40 สื่อคอมพิวเตอร์เพือ่ การสอน (ท่มี า https://programsdd.com/2015/11/13/adobe-captivate-phonegap/) 18. ต้งั ชื่อแอพพลเิ คชนั่ 19. คลกิ Ready to build (ท่ีมา https://programsdd.com/2015/11/13/adobe-captivate-phonegap/)
สือ่ คอมพิวเตอร์เพื่อการสอน 41 20. คลกิ ทชี่ อื่ แอพพลเิ คช่นั (ทมี่ า https://programsdd.com/2015/11/13/adobe-captivate-phonegap/) 21. คลกิ Settings (ท่ีมา https://programsdd.com/2015/11/13/adobe-captivate-phonegap/)
42 สือ่ คอมพิวเตอร์เพื่อการสอน 22. คลิก Choose file เพื่อเลอื กรปู ไอคอนของแอพพลิเคช่นั 23. คลิก Save 24. คลิก Rebuild all แลว้ รอสกั ครู่ 25. คลิกดาวน์โหลดตามแพลตฟอร์มทต่ี ้องการ (ท่ีมา https://programsdd.com/2015/11/13/adobe-captivate-phonegap/)
สือ่ คอมพิวเตอร์เพื่อการสอน 43 การใช้คอมพิวเตอรช์ ่วยสอน (Computer Assisted Instruction) หรอื ซีเอไอ (CAI) (ท่มี า http://gangza-yui09.blogspot.com/p/cai.html) คอมพิวเตอรช์ ่วยสอนหรือโปรแกรมช่วยสอน คือส่ือท่ใี ชใ้ นการเรียน การสอนอนั หน่งึ CAI คลา้ ยกับส่ือการสอนอ่นื ๆ เช่น วิดีโอช่วยสอน บัตรคา ชว่ ยสอน โปสเตอร์ แตค่ อมพิวเตอร์ชว่ ยสอนจะดีกว่าตรงท่ีตัวสอ่ื การสอน ซง่ึ ก็คือคอมพวิ เตอรน์ ัน้ สามารถโตต้ อบกบั นักเรียนได้ ไมว่ ่าจะเปน็ การรับคา ส่ังเพอ่ื มาปฏบิ ตั ิ ตอบคาถามหรือไมเ่ ช่นนนั้ คอมพิวเตอรก์ ็จะเปน็ ฝา่ ยปอ้ น คาถาม
44 สื่อคอมพิวเตอร์เพือ่ การสอน หมายถึง การนาคอมพวิ เตอรม์ าเป็นเคร่ืองมือสร้างใหเ้ ป็นโปรแกรม คอมพิวเตอร์เพ่ือให้ผเู้ รยี นนาไปเรยี นดว้ ยตนเองและเกดิ การเรยี นรู้ใน โปรแกรมประกอบไปด้วย เน้ือหาวิชา แบบฝกึ หดั แบบทดสอบ ลักษณะของ การนาเสนออาจมีทงั้ ตัวหนงั สอื ภาพกราฟกิ ภาพเคล่ือนไหว สีหรือเสยี งเพือ่ ดงึ ดดู ใหผ้ ู้เรยี นเกิดความสนใจมากย่งิ ขน้ึ รวมทงั้ การแสดงผลการเรยี นให้ ทราบทนั ทดี ้วยข้อมูลย้อนกลับ (Feedback) แกผ่ ูเ้ รยี นและยงั มีการจัดลาดบั วธิ ีการสอนหรือกจิ กรรมตา่ ง ๆเพื่อใหเ้ หมาะสมกับผู้เรียนในแตล่ ะคน นอกจากนน้ั คอมพิวเตอรช์ ่วยสอนเองยงั มีลกั ษณะท่ีเรียกว่า “บทเรยี น สาเรจ็ รูป” แตเ่ ป็นบทเรยี นสาเร็จรูปโดยการใช้ไมโครคอมพิวเตอรเ์ ปน็ ตัวกลางแทนสง่ิ พมิ พ์หรอื สือ่ ประเภทตา่ งๆทาใหบ้ ทเรียนสาเรจ็ รปู ใน คอมพิวเตอร์มีศักยภาพเหนือกวา่ บทเรยี นสาเร็จรปู ในรูปแบบอนื่ ๆท้ังหมด โดยเฉพาะมคี วามสามารถท่เี กอื บจะแทนครทู ่ีเปน็ มนุษย์ได้ คณุ ลักษณะสาคัญของคอมพิวเตอรช์ ่วยสอน (CAI) คุณลักษณะท่เี ปน็ องคป์ ระกอบสาคญั ของคอมพวิ เตอรช์ ่วยสอน 4 ประการ ได้แก่ 1. สารสนเทศ (Information) หมายถึง เนอื้ หาสาระที่ไดร้ ับการเรยี บเรยี ง ทาให้ผู้เรยี นเกดิ การเรยี นรู้ หรือไดร้ บั ทกั ษะอยา่ งหนึง่ อย่างใดตามที่ผสู้ รา้ ง ได้กาหนดวตั ถปุ ระสงค์ไว้ การนาเสนออาจเป็นไปในลักษณะทางตรง หรอื ทางอ้อมกไ็ ด้ ทางตรงได้แก่ คอมพิวเตอรช์ ่วยสอนประเภทติวเตอร์ เชน่ การ อา่ น จา ทาความเข้าใจ
สื่อคอมพิวเตอร์เพื่อการสอน 45 ฝึกฝน ตัวอยา่ ง การนาเสนอในทางอ้อมไดแ้ ก่ คอมพวิ เตอรช์ ่วยสอน ประเภทเกมและการจาลอง 2. ความแตกตา่ งระหว่างบุคคล (Individualization) การตอบสนองความ แตกต่างระหว่างบุคคล คือลักษณะสาคัญของคอมพิวเตอร์ช่วยสอน บุคคล แต่ละบคุ คลมคี วามแตกต่างกันทางการเรยี นรู้ คอมพวิ เตอร์ช่วยสอน เปน็ สอ่ื ประเภทหนึ่งจงึ ต้องไดร้ บั การออกแบบให้มีลกั ษณะที่ตอบสนองต่อความ แตกตา่ งระหวา่ งบุคคลให้มากทสี่ ดุ 3. การโตต้ อบ (Interaction) คอื การมีปฏสิ มั พนั ธ์กันระหวา่ งผู้เรยี นกับ คอมพวิ เตอร์ชว่ ยสอนการเรียน การสอนรูปแบบทีด่ ที ่สี ดุ ก็คือเปดิ โอกาสให้ผูเ้ รียนไดม้ ปี ฏสิ ัมพนั ธ์กับผ้สู อน ไดม้ ากที่สุด 4.การใหผ้ ลปอ้ นกลบั โดยทันที (Immediate Feedback) ผลปอ้ นกลับหรือ การให้คาตอบน้ีถือเปน็ การ เสริมแรงอย่างหน่ึง การใหผ้ ลป้อนกลบั แกผ่ เู้ รียน ในทนั ทหี มายรวมไปถึงการที่คอมพวิ เตอรช์ ่วยสอนที่สมบูรณจ์ ะต้องมีการ ทดสอบหรือประเมนิ ความเข้าใจของผู้เรียนในเนื้อหาหรือทักษะต่าง ๆ ตาม วตั ถุประสงค์ ท่กี าหนดไว้ ประโยชนข์ องคอมพิวเตอรช์ ่วยสอน (CAI) 1. ชว่ ยใหผ้ ู้เรยี นทเ่ี รยี นออ่ น สามารถใชเ้ วลานอกเวลาเรยี นในการฝึกฝน ทักษะ และเพ่มิ เติมความรู้ เพ่ือปรับปรุงการเรยี นของตน
46 สือ่ คอมพิวเตอร์เพื่อการสอน 2. ผเู้ รียนสามารถนาคอมพิวเตอรช์ ่วยสอนไปใชใ้ นการเรยี นด้วยตนเองใน เวลา และสถานทท่ี ่ีสะดวก 3. คอมพิวเตอร์ชว่ ยสอนสามารถทจ่ี ะจงู ใจผ้เู รียนให้เกดิ ความกระตอื รือร้น สนกุ สนานไปกับการเรียน ข้อพึงระวังของการใชค้ อมพิวเตอรช์ ่วยสอน * ผูส้ อนจะต้องมคี วามพร้อม ความชานาญในการสอนคอมพิวเตอรช์ ่วยสอน * ผู้สอนควรมกี ารวางแผน และเตรยี มความพร้อมให้แก่ผู้เรียนใหร้ อบคอบ ก่อนนาคอมพิวเตอรช์ ว่ ยสอนไปใชอ้ ยา่ งเหมาะสม * การผลติ คอมพวิ เตอรช์ ่วยสอนที่ไดม้ าตรฐานเป็นสงิ่ สาคัญมาก หาก คอมพวิ เตอร์ช่วยสอนไม่ไดร้ ับการออกแบบอย่างเหมาะสม จะทาให้ผู้เรียน รู้สึกเบ่อื หนา่ ยและไม่ตอ้ งการใช้คอมพิวเตอร์ช่วยสอนนนั้ ๆ * ผู้ที่สนใจสรา้ งคอมพิวเตอร์ชว่ ยสอนควรท่ีคานงึ เวลาในการผลติ วา่ คอมพวิ เตอรช์ ่วยสอนที่ได้มาตรฐานนน้ั ต้องใชเ้ วลาเท่าไร ตวั อย่างของคอมพิวเตอร์ชว่ ยสอน หรือ CAI 1.การสอน (TutorialInstruction) เป็นโปรแกรมท่เี สนอเน้อื หาความรู้ เป็นเน้อื หาย่อย ๆ แกผ่ เู้ รยี นในรปู แบบของข้อความ ภาพ เสยี ง หรอื ทกุ รปู แบบรวมกัน แล้วให้ผู้เรียนตอบคาถามเมือ่ ผเู้ รียนให้คาตอบแลว้ คาตอบ นน้ั จะได้รับการวิเคราะห์เพื่อให้ข้อมลู ป้อนกลบั ทันทีแต่ถ้าผู้เรียนตอบคาถาม
สือ่ คอมพิวเตอร์เพือ่ การสอน 47 นน้ั ซ้าและยังผิดอีกกจ็ ะมีการให้เนื้อหาเพื่อทบทวนใหม่จนกว่าผู้เรยี นจะตอบ ถูกแลว้ จงึ ตัดสินใจว่าจะยังคงเรียนเนื้อหาในบทนัน้ อีก หรือจะเรยี นในบท ใหมต่ ่อไป 2.การฝกึ หดั (Drills and Practice) เปน็ โปรแกรมฝึกหัดทไี่ ม่มีการเสนอ เน้ือหาความร้แู ก่ผู้เรยี นก่อนแตจ่ ะมกี ารใหค้ าถามหรือ ปญั หาทไ่ี ด้คัดเลือก มาจากการส่มุ หรอื ออกแบบมาโดยเฉพาะโดยการนาเสนอคาถาม หรือ ปัญหานั้นซ้าแลว้ ซ้าเลา่ เพ่ือให้ผู้เรียนตอบแลว้ มีการใหค้ าตอบท่ี ถกู ต้อง เพ่อื การตรวจสอบยืนยันแกไ้ ขและพร้อมกับให้คาถามหรือปัญหา ต่อไปอีก จนกวา่ ผูเ้ รยี นจะสามารถตอบคาถามหรือแก้ปัญหานน้ั จนถงึ ระดบั ท่นี า่ พอใจ ดงั นนั้ ในการใชค้ อมพวิ เตอรเ์ พื่อการฝึกหัดนี้ ผเู้ รยี นจงึ จาเปน็ ตอ้ ง มีความคดิ รวบยอดและมคี วามรู้ความเขา้ ใจในเรื่องราว และกฎเกณฑ์ เก่ียวกบั เรื่องน้นั ๆเปน็ อย่างดีมาก่อน แลว้ จึงจะสามารถตอบคาถาม หรือ แกป้ ญั หาได้ 3.การจาลอง (Simulation) เป็นโปรแกรมท่ีจาลองความเปน็ จรงิ โดยตัด รายละเอียดต่าง ๆหรือนากิจกรรม ท่ีใกล้เคยี งกบั ความเปน็ จรงิ มาให้ผู้เรียนไดศ้ ึกษาน้นั เป็นการเปดิ โอกาสให้ ผูเ้ รยี นได้พบเห็นภาพจาลอง ของเหตุการณ์ เพอ่ื การฝกึ ทักษะและการเรียนรู้ได้ โดยไม่ต้องเสยี่ งภยั หรือ เสยี ค่าใช้จา่ ยมากนักโปรแกรมนม้ี ิใช่เป็นการสอนเหมือนกับโปรแกรมการ สอนแบบธรรมดาซง่ึ เปน็ การเสนอเนื้อหาความรู้ แลว้ จึงให้ผู้เรียน ทากจิ กรรมแต่เปน็ เพยี งการแสดงให้ผเู้ รียนได้ชมเทา่ น้นั
48 สื่อคอมพิวเตอร์เพื่อการสอน 4. เกมเพื่อการสอน (Instructional Games) โปรแกรมชนิดนี้กาลังเปน็ ท่ี นยิ มกันมากเนื่องจากเป็นสง่ิ ที่กระตุ้นผ้เู รยี นใหเ้ กดิ ความอยากเรียนรไู้ ด้ โดยงา่ ยเพิ่มบรรยากาศในการเรียนร้ใู หด้ ยี ่งิ ขึ้นและช่วยมิใหผ้ ้เู รียน เกดิ อาการเหม่อลอยหรือฝันกลางวัน ซ่ึงเปน็ อุปสรรคในการเรยี นเน่อื งจากมี การแขง่ ขนั จึงทาใหผ้ ู้เรยี น ตอ้ งมีการต่ืนตัวอยู่เสมอ 5. การค้นพบ (Discovery) เปน็ การเปดิ โอกาสใหผ้ เู้ รียนสามารถเรยี นรู้ จากประสบการณข์ องตนเองใหม้ ากทส่ี ุดโดยการเสนอปญั หาให้ผ้เู รียนลอง ผดิ ลองถกู หรือโดยวิธีการจดั ระบบเขา้ มาช่วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ จะใหข้ ้อมลู แกผ่ ู้เรียนเพ่ือชว่ ยในการค้นพบจนกว่าจะได้ข้อสรปุ ทีด่ ีทส่ี ุด 6. การแก้ปญั หา (Problem-Solving) เป็นการใหผ้ ู้เรียนฝกึ การคดิ การ ตดั สินใจโดยมกี ารกาหนดเกณฑ์ ให้ แล้วใหผ้ เู้ รยี นพิจารณาไปตามเกณฑน์ ้ันโปรแกรมเพ่ือการแก้ปัญหาแบ่ง ไดเ้ ปน็ 2 ชนิด คือ โปรแกรม ทใ่ี หผ้ ู้เรียนเขียนเองและโปรแกรมทมี่ ีผูเ้ ขียนไวแ้ ลว้ เพื่อช่วยผู้เรยี นในการ แก้ปัญหาโดยท่ีคอมพวิ เตอร์ จะช่วยในการคิดคานวณ และหาคาตอบทถ่ี ูกตอ้ งให้ 7. การทดสอบ (Tests) การใชโ้ ปรแกรมคอมพวิ เตอรเ์ พื่อการทดสอบมิใช่ เปน็ การใชเ้ พียงเพ่ือปรับปรุงคุณภาพของแบบทดสอบเพ่ือวัดความรูข้ อง ผเู้ รยี นเท่านั้นแต่ยงั ชว่ ยให้ผสู้ อนมคี วามร้สู ึกท่ีเป็นอสิ ระ จากการผูกมดั ทางกฎเกณฑ์ต่าง ๆเกยี่ วกับการทดสอบได้อีกดว้ ย
สือ่ คอมพิวเตอร์เพือ่ การสอน 49 การนาไปใช้ ส่อื การเรียนการสอนนบั ว่าเปน็ ปจั จัยสาคัญอย่างยิ่งท่ีจะสง่ เสรมิ และ สนบั สนนุ ให้ผ้เู รียนเปน็ ศนู ย์กลางการเรียนรไู้ ด้หรือเน้นผู้เรียนเป็นสาคญั ส่อื การเรยี นการสอนประเภท “คอมพิวเตอร์ชว่ ยสอน” เองนับวา่ เป็นสอื่ ประเภทหนง่ึ ที่ใหผ้ ลสมั ฤทธ์ิทางการเรยี นสูง ท้ังน้เี นื่องจากคอมพิวเตอรช์ ่วย สอนมคี ุณสมบัตใิ นการนาเสนอแบบหลายสอ่ื (Multimedia) ดว้ ย คอมพิวเตอร์และการเรียนท่ีใช้เครอื่ งคอมพิวเตอร์เป็นเครือ่ งมอื เปน็ เพิ่ม ความนา่ สนใจใหแ้ ก่ผู้เรียน โดยนาเสนอในรปู แบบต่างๆเช่น ภาพ เสยี ง กราฟฟกิ ตา่ งๆ โดยเนน้ ใหผ้ ูเ้ รียนไดเ้ กดิ การเรียนรู้ดว้ ยตนเอง การประเมนิ ประเมนิ ว่าหลังจากนักเรียนใชโ้ ปรแกรมนแี้ ล้วบรรลวุ ตั ถุประสงค์ทต่ี ้ังไว้ หรือไมว่ ิธีการประเมินผลสว่ นนีก้ ระทาโดยผู้เรยี นทาแบบทดสอบก่อนและ หลงั การใชโ้ ปรแกรมเพอื่ วดั ความก้าวหนา้ ของผเู้ รียนถา้ ผลการทดสอบ ออกมาติดลบแสดงวา่ หลังจากการใชโ้ ปรแกรมผเู้ รียนไม่ได้พฒั นาข้นึ เลย จาเปน็ ต้องมีการปรบั ปรงุ วตั ถุประสงค์ใหม่เพราะโปรแกรมทสี่ ร้างไม่บรรลุ วัตถปุ ระสงค์ตามทต่ี ้ังไวน้ อกจากนยี้ งั ประเมินในส่วนของโปรแกรมและการ ทางานว่าการใช้โปรแกรมกับเน้อื หารวิชาน้ีเหมาะสมหรือไม่เจตคตขิ อง ผู้เรียนตอ่ การใชโ้ ปรแกรมเปน็ อยา่ งไรวิธกี ารใช้โปรแกรมง่ายยากอย่างไร วิธีการสอนบทเรยี นความถูกต้องของเน้ือหาเอกสารประกอบการตดิ ต่อกับ ผูเ้ รียนเป็นอยา่ งไรการประเมินผลเป็นอย่างไรการประเมนิ ผลส่วนน้จี ะใช้ แบบสอบถามจากขนั้ ตอนการพัฒนาโปรแกรมคอมพวิ เตอร์ชว่ ยสอนท่ีกล่าว มาท้ังหมดข้างต้นนี้
50 สื่อคอมพิวเตอร์เพือ่ การสอน การใช้ E-Leaning หรือบทเรียนออนไลน์ คาว่า e-Learning คือ การเรียน การสอนในลกั ษณะหรือรปู แบบใดก็ได้ ซึ่งการถา่ ยทอดเนื้อหานนั้ กระทาผา่ นทางสอื่ อิเลก็ ทรอนิกส์ เช่นซดี ีรอม เครอื ข่ายอินเทอร์เน็ต อินทราเนต็ เอ็กซทราเน็ต หรือ ทางสัญญาณโทรทัศน์ หรอื สัญญาณดาวเทียม (Satellite) ฯลฯ เปน็ ต้นซ่งึ การเรียนลกั ษณะนี้ได้มี การนาเข้าสูต่ ลาดเมอื งไทยในระยะหนงึ่ แล้ว เชน่ คอมพิวเตอรช์ ว่ ยสอนด้วย ซีดรี อม, การเรียนการสอนบนเว็บ (Web-Based Learning), การเรียน ออนไลน์ (On-line Learning) การเรียนทางไกลผา่ นดาวเทียม หรอื การ เรียนด้วยวดี โี อผ่านออนไลน์ ดร. สรุ สิทธ์ิ วรรณไกรโรจน์ ผ้อู านวยการโครงการการเรียนร้แู บบ ออนไลน์แห่ง สวทช. ไดใ้ ห้คาจากัดความของ บทเรยี นออนไลน์ (Online) e- Learning (อเี ลิรน์ นิง) คือ การเรียนรูแ้ บบออนไลน์ หรือ e-learning (อีเลริ ์ นน่ิง) การศึกษา เรยี นร้ผู า่ นเครอื ขา่ ยคอมพวิ เตอรอ์ นิ เทอรเ์ น็ต (Internet) หรืออินทราเนต็ (Intranet) เปน็ การเรยี นรดู้ ้วยตวั เอง ผเู้ รยี นจะ ได้เรียนตามความสามารถและความสนใจของตน โดยเนอ้ื หาของบทเรียนซ่ึง ประกอบด้วย ข้อความ รปู ภาพ เสียง วิดีโอและมัลติมเี ดยี อ่ืนๆ จะถูกสง่ ไป ยงั ผเู้ รยี นผ่าน Web Browser โดยผ้เู รยี น ผสู้ อน และเพื่อนรว่ มช้นั เรยี นทกุ คน สามารถตดิ ต่อ ปรกึ ษา แลกเปลย่ี นความคดิ เหน็ ระหวา่ งกันได้ เช่นเดียวกบั การเรยี นในชัน้ เรียนปกติ โดยอาศยั เครอื่ งมือการติดตอ่ สอ่ื สาร ที่ทันสมัย เชน่ e-mail, webboard, chat) จึงเป็นการเรียนสาหรบั ทกุ คน , เรียนได้ทกุ เวลา และทุกสถานที่ (Learn for all : anyone, anywhere and anytime)
สื่อคอมพิวเตอร์เพื่อการสอน 51 สามารถนาไปใชป้ ระกอบกับการเรยี นการสอน ได้ 3 ระดับ ดังน้ี 1. ส่ือเสริม (Supplementary) กล่าวคอื นอกจากเน้อื หาที่ ปรากฏในลักษณะ e-Learning แลว้ ผเู้ รียนยังสามารถศึกษาเนอ้ื หาเดยี วกนั น้ีในลกั ษณะอนื่ ๆ เช่น จากเอกสาร (ชีท)ประกอบการสอน จากวดิ ีทศั น์ (Videotape) ฯลฯ การใช้ e-Learning ในลกั ษณะน้เี ท่ากับวา่ ผูส้ อนเพียง ต้องการจัดหาทางเลือกใหมอ่ ีกทางหนงึ่ สาหรบั ผเู้ รียนในการเข้าถงึ เน้ือหา เพ่ือใหป้ ระสบการณ์พิเศษเพ่ิมเติมแก่ผูเ้ รียนเทา่ นน้ั 2. ส่ือเติม (Complementary) หมายถงึ การนา e-Learning ไป ใช้ในลักษณะเพม่ิ เติมจากวิธกี ารสอนในลกั ษณะอื่นๆ เชน่ นอกจากการ บรรยายในห้องเรียนแล้วผสู้ อนยังออกแบบเนื้อหาให้ผูเ้ รยี นเขา้ ไปศกึ ษา เนอ้ื หาเพิ่มเติมจาก e-Learning ในความคิดของผเู้ ขยี น 3. สอ่ื หลกั (Comprehensive Replacement) หมายถงึ การ นา e-Learning ไปใช้ในลักษณะแทนทีก่ ารบรรยายในห้องเรียน ผเู้ รยี น จะตอ้ งศกึ ษาเนื้อหาทั้งหมดออนไลน์ ในปจั จุบัน e-Learning ส่วนใหญ่ใน ต่างประเทศจะไดร้ ับการพฒั นาขน้ึ เพื่อวตั ถปุ ระสงค์ในการใชเ้ ป็นสื่อหลัก สาหรับแทนครใู นการสอนทางไกล ดว้ ยแนวคดิ ที่วา่ มัลติมเี ดีย ท่นี าเสนอ ทาง e-Learning สามารถช่วยในการถ่ายทอดเน้ือหาได้ใกลเ้ คยี งกบั การสอน จริงของครูผสู้ อนโดยสมบรู ณ์ได้ การเตรียมความพร้อมของผู้เรยี น สาหรับการเรียนแบบ e – Learning - สามารถใชง้ านคอมพวิ เตอร์ และใชง้ านอินเทอรเ์ น็ตได้เปน็ อยา่ งดี - เพื่อการเรียนเนื้อหาบทเรียนไดอ้ ย่างมปี ระสิทธภิ าพ ควรใช้งาน อินเทอรเ์ นต็ ทม่ี ีความเรว็ ไม่ต่ากวา่ 256 K - ผูเ้ รียนจะต้องวางแผนการเรยี น แบง่ เวลาในการเรียน ควบคมุ การเรียน
52 สื่อคอมพิวเตอร์เพื่อการสอน ให้เป็นไปตามความพร้อมและความสามารถของตนเองควบคู่ไปกับตาราง การเรยี นการสอนของทางสถาบนั การประเมนิ เนื้อหาตอ้ งมีความถกู ตอ้ ง วธิ ีการสอนหรือการเสนอเนือ้ หาความมงุ่ หมาย ชัดเจนตรงตามวัตถปุ ระสงค์ มีความชดั เจนและตามตรรกะ เหมาะสมกับ ผูเ้ รียนส่งเสริมในการคิดสรา้ งสรรคต์ อบสนองความต้องการของผเู้ รียน เหมาะสมกับสถานการณ์ เวลา และเหตุการณช์ ว่ ยบูรณาการประสบการณ์ ในอดีตผเู้ รยี นสามารถควบคุมไดเ้ ทคนิควธิ กี าร การแสดงผลง่ายต่อการใช้ งาน มคี วามแน่นอนเชื่อถอื ได้ การใช้ E-Book หรอื หนังสืออเิ ลก็ ทรอนิกส์ (ที่มา https://sites.google.com/site/ebookpub04/karna-ma-chi-ni-prathes- hrux-kar-chi-ni-paccuban)
สื่อคอมพิวเตอร์เพื่อการสอน 53 อีบคุ๊ (e-book, e-Book, eBook, EBook,) เป็นคา ภาษาต่างประเทศ ย่อมาจากคาวา่ electronic book หมายถึง หนังสอื ที่ สร้างข้ึนดว้ ยโปรแกรมคอมพิวเตอร์มีลกั ษณะเป็นเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ โดย ปกตมิ กั จะเป็นแฟม้ ขอ้ มูลทส่ี ามารถอ่านเอกสารผา่ นทางหน้า จอคอมพิวเตอร์ทง้ั ในระบบออฟไลน์และออนไลน์ คณุ ลักษณะของหนงั สอื อิเล็กทรอนิกสส์ ามารถเช่อื มโยงจดุ ไปยงั ส่วนต่างๆ ของหนงั สือ เว็บไซต์ต่างๆ ตลอดจนมีปฏิสัมพันธแ์ ละโตต้ อบกับผู้เรียนได้ นอกจากน้นั หนังสอื อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์สามารถแทรกภาพ เสยี ง ภาพเคลอื่ นไหว แบบทดสอบ และสามารถส่ังพมิ พเ์ อกสารทต่ี ้องการออกทางเครอ่ื งพิมพ์ได้ อกี ประการหนง่ึ ที่สาคญั ก็คือ หนังสอื อิเล็กทรอนิกส์สามารถปรับปรงุ ข้อมลู ให้ทนั สมัยได้ตลอดเวลา ซึ่งคุณสมบัติเหลา่ น้ีจะไมม่ ีในหนังสอื ธรรมดาท่วั ไป หนังสืออิเลก็ ทรอนิกส์ เป็นหนังสือทจ่ี ัดทาด้วยระบบคอมพิวเตอร์ โดยไม่ตอ้ งพิมพเ์ น้ือหาสาระของหนงั สือบนกระดาษหรือจัดพมิ พเ์ ป็นรปู เลม่ หนงั สืออเิ ลก็ ทรอนิกส์สามารถเปดิ อา่ นไดจ้ ากจอภาพของเครือ่ งคอมพิวเตอร์ เหมือนกบั เปิดอา่ นจากหนงั สือโดยตรง ทั้งนสี้ ามารถนาเสนอข้อมูลได้ทัง้ ตัวอกั ษรหรือตัวเลข เรยี กวา่ ไฮเปอรเ์ ท็กซ์ (hypertext) และถ้าหากข้อมลู นั้นรวมถงึ ภาพ เสยี ง และภาพเคล่ือนไหวจะเรยี กวา่ ไฮเปอรม์ ีเดีย (hypermedia)โดยการประสานเชอื่ มโยงสัมพนั ธข์ องเน้ือหาทีอ่ ยูใ่ นแฟ้ม เดียวกนั หรอื อยู่คนละแฟ้ม เข้าด้วยกนั ทาให้ผู้ใช้ สามารถค้นหาข้อมลู ที่ ตอ้ งการได้อยา่ งรวดเรว็ และมีประสทิ ธิภาพซึ่งผูเ้ รียนสามารถทจี่ ะเลือกเรียน ไดต้ ามความต้องการไม่จากัดเวลาและสถานที่
54 สื่อคอมพิวเตอร์เพือ่ การสอน โครงสร้างหนังสืออิเลก็ ทรอนิกส์ (e-Book Construction) ลกั ษณะโครงสร้างของหนงั สืออเิ ล็กทรอนิกสจ์ ะมีความคลา้ ยคลงึ กับ หนังสือทั่วไปท่ีพิมพ์ดว้ ยกระดาษ หากจะมีความแตกต่างท่เี ห็นไดช้ ัดเจนก็ คอื กระบวนการผลติ รูปแบบ และวิธีการอา่ นหนงั สือ สรุปโครงสร้างทัว่ ไปของหนงั สืออเิ ลก็ ทรอนิกส์ ประกอบด้วย 1. หน้าปก (Front Cover) 2. คานา (Introduction) 3. สารบัญ (Contents) 4.สาระของหนังสอื แตล่ ะหนา้ (Pages Contents) 5. อ้างองิ (Reference) 6.ดัชนี (Index) 7. ปกหลงั (Back Cover) ประโยชน์ 1. ชว่ ยใหผ้ ู้เรยี นสามารถยอ้ นกลับเพ่ือทบทวนบทเรยี นหากไม่เข้าใจ และ สามารถเลือกเรยี นได้ตามเวลาและสถานท่ีทีต่ นเองสะดวก 2. การตอบสนองทร่ี วดเรว็ ของคอมพวิ เตอร์ทใ่ี ห้ทั้งสสี นั ภาพ และเสียง ทา ใหเ้ กิดความตืน่ เต้นและไม่เบ่ือหนา่ ย 3. ช่วยให้การเรียนมปี ระสิทธิภาพและประสิทธิผล มีประสิทธภิ าพในแง่ท่ีลด เวลาลดค่าใช้จ่าย สนองความต้องการและความสามารถของบุคคล มี ประสทิ ธผิ ลในแงท่ ่ที า ให้ผู้เรยี นบรรลจุ ดุ มงุ่ หมาย 4. สามารถปรบั เปล่ยี น แก้ไข เพม่ิ เติมข้อมูลได้ง่าย สะดวกและรวดเรว็ ทา ใหส้ ามารถปรบั ปรุงบทเรียนให้ทันสมยั กบั เหตุการณ์ไดเ้ ปน็ อย่างดี
สือ่ คอมพิวเตอร์เพือ่ การสอน 55 5. เสรมิ สรา้ งใหผ้ เู้ รยี นเป็นผูม้ ีเหตผุ ล มีความคดิ และทศั นะที่ เป็น Logical เพราะการโต้ตอบกบั เคร่ืองคอมพิวเตอร์ ผู้เรียนจะต้องทา อย่างมีขัน้ ตอน มีระเบยี บ และมีเหตผุ ลพอสมควรเปน็ การฝึกลกั ษณะนิสัยท่ี ดีให้กับผูเ้ รียน 6. ครูมเี วลาติดตามและตรวจสอบความก้าวหน้าของผู้เรียนแตล่ ะคนได้มาก ขึน้ 7. ช่วยพฒั นาทางวชิ าการ
56 สือ่ คอมพิวเตอร์เพื่อการสอน
สื่อคอมพิวเตอร์เพือ่ การสอน 57
58 สือ่ คอมพิวเตอร์เพื่อการสอน บทท่ี 4 จรรยาบรรณ จริยธรรมในการใช้คอมพิวเตอร์ ผใู้ ช้อินเทอรเ์ น็ตมีเป็นจานวนมากและเพิ่มข้นึ ทุกวนั การใช้งาน ระบบเครือข่ายที่ออนไลนแ์ ละสง่ ขา่ วสารถึงกันย่อมมผี ทู้ ่ีมีความประพฤติไมด่ ี ปะปนและสร้างปัญหาให้กบั ผูใ้ ชอ้ นื่ อยูเ่ สมอ หลายเครือขา่ ยจึงได้ออก กฎเกณฑก์ ารใช้งานภายในเครอื ขา่ ย เพื่อใหส้ มาชิกในเครือขา่ ยของตนยึดถือ ปฏบิ ัตติ ามกฎเกณฑ์และได้รับประโยชนส์ ูงสดุ ดงั น้นั ผใู้ ช้อินเทอรเ์ น็ตทุกคน ทเ่ี ป็นสมาชกิ เครือขา่ ยจะต้องเข้าใจกะเกณฑ์ขอ้ บังคับของ เครอื ข่ายนั้นมี ความรบั ผดิ ชอบต่อตนเองและผู้ร่วมใชบ้ ริการคนอืน่ และจะตอ้ งรับผิดชอบ ต่อการกระทาของตนเองที่เข้าไปขอใช้บรกิ ารต่างๆ บนเครือขา่ ยบนระบบ คอมพวิ เตอร์ เครอื ขา่ ยคอมพิวเตอร์ทผี่ ู้ใช้อนิ เทอร์เนต็ เรียกเขา้ มิไดเ้ ปน็ เพียง เครือข่ายขององค์กรที่ผูใ้ ช้สังกดั แตเ่ ป็นการเชื่อมโยงของเครือขา่ ยตา่ งๆ เข้า หากันหลายพนั หลายหมืน่ เครือขา่ ยมีข้อมลู ข่าวสารอยรู่ ะหว่างเครือข่ายเป็น จานวนมาก การส่งข่าวสารในเครือข่ายนั้นอาจทาใหข้ า่ วสารกระจาย เดนิ ทางไปยังเครือข่ายอ่ืน ๆ อกี เปน็ จานวนมากหรือแม้แต่การสง่ ไปรษณยี ์ อิเลก็ ทรอนิกสฉ์ บับหนึ่งก็อาจจะต้องเดินทางผา่ นเครอื ขา่ ยอกี หลาย เครอื ข่ายกว่าจะถึงปลายทาง ดงั น้ันผู้ใชบ้ รกิ ารต้องให้ความสาคัญและ ตระหนักถึงปญั หาปริมาณข้อมลู ขา่ วสารท่วี ง่ิ อยบู่ นเครอื ขา่ ยการใช้งานอย่าง สร้างสรรค์และเกิดประโยชนจ์ ะทาให้สังคมอินเทอร์เนต็ น่าใชแ้ ละเป็น ประโยชนร์ ว่ มกันอยา่ งดี กิจกรรมบางอย่างทไี่ มค่ วรปฏิบตั ิจะตอ้ งหลกี เล่ยี ง เชน่ การส่งกระจายข่าวไปเปน็ จานวนมากบนเครือขา่ ย การส่งเอกสาร จดหมายลูกโซ่ ฯลฯ ส่ิงเหลา่ นีจ้ ะเป็นผลเสียโดยรวมต่อผู้ใชแ้ ละไมเ่ กดิ ประโยชนใ์ ด ๆ ต่อสงั คมอินเทอร์เนต็ เพ่ือให้การอยรู่ ว่ มกนั ในสังคม อินเทอร์เน็ตสงบสุข Arlene H.Rinaldi แหง่ มหาวทิ ยาลยั ฟอร์ริดา
สื่อคอมพิวเตอร์เพื่อการสอน 59 แอตแลนติก จงึ รวบรวมกฎกตกิ ามารยาทและวางเป็นจรรยาบรรณ อนิ เทอรเ์ น็ตหรือทเ่ี รียกวา่ Netiquette ไว้ดังน้ี จรรยาบรรณท่ีผใู้ ช้คอมพวิ เตอร์ยดึ ถือไวเ้ ป็นบทการปฏบิ ัติเพอ่ื เตือน ความจา 1. ตอ้ งไม่ใชค้ อมพิวเตอรท์ าร้ายหรอื ละเมิดผู้อ่ืน 2. ต้องไมร่ บกวนการทางานของผูอ้ ่ืน 3. ต้องไม่สอดแนมหรือแกไ้ ขเปิดดใู นแฟ้มของผ้อู ืน่ 4. ต้องไม่ใชค้ อมพวิ เตอร์เพื่อการโจรกรรมข้อมลู ข่าวสาร 5. ต้องไม่ใชค้ อมพิวเตอร์สร้างหลักฐานท่เี ป็นเท็จ 6. ต้องไม่คดั ลอกโปรแกรมผอู้ ื่นทม่ี ีลิขสทิ ธิ์ 7. ตอ้ งไม่ละเมดิ การใช้ทรัพยากรคอมพวิ เตอร์โดยท่ตี นเองไมม่ ีสิทธิ์ 8. ตอ้ งไม่นาเอาผลงานของผู้อน่ื มาเป็นของตน 9. ต้องคานงึ ถึงส่ิงท่ีจะเกิดขึ้นกบั สงั คมอันติดตามมาจากการกระทา 10.ตอ้ งใชค้ อมพวิ เตอร์โดยเคารพกฎระเบียบ กตกิ ามารยาท จรรยาบรรณเปน็ สิ่งทท่ี าใหส้ ังคมอินเทอรเ์ น็ตเปน็ ระเบียบความรับผิดชอบ ต่อสงั คมเป็นเรื่องที่จะต้องปลูกฝังกฎเกณฑ์ของแตล่ ะเครอื ข่ายจงึ ตอ้ งมกี าร วางระเบียบเพ่ือให้การดาเนนิ งานเป็นไปอยา่ งมรี ะบบและเออ้ื ประโยชนซ์ งึ่ กนั และกนั บางเครือข่ายมบี ทลงโทษและจรรยาบรรณทช่ี ัดเจน เพอื่ ช่วยให้ สังคมสงบสุขและหากการละเมิดรุนแรงกฎหมายก็จะเขา้ มามีบทบาทได้ เชน่ กนั
60 สื่อคอมพิวเตอร์เพือ่ การสอน กฎหมายและศลี ธรรม (Motal) เปน็ กฏเกณฑ์ท่เี ปน็ ลายลกั ษณ์อักษรของ สงั คมมาช้านานเราพอเขา้ ใจได้ง่าย ๆ วา่ รฐั เปน็ ผู้ตรากฏหมายข้นึ เพอื่ ใช้ บังคับพลเมอื งในอาณาเขตของรฐั ขณะศลี ธรรมเปน็ ข้อบัญญตั ิทางศาสนาซง่ึ เปน็ หลกั ความเชือ่ ของประชาชน จรยิ ธรรม (Ethics) เป็นเรอ่ื งของการ กาหนดความถูกต้องดงี าม ส่งิ ท่ีไม่ควรทา มหี ลักปฏิบตั ใิ นระดับทสี่ ูงกวา่ มารยาทในสงั คม เชน่ คนท่ีไม่ยอมเข้าแถวเพ่ือขอรับบริการตามสทิ ธิ์ ก่อนหลงั อาจถือวา่ ไม่มมี ารยาทหรอื พนักงานคอมพวิ เตอร์คนหนึง่ เอาข้อมูล ทางการเงินของลกู ค้าทีเ่ ขาจะต้องเห็นตามหนา้ ทีก่ ารงานไปหาผลประโยชน์ แกต่ นเอง เชน่ ขายรายช่ือนั้นใหธ้ รุ กิจอน่ื หรอื บอกใหแ้ ก่คูส่ มรสซึง่ เปน็ พนกั งานขายตรงไปเสนอขายสนิ ค้า การกระทาเชน่ นถ้ี ือว่าไมถ่ กู ต้อง ไมม่ ี จรยิ ธรรม จริงอยู่ แมว้ า่ บริษทั ทพ่ี นักงานผู้น้ันทางานอยจู่ ะไม่เสยี หาย แต่ การนาเอาของบรษิ ทั ไปใช้เพื่อประโยชนส์ ่วนตวั ก็เป็นสง่ิ ที่ไม่อาจทาได้อย่าง เปิดเผย หรือพนักงานขายสินค้าของทางบริการหนึง่ ซึ่งลาออกจากบรษิ ัทเพ่ือ ไปทางานกบั บรษิ ัทคแู่ ข่งแล้วใชป้ ระโยชน์จากความรูใ้ นเร่ืองขอ้ มลู ราคาหรอื ความลับทางการคา้ ของบริษัทแรกไปให้บรษิ ัทหลัง ก็อาจเรยี กได้วา่ พนักงาน คนนั้นไม่มีจริยธรรม เมอ่ื สังคมสลบั ซบั ซอ้ นขึ้น มกี ารแบ่งหน้าทกี่ นั ออกเป็น หนา้ ทีต่ า่ ง ๆ จงึ มีข้อกาหนดท่ีเรยี กว่า “จรรยาวชิ าชพี ” (Code of Conduct) ขึ้น เพื่อใช้เป็นหลักปฏิบัติของคนในอาชพี นนั้ ๆ เราคงเคยได้ยนิ จรรยาบรรณของแพทย์ ทจ่ี ะไมเ่ ปิดเผยเรื่องราวสว่ นตวั ของคนไข้ จรรยาบรรณของนกั หนังสือพิมพท์ ่รี ับเงนิ ทองส่งิ ตอบแทนเพ่อื เสนอขา่ ว หรือไม่เสนอขา่ วไม่เปิดเผยแหลง่ ข่าวถา้ แหลง่ ข่าวไม่ต้องการจรรยาบรรณ
สือ่ คอมพิวเตอร์เพือ่ การสอน 61 วิชาชีพของสถาปนิกหรือวศิ วกรผอู้ อกแบบทต่ี ้องไม่รับผลประโยชนใ์ ด ๆ จากผ้ขู ายอุปกรณ์ท่ใี ช้ในงานที่เขาออกแบบ ซงึ่ ขายให้กับผวู้ า่ จ้างงานช้นิ นนั้ เพราะเขาได้รบั ปลตอบแทนจากผวู้ า่ จ้างแลว้ จรรยาบรรณของวชิ าชพี ใด ก็ มกั กาหนดขนึ้ โดยสมาคมวิชาชีพนั้น โดยมีขอ้ กาหนด บทลงโทษท่ี นอกเหนือไปจากกฏหมายบ้านเมือง เช่น เพิกถอนสมาชิกภาพ เพิกถอนหรือ พักใบประกอบวชิ าชีพ และอาจมีกฏหมายรองรบั อีกด้วย อาชีพนกั คอมพิวเตอร์ เป็นอาชพี ใหม่ในสงั คมสารสนเทศ การใช้คอมพิวเตอร์และ ระบบสารสนเทศ ก็เปน็ สิ่งใหม่ท่มี ศี ีลธรรม จรยิ ธรรม และจรรยาบรรณ เฉพาะของตนซง่ึ บางครัง้ กแ็ ตกตา่ งจากจรยิ ธรรมท่ียอมรับกันมาแตก่ ่อน หลกั พ้ืนฐานของจริยธรรมในสงั คมสารสนเทศกค็ ือการเคารพผ้อู ่ืน เคารพ ความเป็นส่วนตวั การเข้าถึงระบบคอมพวิ เตอรแ์ ละข้อมูลก็จะเฉพาะสทิ ธ์ทิ ่ี ตนเองมีในส่วนท่ีเกยี่ วข้องกบั งาน ลนิ ดา เฮอรน์ ดอน ได้กล่าวถึงบญั ญัติสบิ ประการของการใชค้ อมพิวเตอร์ ไว้ดงั นี้ 1. ไมใ่ ช้คอมพวิ เตอร์ทาร้ายผู้อื่น 2. ไม่รบกวนจนงานคอมพิวเตอรข์ องผอู้ ืน่ 3. ไม่แอบดูแฟ้มข้อมลู ของผู้อ่ืน 4. ไม่ใช้คอมพวิ เตอร์เพ่อื ลกั ขโมย 5. ไม่ใชค้ อมพวิ เตอร์เพ่อื เป็นพยานเท็จ 6. ไม่ใชห้ รอื ทาสาเนาซอฟตแ์ วรท์ ต่ี นไม่ได้ซอ้ื สิทธิ์ 7. ไมใ่ ช้คอมพิวเตอรข์ องผอู้ ื่นโดยไมม่ ีอานาจหนา้ ที่
62 สือ่ คอมพิวเตอร์เพื่อการสอน 8. ไม่ฉวยเอาทรพั ย์ทางปญั ญาของผู้อ่นื มาเป็นของตน 9. คดิ ถึงผลตอ่ เนื่องทางสงั คมของโปรแกรมทเี่ ขียน 10. ใช้คอมพวิ เตอร์ในทางท่แี สดงถึงความใครค่ รวญและเคารพ จรรยา วิชาชีพ ของสมาชกิ สมาคมเครือ่ งจักรกลคอมพวิ เตอร์ (Association of ComputerMachinery ACM Code of Conduct) ซึ่งเปน็ สมาคมวิชาชพี นกั คอมพวิ เตอร์ที่มีชอ่ื เสยี งที่สุดแห่งหนึง่ มดี ังนี้ 1. กฎข้อบังคบั ทางศลี ธรรมท่ัวไป 1. ทาประโยชนใ์ หส้ งั คมและความผาสกุ ของมนษุ ย์ ขอ้ นเ้ี ก่ียวกับ คุณภาพชีวติ ของประชาชนทุกคนคุ้มครองหลักสทิ ธมิ นุษยชน ขัน้ พื้นฐาน เคารพความหลากหลายของวัฒนธรรมทง้ั หมด ลดผลดา้ นลบของระบบ คอมพวิ เตอร์ทีม่ ีต่อสุขภาพอนามัยและความปลอดภัยรบั ผดิ ชอบต่อสงั คม และส่งิ แวดล้อม 2. ไม่ทาอันตรายแก่ผูอ้ ื่น อนั ตรายหมายรวมถึง การบาดเจ็บหรอื ผลตอ่ เนื่องด้านลบ เชน่ การสูญเสยี ขอ้ มลู อันเปน็ ท่ีไม่พึงปรารถนา ทรัพย์สิน สูญหายหรือเสยี หาย ผลกระทบตอ่ สง่ิ แวดล้อมที่ไม่พึงปรารถนา หลกั การข้อ นห้ี า้ มการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศไปทาอันตรายตอ่ ผู้ใชส้ าธารณชน พนกั งานและนายจา้ งอันตรายนร้ี วมถงึ การจงใจทาลายหรือแก้ไขขอ้ มูลใน แฟ้มข้อมูลและโปรแกรมท่ที าให้สูญเสยี หรือเสยี เวลาและความพยายามของ บคุ ลากรทจ่ี าเปน็ ต้องใชท้ าลายไวรัสคอมพวิ เตอร์ในสภาพแวดลอ้ มทีท่ างาน นกั วชิ าชพี คอมพวิ เตอร์จะต้องรายงานสัญญาณอนั ตรายทอ่ี าจก่อใหเ้ กดิ ผล ต่อความเสียหายของสงั คมและบุคคล แมว้ า่ หัวหน้างานจะไมล่ งมือแก้ไข หรือลดทอนอนั ตรายน้นั ก็อาจจาเป็นตอ้ งแจง้ ใหผ้ อู้ ื่นท่ีเกีย่ วข้องทราบโดย อาจอาศยั ผู้รว่ มวิชาชพี เปน็ ผู้ให้คาปรกึ ษา
สือ่ คอมพิวเตอร์เพือ่ การสอน 63 3. ซ่อื สัตย์และไวว้ างใจได้ นักคอมพวิ เตอร์ท่ซี ่อื สัตยน์ อกจากจะไม่ จงใจแอบอา้ งระบบหรอื การออกแบบทห่ี ลอกลวงอนั เปน็ เท็จแลว้ ยงั จะตอ้ ง เปดิ เผยอย่างเต็มทีใ่ ห้เหน็ ข้อจากัดและปัญหาที่เกี่ยวขอ้ งกบั ระบบทัง้ หมดอีก ดว้ ย 4. ยตุ ิธรรมและการกระทาทไี่ มแ่ บง่ แยกกดี กัน ข้อบังคับขอ้ น้ใี ช้ คุณคา่ ของความเสมอภาค ความใจกว้างให้อภยั เคารพในผู้อืน่ ความเท่ยี ง ธรรม การแบง่ แยกกดี กันโดยเชอื้ ชาติ เพศ ศาสนา อายุ ความพิการ สญั ชาติ หรือปจั จัยอนื่ เป็นสิ่งทไ่ี ม่อาจยอมรับได้ 5. ให้เกียรตสิ ิทธิในทรพั ยส์ นิ รวมทง้ั ลิขสทิ ธิแ์ ละสทิ ธ์ิบตั ร แมว้ ่าส่ิง ซง่ึ มลี ิขสทิ ธิ์ สทิ ธิบตั ร ความลับทางการคา้ การละเมิดขอ้ ตกลงการใชส้ ทิ ธิ จะไดร้ บั การคุ้มครองทางกฏหมายอยู่แลว้ แม้แต่ซอฟตแ์ วร์ทไี่ ม่ไดร้ ับการ คมุ้ ครอง การละเมิดกถ็ ือว่าเป็นการขัดต่อการประพฤติทางวชิ าชพี การลอก หรอื ทาสาเนาซอฟต์แวร์จะต้องทาโดยมอี านาจหน้าทเ่ี ท่านั้น การทาสาเนา วสั ดุใด ๆ เป็นสิ่งที่ให้อภยั ไม่ได้ 6. ใหเ้ กียรติแก่ทรพั ย์สินทางปัญญา นกั วชิ าชีพคอมพวิ เตอร์จะตอ้ ง ป้องกนั หลักคณุ ธรรมของทรัพยส์ ินทางปัญญา แมว้ ่างานนั้นจะไม่ไดร้ บั การ ป้องกนั อย่างเปิดเผยกต็ าม เชน่ งานอนั มีลิขสิทธ์หิ รือสทิ ธิบัตร 7. เคารพความเป็นสว่ นตวั ของผอู้ ่นื หลักการนย้ี งั หมายถึง การเก็บ ข้อมูลสว่ นบคุ คลไวใ้ นระบบเทา่ ท่ีจาเปน็ มรี ะยะเวลากาหนดการเกบ็ รักษา และทิ้งอย่างชัดเจน และปฏิบตั ติ ามอย่างเครง่ ครดั การรวบรวมข้อมูลไวเ้ พื่อ วตั ถปุ ระสงค์หนง่ึ ข้อมลู นัน้ จะถูกนาไปใช้ เพื่อการอื่นโดยไมไ่ ดร้ ับคายินยอม จากผู้นนั้ มิได้ 8. ให้เกยี รตใิ นการรักษาความลบั หลักแห่งความซ่ือสัตยข์ ้อนขี้ ยาย ไปถึงความลบั ของข้อมลู ที่ไมว่ ่าจะแจง้ โดยเปิดเผยหรอื สัญญว่าจะปกปดิ เป็น
64 สือ่ คอมพิวเตอร์เพือ่ การสอน ความลบั หรอื โดยนัยเมื่อขอ้ มูลสว่ นตัวที่ไม่เกีย่ วข้องกับหน้าที่ของผู้นั้น ปรากฏขน้ึ จรยิ ธรรมขอ้ น้ีเกย่ี วขอ้ งกบั การเคารพข้อบงั คบั ทั้งหลายที่เก่ียวกับ ความลบั ของขายจ้าง ลูกคา้ ผู้ใช้ เวน้ เสียแต่เปดิ เผยโดยกฏหมายบงั คับหรือ ตามหลกั แห่งจรรยาบรรณน้ี 2. ความรบั ผดิ ชอบในวิชาชีพ 1. มุ่งมั่นเพื่อให้ได้คุณภาพทดี่ ีที่สดุ และให้ตระหนกั ถึงผลเสียหายท่ี สบื เน่อื งจากระบบที่ด้อยคุณภาพ 2. ไดม้ าและรักษาไวซ้ ่งึ ความเชีย่ วชาญแหง่ วชิ าชพี 3. รับรู้และเคารพกฎหมายท้องถิน่ กฎหมายแหง่ รัฐ และกฎหมาย ระหวา่ งประเทศ 4. ยอมรบั และจัดให้มีการสอบทานทางวิชาชพี (Professional Review) 5. ให้ความเหน็ ประเมินระบบคอมพวิ เตอร์และผลกระทบอยา่ ง ละเอียดครบถว้ น รวมท้งั การวเิ คราะห์ความเส่ียงทเ่ี ปน็ ไปได้ 6. ใหเ้ กยี รติ รกั ษาสญั ญา ขอ้ ตกลง และความรับผดิ ชอบที่ไดร้ ับ มอบหมาย 7. ปรับปรุงความเข้าใจของสาธารณชนตอ่ คอมพิวเตอรแ์ ละผล สืบเนือ่ ง 8. เขา้ ถึงทรัพยากรคอมพวิ เตอร์และสื่บสารเฉพาะเมื่อไดร้ ับมอบ อานาจตามหน้าทเี่ ทา่ น้นั ไม่ใช้ระบบคอมพิวเตอรข์ องผู้อื่น ซอฟต์แวร์ แฟม้ ข้อมูลใด ๆ โดยไม่ไดข้ ออนญุ าต
สือ่ คอมพิวเตอร์เพือ่ การสอน 65 3. จริยธรรมในการใช้ไปรษณยี อ์ ิเลก็ ทรอนิกส์ 1. ไม่โฆษณาหรือเสนอขายสินคา้ 2. รู้ตัวว่ากาลงั กลา่ วอะไร 3. ถา้ ไม่เหน็ ดว้ ยกบั หลักพ้ืนฐานของรายช่ือกลมุ่ ท่ีตนเปน็ สมาชกิ ก็ ควรออกจากกล่มุ ไมค่ วรโตแ้ ย้ง 4. คดิ ก่อนเขียน 5. อย่าใชอ้ ารมณ์ 6. พยายามอ่านคาถามที่ถามบรอย (FAQ) ก่อนเสมอ 7. ไมส่ ง่ ข่าวสารที่กลา่ วรา้ ย หลอกลวง หยาบคาย ข่มขู่ 8. ไม่สง่ ต่อจดหมายลกู โซ่ หรือเมลข์ ยะ 9. ถ้าสงสัยไม่ทาดกี วา่ 10. รู้ไว้ด้วยว่าสาหรบั ผเู้ ขยี น คือ บนั ทึกฉันท์เพื่อน แตส่ าหรบั ผ้รู ับ คอื ข้อความทจ่ี ารึก ไว้บนศิลาจารกึ 11. ใหค้ วามระมดั ระวงั กบั คาเสียดสี และอารมณ์ขัน 12. อ่านข้อความในอีเมล์ ให้ละเอียดก่อนส่ง ความประณตี และ ตวั สะกด การันต์ เป็นสิง่ ทค่ี วรคานงึ ถงึ 13. ดูรายชื่อผู้รบั ใหด้ วี ่า เขาคือคนที่เราต้ังใจจะสง่ ไปถึง ผลกระทบด้านจริยธรรมและสงั คมของระบบสารสนเทศ
66 สือ่ คอมพิวเตอร์เพื่อการสอน ระบบข้อมลู สารสนเทศน้นั จาเป็นอย่างย่ิงที่จะต้องมีการดูแลรักษา ความปลอดภยั ของข้อมูล รวมทั้งสภาพแวดล้อมทเี่ ก่ยี วขอ้ งดว้ ย แผนก สารสนเทศเพ่ือการจดั การมนี โยบายทแ่ี นน่ อนในการจดั การข้อมลู ใหเ้ กิด ความปลอดภัย ใชอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง และเป็นประโยชน์ ซ่งึ เราจะกลา่ วถึง รายละเอยี ดในบทน้ี จริยธรรมกเ็ ป็นส่งิ สาคญั ของผู้ท่ที างานและผู้ท่เี ก่ยี วข้อง กนั เทคโนโลยสี ารสนเทศ ซึ่งถือวา่ เป็นส่ิงทต่ี ้องตระหนกั ไว้และให้ ความสาคัญ ความเข้าใจประเด็นด้านจรยิ ธรรมและด้านสังคมทเ่ี กี่ยวข้องกับระบบ สารสนเทศ จริยธรรม (Ethics) หมายถงึ ความถกู ต้องหรือไมถ่ ูกตอ้ งท่เี ปน็ ตวั แทนศีลธรรมทีเ่ ป็นอสิ ระในการเลอื กท่ีจะชักนาพฤตกิ รรมบคุ คล เนือ่ งจากเทคโนโลยสี ารสนเทศ [Information Technology (IT)] และ ระบบสารสนเทศ [Information Systems (IS)] ทาให้เกิดปญั หาความ แตกต่างกนั ระหวา่ งบุคคลและสงั คม เพราะท้ังสองส่งิ นี้ทาใหเ้ กิดการ เปลี่ยนแปลงทางด้านสงั คม ในบางคร้งั การเปลี่ยนแปลงทางด้านสังคมนามา ซ่ึงส่งิ ที่เรียกว่าความรบั ผิดชอบตอ่ สงั คม แตอ่ ย่างไรก็ตามการใชเ้ ทคโนโลยี สารสนเทศ (IT) ใหม่ ๆ สามารถทาใหเ้ กดิ การกระจายอานาจใหอ้ งค์การการ บกุ รุกสิทธิส่วนบุคคลขอผ้อู น่ื หรอื ของคู่แข่งขัน การตกงาน การประกอบ อาชญากรรมขอ้ มลู ตลอดจนการเกดิ นวัตกรรมใหม่ ๆ เป็นต้น ข้อควรพจิ ารณาเกีย่ วกบั จริยธรรมขอผใู้ ช้คอมพวิ เตอร์ การพิจารณาถึงจริยธรรมของผูใ้ ช้คอมพิวเตอร์ (Ethical considerations) จริยธรรมของนักคอมพิวเตอรห์ รอื ผูใ้ ช้คอมพิวเตอร์
สื่อคอมพิวเตอร์เพือ่ การสอน 67 ทั้งหลายน้ันจะเปน็ เรื่องเก่ยี วกบั ความชอบธรรม เพราะคนเราย่อมรวู้ า่ อะไร ผดิ อะไรถกู หาก ไม่มคี วามเที่ยงธรรมหรือซงึ่ สตั ยใ์ นเรื่องของข้อมูลขา่ ววาร แลว้ ยอ่ มลอ่ แหลมต่อความเสียหายในองคก์ รมตี ัวอย่าง เชน่ พนกั งานใน องค์กรได้ขายข้อมลู สาคัญของบริษัทโดยทเี่ ขาไม่ได้คานงึ หรอื รับรถู้ ึงลาดับ ชัน้ ความลับข้อมลู ขององคก์ ร และก็ไม่ได้คิดที่จะปกปอ้ งข้อมลู ขององค์กร จาเปน็ อยา่ งย่งิ ท่พี นักงานคนดงั กล่าวจะต้องมีจติ สานึกในเรอื่ งการรักษา ข้อมูลขององคก์ รท่ีตนสงั กดั อยู่ ดว้ ยเหตุนจี้ ริยธรรมของผู้ใชค้ อมพิวเตอรจ์ งึ มี ความสาคญั แต่ท้ังนไี้ ม่ไดห้ มายความวา่ คนที่ไม่มจี ริยธรรมท้ังหมดจะต้องทา ผิดกฎเกณฑ์การใช้ข้อมลู เสมอไป ลองพจิ ารณาดตู ัวอยา่ งดังต่อไปนีป้ ระกอบ (1) ผู้ใชท้ รพั ยากรข้อมลู คอมพวิ เตอร์ไมจ่ าเป็นต้องก่ออาชญากรรม ขอ้ มลู เสมอไป ในประเดน็ น้ีมีคาถามเสมอว่าผู้ใชม้ ีจรยิ ธรรมมากน้อยแค่ไหน เช่น ใครบางคนใชซ้ อฟต์แวร์โดยทีต่ ัวเองไม่ไดเ้ ปน็ เจ้าของ คือเดียงแตล่ องใช้ ดกู อ่ นทจ่ี ะซ้ือเท่าน้ัน ในขณะท่ีผูข้ ายไม่ต้องที่จะให้ใครลองใช้ก่อนซื้อ เป็น ตน้ (2) การท่นี กั ศึกษาได้ลองเข้าไปดูขอ้ มูลบางอย่างในระบบ คอมพวิ เตอร์ขนาดใหญ่ (Mainframe) ของมหาวิทยาลัยโดยไม่ได้ตั้งใจ และ ไมไ่ ด้คดิ ทจ่ี ะขโมยขอ้ มูลใด ๆ ในลกั ษณะน้ีอาจจะถอื ได้วา่ เป็นการขาด จรยิ ธรรมการใชข้ อ้ มูลใชห่ รือไม่ (3) ซอฟต์แวรร์ ะบบใหม่ท่ีผลิตข้นึ โดยบริษทั ใด ฟ แต่ทาไม่สมบูรณ์ ไม่อาจทดสอบและสง่ มอบให้ไดภ้ ายในเวลาทส่ี ัญญาไว้ หรอื สง่ ใหไ้ ดแ้ ต่มี ข้อผิดพลาด การที่ผู้พฒั นาผลติ ซอฟต์แวร์ไดร้ ุ่นท่ีไม่สมบูรณ์เช่นนีจ้ าเป็นตอ้ ง บอกลกู คา้ ใหช้ ดั เจนใชห้ รอื ไม่
68 สื่อคอมพิวเตอร์เพือ่ การสอน ความสมั พันธร์ ะหว่างคอมพิวเตอรแ์ ละปัญหาด้านจรยิ ธรรม (Computer- related ethical issues) สิง่ ท่ีต้องคานงึ ถึงและถอื ว่าเป็นมิตขิ อง จรรยาบรรณสาหรบั ผทู้ างานกับระบบข้อมลู ขา่ วสารสามารถแบ่งออกได้เปน็ 4 ส่วนดว้ ยกัน คอื (1) ความเป็นส่วนตวั (Privacy) (2) ความถูกต้อง (Accuracy) (3) ความเป็นเจ้าของ (Property) (4) การเขา้ มาใช้ขอ้ มูล (Access) การมรี ะบบรกั ษาความปลอดภัยทีด่ ีพอของข้อมูล ในอนั ทจ่ี ะปอ้ งกนั คลังข้อมูลสว่ นตัวและองค์กรและระดบั ชั้นของการเขา้ มา ใชข้ อ้ มูลของพนักงานว่าเข้ามาไดถ้ ึงระดบั ใด 1. ความเปน็ ส่วนตัว (Privacy) เปน็ ความเกี่ยวข้องกับการรวบรวม และใช้ข้อมูลสาหรบั สว่ นบุคคล และ เกบ็ ไว้ในระบบคอมพิวเตอร์ โดยทังไป ชาวอเมรกิ นั ถือวา่ ในเร่ือสิทธคิ์ วามเปน็ ส่วนตวั มาก โดยเฉพาะข้อมลู ข่าวสาร ต่าง ๆ หากไมไ่ ด้รบั อนญุ าตแลว้ จะเขา้ มาสังเกตและเรียกใช้ข้อมลู ไมไ่ ด้ ทรัพยากรขอ้ มูลทีม่ ีอยถู่ ือวา่ เปน็ ความลบั สว่ นบคุ คลทเี ด่ยี วซึ่งตรงกันข้ามกับ วฒั นธรรมของชาวญ่ปี ุ่นจะให้ความสาคัญในเรื่องน้นี ้อยกว่าชาวอเมรกิ นั มาก 2. ความถกู ต้อง (Accuracy) การทางานในองค์กรนนั้ ข้ึนอยู่กับ ขอ้ มลู ขา่ วสารเป็นสาคญั การเก็บฐานขอ้ มลู ไว้ในรูปขอ้ มูลอิเล็กทรอนิกส์นนั้ อาจมขี ้อผดิ พลาดได้ อาจจะเก็บรวบรวมขอ้ มุมูลที่ไม่ถูกดต้อง หรอื มีการ แอบเข้ามาแก้ไขข้อมูลที่ถกู ต้องก็ได้
สือ่ คอมพิวเตอร์เพื่อการสอน 69 3. ความเป็นเจ้าของ (Property) เน่อื งจากในปัจจบุ ันข้อมูล อิเล็กทรอนกิ ส์สามารถแพร่กระจายไปได้ในรปู ของส่ือสารแบบต่าง ๆ สทิ ธ์ิ ในการเป็นเจา้ ของข้อมลู และโปรแกรมอย่างถูกต้องน้ันยังเป็นคาถามทยี่ าต่อ การตอบในเชิงจริยธรรมเป็นอยา่ งย่งิ กฎหมายทรัพย์สนิ ทางปัญญาได้มีผล ค้มุ ครองต่อความถูกต้องของวิชาชพี และนักเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ถึงแม้ว่าทรัพยส์ ินทางปัญญาของเขาจะมลี ักษณะแตกต่างจากทรัพยส์ ินชนิด อื่น ๆ เชน่ บ้าน รถยนต์ อยา่ งไรก็ตามการพิจารณาในเร่อื งขอ้ มลู ข่าวสาร และองคค์ วามรู้มักเป็นเร่ืองท่ีชีช้ ัดให้เกดิ ความกระจา่ งได้ยาก 4. การเขา้ ถึงขอ้ มูล (Access) ธรรมชาตขิ ิงผู้ใช้ในการเขา้ ถงึ ข้อมูล หรอื ใชข้ ้อมูลนน้ั จะพิจารณาถึงความสามารถที่ใช้คือเอาข้อมูลจาก ฐานข้อมลู ขององค์กรมาใช้ได้อย่างเหมาะสมซึ่งข้อมลู จะถูกจดั ลาดบั ความสาคญั ไวใ้ นระดบั ท่แี ตกตา่ งกันไป ข้อมลู ทีม่ ีอทิ ธิพลต่อการแข่งขนั จาเป็นตอ้ งใช้รหัสพเิ ศษก่อนที่ผใู้ ช้จะมสี ทิ ธใิ ชง้ าน และ สามารถใชไ้ ด้อยา่ ง จากัดดงั ตวั อย่าง บริษทั ท่ีมปี ระวตั ิขอ้ มูลลกู คา้ ท้ังในอดีตและปัจจบุ ัน เจา้ ของบริษัทสามารถเปล่ยี นแปลงข้อมลู ของลูกค้าเหลา่ นนั้ หรือไม่ และ บริษทั ดงั กลา่ วจะขายรายชื่อลูกค้าพรอ้ มกับรายละเอียดสว่ นตวั ใหก้ ับบริษทั อนื่ ไดห้ รือไม่ คาถามเหลา่ นลี้ ้วนเก่ียวข้องกบั จริยธรรมของผ้คู รอบครอง ข้อมูลท้ังสิ้น แนวทางท่ัวไปสาหรับการเผชญิ กับการแกป้ ัญหาทางดา้ นจริยธรรม ข้อมูล (General guidelines for resolving ethical dilemmas) ในเรื่อง ของจรยิ ธรรมของผูใ้ ชง้ านในระบบคอมพิวเตอร์นน้ั ยังไม่ไดม้ ีการกาหนดไว้ แนน่ นอนตายตวั ว่ามีอะไรบ้าง หากแตผ่ ู้ใชแ้ ละนักวิชาชพี คอมพวิ เตอรต์ ้อง ตระหนักและมีจิตสานึก ตลอดจนหยั่งรู้ถงึ ความรับผดิ ชอบต่อการใชข้ ้อมูล อยา่ งเหมาะสม อย่างไรก็ตามเราสามารถรวบรวมแนวทางทัว่ ไปด้าน
70 สื่อคอมพิวเตอร์เพื่อการสอน จรยิ ธรรมเมอื่ เผชิญกบั ปญั หาในดา้ นการใช้ขอ้ มูลสารสนเทศได้ดังน้ี (1) การกระทาใด ๆ ของเราเกยี่ วกบั ข้อมลู น้ีได้มีการพิจารณา ไตร่ตรองรอบคอบและไม่ขัดต่อกาหลกั ที่วา่ “เราดแู ลเอาใจใสป่ ฏบิ ัติต่อคนอื่นเหมือนที่เราต้องการใหเ้ ขาปฏิบัติต่อ เรา” หรือไม่ (2) พิจารณาถึงกลมุ่ บุคคลที่จะได้ประโยชน์จากการกระทาของเรา เปน็ ตน้ ว่าเป็นบคุ คลกลุ่มใหญ่บุคคลกลุ่มน้อยหรือไดร้ ับประโยชนเ์ ฉพาะตัว เราเท่านัน้ (3) การมีนโยบายบริหารและจดั การข้อมูลอย่างคงเส้นคงวาของ บริษัท ไมว่ า่ จะโดยทางตรงหรือทางออ้ มกต็ าม ต้องยดื ไว้ซึ่งความถกู ตอ้ งและ ยุติธรรม รวมทงั้ การไม่รับสินบนใดๆ จากบริษัทผู้ขาย (4) การกระทาใด ๆ ของบริษัทขดั แย้งกับจรยิ ธรรมของการเขยี น รหสั หรอื ไม่ แบบจาลองที่แสดงเกยี่ วกับประเดน็ ดา้ นจริยธรรม สงั คม และการเมือง (A model for thinking about ethical. Social, and political issues) ทั้ง สามประเดน็ น้ีจะมคี วามสัมพันธ์กนั อยา่ งมาก ภาวะท่ีคบั ขันทางดา้ น จริยธรรมเปน็ ส่งิ ท่ีผ้จู ัดการทกุ คนต้องเผชญิ ทศั นะทางจรยิ ธรรม 5 ประการ ของยคุ สารสนเทศ (Five moral dimensions of the information age) มีดงั นี้
สื่อคอมพิวเตอร์เพือ่ การสอน 71 1. สิทธิดา้ นสารสนเทศและพันธะหน้าท่ี (Information rights and obligations) สิทธิดา้ นสารสนเทศอะไรที่องค์การพึงมี และความรับผดิ อะไร ท่ีบคุ คลและองค์การพึงมี 2. สทิ ธิของทรัพย์สิน (Property rights) ในสังคมที่ไม่มีความ ชดั เจนในเรอ่ื งสิทธขิ องทรัพย์สิน จะตอ้ งพิจารณาสงั คมนั้นควรจะมีการ ปกป้องสิทธทิ รัพย์สินทางปัญญาอย่างไร 3. ความรับผิดชอบในหน้าท่ีและการควบคุม (Accountability and control) การพิจารณาถึงบุคคลท่จี ะเปน็ ผู้ที่รับผิดชอบในส่ิงท่ีเกิดขนึ้ ท่ี เปน็ อันตรายต่อสทิ ธขิ องบุคคล สิทธขิ องสารสนเทศ และสทิ ธิของทรัพย์สนิ 4. คุณภาพระบบ (System quality) เป็นการพิจารณาวา่ ระบบ ควรมีมาตรฐานและคุณภาพ เพอ่ื การปกป้องสิทธิสว่ นบุคคล และความ ปลอดภยั ของสงั คม 5. คณุ ภาพชวี ติ (Quality of life) เปน็ การพิจารณาว่าคา่ นิยมใดท่ี ควรจะรกั ษาไว้ในสงั คมทใี่ ช้ข่าวสารการมีความรู้พ้นื ฐาน สถาบนั ใดท่ีควรจะ ไดร้ ับการปกป้องใหพ้ น้ จากการละเมิดฝา่ ฝืน การละเมดิ ค่านิยม และความ ประพฤติด้านสงั คม การประพฤติเชงิ สังคมอย่างไรทีค่ วรจะไดร้ ับการ สนบั สนนุ จากระบบสารสนเทศ [Information systems (IS)] ใหม่ ๆ จริยธรรมในสังคมสารสนเทศ จริยธรรมในสงั คมสารสนเทศ (Ethics in an information society) เป็นเรือ่ งเก่ยี วกับทางเลอื กของบุคคล เม่ือต้องเผชญิ ในการปฏิบตั ิ ซึง่ จะต้องพจิ ารณาวา่ อะไรเป็นทางเลือกทีถ่ ูกต้องตามหลักจริยธรรม
72 สือ่ คอมพิวเตอร์เพือ่ การสอน แนวคดิ พ้นื ฐาน : ความรับผิดชอบ ภาระหน้าท่ี และภาระผูกพันการชาระ หน้ี (Basic concepts : Responsibility, Accountability and liability) ประกอบดว้ ย 1. ความรับผิดชอบ (Responsibility) เป็นลักษณะเฉพาะของ บคุ คล และเป็นองคป์ ระกอบหลกั ในการกระทาในด้านจรยิ ธรรม ความ รับผดิ ชอบ การยอมรบั ในเรอ่ื งค่าใชจ้ า่ ย หน้าท่กี ารงาน ความรับผิดชอบที่ ต้องเกิดขนึ้ จากการตดั สินใจ 2. ภาระหน้าที่ (Accountability) เป็นลกั ษณะของระบบและ สถาบันทางสังคม ซึ่งเป็นกลไกท่เี ปน็ ตัวกาหนดวา่ ใครจะเป็นผรู้ บั ผิดชอบใน การกระทา ระบบและสถาบนั ท่อี ยใู่ นสภาพที่หาคนรบั ผิดชอบไม่ได้ ก็จะเป็น การยากท่จี ะวิเคราะหด์ ้านจริยธรรม 3. ภาระความรับผดิ (Liability) เปน็ ลักษณะของระบบทาง การเมือง หมายถึงข้อกาหนดตามกฎหมายท่ีใหบ้ ุคคลชดใชค้ ่าเสยี หายท่เี กิด ขึน้ กบั บคุ คลอื่น รวมถึงระบบ และองค์การด้วย 4. กระบวนการในการย่ืนอุทธรณ์ (Due process) เปน็ ลกั ษณะที่ เกย่ี วขอ้ งกับสังคมทีใ่ ชก้ ฎหมายในการปกครอง หมายถึงกระบวนการทาง กฎหมายทถ่ี ูกใช้จนเปน็ ท่ีรู้จัก และเปน็ ขบวนการตามขนั้ ตอนทที่ าใหบ้ คุ คล สามารถยนื่ อุทธรณก์ ับเจ้าหน้าท่รี ะดับสงู เพอื่ ตรวจสอบว่าได้มีการใช้ กฎหมายอยา่ งถกู ตอ้ ง กฎหมายเทคโนโลยีสารสนเทศ ถึงแมว้ า่ ในปัจจุบันบางประเทศทพ่ี ัฒนาแลว้ จะมีกฎหมายควบคุม ส่อื อินเทอร์เน็ต กย็ ังไมส่ ามารถควบคุมภยั ล่อลวงตา่ ง ๆ จากสอ่ื อนิ เทอร์เน็ต ได้อยา่ งมีประสทิ ธิภาพอย่างเด็ดขาดเตม็ ทโ่ี ดยเฉพาะควบคุมดูแลการ
สื่อคอมพิวเตอร์เพือ่ การสอน 73 เผยแพร่ข้อมูลขา่ วสารบนส่ืออินเทอร์เนต็ นั้นกย็ ังเปน็ ปัญหา โดยเฉพาะการ เผยแพร่สือ่ สารลามกหรอื บ่อนการพนัน ซึง่ ปัญหาดงั กลา่ ว นอกจากจะเก่ยี วข้องกับสิทธสิ ่วนบุคคลในการ เขา้ ถงึ ขอ้ มูล การกา้ วก่ายสทิ ธิเสรีภาพในการแสดงออก ซ่งึ เปน็ สิทธพิ น้ื ฐาน ของประชาชน ยังอาจจะขดั ต่อกฎหมายรฐั ธรรมนญู ของประเทศอีกดว้ ย อีก ทงั้ ลักษณะพิเศษของข้อมลู ต่าง ๆ ทอี่ ยู่ในเครอื ขา่ ยอนิ เทอร์เนต็ เปน็ เครอื ข่ายทม่ี ีลักษณะเป็นใยแมงมมุ ซึ่งระบบกระจายความรับผดิ ชอบไมม่ ี ศูนยก์ ลางของระบบ และเปน็ เครือข่ายข้อมูลระดับโลกยากต่อการควบคุม และเป็นสือ่ ทไี่ ม่มตี วั ตน หรือแหลง่ ท่มี าทช่ี ดั เจน ทัง้ ผสู้ ่งข้อมูล หรอื ผ้รู บั ข้อมูล ดังน้ันกฎหมายท่จี ะมากากับดูแล หรือควบคมุ สื่ออนิ เทอร์เน็ต จะตอ้ งเป็น กฎหมายลักษณะพเิ ศษ เปน็ ท่ียอมรับในระดบั สากล แต่ความแตกตา่ งใน ระบบการเมอื ง สังคม และวัฒนธรรม ในแตล่ ะประเทศยังเป็นปญั หา อุปสรรค ในการรา่ งกฎหมายดงั กล่าวซ่ึงปัจจบุ ันยังไม่ปรากฏผลเป็น กฎหมายยังคงอยู่ในระยะทีก่ าลงั สร้างกฎเกณฑ์กติกาขึน้ มากากับบริการ อินเทอรเ์ นต็ ประเทศไทยกับการพฒั นากฎหมายเทคโนโลยีสารสนเทศ กฎหมายเทคโนโลยีสารสนเทศของประเทศไทยเริ่ม วนั ที่ 15 ธนั วาคม 2541 โดยคณะ กรรมการเทคโนโลยสี ารสนเทศแห่งชาติ เรียก (กทสช) ได้ทาการศึกษาและยกร่างกฎหมายเทคโนโลยี สารสนเทศ 6 ฉบบั ได้แก่ 1. กฎหมายเกย่ี วกับธรุ กรรมทางอเิ ล็กทรอนิกส์ (Electronic Transactions Law)
74 สือ่ คอมพิวเตอร์เพื่อการสอน เพื่อรับรองสถานะทางกฎหมายของขอ้ มูลอเิ ล็กทรอนิกส์ใหเ้ สมอดว้ ย กระดาษ อนั เป็นการรองรบั นิตสิ ัมพนั ธต์ า่ ง ๆ ซ่ึงแตเ่ ดิมอาจจะจัดทาขึ้นใน รูปแบบของหนงั สือให้เทา่ เทยี มกบั นิตสิ มั พันธร์ ูปแบบใหม่ที่จดั ทาขึน้ ให้อยูใ่ น รูปแบบของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ รวมตลอดทัง้ การลงลายมือชือ่ ในขอ้ มูล อเิ ล็กทรอนิกส์ และการรบั ฟงั พยานหลักฐานท่ีอยู่ในรปู แบบของข้อมูล อเิ ล็กทรอนิกส์ 2. กฎหมายเก่ยี วกับลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Signatures Law) เพอื่ รบั รองการใช้ลายมือชื่ออเิ ล็กทรอนิกสด์ ว้ ยกระบวนการใด ๆ ทาง เทคโนโลยใี หเ้ สมอดว้ ยการลงลายมอื ชอื่ ธรรมดา อนั ส่งผลตอ่ ความเชอ่ื มน่ั มากขนึ้ ในการทาธรุ กรรมทางอิเลก็ ทรอนกิ ส์ และกาหนดให้มกี ารกากบั ดแู ล การใหบ้ รกิ าร เก่ยี วกบั ลายมือชอื่ อิเลก็ ทรอนิกสต์ ลอดจนการให้ บริการอน่ื ที่เกี่ยวข้องกบั ลายมอื ชอื่ อิเล็กทรอนิกส์ 3. กฎหมายเก่ียวกบั การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสารสนเทศให้ ท่ัวถึง และเท่าเทยี มกนั (National Information Infrastructure Law) เพ่อื ก่อใหเ้ กิดการส่งเสริม สนับสนุน และพัฒนาโครงสร้างพนื้ ฐาน สารสนเทศ อันไดแ้ ก่ โครงข่ายโทรคมนาคม เทคโนโลยสี ารสนเทศ สารสนเทศทรพั ยากรมนุษย์ และโครงสร้างพ้นื ฐานสารสนเทศสาคัญอ่ืน ๆ อันเป็นปัจจยั พ้นื ฐาน สาคัญในการพฒั นาสังคม และชุมชนโดยอาศยั กลไก ของรัฐ ซ่ึงรองรบั เจตนารมณ์สาคญั ประการหนึ่งของแนวนโยบายพน้ื ฐาน แหง่ รฐั ตามรฐั ธรรมนูญ มาตรา 78 ในการกระจายสารสนเทศให้ท่วั ถึง และ เท่าเทยี มกัน และนบั เป็นกลไกสาคญั ในการชว่ ยลดความเหลอื่ มลา้ ของสงั คม อยา่ งค่อยเปน็ ค่อยไป เพ่ือสนับสนนุ ให้ทอ้ งถนิ่ มศี ักยภาพในการปกครอง
สือ่ คอมพิวเตอร์เพื่อการสอน 75 ตนเองพฒั นาเศรษฐกจิ ภายในชุมชน และนาไปสสู่ งั คมแหง่ ปัญญา และการ เรยี นรู้ 4. กฎหมายเกยี่ วกบั การคุม้ ครองข้อมูลสว่ นบคุ คล (Data Protection Law) เพอ่ื กอ่ ให้เกิดการรบั รองสทิ ธแิ ละให้ความคุม้ ครองขอ้ มลู ส่วนบุคคล ซง่ึ อาจ ถกู ประมวลผล เปดิ เผยหรอื เผยแพรถ่ ึงบุคคลจานวนมากได้ในระยะเวลา อนั รวดเร็วโดยอาศยั พฒั นาการทางเทคโนโลยี จนอาจก่อให้เกดิ การนาข้อมลู น้ันไปใชใ้ นทางมิชอบอันเปน็ การละเมิดต่อเจ้าของข้อมูล ทั้งน้ี โดยคานึงถึง การรักษาดลุ ยภาพระหว่างสิทธิขั้นพน้ื ฐานในความเป็นส่วนตวั เสรภี าพใน การตดิ ต่อสอื่ สาร และความมั่นคงของรฐั 5. กฎหมายเกย่ี วกับการกระทาความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ (Computer Crime Law) เพอ่ื กาหนดมาตรการทางอาญาในการลงโทษผกู้ ระทาผิดต่อระบบการ ทางานของคอมพวิ เตอร์ ระบบข้อมูล และระบบเครือขา่ ย ทั้งนเ้ี พื่อเป็น หลกั ประกันสิทธิเสรภี าพ และการคมุ้ ครองการอยู่รว่ มกนั ของสงั คม 6. กฎหมายเกย่ี วกบั การโอนเงนิ ทางอิเลก็ ทรอนกิ ส์ (Electronic Funds Transfer Law) เพื่อกาหนดกลไกสาคญั ทางกฎหมายในการรองรับระบบการโอนเงนิ ทาง อิเลก็ ทรอนกิ ส์ ท้ังที่เป็นการโอนเงนิ ระหวา่ งสถาบันการเงนิ และระบบการ ชาระเงินรปู แบบใหม่ในรูปของเงินอิเล็กทรอนิกสก์ ่อใหเ้ กิดความเชื่อมัน่ ต่อ ระบบการทาธุรกรรมทางการเงิน และการทาธุรกรรมทางอเิ ลก็ ทรอนิกสม์ าก ย่งิ ข้นึ
76 สือ่ คอมพิวเตอร์เพื่อการสอน อาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ อาชญากรรมคอมพิวเตอร์ คือ การกระทาใดๆ เก่ียวกับ คอมพิวเตอร์ ทาให้ผูอ้ ่ืนเสียหาย กระบวนการทาผดิ 1. ทาให้คอมฯ ทางานผดิ พลาด 2. การใชค้ อมฯ ในการกระทาผดิ 3. การใช้คอมฯ หาผลประโยชน์ อาชญากรทางคอมพิวเตอร์ 1. พวกมือใหม่ กางเกงขาสน้ั 2. นักเจาะข้อมูล (Hacker) 3. อาชญากรในรปู แบบเดิม ใชเ้ ทคโนโลยเี ป็นเคร่ืองมือ 4. อาชญากรมืออาชพี 5. พวกหวั รุนแรงคล่งั ลัทธิ
สื่อคอมพิวเตอร์เพือ่ การสอน 77
78 สือ่ คอมพิวเตอร์เพื่อการสอน
สื่อคอมพิวเตอร์เพือ่ การสอน 79
80 สื่อคอมพิวเตอร์เพือ่ การสอน บทท่ี 5 การเปรยี บเทยี บคุณลักษณะของคอมพิวเตอร์ พัฒนาการทางคอมพิวเตอร์ไดก้ า้ วหน้าไปอย่างรวดเร็วและตอ่ เนอื่ ง จาก อดีตเป็นอปุ กรณ์อเิ ล็กทรอนิกส์ที่ใชห้ ลอดสุญญากาศขนาดใหญ่ ใช้พลังงาน ไฟฟา้ มาก และอายุการใช้งานต่า เปล่ียนมาใชท้ รานซิสเตอร์ทีท่ าจากชิน ซิลกิ อนเลก็ ๆ ใช้พลังงานไฟฟ้าตา่ และผลิตไดจ้ านวนมาก ราคาถูก ตอ่ มา สามารถสรา้ งทรานซสิ เตอร์จานวนหลายแสนตวั บรรจบุ นชน้ิ ซลิ ิกอนเลก็ ๆ เป็นวงจรรวมทเ่ี รยี กวา่ ไมโครชิป (microchip) และใชไ้ มโครชิปเป็นช้นิ สว่ น หลกั ทปี่ ระกอบอยู่ในคอมพิวเตอร์ ทาให้ขนาดของคอมพวิ เตอร์เล็กลง ไมโครชปิ ท่มี ีขนาดเล็กนสี้ ามารถทางานไดห้ ลายหน้าที่ เชน่ ทาหนา้ ท่เี ป็น หน่วยความจาสาหรับเกบ็ ข้อมลู ทาหนา้ ทีเ่ ป็นหนว่ ยควบคุมอุปกรณร์ ับเข้าและส่งออก หรือทาหน้าทีเ่ ป็น หนว่ ยประมวลผลกลาง ท่ีเรียกวา่ ไมโครโพรเซสเซอร์ ไมโครโพรเซสเซอร์ หมายถึงหน่วยงานหลกั ในการคิด คานวณ การบวกลบคูณหาร การเปรยี บเทียบ การดาเนนิ การทางตรรกะ ตลอดจนการสั่งการเคลื่อน ข้อมลู จากที่หนึ่งไปยงั อกี ทีห่ นึ่ง หน่วยประมวลผลกลางน้เี รียกอกี อยา่ งวา่ ซพี ียู (Central Processing Unit : CPU)
สื่อคอมพิวเตอร์เพื่อการสอน 81 (ทมี่ า https://sites.google.com/site/cp5910122113035/cpu) การพัฒนาไมโครชปิ ทท่ี าหนา้ ท่ีเป็นไมโครโพรเซสเซอร์มกี ารกระทาอยา่ ง ต่อเนือ่ งทาให้มคี อมพิวเตอร์รุ่นใหม่ ๆ ท่ดี ีกว่าเกิดขึ้นเสมอ จึงเป็นการยากที่ จะจาแนกชนดิ ของคอมพวิ เตอรอ์ อกมาอย่างชัดเจน เพราะเทคโนโลยีได้ พัฒนาอย่างรวดเร็ว ขีดความสามารถของคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กอาจมี ประสทิ ธภิ าพสงู กว่าคอมพวิ เตอรข์ นาดใหญ่ แต่อยา่ งไรกต็ ามพอจะจาแนก ชนิดคอมพิวเตอรต์ ามสภาพการทางานของระบบเทคโนโลยีที่ประกอบอยู่ และสภาพการใช้งานได้ดงั น้ี ไมโครคอมพิวเตอร์ เปน็ เคร่อื งคอมพวิ เตอร์ท่ีมีขนาดเลก็ บางคนเหน็ ว่าเป็นเครื่อง คอมพวิ เตอร์ทใี่ ช้งานสว่ นบุคคล หรอื เรยี กว่า พีซี (Personal Computer : PC) สามารถใช้เปน็ เคร่ือง ต่อเชือ่ มในเครือขา่ ย หรือใช้เปน็ เครื่องปลายทาง (terminal) ซง่ึ อาจจะทา หนา้ ท่ีเปน็ เพียงอปุ กรณ์รบั และแสดงผลสาหรับปอ้ นขอ้ มูลและดูผลลัพธ์ โดย ดาเนินการการประมวลผลบนเครื่องอืน่ ในเครอื ข่ายอาจจะกล่าวได้ว่า ไมโครคอมพวิ เตอร์ คือเครื่องคอมพิวเตอร์ทมี่ หี น่วยประมวลผลกลางเปน็ ไม
82 สือ่ คอมพิวเตอร์เพือ่ การสอน โครโพรเซสเซอร์ ใชง้ านง่าย ทางานในลักษณะส่วนบุคคลได้ สามารถ แบง่ แยกไมโครคอมพิวเตอร์ตามขนาดของเครื่องไดด้ ังน้ี คอมพิวเตอรแ์ บบต้ัง โต๊ะ (desktop computer) เปน็ ไมโครคอมพวิ เตอร์ท่ีมขี นาดเล็กถกู ออกแบบมาใหต้ ง้ั บนโต๊ะ มีการแยก ชิ้นสว่ นประกอบเป็น ซีพียู จอภาพ และแผงแป้งอักขระ แลป็ ทอ็ ป คอมพิวเตอร์ (laptop computer) เป็น ไมโครคอมพิวเตอร์ขนาดเล็ก ที่วางใช้งานบนตักได้ จอภาพ ที่ใช้เป็นแบบแบนราบชนดิ จอภาพผนกึ เหลว (Liquid Crystal Display : LCD) นา้ หนักของเครื่องประมาณ 3-8 กโิ ลกรัม
สื่อคอมพิวเตอร์เพื่อการสอน 83 โน้ตบคุ๊ คอมพิวเตอร์ (notebook computer) เป็น ไมโครคอมพวิ เตอร์ทมี่ ขี นาดและ ความหนามากกว่าแล็ปท็อป นา้ หนกั ประมาณ 1.5-3 กโิ ลกรัม จอภาพแสดงผลเปน็ แบบราบชนิดมี ทัง้ แบบแสดงผลสีเดยี ว หรือแบบ หลายสี โน้ตบุ๊คทีม่ ีขายทั่วไปมี ประสิทธภิ าพและความสามารถ เหมือน กบั แลป็ ท็อป ปาลม์ ท็อปคอมพิวเตอร์ (palmtop computer) เปน็ ไมโครคอมพิวเตอร์สาหรับ ทางานเฉพาะอยา่ ง เชน่ เปน็ พจนานุกรม เป็นสมดุ จน บนั ทกึ ประจาวนั บันทกึ การ นดั หมายและการเกบ็ ข้อมูล เฉพาะบางอย่างทส่ี ามารถ พกพาตดิ ตัวไปมาได้สะดวก
84 สือ่ คอมพิวเตอร์เพื่อการสอน สถานีงานวิศวกรรม ผใู้ ชส้ ถานงี านวศิ วกรรมส่วนใหญ่เป็น วศิ วกร นกั วิทยาศาสตร์ สถาปนิก และ นกั ออกแบบ สถานงี านวิศวกรรมมี จดุ เดน่ ในเรื่องกราฟกิ การสร้างรูปภาพ และการทาภาพเคลอ่ื นไหว การ เชื่อมโยงสถานงี านวิศวกรรมรวมกนั เปน็ เครือข่ายทาใหส้ ามารถแลกเปลยี่ น ขอ้ มูลและใชง้ านร่วมกันอยา่ งมีประสิทธภิ าพ บริษัทพฒั นาซอฟตแ์ วร์หลายบริษทั ได้พัฒนาซอฟตแ์ วรส์ าเรจ็ สาหรับ ใชก้ บั สถานงี านวิศวกรรมข้ึน เช่นโปรแกรมการจดั ทาตน้ ฉบับหนังสอื การออกแบบวงจรอเิ ล็กทรอนิกสง์ านจาลองและคานวณทาง วิทยาศาสตร์ งานออกแบบทางด้านวศิ วกรรมและการควบคุม เครอื่ งจักร การซอ้ื สถานงี านวศิ วกรรมตา่ งจากการซ้ือเครื่องไมโครคอมพวิ เตอร์ เพราะไมโครคอมพวิ เตอรท์ ุกเครือ่ งสามารถใช้โปรแกรมสาเรจ็ สาหรับ ไมโครคอมพวิ เตอร์ได้ และมลี ักษณะการใช้งานเหมือนกนั ส่วนการซอื้ สถานีงานวิศวกรรมนัน้ ย่งุ ยากกว่า สถานีงานวศิ วกรรมมรี าคาแพงกว่า ไมโครคอมพวิ เตอร์มาก การใช้งานกต็ ้องการบุคลากรที่มีการฝกึ หัดมา อย่างดี หรือต้องใช้เวลาเรียนรู้ สถานงี านวศิ วกรรมส่วนใหญใ่ ชร้ ะบบปฎบิ ัตกิ ารยนู ิกซ์ ประสิทธิภาพ ของซีพยี ขู องระบบอยู่ในชว่ ง 50-100 ล้านคาสั่งตอ่ วินาที (Million Instruction Per Second : MIPS) อย่างไรก็ตามหลักจากทใ่ี ช้ซพี ียู แบบรสิ ก์ (Reduced Instruction Set Computer :RISC) กส็ ามารถ
สือ่ คอมพิวเตอร์เพื่อการสอน 85 เพม่ิ ขีดความสามารถเชงิ คานวณของซีพยี สู ูงข้ึนได้อีก ทาให้สรา้ งสถานี งานวิศวกรรมใหม้ ีขดี ความสามารถเชงิ คานวณไดม้ ากกว่า 100 ล้าน คาสง่ั ตอ่ วินาที https://web.ku.ac.th/schoolnet/snet1/hardware/index2.htm)
86 สื่อคอมพิวเตอร์เพือ่ การสอน มินิคอมพิวเตอร์ เปน็ เครื่องที่สามารถใช้งานพร้อม ๆ กนั ได้หลายคน จงึ มี เครอ่ื งปลายทางต่อได้ มนิ ิคอมพวิ เตอรเ์ ป็นคอมพวิ เตอรท์ ี่มีราคาสงู กว่า สถานีงานวศิ วกรรม นามาใช้สาหรับประมวลผลในงานสารสนเทศของ องค์การขนาดกลาง จนถึงองคก์ ารขนาดใหญท่ ่ีมีการวางระบบเป็น เครือข่ายเพื่อใชง้ านรว่ มกัน เช่น งานบัญชีและการเงนิ งานออกแบบ ทางวิศวกรรม งานควบคมุ การผลิตในโรงงานอุตสาหกรรม มนิ ิคอมพวิ เตอร์เปน็ อุปกรณืที่สาคัญในระบบเครือขา่ ยคอมพวิ เตอร์ ขององค์การทเี่ รียกว่า เครอื่ ใหบ้ ริการ (server) มหี น้าทใ่ี หบ้ ริการกับผู้ใชบ้ ริการ (client) เช่น ใหบ้ รกิ ารแฟ้มข้อมูล ให้บริการขอ้ มูล ให้บริการช่วยในการคานวณ และการสื่อสาร https://web.ku.ac.th/schoolnet/snet1/hardware/index2.htm)
สือ่ คอมพิวเตอร์เพือ่ การสอน 87 เมนเฟรมคอมพวิ เตอร์ เปน็ เคร่ืองคอมพวิ เตอรข์ นาดใหญ่ท่ีมีการพัฒนามาต้งั แต่ เริม่ แรก เหตุทเี่ รยี กวา่ เมนเฟรมคอมพวิ เตอรเ์ พราะตวั เคร่ือง ประกอบด้วยตขู้ นาดใหญ่ท่ภี ายในตมู้ ีช้ินส่วนและอปุ กรณต์ า่ ง ๆ อยู่เป็นจานวนมาก แตอ่ ย่างไรกต็ ามในปัจจุบัน เมนเฟรมคอมพิวเตอรม์ ขี นาดลดลงมาก เมนเฟรมเป็นเคร่ืองคอมพิวเตอร์ท่มี รี าคาสูงมาก มักอยูท่ ี่ศูนย์ คอมพิวเตอร์หลักขององค์การ และต้องอยู่ในห้องท่ีมกี ารควบคุม อุณหภูมิและมกี ารดูแลรักษาเปน็ อยา่ งดี บริษัทผู้ผลิตเมนเฟรมได้พัฒนาขีดความสามารถของเคร่ืองใหส้ ูงขน้ึ ขอ้ เด่นของการใช้เมนเฟรมอยู่ทีง่ านทีต่ ้องการใหม้ รี ะบบศูนยก์ ลาง และกระจายการใช้งานไปเปน็ จานวนมาก เชน่ ระบบเอทีเอ็มซึง่ เชือ่ มตอ่ กบั ฐานข้อมลู ทจ่ี ัดการโดยเครือ่ งเมนเฟรม อยา่ งไรก็ตาม ขนาดของเมนเฟรมและมนิ ิคอมพิวเตอร์ก็ยากทจ่ี ะจาแนกจากกัน ให้เหน็ ชดั ปจั จบุ ันเมนเฟรมไดร้ บั ความนิยมนอ้ ยลง ทัง้ นี้เพราะคอมพวิ เตอร์ ขนาดเล็กมปี ระสทิ ธภิ าพและความสามารถดีข้นึ ราคาถูกลง ขณะเดยี วกันระบบเครอื ขา่ ยคอมพิวเตอร์ก็ดขี ้ึนจนทาใหก้ ารใชง้ าน บนเครือข่ายกระทาได้เหมือนการใชง้ านบนเมนเฟรม ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ เปน็ เครือ่ งคอมพวิ เตอร์ทเี่ หมาะกับงานคานวณที่ต้องมี การคานวณตวั เลขจานวนหลายลา้ นตัวภายในเวลาอนั รวดเรว็ เช่น งานพยากรณอ์ ากาศ ท่ีต้องนาขอ้ มลู ต่าง ๆ เกย่ี วกับอากาศทั้ง ระดบั ภาคพ้ืนดนิ และระดับช้ึนบรรยากาศเพื่อดูการเคลอ่ื นไหว
88 สื่อคอมพิวเตอร์เพือ่ การสอน และการเปล่ียนแปลงของอากาศ งานนจ้ี าเป็นต้องใชเ้ ครื่อง คอมพวิ เตอร์ท่ีมสี มรรถนะสงู มาก นอกจากน้ีมีงานอกี เปน็ จานวน มากท่ีต้องใช้ซูเปอรค์ อมพวิ เตอร์ซึ่งมีความเร็วสงู เชน่ งานควบคุม ขปี นาวุะ งานควบคมุ ทางอวกาศ งานประมวลผลภาพทาง การแพทย์ งานดา้ นวิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะทางดา้ นเคมี เภสชั วทิ ยา และงานด้านวศิ วกรรมการออกแบบ ซเู ปอร์คอมพวิ เตอร์ทางานได้เรว็ และมปี ระสทิ ธิภาพสูงกวา่ คอมพิวเตอร์ชนดิ อ่ืน การที่ซเู ปอรค์ อมพิวเตอร์ทางานได้เร็ว เพราะมกี ารพัฒนาใหม้ ีโครงสรา้ งการคานวณพิเศษ เช่นการ คานวณแบบขนานที่เรยี กว่า เอ็มพพี ี (Massively Parallel Processing : MPP) ซงึ่ เปน็ การคานวณท่ีกระทากบั ข้อมูลหลายๆ ตัวในเวลาเดยี วกนั
สื่อคอมพิวเตอร์เพือ่ การสอน 89
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131