Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ประมวลกฎหมาย.วิธีพิจารณาความอาญา

ประมวลกฎหมาย.วิธีพิจารณาความอาญา

Published by Weerawut Chainu, 2020-12-20 07:40:13

Description: ประมวลกฎหมาย.วิธีพิจารณาความอาญา

Search

Read the Text Version

-ประมวลกฎหมายวธิ พี ิจารณาความอาญา- 151 กาํ หนดในขอ้ บงั คับของประธานศาลฎกี า*[๑๐๗] ข้อบังคับของประธานศาลฎีกาตามวรรคสามและ วรรคสี่ เมอื่ ไดร้ ับความเห็นชอบจากที่ประชุมใหญ่ของศาลฎีกาและ ประกาศในราชกจิ จานุเบกษาแล้วใหใ้ ช้บงั คบั ได้†[๑๐๘] มาตรา ๑๗๒ ทวิ‡[๑๐๙] ภายหลังที่ศาลได้ ดําเนินการตามมาตรา ๑๗๒ วรรค ๒ แล้ว เม่ือศาลเห็นเป็นการ สมควร เพื่อให้การดําเนินการพิจารณาเป็นไปโดยไม่ชักช้า ศาลมี อํานาจพจิ ารณาและสืบพยานลบั หลังจําเลยไดใ้ นกรณี ดังต่อไปน้ี (๑)§[๑๑๐] ในคดีมีอัตราโทษจําคุกอย่างสูงไม่เกิน *[๑๐๗] มาตรา ๑๗๒ วรรคสี่ เพม่ิ โดยพระราชบัญญตั แิ ก้ไขเพิม่ เตมิ ประมวล กฎหมายวิธพี ิจารณาความอาญา (ฉบับท่ี ๒๘) พ.ศ. ๒๕๕๑ †[๑๐๘] มาตรา ๑๗๒ วรรคหา้ เพม่ิ โดยพระราชบญั ญตั แิ ก้ไขเพิ่มเตมิ ประมวลกฎหมายวธิ ีพิจารณาความอาญา (ฉบบั ท่ี ๒๘) พ.ศ. ๒๕๕๑ ‡[๑๐๙] มาตรา ๑๗๒ ทวิ เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวล กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับท่ี ๖) พ.ศ. ๒๔๙๙ §[๑๑๐] มาตรา ๑๗๒ ทวิ (๑) แก้ไขเพ่ิมเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไข เพ่ิมเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับท่ี ๑๕) พ.ศ. ๒๕๒๗ -รวบรวมโดยเพจกฎหมายในสายเลือด-

-ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา- 152 สิบปี จะมีโทษปรับด้วยหรือไม่ก็ตาม หรือในคดีมีโทษปรับสถาน เดียว เม่ือจําเลยมีทนายและจําเลยได้รับอนุญาตจากศาลท่ีจะไม่มา ฟังการพจิ ารณาและการสบื พยาน (๒) ในคดีที่มีจําเลยหลายคน ถ้าศาลพอใจตามคํา แถลงของโจทก์ว่า การพิจารณาและการสืบพยานตามท่ีโจทก์ขอให้ กระทําไม่เก่ียวแก่จําเลยคนใด ศาลจะพิจารณาและสืบพยานลับ หลังจําเลยคนนั้นก็ได้ (๓) ในคดีที่มีจาํ เลยหลายคน ถ้าศาลเห็นสมควร จะพิจารณาและสืบพยานจําเลยคนหนึ่ง ๆ ลับหลังจําเลยคนอื่นก็ ได้ (๔)*[๑๑๑] จําเลยไม่อาจมาฟังการพิจารณาและ และสืบพยานได้เนื่องจากความเจ็บป่วยหรือมีเหตุจําเป็นอย่างอ่ืน อันมิอาจก้าวล่วงได้ เม่ือจําเลยมีทนายความและจําเลยได้รับ อนุญาตจากศาลที่จะไม่มาฟังการพจิ ารณาและสืบพยาน (๕)†[๑๑๒] ในระหว่างการพิจารณาและสืบพยาน สืบพยาน ศาลมีคําส่ังให้จําเลยออกจากห้องพิจารณาเพราะเหตุ *[๑๑๑] มาตรา ๑๗๒ ทวิ (๔) เพม่ิ โดยพระราชบญั ญตั ิแกไ้ ขเพม่ิ เตมิ ประมวล กฎหมายวธิ ีพิจารณาความอาญา (ฉบบั ที่ ๓๓) พ.ศ. ๒๕๖๒ †[๑๑๒] มาตรา ๑๗๒ ทวิ (๕) เพม่ิ โดยพระราชบญั ญตั แิ กไ้ ขเพิม่ เติมประมวล กฎหมายวธิ พี ิจารณาความอาญา (ฉบับที่ ๓๓) พ.ศ. ๒๕๖๒ -รวบรวมโดยเพจกฎหมายในสายเลือด-

-ประมวลกฎหมายวธิ พี ิจารณาความอาญา- 153 ขัดขวางการพิจารณา หรอื จําเลยออกจากห้องพิจารณาโดยไม่ได้รับ อนุญาตจากศาล ในคดีที่ศาลพิจารณาและสืบพยานตาม (๒) หรือ (๓) ลับหลังจําเลยคนใด ไม่ว่ากรณีจะเป็นประการใด ห้ามมิให้ศาล รับฟังการพิจารณา และการสืบพยาน ที่กระทําลับหลังน้ันเป็นผล เสียหายแก่จาํ เลยคนน้ัน มาตรา ๑๗๒ ทวิ/๑*[๑๑๓] ภายหลังท่ีศาลได้ ดําเนินการตามมาตรา ๑๗๒ วรรคสอง แล้ว เมื่อศาลเห็นว่าจําเลย หลบหนีหรือไม่มาฟังการพิจารณาและสืบพยานโดยไม่มีเหตุอัน สมควร ให้ศาลออกหมายจับจําเลย หากไม่ได้ตัวจําเลยมาภายใน สามเดือนนับแต่วันออกหมายจับ เมื่อศาลเห็นเป็นการสมควรเพ่ือ ประโยชนแ์ ห่งความยตุ ธิ รรมทจ่ี ะให้การพจิ ารณาเป็นไปโดยไม่ชักช้า และจําเลยมีทนายความ ให้ศาลมีอํานาจพิจารณาและสืบพยานลับ หลังจําเลยได้ และเม่ือศาลพิจารณาคดีเสร็จแล้ว ให้ศาลมีคํา พิพากษาในคดีนั้นต่อไป การพจิ ารณาและสืบพยานตามวรรคหนึ่งต้องมิใช่ คดีท่ีมีอัตราโทษประหารชีวิต หรือคดีทจี่ าํ เลยมีอายุไม่เกินสิบแปดปี *[๑๑๓]มาตรา ๑๗๒ ทวิ/๑ เพิม่ โดยพระราชบญั ญตั ิแกไ้ ขเพิม่ เติมประมวล กฎหมายวธิ พี จิ ารณาความอาญา (ฉบับท่ี ๓๓) พ.ศ. ๒๕๖๒ -รวบรวมโดยเพจกฎหมายในสายเลอื ด-

-ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา- 154 ในวนั ที่ถกู ฟ้องตอ่ ศาล มาตรา ๑๗๒ ทวิ/๒*[๑๑๔] ในคดีที่จําเลยเป็นนิติ บุคคล ภายหลังที่ศาลได้ดําเนินการตามมาตรา ๑๗๒ วรรคสอง แล้ว เมื่อมีกรณีที่ศาลได้ออกหมายจับผู้จัดการหรือผู้แทนของนิติ บุคคลนั้นแล้ว แต่ยังจับตัวมาไม่ได้ภายในสามเดือนนับแต่วันออก หมายจับ และไม่มีผู้แทนอ่ืนของนิติบุคคลมาดําเนินการแทนนิติ บุคคลน้ันได้ เมื่อศาลเห็นเป็นการสมควรเพื่อประโยชน์แห่งความ ยุติธรรมท่ีจะให้การพิจารณาเป็นไปโดยไม่ชักช้า ให้ศาลมีอํานาจ พิจารณาและสืบพยานลับหลังจําเลยได้ และเม่ือศาลพิจารณาคดี เสร็จแล้ว ให้ศาลมคี าํ พพิ ากษาในคดนี ั้นต่อไป มาตรา ๑๗๒ ตรี†[๑๑๕] เว้นแต่ในกรณีที่จําเลย อ้างตนเองเปน็ พยาน ในการสืบพยานทเ่ี ปน็ เด็กอายุไม่เกินสิบแปดปี ให้ศาลจัดให้พยานอยู่ในสถานที่ท่ีเหมาะสมสําหรับเด็ก และศาล *[๑๑๔]มาตรา ๑๗๒ ทวิ/๒ เพิ่มโดยพระราชบญั ญตั ิแกไ้ ขเพิ่มเติมประมวล กฎหมายวิธพี จิ ารณาความอาญา (ฉบับท่ี ๓๓) พ.ศ. ๒๕๖๒ †[๑๑๕] มาตรา ๑๗๒ ตรี แก้ไขเพ่ิมเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไข เพ่ิมเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ ๒๖) พ.ศ. ๒๕๕๐ -รวบรวมโดยเพจกฎหมายในสายเลือด-

-ประมวลกฎหมายวิธพี ิจารณาความอาญา- 155 อาจปฏิบัตอิ ย่างใดอยา่ งหนึ่ง ดังตอ่ ไปนี้ (๑) ศาลเป็นผู้ถามพยานเอง โดยแจ้งให้พยานนั้น ทราบประเด็นและข้อเท็จจริงซึ่งต้องการสืบแล้วให้พยานเบิกความใน ขอ้ น้ัน ๆ หรือศาลจะถามผา่ นนกั จติ วทิ ยาหรือนกั สงั คมสงเคราะห์ก็ได้ (๒) ให้คู่ความถาม ถามค้าน หรือถามติงผ่าน นักจิตวิทยาหรือนักสังคมสงเคราะห์ ในการเบิกความของพยานดังกล่าวตามวรรคหนึ่ง ให้มีการถ่ายทอดภาพและเสียงไปยังห้องพิจารณาด้วย และเป็น หน้าที่ของศาลท่ีจะต้องแจ้งให้นักจิตวิทยาหรือนักสังคมสงเคราะห์ ทราบ ก่อนการสืบพยานตามว รรคหนึ่ง ถ้าศาล เห็นสมควรหรือถ้าพยานที่เป็นเด็กอายุไม่เกินสิบแปดปีหรือ คู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งร้องขอโดยมีเหตุผลอันสมควรซ่ึงเมื่อ พจิ ารณาแลว้ เห็นวา่ จะเปน็ ผลร้ายแก่เด็กถ้าไม่อนุญาตตามที่ร้องขอ ให้ศาลจัดให้มีการถ่ายทอดภาพและเสียงคําให้การของผู้เสียหาย หรือพยานท่ีเป็นเด็กอายุไม่เกินสิบแปดปีที่ได้บันทึกไว้ในช้ันสอบสวน ตามมาตรา ๑๓๓ ทวิ หรือชั้นไต่สวนมูลฟ้องตามมาตรา ๑๗๑ วรรค สอง ต่อหน้าคู่ความและในกรณีเช่นนี้ให้ถือส่ือภาพและเสียง คําให้การของพยานดังกล่าวเป็นส่วนหน่ึงของคําเบิกความของ พยานนั้นในช้ันพิจารณาของศาล โดยให้คู่ความถามพยานเพ่ิมเติม ถามค้านหรือถามติงพยานได้ ทั้งนี้ เท่าท่ีจําเป็นและภายใน -รวบรวมโดยเพจกฎหมายในสายเลือด-

-ประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความอาญา- 156 ขอบเขตที่ศาลเห็นสมควร ในกรณีที่ไมไ่ ด้ตัวพยานมาเบกิ ความตามวรรคหนึ่ง เพราะมีเหตุจําเป็นอย่างยิ่งให้ศาลรับฟังสื่อภาพและเสียงคําให้การ ของพยานน้ันในชั้นสอบสวนตามมาตรา ๑๓๓ ทวิ หรือช้ันไต่สวนมูล ฟ้องตามมาตรา ๑๗๑ วรรคสอง เสมือนหนึ่งเป็นคําเบิกความของ พยานน้ันในช้ันพิจารณาของศาล และให้ศาลรับฟังประกอบพยาน อื่นในการพจิ ารณาพพิ ากษาคดไี ด้ มาตรา ๑๗๒ จัตวา*[๑๑๖] ให้นําบทบัญญัติใน มาตรา ๑๗๒ ตรี มาใช้บังคับโดยอนุโลมแก่การสืบพยานนอกศาล ในคดีท่พี ยานเป็นเดก็ อายุไมเ่ กินสบิ แปดปี มาตรา ๑๗๓†[๑๑๗] ในคดีที่มีอัตราโทษประหาร ชีวิต หรือในคดีที่จําเลยมีอายุไม่เกินสิบแปดปีในวันที่ถูกฟ้องต่อ *[๑๑๖] มาตรา ๑๗๒ จัตวา เพม่ิ โดยพระราชบญั ญตั ิแก้ไขเพ่มิ เตมิ ประมวล กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับท่ี ๒๐) พ.ศ. ๒๕๔๒ †[๑๑๗] มาตรา ๑๗๓ แกไ้ ขเพม่ิ เตมิ โดยพระราชบญั ญตั ิแกไ้ ขเพ่ิมเตมิ ประมวลกฎหมายวิธพี ิจารณาความอาญา (ฉบบั ท่ี ๒๒) พ.ศ. ๒๕๔๗ -รวบรวมโดยเพจกฎหมายในสายเลอื ด-

-ประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความอาญา- 157 ศาล ก่อนเริ่มพิจารณาให้ศาลถามจําเลยว่ามีทนายความหรือไม่ ถ้าไม่มีก็ให้ศาลตั้งทนายความให้ ในคดที ม่ี ีอัตราโทษจําคุก ก่อนเริ่มพิจารณาให้ศาล ถามจําเลยว่ามีทนายความหรือไม่ ถ้าไม่มีและจําเลยต้องการ ทนายความ กใ็ ห้ศาลตง้ั ทนายความให้ ใหศ้ าลจ่ายเงนิ รางวัลและคา่ ใช้จ่ายแก่ทนายความ ที่ศาลต้ังตามมาตราน้ี โดยคํานึงถึงสภาพแห่งคดีและสภาวะทาง เศรษฐกิจ ทั้งน้ี ตามระเบียบท่ีคณะกรรมการบริหารศาลยุติธรรม กําหนดโดยความเห็นชอบจากกระทรวงการคลงั มาตรา ๑๗๓/๑*[๑๑๘] เพื่อให้การพิจารณา เป็นไปด้วยความรวดเรว็ ตอ่ เน่ือง และเป็นธรรมในคดีท่ีจําเลยไม่ให้ การหรือให้การปฏิเสธ เมื่อคู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งร้องขอหรือศาล เห็นสมควรศาลอาจกาํ หนดให้มีวันตรวจพยานหลักฐานก่อนกําหนด วันนดั สืบพยานกไ็ ด้ โดยแจง้ ให้คู่ความทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่าสิบ สี่วัน *[๑๑๘] มาตรา ๑๗๓/๑ เพ่ิมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพ่ิมเติมประมวล กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับท่ี ๒๒) พ.ศ. ๒๕๔๗ -รวบรวมโดยเพจกฎหมายในสายเลอื ด-

-ประมวลกฎหมายวธิ ีพิจารณาความอาญา- 158 ก่อนวันตรวจพยานหลักฐานตามวรรคหนึ่งไม่น้อย กว่าเจ็ดวัน ให้คู่ความยื่นบัญชีระบุพยานต่อศาลพร้อมสําเนาใน จํานวนที่เพียงพอ เพื่อให้คู่ความฝ่ายอื่นรับไปจากเจ้าพนักงานศาล และถา้ คู่ความฝา่ ยใดมีความจํานงจะย่ืนบัญชีระบุพยานเพิ่มเติม ให้ ย่นื ต่อศาลกอ่ นการตรวจพยานหลักฐานเสรจ็ สิ้น ก า ร ย่ื น บั ญ ชี ร ะ บุ พ ย า น เ พิ่ ม เ ติ ม เ มื่ อ ล่ ว ง พ้ น ระยะเวลาตามวรรคสองจะกระทําได้ต่อเม่ือได้รับอนุญาตจากศาล เม่ือผู้ร้องขอแสดงเหตุอันส มควรว่าไม่สามารถทราบถึง พยานหลักฐานน้ันหรือเป็นกรณีจําเป็นเพื่อประโยชน์แห่งความ ยตุ ิธรรม หรอื เพอื่ ให้โอกาสแก่จาํ เลยในการตอ่ สู้คดอี ยา่ งเตม็ ท่ี ถ้าพยานเอกสารหรือพยานวัตถุใดอยู่ในความ ครอบครองของบุคคลภายนอก ให้คู่ความที่ประสงค์จะอ้างอิง ขอให้ศาลมีคาํ ส่ังเรียกพยานเอกสารหรือพยานวัตถุดังกล่าวมา จากผู้ครอบครองโดยยื่นคําขอต่อศาลพร้อมกับการยื่นบัญชีระบุ พยาน เพ่ือให้ได้พยานเอกสารหรือพยานวัตถุนั้นมาก่อนวันตรวจ พยานหลกั ฐานหรอื วนั ทศี่ าลกําหนด ม า ต ร า ๑ ๗ ๓ / ๒ *[ ๑ ๑ ๙ ] ใ น วั น ต ร ว จ พยานหลักฐาน ใหค้ ู่ความส่งพยานเอกสารและพยานวัตถุที่ยังอยู่ใน *[๑๑๙] มาตรา ๑๗๓/๒ เพ่ิมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพ่ิมเติมประมวล กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับท่ี ๒๒) พ.ศ. ๒๕๔๗ -รวบรวมโดยเพจกฎหมายในสายเลือด-

-ประมวลกฎหมายวธิ พี ิจารณาความอาญา- 159 ค ว า ม ค ร อ บ ค ร อ ง ข อ ง ต น ต่ อ ศ า ล เ พ่ื อ ใ ห้ คู่ ค ว า ม อี ก ฝ่ า ย ห น่ึ ง ตรวจสอบ เว้นแต่ศาลจะมีคําสั่งเป็นอย่างอื่นอันเน่ืองจากสภาพ และความจาํ เป็นแห่งพยานหลักฐานนั้นเอง หรือพยานหลักฐานน้ัน เป็นบันทึกคําให้การของพยาน หลังจากนั้นให้คู่ความแต่ละฝ่าย แถลงแนวทางการเสนอพยานหลักฐานต่อศาล และให้ศาลสอบถาม คู่ความถึงความเกี่ยวข้องกับประเด็นและความจําเป็นที่ต้องสืบ พยานหลักฐานที่อ้างอิงตลอดจนการยอมรับพยานหลักฐานของอีก ฝ่ายหนึ่ง เสร็จแล้วให้ศาลกําหนดวันสืบพยาน และแจ้งให้คู่ความ ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่าเจ็ดวัน ในกรณีท่ีโจทก์ไม่มาศาลในวัน ตรวจพยานหลักฐานให้นําบทบัญญัติมาตรา ๑๖๖ มาใช้บังคับโดย อนุโลม ในกรณีจําเป็นเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม เมื่อศาลเห็นสมควรหรือคู่ความฝ่ายหน่ึงฝ่ายใดร้องขอ ศาลจะมี คําสัง่ ใหส้ บื พยานหลกั ฐานท่ีเกี่ยวกับประเด็นสําคัญในคดีไว้ล่วงหน้า ก่อนถึงกาํ หนดวนั นัดสืบพยานกไ็ ด้ มาตรา ๑๗๔ ก่อนนําพยานเข้าสืบ โจทก์มี อํานาจเปิดคดีเพื่อให้ศาลทราบคดีโจทก์ คือแถลงถึงลักษณะของ ฟ้อง อีกทั้งพยานหลักฐานที่จะนําสืบเพื่อพิสูจน์ความผิดของจําเลย เสรจ็ แลว้ ใหโ้ จทก์นาํ พยานเข้าสบื เม่ือสืบพยานโจทก์แล้ว จําเลยมีอํานาจเปิดคดี -รวบรวมโดยเพจกฎหมายในสายเลือด-

-ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา- 160 เพื่อให้ศาลทราบคดจี าํ เลย โดยแถลงข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายซึ่ง ต้ังใจอ้างอิง ทั้งแสดงพยานหลักฐานท่ีจะนําสืบ เสร็จแล้วให้จําเลย นําพยานเขา้ สบื เม่ือสืบพยานจําเลยเสร็จแล้ว โจทก์และจําเลยมี อาํ นาจแถลงปิดคดีของตนด้วยปากหรอื หนงั สอื หรือทั้งสองอย่าง ในระหว่างพิจารณา ถ้าศาลเห็นว่าไม่จําเป็นต้อง สบื พยานหรอื ทาํ การอะไรอีกจะสง่ั งดพยานหรือการนนั้ เสียกไ็ ด้ มาตรา ๑๗๕ เม่ือโจทก์สืบพยานเสร็จแล้ว ถ้า เห็นสมควรศาลมีอํานาจเรียกสํานวนการสอบสวนจากพนักงาน อัยการมาเพ่อื ประกอบการวินิจฉัยได้ มาตรา ๑๗๖*[๑๒๐] ในช้ันพิจารณา ถ้าจําเลยให้ การรับสารภาพตามฟ้อง ศาลจะพิพากษาโดยไม่สืบพยานหลักฐาน ต่อไปก็ได้ เว้นแต่คดีท่ีมีข้อหาในความผิดซึ่งจําเลยรับสารภาพนั้น กฎหมายกําหนดอัตราโทษอย่างต่ําไว้ให้จําคุกต้ังแต่ห้าปีขึ้นไปหรือ โทษสถานท่ีหนักกว่าน้ัน ศาลต้องฟังพยานโจทก์จนกว่าจะพอใจว่า *[๑๒๐] มาตรา ๑๗๖ แกไ้ ขเพมิ่ เตมิ โดยพระราชบญั ญตั แิ กไ้ ขเพมิ่ เตมิ ประมวลกฎหมายวิธีพจิ ารณาความอาญา (ฉบบั ที่ ๖) พ.ศ. ๒๔๙๙ -รวบรวมโดยเพจกฎหมายในสายเลือด-

-ประมวลกฎหมายวธิ ีพจิ ารณาความอาญา- 161 จําเลยได้กระทําผิดจริง ในคดีท่ีมีจําเลยหลายคน และจําเลยบางคนรับ สารภาพ เมื่อศาลเห็นสมควรจะส่ังจําหน่ายคดี สําหรับจําเลยที่ ปฏิเสธเพื่อให้โจทก์ฟ้องจําเลยท่ีปฏิเสธน้ัน เป็นคดีใหม่ภายในเวลา ท่ศี าลกําหนดก็ได้ มาตรา ๑๗๗ ศาลมีอํานาจสั่งให้พิจารณาเป็น การลับ เม่ือเห็นสมควรโดยพลการหรือโดยคําร้องขอของคู่ความ ฝ่ายใด แต่ต้องเพ่ือประโยชน์แห่งความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรม อันดีของประชาชน หรือเพ่ือป้องกันความลับอันเกี่ยวกับความ ปลอดภัยของประเทศมใิ หล้ ว่ งรู้ถงึ ประชาชน มาตรา ๑๗๘ เม่ือมีการพิจารณาเป็นการลับ บุคคลเหลา่ นีเ้ ท่าน้นั มีสทิ ธิอย่ใู นห้องพิจารณาได้ คือ (๑) โจทกแ์ ละทนาย (๒) จาํ เลยและทนาย (๓) ผ้คู วบคุมตวั จําเลย -รวบรวมโดยเพจกฎหมายในสายเลือด-

-ประมวลกฎหมายวิธพี จิ ารณาความอาญา- 162 (๔) พยานและผู้ชาํ นาญการพเิ ศษ (๕) ล่าม (๖) บุคคลผู้มีประโยชน์เก่ียวข้องและได้รับ อนุญาตจากศาล (๗) พนักงานศาลและเจ้าหน้าที่รักษาความ ปลอดภัยแกศ่ าลแลว้ แต่จะเหน็ สมควร มาตรา ๑๗๙ ภายใต้บังคบั แห่งประมวลกฎหมาย นีห้ รอื กฎหมายอน่ื ศาลจะดําเนินการพิจารณาตลอดไปจนเสร็จโดย ไม่เลอื่ นก็ได้ ถ้าพยานไม่มา หรือมีเหตุอ่ืนอันควรต้องเล่ือนการ พจิ ารณา ก็ใหศ้ าลเลอ่ื นคดไี ปตามท่ีเห็นสมควร มาตรา ๑๘๐ ให้นําบทบัญญัติเร่ืองรักษาความ เรียบร้อยในศาลในประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความแพ่งมาบังคับ แก่การพิจารณาคดีอาญาโดยอนุโลม แต่ห้ามมิให้สั่งให้จําเลยออก จากหอ้ งพจิ ารณา เวน้ แตจ่ ําเลยขัดขวางการพจิ ารณา -รวบรวมโดยเพจกฎหมายในสายเลอื ด-

-ประมวลกฎหมายวิธพี ิจารณาความอาญา- 163 มาตรา ๑๘๑ ให้นําบทบัญญัติในมาตรา ๑๓๙ และ ๑๖๖ มาบงั คบั แก่การพจิ ารณาโดยอนโุ ลม ลกั ษณะ ๓ คําพิพากษาและคําสง่ั มาตรา ๑๘๒*[๑๒๑] คดีท่ีอยู่ในระหว่างไต่สวน มูลฟ้องหรือพิจารณา ถ้ามีคําร้องระหว่างพิจารณาข้ึนมา ให้ศาลส่ัง ตามที่เห็นควร เม่ือการพิจารณาเสร็จแล้ว ให้พิพากษาหรือสั่งตามรูป ความ ให้อ่านคําพิพากษาหรือคําส่ังในศาลโดยเปิดเผย ในวันเสร็จการพิจารณา หรือภายในเวลาสามวันนับแต่เสร็จคดี ถ้า มีเหตุอันสมควร จะเลื่อนไปอ่านวันอื่นก็ได้ แต่ต้องจดรายงานเหตุ *[๑๒๑]มาตรา ๑๘๒ แกไ้ ขเพ่ิมเตมิ โดยพระราชบัญญัติแกไ้ ขเพม่ิ เติมประมวล กฎหมายวธิ พี ิจารณาความอาญา (ฉบบั ท่ี ๖) พ.ศ. ๒๔๙๙ -รวบรวมโดยเพจกฎหมายในสายเลอื ด-

-ประมวลกฎหมายวิธีพจิ ารณาความอาญา- 164 นนั้ ไว้ เม่ือศาลอ่านให้คู่ความฟังแล้ว ให้คู่ความลง ลายมือชื่อไว้ ถ้าเป็นความผิดของโจทก์ท่ีไม่มา จะอ่านโดยโจทก์ไม่ อยู่ก็ได้ ในกรณีท่ีจําเลยไม่อยู่ โดยไม่มีเหตุสงสัยว่าจําเลยหลบหนี หรือจงใจไม่มาฟัง ก็ให้ศาลรอการอ่านไว้จนกว่าจําเลยจะมาศาล แต่ถ้ามีเหตุสงสัยว่าจําเลยหลบหนีหรือจงใจไม่มาฟัง ให้ศาลออก หมายจับจาํ เลย เมื่อได้ออกหมายจับแล้วไม่ได้ตัวจาํ เลยมาภายใน หนึ่งเดือน นับแต่วันออกหมายจับ ก็ให้ศาลอ่านคําพิพากษาหรือ คําสั่งลับหลังจําเลยได้ และให้ถือว่าโจทก์หรือจําเลย แล้วแต่กรณี ไดฟ้ งั คาํ พิพากษาหรอื คําสง่ั นน้ั แลว้ ในกรณีท่ีคําพิพากษาหรือคําส่ังต้องเล่ือนอ่านไป โดยขาดจําเลยบางคน ถ้าจําเลยท่ีอยู่จะถูกปล่อย ให้ศาลมีอํานาจ ปล่อยชวั่ คราวระหว่างรออ่านคําพิพากษาหรือคาํ ส่งั นน้ั มาตรา ๑๘๓ คําพิพากษา หรือคําสั่งหรือ ความเห็นแย้งต้องทําเป็นหนังสือลงลายมือช่ือผู้พิพากษาซึ่งนั่ง พิจารณา ผู้พิพากษาใดที่นั่งพิจารณา ถ้าไม่เห็นพ้องด้วย มีอํานาจ ทําความเหน็ แยง้ คําแย้งนีใ้ หร้ วมเข้าสํานวนไว้ มาตรา ๑๘๔ ในการประชุมปรึกษาเพ่ือมีคํา -รวบรวมโดยเพจกฎหมายในสายเลอื ด-

-ประมวลกฎหมายวิธพี ิจารณาความอาญา- 165 พิพากษาหรือคําส่ัง ให้อธิบดีผู้พิพากษาข้าหลวงยุติธรรม หัวหน้าผู้ พิพากษาในศาลนน้ั หรอื เจา้ ของสาํ นวนเป็นประธาน ถามผู้พิพากษา ที่น่ังพิจารณาทีละคน ให้ออกความเห็นทุกประเด็นที่จะวินิจฉัย ให้ประธานออกความเห็นสุดท้าย การวินิจฉัยให้ถือตามเสียงข้าง มาก ถ้าในปัญหาใดมีความเห็นแย้งกันเป็นสองฝ่ายหรือเกินกว่า สองฝ่ายขึ้นไป จะหาเสียงข้างมากมิได้ ให้ผู้พิพากษาซึ่งมี ความเห็นเป็นผลร้ายแก่จําเลยมากยอมเห็นด้วยผู้พิพากษาซึ่งมี ความเห็นเป็นผลร้ายแก่จาํ เลยน้อยกว่า มาตรา ๑๘๕ ถ้าศาลเห็นว่าจําเลยมิได้กระทําผิด ก็ดี การกระทําของจําเลยไม่เป็นความผิดก็ดี คดีขาดอายุความแล้ว ก็ดี มีเหตุตามกฎหมายทจ่ี าํ เลยไมค่ วรตอ้ งรบั โทษกด็ ี ให้ศาลยกฟ้อง โจทก์ปล่อยจําเลยไป แต่ศาลจะสั่งขังจําเลยไว้หรือปล่อยชั่วคราว ระหวา่ งคดยี งั ไม่ถึงที่สดุ ก็ได้ เมื่อศาลเห็นว่าจําเลยได้กระทําผิด และไม่มีการ ยกเว้นโทษตามกฎหมาย ให้ศาลลงโทษแก่จําเลยตามความผิด แต่ เมื่อเห็นสมควรศาลจะปล่อยจําเลยชั่วคราวระหว่างคดียังไม่ถึง ท่ีสุดก็ได้ มาตรา ๑๘๖ คําพิพากษาหรือคําสั่งต้องมีข้อ สําคญั เหล่านีเ้ ปน็ อยา่ งนอ้ ย -รวบรวมโดยเพจกฎหมายในสายเลอื ด-

-ประมวลกฎหมายวธิ ีพิจารณาความอาญา- 166 (๑) ช่อื ศาลและวนั เดอื นปี (๒) คดรี ะหว่างใครโจทกใ์ ครจําเลย (๓) เร่ือง (๔) ขอ้ หาและคําให้การ (๕) ขอ้ เท็จจริงซ่ึงพิจารณาได้ความ (๖) เหตุผลในการตัดสินทั้งในปัญหาข้อเท็จจริง และข้อกฎหมาย (๗) บทมาตราท่ียกขึ้นปรบั (๘) คาํ ชขี้ าดใหย้ กฟอ้ งหรอื ลงโทษ (๙) คําวินิจฉัยของศาลในเรื่องของกลางหรือใน เร่ืองฟอ้ งทางแพ่ง คําพิพากษาในคดีท่ีเกี่ยวกับความผิดลหุโทษ ไม่ จําต้องมอี นมุ าตรา (๔) (๕) และ (๖) มาตรา ๑๘๗ คําสั่งระหว่างพิจารณาอย่างน้อย ตอ้ งมี -รวบรวมโดยเพจกฎหมายในสายเลอื ด-

-ประมวลกฎหมายวธิ ีพิจารณาความอาญา- 167 (๑) วันเดอื นปี (๒) เหตผุ ลตามกฎหมายในการสง่ั (๓) คําสง่ั มาตรา ๑๘๘ คาํ พิพากษาหรือคําสั่งมีผลตั้งแต่ วันท่ีได้อ่านในศาลโดยเปิดเผยเป็นต้นไป มาตรา ๑๘๙ เมื่อจําเลยซึ่งต้องคําพิพากษาให้ ลงโทษเป็นคนยากจนขอสําเนาคําพิพากษาซึ่งรับรองว่าถูกต้อง ให้ศาลคัดสาํ เนาให้หน่ึงฉบับโดยไม่คิดค่าธรรมเนียม มาตรา ๑๙๐ ห้ามมิให้แก้ไขคําพิพากษาหรือ คําสั่งซง่ึ อา่ นแล้ว นอกจากแกถ้ อ้ ยคาํ ทเ่ี ขียนหรอื พิมพ์ผิดพลาด มาตรา ๑๙๑ เม่ือเกิดสงสัยในการบังคับตามคํา พิพากษาหรือคําส่ัง ถ้าบุคคลใดที่มีประโยชน์เกี่ยวข้องร้องต่อศาล ซึ่งพพิ ากษาหรอื สั่ง ใหศ้ าลน้นั อธิบายใหแ้ จม่ แจ้ง -รวบรวมโดยเพจกฎหมายในสายเลือด-

-ประมวลกฎหมายวิธีพจิ ารณาความอาญา- 168 มาตรา ๑๙๒*[๑๒๒] ห้ามมิให้พิพากษา หรือส่ัง เกนิ คาํ ขอ หรือท่มี ไิ ด้กลา่ วในฟอ้ ง ถ้าศาลเห็นว่าข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในการ พิจารณาแตกต่างกับข้อเท็จจริงดังท่ีกล่าวในฟ้อง ให้ศาลยกฟ้องคดี น้ัน เว้นแต่ข้อแตกต่างนั้นมิใช่ในข้อสาระสําคัญและท้ังจําเลยมิได้ หลงตอ่ สู้ ศาลจะลงโทษจําเลยตามข้อเทจ็ จรงิ ทไี่ ดค้ วามน้นั ก็ได้ ในกรณีที่ข้อแตกต่างนั้นเป็นเพียงรายละเอียด เช่น เกี่ยวกับเวลาหรือสถานที่กระทําความผิดหรือต่างกันระหว่าง การกระทําผิดฐานลักทรัพย์ กรรโชก รีดเอาทรัพย์ ฉ้อโกง โกง เจ้าหน้ี ยักยอก รับของโจร และทําให้เสียทรัพย์ หรือต่างกัน ระหว่างการกระทําผิดโดยเจตนากับประมาท มิให้ถือว่าต่างกันใน ข้อสาระสําคัญ ทั้งมิให้ถือว่าข้อที่พิจารณาได้ความน้ันเป็นเร่ืองเกิน คําขอหรือเป็นเร่ืองที่โจทก์ไม่ประสงค์ให้ลงโทษ เว้นแต่จะปรากฏแก่ ศาลว่าการท่ีฟ้องผิดไปเป็นเหตุให้จําเลยหลงต่อสู้ แต่ท้ังน้ี ศาลจะ ลงโทษจําเลยเกินอัตราโทษที่กฎหมายกําหนดไว้สําหรับความผิดท่ี *[๑๒๒] มาตรา ๑๙๒ แก้ไขเพม่ิ เตมิ โดยพระราชบญั ญตั แิ ก้ไขเพมิ่ เตมิ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบบั ที่ ๑๐) พ.ศ. ๒๕๒๒ -รวบรวมโดยเพจกฎหมายในสายเลือด-

-ประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความอาญา- 169 โจทก์ฟอ้ งไม่ได้*[๑๒๓] ถ้าศาลเห็นว่าข้อเท็จจริงบางข้อดังกล่าวในฟ้อง และตามท่ีปรากฏในทางพิจารณาไม่ใช่เป็นเร่ืองท่ีโจทก์ประสงค์ให้ ลงโทษ หา้ มมิให้ศาลลงโทษจําเลยในข้อเท็จจรงิ น้นั ๆ ถ้าศาลเห็นว่าข้อเท็จจริงตามฟ้องนั้นโจทก์สืบสม แต่โจทก์อ้างฐานความผิดหรือบทมาตราผิด ศาลมีอํานาจลงโทษ จาํ เลยตามฐานความผดิ ทถี่ ูกต้องได้ ถ้าความผิดตามท่ีฟ้องนั้นรวมการกระทําหลาย อย่าง แต่ละอย่างอาจเป็นความผิดได้อยู่ในตัวเอง ศาลจะลงโทษ จําเลยในการกระทําผิดอย่างหนึ่งอย่างใดตามท่ีพิจารณาได้ความก็ ได้ ภาค ๔ อทุ ธรณ์ และฎีกา *[๑๒๓] มาตรา ๑๙๒ วรรคสาม แก้ไขเพ่ิมเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไข เพ่ิมเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับท่ี ๑๗) พ.ศ. ๒๕๓๒ -รวบรวมโดยเพจกฎหมายในสายเลือด-

-ประมวลกฎหมายวธิ ีพจิ ารณาความอาญา- 170 ลักษณะ ๑ อทุ ธรณ์ หมวด ๑ หลักท่ัวไป มาตรา ๑๙๓ คดีอุทธรณ์คําพิพากษาหรือ คําส่ังศาลช้ันต้นในข้อเท็จจริงและขอ้ กฎหมายให้อุทธรณ์ไปยังศาล อุทธรณ์ เว้นแต่จะถกู หา้ มอุทธรณโ์ ดยประมวลกฎหมายนหี้ รือกฎหมาย อืน่ อุทธรณท์ ุกฉบบั ต้องระบุขอ้ เท็จจริงโดยย่อหรือข้อ กฎหมายที่ยกข้ึนอา้ งองิ เปน็ ลาํ ดับ -รวบรวมโดยเพจกฎหมายในสายเลอื ด-

-ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา- 171 มาตรา ๑๙๓ ทวิ*[๑๒๔] ห้ามมิให้อุทธรณ์คํา พิพากษาศาลชั้นต้นในปัญหาข้อเท็จจริงในคดีซึ่งอัตราโทษอย่าง สูงตามท่ีกฎหมายกําหนดไว้ให้จําคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกิน หกหม่ืนบาท หรือท้ังจําทั้งปรับ เว้นแต่กรณีต่อไปน้ีให้จําเลย อุทธรณ์ในปญั หาข้อเทจ็ จริงได้ (๑) จําเลยต้องคําพิพากษาให้ลงโทษจําคุกหรือให้ ลงโทษกกั ขงั แทนโทษจําคุก (๒) จําเลยต้องคําพิพากษาให้ลงโทษจําคุก แต่ ศาลรอการลงโทษไว้ (๓) ศาลพิพากษาว่าจําเลยมีความผิด แต่รอการ กําหนดโทษไว้ หรือ (๔) จาํ เลยต้องคาํ พิพากษาให้ลงโทษปรับเกินหน่ึง พันบาท *[๑๒๔] มาตรา ๑๙๓ ทวิ แก้ไขเพ่ิมเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไข เพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับท่ี ๑๗) พ.ศ. ๒๕๓๒ -รวบรวมโดยเพจกฎหมายในสายเลอื ด-

-ประมวลกฎหมายวิธพี ิจารณาความอาญา- 172 มาตรา ๑๙๓ ตรี*[๑๒๕] ในคดีซ่ึงต้องห้าม อุทธรณ์ตามมาตรา ๑๙๓ ทวิ ถ้าผู้พิพากษาคนใดซ่ึงพิจารณาหรือ ลงชื่อในคําพิพากษาหรือทําความเห็นแย้งในศาลชั้นต้นพิเคราะห์ เห็นว่าข้อความท่ีตัดสินน้ันเป็นปัญหาสําคัญอันควรสู่ศาลอุทธรณ์ และอนุญาตให้อุทธรณ์หรืออธิบดีกรมอัยการหรือพนักงานอัยการ ซ่ึงอธิบดีกรมอัยการได้มอบหมายลงลายมือช่ือรับรองในอุทธรณ์ว่า มีเหตุอันควรที่ศาลอุทธรณ์จะได้วินิจฉัยก็ให้รับอุทธรณ์นั้นไว้ พิจารณาตอ่ ไป มาตรา ๑๙๔ ถ้ามีอุทธรณ์แต่ในปัญหาข้อ กฎหมาย ในการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายนั้น ๆ ศาลอุทธรณ์ จ ะ ต้ อ ง ฟั ง ข้ อ เ ท็ จ จ ริ ง ต า ม ท่ี ศ า ล ช้ั น ต้ น วิ นิ จ ฉั ย ม า แ ล้ ว จ า ก พยานหลักฐานในสํานวน มาตรา ๑๙๕ ข้อกฎหมายท้ังปวงอันคู่ความ อทุ ธรณร์ ้องอ้างอิงใหแ้ สดงไว้โดยชัดเจนในฟ้องอุทธรณ์ แต่ต้องเป็น ขอ้ ที่ได้ยกข้ึนมาวา่ กันมาแลว้ แตใ่ นศาลชนั้ ตน้ *[๑๒๕] มาตรา ๑๙๓ ตรี เพ่ิมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพ่ิมเติมประมวล กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับท่ี ๘) พ.ศ. ๒๕๑๗ -รวบรวมโดยเพจกฎหมายในสายเลอื ด-

-ประมวลกฎหมายวธิ ีพิจารณาความอาญา- 173 ข้อกฎหมายที่เก่ียวกับความสงบเรียบร้อย หรือท่ี เกี่ยวกับการไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายน้ีอันว่า ด้วยอุทธรณ์ เหล่านี้ผู้อุทธรณ์หรือศาลยกขึ้นอ้างได้ แม้ว่าจะไม่ได้ ยกข้ึนในศาลชัน้ ตน้ กต็ าม มาตรา ๑๙๖ คําสั่งระหว่างพิจารณาท่ีไม่ทําให้ คดีเสร็จสํานวน ห้ามมิให้อุทธรณ์คําสั่งน้ันจนกว่าจะมีคําพิพากษา หรือคําส่ังในประเด็นสําคัญและมีอุทธรณ์คําพิพากษาหรือคําสั่งนั้น ด้วย มาตรา ๑๙๗ เหตุที่มีอุทธรณ์คําพิพากษาหรือ คําสั่งฉบับหน่ึงแล้ว หาเป็นผลตัดสิทธิผู้อ่ืนซ่ึงมีสิทธิอุทธรณ์ จะ อทุ ธรณ์ดว้ ยไม่ มาตรา ๑๙๘*[๑๒๖] การยื่นอุทธรณ์ ให้ยื่นต่อ ศาลชั้นต้นในกําหนดหนึ่งเดือนนับแต่วันอ่าน หรือถือว่าได้อ่านคํา *[๑๒๖] มาตรา ๑๙๘ แกไ้ ขเพม่ิ เตมิ โดยพระราชบญั ญตั ิแก้ไขเพิ่มเตมิ ประมวลกฎหมายวิธพี จิ ารณาความอาญา (ฉบับที่ ๘) พ.ศ. ๒๕๑๗ -รวบรวมโดยเพจกฎหมายในสายเลอื ด-

-ประมวลกฎหมายวิธพี จิ ารณาความอาญา- 174 พิพากษาหรอื คําสั่งใหค้ ู่ความฝ่ายที่อุทธรณฟ์ งั *[๑๒๗] ให้เป็นหน้าท่ีศาลชั้นต้นตรวจอุทธรณ์ว่าควรจะ รับส่งข้ึนไปยังศาลอุทธรณ์หรือไม่ ตามบทบัญญัติแห่งประมวล กฎหมายน้ี ถ้าเห็นว่าไม่ควรรับให้จดเหตุผลไว้ในคําสั่งของศาลน้ัน โดยชดั เจน ในกรณีที่ตามคําพิพากษาจําเลยต้องรับโทษจําคุก หรือโทษสถานท่ีหนักกว่านั้นและจําเลยไม่ได้ถูกคุมขัง จําเลยจะย่ืน อุทธรณ์ได้ต่อเม่ือแสดงตนต่อเจ้าพนักงานศาลในขณะย่ืนอุทธรณ์ มิฉะน้ัน ให้ศาลมีคําสั่งไม่รับอุทธรณ์ ท้ังน้ี ประธานศาลฎีกาอาจ ออกข้อบังคับกําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการแสดงตน ของจําเลยก็ได้ ข้อบังคับนั้น เมื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ให้ใช้บังคับได้†[๑๒๘] ความในวรรคสามมิใหใ้ ช้บังคบั แก่กรณที จี่ ําเลยได้รับ การรอการลงโทษจําคุก หรือรับโทษจําคุกตามคําพิพากษาครบถ้วน *[๑๒๗] มาตรา ๑๙๘ วรรคหน่ึง แก้ไขเพ่ิมเติมโดยพระราชบญั ญัติแก้ไข เพ่ิมเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ ๑๗) พ.ศ. ๒๕๓๒ †[๑๒๘] มาตรา ๑๙๘ วรรคสาม เพิ่มโดยพระราชบญั ญัติแกไ้ ขเพิม่ เติม ประมวลกฎหมายวธิ ีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ ๓๒) พ.ศ. ๒๕๕๙ -รวบรวมโดยเพจกฎหมายในสายเลือด-

-ประมวลกฎหมายวิธพี ิจารณาความอาญา- 175 แล้ว*[๑๒๙] มาตรา ๑๙๘ ทวิ†[๑๓๐] เมื่อศาลชน้ั ต้นปฏเิ สธไม่ ยอมรับอุทธรณ์ ผู้อุทธรณ์อาจอุทธรณ์เป็นคําร้องอุทธรณ์คําส่ังของ ศาลนั้นต่อศาลอุทธรณ์ได้ คําร้องเช่นน้ีให้ย่ืนที่ศาลช้ันต้นภายใน กําหนดสิบห้าวันนับแต่วันฟังคําส่ัง แล้วให้ศาลน้ันรีบส่งคําร้องเช่น ว่าน้ันไปยังศาลอุทธรณ์พร้อมด้วยอุทธรณ์ และคําพิพากษาหรือ คําส่ังของศาลชัน้ ต้น‡[๑๓๑] เมื่อศาลอุทธรณเ์ ห็นสมควรตรวจสาํ นวนเพื่อส่ังคํา รอ้ งเรอื่ งนัน้ กใ็ หส้ ่ังศาลชน้ั ตน้ ส่งมาให้ ให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาคําร้องนั้นแล้วมีคําสั่ง ยืนตามคาํ ปฏิเสธของศาลช้ันต้น หรือมีคําส่ังให้รับอุทธรณ์ คําสั่ง นีใ้ ห้เป็นที่สดุ แล้วส่งไปให้ศาลชน้ั ตน้ อ่าน *[๑๒๙] มาตรา ๑๙๘ วรรคส่ี เพม่ิ โดยพระราชบัญญตั ิแก้ไขเพิ่มเตมิ ประมวล กฎหมายวธิ ีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ ๓๒) พ.ศ. ๒๕๕๙ †[๑๓๐] มาตรา ๑๙๘ ทวิ เพ่ิมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพ่ิมเติมประมวล กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับท่ี ๘) พ.ศ. ๒๕๑๗ ‡[๑๓๑] มาตรา ๑๙๘ ทวิ วรรคหนงึ่ แกไ้ ขเพมิ่ เตมิ โดยพระราชบัญญตั แิ กไ้ ข เพิม่ เตมิ ประมวลกฎหมายวธิ พี ิจารณาความอาญา (ฉบับที่ ๑๗) พ.ศ. ๒๕๓๒ -รวบรวมโดยเพจกฎหมายในสายเลือด-

-ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา- 176 มาตรา ๑๙๙ ผู้อุทธรณ์ซึ่งต้องขังหรือต้องจําคุก อยู่ในเรือนจํา อาจย่ืนอุทธรณ์ต่อพัศดีภายในกําหนดอายุอุทธรณ์ เมอ่ื ได้รับอุทธรณ์น้ันแล้ว ให้พัศดีออกใบรับให้แก่ผู้ยื่นอุทธรณ์ แล้ว ให้รบี สง่ อุทธรณ์นน้ั ไปยังศาลชั้นต้น อุทธรณ์ฉบับใดที่ย่ืนต่อพัศดีส่งไปถึงศาลเม่ือพ้น กําหนดอายุอุทธรณ์แล้วถ้าปรากฏว่าการส่งชักช้าน้ันมิใช่เป็น ความผิดของผู้ยื่นอุทธรณ์ ให้ถือว่าเป็นอุทธรณ์ที่ได้ย่ืนภายใน กําหนดอายุอทุ ธรณ์ มาตรา ๒๐๐*[๑๓๒] ให้ศาลส่งสําเนาอุทธรณ์ ใหแ้ ก่อีกฝา่ ยหนงึ่ แก้ภายในกําหนดสิบห้าวันนับแต่วันท่ีได้รับสําเนา อุทธรณ์ มาตรา ๒๐๑†[๑๓๓] เม่ือศาลส่งสําเนาอุทธรณ์ *[๑๓๒] มาตรา ๒๐๐ แกไ้ ขเพม่ิ เตมิ โดยพระราชบญั ญตั ิแกไ้ ขเพ่ิมเตมิ ประมวลกฎหมายวิธีพจิ ารณาความอาญา (ฉบับที่ ๑๗) พ.ศ. ๒๕๓๒ †[๑๓๓] มาตรา ๒๐๑ แกไ้ ขเพมิ่ เตมิ โดยพระราชบญั ญตั ิแก้ไขเพมิ่ เตมิ ประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความอาญา (ฉบบั ท่ี ๖) พ.ศ. ๒๔๙๙ -รวบรวมโดยเพจกฎหมายในสายเลือด-

-ประมวลกฎหมายวิธพี ิจารณาความอาญา- 177 แก่อกี ฝา่ ยหน่งึ ไม่ไดเ้ พราะหาตวั ไม่พบ หรือหลบหนี หรือจงใจไม่รับ สําเนาอุทธรณ์ หรือได้รับแก้อุทธรณแ์ ลว้ หรอื พน้ กาํ หนดแก้อุทธรณ์ แล้ว ให้ศาลรีบส่งสํานวนไปยังศาลอุทธรณ์เพ่ือทําการพิจารณา พพิ ากษาต่อไป มาตรา ๒๐๒ ผู้อุทธรณ์มีอํานาจย่ืนคําร้องขอ ถอนอุทธรณ์ต่อศาลช้ันต้นก่อนส่งสํานวนไปศาลอุทธรณ์ ในกรณี เช่นนี้ศาลชั้นต้นสั่งอนุญาตได้ เมื่อส่งสํานวนไปแล้วให้ยื่นต่อศาล อุทธรณ์หรือต่อศาลช้ันต้นเพ่ือส่งไปยังศาลอุทธรณ์เพ่ือสั่ง ท้ังน้ี ต้องกอ่ นอา่ นคําพพิ ากษาศาลอุทธรณ์ เม่ือถอนไปแล้ว ถ้าคู่ความอีกฝ่ายหน่ึงมิได้ อุทธรณ์ คําพิพากษาหรือคําส่ังของศาลช้ันต้นย่อมเด็ดขาดเฉพาะผู้ ถอน ถ้าอีกฝ่ายหนึ่งอุทธรณ์ จะเด็ดขาดต่อเมื่อคดีถึงท่ีสุดโดยไม่มี การแก้คาํ พพิ ากษาหรือคําส่งั ศาลชัน้ ต้น หมวด ๒ การพิจารณา คําพิพากษาและคําส่งั ช้นั ศาลอทุ ธรณ์ -รวบรวมโดยเพจกฎหมายในสายเลือด-

-ประมวลกฎหมายวิธีพจิ ารณาความอาญา- 178 มาตรา ๒๐๓ ให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาโดย เปิดเผยเฉพาะแต่ในกรณีที่นัดหรืออนุญาตให้คู่ความมาพร้อมกัน หรือมีการสืบพยาน มาตรา ๒๐๔ เมื่อจะพิจารณาในศาลโดยเปิดเผย ให้ศาลอุทธรณ์ออกหมายนัดกําหนดวันพิจารณาไปยังคู่ความให้ ทราบล่วงหน้าอยา่ งนอ้ ยไมต่ ํ่ากว่าห้าวัน การฟังคําแถลงการณ์นั้นห้ามมิให้กําหนดช้ากว่า สิบห้าวันนับแต่วันรับสํานวน ถ้ามีเหตุพิเศษจะช้ากว่าน้ันก็ได้แต่ อย่าใหเ้ กนิ สองเดือน เหตุที่ต้องชา้ ใหศ้ าลรายงานไว้ มาตรา ๒๐๕ คําร้องขอแถลงการณ์ด้วยปากให้ ตดิ มากบั ฟอ้ งอุทธรณ์หรือแกอ้ ุทธรณ์ คําแถลงการณ์เป็นหนังสือให้ย่ืนก่อนวันศาล อุทธรณ์พิพากษา คําแถลงการณ์ด้วยปากหรือหนังสือก็ตาม มิให้ ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของอุทธรณ์ ให้นับว่าเป็นแต่คําอธิบายข้อ -รวบรวมโดยเพจกฎหมายในสายเลือด-

-ประมวลกฎหมายวิธพี จิ ารณาความอาญา- 179 อุทธรณ์หรอื แกอ้ ุทธรณ์เท่านั้น คําแถลงการณ์เป็นหนังสือจะย่ืนต่อศาลชั้นต้น หรือต่อศาลอทุ ธรณ์ก็ได้ มาตรา ๒๐๖ ระเบยี บแถลงการณ์ดว้ ยปากมีดังนี้ (๑) ถ้าคู่ความฝ่ายใดขอแถลงการณ์ ให้ฝ่ายน้ัน แถลงก่อน แล้วให้อีกฝ่ายหนึ่งแถลงแก้ เสร็จแล้วฝ่ายแถลงก่อน แถลงแกไ้ ดอ้ ีก (๒) ถ้าคู่ความทั้งสองฝ่ายขอแถลงการณ์ ให้ผู้ อุทธรณ์แถลงก่อน แล้วให้อีกฝ่ายหนึ่งแถลงแก้ เสร็จแล้วให้ผู้ อุทธรณแ์ ถลงแกไ้ ด้อกี (๓) ถ้าคู่ความทั้งสองฝ่ายขอแถลงการณ์และเป็น ผู้อุทธรณ์ท้ังคู่ ให้โจทก์แถลงก่อน แล้วให้จําเลยแถลง เสร็จแล้ว โจทกแ์ ถลงแกไ้ ด้อีก มาตรา ๒๐๗ เมื่อมีอุทธรณ์คําพิพากษา ศาล อุทธรณ์มีอํานาจส่ังให้ศาลช้ันต้นออกหมายเรียกหรือจับจําเลย ซึ่ง ศาลน้ันปล่อยตัวไปแล้ว มาขังหรือปล่อยชั่วคราวระหว่างอุทธรณ์ก็ -รวบรวมโดยเพจกฎหมายในสายเลอื ด-

-ประมวลกฎหมายวิธพี ิจารณาความอาญา- 180 ได้ หรือถ้าจําเลยถูกขังอยู่ระหว่างอุทธรณ์จะสั่งให้ศาลชั้นต้นปล่อย จําเลยหรือปล่อยช่ัวคราวก็ได้ มาตรา ๒๐๘ ในการพิจารณาคดีอุทธรณ์ตาม หมวดนี้ (๑) ถ้าศาลอุทธรณ์เห็นว่าควรสืบพยานเพิ่มเติม ให้มีอํานาจเรียกพยานมาสืบเองหรือสั่งศาลช้ันต้นสืบให้ เม่ือศาล ชั้นต้นสืบพยานแล้ว ให้ส่งสํานวนมายังศาลอุทธรณ์เพื่อวินิจฉัย ตอ่ ไป (๒) ถ้าศาลอุทธรณ์เห็นเป็นการจําเป็น เน่ืองจาก ศาลช้นั ตน้ มิไดป้ ฏิบตั ิให้ถูกต้องตามกระบวนพิจารณา ก็ให้พิพากษา สัง่ ให้ศาลชนั้ ต้นทาํ การพิจารณาและพิพากษาหรือส่ังใหมต่ ามรูปคดี มาตรา ๒๐๘ ทวิ*[๑๓๔] ถ้าอธิบดีผู้พิพากษาศาล อุทธรณ์เห็นสมควร จะให้มีการวินิจฉัยปัญหาใด ในคดีเร่ืองใด โดย ทป่ี ระชุมใหญ่ก็ได้ *[๑๓๔] มาตรา ๒๐๘ ทวิ เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวล กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉะบับท่ี ๒) พ.ศ. ๒๔๘๗ -รวบรวมโดยเพจกฎหมายในสายเลอื ด-

-ประมวลกฎหมายวธิ ีพจิ ารณาความอาญา- 181 ท่ีประชุมใหญ่ใหป้ ระกอบด้วยผู้พิพากษาทุกคนซ่ึง อยู่ปฏิบัติหน้าที่ แต่ต้องไม่น้อยกว่ากึ่งจํานวนผู้พิพากษาแห่งศาล นนั้ และใหอ้ ธบิ ดีผู้พพิ ากษาศาลอทุ ธรณ์เปน็ ประธาน การวินิจฉัยในท่ีประชุมใหญ่ให้ถือเสียงข้างมาก ถ้าในปัญหาใดมีความเห็นแย้งกันเป็นสองฝ่าย หรือเกินสองฝ่ายขึ้น ไป จะหาเสียงข้างมากมิได้ ให้ผู้พิพากษาซึ่งมีความเห็นเป็นผลร้าย แก่จําเลยมากยอมเห็นด้วยผู้พิพากษาซึ่งมีความเห็นเป็นผลร้ายแก่ จาํ เลยน้อยกว่า ในคดีซึ่งที่ประชุมใหญ่ได้วินิจฉัยปัญหาแล้ว คํา พิพากษาหรือคําสั่งต้องเป็นไปตามคําวินิจฉัยของที่ประชุมใหญ่ และต้องระบุไว้ด้วยว่าปัญหาข้อใดได้วินิจฉัยโดยท่ีประชุมใหญ่ ผู้ พิพากษาท่ีเข้าประชุม แม้มิใช่เป็นผู้นั่งพิจารณา ก็ให้มีอํานาจ พพิ ากษา ทําคําส่งั หรือทาํ ความเห็นแย้งในคดีนั้นได้ มาตรา ๒๐๙ ให้ศาลอุทธรณ์พิพากษาโดยมิ ชักช้า และจะอ่านคําพิพากษาที่ศาลอุทธรณ์ หรือส่งไปให้ศาล ชน้ั ตน้ อ่านก็ได้ มาตรา ๒๑๐ เมื่อศาลอุทธรณ์เห็นว่าฟ้อง อุทธรณ์มิได้ยื่นในกําหนด ให้พิพากษายกฟ้องอุทธรณ์นั้นเสีย -รวบรวมโดยเพจกฎหมายในสายเลือด-

-ประมวลกฎหมายวธิ พี ิจารณาความอาญา- 182 มาตรา ๒๑๑ เมื่อมีอุทธรณ์คัดค้านคําพิพากษา ในประเด็นสําคัญและคัดค้านคําส่ังระหว่างพิจารณาด้วย ศาล อทุ ธรณ์จะพิพากษาโดยคาํ พิพากษาอนั เดยี วกนั กไ็ ด้ มาตรา ๒๑๒ คดีท่ีจําเลยอุทธรณ์คําพิพากษาท่ี ให้ลงโทษ ห้ามมใิ หศ้ าลอุทธรณ์พิพากษาเพ่ิมเติมโทษจําเลย เว้นแต่ โจทกจ์ ะได้อทุ ธรณ์ในทาํ นองนน้ั มาตรา ๒๑๓ ในคดีซึ่งจําเลยผู้หน่ึงอุทธรณ์ คัดค้านคําพิพากษา ซ่ึงให้ลงโทษจําเลยหลายคนในความผิดฐาน เดียวกันหรือต่อเนื่องกัน ถ้าศาลอุทธรณ์กลับหรือแก้คําพิพากษา ศาลชั้นต้นไม่ลงโทษหรือลดโทษให้จําเลย แม้เป็นเหตุอยู่ในส่วน ลักษณะคดี ศาลอุทธรณ์มีอํานาจพิพากษาตลอดไปถึงจําเลยอ่ืนท่ี มไิ ดอ้ ทุ ธรณ์ ให้มิต้องถูกรับโทษ หรอื ได้ลดโทษดุจจาํ เลยผอู้ ทุ ธรณ์ มาตรา ๒๑๔ นอกจากมีข้อความซ่ึงต้องมีในคํา พิพากษาศาลช้ันต้น คําพิพากษาศาลอุทธรณ์ต้องปรากฏข้อความ ดงั ตอ่ ไปนด้ี ้วย -รวบรวมโดยเพจกฎหมายในสายเลือด-

-ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา- 183 (๑) นามหรือตาํ แหนง่ ของผอู้ ุทธรณ์ (๒) ข้อความว่า ยืน ยก แก้หรือกลับคําพิพากษา ศาลช้นั ตน้ มาตรา ๒๑๕ นอกจากที่บัญญัติมาแล้ว ให้นํา บทบัญญัติว่าด้วยการพิจารณาและว่าด้วยคําพิพากษาและคําสั่ง ศาลชั้นต้นมาบังคับในชั้นศาลอุทธรณ์ด้วยโดยอนุโลม ลักษณะ ๒ ฎีกา หมวด ๑ หลักท่ัวไป -รวบรวมโดยเพจกฎหมายในสายเลือด-

-ประมวลกฎหมายวิธพี จิ ารณาความอาญา- 184 มาตรา ๒๑๖*[๑๓๕] ภายใต้บังคับแห่งมาตรา ๒๑๗ ถึง ๒๒๑ คู่ความมีอํานาจฎีกาคัดค้านคําพิพากษา หรือ คําสั่งศาลอุทธรณ์ภายในหนึ่งเดือน นับแต่วันอ่าน หรือถือว่า ได้อ่านคําพิพากษาหรือคําสั่งนั้นใหค้ คู่ วามฝา่ ยทฎี่ ีกาฟงั ฎีก า นั้น ใ ห้ยื่น ต่อ ศ า ล ชั้น ต้น แ ล ะ ใ ห้นํา บทบัญญัติในมาตรา ๑๙๘ มาตรา ๒๐๐ และมาตรา ๒๐๑ มาใช้ บังคบั โดยอนุโลม†[๑๓๖] มาตรา ๒๑๗ ในคดีซึ่งมีข้อจํากัดว่า ให้คู่ความ ฎีกาได้แต่เฉพาะปัญหาข้อกฎหมาย ข้อจํากัดนี้ให้บังคับแก่คู่ความ และบรรดาผู้ที่เก่ยี วข้องในคดดี ้วย มาตรา ๒๑๘ ในคดีที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน *[๑๓๕] มาตรา ๒๑๖ แก้ไขเพม่ิ เตมิ โดยพระราชบญั ญตั แิ ก้ไขเพม่ิ เตมิ ประมวลกฎหมายวิธีพจิ ารณาความอาญา (ฉบบั ที่ ๖) พ.ศ. ๒๔๙๙ †[๑๓๖] มาตรา ๒๑๖ วรรคสอง แก้ไขเพม่ิ เติมโดยพระราชบัญญตั ิแก้ไข เพ่ิมเตมิ ประมวลกฎหมายวิธพี จิ ารณาความอาญา (ฉบบั ท่ี ๓๒) พ.ศ. ๒๕๕๙ -รวบรวมโดยเพจกฎหมายในสายเลอื ด-

-ประมวลกฎหมายวิธีพจิ ารณาความอาญา- 185 ตามศาลล่างหรือเพียงแต่แก้ไขเล็กน้อย และให้ลงโทษจําคุกจําเลย ไมเ่ กินห้าปี หรือปรับหรอื ทัง้ จําทัง้ ปรับแต่โทษจําคุกไม่เกินห้าปีห้าม มิให้คูค่ วามฎีกาในปัญหาขอ้ เท็จจรงิ ในคดีที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลล่าง หรือเพียงแต่แก้ไขเล็กน้อยและให้ลงโทษจําคุกจําเลยเกินห้าปี ไม่ว่าจะมีโทษอย่างอ่ืนด้วยหรือไม่ ห้ามมิให้โจทก์ฎีกาในปัญหา ขอ้ เทจ็ จรงิ *[๑๓๗] มาตรา ๒๑๙†[๑๓๘] ในคดีที่ศาลช้ันต้นพิพากษา ให้ลงโทษจําคุกจําเลยไม่เกินสองปีหรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือ ทั้งจําท้ังปรับ ถ้าศาลอุทธรณ์ยังคงลงโทษจําเลยไม่เกินกําหนดท่ีว่า มานีห้ า้ มมใิ หค้ คู่ วามฎกี าในปัญหาข้อเท็จจริง แต่ข้อห้ามน้ีมิให้ใช้แก่ จําเลยในกรณีที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ไขมากและเพ่ิมเติมโทษ จาํ เลย *[๑๓๗] มาตรา ๒๑๘ วรรคสอง เพม่ิ โดยพระราชบญั ญัตแิ กไ้ ขเพิม่ เติม ประมวลกฎหมายวิธีพจิ ารณาความอาญา (ฉบบั ท่ี ๑๗) พ.ศ. ๒๕๓๒ †[๑๓๘] มาตรา ๒๑๙ แก้ไขเพม่ิ เตมิ โดยพระราชบญั ญตั ิแก้ไขเพ่มิ เตมิ ประมวลกฎหมายวิธีพจิ ารณาความอาญา (ฉบบั ที่ ๑๗) พ.ศ. ๒๕๓๒ -รวบรวมโดยเพจกฎหมายในสายเลอื ด-

-ประมวลกฎหมายวิธีพจิ ารณาความอาญา- 186 มาตรา ๒๑๙ ทวิ*[๑๓๙] ห้ามมิให้คู่ความฎีกา คัดค้านคําพิพากษาหรือคําสงั่ ในข้อเท็จจริงในปัญหาเรื่องวิธีการเพื่อ ความปลอดภยั แตอ่ ย่างเดยี ว แมค้ ดีนน้ั จะไมต่ ้องหา้ มฎกี าก็ตาม ในการนับกําหนดโทษจําคุกตามความในมาตรา ๒๑๘ และ ๒๑๙ น้ัน ห้ามมิให้คํานวณกําหนดเวลาที่ศาลมีคํา พิพากษาหรือคาํ ส่ังเก่ียวกับวธิ กี ารเพ่อื ความปลอดภยั รวมเข้าด้วย มาตรา ๒๑๙ ตรี†[๑๔๐] ในคดีท่ีศาลช้ันต้น ลงโทษกักขังแทนโทษจําคุก หรือเปล่ียนโทษกักขังเป็นโทษจําคุก หรือคดีที่เกี่ยวกับการกักขังแทนค่าปรับ หรือกักขังเกี่ยวกับการ ริบทรัพย์สิน ถ้าศาลอุทธรณ์มิได้พิพากษากลับคําพิพากษาศาล ชั้นต้น หา้ มมใิ ห้คู่ความฎีกาในปญั หาข้อเท็จจริง *[๑๓๙] มาตรา ๒๑๙ ทวิ เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวล กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับท่ี ๘) พ.ศ. ๒๕๑๗ †[๑๔๐] มาตรา ๒๑๙ ตรี เพ่ิมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวล กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับท่ี ๘) พ.ศ. ๒๕๑๗ -รวบรวมโดยเพจกฎหมายในสายเลอื ด-

-ประมวลกฎหมายวิธีพจิ ารณาความอาญา- 187 มาตรา ๒๒๐*[๑๔๑] ห้ามมิให้คู่ความฎีกาในคดีที่ ศาลช้ันตน้ และศาลอทุ ธรณ์พพิ ากษายกฟอ้ งโจทก์ มาตรา ๒๒๑ ในคดีซึ่งห้ามฎีกาไว้โดยมาตรา ๒๑๘, ๒๑๙ และ ๒๒๐ แห่งประมวลกฎหมายน้ี ถ้าผู้พิพากษาคน ใดซ่ึงพิจารณา หรือลงช่ือในคําพิพากษาหรือทําความเห็นแย้งใน ศาลชั้นต้นหรือศาลอุทธรณ์พิเคราะห์เห็นว่าข้อความที่ตัดสินนั้น เปน็ ปญั หาสําคัญอันควรสู่ศาลสูงสุดและอนุญาตให้ฎีกา หรืออธิบดี กรมอัยการลงลายมือชื่อรับรองในฎีกาว่ามีเหตุอันควรที่ศาลสูงสุด จะไดว้ ินิจฉัย ก็ใหร้ บั ฎีกานนั้ ไวพ้ จิ ารณาต่อไป มาตรา ๒๒๒ ถ้าคดีมีปัญหาแต่เฉพาะข้อ กฎหมาย ในการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายน้ัน ศาลฎีกาจะต้องฟัง ข้อเท็จจริงตามท่ีศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยมาแล้วจากพยานหลักฐาน ในสํานวน มาตรา ๒๒๓ ให้เป็นหน้าท่ีศาลชั้นต้นตรวจฎีกา *[๑๔๑] มาตรา ๒๒๐ แก้ไขเพมิ่ เตมิ โดยพระราชบญั ญตั แิ ก้ไขเพ่มิ เตมิ ประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความอาญา (ฉบบั ที่ ๑๗) พ.ศ. ๒๕๓๒ -รวบรวมโดยเพจกฎหมายในสายเลือด-

-ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา- 188 วา่ ควรจะรบั สง่ ขน้ึ ไปยงั ศาลฎีกาหรือไมต่ ามบทบัญญัติแห่งประมวล กฎหมายนี้ ถ้าเห็นว่าไม่ควรรับ ให้จดเหตุผลไว้ในคําสั่งของศาลนั้น โดยชดั เจน มาตรา ๒๒๔*[๑๔๒] เม่ือศาลชั้นต้นไม่ยอมรับ ฎกี า ผฎู้ ีกาอาจฎีกาเป็นคาํ ร้องอุทธรณค์ ําสั่งของศาลนั้นต่อศาลฎีกา ได้ คาํ รอ้ งเช่นนี้ให้ย่ืนที่ศาลช้ันต้นภายในกําหนดสิบห้าวันนับแต่วัน ฟังคําส่ัง แล้วให้ศาลนั้นรีบส่งคําร้องเช่นว่าน้ันไปยังศาลฎีกาพร้อม ดว้ ยฎีกาและคาํ พิพากษาหรอื คาํ สั่งของศาลชั้นตน้ และศาลอุทธรณ์ เม่ือศาลฎีกาเห็นสมควรตรวจสํานวนเพ่ือส่ังคําร้อง เรื่องนนั้ กใ็ ห้ส่ังศาลชน้ั ต้นส่งมาให้ หมวด ๒ การพิจารณา คําพพิ ากษาและคําสงั่ ช้นั ฎกี า *[๑๔๒] มาตรา ๒๒๔ แก้ไขเพม่ิ เตมิ โดยพระราชบญั ญตั แิ กไ้ ขเพิ่มเตมิ ประมวลกฎหมายวธิ ีพจิ ารณาความอาญา (ฉบบั ท่ี ๑๗) พ.ศ. ๒๕๓๒ -รวบรวมโดยเพจกฎหมายในสายเลอื ด-

-ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา- 189 มาตรา ๒๒๕ ให้นําบทบัญญัติว่าด้วยการ พิจารณา และว่าด้วยคําพิพากษาและคําสั่งชั้นอุทธรณ์มาบังคับใน ช้ันฎีกาโดยอนุโลม เว้นแต่หา้ มมใิ ห้ทาํ ความเห็นแย้ง ภาค ๕ พยานหลกั ฐาน หมวด ๑ หลักทว่ั ไป มาตรา ๒๒๖ พยานวัตถุ พยานเอกสาร หรือ พยานบุคคลซ่ึงน่าจะพิสูจน์ได้ว่าจําเลยมีผิดหรือบริสุทธิ์ ให้อ้าง เป็นพยานหลักฐานได้ แต่ต้องเป็นพยานชนิดที่มิได้เกิดขึ้นจาก -รวบรวมโดยเพจกฎหมายในสายเลอื ด-

-ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา- 190 การจูงใจ มีคํามั่นสัญญา ขู่เข็ญ หลอกลวงหรือโดยมิชอบประการ อ่นื และให้สืบตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายนี้หรือกฎหมาย อ่นื อนั วา่ ด้วยการสืบพยาน มาตรา ๒๒๖/๑*[๑๔๓] ในกรณที ีค่ วามปรากฏแก่ แก่ศาลว่า พยานหลักฐานใดเป็นพยานหลักฐานท่ีเกิดข้ึนโดยชอบ แต่ได้มาเนื่องจากการกระทําโดยมิชอบ หรือเป็นพยานหลักฐานที่ ได้มาโดยอาศัยข้อมูลที่เกิดข้ึนหรือได้มาโดยมิชอบ ห้ามมิให้ศาลรับ ฟังพยานหลักฐานนั้น เว้นแต่การรับฟังพยานหลักฐานนั้นจะเป็น ประโยชน์ต่อการอํานวยความยุติธรรมมากกว่าผลเสียอันเกิดจาก ผลกระทบต่อมาตรฐานของระบบงานยุติธรรมทางอาญาหรือสิทธิ เสรภี าพพน้ื ฐานของประชาชน ในการใช้ดุลพินิจรับฟังพยานหลักฐานตามวรรค หน่ึง ให้ศาลพิจารณาถึงพฤติการณ์ท้ังปวงแห่งคดี โดยต้องคํานึงถึง ปัจจยั ต่าง ๆ ดงั ต่อไปนดี้ ้วย (๑) คุณค่าในเชิงพิสูจน์ ความสําคัญ และความ น่าเชอ่ื ถือของพยานหลกั ฐานนัน้ *[๑๔๓] มาตรา ๒๒๖/๑ เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพ่ิมเติมประมวล กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับท่ี ๒๘) พ.ศ. ๒๕๕๑ -รวบรวมโดยเพจกฎหมายในสายเลอื ด-

-ประมวลกฎหมายวธิ ีพจิ ารณาความอาญา- 191 (๒) พฤติการณ์และความร้ายแรงของความผิดใน คดี (๓) ลักษณะและความเสียหายที่เกิดจากการ กระทาํ โดยมิชอบ (๔) ผู้ที่กระทําการโดยมิชอบอันเป็นเหตุให้ได้ พยานหลักฐานมานั้นไดร้ ับการลงโทษหรือไม่เพียงใด มาตรา ๒๒๖/๒*[๑๔๔] ห้ามมิให้ศาลรับฟัง พยานหลักฐานที่เก่ียวกับการกระทําความผิดครั้งอ่ืน ๆ หรือความ ประพฤติในทางเสื่อมเสียของจําเลย เพื่อพิสูจน์ว่าจําเลยเป็น ผู้กระทําความผิดในคดีที่ถูกฟ้อง เว้นแต่พยานหลักฐานอย่างหน่ึง อยา่ งใด ดงั ตอ่ ไปนี้ (๑) พยานหลักฐานท่ีเกี่ยวเน่ืองโดยตรงกับ องค์ประกอบความผิดของคดีทฟี่ ้อง (๒) พยานหลักฐานท่ีแสดงถึงลักษณะ วิธี หรือ รปู แบบเฉพาะในการกระทําความผดิ ของจําเลย *[๑๔๔] มาตรา ๒๒๖/๒ เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพ่ิมเติมประมวล กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับท่ี ๒๘) พ.ศ. ๒๕๕๑ -รวบรวมโดยเพจกฎหมายในสายเลอื ด-

-ประมวลกฎหมายวิธพี ิจารณาความอาญา- 192 (๓) พยานหลักฐานที่หักล้างข้อกล่าวอ้างของ จําเลยถึงการกระทํา หรอื ความประพฤตใิ นส่วนดขี องจาํ เลย ค ว า ม ใ น ว ร ร ค ห นึ่ ง ไ ม่ ห้ า ม ก า ร นํ า สื บ พยานหลักฐานดังกล่าว เพื่อให้ศาลใช้ประกอบดุลพินิจในการ กําหนดโทษหรือเพิ่มโทษ มาตรา ๒๒๖/๓*[๑๔๕] ข้อความซ่ึงเป็นการบอก เล่าที่พยานบุคคลใดนํามาเบิกความต่อศาลหรือท่ีบันทึกไว้ใน เอกสารหรือวัตถุอ่ืนใดซึ่งอ้างเป็นพยานหลักฐานต่อศาล หาก นําเสนอเพื่อพิสูจน์ความจริงแห่งข้อความน้ัน ให้ถือเป็นพยานบอก เลา่ หา้ มมใิ หศ้ าลรบั ฟงั พยานบอกเล่า เว้นแต่ (๑) ตามสภาพ ลักษณะ แหล่งที่มา แล ะ ข้อเท็จจริงแวดล้อมของพยานบอกเล่าน้ันน่าเชื่อว่าจะพิสูจน์ความ จรงิ ได้ หรือ (๒) มีเหตจุ ําเป็น เนื่องจากไม่สามารถนําบุคคลซ่ึง เป็นผู้ที่ได้เห็น ได้ยิน หรือทราบข้อความเก่ียวในเรื่องท่ีจะให้การ *[๑๔๕] มาตรา ๒๒๖/๓ เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพ่ิมเติมประมวล กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับท่ี ๒๘) พ.ศ. ๒๕๕๑ -รวบรวมโดยเพจกฎหมายในสายเลือด-

-ประมวลกฎหมายวิธีพจิ ารณาความอาญา- 193 เป็นพยานนั้นด้วยตนเองโดยตรงมาเป็นพยานได้ และมีเหตุผล สมควรเพ่ือประโยชนแ์ หง่ ความยุติธรรมท่ีจะรับฟงั พยานบอกเลา่ น้นั ในกรณีที่ศาลเห็นว่าไม่ควรรับไว้ซ่ึงพยานบอกเล่า ใด และคู่ความฝ่ายท่ีเกี่ยวข้องร้องคัดค้านก่อนที่ศาลจะดําเนินคดี ต่อไป ให้ศาลจดรายงานระบุนาม หรือชนิดและลักษณะของ พยานบอกเล่า เหตุผลทีไ่ มย่ อมรบั และขอ้ คดั ค้านของคู่ความฝ่ายท่ี เกี่ยวข้องไว้ ส่วนเหตุผลท่ีคู่ความฝ่ายคัดค้านยกข้ึนอ้างน้ัน ให้ศาล ใช้ดุลพินิจจดลงไว้ในรายงานหรือกําหนดให้คู่ความฝ่ายนั้นยื่นคํา แถลงต่อศาลเพ่ือรวมไว้ในสาํ นวน มาตรา ๒๒๖/๔*[๑๔๖] ในคดีความผิดเก่ียวกับ เพศ ห้ามมิให้จําเลยนําสืบด้วยพยานหลักฐานหรือถามค้านด้วย คําถามอันเกี่ยวกับพฤติกรรมทางเพศของผู้เสียหายกับบุคคลอื่น นอกจากจําเลย เว้นแต่จะไดร้ ับอนุญาตจากศาลตามคาํ ขอ ศาลจะอนุญาตตามคําขอในวรรคหนึ่ง เฉพาะใน กรณีท่ีศาลเห็นว่าจะก่อให้เกิดความยุติธรรมในการพิจารณา พิพากษาคดี *[๑๔๖] มาตรา ๒๒๖/๔ เพ่ิมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพ่ิมเติมประมวล กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับท่ี ๒๘) พ.ศ. ๒๕๕๑ -รวบรวมโดยเพจกฎหมายในสายเลือด-

-ประมวลกฎหมายวิธีพจิ ารณาความอาญา- 194 มาตรา ๒๒๖/๕*[๑๔๗] ในช้ันพิจารณาหากมีเหตุ จําเป็นหรือเหตุอันสมควร ศาลอาจรับฟังบันทึกคําเบิกความในชั้น ไตส่ วนมลู ฟอ้ งหรือบันทกึ คําเบกิ ความของพยานที่เบิกความไว้ในคดี อ่นื ประกอบพยานหลักฐานอื่นในคดีได้ มาตรา ๒๒๗ ให้ศาลใช้ดุลพินิจวินิจฉัยชั่ง น้ําหนักพยานหลักฐานทั้งปวง อย่าพิพากษาลงโทษจนกว่าจะ แน่ใจว่ามีการกระทําผิดจริงและจาํ เลยเป็นผู้กระทาํ ความผิดนั้น เมื่อมีความสงสัยตามสมควรว่าจําเลยได้กระทํา ผิดหรือไม่ ให้ยกประโยชน์แห่งความสงสัยน้ันให้จาํ เลย มาตรา ๒๒๗/๑†[๑๔๘] ในการวินิจฉัยชั่งน้ําหนัก พยานบอกเล่า พยานซัดทอด พยานที่จําเลยไม่มีโอกาสถามค้าน *[๑๔๗] มาตรา ๒๒๖/๕ เพ่ิมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพ่ิมเติมประมวล กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับท่ี ๒๘) พ.ศ. ๒๕๕๑ †[๑๔๘] มาตรา ๒๒๗/๑ เพ่ิมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพ่ิมเติมประมวล กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับท่ี ๒๘) พ.ศ. ๒๕๕๑ -รวบรวมโดยเพจกฎหมายในสายเลือด-

-ประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความอาญา- 195 หรือพยานหลักฐานท่ีมีข้อบกพร่องประการอ่ืนอันอาจกระทบถึง ความน่าเชื่อถือของพยานหลกั ฐานน้ัน ศาลจะต้องกระทําด้วยความ ระมัดระวัง และไม่ควรเช่ือพยานหลักฐานน้ันโดยลําพังเพื่อลงโทษ จําเลย เว้นแต่จะมีเหตุผลอันหนักแน่น มีพฤติการณ์พิเศษแห่งคดี หรือมีพยานหลักฐานประกอบอ่ืนมาสนบั สนุน พยานหลักฐานประกอบตามวรรคหน่ึง หมายถึง พยานหลักฐานอ่ืนที่รับฟังได้ และมีแหล่งท่ีมาเป็นอิสระต่างหาก จากพยานหลกั ฐานทีต่ ้องการพยานหลักฐานประกอบนั้น ทั้งจะต้อง มีคุณค่าเชิงพิสูจน์ท่ีสามารถสนับสนุนให้พยานหลักฐานอื่นที่ไป ประกอบมคี วามน่าเชอ่ื ถอื มากขน้ึ ดว้ ย มาตรา ๒๒๘ ระหว่างพิจารณาโดยพลการหรือ คูค่ วามฝา่ ยใดรอ้ งขอ ศาลมีอํานาจสืบพยานเพ่ิมเติม จะสืบเองหรือ ส่งประเดน็ ก็ได้ มาตรา ๒๒๙ ศาลเป็นผู้สืบพยาน จะสืบในศาล หรือนอกศาลก็ได้ แลว้ แตเ่ หน็ ควรตามลักษณะของพยาน -รวบรวมโดยเพจกฎหมายในสายเลือด-

-ประมวลกฎหมายวิธพี จิ ารณาความอาญา- 196 มาตรา ๒๒๙/๑*[๑๔๙] ภายใต้บังคับมาตรา ๑๗๓/๑ ในการไต่สวนมูลฟ้องหรือการพิจารณา โจทก์ต้องย่ืนบัญชี ระบุพยานหลักฐาน โดยแสดงถึงประเภทและลักษณะของวัตถุ สถานท่ีพอสังเขป หรือเอกสารเท่าท่ีจะระบุได้ รวมทั้งรายช่ือ ท่ีอยู่ ของบุคคลหรือผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งโจทก์ประสงค์จะนําสืบ หรือขอให้ ศาลไปตรวจหรือแต่งต้ังต่อศาลไม่น้อยกว่าสิบห้าวันก่อนวันไต่สวน มูลฟ้องหรือวันสืบพยาน พร้อมท้ังสําเนาบัญชีระบุพยานหลักฐาน ดังกล่าวในจํานวนท่ีเพียงพอเพ่ือให้จําเลยรับไป ส่วนจําเลยให้ย่ืน บญั ชรี ะบพุ ยานหลักฐานพรอ้ มสาํ เนาก่อนวนั สบื พยานจาํ เลย ในการไตส่ วนกรณีรอ้ งขอคืนของกลางที่ศาลส่ังริบ หรือกรณีร้องขอให้ศาลริบทรัพย์ ให้บุคคลท่ีเกี่ยวข้องยื่นบัญชีระบุ พยานหลักฐานต่อศาลไม่น้อยกว่าเจ็ดวันก่อนวันไต่สวนพร้อมทั้ง สําเนาบญั ชรี ะบพุ ยานหลักฐานดังกล่าวในจํานวนท่ีเพียงพอ เพื่อให้ บคุ คลท่ีเกย่ี วข้องอ่ืน ถ้ามี รบั ไป เ มื่ อ ร ะ ย ะ เ ว ล า ท่ี กํ า ห น ด ใ ห้ ย่ื น บั ญ ชี ร ะ บุ พยานหลักฐานตามวรรคหน่ึงหรือวรรคสอง แล้วแต่กรณี ได้ส้ินสุด ล ง ถ้ า คู่ ค ว า ม ห รื อ บุ ค ค ล ที่ เ ก่ี ย ว ข้ อ ง ซึ่ ง ไ ด้ ยื่ น บั ญ ชี ร ะ บุ พยานหลักฐานไว้แล้วมีเหตุอันสมควรแสดงได้ว่าตนไม่สามารถ ทราบได้ว่าต้องนําพยานหลักฐานบางอย่างมาสืบ หรือไม่ทราบว่า พยานหลักฐานบางอย่างได้มีอยู่ หรือมีเหตุสมควรอื่นใด หรือถ้า *[๑๔๙] มาตรา ๒๒๙/๑ เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพ่ิมเติมประมวล กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับท่ี ๒๘) พ.ศ. ๒๕๕๑ -รวบรวมโดยเพจกฎหมายในสายเลอื ด-

-ประมวลกฎหมายวิธพี จิ ารณาความอาญา- 197 คู่ ค ว า ม ห รื อ บุ ค ค ล ที่ เ ก่ี ย ว ข้ อ ง ฝ่ า ย ใ ด ซ่ึ ง มิ ไ ด้ ย่ื น บั ญ ชี ร ะ บุ พยานหลักฐานเช่นว่านั้นแสดงให้เป็นที่พอใจแก่ศาลได้ว่า มีเหตุอัน สมควรที่ไม่สามารถย่ืนบัญชีระบุพยานหลักฐานตามกําหนดเวลา ดังกล่าวได้ คู่ความหรือบุคคลเช่นว่านั้น อาจร้องขออนุญาตอ้าง พยานหลักฐานดังกล่าวต่อศาล พร้อมกับบัญชีระบุพยานหลักฐาน และสําเนาบญั ชีระบุพยานหลกั ฐานนั้นไมว่ า่ เวลาใด ๆ ก่อนเสร็จส้ิน การสืบพยานของฝ่ายนั้นสําหรับกรณีที่คู่ความหรือบุคคลเช่นว่าน้ัน ได้ย่ืนบัญชีระบุพยานหลักฐานไว้แล้ว หรือก่อนเสร็จสิ้นการ พิจารณาสําหรับกรณีที่คู่ความหรือบุคคลเช่นว่านั้นไม่ได้ย่ืนบัญชี ร ะ บุ พ ย า น ห ลั ก ฐ า น แ ล ะ ถ้ า ศ า ล เ ห็ น ว่ า จํ า เ ป็ น จ ะ ต้ อ ง สื บ พยานหลักฐานดังกล่าว เพ่ือให้การวินิจฉัยชี้ขาดข้อสําคัญแห่ง ประเด็นเป็นไปโดยเที่ยงธรรม ให้ศาลมีอํานาจอนุญาตให้สืบและรับ ฟังพยานหลกั ฐานเช่นวา่ นั้นได้ ห้ า ม มิ ใ ห้ ศ า ล อ นุ ญ า ต ใ ห้ สื บ แ ล ะ รั บ ฟั ง พ ย า น ห ลั ก ฐ า น ใ ด ซ่ึ ง คู่ ค ว า ม ห รื อ บุ ค ค ล ที่ เ ก่ี ย ว ข้ อ ง ซึ่ ง อ้ า ง พยานหลักฐานน้นั มิไดแ้ สดงความจํานงจะอ้างอิงพยานหลักฐานนั้น ตามวรรคหน่ึง วรรคสอง หรือวรรคสาม หรือตามมาตรา ๑๗๓/๑ วรรคสองหรือวรรคสาม แต่ถ้าศาลเห็นว่าจําเป็นท่ีจะต้องคุ้มครอง พยาน หรือจะต้องสืบพยานหลักฐานดังกล่าวเพื่อให้การวินิจฉัยช้ี ขาดข้อสําคัญแห่งประเด็นเป็นไปโดยเที่ยงธรรม หรือเพื่อให้โอกาส แก่จําเลยในการต่อสู้คดีอย่างเต็มท่ี ให้ศาลมีอํานาจอนุญาตให้สืบ และรบั ฟังพยานหลกั ฐานเชน่ วา่ น้นั ได้ -รวบรวมโดยเพจกฎหมายในสายเลือด-

-ประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความอาญา- 198 มาตรา ๒๓๐*[๑๕๐] เมื่อคู่ความที่เก่ียวข้องร้อง ขอหรือเมื่อศาลเห็นเป็นการสมควร ศาลอาจเดินเผชิญสืบ พยานหลักฐาน หรือเม่ือมีเหตุจําเป็นไม่สามารถนําพยานหลักฐาน มาสืบท่ีศาลน้ัน และการสืบพยานหลักฐานโดยวิธีอื่นไม่สามารถ กระทาํ ได้ ศาลมีอาํ นาจสง่ ประเด็นใหศ้ าลอืน่ สบื พยานหลักฐานแทน ให้ศาลที่รับประเด็นมีอํานาจและหน้าที่ดังศาลเดิม รวมท้ังมีอํานาจ ส่งประเด็นตอ่ ไปยังศาลอน่ื ได้ ภายใต้บังคับมาตรา ๑๗๒ และมาตรา ๑๗๒ ทวิ ให้ส่งสํานวนหรือสําเนาฟ้อง สําเนาคําให้การและเอกสารหรือของ กลางเท่าท่ีจําเป็นให้แก่ศาลที่รับประเด็นเพื่อสืบพยานหลักฐาน หากจําเลยต้องขังอยใู่ นระหว่างพิจารณาให้ผูค้ ุมขังสง่ ตัวจําเลยไปยัง ศาลท่ีรับประเด็น แต่ถ้าจําเลยในกรณีตามมาตรา ๑๗๒ ทวิ ไม่ติด ใจไปฟังการพิจารณาจะย่ืนคําถามพยานหรือคําแถลงขอให้ตรวจ พยานหลักฐานก็ได้ ให้ศาลสืบพยานหลักฐานไปตามน้นั เม่อื สบื พยานหลักฐานตามท่ีได้รับมอบหมายเสร็จ สิ้นแล้ว ให้ส่งถ้อยคําสํานวนพร้อมท้ังเอกสารหรือของกลางคืนศาล เดมิ *[๑๕๐] มาตรา ๒๓๐ แก้ไขเพม่ิ เตมิ โดยพระราชบญั ญตั ิแก้ไขเพ่มิ เตมิ ประมวลกฎหมายวธิ พี ิจารณาความอาญา (ฉบับท่ี ๒๘) พ.ศ. ๒๕๕๑ -รวบรวมโดยเพจกฎหมายในสายเลอื ด-

-ประมวลกฎหมายวธิ พี ิจารณาความอาญา- 199 มาตรา ๒๓๐/๑*[๑๕๑] ในกรณีท่ีมีเหตุจําเป็นอัน ไม่อาจนําพยานมาเบิกความในศาลได้ เม่ือคู่ความร้องขอหรือศาล เห็นสมควร ศาลอาจอนุญาตให้พยานดังกล่าวเบิกความที่ศาลอ่ืน หรือสถานทท่ี ําการของทางราชการหรือสถานท่ีแห่งอ่ืนนอกศาลน้ัน โดยจัดให้มีการถ่ายทอดภาพและเสียงในลักษณะการประชุมทาง จอภาพได้ ท้ังนี้ ภายใต้การควบคุมของศาลที่มีเขตอํานาจเหนือ ท้องท่ีน้ันตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กําหนดในข้อบังคับของ ประธานศาลฎีกา โดยได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมใหญ่ของ ศาลฎีกาและประกาศในราชกิจจานุเบกษาแลว้ ให้ใชบ้ ังคับได้ การเบิกความตามวรรคหนึ่งให้ถือเสมือนว่าพยาน เบิกความในหอ้ งพจิ ารณาของศาล มาตรา ๒๓๐/๒†[๑๕๒] ในกรณีท่ีไม่อาจ สืบพยานตามมาตรา ๒๓๐/๑ ได้ เมื่อคู่ความร้องขอหรือศาล เหน็ สมควร ศาลอาจอนุญาตใหเ้ สนอบันทึกถ้อยคาํ ยืนยันข้อเท็จจริง หรือความเห็นของผู้ให้ถ้อยคําซึ่งมีถิ่นที่อยู่ในต่างประเทศต่อศาล *[๑๕๑] มาตรา ๒๓๐/๑ เพิ่มโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพ่ิมเติมประมวล กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับท่ี ๒๘) พ.ศ. ๒๕๕๑ †[๑๕๒] มาตรา ๒๓๐/๒ เพ่ิมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพ่ิมเติมประมวล กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับท่ี ๒๘) พ.ศ. ๒๕๕๑ -รวบรวมโดยเพจกฎหมายในสายเลือด-

-ประมวลกฎหมายวธิ ีพจิ ารณาความอาญา- 200 แทนการนําพยานบุคคลมาเบิกความต่อหน้าศาลได้ แต่ทั้งนี้ ไม่ ตัดสิทธิผู้ให้ถ้อยคําที่จะมาศาลเพ่ือให้การเพิ่มเติม บันทึกถ้อยคําตามวรรคหน่ึง ให้มีรายการ ดังตอ่ ไปน้ี (๑) ชื่อศาลและเลขคดี (๒) วัน เดือน ปี และสถานทที่ ่ีทาํ บนั ทกึ ถอ้ ยคํา (๓) ชื่อและสกลุ ของคู่ความ (๔) ชอ่ื สกุล อายุ ทอ่ี ยู่ และอาชีพของผู้ให้ถ้อยคํา และความเกี่ยวพันกบั คูค่ วาม (๕) รายละเอียดแห่งข้อเท็จจริง หรือความเห็น ของผู้ให้ถ้อยคาํ (๖) ลายมือชื่อของผู้ให้ถ้อยคํา และคู่ความฝ่ายผู้ เสนอบันทกึ ถ้อยคาํ สําหรับลายมือช่อื ของผ้ใู ห้ถ้อยคาํ ใหน้ ํามาตรา ๔๗ วรรคสาม แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาใช้บังคับ โดยอนุโลม ห้ามมใิ ห้แก้ไขเพิม่ เติมบนั ทึกถ้อยคําท่ีได้ยื่นไว้แล้ว -รวบรวมโดยเพจกฎหมายในสายเลือด-


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook