ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับรถยนต์

ระบบระบายความรอ้ น ระบบระบายความร้อนสามารถแยกได้ 2 แบบ คือ 1.ระบบระบายความร้อนด้วยอากาศ (Air cooling type) 2.ระบบระบายความร้อนด้วยนา้ (Water cooling type)  51

ระบบระบายความรอ้ น ฝาหมอ้ นา้ วาลว์ นา้ หมอ้ นา้ พดั ลม ป๊มั นา้ 52

ระบบระบายความรอ้ น วาลว์ นา้ จะเปิ ดทอี่ ณุ หภมู ิ ~ 82-95 องศาเซลเซยี ส เทอรโ์ มสตทั ทอ่ ระบาย หมอ้ นา้ ป๊มั นา้ 53

ระบบระบายความรอ้ น ถงั นา้ สารองจะต่อกับหม้อนา้ เพ่ือท่จี ะเกบ็ นา้ หล่อเยน็ ท่ไี หลออกมา จากหม้อนา้ และป้ องกนั นา้ ไม่ให้ล้นออกมาข้างนอก ขณะท่ีอุณหภมู ขิ องนา้ หล่อเยน็ ในหม้อนา้ สูงขนึ้ นา้ จะขยายตัวและไหลเข้า ไปในถงั นา้ สารอง ขณะท่ีหม้อนา้ เยน็ จะดูดนา้ หล่อเยน็ จากถงั นา้ สารองกลับมาสู่หม้อนา้ 54

ระบบระบายความรอ้ น ฝาหม้อนา้ นา้ ทาหน้าท่ีรักษาแรงดันนา้ ในระบบ และเพ่มิ จุดเดือดของนา้ ให้สูงขนึ้ สปรงิ ฝาหมอ้ นา้ ความดนั ท่ีฝาหมอ้ นา้ จุดเดือดของน้า ซลี ยางฝาหมอ้ นา้ ( ปอนด์ / ตารางน้ิว ) ( องศาเซลเซียส ) 55 4 110 7 112 9 114 14 118 15 119

ระบบหลอ่ ลน่ื หน้าท่ีของระบบหล่อล่ืน ทาหน้าท่หี ล่อล่ืน และลดแรงเสียดทานระหว่างชนิ้ ส่วน เพ่ือป้ องกัน ไม่ให้เกดิ การเสียดสี หรือสัมผัสกันระหว่างชนิ้ ส่วนโดยตรง ทาความสะอาดชนิ้ ส่วนภายในเคร่ืองยนต์ หน้าท่รี ะบายความร้อนชนิ้ ส่วนภายในเคร่ืองยนต์ 56

ระบบหลอ่ ลน่ื ระบบหลอ่ ลนื่ แบบใช้แรงดนั การหลอ่ ล่ืนแบบนีต้ ้องมีปั๊มสาหรับดดู นา้ มนั และสง่ ไป หลอ่ ลน่ื ตามจดุ ตา่ งๆ โดยผา่ นตามทอ่ เลก็ ๆเช่นกระเดื่องกดลนิ ้ ลกู ปื นตา่ งๆ เซนเซอรแ์ รงดนั ชอ่ งทางน้ามนั เครอื่ ง น้ามนั เครอ่ื ง หมอ้ กรอง น้ามนั เครอื่ ง ป๊ัมน้ามนั เครอื่ ง อา่ งน้ามันเครอื่ ง 57

มาตรฐานนา้ มนั 1. SAE สมาคมวิศวกรรมยานยนต์ (Society of Automotive Engineers) จาแนกตามคา่ ความหนืดของนา้ มนั เคร่ือง – เกรดเด่ยี ว SAE30, 0W, 15W – เกรดรวม SAE 10W30 2. API สถาบนั ปิ โตรเลียมของสหรัฐอเมริกา (American Petroleum Institute) จาแนกตามคุณภาพของนา้ มนั เครื่องเครื่องยนต์เบนซิน \"S\" (Service Oils) หรือนา้ มนั หลอ่ ลืน่ สาหรับสภาพการทางานของเคร่ืองยนต์ตามศนู ย์บริการ ทว่ั ไปและ ประเภททใ่ี ช้กบั เครื่องยนต์ดีเซล \"C\" (Commercial Oils) หรือ นา้ มนั หลอ่ ลื่นสาหรับเครื่องยนต์ดีเซลเชิงพาณิชย์ เช่น CD,CF4 เป็ นต้น 58

มาตรฐานนา้ มนั 10W 30 มาตรฐานความขน้ ใสจากสถาบนั SAE เบอร์ 30 คา่ ตา้ นทานความเป็ นไขท่ี 10W หรอื -20 องศเซลเซียส 59

ระบบสง่ กาลงั (Transmission System) ระบบสง่ กาลัง: มหี นา้ ทถี่ า่ ยทอดการหมนุ ของเครอื่ งยนต์ ไปยังลอ้ เพอ่ื ให ้ เกดิ การเคลอื่ นทไ่ี ด ้ โดยระหวา่ งการสง่ กาลงั จะผา่ นสว่ นประกอบ หลาย สว่ นคอื ชดุ คลตั ช์ (Clutch), ชดุ เกยี ร์ (Transmission), เพลาขบั (Drive shaft), ชดุ เฟื องทา้ ย (Differential), เพลา(Axle) และ ลอ้ (Wheel) เคร่ืองยนต์ เฟื องท้าย เกียร์ เพลากลาง คลัทช์ 60

ระบบสง่ กาลงั (Transmission System) คลัตช์ (Clutch) : ทาหน้าท่ี ตดั - ต่อ กาลังท่เี คร่ืองยนต์สร้างขนึ้ ก่อนส่งไปยงั เกยี ร์ ต่าแหน่งท่ตี ดิ ตัง้ ชุดคลัตช์ มักนิยมตดิ ตัง้ อย่รู ะหว่างเคร่ืองยนต์กบั เกยี ร์ ชุดคลตั ช์ เครื่องยนต์ เกียร์ แผน่ คลตั ช์ ตาแหน่งท่อี ยูข่ องชุดคลตั ช์ 61

ระบบสง่ กาลงั (Transmission System) คลัตช์แบบแห้ง ชดุ คลตั ช์ แผน่ คลตั ช์ 62

ระบบสง่ กาลงั (Transmission System) คลัตช์แบบเปี ยก เกยี รอ์ อโตเมตกิ คลตั ชแ์ บบเปียก ( TORQUE CONVERTER ) 63

เกยี ร์ เป็ นชดุ อปุ กรณส์ ง่ ถา่ ยกาลังจากเครอ่ื งยนตไ์ ปยัง เพลากลาง, เฟือง ทา้ ย , เพลาขา้ ง ไปสน้ิ สดุ ทลี่ อ้ เกยี รม์ หี นา้ ทหี่ ลัก ดังนี้ คอื 1. ถา่ ยทอดกาลังจากเครอ่ื งยนตไ์ ปขบั เคลอ่ื นลอ้ 2. เปลย่ี นความเร็ว และทศิ ทางการเคลอ่ื นที่ ( เดนิ หนา้ - ถอยหลัง ) 3. เป็ นชดุ ทดกาลัง 64 เครอ่ื งวางหนา้ -ขบั หลงั เครอ่ื งวางหนา้ -ขบั หนา้

เกยี รธ์ รรมดา เพลาราวเกยี รบ์ น ลอ้ ชว่ ยแรง ชดุ คลตั ช์ เพลาราวเกยี รล์ า่ ง 65

ชุดแกนกา้ มปู คนั เขา้ เกยี ร์ ชุดปลอกเลอ่ื น กาลงั สง่ มาจาก กาลงั สง่ ไปที่ เครอื่ งยนต์ เฟื องทา้ ย 66 เฟื องสะพานเกยี รถ์ อย เพลาราวเกยี รล์ า่ ง

ตาแหนง่ เกยี ร์ : วา่ ง คนั เขา้ เกยี ร์ ชุดแกนกา้ มปู กาลงั สง่ มาจาก กาลงั สง่ ไปท่ี เครอื่ งยนต์ เฟื องทา้ ย ชุดปลอกเลอื่ น เพลาราวเกยี รล์ า่ ง 67

คนั เขา้ เกยี ร์ ตาแหนง่ เกยี ร์ : 2 ชดุ แกนกา้ มปู กาลงั สง่ มาจาก กาลงั สง่ ไปที่ เครอื่ งยนต์ เฟื องทา้ ย ชดุ ปลอกเลอ่ื น เพลาราวเกยี รล์ า่ ง 68

ระบบสง่ กาลงั (Transmission System) เพลากลาง (Shaft) เพลากลางเป็ นตัวถา่ ยทอดกาลังขบั เคลอ่ื น จากเกยี รไ์ ป เฟืองทา้ ย เพลากลาง มสี ว่ นประกอบทส่ี าคัญ คอื 1. ปลอกเลอ่ื น มหี นา้ ทป่ี รับความยาวของเพลากลาง ตามแนวนอน ซง่ึ จะเกดิ ขนึ้ ในขณะทรี่ ถวงิ่ ผา่ นทางขรขุ ระไมเ่ รยี บ เพอ่ื ใหก้ ารสง่ กาลัง เป็ นไปอยา่ งตอ่ เนอ่ื งและนุ่มนวล ทงั้ ยังป้องกนั เพลากลางไมใ่ หเ้ สยี หาย 2. ขอ้ ตอ่ ออ่ น หรอื ยอย (หรอื กากบาด ) มหี นา้ ทปี่ รับมมุ เพลากลางใน แนวตัง้ ซง่ึ จะเกดิ ขน้ึ ในขณะทร่ี ถวง่ิ ผา่ นทางขรขุ ระไมเ่ รยี บ เพอื่ ใหก้ าร สง่ กาลังเป็ นไปอยา่ งตอ่ เนอื่ งและนุ่มนวล และยงั ป้องกนั เพลากลาง ไมใ่ หเ้ สยี หาย 69

ระบบสง่ กาลงั (Transmission System) เฟืองทา้ ย มหี นา้ ทห่ี ลกั ดงั ตอ่ ไปน้ี คอื 1. เปลยี่ นทศิ ทางการหมนุ ( จากเพลากลางไปทลี่ อ้ ) 2. รักษาสมดลุ ยใ์ นขณะเลยี้ วโคง้ 3. เป็ นตวั ทดกาลงั ชดุ สดุ ทา้ ย ( กอ่ นทจ่ี ะไปยงั ลอ้ ) 70 เฟืองทา้ ย

ระบบสง่ กาลงั (Transmission System) ส่วนประกอบของเฟื องท้าย มีดงั ต่อไปนี้ 1. เฟื องบายศรี 2. เฟื องเดอื ยหมู เฟื องดอกจอกเล็ก 3. เฟื องดอกจอกเล็ก 4. เฟื องดอกจอกใหญ่ เฟื องบายศรี เฟื องดอกจอกใหญ่ 71 เฟืองเดอื ยหมู

ระบบสง่ กาลงั (Transmission System) รปู แบบของเฟืองทา้ ย 1. เฟืองทา้ ยแบบธรรมดา (Standard Differential) 2. เฟืองทา้ ยแบบลมิ เิ ต็ด สลปิ (Limited Slip Differential : LSD)   73

ระบบสง่ กาลงั (Transmission System) รปู แบบของเฟืองทา้ ย 1. เฟืองทา้ ยแบบธรรมดา ( Standard/Open Differential ) ลอ้ ทต่ี กหลม่ 100% ถา้ ตกหลม่ ลอ้ เดยี ว - จะหมนุ ฟรี 74 ลอ้ ทไ่ี มต่ กหลม่ ถา้ ตกหลม่ ทัง้ 2 ลอ้ ๆ ทม่ี แี รงเสยี ดทานนอ้ ยทส่ี ดุ อยกู่ บั ที่ จะหมนุ เพยี งลอ้ เดยี วเทา่ นัน้

ระบบสง่ กาลงั (Transmission System) รปู แบบของเฟืองทา้ ย 2. เฟื องทา้ ยแบบลมิ เิ ต็ด สลปิ ( Limited Slip Differential (LSD) ลอ้ ทตี่ กหลม่ 60% 70% / 60% 40% 30% / 40 % ถา้ ตกหลม่ ลอ้ เดยี ว – จะมกี าลงั ลอ้ ทไ่ี มต่ กหลม่ สง่ จากลอ้ ทห่ี มนุ ฟรไี ปยงั ลอ้ อกี ดา้ นในอตั ราสว่ น 70:30 หรอื 60 : 40 75

ระบบสง่ กาลงั (Transmission System) เพลา : หมายถงึ แกนเพลาทรี่ องรบั นา้ หนกั รถ และการสน่ั สะเทอื นจากพนื้ ผวิ ของถนนรว่ มกบั ยางตลอดจนการรกั ษาลอ้ ใหอ้ ยใู่ นตาแหนง่ ทถ่ี กู ตอ้ ง เพลาทา้ ย เป็ นอปุ กรณข์ บั เคลอ่ื นทสี่ าคญั ซง่ึ ประกอบดว้ ย เสอื้ เพลา , ชุดเฟื องทา้ ย , เพลาขา้ ง และ ดมุ ลอ้ เสอื้ เพลาทา้ ย ดมุ ลอ้ เพลาขา้ ง ชดุ เฟืองทา้ ย เพลาขา้ ง ดมุ ลอ้ 76

ระบบสง่ กาลงั (Transmission System) ชนดิ ของเพลาทา้ ย 1. แบบเพลาลอย เป็ นเพลาทใี่ ชข้ บั เคลอ่ื นอยา่ งเดยี ว ใชก้ บั รถบรรทกุ ขนาด กลาง และใหญ่ 2. แบบกง่ึ เพลาลอย เพลาแบบนท้ี าหนา้ ทร่ี ับน้าหนัก และขบั เคลอ่ื นดว้ ย ใช ้ กบั รถเกง๋ รถปิกอพั 77

ระบบสง่ กาลงั (Transmission System) ขอ้ แตกตา่ งระหวา่ งระบบขบั เคลอ่ื น 4 ลอ้ และ 2 ลอ้ เฟืองทา้ ยลกู หนา้ ชดุ เกยี รท์ รานสเฟอร์ ระบบขบั เคลอื่ น 2 ลอ้ เพลาขบั หนา้ 78 ระบบขบั เคลอ่ื น 4 ลอ้

ระบบสง่ กาลงั (Transmission System) ชดุ เกยี รท์ รานสเฟอร์ เฟืองทา้ ยลกู หนา้ เฟืองทา้ ยลกู หลงั เกยี ร์ 79

เกยี รท์ รานสเฟอร(์ ขบั เคลอ่ื น 4 ลอ้ ) เกยี รห์ ลกั เกยี รท์ รานสเฟอร์ เป็ นเกยี รพ์ เิ ศษทใ่ี ชใ้ นระบบสง่ กาลงั เพอ่ื เพมิ่ อตั ราทดเกยี รท์ าใหร้ ถมสี มรรถนะในการฉุดลากดี ขนึ้ ใชใ้ นการปี นไตไ่ ดด้ ี นยิ มใชใ้ นรถขบั เคลอ่ื น 4 ลอ้ และ รถบรรทกุ ขนาดใหญท่ ใ่ี ชง้ านหนกั 80

ระบบกนั สะเทอื น (Suspension system) ระบบกันสะเทือน : ทาหน้าทรี่ องรับน้าหนักของตัวรถ เครื่องยนต์ผู้โดยสาร และสงิ่ ของอื่นๆในตัวรถ อีกทั้งยังช่วยรองรับ แรงสะเทอื นจากถนน และยัง ช่วยให้ผู้ขับรถสามารถควบคุมการเคลื่อนทไี่ ปตามทุกสภาพ และความเร็ว ของถนน ได้อย่างมปี ระสทิ ธิภาพ โชก้ อพั ปีกนกตวั บน สปรงิ ขด 81 ปีกนกตวั ลา่ ง

ระบบกนั สะเทอื น (Suspension system) 1. สปรงิ คอื ชน้ิ สว่ นทใ่ี ชใ้ นการรองรับแรงเพอ่ื รักษาระดบั ความสงู ของ ตวั รถ รองรับพลงั งานในการอดั และระบายพลงั งานดว้ ยการยดื ตวั ออก สปรงิ ขด ทอชนั่ บาร์ 82

ระบบกนั สะเทอื น (Suspension system) แหนบชว่ ย (Helper spring) สปรงิ ลม แหนบหลกั (Main spring) แหนบ/แผน่ เดยี วหลายแผน่ 83

ระบบกนั สะเทอื น (Suspension system) 2. โชค้ แอปซอฟเบอร์ ทาหนา้ ทห่ี น่วงการยดื ตวั และหดตวั ของสปรงิ ชนดิ นา้ มนั ชนดิ แกส๊ 84

ระบบกนั สะเทอื น (Suspension system) ระบบกนั สะเทอื นแบบคานแขง็ ระบบกนั สะเทอื นแบบอสิ ระ 85

ระบบกนั สะเทอื น (Suspension system) ชนดิ ของระบบกนั สะเทอื น 1. ระบบกนั สะเทอื นแบบคานแข็ง (Rigid suspension, Dependent suspension) ลอ้ ทงั้ คจู่ ะยดึ ตดิ กบั เพลาซงึ่ ตดิ ตงั้ กบั ตัวถงั รถโดยตรง โดยมแี หนบตดิ ตงั้ เขา้ กบั เพลา เพอื่ กนั การสะเทอื นของแชสซสี ์ แหนบ (Leaf spring) 86

ระบบกนั สะเทอื น (Suspension system) ชนดิ ของระบบกนั สะเทอื น 2. ระบบกนั สะเทอื นแบบอสิ ระ (Independent suspension) เป็ นระบบกนั สะเทอื นทไ่ี ดร้ ับการพัฒนาใหแ้ ยกหนา้ ท่ี รองรับน้าหนัก และแรง สะเทอื นระหวา่ งลอ้ ซา้ ยและขวา 1. แบบปี กนกคู่ 2. เมคเฟอรส์ นั สตรัท 87

ระบบกนั สะเทอื น (Suspension system) ชนดิ ของระบบกนั สะเทอื นแบบอสิ ระ 1. ระบบกนั สะเทอื นอสิ ระแบบปีกนกคู่ (Double Wishbone) ระบบกนั สะเทอื นแบบ นม้ี สี ว่ นประกอบของปีกนก 2 ชน้ิ ดา้ นบน (Upper control arm) ดา้ นหนงึ่ ตดิ กบั โครงรถ และอกี ดา้ นตดิ กบั ขอ้ บงั คบั เลยี้ วดว้ ยลกู หมาก (Ball joint) และดา้ นลา่ ง (Lower control arm) กย็ ดึ ตดิ ดว้ ยวธิ เี ดยี วกนั ขอ้ บงั คบั เลย้ี ว ปี กนกบน เหล็กกนั โคลง ปีกนกลา่ ง 88

ระบบกนั สะเทอื น (Suspension system) ชนดิ ของระบบกนั สะเทอื นแบบอสิ ระ 2. ระบบกนั สะเทอื นเมคเฟอรส์ นั สตรัท (MacPherson Strut) ประกอบดว้ ยแกนปีกนกลา่ งหนง่ึ แกนสว่ นดา้ นบนจะเป็ นใชช้ ดุ สตรัท (Strut) เพอื่ รับแรงกระแทกบนพน้ื ถนนมายังลอ้ -> ปีกนก -> คอย สปรงิ -> โชค้ อพั ชดุ สตรัท แขนควบคมุ ลา่ ง 89 ระบบกนั สะเทอื นสาหรับรถเกง๋

ระบบกนั สะเทอื น (Suspension system) อสิ ระปี กนกสองชนั้ คอยล์ อสิ ระปี กนกสองชน้ั ทอร์ สปรงิ พรอ้ มโชค้ อพั แกส๊ ชนั บารพ์ รอ้ งโชค้ อพั แกส๊ 90

ระบบบงั คบั เลยี้ ว (Steering system) ระบบบงั คบั เลยี้ ว ทาหนา้ ทเ่ี ปลยี่ นทศิ ทางการเคลอื่ นทขี่ อง รถยนตใ์ หไ้ ปทางซา้ ย หรอื ขวา ขน้ึ อยกู่ บั การบงั คบั ของผขู ้ บั ข่ี โดยการหมนุ พวงมาลยั เพอื่ สง่ แรงไปบงั คบั ลอ้ แกนพวงมาลยั ชดุ เฟืองพวงมาลยั แขนบงั คบั เลย้ี ว 91

ระบบบงั คบั เลย้ี ว (Steering system) ชนดิ ของระบบบงั คบั เลยี้ ว 1. แบบธรรมดา (MANUAL STEERING) 2. แบบเพาเวอร์ (POWER STEERING) เป็ นอปุ กรณ์พเิ ศษสาหรับการ บงั คบั เลย้ี ว ซง่ึ กลไกจะชว่ ยลดแรงในการบงั คบั เลยี้ วของผขู ้ บั ข่ี แกนพวงมาลยั ระบบพวงมาลยั เพาเวอร์ ชดุ เฟืองพวงมาลยั แขนบงั คบั เลยี้ ว 92

ระบบบงั คบั เลยี้ ว (Steering system) พวงมาลยั แบบบอลแอนดน์ ัท (Ball & Nut) ขอ้ ดขี องระบบพวงมาลยั แบบนี้ คอื ความแข็งแรงทนทาน แตม่ ี ขอ้ เสยี ในเรอ่ื งของความแมน่ ยา และความวอ่ งไวในการทางานจะ ชา้ กวา่ แบบแร็คแอนดพ์ เิ นยี น Ball and nut 93

ระบบบงั คบั เลย้ี ว (Steering system) พวงมาลยั แบบแร็คแอนดพ์ เิ นยี น (Rack & Pinion) ขอ้ ดขี องระบบพวงมาลยั แบบนี้ คอื บงั คบั ควบคมุ ไดแ้ มน่ ยา แม ้ ในขณะทเ่ี ขา้ โคง้ ใหก้ ารตอบสนองทด่ี ี และไวกวา่ แบบบอลแอนดน์ ัท แกนพวงมาลยั แรคพวงมาลยั คนั สง่ คนั สง่ 94 Rack and penion

ระบบเบรก (Braking system) เบรก (Brake) ทาหนา้ ทชี่ ลอความเร็วของรถ หรอื ทาใหร้ ถหยดุ ตามความตอ้ งการของผขู ้ บั รถ รถสว่ นใหญใ่ นปัจจบุ ัน ใชก้ าร ถา่ ยทอดแรงเหยยี บ ทแี่ ป้นเบรค ไปถงึ ตวั อปุ กรณ์หยดุ ลอ้ ดว้ ย ระบบไฮดรอลกิ ซ์ (Hydraulic ) ดสิ กเ์ บรก: หยดุ การหมนุ ของลอ้ ดว้ ยแรงเสยี ดทานทเี่ กดิ ขนึ้ ระหวา่ งผา้ เบรกซง่ึ กดเขา้ กบั จานเบรก ผา้ เบรก ลกู สบู เบรก จานเบรก 95 ดสิ กเ์ บรก

ระบบเบรก (Braking system) ดรัมเบรก: ฝักเบรกถ่างออก เพ่อื หยดุ การหมุนของล้อด้วยแรงเสียดทาน ซ่งึ เกดิ ขนึ้ โดยการดนั ผ้าเบรกให้แนบกบั ดรัม ลกู สบู เบรก ผา้ เบรก Leading trailing ดรมั 96

ดสิ กเ์ บรก ดรมั เบรก 97

ระบบเบรก (Braking system) 1. แป้ นเบรก 2. หมอ้ ลมเบรก 3. แมป่ ๊มั เบรก 4. คาลปิ เปอรเ์ บรก 5. ผา้ ดสิ กเ์ บรก 6. จานเบรก 7. ดรมั เบรก 8. ผา้ เบรก 9. ฝกั เบรก 98

ระบบเบรก (Braking system) 9” 8” กระปกุ น้ามนั เบรก ทอ่ น้ามนั เบรก 99 หมอ้ ลมเบรก

ระบบเบรก (Braking system) เบรก ABS ( Anti Lock Brake System ) เป็ นระบบเสรมิ ประสทิ ธภิ าพการเบรก เพอ่ื ป้ องกนั ไมใ่ ห้ ลอ้ ล็อกตาย โดยจะควบคมุ แรงดนั นา้ มนั เบรกใหอ้ ยใู่ น ระดบั ทลี่ อ้ จะไมล่ ็อกตาย เมอื่ ตอ้ งเบรกอยา่ งรนุ แรง เซนเซอรว์ ดั ความเร็ว ECM ชดุ ควบคมุ น้ามัน 100 เซนเซอรว์ ดั ความเร็ว

ระบบเบรก (Braking system) การทางานของ ABS 1. เซน็ เซอรจ์ ะตรวจสอบความเร็วในการหมนุ ของลอ้ ทงั้ 4 เมอ่ื ลอ้ มอี าการล็อค ระบบจะลด แรงเบรกของลอ้ ทนั ทเี พอื่ ใหล้ อ้ ทถ่ี กู ล็อคสามารถหมนุ ได ้ 2. หลงั จากทล่ี อ้ คนื สสู่ ภาพการหมนุ เดมิ อปุ กรณเ์ บรกจะกลบั มาทาหนา้ ทเ่ี หมอื นเดมิ 3. ถา้ ลอ้ มกี ารล็อคขนึ้ อกี ครัง้ หนงึ่ ระบบนจี้ ะปลดปลอ่ ยแรงเบรกเฉพาะลอ้ ทลี่ อ็ ค 4. ระบบนจ้ี ะทาซา้ ๆ มากกวา่ 12 ครัง้ ตอ่ วนิ าที เพอื่ ใหข้ ดี ความสามารถการทางานของเบรก ไดส้ งู สดุ เพอื่ ใหแ้ น่ใจวา่ รถอยใู่ นการควบคมุ และสามารถควบคมุ ทศิ ทางไดอ้ ยา่ ง คลอ่ งแคลว่ 1. ECU (หนว่ ยควบคมุ อเิ ล็คทรอนกิ ส)์ 2. แอ็คชวิ เอเตอร์ 101 3. เซ็นเซอร์