... post code หรือ zip code = รหัสไปรษณีย residence = ทพ่ี ักอาศยั marital status = สถานภาพสมรส single = โสด married = แตง งานแลว engaged = หม้ันแลว divorced = หยาราง widowed = หมา ย spouse = คสู มรส military service = สถานภาพทางทหาร diploma / certificate = อนปุ รญิ ญา / ประกาศนียบัตร references = บุคคลอางอิง ฯลฯ กิจกรรม ฝก ทํากิจกรรม 2 – 3 ในหนงั สือเรยี น

90 EN315003 บทท่ี 15 Urgently Wanted เรอื่ งท่ี 3 การเขยี นประวัติสว นตัวในการสมคั รงาน เร่ืองที่ 15.4 จดหมายสมคั รงาน (Employment Letter) การติดตอ สมัครงาน บางแหง ยังใชจ ดหมายในการสมัครงานอยู ดังนั้น จงึ ควร ศึกษารูปแบบ คําศัพทท ี่จําเปนตองใช รวมถงึ การจา หนา ซองจดหมายดวย สวนในตัวจดหมาย ประกอบดวย 15.4.1 Letterhead (sender’s address) ประกอบดว ย ชื่อ ทอ่ี ยู ของผูเขยี น และ วันท่ี ซึง่ เขียนได 2 แบบ คือ วนั / เดอื น / ป หรือ เดือน – วนั – ป เชน 18 June 2014 หรอื June 18, 2014 15.4.2 Inside Address คือ ชอ่ื – ทอ่ี ยู ของบริษัทท่ีเราเขียนถงึ ผมู ตี าํ แหนงท่ีบรษิ ทั ให ระบุตาํ แหนงดว ย ใหดรู ายละเอียดหนา 360 ในหนงั สอื เรียน สว นใหญ Inside address จะอยู ดานซายของจดหมาย 15.4.3 คําข้นึ ตนจดหมาย (Salutation) อาจใชคาํ วา “ Dear Sir,” หรอื “ Dear Madam,” 15.4.4 เน้อื หาจดหมาย (Letter Body) ควรแบงเปน 3 ยอหนา - ยอหนาแรก ระบุตําแหนง ที่ตอ งการสมคั ร และอา งอิงถงึ ขอ มลู ที่ไดมา เชน “I wish to apply for the position of ….. as advertised in ……. - ยอ หนาที่ 2 ระบขุ อมลู สวนตวั และคณุ สมบตั ิ รวมถึงประสบการณท ี่เคยมี และ สาเหตกุ ารออกจากงานเดิม - ยอ หนาที่ 3 จบจดหมายเชิงขอรองใหเรยี กตวั ไปสัมภาษณ เชน “I would be very pleased to come for an interview any time at your convenience. You can contact me by my mobile phone number………….” 15.4.5 คาํ ลงทา ย (Complimentary close) เชน Yours sincerely, หรอื Yours faithfully, แลว จบลงดว ยลายเซ็น (signature)

91 กิจกรรม ใหฝ กทาํ กิจกรรมที่ 1,2, และ 3 ในบทเรยี น *หมายเหตุ ถา เปน การสมคั รงานทาง e–mail ไมเนนรูปแบบ ใจความกระชับ มีเฉพาะ ท่ีสาํ คัญ และจําเปนเทา นั้น เชน 1. บอกจดุ ประสงควาจะสมคั รงานตาํ แหนง อะไร เชน I would like to apply for the post of……. (ตําแหนง) as advertised in the…….. (ชื่อหนังสือพมิ พ) of …….. (วนั เดอื นป ในหนังสือพิมพ) 2. บอกขอมูลสว นตวั สัน้ ๆ เชน My name is………… I was born on ….. I am a Christian. 3. บอกสถานภาพสมรส ความสามารถ และบคุ ลกิ ของตนเอง เชน I am married with two children. I have a pleasant personality and I am able to work hard. เปน ตน 4. บอกประสบการณก ารศึกษา และฝก อบรม เชน I have got a B.S. in education from……. University. I have been trained in …… 5. บอกประสบการณก ารทาํ งาน (previous experience) เชน I worked as a….. at……. for 2 years. 6. บอกความหวังท่จี ะใหบ รษิ ทั พิจารณารับเขา ทํางาน เชน I am looking forward to your reply or hearing from you soon. EN315004 บทที่ 15 Urgently Wanted เรอื่ งที่ 4 จดหมายสมคั รงาน

92 กิจกรรมทายบทที่ 15 กจิ กรรรมท่ี 1 จงเติมคําในชอ งวา ง โดยใชค ําท่ใี หม า instructor typist dentist engineer government official 1. Someone whose job is to treat people’s teeth is a _______________. 2. Someone whose job is to design or build roads, bridges, etc. is an_________________. 3. Someone who is in a position of authority in an organization is a__________________. 4. Someone who teaches in a college or university is an_____________. 5. A secretary, whose main job is to type letters, is a________________.


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook