Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore วารสารวิจัยเทคโนโลยีนวัตกรรม ปีที่ 4 ฉบับที่ 1 มกราคม-มิถุนายน 2563 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา

วารสารวิจัยเทคโนโลยีนวัตกรรม ปีที่ 4 ฉบับที่ 1 มกราคม-มิถุนายน 2563 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา

Description: JITR เป็นวารสารของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา ซึ่งเผยแพร่แบบสองภาษา โดยใช้กระบวนการ peer review แบบ double blind เพื่อเผยแพร่ผลงานทางวิชาการ ทางด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม ใน 2 รูปแบบคือ บทความวิจัย (Research articles) และบทความทางวิชาการ (academic articles) โดยมีสาขาย่อย ดังต่อไปนี้ อาหาร เกษตร และเทคโนโลยีชีวภาพ, เทคโนโลยีทางการแพทย์และสุขภาพ, วิศวกรรม พลังงานและสิ่งแวดล้อม, ศิลปกรรมและสถาปัตยกรรมศาสตร์

Search

Read the Text Version

วารสารวิจยั เทคโนโลยนี วัตกรรม ปที ่ี 4 ฉบบั ที่ 1 มกราคม-มถิ ุนายน 2563 Journal of Innovative Technology Research Vol.4 No.1 January-June 2020 สารบญั 01 การออกแบบและพฒั นาเครอ่ื งคดั ขนาดดินเพอื่ ใชใ้ นการผลิตอฐิ บล็อกประสาน 1-7 ศักด์ิสทิ ธ์ิ ช่ืนชมนาคจาด*, แมน ฟักทอง, พชิ ติ ชัย จนั ทร์คีรี, ภัทรวรรณ สวัสด์ิประวิทย์ และ วศินี อาจรู้ 8-15 02 การวิจยั และวเิ คราะหก์ ระบวนการผลติ ชาเพอ่ื หาความสญู เปลา่ ในกระบวนผลิตชาอู่หลง เบอร์ 12 16-20 เพอื่ ปรบั ปรงุ กระบวนการผลิต กรณีศึกษา : โรงงานแปรรปู ชาขุนแม่วาก 21-28 ศนู ยพ์ ฒั นาโครงการหลวงขนุ วาง อำเภอแมว่ าง จงั หวดั เชยี งใหม่ 29-39 อลงกรณ์ งานด*ี , วธัญญู วรรณพรหม, จัตตุฤทธ์ิ ทองปรอน และวรจกั ร เมืองใจ 40-46 47-52 03 การออกแบบและพฒั นาเครอ่ื งสกรลู ำเลยี งดินในกระบวนการผลิตอฐิ บลอ็ กประสาน 53-61 สมชาย โพธิ์พยอม, พินจิ บุญเอ่ียม, นิติกร หลีชัย, วรศิ จิตตธ์ รรม, ประเทยี บ พรมสนี อง และ ศกั ดส์ิ ิทธ์ิ ชนื่ ชมนาคจาด* 04 ผลของนำ้ ตาล กลเี ซอรอล และอุณหภูมิการทำแหง้ ต่อคณุ ภาพของมัลเบอรอ่ี บแหง้ ปิยะนุช รสเครอื * สภุ ทั รา แท่งทอง และ กรรณิการ์ อนิ ต๊ะ 05 การพัฒนาผลติ ภัณฑป์ ลาเส้นอบกรอบด้วยการเติมปลาสม้ นภาพร ดีสนาม* และ พีระภา เครือลุน 06 การพัฒนาเครอื่ งสีข้าวกลอ้ งขนาดครัวเรอื น กมลศักดิ์ รตั นวงษ์*, แมน ฟักทอง, ศักดิ์สทิ ธ์ิ ชื่นชมนาคจาด, เอกรัฐ ชะอุ่มเอียด, ศภุ ชัย ชมุ นมุ วฒั น์ และ สมชาย โพธ์พิ ยอม 07 การพัฒนาผลิตภัณฑค์ กุ กี้กรอบด้วยวัตถุดิบแตกหักจากกระบวนการบรรจุหบี ห่อกล้วยทอดกรอบ สริ ินทรา สทิ ธชิ ัยวงค์* ปรเมศ ศรแี กว้ , หรพิ ล ธรรมนารักษ์ และสมอ บญุ พนั ธ์ 08 การใช้เทคโนโลยเี สมอื นจรงิ เพอื่ สง่ เสรมิ การจัดจำหน่ายผลิตภณั ฑ์กล้วยกรอบ กลมุ่ วสิ าหกิจชมุ ชนกลว้ ยหอมทองยัดเยียด อำเภอจุน จงั หวัดพะเยา หริพล ธรรมนารกั ษ์* ชนิ ดนัย คำคม และลทั ธพล บตุ รเทศ ISSN: 2586-8500 (Print), ISSN: 2586-8632 (Online)

วารสารวจิ ัยเทคโนโลยีนวตั กรรม ปที ี่ 4 ฉบับท่ี 1 มกราคม-มถิ นุ ายน 2563 Journal of Innovative Technology Research Vol.4 No.1 January-June 2020 09 รูปแบบการพฒั นาสถาบันเครอื ขา่ ยด้วยกระบวนการสอนแบบ STEM 62-68 กรณีศึกษาโรงเรยี นนครชุมพทิ ยา รชั มังคลาภเิ ษก 69-75 ประเทียบ พรมสีนอง, แมน ฟกั ทอง, ไพบลู ย์ สวนพันธ์ุ, ศักดสิ์ ิทธิ์ ช่นื ชมนาคจาด และปรดี า เสมา* 10 เทคโนโลยีไมโครนาโนบับเบล้ิ ในกระบวนการลา้ งกล้วยหอมทองเพ่อื ลดการปนเป้ือนของเชอ้ื อโี คไล ชินานาฏ วทิ ยาประภากร,* วิษณุ ทองเล็ก และ พรรณพร กลุ มา ISSN: 2586-8500 (Print), ISSN: 2586-8632 (Online)

วารสารวิจยั เทคโนโลยนี วตั กรรม ปีที่ 4 ฉบับท่ี 1 มกราคม-มถิ ุนายน 2563 Journal of Innovative Technology Research Vol.4 No.1 January-June 2020 Content 01 Design and Development of Sizing Sort Soil Machine for Brick Block Manufacturing 1-7 Saksit Chuenchomnakjad*, Man Fakthong, Phichatchai Chankeeree, Phattharawan Sawatprawit and Wasinee Artroo 02 Research And Analysis Of Tea Production Process To Find Wastes Oolong Tea No.12 8-15 To Improve Production Process Case Study: Factory Tea, Bankhunmaewak, Khunwang The Royal Project Development Center, Khunwang District, Chiang Mai Province Alongkorn Ngandee*, WatahnyuWannaphrom, Jutturit Thongpron, Worrajak Maungjai 03 Design and Development of Transport Screw Machine for Brick Block Manufacturing 16-20 Somchai Peopayom, Phinich Boonaiem, Nitikorn Leechai, Jittham, Prataeb Promsinongand Saksit Chuenchomnakjad* 04 Effects of Sugar and Glycerol Content and Temperature Drying 21-28 On Quality of Dried Mulberry Piyanuch Roskhru* Supattra Tangtong and Kannika Inta 05 Development of Fish Crispy Snack Bar Product with Supplementation 29-39 of Fermented Fish (Hypophthalmichthys molitric) Napaporn Deesan* and Peerapa Kruealun 06 The Development of a Household Rice Milling Machine 40-46 Kamonsak Rattanawong*, Man Fakthong, Saksit Chuenchomnakjad, Accarat Chaoumead, Suppachai Chumnumwat and Somchai Peopayom 07 The Development of Crispy cookie products with raw materials 47-52 from packaging process Decisive Sirintra Sitthichaiwong* Porramet Srikaew, Haripon Thammanarak and Samor Boonphan ISSN: 2586-8500 (Print), ISSN: 2586-8632 (Online)

วารสารวจิ ยั เทคโนโลยีนวัตกรรม ปที ี่ 4 ฉบับท่ี 1 มกราคม-มถิ ุนายน 2563 Journal of Innovative Technology Research Vol.4 No.1 January-June 2020 08 Application of Augmented Reality Technology to Promote the Distribution 53-61 of Crispy Bananas Product of Kluai Hom Thong Yad Yiad Community Enterprise, 62-68 Chun District, Phayao Province 69-75 Haripon Thammanarak* Chindanai khamkhom and Lattaphon Bootted 09 The Development model of Institute Network with STEM Teaching Process: Nakornchumphittaya School Case study Prataeb promsinong, Man Fakthong, Paiboon Sounpan, Saksit Chuenchomnakjad and Preda Sama* 10 Micro/Nano Bubbles Technology in Gold Banana Washing Process for Reduce E. coli Contaminate Chinanat Withayaprapakorn*, Vishnu Thonglek and Phannaphon Kullama ISSN: 2586-8500 (Print), ISSN: 2586-8632 (Online)

วารสารวจิ ัยเทคโนโลยนี วตั กรรม ปที ่ี 4 ฉบับท่ี 1 มกราคม-มถิ นุ ายน 2563 Journal of Innovative Technology Research Vol.4 No.1 January-June 2020 กองบรรณาธิการ ทปี่ รกึ ษา : รองศาสตราจารยศ์ ลี ศิริ สง่าจิตร มหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลล้านนา มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลล้านนา บรรณาธิการ : รองศาสตราจารย์ ดร.พานิช อินต๊ะ มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลลา้ นนา รองบรรณาธิการ : ดร.สรุ พล ใจวงศษ์ า มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ผู้ช่วยบรรณาธกิ าร : ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ ดร.นพพร พัชรประกติ ิ จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย มหาวทิ ยาลัยเชยี งใหม่ กองบรรณาธิการ : รตั นเดโช มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์ ศาสตราจารย์ ดร.ผดุงศกั ด์ิ เอกสทิ ธิ์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีพระจอมเกลา้ ศาสตราจารย์ ดร.สนอง ทิพยาวงศ์ พระนครเหนอื ศาสตราจารย์ ดร.นคร โพชนุกูล มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีพระจอมเกล้า ศาสตราจารย์ ดร.พญ.อรพรรณ อัครเอกฒาลนิ พระนครเหนือ ศาสตราจารย์ ดร.ประยุทธ มหาวิทยาลยั เชยี งใหม่ มหาวทิ ยาลัยสงขลานครินทร์ รองศาสตราจารย์ ดร.มนตรี ศริ ปิ รชั ญานันท์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยขอนแก่น รองศาสตราจารย์ ดร.เศรษฐ์ สัมภัตตะกุล มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา รองศาสตราจารย์ ดร.พีระพงศ์ ทีฆสกุล มหาวทิ ยาลัยขอนแก่น รองศาสตราจารย์ ดร.วรภทั ร ลัคนทินวงศ์ สถาบันการจัดการปัญญาภิวฒั น์ รองศาสตราจารย์ ดร.สุมาลี ชัยเจรญิ รองศาสตราจารย์ ดร.ตระกลู พันธ์ พัชรเมธา สถาบันวิจยั และพัฒนา ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.จารณุ ี ซามาตย์ สถาบนั วจิ ัยและพัฒนา ดร.ธนั ยวัต สมใจทวีพร สถาบนั วิจัยและพัฒนา สถาบันวจิ ยั และพัฒนา ฝ่ายจัดทำ : วาทกิจ สถาบนั วิจยั และพัฒนา ดร.ตะวัน โพธิ์แก้ว สถาบันถา่ ยทอดเทคโนโลยสี ชู่ มุ ชน นางสาวณิชกมล พยอมแยม้ นางสาวสรรคศ์ ริ ิกลุ สุภาพรเหมินทร์ นางพลอยภิญญา ถาวรลิมปะพงศ์ นางสาวสุพิชฌาย์ ผู้อยสู่ ขุ นางสาวสธุ าสินี ISSN: 2586-8500 (Print), ISSN: 2586-8632 (Online)

วารสารวจิ ยั เทคโนโลยนี วัตกรรม ปที ่ี 4 ฉบับท่ี 1 มกราคม-มถิ นุ ายน 2563 Journal of Innovative Technology Research Vol.4 No.1 January-June 2020 Editorial Board Advisor: Assoc.Prof.Seensiri Sangajit RMUTL Editor: Assoc.Prof.Panich Intra RMUTL Associate Editor: Dr.Suraphon Chaiwongsar RMUTL Assistant Editor: Assist.Dr.Nopporn Patcharaprakiti RMUTL Editorial Board: Rattanakecho TU Prof.Phadungsak Ekgasit CU Prof.Sanong Tippayawong CMU Prof.Nakorn Poachanukoon TU Prof.Orapan Akkaraekthalin KMUTNB Prof.Prayoot Siripruchyanun KMUTNB Assoc.Prof.Montri Sampattakul CMU Assoc.Prof.Sate Tekasakul PSU Assoc.Prof.Perapong Luckantvong TU Assoc.Prof.Voraphat Chaijaroen KKU Assoc.Prof.Sumalee Patcharametha RMUTL Assoc.Prof.Tragoonphan Samat KKU Asst.Prof.Charuni Somjaitaweeporn PIM Ph.D.Tunyawat Watakit RMUTL Coordinators: Phokaew RMUTL Dr.Tawan Payomyaem RMUTL Miss Nichkamol Supapornhemin RMUTL Miss Sansirikul Thawornlimpapong RMUTL Mrs. Ploypinya Puyusuk RMUTL Miss Supitcha Miss Sutasinee ISSN: 2586-8500 (Print), ISSN: 2586-8632 (Online)

วารสารวจิ ยั เทคโนโลยีนวตั กรรม ปที ่ี 4 ฉบบั ที่ 1 มกราคม-มถิ นุ ายน 2563 Journal of Innovative Technology Research Vol.4 No.1 January-June 2020 ผูท้ รงคุณวุฒิประเมนิ บทความ วารสารวจิ ยั เทคโนโลยนี วัตกรรม ปที ่ี 4, ฉบับท่ี 1, มกราคม – มิถุนายน พ.ศ. 2563 ISSN: 2586-8500 (Print), ISSN: 2586-8632 (Online) ศาสตราจารย์ ดร.ปารเมศ ชุตมิ า จุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย รองศาสตราจารย์ ดร.ฉตั รชยั นิมมล มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกลา้ พระนครเหนือ รองศาสตราจารย์ ดร.พรี ะพงศ์ ทฆี สกุล มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ รองศาสตราจารย์ ดร.สุมาลี ชยั เจรญิ มหาวทิ ยาลยั ขอนแก่น รองศาสตราจารย์ ดร.อนิรุตต์ มัทธุจกั ร์ มหาวิทยาลยั อุบลราชธานี ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.กิตติศกั ดิ์ อารยิ ะเครือ มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลพระนคร ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ ดร.จารุณี ซามาตย์ มหาวทิ ยาลยั ขอนแก่น ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.จิตระยุทธ์ จติ ออ่ นนอ้ ม มหาวทิ ยาลยั พะเยา ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.บศุ ราภรณ์ มหาโยธี มหาวิทยาลยั ศลิ ปากร ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ปรญิ คงกระพนั ธ์ มหาวทิ ยาลัยแมโ่ จ้ ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.ประชา ยืนยงกลุ มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลล้านนา ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ลภสั รดา พิชญาธีรนาถ มหาวทิ ยาลัยราชภัฎเลย ผูช้ ว่ ยศาสตราจารยร์ ัตนช์ นก พราหมณ์ศริ ิ มหาวิทยาลัยพษิ ณโุ ลก ดร.ขวัญชวี า ไตรพริ ิยะ มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลตะวันออก ISSN: 2586-8500 (Print), ISSN: 2586-8632 (Online)

วารสารวจิ ัยเทคโนโลยีนวตั กรรม ปีที่ 4 ฉบับที่ 1 มกราคม-มถิ ุนายน 2563 Journal of Innovative Technology Research Vol.4 No.1 January-June 2020 บทบรรณาธิการ วารสารวิจัยเทคโนโลยีนวัตกรรม (Journal Of Technology Innovative Research: JITR) ฉบับนี้ ปีที่ 4 ฉบับ 1 (มกราคม-มิถนุ ายน 2563) เพือ่ ให้นักวจิ ัย นกั วิชาการ คณาจารย์ และนกั ศกึ ษา ไดเ้ ผยแพร่บทความทางวิชาการ หรอื บทความ วจิ ยั วารสารฉบับน้ี ประกอบด้วยผลงานวิจัย ทั้งหมด 10 เรื่อง ที่ได้คัดเลือกจากบทความที่เข้ารว่ มนำเสนอจากประชุม วิชาการวิจัยและนวตั กรรมสร้างสรรค์ คร้งั ท่ี 5 ประจำปี 2561 ทีจ่ ดั ข้นึ เพอ่ื สนบั สนุนให้นักวิจยั ไดม้ ีโอกาสแสดงศักยภาพของ ตนเองในการเข้าร่วมนำเสนอผลงานเผยแพร่ผลงานวิจัยของอาจารยแ์ ละนักศึกษา มทร.ล้านนา ตลอดจนมีการแลกเปล่ียน เรียนรู้ พัฒนา ในระดับชาติและยกระดับผลงานวิจัยสู่ระดับสากล ซึ่งประกอบด้วยงานวิจัยด้านวิศวกรรมพลังงานและ เทคโนโลยี งานวิจัยด้านบริหารธุรกิจและศิลปะศาสตร์ งานวิจัยด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี งานวิจั ยด้านวิทยาศาสตร์ กายภาพและสุขภาพ งานวิจัยด้านเทคโนโลยีเกษตรและอาหาร งานวิจัยด้าน ศิลปกรรมและสถาปัตยกรรมศาสตร์ และ งานวิจัยรบั ใชส้ ังคม สอดคลอ้ งกับนโยบายสนับสนนุ ยกระดับผลงานวจิ ัยสู่ระดบั สากล สรา้ งเครอื ข่ายความรว่ มมอื ทางวิชาการ พัฒนางานวิจัยสู่การเป็น Digital Thailand 4.0 ซึ่งจะเป็นการพัฒนาผลงานทางวิชาการ และบูรณาการงานวิจัยร่วมกันท้งั ระดับสาขา คณะ และมหาวทิ ยาลยั ทวั่ ประเทศ กองบรรณาธิการขอขอบคณุ ท่านผู้เขียนทีใ่ ห้ความสนใจ และไว้วางใจวารสารของเราเปน็ อยา่ งดตี ลอดมา และหวัง เป็นอยา่ งยง่ิ ว่าบทความทไ่ี ด้ตีพิมพ์มปี ระโยชน์ต่อผู้อ่านทุกทา่ น กองบรรณาธิการขอขอบคุณทา่ นผู้ทรงคุณวุฒิทุกท่านที่ได้ให้ ความกรุณาอ่านและแนะนำการปรับแก้บทความวจิ ัยให้มีคุณภาพทางวิชาการยง่ิ ขนึ้ สุดท้ายนี้ หากผู้อ่านมีข้อเสนอแนะในการปรับปรุงวารสารนี้ให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น กองบรรณาธิการขอน้อมรับไว้ด้วย ความยนิ ดยี ิ่ง รองศาสตราจารย์ ดร. พานชิ อนิ ต๊ะ บรรณาธกิ าร วารสารวิจัยเทคโนโลยนี วตั กรรม ISSN: 2586-8500 (Print), ISSN: 2586-8632 (Online)

วารสารวจิ ัยเทคโนโลยีนวตั กรรม ปที ี่ 4 ฉบับท่ี 1 มกราคม-มถิ นุ ายน 2563, ศกั ดส์ิ ิทธ์ิ ชืน่ ชมนาคจาด, หนา้ 1-7 การออกแบบและพฒั นาเครื่องคดั ขนาดดินเพอ่ื ใช้ในการผลิตอฐิ บลอ็ กประสาน ศกั ด์สิ ทิ ธ์ิ ช่นื ชมนาคจาด*, แมน ฟักทอง, พิชิตชยั จนั ทร์คีรี, ภัทรวรรณ สวัสดป์ิ ระวิทย์ และ วศินี อาจรู้ สาขาวิชาวศิ วกรรมอตุ สาหการ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลลา้ นนา พิษณโุ ลก 65000 รับบทความ 10 ตุลาคม 2561 ตอบรับบทความ 10 ธันวาคม 2561 เผยแพรอ่ อนไลน์ 15 มิถนุ ายน 2563 © 2020 Rajamangala University of Technology Lanna. All right reserved. บทคดั ย่อ งานวิจัยนี้มวี ตั ถปุ ระสงค์เพ่ือออกแบบและพัฒนาเครื่องคดั ขนาดดินเพ่อื ลดปัญหาการแตกหักในกระบวนการผลิตอิฐ บลอ็ กประสาน เครอ่ื งคัดขนาดดินเพอ่ื ใช้ในการผลติ อฐิ บลอ็ กประสานมีขนาดของเครือ่ งดงั น้ี ความกวา้ ง 700 มิลลิเมตร ความ ยาว 1,300 มิลลเิ มตร ความสูง 650 มิลลิเมตร รูตะแกรงรอ่ นขนาด 3 มิลลิเมตร ใชม้ อเตอรข์ นาด 2 แรงมา้ กระแสไฟฟ้า 380 โวลต์ เปน็ ต้นกำลัง ความเร็วรอบ 204 รอบตอ่ นาที จากผลการทดลองพบว่า อตั ราการนำดินลูกรังเข้าส่กู ระบวนการคัดขนาด ดินดว้ ยเครื่องคดั ขนาดมีผลต่อการคดั แยกดินลกู รงั ที่ใช้ผลติ อฐิ บล็อกประสาน โดยผ่านช่องปล่อยดินทีม่ ขี นาดความกว้างยาว 3 ระดับ ไดแ้ ก่ ระดับที่ 1 มีขนาด 22.5 ตารางเซนตเิ มตร ระดบั ท่ี 2 มีขนาด 45 ตารางเซนติเมตร และระดบั ที่ 3 มขี นาด 90 ตารางเซนตเิ มตร โดยช่องปล่อยดนิ ระดับที่ 2 มีอตั ราการนำเขา้ ดนิ เฉล่ยี ดีท่ีสดุ คอื 1,299.6 กิโลกรมั ต่อชว่ั โมง คำสำคัญ: เครื่องคดั ขนาดดนิ , อิฐบล็อกประสาน Email: [email protected], Tel. 091-8387299 1

วารสารวจิ ัยเทคโนโลยีนวตั กรรม ปที ่ี 4 ฉบับท่ี 1 มกราคม-มถิ นุ ายน 2563, ศกั ดิ์สิทธิ์ ชื่นชมนาคจาด, หนา้ 1-7 Design and Development of Sizing Sort Soil Machine for Brick Block Manufacturing Saksit Chuenchomnakjad*, Man Fakthong, Phichatchai Chankeeree, Phattharawan Sawatprawit and Wasinee Artroo Program of Industrial Engineering Rajamangala University of Technology Lanna Phitsanulok 65000 Received: 10 October 2018 Accepted: 10 December 2018 Published online: 15 June 2020 © 2020 Rajamangala University of Technology Lanna. All right reserved. Abstract This research aimed to design and develop the sizing sort soil machine for reducing the fracture problem of brick block manufacturing. The size of the machine to be used in the production of brick blocks was 700 mm in width, 1,300 mm in length, 650 mm in height with 3 mm sieve holes, a motor of 2 hp, 380 V power and 204 rpm. The results showed that the rate of lateritic soil into the sizing process with the sizing machine influenced the grading of the lateritic soil used in the production of bricks. There were 3 levels of the soil release channel with width per length such as level 1 with size of 22.5 cm2, level 2 with size of 45 cm2 and level 3 with size of 90 cm2. The soil level 2 had the best average of soil import rate at 1,299.6 kg/h. Keywords: Sizing Sort Soil Machine, Brick Block 2

วารสารวิจยั เทคโนโลยนี วัตกรรม ปที ี่ 4 ฉบบั ท่ี 1 มกราคม-มถิ นุ ายน 2563, ศักด์ิสทิ ธ์ิ ช่นื ชมนาคจาด, หนา้ 1-7 1. บทนำ [2-5] ตลอดจนสามารถนำเครื่องคัดขนาดดินมาประยุกต์ใช้ อิฐบล็อกประสานถือว่าเป็นวัสดุก่อสร้างชนิด งานได้จริงและใช้เป็นแนวทางในการประกอบอาชีพไดใ้ น อนาคตตอ่ ไป หนึ่ง ซึ่งในปี พ.ศ. 2510 เกิดบล็อกดินซีเมนต์และบลอ็ ก ประสานของ สถาบันวิจยั วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่ง 2. วิธีการวิจัย ประเทศไทย (วว.) เป็นบลอ็ กรุ่นแรกทน่ี ำดินลูกรังมาผสม 2.1 การออกแบบโครงสร้างเครื่องคัดขนาดดิน กับซีเมนต์และน้ำในสัดส่วนที่เหมาะสม มาอัดเป็นแท่ง ด้วยเครื่องอัดซินวาแรม หลังจากบ่มประมาณ 14 วัน ก็ เพือ่ ลดการแตกหกั ในการผลิตอฐิ บล็อกประสาน โดยได้ทำ สามารถนำมาก่อสรา้ งได้ ซึ่งการผลิตนั้นจะใชแ้ รงงานคน การออกแบบเครื่องคัดขนาดดินมีขนาดความกว้าง 700 ในการผลิตเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งบล็อกดินซีเมนต์และบล็อก มิลลิเมตร ขนาดความยาว 1,300 มิลลิเมตร ขนาดความ ประสาน วว. ได้มีการวิจัย ปรับปรุง และพัฒนาอย่าง สูง 650 มิลลิเมตร โดยขนาดที่ออกแบบสามารถรองรับ ต่อเนื่องกลายมาเป็นอิฐบล็อกประสาน ที่มีหลากหลาย กับขนาดของเครื่องตีดิน ใช้มอเตอร์ขนาด 2 แรงม้า รูปแบบ หลากหลายราคา อิฐบล็อกประสานจึงเป็นอีก กระแสไฟฟ้า 380 โวลต์ เป็นตัวส่งถ่ายกำลังไปยังชุด ตวั เลือกหนงึ่ ท่ีนิยมใช้ในงานกอ่ สรา้ งบา้ นในปัจจบุ นั ทำให้ ขับเคลื่อนระยะชักชุดตะแกรงคัดขนาดดินทำให้ชุด อาชีพการผลิตอิฐบล็อกประสานได้รับความนิยมเพราะ ตะแกรงคัดขนาดดินเคลื่อนที่เพื่อที่จะได้ดินตามขนาดท่ี สามารถสร้างรายได้และขั้นตอนการผลิตนั้นไม่ซับซ้อน ตอ้ งการไปสกู่ ระบวนการผสม ดงั รูปท่ี 1 มากนัก [1] 2.2 การศึกษาอัตราการนำเข้าดินลูกรังขณะ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยี ผ ่ า นช ่ อ ง ป ล่ อ ยดินท ี ่ มี ควา ม ก ว้ าง xควา ม ยา วในห น่วย ราชมงคลล้านนา พิษณุโลก ได้มีการสร้างเครื่องอัดอิฐ เซนติเมตร 3 ระดับ ได้แก่ 0.5x45, 1x45 และ 2x22.5 บล็อกประสานอยู่แตย่ งั คงใชแ้ รงงานคนในการผสมดิน ดนิ คิดเป็นพื้นที่ 22.5, 45 และ 90 ตารางเซนติเมตร ที่ได้นั้นเป็นดนิ ที่มสี ิ่งเจอื ปนอยู่ด้วย เช่น เศษไม้และกอ้ น ตามลำดับ โดยทดสอบอัตรานำเข้าดินลูกรังที่มีผลต่อ หินเลก็ ๆ เมอ่ื นำมาผสมกบั ทรายและปูนแล้วนำเข้าเครื่อง ปริมาณดินทีใ่ ชใ้ นการผลติ อฐิ บลอ็ กประสานได้ดที ่สี ุด และ อัดอิฐบล็อกประสาน พบปัญหาว่าก้อนอิฐบล็อกประสาน การศึกษาอัตราสว่ นดินที่ใช้ในการผลิตบล็อกประสานได้ ที่ได้มีความทนทานน้อยแตกหักง่าย ผิวก้อนอิฐบล็อก ต่อดินทีใ่ ช้ในการผลิตอฐิ บลอ็ กประสานไม่ได้ ผ่านตะแกรง ประสานไม่เรียบสวยงาม นอกจากนี้ยังพบปัญหาขาด ขนาด 3 มลิ ลเิ มตร โดยมวี ิธีการทดลอง ดังน้ี แคลนแรงงานคนในการผลิตและเวลาในการผลิตที่นาน ทางคณะผู้จัดทำจึงมีแนวความคิดเห็นท่ีจะนำเครื่องสกรู 1) การเตรียมวัตถุดิบในการคัดขนาดดินเพื่อ ลำเลียงดิน เครื่องย่อยดิน เครื่องคดั ขนาดดิน เครื่องผสม ใช้ในการผลติ อิฐบล็อกประสาน ได้แก่ ดนิ ลกู รังท่ีผ่านการ ดิน เครื่องสายพานลำเลียงและเครื่องอัดอิฐบล็อก ย่อยดินมาแล้วโดยนำวัตถุดิบที่เตรียมมาทำการทดลอง ประสาน มาวางเป็นระบบการผลิตอิฐบล็อกประสานท่ี และเกบ็ ขอ้ มลู ครบวงจร เพื่อประหยัดต้นทุนที่เกิดจากแรงงานและลด เวลาในการผลิต อีกทั้งเพื่อให้ได้ส่วนผสมในการผลิตอิฐ 2) นำดินลูกรังที่ผ่านการย่อยดินจากเครื่อง บล็อกประสานให้มีความสมบูรณ์ ความแข็งแรง และ ยอ่ ยดินลงมาที่ชอ่ งใสด่ ินเพือ่ ใหเ้ ครื่องคัดขนาดดินและทำ ทนทานมากยิ่งขึ้น การออกแบบและพัฒนาเครื่องคัด การคัดขนาดดนิ ตอ่ ไป ขนาดดินเพื่อใช้ในการผลิตอิฐบล็อกประสานที่สร้างขึ้นนี้ เป็นการนำความรู้ ทักษะวชิ าชีพ และอืน่ ๆ ที่ได้ศึกษาตาม 3) เมื่อนำดินลูกรังใส่ลงช่องใส่ดินเรียบร้อย หลักสูตร นำมาบูรณาการเพื่อพัฒนานวัตกรรมใหด้ ีย่งิ ขนึ้ แลว้ จากน้นั กจ็ ะทำเปิดเคร่ืองคัดขนาดดนิ 4) ทำการโยกคนั โยกล้ินชกั ของชอ่ งปล่อยดิน ให้เหมาะสมกับกำลังของเครื่องคัดขนาดดนิ ซึ่งปรบั ได้ 3 ระดับ คือ ระดับท่ี 1 ขนาด 22.5 ตารางเซนติเมตร ระดับ 3

วารสารวจิ ัยเทคโนโลยีนวตั กรรม ปีท่ี 4 ฉบับท่ี 1 มกราคม-มถิ นุ ายน 2563, ศักดส์ิ ิทธิ์ ช่ืนชมนาคจาด, หน้า 1-7 ที่ 2 ขนาด 45 ตารางเซนติเมตร และระดบั ท่ี 3 ขนาด 90 3 ระดับ ในระดับที่ 1 ขนาด 22.5 ตารางเซนติเมตร ให้ ตารางเซนตเิ มตร อัตราการนำเข้าดินเฉลีย่ ที่ 996 กิโลกรัมต่อชั่วโมง ระดับ ที่ 2 ขนาด 45 ตารางเซนติเมตร ให้อัตราการนำเข้าดิน 5) เมื่อนำดนิ ลงในชอ่ งปล่อยดนิ แล้ว เคร่ืองก็ เฉลี่ยที่ 1,299.6 กิโลกรัมต่อชั่วโมง และในระดับที่ 3 จะทำการคัดขนาดดินที่มาจากเครื่องย่อยดินเครื่องคัด ขนาด 90 ตารางเซนตเิ มตร ไดอ้ ัตราการนำเขา้ ดินเฉลี่ยที่ ขนาดดินมีทางออก 2 ช่องทาง คือ ช่องท่ี 1 ช่องทางดินที่ 1,453.2 กิโลกรัมต่อชั่วโมง โดยอัตราการนำเข้าดินเฉลีย่ ใช้ผลิตอิฐบล็อกประสานไม่ได้และชอ่ งที่ 2 ช่องทางดนิ ท่ี ในระดับที่ 3 ขนาด 90 ตารางเซนติเมตร ให้ค่าสูงสุด ใช้ผลติ อิฐบล็อกประสานได้ แสดงดังตารางท่ี 1 6) ดินทผี่ ่านการคัดขนาดจากเครอื่ งคัดขนาด รปู ท่ี 2 เครอื่ งคัดขนาดกำลงั ทำการคดั ขนาดดิน ดิน ผ่านรูตะแกรงขนาด 3 มิลลิเมตร จากรูปที่ 2 จะเห็น ได้ว่า ถาดที่ 1 นั้นจะเป็นดินที่สามารถนำไปผลิตเป็นอิฐ รูปท่ี 3 ปริมาณดนิ ท่ใี ช้ผลิตอฐิ บลอ็ กประสานได้ บล็อกประสานได้ สำหรับถาดที่ 2 นั้นจะเป็นหินและมี ขนาดใหญ่กว่า 3 มิลลิเมตร ไม่สามารถนำไปผลติ เป็นอฐิ บล็อกประสานได้ ชั่งนำ้ หนักของดินทไ่ี ด้ทั้ง 2 สว่ น 3. ผลการวจิ ัย จากการออกแบบและพัฒนาเคร่ืองคัดขนาดดิน เพื่อใช้ในการผลิตอิฐบล็อกประสาน ทำการทดสอบ สมรรถนะของเครื่องคัดขนาดดิน โดยการนำดินลูกรังที่ ผ่านเครื่องย่อยดินมาทำการทดลอง 2 ขั้นตอน คือ การศึกษาอัตราการนำเข้าดินลกู รังเข้าสู่กระบวนการการ คัดขนาดดินและการศึกษาปริมาณดินที่ผ่านการคัดขนาด ดว้ ยเครอื่ งคัดขนาดดิน ใชอ้ ตั ราความเร็วรอบท่ี 204 รอบ ต่อนาที ผ่านรูตะแกรงขนาด 3 มิลลิเมตร ให้ผลการ ทดลองดังนี้ 3.1 การศึกษาอัตราการนำดินลูกรังเข้าสู่ กระบวนการการคัดขนาดดิน การศึกษาอัตราการนำดนิ ลูกรังเข้าสู่กระบวนการคัดขนาดดินด้วยเครื่องขนาดดิน เพ่อื ใช้ในการผลิตอิฐบลอ็ กประสาน พบวา่ อัตราการนำดิน ลูกรงั เขา้ สู่กระบวนการคัดขนาดดิน โดยผา่ นช่องปล่อยดนิ 4

วารสารวิจยั เทคโนโลยนี วัตกรรม ปีท่ี 4 ฉบับที่ 1 มกราคม-มถิ นุ ายน 2563, ศกั ดสิ์ ิทธ์ิ ชืน่ ชมนาคจาด, หน้า 1-7 ตารางที่ 1 อัตราการนำดินลูกรังเขา้ สูก่ ระบวนการคัดขนาดดิน ครงั้ ท่ี ขนาดชอ่ งปลอ่ ยดนิ (ตารางเซนตเิ มตร) 22.5 45 90 1 966 1,188 1,488 2 1,032 1,356 1,428 3 990 1,362 1,476 4 954 1,338 1,476 5 1,038 1,254 1,398 ค่าเฉลย่ี 996 1,299.6 1,453.2 (กิโลกรมั ตอ่ ชัว่ โมง) ตารางที่ 2 ปริมาณดินลกู รงั ที่ผ่านการคดั ขนาดดิน ในอัตราส่วนดินท่ีใชใ้ นการผลิตอิฐบล็อกประสานไดต้ ่อดินท่ีใช้ในการผลิต อฐิ บลอ็ กประสานไมไ่ ด้ ขนาดชอ่ งปลอ่ ยดิน (ตารางเซนตเิ มตร) ครง้ั ท่ี 22.5 45 90 ใช้ได้ ใช้ไม่ได้ ใช้ได้ ใช้ไมไ่ ด้ ใช้ได้ ใช้ไมไ่ ด้ 1 792 174 1,032 156 984 504 2 858 174 1,164 192 1,026 402 3 846 144 1,158 204 1,086 390 4 816 138 1,152 186 1,050 426 5 870 168 1,068 186 996 402 ค่าเฉลี่ย 836.4 140.4 1,114.8 184.8 1,028.4 424.8 (กิโลกรมั ตอ่ ชว่ั โมง) ตารางที่ 3 ร้อยละดินลกู รังทีผ่ ่านการคัดขนาดในอัตราส่วนดินที่ใช้ในการผลิตอิฐบล็อกประสานได้ต่อดินทีใ่ ช้ในการผลิตอฐิ บล็อกประสานไม่ได้ ขนาดช่องปลอ่ ยดิน (ตารางเซนตเิ มตร) คร้ังที่ 22.5 45 90 ใช้ได้ ใชไ้ ม่ได้ ใชไ้ ด้ ใชไ้ ม่ได้ ใช้ได้ ใชไ้ ม่ได้ 1 81 19 87 13 71 29 2 83 17 86 14 71 29 3 85 15 85 15 74 26 4 85 15 86 14 72 28 5 84 16 85 15 72 28 ค่าเฉล่ีย (%) 84 16 86 14 72 28 5

วารสารวิจัยเทคโนโลยนี วัตกรรม ปีท่ี 4 ฉบับที่ 1 มกราคม-มถิ นุ ายน 2563, ศกั ดสิ์ ิทธ์ิ ชน่ื ชมนาคจาด, หนา้ 1-7 3.2 การศึกษาปริมาณดินลูกรังที่ผ่านการคัด 4. สรปุ และอภปิ รายผลการวิจยั ขนาด การศึกษาปริมาณดินลูกรังท่ีผ่านการคัดขนาดโดย อตั ราการนำดินลูกรงั เข้าสกู่ ระบวนการคัดขนาด ผ่านช่องปล่อยดินเพือ่ หาอัตราส่วนดินที่ใช้ในการผลิตอฐิ บล็อกประสานได้ต่อดินที่ใช้ในการผลิตอิฐบลอ็ กประสาน ดินผ่านช่องปลอ่ ยดนิ 3 ระดับมีผลตอ่ การคัดแยกดินลูกรัง ไมไ่ ด้ แสดงดงั ตารางที่ 2 พบวา่ ปรมิ าณดนิ ลูกรงั ทผ่ี ่านการ ทใ่ี ช้ผลติ อิฐบล็อกประสาน โดยขนาดของช่องปล่อยดินใน คดั ขนาดโดยดนิ ผ่านชอ่ งปลอ่ ยดิน 3 ระดับ คือ ในระดับท่ี ระดับที่ 3 ขนาด 90 ตารางเซนติเมตร ให้ค่าอัตราการ 1 ขนาด 22.5 ตารางเซนติเมตร ได้ดินที่ใช้ในการผลิตอิฐ นำเข้าดินเฉลี่ยสูงสุดที่ 1,453.2 กิโลกรัมต่อชั่วโมง บล็อกประสานได้ เฉลี่ยที่ 836.4 กิโลกรัม ต่อดินที่ใช้ใน เนื่องจากมีช่องนำเข้าดินที่มีขนาดกว้างกว่าจึงสามารถ การผลิตอิฐบล็อกประสานไม่ได้ เฉลี่ยที่ 140.4 กิโลกรัม นำเขา้ ดินได้มากกว่าช่องนำเข้าดินทม่ี ีขนาดเล็ก แต่พบว่า ในระดบั ที่ 2 ขนาด 45 ตารางเซนตเิ มตร ไดด้ นิ ท่ใี ชใ้ นการ มกี ารมชี อ่ งนำเขา้ ดนิ ขนาดใหญ่ใหป้ ริมาณดินที่ไม่สามารถ ผลิตอิฐบล็อกประสานได้ เฉลยี่ ท่ี 1,114.8 กิโลกรัม ต่อได้ ผลิตอฐิ ประสานได้ในรอ้ ยละทส่ี งู กว่าขนาดของช่องปล่อย ดินที่ใช้ในการผลิตอฐิ บล็อกประสานไมไ่ ด้ เฉลี่ยที่ 184.8 ดนิ ขนาดเล็กคือ ในระดับที่ 2 ขนาด 45 ตารางเซนติเมตร กิโลกรมั และในระดบั ที่ 3 ขนาด 90 ตารางเซนติเมตร ได้ ท่ใี ห้ปรมิ าณดนิ ท่ใี ช้ผลิตอฐิ บล็อกประสานได้สูงท่ีสดุ เฉลี่ย ดินที่ใช้ในการผลิตอิฐบล็อกประสานได้ เฉลี่ยที่ 1,028.4 ที่ 1,114.8 กิโลกรัมต่อชั่วโมง เนื่องจากตะแกรงร่อนไม่ กิโลกรัม ต่อดินที่ใช้ในการผลิตอิฐบล็อกประสานไม่ได้ สามารถร่อนดินที่มีปริมาณมากได้ทัน ดังนั้นอาจแก้ไข เฉลี่ยที่ 424.8 กิโลกรัม จากตารางที่ 3 การทดลองหา ปัญหาที่เกิดขึ้นนี้โดยการปรับความลาดเอียงของช่อง ปรมิ าณดินลูกรงั ที่ผ่านการคัดขนาดในอตั ราสว่ นดนิ ท่ีใช้ใน ปล่อยดิน การปรับความเร็วรอบให้เหมาะสม และอาจ การผลิตอิฐบล็อกประสานได้ต่อดินที่ใช้ในการผลิตอิฐ สร้างตะแกรงร่อนดินเพิ่มอีก 1 ชั้นให้มีรูตะแกรงขนาด บล็อกประสานไมไ่ ด้ท่ีคิดเปน็ ร้อยละ พบว่าดินที่ผ่านช่อง ใหญ่ข้ึน ปล่อยดิน 3 ระดับ คือ ในระดับที่ 1 ขนาด 22.5 ตาราง เซนติเมตร ได้ดินที่ใช้ในการผลิตอิฐบล็อกประสานได้ สรปุ เฉลย่ี ท่ีร้อยละ 84 ตอ่ ดนิ ทใี่ ช้ในการผลิตอิฐบล็อกประสาน อัตราการนำเข้าของดินลูกรังที่มีผลต่อการคัด ไม่ได้ เฉลี่ยที่ร้อยละ 16 ในระดับที่ 2 ขนาด 45 ตาราง ขนาดดินลูกรังที่ใช้ในการผลิตอิฐบล็อกประสานจากชอ่ ง เซนติเมตร ได้ดินที่ใช้ในการผลิตอิฐบล็อกประสานได้ ปล่อยดินระดับที่ 2 ขนาด 45 ตารางเซนติเมตร ให้อัตรา เฉลี่ยที่ร้อยละ 86 ต่อได้ดินที่ใช้ในการผลิตอิฐบล็อก การนำเข้าของดนิ ลกู รังเฉลย่ี ที่ 1,299.6 กโิ ลกรมั ต่อชั่วโมง ประสานไมไ่ ด้ เฉลี่ยที่ร้อยละ 14 และในระดับท่ี 3 ขนาด มีอัตราส่วนดินลูกรังที่ใช้ในการผลิตอิฐบล็อกประสานได้ 90 ตารางเซนติเมตร ได้ดินที่ใช้ในการผลิตอิฐบล็อก ตอ่ ได้ดินลูกรังทีใ่ ช้ในการผลติ อิฐบล็อกประสานไมไ่ ด้ เฉลย่ี ประสานได้เฉลี่ยร้อยละ 72 ต่อดินที่ใช้ในการผลิตอิฐ ที่ 1,114.8 : 184.8 กิโลกรัม คิดเป็นร้อยละ 86 : 14 ซ่ึง บล็อกประสานไม่ได้เฉลี่ยร้อยละ 28 แสดงดังรูปที่ 3 เป็นอัตราการนำเข้าที่ดีและให้อัตราส่วนดินที่ใช้ผลิตอิฐ ปริมาณดินที่ใช้ผลิตอิฐบล็อกประสานได้ พบว่าที่ระดับท่ี บลอ็ กประสานได้สงู ทส่ี ุดเมือ่ เปรยี บเทียบกบั ช่องปล่อยดิน 1 มีปรมิ าณดินทใี่ ช้ผลติ อฐิ บล็อกประสานได้ตำ่ ที่สดุ เฉลี่ย ระดับที่ 1 และระดบั ที่ 3 ที่ 836.4 กิโลกรัมต่อชั่วโมง ระดับที่ 2 มีปริมาณดินที่ใช้ ผลติ อฐิ บลอ็ กประสานไดส้ ูงทส่ี ดุ เฉลีย่ ท่ี 1,114.8 กโิ ลกรมั ต่อชั่วโมง และระดับที่ 3 มีปริมาณดินที่ใช้ผลิตอิฐบล็อก ประสานได้ระดับปานกลาง เฉลี่ยที่ 1,028.4 กิโลกรัมต่อ ช่วั โมง 6

วารสารวจิ ยั เทคโนโลยีนวัตกรรม ปีที่ 4 ฉบับที่ 1 มกราคม-มถิ ุนายน 2563, ศกั ดสิ์ ทิ ธิ์ ชื่นชมนาคจาด, หนา้ 1-7 กิตติกรรมประกาศ ระดับกลุ่มเกษตรกร, วารสารวิจัย มข., 2541: ขอขอบคุณคณะวิศวกรรมศาสตร์มหาวิทยาลยั 19-30. [9] เชาวลิต สกัด และสุพจน์ พะสุ, เครื่องร่อนมูล เทคโนโลยีราชมงคลล้านนา พิษณุโลก ที่ให้การสนับสนนุ ไส้เดือนดิน, ปริญญานิพนธ์วิศวกรรมศาสตร์ ดา้ นงบประมาณ เครื่องมอื และอุปกรณใ์ นการทำวิจัย บัณฑิต มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ล้านนา ภาคพายพั เชยี งใหม่, 2554: 551 หนา้ . เอกสารอ้างอิง [10] ผดุงศักดิ์ วานิชชัง, ใจทิพย์ วานิชชัง และเพียง [1] จิรศักดิ์ เพ็ชรวิภาค, ตำนานบล็อกดินซีเมนต์ ขวัญ วานิชชัง, การคัดเลือกเมล็ดพันธุ์ข้าว, และบล็อกประสาน วว. ตอนที่ 2, กรุงเทพ- วารสารวิชาการและวิจัย มทร.พระนคร ฉบับ มหานคร: สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และ พิเศษ, 2556: 167-173. เทคโนโลยีแหง่ ประเทศไทย, 2556: 57-60. [11] ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สุเนตร สืบค้า และ [2] บรรเลง ศรนิล และประเสริฐ ก๊วยสมบูรณ์, ประพัฒน์ ทองจันทร์, การออกแบบและพัฒนา ตารางโลหะ, กรุงเทพมหานคร: สถาบัน เครื่องนวดและคัดแยกเมล็ดพันธ์ผักชีฝรั่ง, เทคโนโลยี พระจอมเกลา้ พระนครเหนอื , 2543: รายงานการวิจัย มหาวิทยาลัยแม่โจ้, 2555: 43 392 หน้า. หนา้ . [3] พรชยั จงจิตรไพศาล, กลศาสตรก์ ารสั่นสะเทือน , กรุงเทพมหานคร: ซีเอ็ดยูเคชั่น จำกัด, 2547: 242 หนา้ . [4] พรทิพย์ เรืองธรรม, ทฤษฎีการออกแบบ (Design Theory), มหาสารคาม: อินทนิล , 2556: 104 หน้า. [5] วริทธิ์ อึ้งภากรณ์ และ ชาญ ถนัดงาน, การ ออกแบบชิ้นส่วนเครื่องจักรกล 2, กรุงเทพมหานคร: ซีเอ็ดยูเคชั่น จํากัด, 2548: 360 หน้า. [6] บุญธรรม ภัทราจารุกุล, ชิ้นส่วนเครื่องกล, กรุงเทพมหานคร: ซีเอ็ดยูเคชั่น, 2555: 344 หนา้ . [7] วิทยา พรหมพฤกษ์ และ ณัฐพงษ์ แกมทับทิม, ก า ร อ อ ก แ บ บ แ ล ะ พ ั ฒ น า เ ค ร ื ่ อ ง แ ย ก ก ลี บ กระเทียมแบบแกนนวดหมุนเหวี่ยงแกนนอน, มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล วิทยาเขต พิษณโุ ลก, 2553: 50 หนา้ . [8] วนิ ติ ชินสุวรรณ, ณรงค์ ปญั ญา และศรีสมร ทวี โชคชาญชัย, การศึกษาปัจจัยสำหรับออกแบบ เครื่องทำความสะอาดข้าวเปลือกหอมมะลิใน 7

วารสารวจิ ัยเทคโนโลยนี วตั กรรม ปีท่ี 4 ฉบับที่ 1 มกราคม-มถิ ุนายน 2563, อลงกรณ์ งานดี, หน้า 8-15 การวจิ ัยและวิเคราะห์กระบวนการผลิตชาเพ่อื หาความสูญเปลา่ ในกระบวนผลิตชาอหู่ ลง เบอร์ 12 เพือ่ ปรบั ปรุงกระบวนการผลติ กรณศี ึกษา : โรงงานแปรรปู ชาขนุ แม่วาก ศนู ยพ์ ัฒนาโครงการหลวงขุนวาง อำเภอแมว่ าง จังหวดั เชียงใหม่ อลงกรณ์ งานดี*, วธญั ญู วรรณพรหม, จตั ตุฤทธิ์ ทองปรอน และวรจกั ร เมอื งใจ 1สว่ นสนับสนุนการดำเนนิ งานมูลนิธโิ ครงการหลวง มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลล้านนา 2สาขาวศิ วกรรมไฟฟ้า คณะวศิ วกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลลา้ นนา 1,2128 ถนนห้วยแก้ว อ.เมือง จ.เชียงใหม่ 50300 ³วิทยาลยั เทคโนโลยแี ละสหวทิ ยาการ มหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลลา้ นนา 98 หมู่ 8 ตำบลปา่ ป้องอำเภอดอยสะเก็ดจังหวัดเชียงใหม่ 50220 รับบทความ 26 ตุลาคม 2561 ตอบรับบทความ 10 ธันวาคม 2561 เผยแพรอ่ อนไลน์ 15 มิถนุ ายน 2563 © 2020 Rajamangala University of Technology Lanna. All right reserved. บทคัดยอ่ มลู นิธิโครงการหลวงไดส้ ่งเสริมอาชีพเกษตรกรรมใหก้ ับชมุ ชนในพ้ืนทีส่ ูง ทำให้ชมุ ชนมีรายได้จากการปลูกชาจีนและ ความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ส่งผลให้ชุมชนมีการประกอบอาชีพปลูกชาจีนมากขึ้นเนื่องจากมกี ารบำรุงชาใ นแปลงที่ไม่ซับซ้อน ทาง มลู นิธโิ ครงการหลวงจึงเล็งเห็นการสร้างมูลค่าเพ่ิมของชาจีน โดยการสรา้ งโรงงานชาจีนขุนแม่วากเพอ่ื รองรับวัตถุดิบ ผลิต 3 ผลิตภัณฑ์ ได้แก่ ชาอู่หลง ชาเขียว ชาแดง โดยชาอู่หลงจะมีไดร้ บั ความนยิ มจากทอ้ งตลาดมากที่สุด ราคาขาย กิโลกรัม ละ 1200 บาท จากราคารบั ซื้อใบชาสดจากสมาชกิ เกษตรกร กโิ ลกรัมละ 80 บาทเน่อื งจากการผลิตชาอหู่ ลงมีขั้นตอนกระบวนการ ผลิตที่ซับซ้อนจึงต้องใชผ้ ู้มปี ระสบการณ์เฉพาะทางในการควบคมุ ดูแลอย่างใกล้ชดิ โดยผู้มีประสบการณ์เฉพาะทางกำลังอยู่ ในช่วงสูงวัย และเกษตรรุ่นใหม่ไม่นิยมปลูกชาและไม่สนใจการผลิตชาเพราะขั้นตอนการผลิตที่ซับซ้อนและใช้เวลาผลิตนาน มากกว่า 30 ชั่วโมง ซึ่งในงานวิจัยชิ้นนี้มีเป้าหมายเพื่อเก็บขั้นตอนกระบวนผลิตชาอู่หลง Work In Process เพื่อใช้เป็น ฐานขอ้ มูลและทำการวเิ คราะหห์ าความสูญเปลา่ ในกระบวนผลติ เพื่อทำการพฒั นากระบวนการผลิต ซง่ึ ในงานวิจยั ชน้ิ น้ีได้เก็บ ข้อมูลขั้นตอนกระบวนการผลิตชาอู่หลงเบอร์ 12 ให้เป็นมาตรฐานการผลิต และขยายผลสู่โรงงานชาทั้ง 4 แห่ง ของมูลนิธิ โครงการหลวง จากผลการดำเนนิ งานทมี่ า ไดท้ ำการปรับปรงุ แผนผังโรงงาน Plan Lay Out ของโรงงานชาขนุ แม่วาก จากเดิม มีระยะขนส่งภายในกระบวนผลิตชาภายในโรงงานชา 1,423เมตร ลดลงเหลือ 1366 เมตร ต่อรอบการผลิต ซึ่งสามารถลด ความเมื่อย และเวลาของการผลิตลดลง และได้ทำควบคูก่ บั การซ่อมเครื่องจักรภายในโรงงานซึง่ สามารถลดความเมื่อยลา้ ได้ ร้อยละ 11 ลดเวลาการรอคอยได้ 2 ชั่วโมง สามารถลดค่าแรงล่วงเวลาตอ่ รอบการผลติ 248 บาท คิดต่อปีคือ 248X275วัน เท่ากับ 78,100 บาท ตอ่ ปี คำสำคญั : กระบวนการผลติ ชาอ่หู ลงเบอร์ 12 โรงงานชาขนุ แมว่ าก ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงขนุ วาง E-mail: [email protected], Tel. 088-9921562 8

วารสารวิจยั เทคโนโลยนี วตั กรรม ปที ่ี 4 ฉบับท่ี 1 มกราคม-มถิ นุ ายน 2563, อลงกรณ์ งานด,ี หนา้ 8-15 Research And Analysis Of Tea Production Process To Find Wastes Oolong Tea No.12 To Improve Production Process Case Study: Factory Tea, Bankhunmaewak, Khunwang The Royal Project Development Center, Khunwang District, Chiang Mai Province Alongkorn Ngandee*, WatahnyuWannaphrom, Jutturit Thongpron, Worrajak Maungjai 1Cooperation Support Foundation Royal Project, Rajamangala University of Technology Lanna 2Department of Electrical Engineering, Faculty of Engineering, Rajamagala University of Technology Lanna 1,2128 Huaykeaw rd., Changpuak, Muang, Chiang Mai, Thailand, 50300 ³College of Integrated Science and Technology, Rajamangala University of Technology Lanna 98 Moo 8, Papong, Doisaket, Chiang Mai, 50220 Received: 26 October 2018 Accepted: 10 December 2018 Published online: 15 June 2020 © 2020 Rajamangala University of Technology Lanna. All right reserved. Abstract The Royal Project Foundation has promoted agriculture to highland communities. The community earns from growing Chinese tea and living better. As a result, the community has become more profitable in cultivating Chinese tea due to its simplified tea culture. The Royal Project Foundation seeks to increase the value of Chinese tea. The three main products are Oolong tea, Green tea, Red tea, and Oolong tea. The price is 1200 baht per kilogram. Since the production of Oolong tea is a complex process, it requires a specialized person to supervise closely. Experienced people are in the height. In the present study, the aim of this research was to collect the Oolong Tea Process Work In Process Use as a database and analyze the wastes in the production process to develop the process. In this research, the process of production of Oolong tea 12 has been collected as a standard. And spread to the 4 tea plant of the Royal Project Foundation. The results of the operation. The Plan Lay Out of the Tea Factory was renovated. The transportation time in the tea process was 1423meters, down to 1366 meters per production cycle. Which can reduce the stamina. And the time of production down. And it was done in conjunction with the repair of machinery within the factory, which can reduce fatigue by 11 percent, reducing waiting time by 2 hours, can reduce the overtime pay per production cycle is 248 Baht per year is 248X275 day is 78,100 Baht per year. Keywords: Process Tea No.12, The Royal Project Foundation 9

วารสารวจิ ัยเทคโนโลยนี วัตกรรม ปที ี่ 4 ฉบับท่ี 1 มกราคม-มถิ ุนายน 2563, อลงกรณ์ งานดี, หน้า 8-15 1. บทนำ ศักยภาพบุคลากรของมหาวิทยาลัยฯทั้งคณาจารย์ ส่วนสนับสนุนการดำเนินงานมูลนิธิโครงการ นักศึกษา และบุคลากรฝ่ายสนับสนนุ ฯวิชาการ ให้เป็นที่ ปรึกษาโครงการให้มีความเชี่ยวชาญ หลวง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา ปฏิบัติงานภายใต้ยุทธศาสตร์เชิงรุก ตามกรอบการ 2. วิธีการวจิ ยั ดำเนินงาน 3 ด้าน คืองานวิศวกรรม การศึกษา และการ 2.1 การศึกษากระบวนการผลิตท้งั กระบวนการ พัฒนาอาชีพ เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานมูลนิธิโครงการ หลวง และมาตรฐานการรับรองต่างๆ โดยนำอาจารย์ ผลิตเพื่อเป็นข้อมูลในการวิเคราะห์หาแนวทางปรับปรุง ผู้เชี่ยวชาญ นักวิจัยร่วม และนักศึกษาเพื่อดำเนินการ กระบวนผลติ ทำงานวิจัย การบริการวิชาการและการบูรณาการ การ เรยี นการสอนการตอบโจทย์การทำงานจริงในพ้ืนท่ีภายใต้ เกบ็ ใบชาสด แนวคิดที่ทุกคนในชุมชนมลู นิธิโครงหลวงได้มีส่วนร่วมใน การคดิ ศึกษา วเิ คราะห์ และแก้ปญั หา รวมถงึ ติดตามงาน ผง่ึ ใบชากลางแจง้ 2 ชวั่ โมง อย่างต่อเนื่อง โดยมูลนิธิโครงการหลวงดำเนินงานวิจัย และพัฒนาด้านการเกษตร สังคม และสิ่งแวดล้อมรวมถงึ ผง่ึ ใบชาในทห่ี อ้ งควบคมุ อุณหภูมิ 18-22 การตลาด มุ่งเน้นให้เกิดความสมดุลใน 3 มิติ คือ องศาเซยี ลเซยี ส เป็นเวลา 6 ชวั่ โมง เศรษฐกจิ สงั คม สงิ่ แวดลอ้ ม มุง่ พฒั นาชมุ ชนให้เกิดความ พลกิ ใบชาทุก ๆ 2 ชวั่ โมง ยั่งยืนในระยะยาว แต่ยังมีปัจจัยภายนอกที่ส่งผลกระทบ ต่อการพัฒนา คือ 1) ปัญหาที่เกิดขึ้น ที่แปลงปลูกต้นชา เขยา่ ใบชา 18 นาที และหมกั ชา ขาดแคลนเกษตรกรรุ่นใหม่ในพื้นที่เนื่องจากเยาวชนใน ในหอ้ งควบอากาศต่อ อกี 3 ชวั่ โมง พื้นที่ไม่สนใจการปลูกชา และการล้มต้นชาในไร่เพื่อปลกู พืชไม้ผลที่มีมูลค่าที่สงู กว่าการเก็บยอดใบชา 2) ปัญหาท่ี ควั่ ใบชาทอ่ี ณุ หภมู ิ 300 องศาเซยี ลเซยี ส 7 เกิดขึ้นภายในโรงงานชาจากกระบวนการผลิต พบว่า เป็นเวลา 7 นาที กระบวนการผลิตชาในแต่ละแห่งไม่เหมอื นกัน เนื่องจาก ใบชาแต่ละแห่งมีความที่แตกต่างกัน จึงต้องอาศัยความ ใชเ้ ครอ่ื งนวดใบชาเป็นเวลา 1 นาที ชำนาญและประสบการณ์ของพนักงาน ในการตัดสินใจ ปล่อยผ่านตามมาตรฐาน จึงยากต่อการควบคุมคุณภาพ ใชเ้ ครอ่ื งสางใบชา 2 นาที ของชาใหม้ ีความคงที่ได้ยาก 3) ปญั หาเกิดจากเคร่ืองจักร พบว่าเค ร ื่อง จักร เป็นเค ร ื่อง จักร ที่ใช้ง านแล้ วมาจาก ใชเ้ ครอ่ื งอดั เมด็ ชา 6 นาที ประเทศไต้หวัน จึงทำให้ไม่ทราบอายกุ ารใช้งานทีผ่ ่านมา เม่ือเคร่ืองจักรชำรุดหรือช้ินส่วนเสียหายต้องทำการส่ังซื้อ ใชเ้ คร่อื งขน้ึ รปู 2 นาที มาจากต่างประเทศ ทำให้เครื่องจักรหยดุ ทำงาน เกิดการ เสยี โอกาสทางการตลาด ดังนั้น ทางคณะทำงานส่วนสนับสนุนการ ดำเนินงานมูลนิธิโครงการหลวง จึงได้มี แผนการ ดำเนินงานโดยมีกรอบแนวคิดในการวางแผนการ ดำเนินงานในระยะยาวเพ่ือแก้ไขปญั หาดังกล่าว อีกทั้งยัง เป็นการวางแผนการเพิ่มมูลค่าของผลผลิต และพัฒนา 10

วารสารวิจัยเทคโนโลยนี วตั กรรม ปที ี่ 4 ฉบบั ท่ี 1 มกราคม-มถิ นุ ายน 2563, อลงกรณ์ งานด,ี หนา้ 8-15 ใชเ้ คร่อื งอบชา 30 นาที หลังการแก้ไขให้กับหัวหน้างานชาและพนักงานภายใน โรงงาน การวนรอบกระบวนผลติ จานวน 50 รอบ จาก เครอ่ื งสาง เครอ่ื งขน้ึ รปู เคร่อื งอดั เมด็ ชาอ่หู ลง รปู ท่ี 1 การเกบ็ ขอ้ มูลกระบวนการผลติ ชาอ่หู ลง รปู ท่ี 2 แสดงแผนผงั กระบวนการผลิตก่อนการปรับปรงุ รูปที่ 3 แสดงแผนผังหลังการปรบั ปรงุ กระบวนการผลติ 2.2 การเกบ็ ขอ้ มลู แผนผงั กระบวนกระบวนการ ผลิตก่อนและหลังการปรับปรุงเพื่อวิเคราะห์หาความสญุ เปล่าของกระบวนการผลิตชาอู่หลง โดยวิเคราะห์ระยะ ทางการขนสง่ และเคล่ือนท่ีภายในกระบวนการผลิต 2.3 การใช้ Flow Process Chat เป็นเคร่อื งมอื ในการวิเคราะห์หาความสูญเปล่าที่เกิดขึ้นในกระบวนการ ผลิตโดยจะเปรียบเทียบก่อนและหลังเพื่อวิเคราะห์หา ระยะทางขนส่งและเคล่ือนท่ีภายในกระบวนการผลิต 2.4 การส่งเสริมระบบการซ่อมบำรุงเคร่ืองจักร ภายในโรงงานเพื่อลดความสูญเปล่าในการรอคอย ลด ค่าแรงในการผลติ และเพม่ิ ประสิทธิภาพในการผลติ โดยได้ พบปัญหาของเครื่องอบชาไม่สามารถควบคุมพัดลมอัด อากาศได้ จุดชำรุดที่ชุดความควบคุมกระแสลม ที่นำพา ความร้อนจากเบิร์นเนอร์ เข้าสู่เครื่องอบชา ไม่สามารถ ปรับความเร็วของกระแสลมได้ ทำให้เกิดปัญหาของการ ควบคุมคุณภาพในกระบวนการของการอบชา อีกทั้งยัง เกิดความเสี่ยงในกระบวนการผลิตชาและเกิดความสูญ เปล่าในกระบวนการผลิต ในส่วนของ การรอคอย ความ เมื่อยล้า และยังเสียค่าล่วงเวลาที่เกิดขึ้นในกระบวนการ อบชา ซึ่งหากสั่งซื้อใหม่จากต่างประเทศ ราคา ตัวละ 32,400 บาท ทางคณะทำงานจึงทำการดัดแปลง ชุด ลกู ปืน ท้ัง 3 ตลบั ทีเ่ กดิ จากการแตกชำรุดท่ีแกนบังคับทำ ให้คดงอและสปรงิ ชดุ บงั คับแตกหัก จงึ ไดท้ ำการแก้ไขโดย การปรับเปลี่ยนและปรบั แต่งชุดลูกปืน ภายในตัวควบคมุ ลมทั้งระบบควบคุม รวมถึงการสาธิตการใช้งานที่ถูกต้อง 11

วารสารวจิ ัยเทคโนโลยีนวตั กรรม ปที ี่ 4 ฉบับที่ 1 มกราคม-มถิ ุนายน 2563, อลงกรณ์ งานด,ี หน้า 8-15 รปู ท่ี 4 แสดงการใช้สัญลักษณ์ของ แทนกระบวนการผลิตท่เี กิดขึน้ 12

วารสารวิจัยเทคโนโลยีนวตั กรรม ปที ่ี 4 ฉบับที่ 1 มกราคม-มถิ ุนายน 2563, อลงกรณ์ งานดี, หนา้ 8-15 รูปท่ี 6 การแสดงการซอ่ มบำรงุ เครอื่ งอบชา รปู ท่ี 5 แสดงตวั อย่าง การใช้สญั ลักษณ์ ในเคร่ืองมอื รปู ท่ี 7 รปู แสดงการเปลี่ยนแปลงชนิ้ สว่ นอะไหล่ ของชุดควบคมุ ลม 13

วารสารวจิ ยั เทคโนโลยีนวัตกรรม ปีที่ 4 ฉบบั ที่ 1 มกราคม-มถิ นุ ายน 2563, อลงกรณ์ งานด,ี หนา้ 8-15 3500 1,423 เมตร เป็น1,366 เมตร ลดลงได้ 57 เมตร ซึงเป็น 3000 การลดความเมื่อยล้าของพนักงาน และได้พื้นที่ใช้สอย 2500 ภายในโรงงานเพิ่มคือ หอ้ งเกบ็ ใบชาแห้ง และห้องแต่งตัว 2000 พนกั งานแบบมาตรฐาน 1500 1000 3.3 ผลจากการส่งเสริมระบบ การบำรุงรักษา 500 เครื่องอบชาและสาธิตการใช้งานที่ถกู ต้องให้กับพนักงาน ผลิตชาภายโรงงาน ทำให้สามารถลดการรอคอย ลงได้ 2 0 ชั่วโมง ลดความเมื่อยล้า ลงได้ ร้อยละ 11 สามารถลด คา่ แรงจากกการทำงานล่วงเวลาลงได้ 248 บาท รอบการ กอ่ น หลงั ก่อน2 ผลิต คิดอัตราการผลิตต่อปี คือ 9 เดือนคือ 248 X 275 วนั เท่ากบั ลดลงได้ 78,100 ต่อปี รูปที่ 8 แสดงการเปรียบเทียบกระบวนการผลิต รูปที่ 9 แสดงกราฟค่าใช้จ่ายต่อรอบการผลิต (ไม่รวม กอ่ นและหลงั การปรับปรงุ วตั ถดุ ิบ) รปู ที่ 9 แสดงกราฟค่าใช้จ่ายตอ่ รอบการผลติ 4. สรปุ และอภิปรายผลการวิจัย (ไม่รวมวัตถดุ ิบ) ในการการวิเคราะห์การปรับปรุงกระบวนการ 3. ผลการวิจยั ผลิตต้องทำการปรับปรุงควบคู่แบบประสานความ 3.1 จากการเก็บข้อมูลกระบวนการผลิต ผลท่ี สอดคล้องของกระบวนการผลิต พนกั งานผลิต เครื่องจักร และวัตถุดิบ ซึ่งทุกคนมีส่วนร่วมในทุกด้าน จะให้ทำเกิด ได้รับ คือ ฐานข้อมูลองค์ความรู้กระบวนการผลิต เพ่ือ ปรับปรุงกระการผลติ ทีม่ ปี ระสทิ ธิภาพและลดต้นทุนลงได้ นำไปถ่ายทอดองค์ความรู้แบบบรูณาการ และใช้เป็น เพื่อใช้พัฒนาต่อไปในอนาคต และยังสามารถเป็นโรงงาน ฐานข้อมูลในการทำคู่มือกระบวนการผลิตชาอู่หลงแบบ ตน้ แบบเพอ่ื ขยายผลสโู่ รงงานอื่นๆ ภายในมูลนธิ ิโครงการ มาตรฐาน กิตตกิ รรมประกาศ 3.2 ผลจากการปรับปรุงแผนผังกระบวนการ ขอขอบคุณส่วนสนับสนุนการดำเนินงานมูลนิธิ โรงงานชา คือได้พื้นที่การทำงานเพิ่มข้ึนจากเดิม 279 ตารางเมตร เป็น 334 ตารางเมตร พ้นื ท่ที ำงานเพิ่มข้นึ 55 โครงการหลวง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา ตารางเมตร มีระยะทางขนส่งและเคล่ือนที่ลดลง จากเดิม ที่สนบั สนนุ งบประมาณในการดำเนินงาน ขอขอบคุณศูนย์ พัฒนาโครงการหลวงขุนวางที่เอื้อเฟ้ือวัตถุดิบ ในการวิจัย ขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ และผู้เกี่ยวข้องทุกท่านที่ให้ความ อนุเคราะห์สถานที่และข้อมูลที่ใช้ในการดำเนินงานวิจัย รวมถึงการประสานร่วมกันทำให้งานวิจัยในครั้งนี้บรรลุ ตามเปา้ หมายและวตั ถุประสงค์ 14

วารสารวิจัยเทคโนโลยีนวัตกรรม ปที ่ี 4 ฉบบั ท่ี 1 มกราคม-มถิ ุนายน 2563, อลงกรณ์ งานดี, หนา้ 8-15 เอกสารอ้างอิง [1] ธนกฤษ ซุ่นเซ่ง.(2557).การลดของเสียใน กระบวนการฉีดพลาสติก กรณีศึกษา: ของเสีย ประเภทจุดดํา.วิทยานิพนธ์วิศวกรรมศาสตร มหาบัณฑติ . สาขาวชิ าการจัดการทางวิศวกรรม มหาวทิ ยาลยั ธรุ กิจบัญฑิตย.์ [2] ศุภพัฒน์ ปิงตา.(2557). การนำเครื่องมือ คุณภาพ ทั้ง 7 (7 QC Tools) มาประยุกต์ใช้ใน งานอุตสาหกรรม.มหาวทิ ยาลยั ขอนแก่น เข้าถึง ไ ด ้ จ า ก : http://www.eng.mut.ac.th/ article_detail.php?id=50 สืบค้น 3 มกราคม 2560. [3] สถาบันความปลอดภัยในการทำงาน กรม สวัสดิการ และคุ้มครองแรงงาน กระทรวง แรงงาน. (2560). แนวทางการปรับปรุงสภาพ การทำงานที่ผู้ปฏิบัติงานมีอาการปวดเมื่อย กลา้ มเนือ้ เน่ืองจากการทำงาน. กรุงเทพฯ : เรยี ง สาม กราฟฟิค ดไี ซน.์ [4] สํานักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม. (2559). สรุป ส ภ า ว ะ เ ศ ร ษ ฐ ก ิ จ อ ุต ส า ห ก ร ร ม ปี 2559. กรุงเทพมหานคร. [5] สุทริยา กาญจนสุข. (2553). การลดของเสียที่ เกิดจากสีไม่ตรงตามมาตรฐานในกระบวนการ พิมพ์บรรจุภัณฑ์. การศึกษาอิสระวิศวกรรม ศาสตรมหาบณั ทิต. สาขาวิชาวศิ วกรรมคุณภาพ มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกลา้ ธนบรุ ี 15

วารสารวจิ ยั เทคโนโลยนี วัตกรรม ปที ่ี 4 ฉบบั ท่ี 1 มกราคม-มถิ นุ ายน 2563, ศกั ดสิ์ ิทธิ์ ชื่นชมนาคจาด, หน้า 16-20 การออกแบบและพฒั นาเคร่อื งสกรูลำเลยี งดนิ ในกระบวนการผลิตอฐิ บลอ็ กประสาน สมชาย โพธพ์ิ ยอม1 , พนิ จิ บุญเอยี่ ม2, นติ ิกร หลชี ัย3, วรศิ จติ ต์ธรรม4, ประเทียบ พรมสีนอง5 และ ศกั ดสิ์ ิทธิ์ ชื่นชมนาคจาด6* สาขาวชิ าวศิ วกรรมอตุ สาหการ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลล้านนา พษิ ณุโลก 65000 รับบทความ 26 ตลุ าคม 2561 ตอบรับบทความ 10 ธันวาคม 2561 เผยแพรอ่ อนไลน์ 15 มิถนุ ายน 2563 © 2020 Rajamangala University of Technology Lanna. All right reserved. บทคดั ยอ่ งานวิจัยนมี้ ีวตั ถุประสงคเ์ พอื่ ออกแบบและพัฒนาเครือ่ งสกรลู ำเลียงดินในกระบวนการผลติ อิฐบล็อกประสาน เครื่อง สกรูลำเลียงดินที่ใช้ในกระบวนการผลิตอิฐบล็อกประสานออกแบบตามมาตรฐาน CEMA โดยใช้ใบสกรูแบบสกรูใบเต็ม ระยะพติ ช์ (Pitch) มาตรฐานที่มคี วามกว้าง 200 มิลลเิ มตร ขนาดของเครื่องมคี วามกวา้ ง 1,020 มลิ ลิเมตร ความยาว 3,900 มิลลเิ มตร ความสงู 2,700 มิลลเิ มตร และใชม้ อเตอร์ 2 แรงม้า 3 เฟส 380 โวลต์ เปน็ ต้นกำลงั โดยส่งกำลงั จากมอเตอรไ์ ปสู่ใบ สกรูลำเลยี งดิน ผลการทดลองหาประสิทธิภาพของเคร่อื งสกรลู ำเลียงดินแดงและดินลูกรัง โดยใชค้ วามเร็วรอบ 40 รอบ/นาที และปรับระดบั องศาได้ 3 ระดับ คอื 30, 34 และ 38 องศา พบวา่ ทรี่ ะดบั 34 องศา มีประสิทธภิ าพในการลำเลียงดินแดงและ ดนิ ลกู รงั ท่ดี ที ี่สุด มคี ่าเฉล่ยี ในการลำเลยี งดนิ แดง 49.16 กิโลกรมั /นาที และดินลูกรัง 50.42 กโิ ลกรมั /นาที คำสำคญั : เครอ่ื งสกรูลำเลียง, อิฐบลอ็ กประสาน E-mail: [email protected],Tel.091-8387299 16

วารสารวิจยั เทคโนโลยนี วตั กรรม ปีที่ 4 ฉบบั ที่ 1 มกราคม-มถิ ุนายน 2563, ศักดสิ์ ทิ ธ์ิ ชน่ื ชมนาคจาด, หน้า 16-20 Design and Development of Transport Screw Machine for Brick Block Manufacturing Somchai Peopayom1, Phinich Boonaiem 2, Nitikorn Leechai 3, Varis Jittham4, Prataeb Promsinong5 and Saksit Chuenchomnakjad6* Program of Industrial Engineering, Rajamangala University of Technology Lanna Phitsanulok 65000 Received: 26 October 2018 Accepted: 10 December 2018 Published online: 15 June 2020 © 2020 Rajamangala University of Technology Lanna. All right reserved. Abstract This research aimed to design and develop the transport screw machine for brick block manufacturing. It was designed following CEMA standard to use a single flight standard pitch, width of 200 mm. The size of machine was 1,020 mm in width, 3,900 mm in length and 2,700 mm in height with 2 horsepower motor, 3 phases, 380 volts to drive the motor to transport soil screw thread. The result of performance testing of transport screw machine using Din-daeng and lateritic soil with 40 round/min speed and 3 level adjustable degrees of 30, 34 and 38 degrees. It was found that, the level of 34 degree was the best performance for Din-daeng and lateritic soil. The average of Din-daeng transport was 49.16 kg/min and lateritic soil was 50.42 kg/min. Keywords: Transport Screw Machine, Brick Block 17

วารสารวิจัยเทคโนโลยนี วัตกรรม ปีที่ 4 ฉบับท่ี 1 มกราคม-มถิ นุ ายน 2563, ศักด์สิ ทิ ธ์ิ ชืน่ ชมนาคจาด, หน้า 16-20 1. บทนำ มาตรฐาน CEMA [6-8] โดยใช้ใบสกรูแบบสกรูใบเต็ม ประเทศไทยเป็นประเทศกำลังพัฒนาที่มีการ ระยะพติ ช์มาตรฐานทมี่ คี วามกว้าง 200 มลิ ลิเมตร มขี นาด ของโครงสร้างกว้าง x ยาว x สูง เป็น 1,020 x 3,900 x ก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานเป็นจำนวนมาก ทำให้ต้องใช้ 2,700 มิลลิเมตร และใช้มอเตอร์ 2 แรงม้า 3 เฟส 380 วัสดุต่างๆ ในการก่อสร้างเช่น เหล็ก หิน ปูน ทราย และ โวลต์ เป็นต้นกำลัง โดยส่งกำลังจากมอเตอร์ไปสู่ใบสกรู อิฐ ฯลฯ โดยเฉพาะอิฐที่มีหลากหลายประเภทที่มีความ ลำเลียงดินที่มีขนาดของชุดใส่ดิน 700 x 760 x 235 เหมาะสมกับอากาศและสภาพแวดล้อมในการใช้งาน มิลลิเมตร ต่างกนั เช่น อิฐมอญ อฐิ บลอ็ กหรือคอนกรีตบล็อก อิฐมวล เบาหรือคอนกรีตมวลเบา นอกจากนี้สถาบันวิจัย 2.2 ศึกษาประสทิ ธภิ าพของเครื่องสกรูลำเลียงดิน วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแหง่ ประเทศไทย (วว.) [1] ยงั โดยใช้อตั ราความเร็วรอบของมอเตอร์ 40 รอบ/นาที และ ได้มีการวิจัย ปรับปรุง และพัฒนาอิฐบล็อกประสานที่มี เครื่องสกรูลำเลียงดินสามารถปรับระดับความเอียงได้ 3 ความแข็งแรง ทนทาน ง่ายต่อนำไปใช้งาน การผลิตอิฐ ระดับคือ 30, 34 และ 38 องศา ซึ่งเป็นระดับองศาที่อยู่ บล็อกประสานจงึ เป็นอีกอาชีพหน่ึงท่ีสามารถสร้างรายได้ ในช่วงที่ใกล้เคียงกับที่งานวิจัยต่างๆ เลือกใช้ [2] โดยนำ ให้สำหรับผู้ท่ีสนใจ เพราะขั้นตอนการผลิตนั้นไม่ซับซ้อน ดินแดงที่มีดินลูกรังผสม น้ำหนักประมาณ 100 กิโลกรัม มาก แตป่ จั จุบนั เทคโนโลยใี นการผลติ อิฐบล็อกประสานยัง ใส่ในถงั ฮอ็ ปเปอร์ หลังจากน้นั ดินจะถกู ลำเลยี งผ่านใบสกรู ไมไ่ ด้รับการพฒั นาเทา่ ทค่ี วร โดยเฉพาะเครือ่ งจักรท่ีใช้ใน ลำเลียง ในเวลา 1 นาที ชั่งน้ำหนักดินแดงและดินลูกรังที่ การผลติ ยังไมท่ นั สมยั จึงจำเปน็ ตอ้ งใช้แรงงานคนเป็นหลัก ผ่านการลำเลียง ทำการทดลองจำนวน 5 ครัง้ ทำให้มีต้นทุนจากแรงงานเพิ่มขึ้นและยังใช้เวลาในการ ผลิตต่อก้อนสูง นอกจากนี้จากงานวิจัยท่ีผ่านมาพบว่าใน รูปที่ 1 ส่วนประกอบต่าง ๆ ของเครื่องย่อยดิน 1) ฐาน อุตสาหกรรมการผลิตอิฐบล็อกนิยมใช้สายพานในการ เครอ่ื ง 2) รางสกรูลำเลียง 3) สกรูลำเลยี ง 4) ถงั ฮ็อปเปอร์ ลำเลียงคอนกรีต แต่พบปัญหาการสึกของลูกปืนลูกกล้ิง 5) ฝาปิดรางสกรูลำเลียง 6) ล้อ 7) ฐานมอเตอร์ 8) ขา เร็วและปัญหาคอนกรีตติดสายพาน [2] จากเหตุผล ปรบั ระดบั 9) มือหมนุ ปรับระดบั 10) แขนรับน้ำหนัก 11) ดังกลา่ วผู้วจิ ยั จึงได้สนใจพฒั นาเครอ่ื งสกรลู ำเลียงดนิ เพ่ือ แผ่นเพลท 12) บรูส ลดต้นทุนทเ่ี กิดจากแรงงานคนในการขนดนิ เข้าเคร่ืองย่อย ดินและช่วยลดระยะเวลาในการผลิต โดยในการผลิตอิฐ บล็อกประสานที่พัฒนาขึ้นจะมีกระบวนการผลิตที่ครบ วงจรเริ่มตั้งแต่ เครื่องสกรูลำเลียงดิน เครื่องย่อยดิน เคร่อื งคดั ขนาดดิน เครื่องผสมดนิ เคร่อื งสายพานลำเลียง และเครื่องอัดอิฐบลอ็ กประสาน ตามลำดบั 2. วิธีการวิจัย การวิจัยน้ผี วู้ จิ ัยไดอ้ อกแบบและพัฒนาเครื่องสกรู ลำเลียงดินเพื่อผลิตอิฐบล็อกประสาน โดยได้ศึกษา ประสทิ ธภิ าพการลำเลยี งดิน ซงึ่ มรี ายละเอยี ดดงั นี้ 2.1 ออกแบบและจัดทำโครงสร้างเครื่องสกรู ลำเลียงดินที่มีความเหมาะสมต่อการลำเลียงดินใน กระบวนการผลิตอิฐบล็อกประสานที่ออกแบบตาม 18

วารสารวิจยั เทคโนโลยีนวัตกรรม ปีท่ี 4 ฉบับท่ี 1 มกราคม-มถิ ุนายน 2563, ศักด์ิสทิ ธิ์ ชื่นชมนาคจาด, หนา้ 16-20 3. ผลการวิจัย 4. สรุปและอภิปรายผลการวิจยั การศึกษาประสิทธภิ าพของเคร่ืองสกรูลำเลียงดนิ จากการทดลองสรุปว่า อัตราการลำเลียงดินแดง โดยพิจารณาจากน้ำหนักเทียบกับเวลาของดินแดงที่ใช้ และดินลูกรัง โดยใช้อัตราความเร็วรอบ 40 รอบ/นาที ผลิตอิฐบลอ็ กประสานได้กับดินลูกรัง ซึ่งน้ำหนักเฉลี่ยของ และปรับระดับองศา 3 ระดับ คือ 30, 34 และ 38 องศา ดินทั้ง 2 ชนิดแสดงดังตารางที่ 1 พบว่าที่ระดับ 30 องศา ผ่านใบสกรูลำเลียงดิน เพื่อเปรียบเทียบประสิทธิภาพใน สามารถแยกดินแดงได้ 50.02 กิโลกรมั /นาที และดนิ ลกู รงั การลำเลียงดินแต่ละระดับองศา พบว่าที่ระดับ 34 องศา 50.08 กิโลกรมั /นาที ที่ระดับ 34 องศา ไดด้ ินแดง 49.16 มปี ระสทิ ธภิ าพในการลำเลยี งดินแดงและดนิ ลกู รังท่ีดีท่ีสุด กโิ ลกรมั /นาที และดินลกู รงั ได้ 50.42 กิโลกรมั /นาที และ ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ดินแดง 49.16 กิโลกรัม/นาที และดินลูกรงั ที่ระดับ 38 องศา ไดค้ ่าเฉลีย่ ดินแดงได้ท่ี 48.73 กิโลกรัม/ 50.42 กิโลกรัม/นาที นอกจากนี้ยังมีระดับความสูงท่ี นาที และดินลูกรัง 49.04 กโิ ลกรัม/นาที ดงั นน้ั ปริมาณดิน เหมาะสมกับความสูงของเครื่องย่อยดิน อีกทั้งยังมีอัตรา แดงและดินลูกรังที่แยกได้ที่ระดับองศาต่างๆ มีความ ความเรว็ ในการลำเลียงดินแดงและดนิ ลูกรังทสี่ งู ซึ่งมีความ แตกต่างกันเล็กน้อย คือ ในระดับ 30 และ 34 องศาให้ เหมาะสมกับลักษณะในการใช้งานลำเลียงดินไปสู่เครื่อง อัตราการลำเลยี งดินได้ดีกว่าระดับ 38 องศาเล็กน้อย แต่ ย่อยดินไดด้ ที ส่ี ดุ ทรี่ ะดับ 30 มีระดบั ความสงู ท่ีต่ำกว่าเคร่ืองย่อยดิน ดังน้ัน ทำให้ระดับ 34 องศามีประสิทธิภาพการลำเลียงดินเพ่ือ กิตตกิ รรมประกาศ นำเข้าเครื่องย่อยดินที่เหมาะสมกว่าระดับอื่นๆ ลักษณะ ขอขอบคุณคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัย ของดินลูกรังและดินแดงที่ได้จากการลำเลียง แสดงดังรูป ท่ี 2 เทคโนโลยีราชมงคลล้านนา พิษณุโลก ที่ให้การสนบั สนุน ดา้ นงบประมาณ เครอ่ื งมอื และอปุ กรณ์ในการทำวิจัย รปู ที่ 2 ดนิ ลูกรังและดินแดงทไี่ ด้จากการลำเลยี ง เอกสารอา้ งอิง [1] จิรศักดิ์ เพ็ชรวิภาค. ตำนานบล็อกดินซีเมนต์ และบล็อกประสาน วว. ตอนที่ 2. สถาบันวิจัย วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย. กรุงเทพฯ; 2556. 57-60. [2] วสันต์ ศรเี มอื ง. การพัฒนาเครอ่ื งจักรสาํ หรบั ผล ตคอนกรีตบล็อกในโรงงานอุตสาหกรรม. การ ประชุมวิชาการทางวิศวกรรมศาสตร์ ครั้งที่ 5. มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์. สงขลา; 2550. 48-53. [3] อนุชา หิรัญวัฒน์, อัศวิน ยอดรักษ์. การ วิเคราะห์หาอัตราการขนถ่ายในแนวราบของ อ ุ ป ก ร ณ ์ ป ้ อ น จ ่ า ย ว ั ส ด ุ แ บ บ ใ บ ส ก รู . วารสารวิชาการเทคโนโลยีอุตสาหกรรม 2549; 2(1): 1-8. 19

วารสารวจิ ยั เทคโนโลยีนวตั กรรม ปที ี่ 4 ฉบบั ท่ี 1 มกราคม-มถิ นุ ายน 2563, ศกั ด์ิสิทธ์ิ ชื่นชมนาคจาด, หนา้ 16-20 [4] พรชัย จงจิตรไพศาล. สกรูขนถ่ายวัสดุ, สมาคม สง่ เสริมเทคโนโลยี ไทย-ญป่ี นุ่ . กรุงเทพฯ. 2548. 236 หน้า. [5] มาโนช วิทนั โย, สทุ ศั น์ ยอดเพชร, การณั ย์ หอม ชาต.ิ การพัฒนาเครอื่ งลำเลียงเมล็ดข้าวเปลือก. วารสารวิจัย มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ธญั บรุ ี 2549; 10(1): 73-80. [6] พันคำ ศรีอุทัย, พรชัย จงจิตรไพศาล, ณรงค์ โมกขวิสุทธ์ิ, ยรรยง ศรีสม, ศภุ ชยั ตระกลู ทรัพย์ ทวี. ขนถ่ายวสั ดุ ชุดท่ี 2. กรุงเทพฯ: เอ็มแอนดอ์ ี บจ; 2552. 308 หนา้ . [7] ชัยวัฒน์ พรหมเพชร. เครอ่ื งอบผลปาลม์ แบบสก รู. วิทยานิพนธ์ วิศวกรรมศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิศวกรรมเครื่องกล บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลยั สงขลานครินทร์; 2556. 182 หนา้ . 20

วารสารวิจยั เทคโนโลยนี วตั กรรม ปที ี่ 4 ฉบับท่ี 1 มกราคม-มถิ นุ ายน 2563, ปยิ ะนุช รสเครือ, หนา้ 21-28 ผลของนำ้ ตาล กลีเซอรอล และอณุ หภูมกิ ารทำแหง้ ต่อคณุ ภาพของมลั เบอรี่อบแหง้ ปิยะนุช รสเครอื 1* สภุ ทั รา แทง่ ทอง1 และ กรรณกิ าร์ อินตะ๊ 1 1 มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลล้านนา นา่ น 59 ต.ฝายแกว้ อ.ภเู พียง จ. น่าน 55000 รบั บทความ 27 ตุลาคม 2561 ตอบรับบทความ 10 ธันวาคม 2561 เผยแพร่ออนไลน์ 15 มิถุนายน 2563 © 2020 Rajamangala University of Technology Lanna. All right reserved. บทคดั ยอ่ งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค เพื่อศึกษาสูตรที่เหมาะสมของมัลเบอรี่อบแห้ง โดยใช้การทดลองแบบผสม (Mixture design) กำหนดปัจจัยที่ทำการศึกษาแบบไม่กำหนดช่วง ศึกษา 3 ปัจจัย คือ ปริมาณน้ำตาล (ร้อยละ 0-100) ปริมาณกลีเซ อรอล (ร้อยละ 0-100) และอุณหภูมิการอบแห้ง (60-70 oC) ได้จำนวน 10 สิ่งทดลอง นำผลมัลเบอรีอ่ บแห้งศึกษาคุณภาพ ด้านสี ปรมิ าณความช้นื ค่าวอเตอรเ์ อกตีวีตี้ (aw) ความชืน้ และการยอมรบั ทางประสาทสมั ผัส วเิ คราะหผลคุณภาพหาสูตรท่ี เหมาะสมโดยวธิ ีการวิเคราะหพ้นื ผวิ ตอบสนอง จากการศกึ ษา พบว่า สตู รท่เี หมาะสมของผลติ ภณั ฑม์ ลั เบอร่ีอบแห้งสตู รทไี่ ด้รับ การยอมรบั ความชอบจากผู้บรโิ ภค คอื สูตร 4 มีสดั สว่ นของปริมาณนำ้ ตาล ร้อยละ 15 ปรมิ าณกลเี ซอรอลรอ้ ยละ 2.5 อบแหง้ ที่อุณหภูมิ 60oC โดยมีค่าวอเตอร์แอกตีวีตี้ 0.52 และผู้ทดสอบชิมมีความชอบต่อผลิตภัณฑ์มัลเบอรี่อบแห้ง โดยสูตรท่ี เหมาะสมจากงานวจิ ัยในครง้ั น้ีจะนำไปเป็นแนวทางในการพัฒนาผลติ ภัณฑผ์ ลไม้ไทยชนดิ อน่ื ๆ ตอ่ ไป คำสำคัญ: มัลเบอร่ีอบแห้ง, คา่ วอเตอร์เอกตีวตี ้ี, อณุ หภูมิการทำแหง้ , การวิเคราะหพืน้ ผวิ ตอบสนอง E-mail: [email protected], Tel. 082-1658-141 21

วารสารวิจยั เทคโนโลยนี วตั กรรม ปีท่ี 4 ฉบับที่ 1 มกราคม-มถิ ุนายน 2563, ปิยะนุช รสเครือ, หน้า 21-28 Effects of Sugar and Glycerol Content and Temperature Drying On Quality of Dried Mulberry Piyanuch Roskhrua1* Supattra Tangtong1 and Kannika Inta1* 1 Rajamangala University of Technology Lanna, Nan, 59 Fai Kaeo Subdistrict, Pupheang District, Nan 55000 Received: 27 October 2018 Accepted: 10 December 2018 Published online: 15 June 2020 © 2020 Rajamangala University of Technology Lanna. All right reserved. Abstract The objective of this study was to investigate the optimal formulation of dried mulberry product by using mixture design. Three factors were determined by simplex centroid design; 0-30% sugar, 0-5% glycerol and temperature drying at 60-70oC. Then data was analyzed by using response surface methodology. From contour plot, the results showed that three components significantly affected (p≤0.05) the water activity (aw) content, texture profile and sensory score of overall liking. The optimal formulation was composed of 15% sugar, 2.5% glycerol and temperature drying at 65oC. The water activity and sensory score of overall liking were 0.52 and 6.0 (like slightly). Keywords: Dried Mulberry, Water Activity Content, Drying Temperature, Mixture Response Surface 22

วารสารวิจยั เทคโนโลยีนวัตกรรม ปที ่ี 4 ฉบับที่ 1 มกราคม-มถิ นุ ายน 2563, ปิยะนชุ รสเครือ, หน้า 21-28 1. บทนำ ได้ทำให้สามารถมีผลผลิตมัลเบอรี่มาอบแห้งได้ทั้งปี โดย มัลเบอร่ี (Mulberry) เป็นผลไมท้ ี่มปี รมิ าณแอนโท ลักษณะผลิตภัณฑ์ที่ได้ไม่แตกต่างจากหม่อนผลสด แต่ เนื่องจากกระบวนการอบแห้งเป็นการลดปริมาณน้ำออก ไซยานินอยู่สงู อีกชนิดหนงึ่ โดยท่ีศูนยห์ มอ่ นไหมเฉลิมพระ จากช้ินอาหาร ถ้าอบแหง้ นานมาก หรอื ดงึ เอาน้ำออกมาก เกียติฯ น่าน กรมหม่อน ได้นำมาส่งเสริมให้เกษตรกรใน ทำให้มัลเบอรี่อบแห้งแห้งมากเกินไปเนื้อสัมผัสจะแข็ง โครงการพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยาม แห้ง รสชาตไิ มด่ ี แต่ถา้ หากอบแห้งนอ้ ย หรอื ดงึ เอาน้ำออก บรมราชกุมารี ในพื้นที่จังหวัดน่านเพราะปลูก ตั้งแต่ปี น ้ อ ย ท ำ ใ ห ้ ม ั ล เ บ อ ร ี ่ อ บ แ ห ้ ง ม ี ค ว า ม ช ื ้ น ม า ก โ อ ก า ส ที่ 2551 เป็นต้นมา ปัจจุบันในปี 2561 มีพื้นที่ปลูกมัลเบอรี่ ผลิตภณั ฑจ์ ะเกิดเชือ้ รามีอยู่สูง ส่งผลให้อายุการเก็บส้นั ในจังหวัดนา่ น ทั้งหมด 450 ไร่ ผลผลติ ปี 2560 ในฤดกู าล (ช่วงเดือน มกราคม – เมษายน) ประมาณ 300 ตัน คิด งานวิจัยนี้จึงสนใจพัฒนาผลิตภัณฑ์ มัลเบอร่ี เปน็ เงิน 15 ลา้ นบาท และนอกฤดกู าล (ช่วงเดือน ตลุ าคม อบแห้ง โดยใช้ผลมัลเบอรี่ทั้งผล ศึกษาปริมาณน้ำตาล – ธันวาคม) ประมาณ 180 ตัน คิดเป็นเงิน 9 ล้านบาท (0-30%) และปริมาณกลีเซลรอล (0-5%) ที่อุณหภูมิ โดยเฉพาะในพื้นที่สถานีพัฒนาการเกษตรที่สูงตาม อบแห้ง (60-70 oC) ที่มีผลต่อคุณภาพคุณภาพทาง พระราชดำรภิ ูพยัคฆ์ อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดน่าน กายภาพ ทางเคมีกายภาพและทางประสาทสัมผัส ซึ่งเป็นแหล่งใหญ่ในการให้ผลผลิตหม่อนผลสด เมื่อปี ของมัลเบอร่ีอบแห้ง เพ่ือใหไ้ ดผ้ ลิตภัณฑ์มัลเบอร่ีอบแห้งท่ี 2561 มีผลผลิตมากถึง 120 ตัน คิดเป็นร้อยละ 40 ของ มีคุณภาพและผู้บริโภคยอมรบั และเป็นทางเลือกหนึ่งของ ผลผลิตทั้งจังหวัด นอกจากนี้ในพื้นที่อำเภอท่าวังผา มี การแปรรูปผลมัลเบอร่ีต่อไป กล่มุ เกษตรกรที่เขา้ รว่ มโครงการพระราชดำรฯิ หลายกลุ่ม ที่เป็นรายย่อย ซึ่งคาดว่าผลผลิตจะเพิ่มขึ้นทุกปี แต่กลับ 2. วธิ ีการวจิ ัย พบปัญหาคณุ ภาพของมัลเบอร่สี ดทต่ี ้องส่งเขา้ โรงงานผลิต 2.1 ศึกษาผลของน้ำตาล กลีเซอรอล และ น้ำมัลเบอรี่เน่าเสียเร็วเนื่องจากใช้เวลาขนส่งนาน คมนาคมลำบากไม่สามารถขนส่งได้ทันก่อนการเน่าเสีย อุณหภูมิการทำแห้งต่อคุณภาพผลิตภัณฑ์มัลเบอร่ี และการจำหน่ายบริโภคเป็นผลสดก็ไม่ทันตอ่ การเน่าเสีย อบแห้ง เชน่ กนั เนอ่ื งจากผลผลิตมีปริมาณมาก ทางกลมุ่ เกษตรกร ได้เก็บผลผลิตในลักษณะแช่เยือกแข็งโดยเช่าพื้นที่ของ ผลมัลเบอรี่สดจากสถานีพัฒนาการเกษตรที่สูง ห้องแช่เยือกแข็งเอกชน แต่เนื่องจากปริมาณผลผลิตมาก ตามพระราชดำริ ภูพยัคฆ์ จังหวัดน่าน วางแผนการ พื้นที่ห้องแช่เยือกแข็งไม่เพียงพอ ดังนั้นเพื่อช่วยลดการ ทดลองแบบผสม (Mixture Design) กำหนดปัจจัยท่ี เน่าเสีย เพิ่มมูลค่าของวัตถุดิบ และรองรับผลผลิตท่ีจะ ทำการศึกษาแบบไม่กำหนดช่วง (Simplex Centroid เพิ่มขึ้นในปีต่อๆ ไป ทางนักวิจัยได้ทดลองทำการศึกษา Design) แบบ 3 ปจั จัย ไดส้ ง่ิ ทดลอง 10 สิง่ ทดลอง ปัจจยั เบื้องต้นร่วมกับผู้ประกอบการ บริษัทภูดอยอินดัสเตรียล ที่ทำการศึกษาประกอบด้วย ปริมาณน้ำตาล (ร้อยละ 0- จำกัด ในการอบแห้งมัลเบอรี่ พบว่า มัลเบอรผ่ี ลสด 4 กก. 30) ปริมาณกลีเซอรอล (ร้อยละ 0-5) และอุณหภูมิ ได้มัลเบอรี่แห้ง 1 กก. คิดเป็นต้นทุนการผลิตมัลเบอรี่ อบแห้ง (60-70oC) นำมลั เบอร่ีสดมาล้างนำ้ ใหส้ ะอาด พกั อบแห้ง กก. ละ 200 บาท (รวมคา่ น้ำ ไฟฟา้ และแรงงาน) ให้สะเด็ดน้ำ ก่อนคลุกน้ำตาลทรายและกลีเซอรอล นาน สามารถจำหน่ายออกสูต่ ลาดภายในและภายนอกประเทศ 12 ชั่วโมง เก็บไว้ที่อุณหภูมิ 5 oC จากนั้นนำผลมัลเบอร่ี กก.ละ 350 บาท โดยเฉพาะผู้ประกอบการจากประเทศ ไปอบด้วยตู้อบลมรอ้ น ที่อุณหภูมิ 60-70oC นานจนเหลือ จีนได้ทดสอบชิมสินคา้ แล้วสนใจจะสัง่ นำเข้าประเทศ ซึ่ง ค่า aw ประมาณ 0.6 เก็บรักษาในถุงฟอยด์ปิดสนิท วัตถุดบิ ท่ีนำมาอบแห้งสามารถใชผ้ ลมัลเบอรี่แช่เยือกแข็ง ตรวจสอบคุณภาพ - ค่าสี ด้วยเครื่อง colorimeter (Konica –10 Minolta CR Color Reader) คาที่วัดไดแกคาสี L* (ค่า 23

วารสารวจิ ัยเทคโนโลยีนวัตกรรม ปีที่ 4 ฉบบั ท่ี 1 มกราคม-มถิ ุนายน 2563, ปิยะนุช รสเครอื , หน้า 21-28 ความสว าง มีค า 0 - 100), a* (+ หมายถึง สีแดง, - 3. ผลการวจิ ยั หมายถึง สีเขียว), b* (+หมายถึง สีเหลือง, - หมายถึง สี ตารางที่ 1 แสดงค่าสีของมัลเบอรี่อบแห้ง พบว่า น้ำเงิน) ค่าสี L*, a*, b* ของทุกสูตรมีความแตกต่างกันทางสถิติ - ค่าวอเตอร์เอกตีวีตี้ (water activity, aw) (รุ่น อย่างมีนยั สำคัญ (p≤0.05) ค่าความสว่าง (L*) ของมัลเบอ 4TE, Aqua Lab, USA) รีอ่ บแห้ง อยใู่ นช่วง 18.00-22.95 โดยท่สี ตู รที่ 4 มีค่ามาก ทีส่ ดุ (สัดส่วนของน้ำตาลทรายรอ้ ยละ 15 และกลีเซอรอล - วิเคราะห์ปริมาณความชื้น ตามวิธีของ AOAC ร้อยละ 2.5 ของมัลเบอรสี่ ด อบแหง้ ที่อณุ หภมู ิ 60oC) ค่า (2012) a* มคี ่าเปน็ + ซ่งึ หมายถึงมคี วามเป็นสแี ดง โดยท่สี ตู รที่ 4 มีค่ามากทีส่ ดุ ส่วนคา่ b* มีค่าเป็น – ซึ่งหมายถึงมีความ - การยอมรับทางประสาทสัมผัส ด้วยการให้ เป็นสีน้ำเงิน โดยสูตรที่ 1 มีค่ามากที่สุด (สัดส่วนของ คะแนนความชอบตามวิธี Hedonic ชนิด 9 สเกล ที่มี น้ำตาลทรายร้อยละ 30 และไม่ใส่กลีเซอรอล อบแห้งที่ ระดับคะแนนตั้งแต่ 1 ถึง 9 โดย 1 หมายถึง ไมชอบมาก อุณหภูมิ 60oC) ทีส่ ุด และ 9 หมายถึงชอบมากท่ีสดุ ในคณุ ลกั ษณะ สี กลนิ่ รสชาติ เนื้อสัมผัส ลักษณะปรากฏ และความชอบ ปริมาณความชื้นของผลิตภัณฑ์มัลเบอรี่อบแห้ง โดยรวม จำนวนผู้ทดสอบชิม 50 คน อยู่ในช่วงร้อยละ 14.04-19.41 โดยน้ำหนักเปียก ส่วน ค่าวอเตอร์แอกตีวีตี้ของผลิตภัณฑ์มัลเบอรี่อบแห้งอยู่ 2.2 การคัดเลือกสูตรที่เหมาะสมของมัลเบอร่ี ในช่วง 0.42-0.58 ซึ่งค่าปริมาณความชื้นและค่าวอเตอร์ อบแห้ง แอกตีวตี ม้ี คี วามสมั พันธก์ ับปริมาณนำ้ ตาลและกลีเซอรอล ที่ใช้ในแต่ละสูตร โดยพบว่า สูตรที่ 6 มีค่าวอเตอร์แอกตี ค่าคุณภาพที่ได้จากข้อ 4.1 นำมาวิเคราะห์ความ วีตี้สูงที่สุด แต่ไม่แตกต่างทางสถิติ (p>0.05) กับสูตรที่ 7 แปรปรวนทางสถิติของตัวแปร (Analysis of variance; และ 10 ตามลำดับ นอกจากนี้พบว่าสูตรที่ 3 ไม่ผสม ANOVA) ทำการวิเคราะหความแตกตางของคาเฉลีย่ ดวย น้ำตาลและกลีเซอรอล อบแห้งที่อุณหภูมิ 70oC มีค่าวอ วิธี Dunca’s new multiple rang test (DMRT) ทรี่ ะดบั เตอรแ์ อกตวี ตี ี้ตำ่ ทสี่ ุด ความเชื่อมั่น α = 0.05 ดวยโปรแกรมสําเร็จรูป SPSS และสรางแบบจาํ ลองทางคณิตศาสตรโดยใชสมการเชงิ เส ตารางที่ 2 พบว่า คะแนนความชอบเฉลี่ยด้านสี น (linear model) ดวยโปรแกรมสําเร็จรปู ทางสถติ ิ คือ กลิ่น เนื้อสัมผัส รสชาติ ลักษณะปรากฏ และความชอบ โดยรวมของสูตรที่ 4 มีคะแนนความชอบมากที่สดุ สัดสว่ น Yi = β1x1 + β2x2 + β3x3 ของน้ำตาลทรายร้อยละ 15 และกลีเซอรอลร้อยละ 2.5 ของมลั เบอรสี่ ด อบแหง้ ที่อุณหภมู ิ 60oC รองลงมาสูตรที่ ทั้งนี้กําหนดให Yi คือ คุณภาพ และ Xi คือ 6 ไม่ผสมน้ำตาลทราย แต่ผสมกลีเซอรอลร้อยละ 2.5 ปรมิ าณรอยละของส่วนผสม ไดแก X1 คอื ปริมาณนำ้ ตาล ของมัลเบอรี่สด อบแห้งที่อุณหภูมิ 65oC โดยคะแนน X2 คือ ปริมาณกลีเซอรอล X3 คือ อุณหภูมิการทำแห้ง ความชอบด้านสี กลนิ่ เนื้อสมั ผัส รสชาติ ลกั ษณะปรากฏ จากนน้ั คดั เลอื กสตู รที่เหมาะสมโดยสรางกราฟ กราฟคอน และความชอบโดยรวมของสูตรที่ 4 และ 6 ไม่มีความ ทัวร์ (contour plot) ของค่าวอเตอร์เอกตีวีตี้ (aw) แตกตา่ งกนั ทางสถติ อิ ย่างมนี ยั สำคัญ (p>0.05) ปริมาณความชื้น และค่าความชอบทางประสาทสัมผัส โดยเลือกพืน้ ท่ีที่มีคะแนนความชอบแตละคุณลักษณะท่มี ี ขอมลู ท่ไี ดจากการทดสอบคุณภาพดา้ นค่าวอเตอร์ คะแนนความชอบมากกว า 6 และนำกราฟคอนทัวร์ แอกตีวีตี้และความชอบทางประสาทสัมผัสของมัลเบอร่ี (contour plot) มาซ้อนทับกันเพื่อหาจุดที่เหมาะสมของ อบแห้ง 10 สูตร มีความแตกตางกันอยางมนี ัยสําคญั ทาง ปริมาณน้ำตาล ปริมาณกลีเซอรอล และอุณหภูมิอบแห้ง สถติ ิ (p≤0.05) แสดงวามคี วามสัมพันธ์กนั ระหวางปจจัยที่ เพ่อื คดั เลอื กสูตรทีเ่ หมาะสมที่สุดของผลิตภัณฑ์ 24

วารสารวิจัยเทคโนโลยีนวัตกรรม ปที ่ี 4 ฉบบั ท่ี 1 มกราคม-มถิ นุ ายน 2563, ปิยะนุช รสเครือ, หนา้ 21-28 ศึกษากบั คาคณุ ภาพ เมอื่ นํามาวิเคราะห์ผลทางสถติ โิ ดยวิธี ทําการศกึ ษา คอื ปรมิ าณนำ้ ตาล (X1) ปริมาณกลีเซอรอล RSM สรางแบบจําลองทางคณติ ศาสตร์โดยใชส้ มการเชิงเส (X2) และอณุ หภูมิการทำแหง้ (X3) ผลดังตารางที่ 3 น (linear model) เพื่ออธิบายความสัมพันธ์ระหวางค่า วอเตอร์แอกตีวีตี้และทางประสาทสัมผัสกับป จจัยท่ี ตารางที่ 1 คา่ สี ปริมาณความชน้ื และค่าวอเตอร์แอกตีวีตี้ของมัลเบอรี่อบแหง้ ส่ิง ปรมิ าณ ปริมาณ อุณหภมู ิ L* ค่าสี b* ปรมิ าณความชน้ื คา่ วอเตอร์แอก ทดลอง นำ้ ตาล กลีเซอ อบแห้ง a* (% wet basis) ตีวตี ี้ (X1) รอล (X3) (aw) (X2) 1 1.0 0 0 18.10e ±0.22 +2.95cd±0.22 -18.15a ±0.35 16.39e ±0.24 0.50de±0.03 2 0 1.0 0 22.35ab±0.49 +3.15c ±0.04 -12.60de±0.40 17.12d ±0.39 0.46ef±0.02 3 0 0 1.0 21.15bcd±0.13 +3.35abc±0.22 -14.00c ±0.27 14.04f ±0.36 0.42f ±0.05 4 0.5 0.5 0 22.95a ±0.22 +3.90a ±0.27 -11.25f ±0.17 18.75ab±0.05 0.52bcd±0.01 5 0.5 0 0.5 21.45bcd±0.40 +3.30bc±0.18 -10.00g ±0.34 17.56cd±0.21 0.46ef±0.02 6 0 0.5 0.5 22.25abc±0.22 +3.10cd±0.32 -11.95ef±0.31 18.12bc±0.15 0.58a ±0.03 7 0.333 0.333 0.333 20.75d ±0.40 +2.85cd±0.31 -14.65c ±0.35 19.41a ±0.19 0.55ab±0.02 8 0.333 0.333 0.333 18.00e ±0.19 +3.75ab±0.04 -16.85b ±0.16 17.46cd±0.10 0.49de±0.01 9 0.333 0.333 0.333 21.00d ±0.10 +3.05cd±0.13 -13.75cd±0.15 17.49cd±0.10 0.50cde±0.01 10 0.333 0.333 0.333 21.05cd±0.34 +2.50d ±0.09 -14.50c ±0.09 19.41a ±0.21 0.55abc±0.02 ตารางท่ี 2 คณุ ภาพทางประสาทสมั ผัสของมลั เบอรีอ่ บแหง้ ปรมิ าณ ปริมาณ อณุ หภมู ิ คุณภาพทางประสาทสมั ผสั (คะแนน) น้ำตาล กลเี ซอ อบแหง้ สิ่ง (X1) รอล (X3) สี กล่นิ เนื้อสัมผัส รสชาติ ลกั ษณะ ความชอบ ทดลอง (X2) ปรากฏ โดยรวม 1 1.0 0 0 5.77bc±0.21 6.05ab±0.18 5.95b±0.12 5.82bc±0.31 5.91ab±0.11 6.00b±0.29 2 0 1.0 0 5.95bc±0.24 5.77b±0.36 4.86cd±0.24 5.09cd±0.22 5.64bc±0.16 5.68b±0.12 30 0 1.0 5.73bc±0.19 5.64b±0.24 4.45d ±0.22 4.50d ±0.18 5.23c±0.24 5.05c±0.17 4 0.5 0.5 0 6.27a ±0.27 6.27a±0.19 6.45a ±0.15 6.55a ±0.25 6.18a±0.22 6.59a±0.29 5 0.5 0 0.5 5.68c ±0.16 5.64b±0.12 4.86cd±0.15 5.41bc±0.13 5.55bc±0.10 5.64b±0.12 6 0 0.5 0.5 6.05ab±0.23 6.00ab±0.18 6.27a ±0.26 6.50a ±0.19 6.05ab±0.31 6.23ab±0.19 7 0.333 0.333 0.333 6.05ab±0.25 5.86ab±0.19 5.36bc±0.17 5.82bc±0.24 5.64bc±0.24 5.82b±0.24 8 0.333 0.333 0.333 5.91bc±0.14 5.68b±0.16 5.86b±0.27 5.59bc±0.23 5.50bc±0.14 5.82b±0.35 9 0.333 0.333 0.333 6.05ab±0.33 5.86ab±0.11 5.73bc±0.15 6.05b±0.18 5.73bc±0.27 6.00b±0.19 10 0.333 0.333 0.333 6.14ab±0.24 5.86ab±0.23 5.86b±0.16 5.86bc±0.11 5.86ab±0.21 6.05b±0.28 หมายเหตุ: ตวั อกั ษร a-c ในแนวตัง้ หมายถงึ แตกต่างกนั อย่างมนี ยั สาํ คญั ทางสถติ ิท่รี ะดับความเชื่อมนั่ ร้อยละ 95 25

วารสารวจิ ัยเทคโนโลยนี วตั กรรม ปที ี่ 4 ฉบับที่ 1 มกราคม-มถิ ุนายน 2563, ปยิ ะนชุ รสเครอื , หน้า 21-28 ตารางท่ี 3 สมการรเี กรสชนั ของค่าวอเตอรแ์ อกตีวีตี้ รสชาติ ลกั ษณะเน้อื สมั ผสั ลักษณะปรากฏ และความชอบโดยรวม ของมลั เบอร่อี บแหง้ Dependent variable ; y Predictive Model R2 0.87 ค่าวอเตอรแ์ อกตีวตี ี้ (aw) = 0.4479*X1+0.4516*X2+0.4188*z-0.2009*X1*X2+1.2103*X1* X3+0.0887* 0.91 X2*X3 0.86 0.84 รสชาติ (taste) = 6.1194*X1+4.5205*X2+4.5013*X3+0.6279*X1*X2+2.1776*X1*X3 0.83 +3.8729*X2*X3 ลกั ษณะเนื้อสมั ผัส (texture) = 6.4619*X1+4.9761*X2+4.4556*X3+0.8888*X1*X2 - 2.3699*X1*X3+0.0846*X2*X3 ลกั ษณะปรากฏ (appearance) = 6.3202*X1+5.8924*X2+5.228*X3 - 0.384*X1*X2 - 3.2771*X1*X3 - 0.7126*X2*X3 ความชอบโดยรวม (overall liking) = 6.4918*X1+5.8457*X2+5.0464*X3+1.1322*X1*X2 - 3.362*X1*X3+0.0789* X2*X3 หมายเหตุ: X1 = ปริมาณน้ำตาล X2 = ปรมิ าณกลเี ซอรอล X3= อณุ หภมู ิการทำแห้ง (a) aw (b) Odor (c) Texture (d) Taste (e) Appearance (f) Overall liking รูปที่ 1 Contour plot ของคา่ วอเตอร์แอกตีวีต้ี (a) ความชอบทางประสาทสัมผัสด้านกล่ิน (b) ลกั ษณะเนอื้ สัมผสั (c) รสชาติ (d) ลักษณะปรากฏ (e) และความชอบโดยรวม (f) ของผลติ ภณั ฑม์ ัลเบอรอี่ บแหง้ 26

วารสารวิจัยเทคโนโลยีนวตั กรรม ปที ่ี 4 ฉบบั ที่ 1 มกราคม-มถิ นุ ายน 2563, ปิยะนุช รสเครือ, หน้า 21-28 เมื่อนำสมการรีเกรสชันของค่าวอเตอร์แอกตีวีต้ี มัลเบอรี่อบแห้งสูตร 4 และ สูตร 6 มีการเติม และคะแนนการทดสอบความชอบทางประสาทสัมผัสจาก ส่วนผสมกลีเซอรอลในปรมิ าณเท่ากนั ไดผ้ ลิตภัณฑท์ มี่ ีเนื้อ ตารางที่ 3 มาสรางกราฟคอนทัวร (Contour plot) โดย สัมผัสอ่อนนุ่ม อาจเป็นเพราะกลีเซอรอลที่ผสมใน พิจารณาเฉพาะคุณลักษณะด้านสี กลิ่น รสชาติ ลักษณะ ส่วนผสมช่วยให้มัลเบอรี่อบแห้งมีเนื้อสัมผัสที่อ่อนนุ่ม ปรากฏ เน้อื สมั ผสั และความชอบโดยรวม ดงั รูปท่ี 1 (a) - รับประทานง่าย (Surbkar, 2013) เมื่อเปรียบเทียบ (f) นํากราฟ ซ้อนทบั กันเพอ่ื หาพื้นที่ในการคัดเลือกสูตรท่ี ระหว่างสูตรที่ 2, 3 และ 6 เป็นสูตรท่ีไม่เติมน้ำตาลทราย เหมาะสม ดังรูปท่ี 1 (f) และทําการเลือกพ้ืนที่ที่มีคะแนน แต่เติมกลีเซอรอล อบแห้งที่อุณหภูมิต่างกัน พบว่า ความชอบมากกวา 6.0 (ชอบเล็กน้อย) เป็นเกณฑ์ในการ อ ุ ณ ห ภ ู ม ิ ก า ร อ บ แ ห ้ ง ม ั ล เ บ อ ร ี ่ ม ี ผ ล ต ่ อ ค ว า ม ช อ บ เ น้ื อ คัดเลือกพื้นที่ ที่เหมาะสม จากรูปที่ 2 พบว่า พื้นที่ทับ สัมผัสมัลเบอรี่อบแห้ง โดยสูตรท่ี 6 ใช้อุณหภูมิอบแห้งท่ี กันเปนพื้นที่ที่มีความเหมาะสมของปรมิ าณน้ำตาล กลีเซ 65oC ผู้ทดสอบชิมให้คะแนนความชอบด้านเนื้อสัมผัส อรอล และอณุ หภมู ิ ทำแห้งผลติ ภณั ฑม์ ัลเบอรี่อบแห้ง โดย มากที่สุด ระดับ 6.27 คะแนน รองลงมาสูตรที่ 2 และ 3 มีปริมาณน้ำตาลช่วงร้อยละ 50 ของช่วงปริมาณน้ำตาล ตามลำดับ อาจเป็นเพราะการอบแห้งอุณหภูมิ 60oC ใช้ ร้อยละ 0-30 ปริมาณ กลีเซอรอลรอยละ 50 ของช่วง เวลานานทำให้นำ้ ระเหยออกจากเน้อื เยื่อผลไม้มากเกินไป ปริมาณกลีเซอรอลร้อยละ 0-5 และอุณหภูมิทำแห้ง 60 ส่วนการอบแห้งอุณหภูมิ 70oC ใช้อุณหภูมิสูงทำให้น้ำ oC บริเวณผิวของมัลเบอรีร่ ะเหยออกเร็วเกินไป ลักษณะเนอ้ื เนื้อสัมผัสจงึ แหง้ แข็ง (Taikhao and Teekasap, 2013) 4. สรปุ และอภิปรายผลการวจิ ยั ปริมาณความชื้นของผลิตภัณฑ์มัลเบอรีอบแหง้ มี สรุป สูตรที่เหมาะสมของผลิตภัณฑ์มัลเบอรี่ อบแหง้ สตู รที่ได้รับการยอมรับความชอบจากผ้บู ริโภค คือ ความสัมพันธ์กับค่าวอเตอร์แอกตีวีตี้ เนื่องจากในการ สตู ร 4 มสี ดั ส่วนของปรมิ าณน้ำตาลร้อยละ 15 ปริมาณกลี พฒั นาผลิตภัณฑม์ ลั เบอรีอบแห้งไดก้ ำหนดคา่ วอเตอร์แอก เซอรอลร้อยละ 2.5 อบแห้งท่ีอุณหภูมิ 60oC โดยมีค่าวอ ตีวีตี้ให้ต่ำกว่า 0.6 เพื่อให้ผลติ ภณั ฑ์มัลเบอรี่สามารถเก็บ เตอร์ แอกตีวีตี้ 0.52 และผู้ทดสอบชิมมีความชอบต่อ รักษาได้นาน ไม่เกิดการเสื่อมเสียจากจุลินทรีย์ประเภท ผลิตภัณฑ์มัลเบอรี่อบแห้ง โดยสูตรที่เหมาะสมจาก เช้ือราได้งา่ ย (นธิ ยิ า, 2549) และเนอ่ื งจากในแตล่ ะสูตรใช้ งานวิจัยในครั้งนี้จะนำไปเป็นแนวทางในการพัฒนา ปัจจัยปริมาณน้ำตาล และปริมาณกลีเซอรอลที่แตกต่าง ผลติ ภณั ฑผ์ ลไม้ไทย ชนิดอื่น ๆ ตอ่ ไป กันทำให้แต่ละสูตรมีปริมาณของแข็งที่ละลายได้ในน้ำ โครงสรา้ งแตกตา่ งกนั ส่งผลให้ปรมิ าณความชื้น และค่าวอ กิตติกรรมประกาศ เตอร์แอกตีวีตี้ของมัลเบอรีอบแห้งแตกต่างกัน เนื่องจาก ผู้วิจัยขอขอบคุณกระทรวงวิทยาศาสตร์และ ปริมาณน้ำตาลที่มีอยู่ในวัตถุดิบ และที่เติมลงไปใน ส่วนผสมสามารถเข้าไปแทนท่ีน้ำในผลิตภัณฑ์ทำใหน้ ้ำใน เทคโนโลยี ที่ให้การสนับสนุนทุนวิจัย และมหาวิทยาลัย ผลิตภัณฑ์ลดลงส่งผลให้ ค่าวอเตอร์แอกตีวีตี้ของ เทคโนโลยีราชมงคลล้านนา น่าน และ บริษัทภูดอย ผลิตภณั ฑ์ลดลง นอกจากนี้พบว่าสูตรทไี่ มผ่ สมนำ้ ตาลและ อินดัสเตรียล จำกัด ที่ได้เอื้อเฟื้อสถานที่และเครื่องมือใน กลีเซอรอล อบแห้งที่อุณหภูมิสูง (70oC) มีค่า วอเตอร์ การทำวิจยั ครง้ั นี้ แอกตีวีตี้ต่ำท่สี ดุ เนอ่ื งจากอบแห้งทอ่ี ณุ หภมู ิสูงทำใหน้ ้ำใน ผลิตภัณฑ์ระเหยออกอย่างรวดเร็ว (Lombard et. al, เอกสารอ้างองิ 2008) [1] ค ณิตตา พัฒนาภ า. ( 2553). การ พัฒนา กระบวนการผลิตส้มสายน้ำผึ้งแช่อิ่มอบแห้ง. 27

วารสารวจิ ัยเทคโนโลยีนวตั กรรม ปีท่ี 4 ฉบับที่ 1 มกราคม-มถิ นุ ายน 2563, ปิยะนุช รสเครือ, หนา้ 21-28 วิทยานิพนธ์ ปริญญาโท. มหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์, กรุงเทพมหานคร. [2] นันทวัน เทอดไทย. (2551). การออกแบบ กระบวนการทางอุตสาหกรรมเกษตร. มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์, กรุงเทพมหา- นคร [3] นิธิยา รัตนาปนนท์. (2549). เคมีอาหาร. กรุงเทพมหานคร : โอ.เอส.พร้ินติง้ เฮ้าส์. [4] ลดาวัลย์ ช่างชุบ และ เสาวนีย์ เลิศวรสิริกุล. (2554). การพัฒนากรรมวิธีการผลิตเปลือก มะนาวแช่อิ่มอบแห้งแบบออสโมซีส. งาน ประชุมวิชาการ มหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์ ครง้ั ที่ 49. 1-4 กมุ ภาพนั ธ์ 2555. กรุงเทพ มหา นคร. [5] วนิดา สระทองคำ และ ปราณี อ่านเปรื่อง. (2544). ปัจจัยที่มีผลต่อการทำแห้งฟักทองดว้ ย วิธีออสโมซีส. อาหาร 31(4): 279-289. [6] AOAC. (2012). Official Methods of Analysis of AOAC International. (19th ed.). Virginia: Association of Official Analytical Chemists. [7] Surbkar,R.(2013).DehydrationTechnology. The Journal of King Mongkut's University of Technology North Bangkok, 23(2), 500- 512. [8] Taikhao, A., and Teekasap, S. (2013). Natural Convection and Forced Convection Solar Dryers. EAU Heritage Journal, 7(1), 23-31. [9] Lombard, G.E., Oliveira, J.C., Fito, P. and Andres, A. (2008). Osmotic dehydration of pineapple as a pre-treatment for further drying. Journal of Food Engineering, 85: 277-284. 28

วารสารวิจัยเทคโนโลยีนวตั กรรม ปีที่ 4 ฉบับที่ 1 มกราคม-มถิ ุนายน 2563, นภาพร ดสี นาม, หน้า 29-39 การพัฒนาผลิตภัณฑ์ปลาเสน้ อบกรอบดว้ ยการเติมปลาสม้ นภาพร ดีสนาม1* และ พีระภา เครอื ลุน2 1 2 สาขาอตุ สาหกรรมเกษตร คณะวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยกี ารเกษตร มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลลา้ นนา ลำปาง 200 หมู่ 17 ตำบลพชิ ัย จงั หวัดลำปาง 52000 รับบทความ 28 ตลุ าคม 2561 ตอบรับบทความ 10 ธันวาคม 2561 เผยแพรอ่ อนไลน์ 15 มิถุนายน 2563 © 2020 Rajamangala University of Technology Lanna. All right reserved. บทคดั ยอ่ ผลิตภัณฑ์ปลาส้มเป็นอาหารพื้นบ้านของไทยมักประสบปัญหาการแข่งขันทางการตลาดสูง จึงมีแนวคิดในการพัฒนา ผลติ ภัณฑเ์ ปน็ ปลาสม้ เปน็ อาหารขบเคีย้ วท่ีไดร้ บั ความนิยมสูงในปจั จุบัน จงึ ได้ศึกษาการเติมเครอ่ื งเทศผงหมาล่าทเ่ี หมาะสมร้อยละ 0.25 0.5 0.75 และ 1 ของน้ำหนกั เนื้อปลา ศึกษาการเติมปริมาณปลาส้มท่ีเหมาะสมร้อยละ 5 และ 10 ของน้ำหนกั เนื้อปลา นำ สูตรที่เหมาะสมมาศึกษาอุณหภูมิที่ใช้ในการอบ 100 และ 120 องศาเซลเซียส ร่วมกับระยะเวลา 30 40 และ 50 นาที ตรวจ คณุ ภาพผลติ ภัณฑด์ ว้ ยการวัดค่าสี L* a* และ b* หาปรมิ าณความช้ืนหลังอบแหง้ และหลังอบใหส้ ุก หาอตั ราการพองตัว หาค่า aw และทดสอบความชอบทางประสาทสมั ผัสแบบ 9 จุด จากการศึกษาสว่ นผสมท่ีเหมาะสม พบว่า การเติมผงหมาล่าร้อยละ 1 และ ปลาส้มร้อยละ 5 มีผลต่อค่าสีแดง (a*) อัตราการพองตัวมากที่สุด (p<0.05) การอบที่อุณหภมู ิ 120 ºC และระยะเวลา 30 นาที ไดร้ บั คะแนนความชอบรวมและลำดบั ความชอบรวมมากทีส่ ดุ (p<0.05) คำสำคญั : ปลาส้ม อาหารขบเคย้ี ว ผงหมาลา่ ปลาอบกรอบ Email: [email protected], 05 4342 547-8 29

วารสารวิจัยเทคโนโลยนี วตั กรรม ปที ี่ 4 ฉบับท่ี 1 มกราคม-มถิ ุนายน 2563, นภาพร ดีสนาม, หนา้ 29-39 Development of Fish Crispy Snack Bar Product with Supplementation of Fermented Fish (Hypophthalmichthys molitric) Napaporn Deesanam1* and Peerapa Kruealun2 1 2 Department of Agro-industry Faculty of Science and Agricultural Technology, Rajamangala University of Technology Lanna, 200 Moo 17 Tumbol Phichai Muang Lampang Province 52000 Thailand Receive: 28 October 2018 Accepted: 10 December 2018 Published online: 15 June 2020 © 2020 Rajamangala University of Technology Lanna. All right reserved. Abstract Thai traditional fermented fish products were faced with a competitive market. The concept of this study was using fermented fish to develop a snack food which is increasing popularity at the present. The concentrations of Chinese spicy powder (Mala) at the concentrations of 0.25, 0.5, 0.75 and 1% based on fish weight and addition of fermented fish at the concentrations of 5 and 10 % were performed to obtain the optimum formulation. The baking processing was carried out at temperatures and times of 100 and 120oC and 30, 40 and 50 min, respectively. The product was determined for color values of L*, a* and b*, moisture contents (before and after baking), expansion ratio, Aw, and sensory evaluation by 9-point hedonic scales. The optimum formula was Mala 1%, and fermented fish 5% resulting in the highest values of redness color (a*) and expansion ratio (p<0.05). Baking temperature at 120oC for 30 min produced the product showing the highest acceptance of sensory evaluation (p<0.05). Keywords: fermented fish, snack foods, barbecue spicy Chinese style powder, fish crispy 30

วารสารวิจัยเทคโนโลยีนวตั กรรม ปีที่ 4 ฉบบั ที่ 1 มกราคม-มถิ นุ ายน 2563, นภาพร ดสี นาม, หน้า 29-39 1. บทนำ หลักได้แก่ เกลือ กระเทียม ขิง พริก และส่วนผสมอื่น เช่น ปลาสม้ เป็นผลติ ภัณฑอ์ าหารหมักพ้ืนบา้ นของไทย ข้าวค่ัว ขา้ วเหนยี วสกุ และนำ้ ตาล การหมกั ปลาส้มโดยทั่วไป มักทำใหเ้ กดิ การหมักแบบธรรมชาติโดยอาศัยจลุ ินทรียก์ ลุม่ ที่ได้รับความนิยมกนั อย่างแพร่หลาย ปลาส้มจงั หวัดพะเยา แลคติกที่ปนเปื้อนมากับวัตถุดิบและอุปกรณ์เครื่องที่ใช้ใน เป็นผลิตภัณฑ์ที่นักท่องเที่ยวมักจะซื้อกลับไปเป็นของฝาก การผลิตในสภาพที่มีอากาศเพียงเล็กน้อย สภาพการหมัก หจก.ปลาส้มแม่ทองปอนไร้กา้ งเปน็ หน่งึ ในผ้ปู ระกอบการที่มี ช่วยให้กลุ่มแบคที่เรียที่สร้างกรดเปลี่ยนสารประกอบคาร์ ชื่อเสียงมาก ปลาส้มส่วนใหญ่มีการจำหน่ายในพื้นที่หรือ โบไฮเดรทไปเป็นกรดแลคติกเป็นส่วนใหญท่ ี่ทำใหป้ ลาส้มมี จังหวัดใกล้เคียง ปัจจุบันประสบปญั หาด้านการจดั จำหนา่ ย รสเปรี้ยวและมีค่า pH ช่วง 4.5-5.0 ในช่วงระยะเวลา 5-7 โดยมีผู้ผลิตปลาส้มคู่แข่งหลายเจ้า การจำหน่ายผลิตภัณฑ์ วนั ซ่งึ กรดแลคตกิ และสารประกอบอนิ ทรยี ์ทแ่ี บคทเี รียสร้าง ปลาส้มไม่มีความหลากหลาย การจำหน่ายในสถานที่ ขึ้นจากกระบวนการหมักช่วยถนอมรักษาอาหาร และช่วย ห่างไกลในระยะเวลานานมักจะประสบปัญหาตน้ ทุนในการ พัฒนาสี กลิ่นรส และรสชาติให้ดีขึ้นเป็นที่ยอมรับต่อ ถนอมรกั ษาผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากผลติ ภัณฑ์ปลาส้มมี ผบู้ ริโภค กระบวนการหมกั ในชว่ งระยะเวลาท่ตี ่างกันมผี ลต่อ อายุการเก็บรักษาในช่วงระยะเวลาสั้น ผู้ประกอบการจึง การสร้างกรดแลคตกิ และการยอมรบั ของผูบ้ รโิ ภค ตอ้ งการพฒั นาผลิตภัณฑ์ใหมเ่ ช่น อาหารอบกรอบ เพ่ือเพิ่ม ทางเลือกให้แก่ผู้บริโภคและเพิ่มช่องทางการจำหน่าย ขนมขบเค้ียวหรอื ของขบเค้ยี ว มกั พบในวฒั นธรรม สามารถแข่งขันกับผูป้ ระกอบรายอื่นได้ ซึ่งอาหารอบกรอบ ตะวันตกและเอเชียตะวันออกเฉีบงใต้ ขนมขบเคี้ยวเป็น และอาหารขบเคี้ยว (snack food) จัดอยู่ในเทรนด์ของ อาหารว่างที่รับประทานยามว่างเพื่อระงับความหิวระหว่าง ผลติ ภัณฑอ์ าหารในปี ค.ศ. 2018 (Food story, 2018) และ มื้อ และให้พลังงานเพียงเล็กน้อย อาจรวมถึงอาหารที่ใช้ ได้รับความนิยมสูงในปัจจุบัน ดังนั้นผู้วิจัยจึงได้ศึกษาและ บริโภคระหว่างมื้อเพื่อความสนุกสนานในการลิ้มรสชาติ พัฒนาผลิตภัณฑ์ปลาเส้นอบกรอบให้เป็นที่น่าสนใจเพิ่มขึ้น ปลาเส้นเปน็ อาหารขบเค้ียวประเภทหน่งึ ท่ีให้โปรตีนสูง โดย สำหรบั ผ้บู รโิ ภคในยุคปัจจบุ นั ผลิตภัณฑ์อาหารขนมขบเคี้ยวประเภทพองกรอบจัดได้ว่ามี มากและนิยมกนั มากท่สี ุด ซง่ึ มคี วามหลากหลายรปู แบบ ทั้ง 2.วตั ถุประสงค์ แบบแผน่ แบบแท่ง รสหวาน รสเค็ม แม้กระท่ังแบบสอดไส้ เพื่อศึกษาสูตรส่วนผสมและกระบวนการผลิตของ (จิตรลัดดา, 2560) ในปี 2560 อาหารขบเคี้ยวประเภทปลา เส้นมีมูลค่าทางการตลาดมากถึง 2,500 ล้านบาท (กันยา ผลิตภัณฑ์ปลาเส้นกรอบที่เหมาะสมต่อคุณภาพทางเคมี รกั ษ์, 2561 ) กายภาพ ทางประสาทสมั ผัส และการยอมรับของผู้บริโภคที่ มตี อ่ ผลติ ภณั ฑ์ การจำหน่ายปลาส้มของผู้ประกอบการในแต่ละ ครั้งอาจจำหน่ายไม่หมดหากเกิดการหมักนานจะมีผลต่อ 3. แนวคดิ ทฤษฎีทเี่ กยี่ วข้อง คณุ ภาพผลิตภณั ฑ์ไม่เปน็ ที่ยอมรบั ตอ่ ผู้บริโภค เชน่ มีกล่นิ รส ปลาส้มเป็นอาหารหมักพืน้ บ้านท่ีได้รับความนิยม เปรีย้ วมากเกนิ ไป มีการแยกน้ำออกมาก เน้อื ไม่แน่น ซึ่งมผี ล ทำให้ยอดจำหนา่ ยลดลง รวมถึงปญั หาการมคี ่แู ข่งมากข้ึนใน สูงจากผู้บริโภคทั่วทุกภาค ปลาส้มนิยมทำจากปลาน้ำจืดท่ี ท้องตลาด ผูป้ ระกอบการไดจ้ ำหน่ายผลิตภัณฑป์ ลาส้มเพียง หาได้ง่ายตามท้องถิ่นนั้นๆ เชน่ ปลาย่ีสก ปลาตะเพียน ปลา ชนิดเดียวไม่มีความหลากหลาย ดังนั้นผู้วิจัยจึงมีแนวคิดใน นวลจนั ทร์ ปลานลิ ปลาช่อน ปลาจีน เป็นต้น สว่ นปลาทะเล การพัฒนาผลิตภัณฑ์ปลาเส้นอบกรอบให้มีรสชาติถูกใจ ไม่นิยมนำมาทำปลาส้มเนื่องจากมีกลิ่นคาว การทำปลาสม้ ผู้บริโภคในปัจจุบันโดยศึกษาการเติมผงหมาล่าที่เหมาะสม โดยการนำปลาสดทง้ั ตัวหรือเฉพาะเน้ือปลามาหมกั ส่วนผสม 31

วารสารวจิ ยั เทคโนโลยีนวตั กรรม ปีที่ 4 ฉบับท่ี 1 มกราคม-มถิ ุนายน 2563, นภาพร ดีสนาม, หนา้ 29-39 และศึกษาการเติมปลาส้มที่เหมาะสมเพื่อคงความเป็น และอบต่ออีก 30 นาที เอกลกั ษณข์ องผลิตภัณฑป์ ลาส้มเดิมและเป็นการนำเศษของ เน้ือปลาสม้ ท่อี าจเหลือจากกระบวนการผลิตมาใช้ประโยชน์ นำออกมาพักไวใ้ หเ้ ยน็ และตัดเป็นเส้น ได้อีกทาง โดยพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหเ้ ปน็ ที่ยอมรับต่อผ้บู ริโภค ขนาด 0.5-1 เซนติเมตร เพอื่ เปน็ การเพม่ิ ทางเลือกให้แกผ่ ู้บริโภคและพัฒนาธุรกิจให้ ขยายตลาดไดม้ ากขนึ้ นำไปอบให้สุกด้วยไมโครเวฟที่อุณหภมู ิ 360 W นาน 5±1 นาที 4.วิธีการวิจยั ท่มี า: (สุธี, 2547) 1. เตรียมวัตถุดิบและส่วนผสมดังนี้ เนื้อปลาจีน 2. ศึกษาการเติมผงหมาล่าที่เหมาะสมใน (ปลาสม้ ไรก้ ้างแม่ทองปอน จ.พะเยา) แป้งมัน น้ำตาล ผลิตภัณฑป์ ลาเสน้ อบกรอบ โดยการผลิตปลาเส้นดังแผนภูมิ ทราย ซีอ๊ิวขาว เกลอื พรกิ ไทย รอ้ ยละ 80 11.8 4.6 1.8 1.1 วิธีการทำปลาเส้น และเติมผงหมาล่าร้อยละ 0 0.25 0.5 และ 0.7 ตามลำดบั (สุธี, 2547) โดยมกี ระบวนการผลิตดงั นี้ 0.75 และ 1 ตามลำดับ ในขั้นตอนการเติมส่วนผสม เครื่องปรุง ทำ 3 ซ้ำการทดลองและวิเคราะห์คุณภาพ แผนภมู กิ ารทำปลาเส้นอบกรอบ ผลิตภณั ฑด์ งั นี้ แช่เนอื้ ปลาจีนในน้ำเกลอื รอ้ ยละ 4 นาน 30 นาที 2.1 วัดค่าสี L* a* b* โดย L* หมายถึง ค่าความ ล้างด้วยนำ้ สะอาดอีก 2-3 ครั้ง และพกั ไว้ สวา่ ง (100 หมายถงึ สีขาวสวา่ งมาก 0 หมายถงึ สดี ำ) คา่ a* หมายถึง ค่าสีแดง-เขยี ว (ค่า a* เปน็ บวก หมายถึง สีแดง บดด้วยเครอ่ื งปั่นใหล้ ะเอียด ค่า a* ติดลบ หมายถึง สีเขียว) และค่า b* หมายถึง สี เหลือง-น้ำเงิน (ค่า b* เป็นบวก หมายถึง สีเหลือง ค่า b* เติม แป้งมัน นำ้ ตาลทรายขาว ซอี ิว๊ ขาว เกลือ และพริกไทย ติดลบ หมายถึง สีน้ำเงิน) ด้วยเครื่องวัดค่าสี Colorimeter ยี่ห้อ Hunter lab รุ่น Color Quest XB วางแผนการ ผสมเขา้ กบั เนอื้ ปลาที่บดละเอยี ดแล้วนวดให้เข้ากนั ทดลองแบบสุ่มสมบูรณ์ (Completely Randomized Design: CRD) นำเนอ้ื ปลาท่ผี สมแลว้ ใส่ในถุงพลาสติกชนิดร้อน (Polypropylene) ขนาด 16×26 น้ิว 2.2 ทดสอบความชอบทางประสาทสัมผัสของ ผลิตภัณฑป์ ลาเส้นด้านลักษณะปรากฏ สีของปลาเส้น กลิ่น และรีดใหเ้ ป็นแผ่นบางเทา่ ๆ กัน (2-3 มม.) ของปลาเส้น เนื้อสัมผัส รสหวาน รสเค็ม รสเผด็ ความชอบ รวม ด้วยวิธีการ 9-Point Hedonic Scale (คะแนน 1 ตัดขอบถุงอกี สองด้านนำเขา้ ตอู้ บลมรอ้ นที่อณุ หภูมิ หมายถึง ไม่ชอบมากทสี่ ุด 9 หมายถึงชอบมากทส่ี ุด) โดยใชผ้ ู้ 50 องศาเซลเซียส นาน 5 นาที ทดสอบชิมระดับห้องปฏิบัติการจำนวน 60 คน วางแผน แบบสุ่มบล็อกสมบูรณ์ (Randomized Complete Block ลอกแผน่ พลาสติกดา้ นบนออกและอบท่ีอุณหภมู ิ Design: RCBD) 120 องศาเซลเซยี ส นาน 30 นาที วิเคราะห์ความแปรปรวนทางสถิติ (ANOVA) และ พลิกอีกดา้ นหนึง่ แลว้ ลอกแผ่นพลาสติกออก เปรียบเทียบความแตกต่างของค่าเฉลี่ยด้วยวิธี Duncan’s 32

วารสารวจิ ยั เทคโนโลยีนวัตกรรม ปีท่ี 4 ฉบบั ท่ี 1 มกราคม-มถิ ุนายน 2563, นภาพร ดสี นาม, หนา้ 29-39 New Multiple Range Test (DMRT) ทดสอบความชอบทางประสาทสัมผัสด้วยวิธีการ 9-Point 3. ศึกษาการเติมปลาส้มที่เหมาะสมในผลิตภัณฑ์ Hedonic Scale ดังข้อ 2.2 และทดสอบความชอบทาง ประสาทสมั ผัสโดยการใหล้ ำดบั คะแนนความชอบ (Ranking ปลาเสน้ Test) ดังข้อ 3.2 โดยนำสูตรที่เหมาะสมจากการศึกษาในข้อ 2. มา 5. ศึกษาการยอมรบั ของผบู้ รโิ ภค ผลิตปลาเส้นดังแผนภูมิวิธีการทำปลาเส้น และเติมปลาสม้ โดยนำผลิตภัณฑ์ปลาเส้นสูตรที่ได้รับการพัฒนา (ปลาส้มไรก้ า้ งแมท่ องปอน) รอ้ ยละ 0 5 และ 10 ตามลำดับ แล้วมาทดสอบความชอบทางประสาทสัมผัสโดยวิธี 9-Point ในขั้นตอนการบดเนื้อปลาให้ละเอียด ทำ 3 ซ้ำการทดลอง Hedonic Scale จากผู้บริโภคทั่วไปในเขต อ. เมืองจ. และวเิ คราะหค์ ุณภาพผลติ ภัณฑ์ดงั นี้ ลำปาง จำนวน 100 คน โดยการทดสอบแบบ Central Location Test (CLT) 3.1 วดั คา่ สี L* a* b* ดังขอ้ 2.1 3.2 ทดสอบความชอบทางประสาทสัมผสั โดยการ 5. ผลการวจิ ยั ให้ลำดับคะแนนความชอบ (Ranking Test) (5 หมายถึง 5.1 ผลของการเติมผงหมาล่าในผลิตภัณฑ์ปลาเส้นอบ ชอบมากที่สุด 3 หมายถึง ชอบพอดี และ 1 หมายถึงชอบ น้อยที่สุด) ใช้ผู้ทดสอบชิมระดับห้องปฏิบัติการจำนวน 50 กรอบ พบว่า การเติมผงหมาล่าร้อยละ 0.25 และ 1 มีค่า คน ทดสอบความแตกต่างของลำดับความชอบด้วยวิธีไคส ความสว่างของผลิตภณั ฑ์ไมแ่ ตกต่างจากตัวอย่างท่ีไม่เติมผง แควร์ (Chi-Square) และเปรียบเทียบความแตกต่างของ หมาล่าหรือตัวอย่างควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ค่าเฉลี่ยด้วยวิธี Duncan’s New Multiple Range Test (p>0.05) การเติมผงหมาล่าร้อยละ 0.5 0.75 และ 1 มีค่า (DMRT) ความสว่างมากท่ีสุดโดยไม่แตกต่างกันอย่างมีนยั สำคัญทาง 4. ศึกษาอณุ หภูมิและระยะเวลาในการอบปลาเส้น สถิติ (p>0.05) ทุกตัวอย่างที่เติมผงหมาล่ามีค่าสีแดง (a*) ที่เหมาะสม โดยนำสูตรที่เหมาะสมจากการศึกษาในข้อ. 3 มากกวา่ ตวั อย่างควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<0.05) มาผลิตปลาเสน้ ดงั แผนภูมแิ ละอบที่อุณหภมู ิ 100 และ 120 การเติมผงหมาลา่ ร้อยละ 0.25 และ 1 มีผลต่อค่าสีแดงมาก องศาเซลเซยี ส ระยะเวลา 30 40 และ 50 นาที วางแผนการ ที่สุดโดยไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p>0.05) ทดลองแบบ 2x3 Factorial in CRD ทำ 3 ซ้ำการทดลอง ส่วนค่าสีเหลอื ง (b*) ทุกตวั อย่างทีเ่ ติมผงหมาล่ามีคา่ สเี หลอื ง และวิเคราะห์คณุ ภาพผลติ ภัณฑ์ ได้แก่ วดั ค่าสี L* a* b* วัด น้อยกว่าตัวอย่างควบคมุ อยา่ งมีนยั สำคญั ทางสถติ ิ (p<0.05) ค่ากจิ กรรมของน้ำ (aw) ความชื้นหลงั อบแหง้ ความช้ืนหลัง ดงั ตารางท่ี 1 อบให้พองตัว หาอัตราการพองตัว (Simsrisakul, 1991) 33

วารสารวจิ ัยเทคโนโลยีนวัตกรรม ปที ่ี 4 ฉบับท่ี 1 มกราคม-มถิ ุนายน 2563, นภาพร ดีสนาม, หนา้ 29-39 ตารางที่ 1 ผลของการเติมผงหมาล่าปรมิ าณตอ่ คา่ สีของผลิตภณั ฑป์ ลาเสน้ อบกรอบ ผงหมาล่า คา่ สี (ร้อยละ) L* a* b* 0 57.67ab±2.2 2.34c±0.5 14.51a±1.6 0.25 58.66a±3.2 5.52b±1.2 11.89b±3.7 0.5 54.65bc±3.8 7.69a±1.2 10.86b±2.6 0.75 53.30c±2.7 5.93b±1.3 10.06b±2.5 1 55.99abc±3.7 6.92a±0.6 11.43b±1.2 หมายเหตุ: a, b, c.. อักษรทีแ่ ตกต่างกนั ตามแนวตัง้ หมายถงึ มีความแตกต่างกันอยา่ งมีนัยสำคญั ทางสถติ ิ (p≤0.05) ตารางที่ 2 ผลของการเติมผงหมาล่าตอ่ คะแนนความชอบทางประสาทสมั ผสั ผงหมาลา่ (รอ้ ยละ) ลักษณะปรากฏ สี กล่ินรส เน้ือสมั ผัส ความชอบรวม 0 6.8c±0.6 6.7c±0.7 6.6b±0.6 6.7ns±0.7 6.7c±0.8 6.8bc±0.7 0.25 6.8bc±0.5 6.8bc±0.6 6.7ab±0.8 6.8±0.7 6.8abc±0.7 7.1a±0.9 0.5 7.1a±0.5 7.1ab±0.6 6.7ab±0.8 6.9±0.8 7.0ab±0.9 0.75 7.0ab±0.5 7.2a±0.7 6.9a±0.6 6.8±0.7 1 6.9abc±1.7 7.0abc±0.8 6.9a±0.9 6.8±0.8 หมายเหตุ: a, b, c.. อกั ษรทแี่ ตกต่างกันตามแนวต้ัง หมายถงึ มีความแตกต่างกนั อย่างมนี ยั สำคญั ทางสถติ ิ (p≤0.05) ns หมายถึง ไม่มีความแตกต่างอยา่ งมนี ัยสำคญั ทางสถติ ิ (p>0.05) ตารางท่ี 3 ลกั ษณะทางกายภาพและลำดบั ความชอบรวมของผลิตภัณฑป์ ลาเสน้ กรอบท่ีเตมิ เน้อื ปลาส้ม เนื้อปลาส้ม อตั ราการพองตวั ลาดับความชอบ คา่ สี (รอ้ ยละ) (g/cm3) รวม L* a* b* 0 0.95c±0.00 3.7b±0.5 65.66b±2.9 6.81ab±2.4 20.41ns±6.1 5 1.00a±0.00 4.0a±0.6 68.21b±2.0 7.95a±2.0 24.31±2.7 10 0.99b±0.00 4.1a±0.6 72.17a±3.7 5.67b±0.7 22.79±1.6 หมายเหตุ: a, b, c.. อักษรทแ่ี ตกต่างกันตามแนวต้งั หมายถึง มีความแตกต่างกนั อย่างมีนัยสำคญั ทางสถติ ิ (p≤0.05) ns หมายถึง ไม่มีความแตกต่างอยา่ งมนี ยั สำคัญทางสถิติ (p>0.05) 34

วารสารวิจยั เทคโนโลยีนวัตกรรม ปีที่ 4 ฉบับท่ี 1 มกราคม-มถิ ุนายน 2563, นภาพร ดสี นาม, หน้า 29-39 ตารางที่ 4 ผลของการอบดว้ ยอณุ หภมู ิและระยะเวลาที่ตา่ งกนั ตอ่ ลกั ษณะทางเคมกี ายภาพ สิ่งทดลอง คา่ สี ความชืน้ หลัง ความช้นื หลัง aw อตั ราการพอง a* L* b* อบแห้ง อบใหพ้ องตัว ตัว (g/cm3) 9.87a±0.93 9.36b±1.13 (ร้อยละ) (ร้อยละ) อณุ หภูมิ (ºC) 10.00a±0.75 19.07a±1.52 16.19ns±2.06 6.25ns ±0.55 0.68ns±0.00 1.08ns±0.94 100 60.22a±2.77 9.28b±1.66 18.41b±1.44 18.40±4.53 3.45±8.59 0.68±0.02 0.97±0.01 120 58.52b±1.93 9.58b±1.44 19.37a±0.98 17.20ns±6.33 5.99ns±0.80 0.67ns±0.03 0.98ns±0.01 ระยะเวลา (นาที) 9.83b±0.59 18.23b±1.66 17.89±0.95 3.00±10.70 0.68±0.00 0.96±0.01 30 61.35a±2.32 9.28c±0.69 18.63b±1.59 16.79±0.80 5.56±0.14 0.69±0.01 1.13±1.16 40 58.48b±1.88 10.52a±1.03 50 58.30b±2.13 10.17ab±0.86 19.50ns±0.81 13.83c±0.35 6.70a±0.24 0.68a±0.00 0.98ns±0.02 9.27c±0.79 18.63±2.02 18.71ab±0.36 6.45a±0.35 0.67ab±0.00 0.98±0.00 อณุ หภมู ิ (ºC) x ระยะเวลา (นาที) 8.64d±1.16 19.10±1.39 16.03bc±0.09 5.58bc±0.14 0.68a±0.01 1.27±1.64 100 x 30 63.18a±1.35 19.25±1.13 20.57a±7.80 5.29c±0.41 0.66b±0.04 0.97±0.00 100 x 40 59.41bc±1.65 17.84±1.09 17.07abc±0.52 5.66b±0.09 0.69a±0.00 0.95±0.00 100 x 50 58.08de±2.14 18.16±1.67 17.56abc±0.15 5.53bc±0.14 0.70a±0.00 0.98±0.00 120 x 30 59.50b±1.48 120 x 40 57.54e±1.64 120 x 50 58.52cd±2.13 หมายเหตุ: a, b, c.. อกั ษรทแ่ี ตกต่างกนั ตามแนวตั้ง หมายถึง มีความแตกตา่ งกนั อยา่ งมีนยั สำคญั ทางสถติ ิ (p≤0.05) ns หมายถึง ไมม่ ีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p>0.05) ตารางท่ี 5 ผลของการอบด้วยอณุ หภมู แิ ละระยะเวลาที่ต่างกนั ตอ่ คะแนนความชอบทางประสาทสมั ผสั ส่งิ ทดลอง ลักษณะปรากฏ สี กลนิ่ รส เนอ้ื สมั ผสั ความชอบรวม ลำดบั ความชอบ รวม 7.0bc±0.6 6.9ns±0.7 อณุ หภูมิ (ºC) x ระยะเวลา (นาที) 7.0bc±0.5 6.9±0.7 6.9c±0.5 6.7±0.7 100 x 30 7.1ns±0.6 7.2ab±0.7 6.8±0.5 6.9ab±0. 5 7.1ab±0.6 3.7b±0.6 7.1abc±0.7 6.9±0.6 7.0ab±0.7 7.1ab±0.6 3.9ab±0.7 100 x 40 7.0±0.4 7.3a±0.6 6.9±0.7 6.9b±0.7 7.0b±0.7 3.7b±0.7 7.2a±0.7 7.1ab±0.7 4.1a±0.7 100 x 50 7.0±0.5 7.1ab±0.7 7.2ab±0.7 3.6b±0.7 7.1ab±0.8 7.3a±0.7 3.9ab±0.8 120 x 30 7.1±0.7 120 x 40 7.1±0.7 120 x 50 7.2±0.6 หมายเหตุ: a, b, c.. อักษรท่แี ตกตา่ งกนั ตามแนวต้ัง หมายถึง มีความแตกต่างกันอย่างมีนยั สำคัญทางสถติ ิ (p≤0.05) ns หมายถึง ไมม่ คี วามแตกตา่ งอยา่ งมนี ยั สำคญั ทางสถิติ (p>0.05) 35

วารสารวิจยั เทคโนโลยีนวัตกรรม ปที ี่ 4 ฉบับที่ 1 มกราคม-มถิ นุ ายน 2563, นภาพร ดีสนาม, หนา้ 29-39 จากตารางที่ 2 ทุกตัวอย่างมีคะแนนความชอบ 5.3 ผลของการอบปลาเส้นด้วยอุณหภูมิและ ด้านเนื้อสัมผัสไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ระยะเวลาทีต่ ่างกัน จากตารางที่ 4 สิ่งทดลองหลกั อณุ หภมู ิ (p>0.05) การเตมิ ผงหมาลา่ ร้อยละ 0.25 และ 1 ผลิตภัณฑ์ และระยะเวลาที่ใช้ในการอบมีผลต่อค่าสี L* a* b* อย่างมี มีคะแนนความชอบด้านลักษณะปรากฏและสีไม่แตกต่างกัน นัยสำคัญทางสถิติ (p<0.05) แต่ไม่มีผลตอ่ ปรมิ าณความชื้น กับตัวอย่างควบคุม (p>0.05) การเติมผงหมาล่าร้อยละ หลังอบแหง้ ปริมาณความชนื้ หลงั อบให้พองตัว ค่า aw และ 0.25 และ 0.5 ผลิตภัณฑ์มีคะแนนความชอบด้านกลิ่นรส อ ั ต ร า ก า ร พ อ ง ต ั ว อ ย ่ า ง ม ี น ั ย ส ำ ค ั ญ ท า ง ส ถ ิ ติ ( p>0.05) และความชอบรวมไม่แตกต่างกันกับตัวอย่างควบคุม อุณหภูมิที่ใช้ในการอบ 100 ºC มีผลต่อค่าสี L* a* b* มาก (p>0.05) การเติมผงหมาล่าร้อยละ 0.5 0.75 และ 1 มี ทีส่ ุด (p<0.05) ระยะเวลาท่ีใช้ในการอบ 30 นาที มผี ลตอ่ คา่ คะแนนความชอบดา้ นลกั ษณะปรากฏ สี กลนิ่ รส ความชอบ สี L* a* b* มากท่ีสดุ (p<0.05) รวมมากที่สุด และไม่มีความแตกต่างกนั (p>0.05) การเติม ผงหมาล่าในปริมาณทเี่ พม่ิ ขน้ึ มีผลต่อความชอบทางประสาท สิ่งทดลองร่วมอุณหภูมิและระยะเวลาในการอบ สัมผัสเพิ่มมากขึ้น โดยมีค่าสีแดง (a*) เพิ่มขึ้น และค่าสี อุณหภมู ิ 100 ºC ระยะเวลา 30 นาที มผี ลต่อค่าความสว่าง เหลอื ง (b*) ลดลงเมื่อเปรยี บเทียบกบั ตัวอยา่ งควบคมุ L* มากที่สุด (p<0.05) รองลงมาคือค่าความสว่างของ ตัวอย่างที่อบด้วยอุณหภูมิ 120 ºC ระยะเวลา 30 นาที จะเห็นว่าการเติมผงหมาล่าร้อยละ 1 มีผลทำให้ สำหรับตัวอย่างที่อบด้วยอุณหภูมิ 100 ºC ระยะเวลา 50 ปลาเส้นอบกรอบมีค่าความสว่าง (L*) ค่าสีแดง (a*) มี นาที และอุณหภูมิ 120 ºC ระยะเวลา 30 นาที มีค่าสีแดง คะแนนความชอบด้านลักษณะปรากฏ สี กลิ่นรส และ มากที่สุด (p<0.05) ตัวอย่างที่อบด้วยอุณหภูมิ 100 ºC ความชอบรวมมากที่สุด (p<0.05) จึงเลอื กสตู รทเ่ี ติมผงหมา ระยะเวลา 30 นาที อุณหภูมิ 100 ºC ระยะเวลา 50 นาที ล่ารอ้ ยละ 1 นำไปพัฒนาสูตรในข้นั ตอนการทดลองตอ่ ไป อณุ หภมู ิ 120 ºC ระยะเวลา 40 นาที และอุณหภมู ิ 120 ºC ระยะเวลา 50 นาที มีผลต่อปริมาณความชื้นหลังอบแห้ง 5.2 ผลการเติมปลาส้มในผลิตภัณฑ์ปลาส้มอบ น้อยที่สุด (p<0.05) ตัวอย่างที่อบด้วยอุณหภูมิ 100 ºC กรอบ พบว่า การเติมปริมาณปลาส้มมีผลต่ออัตราการพอง ระยะเวลา 50 นาที อุณหภูมิ 120 ºC ระยะเวลา 30 นาที ตัวในทุกตัวอย่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<0.05) การ และอุณหภูมิ 120 ºC ระยะเวลา 50 นาที มีผลต่อปริมาณ เตมิ ปลาส้มรอ้ ยละ 5 และ 10 มีคะแนนลำดับความชอบมาก ความชื้นหลังอบให้พองตัวน้อยที่สุด (p<0.05) ตัวอย่างท่ี ที่สุด (p<0.05) เมอื่ เปรยี บเทียบกบั ตัวอย่างควบคุม การเติม อบด้วยอณุ หภูมิ 120 ºC ระยะเวลา 30 นาที มีคา่ aw น้อย ปลาส้มร้อยละ 10 มีค่าความสว่างมากที่สุด (p<0.05) ท่สี ดุ (p<0.05) ทุกตวั อยา่ งไม่มผี ลต่ออตั ราการพองตัวอยา่ ง ในขณะที่มีค่าสแี ดง (a*) น้อยกว่าการเติมปลาส้มร้อยละ 5 มนี ัยสำคญั ทางสถิติ (p>0.05) ดังตารางท่ี 4 และตัวอย่างควบคุม (p<0.05) การเตมิ ปลาสม้ รอ้ ยละ 5 มี ผลต่อค่าสีแดง (a*) ไม่แตกต่างกันกับตัวอย่างควบคุม ตัวอย่างที่อบด้วยอุณหภูมิและระยะเวลาในการ (p>0.05) ส่วนค่าสีเหลือง (b*) ทุกตัวอย่างไม่มีความ อบไม่มีผลต่อลักษณะปรากฏและกลิ่นรสอย่างมีนัยสำคัญ แตกต่างกันอย่างมีนยั สำคญั ทางสถติ ิ (p<0.05)ดงั ตารางที่ 3 ทางสถิติ (p>0.05) ตัวอย่างที่อบด้วยอุณหภูมิ 120 ºC ทุก ตวั อยา่ งไดร้ ับคะแนนความชอบในด้านสีมากทีส่ ดุ (p<0.05) จากการทดลองจะเห็นวา่ การเติมปลาสม้ ร้อยละ 5 ตัวอย่างที่อบด้วยอุณหภูมิ 120 ºC ระยะเวลา 30 นาที ในการผลิตปลาเส้นอบกรอบมีผลต่ออัตราการพองตัว ค่าสี ไดร้ ับคะแนนความชอบด้านเนื้อสัมผัสมากกว่าตัวอย่างที่อบ แดง (a*) และลำดับความชอบรวมมากที่สุด (p<0.05) จึง ด้วยร่วมอุณหภูมิ 100 ºC ระยะเวลา 50 นาที อย่างมี เลอื กสตู รที่เตมิ ปลาสม้ รอ้ ยละ 5 นำไปพัฒนาสูตรในขั้นตอน นัยสำคัญทางสถิติ (p<0.05) ทุกตัวอย่างได้รับคะแนน การทดลองตอ่ ไป 36

วารสารวจิ ัยเทคโนโลยนี วตั กรรม ปที ี่ 4 ฉบบั ที่ 1 มกราคม-มถิ ุนายน 2563, นภาพร ดสี นาม, หนา้ 29-39 ความชอบมากกว่าตัวอย่างที่อบด้วยอุณหภูมิ 100 ºC 5.4 ผลการทดสอบผู้บรโิ ภคจำนวน 100 คน ระยะเวลา 50 นาที อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<0.05) พบว่า ผูบ้ ริโภคเปน็ เพศหญงิ มากกวา่ เพศชาย ส่วน ตัวอย่างที่อบด้วยอุณหภูมิ 100 ºC ระยะเวลา 40 นาที ใหญ่มีอายุอยู่ในช่วง 16-25 ปี มีการศึกษาในระดับปวส- อุณหภูมิ 120 ºC ระยะเวลา 30 นาที และอุณหภมู ิ 120 ºC ปริญญาตรี มีอาชีพนักศึกษาเป็นส่วนใหญ่ร้อยละ 100 ระยะเวลา 50 นาที ได้รับการจัดลำดับความชอบรวมมาก ตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์ปลาเส้นอบกรอบเนื่องจากรสชาติ ท่ีสุด (p<0.05) ดงั ตารางท่ี 5 (รอ้ ยละ 48) มากท่สี ดุ รองลงมาคอื ความแปลกใหม่ (รอ้ ยละ 36) และราคา (ร้อยละ 16) ตามลำดับ ผู้บริโภคยอมรับ จากการทดลองจะเห็นว่าตัวอย่างที่อบด้วย ผลิตภัณฑ์โดยได้รับคะแนนความชอบทางประสาทสัมผัส อุณหภูมิ 120 ºC และระยะเวลา 30 นาที มีค่าสีแดงมาก ด้านลักษณะปรากฏ สี กลิ่นรส รสชาติ เนื้อสัมผัส และ ที่สุด (p<0.05) สอดคล้องกับคะแนนความชอบด้านสี ความชอบรวมอยใู่ นชว่ ง 7.43-7.88 ในระดับความชอบปาน ความชอบรวม และลำดับความชอบรวมมากทีส่ ุด (p<0.05) กลางถงึ ชอบมาก โดยมีปริมาณความชื้นหลังอบให้พองตัวและค่า aw น้อย ที่สดุ (p<0.05) อายุ การศึกษา 5% อาชพี 10% เพศ 16-20 ปี 10% 5% ชาย 13% 21-25 ปี 28% 30% 8% 52% 2% 40% 26-30 ปี 15% 75% 2% 35% 31-35 ปี เพศ 36-40 ปี นกั ศึกษา รบั จ้าง หญงิ พนักงานเอกชน แมบ่ า้ น 70% มากกวา่ 40 ปี มธั ยมศึกษาต้น มธั ยมศกึ ษาปลาย ปวส ปรญิ ญาตรี (ก) (ข) (ค) (ง) เหตผุ ลในการเลือกซือ้ ผลิตภัณฑ์ ความชอบ ลกั ษณะ สี รวม ปรากฏ กลน่ิ รส ความ ราคา 9 แปลกใหม่ 16% เนือ้ สมั ผัส 7 5 36% รสชาติ รสชาติ 48% (ฉ) (จ) รปู ที่ 1 แผนภมู ผิ ลการทดสอบการยอมรบั ของผ้บู รโิ ภคต่อผลติ ภัณฑป์ ลาเสน้ อบกรอบ ข้อมูลท่ัวไปของผู้บรโิ ภคประกอบไปดว้ ยเพศ (ก) อายุ (ข) การศึกษา (ค) อาชีพ (ง) เหตุผลในการเลือกซ้ือผลิตภณั ฑ์ (จ) และคะแนนความชอบทางประสาทสมั ผสั ของผู้บริโภค 100 คน (ฉ) 37

วารสารวจิ ัยเทคโนโลยีนวตั กรรม ปีท่ี 4 ฉบับท่ี 1 มกราคม-มถิ ุนายน 2563, นภาพร ดีสนาม, หน้า 29-39 6. อภปิ รายผลการวิจยั ความร้อนสูงระยะเวลาส้ันจึงมีอัตราการพองตัวไดน้ ้อยกว่า พริกหม่าล่ามีส่วนผสมของเครื่องเทศหลายชนิด ร้อยละ 5 ในขณะที่มีอัตราการพองตัวมากกว่าตัวอย่าง ควบคุมท่ีไม่เติมปลาสม้ (p<0.05) ประกอบไปด้วยพริกปน่ เกลือ ผงชูรส โป๊ยกั๊ก ยี่หร่า ขิงผง และพริกฮวาเจียว (Sikarette, 2018) ส่วนผสมพริกฮวา จากการอบแห้งตัวอย่างจะเห็นว่าสิ่งทดลองร่วม เจียวและพริกป่นในผงหมาล่าที่เติมลงในส่วนผสมของปลา ระหวา่ งอุณหภูมใิ นการอบ 120 ºC และระยะเวลา 30 นาที เส้นอบกรอบช่วยผลิตภัณฑม์ คี า่ สีแดง (a*) เพมิ่ ขน้ึ ในขณะท่ี และอุณหภูมิในการอบ 100 ºC และระยะเวลา 50 มีค่าสี ค่าสีเหลือง (b*) ลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับตัวอย่างควบคุม แดง (a*) มากที่สุด อาจเนื่องจากการใช้อุณหภูมิสูงและ ทกุ ตัวอย่างท่เี ตมิ เครอื่ งเทศผงหมาล่าจะชว่ ยกล่ินคาวเนื้อทำ ระยะเวลาสั้นกับการใช้อุณหภูมิที่น้อยกว่าและระยะ ให้ได้รับคะแนนความชอบด้านกลิ่นรสและความชอบรวม เวลานานในการอบไม่ทำให้สารสีไมโอโกลบินในเน้ือปลาเกิด ผลิตภัณฑ์ปลาเส้นอบกรอบมากกว่าตัวอย่างควบคุม ฮวา การเสียสภาพธรรมชาติ และสารสีในผงหมาล่าอาจมีส่วน เจียวหรือมะแขวน่ ประกอบไปดว้ ยสารออกฤทธิท์ างชีวภาพ ช่วยทำให้ผลิตภัณฑ์มีสีแดงมากขึ้น ปริมาณความชื้นหลัง หลายชนิด น้ำมันหอมระเหยทส่ี กดั จากมะแขว่นสามารถฆ่า อบแห้งในการทดลองนไี้ ม่มีผลต่อค่าการพองตัว การอบแห้ง เชื้อจุลินทรีย์ได้ดีทั้งแกรมบวกและแกรมลบ จากรายงาน ที่อุณหภูมิสูงในช่วง 100-120 ºC อาจส่งผลให้โปรตีนเน้ือ พบว่า น้ำมันหอมระเหยสามารถฆ่าเชื้อจุลินทรี ย์ ปลาเสียสภาพธรรมชาติก่อนปริมาณน้ำในอาหารจะระเหย Staphylococcus aureus และ E coli ได้อย่างสมบูรณ์ ออกไป จึงทำให้ทุกตัวอย่างมีปริมาณความชื้นหลังอบแห้ง ภายใน 9 นาที (ชุลี และวรินทร, 2554) การเติมผงหมาล่า ค่อนข้างสูง ทุกตัวอย่างมีปริมาณความชื้นอยู่ในช่วงร้อยละ ในการทดลองนี้จึงมีความเป็นไปได้ที่จะช่วยในการถนอม 13.83-20.57 จากการศึกษาของอรวรรณ (2557) ในการ รักษาอาหารให้ยาวนานขึ้น ซึ่งควรศึกษาเพิ่มเติมด้านอายุ พองตัวของหนังปลาแซลมอนบโดยใช้ไมโครเวฟ พบวา่ หนงั การเก็บรกั ษาในงานทดลองตอ่ ไป ปลาที่ผ่านการลวกให้เกิดเจลาตินที่อุณหภูมิ 40 ºC และ นำไปอบแห้งทีอ่ ุณหภูมิ 60 ºC ให้มีความช้ืนร้อยละ 12-13 ในการหมักปลาส้มกลุ่ม Lactobacillus spp. มีผลทำให้เกิดการพองตัวได้ดีเมื่อนำไปทอดหรืออบด้วย สามารถสร้างกรดแล็กทิกได้สูงถึงร้อยละ 1.986 โดยบ่มท่ี ไมโครเวฟ สำหรบั อณุ หภูมใิ นการอบ 120 ºC ระยะเวลา 30 อุณหภูมิ 30 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 3 วันทำให้ปลาส้มมี นาที มีปริมาณความชื้นหลังอบแห้งน้อยทีส่ ุดสอดคล้องกับ รสชาติเป็นที่ยอมรบั ตอ่ ผู้บรโิ ภค (องั คณา และคณะ, 2553) คา่ aw น้อยทส่ี ดุ จงึ มีความเป็นไปได้ทีจ่ ะชว่ ยใหผ้ ลติ ภัณฑ์มี จากการทดลองการเติมปลาส้มร้อยละ 5 ทำให้ปลาเส้นอบ อายุการเก็บรกั ษานานขึ้น กรอบมีอัตราการพองตัวมากกว่าตัวอย่างควบคุมอาจเนื่อง สมบัติของโปรตีนเนื้อปลาชนิดนี้เมื่อได้รับความร้อนท่ี 7. สรปุ เหมาะสมจะเกิดเจลสามารถจับกับโมเลกุลของน้ำได้มาก ในการพัฒนาสูตรและกระบวนการผลิตปลาเส้น หลังใหค้ วามร้อนสงู อย่างรวดเรว็ ดว้ ยไมโครเวฟในระยะเวลา สั้นอาจส่งผลให้เกิดการพองตัวมากกว่าตัวอย่างควบคุมที่ อบกรอบดว้ ยจะเห็นว่า การเติมผงหมาลา่ รอ้ ยละ 1 มีผลทำ ไมไ่ ดเ้ ตมิ ปลาส้ม ส่วนการเติมเนื้อปลาการเติมปลาส้มรอ้ ยละ ให้ปลาเส้นอบกรอบมีค่าความสว่าง (L*) ค่าสีแดง (a*) มี 10 มีอัตราการพองตัวน้อยกว่าการเติมร้อยละ 5 เนื่องจาก คะแนนความชอบรวมมากที่สุด (p<0.05) การเติมปลาส้ม การเติมปลาส้มในปริมาณที่มากทำใหม้ ีปริมาณกรดแล็กทกิ ร้อยละ 5 มีผลต่ออัตราการพองตัวมากที่สุด (p<0.05) การ ที่มาก และอาจจะส่งผลให้โปรตีนเนื้อปลาเสียสภาพ อบทอี่ ณุ หภมู ิ 120 และระยะเวลา 30 นาที ผลติ ภัณฑ์ได้รับ ธรรมชาติจึงส่งผลให้เกิดเจลของโปรตีนได้น้อย เมื่อได้รับ คะแนนความชอบด้านสี ความชอบรวม และลำดับ 38

วารสารวิจัยเทคโนโลยีนวตั กรรม ปที ี่ 4 ฉบับที่ 1 มกราคม-มถิ นุ ายน 2563, นภาพร ดีสนาม, หนา้ 29-39 ความชอบรวมมากที่สุด (p<0.05) โดยมีปริมาณความช้ืน limonella Alston: รายงานการวิจัยฉบบั สมบูรณ์, และค่า aw น้อยที่สุด (p<0.05) ผู้บรโิ ภคยอมรับผลิตภัณฑ์ คณะวทิ ยาศาสตร์ จุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย. 35 หนา้ . โดยได้รับคะแนนความชอบทางประสาทสัมผัสด้านลักษณะ สธุ ี วงั เตือย. (2547). ปลาเส้น. เกษตรแปรรปู . 2-24 ปรากฏ สี กลิ่นรส รสชาติ เนอ้ื สัมผสั และความชอบรวมอยู่ (20): หน้า 71-74. ในระดบั ความชอบปานกลางถึงชอบมาก b. อังคณา ชมภมู งิ่ ตะวัน ฉตั รสูงเนนิ และธวัชชยั ชัยธวัช วิถี. (2553). การปรับปรุงคุณภาพผลิตภัณฑ์ปลาสม้ ผลิตภัณฑ์ปลาเส้นอบกรอบสูตรที่เหมาะสม ด้วยกระบวนการทางเทคโนโลยีชีวภาพ: กรณีศึกษา ประกอบไปด้วย เนื้อปลา แป้งมัน น้ำตาลทราย ซีอิ๊วขาว พื้นที่จังหวัดแพร่ และจังหวัดพะเยา. รายงาน เกลือป่น พริกไทย ผงหมาล่า และปลาส้มร้อยละ 76.61 ผลการวิจัย, มหาวิทยาแม่โจ้ จ.เชียงใหม่. 124 น. 11.5 4.6 0.51 0.255 0.76 0.76 และ 5 ตามลำดบั อรวรรณ ติวเถาว์. (2557). การศึกษาการพองตัวใน หนังปลาแซลมอนกรอบโดยใช้เตาอบไมโครเวฟและ กิตติกรรมประกาศ การทอด. วทิ ยานพิ นธ์, มหาวิทยาลยั สงขลานครินทร์. คณะผ้วู ิจัยขอขอบคุณมหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีราช 122 หน้า. c. Food story. (2561). Food Trends 2018-10 สงิ่ ที่ มงคลล้านนา ทุน RMUTL Mentor’ 61 ภายใต้โครงการ เก่ยี วกับอาหารในปี 2018. [ออนไลน์] ได้จาก: “การศึกษาเชิงบูรณาการระหว่างการเรียนรู้ในสถานศึกษา https://www.foodstory.co/blog/food-trends- กับการนำวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมไปพัฒนา 2018. แ ล ะ ย ก ร ะ ด ั บ ผ ู ้ ป ร ะ ก อ บ ก าร ผ ล ิ ต ภ ั ณ ฑ ์ ช ุ ม ช น ใ น พ ื ้ น ที่ [3] Sikarette. (2018). หมา่ ล่านอกจากความอรอ่ ยแล้ว ภาคเหนือ 6 จังหวัด” ที่ได้เอื้อเฟื้อสถานที่ อุปกรณ์และ ยังมีประโยชน์อกี ดว้ ย [ออนไลน์] ไดจ้ าก: เคร่อื งมือตา่ งๆ และอำนวยความสะดวกในการศึกษาทดลอง https://www.pingfai.com/food/1371/. ครง้ั น้ี เอกสารอา้ งองิ [1] กนั ยารกั ษ์ อมรเอนกทรพั ย์. (2561). ฟชิ โชเปดิ ตลาด ปลาเส้นเซ็กเมน้ ใหม่ “ฟชิ โช อลาสก้า แซลมอน” คร้ัง แรกของปลาเสน้ ทีผ่ สมเน้อื ปลาแซลมอนนำเข้าจากอ ลาสกา้ [ออนไลน์] ไดจ้ าก: https://marketeeronline.co/archives/8648. [2] จิตรลัดดา กิติศรีวรพันธ์ุ. (2560). กรุบกรอบ อาหาร ว ่ า ง ด ้ ว ย “Snack” [อ อ น ไ ล น์ ] ไ ด ้ จ า ก : http://www.fit-biz.com/th/snack/. a. ชุลี ยมภกั ดี และวรินทร ชวศริ ิ. (2554). สารออกฤทธ์ิ ต้านจลุ นิ ทรียจ์ ากมะแขวน่ Zanthoxylum 39

วารสารวจิ ัยเทคโนโลยนี วัตกรรม ปีที่ 4 ฉบบั ท่ี 1 มกราคม-มถิ นุ ายน 2563, กมลศกั ดิ์ รตั นวงษ์, หน้า 40-46 การพฒั นาเครื่องสขี ้าวกล้องขนาดครวั เรือน กมลศกั ด์ิ รัตนวงษ์1*, แมน ฟักทอง2, ศกั ดส์ิ ทิ ธ์ิ ชน่ื ชมนาคจาด3, เอกรัฐ ชะอ่มุ เอียด4, ศุภชัย ชมุ นมุ วัฒน์5 และ สมชาย โพธพิ์ ยอม6 1,5สาขาวชิ าวศิ วกรรมเคร่อื งกล 2,3,6สาขาวชิ าวศิ วกรรมอุตสาหการ, 4สาขาวิชาวิศวกรรมไฟฟ้า, คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลลา้ นนา พษิ ณโุ ลก รับบทความ 29 ตุลาคม 2561 ตอบรบั บทความ 10 ธันวาคม 2561 เผยแพร่ออนไลน์ 15 มิถนุ ายน 2563 © 2020 Rajamangala University of Technology Lanna. All right reserved. บทคดั ย่อ งานวจิ ัยนีม้ วี ตั ถปุ ระสงค์เพ่ือพัฒนาเครื่องสขี ้าวกล้องขนาดครัวเรือน และทดสอบสมรรถนะของเคร่ืองสีข้าวกล้องท่ี สามารถสีข้าวได้ทงั้ ข้าวกลอ้ งและขา้ วสาร ใชก้ ำลงั ไฟฟา้ ท่ี 90 วัตต์ ใช้แรงเคลื่อนไฟฟา้ 220 โวลต์ ขอ้ ดีของเครอ่ื งสขี ้าวนี้คอื มี ราคาถกู กระบวนการผลิตไมซ่ ับซอ้ น และการซ่อมบำรงุ รักษางา่ ย โดยมีการศกึ ษาความเรว็ รอบของเกลียวสขี า้ วทเ่ี หมาะสมใน การสีข้าวที่ดที ่ีสุด จากการทดสอบหาสมรรถนะของเครือ่ งสีข้าวกลอ้ งโดยใช้ขา้ ว 2 สายพันธุ์ คือ ข้าวพนั ธ์ุ กข 31 และขา้ วพันธุ์ หอมมะลิ พบวา่ ความเรว็ รอบของเกลียวสีข้าวที่เหมาะสมกบั การสีขา้ ว คือ ความเร็ว 2,300 รอบ/นาที ไดข้ า้ วกล้องพันธ์ุ กข 31 มคี า่ เฉลยี่ 645 กรัม/ขา้ ว 1,000 กรัม ขา้ วหกั เฉลยี่ 35 กรมั /ขา้ ว 1,000 กรัม อัตราการสขี า้ วเปลือก 7.30 กโิ ลกรัม/ช่ัวโมง และได้ข้าวกล้องพันธุ์หอมมะลิ มีค่าเฉลี่ย 579 กรัม/ข้าว 1,000 กรัม ข้าวหักเฉลี่ ย 37 กรัม/ข้าว 1,000 กรัม อัตราการสี ข้าวเปลอื ก 7.25 กิโลกรมั /ช่วั โมง คำสำคัญ: ข้าวกล้อง, เคร่ืองสขี า้ ว Email: [email protected],Tel. 081-8879505 40

วารสารวิจัยเทคโนโลยีนวตั กรรม ปที ี่ 4 ฉบบั ท่ี 1 มกราคม-มถิ ุนายน 2563, กมลศกั ด์ิ รตั นวงษ์, หนา้ 40-46 The Development of a Household Rice Milling Machine Kamonsak Rattanawong1*, Man Fakthong2, Saksit Chuenchomnakjad 3, Accarat Chaoumead4, Suppachai Chumnumwat5andSomchai Peopayom6 1,5Program of Mechanical Engineering, 2 ,3,6Program of Industrial Engineering, 4Program of Electrical Engineering, Rajamangala University of Technology Lanna Phitsanulok Receive: 29 October 2018 Accepted: 10 December 2018 Published online: 15 June 2020 © 2020 Rajamangala University of Technology Lanna. All right reserved. Abstract This research aimed to develop the color brown rice milling machine for using in household and to test the performance of the color brown rice milling machine that can be used with both brown rice and white rice.The power consumption was 90 watts using a voltage of 220 volts. The advantages of this milling machine were inexpensive, not complicate process, easy to repair and maintenance. The speed of the screw was studied to find the optimum rice milling. The performance of brown rice milling was tested with two rice variants, RD 31 rice and jasmine rice. The results found that the suitable speed of the spiral for rice milling was 2300 rpm with average weight of RD 31 brown rice breeder 645 g/1000 g of starting rice. The average weight of broken rice was 35 g/1000 g of starting rice. The rice milling rate was 7.30 kg/hour. Moreover, the average weight of jasmine rice milling was 579 g/ 1000 g of starting rice and the broken rice average weight was 37 g/1000 g of starting rice at milling rate of 7.25 kg/hour. Keywords: Brown rice, Rice milling machine 41