Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore บาสเกตบอล

บาสเกตบอล

Published by benjawan_ked17, 2022-01-05 06:39:51

Description: ประวัติ กติกา มารยาท และประโยชน์กีฬาบาสเกตบอล

Keywords: 003

Search

Read the Text Version

1

2 ประวตั ิบาสเกตบอล บาสเกตบอล ( Basketball ) เป็นกีฬาประจาชาติอเมริกัน ถูกคิดข้ึน เพื่อต้องการช่วยเหลือ บรรดาสมาชิก Y.M.C.A.ได้เล่นกีฬาในฤดูหนาว เน่ืองจากในช่วงฤดูหนาวสภาพพื้นภูมิประเทศ โดยท่ัวๆไป ถูกหิมะปกคลุมอันเป็นอุปสรรคในการเล่นกีฬากลางแจ้ง เช่น อเมริกันฟุตบอล เบสบอล คณะกรรมการสมาคม Y.M.C.A. ได้พยายามหาหนทางแกไ้ ขใหบ้ รรดาสมาชกิ ทัง้ หลายไดเ้ ลน่ กฬี าในช่วง ฤดูหนาวโดยไม่บังเกดิ ความเบ่อื หนา่ ย ในปี ค.ศ.1891 Dr.James A.Naismith ครูสอนพลศึกษาของ The International Y.M.C.A. Training School อยู่ที่เมอื ง Springfield รัฐ Massachusetts ได้รับมอบหมายจาก Dr.Gulick ใหเ้ ป็น ผู้คิดค้นการเล่นกีฬาในร่มที่เหมาะสมท่ีจะใช้เล่นในช่วงฤดหู นาว Dr.James ได้พยายามคิดค้นดดั แปลง การเล่นกีฬาอเมริกันฟุตบอลและเบสบอลเข้าด้วยกันและให้มีการเล่นท่ีเป็นทีมในครั้งแรก Dr.James ได้ใช้ลูกฟุตบอลและตะกร้าเป็นอุปกรณ์สาหรับให้นักกีฬาเล่น เขาได้นาตะกร้าลูกพีชไปแขวนไว้ท่ีฝา ผนังของห้องพลศึกษา แล้วใหผ้ เู้ ล่นพยายามโยนลูกบอลลงในตะกร้าน้ันให้ได้ โดยใช้เนอื้ ที่สนามสาหรับ เลน่ ให้มีขนาดเล็กลงแบ่งผู้เล่นออกเป็นข้างละ 7 คน ผลการทดลองครั้งแรกผู้เลน่ ได้รบั ความสนุกสนาน ต่ืนเต้น แต่ขาดความเป็นระเบียบ มีการชนกัน ผลักกัน เตะกัน อันเป็นการเล่นที่รุนแรงในการทดลอง น้ัน ต่อมา Dr.James ได้ตัดการเล่นท่ีรุนแรงออกไป และได้ทาการวางกติกาห้ามผู้เล่นเข้าปะทะถูกเนอ้ื ต้องตัวกัน นับได้ว่าเป็นหลักเบื้องต้นของการเล่นบาสเกตบอล Dr.James จึงได้วางกติกาการเล่น บาสเกตบอลไวเ้ ป็นหลักใหญ่ๆ 4 ขอ้ ดว้ ยกัน คือ 1. ผเู้ ลน่ ที่ครอบครองลูกบอลอยู่น้ันจะต้องหยุดอยกู่ บั ท่หี า้ มเคลอ่ื นที่ไปไหน 2. ประตจู ะต้องอยู่เหนอื ศรี ษะของผเู้ ลน่ และอย่ขู นานกบั พ้ืน 3. ผู้เล่นสามารถครอบครองบอลไวน้ านเทา่ ใดก็ได้ โดยคู่ต่อสู้ไมอ่ าจเข้าไปถกู ตอ้ งตัวผู้เล่นท่ี ครอบครองบอลได้ 4. ห้ามการเล่นที่รุนแรงต่างๆโดยเด็ดขาด ผู้เล่นทั้งสองฝ่ายจะต้องไม่กระทบกระแทกกัน เม่ือได้วาง กติกาการเล่นขนึ้ มาแลว้ ก็ไดน้ าไปทดลอง และพยายามปรับปรุงแก้กไขระเบียบดีข้ึน เขาได้พยายามลด จานวนผู้เล่นลงเพ่ือหลีกเล่ียงการปะทะกัน จนในที่สุดก็ได้กาหนดตัวผู้เล่นไว้ฝ่ายละ 5 คน ซ่ึงเป็น จานวนที่เหมาะสมท่ีสุดกับขนาดเนื้อที่สนาม Dr.James ได้ทดลองการเล่นหลายครั้งหลายหน และ พัฒนาการเล่นเรื่อยมา จนกระท่ังเขาได้เขียนกติกาการเล่นไว้เป็นจานวน 13 ข้อ ด้วยกัน และเป็น ต้นฉบับการเล่นท่ียังคงปรากฏอยู่บนกระดานเกียรติยศในโรงเรียนพลศึกษา ณ Springfield อยู่ จนกระท่ังทุกวันน้ี

3 กตกิ า 13 ขอ้ ของ Dr.James มดี งั น้ี 1. ผเู้ ลน่ หา้ มถือลูกบอลแล้ววงิ่ 2. ผ้เู ล่นจะส่งบอลไปทิศทางใดกไ็ ด้ โดยใชม้ ือเดียวหรือสองมือกไ็ ด้ 3. ผเู้ ล่นจะเลี้ยงบอลไปทศิ ทางใดก็ได้ โดยใช้มือเดียวหรือสองมือกไ็ ด้ 4. ผเู้ ล่นตอ้ งใช้มือทง้ั สองเขา้ ครอบครองบอล ห้ามใช้ร่างกายช่วยในการครอบครองบอล 5. ในการเลน่ จะใช้ไหล่กระแทก หรือใช้มือดงึ ผลัก ตี หรอื ทาการใด ๆ ใหฝ้ า่ ยตรงขา้ มล้มลง ไมไ่ ด้ ถ้าผเู้ ลน่ ฝ่าฝืนถอื เปน็ การฟาวล์ 1 ครง้ั ถา้ ฟาวล์ 2 ครง้ั หมดสทิ ธ์เิ ลน่ จนกว่าฝา่ ยหน่งึ ฝ่ายใดทาประตกู นั ได้จึงจะกลับมาเล่นได้อกี ถา้ เกิดการบาดเจบ็ ระหว่างการแข่งขนั จะไมม่ ี การเปล่ียนตัวผเู้ ลน่ 6. หา้ มใช้ขาหรือเท้าแตะลูก ถอื เป็นการฟาวล์ 1 ครงั้ 7. ถา้ ฝา่ ยหน่งึ ฝ่ายใดทาฟาวลต์ ดิ ตอ่ กนั 3 คร้ัง ใหอ้ ีกฝา่ ยหนง่ึ ได้ประตู 8. ประตูท่ที าได้หรอื นับวา่ ไดป้ ระตูนัน้ ตอ้ งเปน็ การโยนบอลใหล้ งตะกร้า ฝ่ายปอ้ งกันจะไปยงุ่ เกยี่ วกับประตูไม่ได้เดด็ ขาด 9. เมื่อฝ่ายหน่ึงฝ่ายใดทาลูกบอลออกนอกสนาม ให้อีกฝ่ายหนึ่งส่งลูกเข้ามาจากขอบสนาม ภายใน 5 วินาที ถ้าเกิน 5 วินาที ใหเ้ ปล่ยี นสง่ และถ้าผู้เล่นฝ่ายใดพยายามถว่ งเวลาอยเู่ สมอให้ปรบั เป็นฟาวล์ 10. ผู้ตัดสินมหี น้าทีต่ ดั สนิ ว่าผเู้ ลน่ คนใดฟาวล์ และลงโทษใหผ้ ูเ้ ลน่ หมดสทิ ธ์ิ 11. ผู้ตัดสินมีหน้าท่ีตัดสินว่าลูกใดออกนอกสนาม และฝ่ายใดเป็นฝ่ายส่งลูกเข้าเล่น และจะทาหน้าท่ี เปน็ ผู้รกั ษาเวลาบนั ทกึ จานวนประตทู ี่ทาได้ และทาหน้าทท่ี ว่ั ไปตามวิสยั ของผูต้ ดั สิน 12. การเลน่ แบง่ ออกเป็น 2 ครง่ึ ๆละ 20 นาที 13. ฝ่ายท่ีทาประตูได้มากที่สุดเป็นผู้ชนะ ในกรณีคะแนนเท่ากันให้ต่อเวลาออกไป และถ้าฝ่ายใด ทาประตูได้กอ่ นถือวา่ เปน็ ฝา่ ยชนะ แม้ว่ากติกาการเล่นจะกาหนดขึ้นเพ่ือเปิดโอกาสให้ผู้สูงอายุได้เล่นเพื่อความสนุกสนานในแง่ นันทนาการ แต่กีฬานี้ก็ได้รับความนิยมจากเยาวชนอย่างรวดเร็ว ทั้ง ๆ ท่ีมีผู้คนเป็นจานวนมากเห็นว่า เป็นกีฬาสาหรับผู้อ่อนแอ และพยายามท่ีจะพิสูจน์ความเห็นน้ีด้วยการหาเร่ืองทะเลาะวิวาทกับผู้เล่น บาสเกตบอลก็ตาม อย่างไรก็ดี ความรู้สึกเช่นน้ีค่อยๆเร่ิมจางหายไปเมื่อความรวดเร็วและความแม่นยา ในการเล่นบาสเกตบอล ได้สร้างความประทับใจและดึงดูดความสนใจของผู้คนเพิ่มมากข้ึน และได้ แพร่กระจายไปทางตะวันออกของอเมริกาอย่างรวดเร็วและเม่ือโรงเรียนต่าง ๆ ได้ตระหนักถึง ความสาคัญของกีฬาชนิดน้ี จึงพากนั นิยมเลน่ ไปทว่ั ประเทศ

4 ก่อนปี ค.ศ. 1915 แม้ว่าบาสเกตบอลจะเป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางเป็นอย่าง มากก็ตาม แต่ก็จากัดเป็นเพียงการเล่นเพ่ือออกกาลังกายในห้องพลศึกษาเท่านั้น ไม่มีองค์กรใด รับผดิ ชอบจัดการเล่นเป็นกิจลักษณะ ยกเว้นองคก์ รบาสเกตบอลอาชีพที่เกิดขึ้นเพียง 2-3 องค์กรแล้วก็ เลิกล้มไป ฉะนั้นการเล่นบาสเกตบอลในแต่ละท่ีแต่ละแห่งจึงต่างก็ใช้กติกาผิดแผกแตกต่างกันออกไป ทาให้เปน็ อุปสรรคต่อการเจริญเตบิ โตและการพัฒนากฬี าบาสเกตบอลเป็นอยา่ งมาก ดังน้ันในปี ค.ศ. 1915 สมาคม Y.M.C.A. สมาคมกีฬามหาวิทยาลัยแห่งชาติและสมาพันธ์กีฬา สมัครเล่น ได้ร่วมประชุมเพื่อร่างกติกาการเล่นบาสเกตบอลขึ้นมาเพื่อเป็นบรรทัดฐานเดียวกัน กติกานี้ ไดใ้ ชส้ ืบมาจนกระทั่งปี ค.ศ. 1938และได้รับการปรับปรุงแกไ้ ขให้ดีข้ึนในการแข่งขันกีฬาโอลิมปกิ ครั้งท่ี 11 ณ กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมันนี โดยคณะกรรมการโอลิมปิกนานาชาติเป็นผู้พิจารณา สหรัฐอเมริกายอมรับการเล่นบาสเกตบอลเปน็ กฬี าประจาชาติเมื่อวันที่ 20มกราคม ค.ศ. 1892 ซ่ึงไดม้ ี การเล่นบาสเกตบอลอย่างเป็นทางการขึ้นเป็นคร้ังแรก สมาคม Y.M.C.A. ได้นากีฬาบาสเกตบอลไป เผยแพรใ่ นทุกส่วนของโลก ได้แพรเ่ ข้าไปในประเทศจีนและอินเดียในราวปี ค.ศ. 1894, ฝรั่งเศส ในราว ปี ค.ศ. 1895, ญี่ปุ่นราวปี ค.ศ. 1900 เกือบจะกล่าวได้ว่า บาสเกตบอลมีการเล่นในทุกประเทศท่ัวโลก ตั้งแต่ก่อนสงครามโลกครั้งท่ี 1 และคาดว่าก่อนปี ค.ศ. 1941 มีประชาชนท่ัวโลกเล่นกีฬาบาสเกตบอล เปน็ จานวนถึง 20 ล้านคน ในขณะน้มี ีผ้นู ยิ มเล่นบาสเกตบอลกันท่ัวทุกมุมโลก ไมน่ ้อยกวา่ 52 ประเทศ นอกจากนี้ได้มกี ารแปลกตกิ าการเลน่ เป็นภาษาตา่ ง ๆ มากกว่า30 ภาษา ประวตั ิบาสเกตบอลในประเทศไทย กฬี าบาสเกตบอลแพรห่ ลายเข้ามาในประเทศไทยเป็นครัง้ แรกในสมัยใด ปีใดนั้น มิได้มีหลักฐาน ท่ีจะปรากฏยืนยันแน่ชัดได้ ทราบแต่เพียงว่า ในปี พ.ศ.2477 นายนพคุณ พงษ์สุวรรณ อาจารย์สอน ภาษาจีนทโ่ี รงเรยี นมัธยมวดั บพติ รพมิ ขุ ไดช้ ว่ ยเหลือกรมพลศึกษาจดั แปลกติกาการเล่นบาสเกตบอลข้ึน ต่อมาในปี พ.ศ. 2478 กระทรวงธรรมการ ได้จัดการอบรมครูจังหวัดต่าง ๆ จานวน 100 คน ภายใน ระยะเวลา 1 เดือน และได้รับความช่วยเหลือจาก พ.ต.อ. หลวงชาติตระการโกศล ผู้ซึ่งมีความรู้และ เชี่ยวชาญทางการเล่นกีฬาบาสเกตบอลคนหน่ึง ท้ังได้>เคยเป็นตัวแทนของมหาวิทยาลัยเข้าร่วมการ แข่งขัน เมื่อครั้งท่านกาลังศึกษาอยู่ในสหรัฐอเมริกา มาเป็นผู้บรรยายเก่ียวกับเทคนิคและวิธีเล่น บาสเกตบอลแก่บรรดาครูท่ีเข้ารับการอบรม ต่อมาก็เป็นผลทาให้กีฬาบาสเกตบอลแพร่หลายไปทั่ว ประเทศไทย ในปี พ.ศ. 2496 สมาคมบาสเกตบอลสมัครเล่นแห่งประเทศไทยได้ถูกจัดต้ังขึ้นตามแบบ อันถูกต้อง โดยจดทะเบียนที่สภาวัฒนธรรมแห่งชาติ และได้กลายมาเป็นสมาคมบาสเกตบอลแห่ง

5 ประเทศไทยในปีเดียวกันน้ันเอง และในวันที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2496 สมาคมบาสเกตบอลแห่ง ประเทศไทยก็ได้เขา้ รว่ มเปน็ สมาชิกของสมาคมบาสเกตบอลระหว่างประเทศ แนะนาอปุ กรณบ์ าสเกตบอล สนาม - ขนาด สนามท่ีใช้เล่นบาสเกตบอลจะต้องเป็นสี่เหล่ียมผืนผ้า มีพ้ืนเรียบแข็งปราศจากส่ิงกีดขวางใด ๆ ซ่ึงสนามที่ใช้แข่งขันโอลิมปิกและชิงแชมเปี้ยนโลกจะต้องมีขนาด ยาว 28 เมตร และกว้าง 15 เมตร โดยวัดจากขอบในของเส้นเขตสนาม สาหรับการแข่งขันระดับอ่ืนๆ ในองค์กรภายใต้การควบคุมของฟี บ้า (FIBA) เช่น คณะกรรมการบริหารของโซน (Zone) ในกรณีการแข่งขัน ระดับโซน และระดับทวีป หรือสมาคมกีฬาบาสเกตบอลของชาตินั้นๆ ในกรณีการแข่งขันภายในประเทศ จะมีอานาจในการ รับรองสนามแขง่ ขันซ่ึงมขี นาดตามกาหนดดังตอ่ ไปน้คี ือ ความยาวลดลงกว่ามาตรฐานไดไ้ มเ่ กนิ 4 เมตร และความกว้างลดลงกว่ามาตรฐานไดไ้ มเ่ กิน 2 เมตร ทง้ั นีอ้ ัตราสว่ นของการลดขนาดของสนามตอ้ งเป็น สัดส่วนต่อกัน สนามที่จะสร้างขึ้นใหม่ต้องมีขนาดตามท่ีกาหนด เพื่อใช้แข่งขันระดับสาคัญๆ ของฟีบ้า คือ ขนาด 28 x 15เมตร สาหรับเพดานน้ันให้มีความสูงอย่างน้อย 7 เมตร และพื้นสนามควรไดร้ ับแสง สว่างเพียงพอและทั่วถึงกัน ทั้งนี้ควรติดตั้งโคมไฟโดยมิให้ปิดบังสายตาของผู้เล่นขนาดและพ้ืนของ สนามต้องตรงกับเกณฑท์ ่ีระบไุ ว้ เพ่ือใช้แข่งขนั ระดบั สาคญั ๆ ของฟีบา้ เสน้ ขอบสนาม สนามแข่งขันต้องมีเส้นขอบสนามอย่างชัดเจน โดยทุกจุดต้องมีระยะห่างจากคนดู ป้าย โฆษณา หรือสิ่งกีดขวางอ่ืนๆ อย่างน้อย 2 เมตร เส้นขอบสนามทางด้านยาวมีช่ือเรียกว่า เส้นข้าง และ เส้นขอบสนามทางด้านส้ันมีชอื่ เรยี กว่า เสน้ หลัง เส้นต่างๆ ทีก่ ลา่ วในขอ้ นี้ และในขอ้ อ่ืนๆ จะตอ้ งเหน็ ได้ อยา่ งชัดเจน และมีขนาดกวา้ ง 5 เซนติเมตร วงกลมกลาง วงกลมกลางตอ้ งมรี ศั มี 1.80 เมตร และอย่ทู ่ีกลางสนาม ให้วัดรศั มจี ากขอบนอกของเสน้ รอบวง เส้นกลาง แดนหนา้ และแดนหลัง เสน้ กลางต้องลากให้ขนานกบั เส้นหลังจากจดุ กึ่งกลางของเสน้ ข้าง และตอ้ งยืน่ เลยเส้นข้าง ออกไปอีกข้างละ 15เซนติเมตร แดนหน้าของทีม คือส่วนของสนามระหว่างเส้นหลังท่ีอยู่ด้านหลังของ

6 ห่วงประตูของคแู่ ขง่ ขันกับขอบดา้ นใกล้ของเสน้ กลาง สาหรบั ส่วนที่เหลอื ของสนามรวมทงั้ เสน้ กลางคือ แดนหลงั ของทมี เขตยงิ ประตูเพอื่ ทา 3 คะแนน เขตยิงประตูเพ่ือทา 3 คะแนน คือส่วนของพ้ืนสนามที่มีเส้นแสดงเป็นเส้นโค้ง 2 แห่ง ซึ่งแต่ละ แห่งจะเป็นเส้นครึ่งวงกลม ขนาดรัศมี 6.25 เมตร โดยวัดจากขอบนอกของเส้นครึ่งวงกลม ท้ังนี้จะมี ศนู ย์กลางอยทู่ ่จี ดุ ของเส้นดง่ิ ทีล่ ากผ่านจดุ ศูนย์กลางของ ห่วงประตูลงจดถงึ พ้ืนสนาม และลากเส้นท่ีต่อ จากปลายเส้นคร่ึงวงกลมให้ขนานกบั เส้นข้างบรรจบกับเส้นหลัง ระยะห่างระหว่างจุด ก่ึงกลางของเส้น หลังวัดจากขอบในไปยงั จุดศูนยก์ ลางของคร่งึ วงกลมคอื 1.575 เมตร เขต 3 วนิ าที (เขตกาหนดเวลา) เขตโยนโทษ และเสน้ โยนโทษ เขต 3 วินาที คือพ้ืนที่ในสนามท่ีมีเขตตั้งแต่เส้นหลัง เส้นโยนโทษ และเส้นที่ลากจากเส้นโยน โทษไปบรรจบกับเส้นหลังจากจุดก่ึงกลางของเส้นหลังไปส้ินสุดที่ขอบนอกของเส้นแนวยืนการโยนโทษ ระยะห่าง 3 เมตร เขตโยนโทษ คือพื้นท่ีกาหนดท่ีต่อจากเขต 3 วินาที เข้าไปในสนามโดยทาครึ่งวงกลมรัศมี 1.80 เมตร และมีจุดศูนย์กลางที่ก่ึงกลางของเส้นโยนโทษ ให้ทาครึ่งวงกลมขนาดเดียวกัน แต่ตีเส้นปะเข้าไป ในเขต 3 วินาทีดว้ ย ช่องยนื ตามแนวการโยนโทษ เปน็ ช่องท่ผี ู้เล่นยืนขณะมกี ารโยนโทษ ซงึ่ มีลกั ษณะดังนี้ คือ เส้นแรกของช่องท่ีจะต้องอยู่ห่างจากขอบในของเส้นหลัง 1.75 เมตร วัดตามแนวของเส้นแนวยืนโยน โทษ พน้ื ท่ขี องช่องแรกจะมีเส้นกาหนดห่างจากเส้นแรก 85 เซนติเมตร สว่ นช่องที่สองจะอยูถ่ ัดจากเขต ปลอดผู้เล่น (Neutral Zone) ซึ่งมีขนาดกว้าง 30 เซนติเมตร ส่วนช่องท่ีสองจะอยู่ถัดจากเขตปลอดผู้ เล่น และมีขนาดกว้าง 85 เซนติเมตร ถัดจากเส้นกาหนดช่องที่สองจะเป็นช่องท่ีสามซึ่งมีขนาด 85 เซนติเมตรเช่นเดยี วกนั เสน้ ท่ีแสดงชอ่ งตา่ ง ๆ เหลา่ น้มี ีความยาว 10 เซนติเมตร และกวา้ ง 5 เซนติเมตร ต้ังฉากกบั เส้นแนวยืนการโยนโทษ และให้ลากจากขอบนอกของพนื้ ทเี่ ขตกาหนดเวลา เส้นโยนโทษ จะต้องลากให้ขนานกับเส้นหลัง โดยมีขอบนอกห่างจากขอบในของเส้นหลัง 5.80 เมตร และยาว3.60 เมตรจุดก่ึงกลางของเส้นโยนโทษตอ้ งอยู่ในแนวเส้นตรงเดียวกนั กับจุดกึ่งกลางของ เส้นหลงั ท้งั สองเส้น

7 พ้ืนที่นั่งของทีม พ้ืนท่ีน่ังของทีม กาหนด ณ พื้นที่นอกเขตสนามทางด้านเดียวกันกับโต๊ะ เจ้าหน้าท่ี พื้นที่กาหนดคือเส้นตรงยาว 2 เมตร ที่ลากต่อจากเส้นหลัง และเส้นตรงยาว 2 เมตร ลาก จากจุดท่ีห่างจากเส้นกลาง 5 เมตร ให้ตั้งฉากกับเส้นข้าง เส้นตรง 2 เมตรจะต้องมีสีแตกต่างจากสขี อง เส้นขา้ งและเสน้ หลงั กระดานหลัง (แป้น) ขนาด วัสดุ และตาแหน่งที่ติดตั้ง กระดานหลังจะต้องทาจากไม้เน้ือแข็ง หนา 3 เซนติเมตร หรือเป็นวัสดุโปรง่ ใสที่เหมาะสม (แผ่นเดียวและมีความหนาแน่นเช่นเดียวกับไม้เนือ้ แขง็ ) การแขง่ ขันระดบั โอลิมปิกและชงิ แชมเป้ยี นโลก กระดานหลงั จะตอ้ งมขี นาดความยาว 1.80 เมตร กว้าง 1.05 เมตรและขอบล่างสูงจากพื้นสนาม 2.90เมตร สาหรับการแข่งขันระดับอื่นๆ ให้องค์กร ภายใต้การควบคุมของฟีบ้า เช่น คณะกรรมการบริหารของโซนในกรณีการแข่งขันของโซนหรือทวีป หรือสมาคมกีฬาบาสเกตบอลของชาตินั้นๆ สาหรับการแข่งขันของโซนหรือทวีป หรือสมาคมกีฬา บาสเกตบอลของชาตินั้นๆ สาหรับการแข่งขันภายในประเทศ จะมีอานาจในการรับรองขนาดของ กระดานหลัง ซ่ึงจะเป็นขนาดยาว 1.80 เมตร กว้าง 1.20 เมตร ขอบล่างสูงจากพ้ืนสนาม 2.75 เมตร หรือขนาดยาว 1.80 เมตร กว้าง 1.05 เมตร และมีขอบล่างสูงจากพื้นสนาม 2.90 เมตรก็ได้ ส่วน กระดานหลังท่ีติดตั้งใหม่ทั้งหมด จะต้องมีขนาดเท่ากับที่ระบุไว้สาหรับการแข่งขันระดับโอลิมปิก และ ชิงแชมเปี้ยนโลก คือขนาด 1.80 x 1.05 เมตร พื้นด้านหน้าของกระดานหลังต้องเรียบและมีสีขาว ยกเว้นกระดานหลังท่ีเป็นแบบโปร่งใส ให้มีเครื่องหมายต่อไปนี้ท่ีพื้นด้านหน้าของกระดานหลังคือ ทา รูปส่ีเหล่ียมผืนผ้าหลังห่วง โดยมีเส้นขอบหนา 5 เซนติเมตร มีขนาดยาวตามแนวนอน 59 เซนติเมตร และกว้าง 45เซนติเมตร ทั้งน้ีให้ขอบบนเส้นล่างของรูปส่ีเหลี่ยมผืนผ้าอยู่ในระดับเดียวกันกับห่วง และ ขอบของกระดานหลังจะต้องตีกรอบดว้ ยเส้นหนา 5 เซนตเิ มตร ถา้ เปน็ แบบโปร่งใสให้ใช้สขี าวทากรอบ นอกจากนั้นให้ใช้สีดาทากรอบ ทงั้ ขอบของกระดานหลงั และส่ีเหลยี่ มผืนผ้าภายในกระดานหลงั จะต้อง มีสีเดียวกัน กระดานหลังจะต้องติดต้ังอย่างม่ันคงท่ีด้านเส้นหลังของสนามแต่ละข้าง และย่ืนเข้าไปใน สนามให้ต้ังฉากกับพื้นสนาม และขนานกับเส้นหลัง จุดศูนย์กลางของกระดานหลังห่างจากจุดกึ่งกลาง ของเส้นหลังวัดจากขอบใน 1.20 เมตร ส่วนเสาที่ยึดกระดานหลังจะต้องห่างจากขอบนอกของเส้นหลัง อย่างน้อย 1 เมตร และทาสีสดใสตัดกับสีด้านหลัง เพ่ือให้ผู้เล่นมองเห็นได้อย่างชัดเจน ขอบล่างของ กระดานหลังให้บุขอบล่างของกระดานหลัง และขอบด้านข้างสูงขึ้นไปอย่างน้อย 35 เซนติเมตร พื้นท่ี ด้านหน้าและด้านหลงั ของกระดานหลังจะต้องถูกบุอย่างน้อย 2 เซนติเมตรต่อจากขอบล่าง ทั้งนี้วัสดุท่ี ใช้บุจะตอ้ งหนาไม่ต่ากวา่ 2 เซนตเิ มตร สว่ นขอบล่างของกระดานหลังจะตอ้ งบดุ ว้ ยวสั ดุทหี่ นาไมต่ ่ากว่า 5 เซนตเิ มตร อุปกรณ์ท่ใี ช้ยึดกระดานหลังซง่ึ อย่ดู ้านหลัง และสูงจากพื้นสนามไมถ่ ึง 2.75 เมตร จะตอ้ ง บุพื้นผิวของอุปกรณ์นั้น ๆ เป็นระยะทาง 60 เซนติเมตร วัดจากด้านหน้าของกระดานหลังออกไป

8 สาหรับกระดานหลังที่โยกย้ายเคลื่อนท่ีได้ซ่ึงมีฐานรองรับ จะต้องบุพ้ืนผิวด้านเขตสนามขึ้นสูง 2.15 เมตร หว่ งประตู ห่วงต้องเป็นเหล็กตัน มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางวัดจากขอบในของห่วง 45 เซนติเมตร ทา ด้วยสีส้ม เหลก็ ทท่ี าหว่ งต้องมขี นาดเส้นผ่าศูนย์กลางอย่างน้อย 1.70 เซนติเมตร และขนาดใหญท่ ่ีสดุ 2 เซนติเมตร โดยมีตะขอเล็ก ๆ เกี่ยวอยู่ข้างล่าง หรืออุปกรณ์อ่ืนที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันเพื่อใช้ยึดเกี่ยว ตาข่าย ห่วงต้องติดแนน่ กบั กระดานหลัง และอยู่ในแนวขนานกบั พื้นสนาม สูงจากพื้นสนาม สูงจากพ้นื สนาม 3.05 เมตร ทั้งนี้ต้องอยู่ก่ึงกลางด้านต้ังของกระดานหลัง ขอบห่วงด้านที่ใกล้กับกระดานหลังจะ หา่ งจากพื้นด้านหนา้ ของกระดานหลัง 15 เซนตเิ มตร ตาขา่ ยต้องเป็นเสน้ ด้ายสีขาวผูกตดิ กบั ห่วง และมี ลักษณะช่วยต้านลูกบอลเล็กน้อย เพื่อให้เป็นท่ีสังเกตขณะที่ลูกบอลผ่านลงไปในห่วงประตู ตาข่ายมี ความยาว 40เซนติเมตร ห่วงที่ยุบตัวได้ (เพราะแรงอัดแบบไฮดรอลิก) จะต้องตรงกับเกณฑ์กาหนด ตอ่ ไปนี้ 1. จะตอ้ งมลี ักษณะการคนื ตวั เหมือนกบั ห่วงปกติทไี่ ม่ยุบตวั อปุ กรณก์ ลไกท่ที าให้เกดิ การยบุ ตวั ต้องแนน่ อนที่จะควบคมุ การคืนตัวดังกล่าว พร้อมกับช่วยปอ้ งกันห่วงและกระดานหลัง การ ออกแบบห่วงและการสร้างหว่ งควรจะประกนั ความปลอดภัยของผู้เล่นได้ 2. หว่ งที่มกี ลไกเฉพาะสาหรับลอ็ คกลไกของการยบุ ตวั จะต้องไม่ทางานจนกว่าจะมีนา้ หนกั ถงึ 105 กโิ ลกรัม ณ ปลายสุดดา้ นบนของหว่ ง 3. เมือ่ ยบุ ตัว การหย่อนของห่วงต้องไม่เกินกว่า 30 องศา จากตาแหนง่ แนวระดบั เดมิ 4. หลังจากการยบุ ตวั และไม่มีนา้ หนักถว่ งอยตู่ อ่ ไปแล้ว หว่ งจะตอ้ งคืนตวั สูต่ าแหนง่ เดมิ โดย อัตโนมัตทิ ันที ลกู บอล วสั ดุ ขนาด และนาหนัก ลูกบอลต้องเป็นทรงกลม และมีสีส้มตามท่ีได้รับรองแล้ว โดยมีเปลือกนอกทาด้วยหนัง ยาง หรือวัสดุสังเคราะห์ ทั้งนี้จะมีเส้นรอบวงไม่น้อยกว่า 74.9 เซนติเมตร และไม่เกิน 78 เซนติเมตร หนกั ไมน่ ้อยกว่า 567 กรมั และไม่เกิน 650 กรมั จะต้องสูบลมให้แข็งโดยประมาณว่าเมอื่ ปล่อยลูกบอล จากทสี่ ูงประมาณ 1.80 เมตรลงสพู่ นื้ ไมแ้ ขง็ หรือพน้ื สนามแข่งขนั ลูกบอลจะกระดอนข้นึ ไมต่ ่ากวา่ 1.20 เมตร หรือสูงไม่เกิน 1.40 เมตร เม่ือวัดจากส่วนบนของลูกบอล ตะเข็บและ /หรือร่องของรอยต่อลูก บอลจะต้องไม่เกิน 0.635 เซนติเมตร ทีมเหย้าต้องจัดหาลูกบอลตามเกณฑ์ที่กาหนดไว้อย่างน้อย 1 ลูก

9 สาหรับแข่งขัน ท้ังนี้ผู้ตัดสินท่ีหน่ึงมีอานาจเพียงผู้เดียว ที่จะตัดสินว่าลูกบอลใดเข้าเกณฑ์ของกติกา และอาจเลือกเอาลูกบอลทท่ี มี เยือนจดั หามาใช้แขง่ ขันก็ได้ อุปกรณ์ทางเทคนคิ อุปกรณ์ทางเทคนิคต่อไปน้ีเป็นหน้าที่ของทีมเหย้าจะต้องจัดเตรียมไว้ และมีพร้อมไว้ให้ผ้ตู ดั สิน และผชู้ ว่ งผตู้ ัดสนิ คอื 1. นาฬิกาจับเวลาการแข่งขัน และนาฬกิ าจับเวลานอก ผู้จับเวลาตอ้ งมนี าฬิกาจบั เวลาการแข่งขนั และนาฬกิ าจับเวลาธรรมดา เพราะนาฬกิ าจับเวลาการแข่งขนั มไี วส้ าหรับจับเวลานอก นาฬกิ าท้ังสองเรือนนจ้ี ะต้องจดั ตัง้ ไว้ใหส้ ามารถมองเห็นได้ชดั เจนโดยผ้จู ับเวลาและผู้บนั ทึก 2. นาฬกิ าจับเวลา 30 วนิ าที เป็นอปุ กรณจ์ าเป็นท่ีจะตอ้ งติดต้งั ใหส้ ามารถมองเห็นได้ทง้ั ผเู้ ลน่ และผู้ชม และดาเนนิ การควบคุมโดยเจา้ หนา้ ท่ีท่ีจบั เวลา 30 วินาที 3. ใบบนั ทึก จะต้องเป็นแบบทก่ี าหนดโดยสหพนั ธบ์ าสเกตบอลสมัครเล่นนานาชาติ และต้องให้ ผ้บู ันทกึ เปน็ ผู้ดาเนินการกรอกข้อความก่อนการแข่งขนั และระหว่างท่กี ารแข่งขนั ตามท่ีระบุ ไว้ในกตกิ า 4. อยา่ งน้อยจะต้องมอี ปุ กรณเ์ พอื่ แสดงสัญญาณ 3 ชนดิ ท่รี ะบุไว้ในกตกิ า นอกจากนน้ั ยงั จะต้อง มีป้ายบอกคะแนนท่สี ามารถมองเห็นโดยผูเ้ ลน่ ผู้ชมและเจา้ หนา้ ทโ่ี ตะ๊ 5. ปา้ ยแจง้ หมายเลขตัง้ แต่ 1 ถึง 5 ต้องจัดให้ผู้บนั ทึกทกุ ครั้งทีผ่ ้เู ลน่ กระทาฟาวล์ ผูบ้ นั ทึกตอ้ งยก ป้ายนแ้ี สดงจานวนฟาวลข์ องผ้เู ลน่ คนนนั้ ใหส้ ามารถมองเห็นไดโ้ ดยโค้ชท้ังสองทีม ป้ายนใ้ี ห้ มพี ืน้ สขี าว และเขียนหมายเลข 1 ถงึ 4 ด้วยสีดา สว่ นหมายเลข 5 เขียนด้วยสีแดง โดยมขี นาด ของป้ายอย่างนอ้ ย 20 x 10 เซนตเิ มตร 6. ตอ้ งจดั เครื่องหมายแสดงจานวนการฟาวลข์ องทมี ให้แก่ผบู้ ันทกึ ซงึ่ เครอื่ งหมายน้ีจะเปน็ สี แดง จัดตง้ั ไว้บนโตะ๊ เจา้ หน้าทีเ่ พือ่ ให้มองเห็นไดง้ ่ายโดยผูเ้ ลน่ โคช้ และผู้ตดั สนิ ทันทที ลี่ ูก บอลเขา้ สูก่ ารเลน่ ภายหลงั การฟาวลข์ องผู้เล่นคร้งั ที่ 7 ของทมี นั้นๆ ให้แสดงเครอื่ งหมายนบี้ น โต๊ะเจา้ หน้าท่ที างด้านท่ีนงั่ ของทีมที่กระทาฟาวล์ของผ้เู ลน่ ครั้งท่ี 7 7. เครอ่ื งมอื ท่เี หมาะสมเพอื่ แสดงจานวนฟาวล์ของทีม สถานที่ และอุปกรณ์ทร่ี ะบไุ ว้เพื่อการ แขง่ ขันระดับนานาชาตติ อ่ ไปน้จี ะ ต้องไดร้ บั การอนมุ ัตจิ ากฟีบ้า คือ โอลมิ ปกิ ชงิ แชมเป้ยี น โลก สาหรับประเภทชาย ประเภทหญิง เยาวชนชาย เยาวชนหญิง และสาหรับประเภทชายอายุ ไมเ่ กิน 22 ปี

10 1. ที่นั่งสาหรับผู้ชมในสนามแข่งขัน จะต้องมีที่น่ังไม่น้อยกว่า 6,000 ที่นั่ง สาหรับระดับชิงแช มเปีย้ นโลก เยาวชนชาย เยาวชนหญงิ และสาหรับประเภทชายอายไุ ม่เกิน 22 ปี และต้องมีที่นัง่ ไมน่ ้อย กว่า 12,500 ที่น่ังสาหรับระดับโอลิมปิก และชงิ แชมเปี้ยนโลก สาหรบั ประเภทชายและหญงิ 2. พื้นสนามท่ีใช้แข่งขันต้องทาด้วยไม้หรือวัสดุอื่นซึ่งมีคุณลักษณะเหมือนไม้ และได้รับความ เหน็ ชอบโดย ฟบี ้า สนามแข่งขนั ต้องเป็นรปู สเ่ี หลีย่ มผนื ผ้าราบเรยี บ มพี นื้ แข็ง ขนาดยาว 28 เมตร และ กวา้ ง 15 เมตร เมือ่ สนามแข่งขันออกแบบโดยไม่ตีเส้นขอบสนาม ซ่งึ มคี วามหนา 5 เซนตเิ มตรไว้ แต่ใช้ สีซ่ึงตัดกันเป็นส่ิงกาหนดพ้ืนที่ของเขตสนาม และพ้ืนท่ีนอกเขตสนามแล้ว ให้ถือว่าเส้นที่แบ่งสีที่ตัดกัน นน้ั เปน็ ขอบในของเสน้ สนาม 3. จะต้องมีกระดานหลงั เป็นวัสดุโปร่งใส ทาด้วยวัสดุท่ีมีความหนาแน่นเหมือนไม้ที่มีความหนา 3 เซนติเมตร มขี นาดยาวตามแนวนอน 1.80 เมตร และกว้างตามแนวตั้ง 1.05 เมตร ท้งั นี้ขอบล่างของ กระดานหลงั จะตอ้ งสงู จากพน้ื สนาม 2.90 เมตร 4. อุปกรณ์ที่ใช้ยึดกระดานหลัง จะต้องตั้งอยู่นอกเขตสนามหา่ งจากขอบนอกของเส้นหลังอยา่ ง นอ้ ย 2 เมตรและตอ้ งมสี ีสดใสตดั กับสีด้านหลงั เพือ่ ให้ผู้เล่นมองเหน็ ไดอ้ ยา่ งชดั เจน 5. ลูกบอลต้องทาด้วยหนังและได้รับอนุมัติจากฟีบ้า ฝ่ายจัดการแข่งขันจะต้องจัดหาลูกบอล อย่างน้อย 12 ลูก ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์เดียวกัน เพ่ือการใช้ฝึกซ้อม และอบอุ่นร่างกายก่อนเริ่มการแข่งขัน แสงสว่างท่ีใช้กับสนามแข่งขันจะต้องไม่ต่ากว่า 1,500 ลักซ์ (Lux) ซึ่งวัดความสว่างระดับความสูง 1 เมตร เหนอื พ้ืนสนาม แสงสวา่ งดงั กลา่ วตอ้ งตรงกบั เกณฑท์ ่ีกาหนดเพือ่ ถ่ายทอดทางโทรทัศนด์ ว้ ย 6. สนามแข่งขันจะต้องติดตั้งอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่อไปนี้ ซึ่งจะต้องให้เห็นเด่นชัดจากโต๊ะ เจ้าหนา้ ที่ สนามแข่งขัน และท่ีนั่งของทมี คอื 6.1 ป้ายแสดงคะแนนขนาดใหญ่สองป้าย แต่ละป้ายติดนาฬิกาชนิดตัวเลขที่นับถอยหลัง ซ่งึ มองเห็นไดเ้ ด่นชดั พร้อมกบั มอี ปุ กรณ์ทใ่ี ห้สญั ญาณเสียงอัตโนมัติที่ดงั มาก ๆ เพอ่ื บอกการส้ินสดุ เวลา การแข่งขันในแต่ละครึ่งเวลา และเวลาเพิ่มพิเศษ นาฬิกาจะต้องออกแบบอย่างสมบูรณ์และแสดงเวลา ท่เี หลือตลอดการแข่งขนั และอย่างน้อยที่สุดในช่วง 60 วินาที นาทสี ุดทา้ ยของแต่ละคร่งึ และเวลาเพ่ิม พเิ ศษ จะตอ้ งแสดงเวลาทุก 1/10 วินาที ผูต้ ดั สนิ ที่หนึง่ จะเป็นผู้กาหนดใหน้ าฬกิ าเรือนหนึ่งเป็นนาฬิกา จับเวลาของการแข่งขัน ป้ายแสดงคะแนนจะต้องบอกคะแนนท่ีแต่ละทีมทาได้ พร้อมกับบอกจานวน ฟาวล์ของผู้เล่นในแต่ละทีม ขบวนการดังกล่าวมิได้หมายความว่าให้ติดป้ายแสดงการฟาวล์ที่เจ้าหน้าที่ บันทกึ ใช้แจ้งจานวนฟาวล์ 6.2 อุปกรณ์อัตโนมัติท่ีใช้จับเวลา 30 วินาที ชนิดตัวเลขนับถอยหลังแสดงเวลาเป็นวนิ าที จะต้องมีอุปกรณ์ดังกล่าว 2 ชุด ถ้าติดต้ังตรงแนวส่วนบนของกระดานหลัง หรือมี 4 ชุด ถ้าติดต้ังด้วย

11 ความเหมาะสมตามมุมของสนามแข่งขัน อุปกรณ์ 30 วินาทีจะต้องพ่วงเข้ากับนาฬิกาท่ีจับเวลาการ แข่งขัน ท้ังนี้เมื่อเวลาหมดลงเป็น \" ศูนย์ \" จะมีสัญญาณดังข้ึน ก็จะทาให้หยุดเวลาการแข่งขันโดย อัตโนมตั ดิ ว้ ย 6.3 อปุ กรณท์ มี่ แี สงสวา่ งเพ่ือบอกจานวนฟาวลข์ องแต่ละทีม ซึง่ ควรมตี ัวเลขจาก 1 ถึง 7 6.4 สัญญาณเสียงที่แยกกัน 3 ชุด และมีเสียงแตกต่างกันจะต้องจัดให้มีคือ ชุดหน่ึงเพื่อ ให้แก่เจ้าหน้าท่ีจับเวลา ซึ่งจะต้องส่งสัญญาณเสียงโดยอัตโนมตั ิเม่ือส้ินสุดเวลาการแข่งขันในแต่ละครัง้ หรือแต่ละครั้งเพ่ือบอกการสิ้นสุดเวลาการแข่งขัน อีกชุดหน่ึงเพื่อให้แก่เจ้าหน้าท่ีผู้จับเวลา 30 วินาที อุปกรณ์ทั้ง 3 ชุดน้ีจะต้องมีสัญญาณเสียงดังมากพอท่ีจะได้ยินอย่างชัดเจนภายใต้สถานการณ์วุ่นวาย หรอื เสยี งรบกวนอ่นื ๆ 7. เขต 3 วินาที (เขตกาหนดเวลา) และวงกลมกลางจะต้องเป็นสีท่ีแตกต่างจากสีของพ้ืน สนามแข่งขนั มาตรฐานทีก่ าหนดไว้ข้างต้น ควรจะนาไปใชใ้ นการแขง่ ขันระดบั สาคัญอื่น ๆ ดว้ ย กตกิ าบาสเกตบอล บาสเกตบอลเป็นกีฬาท่ีเล่นระหวา่ งผู้เล่น 2 ชุด ชุดละ 5 คน โดยมีจุดมุ่งหมายว่า แต่ละชดุ ตอ้ ง นาลูกบอลไปโยนให้ลงห่วงประตูของคู่แข่งขัน และพยายามป้องกันมิให้อีกฝ่ายหนึ่งได้ครอบครองลูก บอล หรือทาคะแนน ทั้งน้ีผู้เล่นอาจจะส่ง โยน ปัดกล้ิง หรือเล้ียงลูกบอลไปยังทิศทางใดก็ได้ให้ถูกต้อง ตามกติกา ทมี แต่ละทีมจะประกอบไปด้วยผู้เล่นไม่เกิน 10 คน และโค้ช 1 คน ผู้เล่นคนใดคนหน่ึงจะเป็น หวั หน้าทมี แต่ละทีมอาจจะมผี ู้ชว่ ยโค้ชอีก 1 คน สาหรับทัวร์นาเมนต์ที่ทีมนัน้ จะตอ้ งแข่งขันมากกว่า 3 คร้ัง จานวนผู้เล่นในแต่ละทีมอาจจะเพิ่มเป็น 12 คนก็ได้ ผู้เล่น 5 คนของแต่ละทีมจะต้องอยู่ใน สนามแข่งขันระหว่างเวลาการแข่งขัน และสามารถเปล่ียนตัวผู้เล่นได้ตามที่ระบุไว้ในกติกา ผู้เล่นของ ทีมคอื ผเู้ ลน่ ทอ่ี ย่ใู นสนามแข่งขนั และถกู กาหนดวา่ จะลงแขง่ ขนั นอกเหนือจากนีแ้ ล้วจะเปน็ ผู้เล่นสารอง ดังน้ันผู้เล่นสารองจะกลายเป็นผู้เล่นเม่ือผู้ตัดสินได้ให้สัญญาณแจ้งให้เขาเข้าไปในสนามแข่งขัน และผู้ เล่นจะกลายเป็นผู้เล่นสารองทันทีท่ีผู้ตัดสินได้ส่งสัญญาณแก่ผู้ที่จะเข้ามาแทนผู้เล่นคนน้ันให้เข้าไปใน สนามแข่งขัน ผู้เล่นแต่ละคนจะต้องมีหมายเลขที่ด้านหน้าและด้านหลังของเส้ือท่ีตนสวมใส่ โดยมี ลกั ษณะเรยี บธรรมดา (ไมม่ ลี วดลาย) และมสี ีทบึ ตดิ กบั เส้ือ หมายเลขจะตอ้ งเด่นชดั สาหรบั หมายเลขที่ ติดด้านหลังจะต้องสูงไม่น้อยกว่า 20 เซนติเมตร และหมายเลขท่ีติดด้านหน้าจะต้องสูงไม่น้อยกว่า 10

12 เซนติเมตร ทาด้วยวัสดุที่กว้างไม่น้อยกว่า 2 เซนติเมตร ทีมหน่ึง ๆ จะต้องใช้หมายเลขตั้งแต่ 4 ถึง 15 ผู้เลน่ ในทีมเดียวกันจะตอ้ งไม่ใช้หมายเลขซา้ กนั ชดุ ทผี่ ู้เล่นสวมใส่จะต้องประกอบไปด้วยส่ิงต่อไปนี - เสื้อทีม จะเป็นสีเดียว มีลักษณะทึบสม่าเสมอเหมือนกันทั้งด้านหน้าและดา้ นหลัง ต้องสวมใส โดยผเู้ ลน่ ทกุ คนในทมี น้ันเสื้อทม่ี ลี ายทางแบบริ้วลายจะไม่อนุญาตให้ใช้ - กางเกงขาส้ัน จะเป็นสีเดียว มีลักษณะทึบสม่าเสมอเหมือนกันทั้งทีม และจะต้องสวมใส่โดยผู้ เล่นทกุ คนในทมี นน้ั - เส้อื คอกลม (ทเี ช้ิต) อาจจะสวมใส่ได้ภายในเส้ือทีม แตถ่ ้าสวมเส้อื คอกลมจะต้องใช้เส้อื คอ กลมมีสเี ดยี ว และใหเ้ หมือนกบั สขี องเสื้อทีม - ชุดช้ันในของกางเกง ท่ีย่ืนเลยต่ากว่ากางเกงขาส้นั อาจจะสวมใส่ไดโ้ ดยมขี ้อกาหนดว่าจะต้อง มีสีเดียว และเหมือนกับกางเกงขาสั้น ในกรณีท่ีเส้ือทีมมีสีตรงกันให้ทีมเหย้าเปลี่ยนสีเส้ือทีมเมือ่ แขง่ ขนั ที่สนามกลาง หรือในทัวร์นาเมนต์ทีมท่ีมีช่ือแรกในโปรแกรมการแข่งขัน และต้องเป็นช่ือแรกในใบ บันทึกจะต้องเปลี่ยนสีเส้ือทีม เพราะในทัวร์นาเมนต์หนึ่งๆ แต่ละทีมจะต้องมีเสื้อทีมอย่างน้อย 2 ชุด คอื ชุดที่เป็นสจี าง และชุดท่ีเปน็ สีเข้ม สาหรับการแข่งขันที่ถ่ายทอดทางโทรทัศน์ ให้ทีมท่ีมีช่ือแรกในโปรแกรมการแข่งขัน (ทีมเหย้า) สวมเส้ือสีจาง และทมี ท่ีมชี อ่ื ท่ีสอง (ทีมเยือน) สวมเส้อื สีเข้ม สาหรบั การแข่งขันระดับสาคัญๆ ของฟีบ้า ผู้เล่นในทีมเดยี วกนั จะต้องปฏบิ ตั ดิ งั นี 1. สวมรองเท้าซ่ึงมสี ีเหมอื นกัน 2. สวมถุงเท้าซึ่งมสี ีเหมอื นกนั ผ้เู ล่นออกจากเขตสนามแขง่ ขัน จะไมอ่ นญุ าตให้ผู้เล่นออกจากเขตสนาม เพ่อื ใหไ้ ดเ้ ปรยี บคู่แขง่ ขนั อยา่ งไม่ยุตธิ รรม หัวหนา้ ทมี หนา้ ท่ี และอานาจ เม่ือมีเหตุจาเปน็ หัวหน้าทีมจะตอ้ งเป็นผ้แู ทนของทีมในสนามแขง่ ขนั สามารถพูดกับผู้ตดั สนิ เพอ่ื ขอคาอธบิ าย หรอื เพอื่ ขอทราบข้อมูลท่ีจาเป็น แต่ตอ้ งกระทาดว้ ยความสุภาพ

13 มารยาทของผเู้ ลน่ กฬี าบาสเกตบอลทดี่ ี 1. มคี วามรเู้ รื่องระเบียบและกฎกติกาการเล่น 2. แต่งกายดว้ ยชดุ ที่เหมาะสมตอ่ การเล่นหรือการแข่งขันกฬี าบาสเกตบอล 3. เล่นกีฬาด้วยความสนุกสนานและมมี ารยาท มีความสุภาพทง้ั กิริยาท่าทางตลอดจนคาพดู 4. ใหเ้ กียรตแิ ละเช่อื ฟัง ยอมรบั คาตัดสนิ ของผู้ตัดสิน 5. มนี ้าใจนักกฬี า ร้จู กั แพ้ รจู้ กั ชนะ รู้จกั ใหอ้ ภยั 6. เป็นผทู้ ่ตี รงตอ่ เวลา 7. ไม่ควรดูถูกความสามารถผอู้ ่นื จะดว้ ยวาจาหรือทา่ ทาง 8. ควรแสดงความยินดแี ละชมเชยเมื่อผเู้ ล่น เลน่ ไดด้ ี 9. ควรเปิดโอกาสให้ผ้อู นื่ ได้เล่นบา้ งเมื่ออุปกรณม์ จี ากัด 10. ไม่กระทาการใดๆ อันเป็นการย่วั ยหุ รือกลั่นแกลง้ ผู้เล่นฝา่ ยตรงข้าม 11. ต้องเล่นตามระเบียบตามกติกาทีก่ าหนดไว้ 12. เช่อื ฟงั คาสัง่ ของหัวหนา้ ทมี หรือผู้ฝึกสอน และต้องปฏิบัติตาม 13. มคี วามรับผดิ ชอบในหนา้ ทที่ ่ีตนไดร้ บั มอบหมาย 14. รู้จักระงบั อารมณเ์ มอ่ื เกดิ การย่ัวยจุ ากฝ่ายตรงขา้ ม 15. ไม่ครอบครองลูกบอลแตเ่ พยี งผเู้ ดียวตอ้ งแจกจา่ ยใหเ้ พ่อื นร่วมทีมบา้ ง 16. เม่ือเล่นกฬี าแพห้ รือชนะไมค่ วรดีใจหรอื เสียใจจนเกนิ ไป 17. การเลน่ กฬี าต้องเลน่ อย่างสุดความสามารถไมว่ ่าตนเองจะเปน็ ฝ่าย้แพห้ รอื ชนะ 18. หลังจากการ้แขง่ ขนั แล้วไม่ว่าจะเปน็ ฝ่ายแพห้ รือชนะจะตอ้ งฝกึ ซ้อมให้ดียิ่งขน้ึ 19. มคี วามต้ังใจในการฝึกซอ้ ม และมคี วามอดทน 20. ไม่สร้างความเดอื ดร้อนให้แก่ผู้อ่นื ในขณะฝกึ ซ้อมหรอื ้แงขัน 21. หลังจากฝกึ ซ้อมแลว้ ต้องเก็บอปุ กรณใ์ หเ้ รียบรอ้ ย มารยาทของผู้ชมกีฬาบาสเกตบอลทีด่ี ี 1. ปรบมือแสดงความยินดีแก่ผู้เล่นท่ีเล่นได้ดี ผู้เล่นมีมารยาทดี ทีมชนะการแข่งขันหรือผู้เล่นท่ีได้รับ รางวลั 2. ไมแ่ สดงอาการหรอื ส่งเสยี งย่วั ยจุ นทาใหผ้ ้เู ลน่ หรือกองเชียร์ฝ่ายตรงขา้ มเกิดโทสะ

14 3. ไมก่ ระทาตัวเปน็ ผตู้ ดั สินเสียเอง เช่น ตะโกนด่า ใช้สงิ่ ของขวา้ งปานกั กีฬา ผู้ตัดสนิ ผ้ชู ม หรอื คดั ค้าน การตดั สนิ 4. ไมค่ วรสบู บหุ รหี่ รอื เสพเครอ่ื งด่ืมมนึ เมาขณะชมการแข่งขัน 5. ไม่แสดงกริยาท่าทาง ส่งเสียง ย่ัวยุอันเปน็ อุปสรรคตอ่ การเลน่ ของผ้เู ลน่ และผ้ตู ัดสิน 6. นงั่ ดูดว้ ยความเปน็ ระเบยี บเรยี บรอ้ ยในทที่ ีจ่ ัดไว้ ไมย่ นื เกะกะบงั ผู้อืน่ 7. ปรบมอื ใหเ้ กียรตเิ มื่อกรรมการผู้ตัดสนิ และนักกีฬาลงสนาม 8. ควรศกึ ษากฏกตกิ าการแขง่ ขันกีฬาทต่ี นดูเป็นอยา่ งดี 9. การชมเป็นหม่คู ณะ ควรน่งั รวมกนั เป็นกลุ่มและเชยี ร์ดว้ ยเพลงสุภาพ 10. ใหค้ วามรว่ มมอื กบั เจา้ หนา้ ทใ่ี นเม่อื เกิดเหตคุ วามวนุ่ วายในสนาม 11. สนับสนนุ ให้กาลังใจและให้เกยี รตนิ ักกฬี าทกุ ชนดิ เพื่อเปน็ การส่งเสรมิ การกฬี าของชาติ 12. ไม่ควรเปล่งวาจาสนับสนุนผเู้ ลน่ ในทางที่ผดิ

15


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook