Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การท่องเที่ยว

การท่องเที่ยว

Published by ซาลูมา ดอเลาะ, 2019-10-16 22:38:05

Description: การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม

Search

Read the Text Version

การทอ่ งเท่ยี วเชิงมรดกวฒั นธรรมอยา่ งยง่ั ยืน Sustainable Cultural Heritage Tourism ดร.กาญจนา แสงล้มิ สุวรรณ [email protected] มหาวทิ ยาลัยกรงุ เทพ ศรันยา แสงล้ิมสวุ รรณ [email protected] มหาวทิ ยาลัยบรู พา บทคัดย่อ การทอ่ งเทยี่ วเปน็ อตุ สาหกรรมส�ำคญั ทน่ี ำ� รายไดเ้ ขา้ สปู่ ระเทศไทย และยงั ชว่ ยพฒั นาเศรษฐกจิ และสงั คม อยา่ งไรกด็ ี สถานการณ์ ตลาดการท่องเที่ยวในปัจจุบันได้มีการแข่งขันอย่างรุนแรง ท�ำให้ประเทศไทยต้องปรับทิศทางการส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยใช้อัตลักษณ์ ของประเทศ เชน่ การทอ่ งเทย่ี วเชงิ วฒั นธรรม บทความวชิ าการนม้ี จี ดุ มงุ่ หมายในการเสนอแนวคดิ ในการพฒั นาการทอ่ งเทยี่ วเชงิ วฒั นธรรม ขั้นตอนการพัฒนาการตลาด การเสนอรูปแบบการจัดการการท่องเท่ียวเพ่ือเป็นการส่งเสริมการท่องเท่ียวให้มีความสมดุลในมิติทาง วฒั นธรรม และเศรษฐกิจ อนั จะน�ำไปสกู่ ารจดั การพัฒนาการทอ่ งเทย่ี วเชงิ วัฒนธรรมอยา่ งย่ังยนื Abstract Thailand tourism industry has brought a large foreign exchange revenue contributing substantialy to its GDP. It has also created economic and social development. However, the tourism industry has become even more fiercely competitive, and that in turn promotes cultural heritage tourism, which has competitively unique advantages. This article aims to propose the concept of cultural tourism development, the approaches to develope and promote cultural tourism, and the tourism management framework. A way toward balancing cultural dimension and economic dimension wil hopefuly lead to the sustainable development of cultural heritage tourism in Thailand. บทน�ำ สงั คมในปจั จบุ นั มคี วามตระหนกั ถงึ ความส�ำคญั ของศลิ ปะ วฒั นธรรม เทศกาล รวมถงึ มรดกทางวฒั นธรรมพนื้ บา้ นมากขน้ึ ทง้ั น้ี การตื่นตัวต่อวัฒธรรมประกอบกับความหลากหลายทางวัฒนธรรมของในแต่ละพ้ืนที่เป็นจุดกำ� เนิดของการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเชิง วัฒนธรรม ดังจะเห็นว่าการท่องเที่ยงเชิงวัฒนธรรมได้กลายเป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมท่องเท่ียวในยุโรป อีกท้ังประเทศอ่ืนๆ ได้ พยายามท่จี ะพัฒนาการทอ่ งเทย่ี วเชิงวัฒนธรรมในประเทศของตนเอง (Nzama, Magi, & Ngocoho, 2005) นอกจากการทอ่ งเทย่ี วเชงิ วัฒนธรรมจะสามารถนำ� รายได้เข้าสู่ประเทศ และน�ำไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจท้ังระดับประเทศและระดับภูมิภาคแล้ว การท่องเที่ยวเชิง วฒั นธรรมยงั เปน็ เคร่ืองมือส�ำคัญในการสบื ทอดวัฒนธรรมให้คงอยู่ต่อไป ส�ำหรับประเทศไทยแลว้ การทอ่ งเทีย่ วเป็นอตุ สาหกรรมบริการ ที่สร้างรายได้ และการจ้างงานให้กับประเทศไทยเปน็ อย่างมาก อย่างไรก็ดีท่ามกลางการแข่งขันของตลาดท่องเทย่ี วที่สงู ขน้ึ กระแสการ พัฒนาการท่องเท่ียวเชิงวัฒนธรรมจึงได้รับความสนใจเพิ่มสูงข้ึน เน่ืองจากแหล่งท่องเท่ียว และมรดกทางวัฒนธรรมของประเทศไทยมี ความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว และได้มีการถ่ายทอดมรดกทางวัฒนธรรมสืบเน่ืองมาเป็นเวลานาน ดังนั้นบทความวิชาการนี้จะเน้นการ ทอ่ งเทยี่ วเชงิ วฒั นธรรมเพอ่ื การวางแผนพฒั นาการทอ่ งเทยี่ วอยา่ งยง่ั ยนื โดยจะแสดงถงึ แนวทางในการพฒั นาการทอ่ งเทย่ี วเชงิ วฒั นธรรม ในประเทศไทย โดยค�ำนึงถึงการอนุรกั ษ์ศลิ ปวฒั นธรรม และขนบธรรมเนียมประเพณีเพอ่ื ให้เกดิ การท่องเท่ยี วทยี่ ง่ั ยืน 139Executive Journal

มรดกทางวฒั นธรรม ท่ีหลากหลาย ต้ังแต่การให้บริการด้านการท่องเท่ียว การ เปล่ียนแปลงจากการท่องเที่ยวนี้ได้ยกระดับสภาพความเป็นอยู่ องค์การการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่ง และเพ่ิมรายได้ในหมู่ประชากรของประเทศ อันนับว่าเป็นส่วน สหประชาชาติ (United Nations Educational, Scientific, and สำ� คัญในการพฒั นาเศรษฐกจิ และสงั คมของประเทศ Cultural Organization) (n.d.) หรอื องคก์ าร UNESCO ไดใ้ หค้ �ำ จ�ำกัดความของคำ� ว่ามรดกทางวฒั นธรรม (cultural heritage) ไว้ การทอ่ งเทยี่ วเชงิ วัฒนธรรม ในการประชมุ สามัญ ทีจ่ ัดข้ึน ณ กรุงปารีส ในปี ค.ศ. 1972 หรือ ตรงกับ พ.ศ. 2515 ว่าเปน็ ในระดับโลกอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจัดได้ว่าเป็น (ก) อนสุ รณส์ ถาน (monuments) อนั รวมไปถงึ ผลงาน อตุ สาหกรรมท่ใี หญ่ทสี่ ุด โดยมกี ารจา้ งงานสงู ถึง 192.3 ลา้ นคน ทางสถาปตั ยกรรม ผลงานประตมิ ากรหรอื จติ รกรรม สว่ นประกอบ (World Tourism Organization, 2010) ในระดับประเทศไทย หรือโครงสร้างของโบราณคดีธรรมชาติ จารกึ ถ�ำ้ ทีอ่ ย่อู าศยั และ อตุ สาหกรรมการทอ่ งเทยี่ วมคี วามส�ำคญั ตอ่ ระบบเศรษฐกจิ โดยมี รอ่ งรอย ซึง่ มคี ณุ ค่าโดดเด่นในระดับสากลทางด้านประวตั ิศาสตร์ การจา้ งงานประมาณ 1.94 ล้านคน หรอื ประมาณร้อยละ 5.3 ของ ศิลปศาสตร์ หรือวิทยาศาสตร์ อัตราการจ้างงานท้ังหมดของประเทศ (การท่องเที่ยวแห่ง (ข) กลุ่มอาคาร (groups of buildings) อันรวมไปถงึ กล่มุ ประเทศไทย, 2553) นอกจากนี้การพัฒนาอุตสาหกรรมการท่อง ของอาคารไม่ว่าจะแยกจากกันหรือเช่ือมต่อกันโดยลักษณะทาง เทย่ี วทเ่ี หมาะสมยงั จะนำ� ไปสกู่ ารพฒั นาชมุ ชนผา่ นทางการพฒั นา สถาปัตยกรรม หรือโดยความสอดคลอ้ งกลมกลนื หรือโดยสภาพ โครงสรา้ งพื้นฐานของชุมชน การพฒั นาเศรษฐกิจของชมุ ชน และ ทางภูมิทัศน์ซ่ึงมีคุณค่าโดดเด่นในระดับสากลทางด้าน การเสริมสร้างเอกลักษณ์ของชุมชนเพ่ือเป็นความภูมิใจของคนใน ประวัตศิ าสตร์ ศลิ ปศาสตร์ และวทิ ยาศาสตร์ ทอ้ งถนิ่ อยา่ งไรกด็ ี การพฒั นาการทอ่ งเทย่ี วอยา่ งไมเ่ หมาะสมอาจ (ค) แหลง่ อนั รวมไปถงึ ผลงานทเ่ี กดิ จากมนษุ ย์(sites) หรอื จะน�ำไปสู่ผลกระทบต่อชุมชน อันได้แก่ ค่าครองชีพท่ีสูงข้ึนของ ผลท่ีเกิดจากมนุษย์และธรรมชาติ และบริเวณอันรวมถึงแหล่ง คนในชุมชน อัตราการเกิดอาชญากรรมท่ีสูงข้ึน การเพ่ิมข้ึนของ โบราณคดซี ง่ึ มคี ณุ คา่ โดดเดน่ ในระดบั สากลทางดา้ นประวตั ศิ าสตร์ มลพษิ และการเสอ่ื มถอยของวฒั นธรรมพน้ื เมอื งและวถิ ชี วี ติ ทเ่ี คย สนุ ทรยี ศาสตร์ ชาติพนั ธ์ุวิทยา หรือมานษุ ยวทิ ยา มอี ยู่ ทง้ั นอ้ี งค์การ UNESCO ได้จัดตง้ั คณะกรรมการมรดกโลก ทั้งน้ี การทอ่ งเที่ยวเชงิ วัฒนธรรมนัน้ มีความพเิ ศษ ตรงที่ (TheWorldHeritageCommittee) ในปี พ.ศ.2519 เพ่ือทำ� หนา้ ท่ี นักท่องเท่ียวจะเน้นท่ีการศึกษาหาความรู้ในพ้ืนท่ีหรือบริเวณท่ีมี สร้างความร่วมมือในหมู่ประเทศภาคีสมาชิกในการก�ำหนด คณุ ลกั ษณะทีส่ ำ� คญั ทางประวัตศิ าสตรแ์ ละวัฒนธรรม สถานที่ดงั มาตรการที่เหมาะสมในการดูแลแหล่งวัฒนธรรมที่มีความส�ำคัญ กล่าวจะมีการบอกเล่าเร่ืองราวในการพัฒนาทางสังคมและมนุษย์ มวลมนษุ ยชาตใิ ห้คงอยู่ พร้อมกันนีไ้ ดต้ ั้งกองทุนมรดกโลกขนึ้ เพ่อื ผ่านทางประวัติศาสตร์อันเป็นผลเก่ียวเน่ืองกับวัฒนธรรม องค์ เป็นแหล่งเงินทุนในการสนับสนุนการอนุรักษ์แหล่งวัฒนธรรมและ ความรู้ และการใหค้ ณุ คา่ ของสงั คม โดยสามารถสะทอ้ นใหเ้ หน็ ถงึ ธรรมชาติทีไ่ ดร้ ับการข้นึ ทะเบียนเปน็ มรดกแล้ว สภาพชวี ิต ความเป็นอยูข่ องคนในแต่ละยคุ สมยั ไดเ้ ป็นอย่างดี ไม่ ปัจจุบันประเทศไทยมีแหล่งมรดกโลกท่ีได้รับการขึ้น วา่ จะเปน็ สภาพทางเศรษฐกจิ สงั คม หรอื ขนบธรรมเนยี มประเพณี ทะเบยี นแล้ว 5 แห่ง (กระทรวงวัฒนธรรม, 2555) ประกอบดว้ ย ซึ่งนอกเหนือจากสถานท่ีแล้ว เทศกาลและงานฉลอง รวมไปถึง เมืองประวัติศาสตร์สุโขทัยและเมืองบริวาร นครประวัติศาสตร์ สนิ คา้ พ้ืนเมอื งในพื้นทตี่ า่ งๆ เชน่ ประเพณีวันสารทเดือนสิบของ พระนครศรอี ยธุ ยา แหลง่ โบราณคดบี า้ นเชียง เขตรักษาพนั ธุส์ ตั ว์ จงั หวัดนครศรีธรรมราช ประเพณีลากพระและประเพณปี ล่อยเต่า ปา่ ทงุ่ ใหญ-่ หว้ ยขาแขง้ และผนื ปา่ ดงพญาเยน็ -เขาใหญ่ นอกจาก ของจังหวัดพังงา ประเพณีบุญบ้ังไฟล�ำนางรองและประเพณีบุญ นี้ยังมีแหล่งมรดกทางวัฒนธรรมที่อยู่ในบัญชีรายชื่อเบื้องต้นรอ หัวมันใหญ่ของจังหวัดบุรีรัมย์ จัดได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของการท่อง การน�ำเสนอต่อคณะกรรมการมรดกโลกเพ่ือพิจารณาอีก 2 แห่ง เทย่ี วทม่ี คี ณุ คา่ เชงิ วัฒนธรรมเชน่ เดียวกนั ได้แก่ ปราสาทหินพิมายและเส้นทางวัฒนธรรม และปราสาท ดังน้ัน จะเห็นได้ว่าการอนุรักษ์และการพัฒนามรดกทาง พนมรงุ้ และปราสาทเมอื งตำ�่ และอทุ ยานประวตั ศิ าสตรภ์ พู ระบาท วฒั นธรรมใหค้ งอยตู่ อ่ ไปนนั้ เปน็ เรอ่ื งส�ำคญั เพราะนอกจากจะเปน็ ท้ังน้ีการประกาศสถานท่ีดังกล่าวเป็นมรดกโลก นอกจากจะเป็น ความภาคภูมิในของประเทศแล้ว ยังมีคุณค่าท่ีเป็นประโยชน์ต่อ ความภาคภูมิใจของประเทศไทยแล้ว ยังน�ำมาซ่ึงรายได้เข้า การพัฒนาการศึกษาทางด้านประวัติศาสตร์ ศิลปศาสตร์ ประเทศจากการท่องเทยี่ ว และทำ� ให้ประชาชนในทอ้ งถ่ินมอี าชีพ สนุ ทรยี ศาสตร์ ชาตพิ นั ธว์ุ ทิ ยา และมานษุ ยวทิ ยา อกี ทงั้ ยงั สามารถ 140 Executive Journal

ส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกจิ ของชุมชน และประเทศผ่านทางการ เน้นท่ีการพัฒนาท่ีควบคู่กันไประหว่างการเติบโต และการรักษา ทอ่ งเทยี่ ว อยา่ งไรกด็ ี เปน็ ทน่ี า่ กงั วลวา่ ผลจากการทอ่ งเทย่ี วทเี่ พมิ่ มลู คา่ ทางวฒั นธรรม โดยแนวคิดนจี้ ะเน้นการวางแผนและจัดการ สงู ขนึ้ จะนำ� ไปสคู่ วามเสอื่ มโทรมของสถานทท่ี อ่ งเทยี่ ว และการสญู ท่ีเหมาะสม เพ่ือหลีกเล่ียงปัญหาจากการเปลี่ยนแปลงของ เสยี มลู คา่ ทางวฒั นธรรม จงึ อาจจะกลา่ วไดว้ า่ การทอ่ งเทยี่ วเปรยี บ วัฒนธรรม หรือวิถชี วี ิตของชุมชนซึ่งรวมถงึ ด้านเศรษฐกจิ สงั คม เสมอื นดาบสองคมถา้ ไมม่ กี ารวางแผนอยา่ งเหมาะสม การจดั การ และการเมือง ทง้ั นี้ การจัดการการทอ่ งเท่ียวเชงิ วัฒนธรรมที่ดไี ม่ เพอ่ื รกั ษาสมดลุ ของการพฒั นาการทอ่ งเทยี่ วและการอนรุ กั ษม์ รดก ควรทจี่ ะมองมรดกทางวฒั นธรรม หรอื แหลง่ ทอ่ งเทยี่ วเปน็ เพยี งแค่ ทางวัฒนธรรมจึงเป็นเรื่องส�ำคัญเพ่ือน�ำไปสู่การวางแผนและการ สนิ ค้าที่จะน�ำรายได้เขา้ สู่ประเทศ หากแตค่ วรมองแหลง่ ท่องเทยี่ ว จดั การการท่องเที่ยวอย่างยงั่ ยนื ดงั กลา่ วใหเ้ สมอื นมรดกของคนทงั้ ประเทศทค่ี วรคา่ แกก่ ารอนรุ กั ษ์ ไวใ้ ห้คงอยตู่ ่อไป แนวคิดการจัดการมรดกทางวัฒนธรรมและการท่องเท่ียวเชิง งานศึกษาในช่วงห้าปีที่ผ่านมาได้กล่าวถึงการจัดการท่อง มรดกวัฒนธรรม เทยี่ วเชงิ วฒั นธรรมมากขน้ึ Ivanovic(2008) และCooperFletcher Fyal Gilbert และ Wanhil (2008) กล่าววา่ วฒั นธรรมและมรดก การท่องเที่ยวเชิงมรดกวัฒนธรรม และการจัดการมรดก ทางวฒั นธรรมเปน็ รปู แบบการพฒั นาในการทอ่ งเทยี่ วทเ่ี กดิ ขนึ้ ใหม่ ทางวฒั นธรรมเป็นสิง่ ที่ตอ้ งพิจารณาควบคกู่ นั ซงึ่ การรกั ษามรดก โดยแหล่งท่องเที่ยวรวมถึงกิจกรรมต่างๆ มีบทบาทส�ำคัญในการ วฒั นธรรมเปน็ ประโยชนด์ า้ นองคค์ วามรแู้ ละการใหค้ ณุ คา่ แกส่ งั คม ดึงดูดนกั ทอ่ งเท่ียวและผู้เขา้ ชม ซง่ึ การท่องเทย่ี วเชิงวฒั นธรรมจะ ในขณะที่การพัฒนาการท่องเท่ียวน�ำไปสู่การเติบโตทางเศรษฐกิจ เนน้ การเดนิ ทางไปสปู่ ระสบการณแ์ ละกจิ กรรมการมสี ว่ นรว่ มในวถิ ี และรายไดข้ องชุมชน การจดั หาแนวทางการจดั การท่องเที่ยวเชิง ชีวิตท่ีอาจจะพบเห็นได้ยากในชีวิตประจ�ำวัน (Goeldner & มรดกวฒั นธรรมจงึ เปน็ เรอ่ื งส�ำคญั ทงั้ นี้ แนวคดิ หลกั เพอ่ื ใชใ้ นการ Ritchie, 2009) ทั้งนี้ Ismail (2008) เสนอแบบจ�ำลองเพอ่ื การ จัดการมรดกทางวัฒนธรรมประกอบด้วย แนวคิดการพัฒนาการ จดั การทอ่ งเทย่ี วเชงิ วฒั นธรรมอยา่ งยง่ั ยนื โดยมงุ่ เนน้ ทงั้ ประโยชน์ ท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน และแนวคิดเศรษฐกิจและการท่องเท่ียวเชิง ทางเศรษฐกิจท่ชี ุมชนจะไดร้ ับจากการจา้ งงาน และรายได้ทสี่ งู ขึน้ สร้างสรรค์ ซ่ึงแต่ละแนวคิดจะประกอบด้วยกลยุทธ์และแนวทาง ควบคไู่ ปกบั การคงไวซ้ ง่ึ สภาพแวดลอ้ ม วถิ ชี วี ติ แบบเดมิ ทส่ี ามารถ สนบั สนนุ ทจี่ ะนำ� ไปสกู่ ารจดั การมรดกวฒั นธรรมและการทอ่ งเทยี่ ว สนองความต้องการของชุมชนท้ังในปัจจุบันและในอนาคต ซึ่ง เชงิ มรดกวฒั นธรรมเปน็ ไปอย่างเหมาะสม สอดคลอ้ งกับ Ximba (2009) ซง่ึ เสนอว่าพฒั นาการทอ่ งเทย่ี วเชิง วัฒนธรรมควรเน้นความเข้าใจวัฒนธรรม และการมีส่วนร่วมใน 1. แนวคดิ การพัฒนาการท่องเท่ยี วอย่างยงั่ ยืน ประสบการณ์ทางวัฒนธรรมท้ังทางด้านภูมิปัญญา ความงาม จติ วิทยา และความรสู้ ึก ภายใต้แนวคดิ การพฒั นาการท่องเที่ยว แนวคดิ การพฒั นาการทอ่ งเทยี่ วอยา่ งยงั่ ยนื มจี ดุ เรม่ิ ตน้ จาก อย่างยั่งยนื จะมงุ่ เนน้ การพัฒนาแหล่งทอ่ งเท่ียวเชิงวฒั นธรรมให้ การทอ่ี งคก์ ารสหประชาชาติ (UN) ไดจ้ ดั การประชมุ สหประชาชาติ เปน็ แหลง่ เรยี นรแู้ ละสรา้ งความประทบั ใจ พรอ้ มกบั สรา้ งการมสี ว่ น ในปี พ.ศ. 2515 และได้ขอ้ สรปุ ใหป้ ระเทศสมาชกิ หันมาสนใจส่ิง รว่ มของชมุ ชนเพ่ือเป็นแรงผลักดันให้ช่วยกันอนุรักษ์ สืบทอดและ แวดลอ้ มมากขนึ้ โดยมงุ่ เนน้ การพฒั นาประเทศควบคกู่ บั การรกั ษา ถ่ายทอดศิลปะวัฒนธรรม ซึ่งจะเป็นการคงไว้ซ่ึงอัตลักษณ์ของ ส่ิงแวดล้อมและชุมชน ท้ังนกี้ ารประชุมครง้ั ต่อมาในปี พ.ศ. 2535 ชุมชน ที่ประชุมได้ให้ข้อเสนอแนะเก่ียวกับการท่องเที่ยว เน่ืองจากเห็น 2. แนวคดิ การทอ่ งเท่ียวเชงิ สร้างสรรค์ ว่าการท่องเท่ียวมีส่วนเก่ียวข้องกับปัญหาส่ิงแวดล้อม และ แนวคิดการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์มีท่ีมาจากการท่อง โครงสรา้ งชมุ ชนตา่ งๆ ที่เกดิ ข้นึ จึงเปน็ ที่มาของแนวคดิ เร่ืองการ เทย่ี วเชงิ วฒั นธรรม โดยมจี ดุ เรม่ิ ตน้ จากในแถบทวปี ยโุ รปซงึ่ จะเนน้ ทอ่ งเท่ียวแบบยั่งยนื (Theobald, 1994) ตอ่ มากรอบแนวคดิ นีไ้ ด้ การท่องเท่ียวเพ่ือเป็นประสบการณ์ และการเพิ่มพูนความรู้ ถูกพัฒนาโดย Swarbrooke (1999) เพื่อมุ่งเน้นการการรักษา Raymond และRichards ซงึ่ เปน็ สมาชกิ ของสมาคมเพอ่ื การศกึ ษา สมดุลของการพัฒนาการท่องเที่ยวซึ่งน�ำไปสู่การเติบโตทาง การท่องเท่ียวและสันทนาการ (ATLAS) ได้ให้ค�ำจ�ำกัดความการ เศรษฐกิจ และการอนรุ กั ษม์ รดกทางวัฒนธรรม โดยแนวคดิ น้ตี ้งั ท่องเท่ียวเชิงสร้างสรรค์อย่างเป็นทางการ ว่าเป็นการท่องเท่ียวท่ี อยู่บนคำ� จ�ำกัดความว่าการท่องเที่ยวเชิงวัฒธรรมอย่างยั่งยืน คือ เน้นการมีส่วนร่วมในวัฒนธรรมของชุมชนผ่านทางกิจกรรมและ การท่องเที่ยวซึ่งท�ำให้เศรษฐกิจเจริญงอกงาม แต่ต้องไม่ท�ำลาย ประสบการณ์ท่ีได้รบั (Wurzburger,Aagesen,Pattakos,&Pratt, ทรัพยากรซึ่งเก่ียวกับการท่องเท่ียว และต้องไมส่ ่งผลเสยี ต่อมลู คา่ 2009) ทางวฒั นธรรมของแหลง่ ทอ่ งเท่ยี วนน้ั รวมถงึ โครงสรา้ งทางสังคม ของพนื้ ทน่ี นั้ หลกั การพฒั นาทส่ี �ำคญั ของSwarbrooke(1999) นน้ั 141Executive Journal

ในขณะเดียวกนั แนวคดิ การท่องเที่ยวเชิงสรา้ งสรรคไ์ ด้รบั การสนบั สนนุ โดยองคก์ ร UNESCO โดยมงุ่ เน้นการพฒั นา และสร้าง เครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ซ่ึงส่งเสริมความรู้ความเข้าใจวัฒนธรรมอัตลักษณ์ของแต่ละชุมชนผ่านประสบการณ์ นอกจากนี้ จะเห็นได้ว่า แนวคดิ การทอ่ งเท่ยี วเชิงสรา้ งสรรค์ไดร้ ับความนยิ มมากข้นึ เนือ่ งจากนักทอ่ งเท่ยี วได้มปี ฎิสมั พนั ธ์ ได้ความรู้ ได้รบั คุณคา่ พร้อมได้รบั ความเพลิดเพลินจากการท่องเท่ียวในบริบทของมรดกทางวัฒนธรรม ทั้งนี้ แนวคิดการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมแบบสร้างสรรค์จะเน้นท่ี การสะท้อนถงึ ความมชี วี ติ วถิ ีชีวิต และการถา่ ยทอดอย่างเปน็ รปู ธรรมจนทำ� ให้สถานทีด่ งั กลา่ วเปน็ แหล่งทอ่ งเที่ยวทนี่ า่ สนใจ แบบจ�ำลองการพฒั นาการทอ่ งเทยี่ วเชิงวฒั นธรรม จากความส�ำคญั และแนวคิดเบือ้ งต้นท่จี ะนำ� ไปสกู่ ารพัฒนาการทอ่ งเทยี่ วเชิงวัฒนธรรม น�ำมาสกู่ ารวางแผน การจัดการ และการ สง่ เสรมิ กิจกรรมการทอ่ งเที่ยว ตลอดจนการวางแผนกลยุทธก์ ารพฒั นาการท่องเท่ยี วเชงิ วฒั นธรรมใหเ้ หมาะสมกับประเทศไทย จากการ ศกึ ษาของ Bywater (1993) ไดแ้ ยกประเภทนกั ท่องเทีย่ วเชิงวัฒนธรรมออกเป็น 3 ประเภท 1. นักทอ่ งเทย่ี วตามแรงกระตุน้ ทางวฒั นธรรม (Culturaly Motivated) หมายถงึ ผู้ที่เดินทางทอ่ งเที่ยวดว้ ยเหตผุลทางวัฒนธรรม นักท่องเทย่ี วกลมุ่ นม้ี ีความสนใจท่ีจะเรียนรู้ ศึกษาวฒั นธรรมและมีพฤตกิ รรมที่จะพกั อยใู่ นแหล่งท่องเทย่ี วเป็นระยะเวลานาน 2. นกั ทอ่ งเทย่ี วตามแรงบนั ดาลใจทางวฒั นธรรม(CulturalyInspired) หมายถงึ ผทู้ ถี่ กู ดงึ ดดู ใจดว้ ยศกั ยภาพของแหลง่ ทอ่ งเทยี่ ว ทเ่ี ปน็ ทร่ี จู้ กั หรอื ไดร้ บั การประชาสมั พนั ธผ์ า่ นสอื่ รปู ภาพ โดยนกั ทอ่ งเทย่ี วประเภทนจี้ ะใชร้ ะยะเวลาทจี่ ะพกั อยใู่ นแหลง่ ทอ่ งเทยี่ วนอ้ ยกวา่ ประเภทแรก แต่มโี อกาสทจี่ ะเดนิ ทางกลบั มายงั สถานทท่ี ่องเทีย่ วอีกครั้งในอนาคต 3. นักท่องเทีย่ วตามแรงดึงดดู ทางวฒั นธรรม (Culturaly Attracted) หมายถงึ ผทู้ ่มี ีความสนใจในกจิ กรรมการท่องเทย่ี วที่เกดิ ข้นึ โดยนักท่องเที่ยวประเภทน้ีจะมรี ะยะเวลาในการท่องเทย่ี วน้อย อาจจะเปน็ ในลกั ษณะเยย่ี มชมมากกว่าการพกั อาศัย ทงั้ นี้ Smith (2003) ไดจ้ ัดประเภทและพฤติกรรมนกั ท่องเทย่ี วในแหล่งทอ่ งเที่ยวทางวัฒนธรรม ดงั น้ี ประเภทนักทอ่ งเทีย่ วเชงิ วฒั นธรรม สถานท่ีและกจิ กรรมทส่ี นใจ นกั ท่องเที่ยวแหล่งมรดก (Heritage Tourist) ปราสาท พระราชวัง บ้านโบราณ แหลง่ โบราณคดี อนสุ าวรีย์ นักท่องเทย่ี วศิลปะ (Arts Tourist) โรงละคร การแสดงคอนเสิรต์ เทศกาล งานประเพณี นักท่องเทีย่ วเชิงสรา้ งสรรค์ (Creative Tourist) ถ่ายภาพ วาดภาพ เครือ่ งป้ัน ท�ำอาหาร หัตถกรรม นักทอ่ งเท่ยี ววฒั นธรรมเมอื ง (Urban Cultural Tourist) แหล่งประวตั ิศาสตร์ แหล่งอุตสาหกรรม นักทอ่ งเทีย่ ววัฒนธรรมชนบท (Rural Cultural Tourist) การท่องเท่ยี วเชิงเกษตร ชุมชน ฟารม์ พิพธิ ภณั ฑธ์ รรมชาติ ภูมทิ ัศน์ นักท่องเทย่ี ววัฒนธรรมภมู ปิ ญั ญาท้องถนิ่ ชาวเขา ทะเลทราย เดนิ ป่า ศูนยว์ ัฒนธรรม ศิลปะและหตั ถกรรม (Indigeneous Cultural Tourist) นกั ท่องเทย่ี ววัฒนธรรมทนั สมัย สวนสนุก ห้างสรรพสนิ คา้ การแสดงคอนเสริ ต์ งานแขง่ ขันกฬี า (Popular Cultural Tourist) การแบง่ ประเภท และลักษณะของนกั ท่องเท่ยี วเชงิ วัฒนธรรมดังที่กล่าวมาข้างตน้ ท�ำใหท้ ราบถึงลกั ษณะและความตอ้ งการของ นกั ทอ่ งเทย่ี ว เพอ่ื ใชเ้ ปน็ แนวทางในการกำ� หนดกลยทุ ธต์ อบสนองความตอ้ งการอนั จะนำ� ไปส่กู ารสรา้ งรายได้ให้แหลง่ ท่องเที่ยว ควบคูไ่ ป กับการสง่ เสรมิ ความรคู้ วามเข้าใจ และการรักษาวฒั นธรรมของชุมชนใหค้ งไว้ ทัง้ นี้ Garrod แล Fyal (1998) ไดเ้ สนอแบบจ�ำลองการ จดั การแหล่งท่องเทย่ี วเพื่อนำ� ไปสกู่ ารพัฒนาและสง่ เสรมิ การทอ่ งเที่ยวเชิงวัฒนธรรมอย่างย่งั ยืนดังแสดงโดยภาพท่ี 1 142 Executive Journal

bLE =[ การจัดการแหลงทองเที่ยว การตลาดและการ การวางแผน โครงสรางองคกร การดำเนินการ พัฒนาแหลง โครงการพัฒนา และการจัดการ โครงการพัฒนา ทองเที่ยว แหลงทองเที่ยว แหลงทองเที่ยว BT@9Wg­`<<+Tl GO*$TE+6S $TE`MG*9O*_9DgW I 9WCg T¶ÄÞïïìá`GRÃöÞ饮¶¶µ¦  ƒ³¤–¦³•¿¦±ƒ³¤Ÿ“² š³¿¬¦‰m ˜®m ‰¾˜Æ£¶ ¨  $TE@4S ;T$TE9O *_9DgW I_-*V I4S ;:EECODT *D*gS D;Y +RLTCTE8LlT_E+f GGZ I *c=c6+R7O *OTJDS $GD9Z :9 T*$TE7GT6`GR$TE@4S ;T `MG*9O*_9WgDI _@gYOL;O*'ITC7O*$TEERMIT*;S$9O*_9gWDI$S<>[bM<EV$TEMEYO>[=ER$O<$TE 9Sh*;Wh $TE9lT$TE7GT6$TE9O*_9gWDIb; `7G R`MG* ;;hS C'W ITC`7$7T*6T ;<EV$TE9gW;S$9O *_9DWg Ic6E <S  .*Xg OT++R_=;LgV*9gLW TCTE8+<S 7O*c6 MEOY cCL TCTE8+<S 7O *c6 .*Xg a6D %hS;7O;$TE7GT6`GR$TE@S4;T`MG* 9O*_9WDg I'lT;X*8*X =++SD6S*7Oc=;hW  ®¦>GV7BS539gW+RL;O*'ITC7O*$TE%O*;S$9O*_9WgDI $O;$TE@S4;T$TE7GT69T*6T;$TE9O*_9WgDI >[=ER$O<$TEMEYO >[+S6$TE`MG* 9O*_9DgW I'IE9ET<8*X 'ITC7O *$TE%O*;S$9O *_9gWDI_-; ;$S 9O*_9WDg I_-V*IS4;:EECLI;CT$_;; 9W'g ITCE['ITC=ER9S< b+'ITCLZ;9EWD=ERL<$TE5QGQ6S*;hS;`MG*9O *_9DgW I'IECW'ITCa66_6; `GRCW_O$GS$K5_ @OYg bM;S$9O *_9gDW Ic6ES<=ERaD-; `GR L;O*'ITC7O*$TEL[*9gLW 6Z 'ITC@*X @Ob+%O*;$S 9O *_9gDW I+R>GS$6;S $TE7GT6%O*`MG*9O *_9DWg I9hS*+T$$TEa)K5T=T$7O =T$`GR $TE$G<S CT_DOY ;OW$'ES*h  ;O$+T$;Wh $TELET *7ETL;V 'T`MG*9O *_9WDg I¥ÁâðñæëÞñæìë¿ïÞëáæëä¦ _@gOY $TE@S4;T`MG* 9O*_9WgDI _=; $GD9Z :9 T*$TE7GT69LWg Tl '‰S b;$TE@4S ;T`MG* 9O *_9DgW I_-*V I4S ;:EEC_;OYg *6I D`MG* 9O *_9DgW I_-*V I4S ;:EEC`7G R@;hY 9%Wg O*=ER_9Jc9D C'W ITC`7$7T *$;S COW 7S G$S K5` GRCJW $S DBT@9+Wg RLTCTE86*X 66[ 'ITCL;b+`GR-I;bM; $S 9O *_9DWg I9*Sh -TIc9D`GR-TI7T *-T7CV T_DDgW C _DYO;  ¯¦$TEL* _LECV $TE7GT6$TE9O *_9DgW I_-*V I4S ;:EEC$TEL* _LECV $TE7GT6_=; $GD9Z :9 +gW R9Tl bM; $S 9O *_9DgW IE<S E[ `GRL;b+_DOY ; `MG*9O*_9DgW I6S*;h;S $TEL*_LEVC$TE7GT6OT+_-; $TEbM%OCG[ %T ILTE>T;LgOY $TEa)K5T$TE=ER-TLSC@;S :MEYO$TE@6[ `<< =T$7O =T$_@OgY $ER7;Z bM; $S 9O *_9DgW IL;b+`GR7O *$TE9O *_9DgW I$TE;Tl _L;O9;Wg T L;b+`GRLTCTE86*X 66[ ;$S 9O *_9DWg IbML ;b+$TE9O * _9WgDI_-V*IS4;:EEC`<<DgS*DY; OT+_=;$TE=ER-TLSC@S;: $TE+S67Sh*J[;D<EV$TE$TE9O*_9WgDI_-V*IS4;:EEC MEYO$TE+S6;V9EEJ$TE BT@8T D$TEb-L YOg CSG7VCW_6DW =0LV CS @S;:_@gOY $TE=ER-TLCS @S;:L * _LECV `MG*9O*_9WgDI_-V*IS4;:EEC`GR`;I'6V $TEO;EZ S$KCE6$9T* IS4;:EECbM'*ODL[ <Y _;gOY *7Oc=¥Äìôáö©®¶¶¶¦.*Xg $TE_GOY $b-LYOg =ER-TLCS @S;:+R;Tl +6Z _6; %O*`MG* 9O*_9WgDI7GO6+;IV:bW ;$TE 6lT_;;V -IW 7V _=;+Z6%TD¥¿ïÞëáÆáâÞ¦`GRLYOg LTEc=DS*;$S 9O*_9gDW I¥¿ïÞëáÀìêêòëæàÞñæìë¦_@YOg LET*$TEES<E[ ¥¿ïÞëá¾ôÞïâëâðð¦ `GRLCS >LS =ERL<$TE5 ¥¿ïÞëáÂõíâïæâëàâ¦+;_$6V _=; $ER<I;$TE9O *_9DgW I 143Executive Journal

2. การวางแผนโครงการพัฒนาแหลง่ ท่องเท่ียว ประเมินผลกระทบท่ีอาจจะเกิดขึ้นจากการพัฒนาการท่องเที่ยว ทง้ั น้ี การสรา้ งหลกั เกณฑแ์ ละตวั บง่ ชใี้ นการประเมนิ ผลกระทบขน้ึ ขั้นตอนการวางแผนโครงการพัฒนาแหล่งท่องเท่ียวอย่างยั่งยืน อย่กู บั วตั ถปุ ระสงคข์ องการพฒั นาการทอ่ งเทย่ี วของแตล่ ะฝา่ ย ซง่ึ ประกอบดว้ ยกระบวนการ ภาพท่ี 2 จะต้องมีการประเมินผลกระทบของการพัฒนาการท่องเที่ยวร่วม ภาพท่ี 2 การวางแผนพัฒนาแหลง่ ท่องเที่ยว กนั (Butler, 1999) โดยหลักเกณฑก์ ารประเมนิ ผลกระทบน้นั แบ่ง เป็นผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของคนในชุมชน ผลกระทบต่อ การวเิ คราะหแ์ หล่งทอ่ งเทีย่ ว คณุ คา่ ทางวฒั นธรรม และผลกระทบตอ่ การเสรมิ สรา้ งลกั ษณะเดน่ อตั ลกั ษณข์ องชมุ ชนและพน้ื ท่ี ผลกระทบตอ่ การด�ำรงรกั ษามรดก การวางแผนการใช้พ้นื ทแี่ ละการคมนาคมขนส่ง ทางวัฒนธรรม เพื่อน�ำไปสู่การวางแผนนโยบายที่สมดุล และ แนวทางการจัดการเพื่อควบคมุ ผลกระทบจากการทอ่ งเทย่ี วอันจะ การก�ำหนดศักยภาพการรองรับ นำ� ไปส่กู ารกอ่ ให้เกิดผลประโยชน์สทุ ธิทส่ี ูงสดุ ตอ่ พน้ื ท่ี นอกจากนี้ ขน้ั ตอนการวางแผนการพฒั นาแหลง่ ทอ่ งเทย่ี ว การประเมินผลกระทบของโครงการ ควรจะรวมถงึ การฝึกอบรมคนในพ้ืนท่ีทงั้ ภาครัฐ ภาคเอกชน และ ประชาชนในท้องถ่ิน ให้รับรู้และมีส่วนร่วมในการดูแลแหล่งท่อง การฝกึ อบรมพนกั งานท้ังภาครฐั และเอกชน เที่ยว ทั้งนีก้ ารพฒั นาบคุ ลากร การใหค้ วามรู้ และการฝึกอบรม เพอื่ ใหบ้ คุ ลากรทเ่ี กยี่ วขอ้ งมคี วามรู้ มแี นวคดิ และวธิ ปี ฏบิ ตั ใิ นการ พัฒนาการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน นับว่าเป็นแนวทางในการวางแผน ขั้นตอนส�ำคัญของการวางแผนพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเร่ิม พฒั นาการทอ่ งเทีย่ วเชงิ วฒั นธรรมอย่างย่ังยืน จากการวิเคราะหแ์ หลง่ ท่องเท่ยี ว ซง่ึ รวมถึงความพร้อมของแหล่ง ทอ่ งเทย่ี วทเี่ ออ้ื อำ� นวยต่อการพัฒนา การปรับปรุง และความนา่ 3. โครงสรา้ งองค์กรและการจดั การ สนใจของแหลง่ ทอ่ งเทยี่ วนน้ั วา่ เพยี งพอทจี่ ะดงึ ดดู ใจนกั เทย่ี วเทย่ี ว ให้เดินทางไปยังแหล่งท่องเท่ียวน้ันหรือไม่ คุณค่าของแหล่งท่อง การจดั การโครงสรา้ งองคก์ รและการจดั การทเี่ หมาะสมเปน็ เท่ียวเชิงวัฒนธรรมเป็นอย่างไร ซึ่งรวมถึงภาพรวมด้านความ สว่ นประกอบทสี่ ำ� คญั ในการทจี่ ะกำ� หนดทศิ ทางของการพฒั นาการ สวยงาม ลกั ษณะเดน่ อตั ลกั ษณ์ ความเกา่ แกท่ างประวัติศาสตร์ ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมท่ีย่ังยืน โดยท่ัวไปแล้วจะสามารถสรุป ความส�ำคญั ทางศาสนา สภาพภมู ทิ ศั น์ และวถิ ีชีวติ นอกจากน้ี โครงสร้างองค์กรและการจัดการสำ� หรับการพัฒนาการท่องเที่ยว ประเด็นของความพร้อมทางด้านความสะดวกซ่ึงรวมถึงทั้งความ เชงิ วฒั นธรรม โดยจะมงุ่ เนน้ ทก่ี ารประสานงานกบั องคก์ รปกครอง สะดวกในการเข้าถึง และส่ิงอ�ำนวยความสะดวกเป็นส่ิงส�ำคัญใน ท้องถิ่น และหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องท่ีเกี่ยวข้องส่งเสริม การวางแผนการใชพ้ น้ื ทแ่ี ละการก�ำหนดศกั ยภาพรองรบั แหลง่ ทอ่ ง กิจกรรมการท่องเที่ยวในท้องถิ่นต้องน�ำการท่องเที่ยวขยาย เทยี่ ว ในการก�ำหนดศักยภาพแหล่งทอ่ งเที่ยวนั้น ประเด็นส�ำคญั เศรษฐกจิ ในท้องถ่นิ เพอ่ื ทีจ่ ะรว่ มกันหาจดุ เดน่ หรืออตั ลักษณท์ ี่ คือต้องสามารถจดั การสงิ่ อ�ำนวยความสะดวกเบ้ืองต้น เชน่ ถนน จะเปน็ จดุ ประชาสมั พนั ธแ์ หลง่ ทอ่ งเทยี่ ว นอกจากนก้ี ารสนบั สนนุ ไฟฟ้า นำ้� ประปา การก�ำจดั ขยะ ระบบส่ือสารคมนาคม ลานจอด การมีส่วนร่วมและการสร้างเครือข่ายพัฒนาการท่องเท่ียวกับท้อง รถ ที่พักโรงแรม รา้ นอาหาร และร้านขายของท่ีระลกึ ให้พอเพยี ง ถน่ิ เพอ่ื ทจี่ ะรว่ มกนั วเิ คราะห์ หรอื แกไ้ ขปญั หาและขอ้ ขดั แยง้ ในผล กบั จำ� นวนนกั ทอ่ งเทยี่ ว รวมถงึ ตอ้ งควบคมุ จ�ำนวนนกั ทอ่ งเทยี่ วไม่ ประโยชน์ที่ต่างกันเป็นอีกแนวทางที่มีความจ�ำเป็นต่อการจัดการ ให้เกินความสามารถท่ีจะรองรับได้ ซึ่งรวมถึงการประเมินผล ทอ่ งเทีย่ วเชิงวฒั นธรรมอย่างอย่างยนื อีกดว้ ย กระทบจากการเพ่ิมขึ้นของจ�ำนวนนักท่องเที่ยวในพื้นที่ดังกล่าว 4. การด�ำเนินการโครงการพัฒนาแหล่งทอ่ งเที่ยว ตลอดจนปัญหาและผลกระทบที่จะตามมาจากการพัฒนาการ ตามข้อเสนอของกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถ่ิน ท่องเท่ียวในพ้ืนที่ กระทรวงมหาดไทย (2550) การดำ� เนนิ การโครงการพฒั นาแหลง่ ประเด็นพ้ืนฐานที่ส�ำคัญประเด็นหนึ่งที่จะน�ำไปสู่การวาง ท่องเทยี่ ว มหี ลกั การดำ� เนินการที่สำ� คญั 4 ด้านซ่ึงประกอบด้วย นโยบายการพฒั นาการทอ่ งเทย่ี วเชงิ วฒั นธรรมทเ่ี หมาะสม คอื การ 1. การเร่งพฒั นา บรู ณะ ฟน้ื ฟูมรดก และสนิ ทรพั ย์ทาง วัฒนธรรม เพื่อให้เกิดการท่องเท่ียวใหม่เพื่อสร้างรายได้ให้กับ ชมุ ชน โดยสง่ เสรมิ บทบาทการมสี ว่ นรว่ มของเอกชนเพอื่ ทจี่ ะรกั ษา แหล่งทอ่ งเท่ียวและวิถีชีวิตใหอ้ ยสู่ ภาพเดิมอยา่ งยัง่ ยืน 144 Executive Journal

2. การเพิ่มความหลากหลายของการท่องเท่ียวเชิง เที่ยวทวั่ โลก ทง้ั นี้ ประเทศไทยมีแหลง่ ท่องเทีย่ วเชิงวัฒนธรรมซึง่ วัฒนธรรมรูปแบบต่างๆ ทั้งการท่องเที่ยวแหล่งมรดก การท่อง จัดได้ว่าเป็นแหล่งมรดกโลกที่ได้รับการขึ้นทะเบียนแล้วจำ� นวน 5 เทย่ี วศลิ ปะ การทอ่ งเทยี่ ววฒั นธรรมเมอื ง การทอ่ งเทยี่ ววฒั นธรรม แห่งด้วยกัน และรอการขึ้นทะเบียนจ�ำนวน 2 แห่ง (กระทรวง ชนบท รวมถึงการท่องเท่ียวเชิงสร้างสรรค์และภูมิปัญญาท้องถ่ิน วัฒนธรรม, 2555) นอกจากน้ียงั มมี รดกทางวัฒนธรรมอีกจ�ำนวน ไทย มาก เช่น ปราสาท พระราชวงั วดั โบราณสถาน โบราณวตั ถุ 3. การเพมิ่ สง่ิ อำ� นวยความสะดวก การวางแผนดา้ นความ ประเพณ ี และวิถีการดำ� เนนิ ชีวิต ปลอดภัย สขุ อนามัย และสวสั ดิการของนกั ทอ่ งเที่ยวทุกกลมุ่ ทุก ทงั้ นี้ หวั ใจสำ� คญั ของการวางแผนพฒั นาอตุ สาหกรรมทอ่ ง เพศ ทุกวยั เท่ยี วเชงิ วัฒนธรรมให้มีการเติบโตอย่างย่งั ยืน คอื การรักษาสมดุล 4. การสง่ เสรมิ ความเชอื่ มโยง ความรว่ มมอื กบั หนว่ ยงาน ระหว่างการอนุรักษณ์มรดกทางวัฒนธรรม และการส่งเสริม ในทอ้ งถน่ิ และประชาชนในชมุ ชน เพอ่ื ทจ่ี ะสรา้ งกจิ กรรมทอ่ งเทยี่ ว พัฒนาการท่องเท่ยี วเชงิ วฒั นธรรม ซ่งึ จะสำ� เร็จลุลว่ งไปไดจ้ ะต้อง พฒั นาคณุ ภาพการบรกิ ารทอ่ งเทย่ี ว รวมถงึ การประชาสมั พนั ธข์ อง อาศัยความรว่ มมอื กันจากทุกฝ่ายท้งั ภาครัฐ ภาคเอกชน องคก์ ร การทอ่ งเทีย่ วทอ้ งถ่นิ ในรปู แบบต่างๆ อิสระ และชุมชน ขั้นตอนของการจัดการแหล่งท่องเท่ียวเชิง วัฒนธรรมเพื่อน�ำไปสู่การพัฒนาการท่องเที่ยวแบบยั่งยืนน้ัน บทสรปุ ประกอบดว้ ยการตลาดทจ่ี ะตอ้ งตอบสนองความตอ้ งการและสรา้ ง ความพึงพอใจให้แก่นักท่องเท่ียว การวางแผนโครงการพัฒนา การวางแผนการพัฒนาการท่องเท่ียวเชิงมรดกทาง แหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ซึ่งรวมถึงการวางแผนการใช้พื้นท่ี วัฒนธรรมเป็นหน่ึงในยุทธศาสตร์ท่ีต้องพัฒนาในประเทศไทย การวางแผนการขนสง่ การประเมนิ ผลกระทบและศกั ยภาพในการ เพราะนอกจากการท่องเท่ียวจะเป็นอุตสาหกรรมหลักท่ีสร้างราย พัฒนาแหล่งท่องเท่ียวเชิงวัฒนธรรม นอกจากนี้ยังรวมถึงการ ได้ และนำ� เงนิ ตราตา่ งประเทศเขา้ สปู่ ระเทศไทยแลว้ การทอ่ งเทยี่ ว จัดการโครงสร้างองค์กรและการจัดการท่ีเหมาะสมต่อการ ยังก่อให้เกิดการสร้างอาชีพสืบเน่ืองจากการท่องเที่ยว เช่น การ พฒั นาการทอ่ งเทยี่ วเชงิ วฒั นธรรม และการดำ� เนนิ โครงการพฒั นา ผลติ หตั ถกรรมพน้ื บา้ น หรอื การใหบ้ รกิ ารดา้ นตา่ งๆ นบั ไดว้ า่ การ แหลง่ ทอ่ งเทยี่ ว ซงึ่ รวมถงึ การจดั การแหลง่ ทอ่ งเทย่ี วเชงิ วฒั นธรรม ท่องเท่ียวมีบทบาทในการกระตุ้นให้เกิดการผลิตและการน�ำ โครงสรา้ งพนื้ ฐาน และสง่ิ อำ� นวยความสะดวกตา่ งๆ เพอื่ สนบั สนนุ ทรัพยากรของประเทศมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด อย่างไรก็ดี การทอ่ งเทยี่ วเชงิ วฒั นธรรมพรอ้ มกบั การอนรุ กั ษพ์ ฒั นาวฒั นธรรม เน่ืองจากสถานการณ์ตลาดการท่องเท่ียวในปัจจุบันมีการแข่งขัน ให้ยัง่ ยนื ในระยะยาวต่อไป อยา่ งรนุ แรง ประเทศไทยจงึ ควรสง่ เสรมิ การทอ่ งเทย่ี วโดยใหค้ วาม ส�ำคัญกับการใช้วัฒนธรรม เป็นจุดขายในการแข่งกับแหล่งท่อง 145Executive Journal

บรรณานุกรม กรมสง่ เสริมการปกครองท้องถิน่ , กระทรวงมหาดไทย. (2550). Nzama, A.T, Magi, L. M., & Ngcobo, N. R. (2005). Workbook-I มาตรฐานการสง่ เสรมิ การท่องเทีย่ ว [เอกสารเผยแพร่]. Tourism Workbook for Educators: 2004 Curriculum กรุงเทพ: ผูแ้ ตง่ . Statement (Unpublished Tourism Workshop กระทรวงวัฒนธรรม. (2555). อนสุ ญั ญามรดกโลก. สืบคน้ เม่ือ Educational Materials). Centre for Recreation & 15 กนั ยายน 2555, จาก http://www.thaiwhic.go.th/ Tourism, UZ. and Tourism KwaZulu-Natal, University convention.aspx of Zululand. การทอ่ งเทย่ี วแห่งประเทศไทย. (2553). รายงานประจำ� ปี 2552. Smith, M. K. (2003). Issues in Cultural Tourism Studies. สืบค้นเมื่อ 15 กนั ยายน 2555, จาก http://thai. London: Routhledge. tourismthailand.org/about-tat/annual-report Swarbrooke, J. (1999). Sustainable Tourism Management. Butler, R. W. (1999). Sustainable tourism-A state of the art London: CABI. review. Tourism Geographies, 1(1), 7-25. Theobald, W. F. (1994.). Global tourism: The next decade. Bywater, M. (1993). The Market for Cultural Tourism in Oxford: Butterworth-Heinemann. Europe. Travel and Tourism Analyst, 6, 30-46. United Nations Educational, Scientific and Cultural Cooper, C., Fletcher, J., Fyal, A., Gilbert, D. & Wanhil, S. Organization. (n.d.). Convention concerning the (2008). Tourism Principles and Practice (4th ed.). protection of the world cultural and natural heritage. Harlow, UK: FT Prentice-Hal. Retrieved July 15, 2011 from http://whc.unesco.org/ Garrod, B., & Fyal, A. (1998). Beyond the rhetoric of en/conventiontext sustainable tourism? Tourism Management, 19(3) World Tourism Organization. (2010). Arrivals of non resident 199-212. doi: 10.1016/s0261-5177(98)00013-2 tourists/visitors, departures and tourism. Retrieved Goeldner, C. R., & Ritchie, J. R. B. (2009). Tourism: Principles, July 15, 2011, from http://unstats.un.org Practices and Philosophies. NY: John Wiley and Sons. Wurzburger, R., Aagesen, T., Pattakos, A., & Pratt, S. (2009). Gowdy, J. (1999). Economic concepts of sustainability: Creative Tourism: A Global Conversation: How to relocating economic activity within society & Provide Unique Creative Experiences for Travelers environment. In E. Becker, & T. Jahn (Eds.), Worldwide. Paper Presented at the 2008 Santa Fe & Sustainability & the Social Sciences (pp. 162-181). UNESCO International Conference on Creative Germany: Hamburger. Tourism in Santa Fe, New Mexico, USA. Ismail, R. (2008). Development of a normative model for Ximba, E. Z. (2009). Cultural and heritage tourism cultural tourism on the Cape Flat (Master’s development and promotion in the Ndwedwe dissertation, Cape Peninsula University of Technology). municipal area: perceived policy and practice Ivanovic, M. (2008). Cultural tourism. Cape Town, South (Master dissertation, University of Zululand). Retrieved Africa: Juta & Company. September 15, 2012, from http://uzspace.uzulu.ac. za/xmlui/bitstream/handle/10530/419/Cultural%20 and%20heritage%20tourism.pdf?sequense=1 146 Executive Journal


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook