Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

abc

Published by kantzaazaa, 2019-08-31 23:48:35

Description: abc

Search

Read the Text Version

ความสมั พนั ธ์ของส่ิงมีชีวิตในระบบนิเวศ สงิ่ มชี วี ติ ทงั้ พชื และสตั วใ์ นระบบนิเวศมบี ทบาทหน้าทแ่ี ตกต่างกนั และมคี วามสมั พนั ธก์ นั ใน ลกั ษณะต่างๆ เชน่ มดกนิ ซากแมลงทต่ี าย จง้ิ จกกนิ แมลงเป็นอาหาร ววั กนิ หญา้ และตน้ หญา้ เจรญิ เตบิ โตไดจ้ ากกระบวนการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสง แสดงวา่ สง่ิ มชี วี ติ มคี วามสมั พนั ธซ์ ง่ึ กนั และกนั ความสมั พนั ธร์ ะหว่างส่ิงมีชีวิตแบบต่างๆ ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งสงิ่ มชี วี ติ ในระบบนเิ วศ แบ่งออกไดเ้ ป็น ๒ ลกั ษณะ คอื 1.ความสมั พนั ธร์ ะหว่างส่ิงมชี ีวิตชนิดเดียวกนั ขอ้ ดี  ดารงชวี ติ อย่รู ่วมกนั เป็นหมู่ เป็นกลมุ่ เป็นฝงู  การอยู่ร่วมกนั เป็นฝงู จะทาใหม้ กี ารปกป้องอนั ตราย ใหก้ นั มกี ารขยายพนั ธไุ์ ดร้ วดเรว็ ขน้ึ มกี ารแบ่ง บทบาทหน้าท่ี เป็นผนู้ าฝงู เชน่ การรวมฝงู ของชา้ ง ลงิ ผง้ึ ต่อ แตน และนก ขอ้ เสีย  การอยู่ร่วมกนั เป็นกลุม่ และดารงชวี ติ แบบ เดยี วกนั นนั้ กอ่ ใหเ้ กดิ การแก่งแย่งแขง่ ขนั และเกดิ ความหนาแน่นของประชากรมากเกนิ ไป

2.ความสมั พนั ธข์ องสิ่งมชี ีวิตต่างชนิดกนั มี 3 ลกั ษณะ คอื ความสมั พนั ธแ์ บบไดร้ บั ประโยชน์ (+) ความสมั พนั ธแ์ บบเสยี ประโยชน์ (-) ความสมั พนั ธแ์ บบทงั้ ไมไ่ ดแ้ ละไมเ่ สยี ประโยชน์ (0) 2.1 Symbiosis คอื การอยู่รว่ มกนั ของสงิ่ มชี วี ติ 2 ชนดิ โดยไมม่ กี ารขดั แยง้ หรอื มฝี า่ ยหน่ึงเสยี ประโยชน์ มี 3 แบบ 2.1.1 ภาวะพ่ึงพากนั (Mutualism) (+,+) เป็นการอยูร่ ่วมกนั ของสงิ่ มชี วี ติ 2 ชนิด โดยไดป้ ระโยชน์ทงั้ สองฝา่ ยและเม่อื แยกออกจากกนั จะไม่ สามารถดารงชวี ติ อยู่ได้ เชน่  ไลเคน รา ไดอ้ าหารจากสาหรา่ ยสเี ขยี วซ่งึ สรา้ งอาหารเองไดด้ ว้ ยการสงั เคราะหแ์ สง สาหร่ายสีเขียว ไดร้ บั ความชน้ื จากรา เพอ่ื นามาสรา้ งอาหาร  ปลวกและโปรโตซวั ในลาไสป้ ลวก โปรโตซวั ไดท้ อ่ี ยอู่ าศยั และอาหารจากปลวก ปลวก อาศยั โปรโตซวั ชว่ ยยอ่ ยไมท้ ก่ี นิ เขา้ ไป  พชื ตระกูลถวั่ กบั แบคทเี รยี ทป่ี มรากถวั่ แบคทีเรยี ไดอ้ าหารและทอ่ี ยอู่ าศยั จากตน้ ถวั่ พืชตระกลู ถวั่ ไดร้ บั อาหารจากการตรงึ แกส๊ ไนโตรเจนจากอากาศของแบคทเี รยี  รา mycorrhiza (Actinomyces) กบั พชื ตระกูลสน  แบคทเี รยี ในลาไสค้ น(ชว่ ยสรา้ งวติ ามนิ B12)  มดดากบั เพลย้ี มดดา ไดอ้ าหารจากเพลย้ี ดว้ ยการดดู น้า เลย้ี งจากเพลย้ี เพลีย้ อาศยั มดดาพาไปวางไวต้ ามตน้ พชื เพอ่ื ดูดน้าเลย้ี งจากพชื เป็นอาหาร  สาหร่ายสเี ขยี วแกมน้าเงนิ (Anabaena) ทร่ี ากของแหนแดง

2.1.2 ภาวะได้ประโยชน์ร่วมกนั (Protocooperation) (+,+) เป็นการอยรู่ ่วมกนั ของสง่ิ มชี วี ติ 2 ชนดิ ซง่ึ ต่างได้ ประโยชน์ทงั้ สองฝา่ ย แตส่ ามารถแยกออกจากกนั ได้ โดยดาเนนิ ชวี ติ ตามปกติ  ปเู สฉวนกบั ดอกไมท้ ะเล ปเู สฉวน อาศยั ดอกไมท้ ะเลพรางตวั จากศตั รแู ละอาศยั เขม็ พษิ จาก ดอกไมท้ ะเลป้องกนั ศตั รู ดอกไมท้ ะเล ไดร้ บั อาหารจากปเู สฉวน ทก่ี าลงั กนิ อาหาร  แมลงกบั ดอกไม้ แมลง ดูดน้าหวานจากดอกไมเ้ ป็นอาหาร ดอกไม้ มแี มลงชว่ ยผสมเกสร 2.1.3 ภาวะอิงอาศยั (Commensalism) (+,0) เป็นการอยู่ร่วมกนั ของสงิ่ มชี วี ติ ทฝ่ี า่ ยหน่ึงไดป้ ระโยชน์แต่อกี ฝา่ ยไมไ่ ดแ้ ละไมเ่ สยี ประโยชน์ เชน่  พลดู า่ ง เฟิรน์ หรอื กลว้ ยไมก้ บั ตน้ ไมใ้ หญ่  นกหรอื สตั วท์ ท่ี ารงั อยู่บนตน้ ไม้  เหาฉลามกบั ปลาฉลาม  ปลาไมจ้ ม้ิ ฟนั กบั ปลาใหญ่  แรง้ กบั เสอื  นกเอย้ี งกบั ควาย  เพรยี งบนหลงั ปลาวาฬ  แมลงปีกแขง็ กบั ปลวก หมายเหตุ นกเอย้ี งกบั ควาย หากยดึ ตามหนงั สอื สสวท จะจดั เป็นภาวะได้ ประโยชน์ร่วมกนั โดยใหเ้ หตุผลว่า นกเอย้ี งไดก้ นิ เหบ็ บนหลงั ควาย(ไดร้ บั อาหาร) และควายไดล้ ดความราคาญจากการทม่ี เี หบ็ มาเกาะ แต่หากอ่างองิ ตามหนงั สอื cambelle จะจดั เป็นภาวะองิ อาศยั เพราะ การทค่ี วายไดล้ ดความราคาญจาก การทม่ี เี หบ็ มาเกาะ ไม่ถอื เป็นการไดป้ ระโยชน์ทางชวี วทิ ยา

2.2 Antagonism คอื การอยู่รว่ มกนั ของสง่ิ มชี วี ติ 2 ชนิด โดยมฝี า่ ยหน่ึงไดป้ ระโยชน์แต่อกี ฝา่ ยเสยี ประโยชน์ 2.2.1 ภาวะล่าเหยื่อ (Predation) (+,-) เป็นการทส่ี งิ่ มชี วี ติ ฝา่ ยหน่งึ จบั อกี ฝา่ ยหน่ึงกนิ เป็นอาหาร ประกอบไปดว้ ย ผลู้ ่าหรอื ตวั หา้ (predator) และ เหย่อื (prey) เชน่ เหยย่ี วกบั หนู ววั กนิ หญา้ งูกนิ กบ กบกนิ แมลง นกกนิ หนอน 2.2.2 ภาวะปรสิต (Parasitism) (+,-) เป็นการทส่ี งิ่ มชี วี ติ ฝา่ ยหนง่ึ เป็นผเู้ กาะดูด (parasite) ซ่งึ ไดป้ ระโยชน์ และอกี ฝา่ ยหนง่ึ เป็นเจา้ บา้ น (host) ซ่งึ ไดร้ บั ความเดอื ดรอ้ น ตวั อยา่ งเชน่  ฝอยทองกบั ตน้ ไมใ้ หญ่  กาฝากบนกง่ิ ไม้  ยงุ กบั คน  เหาบนศรี ษะคน  เหบ็ กบั หมา  พยาธติ า่ งๆกบั สตั ว์

วงจรพยาธิที่สาคญั ควรรู้ ช่ือพยาธิ Host หลกั อวยั วะท่ีอาศยั ไข่ปนออกมากบั ตวั อ่อน Host รอง พยาธใิ บไมใ้ นตบั คน ทอ่ น้าด,ี ตบั อุจจาระ อย่ใู นไข่ หอย,ปลาน้าจดื พยาธติ วั ตดื คน ลาไสเ้ ลก็ อุจจาระ อย่ใู นไข่ หม,ู ววั พยาธเิ สน้ ดา้ ย คน ลาไสใ้ หญ่ อุจจาระ ทวารหนกั - พยาธปิ ากขอ คน ลาไสเ้ ลก็ อุจจาระ ไชเทา้ คน - พยาธแิ สม้ า้ คน ลาไสใ้ หญ่ อุจจาระ อย่ใู นไข่ - คน ต่อมน้าเหลอื ง ออกลกู เป็นตวั ในเลอื ดคน ยงุ พยาธโิ รคเทา้ ชา้ ง สนุ ขั ,แมว กอ้ นทมู ขา้ ง อุจจาระ ว่ายน้า กงุ้ ,ไรน้า พยาธติ วั จด๊ี กระเพาะอาหาร 2.3 Competition (ภาวะแก่งแย่ง) คอื ภาวะทส่ี งิ่ มชี วี ติ แกง่ แยง่ กนั ทาใหเ้ สยี ประโยชน์ทงั้ คู่ (-,-) อาจมสี ง่ิ มชี วี ติ ชนิดเดยี วหรอื มากกวา่ กไ็ ด้ เชน่ ไฮยนี าและสงิ โตแยง่ กนั กนิ กวาง 2.4 Saphrophytism (ภาวะย่อยสลาย) คอื ภาวะทฝ่ี า่ ยหน่งึ มชี วี ติ ปลอ่ ยน้ายอ่ ยออกไปสลายซากพชื ซากสตั ว์ เชน่  เชอ้ื ราบนขนมปงั  เหด็ ทข่ี น้ึ บนตอไมผ้ ๆุ  แบคทเี รยี ทเ่ี จรญิ บนปลาเน่า

2.5 Antibiosis คอื ภาวะทฝ่ี า่ ยหน่งึ หลงั ่ สารเคมอี อกมายบั ยงั้ การเจรญิ เตบิ โตหรอื ทาลายอกี ฝา่ ยหนง่ึ โดยทต่ี วั เองไมไ่ ด้ และไม่เสยี ประโยชน์ (0,-) เชน่  ราเพนนซิ เิ ลยี มกบั แบคทเี รยี ในจานเพาะเชอ้ื  ตน้ ดาวเรอื งปล่อยสารเคมอี อกมาทาใหห้ นอนตวั กลมไมก่ ลา้ เขา้ ใกล้  Cyanobacteria ปลอ่ ยสารเคมอี อกมาทาใหป้ ลาในบอ่ ตาย 2.6 Amensalism คอื การอย่รู ว่ มกนั ของสง่ิ มชี วี ติ ทค่ี ลา้ ย antibiosis แตไ่ มม่ กี ารหลงั่ สารออกมาทาลายหรอื ยบั ยงั้ โดยอกี ฝา่ ยเสยี ประโยชน์ (0,-) เชน่ ตน้ ไมใ้ หญ่บงั แสงตน้ ไมเ้ ลก็ 2.7 Neutralism คอื ภาวะทส่ี งิ่ มชี วี ติ อยูร่ ่วมกนั แตไ่ มม่ คี วามเกย่ี วขอ้ งกนั เลย ต่างฝา่ ยต่างไมไ่ ดแ้ ละไม่เสยี ประโยชน์ เชน่ กระตา่ ยกบั ไสเ้ ดอื น เสอื กบั หญา้ เหยย่ี วกบั ปเู สฉวน สนุ ขั กบั ดอกไม้

ความสมั พนั ธร์ ะหว่างสิ่งมีชีวิตที่อาศยั อย่รู ว่ มกนั 1. ผผู้ ลิต (Producer or Autotroph) หมายถงึ สงิ่ มชี วี ติ ทส่ี ามารถสรา้ งอาหารไดเ้ องแบง่ เป็น 2 ประเภท ดงั น้ี  การสรา้ งอาหารโดยใชพ้ ลงั งานแสง (Photosynthesis) ใชพ้ ลงั งานแสงเปลย่ี นสารอนินทรยี เ์ ป็นสารอนิ ทรยี ์ในการสรา้ งอาหาร เชน่ พชื สาหรา่ ย  การสรา้ งอาหารโดยใชพ้ ลงั งานเคมี (Chemosynthesis) ใชพ้ ลงั งานเคมเี ปลย่ี นสารอนินทรยี เ์ ป็นสารอนิ ทรยี ์ในการสรา้ งอาหาร เชน่ แบคทเี รยี บางชนดิ 2. ผบู้ ริโภค (Consumer or Heterotroph) หมายถงึ สง่ิ มชี วี ติ ไม่สามารถสรา้ งอาหารไดเ้ องได้ ตอ้ งบรโิ ภค ผผู้ ลติ หรอื ผบู้ รโิ ภคดว้ ยกนั เป็นอาหาร 2.1 ผบู้ ริโภคท่ีกินพืชเป็นอาหาร (Herbivore) เป็นสตั วท์ ก่ี นิ พชื จงึ เป็นผบู้ รโิ ภคอนั ดบั แรกทไ่ี ดร้ บั การถา่ ยทอดพลงั งานจากพชื โดยตรง เชน่ มา้ ววั แพะ แกะ ควาย สง่ิ มชี วี ติ พวกนจ้ี ะมไี สต้ งิ่ ยาวเพอ่ื ชว่ ยยอ่ ย เซลลโู ลส 2.2 ผบู้ ริโภคสตั ว์ (Carnivore) เป็นสตั วท์ ก่ี นิ สตั วแ์ ตไ่ มก่ นิ พชื ไดร้ บั การถ่ายทอดพลงั งานจากพชื โดยตอ้ งกนิ สตั วท์ ก่ี นิ พชื อกี ต่อหน่งึ เชน่ สงิ โต เสอื ปลาฉลาม เหยย่ี ว สงิ่ มชี วี ติ พวกน้จี ะมไี สต้ งิ่ ไสแ้ ละไมส่ ามารถทาหน้าทอ่ี ะไรได้ 2.3 ผบู้ ริโภคทงั้ พชื และสตั ว์ (Omnivore) เป็นสตั วท์ ก่ี นิ ทงั้ พชื และสตั วเ์ ป็นอาหาร ไดร้ บั การถ่ายทอดพลงั งานจากพชื หรอื จากสตั วก์ นิ พชื เชน่ นก เป็น ไก่ คน ลงิ

2.4 ผบู้ ริโภคที่กินซากพืชซากสตั ว์ (Dentritivore or Scavenger) หมายถงึ สตั วท์ ก่ี นิ ซากพชื หรอื ซากสตั วท์ ต่ี ายไปแลว้ เป็นอาหาร เชน่ แรง้ ไสเ้ ดอื นดนิ กง้ิ กอื ปลวก หมายเหตุ ในความหมายลกึ ๆ Dentritivore or Scavenger มคี วามแตกต่างกนั เลก็ น้อย โดย Dentritivore คอื ผบู้ รโิ ภคซากพชื ซากสตั วท์ ห่ี ลงั่ enzyme ออกมานอกร่างกายเพอ่ื ย่อยซากพชื ซากสตั วก์ นิ เป็นอาหาร แต่ Scavenger คอื ผบู้ รโิ ภคซากสตั วท์ ก่ี นิ ซากสตั วท์ ต่ี ายแลว้ เป็นอาหารและย่อยภายในลาตวั

3. ผ้ยู ่อยสลายอินทรียส์ าร (Decomposer) เป็นสง่ิ มชี วี ติ ทไ่ี ม่สามารถสรา้ งอาหารเองได้ ไดแ้ ก่ รา (Fungi) และแบคทเี รยี (Bacteria) ดารงชวี ติ โดย การปล่อยเอนไซมอ์ อกมายอ่ ยอนิ ทรยี ส์ ารทอ่ี ยใู่ นซากพชื ซากสตั วใ์ ห้อนินทรยี ส์ าร แลว้ ดูดซมึ สว่ นท่ี เป็นอนินทรยี ส์ ารน้เี ขา้ ไปใชเ้ ป็นอาหาร บางสวนจะเหลอื ไวใ้ หผ้ ผู้ ลติ นาไปใช้ Note ผยู้ ่อยสลายเป็นผทู้ แ่ี ปรสภาพสารอาหารจากสารประกอบอนิ ทรยี ์ใหเ้ ป็นสารอนนิ ทรยี ์ เพ่อื ให้ ผผู้ ลติ สามารถใชส้ งั เคราะหด์ ว้ ยแสงได้ เป็นสว่ นสาคญั ทท่ี าใหส้ ารอาหารหมนุ เวยี นเป็นวฏั จกั ร หากขาด สง่ิ มชี วี ติ จาพวกน้ี ขยะจะลน้ โลก สงิ่ มชี วี ติ จาพวกน้จี ะไม่มรี ะบบทางเดนิ อาหาร สรปุ ความสมั พนั ธข์ องสิ่งมีชีวิตทงั้ 3 ประเภท

ความสมั พนั ธข์ องกล่มุ สิ่งมีชีวิต 1. ห่วงโซ่อาหาร (food chain) คอื การกนิ ตอ่ กนั เป็นทอดๆ มลี กั ษณะเป็นเสน้ ตรง สง่ิ มชี วี ติ หน่งึ มกี ารกนิ อาหารเพยี งชนดิ เดยี ว เขยี น เป็นลกู ศรต่อกนั แบง่ เป็น 3 แบบ คอื 1.1 แบบจบั กนิ (Predator chain) เป็นหว่ งโซ่อาหารทเ่ี รมิ่ ตน้ จากพชื ไปยงั สตั วก์ นิ พชื สตั วก์ นิ สตั วต์ ามลาดบั เชน่ แพลงตอนพชื ---> แพลงตอนสตั ว์ ---> ไรน้า ---> ปลาเลก็ ---> ปลาใหญ่ ---> มนุษย์ ---> มนษุ ย์ 1.2 แบบยอ่ ยสลาย (Saprophytic chain or detritus chain) เป็นหว่ งโซ่อาหารทเ่ี รมิ่ จากซากอนิ ทรยี ถ์ กู สลายโดยจุลนิ ทรยี ์ แลว้ จงึ ถูกกนิ ตอ่ ไปโดยสตั วท์ ก่ี นิ เศษ อนิ ทรยี แ์ ละผลู้ า่ ตอ่ ไป ตามลาดบั เชน่ ซากพชื ซากสตั ว์ ---> ไสเ้ ดอื น ---> ปลา เศษใบไม้ ---> กงุ้ ,หอย ---> ปลา ---> นก ---> คน 1.3 ห่วงโซ่อาหารแบบปรสติ (Parasitic chain) เป็นโซ่อาหารทเ่ี รม่ิ จากผถู้ ูกอาศยั ไปยงั ผอู้ าศยั อนั ดบั หน่งึ แลว้ ไปยงั ผอู้ าศยั ลาดบั ตอ่ ๆไป เชน่ นก ---> ไรน้า ---> โปรโตซวั ---> แบคทเี รยี ---> ไวรสั ---> มนษุ ย์ 2. สายใยอาหาร (Food web) คอื การถา่ ยทอดพลงั งานเคมใี นรปู อาหาร ระหวา่ งสง่ิ มชี วี ติ หลายชนดิ มารวมกนั ทา ใหเ้ กดิ การถ่ายทอดพลงั งานอยา่ งซบั ซ้อน


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook