Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หน่วย3_พัฒนาการทางประวัติศาสตร์ไทยฯ

หน่วย3_พัฒนาการทางประวัติศาสตร์ไทยฯ

Published by Belly'z NP, 2021-05-27 04:51:08

Description: หน่วย3_พัฒนาการทางประวัติศาสตร์ไทยฯ

Search

Read the Text Version

หนว่ ยกำรเรียนรู้ท่ี ๑ หนว่ ยกำรเรียนรทู้ ี่ ๒ หน่วยกำรเรียนรู้ท่ี ๓ หน่วยกำรเรียนรูท้ ่ี ๔ ประวตั ศิ าสตร์ ช้ันมัธยมศกึ ษาปีที่ ๓ กล่มุ สาระการเรียนรู้สงั คมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม หนว่ ยกำรเรียนรู้ท่ี ๕ หน่วยกำรเรียนรูท้ ่ี ๖ หน่วยกำรเรยี นรู้ที่ ๗ ๑_หลกั สูตรวิชาประวัตศิ าสตร์ ๒_แผนการจดั การเรียนรู้ ๓_PowerPoint_ประกอบการสอน ๔_Clip ๕_ใบงาน_เฉลย ๖_ขอ้ สอบประจาหนว่ ย_เฉลย ๗_ข้อสอบ_เฉลย ๘_การวดั และประเมนิ ผล ๙_เสรมิ สาระ ๙_สือ่ เสริมการเรียนรู้ บรษิ ัท อกั ษรเจรญิ ทศั น์ อจท. จำกดั : 142 ถนนตะนำว เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200 Aksorn CharoenTat ACT.Co.,Ltd : 142 Tanao Rd. Pranakorn Bangkok 10200 Thailand โทรศัพท์ : 02 622 2999 โทรสำร : 02 622 1311-8 [email protected] / www.aksorn.com

๓หน่วยการเรียนรู้ที่ พฒั นาการทางประวัตศิ าสตรไ์ ทย สมยั ปรบั ปรุงและปฏริ ปู ประเทศไทย จุดประสงค์การเรียนรู้ ๑. ปจั จยั ท่ีสง่ ผลตอ่ ควำมมัน่ คงและควำมเจรญิ รุ่งเรืองของไทยในสมยั รตั นโกสนิ ทรไ์ ด้ ๒. บทบำทของพระมหำกษตั รยิ ์ไทยในรำชวงศ์จักรใี นกำรสร้ำงสรรคค์ วำมเจริญและควำมมั่นคงของชำตไิ ด้ ๓. พัฒนำกำรของไทยในสมยั รตั นโกสินทร์ทำงดำ้ นกำรเมืองกำรปกครอง สงั คม เศรษฐกจิ และควำมสัมพันธร์ ะหวำ่ งประเทศตำมช่วงสมัยต่ำงๆ ได้ ๔. เหตกุ ำรณ์สำคญั สมยั รัตนโกสนิ ทรท์ ีม่ ผี ลตอ่ กำรพฒั นำชำตไิ ทย เช่น กำรทำสนธสิ ัญญำเบำว์ริงในสมัยรัชกำลที่ ๔ กำรปฏริ ปู ประเทศในสมัยรัชกำลท่ี ๕ กำรเขำ้ ร่วมสงครำมโลกครัง้ ที่ ๑ โดยวเิ ครำะหส์ ำเหตุปัจจัย และผลของเหตุกำรณต์ ่ำงๆ ได้

ปจั จัยที่ส่งผลต่อความมั่นคงและความเจริญรงุ่ เรือง การมผี ้นู าท่ดี ี พระบาทสมเด็จ พระบาทสมเด็จ พระบาทสมเดจ็ พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจา้ อย่หู ัว พระจลุ จอมเกล้าเจา้ อยหู่ วั พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยู่หวั พระปกเกลา้ เจา้ อย่หู วั ทรงมีควำมรู้ด้ำนภำษำอังกฤษ ทร ง มี ค ว ำม ร อ บ รู้ ก ำ ร เ ส ด็ จ ทรงได้รบั กำรศึกษำอย่ำงดี และดำรำศำสตร์ ทรงติดต่อกับ ประพำสต่ำงประเทศเป็นกำรเจริญ ต่ำงประเทศอยำ่ งกวำ้ งขวำง สัมพันธไมตรี และนำควำมเจริญ มำปรับใช้ พระมหำกษัตริย์ทกุ พระองคต์ ้งั แตร่ ัชกำลที่ ๔ เปน็ ต้นมำ ทรงมีควำมทันสมยั รู้ทนั ควำมเปล่ียนปลงของโลก และเห็นควำมสำคัญของกำรปฏริ ปู ประเทศ

ท่ีตั้งทางภูมศิ าสตร์ ประเทศไทยเปน็ รัฐทอี่ ยตู่ รง ไทยเปรียบเสมอื นรฐั กนั กลำงระหวำ่ งเขตอำนำจ ชนระหว่ำง ของอังกฤษในพมำ่ มลำยู และเขตอำนำจของฝรั่งเศสใน อังกฤษและฝรั่งเศส เวยี ดนำม กมั พูชำ และลำว ทำให้ทัง้ สองชำตไิ มใ่ ช้ กำลงั หักหำญ ยึดครองไทย เพรำะเกรงว่ำอำจต้อง ปะทะกับอีกฝำ่ ย

การดาเนนิ นโยบายตา่ งประเทศทด่ี ี พระบาทสมเด็จพระจลุ จอมเกล้าเจา้ อยหู่ ัวทรงฉายกบั ซารน์ โิ คลัสที่ ๒ แห่งรสั เซีย ที่พระราชวังปีเตอรฮ์ อฟ เมอ่ื คราวเสด็จประพาสยุโรปครัง้ แรก พ.ศ. ๒๔๔๐ รฐั บำลดำเนนิ นโยบำยตำ่ งประเทศในลักษณะทเ่ี ปน็ มติ ร โอนอ่อนผอ่ นตำม รวมท้งั แสวงหำพันธมิตร เช่น รสั เซยี เพอ่ื มำคำนอำนำจกับองั กฤษและฝรงั่ เศส

การสร้างความเจริญภายในและลดความขดั แย้ง ยกเลิกธรรมเนยี มท่ีล้ำสมยั เชน่ กำรหมอบคลำน เม่ือเขำ้ เฝำ้ เปลย่ี นเปน็ กำรเดิน กำรหมอบกรำบ เปลีย่ นเปน็ ก้มศรี ษะ ถวำยคำนับ เป็นต้น ปฏิรูปกฎหมำยและกำรศำล เพ่ือไมใ่ ห้ ชำตติ ะวนั ตกใช้เป็นขอ้ อำ้ งแทรกแซง และยดึ ครองไทย

พัฒนาการทางประวัติศาสตร์ พฒั นาการดา้ นการเมืองการปกครอง ด้านการเมือง  สมัยรัชกำลท่ี ๔ อำนำจทำงกำรเมอื งข้นึ อย่กู บั ตระกลู บุนนำค  สมยั รชั กำลท่ี ๕ ทรงพยำยำมลดอำนำจขนุ นำงตระกลู บุนนำค ทำให้อำนำจของพระองค์มำกขนึ้ ด้านการปกครอง  สมัยรชั กำลที่ ๔ ทรงเริ่มเปลีย่ นแปลงธรรมเนียมทล่ี ้ำสมยั รวมทั้งกำรตดิ ต่อกับชำต่ำงชำติ  สมยั รัชกำลที่ ๕ ทรงตง้ั สภำที่ปรกึ ษำ ๒ สภำ คือ สภำท่ีปรึกษำรำชกำรแผ่นดินกบั สภำท่ีปรกึ ษำในพระองค์  ทรงปฏิรูปกำรปกครองส่วนกลำง โดยเพ่ิมหน่วยงำนจำก ๖กรม เป็น ๑๒ กรม ต่อมำท้ัง ๑๒ กรม เปล่ียนเป็น ๑๒กระทรวง ซ่ึงเปน็ รำกฐำนของกระทรวงต่ำงๆ ในปจั จุบนั

พัฒนาการด้านการเมืองการปกครอง ดา้ นการปกครอง  กำรปฏริ ปู กำรปกครองสว่ นภูมภิ ำค ทรงยกเลิกระบบกนิ เมอื ง เมอื งทัง้ หลำยรวมเป็นมณฑลเทศำภบิ ำล  กำรปฏิรูปกำรปกครองส่วนท้องถิ่น ทรงนำระบบกำรปกครองแบบสขุ ำภิบำลมำใช้ แต่งตัง้ กำนัน ผ้ใู หญ่บำ้ น  ทรงต้ังเสนำบดสี ภำ องคมนตรสี ภำ และรฐั มนตรสี ภำ  สมยั รชั กำลท่ี ๖ กล่มุ ยังเตริ ์ก พยำยำมเปล่ยี นแปลงกำรปกครองเปน็ ประชำธปิ ไตยแตไ่ ม่สำเรจ็  ทรงใหป้ ระชำชนมเี สรีภำพในกำรแสดงออก  สมัยรชั กำลท่ี ๗ ทรงเตรียมกำรพระรำชทำนรฐั ธรรมนญู แตม่ ผี ถู้ วำยควำมเหน็ ว่ำประชำชนยงั ไม่พร้อม เพรำะ กำรศกึ ษำไม่แพร่หลำยทรงวำงรำกฐำนกำรปกครองทอ้ งถ่ินแบบเทศบำล เพ่ือให้รำษฎรรจู้ ักปกครองตนเอง

ด้านการเงนิ การคลงั พฒั นาการด้านเศรษฐกจิ ด้านเกษตรกรรม ด้านการคา้ และการลงทนุ กำหนดอตั รำแลกเปลี่ยนเพ่อื กำรซ้ือขำย ต้ังหอรษั ฎำกรพิพฒั น์และกระทรวงกำรคลังในเวลำต่อมำ บกุ เบกิ ที่ดินเพ่ือกำรเพำะปลกู มกี ำรขุดคลองเพิม่ มีกำรตั้งโรงสี และมีกำรส่งเสริมกำรพัฒนำพันธุ์ข้ำว ส่งเสรมิ กำรเล้ียงไหม เกดิ โรงงำนอตุ สำหกรรมเพิม่ มำกข้นึ เศรษฐกิจขยำยตัว และผกู พนั กบั เศรษฐกิจโลกเพิม่ มำกข้นึ

การเลกิ ทาส พฒั นาการด้านสงั คม การศึกษา  รัชกำลท่ี ๕ ทรงดำเนินกำรเลิก การเลิกไพร่  รัชกำลที่ ๕ โปรดเกล้ำฯ ให้ต้ัง ทำสใน พ.ศ. ๒๔๑๗ แต่ให้ มี โรงเรยี นสอนหนังสอื ขนึ้ ผลยอ้ นหลังไปถงึ พ.ศ.๒๔๑๑  รัชกำลท่ี ๕ ทรงเลิกไพร่โดยเร่ิมจำก กำรกำหนดว่ำชำยฉกรรจ์ที่ถูกสักข้ึน  ทรงตงั้ กระทรวงธรรมกำร  พ.ศ.๒๔๘๘ ทรงประกำศยกเลิก ทะเบยี นตอ้ งมีอำยุ ๑๘ ปี  รัชกำลที่ ๖ โปรดเกล้ำฯ ให้มี ระบบทำสในไทย ห้ำมผู้เป็นไท ขำยตวั เปน็ ทำสอกี ต่อไป  ห้ ำ ม เ ก ณ ฑ์ แ ร ง ง ำ น ร ำ ษ ฎ ร กำรศึกษำภำคบงั คับ ๔ ปี เปลีย่ นเปน็ ให้จำ้ งแทน  ส่วนผู้เป็นทำสให้ลดค่ำตัวลง เดือนละ ๔ บำท จนหมดค่ำตัว  กำหนดให้ผู้ชำยอำยุ ๑๘ ปี เป็น หรือหมดหนี้ ทหำร ๒ ปี แล้วไม่ต้องรับรำชกำร (เขำ้ เดอื น) อกี ต่อไป  ผู้ ท่ี ไ ม่ เ ป็ น ท ห ำ ร ใ ห้ เ สี ย เ งิ น ค่ำรำชกำรไมเ่ กนิ ๖ บำทต่อปี  ระบบไพร่สิ้นสุดลง ไพร่มีสถำนะ เป็นรำษฎรที่มีอิสระในกำร ต้ัง ถิ่นฐำนและประกอบอำชีพ

พฒั นาการดา้ นความสมั พนั ธร์ ะหว่างประเทศ ด้านการทูตและการทาสนธิสัญญาระหว่างประเทศ  รัชกำลที่ ๔ ทรงเหน็ ควำมจำเป็นทจี่ ะต้องยอมแกไ้ ขและทำสนธสิ ญั ญำใหมก่ บั ชำติตะวนั ตก ด้านการป้องกันการคุกคามของชาติตะวนั ตก  รชั กำลท่ี ๕ เสด็จประพำสยุโรปถงึ ๒ ครั้ง เพือ่ เจรจำและหำพนั ธมติ รทจ่ี ะชว่ ยสนับสนุนไทย ด้านการแก้ไขสทิ ธภิ าพนอกอาณาเขต  ทำให้ยกเลกิ กำรมีสิทธิสภำพนอกอำณำเขตของคนในบงั คบั ของต่ำงชำติ

เหตุการณ์สาคญั ท่มี ีผลตอ่ พฒั นาการทางประวตั ศิ าสตร์ การทาสนธสิ ญั ญาเบาว์ริง เซอร์ จอหน์ เบาวร์ ิง  อังกฤษได้สทิ ธสิ ภำพนอกอำณำเขต  ยกเลกิ ภำษปี ำกเรือ ให้เก็บภำษีสินคำ้ ขำเขำ้ รอ้ ยละ ๓ แทน  ใหม้ กี ำรคำ้ เสรี และไทยอนุญำตให้นำขำ้ ว ปลำ เกลือ ไปขำยตำ่ งประเทศได้  คนในบังคบั อังกฤษนำฝิน่ มำขำยในไทยได้ แตต่ อ้ งขำยให้เจ้ำภำษฝี ่นิ เท่ำน้ัน ถ้ำเจ้ำภำษไี ม่ซ้อื ต้องนำออกไป  ถ้ำชำตอิ ื่นได้สทิ ธิพิเศษเพม่ิ เติม องั กฤษจะได้สทิ ธพิ ิเศษนน้ั ด้วย  สนิ ค้ำท่ีเป็นสนิ ค้ำออกใหเ้ ก็บภำษีไดเ้ พียงครัง้ เดียว  สนธิสัญญำนจี้ ะแกไ้ ขได้เมอ่ื พ้น ๑๐ ปไี ปแลว้

ผลกระทบของสนธสิ ัญญาเบาว์รงิ ด้านเศรษฐกิจ การเปลีย่ นแปลงระบบเศรษฐกจิ ของประเทศ จากแบบยงั ชพี เป็นระบบเศรษฐกิจการตลาด การเปลยี่ นแปลงประเภทสนิ ค้าหลกั ของประเทศ ทาให้ข้าวกลายเป็นสนิ คา้ ออกท่ีสาคัญมาจนถงึ ปจั จบุ นั การขยายตวั ของการคา้ ภายในประเทศ ประกอบกบั การพฒั นาเสน้ ทางคมนาคม ทาใหก้ ารค้าขยายตัวอย่างรวดเร็ว การพฒั นาอุตสาหกรรม และรัฐไดป้ รบั ปรุงระบบสาธารณูปโภค ใหส้ อดคล้องกับความกา้ วหนา้ ทางเศรษฐกิจ การปฏริ ูประบบภาษีอากรและการคลงั จดั ต้งั หอรัษฎากรพพิ ฒั น์ และมกี ารจัดทางบประมาณแผ่นดนิ เป็นคร้ังแรก

ผลกระทบของสนธสิ ญั ญาเบาวร์ งิ ดา้ นการเมือง ด้านสังคม ผ่อนคลำยแรงกดดันจำกมหำอำนำจตะวนั ตก กำรเปลยี่ นแปลงกลมุ่ ผูม้ บี ทบำททำงเศรษฐกิจ และเป็นกำรเปดิ สัมพันธท์ ำงกำรทูต พ่อค้ำและนำยทนุ ชำวตะวนั ตกเข้ำมำคำ้ ขำย ระหว่ำงไทยกับนำนำชำติ และลงทนุ ทำธรุ กจิ แขง่ ขันกบั นำยทุนชำวจนี สทิ ธสิ ภำพนอกอำณำเขตและคนในบังคับ กำรเปล่ยี นแปลงวถิ ชี ีวติ สนิ ค้ำของตะวันตกซงึ่ เป็นสนิ ค้ำ ถอื เปน็ ควำมเสยี เปรยี บในระยะยำวมำก แปลกใหม่ กระจำยไปยงั ประชำชนทง้ั ในเมอื งและชนบท ซ่ึงไทยกเ็ ริม่ เจรจำเพอื่ จำกดั ปัญหำนี้ ทำใหป้ ระชำชนเข้ำสรู่ ะบบเศรษฐกิจท่ีใชเ้ งินตรำหำซอื้ ส่งิ ของแทนทวี่ ิถชี ีวิตแบบเดิม

การปฏริ ูปประเทศสมยั พระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกล้าเจา้ อย่หู วั การปฏริ ปู ประเทศ การปฏิรูปประเทศ การปฏิรปู ประเทศ ระยะแรก สมยั รชั กาลที่ ๕ ระยะที่ ๒ ทรงต้ังหอรษั ฎำกรพิพฒั น์ ทดลองขยำยกำรปกครอง จำก ๖ กรม เป็น ๑๒ กรม ทรงเปลีย่ นแปลงธรรมเนยี มกำรเข้ำเฝำ้ พระบรมวงศำนวุ งศ์ และขนุ นำง ได้รับกำรศกึ ษำแบบใหมม่ ำชว่ ยรำชกำร ทรงตง้ั สภำทป่ี รึกษำรำชกำรแผน่ ดนิ และสภำ ทรงจ้ำงชำวตำ่ งประเทศ ท่ีปรกึ ษำสว่ นพระองค์ มำเปน็ ทปี่ รึกษำและทำงำน

ดา้ นการบริหารราชการแผ่นดิน ทรงปฏริ ูปกำรบริหำรรำชกำรแผ่นดนิ ใหม่ในวนั ท่ี ๑ เมษำยน พ.ศ. ๒๔๓๕ หลังจำกทรงทดลองมำ ๔ ปี โดยแบ่งเป็น ๑๒ กระทรวง ไดแ้ ก่ กระทรวงมหำดไทย กระทรวงมรุ ธำธร กระทรวงนครบำล กระทรวงยุทธนำธิกำร กระทรวงโยธำธิกำร กระทรวงพระคลงั มหำสมบตั ิ กระทรวงธรรมกำร กระทรวงกำรตำ่ งประเทศ กระทรวงเกษตรพำนิชกำร กระทรวงกลำโหม กระทรวงยตุ ธิ รรม กระทรวงวงั

ด้านกฎหมายและศาล  ปฏิรูปกฎหมำยและกำรศำลให้เปน็ แบบตะวนั ตก เพ่อื ยกเลิกสนธสิ ัญญำท่ีไมเ่ ป็นธรรม และสทิ ธสิ ภำพนอกอำณำเขต  ต้งั กระทรวงยตุ ิธรรมเพอื่ ดแู ลงำนดำ้ นกำรศำล  ตงั้ โรงเรียนกฎหมำย จำ้ งนักกฎหมำยชำวต่ำงชำตมิ ำช่วยรำ่ งประมวลกฎหมำยตำมแบบตะวันตก  พระเจ้ำลูกยำเธอ กรมหลวงรำชบรุ ีดเิ รกฤทธ์ิ เปน็ แกนนำสำคัญในกำรปฏริ ปู กฎหมำย ด้านสังคม  ทรงเลิกทำสและระบบไพร่  ประชำชนมอี ิสระในกำรประกอบอำชพี ตัง้ ถ่ินฐำน และศกึ ษำเลำ่ เรยี น

ด้านการศกึ ษา ด้านเศรษฐกจิ และการคลัง ด้านการคมนาคม และการสื่อสาร  ทรงจัดระบบกำรศึกษำแผนใหม่  จัดระบบเงินตรำโดยใช้มำตรฐำน  มีกำรสร้ำงถนน ทำงรถไฟ รถรำง  มกี ำรขุดคูคลอง แบบตะวันตก ทองคำแทนมำตรฐำนเงิน  จัดระบบไปรษณีย์โทรเลข ไฟฟ้ำ  ตั้งโรงเรียนหลวงสำหรับลูกขุนนำง  ต้ังกระทรวงพระคลังมหำสมบัติ ประปำ และโรงพยำบำล และรำษฎร ดูแลด้ำนกำรคลงั ของแผน่ ดิน  ตั้งกระทรวงธรรมกำรดูแลเรื่อง ศำสนำและกำรศกึ ษำ

การปฏิรูปประเทศสมัยพระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกล้าเจ้าอย่หู วั รชั กำลที่ ๖ ไม่ไดร้ บี ร้อนทรงรอเวลำที่เหมำะสม และในวันท่ี ๒๒ กรกฎำคม พ.ศ. ๒๔๖๐ จึง ไดท้ รงประกำศสงครำมต่อฝำ่ ยมหำอำนำจกลำง ผลดีของการเขา้ ร่วมสงครามโลกครงั้ ท่ี ๑  ได้ยกเลกิ สนธิสญั ญำท่ีไม่เปน็ ธรรมกบั เยอรมนี และออสเตรีย-ฮงั กำรี  ต่ำงชำตริ จู้ กั ไทยดขี ้ึน ไดร้ บั กำรยกยอ่ งใหม้ ีฐำนะเท่ำเทยี มกับประเทศฝำ่ ยสัมพนั ธมติ ร  ไดเ้ ป็นสมำชิกของสนั นบิ ำตชำติ  ขอแกไ้ ขสนธิสัญญำทไ่ี มเ่ ป็นธรรมกบั ชำติตะวนั ตก พระบาทสมเด็จพระมงกฎุ เกล้าเจ้าอยหู่ วั รัชกาลท่ี ๖ ทรงตรวจแถวทหารอาสา พระราชทานเหรียญทร่ี ะลกึ แกท่ หารอาสาท่เี ดนิ ทางกลบั จากการรบ ทเี่ ดินทางกลับจากการรบบรเิ วณหน้าพระที่นงั่ จกั รีมหาปราสาท

บทบาทของพระมหากษัตรยิ ์ในราชวงศ์จกั รตี ่อความมน่ั คงและเจรญิ ร่งุ เรอื งของชาติ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจา้ อยู่หวั พระราชกรณียกิจทส่ี าคัญ ด้านการต่างประเทศ ดา้ นเศรษฐกิจ  ทรงส่งคณะรำชทูตไปอังกฤษและ  ทรงทำสนธิสัญญำกับ ต่ำงชำติ ฝรง่ั เศสเพอ่ื เจริญพระรำชไมตรี และโปรดเกล้ำฯ ให้ตั้งโรงกษำปณ์ ผลิตเงนิ ดา้ นการปรับปรงุ ประเทศ ดา้ นสงั คมและวัฒนธรรม  ทรงยกเลิกประเพณีเก่ำๆ ท่ีล้ำสมัย แ ล ะ ท ร ง น ำ ค ว ำ ม รู้ ข อ ง ต ะ วั น ต ก  ทรงตั้งธรรมยุติกนิกำย และโปรดเกล้ำฯ มำปรบั ปรุงบำ้ นเมอื ง ใหช้ ำระและเขียนพงศำวดำรข้ึนใหม่

พระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกล้าเจา้ อยหู่ วั พระราชกรณียกิจทส่ี าคญั ด้านการปฏิรูปประเทศ ด้านการรกั ษาเอกราชของชาติ  ทรงปฏิรูปกำรปกครองส่วนกลำง และส่วนภูมิภำค  ใช้วิธีทำงกำรทูต กำรทหำร และกำร ทรงปฏิรูประบบกฎหมำยและกำรศำล แสวงหำควำมชว่ ยเหลือจำกมหำอำนำจอนื่  ทรงเลิกทำส และทรงเลิกระบบไพร่ และทรงปฏิรูป  ทรงพยำยำมดำเนินนโยบำยต่ำงประเทศ กำรศกึ ษำ อย่ำงอดทน และผอ่ นปรน

พระบาทสมเด็จพระมงกฎุ เกล้าเจ้าอย่หู ัว พระราชกรณยี กิจท่สี าคญั ด้านการสร้างชาตนิ ยิ ม ดา้ นการสรา้ งความรงุ่ เรือง ทางวฒั นธรรม  ทรงใชว้ ิธีกำรสรำ้ งสัญลกั ษณ์ เพอ่ื เป็นศูนย์ รวมใจให้เกดิ ควำมรัก ควำมสำมัคคี สำนึก  ทรงมีพระปรีชำสำมำรถด้ำนอักษรศำสตร์ ในหนำ้ ทีพ่ ลเมอื งทด่ี ขี องชำติ และสำนกึ ใน ทรงมีบทพระรำชนิพนธม์ ำกมำย จนได้รับ ควำมเสยี สละของบรรพบรุ ษุ กำรถวำยพระรำชมัญญำว่ำ “พระมหาธีร ราชเจา้ ” ด้านการสรา้ งความเป็นสากลและนาไทยเขา้ สู่สังคม นานาชาติ  ทรงกำหนดใหค้ นไทยมีนำมสกลุ ใช้ ทรงเปลี่ยนธงชำตใิ หม่ และกำรเขำ้ รว่ มสงครำมโลกครั้งท่ี ๑

พระบาทสมเดจ็ พระปกเกล้าเจา้ อย่หู ัว พระราชกรณยี กิจทีส่ าคัญ ด้านการวางรากฐานประชาธปิ ไตย ดา้ นการเปน็ แบบอยา่ งที่ดใี นการ เสยี สละผลประโยชนส์ ว่ นตวั  ทรงเตรียมกำรหลำยประกำรเพ่ือปลูกฝังให้ประชำชนมี สำนึกทำงกำรเมือง พร้อมที่จะมีส่วนร่วมในกำรปกครอง  ทรงยอมลดค่ำใช้จ่ำยส่วนพระองค์ ระบอบประชำธิปไตย เม่ือเกิดกำรเปลี่ยนแปลงกำร ในยำมท่ีบ้ำนเมืองเผชิญกับปัญหำ ปกครอง จึงทรงเต็มพระรำชหฤทัย สละพระรำชอำนำจ เศรษฐกิจตกตำ่ ของพระองค์


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook