Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore e-book 1

e-book 1

Published by brown250158, 2017-07-25 03:51:51

Description: e-book 1

Search

Read the Text Version

รายงานการศกึ ษาสว่ นบุคคล (Individual Study) เร่อื ง การติดตามการพัฒนาระบบงานทะเบยี นประวตั ิระบบอเิ ลก็ ทรอนกิ สข์ า้ ราชการครูและบคุ ลากรทางการศึกษา ของสานักงาน ก.ค.ศ. จัดทาโดย นายทศพร ลส้ี นิ้ ภัย รหัส 322 รายงานนีเ้ ปน็ ส่วนหนงึ่ ของการพฒั นาหลกั สูตรพฒั นานกั บรหิ ารระดบั สงู กระทรวงศกึ ษาธกิ าร (นบส.ศธ.) ร่นุ ท่ี 3 สถาบันพฒั นาครู คณาจารย์และบคุ ลากรทางการศกึ ษา สานกั งานปลดั กระทรวงศึกษาธิการ ประจาปี 2556

กติ ตกิ รรมประกาศ การศึกษาครงั้ นส้ี าเร็จด้วยดี ได้รบั ความกรุณาจาก ดร.สมโภชน์ นพคณุพลตรีหญงิ ดร.ขวญั ตา สงา่ เนตร และ ดร.สมบัติ สวุ รรณพทิ ักษ์ ทไี่ ด้ให้ความรู้ ใหค้ าปรึกษา แนะนา แกไ้ ขและปรบั ปรุงงานวิจัย ดว้ ยความเอาใจใสอ่ ย่างยิง่ ตลอดระยะเวลาการเรียนหลกั สูตรพฒั นานักบริหารระดบั สงูกระทรวงศึกษาธกิ าร (นบส. ศธ.) รุ่นท่ี 3 สถาบันพฒั นาครู คณาจารยแ์ ละบคุ ลากรทางการศึกษา สานักงานปลัดกระทรวงศกึ ษาธิการ ประจาปี 2556 รวมทั้งคุณนายนิพนธ์ เบญจกลุ ท่ไี ดใ้ ห้คาแนะนา แกไ้ ขและตรวจสอบเครอื่ งมือทใี่ ชใ้ นการวจิ ัยในครง้ั น้ี จึงขอขอบคณุ มา ณ โอกาสนีด้ ว้ ย นายทศพร ลีส้ ิ้นภัย กมุ ภาพนั ธ์ 2556

สารบญั 1 3บทสรุปสาหรบั ผู้บริหาร 3กติ ตกิ รรมประกาศ 4สารบัญ 5สารบัญตาราง 5สารบญั ภาพ 6บทที่ 1 บทนา 28 สภาพท่วั ไปและสภาพปญั หา 29วัตถปุ ระสงค์การศึกษา 30 30 ขอบเขตการศึกษา 36 ระเบยี บวธิ ีการศึกษา 37 55ประโยชน์ท่จี ะไดร้ ับ 60นิยามศพั ท์ 63บทท่ี 2 แนวคดิ หลกั การ ทฤษฎแี ละวรรณกรรมทีเ่ กีย่ วข้อง 77บทท่ี 3 ระเบยี บวธิ กี ารศกึ ษา ประชากรและกลุ่มตัวอย่างแหลง่ ข้อมลู ทใี่ ชใ้ นการศึกษา การเกบ็ รวบรวมขอ้ มูล เคร่อื งมือท่ีใชใ้ นการเกบ็ รวบรวมข้อมูล การวิเคราะห์ขอ้ มลูบทท่ี 4 ผลการศกึ ษาและการอภิปรายผลบทท่ี 5 สรุปผลการศึกษาและข้อเสนอแนะบรรณานุกรมภาคผนวกประวตั ผิ ูเ้ ขียนเอกสารรายงานการศกึ ษาสว่ นบุคคล

สารบญั ตารางตารางท่ี 1 แสดงเพศของผู้ตอบแบบสอบถาม หนา้ตารางที่ 2 แสดงอายุของผู้ตอบแบบสอบถาม 38ตารางท่ี 3 แสดงอายรุ าชการของผู้ตอบแบบสอบถาม 38ตารางที่ 4 แสดงตาแหน่งของผู้ตอบแบบสอบถาม 39ตารางที่ 5 แสดงสงั กัดของผตู้ อบแบบสอบถาม 39ตารางท่ี6 แสดงภาคของผ้ตู อบแบบสอบถาม 40ตารางท่ี7 คา่ เฉลย่ี และค่าเบ่ยี งเบนมาตรฐานของความคิดเห็นตอ่ ปัจจยั ด้านบคุ ลากร 40ตารางท่ี8 คา่ เฉลย่ี และค่าเบย่ี งเบนมาตรฐานของความคดิ เห็นต่อปจั จยั ดา้ นงบประมาณ 41ตารางที่ 9 คา่ เฉลย่ี และค่าเบ่ยี งเบนมาตรฐานของความคดิ เห็นต่อปัจจยั ด้านเคร่ืองมอื และอุปกรณ์ 42 42 ดาเนินงานตารางที่10 คา่ เฉล่ียและค่าเบย่ี งเบนมาตรฐานของความคิดเหน็ ตอ่ ปจั จยั ดา้ นการบริหารทะเบยี นประวตั ิ 43 ระบบอิเล็กทรอนกิ ส์ 44ตารางท่ี11 ค่าเฉลยี่ และค่าเบย่ี งเบนมาตรฐาขนองความคดิ เหน็ ตอ่ ปจั จัยขบั เคล่อื นงานทะเบยี นประวตั ิ 44 ระบบอิเลก็ ทรอนิกส์ข้าราชการครแู ละบุคลากรทางการศกึ ษา 45ตารางท่ี12 คา่ เฉลี่ยและคา่ เบยี่ งเบนมาตรฐานด้านความสามารถในการทางานตรงตามความตอ้ งการ 46ตารางท่ี13 ค่าเฉลี่ยและคา่ เบี่ยงเบนมาตรฐานดา้ นความสามารถในการทางานตามหน้าท่ีของระบบ 46ตารางที่14 ค่าเฉลี่ยและคา่ เบี่ยงเบนมาตรฐานด้านความสะดวกและง่ายต่อการใชง้ านระบบตารางที่15 คา่ เฉล่ยี และคา่ เบยี่ งเบนมาตรฐานประสิทธิภาพของงานทะเบียนประวตั ิ 47 ระบบอเิ ลก็ ทรอนิกส์ตารางท่ี16 คา่ เฉลย่ี และค่าเบีย่ งเบนมาตรฐานความพึงพอใจต่องานทะเบียนประวตั ิ ระบบอเิ ล็กทรอนกิ ส์

สารบัญภาพ หนา้ 19แผนภาพท่ี 1 องค์ประกอบของระบบ



บทสรปุ ผ้บู ริหาร การศกึ ษาเร่อื ง การติดตามการพัฒนาระบบงานทะเบยี นประวตั ริ ะบบอเิ ล็กทรอนกิ ส์ข้าราชการครูและบคุ ลากรทางการศึกษา ของสานกั งาน ก.ค.ศ. มีวัตถุประสงคเ์ พือ่ ศึกษาผลการดาเนนิความพึงพอใจและแนวทางการพฒั นาระบบงานทะเบยี นประวตั ริ ะบบอเิ ลก็ ทรอนิกส์ของข้าราชการแคลระูบุคลากรทางการศึกษา กลุ่มตัวอย่าง ประกอบด้วย การสอบถามกลุ่มตัวอย่าง คอื เจ้าหน้าผู้ปฏิบตั งิ านเกีย่ วกบั ทะเบยี นประวัติระบบอเิ ลก็ ทรอนิกส์ใน สานกั งานเขตพ้ืนที่การศึกษา รวม 144 คน การสัมภาษณ์เชิงลกึ ใชก้ ารเลือกสุม่ ตัวอย่างแบบเจาะจง ( Perposive Sampling) คือ ผ้อู านวยการสานกั งานเขตพ้นื ทกี่ ารศกึ ษาจากสานักงานเขตพ้ืนทีก่ ารศึกษา จานวน 25 คน เครอ่ื งมือท่ีใช้ในการเก็บรวบรวมขอ้ มูล ได้แก่ แบบสอบถามและแบบสมั ภาษณ์เชิงลึก การวิเคราะหข์ อ้ มลู โดยใช้ค่าร้อยละคา่ เฉลยี่ คา่ เบ่ียงเบนมาตรฐาน และการวเิ คราะห์เนือ้ หา มีผลการศึกษา ดังนี้ 1. การสอบถาม 1.1 เจ้าหน้าที่ผปู้ ฏบิ ัตหิ น้าทีเ่ ก่ียวกับทะเบยี นประวัติ มีความคดิ เหน็ ตอ่ ปจั จยั ท่ีใชใ้ นการขบั เคลือ่ นงานทะเบยี นประวัติระบบอิเล็กทรอนกิ ส์ขา้ ราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศึกษา โดยภาพรวมอย่ใู นระดบั ไมแ่ นใ่ จ เมือ่ พิจารณาปัจจัยรายด้าน พบวา่ เจา้ หนา้ ผูป้ ฏบิ ตั หิ น้าที่เกยี่ วกับทะเบียนประวตั มิ ีความคิดเหน็ ต่อปจั จยั ดา้ นงบประมาณ ปัจจยั ดา้ นเครอ่ื งมือและอุปกรณ์ดาเนินงาน ปจั จยั ดา้ นบคุ ลากร และปัจจัยด้านการบริหารทะเบียนประวตั ิระบบอิเลก็ ทรอนิกส์ อยู่ในระดับท่ไี มแ่ นใ่ จทัง้ หมด 1.2 เจ้าหนา้ ทีผ่ ู้ปฏิบตั หิ นา้ ที่เกย่ี วกับทะเบยี นประวัติ มคี วามคดิ เหน็ ว่าประสิทธภิ าพของงานทะเบยี นประวตั ิระบบอิเล็กทรอนกิ ส์ โดยภาพรวมอยใู่ นระดบั พอใช้ เมอื่ พจิ ารณารายด้าน พบว่าเจ้าหนา้ ทผ่ี ้ปู ฏบิ ตั ิหนา้ ทเ่ี กย่ี วกับทะเบยี นประวตั ิ มีความคดิ เหน็ วา่ ประสทิ ธิภาพดา้ นความสะดวกและงา่ ยตอ่ การใชง้ านระบบ ดา้ นความสามารถในการทางานตามหนา้ ท่ขี องระบบ ด้านความสามารถในการทางานตรงตามความต้องการ อยใู่ นระดบั พอใช้ทง้ั หมด 1.3 เจา้ หน้าท่ีผูป้ ฏบิ ัติหนา้ ท่เี กี่ยวกบั ทะเบยี นประวัติ มีความพึงพอใจตอ่ งานทะเบยี นประวตั ิระบบอเิ ล็กทรอนิกส์ ในภาพรวมอยูใ่ นระดับปานกลาง โดยเจา้ หนา้ ทผี่ ู้ปฏิบัตหิ น้าทเี่ กย่ี วกับทะเบยี นประวัติ มคี วามพึงพอใจต่องานทะเบยี นประวัตริ ะบบอิเลก็ ทรอนกิ ส์ อยู่ในระดับมาก 3ลาดบั แรก คือ ปรมิ าณเน้ือหามเี พียงพอกับความต้องการ ข้อมูลในฐานข้อมลู มีความเชื่อมโยงและมีระบบรักษาความปลอดภัยของข้อมลู และสีพ้นื หลังกับสีตัวอกั ษร มีความเหมาะสม แตม่ ีความพึงพอในใจ การอบรมการใช้งานทะเบยี นประวัติระบบอิเลก็ ทรอนิกส์ใหก้ ับบุคลากร อย่ใู นระดับนอ้ ย

ข2. การสัมภาษณ์2.1 ผอู้ านวยการสานักงานเขตพ้นื ทีก่ ารศึกษาทงั้ หมดทใ่ี หส้ มั ภาษณไ์ ด้เข้าไปดูแล กากบับริหารงานทะเบยี นประวัติระบบอเิ ล็กทรอนกิ ส์ขา้ ราชการครูและบุคลากรทางการศกึ ษา ของสานกั งาน ก.ค.ศ. อยู่เปน็ ระยะ โดยเห็นวา่ ทะเบยี นประวตั ิระบบอิเลก็ ทรอนกิ ส์ข้าราชการครแู ละบุคลากรทางการศกึ ษาของสานักงาน ก.ค.ศ. มีประโยชนม์ าก แตค่ วรเพม่ิ เติมในระบบงานหรือระบบรายงาน เชน่ ควรพฒั นาระบบ ก.พ.7 อิเลก็ ทรอนิกสใ์ หส้ ามารถเชือ่ มโยงกบั ระบบอ่ืน เชน่ ระบบ p-obec ของสานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาข้นั พื้นฐาน , ควรเพม่ิ ระบบงานทีส่ าคญั โดยเฉพาะการบนั ทกึ หรอื แกไ้ ขวัน เดือน ปีเกดิ ในระบบทะเบยี นประวตั ิ สาหรับรายงานควรจัดระบบการรายงานการบริหารงานบุคคลท่ีสาคัญตั้งแต่ข้อมลู การบรรจุ คณุ วุฒิ สาขาวิชาเอก วิทยฐานะเงนิ เดอื นประวตั ิการถูกลงโทษทางวินัย เพือ่ ใหห้ นว่ ยงานภายนอกไดร้ ับขอ้ มูล จาก ก.ค.ศ. โดยตรง2.2 สานักงานเขตพน้ื ทกี่ ารศึกษามีบคุ ลากรรับผดิ ชอบงานทะเบยี นประวตั ิระบบอเิ ล็กทรอนกิ สข์ ้าราชการครูและบคุ ลากรทางการศกึ ษา ซ่ึงเปน็ ผทู้ ่ีมีความรู้ ความสามารถในเรื่องการใชอ้ ินเตอรเ์ นต็ และคอมพวิ เตอร์ อยูใ่ นระดบั ทีด่ ี สามารถปฏบิ ัติงานได้อยูแ่ ล้ว แตเ่ นอื่ งจากในบางสานักงานเขตพน้ื ท่กี ารศกึ ษา มีการย้าย/สบั เปลี่ยนเจา้ หน้าท่ีทท่ี างานเก่ยี วกบั ระบบทะเบยี นประวัติอเิ ลก็ ทรอนิกส์ บอ่ ยครง้ั ทาให้การทางานเก่ียวกับระบบดงั กล่าวไม่ตอ่ เน่อื ง ไมม่ ปี ระสิทธิภาพเทา่ ที่ควร อกี ทง้ั บคุ ลากรทร่ี บั ผดิ ชอบไมไ่ ดร้ ับการอบรมงานทะเบียนประวัติระบบอเิ ลก็ ทรอนิกส์ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศกึ ษาอย่างตอ่ เนือ่ ง ซึ่งยังขาดการประชาสัมพันธ์และการถา่ ยทอดองคค์ วามร้ใู ห้กบั ผูป้ ฏิบตั ิอยู่2.3 ผูอ้ านวยการสานกั งานเขตพื้นทก่ี ารศกึ ษา เห็นว่า ในการขับเคล่อื นงานทะเบียนประวัติระบบอเิ ล็กทรอนิกสข์ า้ ราชการครแู ละบุคลากรทางการศกึ ษใานสานักงานเขตพื้นทกี่ ารศกึ ษา ควรมีการจัดทางบประมาณให้สานักงานเขตพ้ืนทกี่ ารศกึ ษาในการขับเคลอ่ื น โดยส่วนใหญ่เห็นว่าสานักงานก.ค.ศ. ควรเปน็ ผดู้ าเนนิ การจดั ทางบประมาณ2.4 สานักงานเขตพื้นทก่ี ารศกึ ษามีเคร่อื งมอื และอปุ กรณ์ดาเนนิ งานทะเบียนประวตั ริ ะบบอิเลก็ ทรอนิกสข์ ้าราชการครูและบคุ ลากรทางการศกึ ษา แตย่ งั มีปัญหาสัญญาณเครอื ขา่ ย Internet และการเชอ่ื มตอ่ กับระบบ Internet ซง่ึ ยงั ช้าอยู่ จึงนับวา่ สานกั งานเขตพนื้ ที่การศกึ ษามเี ครื่องมือทปี่ ระสิทธิภาพยังไมด่ เี ท่าทคี่ วร2.5 ความรวดเรว็ ในการประมวลผลขอ้ มลู หรอื คน้ หาขอ้ มลู ของงานงานทะเบยี นประวตั ิระบบอิเล็กทรอนกิ ส์ ระบบทะเบยี นประวัตอิ ิเล็กทรอนกิ ส์ยังไมส่ ามารถเขา้ ใช้งานได้อยา่ งทนั ทว่ งทีตอ้ งผา่ นการใช้ User nameและ Password จึงสามารถเข้าสู่ระบบทะเบยี นประวตั อิ ิเลก็ ทรอนกิ สไ์ ด้แตอ่ ย่างไรก็ตามระบบสามารถประมวลผลไดเ้ ร็ว สามารถดึงขอ้ มูลมาใชป้ ระโยชนไ์ ดร้ วดเรว็ ลดขน้ั ตอนประหยดั เวลาข้อมูลถูกตอ้ ง ต้ังแตร่ ะดับโรงเรยี น/เขต/สพฐ./ก.ค.ศ./หน่วยงานอน่ื ๆ

ค 3. ขอ้ เสนอแนะ 3.1 ดา้ นบคุ ลากร 3.1.1 ควรมีการสร้างระบบการเรียนรู้ และการถ่ายทอดองค์ความรูใ้ หแ้ ก่เจ้าหน้าทเ่ี พอ่ื ใหเ้ กิดความรู้อย่างตอ่ เนอื่ ง สานกั งานเขตพื้นทก่ี ารศกึ ษา ต้องจัดอบรมเสริมความรดู้ ้านเทคโนโลยสี ารสนเทศ และจัดอบรมเสรมิ สร้างความรคู้ วามเข้าใจเกีย่ วกับหลักเกณฑด์ า้ นการบริหารงานบคุ คล ระบบทะเบยี นประวัตอิ เิ ลก็ ทรอนิกส์ในรายละเอียดทก่ี าหนดข้ึนใหมแ่ ละทมี่ กี ารเปล่ียนแปลง ให้แกบ่ ุคลากรในสังกัด ปรับเปลีย่ นรูปแบบการทางานจากเดมิ ทีเ่ ป็นแบบผูบ้ ังคบั บัญชากับลกู นอ้ งเปลย่ี นเป็นรูปแบบผสู้ อนกบั ผ้ไู ดร้ ับการสอน และควรเปล่ยี นรูปแบบการทางานจากเดิมท่ีการสบื คน้ และการส่อื สารม่งุ เนน้ การใชร้ ะบบเอกสารเปลี่ยนเปน็ การสบื คน้ และการสอ่ื สารโดยใช้เทคโนโลยี สาหรบั การสรา้ งหลกั สูตรการฝกึ อบรม ควรสร้างใหส้ อดคลอ้ งกบั การใช้งานปัจจบุ ัน และปรับเปลี่ยนหากกระบวนการทางานเปลีย่ นแปลงไป โดยตอ้ งจดั ให้บุคลากรในสังกดั ไดร้ ับการฝึกอบรมหลกั สตู รดงั กลา่ วอย่างสมา่ เสมอ เพ่ือให้เกิดความรู้และเพ่มิ ความชานาญในการนาไปปฏบิ ัตสิ าหรับการจดั ทาคู่มอื ควรจัดทาคมู่ ือเพ่ือประกอบการฝกึ อบรม ซง่ึ เนื้อหาควรมีความง่ายตอ่ ความเข้าใจ 3.1.2 ควรมีการจัดเจา้ หน้าทผ่ี ดู้ ูแลระบบให้ครบทกุ เขต และควรจดัอตั รากาลงั บรรจใุ หเ้ จ้าหน้าท่ปี ระจาเขต เพื่อขวญั และกาลังใจและเป็นความม่ันคงในการดารงชีพและจดั ให้มีเจ้าหนา้ ท่สี านกั งาน ก.ค.ศ. ทาหนา้ ท่ีตอบขอ้ ซกั ถาม หรือใหข้ ้อมลู ท่มี คี วามชัดเจนในประเด็นทมี่ ขี อ้ หารอื ผา่ นชอ่ ทางการสื่อสารตา่ งๆ เชน่ โทรศพั ท์ กระดานสนทนา เป็นต้น 3.2 ดา้ นงบประมาณ ควรจัดสรรงบประมาณไวโ้ ดยเฉพาะท้ังสานักงานเขตพื้นทกี่ ารศึกษา และสานักงาน ก.เพอ่ื พัฒนาดา้ นนี้โดยตรง โดยควรมกี ารปรบั เปลีย่ นแนวทางการจัดต้งั งบประมาณให้รองรับระบบทะเบียนประวตั อิ เิ ลก็ ทรอนกิ ส์ การจดั หาและบารงุ รักษาระบบเทคโนโลยสี ารสนเทศ คา่ วัสดุและอปุ กรณต์ า่ งๆ รวมถึงควรมีการประมาณการคา่ ใชจ้ ่ายใหเ้ พียงพอสาหรับการจัดฝึกอบรมให้แก่บุคลากรดว้ ย 3.3 ด้านอุปกรณ์และเครอื่ งมอื เคร่ืองใช้ ควรมีการนาเทคโนโลยีสารสนเทศท่มี ีอยู่ทง้ั หมด ได้แก่ ฐานข้อมูล อุปกรณค์ อมพิวเตอร์ โปรแกรมประยกุ ต์ และระบบเครือข่ายอนิ เตอรเ์ น็ตมาใช้ในระบบทะเบยี นประวตั อิ เิ ล็กทรอนิกส์ ให้เปน็ ไปตามนโยบาย และเปลย่ี นวธิ กี ารทางานให้สอดรบั กบั ระบบเทคโนโลยสี ารสนเทศ ควรมีคมู่ อื การใชง้ านและบารุงรกั ษาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและปรบั ปรงุ วธิ กี ารจดั ทารายงานต่างๆ จากเดมิ ท่จี ดั ทาดว้ ยระบบเอกสารเปลี่ยนเปน็ การจดั ทา

งรายงานโดยใช้ระบบเทคโนโลยสี ารสนเทศ ควรมกี ารสนบั สนนุ ดา้ นวัสดุและอปุ กรณ์ทมี่ คี วามทนั สมยัสามารถใชง้ านได้ดี ให้กับสานักงานเขตพืน้ ทีก่ ารศกึ ษา โดยมีการจดั สรรงบประมาณไว้เพ่อื ส่วนน้ีโดยตรง 3.4 ดา้ นประสทิ ธิภาพการบริหารทะเบยี นประวตั ิระบบอิเล็กทรอนกิ ส์ 3.4.1 ควรมีการสง่ เสริมและสนบั สนนุ ให้มกี ารศึกษา วจิ ยั และพฒั นาระบบทะเบียนประวัตอิ เิ ลก็ ทรอนิกสอ์ ย่างตอ่ เนอื่ ง และรวบรวมข้อมูล ผลการวจิ ยั ปญั หาต่างๆ มาสรปุ และเพอ่ื ดาเนนิ การปรับปรงุ แก้ไขและนามาพฒั นาระบบใหร้ ะบบมปี ระสทิ ธภิ าพมากขนึ้ 3.4.2 การรักษาความลบั ของขอ้ มลู ข่าวสาร ควรระบุใหล้ ะเอยี ด รอบคอบและชัดเจน เนอ่ื งจากข้อมลู ส่วนบุคคล อาจมผี ูป้ ระสงคร์ ้ายนาข้อมลู ไปใชง้ านในทางไม่ดี 3.4.3 สานักงาน ก.ค.ศ. ตอ้ งเข้ามามบี ทบาทการบรหิ ารจัดการทะเบยี นประวัติอเิ ลก็ ทรอนิกสใ์ หม้ าก ลดบทบาทของบริษทั เขา้ มาบริหารจัดการระบบทะเบียนประวัติอิเล็กทรอนกิ ส์อยา่ งเตม็ รปู แบบ โดยการทางานรว่ มกันระหว่างสานักงาน ก.ค.ศ. สานกั งานเขตพน้ื ท่กี ารศกึ ษา และสว่ นราชการ เปดิ โอกาสให้ผูท้ ี่เกี่ยวขอ้ งมีสว่ นรว่ มในการเสนอความเหน็ และใหข้ ้อเสนอแนะเก่ียวกบัระบบทะเบยี นประวัติอิเล็กทรอนกิ ส์ รวมถงึ การบริหารงานบุคคลของขา้ ราชการครูและบคุ ลากรทางการศกึ ษา อาจเปน็ รปู แบบการจัดประชุมสัมมนาร่วมกัน เป็นต้น 3.4.5 ควรมีการควบคุม กากบั ติดตาม ดแู ล เปน็ ระยะ อยา่ งเป็นระบบและต่อเน่ือง โดยอาจประสานงานและมกี ารสอื่ สารระหวา่ งสานกั งาน ก.ค.ศ. สานักงานเขตพ้นื ท่ีการศึกษา ส่วนราชการ และผทู้ เี่ กยี่ วข้องอนื่ ๆ อาจผ่านทางการจัดประชมุ ผา่ นระบบวีดที ัศนท์ างไกลการจดั ทากระดานสนทนา หรือการจดั ประชุมหารือ เพื่อให้ทราบถึงปญั หาและแนวทางในการแก้ไขปญั หา หรอื อาจมีการจดั เจ้าหน้าทอ่ี อกไปกากับตดิ ตาม การดาเนนิ งานระบบทะเบียนประวัติอิเล็กทรอนกิ ส์ ณ สานักงานเขตพ้นื ที่การศึกษา เพ่ือเปน็ การรับทราบความกา้ วหน้า ความคิดเหน็ปัญหาและอุปสรรคในการดาเนินงาน เพ่อื รวบรวมข้อมูลและหาแนวทางในการปรับปรงุ แก้ไขปญั หาและพัฒนาระบบทะเบียนประวัตอิ เิ ล็กทรอนิกส์ต่อไป 3.4.6 ในสว่ นของระบบทะเบยี นประวตั อิ เิ ลก็ ทรอนกิ สข์ องขา้ ราชการครูและบคุ ลากรทางการศึกษาในสถานศึกษา ควรให้สานักงานเขตพน้ื ทกี่ ารศกึ ษาเปน็ ผ้ดู าเนินการควบคุมเนอื่ งจากในทางปฏบิ ัติสถานศึกษาจะเห็นวา่ สานกั งานเขตพืน้ ท่ีการศกึ ษาเป็นผู้บงั คับบญั ชาโดยตรง

บทท่ี 1 บทนา1. สภาพทวั่ ไปและสภาพปัญหา 1.1 สภาพทว่ั ไป ขา้ ราชการครเู ดมิ เป็นขา้ ราชการพลเรือนประเภทหนง่ึ ตามกฎหมายว่าดว้ ยระเบียบข้าราชการพลเรือนและไดแ้ ยกเป็นข้าราชการครตู ามพระราชบญั ญตั ริ ะเบยี บข้าราชการครู พ.ศ. 2523 โดยระบบการบริหารงานบคุ คลเป็นของตนเอง แต่ยงั คงนาบางสว่ นของหลักเกณฑแ์ ละวิธกี ารบริหารงานบคุ คลของข้าราชการพลเรอื นสามญั มาบงั คับใชโ้ ดยอนโุ ลม โดยเฉพาะสว่ นของการจัดทาทะเบยี นประวัตใิ นรูปแบบ ก.พ.7 และแฟม้ ประวัตขิ า้ ราชการของ ก.พ. ต่อมาได้มีการประกาศใชพ้ ระราชบัญญัตริ ะเบียบข้าราชการครูและบคุ ลากรทางการศกึ ษา พ.ศ. 2547 มผี ลใชบ้ งั คบั ตงั้ แต่วนั ท่ี 24 ธนั วาคม 2547 ซึง่ ยกเลิกพระราชบัญญัติระเบยี บข้าราชการครู พ.ศ. 2523ตามพระราชบัญญัตริ ะเบียบข้าราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547 และทแี่ ก้ไขเพม่ิ เตมิมาตรา 19(17) บญั ญตั ิให้ ก.ค.ศ. มอี านาจหน้าท่ีพิจารณาจัดทาระบบทะเบียนประวัติขา้ ราชการครแู ละบุคลากรทางการศกึ ษา มาตรา 20(2) บัญญตั ิใหส้ านักงาน ก.ค.ศ. มหี น้าที่ในการวเิ คราะหแ์ ละวจิ ัยเกีย่ วกับการบริหารงานบุคคลสาหรบั ขา้ ราชการครูและบคุ ลากรทางการศกึ ษาและการจดั ระบบบรหิ ารขา้ ราชการในหน่วยงานการศึกษา และมาตรา 20(4) บญั ญตั ิใหส้ านักงาน ก.ค.ศ. มีหนา้ ทใ่ี นการพฒั นาระบบข้อมูลและจดั ทาแผนกาลงั คนสาหรับข้าราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษา โดยทะเบยี นประวตั ขิ า้ ราชการครแู ละบุคลากรทางการศกึ ษาเปน็ แหล่งขอ้ มลู เกี่ยวกบั ทะเบียนประวัติของข้าราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษาเพื่อประโยชน์ในการใชเ้ ป็นขอ้ มูลที่สาคัญของการบริหารงานบคุ คล เชน่ การบรรจุและแต่งตัง้ การยา้ ยการเปลยี่ นตาแหนง่ การโอน การเลอ่ื นวทิ ยฐานะ การเล่อื นตาแหนง่ การเล่ือนเงินเดือน การพฒั นาขา้ ราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ดงั น้ัน สานกั งาน ก.ค.ศ. ในฐานะหนว่ ยงานที่มอี านาจหน้าที่จดั ระบบทะเบียนประวตั ิ วิเคราะห์ และวจิ ยั เกยี่ วกับการบรหิ ารงานบุคคล จดั ระบบบริหารราชการในหนว่ ยงานการศกึ ษา และพฒั นาระบบขอ้ มลู และจดั ทาแผนกาลงั คนสาหรับข้าราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษา จึงไดเ้ ริ่มศึกษา วิจัยและพัฒนาระบบทะเบยี นประวัติระบบอเิ ลก็ ทรอนกิ สข์ องขา้ ราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษาในสังกดั สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาข้นั พ้ืนฐาน ตง้ั แตป่ งี บประมาณ พ.ศ. 25551 เป็นตน้ มา

-2- ในอดตี ท่ผี ่านมาการจัดทาทะเบียนประวตั ิของขา้ ราชการครูและบคุ ลากรทางการศกึ ษาใชร้ ปู แบบ ก.พ.7จนกระทง่ั ก.ค.ศ. ได้ออกระเบยี บ ก.ค.ศ. ว่าดว้ ยระเบยี บทะเบียนประวัติข้าราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2555 มีผลบงั คบั ใช้ต้งั แตว่ นั ที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 เปน็ ตน้ มา โดยสาระของระเบยี บก.ค.ศ. ดังกลา่ ว กาหนดให้มีระบบทะเบยี นประวตั ิ เป็น 2 ระบบ คอื ระบบเอกสาร และระบบอิเลก็ ทรอนกิ ส์สาหรับระบบเอกสาร สานกั งาน ก.ค.ศ. ไดก้ าหนดรปู แบบและรายการเปน็ เอกสารใช้บันทึกประวัติสาคญั และจาเป็นของข้าราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษา ตงั้ แตว่ ันเร่ิมปฏบิ ตั ริ าชการจนถึงวันพน้ จากราชการเรียกโดยย่อว่า“ก.ค.ศ.16” เพ่ือใชแ้ ทน ก.พ.7 รวมทง้ั กาหนดแฟม้ ประวตั ขิ า้ ราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศึกษาข้ึนใหม่ เพือ่ ใชแ้ ทนแฟม้ ประวตั ิข้าราชการดว้ ย ส่วนระบบอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ ได้นามาใช้เพอ่ื บันทกึ ขอ้ มูลตามรายการจาก ก.ค.ศ.16 และแฟ้มประวัติ เปน็ ระบบอเิ ล็กทรอนกิ ส์ ซงึ่ ปจั จุบนั สานกั งาน ก.ค.ศ. สามารถจัดเกบ็ ขอ้ มูลประวัติการรบั ราชการของขา้ ราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศึกษารายบคุ คลในทะเบยี นประวัติระบบอเิ ล็กทรอนิกส์ โดยอา้ งอิงขอ้ มลู จากเอกสารทะเบยี นประวัติ (ก.พ.7) จานวนรวมท้งั สิน้ 441 ,684 คนครอบคลมุ ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศกึ ษาสังกัดสานกั งานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาและส่วนราชการซ่งึ ตามเจตนารมณ์ จะนาทะเบยี นประวัตริ ะบบอเิ ล็กทรอนกิ ส์ มาใชแ้ ทนระบบเอกสารต่อไปในอนาคต 1.2 สภาพปญั หา การดาเนนิ การดา้ นการบรหิ ารงานบคุ คล โดยนาระบบอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ ของทะเบยี นประวัติข้าราชการครูและบคุ ลากรทางการศกึ ษา มาชว่ ยในการบริหารงาน ได้มกี ารดาเนินการศกึ ษา วจิ ยั พัฒนาระบบ ขยายผล และจดั ทาข้อมลู มาเป็นระยะเวลา 5 ปแี ลว้ โดยมกี ารการตดิ ตามการดาเนนิ งานอยเู่ ปน็ ระยะ ซึง่ จากการดาเนนิ การที่ผา่ นมา พบปัญหาดังตอ่ ไปนี้ (1) ขาดบุคลากรท่มี ีความรูค้ วามสามารถในการจัดทา ทะเบยี นประวัติระบบอิเล็กทรอนกิ ส์ เนอ่ื งจากมกี ารลาออก โอน/ย้าย และเกษียณอายรุ าชการ ทาใหท้ ะเบยี นประวัตริ ะบบอิเลก็ ทรอนกิ ส์ ไม่สามารถดาเนินการได้อย่างต่อเนอ่ื ง (2) ขาดงบประมาณสนับสนุน เพ่อื ใชใ้ นการขับเคลื่อน ทะเบียนประวัตริ ะบบ อิเล็กทรอนิกส์ ทาให้ไมไ่ ด้รับการพัฒนาอยา่ งต่อเน่อื ง ในปีงบประมาณถดั ไป (3) ขาดแรงจงู ใจในการขบั เคลอื่ นระบบ เน่อื งจากบางครงั้ สานักงานเขตพืน้ ทีก่ ารศกึ ษาต้องเสียค่าใช้จ่ายเพื่อนาขอ้ มูลเข้าส่รู ะบบใหเ้ ป็นปัจจุบัน

(4) ข้อมูลทะเบยี นประวัตริ ะบบอิเล็กทรอนิกสไ์ ม่เป็นปัจจุบนั -3-ดังน้นั เพื่อใหก้ ารบริหารทะเบียนประวัตริ ะบบอิเล็กทรอนกิ สม์ ีประสทิ ธิภาพสงู ข้ึน จึงควรมีการติดตามผลการดาเนนิ งานการพฒั นา ระบบงานทะเบยี นประวตั ิระบบอิเลก็ ทรอนิกส์ เพื่อจะนาข้อมลูและสารสนเทศมาปรับปรงุ ระบบงานทะเบยี นประวตั ริ ะบบอิเลก็ ทรอนกิ ส์ ใหม้ ปี ระสิทธิภาพ เกดิ ประสทิ ธผิ ลและมคี วามยั่งยนื ต่อไป2. วัตถปุ ระสงคข์ องการศึกษา 2.1 เพอื่ ศกึ ษาผลการดาเนนิ การพัฒนาระบบงานทะเบียนประวตั ริ ะบบอิเล็กทรอนกิ ส์ของขา้ ราชการคแรลู ะบุคลากรทางการศกึ ษา 2.2 เพอื่ ศึกษาความพึงพอใจทีม่ ีตอ่ ระบบงานทะเบยี นประวัตริ ะบบอเิ ล็กทรอนกิ ส์ของขา้ ราชการครูและบุคลากรทางการศกึ ษา 2.3 เพอ่ื เสนอแนวทางการบรหิ ารระบบงานทะเบยี นประวตั ิระบบอเิ ล็กทรอนิกสข์ องขา้ ราชการครูและบคุ ลากรทางการศกึ ษา3. ขอบเขตการศกึ ษา 3.1 ขอบเขตของเนอื้ หา การศึกษาคร้ังน้ีเป็นการศึกษาผลการดาเนินงานการจัดทาระบบงานทะเบียนประวตั ิระบบอเิ ล็กทรอนิกสข์ องข้าราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศึกษา เพอื่ นาผลท่ีได้มาพัฒนาและปรบั ปรงุ ระบบงานทะเบยี นประวัตริ ะบบอิเลก็ ทรอนิกส์ ของขา้ ราชการครแู ละบุคลากรทางการศกึ ษาให้มีประสทิ ธิภาพมากย่งิ ข้ึน ซงึ่ เป็นการศกึ ษาจากกล่มุ ผู้ใช้งานในทะเบียนประวัตริ ะบบอิเลก็ ทรอนิกส์ จากสานักงานเขตพนื้ ที่การศึกษา โดยศกึ ษาผลการปฏิบตั ิงานและความพงึ พอใจของผบู้ รหิ ารสานกั งานเขตพืน้ ทกี่ ารศกึ ษาและเจ้าหน้าที่ผ้ปู ฏบิ ัตงิ านท่เี กย่ี วขอ้ งโดยตรงในสานักงานเขตพนื้ ทกี่ ารศึกษา 3.2 ขอบเขตของประชากร (1) ประชากร 1) ประชากรในการสอบถาม คอื เจา้ หนา้ ผ้ปู ฏิบัตงิ านเก่ียวกับทะเบียนประวัตริ ะบบอิเล็กทรอนกิ ส์ จากสานักงานเขตพืน้ ทก่ี ารศึกษา 225 เขต จานวน 225 คน 2) ประชากรในการสมั ภาษณ์เชิงลกึ คือ ผอู้ านวยการสานกั งานเขตพื้นทีก่ ารศึกษาจากสานักงานเขตพ้นื ที่การศึกษา 225 เขต จานวน 225 คน

(2) กลมุ่ ตวั อยา่ ง 1) กลุ่มตวั อย่างท่ีใช้ในการสอบถาม คอื เจ้าหนา้ ที่ผปู้ ฏบิ ัตงิ านเกยี่ วกบั ทะเบยี นประวตั ริ ะบบอิเล็กทรอนกิ ส์ จากสานกั งานเขตพน้ื ทกี่ ารศึกษา 144 เขต จานวน 144 คน -4- 2) กลุ่มตวั อย่างทใ่ี ช้ในการสัมภาษณเ์ ชิงลึก คอื ผอู้ านวยการสานกั งานเขตพนื้ ที่การศึกษาจากสานักงานเขตพน้ื ทกี่ ารศกึ ษา 25 เขต เขตพ้ืนทก่ี ารศกึ ษาละ ค1น รวมจานวน 25 คน 3.3 ขอบเขตของระยะเวลา - ระยะเวลา 1 กันยายน 2556 – 1 มกราคม 25574. ระเบยี บวิธีการศึกษา ศกึ ษาและวิเคราะห์ขอ้ มูลจากการปฏิบัตงิ านทะเบยี นประวัติระบบอิเลก็ ทรอนกิ สท์ ีผ่ ่านมา โดยศกึ ษาถงึสภาพปัญหา อปุ สรรค ข้อจากดั ศกั ยภาพ และทศิ ทาง ที่มีผลต่อการบริหารทะเบียนประวัติระบบอเิ ลก็ ทรอนกิ สใ์ นสานกั งานเขตพนื้ ท่ีการศกึ ษา โดยมีขนั้ ตอนในการดาเนนิ การวจิ ยั ดังต่อไปน้ี 4.1 วธิ วี จิ ัย เป็นการวจิ ัยเชิงสารวจ 4.2 แหล่งขอ้ มูล ประชากรจากสานกั งานเขตพืน้ ท่กี ารศกึ ษา 4.3 ประชากรที่ศกึ ษา คือ ขา้ ราชการครแู ละบุคลากรทางการศกึ ษาในสานกั งานเขตพน้ื ท่กี ารศกึ ษาจากสานกั งานเขตพื้นท่กี ารศกึ ษา จานวน 225 เขต คือ ผู้อานวยการสานักงานเขตพ้ืนท่ีการศกึ ษา จานวน225 คน และเจา้ หน้าผู้ปฏบิ ัติงานเก่ียวกบั ทะเบยี นประวัตริ ะบบอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ในสานกั งานเขตพน้ื ท่ีการศึกษา จานวน 225 คน 4.4 กลุ่มตัวอยา่ งและวธิ ีสมุ่ ตวั อย่าง (1) กลมุ่ ตวั อยา่ งท่ใี ชใ้ นการสอบถามความพึงพอใจ ใชว้ ธิ กี ารสุ่มตวั อย่างแบSบimง่าpยle(Random Sampling)จากประชากรในสานักงานเขตพืน้ ท่ีการศกึ ษา 225 เขต โดยวธิ ี Taro Yamane (ที่ระดับความสาคัญ .05)ซึ่งจะได้กลมุ่ ตัวอยา่ งจากสานกั งานเขตพืน้ ที่การศกึ ษาจานวน 1 44 เขต คอื เจา้ หนา้ ผ้ปู ฏิบัตงิ านเก่ียวกับทะเบียนประวตั ิระบบอิเล็กทรอนกิ สใ์ นสานกั งานเขตพ้ืนที่การศกึ ษราวม 144 คน (2) กลมุ่ ตัวอยา่ งท่ใี ช้ในการสมั ภาษณ์เชงิ ลึก ใช้การเลอื กสุ่มตวั อยา่ งแบบเจาะจง (PerposiveSampling) จานวน 25 คน 4.5 วิธเี ก็บรวบรวมข้อมลู เกบ็ ข้อมูลโดยใช้แบบสอบถาม และแบบสัมภาษณ์

4.6 วิธีการวิเคราะห์ นาขอ้ มูลจากแบบสอบถาม มาประมวลผลโดยใชโ้ ปรแกรมสาเร็จรูป ( SPSS forWindows) และใช้สถติ ิเชิงพรรณนาเป็น คา่ ความ ถ่ี คา่ ร้อยละ ความเบยี่ งเบนมาตรฐาน และค่าเฉล่ียนาแบบสัมภาษณม์ าวเิ คราะห์ข้อมลู เชิงเน้ือหา -5-5. ประโยชนท์ ค่ี าดว่าจะได้รับ 5.1 ไดข้ ้อมลู ในทะเบยี นประวตั ริ ะบบอิเล็กทรอนกิ ส์ มคี วามถูกต้อง ครบถ้วนสมบูรณ์ และเป็นปัจจบุ นั 5.2 ได้แนวทางท่ีจะนาไปปรับใช้ในการขับเคล่ือนทะเบยี นประวตั ริ ะบบอิเล็กทรอนกิ ส์ อยา่ งมีประสทิ ธภิ าพประสทิ ธผิ ล และมีความตอ่ เน่อื ง 5.3 สานกั งานเขตพน้ื ทีก่ ารศึกษาไดน้ าข้อมลู สารสนเทศของทะเบียนประวัตริ ะบบอเิ ลก็ ทรอนไปกิ สใช์ ป้ ระโยชน์ในการบริหารงานบคุ คลไดอ้ ยา่ งคุ้มคา่6. นิยามศพั ท์ 6.1 ทะเบยี นประวตั ิระบบอเิ ลก็ ทรอนิกส์ หมายถงึ การบนั ทกึ ประวัติยอ่ และแฟม้ ประวัติของข้าราชการครูและบคุ ลากรทางการศึกษาเกีย่ วกับการบริหารงานบคุ คลต้ังแต่วันเรม่ิ ปฏบิ ัติราชการจนถึงวนั พน้ จากราชการ ดว้ ยระบบอิเล็กทรอนิกส์6.2 ขา้ ราชการครแู ละบุคลากรทางการศึกษา หมายความวา่ บุคคลซึง่ ได้รบั การบรรจุและแตง่ ตั้งตามพระราชบัญญตั นิ ้ีให้รับราชการ โดยไดร้ ับเงนิ เดือนจากเงินงบประมาณแผน่ ดนิ งบบคุ ลากรท่ีจา่ ยในลักษณะเงินเดอื นในกระทรวงศึกษาธกิ าร กระทรวงการท่องเท่ียวและกฬี า กระทรวงวัฒนธรรม หรอื กระทรวงอนื่ทกี่ าหนดในพระราชกฤษฎีกา6. 3 เจ้าหนา้ ผู้ปฏิบัตหิ น้าที่เก่ยี วกบั ทะเบียนประวัติ หมายถงึ ผู้อานวยการกล่มุ บริหารงานบคุ คล หรือเจา้ หนา้ ทท่ี ่ีรบั ผิดชอบงานทะเบียนประวัติ6. 4 ความพึงพอใจ หมายถงึ ความรสู้ กึ ของผบู้ ริหารในสานกั งานเขตพืน้ ท่กี ารศกึ ษา และเจ้าหน้าผปู้ ฏิบัติหน้าทเี่ กยี่ วกับทะเบียนประวัติ ท่ีมตี ่อระบบงานทะเบยี นประวตั ิระบบอเิ ล็กทรอนกิ ส์

6.5 ผลการดาเนินงาน หมายถึง ประสทิ ธิภาพของ ทะเบยี นประวัติระบบอเิ ล็กทรอนกิ สข์ องข้าราชการครูและบคุ ลากรทางการศึกษา บทที่ 2 แนวคดิ หลักการ ทฤษฎีและวรรณกรรมทเ่ี กย่ี วขอ้ งกอ่ นที่ศึกษาเรอื่ งการพฒั นาระบบงานทะเบยี นประวัตอิ เิ ล็กทรอนิกส์ ของขา้ ราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษา ควรศกึ ษาความเป็นมาแต่เดมิ ของระบบทะเบียนประวตั ิอเิ ลก็ ทรอนิกสใ์ นสว่ นท่เี ก่ียวขอ้ งโดยทั่วไป เพื่อใหเ้ ห็นการเปล่ยี นแปลงจากเดิมไปสู่ระบบใหม่ และเพอ่ื ให้ระบบงานทะเบียนประวตั ิอเิ ลก็ ทรอนิกส์ของขา้ ราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาดขี ้นึ และเป็นทย่ี อมรับของบุคคลทัว่ ไปในการศกึ ษาครง้ั นจ้ี ึงต้องรู้ทั้งทม่ี า ทเ่ี ปน็ อยปู่ จั จบุ นั แนวคดิ หลักการ หลกั กฎหมาย หลักวชิ า ทฤษฎี รวมทั้งข้อดีของระบบงานทะเบียนประวัตอิ เิ ล็กทรอนิกส์ ดงั น้ี1. ภารกจิ และโครงสร้างสานักงาน ก.ค.ศ. พระราชบญั ญัตริ ะเบยี บข้าราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษา พ.ศ. 2547 กาหนดใหย้ ึดหลักการกระจายอานาจการบรหิ ารงานบคุ คลไปยงั สถานศกึ ษา และเขตพื้นที่การศึกษา โดยกาหนดให้มีองคก์ รบริหารงานบุคคลไว้ 2 ระดบั คือ 1.1 คณะกรรมการขา้ ราชการครูและบคุ ลากรทางการศึกษา เป็นองคก์ รกลางบรหิ ารงานบุคคล 1.2 คณะอนุกรรมการข้าราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษาประจาเขตพื้นทก่ี ารศกึ ษา และอ.ก.ค.ศ. ที่ ก.ค.ศ. ตั้ง เป็นองค์กรบริหารงานบคุ คลในระดับปฏิบตั ิ คณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศกึ ษา หรือเรยี กโดยย่อว่า ก.ค.ศ.เป็นองคก์ รกลางบริหารงานบุคคลของขา้ ราชการครูและบุคลากรทางการศกึ ษา เป็นองคก์ รกลางบริหารงานบคุ คล(Central Personnel Agency) เชน่ เดยี วกับคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ซึ่งองค์กรกลางบรหิ ารงานบคุ คลของขา้ ราชการพลเรอื น อาจกลา่ วไดว้ า่ การวางระบบการบรหิ ารงานบุคคลของข้าราชการฝ่ายพลเรือนเกิดขึ้นคร้งั แรกตามพระราชบัญญตั ริ ะเบยี บขา้ ราชการพลเรือน พ.ศ. 2471 มีคณะกรรมการช่อื วา่

“คณะกรรมการรกั ษาพระราชบัญญตั ิ ” มหี นา้ ทจ่ี ดั การสอบไล่ผทู้ ่สี มัครเขา้ รบั ราชการพลเรือนจัดการศกึ ษาของนกั เรยี นหลวงฝา่ ยพลเรือนทสี่ ่งไปเล่าเรียนต่างประเทศและรกั ษาการใหเ้ ปน็ ไปตามพระราชบญั ญัตนิ ี้ต่อมาหลงั การเปลีย่ นแปลงการปกครองไดม้ ีการตราพระราชบญั ญัติระเบียบขา้ ราชการพลเรือน พ.ศ. 2476ขน้ึ ใหม่ มี “คณะกรรมการข้าราชการพลเรอื น ” เรยี กโดยย่อว่า ก.พ. เปน็ องคก์ รกลางบรหิ ารงานบคุ คลของขา้ ราชการพลเรอื นมาจนถึงปจั จบุ นั และ ก.พ. นถ้ี ือเปน็ ต้นแบบขององคก์ รกลางบรหิ ารงานบุคคลของขา้ ราชการประเภทต่างทแี่ ยกตวั ออกมาจากพระราชบญั ญตั ริ ะเบยี บขา้ ราชการพลเรอื น และขา้ ราชการฝ่ายพลเรอื นประเภทอน่ื ท่มี ีขนึ้ ใหม่ -7-1.1 อานาจและหน้าที่ของ ก.ค.ศ. พระราชบัญญตั ริ ะเบียบข้าราชการครแู ละบุคลากรทางการศกึ ษา พ.ศ. 2547 และท่ีแก้ไขเพิ่มเตมิ(ฉบบั ท่ี 2) พ.ศ. 2551 มาตรา 19 ไดก้ าหนดอานาจและหนา้ ทขี่ อง ก.ค.ศ. ในการบรหิ ารงานบคุ คลสาหรับข้าราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษา ไวด้ ังน้ี (1) เสนอแนะและให้คาปรกึ ษาแก่คณะรฐั มนตรเี กี่ยวกับนโยบายการผลติ และการบริหารงานบุคคลของข้าราชการครแู ละบุคลากรทางการศึกษาตามพระราชบญั ญตั นิ ี้ (2) กาหนดนโยบาย วางแผนและกาหนดเกณฑ์อัตรากาลังของข้าราชการครแู ละบุคลากรทางการศกึ ษารวมท้ังใหค้ วามเหน็ ชอบจานวนและอตั ราตาแหนง่ ของหนว่ ยงานการศกึ ษา (3) เสนอแนะและให้คาปรกึ ษาแก่คณะรัฐมนตรีในกรณที ่คี ่าครองชีพเปล่ียนแปลงไปมากหรือการจดั สวัสดกิ ารหรอื ประโยชนเ์ ก้ือกูลสาหรบั ขา้ ราชการและบคุ ลากรทางการศึกษา ยงั ไม่เหมาะสมเพื่อให้คณะรัฐมนตรพี จิ ารณาในอันทจ่ี ะปรับปรุงเงินเดอื น เงินวทิ ยฐานะเงนิ ประจาตาแหนง่ เงนิ เพิ่มค่าครองชีพ สวสั ดกิ าร หรือประโยชน์เก้ือกูลสาหรบั ข้าราชการครูและบคุ ลากรทางการศึกษาให้เหมาะสม (4) ออกกฎ ก.ค.ศ. ระเบียบ ข้อบงั คบั หลกั เกณฑ์ วิธกี าร และเงื่อนไขการบริหาร งานบคุ คลของขา้ ราชการครูและบคุ ลากรทางการศึกษา กฎ ก.ค.ศ. เมื่อได้รับอนมุ ตั ิจากคณะรฐั มนตรีและประกาศในราชกจิ จานุเบกษาแลว้ ใหม้ ผี ลใช้บังคับได้ (5) พิจารณาวนิ ิจฉัยตคี วามปญั หาทีเ่ กิดข้นึ เนอื่ งจากการใช้บงั คบั พระราชบญั ญัตินี้เม่ือ ก.ค.ศ. มมี ตเิ ป็นประการใดแล้วให้หนว่ ยงานการศกึ ษาปฏิบตั ิตามนน้ั

(6) พัฒนาหลักเกณฑ์ วธิ กี ารและมาตรฐานการบรหิ ารงานบุคคลรวมทงั้ การพิทกั ษร์ ะบบคุณธรรมของขา้ ราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศึกษา (7) กาหนดวธิ ีการและเงอื่ นไขการจ้างเพื่อบรรจแุ ละแตง่ ตัง้ บุคคลเพอื่ ปฏบิ ัติหนา้ ที่ในตาแหน่งครแู ละบุคลากรทางการศกึ ษาในหน่วยงานการศกึ ษา รวมท้งั กาหนดอัตราเงินเดือนหรือคา่ ตอบแทน (8) สง่ เสริม สนบั สนุนการพฒั นา การเสริมสร้างขวัญกาลงั ใจ และการยกย่องเชิดชูเกียรตขิ ้าราชการครูและบุคลากรทางการศกึ ษา (9) สง่ เสรมิ สนับสนุนใหม้ ีการจดั สวสั ดิการและสิทธปิ ระโยชนเ์ ก้ือกูลอ่ืนแก่ข้าราชการครูและบคุ ลากรทางการศกึ ษา -8- (10) พจิ ารณาต้งั อ.ก.ค.ศ. เขตพ้นื ทีก่ ารศึกษาและคณะอนุกรรมการอน่ื เพื่อปฏบิ ัตหิ น้าท่ตี ามท่ีก.ค.ศ. มอบหมาย (11) สง่ เสรมิ สนับสนุนประสานงาน ให้คาปรกึ ษา แนะนาและชีแ้ จงด้านการบริหารงานบคุ คลแก่หนว่ ยงานการศกึ ษา (12) กาหนดมาตรฐาน พจิ ารณา และให้คาแนะนาเกีย่ วกบั การดาเนินการทางวินยั การออกจากราชการการอทุ ธรณ์และการร้องทกุ ขต์ ามท่ีกาหนดไวใ้ นพระราชบัญญัตนิ ี้ (13) กากบั ดแู ล ติดตาม ตรวจสอบและประเมินผลการบรหิ ารงานบคุ คลของขา้ ราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา เพือ่ รกั ษาความเป็นธรรมและมาตรฐานด้านการบรหิ ารงานบุคคล ตรวจสอบและปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้ ในการนีใ้ ห้มอี านาจเรียกเอกสารและหลักฐานจากหน่วยงานการศกึ ษาให้ผ้แู ทนของหน่วยงานการศกึ ษา ขา้ ราชการ หรอื บคุ คลใด มาช้ีแจงข้อเท็จจริง และใหม้ ีอานาจออกระเบยี บขอ้ บังคับ รวมทง้ั ใหส้ ่วนราชการ หนว่ ยงานการศกึ ษา ขา้ ราชการหรอื บุคคลใดรายงานเกี่ยวกับการบริหารงานบคุ คลของข้าราชการครูและบคุ ลากรทางการศกึ ษาท่ีอยูใ่ นอานาจหนา้ ที่ไปยกงั .ค.ศ. (14) ในกรณที ีป่ รากฏวา่ ส่วนราชการ หรอื หน่วยงานการศึกษา อ.ก.ค.ศ. เขตพนื้ ทีก่ ารศึกษาคณะอนกุ รรมการหรือผูม้ หี น้าท่ีปฏิบตั ิตามพระราชบัญญัตนิ ้ี ไมป่ ฏบิ ัตติ ามตามพระราชบัญญตั นิ ี้หรือปฏบิ ตั ิการโดยไม่ถูกตอ้ งและไมเ่ หมาะสม หรือปฏิบตั กิ ารโดยขัดหรอื แยง้ กบั กฎหมาย กฎ ก.ค.ศ.ระเบียบ ขอ้ บงั คบั หลกั เกณฑ์ วธิ ีการและเง่ือนไขตามที่ ก.ค.ศ. กาหนด ให้ ก.ค.ศ. มีอานาจยบั ยัง้การปฏิบัตงิ านดงั กล่าวไว้เปน็ การชั่วคราว เมื่อ ก.ค.ศ. มีมตเิ ป็นประการใดแลว้ ให้สว่ นราชการ

หน่วยงานการศกึ ษา อ.ก.ค.ศ.เขตพน้ื ทก่ี ารศึกษา คณะอนกุ รรมการหรอื ผมู้ ีหนา้ ทปี่ ฏบิ ตั ิตามพระราชบัญญัตนิ ี้ปฏบิ ัตไิ ปตามน้ัน(15) พิจารณารบั รองคณุ วฒุ ิของผู้ไดร้ บั ปริญญา ประกาศนียบตั รวชิ าชีพ หรือคุณวุฒอิ ย่างอืน่เพือ่ ประโยชนใ์ นการบรรจุและแตง่ ตง้ั เป็นข้าราชการครแู ละบุคลากรทางการศึกษา และการกาหนดอัตราเงินเดือนหรอื คา่ ตอบแทนทคี่ วรไดร้ ับ(16) กาหนดอัตราคา่ ธรรมเนยี มในเรอ่ื งการปฏบิ ตั ิการตา่ ง ๆ ตามทก่ี าหนดในพระราชบัญญัตินี้(17) พจิ ารณาจัดระบบทะเบยี นประวัติและแก้ไขทะเบียนประวัติเก่ยี วกบั วัน เดือนปีเกิด และควบคุมการเกษยี ณอายุของข้าราชการครูและบคุ ลากรทางการศึกษา(18) ปฏิบตั หิ นา้ ท่อี ืน่ ตามท่บี ัญญตั ไิ ว้ในพระราชบัญญัติน้ี หรือตามกฎหมายอืน่ -9- 1.2 อานาจและหนา้ ที่ของสานักงาน ก.ค.ศ. พระราชบัญญัตริ ะเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547 และ ทีแ่ ก้ไขเพม่ิ เตมิ (ฉบบั ท่ี 2) พ.ศ. 2551 มาตรา 20 ไดก้ าหนดอานาจและหน้าที่ของสานกั งาน ก.ค.ศ.ในการบริหารงานบุคคลสาหรบั ข้าราชการครแู ละบุคลากรทางการศึกษา ดังตอ่ ไปน้ี (1) เปน็ เจ้าหนา้ ท่ีเก่ียวกบั การดาเนินงานในหน้าทีข่ อง ก.ค.ศ. (2) วิเคราะห์และวิจยั เกี่ยวกบั การบรหิ ารงานบุคคลของข้าราชการครแู ละบุคลากรทางการศกึ ษา และการจดั ระบบบริหารราชการในหนว่ ยงานการศึกษา (3) ศกึ ษา วิเคราะหเ์ ก่ยี วกับมาตรฐาน หลกั เกณฑแ์ ละวิธกี ารบรหิ ารงานบุคคลของขา้ ราชการครูและบุคลากรทางการศกึ ษา (4) พัฒนาระบบขอ้ มูลและจัดทาแผนกาลังคนสาหรบั ขา้ ราชการครแู ละบุคลากรทางการศกึ ษา (5) ศกึ ษาวเิ คราะห์ เสนอแนะนโยบาย ประสานงานและดาเนนิ การเก่ยี วกับการพัฒนาขา้ ราชการครูและบุคลากรทางการศกึ ษา (6) ศึกษา วิเคราะห์ วิจยั และบรหิ ารเงนิ ทุนตลอดจนสวัสดิการขา้ ราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (7) กากบั ตดิ ตาม และตรวจสอบการปฏบิ ัตกิ ารตามพระราชบญั ญัติน้ีของหน่วยงานทางการศกึ ษาและเขตพนื้ ท่กี ารศึกษา (8) จดั ทารายงานประจาปีเกี่ยวกบั การบริหารงานบุคคลของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา เสนอ ก.ค.ศ. (9) ปฏบิ ตั หิ นา้ ทีอ่ ื่นตามทีบ่ ญั ญัตไิ วใ้ นพระราชบัญญตั นิ ี้ กฎหมายอ่นื หรือตามที่ ก.ค.ศ. มอบหมาย

ดงั น้ัน การจัดระบบทะเบยี นประวตั ิ ซึ่งเปน็ ข้อมูลพ้นื ฐานในการบริหารงานบุคคลท่สี าคัญของข้าราชการครแู ละบุคลากรทางการศกึ ษา จงึ เป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของสานักงาน ก.ค.ศ.2. ความเป็นมาในการจดั ทาทะเบียนประวตั ขิ า้ ราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษา ดว้ ยระบบ อิเลก็ ทรอนิกส์ ทะเบยี นประวตั ิข้าราชการครแู ละบุคลากรทางการศึกษา เปน็ แหล่งข้อมูลเกี่ยวกบั ประวตั ขิ อง ข้าราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษา เพื่อประโยชนใ์ นการใช้เป็นขอ้ มูลที่สาคญั ของการบริหารงานบคุ คล เชน่ การบรรจแุ ละแต่งต้งั การย้าย การเปล่ยี นตาแหนง่ การโอน การเลอ่ื นวทิ ยฐานะ การเล่ือนตาแหน่ง การเล่อื นเงนิ เดอื น การพฒั นาข้าราชการครแู ละบุคลากรทางการศึกษา เดิมการจัดทาทะเบียนประวัติ ขา้ ราชการครูและบุคลากรทางการศกึ ษา (ก.พ. 7) เจ้าหน้าที่ผูร้ บั ผิดชอบทะเบียนประวัติเปน็ ผลู้ งข้อมูล ดว้ ยมือเท่านัน้ เจ้าของทะเบียนประวตั ิไมส่ ามารถตรวจสอบความถูกต้องได้ ทาใหเ้ สยี เวลาและเกิดความยงุ่ ยาก ในการตรวจสอบ ประกอบกบั ขอ้ มูลในทะเบยี นประวตั ขิ ้าราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษา มีจานวนมาก เช่น วนั เดอื น ปเี กิด วัน เดือน ปี ที่บรรจุ วนั เดอื น ปี ท่ีเกษยี ณ คณุ วฒุ ิ วชิ า–เอโกท วิทยฐานะอัตราเงินเดือน เป็นต้น แตไ่ ม่สามารถนามาใชเ้ ปน็ ฐานขอ้ มูลในการบริหารงานบคุ คลได้ - 10 - สานักงาน ก.ค.ศ. ไดเ้ ห็นความสาคัญในเร่อื งดงั กลา่ วจงึ ได้จัดทาโครงการพฒั นาระบบสารสนเทศ เพอ่ื ยกระดบั สมรรถนะของขา้ ราชการครแู ละบุคลากรทางการศกึ ษา เพอ่ื เป็นศนู ยข์ ้อมูลกลาง ด้านการบรหิ ารงานบุคคลของข้าราชการครูและบคุ ลากรทางการศกึ ษา โดยมีแนวคิดในการพฒั นาเป็น 4 ระยะ ดงั นี้ ระยะที่ 1 ระบบฐานขอ้ มูลทะเบียนประวัติระบบอิเลก็ ทรอนิกส์รายบคุ คลเปน็ ระบบขอ้ มลู ปฐมภมู ิ ประวัติการรบั ราชการของขา้ ราชการครูและบคุ ลากรทางการศกึ ษา ที่อ้างองิ มาจากเอกสาร ทะเบียนประวตั ิ ก.พ.7 ปัจจุบนั ปจั จุบัน สานกั งาน ก.ค.ศ. ได้กาหนดรูปแบบทะเบียนประวัติให้มคี วามเหมาะสมกบั การจัดเกบ็ ขอ้ มลู ของข้าราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษาและสอดคล้องกบั ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ เพอ่ื ใหห้ นว่ ยงานนาขอ้ มูลไปใช้ไดอ้ ย่างถูกตอ้ ง ระยะที่ 2 ระบบสนับสนนุ การบรหิ ารงานบุคคล เป็นการพัฒนาโปรแกรมประยุกต์เพื่อสนับสนุน กระบวนการบริหารงานบคุ คลใหเ้ ป็นไปตามหลักเกณฑ์และวธิ ีการท่ี ก.ค.ศ. กาหนด เช่น ระบบ เล่ือนเงินเดอื น ระบบสนับสนุนการขอมีและปรับระดบั วิทยฐานะ เปน็ ต้น ระยะท่ี 3 ระบบสนับสนนุ การยกระดบั สมรรถนะรายบคุ คล เป็นการเชอื่ มโยงข้อมลู รายบคุ คล ของขา้ ราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศึกษา เข้ากับตวั แปรสมั พนั ธด์ า้ นการบรหิ ารงานบุคคล เช่น

ขอ้ มลู ผเู้ รียน ขอ้ มูลสถานศกึ ษา ข้อมูลขา้ ราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษา เพอ่ื วเิ คราะหเ์ ปน็ขอ้ มลู สารสนเทศในการวางแผนอัตรากาลงั โดยระบบสามารถวเิ คราะหแ์ ละรายงานข้อมลูได้ในหลายรปู แบบระยะท่ี 4 ระบบบรกิ ารอเิ ล็กทอนิกส์ เปน็ ระบบบรกิ ารทีจ่ ะชว่ ยลดภาระในการเดนิ ทางของขา้ ราชการครูและบคุ ลากรทางการศึกษา ไปทาธรุ กรรมท่ีสานักงานเขตพ้ืนท่กี ารศึกษาหรือส่วนราชการ การทาธุรกรรมทง้ั หมดจะสามารถดาเนนิ การได้ทส่ี ถานศกึ ษา เชน่ บริการคดั สาเนาทะเบียนประวัติ เป็นต้น3. ระบบทะเบียนประวัติอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ของขา้ ราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศึกษา3.1 โครงการจดั ระบบทะเบยี นประวัติอิเลก็ ทรอนิกส์ของข้าราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศึกษาสานักงาน ก.ค.ศ. ในฐานะเปน็ เจา้ หนา้ ทเ่ี กยี่ วกับการดาเนนิ งานในหนา้ ทขี่ อง ก.ค.ศ.ได้เรม่ิ ศึกษา วิจยั และพัฒนาระบบทะเบยี นประวตั ิ (ก.พ. 7) อิเลก็ ทรอนิกส์ของขา้ ราชการครูและบคุ ลากรทางการศกึ ษาในสังกัดสานกั งานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพืน้ ฐาน ตง้ั แตป่ ีงบประมาณ พ.ศ. 2551เป็นตน้ มา ดงั น้ี - 11 -(1) ปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 ศกึ ษา วิจยั พฒั นาระบบต้นแบบ และจดั ทาข้อมลู ปฐมภมู ิ1 เขต เพื่อพิสูจน์แนวความคิดทางวศิ วกรรม มีการนาเขา้ ขอ้ มูล 2,202 คน และมสี านักงานเขตพ้ืนท่ีการศกึ ษาเชยี งใหม่ เขต 1 เป็นพื้นท่นี าร่องดาเนินการ(2) ปงี บประมาณ พ.ศ. 2552 ขยายผลการศกึ ษา วิจัย และจัดทาข้อมูลปฐมภมู ิ 5 เขตเพ่อื เชอื่ มโยงขอ้ มลู ระดับจงั หวดั มกี ารนาเขา้ ขอ้ มลู 8,737 คน และเร่ิมขยายพน้ื ท่ีนารอ่ งดาเนนิ การเป็นสานกั งานเขตพ้ืนทกี่ ารศึกษาเชียงใหม่ เขต 1-5(3) ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ ขยายผลการศกึ ษา วจิ ยั และจัดทาขอ้ มลู ปฐมภมู ิ 44 เขตเพอ่ื เช่อื มโยงข้อมูลระดบั ภูมิภาคและประเทศและระบบตน้ แบบเพอ่ื สนับสนุนการบรหิ ารงานบคุ คลมีการนาเข้าข้อมูล100,00 คน ขยายพ้นื ทน่ี ารอ่ งดาเนนิ การเป็นสานกั งานเขตพนื้ ทกี่ ารศกึ ษา44 เขต และพฒั นาระบบต้นแบบสว่ นเพ่มิ การเล่อื นเงนิ เดอื นขา้ ราชการครูและบุคลากรทางการศกึ ษดาว้ ยระบบอิเลก็ ทรอนิกส์(4) ปีงบประมาณ พ.ศ.2554 ขยายผลการจัดทาข้อมลู ปฐมภมู ขิ ้าราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศึกษาสงั กัดสานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาข้นั พื้นฐาน ท้งั ๒๒๕ เขต และระบบสนับสนุนการบรหิ ารงานบคุ คลมีปรมิ าณข้อมลู 400,00 คน ขยายพน้ื ทดี่ าเนนิ การครอบคลมุ สานักงานเขตพ้ืนทีก่ ารศึกษาท2ั้ง25 เขต และขยายผลการพฒั นาระบบสว่ นเพิม่ การเลือ่ นเงนิ เดอื นขา้ ราชการครแู ละบุคลากรทางการศกึ ษาด้วยระบบอเิ ล็กทรอนิกสไ์ ปยงั สานกั งานเขตพืน้ ที่การศึกษา 48 เขตนารอ่ ง

(5) ปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 จัดทาขอ้ มลู ปฐมภมู ิของขา้ ราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศึกษาสังกดัสานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพืน้ ฐาน ท่ดี าเนนิ การในปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 ใหเ้ ป็นปจั จุบนั และขยายผลการจดั ทาขอ้ มลู ปฐมภูมขิ า้ ราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาสังกดั ส่วนราชการอน่ื มีปริมาณขอ้ มลู 440,000 คน ขยายผลการพฒั นาระบบส่วนเพม่ิ การเล่อื นเงนิ เดอื นขา้ ราชการครูและบคุ ลากรทางการศกึ ษาด้วยระบบอเิ ลก็ ทรอนิกส์ไปยงั สานกั งานเขตพื้นทก่ี ารศกึ ษา ทัง้ ๒๒๕ เขต และขยายผลนาร่องการใช้งานระบบต้นแบบบริการข้อมูลทะเบียนประวตั ิขา้ ราชการครแู ละบุคลากรทางการศกึ ษาอิเลก็ ทรอนกิ ส์(e-Service) จานวน 2 เขต และศกึ ษา วจิ ัย ออกแบบระบบ พัฒนาระบบส่วนเพมิ่ ตรวจสอบคาสั่ง(6) ปงี บประมาณ พ.ศ. 2556 จดั ทาขอ้ มลู ปฐมภูมิของข้าราชการครแู ละบุคลากรทางการศกึ ษาสังกดัสานกั งานคณะกรรมการการศึกษาขน้ั พืน้ ฐาน ทดี่ าเนินการในปงี บประมาณ พ.ศ. 2555 ให้เปน็ ปจั จบุ นัและขยายผลการจดั ทาข้อมูลปฐมภูมขิ า้ ราชการครูและบุคลากรทางการศกึ ษาสังกัดสว่ นราชการอน่ื ขยายการพัฒนาระบบแฟ้มประวัติอเิ ล็กทรอนกิ สเ์ พื่อจัดเก็บเอกสารก่อตัง้ สทิ ธ์ิ ปรบั ปรุงระบบ Key inตามรูปแบบ กคศ.16 และโอนถา่ ยข้อมลู รปู แบบเดมิ ให้เป็นรปู แบบ กคศ.16 ปรับปรงุ ระบบเล่อื นเงนิ เดอื นและพฒั นาระบบตน้ แบบกาหนดเลขทต่ี าแหนง่ - 12 - ปจั จุบัน สานกั งาน ก.ค.ศ. สามารถจัดเกบ็ ข้อมลู ประวตั กิ ารรบั ราชการของข้าราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษารายบุคคล โดยอ้างองิ ข้อมลู จากเอกสารทะเบียนประวัติ (ก.พ. 7) จานวนรวมทง้ั ส้ิน441,684 คน ครอบคลมุ ข้าราชการครแู ละบุคลากรทางการศกึ ษาสงั กัดสานักงานเขตพ้ืนท่กี ารศึกษาและสว่ นราชการ เดิมการจดั ทาทะเบยี นประวัตขิ องข้าราชการครแู ละบุคลากรทางการศกึ ษาใชร้ ปู แบบ ก.พ. 7จนกระท่ัง ก.ค.ศ. ไดอ้ อกระเบียบ ก.ค.ศ.วา่ ด้วยระบบทะเบียนประวตั ขิ ้าราชการครูและบคุ ลากรทางการศึกษาพ.ศ. 2555 มีผลใชบ้ งั คบั ต้งั แตว่ นั ท่ี 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 เป็นตน้ มา โดยสาระ ของระเบยี บ ก.ค.ศ.ดังกล่าว กาหนดใหม้ ีระบบทะเบยี นประวัติ เป็น 2 ระบบ คือ ระบบเอกสาร และระบบอิเล็กทรอนกิ ส์ 3.2 โครงการขยายผลจดั ระบบทะเบียนประวัติอิเล็กทรอนกิ สข์ องข้าราชการครูและบคุ ลากรทางการศกึ ษา สานกั งาน ก.ค.ศ. ไดด้ าเนินโครงการจัดระบบทะเบยี นประวตั ิ (ก.พ.7) อเิ ล็กทรอนกิ ส์ของขา้ ราชการครู และบุคลากรทางการศึกษา ต้งั แต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 จนถึงปจั จบุ ัน โดยได้กาหนดกรอบแนวคิดการพฒั นาระบบเปน็ 4 สว่ น คือ (1) การจัดทาขอ้ มูลปฐมภูมิรายบคุ คล (2) การพัฒนาระบบสนับสนนุ การบรหิ ารงานบคุ คล

(3) การพัฒนาระบบวเิ คราะห์ข้อมลู เพอื่ การวางแผนบรหิ ารงานบุคคล (4) ระบบอีเซอร์วสิ และแลกเปล่ียนขอ้ มูล โดยการเชอ่ื มโยงข้อมูลรายบคุ คลกบั ระบบ ฐานขอ้ มลูท้งั ระบบโดยอัตโนมตั ิ เพ่ือใหผ้ ปู้ ฏิบตั ิงานท่เี กยี่ วขอ้ งไดเ้ ขา้ ถงึ ข้อมลู ท่ีเปน็ ปจั จบุ ันและนาข้อมลู ดงั กล่าว ไปประยุกต์ใช้ในการปฏิบตั ิงาน ควบคมุ ตรวจสอบด้านการบรหิ ารงานบุคคลไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพยงิ่ ขึน้ โดยมกี ารดาเนนิ การ ดังนี้ (1) การจดั ทาข้อมูลปฐมภมู ิรายบคุ คลของข้าราชการครแู ละบุคลากรทางการศกึ ษาในสงั กดัสานกั งานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) โดยไดส้ าเนาทะเบียนประวตั ิ (ก.พ. 7) และดาเนินการบันทึกขอ้ มลู เขา้ สรู่ ะบบทะเบยี นประวตั อิ ิเลก็ ทรอนกิ ส์ ซ่ึงปัจจุบนั ไดด้ าเนินการครบทั้ง 225 เขต( 2) การปรบั โครงสรา้ งฐานข้อมลู (Database Restructuring) ระบบทะเบยี นประวัติ (ก.พ .7)อิเลก็ ทรอนิกสจ์ ากทไ่ี ดด้ าเนินการไว้ ซง่ึ แบง่ โครงสรา้ งฐานข้อมูลตามเขตพน้ื ท่กี ารศกึ ษาให้รองรบั โครงสร้างใหม่ท่แี บง่ การบรหิ ารงานออกเป็นสานกั งานเขตพ้ืนทกี่ ารศกึ ษา ประถมศกึ ษาจานวน 185 เขต และสานักงานเขตพน้ื ทก่ี ารศึกษามัธยมศกึ ษา จานวน 42 เขต รวม 225 เขต พรอ้ มกับถา่ ยโอนข้อมูล ที่เก่ียวขอ้ งไปยังโครงสรา้ งขอ้ มลู ให้ถูกตอ้ ง (Data Transfer) เชน่ ขอ้ มูลโรงเรยี นในสังกดั ขอ้ มลู ข้าราชการครูและบคุ ลากรทางการศึกษารายบคุ คล หนว่ ยการปกครอง รวมถึงการปรับโปรแกรมประยกุ ต์และรายงานตา่ ง ๆ โดยได้ดาเนินการในสว่ นที่เกีย่ วข้องท้งั หมดเรยี บรอ้ ยแลว้ - 13 - (3) ศกึ ษา วิจยั ออกแบบและพัฒนาโปรแกรมสว่ นเพิ่มดังนี้ 1) สนบั สนุนการปฏบิ ตั งิ านของสานักงาน ก.ค.ศ. ประกอบดว้ ย - ระบบตรวจสอบคาส่งั - ระบบกากับติดตามผลการดาเนนิ งานโครงการ(EPBM) - โปรแกรมเวบ็ บล็อก เว็บบอรด์ สาหรับข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา 2) สนับสนนุ การปฏิบตั งิ านของสานกั งานเขตพ้ืนทีก่ ารศึกษาประกอบดว้ ย - ระบบระบบงานเลขานกุ ารอ.ก.ค.ศ. เขตพื้นทกี่ ารศึกษา เพ่อื สนบั สนนุ การปฏบิ ตั ิงานของสานกั งานเขตพ้นื ท่ีการศึกษา - ระบบรายงานการกระทาผดิ ทางวินยั - โปรแกรมเลื่อนขั้นเงินเดอื นข้าราชการครแู ละบุคลากรทางการศกึ ษา ด้วยระบบอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ (4) การจัดซือ้ เครือ่ งคอมพวิ เตอรส์ ่วนบุคคล เคร่อื งพิมพ์ เคร่อื งสแกนเนอร์

ดาเนนิ การจัดสง่ มอบครภุ ัณฑค์ อมพวิ เตอร์ ไดแ้ ก่ เครอ่ื งคอมพวิ เตอร์ เครื่องพิมพ์เคร่ืองสแกนเนอร์ โตะ๊ และเก้าอ้ี สาหรบั ปฏิบตั ิงานทะเบยี นประวัตอิ ิเลก็ ทรอนกิ ส์ โดยตดิ ตั้ง ณ สานกั งานเขตพ้ืนทีก่ ารศกึ ษานาร่องท่เี ข้าร่วมโครงการ(5) การให้บริการเช่าใชบ้ รกิ ารโครงสร้างพนื้ ฐาน ระบบเครอื ข่ายและพ้นื ท่ีการใหบ้ ริการขดอ้ งั มนูลี้1) การให้บรกิ ารเช่าใชบ้ รกิ ารศนู ยบ์ รกิ ารให้ความช่วยเหลือผ้ใู ชร้ ะบบ (Help-desk System)พรอ้ มกับจัดใหม้ เี จ้าหนา้ ท่ีประจาศูนยบ์ รกิ ารใหค้ วามชว่ ยเหลือ (Call Center)2) การปรบั ปรุงระบบเครือขา่ ยภายในภารกจิ ตรวจตดิ ตามพร้อมช่องทางออกสเู่ ครอื ขา่ ยอนิ เตอรเ์ น็ต ชนิดคู่สายวงจรเชา่ (Lease Line Circuit)(6) การฝึกอบรมเพ่อื ถ่ายทอดเทคโนโลยแี ละองค์ความรู้ ดังนี้1) หลักสตู รตรวจสอบรับรองข้อมูลรายบุคคลให้กับเจา้ หนา้ ทส่ี านักงานเขตพ้ืนท่กี ารศึกษาจานวน 225 เขต โดยมีรายละเอยี ดหลักสูตร ดังน้ี- กระบวนการจัดทาข้อมูลปฐมภมู ิ- กระบวนการดาวน์โหลดเอกสาร ก .พ.7 (ตน้ ฉบบั ) และ ก.พ.7 อเิ ล็กทรอนกิ ส์- กระบวนการตรวจสอบเอกสาร ก .พ.7 (ตน้ ฉบบั ) และ ก.พ.7 อเิ ล็กทรอนกิ ส์- กระบวนการยืน่ คาร้องขอแกไ้ ขข้อมลู และยนื ยันผลการตรวจสอบขอ้ มลู - 14 -2) หลักสูตรการเลื่อนขน้ั เงินเดือนขา้ ราชการครูและบุคลากรทางการศกึ ษา ด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ใหแ้ ก่ผแู้ ทนของสานกั งานเขตพืน้ ทีก่ ารศกึ ษา ซง่ึ ปน็ เขตนารอ่ ง โดยมรี ายละเอียดหลกั สูตร ดังน้ี- กระบวนการเลอื่ นขน้ั เงนิ เดอื นผ่านระบบอิเลก็ ทรอนกิ ส์- กระบวนการนบั ตัวผา่ นระบบอิเลก็ ทรอนกิ ส์- กระบวนการบนั ทึกขอ้ มลู วนั ลา เพ่อื ผลประเมนิ พจิ ารณาการเลอื่ นขัน้ เงนิ เดือน- กระบวนการบันทกึ ผลพจิ ารณาการเลอ่ื นข้นั เงนิ เดือนผา่ นระบบอิเล็กทรอนิกส์- กระบวนการจัดทาบัญชี จ .18 หลงั การเลอ่ื นขนั้ เงนิ เดอื นผา่ นระบบอิเล็กทรอนกิ ส์- กระบวนการสรา้ งหนงั สือคาส่งั พรอ้ มบัญชีแนบท้ายคาสง่ั ผ่านระบบอิเล็กทรอนกิ ส์- กระบวนการประมวลคาสง่ั อิเล็กทรอนิกส์- การใชร้ ายงานการนาส่งสานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พ้นื ฐาน (สพฐ .)(7) จดั ใหม้ เี จ้าหน้าทปี่ ระสานงานภายในสานักงานเขตพืน้ ทกี่ ารศกึ ษาซ่งึ เปน็ เขตนารอ่ ง

ดาเนินการจัดสง่ เจา้ หน้าท่ีเข้าปฏิบตั ิงานประจาสานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษานาร่องเขตละ 1 คน ซ่งึ จะปฏบิ ตั หิ น้าท่เี กย่ี วกับงานทะเบยี นประวตั อิ เิ ล็กทรอนิกส์ และถา่ ยทอดองคค์ วามรู้ในระบบอื่นๆ ทเ่ี กยี่ วข้อง ใหแ้ ก่เจา้ หน้าทีใ่ นสานกั งานเขตพ้ืนทก่ี ารศกึ ษา 3.3 การจดั ทาทะเบยี นประวัตขิ า้ ราชการครแู ละบุคลากรทางการศกึ ษา มาตรา 19 (17) แห่งพระราชบญั ญตั ริ ะเบยี บข้าราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษา พ.ศ. 2547กาหนดให้ ก.ค.ศ. มอี านาจและหน้าทใ่ี นการพจิ ารณาจดั ระบบทะเบยี นประวตั ิและแกไ้ ขทะเบียนประวัติเก่ียวกับ วัน เดอื น ปีเกิด และควบคุมการเกษยี ณอายุของขา้ ราชการครแู ละบุคลากรทางการศึกษา ทง้ั น้ีเพอ่ื ใหก้ ารจดั ระบบทะเบียนประวัตขิ องขา้ ราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาเป็นไปโดยเรียบร้อยมปี ระสิทธิภาพ โดยนาระบบทะเบียนประวตั ไิ ปใช้ในการบริหารงานบคุ คลของข้าราชการครูและบคุ ลากรทางการศกึ ษาใหเ้ กิดประโยชนส์ ูงสดุ และอาศัยอานาจตามความในมาตรา 19 (4) แห่งพระราชบัญญตั ิระเบียบข้าราชการครแู ละบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547 ก.ค.ศ. จงึ วางระเบยี บ ก.ค.ศ. วา่ ด้วยระเบยี บทะเบียนประวตั ขิ ้าราชการครูและบคุ ลากรทางการศกึ ษา พ.ศ. 2555 ในการจัดทาระเบยี บ ก.ค.ศ. ว่าดว้ ยระเบยี บทะเบียนประวัตขิ ้าราชการครแู ละบุคลากรทางการศึกษาพ.ศ. 2555 ไดม้ ีกาหนดรายการในทะเบียนประวตั ิข้าราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษา (ก.ค.ศ. 16)ขนึ้ มาใหม่ เพ่อื ใชแ้ ทนทะเบยี นประวัติ (ก.พ.7) เดมิ โดยมกี ารจัดทาดงั น้ี - 15 - (1) การจัดทา ก.ค.ศ. 16 ระบบเอกสาร 1) ใหข้ ้าราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษาบนั ทกึ ประวตั ขิ องตนเองลงใน ก.ค.ศ. 16ต่อหน้าเจา้ หนา้ ที่ทะเบยี นประวตั จิ านวนหน่งึ ฉบับภายในเจ็ดวันนับแตว่ นั ที่มคี าส่ังบรรจแุ ละแต่งต้งัเข้ารับราชการเปน็ ข้าราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษา 2) เมอ่ื มกี ารบันทกึ ประวัตแิ ล้วให้เจา้ หน้าท่ีทะเบยี นประวตั ติ รวจสอบความถูกตอ้ งให้ครบถ้วนทุกรายการจากเอกสารต้นฉบบั จรงิ ในกรณที ีต่ รวจสอบแล้วพบวา่ ไมถ่ ูกต้อง ให้เจา้ ของประวตั ิแกไ้ ขเพ่ิมเตมิ ใหถ้ ูกต้องโดยวธิ ีการขดี ฆ่า แลว้ ลงลายมือชอ่ื กากับไว้ เว้นแต่ การลงรายการเกี่ยวกบั วนั เดอื น ปเี กิด และ วนั เดือน ปีท่ีบรรจุและแตง่ ตั้งให้เข้ารบั ราชการ ท่ที าไวไ้ มถ่ กู ตอ้ ง ใหเ้ จ้าของประวัติจัดทาใหมท่ ้งั ฉบบั

ใหเ้ จ้าหนา้ ทีท่ ะเบยี นประวตั ิ และผู้อานวยการสานกั งานเขตพน้ื ทีก่ ารศกึ ษาหรอื หวั หนา้ส่วนราชการแลว้ แตก่ รณลี งลายมอื ชือ่ กากับรับรองความถกู ต้อง (2) การจัดทาแฟ้มประวัตริ ะบบเอกสาร เมื่อมีการจัดทา ก.ค.ศ. 16 แล้ว ให้สานักงานเขตพน้ื ท่ีการศกึ ษาหรอื ส่วนราชการแลว้ แต่กรณี จัดทาแฟม้ ประวัติของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศกึ ษาในคราวเดยี วกัน เพื่อเกบ็ รกั ษาเอกสารหลักฐาน ดังตอ่ ไปน้ี 1) ก.ค.ศ.16 2) คาสง่ั บรรจุและแตง่ ต้งั ใหเ้ ขา้ รับราชการเป็นขา้ ราชการครแู ละบุคลากรทางการศกึ ษาและเอกสารหลักฐานการรายงานตัวเข้ารับราชการ 3) สาเนาวฒุ ิการศึกษาที่ใช้สมัครเขา้ รบั ราชการเป็นข้าราชการครแู ละบุคลากรทางการศกึ ษาและท่ไี ด้รบั ภายหลงั จากท่ีเข้ารบั ราชการแลว้ 4) สาเนาใบอนุญาตประกอบวชิ าชีพ (ถา้ มี) 5) หลักฐานการสอบสวนประวตั ิ เช่น หนังสือแจ้งผลการพมิ พ์ลายนว้ิ มือของเจา้ หนา้ ทต่ี ารวจ/แผน่ พมิ พล์ ายน้วิ มือ เปน็ ตน้ 6) แบบรายงานผลการเตรียมความพรอ้ มและพัฒนาอย่างเขม้ หรอื การทดลองปฏิบตั ิหน้าที่ราชการ - 16 - 7) หลกั ฐาน เอกสาร และรายละเอียดต่างๆ เกีย่ วกบั สถานะของบุคคล เช่น สาเนาสตู บิ ตั รใบสาคัญการเปลย่ี นช่ือ ใบสาคญั การเปล่ยี นช่ือสกลุ ใบสาคัญการสมรส ใบสาคัญการหยา่ และใบสาคัญทางทหาร (สด.9) เปน็ ต้น 8) คาสง่ั เกยี่ วกบั สถานะของเจ้าของประวตั ิ เช่น คาสัง่ บรรจุ คาส่ังรับโอน คาสงั่ ใหโ้ อน คาสง่ัเล่อื นขนั้ เงินเดอื น คาส่ังเลือ่ นวทิ ยฐานะ เป็นต้น 9) ใบรายงานผลการปฏิบัตงิ านของเจา้ ของประวัติทีผ่ ้บู ังคบั บัญชาจดั ทาข้ึนเพอื่ ประเมินผลการปฏบิ ัติงาน

10) เอกสารหลกั ฐานเกย่ี วกับการศึกษา ฝึกอบรม ดูงาน และการพัฒนาที่เก่ยี วกบัการปฏิบัติงาน 11) คาส่งั แต่งต้ังคณะกรรมการสบื สวนข้อเทจ็ จริง คาส่งั แต่งตง้ั คณะกรรมการสอบสวนทางวินยัคาส่งั ลงโทษทางวนิ ัย หรอื เอกสารเกีย่ วกับการส่งั ยุตเิ รอ่ื ง การลดโทษ การเพิ่มโทษ การงดโทษการทาทณั ฑบ์ น หรอื การวา่ กลา่ วตกั เตอื นเปน็ หนงั สอื 12) หลักฐานเกยี่ วกบั การไดร้ บั การยกย่องเชดิ ชเู กียรติ 13) สาเนาทะเบียนบา้ นฉบับปจั จุบนั 14) เอกสารสาคัญอนื่ ๆ เช่น เอกสารการอนมุ ัติใหแ้ กไ้ ขวัน เดอื น ปเี กิด การลาตา่ งๆ หนังสือรับรองความประพฤติ (กรณีบรรจกุ ลบั ฯ) เปน็ ตน้ 15) เอกสารอื่น ตามท่ี ก.ค.ศ. กาหนด (3) การจดั ทา ก.ค.ศ. 16 ระบบอิเล็กทรอนกิ ส์ เม่ือได้มกี ารจัดทา ก.ค.ศ. 16 ระบบเอกสารแลว้ ให้เจา้ หนา้ ทด่ี าเนินการ ดังต่อไปนี้ 1) สาเนา ก.ค.ศ. 16 ให้เป็นระบบอิเลก็ ทรอนิกส์ 2) บันทกึ ขอ้ มลู ตามรายการจาก ก.ค.ศ. 16 เปน็ ระบบอิเลก็ ทรอนิกส์ ตามรูปแบบรายการที่ก.ค.ศ. กาหนด (4) การจดั ทาแฟม้ ประวัตริ ะบบอิเล็กทรอนิกส์ เมือ่ มกี ารจดั ทาแฟม้ ประวตั ริ ะบบเอกสารแลว้ ใหส้ าเนาเอกสารหลกั ฐานตามรายการในแฟ้มประวัติระบบเอกสาร เป็นแฟม้ ประวตั ิระบบอิเล็กทรอนิกส์ - 17 - 3.4 การจดั ระบบ การกากับ ตดิ ตาม ตรวจสอบและประเมินผล เนือ่ งจากการจดั ระบบ การกากับ ติดตาม ตรวจสอบ และประเมนิ ผล มคี วามสาคัญที่ จะทาให้การดาเนินการจดั ทาทะเบียนประวัติของขา้ ราชการครูและบุคลากรทางการศกึ ษา ตามระเบยี บ ก.ค.ศ.วา่ ด้วยระเบยี บทะเบียนประวัตขิ ้าราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2555 เปน็ ไปอย่างถูกต้องครบถ้วนสมบูรณ์และมคี วามต่อเนื่อง ประกอบกับในการจดั ระบบการกากับ ติดตามและประเมนิ ผล

มีรายละเอียดและขัน้ ตอนในการดาเนินงานทีม่ คี วามยุ่งยากซบั ซ้อน จงึ กาหนดให้สานกั งานเขตพ้นื ที่การศึกษา สว่ นราชการ และสานักงาน ก.ค.ศ. มกี ารดาเนินการดังต่อไปน้ี (1) สานักงานเขตพืน้ ท่ีการศึกษา และส่วนราชการ 1) จดั ใหม้ ีหนว่ ยงานและเจ้าหนา้ ทเ่ี พอ่ื รบั ผิดชอบเก่ียวกับทะเบยี นประวัตขิ า้ ราชการครูและบคุ ลากรทางการศกึ ษาโดยเฉพาะ 2) การจดั การ ควบคมุ กากบั ดแู ล ตดิ ตาม ตรวจสอบการใช้งานและการทางาน ก.ค.ศ. กาหนดให้เขตพื้นทแ่ี ละสว่ นราชการ แต่งตง้ั คณะกรรมการเพ่ือให้มีอานาจหน้าท่ีดงั กลา่ ว ในการแต่งตัง้ คณะกรรมการ สานกั งานเขตพื้นที่หรอื สว่ นราชการอาจกาหนดให้มอี านาจหน้าท่ีดังต่อไปนี้ 1) บริหารจัดการระบบทะเบียนประวัตขิ า้ ราชการครแู ละบุคลากรทางการศกึ ษา ใหเ้ ป็นไปตามกฎหมาย ระเบยี บ และข้อกาหนด 2) กากับ ตดิ ตาม ตรวจสอบการดาเนินการจัดระบบทะเบยี นประวตั ิขา้ ราชการครูและบุคลากรทางการศกึ ษา ให้เปน็ ไปตามกฎหมาย ระเบียบ นโยบาย และมาตรการ 3) เสนอแนะสานกั งาน ก.ค.ศ. เพ่ือดาเนินการตามระเบยี บ ก.ค.ศ. วา่ ดว้ ยระบบทะเบียนประวัติข้าราชการครูและบคุ ลากรทางการศึกษาพ.ศ. 2555 4) ปฏบิ ตั งิ านอ่นื ตามท่ีได้รับมอบหมาย (2) สานกั งาน ก.ค.ศ. สานกั งาน ก.ค.ศ. เปน็ หนว่ ยงานกลางในการบริหารงานระบบทะเบียนประวัติของข้าราชการครูและบคุ ลากรทางการศึกษา และมอี านาจหน้าท่ีในการกากับ ติดตาม ตรวจสอบและประเมนิ ผลการจดัระบบทะเบยี นประวตั ิขา้ ราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาของหน่วยงานการศกึ ษาและส่วนราชการทั้งน้ี สานกั งาน ก.ค.ศ. มอี านาจเรียกผู้แทนของหน่วยงานการศกึ ษา สว่ นราชการ ขา้ ราชการ หรือบคุ คลใดมาช้แี จงขอ้ เทจ็ จรงิ หรือรายงานผลเก่ียวกับการจดั ระบบทะเบยี นประวตั ิได้ - 18 - ในการดาเนินการสานกั งาน ก.ค.ศ. อาจแต่งต้งั คณะกรรมการหรอื เสนอ ก.ค.ศ. ต้งั อ.ก.ค.ศ.วสิ ามัญ หรอื อ.ก.ค.ศ. วสิ ามัญเฉพาะกิจ โดยอาจให้มีอานาจหนา้ ที่ดังตอ่ ไปน้ี 1) บริหารจดั การระบบทะเบียนประวัตขิ ้าราชการครูและบคุ ลากรทางการศกึ ษา ใหเ้ ปน็ ไปตามกฎหมาย ระเบียบ และขอ้ กาหนด

2) บรหิ ารจดั การควบคมุ กากบั ดูแล ติดตามและตรวจสอบ การดาเนนิ งาน ท้งั ภายนอกและภายในองคก์ ร 3) กากบั ตดิ ตาม ตรวจสอบการดาเนนิ การจดั ระบบทะเบยี นประวตั ขิ ้าราชการครู และบคุ ลากรทางการศึกษา 4) เสนอแนะ ก.ค.ศ. หรอื สานกั งาน ก.ค.ศ. เพอ่ื ดาเนินการเช่ือมโยงขอ้ มลู และสารสนเทศกบั สว่ นราชการ หนว่ ยงาน หรือองค์กรอนื่ ท่เี กี่ยวข้อง 5) ปฏิบัติงานอ่ืนตามทไี่ ด้รบั มอบหมาย สาหรับการเชื่อมโยงขอ้ มูลและสารสนเทศกบั สว่ นราชการ หน่วยงาน หรอื องคก์ รอนื่ที่เกีย่ วขอ้ ง ก.ค.ศ. กาหนดใหส้ านักงาน ก.ค.ศ. แตง่ ต้งั คณะกรรมการเพ่อื ดาเนนิ การ4. แนวคิดเกยี่ วกบั ระบบสารสนเทศ 4.1 ระบบ ทองอนิ ทร์ (2536) ไดก้ ล่าววา่ หน่วยงานหรอื องคก์ รมีฐานะเป็นระบบ ระบบทีป่ ระดว้ ยส่วนตา่ งๆทีร่ วมกนั เปน็ อันหนงึ่ อนั เดียวกนั ซึงเก่ียวข้องและสมั พนั ธก์ ันกับเร่อื งต่อไป (1) ความหมายของระบบ พชิ ติ (2538) กล่าววา่ ระบบ หมายถงึ ส่งิ ซง่ึ ประกอบขึ้นด้วยองค์ประกอบ หรอื หนว่ ยยอ่ ยเหล่านมี้ ีความสัมพันธ์กัน และทาหนา้ ทรี่ ว่ มกนั เพอื่ ใหบ้ รรลุวัตถปุ ระสงค์ทีก่ าหนด ระบบ จาแนกไดเ้ ป็น 6 ประเภท คอื 1) ระบบเชิงกายภาพและระบบเชงิ แนวคิด 2) ระบบทางธรรมชาติและระบบที่มนษุ ยส์ รา้ งขึน้ 3) ระบบทางสังคม ระบบคนและเครอื่ งจักร และระบบเครอื่ งจกั ร 4) ระบบเปิดและระบบปิด 5) ระบบท่ีปรบั ตัวเองไดแ้ ละระบบท่ีปรับตวั เองไมไ่ ด้ 6) ระบบท่คี งที่และระบบไมค่ งที่- 19 - (2) แนวคิดเกยี่ วกบั ระบบ กอบดว้ ย ทองอินทร์ (2536) ได้กล่าวว่า หน่วยงานหรอื องคก์ รมีฐานะเปน็ ระบบ ระบบท่ปี ระส่วนตา่ งๆ ที่รวมกันเป็นอนั หนงึ่ อนั เดียวกนั ซงึ เก่ียวขอ้ งและสมั พันธ์กนั กบั เรือ่ งต่อไป

1) ส่วนตา่ งๆ (บคุ คลหลายคน) ในภาพรวม ตลอดจนหมายถึง การเคล่ือนยา้ ยบุคคลเขา้ สูร่ ะบบและออกจากระบบ 2) ปฏสิ มั พนั ธ์ระหวา่ งบุคคลกบั สภาพแวดลอ้ มของระบบ 3) ปฏสิ ัมพันธร์ ะหว่างบุคคลหลายคนในระบบ 4) ปญั หาของความเจรญิ เติบโตและเสถียรภาพของระบบ (3) ลักษณะท่ีสาคัญของระบบ 1) ระบบ ประกอบด้วย องค์ประกอบหรือหนว่ ยยอ่ ยของระบบ ที่มคี วามสัมพนั ธก์ นั และหนา้ ท่ีของหน่วยย่อยเพ่ือวตั ถปุ ระสงคอ์ ย่างใดอยา่ งหนึ่ง 2) องคป์ ระกอบหรือหนว่ ยย่อยของระบบทมี่ ีความสมั พนั ธก์ นั และหนา้ ท่ีของหนว่ ยยอ่ ยแต่ละหน่วยเพือ่ วตั ถุประสงคเ์ ดยี วกนั 3) ระบบใดๆ ย่อมมีส่ิงแวดลอ้ มและถือเป็นระบบยอ่ ยของส่ิงแวดล้อมนนั้ 4) การจาแนกประเภทของระบบ อาจทาไดห้ ลายวธิ ี ตามแต่วตั ถปุ ระสงคข์ องผจู้ าแนก 5) ทุกระบบจะต้องมีการจดั การและการดาเนินการ เพ่ือใหบ้ รรลุวัตถปุ ระสงค์ของระบบทต่ี ั้งไว้ (4) องค์ประกอบของระบบ ระบบ ประกอบดว้ ย องคป์ ระกอบท่สี าคญั 4 ส่วน คือ สว่ นนาเขา้ ( input) ส่วนกระบวนการ(processing) ส่วนผลลพั ธ์ (output) และสว่ นปอ้ นกลับ (feedback) ความสัมพนั ธ์ขององค์ประกอบท้ัง4 แสดงดังแผนภาพท่ี 1 ดังนี้ส่วนนาเข้า (input) ส่วนกระบวนการ สว่ นผลลัพธ์ (processing) (output) สว่ นป้อนกลับ (feedback) แผนภาพท่ี 1 องค์ประกอบของระบบ - 20 - 1) ส่วนนาเขา้ เปน็ สว่ นท่ีเปน็ ทรัพยากรหรอื สิ่งทจ่ี าเป็นเพื่อนาเข้าสูร่ ะบบ และกอ่ ให้เกิดการทางาน หรือกระบวนการ ทรัพยากรนอี้ าจจะอยู่ในรปู แบบตา่ งๆ

2) สว่ นกระบวนการ เป็นสว่ นทที่ าหนา้ ทแี่ ปรสภาพ หรือ ประมวลผล โดยอาศยั ส่วนนาเข้าของระบบ แปรสภาพให้เปน็ ผลลัพธท์ ่ตี ้องการ 3) สว่ นผลลัพธ์ เป็นสิง่ ที่จะต้องออกจากระบบ ซ่ึงเป็นไปตามวตั ถปุ ระสงคข์ องระบบ ผลลัพธ์ของระบบมลี กั ษณะแตกต่างกนั ออกไปตามแตช่ นิดของระบบ 4) ส่วนปอ้ นกลับ เปน็ สว่ นซงึ่ ใชใ้ นการควบคมุ การทางานของกระบวนการ เพือ่ ให้การทางานของระบบบรรลุเปา้ หมายทต่ี ้งั ไว้ ส่วนปอ้ นกลบั นจี้ ะนาเอาผลลพั ธ์ท่ไี ดจ้ ากระบบเปรยี บเทียบกบั วัตถุประสงค์หรือเปา้ หมายที่ตงั้ ไว้ 4.2 การพัฒนาระบบ นักวิทยาศาสตร์ชอื่ Ludwing Von Bertalanffy เป็นบคุ คลแรกทนี่ าเสนอแนวคดิ เกย่ี วกับทฤษฎีระบบ (system theory) ข้นึ ในปี ค.ศ. 1950 ท่มี ององค์การในฐานะสิง่ มชี ีวิต โดยมองในรปู ระบบเปดิ เหมอื นระบบกายวิภาคของสง่ิ มีชวี ิต ซ่ึงแนวคดิ ดงั กลา่ ว ได้กลายเป็นรากฐานทางความคดิ ท่ีสาคญั ท่ีนักวชิ าการในยุคต่อมา ไดม้ ีการนาไปพฒั นาและประยกุ ต์ใชอ้ ย่างกวา้ งขวางภายใต้กรอบความคิดเดยี วกนั คอืทฤษฎีระบบทวั่ ไป โดย Owens (1998)ไดก้ ล่าววา่ แนวความคิดเก่ยี วกบั ระบบนี้ ไดก้ ลายเป็นพ้ืนฐานทใ่ี ช้เป็นวธิ ีการพิจารณาวเิ คราะหส์ ถานการณ์ที่ยุ่งยากซบั ซ้อน นอกจากน้ี Lunenburg & Ornstein (1996)ยงั ได้กลา่ วถึงความสาคัญของระบบอกี ดว้ ยวา่ เป็นแนวคิดหนงึ่ ท่ีมีความสาคญั และมปี ระโยชน์อย่างมากในการทาความเข้าใจองค์กรต่างๆ การได้มาซ่ึงระบบทส่ี ามารถนาไปใช้แกป้ ัญหาต่างๆ ไดอ้ ย่างมปี ระสิทธิภาพนน้ั จาเปน็ ตอ้ งอาศัยกระบวนการพฒั นาทเ่ี หมาะสมดว้ ยเชน่ กนั ดว้ ยเหตุน้นี ักวิชาการบางส่วนจึงได้นาเสนอกระบวนการพัฒนาระบบไว้ดงั นี้ Smith (1993) ได้นาเสนอหลกั การพัฒนาระบบไว้ 5 ขนั้ ตอน ดงั นี้ (1) การวิเคราะหร์ ะบบ (System Analysis) ไดแ้ ก่ การวเิ คราะห์องคป์ ระกอบตา่ งๆทอ่ี ยู่ในระบบว่ามีลักษณะอยา่ งไร มีความสมมากนอ้ ยเพียงใด ควรลดหรอื เพ่มิ องคป์ ระกอบใดใหเ้ หมาะสมมากน้อยเพียงใด ควรลดหรือเพิ่มองคป์ ระกอบใดให้เหมาะสมกับสภาพของระบบที่ เป็นอยู่ในปจั จบุ นั (2) การออกแบบระบบ (System Design) หมายถึง การนาองค์ประกอบตา่ งๆ ทไ่ี ด้ วิเคราะห์หรือแยกแยะไว้ มาทาการออกแบบระบบใหมท่ ม่ี ปี ระสทิ ธิภาพมากกวา่ ระบบเดมิ ที่มีอยู่ - 21 - (3) การวดั และตรวจสอบระบบ (System Mesurement) หมายถึง การนาระบบท่ไี ด้ ออกแบบไว้ไปทาการตรวจสอบวา่ ระบบดงั กล่าวมคี วามเหมาะสมและสามารถนาไปใช้จรงิ ไดห้ รอื ไม่

Bigs and others (1980) ไดเสนอแนวคิดเกย่ี วกบั ข้ันตอนของการพฒั นาระบบ ซง่ึ ประกอบดว้ ย4 ขน้ั ตอน ดงั น้ี (1) ขนั้ การวางแผนระบบ ( System Planning) เป็นขั้นตอนแรกของการพัฒนาระบบโดยการทาให้เกดิ การเปล่ยี นแปลงความคิดอย่างเปน็ ทางการว่ ามกี ารรอ้ งขอให้มีระบบใหม่ประกอบด้วยข้นั ตอนย่อย2 ขั้นตอนคอื 1) การสารวจเบ้ืองตน้ 2) การศกึ ษาความเปน็ ไปไดในการพัฒนาระบบ (2) ข้ันการศกึ ษาความตองการของระบบ ( System Requirements) เป็นการจัดเตรียมข้อมูลพืน้ ฐานซึ่งมคี วามสาคญั ตอ่ การสร้างแนวทางทต่ี อ้ งการพัฒนา ประกอบดว้ ยขน้ั ตอนยอ่ ย คอื 1) การวเิ คราะหร์ ะบบและการปฏิบัตกิ าร 2) การสารวจความตอ้ งการของระบบผู้ใช้ 3) การใชว้ ิธกี ารสนับสนุนในดา้ นเทคนิค 4) การออกแบบและทบทวนเก่ยี วกับแนวความคิดทต่ี อ้ งการให้เป็นทางเลอื กต่างๆ 5) การประเมนิ ทางเลอื กและจัดทาแผนในการพัฒนา (3) ขั้นการพฒั นาระบบ ( System Development) เป็นข้นั ตอนซ่งึ เรมิ่ ตน้ ด้วยการยอมรับแนวความคดิ ซึง่ ไดมีการออกแบบและประเมนิ ในขัน้ ตอนทีผ่ า่ นมา และจะจบลงดว้ ยการพฒั นาใหเ้ ป็นระบบทีม่ คี วามสมบูรณ ซงึ่ สามารถนาไปสู่การปฏบิ ัติได ประกอบด้วยข้ันตอนยอ่ ยดังน้ี 1) การกาหนดลักษณะเฉพาะ ทางเทคนคิ ของระบบ 2) การพัฒนาเทคนคิ ที่ใช้ในการสนับสนุนระบบ 3) การประยกุ ตล์ ักษณะเฉพาะให้เข้ากบั โปรแกรมทางคอมพวิ เตอร์ 4) การทดสอบโปรแกรม 5) การพฒั นาคูมอื การดาเนินการและการควบคมุ ระบบ 6) การฝึกฝนผใู้ ชร้ ะบบ 7) การปฏบิ ัติตามแผน 8) การทดลองเปล่ียนแปลงแผน 9) การทดสอบทง้ั ระบบ - 22 - (4) ขนั้ การนาระบบไปปฏบิ ัติ ( System Implementation) เปน็ ขน้ั ตอนสาคญั หลงั จากที่มีการทดสอบระบบแลว้ กจ็ ะนาไปสู่การปฏิบัตจิ รงิ ในขัน้ นจ้ี ะต้องมีการปรับแต่งเพื่อใหระบบมคี วามเหมาะสม

กับการใช้งานอกี คร้ังหนึ่ง และจะตองมีการทบทวนผลการปฏิบตั ิหลงั จากท่ีไดมกี ารนาเอาระบบไปสู่การดาเนนิ การจริง ทงั้ นี้ เพอื่ ให้ระบบมีการพัฒนาขน้ึ มีความสมบูรณมากทสี่ ดุ เทา่ ทจ่ี ะเปนไปได อกี ท้งัยงั เป็นการรักษาระบบให้คงอยู่ตอ่ ไปอกี ด้วย Edwards (1985) ไดก้ ลา่ วถึงข้ันตอนซง่ึ เป็นวงจรในการพัฒนาระบบไวดังน้ี คือ (1) ขน้ั การวเิ คราะหระบบ ( System Analysis) เป็นขนั้ ตอนทมี่ ขี นึ้ หลังจากมกี ารร้องหรือมคี วามตอ้ งการปรบั ปรุง เปลีย่ นแปลงให้ระบบมคี วามเหมาะสมกว่าทเี่ ปน็ อยู่ ซง่ึ เมื่อทาการวิเคราะห์ระบบใหเ้ กิดความเข้าใจอยา่ งชัดเจนแลว้ จะตอ้ งมกี ารศกึ ษาถงึ ความเป็นไปได้กอ่ นทจ่ี ะมกี ารออกแบบระบบใหม่ (2) ขัน้ การออกแบบระบบ( System Design) เป็นขน้ั ตอนของการออกแบบคณุ สมบตั ขิ องโปรแกรมหรอื คณุ สมบัตขิ องระบบท่เี กย่ี วข้อง เพอ่ื ให้เหมาะสมกบั การใช้งาน ก่อนท่จี ะไดมีการสร้างเปน็ ต้นแบบของระบบ (3) ขนั้ การพฒั นาระบบ ( System Development) เป็นขั้นตอนสดุ ทา้ ยของวงจรชวี ติ ตามระบบซงึ่ ในขนั้ น้ีจะต้องมกี ารพฒั นาระบบให้เปน็ ตน้ แบบทม่ี ีความสมบูรณ มกี ารประเมนิ ผลและตรวจสอบขอ้ มูลย้อนกลบั เพอ่ื ให้เกิดความเหมาะสมมากทส่ี ดุ เท่าทจ่ี ะเปน็ ไปได้ ก่อนท่ีจะนาระบบดงั กล่าวไปสผู่ ้ใู ช้ จากสาระสาคัญดังกล่าวข้างต้น สรุปไดวา การพฒั นาระบบมขี นั้ ตอนสาคัญ คือ ขน้ั การวเิ คราะห์ระบบ ข้นั ออกแบบระบบ และข้นั การพัฒนาระบบ 4.3 ระบบสารสนเทศ (1) ความหมายของระบบสารสนเทศ ครรชิต (2537) กล่าววา่ “ระบบสารสนเทศ เป็นระบบที่ประกอบด้วย คน เคร่ืองคอมพวิ เตอร์และอปุ กรณ์ต่างๆ ที่ทางานประสานกัน เพ่อื จดั ทาสารสนเทศสาหรบั สนับสนุนการปฏบิ ตั งิ าน การจัดกิจกรรมและการตดั สินใจในหน่วยงาน” กรมสามญั ศึกษา (2538) ไดก้ ลา่ วถงึ ระบบสารสนเทศ หมายถงึ ระบบการจดั แปลงข้อมูลดิบให้เปน็ สารสนเทศ เพ่ือสนองตอบความตอ้ งการของหนว่ ยงาน ท้ังทางด้านกฎหมาย ธรุ กจิ บริหารและประชาสมั พนั ธ์ จงึ อาจกลา่ วไดว้ า่ ระบบสารสนเทศ หมายถึง ระบบทีจ่ ดั ตัง้ ขึน้ เพ่ือปฏิบัติภารกิจเกย่ี วกบัข้อมลู ดังตอ่ ไปน้ี 1) รวบรวมข้อมลู ทั้งภายในและภายนอก ซ่งึ มคี วามจาเป็นตอ่ หนว่ ยงาน 2) จดั การเก่ยี วกับข้อมลู เพือ่ ให้เป็นสารสนเทศทีพ่ ร้อมจะใหป้ ระโยชน์ได้ 3) จัดให้มรี ะบบจดั เกบ็ เปน็ หมวดหม่เู พอื่ สะดวกตอ่ การค้นหาและการนาไปใช้ 4) มกี ารปรบั ปรุงขอ้ มูลเสมอเพือ่ ใหอ้ ยู่ในสภาพท่ีถกู ต้องทนั สมัยตลอดเวลา - 23 -

กรมสามญั ศกึ ษา (2542) กล่าวว่า ระบบสารสนเทศ หมายถึง ระบบท่ีจดั ตง้ั ขึ้นเพื่อรวบรวมจดั เก็บและใช้สารสนเทศสอนงความต้องการของหน่วยงาน ทงั้ นี้โดยมกี ารจัดเก็บอย่างเปน็ ระบบ กรมวชิ าการ (2544) กล่าวว่า ระบบสารสนเทศ หมายถึง กระบวนการเกบ็ รวบรวมข้อมลูการประมวลผลขอ้ มลู ให้อยู่ในรปู สารสนเทศทีเ่ ป็นประโยชนส์ งู สดุ และการจัดเกบ็ รกั ษาอยา่ งมีระบบเพอื่ สะดวกต่อการนาไปใช้ สารสนเทศทีถ่ ูกจดั เกบ็ อย่างเป็นระบบสามารถนาไปใชส้ นับสนนุ การบรหิ ารงานและการตดั สินใจในระดบั ปฏิบตั ิหรือระดบั บริหารได้ (2) หลักการของระบบสารสนเทศ หลกั การจัดทาระบบสารสนเทศควรคานงึ ถงึ องคป์ ระกอบตอ่ ไปนี้ (เกรยี งศกั ดิ์ และคณะ, 2544) 1) จะต้องสอดคลอ้ งกบั การบริหารการศกึ ษา 2) จะต้องมคี ุณภาพ มคี วามถูกต้องครบถว้ น ตรงกบั ความตอ้ งการใช้งานหรือปญั หาและทันต่อการใชง้ าน 3) ผู้บรหิ ารจะต้องเหน็ ความสาคัญของสารสนเทศและการใช้สารสนเทศเปน็ ข้อมลู ในการตัดสนิ ใจ การกาหนดนโยบายและการวางแผนการดาเนนิ งาน 4) จะตอ้ งเข้าใจงา่ ยและสะดวดพร้อมใชง้ าน 5) ความสามารถในการเช่ือมโยงสารสนเทศกับปัญหาและแนวทางการแกป้ ัญหา5. แนวคดิ เกีย่ วกบั ความพงึ พอใจ 5.1 ววิ ัฒนาการและความหมายของความพงึ พอใจ การศกึ ษาความพึงพอใจเร่ิมต้นจากการศึกษาของมาโย ( Mayo) และคณะท่เี มืองฮอวท์ อรน์(Howthorne Studies) ในปี คศ. 1930 โดยปรากฏในการศกึ ษาความพึงพอใจในงานเป็นคร้ังแรกของฮอพพอดHoppock (1935) ซึ่งความพึงพอใจในงานไดร้ วมปัจจยั ดา้ นตา่ งๆ ท่เี ปน็ ความรสู้ ึกทางด้านจติ ใจ คือ แรงจงู ใจความสนใจด้านบคุ คล เชน่ อายุ ประสบการณ์ ตลอดจนสภาพแวดล้อมในการทางาน ได้แก่ ลักษณะงานผ้บู งั คับบัญชา เพอ่ื นรว่ มงาน เปน็ ตน้ ความพึงพอใจ ( Satisfaction) พจนานกุ รมฉบบั ราชบัณฑิตยสถาน (2542) ไดใ้ ห้ความหมายของความพงึ พอใจ หมายถึง พอใจ ชอบใจ สาหรับความหมายโดยท่วั ๆ ไป ความพงึ พอใจการบรกิ าร ศริ วิ รรณ เสรรี ตั น์และคณะ (2541) ระบวุ ่า คือ “ระดบั ความร้สู ึกในทางบวกของบุคคลต่อสงิ่ ใดสงิ่ หน่ึง” โดยสามารถจาแนกเปน็2 ความหมาย ซง่ึ เปน็ ความหมายท่เี กยี่ ข้องกับความถงึ พอใจของผบู้ ริโภค หรือผรู้ ับบรกิ าร ( CustomerSatisfaction) และความพงึ พอใจในงาน (Job Satisfaction) ของผู้ใหบ้ รกิ าร - 24 -

Kotler (อ้างถึงใน ปราการ กรองแกว้ 2546) กลา่ วว่า ความถึงพอใจเป็นความรู้สึกยนิ ดหี รือผดิ หวงัของบุคคลจากการเปรียบเทียบความสัมพนั ธ์ระหวา่ งส่งิ ทเ่ี ขาได้รบั ความคาดหวังของเขา ถ้าส่งิ ทไ่ี ดร้ บัไม่เพียงพอหรอื ตา่ กวา่ ความคาดหวงั ลูกค้ากไ็ มพ่ งึ พอใจ ถ้าสงิ่ ทีไ่ ด้รบั เปน็ ไปตามความคาดหวงั ลกู คา้ ก็เกดิความพึงพอใจ สรชัย (2549) มคี วามเหน็ วา่ ความพึงพอใจของผใู้ ช้บรกิ ารหรอื ลกู คา้ หมายถึง การทผี่ ใู้ ชบ้ รกิ ารหรอืลูกค้าได้รับในสิง่ ที่ต้องการ แต่ต้องอยู่ในขอบเขตทผี่ ใู้ หบ้ ริการสามารถจดั หาหรอื ทาใหไ้ ดโ้ ดย ไม่ขดั ตอ่วตั ถุประสงค์หรอื ความถกู ต้อง เหมาะในการให้บริการ Walman (1989) กล่าวว่า ความพึงพอใจ หมายถงึ ทัศนคติและความพงึ พอใจในสิง่ หนึง่ สามารถใชแ้ ทนกันได้ ทัศนคติด้านบวกจะแสดงให้เห็นสภาพความพงึ พอใจในส่งิ น้ันและทศั นคติด้านลบจะแสดงให้เหน็ ความไม่พึงพอใจ กิตตมิ า (2542) กลา่ วว่า ความพงึ พอใจ หมายถงึ ความรสู้ กึ ที่ชอบหรือพอใจท่มี อี งค์ประกอบและสงิ่ จงู ใจในด้านต่างๆ และเขาไดร้ บั การตอบสนองต่อความต้องการเขาได้ จากความหมายดังกล่าวขา้ งตน้ สรุปความหมายของ “ความพึงพอใจ ” ว่าคือ ความรูส้ กึ ท่ีดีท่ีเกดิ ขนึ้ เมอ่ื ไดร้ ับผลสาเรจ็ ตามความมุ่งหมาย ซึง่ มอี งคป์ ระกอบและส่ิงจูงใจในดา้ นตา่ งๆ ที่ตอบสนองตอ่ความตอ้ งการอยา่ งครบถว้ น 5.2 แนวคดิ เก่ยี วกบั การวดั ความพงึ พอใจในการใหบ้ รกิ าร Aday and Andersen (1978, อา้ งถงึ ใน วาสนา แพทยานนท์ 254 5) กลา่ วถึงทฤษฎีทชี่ ี้พื้นฐาน4 ประเภท ท่เี กยี่ วขอ้ งกบั ความพงึ พอใจของผมู้ าใช้บรกิ ารและความรูส้ ึกทผี่ ู้ใช้บรกิ ารไดร้ บั จากบริการเป็นสง่ิ สาคญั ท่ีจะชว่ ยประเมินระบบบริการวา่ ไดม้ กี ารเข้าถงึ ผู้ใช้บรกิ าร โดยความพึงพอใ4จประเภท ได้แก่ (1) ความพงึ พอใจต่อความสะดวกในได้รับจากการบริการ ได้แก่ 1) การใชเ้ วลารอคอย 2) การไดร้ ับการดูแลเม่อื มคี วามต้องการ 3) ความสะดวกสบายท่ีไดร้ ับ (2) ความพึงพอใจต่อการประสานงานของการบรกิ าร ได้แก่ 1) ผใู้ ช้บริการสามารถขอรบั บริการตามความต้องการของผใู้ ช้บริการ 2) ผูใ้ หบ้ ริการใหค้ วามสนใจผู้ใชบ้ รกิ าร 3) ได้มีการติดตามผลงาน

- 25 - (3) ความพึงพอใจต่อขอ้ มลู ทีไ่ ดร้ ับจากบรกิ าร (4) ความพึงพอใจต่อคณุ ภาพของบรกิ าร Millet (1954) ช้ใี ห้เห็นว่า ความพงึ พอใจในการบริการ หรือความสามารถที่จะพิจารณาว่าบริการนนั้ เปน็ ที่พงึ พอใจหรอื ไม่ มีลักษณะสาคญั 5 ประการ ดังน้ี (1) การให้บรกิ ารอย่างเท่าเทียม (2) การให้บรกิ ารรวดเรว็ ทนั ต่อเวลา (3) การใหบ้ รกิ ารอย่างเพยี งพอ (4) การให้บริการอยา่ งตอ่ เนอื่ ง (5) การใหบ้ ริการทม่ี คี วามก้าวหน้า 5.3 ทฤษฎที ี่เกี่ยวขอ้ งกับความพึงพอใจ นกั วชิ าการไดพ้ ฒั นาทฤษฎที ี่อธบิ ายองค์ประกอบของความพงึ พอใจและอธบิ ายความสัมพนั ธ์ระหว่างความพึงพอใจกับปัจจยั อื่นๆ ไว้หลายทฤษฎี เชน่ โคร์แมน (2520, อ้างถงึ ใน สมศกั ด์ิ คงเทย่ี งและอัญชลี โพธิ์ทอง 2542) ได้จาแนกทฤษฎคี วามพงึ พอใจในงานออกเป็น 2 กลมุ่ คือ (1) ทฤษฎีการสนองความต้องการ กลุม่ นี้ถือว่าความพงึ พอใจในงานเกิดจากความตอ้ งการสว่ นบคุ คลท่ีมคี วามสมั พนั ธต์ ่อผลท่ีไดร้ ับจากงานกับการประสบความสาเรจ็ ตามเป้าหมายส่วนบคุ คล (2) ทฤษฎกี ารอา้ งอิงกลมุ่ ความพงึ พอใจในงามมีความสัมพนั ธ์ในทางบวกกับคุณลักษณะของงานตามความปรารถนาของกลุ่ม ซ่ึงสมาชกิ ใหก้ ล่มุ เปน็ แนวทางในการประเมนิ ผลการทางาน มัมฟอรด์ (2515 , อา้ งถึงใน สมศักดิ์ คงเท่ียง และอญั ชลี โพธท์ิ อง 2542) ได้จาแนกความคดิเกยี่ วกับความพึงพอใจงานจากผลการวิจยั ออกเปน็ 5 กลมุ่ ดงั นี้ (1) กลุ่มความตอ้ งการทางด้านจติ วิทยา มองความพึงพอใจงานเกดิ จากความตอ้ งการของบคุ คลที่ต้องการความสาเร็จของงานและความตอ้ งการการยอมรบั จากบุคคลอืน่ (2) กลมุ่ ภาวะผู้นา มองความพึงพอใจงานจากรปู แบบและการปฏบิ ัติของผนู้ าท่ีมตี อ่ ใตบ้ ังคบั บัญชา (3) กลุ่มความพยายามตอ่ รองรางวลั เปน็ กลมุ่ ที่มองความพึงพอใจจากรายได้ เงนิ เดือนและผลตอบแทนอนื่ ๆ (4) กลมุ่ อุดมการณ์ทางการจัดการ มองความพึงพอใจจากพฤตกิ รรมการบริหารงานขององค์กร (5) กลมุ่ เนอื้ หาของงานและการออกแบบงาน ความพึงพอใจงานเกิดจากเน้อื หาของตวั งาน

- 26 - 5.4 การวัดความพงึ พอใจ เนือ่ งจากความพึงพอใจเปน็ ทัศนคติที่เป็นนามธรรมและคอ่ นขา้ งซบั ซอ้ น จึงสามารถวัดได้โดยทางอ้อม โดยวัดความคิดเห็นของบุคคลนั้นแทน ทัง้ นกี้ ารแสดงความคดิ เห็นของบคุ คลน้นัจะตอ้ งตรงกับความรูส้ ึกท่ีแทจ้ รงิ จงึ จะสามารถวดั ความพงึ พอใจได้ ฉะนัน้ การวดั ความพึงพอใจกม็ ีขอบเขตทีจ่ ากัดดว้ ย อาจมคี วามคลาดเคลื่อนเกดิ ขนึ้ ถ้าบคุ คลเหล่านนั้ แสดงความคิดเห็นไม่ตรงกับความร้สู ึกท่ีแทจ้ ริง ซ่ึงความคลาดเคล่ือนเหล่านย้ี ่อมเกดิ ขน้ึ ไดเ้ ปน็ ธรรมดาของการวดั โดยทวั่ ไป ภณิดา (2541) กลา่ วว่า มีวิธีทสี่ ามารถวดั ความพงึ พอใจได้ดังน้ี (1) การใชแ้ บบสอบถาม โดยผ้อู อกแบบสอบถามจัดทาแบบสอบถามเพอ่ื ต้องการทราบความคิดเหน็ สามารถกระทาได้ในลกั ษณะกาหนดคาตอบให้เลอื ก หรอื ตอบคาถามอิสระ ซ่งึ คาถามดงั กล่าวอาจถามความพอใจในดา้ นตา่ งๆ (2) การสัมภาษณ์ เปน็ วิธวี ัดความพึงพอใจโดยตรงซ่ึงต้องอาศยั เทคนิคและวิธกี ารที่ดีจงึ จะไดข้ อ้ มูลท่เี ป็นจริง (3) การสังเกต เปน็ วธิ ีวดั ความพงึ พอใจโดยการสังเกตพฤติกรรมของบคุ คลเปา้ หมาย ไม่ว่าจะแสดงออกจากการพูดจา กริยา ทา่ ทาง วธิ ีนตี้ อ้ งอาศยั การกระทาอยา่ งจริงจงั และสงั เกตอย่างมีระเบยี บแบบแผน6. เอกสารและงานวจิ ยั ท่เี กยี่ วข้อง จากการศึกษาเอกสารงานวิจัยทเ่ี กีย่ วข้องกับระบบงานทะเบยี นประวัติข้าราชการครแู ละบุคลากรทางการศกึ ษา พบว่า สานักงานเขตพ้ืนทีก่ ารศึกษาเชยี งใหม่ เขต 1 ไดศ้ ึกษาวจิ ัยการทาธรุ กรรมโดยใช้ ก.พ.7 ของข้าราชการครูโดยพบวา่ จากการทใี่ ชร้ ะบบเดิมจะทาใหข้ ้าราชการครแู ต่ละคนออกมาทาธุรกรรมท่ีจาเปน็ ต้องใช้ทะเบยี นประวัติ (กพ.7) โดยเฉล่ยี ประมาณ ปีละ 2 ครั้งต่อคน เช่น เกย่ี วกบั การขอยก้าายรขอมหี รอื เลือ่ นวิทยฐานะ เปน็ ต้นในการทาธรุ กรรมดงั กล่าว ขา้ ราชครูจะตอ้ งออกจากสถานศกึ ษา มาทีเ่ ขตพน้ื ทก่ี ารศกึ ษา เพ่ือถ่ายสาเนาเอกสารทะเบยี นประวัติ (กพ.7) ท่เี ขตพน้ื ท่ี ซ่ึงข้าราชการครจู ะต้องทง้ิ ห้องเรยี นมาทีเ่ ขตพ้ืนท่กี ารศกึ ษาแต่ในวนั ดังกล่าว รัฐต้องจา่ ยเงนิ เดอื นเตม็ จานวนเช่นเดมิ จะเหน็ ชดั เจนได้วา่ รฐั ต้องจา่ ยเงิน โดยขา้ ราชการครูไม่ทาการสอนในชว่ งเวลาดังกล่าวเป็นการขาดความคุ้มค่าประมาณ

- 27 -คดิ เป็นเงนิ 2 x 1,000 บาทตอ่ คนต่อวัน (คดิ เงนิ เดอื น 30,000 บาท) ซงึ่ กระทรวงศึกษาธกิ ารมขี ้าราชการครปู ระมาณ 500,000 คน จึงคิดเป็นความไม่คมุ้ ค่า 5,000,000,000 บาทตอ่ ปี และยังไมร่ วมคา่ ใช้จ่ายส่วนตวั ของข้าราชการครูแตล่ ะคน ท่ีใชเ้ ดนิ ทางมาทเ่ี ขตพน้ื ท่กี ารศกึ ษาคดิ เปน็ เงินเท่ียวละ200 - 300 บาทต่อคน และเม่อื ครอู อกจากห้องเรียนเพือ่ มาทาธุรกรรมสว่ นตวั เกยี่ วกับการถ่ายเอกสาร กพ. 7ประมาณ 2 วนั ตอ่ 1 คน ต่อ ปี ปัจจบุ นั มีข้าราชครปู ระมาณ 500,000 คน ดงั น้นั หากใช้ระบบ กพ.7แบบเดมิ ใน 1 ปี จะมีข้าราชการครอู อกจากหอ้ งเรยี นประมาณ 1,000,000 วัน หากใช้ระบบทะเบียนประวตั ิขา้ ราชการครู แบบระบบอิเล็กทรอนกิ ส์ ข้าราชการครสู ามารถพิมพ์ทะเบียนประวตั ิไดท้ ส่ี ถานศกึ ษาโดยการรับรองของผู้อานวยการสถานศกึ ษา ในจานวนวันดงั กล่าว ครูก็จะไมอ่ อกจากห้องเรียนเม่ือมีระบบอเิ ล็กทรอนิกส์นแี้ ลว้ จะส่งผลใหผ้ ลสมั ฤทธ์ิทางการเรียนของนกั เรียนดีขน้ึ หรอื มีคณุ ภาพขึ้น ในทางตรงกันขา้ ม หากไม่มีระบบใหม่น้ี ก็จะมีผลลบตอ่ ผลสมั ฤทธทิ์ างการเรียนอย่างหลีกเลยี่ งไม่ได้ สมบูรณ์ และคณะ (2540) ได้ศกึ ษาวิจัยเรอ่ื ง การศกึ ษาการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในประเทศไทยรายงานผลการวจิ ัยพบว่า สภาพการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศขององคก์ รในประเทศไทย รายงานผลการวิจยัพบวา่ สภาพการใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศขององค์กรในประเทศไทย ยังไมก่ ้าวหนา้ มากนักและเมือ่ พจิ ารณาเปน็ ด้านๆ ท่ีเก่ยี วขอ้ งกบั เทคโนโลยสี ารสนเทศพอสรปุ ได้ดงั นี้ อุปกรณ์คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์สือ่ สารข้อมูลจากข้อมูลพบวา่ จานวนประเภทของอปุ กรณ์คอมพวิ เตอร์และอปุ กรณ์ส่ือสาร ขอ้ มลู มิไดเ้ ป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาการใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศขององคก์ ร บคุ ลากรคอมพวิ เตอรแ์ ละสารสนเทศ จากการศึกษาพบว่าขาดเคลนบุคลากรกลุ่มนี้ แตใ่ นความเหน็ ของผบู้ ริหารหนว่ ยงานคอมพวิ เตอรแ์ ละสารสนเทศไม่เหน็ ว่าขาดแคลนบุคลากรด้านน้ี จะเปน็ ปญั หาทีส่ าคญั มากนักและเห็นว่าความรู้ ความสามารถ ของบุคลากรกลมุ่ นี้ยอมรบั ไดแ้ ละการใช้เครอื ขา่ ยขา้ มหนว่ ยงานยงั มไี ม่มากนกั

บทที่ 3ระเบยี บวิธีการศึกษา การคน้ คว้าแบบอสิ ระ เร่อื งการตดิ ตามการพฒั นาระบบงานทะเบียนประวตั อิ ิเลก็ ทรอนกิ ส์ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศกึ ษา ไดด้ าเนินการตามระเบยี บวธิ ีการศกึ ษาดงั น้ี1. ประชากรและกลุ่มตวั อย่าง 1.1 ประชากร ในการศกึ ษาคร้ังน้ี คือ ข้าราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษาในสานกั งานเขตพน้ื ที่การศึกษา จากสานกั งานเขตพ้นื ท่กี ารศกึ ษา จานวน 225 เขต ซ่ึงประกอบด้วย (1) ประชากรในการสอบถาม คือ เจา้ หนา้ ทผ่ี ปู้ ฏิบตั งิ านเกี่ยวกบั ทะเบียนประวัติระบบอิเลก็ ทรอนกิ ส์จากสานักงานเขตพ้นื ที่การศึกษา 225 เขต จานวน225 คน (2) ประชากรในการสัมภาษณเ์ ชิงลกึ คือ ผู้อานวยการสานักงานเขตพ้นื ทกี่ ารศึกษา จากสานกั งานเขตพนื้ ท่กี ารศกึ ษา 225 เขต จานวน 225 คน รวมทงั้ ส้นิ 450 คน 1.2 กลมุ่ ตัวอยา่ ง ในการวจิ ัยคร้ังน้ี (1) กลุม่ ตวั อยา่ งท่ใี ชใ้ นการสอบถาม การศกึ ษาคร้ังนี้ทาการออกแบบสอบถาม เพ่อื เป็นขอ้ มลู จาก กลุ่มผ้ใู ช้ระบบในทะเบยี นประวัติอเิ ล็กทรอนิกส์ จากสานกั งานเขตพ้นื ท่ีการศึกษา 225 เขต ซ่งึ ประชากรทใ่ี ช้ในการศกึ ษามีขนาดใหญ่ ทาให้ไม่สามารถสอบถามขอ้ มูลจากประชากรได้ท้ังหมดจึงใช้วธิ กี ารคานวณหาขนาดตวั อย่างจากขสอูตงรYamane, 1967โดยมสี ตู รดังน้ี สูตร n = N 1+N e2โดยที่ n = จานวนขนาดกล่มุ ตัวอยา่ ง N = จานวนประชากรท้ังหมด e = คา่ ความคลาดเคลอื่ นของการสุ่มตัวอยา่ งท่ียอมรบั ได้ ( Sampling Error) ในท่นี ก้ี าหนดความคลาดเคลือ่ นของกลุม่ ตวั อย่างเท่ากับ 0.05 ภายใต้ความเช่ือมน่ั 95 เปอรเ์ ซน็ ต์ จงึ แทนคา่ สตู รได้ดงั นี้

- 29 –แทนค่า n = 225 1+225 (0.05)2 n = 144จากการคานวณด้วยสูตรดังกลา่ วแล้ว จะพบวา่ จะต้องทาการสารวจตวั อย่างในการวจิ ัยจานวนเทา่ กับ144 ตัวอยา่ ง ดงั นน้ั กลุ่มตัวอย่าง คอื เจ้าหน้าผู้ปฏิบัติงานเกย่ี วกบั ทะเบยี นประวตั ริ ะบบอิเล็กทรอนกิ สใ์ นสานักงานเขตพ้นื ท่กี ารศึกษา รวม 144 คน (2) กลุ่มตวั อย่างที่ใชใ้ นการสัมภาษณ์เชิงลึก ใชก้ ารเลือกสมุ่ ตัวอย่างแบบเจาะจง ( Perposive Sampling) คือ ผอู้ านวยการสานกั งานเขตพืน้ ท่ีการศึกษาจากสานกั งานเขตพนื้ ที่การศึกษา 225 เขต จานวน 25 คน2. แหล่งขอ้ มลู ทใ่ี ชใ้ นการศกึ ษา แหล่งข้อมูลทใ่ี ชใ้ นการศึกษา มีดังน้ี 2.1 การสอบถาม สอบถามจากเจ้าหนา้ ทผ่ี ู้ปฏิบตั งิ านเก่ียวกับทะเบียนประวัตริ ะบบอเิ ล็กทรอนิกส์ในสานกั งานเขตพนื้ ท่ีการศึกษา 144 เขต จานวน 144 คน ดงั นี้ (1) ประชากรจากสานักงานเขตพืน้ ท่ีการศึกษาประถมศึกษา จานวน 119 เขต เขตละ 1 คนรวมจานวน 119 คน (2) ประชากรจากสานักงานเขตพ้ืนท่กี ารศกึ ษามัธยมศึกษา จานวน 25 เขต เขตละ 1 คนรวมจานวน 25 คน 2.2 การสมั ภาษณ์เชิงลกึ สอบถามจากผอู้ านวยการสานกั งานเขตพนื้ ท่ีการศกึ ษา ในสานักงานเขตพืน้ ที่การศกึ ษา 25 เขต จานวน 25 คน ดงั น้ี (1) ประชากรจากสานกั งานเขตพ้ืนที่การศกึ ษาประถมศกึ ษา จานวน 21 เขต เขตละ 1 คนรวมจานวน 21 คน

(2) ประชากรจากสานักงานเขตพน้ื ท่ีการศกึ ษามัธยมศกึ ษา จานวน 4 เขต เขตละ 1 คนรวมจานวน 4 คน - 30 -3. การเกบ็ รวบรวมข้อมลูการศึกษาคร้งั นเี้ ป็นการศึกษาโดยการสารวจแบบ สุ่มตวั อยา่ ง เกบ็ รวบรวมขอ้ มูล โดยใชแ้ บบสอบถามและแบบสัมภาษณ์ ดงั นี้3.1 แบบสอบถาม ผวู้ ิจัยสง่ หนงั สือขอความอนุเคราะหใ์ นการตอบแบบสอบถาม พรอ้ มส่งแบบสอบถามถงึ สานกั งานเขตพนื้ ทีก่ ารศกึ ษาทเี่ ป็นกลุ่มตัวอย่างทางไปรษณีย์ พรอ้ มท้ังแนบซองติดแสตมป์ เพอ่ื ให้ตอบแบบสอบถามกลบั คืนมาทางไปรษณยี ์3.2 แบบสมั ภาษณ์ ทาหนังสือขอความรว่ มมอื ในการเก็บขอ้ มลู โดยการสมั ภาษณ์ เพื่อขออนญุ าตและขอความอนุเคราะหใ์ นการเก็บข้อมูลจากผู้อานวยการสานักงานเขตพน้ื ทกี่ ารศึกษาที่เปน็ กลุ่มตวั อยา่ งเพือ่ แจ้งใหส้ านกั งานเขตพื้นทก่ี ารศกึ ษากลมุ่ ตัวอย่างทราบและขอความอนเุ คราะห์ในการตอบแบบสัมภาษณ์โดยผทู้ าการศึกษาลงไปทาการสมั ภาษณด์ ้วยตนเอง3.3 นาแบบสอบถามทส่ี มบูรณม์ าตรวจใหค้ ะแนนตามเกณฑ์กาหนดเพื่อทาการวเิ คราะห์ตอ่ ไป4. เครอื่ งมือทใี่ ช้ในการเก็บรวบรวมขอ้ มูล 4.1 ขอ้ มลู และแหลง่ ขอ้ มลู การศึกษาเร่อื ง การติดตามการพัฒนาระบบงานทะเบยี นประวตั ิอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ ขา้ ราชการครแู ละบุคลากรทางการศกึ ษา ใช้วธิ กี ารรวบรวมขอ้ มูลจากแหล่งต่างๆ ดงั น้ี (1) ข้อมูลปฐมภมู ิ (Primary Data) เปน็ ขอ้ มลู ทผ่ี ้ทู าการศึกษาทาการเก็บรวบรวมขอ้ มูล โดยการใช้แบบสอบถาม และแบบสมั ภาษณ์ กลุม่ ผู้ใชร้ ะบบในทะเบยี นประวัตอิ เิ ล็กทรอนิกส์ จากสานกั งานเขตพ้นื ที่การศึกษา (2) ข้อมลู ทตุ ิยภมู ิ (Secondary Data) ไดจ้ ากการศกึ ษาคน้ ควา้ จากหนังสือ วิทยานิพนธ์ รายงานทางวิชาการ บทความ วารสารและงานวิจยั ต่างๆ ท่ีเก่ยี วขอ้ ง ท่ีมผี ู้เกบ็ รวบรวมไวก้ อ่ นแล้ว เพอื่ ให้ทราบถึง

แนวคดิ ทฤษฎที ่ีจะนามาใช้ รายละเอียดตา่ งๆ ทีเ่ ก่ยี วขอ้ งกับ การพัฒนาระบบงานทะเบยี นประวตั ิอิเล็กทรอนกิ ส์ - 31 -4.2 เครอื่ งมอื ท่ีใชใ้ นงานวิจัย(1) แบบสอบถาม (Questionnaire) เพ่ือใชใ้ นการศึกษา เรอื่ งการตดิ ตาม การพัฒนาระบบงานทะเบยี นประวตั ิอเิ ล็กทรอนิกส์ข้าราชการครูและบคุ ลากรทางการศกึ ษา จงึ ไดจ้ ัดทาแบบสอบถามนีข้ ึ้นโดยแบบสอบถามที่สร้างข้นึ ประกอบดว้ ย 5 ตอน ดงั นี้ตอนท่ี 1 เป็นลกั ษณะคาถามเก่ยี วกบั ขอ้ มลู เบื้องตน้ ของผู้ตอบแบบสอบถาม ไดแ้ ก่ เพศอายุ อายุราชการ ตาแหนง่ สงั กดั ภาค โดยเปน็ คาถามแบบให้เลือกเพยี งคาตอบเดียวและเป็นคาถามปลายปดิ (Close-Ended Response Question)ตอนท่ี 2 เปน็ ลกั ษณะคาถามเก่ียวกับความคดิ เหน็ ตอ่ ปัจจัยตา่ งๆ ทีใ่ ชใ้ นการขับเคล่ือนงานทะเบยี นประวัตริ ะบบอเิ ล็กทรอนิกสข์ า้ ราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศึกษาโดยใช้แบบสอบถามแบบมาตราสว่ นประเมนิ คา่ ตอบ (Rating Scale) ซงึ่ เปน็ ระดบัการวดั ขอ้ มูลประเภทอัตราภาคชัน้ (Interval Scale) มี 5 ระดบั โดยมีหลกั เกณฑ์การให้คะแนนดงั น้ีเหน็ ดว้ ยอย่างยิ่ง 5 คะแนนเห็นดว้ ย 4 คะแนนไมแ่ น่ใจ 3 คะแนนไม่เห็นดว้ ย 2 คะแนนไม่เหน็ ดว้ ยอยา่ งย่งิ 1 คะแนน ผ้วู ิจยั ใชเ้ กณฑ์คา่ เฉล่ยี ในการอภิปรายผลซง่ึ ผลจากการคานวณโดยใช้สตู รการคานวณความกว้างของอนั ตรภาคช้ันมีดงั น้ี ธานินทร์ (2548) ความกวา้ งของอนั ตรภาคชั้น = ขอ้ มลู ท่ีมีคา่ สูงสดุ - ข้อมูลทม่ี ีคา่ ต่าสุด จานวนชัน้

= 5-1 5 = 0.8 - 32 -จากสตู รขา้ งต้นสามารถสรปุ เกณฑก์ ารแปลความหมายของคะแนนได้ดงั น้ีคะแนนเฉลย่ี 4.21-5.00 หมายถงึ เหมาะสมอย่างยง่ิคะแนนเฉลี่ย 3.41-4.20 หมายถงึ เหมาะสมคะแนนเฉลยี่ 2.61-3.40 หมายถงึ ไมแ่ น่ใจคะแนนเฉล่ยี 1.81-2.60 หมายถงึ ไม่เหมาะสมคะแนนเฉลีย่ 1.00-1.80 หมายถงึ ไม่เหมาะสมอย่างยิ่งตอนท่ี 3 เป็น ลกั ษณะ คาถามเก่ียวกบั ประสิทธภิ าพของงานทะเบียนประวตั ิระบบอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ขา้ ราชการครแู ละบุคลากรทางการศึกษา โดยใช้แบบสอบถามแบบมาตราสว่ นประเมนิ คา่ ตอบ(Rating Scale) ซ่ึงเป็นระดบั การวัดข้อมลู ประเภทอตั ราภาคชน้ั (Interval Scale) มี 5 ระดบั โดยมีหลกั เกณฑก์ ารให้คะแนนดงั นี้มากท่สี ุด 5 คะแนนมาก 4 คะแนนพอใช้ 3 คะแนนต้องปรับปรุง 2 คะแนนไม่สามารถนาไปใช้งานได้ 1 คะแนน ผูว้ จิ ัยใช้เกณฑค์ ่าเฉล่ียในการอภปิ รายผลซงึ่ ผลจากการคานวณโดยใช้สตู รการคานวณความกวา้ งของอันตรภาคชั้นมีดังน้ี ธานนิ ทร์ (2548) ความกว้างของอันตรภาคช้ัน = ข้อมลู ทม่ี คี ่าสูงสุด - ข้อมลู ท่มี คี ่าตา่ สดุ จานวนชัน้ = 5-1

5 = 0.8จากสูตรข้างต้นสามารถสรุปเกณฑก์ ารแปลความหมายของคะแนนไดด้ งั นี้คะแนนเฉลย่ี 4.21-5.00 หมายถงึ มากทส่ี ดุคะแนนเฉล่ยี 3.41-4.20 หมายถึง มากคะแนนเฉลีย่ 2.61-3.40 หมายถงึ พอใช้คะแนนเฉลี่ย 1.81-2.60 หมายถึง ปรับปรงุคะแนนเฉลี่ย 1.00-1.80 หมายถึง ไม่สามารถนาไปใช้งานได้ - 33 -ตอนที่ 4 เป็น ลกั ษณะ คาถามเก่ียวกบั ความพึงพอใจต่องานทะเบยี นประวตั ิระบบอิเลก็ ทรอนกิ ส์ โดยสอบถามความคดิ เหน็ ทเ่ี คยเข้าไปใช้ระบบฯ ใช้แบบสอบถามแบบมาตราสว่ นประเมนิ คา่ตอบ (Rating Scale) ซงึ่ เป็นระดับการวัดขอ้ มลู ประเภทอัตราภาคชั้น (Interval Scale) มี 5 ระดับ โดยมีหลักเกณฑก์ ารใหค้ ะแนนดงั นี้มากท่ีสุด 5 คะแนนมาก 4 คะแนนปานกลาง 3 คะแนนน้อย 2 คะแนนนอ้ ยทสี่ ดุ 1 คะแนน ผวู้ จิ ยั ใชเ้ กณฑ์คา่ เฉลย่ี ในการอภปิ รายผลซง่ึ ผลจากการคานวณโดยใชส้ ูตรการคานวณ ความกว้างของอนั ตรภาคชน้ั มีดงั น้ี ธานินทร์ (2548) ความกว้างของอนั ตรภาคชัน้ = ข้อมูลทมี่ ีค่าสงู สุด - ขอ้ มลู ทมี่ ีคา่ ต่าสุด จานวนชัน้ = 5-1 5 = 0.8 จากสตู รขา้ งตน้ สามารถสรุปเกณฑ์การแปลความหมายของคะแนนไดด้ ังน้ี คะแนนเฉล่ยี 4.21-5.00 หมายถงึ มากทีส่ ดุ

คะแนนเฉลี่ย 3.41-4.20 หมายถงึ มาก คะแนนเฉลยี่ 2.61-3.40 หมายถงึ ปานกลาง คะแนนเฉล่ยี 1.81-2.60 หมายถึง น้อย คะแนนเฉลยี่ 1.00-1.80 หมายถึง นอ้ ยทีส่ ดุ ตอนท่ี 5 เปน็ คาถามเกยี่ วกับความคิดเหน็ และข้อเสนอแนะโดยใชแ้ บบสอบถามปลายเปดิ - 34 - (2) แบบสมั ภาษณ์ (Interview Form) เพื่อใชใ้ นการศึกษา เรอื่ งการตดิ ตามการพัฒนาระบบงานทะเบยี นประวัตอิ เิ ลก็ ทรอนกิ ส์ข้าราชการครแู ละบุคลากรทางการศึกษา จึงได้จัดทาแบบ สมั ภาษณ์ นี้ขน้ึโดยแบบสัมภาษณ์ที่สร้างขึน้ ประกอบด้วย 3 ตอน ดงั นี้ ตอนท่ี 1 เปน็ ลกั ษณะคาถามเกยี่ วกบั ข้อมลู เบื้องต้นของผ้ใู หส้ มั ภาษณ์ ไดแ้ ก่ ชือ่ -นามสกลุตาแหนง่ สังกดั ตอนท่ี 2 เปน็ ลกั ษณะคาถาม เกย่ี วกบั ประสทิ ธภิ าพในการดาเนนิ งานทะเบยี นประวตั ิระบบอิเล็กทรอนิกสข์ า้ ราชการครูและบุคลการทางการศึกษา ตอนที่ 3 เปน็ คาถามเกย่ี วกบั ปญั หาอปุ สรรคและข้อเสนอแนะ 4.3 การสรา้ งเคร่อื งมือที่ใช้ในงานวิจยั (1) แบบสอบถาม(Questionnaire) มขี ั้นตอนการสร้าง ดังน้ี 1) ศกึ ษาเอกสาร หลักการ แนวคดิ ทฤษฎี และงานวจิ ัยทเี่ กยี่ วข้อง ให้ครองคลมุ กบั ระบบงานทะเบยี นประวตั อิ เิ ล็กทรอนิกส์ ของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา 2) สร้างคาถาม โดยการรา่ งแบบสอบถามท่ไี ด้จากการศกึ ษา ตามข้อ (1) 3) นาแบบสอบถามใหผ้ ู้เชยี่ วชาญทีเ่ กี่ยวขอ้ ง 3 ทา่ น พิจารณาและวัดความเทีย่ งตรง (Validity)เชิงโครงสรา้ ง เชงิ เนื้อหา ภาษา และความเหมาะสม แล้วหาคา่ ความสอดคล้อง ( IOC) คานวณค่าตามสตู รพวงรัตน์ (2543) ถา้ ค่าเฉลย่ี มคี า่ 3.51 ข้นึ ไป ถอื ว่าแบบสอบถามมคี วามเหมาะสม

IOC = ΣR N ΣR = ผลรวมคะแนนความคดิ เห็นของผู้เชีย่ วชาญ N = จานวนผเู้ ช่ียวชาญ 4) นาแบบสอบถามท่ปี รบั ปรุงแล้วไปทดลองใช้ ( Try out) กบั กลมุ่ ประชากรตัวอย่าง คือเจา้ หน้าที่ผูป้ ฏิบัตงิ านเก่ียวกบั ทะเบยี นประวตั ริ ะบบอเิ ลก็ ทรอนิกสจ์ านวน 30 คน - 35 -5) นาแบบสอบถามทไ่ี ด้ทดสอบแลว้ ไปหาคา่ ความเชือ่ มนั่ (Reliability) โดยวิธีหาคา่สมั ประสทิ ธอิ์ ลั ฟ่า ( Alpha-Coefficient : α) โดยครอนบคั Cronbach (1970) โดยคา่ ท่ไี ดค้ วรจะได้≥ 0.05 จึงจะนาเคร่ืองมอื ไปใช้ได้ และคา่ อานาจจาแนก ( Discrimination Power) ท่มี ีค่าระหว่าง0.20 – 1.00 จงึ จะถอื ว่าเหมาะสม พิสณุ (2550)6) นาแบบสอบถามทผ่ี ่านการทดสอบและปรบั ปรุงแลว้ ไปใชจ้ รงิ กบั กลุ่มตวั อย่าง (2) แบบสัมภาษณ์ (Interview Form) มีขน้ั ตอนการสรา้ ง ดงั นี้ 1) ศกึ ษาเอกสาร หลกั การ แนวคดิ ทฤษฎี และงานวจิ ยั ที่เกีย่ วข้อง ใหค้ รองคลมุ กับ ระบบงานทะเบียนประวตั ิอเิ ลก็ ทรอนิกส์ ของข้าราชการครูและบคุ ลากรทางการศึกษา 2) กาหนดโครงสร้างในกรณีท่ีเปน็ แบบสัมภาษณแ์ บบมโี ครงสรา้ ง ( Structured Interview)และกาหนดประเดน็ คาถามใหส้ ัมพนั ธ์กับปัญหาและวัตถุประสงค์ 3) นาแบบ สมั ภาษณ์ ให้ผเู้ ช่ยี วชาญทีเ่ กยี่ วขอ้ ง 3 ท่าน พจิ ารณาและวดั ความเท่ยี งตรง(Validity) เชิงโครงสร้าง เชงิ เน้อื หา ภาษา และความเหมาะสม แล้วหาค่าความสอดคล้อง ( IOC) คานวณค่าตามสตู ร พวงรัตน์ (2543) ถ้าค่าเฉลย่ี มคี ่า 3.51 ขึ้นไป ถือวา่ แบบสอบถามมีความเหมาะสม IOC = ΣR N ΣR = ผลรวมคะแนนความคดิ เหน็ ของผเู้ ชีย่ วชาญ N = จานวนผูเ้ ช่ียวชาญ

4) นาแบบ สมั ภาษณ์ ที่ปรับปรงุ แลว้ ไปทดลองใช้ ( Try out) กับกลมุ่ ประชากรตัวอยา่ งได้แก่ผู้อานวยการสานักงานเขตพื้นที่การศกึ ษา จานวน 5 คน 5) นาแบบสัมภาษณท์ ไ่ี ดท้ ดสอบแลว้ ไปหาค่าความเช่ือมั่น (Reliability) โดยวิธหี าค่าสมั ประสิทธอิ์ ลั ฟ่า ( Alpha-Coefficient : α) โดยครอนบคั Cronbach (1970) โดยค่าทไี่ ดค้ วรจะได้≥ 0.05 จึงจะนาเครื่องมอื ไปใช้ได้ และค่าอานาจจาแนก ( Discrimination Power) ทีม่ ีค่าระหวา่ ง0.20 – 1.00 จงึ จะถือวา่ เหมาะสม พิสณุ (2550) 6) นาแบบสมั ภาษณท์ ่ผี ่านการทดสอบและปรับปรงุ แลว้ ไปใช้จรงิ กับกลมุ่ ตวั อยา่ ง - 36 -5. การวิเคราะหข์ อ้ มูล 5.1 แบบสอบถาม หลังจากการเก็บรวบรวมข้อมูล นามาตรวจใหค้ ะแนนตามเกณฑท์ ี่กาหนดไว้ และทาการบันทกึ ข้อมลูแลว้ จงึ นาคะแนนท่ีได้ไปคานวณเพื่อวิเคราะหผ์ ลการศกึ ษาโดยใชโ้ ปรแกรมสาเรจ็ รูปมาวิเคราะห์สถติ ิเชงิ พรรณนา (Descriptive Statistics) ดงั นี้ (1) การวเิ คราะห์ค่าความถ่แี ละคา่ รอ้ ยละสาหรบั ข้อมูลเชงิ กลมุ่ ในแบบสอบถามตอนท่ี 1 (2) การวเิ คราะห์ ความเบยี่ งเบนมาตรฐาน และคา่ เฉลีย่ สาหรบั ขอ้ มูลเชงิ ปรมิ าณในแบบสอบถามตอนท่ี 2 ตอนที่ 3 และตอนที่ 4 5.2 แบบสัมภาษณ์ หลงั จากการเก็บรวบรวมขอ้ มลู นามาวเิ คราะหข์ อ้ มลู เชิงเนือ้ หา

บทท่ี 4 ผลการศกึ ษาและอภิปรายผล การวิจยั เร่ือง “การติดตามการพัฒนาระบบงานทะเบยี นประวตั ิระบบอิเลก็ ทรอนขิกา้สร์ าชการครูและบคุ ลากรทางการศกึ ษา ของสานกั งาน ก.ค.ศ. ” ผู้วจิ ัยได้แจกแบบสอบถามให้กับกลุ่มตวั อยา่ ง คือเจา้ หนา้ ผ้ปู ฏบิ ัตงิ านเก่ยี วกบั ทะเบยี นประวตั ริ ะบบอเิ ลก็ ทรอนกิ สใ์ นสานักงานเขตพ้ืนทก่ี ารศกึ ษา จานวน144 คน และแบบสมั ภาษณ์กบั กลุ่มตวั อยา่ ง คอื ผู้อานวยการสานักงาน เขตพื้นทก่ี ารศกึ ษาจากสานกั งานเขตพื้นท่กี ารศกึ ษา จานวน 25 คน โดยมผี ลการวิจยั ดังต่อไปน้ี1. แบบสอบถาม1.1 สัญลกั ษณ์ทีใ่ ชใ้ นการวิเคราะห์ขอ้ มูล เพื่อความสะดวกในการวเิ คราะห์ข้อมูล การเสนอผลการวิจยั และการแปลความหมายจากข้อมูลผูว้ จิ ยั ขอกาหนดสัญลกั ษณแ์ ละอกั ษรยอ่ ในการวิเคราะหข์ ้อมูล ดังน้ี xˉ แทน ค่าเฉลีย่ S.D. แทน คา่ ความเบ่ียงเบนมาตรฐาน1.2 การเสนอผลการวิเคราะหข์ ้อมูลผู้วิจัยนาเสนอผลการวิเคราะหข์ ้อมูลเปน็ 5 ตอน ดงั นี้ตอนที่ 1 การวเิ คราะห์ขอ้ มูล เบื้องต้นของผูต้ อบแบบสอบถาม

ตอนที่ 2 การวิเคราะห์ความคิดเหน็ ตอ่ ปจั จยั ตา่ งๆ ทใี่ ชใ้ นการขบั เคลอื่ นงานทะเบียนประวัติระบบอเิ ลก็ ทรอนกิ สข์ ้าราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศึกษา แบ่งเป็น 4 ปัจจัย ไดแ้ ก่ ปจั จยั ดา้ นบคุ ลากรปัจจัยด้านงบประมาณ ปจั จยั ด้านเครอ่ื งมือและอุปกรณ์ดาเนนิ งาน และปัจจยั ดา้ นการบริหารทะเบยี นประวตั ิระบบอเิ ลก็ ทรอนิกส์ตอนท่ี 3 การวเิ คราะหป์ ระสิทธิภาพของงานทะเบยี นประวตั ิระบบอเิ ลก็ ทรอนิกส์ แบง่ เป็น3 ด้าน ไดแ้ ก่ ด้านความสามารถในการทางานตรงตามความต้องการ ด้านความสามารถในการทางานตามหน้าทข่ี องระบบ และดา้ นความสะดวกและง่ายตอ่ การใชง้ านระบบตอนท่ี 4 การวเิ คราะห์ความพงึ พอใจต่องานทะเบียนประวัตริ ะบบอิเลก็ ทรอนิกส์ตอนที่ 5 ความคิดเหน็ และ ขอ้ เสนอแนะ - 38 -1.3 ผลการวิเคราะห์ขอ้ มลู ผลการวิเคราะหข์ อ้ มูลนาเสนอตามลาดับ ดังน้ี ตอนที่ 1 ผลการวเิ คราะห์เกี่ยวกับข้อมลู เบ้ืองต้นของผูต้ อบแบบสอบถามตารางที่ 1 แสดงเพศของผู้ตอบแบบสอบถามเพศ จานวน (คน) รอ้ ยละชาย 50 34.70หญงิ 94 65.30รวม 144 100 จากตาราง ที่ 1 ผตู้ อบแบบสอบถามท้งั หมด 144 คน สว่ นใหญ่เปน็ เพศหญงิ จานวน 94 คนคดิ เปน็ รอ้ ยละ 65.30 ส่วนเพศชายมีจานวน 50 คน คิดเปน็ รอ้ ยละ 34.70ตารางท่ี 2 แสดงอายขุ องผตู้ อบแบบสอบถาม อายุ จานวน (คน) ร้อยละต่ากว่า 30 ปี 32 22.22

31 – 40 ปี 65 45.1441 ปขี ึ้นไป 47 32.64 รวม 144 100 จากตารางที่ 2 ผ้ตู อบแบบสอบถามทั้งหมด 144 คน สว่ นใหญ่มอี ายุ 41 ปีขนึ้ ไป จานวน 4 7 คนคิดเป็นร้อยละ 32.64 รองลงมา มีอายรุ ะหวา่ ง 31 – 40 ปี จานวน 65 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 45. 14และกลมุ่ ท่นี ้อยท่สี ุด มีอายุตา่ กว่า 30 ปี จานวน 32 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 22.22 - 39 -ตารางที่ 3 แสดงอายุราชการของผตู้ อบแบบสอบถามอายรุ าชการ จานวน (คน) รอ้ ยละต่ากวา่ 5 ปี 47 32.646 – 10 ปี 60 41.6711 ปขี ึ้นไป 37 25.69 144 100 รวม จากตารางท่ี 3 ผตู้ อบแบบสอบถามท้งั หมด 144 คน สว่ นใหญม่ อี ายรุ าชการระหวา่ ง 6 – 10 ปีจานวน 60 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 41.67 รองลงมา มีอายรุ าชการตา่ กวา่ 5 ปี จานวน 4 7 คน คิดเป็นร้อยละ32.64 และกลุ่มท่นี อ้ ยท่สี ุด มีอายรุ าชการ 11 ปขี นึ้ ไป จานวน 37 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 25.69ตารางท่ี 4 แสดงตาแหนง่ ของผตู้ อบแบบสอบถามตาแหนง่ จานวน (คน) ร้อยละ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook