Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 5-5937-1485153281

5-5937-1485153281

Published by กศน.ตำบลบางเพรียง, 2019-07-07 21:50:15

Description: 5-5937-1485153281

Search

Read the Text Version

ชว่ งอายุ พฒั นาการการใชภ้ าษาและการพดู แนวทางการเสรมิ สรา้ งความผกู พัน ทางอารมณ์ผ่านการเล่า 7 – 11 • 9 – 11 เดอื น เรมิ่ แสดงทา่ ทางไดถ้ กู ตอ้ ง  ชวนลกู พดู คยุ เหตกุ ารณท์ เ่ี กดิ ขน้ึ รอบตวั เดือน (ตอ่ ) เมอ่ื สงั่ ใหล้ กู ท�ำ เชน่ บา๊ ยบาย สวสั ดี ขอ ของลกู เชน่ ชใ้ี หล้ กู ดนู ก “นกนอ้ ยนา่ รกั • เมื่ออายุ 12 เดือน ลูกเริ่มพูดเป็นคำ� รอ้ งจบ๊ิ จบ๊ิ ” “บา๊ ยบาย นกนอ้ ย” ซง่ึ ค�ำ แรกคลา้ ยกบั พดู ค�ำ วา่ “แม”่ “หมา่ํ ”  ใหร้ างวลั เมอ่ื ลกู พดู ตามยม้ิ หรอื หวั เราะกบั “ไป” การพดู คยุ เชน่ การหอมแกม้ การพดู ชม 1 – 3 ปี 1 – 2 ปี  เดก็ อายขุ วบครง่ึ ขน้ึ ไปชอบถามซา้ํ ๆ วา่ - ลูกจะหันหาเสียงได้ถกู ตอ้ งทกุ ทิศทาง “นอ่ี ะไร?” ลกู รวู้ า่ เมอ่ื ถามค�ำ ถามนแ้ี ลว้ - เรม่ิ พูดเป็นค�ำ ชัดเจน 2 – 3 ค�ำ เชน่ ดี พอ่ แมห่ รอื ผเู้ ลย้ี งดจู ะหนั มาพดู กบั ตน ลกู ไม่ เอา เปน็ ต้น จงึ ถามบอ่ ยๆ และพอ่ แมห่ รอื ผเู้ ลย้ี งดคู วร - เมอ่ื ลกู อายุ 1 ½ ปี สามารถพดู เป็นค�ำ ๆ ตอบคำ�ถามของเขาเสมอ ลูกอยากคุย ไดอ้ ยา่ งนอ้ ย 10 – 15 ค�ำ โดยมากจะใช้ กับพ่อแม่หรือผู้เลี้ยงดู และเรียนรู้ ค�ำ พูดเพ่อื เรยี กชอ่ื สิง่ ต่างๆ ทีเ่ หน็ เชน่ ส่ิงต่างๆ จากบทสนทนากับพ่อแม่ “หมา” “แมว” หรอื ความตอ้ งการ เชน่ หรือ ผู้เลย้ี งดู “เอา” “ไป”  ลู ก วั ย นี้ อ ย า ก มี ส่ ว น ร่ ว ม ใ น ก า ร เ ล่ า 2 – 3 ปี - ลูกสามารถทำ�ตามคำ�สั่งง่ายๆ ได้ นิทาน เช่น อยากเปิดหน้าหนังสือเอง ชอ้ี วัยวะไดอ้ ยา่ งนอ้ ย 4 สว่ น ชี้สิ่งของ อยากเลือกนิทานเอง ควรเปิดโอกาส ท่ีคุ้นเคยได้ เม่ือเรียกให้ชี้สิ่งของน้ัน ใหล้ กู ไดม้ สี ว่ นร่วม สามารถพดู ไดป้ ระมาณ 40 – 100 ค�ำ  เลา่ นทิ านดว้ ยนาํ้ เสยี งชดั เจน ชรี้ ปู ภาพ และเริม่ พดู เปน็ วลสี ั้นๆ เช่น “เอามา” สัตว์ สง่ิ ของในหนา้ นิทาน ให้ลกู ไดม้ อง - เข้าใจ “ข้างบน” “ขา้ งล่าง” “ขา้ งๆ” ตามพร้อมน้ิวท่ีช้ีรูป ให้ลูกได้เช่ือมโยง เรื่องราวที่เกิดขึ้นในภาพ โดยพ่อแม่ หรือผูเ้ ล้ยี งดูเป็นผู้เลา่  เลา่ ดว้ ยเสยี งสงู ๆ ตา่ํ ๆ เนน้ ค�ำ ใหน้ า่ สนใจ  พดู คยุ โดยพดู เปน็ ค�ำ ซาํ้ ๆ ใหล้ กู พดู ตาม เปน็ คำ�ๆ เช่น “ดนู ัน่ สิ น่ันแมว แมว”  ใหร้ างวลั เมอ่ื ลกู พดู ตาม เชน่ การหอมแกม้ การพดู ชม “เกง่ มากคะ่ ” “นา่ รกั มากลกู ”  ถามคำ�ถามที่ให้ลูกเลือกตอบ เช่น “อยูข่ ้างบนหรืออย่ขู ้างลา่ ง”  อยา่ ลมื ท่ีจะสบตาด้วยความออ่ นโยน คมู่ อื การเสรมิ สรา้ ง ความผูกพันทางอารมณ์ สำ�หรบั เด็กวยั แรกเกิด - 5 ปี ด้วย “กนิ กอด เลน่ เลา่ ” 47

ชว่ งอายุ พฒั นาการการใชภ้ าษาและการพดู แนวทางการเสริมสร้างความผูกพัน 3 – 5 ปี ทางอารมณผ์ า่ นการเล่า • เขา้ ใจคำ�วิเศษณ์ รอ้ น ใหญ่ เลก็  ช่วงวัยนี้ลูกจะช่างซักช่างถาม พ่อแม่ • ชอบถามค�ำ ถามว่า “ท�ำ ไม” หรือผู้เลี้ยงดูควรตอบลูกทุกคำ�ถาม • ลูกสามารถพูดในระดับพื้นฐานได้ ตอบคำ�ถามกลับด้วยภาษาง่ายๆ หรือ ใกล้เคยี งกบั ผูใ้ หญ่ ถามความคดิ ลูกกลับ แสดงความสนใจ • เรม่ิ ต้นเรยี นรภู้ าษาเขียน ในสงิ่ ทลี่ กู ถาม ไมค่ วรตอบวา่ ไมร่ ู้ หรอื • ชอบฟังนิทาน เขา้ ใจเนื้อเร่อื ง แกลง้ ท�ำ เปน็ ไมไ่ ดย้ นิ เงยี บเฉย หรอื ใช้ ค�ำ พดู ว่า “ถามอยไู่ ด้น่ารำ�คาญ”  การมีส่วนร่วมในการเล่านิทานของ ลูกวัยนี้ จะมากข้ึน เช่น เป็นผู้เลือก นิทาน ไปจนถึง ให้เป็นผู้เล่า หรือเริ่ม มีคำ�ถามกับเนื้อเรื่อง หรือตัวละคร มีอารมณ์ร่วมกับเนื้อเรื่องมากข้ึน เปน็ ชว่ งวยั ทส่ี ามารถรบั รถู้ งึ สง่ิ ทน่ี ทิ านจะ สอนไดม้ ากขน้ึ โดยเฉพาะเรอ่ื งเกย่ี วกบั คุณธรรม ที่สอดแทรกมากับนิทาน นอกจากความสนุกสนาน  ควรพูดคุยถามถึงชีวิตประจำ�วันโดย ท่ัวไป เช่นการไปโรงเรียน เช่น “วันนี้ คุ ณ ค รู ( ช่ื อ ค รู ) ใ ห้ ทำ � อ ะ ไร บ้ า ง ” “เล่นกบั เพอ่ื นคนไหน” “วันนท้ี �ำ อะไร สนกุ ทสี่ ดุ ” ถา้ ลกู ถกู เพอ่ื นลอ้ หรอื แกลง้ ให้รับฟังด้วยความรักด้วยความต้ังใจ โดยให้ลูก มาอยู่บนตัก หรืออ้อมกอด จากนนั้ สอบถาม และให้ค�ำ แนะนำ�  อ ย่ า ลื ม ช ม เช ย เ ม่ื อ ลู ก ใช้ คำ � สุ ภ า พ พูดไพเราะ 48 ค่มู อื การเสริมสรา้ ง ความผูกพนั ทางอารมณ์ สำ�หรับเดก็ วยั แรกเกิด - 5 ปี ดว้ ย “กนิ กอด เลน่ เลา่ ”

เทคนคิ การเลอื กและการเล่านิทาน เทคนคิ การเลอื กนทิ าน เทคนิคการเลา่ นิทาน 1. เปน็ หนงั สอื ภาพ หรอื เรอื่ งสน้ั ๆ มภี าพประกอบ 1. เลา่ ด้วยนํ้าเสยี งสงู ๆ ต่าํ ๆ พรอ้ มสหี นา้ ท่าทาง เปน็ ส่วนใหญ่ ใหน้ ทิ านมีความนา่ สนใจ 2. รปู เลม่ มขี นาดกะทดั รดั ไมเ่ ลก็ หรอื ไมใ่ หญจ่ น 2. มกี ารโต้ตอบกนั เชน่ การถาม การต่อเรอ่ื งกัน เกินไป รวมถึงการสลับกันเลา่ คนละวรรค 3. ตัวละครมีน้อย ทำ�ใหจ้ ำ�ไดง้ ่าย 3. บรรยากาศผ่อนคลาย คนเล่าต้องไม่รู้สึก เครียดทจี่ ะเลา่ นทิ าน 4. ใชภ้ าษาทเี่ ขา้ ใจงา่ ย เปน็ ประโยคสน้ั ๆ ใชค้ �ำ ซาํ้ 4. มีชีวิตชีวา เม่ือลูกเริ่มเบื่อ เร่ิมไม่สนใจ หรอื สัมผัสท่คี ล้องจอง ปรับโทนเสียงให้ตํ่าลงดูน่าติดตาม แต่ไม่ทำ�ให้ดู น่ากลัว หรือให้ลูกช่วยค้นหาอะไรบางอย่าง ในนทิ าน เปน็ การเรยี กความมีชีวิตชีวาในนทิ าน 5. เปน็ เรอ่ื งใกลต้ วั ลกู เกย่ี วกบั ความรกั ความอบอนุ่ 5. สงั เกตสหี นา้ ทา่ ทางของลกู สงั เกตวา่ ลกู สนใจ เช่น เร่ืองเกี่ยวกับครอบครัว ความรักระหว่าง อะไรเป็นพิเศษในนิทาน ลูกชอบนิทานเร่อื งไหน แม่กับลูก ความรักระหว่างพี่น้อง เรื่องราวที่ หน้าไหน น้ําเสียงแบบใดท่ีลูกชอบ ทำ�ท่าทาง สอดแทรกคติสอนใจอย่างง่ายๆ ทำ�ให้ง่ายต่อ แบบไหนทล่ี กู หวั เราะ และพอ่ แมห่ รอื ผเู้ ลย้ี งดทู �ำ ซา้ํ การทำ�ความเข้าใจและจินตนาการตาม รวมถึง ในสง่ิ ทล่ี กู ชอบ เป็นการถ่ายทอด ลักษณะท่ีดีเกี่ยวกับความรัก ความอบอุ่นไปจนถงึ คุณธรรมจริยธรรมให้กับลกู 6. ตวั อกั ษรตัวโต ค�ำ หนา 6. ในลกู วยั 3 – 5 ขวบ ทส่ี อ่ื สารไดด้ ี เมอ่ื เลา่ จบ พ่อแม่หรือผู้เล้ียงดูลองถามคำ�ถามกับลูก เช่น ลกู ชอบตอนไหนของนิทานมากท่สี ดุ ถ้าลูกอยใู่ น สถานการณแ์ บบตวั ละครในนทิ านลกู จะท�ำ อยา่ งไร ใหเ้ วลาลกู คดิ และตง้ั ใจฟงั ลกู เลา่ ชว่ ยลกู อธบิ ายใน ค�ำ ทล่ี กู ยงั สอ่ื ความหมายไมถ่ กู ตอ้ ง 7. จำ�นวนหน้าไม่เกิน 20 หน้า 7. ปรบั ใหม้ อี ารมณเ์ ชงิ บวกกอ่ นเลา่ หมายเหต:ุ นทิ านไม่จำ�เป็นตอ้ งเปน็ หนังสอื แต่เป็นเรือ่ งเลา่ คำ�สอน ต�ำ นานทอ้ งถิ่นก็ได้ คูม่ ือการเสริมสร้าง ความผูกพันทางอารมณ์ ส�ำ หรับเด็กวัยแรกเกิด - 5 ปี ดว้ ย “กิน กอด เลน่ เล่า” 49

เทคนิคการสื่อสารเชิงบวกกับลกู 1. ใช้ภาษา ท่าทาง และนา้ํ เสยี งท่ีแสดงถงึ ความรกั ความหว่ งใยท่มี ตี อ่ ลกู 2. รจู้ ักฟงั และสงั เกตความต้องการของลกู เพอ่ื ตอบสนองได้ถูกตอ้ ง 3. ใช้ค�ำ ซา้ํ และเนน้ ความสำ�คญั ท่ีต้องการบอกใหล้ ูกรับรู้ โดยเฉพาะการบอกรัก 4. ให้คำ�ชมเชยเม่อื ลกู พยายามทำ�ในสิง่ ท่ถี กู ตอ้ งเหมาะสม 5. สบตาเดก็ เพอ่ื ใหร้ บั รแู้ ละรสู้ กึ วา่ พอ่ แมห่ รอื ผเู้ ลย้ี งดใู หค้ วามสนใจ และตง้ั ใจฟงั ตง้ั ใจคยุ กบั ลกู 6. ใชอ้ ารมณเ์ ชงิ บวก ในการพดู คยุ ไมว่ า่ จะเปน็ เรอ่ื งใดกต็ าม โดยเฉพาะเมอื่ ตอ้ งการลดพฤตกิ รรม ทไ่ี ม่เหมาะสม จะตอ้ งมีสติ และปรับอารมณ์จากลบใหเ้ ป็นบวกกอ่ นพดู คยุ กบั ลกู การใชค้ �ำ พูดกบั ลกู เมอ่ื ลกู ท�ำ ผดิ บางครงั้ พอ่ แมห่ รอื ผเู้ ลยี้ งดใู ชค้ �ำ พดู ต�ำ หนทิ ท่ี �ำ ใหล้ กู รสู้ กึ ไมม่ คี า่ บางครง้ั พอ่ แมห่ รอื ผู้เล้ยี งดใู ช้นํา้ เสยี งดุ ตะคอก ตวาดลกู จนลูกเกิดการความกังวล กลวั ซง่ึ ถา้ เกดิ ข้ึนบ่อยๆ จะท�ำ ใหล้ กู กลายเป็นเด็กที่ไม่มีความม่ันใจในตนเอง ไม่กล้าที่จะตัดสินใจด้วยตนเอง เพราะรู้สึกว่าสิ่งท่ีตนเองทำ� นั้นผดิ เสมอ ดังนั้นการพดู เพอื่ ยุตพิ ฤตกิ รรมทไี่ มด่ ขี องลกู จงึ ควรพูดดว้ ยความรัก และความเข้าใจจาก พ่อแม่หรือผู้เล้ียงดู ระมัดระวงั การใชอ้ ารมณก์ ับลกู โดยเฉพาะตอนทล่ี ูกทำ�ผิด และพอ่ แมห่ รือผเู้ ลีย้ ง ดตู ้องการจะสอนลูก เพราะจะทำ�ใหล้ ูกมองขา้ มส่ิงที่พ่อแมห่ รอื ผู้เลี้ยงดตู ้องการจะสอน แตก่ ลับเสียใจ กับค�ำ ตำ�หนิของพอ่ แมห่ รือผเู้ ลยี้ งดแู ทน 50 คู่มือการเสรมิ สรา้ ง ความผูกพนั ทางอารมณ์ สำ�หรับเด็กวยั แรกเกิด - 5 ปี ด้วย “กิน กอด เลน่ เล่า”

สิง่ ที่พ่อแมห่ รอื ส่งิ ทีเ่ ด็กไดย้ นิ ควรใช้คำ�พูดใดแทน ผู้เลี้ยงดพู ูด “ออกไปเลย” “ฉันทำ�อะไรผิด พ่อแม่ไม่ “นง่ั คอยตรงนนี้ ะลกู ตอนนแ้ี มก่ �ำ ลงั ท�ำ ...อยู่ “ออกไปเดยี๋ วนน้ี ะ” ตอ้ งการฉัน” นะคะ รอแมเ่ ดย๋ี วนะ” “ อ ย่ า เ ข้ า ม า ยุ่ ง “พอ่ แม่รำ�คาญฉัน” “แม่กำ�ลังรีบทำ�กับข้าวให้หนู ถ้าหนูอยาก วนุ่ วายในนไ้ี ดม้ ย้ั ” ช่วย มาเลยๆ มาช่วยแมเ่ ด็ดผักเอาม้ยั ” “หนูจะเอาอะไร หนูออกไปรอแม่ข้างนอก ก่อนนะลกู ” “จะร้องไห้ทำ�ไม? “ฉันไม่ควรมีอารมณ์แบบนี”้ “แม่รู้นะว่าหนูโกรธ มานั่งข้างๆ แม่นี่มา หยดุ ท�ำ ตวั เปน็ เดก็ ๆ “ฉันไมค่ วรร้องไห้ให้ใครเห็น” เลา่ ให้แมฟ่ ังซิ เกดิ อะไรขึ้น” ซะที” “ไม่มใี ครเข้าใจฉนั ” “ไม่มใี ครปลอบใจฉัน” “เงยี บเดี๋ยวน้ี” “ไม่มีใครสนใจฉัน วา่ ฉนั ตอ้ งการ “พูดเบาๆ ลูก ไม่ตอ้ งเสยี งดัง ไหนบอกแม่ “หยดุ ท�ำ เสยี งดงั ซะ อะไร หรอื อยากได้อะไร” มาดๆี อีกทีซวิ า่ ลกู อยากได้อะไร” ทีไดไ้ ม๊” “ฉนั ไม่ส�ำ คญั ” “ตายแล้ว ใครให้ “ฉันเลว น่ารังเกียจ ฉันทำ�อะไร “ลกู แมว่ า่ ของมนั จะพงั นะถา้ เราเลน่ แบบนี้ เล่นแบบนี้ ใครส่ัง ไม่ไดเ้ ลย ฉนั มันตัวปัญหา” มา มาเล่นแบบนี้ดีกวา่ ” ใครสอน ทำ�อย่างงี้ ได้ยังไง แยจ่ รงิ ๆ” ส่ิงที่พอ่ แม่หรอื ผู้เลี้ยงดูควรท�ำ ทุกวนั สง่ิ ส�ำ คญั ทเ่ี กยี่ วกบั การสอ่ื สารสนทนากนั ระหวา่ งพอ่ แมห่ รอื ผเู้ ลย้ี งดกู บั ลกู เพอ่ื สง่ เสรมิ พฒั นาการ และความผูกพันทางอารมณ์นั้นคือการมีปฏิสัมพันธ์ร่วมกัน การทำ�กิจกรรมร่วมกัน การมีช่วงเวลาท่ี อบอนุ่ รว่ มกนั โดยมาจากพ้ืนฐานสิ่งทคี่ วรท�ำ ทกุ วนั ดงั น้ี 1. บอกรักลกู 2. สังเกต/สอบถามอารมณแ์ ละความรู้สกึ 3. เลา่ /อา่ นนิทานด้วยกัน 4. ใช้เวลาคุณภาพกับลูก โดยการพูดคุยกับลูก ติดต่อกันอย่างน้อย 10 - 15 นาที/วัน (เวลาคณุ ภาพหมายถงึ การทพี่ อ่ แมห่ รอื ผเู้ ลยี้ งดใู หเ้ วลาและความสนใจทง้ั หมดอยทู่ ล่ี กู โดยไมท่ �ำ สงิ่ อนื่ ๆ ไปพรอ้ มกันกับการคุยกับลกู ) คู่มือการเสริมสรา้ ง ความผกู พนั ทางอารมณ์ ส�ำ หรบั เดก็ วัยแรกเกิด - 5 ปี ดว้ ย “กนิ กอด เล่น เลา่ ” 51



บรรณานกุ รม Ann Vall et al. Communication is the Key to Health Family Relationships, Family Times. New Mexico State University [Internet]. n.d. [cited 2015 June 18] Available from: http://aces.nmsu.edu/pubs/family_times/family_times_eng (sum04).pdf. Every day I Learn Through Play. [Internet]. n.d. [cited 2015 April 16] Available from: http://www.ed.gov.nl.ca/edu/e arlychildhood/everyday_I_learn_through_play.pdf Rick Peterson. Families First: Keys to Successful Family Functioning Communication. Virginia Cooperative Extension. Virginia Tech & Virginia State University [Internet]. n.d. [cited 2015 June 18] Available from: https://pubs.ext. vt.edu/350/350-092/350-092.html. Sandra J. Bailey. The Guide Provides Verbal and Nonverbal Techniques that Can Help Improve Family Communication, Positive Family Communication. MSU Extension. Montana State University [Internet]. n.d. [cited 2015 June 18] Available from: http://store.msuextension.org/publications/HomeHealthandFamily/ MT200916HR.pdf Scottish Executive. National Guidance for Early Years: Food choices for children aged 1-5 years in early education and childcare settings [Internet]. 2006 [cited 2015 May 16] Available from: http://www.gov.scot/resource/ doc/89729/0021563.pdf. Silayan. R. M. The Acting and Reading Techniques in Storytelling (ARTIST) [Internet]. 2008 [cited 2015 April 16] Available from: http://www.tkpark.or.th/stocks/extra. Tora M. Hall, Heidi Gerard Kaduson and Charles E. Schaefer. Fifteen Effective Play Therapy Techniques. Professional Psychology: Research and Practice. 33(6); 515 – 22; 2002. Consumer Product Safety Commission Washington DC. Which Toy for Which Child: A consumer’s Guide for Selecting Suitable Toys. US; n.d. ค่มู ือการเสรมิ สรา้ ง ความผูกพนั ทางอารมณ์ ส�ำ หรับเดก็ วยั แรกเกิด - 5 ปี ด้วย “กิน กอด เล่น เลา่ ” 53

American Academy of Pediatrics. Your baby’s Development. [Internet]. 2008 [cited 2015 April 16] Available from: http://toosmall.org/resources/ Babydevelopment 0-3.pdf เกริก ยุ้นพันธ์. การเล่านิทาน. กรุงเทพฯ: ภาควิชาบรรณรักษศาสตร์. คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรนี ครินทรวโิ รฒ; 2543. นชิ รา เรอื งดารกานนท.์ ต�ำ ราพฒั นาการและพฤตกิ รรมเดก็ . กรงุ เทพฯ: โฮลลสิ ตกิ พบั ลชิ ชง่ิ ; 2551. นิตยา คชภักดี. อาหารเพ่ือสุขภาพ พัฒนาสมอง: อาหารเพ่ือลูกรักวัย 1 – 3 ปี. กรุงเทพฯ: มหาวทิ ยาลยั มหิดล; 2549. ภรณี ภูรีสิทธิ์. วิธีง่ายๆ ฝึกเด็กให้ฉลาดและเก่งก่อน 3 ขวบด้วยตัวคุณเอง. กรุงเทพฯ: บมี ีเดยี กรปุ๊ ; 2548. วชิรพร โชตพิ านสั . บทที่ 4 พฒั นาการวยั ทารก. ม.ป.ป. [สบื ค้นเมอ่ื 2558 เม.ย. 16] เข้าถึงไดจ้ าก: http://www.teacher.ssru.ac.th/wachiraporn_ch/pluginfile.php/112/block_html/ content/เอกสารการสอนแรกเกดิ -%201ปี.pdf วินัดดา ปยิ ะศลิ ป.์ คู่มือการเลีย้ งลกู ตอนเด็กแรกเกิด – 3 ป.ี กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพรา้ ว; 2549. วีรยา วงษาพรหม. ของเล่นและการเล่นเพื่อส่งเสริมพัฒนาการเด็ก. ม.ป.ป. [สืบค้นเมื่อ 2558 เม.ย. 16] เข้าถึงได้จาก: http://www.academic.hcu.ac.th/forum/board_post.asp?- FID=297&UID= อมลวรรณ วีระธรรมโม. การเล่น:กิจกรรมเพื่อการส่งเสริมพัฒนาการสำ�หรับเด็กปฐมวัย. วารสารส�ำ นกั หอสมุดมหาวทิ ยาลัยทกั ษณิ . 5, หน้า 77 – 87; 2549. อจั ฉรา เปรือ่ งเวทย.์ การจดั การเล่นเพ่ือสง่ เสริมพฒั นาการเด็กวยั 0 - 5 ป.ี ม.ป.ป. [สืบค้นเมอ่ื 2558 เม.ย. 16] เข้าถึงได้จาก: http://www.ns.mahidol.ac.th/english/PN/THarticle/ พฒั นาการเดก็ /พยาบาลกบั การเล่นในเดก็ ป่วย.pdf 54 คมู่ ือการเสริมสร้าง ความผกู พันทางอารมณ์ ส�ำ หรบั เดก็ วัยแรกเกิด - 5 ปี ดว้ ย “กนิ กอด เลน่ เลา่ ”

ภาคผนวก ▶ เม่อื มีลกู หลายคน... ทำ�อย่างไรใหล้ ูกรักกัน และไมท่ ะเลาะกัน ค่มู อื การเสรมิ สรา้ ง ความผกู พันทางอารมณ์ สำ�หรับเด็กวยั แรกเกิด - 5 ปี ด้วย “กิน กอด เลน่ เล่า” 55

เมอ่ื มีลกู หลายคน ทำ�อยา่ งไรให้ลกู รักกนั ปัญหาหน่ึงที่ทำ�ให้พ่อแม่กลุ้มใจเม่ือมีลูกหลายคนคือ ลูกทะเลาะกัน เข้ากันไม่ได้ ลูกไม่รักกัน บางคร้ังจากการทะเลาะกัน พ่ีไม่ยอมให้น้องเข้าใกล้แม่หรือพ่อตามประสาเด็กๆ ลุกลามบานปลาย เป็นความจงเกลยี ดจงชังกนั ไปจนโตเปน็ ผ้ใู หญ่ เมือ่ วิเคราะหห์ าสาเหตุทท่ี �ำ ใหพ้ ่ีน้องไมร่ ักกันจะพบว่า สาเหตุมักเกิดจากการปฏิบัติของพ่อแม่หรือผู้เลี้ยงดู หรือผู้ใหญ่ท่ีอยู่รอบๆ ตัวเด็กแทบทั้งส้ิน ดังนั้น เพื่อเปน็ การปอ้ งกันปญั หาดงั กล่าว ต่อไปน้ี เปน็ คำ�แนะน�ำ เพือ่ ป้องกนั ปัญหาพ่ีน้องอจิ ฉากนั 1. การเตรียมตัวลูกคนพี่เร่ืองแม่จะมีน้องใหม่ ควรเตรียมตั้งแต่แม่เร่ิมต้ังครรภ์ พ่อแม่หรือ ผู้เลย้ี งดูควรมกี ารเตรยี มลูกคนพใี่ ห้มีความรสู้ ึกดที ่ีจะมนี อ้ ง  พอ่ แมค่ วรบอกลูกคนพีถ่ ึงการตง้ั ครรภ์ตงั้ แต่เนน่ิ ๆ เช่น “ตอนนี้ ในท้องแม่กำ�ลังมีน้อง ของหนูอย”ู่ “แม่ก�ำ ลงั จะมนี ้องให้ลูกแล้ว”  ใหล้ กู คนพไี่ ดม้ สี ว่ นรว่ มในการมนี อ้ งตงั้ แตอ่ ยใู่ นทอ้ ง เชน่ การใหล้ กู คนพจี่ บั ทอ้ งแมต่ อน นอ้ งดน้ิ การไดไ้ ปหาหมอตรวจครรภ์เป็นเพอื่ นแม่  พ่อแม่พูดให้ลูกคนพี่เห็นถึงประโยชน์ของการมีน้อง เช่น ลูกจะมีเพื่อนเล่น ลูกจะ ไม่เหงาอกี แลว้ ตอนกลางคนื จะมนี ้องนอนเป็นเพ่อื น  ผใู้ หญใ่ นบา้ นทกุ คนตอ้ งระมดั ระวงั ค�ำ พดู ทที่ �ำ ใหพ้ มี่ ที ศั นคตทิ ไี่ มด่ กี บั นอ้ งตง้ั แตย่ งั ไมเ่ กดิ เช่น “ถ้านอ้ งเกดิ มา หนูก็จะกลายเป็นหมาหัวเน่า” “พอแมเ่ ขามีนอ้ งใหม่ แม่เค้าจะไม่ สนใจแล้วเด็กด้ือๆ แบบนี้” “คอยดูนะ เล่นไม่เก็บของ แม่จะยกให้น้องให้หมดเลย” “ถ้าดอ้ื แบบนี้ ตอ่ ไปจะไม่มใี ครรัก ทกุ คนเคา้ จะไปรักนอ้ งตวั เลก็ ๆ กันหมดแล้ว” 56 ค่มู ือการเสรมิ สร้าง ความผกู พันทางอารมณ์ ส�ำ หรบั เด็กวยั แรกเกดิ - 5 ปี ด้วย “กนิ กอด เล่น เล่า”

2. เมอ่ื ถงึ วนั ทแ่ี มจ่ ะไปคา้ งทโ่ี รงพยาบาลเพอ่ื เตรยี มตวั คลอด ใหบ้ อกลกู คนพว่ี า่ แมจ่ ะไปคลอดนอ้ ง แม่จะไม่ไดน้ อนกบั เขา 2 – 3 วัน แตพ่ ่อจะพาลกู ไปเยยี่ มแม่ทีโ่ รงพยาบาลพร้อมเจอนอ้ งตวั เลก็ กนั 3. เมือ่ พไี่ ปเย่ียมน้องที่โรงพยาบาล ให้พ่ีได้มีสว่ นร่วมในการดูแลน้อง เช่น ช่วยอุม้ นอ้ ง ช่วยดู น้องนอน ชว่ ยเปลยี่ นผ้าอ้อม โดยผู้ใหญต่ อ้ งก�ำ กับดูแลอย่างใกล้ชิด 4. เมื่อกลับบ้าน พอ่ แม่หรือผเู้ ลี้ยงดคู วรใหบ้ ทบาทกับพ่ี ท่ที �ำ ใหพ้ ีร่ ้สู ึกวา่ ตนเองเปน็ คนส�ำ คัญ ของครอบครวั เช่น มอบหมายหนา้ ที่เลก็ ๆ น้อยๆ ทพ่ี ่ีชว่ ยเหลือน้องไดแ้ ละทำ�ใหพ้ ภี่ ูมิใจในความเป็นพี่ โดยแมอ่ าจบอกว่า “ลกู ช่วยแมด่ ูน้องตอนอาบน้าํ ลูกเกง่ มาก ชว่ ยแมไ่ ด้เยอะเลย” “นอ้ งยังเล็กอย่ยู งั ทำ�ไม่ได้เหมือนลูก ลูกช่วยน้องหน่อยนะ” และพ่อแม่หรือผู้เล้ียงดูอย่าลืมให้คำ�ชมกับลูกคนพ่ีด้วยที่ ช่วยแมด่ นู ้อง 5. การดูแลเอาใจใส่ต่อลูกคนพ่ียังต้องเหมือนเดิม พ่อแม่หรือผู้เล้ียงดูเคยเล่นกับลูกคนพี่ตอน เย็นๆ เคยอ่านนิทานก่อนนอนกับลูกคนพ่ี เม่ือมีน้องแล้ว พ่อแม่ผู้เล้ียงดูต้องพยายามรักษากิจวัตร ประจำ�วันท่ีเคยทำ�กับลูกคนพ่ีให้เหมือนเดิมมากท่ีสุด เพราะไม่ว่าลูกจะโตแค่ไหน ลูกก็ยังต้องการ ความรักความสนใจจากพ่อแม่หรือผู้เล้ียงดูเหมือนเดิม บางคร้ังแม่ต้องทุ่มเทเวลาท้ังหมดให้กับการ ดูแลลูกคนเล็กท่ียังแบเบาะจนหลงลืมการแสดงความเอาใจใส่กับลูกคนพี่ ซ่ึงทำ�ให้ลูกคนพี่น้อยใจได้ บ่อยๆ ดังน้ันพ่อแม่หรือผู้เล้ียงดูควรให้เวลากับลูกคนพ่ีเป็นพิเศษโดยที่ไม่มีน้องมาคอยดึงความสนใจ เชน่ พอ่ พาพ่ไี ปเลน่ สนุกขา้ งนอก ขณะท่แี ม่กำ�ลงั ดนู อ้ ง หรือพอ่ ชว่ ยอ้มุ ลกู คนน้อง ตอนทแี่ ม่ก�ำ ลงั เลน่ กบั ลูกคนพี่ เปน็ ตน้ 6. ลูกคนพีอ่ าจมีอารมณ์หงดุ หงดิ งอแง ตดิ แม่มากขึ้น เดก็ บางคนมีพฤตกิ รรมถดถอย เคยกนิ ข้าวเองได้ ก็อยากใหแ้ มป่ อ้ น เน่อื งจากแมม่ ีน้องใหม่ ลกู คนพ่ตี ้องการให้พอ่ หรือแมด่ แู ลเขาเหมือนเดมิ เหมือนตอนไมม่ ีน้อง พ่อแม่หรอื ผเู้ ลย้ี งดตู ้องใจเยน็ ๆ อยา่ ดุ ตำ�หนทิ เี่ ด็กงอแง เอาแตใ่ จมากขึน้ ค่อยๆ พดู คยุ ใหเ้ วลากบั ลกู อยา่ งสมาํ่ เสมอ อธบิ ายใหล้ กู คนพฟี่ งั ถงึ ความจ�ำ เปน็ ทแี่ มต่ อ้ งใชเ้ วลากบั นอ้ งเพราะ นอ้ งยังดูแลตนเองไม่ได้ คมู่ ือการเสริมสรา้ ง ความผกู พนั ทางอารมณ์ สำ�หรับเด็กวัยแรกเกดิ - 5 ปี ดว้ ย “กิน กอด เลน่ เล่า” 57

7. เม่ือเด็กๆเร่ิมเติบโตขึ้น พ่อแม่หรือผู้เล้ียงดูและผู้ใหญ่ทุกคนในบ้าน ไม่ควรใช้คำ�พูดใน เชิงเปรียบเทียบระหว่างน้องกับพี่ เช่น “โอ้โห พ่ีกินข้าวเก่งจัง หนูกินให้มันเก่งๆอย่างพี่เค้าบ้างซิ” “นอ้ งนอี่ ารมณด์ ีจริงๆ ไม่เหมอื นกบั คนพ่ี เดก็ อะไร ชอบท�ำ แต่หน้าบง้ึ หนา้ บดู ได้ทงั้ วัน” คำ�พดู ในเชงิ เปรียบเทียบซงึ่ ผใู้ หญห่ วงั จะช่วยกระตนุ้ ให้เด็กๆ เอาอยา่ งสงิ่ ที่ดีของพหี่ รือนอ้ ง แตก่ ลับท�ำ ใหล้ ูกคนท่ี ถกู เปรยี บเทียบรู้สึกแยไ่ ดม้ าก พาลต่อต้าน และอจิ ฉาพี่หรือน้องไปโดยไม่รู้ตวั 8. พ่อแม่หรือผู้เล้ียงดูควรแสดงออกถึงความรักอย่างเท่าเทียมกัน ให้ลูกรู้สึกได้ว่าผู้ใหญ่ ไมล่ �ำ เอยี งรกั ใครมากกวา่ การใหร้ างวลั การใหค้ �ำ ชมควรมใี หก้ บั ลกู ทกุ คนอยา่ งสมาํ่ เสมอ และการลงโทษ กค็ วรมมี าตรฐานเดยี วกนั ไมค่ วรยกเวน้ ส�ำ หรบั ใครเปน็ พเิ ศษ แมว้ า่ พอ่ แมจ่ ะบอกวา่ รกั ลกู ทกุ คนเทา่ กนั แต่ในบางคร้ัง พ่อแม่หรือผู้เล้ียงดู มักเผลอแสดงออกถึงความรักความสนิทสนมกับลูกคนใดคนหนึ่ง มากเป็นพเิ ศษโดยไม่ร้ตู วั ดังนน้ั เมือ่ มลี กู หลายคน พอ่ แมจ่ งึ ตอ้ งค�ำ นึงถงึ ขอ้ น้ีอยูเ่ สมอ 58 คู่มอื การเสรมิ สร้าง ความผกู พันทางอารมณ์ สำ�หรบั เดก็ วยั แรกเกดิ - 5 ปี ด้วย “กนิ กอด เลน่ เลา่ ”

ทำ�อยา่ งไรเมอื่ ลกู ๆ เลน่ กนั แล้วทะเลาะกนั สงิ่ ทเี่ กดิ ขนึ้ บอ่ ยๆ เมอื่ เดก็ ๆ เลน่ ดว้ ยกนั คอื การทะเลาะกนั ถา้ ผใู้ หญจ่ ดั การผดิ วธิ อี าจน�ำ ไปสกู่ าร ทีเ่ ด็กๆจะไม่ชอบหน้ากนั และอาจทำ�ให้พ่ีน้องไม่รกั กันได้ในท่สี ดุ เม่อื เดก็ ๆ เล่นด้วยกันแลว้ ทะเลาะกัน พ่อแม่หรือผู้เลี้ยงดูควรทำ�ดังน้ี 1. เม่ือลูกทะเลาะกันโดยที่พ่อแม่หรือผู้เล้ียงดูไม่เห็นเหตุการณ์ พ่ีกับน้องต่างคนต่างหาว่าอีก ฝา่ ยหนง่ึ ท�ำ รา้ ยอกี ฝา่ ยหนง่ึ กอ่ น ซงึ่ ในความเปน็ จรงิ ตา่ งคนตา่ งลงมอื กบั อกี ฝา่ ยจรงิ ๆ ตามประสาเดก็ ๆ ในกรณแี บบน้ี พ่อแมห่ รอื ผู้เลี้ยงดูไม่ควรตัดสนิ ว่าใครผิดใครถกู เพราะผู้ใหญ่ไมไ่ ด้เหน็ กับตาและไมไ่ ด้ อยใู่ นเหตกุ ารณ์ ถ้าตดั สินไป อาจทำ�ใหค้ นใดคนหน่ึงรู้สึกว่าพอ่ แม่หรือผู้เลี้ยงดูลำ�เอียง เข้าข้างอีกฝ่าย หนึ่ง พอ่ แม่หรอื ผู้เล้ยี งดูควรบอกลกู ๆ ว่า “แมไ่ มเ่ ห็นวา่ ใครทำ�ใคร แลว้ ต่างคนต่างกต็ กี นั นอ้ งกไ็ มไ่ ด้ ตั้งใจ พ่กี ไ็ มไ่ ดต้ ้ังใจ หายกนั นะลกู ” ถ้าลูกเล่นกนั ได้ พ่อแมห่ รอื ผู้เล้ียงดรู บี ใหค้ ำ�ชม “ดมี ากลูก ให้อภยั กนั เล่นกนั แบ่งของกันนะ” ถา้ เดก็ ยังโวยวายกนั ตอ่ ให้ พอ่ แม่หรือผ้เู ลี้ยงดแู ยกลกู ๆ แต่ละคนออกไป หรือเบย่ี งเบนความสนใจพาเดก็ ไปทำ�อยา่ งอื่น 2. ถ้าพ่อแม่หรือผู้เล้ียงดูเห็นเหตุการณ์ว่าใครเริ่มก่อน ก็ให้พ่อแม่ให้ลูกคนที่ตีหรือทำ�ร้ายอีก คนขอโทษอีกฝ่ายหน่ึงก่อน แล้วให้ฝ่ายที่เริ่มแย่งของขอโทษและคืนของให้เจ้าของหรือคนที่เร่ิมเล่น ก่อน ถา้ เดก็ ยงั ไม่พร้อมท่ีจะขอโทษก็ไมเ่ ป็นไร พ่อแมห่ รอื ผู้เลี้ยงดูควรบอกลกู ๆ ใหห้ ายโกรธกัน อยา่ ทะเลาะกันท�ำ ใหเ้ ลน่ ไมส่ นกุ พอ่ แม่หรอื ผเู้ ลยี้ งดูควรพดู ดว้ ยเสียงทห่ี นักแนน่ เรียบๆ ใจเยน็ ๆ และไม่ ตำ�หนิลูกคนไหนทัง้ น้นั 3. พ่อแม่หรือผู้เลี้ยงดูควรปลูกฝังการแบ่งปันของเล่น การมีนํ้าใจ แต่ไม่ควรบังคับให้ลูกแบ่ง ของเล่นเม่ือลูกยังไม่พร้อมจะแบ่ง หรือไม่ควรพูดว่า “เป็นพี่ต้องเสียสละให้น้อง” ควรให้สิทธิ์คนท่ี เป็นเจ้าของของเล่นเปน็ คนตดั สินใจว่าจะใหข้ องกับคนอื่นหรอื ไม่ และเมือ่ ลกู แบง่ ของเลน่ ให้กบั คนอ่ืน พ่อแม่หรือผูเ้ ล้ยี งดคู วรใหค้ ำ�ชมเชยทนั ที 4. พ่อแม่หรือผู้เลี้ยงดูควรให้ความสนใจเวลาลูกๆ เล่นด้วยกันดีๆ ควรรีบให้คำ�ชมเชยที่ลูกๆ แบง่ ปนั และเล่นดว้ ยกนั อยา่ งสงบ 5. พอ่ แม่หรอื ผเู้ ล้ยี งดคู วรอยู่ใกลๆ้ เวลาท่เี ดก็ เลก็ ๆ เลน่ อยดู่ ว้ ยกัน เนอื่ งจากเด็กเล็กๆ ยังไม่ เกง่ ในการควบคมุ ตนเอง การเขา้ สงั คม ทกั ษะตา่ งๆ เมอ่ื ตอ้ งเลน่ รว่ มกบั ผอู้ นื่ ถา้ พอ่ แมผ่ เู้ ลยี้ งดคู อยดแู ล อยใู่ กล้ๆ คอยใหค้ �ำ แนะน�ำ จะช่วยในการพัฒนาทักษะสังคมของลูกไดเ้ ปน็ อย่างดี คูม่ ือการเสรมิ สร้าง ความผกู พันทางอารมณ์ สำ�หรบั เดก็ วัยแรกเกิด - 5 ปี ด้วย “กนิ กอด เลน่ เล่า” 59

รายนามท่ปี รกึ ษา 1. แพทย์หญิงอัมพร เบญจพลพิทักษ์ ผอู้ ำ�นวยการสถาบนั ราชานกุ ูล 2. แพทย์หญงิ ศุภรตั น์ เอกอัศวิน นายแพทย์ทรงคณุ วุฒิ 3. นางวนิดา ชนนิ ทยทุ ธวงศ์ นักจติ วิทยาคลนิ ิกเช่ยี วชาญ รายนามคณะผจู้ ดั ทำ� 1. แพทย์หญงิ ชดาพิมพ์ เผ่าสวสั ดิ์ นายแพทย์ช�ำ นาญการพเิ ศษ นายแพทย์ชำ�นาญการ 2. แพทย์หญิงจันทร์อาภา สุขทพั ภ์ นกั จติ วทิ ยาคลนิ กิ ชำ�นาญการพเิ ศษ พยาบาลวิชาชีพช�ำ นาญการ 3. นายประเสริฐ จฑุ า นกั จติ วทิ ยาคลินกิ ช�ำ นาญการ พยาบาลวิชาชพี ปฏิบัตกิ าร 4. นางบษุ รา คหู พันธ์ ผู้ชว่ ยนกั วิจยั ผู้ชว่ ยนักวิจยั 5. นางสาวอจั จมิ า ศริ พิ บิ ลู ย์ผล 6. นางสาวทิพย์เมธี สมภพิ งษ์ 7. นายธนพัทธ์ จันทพ์ พิ ัฒน์พงศ์ 8. นายทศพร เทยี มทอง 60 คู่มอื การเสริมสรา้ ง ความผกู พันทางอารมณ์ ส�ำ หรับเดก็ วยั แรกเกดิ - 5 ปี ดว้ ย “กิน กอด เลน่ เล่า”


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook