SWE321 Technology Management and Innovation Chapter I : จดุ กาเนดิ ของศาสตรด์ ้านการจัดการเทคโนโลยี อาจารย์รตั ติกานต์ วบิ ูลย์พานิช [email protected]
ทดสอบก่อนเรียน การจัดการเทคโนโลยีในระดับบุคคล เก่ียวข้องกับการเพ่ิมคุณค่าของตนเองในสังคม จงยกตัวอย่าง การนาเทคโนโลยไี ปใช้ในระดบั บุคคล พรอ้ มอธิบายขั้นตอนการนาไปใช้
Topic: 01 คาจากดั ความของเทคโนโลยี 02 ประเภทของเทคโนโลยี 03 เทคโนโลยภี ายในองค์กร 04 เทคโนโลยีกลอ่ งดา
Topic: 05 เทคโนโลยีทเี่ หมาะสม 06 เทคโนโลยีที่ลา้ ยคุ 07 เทคโนโลยีที่ผา่ นการพสิ จู น์แล้ว 08 โครงสร้างพ้ืนฐาน
จดุ กาเนดิ ของศาสตรด์ ้านการจดั การเทคโนโลยี
จดุ กาเนดิ ของศาสตร์ ด้านการจัดการ เทคโนโลยี Management of Technology หรอื MOT เกดิ ข้ึนกลางทศวรรษ 1980 ในช่วงนั้นความตกตา่ ของ อตุ สาหกรรมในประเทศสหรฐั อเมรกิ า ปญั หาหลักคือ ภาคอตุ สาหกรรมขาดความสามารถในการ จัดการเทคโนโลยที ม่ี ปี ระสิทธภิ าพในเวลาท่ีเหมาะสม
วารสารวชิ าการท่ีเกย่ี วขอ้ งกับการจดั การเทคโนโลยี เปน็ ช่วงทนี่ ักวิชาการเริม่ เขียนบทความลง วารสารเปน็ จานวนมาก รวมถงึ การออก Technology Management หนงั สือ Technology Studies The Journal of Engineering and Technology Management and New Technology
คาจากัดความของเทคโนโลยี
คาจากัดความของ “เทคโนโลยี” เทคโนโลยเี ปน็ ส่วนผสม เทคโนโลยปี ระกอบดว้ ย เทคโนโลยคี ือทุกอย่างที่ โดยมาก คนท่วั ไปมกั นกึ ของปัจจยั การผลิตท่ี การออกแบบกระบวนการ เก่ียวข้องกับการ ถงึ แงม่ ุมทเี่ ป็นฮาร์ดแวร์ หลากหลาย คาจากดั ผลติ ผงั โรงงาน สิทธบิ ตั ร เปล่ียนแปลงทรัพยากรที่ ความดัง้ เดิมในเชิง ความรู้ด้านการจัดการ ปอ้ นเข้า ให้เปน็ สินค้าหรือ เบรนแวร์ เศรษฐศาสตร์ เทคนคิ การตลาด ชอ่ งทาง บริการ กระจายสินค้า และการ Brainware องคป์ ระกอบของ ดาเนินงานทางธรุ กิจอ่ืน ๆ ซอฟตแ์ วร์ ต้งั แตค่ ิดค้นไอเดียใหม่ เหตุผลของการใชเ้ ทคโนโลยใี น เทคโนโลยี จนถึงการผลติ และการขาย Software ลักษณะใดลกั ษณะหนึ่ง ฮาร์ดแวร์ ความร้เู กย่ี วกับวิธีการใช้ ฮารด์ แวรเ์ พอ่ื ให้ได้งานที่ Hardware ต้องการ ส่ว นที่เป็ นโ ครงสร้า งก า ย ภ า พ ข อ ง เทคโนโลยี และการจัดเรียงตามลาดับ เหตุผลของเครื่องจักรหรืออุปกรณ์ที่ใช้ใน การทางาน
ประเภทของเทคโนโลยี
ประเภท ของเทคโนโลยี เทคโนโลยีเกิดใหม่ ใช้ใน เทคโนโลยีใหม่ เ ป็ น เ ท ค โ น โ ล ยี ที่ มี ก า ร อย่รู ะหวา่ งขั้นตา่ และข้ันสูง ปัจจุบัน มีโอกาสสร้าง (New Technology) เปล่ียนแปลงรวดเร็ว มี อยู่ในจุดอ่ิมตัว ง่ายต่อการ ความเปลี่ยนแปลงขนาด ควา ม รู้ ทา งทฤษฎี เ ป็ น ถ่ายโอนเทคโนโลยีมากกว่า ใหญ่ในสังคม มักทาให้เกิด อ ง ค์ ป ร ะ ก อ บ ชั ด เ จ น ประเภทอื่น อุตสาหกรรมใหม่ๆ เกิด ประสบการณ์การปฏบิ ัติจะ จ า ก ก า ร ค้ น พ บ ท า ง เป็นองค์ประกอบสาคัญ เทคโนโลยีขนั้ ต่า วทิ ยาศาสตร์ น้อยกวา่ (Low Technology) เทคโนโลยแี รกเกดิ เทคโนโลยีที่พ่ึงนามาใช้ เทคโนโลยขี น้ั สูง เป็นเทคโนโลยีท่ีแพร่หลาย เทคโนโลยีข้ันกลาง (Emerging Technology) ภ า ย ใ น อ ง ค์ ก ร ส่ ง ผ ล (High Technology) ไ ป สู่ สั ง ค ม ใ ห ญ่ มี ก า ร (Medium Technology) กร ะ ทบ ชั ด เ จ น ต่ อกา ร เปลี่ยนแปลงน้อย ดาเนนิ งาน
เทคโนโลยภี ายในองคก์ ร
เทคโนโลยีภายในองคก์ ร Distinctive Technology Basic Technology External Technology เทคโนโลยีที่โดดเด่น ช่วยสร้าง เทคโนโลยีขั้นพื้นฐาน จาเปน็ ตอ่ เ ท ค โ น โ ล ยี ภ า ย น อ ก เ ป็ น ความได้เปรียบเหนือคู่แข่งสินค้า ธุรกจิ แตไ่ ม่ได้สรา้ งความแตกตา่ ง เทคโนโลยีที่ได้มาจากบริษัทอ่ืน หรือบริการมีความแตกต่างจาก ให้กับคูแ่ ขง่ ช่วยในการผลิตสินคา้ ห า ง่ า ย ใ น ท้ อ ง ต ล า ด เ ช่ น คู่แข่ง ซ่ึงเทคโนโลยีดังกล่าวอาจ แตไ่ มไ่ ดท้ าสนิ ค้าให้โดดเด่น เปน็ เ ท ค โ น โ ล ยี ใ น ก า ร ผ ลิ ต ชิ้ น ส่ ว น ไม่ได้อยู่ในรูปแบบที่สามารถไปใช้ เทคโนโลยีทมี่ อี ยทู่ ่ัวไป มาตรฐาน บริษัทไม่จาเป็นต้องมี เชิงพาณิชย์ได้โดยตรง ซึ่งหาก เอง สามารถจัดซื้อจากภายนอก บริษัทออกแบบและทาการขาย ประหยัดกว่า อาจต้องอาศัยเทคโนโลยีการผลิต หรือการส่งมอบมาช่วย บริษัทอาจ สร้างเอง หรือจ้างก็ได้ ข้ึนอยู่กับ การเงนิ และสภาพการตลาด
(Black Box Technology) เทคโนโลยกี ล่องดา หมายถึ ง เทคโ นโลยีท่ีมีการ ประยุกต์ใช้ในลกั ษณะท่ีผู้ใช้รู้เพียง วิธีการใช้เท่านั้น แต่ไม่รู้ถึงกลไก ด้านใน ผู้ใช้ไม่สามารถปรับปรุง หรือพัฒนาเทคโ นโลยีนั้นไ ด้ ยกตัวอย่างเช่น ซอฟต์แวร์ที่มีขาย ในเชิงพาณชิ ย์ มกั ไม่มกี ารเผยแพร่ source code - ผู้ใช้งานไมม่ คี วามสามารถในการ เขียนโปรแกรม จัดเป็นเทคโนโลยี กล่องดาเช่นกนั
เทคโนโลยี กลอ่ งดา หากนามาเป็นเครอ่ื งมอื ช่วย หากนามาใชเ้ พียงอย่างเดียว หากนามาใชเ้ ปน็ เครอ่ื งมือชว่ ย จะ สง่ เสรมิ การพัฒนาเทคโนโลยไี ด้อยา่ งดี • ผลการพัฒนาอยใู่ นช่วงพฒั นาส้ัน ๆ • องค์กรตอ้ งพง่ึ พาเจา้ ของเทคโนโลยี ตลอดไป
เทคโนโลยที ่เี หมาะสม (Appropriate Technology) ระดับความเหมาะสมระหว่างเทคโนโลยีและทรพั ยากรทใ่ี ช้ กล่าวคร้ังแรกโดย E. Schumacher ในปี ค.ศ. 1973 ใน หนังสือ Small is Beautiful กล่าวถึงความล้มเหลวของ ประเทศกาลังพฒั นาท่ีนาเอาเทคโนโลยีขั้นสูงมาใช้ ซ่ึงหาก ใช้ขนาดกลางจะมีประสิทธผิ ลกว่า การเลือกเทคโนโลยีท่ีเหมาะสม ควรเลือกจากเทคโนโลยี ท่ีเข้ากับโครงสร้างพื้นฐานท่ีมีอยู่ เช่น ภายในองค์กร ไม่ ควรใช้เทคโนโลยีข้ันสูงหากขาดแคลนบุคลากรที่มีความรู้ ความสามารถ เทคโนโลยีที่เหมาะสมมีลักษณะ ใช้เงินทุนต่า ความ ซบั ซอ้ นน้อย และนยิ มใชว้ ัตถดุ บิ ท้องถ่ิน
เทคโนโลยีลา้ ยคุ (State-of-the-art Technology) เป็นเทคโนโลยีลา่ สุดที่มกี ารพัฒนามาจนถงึ ปัจจบุ ัน มีความเหนือกว่าเทคโนโลยีรุ่นก่อน เช่นด้าน สมรรถนะการทางาน ด้านส่งิ แวดลอ้ ม หรืออาจด้อยกว่าเทคโนโลยีในรุ่นก่อนบางด้าน เช่น อาจใช้เงินสูง ทรัพยากรมาก ไม่สามารถ หาไดง้ า่ ย ติดความคมุ้ ครองด้านทรพั สนิ ปัญญา
เทคโนโลยที ่ีผ่านการพิสูจน์แล้ว (Proven Technology) เป็นเทคโนโลยีรุ่นก่อนหน้า ซึ่งผู้ใช้มั่นใจได้มากเนื่องจากมีการพัฒนา และแก้ไขจุดบกพร่องต่างๆ ออกไปแล้ว มีผู้นาไปใช้งานในระยะ เวลานานพอสมควร มีเอกสารชัดเจน มีผู้มีประสบการณ์มาแนะนา ราคาถูก และสามารถต่อยอดไดง้ า่ ย
โครงสรา้ งพ้ืนฐาน (Infrastructure) เทคโนโลยี ทรพั ยากรท่ี ใช้ในการผลิต ตลาด โครงสรา้ งสนับสนนุ จากสภาพแวดล้อม ทาหนา้ ท่ี เป็นตัว เชือ่ มโยงในทางกายภาพระหว่าง
โครงสรา้ งพืน้ ฐาน (Infrastructure) สามารถแบ่งกลุ่มออกเป็น 4 กลุม่ ดังนี้ 1. โครงสรา้ งพ้ืนฐานทางกายภาพ 2. โครงสรา้ งพนื้ ฐานทางเศรษฐศาสตร์ ถนน ท่าเรือ ระบบสื่อสาร ตลาดเงินทุน สถาบนั ทางการเงิน กฎระเบยี บทางการเงิน 3. โครงสร้างพื้นฐานทางสังคม 4 โครงสร้างพ้นื ฐานทางเทคโนโลยี ภาคสาธารณสขุ ภาคแรงงาน หน่วยงานพฒั นาและเผยแพร่ ภาคการศกึ ษา เทคโนโลยี การเรียนการสอน วทิ ยาศาสตร์
ความหมายของการจดั การเทคโนโลยี Management of Technology (MOT) ความหมายของการจัดการ Planning Organizing Staffing Motivating Controlling ความหมายของการจัดการเทคโนโลยี การจดั ระบบและการใชป้ ระโยชน์จากเทคโนโลยใี ห้มีประสิทธผิ ล ประกอบด้วยศาสตร์หลายสาขา เชน่ วิทยาศาสตร์ วศิ วกรรมศาสตร์ การ จัดการ
MOT สามารถประยกุ ต์ไดใ้ นระดบั มหภาคจนถึง จลุ ภาค MOT ในระดับประเทศ เกย่ี วกบั การวางแผนและ ดาเนนิ นโยบายสาธารณะเพ่อื พฒั นาและประยกุ ตใ์ ช้ เทคโนโลยี รวมถงึ ผลกระทบตอ่ สังคม MOT ในระดบั บริษทั ช่วยให้เกิดการสรา้ งและ รักษาขดี จากดั ความสามารถในการแขง่ ขัน โดยการ วางแผน พัฒนา ประยุกต์ใชใ้ หบ้ รรลุวัตถุประสงค์ ขององค์กร รวมถงึ การเพม่ิ มูลค่าของตนเองในสังคม
แบบฝึกหดั 1. จงอธิบายว่าเพราะเหตุใดการจัดการเทคโนโลยีจึงเป็นศาสตร์ที่ต้องอาศัยความรู้หลายสาขา เช่น วิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ และความรู้ด้านการจัดการ 2. จงสืบคน้ ขอ้ มูลทางการศึกษา เช่น ScienceDirect, IEEE และวิเคราะห์รายช่ือวารสารท่ีเก่ียวข้องกับเทคโนโลยีและ วารสารเหล่านั้นจดั ทาขึน้ ชว่ งปีใด สิ่งท่ีนักศกึ ษาคน้ พบสอดคล้องกบั ประวัติของจุดกาเนิดของศาสตร์ด้านการจัดการ เทคโนโลยหี รอื ไม่ 3. จงสืบค้นช่ือบริษัทที่มีความม่ันคั่งติดอันดับ 30 รายแรกของโลก เช่นจัดอันดับ Fortune 500 โดยนิตยสาร Forbes และวเิ คราะหว์ า่ ทาไมบริษัทเหลา่ นน้ั ใช้เทคโนโลยเี ขา้ มามบี ทบาทมากเพียงใด และสืบคนหาชือ่ บรษิ ทั เม่ือ 30ปีทผ่ี า่ น มา และวิเคราะหแ์ บบเดียวกนั บรษิ ัทเหล่านั้นยังเปน็ กลุม่ เดียวกันหรือไม่
ทดสอบก่อนเรยี น ให้นักศึกษาวิเคราะห์เปรียบเทียบระหว่างการโทรศัพท์ผ่านอินเทอร์เน็ต กับการ โทรศพั ท์แบบใชส้ ายแบบเดมิ
วงจรชีวติ ของเทคโนโลยีและการเตบิ โตของตลาด
วงจรชวี ติ ของเทคโนโลยี สามารถแบ่งได้ 5 ชว่ งดงั นี้ 1. ชว่ งแรกเกดิ เป็นชว่ งของการออกแบบและ ทดลอง รวมถงึ แก้ไขขอ้ ผดิ พลาดเบอ้ื งต้นใน เทคโนโลยี การปรบั ปรุงสมรรถนะของเทคโนโลยจี ะ เปน็ ไปอย่างชา้ ๆ 2. ชว่ งการวางตลาด เปน็ ชว่ งทยี่ อดขายเตบิ โต อย่างชา้ ๆ เนอ่ื งจากเพง่ิ มกี ารแนะนาผลติ ภณั ฑ์หรือ เทคโนโลยี บรษิ ทั ใชค้ วามพยายามในการดึงดูด ลูกค้า 3. ชว่ งการเตบิ โต เปน็ ชว่ งทเ่ี ทคโนโลยเี ข้าสู่ตลาด แล้ว ในชว่ งนส้ี มรรถนะของเทคโนโลยจี ะมกี าร ปรับปรงุ รวดเร็ว ขน้ึ อยู่กับการตอบสนองความ ตอ้ งการของลกู คา้ และจะลดลงเมอ่ื ใกลจ้ ดุ อม่ิ ตัว
วงจรชวี ิตของเทคโนโลยี สามารถแบ่งได้ 5 ช่วงดังนี้ 4. ช่วงอ่ิมตัว เป็นช่วงท่ีเทคโนโลยีมีโอกาสถูก ทดแทนหรือล้าสมัยได้เมื่อมีเทคโนโลยีใหม่ขึ้น เมื่อ เทคโนโลยีถึงขดี จากัดและสมรรถนะเรมิ ลดลง 5. ช่วงเสื่อม เป็นช่วงท่ีเทคโนโลยีล้าสมัย และอาจ ถกู ทดแทนดว้ ยเทคโนโลยีอ่นื
ทดสอบกอ่ นเรยี น 1. จงยกตัวอย่างผู้ผลิตที่เป็นรายแรก (First Mover) ท่ีประสบความสาเร็จในทาง ธรุ กจิ จนถงึ ทุกวันน้ี และอธบิ ายเหตุผลของการประสบความสาเรจ็ 2. จงยกตวั อยา่ งผู้ผลิตท่ีเป็นผู้ตาม (Follower) ที่สามารถเอาชนะผู้นารายแรกได้และ ประสบความสาเร็จในทางธุรกิจจนถึงทุกวันน้ี และอธิบายเหตุผลของการประสบ ความสาเร็จ
สภาพการแข่งขนั ในชว่ งเทคโนโลยีท่อี ิ่มตวั
สภาพการแข่งขันในช่วงเทคโนโลยอี ่ิมตวั 1. การแข่งขนั จะเปล่ยี นจากการแขง่ ขนั ดว้ ยนวัตกรรมเป็นการแขง่ ขนั ด้วยราคาและ คุณภาพ เช่น กล้องดิจิทัล ยุคแรกๆ จะมีความละเอียด 1 ล้านพิกเซล เมื่อมี ความละเอียด 2-3 ล้านพิกเซล ลูกค้าจะเปล่ียนไปซ้ือตัวใหม่ เน่ืองจากมองว่า เป็นการก้าวกระโดดทางเทคโนโลยี แต่เม่ือมีขนาดความละเอียด 5-6 ล้าน พิกเซล ก็ยังมีคนซื้อ แต่เม่ือถึง 10 ล้านพิกเซล ลูกค้าจะมองว่าขนาด 5 ล้าน พกิ เซลกย็ ังใหค้ วามละเอยี ดที่มากเพียงพออยแู่ ลว้
สภาพการแขง่ ขนั ในชว่ งเทคโนโลยีอม่ิ ตัว 2. เม่ือการแข่งขันด้านราคาและคุณภาพกลายเป็นส่ิงสาคัญ ทาให้ทุกองค์กร พยายามลดต้นทุนและปรับปรุงคุณภาพผลิตภัณฑ์ ดังน้ันนวัตกรรมกระบวนการจึง กลายเป็นส่งิ สาคญั สาหรบั การสรา้ งความไดเ้ ปรยี บ 3. องค์กรจะพ่ึงพาการประหยัดจากขนาด (economy of scale) เพื่อลดต้นทุน เพราะการผลิตปริมาณมากสามารถลดต้นทุนได้ และให้ความสาคัญกับการเพ่ิม ประสิทธิภาพในการผลิต 4. เม่ือถึงจุดอิ่มตัว จะมุ่งเน้นการผลิตสินค้าตอบสนองลูกค้าเฉพาะกลุ่มมากข้ึน เชน่ การแบ่งลูกคา้ ออกเปน็ หลายกลุ่ม และนาเสนอผลติ ภณั ฑใ์ หม่ ๆ
สภาพการแข่งขนั ในช่วงเทคโนโลยอี ่มิ ตวั 5. บรษิ ัทเป็นเจา้ ตลาดมโี อกาสอยู่รอดมากกว่าเจา้ อนื่ 6. องค์กรขนาดใหญ่ท่ีมีเทคโนโลยีถึงจุดอิ่มตัว มักมีโครงสร้างตายตัวเต็มไปด้วย ระเบียบแบบแผน และมีหลายชั้น เป็นอุปสรรคตอ่ การเกิดนวตั กรรมทย่ี ั่งยนื 7. บริษัทท่ีมีเทคโนโลยีอ่ิมตัว มีโอกาสเผชิญหน้ากับคู่แข่งท่ีมีต้นทุนต่ากว่า ค่าแรง ต่ากว่า 8. เทคโนโลยีอ่ิมตวั จะถกู คกุ คามโดยผลติ ภัณฑ์ทดแทน
การเป็นผ้นู าทางเทคโนโลยี
การเป็นผู้นาทางเทคโนโลยี 1. ผู้นารายแรกมักมโี อกาสครอบครองตลาดมากในระยะแรก 2. ผนู้ ารายแรกสามารถสรา้ งชือ่ เสียงให้เป็นท่ียอมรับก่อนผู้อ่ืน จะเป็นท่ีรู้จัก ติด หสู าธารณชน 3. สามารถสร้างความสัมพันธ์ท่ีดีให้กับลูกค้าธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นลูกค้า ผู้ขาย ชิ้นส่วน และความน่าเชือ่ ถอื ในตราสินค้า ทาให้ยากตอ่ การเลยี นแบบ 4. เป็นผู้กาหนดมาตรฐาน เช่น มาตรฐานด้านราคา การให้บริการ การ รับประกนั สนิ คา้ 5. สร้างความได้เปรียบด้านต้นทุน มีโอกาสสะสมความรู้ประสบการณ์ เช่น การ เพ่ิมผลผลติ การลดตน้ ทุน
การเปน็ ผ้นู าทางเทคโนโลยี 6. มโี อกาสปกป้องทรัพยส์ ินทางปัญญาของต้นเอง ยื่นขอสิทธิบัตร ลิขสิทธ์ิ หรือ ทรัพย์สินทางปัญญารูปแบบอ่ืน ๆ 7. มโี อกาสเกบ็ เกย่ี วทรพั ยากรสาคญั ไดก้ อ่ นรายอ่ืน 8. มีโอกาสเพ่ิมต้นทุนในการเปลี่ยนสินค้า เช่น ต้นทุนท่ีเกิดจากลูกค้าเปลี่ยนไป ใชผ้ ลติ ภณั ฑ์อื่น เชน่ การฝกึ อบรม การตดิ ตง้ั เปน็ ต้น
ขอ้ เสียของการเป็นผนู้ าทางเทคโนโลยี 1. ต้องลงทุนในการวิจัย แลพัฒนา ในขณะที่ผู้ตามเพียงนาความรู้หรือ เทคโนโลยีนนั้ ไปดัดแปลงเล็กนอ้ ย 2. เสียค่าใช้จ่ายสูงในการสร้างการยอมรับของตลาด เช่นค่าโฆษณา การ ฝึกอบรม 3. ลงทุนเรอื่ งอุปกรณ์ตา่ ง ๆ ในการออกแบบและผลติ 4. เส่ยี งตอ่ การถูกลอกเลยี นทรัพย์สินทางปญั ญาจากผตู้ าม 5. เสียค่าใช้จ่ายสูงจากการนาทรัพยากรมาใช้ เน่ืองจากอาจจะยังไม่เคยมีความ ตอ้ งการใช้มาก่อน 6. ประสบความไมแ่ นน่ อนสงู ในการวางขาย
กระบวนการสรา้ งนวตั กรรม SWE321| Technology Management and Innovation อ.รตั ติกานต ์ วิบูลยพ์ านิ ช
ท ด ส อ บ ก่ อ น เ ร ีย น ใหน้ ักศกึ ษาลองวเิ คราะหบ์ ทบาทในการ บรหิ ารงานของบุคคลสาคญั \" Steve Jobs\" ว่ามกี ารบรหิ ารงานอย่างไร
การพฒั นาผลติ ภณั ฑห์ รอื บรหิ ารใหม่ และนาไป วางตลาดจนประสบความสาเรจ็ ตอ้ งอาศยั ความคดิ สรา้ งสรรค ์และ ระบบจดั การทดี่ ี
การประดษิ ฐแ์ ละนวตั กรรม
การประดษิ ฐ ์ (INVENTION) นวตั กรรม (INNOVATION) เป็ นการสรา้ งเทคโนโลยใี หม่ ซงึ่ นิยมใช ้ เป็ นการสรา้ งสรรคส์ งิ่ ใหม่ ๆ เชน่ กนั แต่ กบั การสรา้ งสรรคส์ ง่ิ ของทจี่ บั ตอ้ งได ้ ไม่ครอบคลุมการสรา้ งสรรคท์ ไ่ี ม่เป็ น เชน่ รถยนต ์ เครอื่ งจกั รไอนา้ และเป็ น วตั ถุดว้ ย เชน่ กลยุทธ ์กระบวนการ เทคนิค และตอ้ งถูกนาไปใชใ้ นวงกวา้ ง ผลจากการจนิ ตนาการของมนุษย ์ กอ่ ใหเ้ กดิ ประโยชนต์ ่อสงั คม
ประเภทของนวัตกรรม แบ่งตามปรมิ าณความเปลยี่ นแปลง ได ้ 2 แบบ • นวัตกรรมแบบกา้ วกระโดด ( มรี ะดบั การเปลยี่ นแปลงสงู มาก มกั ทาใหเ้ กดิ อุตสาหกรรมใหม่ขนึ้ นวัตกรรมแบบค่อยเป็ นค่อยไป เป็ นการปรบั ปรงุ ทลี ะเล็กละนอ้ ยในผลติ ภณั ฑห์ รอื กระบวนการ ชว่ ย ใหบ้ รษิ ทั รกั ษาตาแหน่งการแข่งขนั ในทอ้ งตลาดได ้
นวตั กรรมบรกิ าร เป็ นบรกิ ารใหม่ ๆ หรอื ปรบั ปรุงทมี่ อี ยู่ แลว้ ใหด้ ขี นึ้ โดยนาเทคโนโลยมี าใช ้ เชน่ ธนาคารมกี าร นาบตั รควิ มาใหผ้ ูใ้ ชบ้ รกิ ารใชง้ าน
กระบวนการสรา้ งนวตั กรรม
กระบวนการสร้างสรรคน์ วตั กรรม เป็นกระบวนการในการเปล่ียนองคค์ วามรู้ทาง วทิ ยาศาสตร์ใหเ้ ป็นผลิตภณั ฑห์ รือบริการเพือ่ เผยแพร่ไปสู่สงั คม หรือใชป้ ระโยชน์ใน เชิงพาณิชย์
กระบวนการสรา้ งนวตั กรรม
เป็ นมุมมองทกี่ วา้ งในระดบั สงั คม มนี โยบายสาธารณะทชี่ ว่ ยสนับสนุนหรอื ยบั ยง้ั กระบวนการโดยรวม
ผูป้ ระกอบการเป็ นหน่วยทอี่ ยู่ตรงกลางมบี ทบาทเชอื่ มโยง นวตั กรรมไปสู่ทอ้ งตลาด และควรเป็ นผูท้ มี่ คี วามสามารถใน การผลกั ดนั งานประดษิ ฐใ์ หอ้ อกเป็ นเชงิ พาณิชย ์ ตอ้ ง อาศยั คุณสมบตั ิ ความพยายามมุ่งมน่ั การยอมรบั ความ เสยี่ ง ความสามารถการโน้มน้าวใจผูอ้ นื่ ความรูจ้ กั ตลาด การผลติ เป็ นตน้
ความเป็ นผูป้ ระกอบการ เป็ นผูท้ มี่ คี วามสามารถในการขายไอเดยี หรอื วางไอเดยี สู่ ทอ้ งตลาด มกั มมี คณุ สมบตั เิ ฉพาะตวั คอื มวี สิ ยั ทศั น์ มคี วามกลา้ ทาสงิ่ ใหม่ ๆ มคี วามมุ่งม่นั มคี วามคดิ เป็ นอสิ ระ ทะเยอทะยานทจี่ ะ ประสบความสาเรจ็ มมี นุษยส์ มั พนั ธท์ ดี่ ี
การจดั การแบบผูป้ ระกอบการมอื อาชพี ผูป้ ระกอบการแบบมืออาชีพ ผูจ้ ัดการแบบผูป้ ระกอบการ • เน้นกำรเติบโตทำงสำยอำชีพ มีเป้ำหมำย • เริ่มต้นด้วยตวั เอง ทำสิ่งต่ำง ๆ ด้วยตวั เอง ชดั เจน • ไม่ใช่ผ้กู ระจำยงำนท่ีดี ต้องกำรมีอำนำจ • ทำงำนสำเร็จผ่ำนผ้อู ่ืน ควบคมุ มำก • เป็นนกั สร้ำงแรงบนั ดำลใจและผ้กู ระจำยงำน • เป็นผ้นู ำท่ีมีเสน่ห์ ท่ีดี • มีแรงขบั เคล่ือนที่สงู • เป็นผ้นู ำท่ีดี • สนใจรำงวลั • เป็นคนฉลำด • สนใจรำงวลั ⚬ เงินสด ⚬ เงินสด ⚬รำงวลั ที่มองเห็นได้ เช่นรถ สมำชิกคลบั ⚬รำงวลั ท่ีมองเห็นได้ ⚬สถำนะทำงสงั คม ตำ่ ง ๆ ⚬ โบนสั ⚬ คำชื่นชม 7. มีประสบกำรณ์ ⚬ โบนสั 8. เล่นตำมกฏ • แก้ปัญหำดีเยี่ยม 9. ไม่ชอบควำมเสี่ยง • เป็นนกั คิดสร้ำงสรรค์ 10. ท่มุ เทให้ตวั เองมำกกว่ำบริษัท • มองโลกตำมควำมเป็นจริง • ท่มุ เทให้บริษัท
Search