Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

1

Published by สุภาวิตา ทองน้อย, 2019-04-16 23:27:44

Description: 1

Search

Read the Text Version

แผนพฒั นาฯ ฉบบั ที่ 10 (พ.ศ. 2550–พ.ศ. 2554) การขยายตวั ของโลกโซเชียล กบั ความล่อแหลมของส่ือออนไลน์ ที่บั่นทอนครอบครัว แผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 10 เร่ิมมีการใช้ค�ำว่า “ความอยู่ดีมีสุขของคนไทย” เน่ืองจาก ประเทศไทยกำ� ลงั ตอ้ งเผชญิ กบั การเปลยี่ นแปลงทสี่ ำ� คญั หลายบรบิ ทในขณะนน้ั ทง้ั ทเ่ี ปน็ โอกาส และความทา้ ทายตอ่ การพฒั นาประเทศ จงึ ตอ้ งเตรยี มความพรอ้ มของคนและระบบใหม้ ภี มู คิ มุ้ กนั พร้อมรับการปรับเปลี่ยนและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น แผนพัฒนาฯ ฉบับน้ีดูจะเป็นการผนวก ประเดน็ พฒั นาทีส่ ำ� คัญของแผนพฒั นาฯ ฉบบั ที่ 8 ที่เน้นเรอ่ื งการใช้ “คนเปน็ ศูนย์กลาง” และ แผนพัฒนาฯ ฉบับท่ี 9 ที่เน้นเรอ่ื ง “ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง” เข้าด้วยกัน โดยใหค้ วามส�ำคัญ ตอ่ การรวมพลงั สงั คมจากทกุ ภาคสว่ นใหม้ สี ว่ นรว่ มดำ� เนนิ การในทกุ ขน้ั ตอนของแผน อาจเนอ่ื งจาก ปญั หาในการพฒั นาประเทศยงั ไมบ่ รรลผุ ล และตกคา้ งมาจากแผนพฒั นาฯ ทง้ั สองฉบบั กอ่ นหนา้ หรอื อาจเพราะแนวทางในการพฒั นาเดมิ ยงั คงเหมาะสมกบั สถานการณท์ ป่ี ระเทศกำ� ลงั เผชญิ อยู่ ในค�ำปรารภของแผนพัฒนาฯ ฉบับท่ี 10 สะท้อนคุณภาพชีวิตของคนไทยท่ีดีข้ึน ความอยดู่ มี สี ขุ โดยรวมมที ศิ ทางดขี น้ึ สดั สว่ นความยากจนไดล้ ดลงมาจากรอ้ ยละ 16 ใน พ.ศ. 2545 เหลือร้อยละ 11 ใน พ.ศ. 2547 และความเหลื่อมล้�ำทางด้านรายได้ระหว่างคนจนกับคนรวย มีแนวโน้มท่ีดีข้ึน ขณะเดียวกันการส่งเสริมการมีงานท�ำส่งผลให้การจ้างงานค่อนข้างเต็มที่ และสูงกว่าเป้าหมาย ระดับคุณภาพชีวิตของประชากรและศักยภาพคนไทยโดยรวมดีข้ึน การด�ำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างจริงจังส่งผลให้ความรุนแรงของปัญหา ลดลง อยา่ งไรกต็ าม ประเดน็ ปญั หาทต่ี อ้ งใหค้ วามสำ� คญั ตอ่ เนอื่ ง ยงั คงเปน็ การพฒั นาคณุ ภาพคน การแกป้ ญั หาความยากจนและความเหลอ่ื มลำ�้ ทางรายไดข้ องประชาชน การสรา้ งความปลอดภยั ในชวี ติ และทรพั ยส์ นิ การบรหิ ารจดั การภาครฐั ในเรอื่ งความโปรง่ ใส และผลสมั ฤทธทิ์ างการศกึ ษา ยังตำ�่ กว่าเป้าหมายทีก่ �ำหนดไว้ นอกจากน้ีในช่วงระยะเวลาของแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 10 กล่าวถึงปัญหาวิกฤตค่านิยม คณุ ธรรม จรยิ ธรรม ซ่ึงเปน็ ผลมาจากการเลื่อนไหลของวฒั นธรรมตา่ งชาตเิ ขา้ มาสู่ประเทศไทย ผ่านสื่อและเทคโนโลยีสารสนเทศ การแพร่หลายของส่ือดิจิตัล อินเทอร์เน็ต เว็บไซต์สื่อสังคม (Social media) ต่างๆ ส่งอิทธิพลต่อสังคม โดยเฉพาะเด็กและเยาวชนที่ยังขาดทักษะในด้าน การคดิ วเิ คราะหอ์ ยา่ งเปน็ ระบบ ไมส่ ามารถคดั กรองและคดั เลอื กวฒั นธรรมทด่ี ี ในขณะเดยี วกนั ส่อื มวลชน ไม่ว่าจะเป็นสือ่ โทรทัศน์ ส่ิงพิมพ์ หรืออิเล็กทรอนิกส์จำ� นวนมาก ขาดความเขม้ งวด ทางจรรยาบรรณในการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารเชิงลบ ท�ำให้เกิดการปรับเปล่ียนค่านิยมและ 36 ความอย่ดู ีมีสุขของครอบครัวไทย �����������6.indd 36 147//2560 BE 17:09

พฤติกรรมที่เน้นวัตถุนิยม และบริโภคนิยมมากขึ้น ขาดจิตส�ำนึกสาธารณะ ให้ความส�ำคัญ กับสว่ นตนมากกว่าส่วนรวม ท�ำให้คณุ ธรรมจรยิ ธรรมของคนไทยลดลง และน�ำไปส่ปู ญั หาตา่ งๆ เชน่ ปญั หาเดก็ และเยาวชน ปญั หาการขาดสมั พนั ธภาพภายในครอบครวั รวมทง้ั ปญั หายาเสพตดิ และอาชญากรรมอืน่ ๆ โลกการสื่อสารแบบไร้สายและวิถีชีวิตท่ีปรับเปลี่ยนไปเป็นลักษณะต่างคนต่างอยู่ ส่งผล ใหส้ ถาบนั ครอบครวั ทเ่ี คยมรี ะบบเครอื ญาตใิ นการชว่ ยเหลอื เกอื้ กลู กนั ความเขม้ แขง็ ในการอบรม ส่ังสอนและปลูกฝังศีลธรรมและค่านิยมที่ดีงามให้แก่ลูกหลานเร่ิมเปราะบาง เทคโนโลยีส่ือสาร ไรส้ ายนที้ ำ� ใหพ้ น้ื ทส่ี ว่ นตวั ของแตล่ ะคนในโลกเสมอื นมมี ากขนึ้ ทง้ั ยงั ลดเวลาของคนในครอบครวั จะมีปฏิสัมพันธ์กัน สังคมไทยเร่ิมเข้าสู่ “สังคมก้มหน้า” อย่างชัดเจนมากข้ึนทั้งในท่ีสาธารณะ และในบ้าน และท่ีน่าเป็นห่วงเปน็ อยา่ งยง่ิ คือพืน้ ทส่ี ่วนตัวของเดก็ และเยาวชนในพน้ื ท่ดี ิจติ ลั ท่ี พอ่ แม่ ผู้ปกครองสามารถเข้าถึง และควบคุมไดย้ าก และอาจน�ำมาซึ่งปญั หาครอบครัวตอ่ ไป นอกจากน้ี แนวโนม้ การขยายตวั ของสงั คมเมอื งและการยา้ ยถน่ิ ฐานของนกั เรยี น นกั ศกึ ษา และผู้อยู่ในวัยแรงงานเพ่ือความก้าวหน้าทางฐานะเศรษฐกิจมากข้ึน ส่งผลต่อความสัมพันธ์ใน ครอบครัวให้อ่อนแอลง ปัญหาการหย่าร้างเพ่ิมมากข้ึน (ส�ำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการ เศรษฐกจิ และสังคมแห่งชาต,ิ 2550) ดงั นน้ั วัตถปุ ระสงค์ของแผนพฒั นาฯ ฉบบั น้ี จึงมุ่งเนน้ ไปทก่ี ารเสริมสรา้ งครอบครัวให้มี ความเข้มแข็ง มีสัมพันธภาพที่ดี สร้างค่านิยมครอบครัวอบอุ่นผ่านบทบาทชายหญิง ท�ำให้ ครอบครัวอยู่พร้อมหน้าทุกวัย ผลิตสื่อสร้างสรรค์ที่เด็กและเยาวชนมีบทบาทร่วมใช้เทคโนโลยี สารสนเทศในทางทด่ี แี ละเกดิ ประโยชน์ หา่ งไกลอบายมขุ และยาเสพตดิ รกั ษาสบื ทอดวฒั นธรรม และคา่ นยิ มทดี่ สี คู่ นรนุ่ ตอ่ ไป จะสง่ ผลใหค้ รอบครวั และคนในครอบครวั สามารถดำ� รงชวี ติ ไดอ้ ยา่ ง มคี วามสุข ภายใต้หลกั ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง แผนพัฒนาฯ ฉบบั ท่ี 11 (พ.ศ. 2555–พ.ศ. 2559) สังคมสงู วัย กระแส AEC และสงั คมดจิ ติ ัล ประเดน็ เกยี่ วกบั ครอบครวั ทส่ี ะทอ้ นในแผนพฒั นาฯ ฉบบั ท่ี 11 เปน็ ประเดน็ ทส่ี บื เนอื่ งจาก สญั ญาณการเปลย่ี นแปลงโครงสรา้ งประชากรโลกเรม่ิ ชดั เจนขน้ึ มกี ารรายงานเกย่ี วกบั สถานการณ์ แนวโน้มการเกิดที่ลดลง ประกอบกับคนมีอายุยืนยาวข้ึน ท�ำให้สัดส่วนของผู้สูงอายุใน หลายประเทศสูงขึ้น และประชากรวัยแรงงานท่ีลดลง นอกจากนี้ แผนพัฒนาฯ ฉบับท่ี 11 ยังกล่าวถึงการพัฒนาสติปัญญา คุณภาพการศึกษา รวมท้ังพฤติกรรมท่ีเสี่ยงต่อสุขภาพ ภเู บศร์ สมุทรจักร I ธรี นุช กอ้ นแก้ว I ริฎวนั อเุ ดน็ 37 �����������6.indd 37 147//2560 BE 17:09

ความปลอดภยั ในชีวติ และทรัพย์สนิ ปัญหาการระบาดของยาเสพตดิ การเพม่ิ ข้ึนของการพนัน วิกฤตความเส่ือมถอยด้านคุณธรรมจริยธรรม และยังให้ความส�ำคัญกับการเฝ้าระวังผลเสีย อนั เกดิ จากการแพรข่ ยายของสงั คมดจิ ติ ลั สงั คมไทยทก่ี ลายเปน็ สงั คมปจั เจกมากขนึ้ สมาชกิ ของ ครอบครัวห่างเหินต่อเนื่องจากแผนพัฒนาฯ ฉบับท่ี 10 แต่ก็ยังตระหนักถึงความส�ำคัญของ เครือข่ายโทรคมนาคมและอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงต่อการพัฒนาประเทศ โดยวางเป้าหมาย ใหป้ ระชากรอย่างน้อยรอ้ ยละ 80 สามารถเข้าถงึ อนิ เทอร์เนต็ นอกจากน้ี กระแสการที่ประเทศเข้าสู่การเป็นสมาชิกของประชาคมอาเซียน (ASEAN Community) และการรณรงคเ์ พอื่ สรา้ งความตระหนกั เกยี่ วกบั “ประชาคมเศรษฐกจิ อาเซยี น” (ASEAN Economic Community: AEC) ทำ� ใหต้ อ้ งมกี ารเตรยี มความพรอ้ มเพอ่ื การเปลยี่ นแปลง เข้าสู่สังคมพหุวัฒนธรรม อันเนื่องมาจากการย้ายถิ่นของแรงงานข้ามชาติ โดยเฉพาะระหว่าง ประเทศในกลมุ่ อาเซยี น (สำ� นกั งานคณะกรรมการพฒั นาการเศรษฐกจิ และสงั คมแหง่ ชาต,ิ 2555) วตั ถุประสงคด์ ้านครอบครวั ท่ีปรากฏในแผนพัฒนาฯ ฉบบั ท่ี 11 จึงเก่ียวขอ้ งกบั การปรบั โครงสร้าง และการกระจายตัวของประชากรให้เหมาะสม ส่งเสริมให้คนไทยมีบุตรที่มีคุณภาพ มีการกระจายตัวของประชากรท่ีสอดคล้องกับศักยภาพและโอกาสของพ้ืนที่ ระดับค่าเฉลี่ย เชาวป์ ญั ญาของเดก็ ไมต่ ำ�่ กวา่ คา่ กลางมาตรฐานสากลทร่ี ะดบั 100 รวมทง้ั การเสรมิ สรา้ งสขุ ภาพ และพฒั นาคณุ ภาพบรกิ ารสาธารณสขุ เพอ่ื ใหด้ ชั นคี รอบครวั อบอนุ่ อยใู่ นระดบั ดขี น้ึ และจำ� นวน ผู้ถูกกระท�ำด้วยความรุนแรงในครอบครัวได้รับความช่วยเหลือคุ้มครองเพ่ิมขึ้น คนในครัวเรือน มีส่วนร่วมท�ำกิจกรรมสาธารณะของหมู่บ้านและชุมชนเพิ่มขึ้น และการด�ำรงชีวิตให้เหมาะสม ในแตล่ ะชว่ ง ทศิ ทางของแผนพฒั นาฯ ฉบบั ท่ี 12 (พ.ศ. 2560–พ.ศ. 2564) ครอบครวั เสีย่ งลม่ สลาย สงั คมสูงวัย เด็กไรป้ ระสทิ ธภิ าพ ส�ำหรับประเด็นที่เก่ียวกับประชากรและครอบครัวในแผนพัฒนาฯ ฉบับท่ี 12 มุ่งไปท่ี การเปล่ียนแปลงโครงสร้างประชากรและการเข้าสู่สังคมสูงวัย ซึ่งในคร้ังน้ีเริ่มมีการกล่าวถึง การจ�ำแนกผ้สู ูงวยั ออกเป็นผ้สู งู วัยชว่ งตน้ ช่วงกลาง และชว่ งปลาย มีการพยายามหามาตรการ เพอื่ รองรบั ผสู้ งู อายจุ ำ� นวนมาก ทคี่ าดวา่ จะมเี งนิ สะสมไมเ่ พยี งพอตอ่ การยงั ชพี ในขณะทป่ี ระชากร มแี นวโนม้ อายยุ นื ขน้ึ ความสมั พนั ธภ์ ายในครอบครวั ทเี่ ปราะบางอนั เนอื่ งมาจากการยา้ ยถน่ิ ฐาน และความเป็นเมือง ท่ีท�ำให้สมาชิกภายในครอบครัวไม่ได้อยู่พร้อมหน้าและอบอุ่น พร้อมท่ีจะ ใหก้ ารดแู ลผสู้ งู อายภุ ายในครอบครัว 38 ความอย่ดู ีมีสขุ ของครอบครัวไทย �����������6.indd 38 147//2560 BE 17:09

นอกจากน้ี ประเด็นท่ีมีการอภิปรายมาก คือปัญหาอัตราเจริญพันธุ์ที่ลดลงและกระทบ ต่อประชากรวัยแรงงานในอนาคต ท่ีจะมีจ�ำนวนไม่มากพอในการค�้ำจุนสังคมและเศรษฐกิจ การหากลไกและมาตรการเพอื่ รกั ษาไมใ่ หอ้ ตั ราเจรญิ พนั ธร์ุ วมลดตำ�่ ลงจากระดบั 1.6 ในปจั จบุ นั ไมว่ า่ จะเปน็ การสรา้ งสมดลุ ระหวา่ งการใชช้ วี ติ และการทำ� งาน การหามาตรการเพอ่ื ลดภาระและ อปุ สรรคต่างๆ ในการเล้ียงลกู เชน่ มาตรการดา้ นภาษี บทบาทของเพศสภาพภายในครอบครัว การพฒั นาศนู ยเ์ ดก็ เลก็ กอ่ นวยั เรยี น ซง่ึ เปน็ ชว่ งเวลาการปรบั ตวั ของพอ่ และแมห่ ลงั การคลอดบตุ ร ซ่ึงเป็นระยะส�ำคัญของพัฒนาการเด็ก และยังมีการมุ่งประเด็นไปที่ลักษณะและธรรมชาติ ของประชากรเจเนอเรชันวาย (Generation Y) ซ่ึงเป็นกลุ่มประชากรที่อยู่ทั้งในวัยแรงงาน และวัยเจริญพันธุ์ ประชากรกลุ่มน้ีมีวิถีการด�ำเนินชีวิต (Lifestyle) และทัศนคติด้านต่างๆ แตกตา่ งจากประชากรเจเนอเรชนั กอ่ นหนา้ ซง่ึ สง่ ผลกระทบตอ่ ลกั ษณะการวางแผนการดำ� เนนิ ชวี ติ และการบรหิ ารจัดการครอบครัว จะเห็นได้ว่าประเด็นเก่ียวกับครอบครัวของแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 12 ยังคงต่อเนื่อง เชอ่ื มโยงจากแผนพฒั นาฯ ฉบบั ที่ 11 และยงั คงใหค้ วามสำ� คญั กบั การใชห้ ลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง ยึดคนเป็นศูนย์กลางของการพัฒนาอย่างมีส่วนร่วม การพัฒนาที่ยึดหลักสมดุลยั่งยืน การก�ำหนดทิศทางการพัฒนาที่มุ่งสู่การเปล่ียนผ่านประเทศไทยให้หลุดพ้นจากล�ำดับรายได้ ปานกลาง (Middle income trap) ด้วยยุทธศาสตร์ “ประเทศไทย 4.0” ซ่ึงเกี่ยวข้อง กับการขยายตัวของคนช้ันกลาง และการพัฒนาสู่การเป็นสังคมเมืองท่ีจะส่งผลกระทบต่อ สถานการณ์ครอบครวั ไทยในที่สดุ แนวทางในการพัฒนาประเทศของแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 12 ท่ีเก่ียวกับครอบครัวจึงเน้น ไปท่ีการสร้าง “ครอบครัวอยู่ดีมีสุข” ด้วยการสร้างสังคมสูงวัยที่มีคุณภาพ สามารถท�ำงาน ทเ่ี หมาะสมตามศกั ยภาพ สรา้ งเสรมิ และฟน้ื ฟสู ขุ ภาพเพอื่ ปอ้ งกนั หรอื ชะลอความทพุ พลภาพและ โรคเร้ือรังต่างๆ มีครอบครัวที่อบอุ่นรองรับความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ ประชาชน ทุกช่วงวัยมีการศึกษาและมีการเรียนรู้เพื่อให้ได้รับการพัฒนาคุณภาพ ความเท่าเทียมกันของ การกระจายรายได้ และการไดร้ บั การบรกิ ารทางสงั คม พฒั นาศกั ยภาพของประชากรวยั แรงงาน ทจ่ี ะตอ้ งเลยี้ งดปู ระชากรวยั พง่ึ พงิ โดยเฉพาะผสู้ งู อายทุ ม่ี จี ำ� นวนมากขนึ้ ใหส้ มาชกิ ของครอบครวั ทุกวัยมีพัฒนาการและความเป็นอยู่ที่เหมาะสม สร้างสมดุลระหว่างชีวิตและการท�ำงาน เพื่อการสร้างครอบครัวและสังคม รวมทั้งการวางแผนการออมส�ำหรับการใช้ชีวิตในวัยสูงอายุ ทมี่ ีประสทิ ธิภาพ �����������6.indd 39 ภเู บศร์ สมุทรจักร I ธีรนชุ ก้อนแกว้ I รฎิ วัน อเุ ดน็ 39 147//2560 BE 17:09

การ “ชวี้ ัด” ความอยูด่ ีมสี ุข ของครอบครัวในบริบทไทย และบางประเทศ  �����������6.indd 40 147//2560 BE 17:09

บทที่ 3 ตัวช้ีวัด “ความอยดู่ มี ีสุข” ของครอบครัว ความอย่ดู ีมีสขุ เชิงอตั วิสยั และเชงิ ภววสิ ัย มนุษย์ทุกคนย่อมมีครอบครัวลักษณะใดลักษณะหนึ่งเสมอ ไม่ว่าจะเป็นครอบครัวขยาย หรือครอบครัวเด่ียว และไม่ว่าครอบครัวจะมีจ�ำนวนสมาชิกมากหรือน้อยเพียงใด ครอบครัว ย่อมเป็นสังคมพื้นฐานที่สุดของมนุษย์ ความอยู่ดีมีสุขภายในครอบครัวจึงเป็นท่ีสุดของ ความปรารถนาประการหนงึ่ ของมนษุ ย์ เปน็ สง่ิ ทจี่ ะทำ� ใหค้ รอบครวั เปน็ รากฐานทแ่ี ขง็ แรงของสงั คม เป็นหน่วยผลิตทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณภาพสู่สังคม ด้วยเหตุน้ี การวัดว่าครอบครัวมีความอยู่ดี มสี ขุ หรอื ไม่ จงึ มคี วามสำ� คญั เปน็ อยา่ งยงิ่ ตอ่ การพฒั นาสงั คม และการพฒั นาประเทศ รวมทง้ั การ ก�ำหนดนโยบายส�ำคัญต่างๆ การค้นหาตัวชี้วัดที่สะท้อนความอยู่ดีมีสุขของครอบครัวได้จริง จงึ เปน็ ประเดน็ สำ� คญั อยา่ งยงิ่ ของการศกึ ษาดา้ นครอบครวั หากตวั ชว้ี ดั ไมช่ ดั เจนและมขี อ้ โตแ้ ยง้ ก็จะไมส่ ามารถบรรลุการก�ำหนดนโยบายทจ่ี ะนำ� ไปส่คู วามอยู่ดีมสี ุขของครอบครวั ได้ แนวคิดเกีย่ วกับ “ความอยู่ดมี สี ขุ ” หรือ “Well being” เข้ามามีบทบาททดแทนแนวคิด เก่ียวกับ “ความสุข” หรือ “Happiness” ในระยะเวลากว่า 30 ปีที่ผ่านมา นักวิชาการใน ต่างประเทศให้ความเหน็ ว่า ความอยู่ดมี สี ขุ สะท้อนความพงึ พอใจในชีวิต (Life satisfaction) ซงึ่ สะทอ้ นขอบเขตของระยะเวลาทยี่ าวนานกวา่ ในขณะท่ี ความสขุ อาจสอื่ ความหมายถงึ สภาวะ อารมณ์ชั่วขณะมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ โดยเฉพาะเม่ือสภาพแวดล้อม หรือสถานการณ์ เปล่ียนแปลงไป ทั้งยังไมม่ ีคำ� จ�ำกัดความและการวดั ทช่ี ัดเจน ท�ำให้แนวคิดเกยี่ วกับความอยดู่ ีมี สขุ เชงิ อตั วสิ ยั (Subjective well being) ของศาสตราจารย์ Ed Diener นกั จติ วทิ ยาชาวอเมรกิ นั ภูเบศร์ สมทุ รจกั ร I ธีรนชุ ก้อนแกว้ I ริฎวนั อเุ ดน็ 41 �����������6.indd 41 147//2560 BE 17:09

ได้รับการยอมรับมากข้ึน แนวคิดดังกล่าว แตกแขนงออกมาจากการศึกษาด้านจิตศาสตร์ โดยนกั จติ วทิ ยากลมุ่ หนงึ่ ทเี่ หน็ วา่ วงการจติ ศาสตรม์ งุ่ ใหค้ วามสนใจตอ่ สภาพจติ ดา้ นลบมากเกนิ ไป จนลมื มองสภาพจติ ดา้ นบวก (Diener et al., 1999) เปน็ การใหค้ วามส�ำคญั กบั อทิ ธพิ ลของสภาพ จิตใจ และอารมณ์ต่อการประเมินความพึงพอใจของชีวิต ซ่ึงมีมุมมองท่ีแตกต่างจากความอยู่ดี มสี ขุ เชงิ ภววสิ ยั (Objective well being) ซง่ึ ใหค้ วามส�ำคญั กบั ปจั จยั ตา่ งๆ ทว่ี ดั ไดใ้ นเชงิ ปรมิ าณ ไม่ว่าจะเป็นรายได้ การมีงานท�ำ สุขภาพ การมีการศึกษา และอ่ืนๆ ในขณะท่ีความอยู่ดีมีสุข เชงิ อตั วสิ ยั มองทป่ี จั จยั ภายในจติ ใจ ความอยดู่ มี สี ขุ เชงิ ภววสิ ยั มองทป่ี จั จยั ภายนอก ซง่ึ แมแ้ นวคดิ ทง้ั สองจะมคี วามแตกตา่ งกนั แตก่ ไ็ มไ่ ดห้ มายความวา่ จะสวนทางหรอื ขดั แยง้ กนั เพยี งแตธ่ รรมชาติ ของการให้ค�ำจ�ำกัดความและการวัดเป็นคนละอย่างกันเท่าน้ัน ในทางตรงกันข้าม ความอยู่ดี มสี ุขทั้งในเชิงอตั วิสัย และภววิสัย อาจเตมิ เต็มซึ่งกันและกนั ในแง่ของการอธิบายความพึงพอใจ หรอื ความไม่พงึ พอใจในชวี ติ สรา้ งความเข้าใจเก่ียวกับความพึงพอใจในชวี ติ ไดด้ ีขึน้ ในขณะทกี่ ารศกึ ษาเกย่ี วกบั การวดั ความอยดู่ มี สี ขุ เชงิ ภววสิ ยั ไมม่ คี วามเคลอื่ นไหวมากนกั ส่วนหน่งึ อาจเปน็ เพราะมคี วามเกีย่ วข้องกับปัจจัยพ้นื ฐานในการดำ� รงชวี ติ ซ่งึ มีการศึกษากันมา ก่อนหน้านี้ค่อนข้างมากอยู่แล้ว การศึกษาในเชิงอัตวิสัยเริ่มมีพัฒนาการท่ีซับซ้อนมากขึ้น และ มีข้อสรุปท่ีหลากหลาย พบทั้งในสาขาวิชาแพทยศาสตร์ เช่น อิทธิพลจากพันธุกรรม ภาวะ การปฏสิ นธิ การตงั้ ครรภ์ รวมไปจนถงึ สภาพแวดลอ้ มภายในครรภ์ (Intrauterine environment) แม้แต่การแต่งงานที่คู่สมรสมีลักษณะคล้ายกัน (Assortative mating) หรือไม่คล้ายกัน (Disassortative mating) ที่มีต่อแนวโน้มความอยู่ดีมีสุขเชิงอัตวิสัย (Baker et al., 1992) การศึกษาความเหมือนและความต่างของลูกแฝด ท้ังท่ีเป็นแฝดจากไข่ใบเดียว (Monozygotic twins) และแฝดจากไข่คนละใบ (Dizygotic twins) (Phelps et al., 1997) ไปจนถึงสาขา สงั คมศาสตร์ และมานษุ ยศาสตร์ ทชี่ ป้ี ระเดน็ เกย่ี วกบั การปฏสิ มั พนั ธร์ ะหวา่ งบคุ ลกิ ลกั ษณะ และ การเปล่ียนแปลงของสภาพแวดลอ้ ม ทจี่ ะมผี ลตอ่ ความอยดู่ ีมีสุขเชิงอัตวิสัย (Emmons et al., 1986) อิทธิพลของการเปรียบเทียบความเหนือกว่า หรือความด้อยกว่าของตัวเองกับบุคคล แวดล้อม ตามทฤษฏีความแตกตา่ งเชงิ พหุของความพึงพอใจ (Multiple discrepancy theory of satisfaction) (Michalos, 1985) และทฤษฏกี ารเปรยี บเทยี บทางสงั คม (Social comparison theory) (Wood, 1996) การตั้งเป้าหมาย (Goals) (Austin & Vancouver, 1996) ความ ทะเยอทะยาน (Aspirations) (Wilson, 1967) การปรบั ตวั ต่อการเปลี่ยนแปลง (Adaptation and coping) (Headey and Wearing, 1989) ซึ่งเชื่อว่าลว้ นมีผลต่อความอยดู่ ีมสี ุขเชงิ อตั วสิ ัย ของคน ในวรรณกรรมทางวิชาการทีเ่ กยี่ วกบั ความอยู่ดมี ีสุขเชงิ อัตวสิ ยั พบว่า มปี ระเด็นทศ่ี ึกษา เกี่ยวกับครอบครัวโดยตรงน้อยมาก โดยเฉพาะที่ศึกษาเก่ียวกับบริบทต่างๆ ของครอบครัวน้ัน 42 ความอยู่ดีมีสุขของครอบครัวไทย �����������6.indd 42 147//2560 BE 17:09

กล่าวได้ว่าไม่มีเลย จะมีก็เพียงประเด็นท่ีเกี่ยวกับการสมรส (Marriage) เท่าน้ัน ซึ่งเป็นการ มุ่งศึกษาความอยู่ดีมีสุขที่แตกต่างกันระหว่างกลุ่มคนท่ีสมรส หม้าย หย่า แยก คนท่ีไม่สมรส แตอ่ ยกู่ นิ ดว้ ยกนั (Cohabitation) คนที่ไม่สมรสและอยคู่ นเดียว เช่น ในการสำ� รวจขนาดใหญ่ ในกลุ่มตัวอย่าง 40 ประเทศ โดย Diener พบว่า คนที่มีสถานภาพสมรสมีความอยู่ดีมีสุข เชิงอัตวิสัยมากกว่าคนท่ีมีสถานภาพหม้าย หย่า แยก (Diener et al., 1998) ส่วนในกลุ่มท่ี ไม่สมรสนั้น พบว่า คนท่ีอยู่กินด้วยกันมีความอยู่ดีมีสุขเชิงอัตวิสัยสูงกว่าคนที่ไม่สมรสและอยู่ คนเดียว ทง้ั นีข้ นึ้ อย่กู บั บรบิ ททางวฒั นธรรมดว้ ย (Kurdek, 1991; Mastekaasa, 1995) จากการสืบค้นวรรณกรรมที่เกี่ยวกับการสร้างตัวช้ีวัดความอยู่ดีมีสุขของครอบครัว ในประเทศตา่ งๆ พบวา่ มีเพียงตวั อย่างในประเทศมาเลเซีย ซึง่ เปน็ ความพยายามในเชิงวิชาการ โดยศาสตราจารย์ Noraini M. Noor และคณะ (2014) แหง่ International Islamic University Malaysia เปน็ ผลงานตพี มิ พใ์ นวารสารวชิ าการ และอกี หนงึ่ ตวั อยา่ งหนง่ึ จากประเทศนวิ ซแี ลนด์ โดย Sue Milligan และคณะ (2016) แหง่ ภาควิชาสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลยั Otago ประเทศนิวซแี ลนด์ รว่ มกับสำ� นกั งานสถิติแห่งชาตินิวซีแลนด์ ตวั ช้วี ดั ความอยดู่ ีมสี ุขของครอบครวั ในประเทศมาเลเซยี งานของศาสตราจารย์ Noor และคณะ (2014) แมจ้ ะเปน็ งานคน้ ควา้ เชงิ วชิ าการ แตก่ เ็ ปน็ การร่วมมือระหว่างนักวิชาการกับคณะกรรมการการพัฒนาประชากรและครอบครัวแห่งชาติ (National Population and Family Development Board: NPFDB) ซง่ึ เปน็ หนว่ ยงานระดบั นโยบายทส่ี ำ� คญั ของมาเลเซยี เพอื่ การพฒั นาครอบครวั และสงั คม ภายใตก้ ระทรวงเอกภาพและ การพฒั นาสังคม (Ministry of Unity and Social Development) เป็นความพยายามในการ สร้างดุลยภาพระหว่างความอยู่ดีมีสุขในเชิงสังคมและครอบครัวกับการพัฒนาเศรษฐกิจของ ประเทศท่ีมีความก้าวหน้าอย่างต่อเน่ืองและรวดเร็ว ตามนโยบายการพัฒนาต่างๆ ที่ส่วนใหญ่ จะเน้นมิติทางเศรษฐกิจไม่ว่าจะเป็น New Development Policy (1991-2000) National Vision Policy (2001-2010) โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ Government Transformation Programme (2010-2020) ทต่ี ง้ั เปา้ หมายจะยกระดบั เศรษฐกจิ ของมาเลเซยี ใหก้ า้ วขน้ึ สกู่ ารเปน็ ประเทศพฒั นา แลว้ (Developed country) การพัฒนาตัวช้วี ดั ความอยดู่ มี ีสุขของครอบครวั จึงมวี ัตถุประสงค์ สำ� คญั ในการเปน็ เครอื่ งมอื ในการตดิ ตามการเปลยี่ นแปลงทางสงั คมและครอบครวั ซงึ่ เปน็ ฐานราก อันส�ำคัญของประเทศในช่วงเวลาท่ีเครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจถีบเร่งตามลู่ว่ิงการแข่งขัน แห่งศตวรรษท่ี 21 ภเู บศร์ สมุทรจกั ร I ธีรนชุ กอ้ นแกว้ I ริฎวนั อุเดน็ 43 �����������6.indd 43 147//2560 BE 17:09

การพฒั นาตวั ชวี้ ดั ความอยดู่ มี สี ขุ ของครอบครวั ในครง้ั นนั้ ไดม้ กี ารรวบรวมและสงั เคราะห์ ตัวช้ีวัดเกี่ยวกับความอยู่ดีมีสุขด้านต่างๆ จากหลายประเทศในหลายภูมิภาค ท�ำให้เห็นมุมมอง ในการวัดความอยู่ดีมีสุขท่ีแตกต่างกันบ้าง ใกล้เคียงกันบ้าง ซ้อนเหลื่อมกันบ้าง ซึ่งสรุปได้เป็น 4 กลุ่มตัวชี้วัด ได้แก่ (1) กลุ่มตัวช้ีวัดด้านระดับการด�ำรงชีวิต (Level of living) ใช้กันมาก ในหลุ่มประเทศนอร์ดิก เป็นการให้ความส�ำคัญที่การเข้าถึงสวัสดิการต่างๆ ของสังคม เช่น การศึกษา การจ้างงาน สภาพการท�ำงาน การเคหะ (2) กลุ่มตัวช้ีวัดด้านคุณภาพของชีวิต (Quality of life) ซ่ึงใช้อย่างกว้างขวางในประเทศเยอรมันนี เนเธอร์แลนด์ ออสเตรีย และ สวสิ เซอร์แลนด์ ใช้ตัวช้วี ัดเชิงอัตวิสัยมุ่งเน้นไปท่ีสภาพความเป็นอยู่ (Living conditions) เช่น การวัดความพงึ พอใจและคุณภาพของการทำ� งาน และท่อี ย่อู าศยั (3) กลมุ่ ตัวชี้วดั ดา้ นคณุ ภาพ ของการด�ำรงชีวิต (Living quality) พบว่าใช้มากในกลุ่มประเทศยุโรป เน้นการใช้ตัวชี้วัดเชิง ภววสิ ยั เกย่ี วกบั สภาพพนื้ ฐานการดำ� รงชวี ติ ทงั้ รายได้ คา่ ใชจ้ า่ ย สขุ ภาพ ความปลอดภยั ในสงั คม การเคหะ การคมนาคม และวิถีชีวิต (4) กลุ่มตัวชี้วัดที่ผสมผสานระหว่างการวัดมาตรฐาน การดำ� รงชีวิต (Standard of living) ซึ่งใชต้ ัวชวี้ ัดเชิงภววิสยั สว่ นใหญจ่ ะเกี่ยวกับสวสั ดกิ ารท่ี จ�ำเป็นต่างๆ ในการด�ำรงชีวิต กับตัวชี้วัดความคิดเห็นเก่ียวกับคุณภาพของชีวิต ซ่ึงเป็นการวัด เชงิ อตั ตวสิ ยั Noor และคณะไดร้ วบรวมตวั ชว้ี ดั ตา่ งๆ และไดท้ ดสอบกบั กลมุ่ ตวั อยา่ ง 2,808 ครวั เรอื น ท่ัวประเทศมาเลเซีย ใช้ระเบียบวิธีวิจัยเชิงคุณภาพ ด้วยวิธีการสนทนากลุ่ม และเชิงปริมาณ ด้วยเทคนิคการวิเคราะห์ปัจจัย (Factor analysis) และโมเดลสมการโครงสร้าง (Structural equation model: SEM) สามารถสรุปตัวช้ีวัดความอยู่ดีมีสุขของครอบครัวมาเลเซียแบบ พหมุ ติ ิ (Multiple dimension) ได้ 6 กลมุ่ ไดแ้ ก่ (1) ความสมั พนั ธภ์ ายในครอบครวั ซง่ึ ครอบคลมุ เนื้อหาเกี่ยวกับลักษณะการเล้ียงดูบุตร การมีส่วนร่วมของพ่อแม่ ผู้ปกครองในการเลี้ยงดูบุตร การใชเ้ วลากบั ครอบครวั ความสมดลุ ระหวา่ งงาน-ครอบครวั การปรบั ตวั -ฟน้ื ตวั หลงั จากครอบครวั ประสบสถานการณท์ เี่ ลวรา้ ย อทิ ธพิ ลจากอนิ เทอรเ์ นต็ และสอ่ื สงั คม (2) สถานการณท์ างเศรษฐกจิ ได้แก่ ระดับรายได้ ความปลอดภัยของเงินออม ความคุ้มครองและความม่ันคงทางเศรษฐกิจ (3) สขุ ภาพและความปลอดภัย ไดแ้ ก่ การเข้าถงึ ระบบสวัสดิการดา้ นสาธารณสขุ สขุ ภาพกาย สุขภาพใจ และความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน (4) ความสัมพันธ์กับชุมชน ได้แก่ การมี สว่ นรว่ มกบั สงั คมและชมุ ชน รวมทง้ั การไดร้ บั การคำ�้ จนุ ชว่ ยเหลอื จากสงั คมและชมุ ชน (5) ศาสนา และจิตวิญญาณ ได้แก่ การให้ความส�ำคัญกับศาสนา การเข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนา และ (6) การเคหะและสภาพแวดล้อม ได้แก่ ความพอใจในความพอเพียง และสภาพความเป็นอยู่ ของทอ่ี ยู่อาศัย ความปลอดภัยจากปัญหาอาชญากรรมและยาเสพตดิ 44 ความอยดู่ ีมีสุขของครอบครวั ไทย 147//2560 BE 17:09 �����������6.indd 44

ตวั ชวี้ ัดความอยู่ดมี สี ขุ ของครอบครัวในประเทศนวิ ซีแลนด์ ประเทศนวิ ซีแลนด์ไดร้ ิเรมิ่ โครงการ The Family and Whanau Wellbeing Project (FWWP) เพ่ือส�ำรวจความอยดู่ ีมสี ุขของครอบครวั ระหวา่ ง ค.ศ. 1981-2001 โดยความร่วมมือ ของกระทรวงสาธารณสขุ สำ� นกั งานสถิติแห่งชาติ มหาวทิ ยาลยั Otago ได้รบั เงนิ สนับสนุนจาก The Foundation for Research Science and Technology และเนอื่ งจากไมเ่ คยมกี ารพฒั นา ตัวช้ีวัดความอยู่ดีมีสุขของครอบครัว ท�ำให้งานส�ำคัญในระยะเร่ิมต้นโครงการ คือการพัฒนา ตวั ชวี้ ดั ดังกลา่ ว ในบทน�ำของรายงานการวิจัย ได้กล่าวถึงความตระหนักในความส�ำคัญของนโยบายเชิง สงั คม โดยเฉพาะทเ่ี กยี่ วกบั การพฒั นาครอบครวั ซง่ึ ขอ้ มลู และตวั ชวี้ ดั ทเ่ี คยใชม้ าในอดตี ใหข้ อ้ มลู ที่ไม่เพียงพอต่อฝ่ายนโยบายในการพัฒนานโยบายครอบครัว โดยเฉพาะอย่างย่ิงค�ำนิยามของ ค�ำว่า “ความอยู่ดีมีสุข (Well being)” ท่ียังไม่ชัดเจน อีกท้ังหน่วยการวิเคราะห์ (Unit of analysis) ที่ยังไม่สามารถลงไปถึงระดับครอบครัว ครัวเรือน และระดับ Whanau (ภาษา พน้ื เมอื งเมารี ออกเสยี งวา่ “ฟานวั ”) ซง่ึ หมายถงึ ครอบครวั ขยายทม่ี คี นหลายรนุ่ อาศยั อยรู่ ว่ มกนั ซึ่งดูจะเป็นจุดเน้นของการพัฒนาประชากรและสังคมในนิวซีแลนด์ยุคใหม่ นโยบายใหม่ๆ ที่ประกาศใชม้ ีคำ� ว่า Whanau ปรากฏอยูบ่ อ่ ยคร้ัง การพัฒนาตัวชี้วัดความอยู่ดีมีสุขของครอบครัวในนิวซีแลนด์ครั้งน้ัน มีรายละเอียดท่ี สะท้อนความรอบคอบของนักนโยบายเชิงสังคมของนิวซีแลนด์อย่างน่าจับตามอง โดยเฉพาะ อย่างย่ิงในประเด็นที่ตระหนักถึงความอยู่ดีมีสุขในระดับบุคคล ที่ส่งผลต่อความอยู่ดีมีสุขของ ครอบครัว ซึ่งในการศึกษาอื่นๆ มักมองความอยู่ดีมีสุขของครอบครัวในเพียงมิติที่เป็นการรวม (Aggregate) คะแนนความอยดู่ ีมีสขุ ของคนในครอบครวั เขา้ ดว้ ยกนั แต่ไมไ่ ด้มองว่าสิง่ ต่างๆ ที่ กระทบตอ่ ความอยู่ดมี สี ุขของคนใดคนหน่งึ ในครอบครวั จะส่งผลตอ่ ความอยดู่ ีมีสขุ ของสมาชกิ คนอน่ื ๆ ในครอบครวั ดว้ ย ซงึ่ แนวคดิ นท้ี ำ� ใหต้ วั ชว้ี ดั ความอยดู่ มี สี ขุ ของครอบครวั แยกและแตกตา่ ง จากตวั ชวี้ ดั ทางสงั คม (Social indicators) อน่ื ๆ นอกจากนี้ ตวั ชว้ี ดั ความอยดู่ มี สี ขุ ของครอบครวั ในนิวซีแลนด์ตระหนักถึงมาตรวัดท่ีเป็นท้ังแบบภววิสัย และอัตวิสัย เช่นเดียวกับแนวคิดท่ีพบ ในประเทศอน่ื ๆ แต่ยังไดส้ ะทอ้ นอทิ ธพิ ลที่ตวั ชว้ี ดั ทัง้ สองกลุม่ ส่งผลต่อกนั และกันอีกด้วย อย่างไรก็ตาม การพัฒนาตัวช้ีวัดความอยู่ดีมีสุขของนิวซีแลนด์ได้รับอิทธิพลจาก กรอบแนวคิดในการประเมินสภาพแวดล้อมทางสังคมของประเทศยุโรปเป็นอย่างมาก โดยใน ขนั้ ตอนการรวบรวมตัวชี้วดั ต่างๆ ทเ่ี ข้าข่ายวา่ น่าจะเกยี่ วขอ้ งกบั ประเดน็ ครอบครัวนน้ั รวบรวม จากรายงานสถานการณท์ างสังคม (Social reports) ของ 10 ประเทศในยุโรป ซ่ึงรวบรวมและ ภูเบศร์ สมุทรจักร I ธีรนชุ ก้อนแกว้ I รฎิ วัน อเุ ดน็ 45 �����������6.indd 45 147//2560 BE 17:09

สังเคราะห์ไว้แล้วโดย Berger-Schmitt และ Jankowitsch (1999) และงานวิจัยเก่ียวกับ ตวั ชว้ี ดั ทางสงั คมในประเทศนิวซแี ลนด์อกี 2 ช้ิน โดย Charles Crothers (2000) และ Gerard Cotterell (2002) การรวบรวมและสังเคราะหต์ ัวชี้วดั ทางสังคมจากแหลง่ ตา่ งๆ ข้างต้น ทำ� ใหไ้ ดต้ วั ช้วี ัดทาง สังคมที่เกี่ยวเน่ืองกับความอยู่ดีมีสุขของครอบครัวจ�ำนวนมาก ซ่ึงคณะผู้ศึกษาได้เลือกเฉพาะ ตัวชี้วัดที่ส่งผลต่อความอยู่ดีมีสุขของสมาชิกคนอื่นๆ ในสังคม และสามารถจัดได้เป็น 6 กลุ่ม ตัวชี้วัด ได้แก่ (1) รายได้ ประกอบด้วยตัวชี้วัดย่อย 4 ตัวชี้วัด คือ รายได้ครอบครัว แหล่ง รายได้ สัดส่วนของครอบครัวท่ีมีรายได้ต่�ำ และความไม่เท่าเทียมกันของรายได้ (2) การศึกษา ประกอบดว้ ย 2 ตวั ชวี้ ดั ยอ่ ย คอื การสำ� เรจ็ การศกึ ษาระดบั มธั ยมศกึ ษา และการสำ� เรจ็ การศกึ ษา ระดบั อดุ มศึกษา (3) การท�ำงาน ประกอบดว้ ยตัวชว้ี ดั ย่อย 2 ตวั ช้วี ดั คือ การว่างงาน และเวลา ในการทำ� งาน (4) การเคหะ ประกอบดว้ ย 4 ตวั ชว้ี ดั ยอ่ ย คอื การครอบครองบา้ น ความสามารถ ในการเชา่ ความแออดั และสภาพทอ่ี ยอู่ าศยั (5) การเขา้ ถงึ สาธารณปู โภคตา่ งๆ ทท่ี ำ� ใหส้ ามารถ ตดิ ตอ่ กบั สังคมได้ ประกอบดว้ ยตัวชี้วัดย่อย 3 ตัวชี้วดั คอื การเข้าถึงโทรศพั ท์ ยานพาหนะ และ อนิ เทอรเ์ นต็ และ (6) สขุ ภาพ ซงึ่ มเี พยี งตวั ชวี้ ดั ยอ่ ยตวั เดยี ว คอื พฤตกิ รรมการสบู บหุ รใ่ี นปจั จบุ นั โดยให้เหตุผลว่า พฤติกรรมการสูบบุหรี่จะน�ำไปสู่โรคร้ายอื่นๆ ได้มากกว่าพฤติกรรมเสี่ยง ทางสขุ ภาพอนื่ ๆ เชน่ การดม่ื แอลกอฮอล์ และสง่ ผลกระทบตอ่ ความอยดู่ มี สี ขุ ของสมาชกิ ครอบครวั คนอน่ื ๆ ไดม้ ากกว่า การพฒั นาตัวช้วี ดั ความอยดู่ มี ีสุขของครอบครวั ในประเทศไทย การศกึ ษาสถานการณเ์ กยี่ วกบั ความอยดู่ มี สี ขุ ในครอบครวั ของคนไทยนนั้ ยงั คงอยทู่ เี่ รอ่ื ง ของการตอบคำ� ถามท่วี ่า หากเป้าหมายสงู สดุ ของการสรา้ งดัชนชี ี้วัดความอยดู่ มี สี ขุ ในครอบครวั เพ่ือใช้เป็นเคร่ืองมือชี้วัดสถานการณ์เก่ียวกับความสุขของครอบครัวในประเทศไทย โดยมี เป้าหมายสำ� คญั อยู่ท่ี “การสรา้ งครอบครวั อบอุ่น” แล้ว การวดั ความอย่ดู มี สี ุขทว่ี ่าน้นั จะวัดได้ อยา่ งไร ซง่ึ ส�ำนกั งานคณะกรรมการพฒั นาการเศรษฐกจิ และสงั คมแหง่ ชาตไิ ดก้ �ำหนดความอยดู่ ี มีสุขโดยรวมของคนไทยภายใต้ปรัชญาของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับท่ี 8 (พ.ศ. 2540–2544) และฉบับท่ี 9 (พ.ศ. 2545–2549) ที่มีคนเป็นศูนย์กลางของการพัฒนา โดยที่ความอยู่ดมี สี ขุ มีองคป์ ระกอบทส่ี ำ� คญั 7 ดา้ น ไดแ้ ก่ 46 ความอยดู่ มี ีสุขของครอบครวั ไทย 147//2560 BE 17:09 �����������6.indd 46

1. องค์ประกอบด้านสุขภาพอนามัย หมายถึง ภาวะท่ีปราศจากโรคภัยไข้เจ็บอันเกิด จากการสร้างสุขภาวะที่สมบูรณ์ท้ังทางร่างกาย จิตใจ อารมณ์ และสติปัญญา รวมถึงการมี โภชนาการทด่ี ี การรจู้ กั ปอ้ งกนั ดแู ลสขุ ภาพทด่ี ขี องตนเอง และสามารถเขา้ ถงึ บรกิ ารสาธารณสขุ ซึ่งจะท�ำให้คนมีอายุยืนยาวสามารถด�ำรงชีวิตในสังคมได้อย่างปกติสุข สร้างสรรค์ประโยชน์ แกต่ นเอง ครอบครวั และสังคมไดอ้ ยา่ งเต็มศักยภาพ 2. องค์ประกอบด้านความรู้ เป็นปัจจัยส�ำคัญที่สุดในการยกระดับความอยู่ดีมีสุขของ คนไทย เพราะความรู้ช่วยเสริมสร้างศักยภาพของคนให้มีทักษะความสามารถในการปรับตัว ได้อย่างเท่าทันในสังคมท่ีมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การท่ีคนเราจะมีความรู้ได้นั้นจะต้อง ได้รับการศึกษา การศึกษาจึงเป็นเคร่ืองมือส�ำคัญในการสร้างโอกาสและพัฒนาสติปัญญาและ กระบวนการเรยี นรขู้ องคนใหส้ ามารถ “คดิ เปน็ ทำ� เปน็ ” เรยี นรทู้ จี่ ะพงึ่ ตนเองและใชป้ ระสบการณ์ ศกั ยภาพ และทักษะของตนให้เปน็ ประโยชนใ์ นการปฏิบัติภารกิจไดอ้ ย่างมีประสิทธิภาพ 3. องคป์ ระกอบดา้ นชวี ติ การทำ� งาน เปน็ ปจั จยั กำ� หนดความอยดู่ มี สี ขุ ของคน นอกจาก จะตอ้ งมสี ขุ ภาพอนามยั ทดี่ ี ไดร้ บั การศกึ ษาแลว้ การทำ� งานจะเปน็ ทม่ี าของรายไดแ้ ละอำ� นาจซอ้ื ซง่ึ นำ� ไปสกู่ ารสรา้ งความสำ� เรจ็ และคณุ ภาพชวี ติ ทดี่ ขี น้ึ การมงี านทำ� ทดี่ ี มคี วามมนั่ คงและปลอดภยั ในการท�ำงาน มีรายได้อย่างต่อเน่ือง ย่อมส่งผลให้คนเราสามารถดูแลความเป็นอยู่ของตนเอง และครอบครัวให้อยดู่ ีมีสุขและยงั ประโยชน์ตอ่ เศรษฐกจิ และสังคมโดยรวม 4. องค์ประกอบด้านรายได้และการกระจายรายได้ ความขัดสนในด้านรายได้ในการ ยงั ชพี การมปี ญั หาความยากจนทรี่ นุ แรงและความไมเ่ ทา่ เทยี มของรายไดใ้ นระดบั สงู ยอ่ มสะทอ้ น การอยู่อย่างเป็นทุกข์ในสังคม ดังนั้น ความอยู่ดีมีสุขท่ีส�ำคัญประการหน่ึง คือการเสริมสร้าง การเจรญิ เตบิ โตทางเศรษฐกจิ ทเี่ ออื้ ประโยชนต์ อ่ ประชาชนใหม้ ฐี านะความเปน็ อยทู่ ดี่ ขี น้ึ มอี �ำนาจ ซือ้ เพยี งพอต่อการดำ� รงชวี ติ อย่างเท่าเทยี มกัน อันจะนำ� ไปสู่การพฒั นาท่ียัง่ ยืนอยา่ งแท้จรงิ 5. องค์ประกอบด้านชีวิตครอบครัว ครอบครัวเป็นสถาบันพื้นฐานทางสังคมที่มี ความส�ำคัญย่ิงต่อคนในการด�ำรงชีวิต ความสัมพันธ์ในครอบครัวถือเป็นประเด็นส�ำคัญท่ีส่งผล กระทบตอ่ “ความอยดู่ มี สี ขุ ” ครอบครวั อยดู่ มี สี ขุ คอื ครอบครวั ทมี่ คี วามรกั ความอบอนุ่ รบู้ ทบาท หน้าท่ีของครอบครัว มีสัมพันธภาพที่ดีต่อกัน ลดปัจจัยเส่ียงของครอบครัว สามารถพึ่งตนเอง และมีการเกอื้ กลู สังคมอยา่ งมคี ณุ ภาพ 6. องค์ประกอบด้านสภาพแวดล้อมในการด�ำรงชีวิต เป็นอีกมิติหน่ึงท่ีมีความส�ำคัญ ต่อความอยู่ดีมีสุข สภาพแวดล้อมที่ดีย่อมส่งผลต่อสุขภาพร่างกายและจิตใจท่ีดี เอื้อต่อการ ประกอบอาชพี และการดำ� รงชวี ติ ในสงั คม การมสี ภาพแวดลอ้ มทด่ี หี มายความรวมถงึ การมที อ่ี ยอู่ าศยั ภเู บศร์ สมทุ รจักร I ธีรนชุ ก้อนแกว้ I รฎิ วัน อุเดน็ 47 �����������6.indd 47 147//2560 BE 17:09

ทมี่ นั่ คง การไดร้ บั บรกิ ารสาธารณปู โภคทพี่ อเพยี ง และความปลอดภยั ในชวี ติ และทรพั ยส์ นิ อนามยั ส่งิ แวดลอ้ มท่ีดี ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสิง่ แวดลอ้ มเก้ือกูลคณุ ภาพการด�ำรงชวี ติ 7. องค์ประกอบด้านการบริหารจัดการที่ดีของภาครัฐ ความอยู่ดีมีสุขของประชาชน สว่ นหนง่ึ จะขนึ้ อยกู่ บั การบรหิ ารจดั การทด่ี ขี องภาครฐั มกี ารดแู ลคนในสงั คมใหม้ สี ทิ ธแิ ละเสรภี าพ ในการด�ำรงชีวิต มีส่วนร่วมในการพัฒนาและตรวจสอบภาครัฐ ได้รับการปฏิบัติท่ีเท่าเทียมกัน ตามกฎหมาย และรัฐกับประชาชนมคี วามสัมพนั ธ์ทดี่ ตี อ่ กัน น�ำไปสสู่ ังคมทค่ี นในสังคมจะอยดู่ ีมี สขุ ตลอดไป ใน พ.ศ. 2545 สถาบันแห่งชาติเพ่ือการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล ได้รับมอบหมายจากส�ำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ให้จัดท�ำ โครงการศกึ ษาเพอื่ พัฒนาตัวช้วี ดั “ครอบครวั อยู่ดีมสี ุข” เพอื่ ก�ำหนดกรอบแนวคดิ “ครอบครัว อยดู่ มี สี ขุ ” โดยมกี ารใหค้ ำ� จำ� กดั ความและสรา้ งตวั ชว้ี ดั ภาวะความอยดู่ มี สี ขุ ทแี่ ทจ้ รงิ ของครอบครวั ไทยทเ่ี ป็นทีย่ อมรบั มคี วามเป็นเอกภาพ และเกิดการบูรณาการรว่ มกัน ไดผ้ ลเป็นกรอบแนวคดิ เก่ียวกบั ครอบครัวอยูด่ มี ีสขุ จำ� แนกองคป์ ระกอบของครอบครัวอยดู่ ีมีสุขออกเป็น 5 ดา้ น ซง่ึ มี ส่วนเชอื่ มโยงและส่งผลใหเ้ กิดความอยดู่ มี ีสขุ ของครอบครวั ไทย ประกอบด้วย 1) องคป์ ระกอบดา้ นรปู แบบครอบครวั หมายถงึ ลกั ษณะโครงสรา้ งทมี่ คี วามหลากหลาย ของการรวมตัวของสมาชิกท่ีมจี ุดหมายในการสรา้ งครอบครัวร่วมกนั 2) องคป์ ระกอบดา้ นบทบาทหนา้ ทขี่ องครอบครวั หมายถงึ การทำ� หนา้ ทขี่ องครอบครวั ท่ีจะดูแลความต้องการและพัฒนาคุณภาพของสมาชิกอย่างเป็นองค์รวม ได้แก่ ด้านเศรษฐกิจ ดา้ นความเปน็ อยทู่ งั้ ทางรา่ งกายและจติ ใจ ดา้ นการพฒั นาปลกู ฝงั ความเปน็ มนษุ ยท์ ด่ี ี เปน็ แหลง่ เอื้อการเรยี นรู้และถา่ ยทอดวฒั นธรรม 3) องค์ประกอบด้านสัมพันธภาพในครอบครัว หมายถึง การเก่ียวข้องปฏิสัมพันธ์ของ สมาชกิ ในครอบครวั ทเ่ี พม่ิ ความผกู พนั เคารพรกั และเออื้ อาทรตอ่ กนั ซงึ่ ประเมนิ ไดจ้ ากพฤตกิ รรม การส่อื ความหมาย มสี ว่ นรว่ มปรึกษาหารือ ตัดสนิ ใจ และทำ� กจิ กรรมในบรรยากาศทส่ี งบสขุ 4) องค์ประกอบด้านการพ่ึงพาตนเองของครอบครัว หมายถึง ความสามารถของ ครอบครัวที่จะอยู่รอด โครงสร้างท�ำหน้าท่ีรักษาสัมพันธภาพท่ีดี โดยสมาชิกท้ังหญิงและชาย ชว่ ยกันและปรับตวั ในกระแสสังคมทีเ่ ปลย่ี นแปลง ซึง่ ประเมนิ ไดจ้ ากการดูแลตนเองไดท้ างดา้ น เศรษฐกจิ การจดั การชีวติ ความเปน็ อยู่ สุขภาพ การเข้าถงึ ขอ้ มลู ข่าวสารและบรกิ ารทางสงั คม 48 ความอยดู่ มี สี ุขของครอบครวั ไทย 147//2560 BE 17:09 �����������6.indd 48

5) องค์ประกอบด้านการเก้ือกูลสังคมของครอบครัว หมายถึง การมีส่วนร่วมของ ครอบครัวในกิจกรรมที่สร้างสรรค์ และช่วยเหลือสังคม โดยไม่เป็นผู้ก่อให้เกิดความเดือดร้อน หรอื สรา้ งปญั หาใหก้ บั สงั คม การศกึ ษาของนติ ยา คชภกั ดี และคณะ (2545) ได้มีการให้ความหมายของ “ครอบครัว อยู่ดีมีสุข” หมายถึง สภาพครอบครัวท่ีพึงประสงค์อันเกิดจากการรวมตัวในรูปแบบที่ หลากหลายของบคุ คลทม่ี าดำ� เนนิ ชวี ติ รว่ มกนั อยา่ งมจี ดุ หมาย สามารถทำ� บทบาทหนา้ ทไี่ ดอ้ ยา่ ง เหมาะสม และรกั ษาสมั พนั ธภาพทดี่ ตี อ่ กนั พง่ึ พาตนเองไดอ้ ยา่ งตอ่ เนอื่ ง สามารถปรบั ตวั ไดอ้ ยา่ ง สรา้ งสรรคท์ ันต่อการเปลี่ยนแปลง และเป็นส่วนหน่งึ ที่เกอื้ กูลสงั คมอย่างมีคณุ ธรรม �����������6.indd 49 ภูเบศร์ สมทุ รจกั ร I ธีรนชุ กอ้ นแกว้ I รฎิ วนั อเุ ดน็ 49 147//2560 BE 17:09

“ การผลาญทรพั ยากรโลก ทม่ี ีผลตอ่ การเปลยี่ นแปลงโครงสรา้ ง ประชากร และความอยูด่ ีมีสุข ของครอบครัว “ �����������6.indd 50 147//2560 BE 17:09

ส่งท้าย ความอย่ดู ีมสี ุขของครอบครวั ไทย โดยธรรมชาติน้ัน สิ่งมีชีวิตจะแพร่พันธุ์ และงอกงามในท่ีท่ีมีทรัพยากรต่างๆ ท่ีจ�ำเป็น ต่อการด�ำรงชีวิต และสร้างชีวิตมีความอุดมสมบูรณ์ หากในวันน้ีปรากฏการณ์ใหญ่ที่สร้าง การเปลย่ี นแปลงตอ่ โครงสรา้ งประชากรไทย และประชากรโลก คอื การลดลงของอตั ราเจรญิ พนั ธ์ุ และส่งผลให้ความเป็นไปภายในครอบครัวไทยเปล่ียนแปลงจากอดีต ก็คงพอจะอนุมานได้ว่า เปน็ เพราะความอดุ มสมบรู ณข์ องทรพั ยากรทจี่ ำ� เปน็ ตอ่ การดำ� รงชวี ติ และสรา้ งชวี ติ ในประเทศไทย และของโลกกำ� ลงั ลดลงในมติ ใิ ดมติ หิ นง่ึ ประจกั ษพ์ ยานสำ� คญั ของขอ้ สรปุ นี้ คอื การทต่ี น้ ทนุ และ ราคาของสง่ิ ต่างๆ สงู ข้ึน ซึ่งสะทอ้ นมาจากอุปสงคท์ ่ีมตี ่อทรพั ยากรเหลา่ นัน้ มากกวา่ อุปทานทม่ี ี อยู่ และย่งิ โลกมพี ฒั นาการดา้ นต่างๆ ล้�ำหน้าไปมากเท่าใดก็จะยิ่งใชท้ รัพยากรในปริมาณทม่ี าก ขนึ้ เท่าน้ัน และลงเอยทีต่ น้ ทนุ การด�ำเนนิ ชีวิตซึง่ จะสงู ตามขึ้นไปอกี คนในเจเนอเรชนั ก่อนๆ สามารถเล้ยี งลูกได้ 8-9 คนได้ โดยไม่มีความอัตคตั มากนกั และ ยงั อาจรบั อปุ การะเลย้ี งดลู กู หลานของญาตพิ นี่ อ้ งไดอ้ กี เพราะการเลยี้ งดคู นในสมยั กอ่ นไมซ่ บั ซอ้ น และมีค่าใช้จ่ายไม่สูงเท่ากับในปัจจุบัน ทุกวันนี้การเล้ียงดูลูกเป็นภารกิจที่มีรายละเอียดยุ่งยาก และแพงเป็นอย่างย่ิง สังคมปัจจุบันจึงปรับตัวเองให้สอดคล้องตามสภาพทรัพยากรท่ีจ�ำกัดลง ด้วยการมลี ูกเพยี ง 1 หรือ 2 คน หรือไมม่ ีเลย นบั วา่ เปน็ กลไกการปรับตวั เองตามธรรมชาติของ สิง่ มชี วี ิต (Auto-correction) ทต่ี อ้ งปรบั ตัวเมือ่ สภาพแวดลอ้ มเปลี่ยนแปลงไป บา้ งปรับตัวแลว้ สามารถอยู่รอดสืบทอดเผ่าพันธุ์ แต่อาจมีรูปแบบท่ีแตกต่างไปจากเดิม บ้างปรับตัวแล้วสูญสิ้น เผา่ พันธ์ุ เหลือเป็นเพยี งเร่อื งเล่าหรือต�ำนานกับรปู วาด รปู ภาพ และของใช้เก่าๆ ใหค้ นรุ่นหลงั ตีความไปต่างๆ นาๆ การทผี่ ลการศึกษาต่างๆ โดยเฉพาะในมติ ิทางสงั คมศาสตร์ ใหข้ ้อสรปุ ว่า ภเู บศร์ สมุทรจกั ร I ธรี นชุ กอ้ นแกว้ I ริฎวนั อุเด็น 51 �����������6.indd 51 147//2560 BE 17:09

อัตราการเจริญพันธุ์ลดลง เน่ืองมาจากความไม่สมดุลกันระหว่างเวลาท�ำงานกับเวลาส�ำหรับ ครอบครัว หรือแม้กระท่ังเวลาส�ำหรับตัวเอง วิถีการด�ำเนินชีวิตท่ีเปลี่ยนแปลงไป การมี สาธารณูปโภคท่ีจ�ำเป็นต่อการเลี้ยงลูกรวมไปถึงการดูแลกันและกันในครอบครัวที่ไม่เพียงพอ หรอื มรี าคาแพงเกนิ ไป ลว้ นแลว้ แตส่ รปุ ลงมาทกี่ ารมที รพั ยากรไมเ่ พยี งพอทง้ั สนิ้ ซง่ึ สง่ ผลตอ่ การ เปลยี่ นแปลงโครงสรา้ งทางประชากร โครงสรา้ งของครอบครวั และความอยดู่ มี สี ขุ ของครอบครวั ค�ำตอบอันเป็นที่สุดของความพยายามในการรักษาอัตราการเจริญพันธุ์ไม่ให้ต�่ำลงไปถึง ระดับท่ีเป็นวิกฤตต่อการสืบทอดและด�ำรงสังคม อาจอยู่ท่ีการช่วยกันคิดว่า จะท�ำอย่างไรให้ มนุษย์ใช้ทรัพยากรในการด�ำเนินชีวิตอย่างประหยัดและพอดี การสร้างสติปัญญาให้คนรู้จักคิด พิจารณาถึงความสุขที่แท้จริงและย่ังยืนของมนุษย์ และควรเป็นสติปัญญาที่มีความเสมอภาค เทา่ เทยี มกนั ไมว่ ่ารวยหรือจน ควรพิจารณาใหเ้ หมาะสมวา่ สิง่ ใดควรเปน็ รฐั สวัสดิการทป่ี ระกัน ความอยู่รอดและความเท่าเทียมของพลเมือง และส่ิงใดท่ีควรให้ภาคเอกชนเป็นผู้ด�ำเนินการ ควรชว่ ยกนั คดิ นวตั กรรมทที่ ำ� ใหเ้ กดิ ความประหยดั ทงั้ เงนิ และประหยดั ทรพั ยากร ไมใ่ ชน่ วตั กรรม ที่ท�ำให้การกินอยู่ย่ิงมีความฟุ่มเฟือยในสิ่งท่ีเกินความจ�ำเป็นต่อการด�ำรงชีวิต ท้ังยังควรช่วย กนั คดิ หาทางสรา้ งคา่ นยิ มในการใชจ้ า่ ยทสี่ มเหตสุ มผล สรา้ งสนิ คา้ ทมี่ คี วามจำ� เปน็ ตอ่ ความมน่ั คง และย่งั ยนื ของการด�ำรงชวี ิต ท้ังนี้ เพื่อให้ทรัพยากรมีเหลือมากข้ึน และมีความอุดมสมบูรณ์มากข้ึน เพียงพอต่อ การแพรพ่ นั ธุ์ และการเล้ียงดคู รอบครวั ให้ “อย่ดู ี” และ “มีสุข” 52 ความอยูด่ มี ีสุขของครอบครวั ไทย 147//2560 BE 17:09 �����������6.indd 52

การนำ� เสนอผลการวจิ ัย ชดุ โครงการวจิ ัย ความอยูด่ ีมีสุขของครอบครวั ไทย “สมดุลชีวิตและการท�ำงานเพ่อื การสรา้ งครอบครัว l สถานรับเล้ียงเด็ก ตวั ชว่ ยส�ำคัญของพอ่ แม่ยุคใหม่ l ความสุขของครอบครัวไทยในชนบท” วันท่ี 23 พฤษภาคม 2559 เวลา 9.00–12.00 น. ณ ห้องกมลทพิ ย์ 1 โรงแรม เดอะ สโุ กศล ผศ.ดร.ภูเบศร์ สมทุ รจกั ร ผศ.ดร.มนสิการ กาญจนะจติ รา ผศ.ดร.จงจติ ต์ ฤทธริ งค์ อ.ดร.ปิยวฒั น์ เกตุวงศา ภาพท่ี 1: นักวิจยั ชุดโครงการอยู่ดีมสี ุข ภาพโดย: กฤตญิ า ส�ำอางกจิ ภูเบศร์ สมทุ รจักร I ธีรนชุ กอ้ นแก้ว I รฎิ วนั อุเดน็ 53 �����������6.indd 53 147//2560 BE 17:09

สถาบันวจิ ยั ประชากรและสังคม มหาวทิ ยาลัย มหดิ ล ไดร้ บั ทนุ อดุ หนนุ จากสา� นกั งานกองทนุ สง่ เสรมิ การวจิ ยั (สกว.) ใหด้ า� เนนิ ชดุ โครงการวจิ ยั “ความอยดู่ ี มสี ขุ ของครอบครวั ไทย” ซงึ่ ประกอบดว้ ยโครงการวจิ ยั ย่อย 3 โครงการ คือ โครงการวิจัยการส่งเสริม การมีบุตรผ่านการสร้างสมดุลระหว่างการท�างาน โครงการการใหบ้ รกิ ารของศนู ยก์ ารศกึ ษากอ่ นวยั เรยี น ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และโครงการ ความอยู่ดีมีสุขของครัวเรือนชนบทไทย ภายใต้ การเปลี่ยนแปลงทางประชากรและสงั คม ดา� เนินการ ตั้งแต่วันท่ี 15 กันยายน 2558 ถึง 15 พฤษภาคม 2559 เป็นระยะเวลา 8 เดอื น เมอ่ื ดา� เนนิ โครงการวจิ ยั เสรจ็ สน้ิ แลว้ คณะผวู้ จิ ยั ไดร้ ว่ มกนั นา� เสนอผลการวจิ ยั ตอ่ สาธารณชน เมอื่ วนั ท่ี 23 พฤษภาคม 2559 เวลา 9.00–12.00 น. ณ หอ้ ง กมลทพิ ย์ 1 โรงแรม เดอะสโุ กศล 54 ความอย่ดู ีมีสุขของครอบครวั ไทย ภาพที่ 2: การลงทะเบียนเข้าร่วมประชมุ ภาพโดย: กฤตยิ า สา� อางกิจ �����������6.indd 54 147//2560 BE 17:09

กำ� หนดการประชุม เวลา กจิ กรรม 8.30–9.00 น. ลงทะเบียน 9.00–9.30 น. พธิ เี ปิดการประชุม โดย ผ้อู ำ� นวยการสถาบนั วิจัยประชากร มหาวิทยาลัยมหดิ ล รองศาสตราจารย์ ดร.รศรนิ ทร์ เกรย์ 9.30–9.45 น. นำ� เสนอ ความเปน็ มาและแนวทางการดำ� เนินชุดโครงการความอยู่ดีมีสุข ของครอบครัวไทย โดย: ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.ภูเบศร์ สมุทรจักร หัวหน้าชดุ โครงการ 9.45–10.00 น. พกั รับประทานอาหารว่าง 10.00–12.00 น. น�ำเสนอผลงานชดุ โครงการอยูด่ ีมีสุข - โครงการวิจัยการส่งเสริมการมีบุตรผ่านการสร้างสมดุลในการท�ำงาน และการสรา้ งครอบครวั ทม่ี คี ณุ ภาพ : ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.มนสกิ าร กาญจนะจติ รา - โครงการวิจัยการให้บริการของศูนย์การศึกษาก่อนวัยเรียนในเขต กรุงเทพมหานครและปรมิ ณฑล : อาจารย์ ดร.จงจติ ต์ ฤทธริ งค์ - โครงการวจิ ยั ความอยดู่ มี สี ขุ ของครวั เรอื นชนบทภายใตก้ ารเปลย่ี นแปลง ทางประชากรและสงั คม : อาจารย์ ดร.ปิยวัฒน์ เกตวุ งศา อภิปราย ใหข้ อ้ คดิ เห็น ใหข้ ้อเสนอแนะ ปิดการประชุม 12.00–13.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน �����������6.indd 55 ภาพที่ 3: กิจกรรมภายในหอ้ งประชุม ภาพโดย: กฤตยิ า ส�ำอางกิจ ภูเบศร์ สมทุ รจักร I ธรี นชุ ก้อนแก้ว I ริฎวัน อเุ ด็น 55 147//2560 BE 17:09

อ.ภูเบศร1์ กราบเรียนรองผู้อ�ำนวยการด้านการวิจัยเชิงยุทธศาสตร์ สำ� นกั งานกองทนุ สนบั สนนุ การวจิ ยั รองศาสตราจารย์ ดร.ปทั มาวดี โพชนุกุล ผู้อ�ำนวยการสถาบันวิจัยประชากรและสังคม รองศาสตราจารย์ ดร.รศรินทร์ เกรย์ ทา่ นผูท้ รงคุณวุฒิ ทา่ นแขก ผู้มีเกียรติ และเพ่ือนนักวิชาการทุกท่าน วันน้ีผมในนามของ คณะนักวิจัยชุดโครงการความอยู่ดีมีสุขของครอบครัวไทย ขอขอบพระคุณและรู้สึกเป็นเกียรติเป็นอย่างย่ิงที่ทุกท่าน ใหค้ วามสนใจมารว่ มฟงั การนำ� เสนอผลการวจิ ยั ในครงั้ นี้ เราจะขอ อนญุ าตเรมิ่ ตน้ แบบไมใ่ หเ้ ปน็ ทางการมากนกั ตามภาษานกั วชิ าการ ภาพที่ 4: ของเรา เพ่ือท่ีจะสร้างบรรยากาศท่ีทุกๆ ท่านอยากจะแสดง หวั หน้าโครงการกลา่ วน�ำ ความคิดเห็นหรือมีข้อแนะน�ำอย่างไรต่อคณะผู้วิจัย ทางคณะ ภาพโดย: กฤตยิ า ส�ำอางกจิ ผู้วิจัยจะได้น�ำกลับไปปรับผลงานวิจัย เพ่ือให้เป็นประโยชน์สูงสุดต่อการน�ำไปสู่การปฏิบัติและ กภ็ าคนโยบายตอ่ ไป ในโอกาสแรกผมใครข่ อกราบเรยี นเชญิ ทา่ นผอู้ ำ� นวยการสถาบนั วจิ ยั ประชากร และสังคม ในฐานะที่เป็นเจ้าบ้านเป็นผู้กล่าวต้อนรับทุกท่านในวันนี้ ขอกราบเรียนเชิญ ทา่ นผู้อำ� นวยการฯ ครับ ผอ.รศรินทร2์ เรยี นท่านผู้มีเกียรตจิ ากหน่วยงานภาครัฐ สถาบันวชิ าการ และภาคประชาสังคม รองศาสตราจารย์ ดร.ปัทมาวดี โพชนุกุล รองผู้อ�ำนวยการด้านการวิจัยเชิงยุทธศาสตร์ และรักษาการ ผู้อ�ำนวยการฝ่ายชุมชนและสังคม ส�ำนักงานกองทุนสนับสนุน การวิจัย และผู้ร่วมประชุมทุกท่าน ในนามของสถาบันวิจัย ประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล ดิฉันมีความยินดีเป็น อยา่ งยิง่ ท่ีไดม้ โี อกาสต้อนรบั ทุกท่าน ในการประชุมเพ่อื น�ำเสนอ ผลการวิจัยชุดโครงการวิจัยความอยู่ดีมีสุขของครอบครัวไทยใน ภาพที่ 5: ผอ.สถาบนั ฯ วนั น้ี สถาบันวิจยั ประชากรและสงั คม ได้ตระหนกั ถึงความส�ำคัญ กลา่ วเปดิ งานประชุม ภาพโดย: กฤติยา ส�ำอางกจิ ต่อการศึกษาเกี่ยวกับการเปล่ียนแปลงของโครงสร้างประชากร 1 ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.ภูเบศร์ สมทุ รจกั ร หัวหน้าชดุ โครงการวิจยั ฯ 2 รองศาสตราจารย์ ดร.รศรินทร์ เกรย์ ผูอ้ ำ� นวยการสถาบันวจิ ยั ประชากรและสงั คม มหาวิทยาลยั มหิดล 56 ความอยู่ดีมีสุขของครอบครวั ไทย �����������6.indd 56 147//2560 BE 17:09

ไทยทม่ี ตี อ่ การพฒั นาเศรษฐกจิ และสงั คมของประเทศอยา่ งตอ่ เนอื่ ง อยา่ งทเ่ี ราทราบกนั วา่ สงั คม ไทยขณะนก้ี ำ� ลงั เขา้ สกู่ ารเปน็ สงั คมสงู วยั ซงึ่ หมายถงึ การทมี่ ปี ระชากรวยั สงู อายเุ พมิ่ ขนึ้ ทงั้ สดั สว่ น และจำ� นวน ส่วนใหญเ่ ป็นผลมาจากการลดลงของอัตราเจรญิ พนั ธ์ุ ในอดตี คนรุน่ baby boom คอื รนุ่ ดฉิ นั หญงิ ไทยมลี กู โดยเฉลย่ี ประมาณ 6-7 คน แตใ่ นปจั จบุ นั นหี้ ญงิ ไทยโดยเฉลย่ี มลี กู นอ้ ย กว่า 2 คน โดยประมาณ 1.6 คน ซ่ึงท�ำให้ครอบครวั มีขนาดลดลง นอกจากนี้ การยา้ ยถน่ิ ของ ประชากรวัยท�ำงาน วัยหนุ่มสาวเพื่อไปท�ำงานที่อื่น ก็ท�ำให้โครงสร้างของครอบครัวเปลี่ยนไป จึงท�ำให้เป็นท่ีน่าสนใจว่าเราจะส่งเสริมการมีบุตรได้อย่างไร และครอบครัวไทยจะอยู่ดีมีสุขได้ อยา่ งไร และเรากจ็ ะไดค้ ำ� ตอบมาจากชดุ โครงการวจิ ยั ชน้ิ นี้ ดฉิ นั ใครถ่ อื โอกาสน้ี ขอบคณุ สำ� นกั งาน กองทุนสนับสนุนการวิจัยที่ให้การสนับสนุนงบประมาณในการวิจัย และขอขอบคุณที่ปรึกษา โครงการวจิ ยั จากสถาบนั วจิ ยั ประชากรและสงั คม ศาสตราจารยเ์ กยี รตคิ ณุ ดร.ปราโมทย์ ปราสาทกลุ ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร.อภิชาติ จ�ำรัสฤทธิรงค์ รองศาสตราจารย์ ดร.สรุ ยี ์พร พนั พงึ่ และ ขอขอบคณุ รองศาสตราจารย์ ดร.ปัทมาวดี โพชนกุ ุล และคณะทีป่ รึกษากรอบประเด็นการวจิ ยั เชิงยุทธศาสตร์ที่ 9 ท่ีกรุณาให้ค�ำช้ีแนะที่มีประโยชน์มาโดยตลอด จนโครงการส�ำเร็จลุล่วง ไปอย่างดี รวมทง้ั ขอขอบคณุ คุณจิราพนั ธ์ กัลลประวทิ ย์ รองศาสตราจารย์ ดร.วาสนา อมิ่ เอม ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อมรรัตน์ อภินันท์มหกุล ผู้ประเมินชุดโครงการวิจัยนี้ และท้ายสุด ขอขอบคุณผู้แทนจากหน่วยงานต่างๆ ที่สละเวลามาเข้าร่วมประชุมในวันนี้ ในโอกาสน้ีดิฉัน ใครข่ อเรียนเชิญ รองศาสตราจารย์ ดร.ปัทมาวดี ผอู้ �ำนวยการด้านการวจิ ัยเชิงยทุ ธศาสตร์ และ รกั ษาการณผ์ อู้ ำ� นวยการฝา่ ยชมุ ชนและสงั คม สำ� นกั งานกองทนุ สนบั สนนุ การวจิ ยั กลา่ วเปดิ งาน ในล�ำดับต่อไป ขอบคุณมากค่ะ ดร.ปัทมาวด3ี เรียน รองศาสตราจารย์ ดร.รศรินทร์ เกรย์ ผอู้ ำ� นวยการสถาบนั วจิ ัยประชากรและสงั คม มหาวทิ ยาลยั มหดิ ล กรรมการทปี่ รกึ ษาโครงสรา้ งการเปลยี่ นแปลงของประชากร และทา่ นผทู้ รง คณุ วฒุ ิ ที่ปรกึ ษาของชดุ โครงการทกุ ๆ ท่าน นกั วิจัยจากหนว่ ยงานภาครัฐ นักวิชาการ และภาค ประชาสงั คม วนั นใ้ี นนามของสำ� นักงานกองทนุ สนบั สนนุ การวิจยั ดฉิ นั รสู้ ึกยินดีและเปน็ เกยี รติ อยา่ งยงิ่ ทไี่ ดม้ าเปดิ การประชมุ การนำ� เสนอผลการวจิ ยั ชดุ โครงการ “ความอยดู่ มี สี ขุ ของครอบครวั ไทย” จะขอเล่าความเปน็ มาว่า ชุดโครงการนเ้ี ปน็ 1 ชดุ โครงการภายใตก้ รอบประเดน็ การวิจัย เชิงยุทธศาสตร์ของส�ำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย เรามีกรอบประเด็นวิจัยเชิงยุทธศาสตร์ 3 รองศาสตราจารย์ ดร.ปัทมาวดี โพชนุกูล รองผอู้ �ำนวยการด้านการวจิ ัยเชิงยทุ ธศาสตร์ และรกั ษาการผู้อ�ำนวยการ ฝ่ายชุมชนและสังคม สำ� นกั งานกองทุนสนับสนุนการวจิ ัย ภูเบศร์ สมุทรจักร I ธีรนุช กอ้ นแกว้ I ริฎวนั อเุ ดน็ 57 �����������6.indd 57 147//2560 BE 17:09

12 เรอื่ ง เปน็ เรอื่ งใหญๆ่ ทงั้ สน้ิ ชดุ โครงการเรอ่ื งการเปลยี่ นแปลง โครงสร้างประชากรเป็น 1 ใน 12 เร่ืองเป็นภาพอนาคตท่ีคิดว่า ประเทศไทยต้องมีการเตรียมตัว ชุดโครงการนี้ได้รับเกียรติเป็น อย่างยิ่งที่มีท่านโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ เป็นประธานกรรมการ ที่ปรึกษา และมีกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิหลายท่านท่ีให้ค�ำแนะน�ำ ชท้ี ศิ ทางงานวจิ ยั ของเรา เชน่ ทา่ นชตุ นิ าฏ วงศส์ บุ รรณ รองเลขาธกิ าร สภาพัฒน์ฯ รองศาสตราจารย์ ดร.วาสนา อ่ิมเอม จากกองทุน ประชากรแหง่ สหประชาชาติ หรอื UNFPA ทา่ นรจั นา เนตรแสงทพิ ย์ ซึ่งท่านเคยเป็นรองผู้อ�ำนวยการส�ำนักงานสถิติแห่งชาติ ภาพที่ 6: รองผู้อำ� นวยการ ดร.ทิตนันท์ิ มัลลิกะมาส จากธนาคารแห่งประเทศไทย และ วจิ ัยเชิงยุทธศาสตร์ คณุ จริ ะพนั ธ์ กลั ลประวทิ ย์ อดตี ผอู้ ำ� นวยการสำ� นกั ยทุ ธศาสตรแ์ ละ การวางแผนพัฒนาสังคม สภาพัฒน์ฯ ซ่ึงมาร่วมงานในวันนี้ด้วย สกว.กลา่ วเปิดงานและต้อนรบั ทีมของพวกเรามีความมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนงานวิจัยในกรอบ ภาพโดย: กฤตยิ า ส�ำอางกจิ ประเดน็ การเปลยี่ นแปลงโครงสรา้ งประชากร ซ่ึงเราใช้แผนประชากรสภาพฒั นฯ์ 20 ปีในการ ทำ� งาน และในแผนประชากรมีอยู่ 3 เรื่องใหญๆ่ เร่ืองแรกคือเรือ่ งศักยภาพการเจรญิ เติบโตทาง เศรษฐกิจของประเทศ เร่อื งท่ี 2 คือเรอื่ งความมั่นคงทางการเงนิ ของประชาชน อย่างน้อยท่ีสดุ เรามองในแง่ท่ีว่าประชาชนน่าจะสามารถที่จะพึ่งตนเองได้ในระดับหน่ึงด้วย เร่ืองท่ี 3 คือ เรือ่ งส�ำคญั และเปน็ หวั ใจของงานนี้ก็คอื ความอย่ดู มี สี ขุ ของครอบครัวไทย ส่ิงท่ีเราคาดหวังจากชุดโครงการแต่ละโครงการ คือการให้เห็นต้นแบบ การให้ข้อเสนอ แนะเชิงนโยบายท่ีจะท�ำให้ประเทศไทยสามารถขับเคลื่อนเร่ืองเหล่าน้ีต่อไปในอนาคต ได้เห็น ภาพ scenario ข้างหน้าเก่ียวกับการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากร โดยเฉพาะในเร่ืองของ ความอยดู่ มี สี ขุ ของครอบครวั ไทย เราคาดหวงั ทจ่ี ะเหน็ บทบาทของครอบครวั บทบาทของชมุ ชน และทส่ี �ำคัญคือนโยบายรฐั ทา่ นโฆษิตใช้คำ� วา่ family policy รัฐบาลเองจะต้องให้ความส�ำคญั กับครอบครัวมากขึ้น มันมีหลายมิติมากท่ีเราจะต้องช่วยกันมอง ชุดโครงการน้ีต้องขอขอบคุณ ทีมจากสถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล ขอขอบคุณอาจารย์ภูเบศร์ และ ทีมวิจัย ซึ่งเป็นนักวิจัยรุ่นใหม่ เป็นตอนปลายของ X generation ท่ีก�ำลังมองไปสู่ Y และ Z generation เป็นทีมงานวิจัยที่เข้มแข็ง และก็จะเป็นทีมที่สามารถท�ำให้องค์ประกอบของ การเปล่ียนแปลงทางโครงสร้างประชากรท่ีพูดถึงเม่ือสักครู่ในมิติเศรษฐกิจใหญ่ของประเทศ มติ คิ วามมนั่ คงทางการเงนิ ของประชาชน และมติ สิ งั คมทส่ี ำ� คญั คอื เรอ่ื งของครอบครวั เชอื่ มรอ้ ย เข้าสู่กันได้ วันน้ีทุกท่านจะได้รับฟังการน�ำเสนอ 3 ประเด็นใหญ่ คือเร่ืองความสมดุลระหว่าง การสร้างครอบครัวกับการท�ำงาน เรื่องของการพัฒนาสถานรับเลี้ยงเด็กก่อนวัยเรียน และ 58 ความอยูด่ มี ีสขุ ของครอบครัวไทย �����������6.indd 58 147//2560 BE 17:09

สภาพครอบครวั ไทยในชนบท เปน็ ความพยายามท่ีจะตอ่ จิกซอว์ แมจ้ ะยังไม่ครบถว้ น แตก่ ็เป็น หัวใจส�ำคญั ท่ีเราอยากเหน็ บทบาทของครอบครวั อยากเข้าใจบทบาทของครอบครัว อยากเหน็ ว่าในเร่ืองของสมดุลการท�ำงานกับเรื่องกับครอบครัวนั้นจะเกิดขึ้นได้อย่างไร การที่จะลดภาระ ของครอบครวั ในการเลย้ี งดบู ตุ ร เพอ่ื ใหค้ นไทยอยากจะมคี รอบครวั มากขนึ้ หนมุ่ สาวอยากแตง่ งาน มากขึ้น ไม่ดึงไปสู่ยุคของเด็กเกิดน้อยรวดเร็วเกินไป ก็เป็นส่ิงที่เราคิดหวังว่างานวิจัยคงจะให้ ขอ้ เสนอแนะท่ดี ีๆ และนา่ สนใจ ดิฉันขอขอบพระคุณ สถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล ที่เป็น หน่วยงานหน่ึงท่ีร่วมท�ำงานกันมากับ สกว. ท่ีจะผลิตผลงานท้ังเชิงวิชาการและเชิงนโยบาย คิดว่าได้เวลาอันสมควรท่ีจะเปิดงานการประชุมในวันน้ี ขอบพระคุณผู้ทรงคุณวุฒิ และหวังว่า ท่านจะให้ค�ำแนะน�ำท่ีจะท�ำให้เราสามารถปรับปรุงงานให้มีคุณภาพย่ิงข้ึน ขอให้งานนี้ประสบ ความส�ำเรจ็ ทุกประการ ขอบคณุ ค่ะ อ.ภเู บศร์ ขอขอบพระคุณ รองศาสตราจารย์ ดร.ปัทมาวดี เป็นอย่างยิ่งครับ เวลาแห่งพิธีการ เสรจ็ ลงแลว้ ในลำ� ดบั ตอ่ ไปจะเปน็ การนำ� เสนอผลงานวจิ ยั ซง่ึ ในครงั้ นี้ เราจะไมม่ กี ารเชญิ ใครมา บรรยายเป็นปาฐกถานำ� นะครบั เราจะไดฟ้ ังรายละเอียดของงานวจิ ัยกนั อยา่ งเต็มท่ี ซงึ่ มีเน้ือหา และรายละเอียดค่อนข้างมาก เม่ือวานน้ีตอนท่ีได้คุยกันเร่ืองสไลด์ก็ตัด ลดจ�ำนวนสไลด์ไม่ลง กถ็ งึ เวลาอนั สมควร ขอเรยี นเชญิ คณะผทู้ ว่ี จิ ยั ทง้ั 3 โครงการครบั ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.มนสกิ าร กาญจนะจติ รา หัวหน้าโครงการวจิ ยั การสง่ เสรมิ การมบี ตุ รผ่านการสร้างสมดลุ ในการทำ� งาน และการสร้างครอบครัวที่มีคุณภาพ อาจารย์ ดร.จงจิตต์ ฤทธิรงค์ หัวหน้าโครงการวิจัย การใหบ้ รกิ ารศนู ยก์ ารศกึ ษากอ่ นวยั เรยี นในเขตกรงุ เทพมหานครและปรมิ ณฑล และอาจารย์ ดร.ปิยวัตน์ เกตุวงศา หัวหน้าโครงการวิจัย ความอยู่ดีมีสุขของครัวเรือนชนบทภายใต้ การเปลยี่ นแปลงของประชากรและสงั คม ขอเรียนเชิญทกุ ท่านครบั ขออนุญาตเรียนทุกท่าน ในช่วงต้นของการท�ำงานวิจัย อาจารย์จงจิตต์ก็เพ่ิงมีลูกเล็กๆ หลงั จากทท่ี ำ� เกยี่ วกบั เรอื่ งศนู ยศ์ กึ ษากอ่ นวยั เรยี น อาจารยก์ อ็ นิ มากคยุ กนั ทกุ วนั พอชว่ งโครงการ ไดร้ บั อนุมตั ิ อาจารย์มนสกิ ารก็ต้งั ครรภ์พอดี เคยถามอาจารย์มนสิการเหมอื นกันว่า เอาตวั เอง ไปอยู่ในการทดลองใช่ม้ัย จะได้เห็นว่าการสร้างสมดุลระหว่างชีวิตและการท�ำงานเป็นอย่างไร ซ่ึงชวี ิตของอาจารยม์ นสิการถอื วา่ สมดุลมาโดยตลอด ยกเวน้ ชว่ งตอนท้ายทจ่ี ะปิดโครงการดจู ะ ไม่ค่อยสมดุลเท่าไหร่ ส่วนอาจารย์ปิยวัฒน์ท�ำเก่ียวกับเรื่องครัวเรือนชนบท ก็หายไปอยู่ชนบท เป็นเวลานาน ผมต้องไปตามหาท่ีแม่แจ๋ม ซึ่งทางไปทุรกันดารมาก อาจารย์ปิยวัฒน์ก็อินมาก เหมือนกัน ก็กลัวอาจารย์จะไม่ยอมกลับ ตอนน้ีก็กลับมาแล้ว มารายงานผลงานวิจัย ผมจะ ภเู บศร์ สมทุ รจกั ร I ธรี นชุ ก้อนแก้ว I ริฎวัน อเุ ด็น 59 �����������6.indd 59 147//2560 BE 17:09

ขออนุญาตเร่มิ จากโครงการต้ังแตห่ มายเลข 1 หมายเลข 2 และหมายเลข 3 ไปเลย ส่วนตัวผม ซ่ึงอยู่ในส่วนชุดโครงการเป็นผู้ดูแลการสังเคราะห์งานท้ัง 3 ช้ินจะเป็นผู้ปิดท้าย ขอเรียนเชิญ มนสกิ ารครับ อ.มนสกิ าร4 สวัสดคี ่ะ อย่างที่อาจารย์ภูเบศร์บอกค่ะ ตอนน้ีอายคุ รรภ์ เท่ากับอายุโครงการเลย โครงการย่อยแรก คือโครงการวิจัย การสง่ เสรมิ การมบี ตุ รผา่ นการสรา้ งสมดลุ ระหวา่ งการทำ� งานและ การสรา้ งครอบครวั ทมี่ คี ณุ ภาพ สง่ิ ทเ่ี ราจะเนน้ ในวนั นข้ี องโครงการ ย่อยคือการสร้างสมดลุ อยา่ งท่ที ราบในปจั จบุ ันคนจะตอ้ งมีภาระ การท�ำงานค่อนข้างเยอะ เราจะท�ำอย่างไรให้คนมีชีวิตการท�ำมา หากนิ ไปดว้ ย พรอ้ มๆ กบั สรา้ งครอบครวั อยา่ งทค่ี ณุ ภาพได้ หวั ขอ้ ส�ำหรับการน�ำเสนอในวันน้ีก็จะพูดถึงความส�ำคัญ วัตถุประสงค์ ภาพที่ 7: รายงานผลการวิจัย ระเบียบวธิ ีวิจัย ทบทวนวรรณกรรมเลก็ นอ้ ย ทอี่ ยากจะเน้นก็คือ โครงการสง่ เสริมการมบี ตุ ร สรุปผลการวิจัย แล้วก็ข้อเสนอแนะทางนโยบาย ผา่ นการสรา้ งสมดลุ ฯ ภาพโดย: กฤตยิ า สำ� อางกจิ เร่ิมต้นอยากจะพูดถึงความส�ำคัญและวัตถุประสงค์ของ การศึกษา อย่างที่ทราบกันแล้วว่า ตอนนี้ประเทศไทยมีการเกิด น้อยลงไปเยอะ และคนมีอายุที่ยืนข้ึนเยอะ ซึ่งการเปล่ียนแปลงนี้เป็นการเปล่ียนแปลงทาง โครงสร้างประชากรท่ีส�ำคัญของประเทศ การเปล่ียนแปลงทางโครงสร้างท�ำให้สัดส่วนแรงงาน ของประเทศลดลง ซ่ึงสัดส่วนท่ีลดลงนีม้ ีผลต่อการพฒั นาประเทศ เราจะท�ำอยา่ งไรทจ่ี ะส่งเสริม การเกดิ ให้มีคุณภาพได้ ประเด็นหลักๆ ท่ีเราสนใจคอื เราจะทำ� อย่างไรใหค้ นสามารถสร้างสมดลุ ในการด�ำเนนิ ชวี ิตได้ คือสามารถที่จะทำ� งานไปด้วยพร้อมๆ กบั สรา้ งครอบครัวไปดว้ ย ไมจ่ ำ� เปน็ ที่จะต้องเสียสละอย่างใดอย่างหนึ่ง ส�ำหรับระเบียบวิธีวิจัยจะมี 2 ส่วนหลักๆ ส่วนแรกคือ จะเป็นการทบทวนวรรณกรรมเพ่ือท่ีจะดูว่าที่ผ่านมามีงานวิจัยอะไรบ้างที่เกี่ยวกับการเกิด กระบวนการตัดสินใจมีบุตรและนโยบายต่างๆ ท่ีเก่ียวข้องกับการส่งเสริมการมีบุตร ส่วนที่ 2 คือการวิจัยเชิงคุณภาพ ซ่ึงการเก็บข้อมูลและการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพ เราจะเริ่มต้นใน กรงุ เทพฯ กอ่ น จะไดด้ วู า่ ลกั ษณะของวถิ ชี วี ติ ของคนทำ� งานในเมอื งเปน็ อยา่ งไร เรามกี ารสนทนา กลุ่มทั้งหมด 12 กลุ่มในกรุงเทพฯ และมีการสัมภาษณ์เชิงลึกกับสถานประกอบการ 4 แห่ง 4 ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.มนสิการ กาญจนะจิตรา หัวหน้าโครงการวิจัย การส่งเสริมการมีบุตรผ่านการสร้างสมดุล ในการท�ำงาน และการสรา้ งครอบครวั ท่ีมีคณุ ภาพ 60 ความอยู่ดมี ีสุขของครอบครวั ไทย �����������6.indd 60 147//2560 BE 17:09

เพอื่ จะไดท้ ราบรอบดา้ นวา่ ผบู้ รหิ ารสถานประกอบการเขามองอยา่ งไรเกยี่ วกบั ประเดน็ การสรา้ ง สมดุล ซ่ึงงานวิจัยน้ีเป็นงานวิจัยเชิงคุณภาพ ตัวผลท่ีได้เราไม่สามารถบอกว่าเป็นตัวแทนของ ประชากรได้ แต่ว่าเราจะเน้นการสร้างความเข้าใจในระดับลึกว่ากระบวนการการตัดสินใจ การมีบตุ รของคนเป็นอยา่ งไร “สมดลุ ระหวา่ งการท�ำ งาน และการมีครอบครวั ” คอื อะไร? ในการสนทนากลุ่ม เราจะมีทั้งหมด 12 กลุ่ม มีท้ังหญิงชาย เจเนอเรชัน X และ เจเนอเรชนั Y ทั้งทแ่ี ต่งงานแล้วยงั ไม่แตง่ งาน มลี กู แลว้ -ยังไมม่ ลี กู จะคละกนั ไป ทงั้ หมดจะเปน็ 12 กลมุ่ เรอื่ งอาชพี จะมแี ตกตา่ งกนั ไป ซงึ่ อาชพี ทแี่ ตกตา่ งกนั ไปนี้ จะทำ� ใหเ้ หน็ วถิ ชี วี ติ การทำ� งาน ทห่ี ลากหลาย เราจะมคี นทำ� งานพนกั งานบรษิ ทั มขี า้ ราชการ มคี นประกอบอาชพี คา้ ขาย มธี รุ กจิ ส่วนตัว freelance รับจ้างท่ัวไป ส่วนการสัมภาษณ์เชิงลึกกับผู้ประกอบการนี้ก็เพื่อจะได้ให้ แงม่ มุ กบั ผปู้ ระกอบธรุ กจิ ดว้ ยวา่ การสรา้ ง work-life balance ใหก้ บั พนกั งานเขามมี มุ มองอยา่ งไร ซงึ่ เราไปสมั ภาษณม์ าทงั้ หมด 4 สถานประกอบการ คอ่ นขา้ งทจ่ี ะหลากหลายพอสมควร มขี นาด มีตง้ั แต่พนักงาน 25,000 คน จนกระท่งั ถึงสถานประกอบการขนาดเลก็ คือประมาณ 70-80 คน ลกั ษณะธุรกิจหลกั ๆ มที ้งั ที่อยู่ในภาคบริการและภาคการผลติ ซึ่งกเ็ ป็นอตุ สาหกรรมหลกั ๆ ของ ประเทศ คนท่ีเราไปสัมภาษณ์โดยทั่วไปเราจะได้เป็นระดับของผู้บริหารท่ีเกี่ยวข้องกับงาน ฝ่ายบุคคล ก็จะท�ำให้ได้มุมมองของผู้วางนโยบายว่า เขามองอย่างไรกับการสร้างสมดุลให้ชีวิต กับพนักงาน ส่วนของทบทวนวรรณกรรมขออนุญาตผ่านไปเร็วๆ อยากจะเพียงชี้ให้เห็นว่า เรื่องของนโยบายประชากร ววิ ัฒนาการนโยบายประชากรจากอดีตจนถึงปจั จุบัน แตก่ อ่ นตง้ั แต่ กวา่ 200 ปแี ลว้ กเ็ รมิ่ ถกเถยี งกนั เรอ่ื งขนาดประชากรวา่ สาเหตขุ องประชากรสง่ ผลตอ่ การพฒั นา ประเทศมากนอ้ ยแคไ่ หน ตงั้ แตป่ ี 1798 กม็ วี วิ ฒั นาการจากเรอ่ื งขนาดประชากรชว่ งปลายศตวรรษ ท่ี 20 กเ็ รมิ่ พดู ถงึ โครงสรา้ งประชากร เพราะมหี ลายประเทศเรมิ่ เขา้ สสู่ งั คมสงู วยั ประเดน็ ในการ คิดเร่ืองนโยบายเพื่อการจัดการโครงสร้างประชากร มายุคถัดมาช่วงหลังๆ ตอนนี้แนวโน้ม ภเู บศร์ สมทุ รจักร I ธรี นุช ก้อนแกว้ I ริฎวนั อุเด็น 61 �����������6.indd 61 147//2560 BE 17:09

ท่ีเห็นก็คือจะพูดถึงเรื่องคุณภาพกันมากขึ้น ว่าเราจะสามารถจัดการทรัพยากรมนุษย์ท่ีมีอยู่ ใหเ้ กดิ ประสทิ ธภิ าพสงู สดุ ไดอ้ ยา่ งไร สว่ นทฤษฎกี ารมบี ตุ ร อนั แรกขอพดู ถงึ เบคเกอร์ ในปี 1960 เพราะวา่ เขาพดู ถงึ trade-off ระหวา่ งจำ� นวนและคณุ ภาพของบตุ ร เพราะเขามองวา่ พอ่ แมแ่ ตล่ ะ คนในการทจี่ ะมลี กู เขาจะเหมอื นมี utility หรอื วา่ อรรถประโยชนจ์ ากการมลี กู ซง่ึ ไดจ้ าก 2 สว่ น คอื ไดจ้ ากจำ� นวนบตุ ร อกี สว่ นคอื คณุ ภาพของบตุ ร การทมี่ จี ำ� นวนบตุ รเยอะอาจจะตอ้ ง trade-off กบั คณุ ภาพ หากมีคณุ ภาพเยอะ กอ็ าจจะตอ้ ง trade-off กับจ�ำนวนบตุ ร เรากจ็ ะเห็นวา่ คนทม่ี ี รายไดเ้ ยอะขนึ้ ไมไ่ ดแ้ ปลวา่ จะมจี ำ� นวนบตุ รมากขน้ึ อาจกลบั มจี ำ� นวนบตุ รนอ้ ยลง แตว่ า่ จะลงทนุ กับคุณภาพของบุตรมากข้ึน ขอเข้าส่วนของผลการวิจัย ส่วนแรกก็จะมาจากการสนทนากลุ่มทั้งหมด 12 กลุ่ม ประเด็นแรกท่ีพูดถึงคือความหมายของค�ำว่า “สมดุลระหว่างการท�ำงานและการมีครอบครัว” เราอยากดวู า่ คอื อะไร และมคี วามหมายอยา่ งไร และกม็ คี วามสำ� คญั มากนอ้ ยแคไ่ หน เรอ่ื งสมดลุ เป็น concept ท่คี อ่ นข้างจะจับต้องยาก เวลาไปสัมภาษณ์ประเดน็ ทีไ่ ด้หลักๆ คอื ความสมดุล คือการจัดการระหว่างการมีเวลาที่เพียงพอ และการมีเงินที่เพียงพอ ก็เหมือนเป็น trade-off อีกเช่นเดียวกันว่าการที่เราไปท�ำงาน เราก็จะไม่มีเวลาให้กับครอบครัว หากเราเสียเวลากับ ครอบครวั มาก เราก็ไมม่ เี วลาไปทำ� งาน ตรงนีม้ ันจะต้อง balance กัน ซง่ึ ก็ตรงกบั คำ� ทเ่ี ราให้ไว้ วา่ สมดุลระหวา่ งการทำ� งานและการสรา้ งครอบครวั อันหนงึ่ คือไดม้ าซ่งึ เงิน อันหนงึ่ จ�ำเปน็ ต้อง ใช้เวลา ซง่ึ แต่ละคนมที รัพยากรจ�ำกดั เขาจะแบ่งอยา่ งไรให้ happy ทส่ี ดุ เร่ืองการใช้เวลาท้ังผู้ชายและผู้หญิงที่เข้าร่วมกลุ่มสนทนาพูดว่า ส่วนนี้เป็นส่วนส�ำคัญ การมีเวลาเปน็ ตวั ท่ชี ว้ี ่าเขามสี มดลุ หรอื เปลา่ สำ� หรบั เวลาก็จะมีเร่ืองเกี่ยวกับเวลาส�ำหรับตัวเอง เวลาสำ� หรบั ครอบครวั แลว้ กเ็ วลาสำ� หรบั ภาระอน่ื ๆ หนา้ ทอี่ น่ื ๆ หรอื เปา้ หมายอนื่ ๆ ในชวี ติ ทเ่ี ขา ใหค้ วามสำ� คญั ในเรอ่ื งของเวลาสำ� หรบั ตวั เอง คนทแ่ี ตง่ งานแลว้ หรอื แตง่ งานแลว้ มลี กู จะไมค่ อ่ ย มเี วลาใหก้ บั ตวั เอง โดยเฉพาะผหู้ ญงิ ทแ่ี ตง่ งานมลี กู แลว้ จะพดู เยอะมากวา่ ไมม่ เี วลาใหก้ บั ตวั เอง ผหู้ ญงิ มหี นา้ ทเ่ี ปน็ คน take care หลกั ไมใ่ ชแ่ คล่ กู อยา่ งเดยี ว และ take care พอ่ แมด่ ว้ ย เพราะ ฉะนั้นเขาบอกว่ายังไม่ค่อยมีสมดุล เพราะยังมีเวลาให้ลูก ให้พ่อ ให้แม่ ไม่พอ เป็นส่ิงท่ีผู้หญิง ใหค้ วามสำ� คญั อกี สว่ นหนงึ่ คอื เรอ่ื งการเงนิ ผชู้ ายจะพดู ถงึ มาก theme จากการสนทนา 12 อนั น้ี ผูช้ ายจะให้ความสำ� คัญเร่ืองเงินชดั เจนกวา่ ผหู้ ญิง ผู้หญงิ ไมใ่ ช่ไมใ่ ห้ความส�ำคัญ แตผ่ ูช้ ายจะเหน็ ชดั กวา่ เวลาพดู ถงึ เรอื่ งสมดลุ คดิ วา่ ชวี ติ ยงั ขาดอะไรมนั จะคอ่ นขา้ งเอนไปทางดา้ นการเงนิ มากกวา่ ผู้ชายจะเห็นว่าการหาเงินเป็นหน้าท่ีหลักของผู้ชาย การท่ีมีเงินจะเป็นตัวที่ท�ำให้การน�ำไปสู่ คุณภาพชีวิตที่ดีได้ คือผู้ชายทุกคนไม่ว่าจะอยู่ในสถานะการเงินไหน SES (เศรษฐสถานะ) เทา่ ไหร่ สง่ิ ท่ีรู้สกึ ได้จากการสนทนากล่มุ คอื เขายังรสู้ ึกว่าเขาต้องหาเงินเพิม่ เงนิ ท่มี ีอยปู่ จั จบุ นั กับครอบครัวตัวเองมันไม่พอ คือไม่ว่าจะรวย จะจน ทุกคนยังรู้สึกว่าเขายังต้องหาเงินเพ่ิม 62 ความอยูด่ มี ีสขุ ของครอบครัวไทย �����������6.indd 62 147//2560 BE 17:09

ยง่ิ หาไดเ้ ยอะกย็ งิ่ ดี ซงึ่ สมดลุ คอื การจดั การระหวา่ งการมเี วลาใหเ้ พยี งพอกบั การมเี งนิ ใหเ้ พยี งพอ สมดลุ อยทู่ ต่ี รงไหนขน้ึ อยกู่ บั ความพอใจของเขา เขาคดิ วา่ ตรงนพ้ี อใจแลว้ ความพอใจของแตล่ ะ คนก็ไม่เหมือนกัน และสามารถเปลี่ยนได้ตลอดเวลา อย่างตัวเราเองวันน้ีอาจจะเรียกว่าสมดุล แตว่ ันหนา้ อย่างนอ้ี าจจะเรียกว่าไมส่ มดลุ แล้วก็ได้ ข้ึนอยู่กบั หลายๆ อยา่ งเชน่ ช่วงเวลาของชีวติ หากยังเด็กๆ อยู่ก็อาจจะรู้สึกว่าลองทุ่มเวลาให้กับการหาเงินได้ มีเวลาส่วนตัวน้อยไม่เป็นไร ความสมดลุ อาจจะเปรยี บเทยี บกบั ความคาดหวงั ทางเศรษฐกจิ ของเขา คาดหวงั ไวว้ า่ จะอยรู่ ะดบั เศรษฐกิจประมาณน้ี แต่เขายงั ไม่ถึง เพราะฉะน้นั สมดลุ ของเขาอาจจะเป็นการใหเ้ วลากบั งาน เยอะข้ึน เพ่ือท่ีจะได้ไปให้ถึงความคาดหวังทางเศรษฐกิจของเขา เรื่องของความสมดุลเป็น concept ท่ีมกี ารเปล่ยี นแปลงได้ตลอดเวลา เปน็ สง่ิ ท่ี dynamic ย่งิ ทำ� ให้การจบั ต้อง concept น้ีเป็นไปได้ยากขนึ้ ผ้ชู ายจะเห็นวา่ การหาเงินเปน็ หน้าท่หี ลักของผชู้ าย การท่ีมเี งนิ จะเป็นตวั ทท่ี �ำ ให้การน�ำ ไปสู่ คณุ ภาพชวี ติ ทดี่ ี ประเดน็ ถดั ไปเกย่ี วกบั การใหค้ ณุ คา่ ดา้ นการสรา้ งครอบครวั สงิ่ ทพ่ี บคอื การสรา้ งครอบครวั แบ่งเป็น 2 ส่วนหลักๆ ส่วนแรกคือการมีคู่ หรือการแต่งงาน ส่วนท่ี 2 ต่อไปคือการมีบุตร ซง่ึ อยากรวู้ า่ คนทเ่ี ราไปสมั ภาษณเ์ ขามองยงั ไง เขาใหค้ ณุ คา่ อยา่ งไรในเรอื่ งทเี่ กยี่ วกบั การแตง่ งาน และการมีบุตร เรื่องการแต่งงานท้ังผู้หญิง และผู้ชายค่อนข้างจะเห็นคล้ายกัน คือไม่ค่อยให้ ความส�ำคัญมากนักกับการแต่งงาน โดยเฉพาะอย่างย่ิง gen Y ผู้หญิงจะให้ความส�ำคัญกับ การแตง่ งานมากกวา่ gen X ผหู้ ญงิ ซงึ่ อนั นไ้ี มแ่ นใ่ จวา่ อาจจะเปน็ เพราะอายหุ รอื เปลา่ เพราะวา่ คนท่ีสัมภาษณ์จะอยู่ในกลุ่มท่ีโสดหากพูดถึงเร่ืองการแต่งงาน เขาก็จะบอกว่าเขาอยู่มาได้ถึง ปา่ นนแ้ี ลว้ คอ่ นขา้ งจะอยตู่ วั แลว้ สมดลุ ทกุ อยา่ งดแี ลว้ คนทจ่ี ะเขา้ มามนั อาจจะมาทำ� ใหช้ วี ติ เขา หลดุ สมดุลไปเยอะมาก แต่สำ� หรบั ผูห้ ญิง gen Y เขายงั มองวา่ เขายังพรอ้ มทีจ่ ะปรบั เปล่ียนท่จี ะ ภเู บศร์ สมทุ รจักร I ธรี นุช ก้อนแก้ว I รฎิ วนั อุเดน็ 63 �����������6.indd 63 147//2560 BE 17:09

มีคมู่ ากกว่า ท่ีพบคือผูห้ ญงิ gen X ถงึ อายมุ ากแลว้ แต่วา่ เลอื กมากกวา่ ผู้หญงิ gen Y ตอนแรก มแี ตค่ นมองว่าไมใ่ ชค่ นเลอื กมาก แตพ่ อยงิ่ แกท่ �ำไมยงิ่ เลอื กมากกไ็ มร่ ู้ จะดูทง้ั profile ของผชู้ าย ว่า match กบั เราหรือเปลา่ ดวู า่ วิถีชีวติ ของผชู้ ายเขา้ กับวิถีชวี ติ ของเราได้หรอื เปล่า หากเข้ามา เราจะต้องปรับเปลี่ยนมากน้อยแค่ไหน เขาค่อนข้างท่ีจะอยู่ตัวแล้ว เพราะฉะนั้นการแต่งงาน ไม่ได้มีความส�ำคัญมาก โดยเฉพาะการแต่งงานจดทะเบียนสมรส ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยให้ ความส�ำคัญเท่าไหร่ แต่หากพดู ถงึ การมีค่จู ะเป็นอีกประเดน็ หนึ่งท่ีใหค้ วามสำ� คัญมากกวา่ ....สิ่งหน่งึ ที่รสู้ กึ ได้จากผ้หู ญิง ทกุ คนเมอื่ พดู ถึงการมลี ูก คอื ความกงั วล วา่ เขาจะเลย้ี งลกู ไดด้ หี รือเปลา่ .... เร่ืองการมีลูกเห็นความแตกต่างระหว่างผู้หญิงกับผู้ชายค่อนข้างชัดเจน ผู้ชายเป็นกลุ่ม ท่ีไม่ค่อยคิดอะไรมาก ผู้ชายที่ไปสัมภาษณ์สนทนากลุ่มโดยมากเขาจะประมาณว่าอยากมี หากมีแล้วกอ็ ยากมีคนท่ี 2 ด้วย เขาไมไ่ ด้คดิ อะไรมาก เขาคดิ วา่ ควรจะมี แต่งงานแลว้ กค็ วรจะมี ลกู มันกเ็ ปน็ step ของชวี ติ เพื่อนๆ กม็ แี ลว้ เหตุผลของผูช้ ายก็เป็นเรอ่ื งของสญั ชาตญาณ หรอื บรรทัดฐานของสังคมที่คาดหวังว่าควรจะมี ส่วนผู้หญิงจะคิดเยอะกว่า จะมีค�ำถามมากมายใน หวั ในการทอี่ ยากมีลูก ถามวา่ อยากมลี ูกไหม ผู้หญิงท้ัง Gen X และ Y จะมีค�ำตอบทีห่ ลากหลาย มาก มีบางส่วนท่ีบอกว่าอยากมี แต่ก็จะมีส่วนใหญ่จะดูก่อนว่าสถานการณ์เป็นอย่างไร ลงทุน มากน้อยแค่ไหน จะต้องปรับเปล่ียนวิถีชีวิตมากน้อยแค่ไหน สิ่งหนึ่งที่รู้สึกได้จากผู้หญิงทุกคน เมอื่ พดู ถงึ การมลี กู คอื ความกงั วลวา่ เขาจะเลย้ี งลกู ไดด้ หี รอื เปลา่ ซงึ่ ตรงนสี้ ะทอ้ นถงึ expectation ว่าแต่ละคนคิดจินตนาการว่าพอมีลูกแล้วชีวิตจะเป็นอย่างไร ผู้ชายคิดว่าพอมีลูกแล้วชีวิตไม่ได้ เปลย่ี นมาก สง่ิ เดยี วทผ่ี ชู้ ายคดิ คอื ตอ้ งหาเงนิ เพมิ่ ขนึ้ แตผ่ หู้ ญงิ คดิ คอื ตอ้ งเสยี สละมาก กระบวนการ คดิ จะซบั ซ้อนกว่า ทำ� ใหก้ ารใหค้ ุณค่าเรอ่ื งการมบี ุตรของผหู้ ญงิ ไม่ตรงไปตรงมาเทา่ กับผชู้ าย 64 ความอยดู่ ีมีสุขของครอบครัวไทย �����������6.indd 64 147//2560 BE 17:09

ยกตัวอย่างให้เห็นว่า ค�ำพูดของคนในกลุ่มสนทนาเป็นอย่างไร ผู้หญิง gen X คนหน่ึง ถามถึงเรื่องมีลูก เขาก็บอกว่าหากเราอยากจะให้ลูกดีเหมือนคนอื่น ก็ต้องใช้เงินเยอะมากๆ ยงิ่ บางคนบอกวา่ ทอ้ งกต็ อ้ งยงิ่ เตรยี มฝากโรงเรยี นอนบุ าล เพราะพอ่ แมก่ ต็ อ้ งไปยนื หนา้ โรงเรยี น ชีวิตล�ำบากมากและก็ไม่รู้วา่ ทำ� ใหเ้ ขาขนาดนั้นแล้ว เขาจะเป็นผูใ้ หญแ่ บบไหน ซึ่งตรงนสี้ ะทอ้ น ใหเ้ หน็ วา่ ผหู้ ญงิ คดิ วา่ ภาระอยทู่ ตี่ วั เขา คอื เขาตอ้ ง 1) ใชเ้ งนิ เยอะมากและกต็ อ้ งทำ� อะไรมากมาย แล้วท�ำให้ขนาดน้ีไม่รู้ด้วยว่าจะออกมาดีรึเปล่า เพราะยังมีปัจจัยอื่น เช่น สังคมอะไรอย่างน้ี และก็ไม่รู้ว่าทุ่มไปให้ขนาดนี้จะออกมายังไง อีกประเด็นหนึ่ง คือต้องใช้เงินเยอะมากๆ อันน้ี เห็นชัดมาก โดยเฉพาะในระดบั กลาง คือเขาจะเห็นว่ามีการแขง่ ขนั สงู มาก วิธเี ดยี วท่ีจะสามารถ สู้ในการแข่งขันน้ีได้ก็คือจะต้องมีเงินเยอะ เพราะฉะน้ันแค่คิดก็เหน่ือยแล้วส�ำหรับคนหลายคน อีกคนหน่ึงกค็ ล้ายๆ กัน เป็นผูห้ ญิง gen X คือผ้หู ญงิ gen X จะดูมองโลกในแงล่ บกว่า gen Y นดิ หน่อย ซงึ่ ไมแ่ น่ใจว่าเป็นเรอ่ื งอายุอกี รึเปล่า ผูห้ ญงิ gen X เขาบอกว่าเห็นความเหนด็ เหนือ่ ย ความยากล�ำบากของคนเป็นพ่อเป็นแม่ กว่าจะท้องกว่าจะไปจอง nursery ตั้งแต่ยังท้องอยู่ กลัวว่าลูกจะไม่มีโรงเรียนอยู่ ก็นึกในใจว่าเราคงไม่สามารถเป็นแม่ท่ีดีได้ เพราะเราไม่สามารถ ทุ่มเทได้ขนาดน้ัน อันนี้ก็จะคล้ายๆ กับคนเมื่อกี้ คือรู้สึกว่าการท่ีจะเป็นแม่ท่ีดีเลี้ยงลูกให้ดีได้ จะตอ้ งทมุ่ เทเยอะมากตอ้ งเสยี สละเยอะมาก เรอ่ื งเก่ียวกบั การใหค้ ณุ คา่ ดา้ นการสรา้ งครอบครวั ในสมัยกอ่ น คือ มีลกู จะได้มคี นเลี้ยงตอนแก่ ซ่งึ ตรงนมี้ พี ดู เร่ืองนีน้ ้อยลง ในการสนทนากลมุ่ นี้ จะไม่มีใครพูดชัดเจนมากว่า อยากมีลูกเพราะว่าจะได้มีคนมาเล้ียงท้ังผู้หญิงทั้งผู้ชายเลย โดยเฉพาะผู้หญิง ผู้หญิงน่าจะพูดเยอะกว่าผู้ชายด้วยซ�้ำ ซึ่งตรงน้ีสะท้อนให้เห็นว่าผู้หญิงเริ่ม พง่ึ ตวั เองมากขน้ึ เพราะวา่ เขาไมห่ วงั พงึ่ ผชู้ าย ไมไ่ ดห้ วงั พง่ึ สามแี ละกไ็ มไ่ ดห้ วงั พงึ่ ลกู ดว้ ย เขาคดิ วา่ สามารถทจ่ี ะมี Financial independence สามารถจะพง่ึ ตวั เองทางดา้ นการเงนิ ได้ ทกุ ฐานะ ค่อนขา้ งจะไมไ่ ดพ้ ูดวา่ หวงั ท่ีจะใหล้ ูกมาเลยี้ งดูตอนแก่ แตถ่ ้าลูกเกิดกลบั มาเลี้ยงดูจรงิ ๆ กถ็ ือวา่ เป็นโบนัสของชีวิต แต่ที่เขาพูดถึงการเล้ียงดูน่ีหลักๆ เขาพูดถึงการเงิน แต่ว่าเร่ืองกลับมาดูแล มาเยย่ี มดา้ นจิตใจยงั มคี วามคาดหวังอยู่ เรอ่ื งบทบาททางเพศทยี่ งั ไมเ่ ทา่ เทยี มกเ็ ปน็ อกี เรอ่ื งหนงึ่ ซง่ึ ตรงนเ้ี หน็ ความแตกตา่ งระหวา่ ง ผหู้ ญงิ และผชู้ ายคอ่ นขา้ งจะตา่ งกนั เยอะ คอื ผหู้ ญงิ เรมิ่ มคี วามคดิ ไปในทางวา่ ควรทจี่ ะเทา่ เทยี มกนั มากขนึ้ ผชู้ ายจรงิ ๆ กเ็ รม่ิ คดิ แตว่ า่ มนั ไปไมเ่ รว็ เทา่ ผหู้ ญงิ เพราะฉะนนั้ gap ทางความคดิ ระหวา่ ง การให้คุณค่าเร่ืองเก่ียวกับบทบาททางเพศค่อนข้างจะกว้างข้ึนรึเปล่าไม่แน่ใจ แต่ว่าเห็นความ แตกตา่ งของคา่ นยิ ม คอื วา่ ผชู้ ายกย็ งั คาดหวงั วา่ หนา้ ทก่ี ารดแู ลบา้ น ดแู ลบตุ ร ยงั เปน็ ของผหู้ ญงิ เป็นหลกั แต่ผู้หญงิ มองว่าตอ้ งเทา่ เทยี ม การทเี่ ขาต้องทำ� งานเหมอื นกับผชู้ ายแลว้ ก็ตอ้ งมีหนา้ ท่ี เล้ียงลูก หน้าที่ท�ำความสะอาดบ้าน เขาใช้ค�ำว่าเสียเปรียบ คือมองว่าเสียเปรียบไม่ยุติธรรม ไม่ fair บางกลมุ่ ทเ่ี หน็ วา่ เรมิ่ มคี วามเทา่ เทยี มจะเปน็ กลมุ่ ทท่ี ำ� มาคา้ ขายรว่ มกนั ผชู้ าย ผหู้ ญงิ สามี ภูเบศร์ สมทุ รจกั ร I ธรี นุช ก้อนแกว้ I รฎิ วนั อุเด็น 65 �����������6.indd 65 147//2560 BE 17:09

ภรรยาท�ำมาค้าขายร่วมกนั อนั นผ้ี ู้ชายกเ็ หมอื นจะไดเ้ หน็ วา่ ผูห้ ญงิ ท�ำงานหนกั จริงๆ พอกลับมา ที่บ้านเขาก็มีการแบ่งหน้าท่ีในบ้านกันมากกว่า อันน้ีค�ำพูดของผู้ชายก็บอกว่าผู้หญิงทุกวันนี้ สว่ นใหญก่ ท็ ำ� งาน ถา้ เปน็ เมอ่ื กอ่ นกค็ งบอกวา่ ผหู้ ญงิ กท็ ำ� ไปสิ แตผ่ หู้ ญงิ ทกุ วนั นก้ี ม็ คี วามคาดหวงั ของเขา งานของเขา แต่ถ้าตกลงกันได้ก็อยากจะให้ผู้หญิงท�ำมากกว่าคือเล้ียงลูกมากกว่า ดว้ ยความทเี่ ราเปน็ ผชู้ าย ความละเอยี ดออ่ นในการดแู ลลกู กอ็ าจจะนอ้ ยกวา่ เรานา่ จะเปน็ คนหาเงนิ เพราะการทำ� งานผชู้ ายกต็ ้องรับผิดชอบไปมากกว่า อนั นี้กจ็ ะสะท้อนให้เห็นวา่ ผูช้ ายจริงๆ ลึกๆ กย็ งั มคี วามคดิ วา่ มนั ควรทจี่ ะเปน็ อยา่ งนคี้ อื norm ของสงั คมกค็ วรทจี่ ะเปน็ อยา่ งน้ี ผชู้ ายหาเงนิ ผู้หญิงก็เล้ียงลูกไป แต่ว่าก็ยังพูดได้ไม่ค่อยเต็มปาก เพราะเร่ิมรู้แล้วว่าผู้หญิงมีความคาดหวัง ทเี่ ปลี่ยนแปลง แตผ่ ้หู ญงิ กม็ ีการท�ำงานมีชวี ติ ของเขาอยู่ เพราะฉะนัน้ เขาก็พดู วา่ ถา้ ตกลงกันได้ ก็อยากจะให้เป็นอย่างนี้ ในขณะที่ผู้หญิงก็บอกว่ามันไม่ใช่ยุคที่ผู้หญิงจะเลี้ยงลูกคนเดียวแล้ว เห็นแฟนพ่ีสาวน่ังเล่นเกม ผู้ชายก็อยากมีชีวิตเหมือนเดิม แต่ผู้หญิงสมัยน้ีก็อยากให้ผู้ชาย มสี ว่ นรว่ มในการทำ� งานบา้ นและเลยี้ งลกู ดว้ ย อนั นจี้ ากประสบการณ์ เขาบอกวา่ ผชู้ ายทม่ี ลี กู แลว้ ไม่เหน็ ตอ้ งเปลี่ยนชวี ิตอะไรเลย ในขณะทพ่ี ีส่ าวตัวเองตอ้ งเปล่ียนชีวิตสารพดั เร่อื งสมดุลเก่ยี วข้องยังไงกบั การสร้างครอบครวั อยา่ งแรกเลยทสี่ งั เกตเหน็ คือคน gen Y ที่โสด ปัจจุบันเขารู้สึกว่าชีวิตเขายังไม่ค่อยสมดุลยังท�ำงานเยอะเกินไป แต่เขาคิดว่าไม่เป็นไร เพราะเขาคิดว่าเป็นการยอมไม่สมดุลช่ัวคราวเพื่อชีวิตท่ีสมดุลกว่าในอนาคต คือตอนน้ีอาจจะ งานเยอะไป อาจจะไมต่ รงตามอดุ มคตทิ เี่ ขาคดิ วา่ ชวี ติ สมดลุ ควรจะเปน็ ยงั ไง แตว่ า่ เขากบ็ อกวา่ การท�ำอย่างนี้จะน�ำไปสู่ความสมดุลได้ในอนาคต แล้วเขาก็บอกว่าเร่ืองเกี่ยวกับความสมดุล ปรับเปล่ียนได้เมื่อถึงเวลา คือถ้าเกิดมีภาระอื่นข้ึนมา เช่น ต้องดูแลพ่อแม่ หรือว่าถ้าแต่งงาน มลี กู คอ่ ยปรบั เปลย่ี นเรอ่ื งการทำ� งานได้ พอคดิ วา่ จะมลี กู สงิ่ ทพ่ี บกค็ อื กลมุ่ ผหู้ ญงิ ทเี่ ราสมั ภาษณ์ หว่ งเรอ่ื งเวลามากกวา่ ผชู้ ายอยา่ งเหน็ ไดช้ ดั ผชู้ ายคดิ วา่ เขาตอ้ งหาเงนิ เพมิ่ concentrate ในเรอื่ ง เดยี วทเ่ี กย่ี วกบั การทจ่ี ะมลี กู มากลกู นอ้ ยไดข้ องผชู้ าย คอื เขาหารายไดม้ ากนอ้ ยแคไ่ หน สว่ นเรอ่ื ง เวลาผูช้ ายมองว่าการใช้เวลากับครอบครวั หลักคือ เขาตอ้ งมีส่วนร่วมในกิจกรรมหลกั อยา่ งเชน่ วันหยุดพาไปเที่ยว แต่ผู้หญิงกระทบในทุกมิติคือท้ังเร่ืองเงิน ทั้งเรื่องเวลา ส่วนคนที่มีลูกแล้ว ส่งิ ที่ทกุ คนพดู กนั ว่ายังขาดอยคู่ อื เรือ่ งเงิน ซ่งึ ชัดเจนพอสมควร ไมว่ ่าจะระดับสถานะไหนกร็ สู้ กึ ว่าเงินไม่พอที่จะเล้ียงลูก กลุ่มที่มีฐานะปานกลาง ถึงสูงก็จะห่วงเรื่องค่าเล่าเรียนเป็นหลัก เพราะเขากจ็ ะสง่ ไปโรงเรยี นดๆี คา่ เทอมบางทีเปน็ แสน เพราะฉะนัน้ เขากห็ ่วงเรื่องเงิน ขณะท่ี กลมุ่ ทฐี่ านะปานกลางถงึ ต�่ำ เขาจะพดู ถงึ จะตอ้ งซอื้ บา้ นใหเ้ ปน็ หลกั เปน็ แหลง่ ใหไ้ ด้ ควรทจ่ี ะมรี ถ จะไดพ้ าครอบครวั ไปไหนมาไหนได้ เพราะฉะนน้ั กค็ อื ไมว่ า่ จะสถานะไหนเรอ่ื งเงนิ เปน็ ปจั จยั สำ� คญั ทจี่ ะน�ำไปส่กู ารสรา้ งครอบครวั ท่มี ีคุณภาพได้ 66 ความอย่ดู มี สี ขุ ของครอบครัวไทย 147//2560 BE 17:09 �����������6.indd 66

นอกจากเรือ่ งลกู แลว้ ผูห้ ญงิ มีภาระอืน่ ๆ มากกวา่ ผู้ชายมาก คอื ผ้หู ญงิ รสู้ ึกว่าตวั เองต้อง ดูแลหลายคนไม่ใช่แค่ตัวเอง แต่ว่าต้องดูแลพ่อแม่ด้วย ไม่ใช่แค่พ่อแม่ตัวเองแต่ต้องดูแลพ่อแม่ ของสามีด้วย เพราะฉะน้ันบางคนบอกยังไม่พร้อมท่ีจะแต่งงาน เพราะว่าเขากลัวจะไม่มีเวลา เพียงพอที่จะไปดูแลพ่อแม่ตัวเอง งานวิจัยหนึ่งท่ีได้ทบทวนมาก็พูดเร่ือง Work-Life Balance เหมือนกันวา่ ผหู้ ญิงอายุ 50 แล้ว วัยกลางคนแลว้ ก็ยังจัด Work-Life Balance ไม่ได้ เพราะว่า ยังมีภาระอย่างเช่น ดูแลพ่อแม่ท่ีแก่แล้ว เพราะฉะน้ันผู้หญิงไม่ว่าในสังคมไหนก็ยังค่อนข้าง จะมีปัญหาหลักเกี่ยวกับ Work-Life Balance จะท�ำยังไงให้เกิดความสมดุลได้ ท�ำยังไงคนถึง สามารถจัดการเวลาระหว่างการทำ� งานกบั การสร้างครอบครวั ได้ สง่ิ แรกท่ที กุ คนพูดกนั ถงึ เยอะทสี่ ุด คือการมีงานที่ยดื หย่นุ ทุกคนเมือ่ พูดถึงงานท่ียดื หยุน่ คดิ อยอู่ ยา่ งเดยี วคอื การมธี รุ กจิ สว่ นตวั การมธี รุ กจิ สว่ นตวั จะตอบโจทยใ์ นเรอ่ื งความยดื หยนุ่ ไดด้ ี ท่ีสุด แต่ผู้ชายจะมองในเร่ืองถ้ามีธุรกิจส่วนตัวแล้วฐานะจะมั่นคง ในขณะท่ีผู้หญิงมองว่าถ้ามี ธรุ กจิ สว่ นตวั เขาจะมเี วลาได้มากขึ้น ในขณะเดียวกันพบว่า คนที่เขามีธุรกจิ ส่วนตัว อย่างผู้หญิง ทเี่ ขามธี รุ กจิ ส่วนตวั คนหนึ่ง เขาก็บอกว่ามีเวลาให้ลกู ไดจ้ ริง แต่เป็นเวลาทีไ่ มไ่ ดม้ คี ุณภาพคือเขา กต็ อ้ งทำ� งานไปดว้ ยแลว้ ลกู กอ็ ยขู่ า้ งๆ แตว่ า่ ไมไ่ ดม้ ปี ฏสิ มั พนั ธไ์ มไ่ ดม้ อี ะไรกนั เพราะฉะนนั้ กเ็ หมอื น ไมม่ อี ยดู่ ี แลว้ กพ็ บวา่ คนทท่ี ำ� งานในภาคเอกชนอยากทจ่ี ะมธี รุ กจิ สว่ นตวั มากกวา่ ภาครฐั ซงึ่ ตรงน้ี กค็ ดิ วา่ เปน็ เพราะวา่ คนทำ� งานภาครฐั สว่ นใหญเ่ ขาจะจดั การเรอื่ ง Work-Life Balance ไดด้ กี วา่ คนทีท่ �ำงานเอกชน คำ� ตอบในสว่ นท่ี 2 ท่วี า่ ท�ำยงั ไงถงึ จะสมดุล เป็นคำ� ตอบจากผู้หญงิ ว่าผู้ชาย ตอ้ งชว่ ยมากกวา่ แคเ่ รอื่ งเงนิ คอื ใหม้ คี วามเทา่ เทยี มกนั ผหู้ ญงิ จะไดร้ สู้ กึ วา่ ภาระไมไ่ ดต้ กอยทู่ เ่ี ขา คนเดยี ว หลายคนบอกว่าเป็นปัจจัยสำ� คญั เลยวา่ ตัวเองจะมลี ูกรเึ ปลา่ คือต้องดกู อ่ นวา่ แฟนชว่ ย มากนอ้ ยแค่ไหน สว่ นเรอื่ งที่ 3 คอื เรอ่ื งป่ยู ่า ตายาย อนั น้ีเป็นปจั จยั สำ� คญั สำ� หรบั สงั คมไทยเลย วา่ ปู่ยา่ ตายายเปน็ key player ทท่ี ำ� ให้คนในปัจจบุ ันอยากมีลูก คือปยู่ ่า ตายาย ซึง่ หมายถงึ พ่อ แมข่ องตวั เองวา่ เขามคี วามเตม็ ใจทจี่ ะชว่ ยเลยี้ งใหเ้ รา เพราะไวใ้ จใหป้ ยู่ า่ ตายายเลย้ี งมากกวา่ ให้ พเี่ ลยี้ งหรอื วา่ ใหศ้ นู ยบ์ รกิ ารตา่ งๆ ชว่ ยดแู ล อนั ดบั 4 คอื ศนู ยด์ แู ลเดก็ เลก็ คนพดู ถงึ คอ่ นขา้ งนอ้ ย มีคนพูดถึงบ้าง แต่ว่าบทบาทของศูนย์ดูแลเด็กเล็กไม่ได้เป็นผู้ดูแล เขาไม่ได้อยากให้เป็นผู้ดูแล หลกั เขาอยากให้เปน็ ตัวเสรมิ จากปู่ย่า ตายาย เพ่ือที่ป่ยู ่า ตายายจะไดไ้ ม่ต้องดทู ้งั วนั ป่ยู า่ ตา ยายดชู ่วงเชา้ พาไปศูนย์ ปยู่ า่ ตายายจะได้มเี วลาพกั บา้ ง แล้วค่อยใหป้ ยู่ า่ ตายายไปชว่ ยรบั มา คอื เป็นการแบง่ เบาภาระของคนทีจ่ ะตอ้ งดแู ลหลัก และอีกประเดน็ สำ� คญั หนง่ึ คือศนู ย์ดแู ลเดก็ เล็กมีบทบาทส�ำคัญในเร่ืองการเสริมพัฒนาการของเด็ก คือข้อได้เปรียบของการให้ลูกไปอยู่ ศูนย์ดูแลเด็กเล็ก เขาก็บอกว่าบางทีดีกว่าให้อยู่กับปู่ย่า ตายาย ปู่ย่า ตายายก็ให้นั่งดูทีวีท้ังวัน เดก็ ก็น่ังอยหู่ น้าทีวีไป เพราะฉะนน้ั ศนู ยเ์ ดก็ เลก็ สามารถทจ่ี ะช่วยสง่ เสรมิ พฒั นาการใหด้ ้วย �����������6.indd 67 ภเู บศร์ สมทุ รจกั ร I ธรี นุช ก้อนแกว้ I ริฎวัน อุเด็น 67 147//2560 BE 17:09

ในส่วนมุมมองจากผู้ประกอบการ ผู้ประกอบการที่เราสัมภาษณ์ไปท้ังหมด 4 แห่ง ซ่งึ 4 แหง่ น้ี ปัจจยั อะไรบา้ งทส่ี ่งผลตอ่ การท่เี ขาจะสง่ เสริมให้พนกั งานมี Work-Life Balance สง่ิ แรกทพ่ี บคอื ขนาดของกจิ การ เรอื่ งขนาดมผี ลตอ่ ทรพั ยากรทบี่ รษิ ทั นน้ั จะมี เพราะถา้ ทรพั ยากร มากกว่าเขากม็ คี วามยดื หย่นุ มากกวา่ สามารถท่จี ะ offer สวสั ดิการต่างๆ ท่ีหลากหลายรูปแบบ มากขึ้น เช่น สถานประกอบการที่มี 25,000 คน ซึ่งเป็นขนาดที่ใหญ่ที่สุดที่ไปสัมภาษณ์มา เขาก็ส่งเสริม Work-Life Balance ด้วยการพยายามให้คนได้กลับไปท�ำงานในภูมิล�ำเนาของ ตัวเอง ด้วยความท่ีเขามีสาขาทั่วประเทศ บางคนมาจากเชียงใหม่แต่ท�ำไมมาท�ำงานท่ีภูเก็ต เพียงแค่พยายาม transfer ให้เขากลับไปอยู่ที่ภูมิล�ำเนา เขาก็ได้อยู่กับพ่อแม่ได้ มีบ้านมีอะไร ที่นั่น ก็จะท�ำใหช้ ีวิตเขาค่อนข้างทจี่ ะมี Balance ไดม้ ากขน้ึ อีกอันหนงึ่ คือเปน็ เร่ืองของประเภทของธรุ กิจ ธรุ กจิ ท่ีเราไปสัมภาษณ์ 4 ทนี่ เ้ี ป็นบรกิ าร กบั การผลติ ซ่งึ จริงๆ แล้ว ท้งั คู่คิดว่าลกั ษณะงานของตวั เองไม่ไดเ้ หมาะกบั การให้มี Work-Life Balance เขากร็ สู้ กึ วา่ งานบรกิ ารกข็ นึ้ อยกู่ บั วา่ ลกู คา้ อยากใหบ้ รกิ ารเมอ่ื ไหร่ จะมาทำ� งานตามใจ ชอบก็ไม่ได้ เร่ืองฝ่ายผลิตก็ต้องมาท�ำงานท่ีโรงงานจะท�ำงานที่บ้านก็ไม่ได้ เพราะฉะนั้น ตามลักษณะของธุรกจิ แลว้ ทง้ั 2 แบบทีเ่ ราไดไ้ ปสัมภาษณม์ า ถอื วา่ เป็นอุตสาหกรรมหลกั ของ ประเทศไทย ซ่ึงอาจส่งเสริม Work-Life Balance ด้วยเวลาการท�ำงานแบบยืดหยุ่นได้ยาก แต่ก็มีบางท่ีท่ีเขาพยายาม สายงานไหนที่ไม่จ�ำเป็นที่จะต้องเจอลูกค้า สายงานไหนที่ไม่จ�ำเป็น จะตอ้ งเขา้ งาน เขากพ็ ยายามใหม้ ี Work from home ได้ ซง่ึ เขากก็ �ำลงั พยายามอยใู่ นชว่ ง pilot เรื่องลักษณะของพนักงานก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่ง หลักก็คือสถานประกอบการนั้นมองว่า พนักงานทดแทนได้ยากง่ายขนาดไหน ถ้าเขารู้สึกว่าถ้าพนักงานลาออกแล้วเขาค่อยหาคนใหม่ มาแทนได้ เขากจ็ ะไมม่ คี วามพยายามทจี่ ะตอ้ งรกั ษาคนเอาไว้ แตถ่ า้ เขารสู้ กึ วา่ ทกั ษะของพนกั งานน้ี มีค่าต่อองค์กรเขาก็จะต้องพยายามหาวิธีที่จะรักษา talent เหล่าน้ันเอาไว้ และในกลุ่มบริษัท ใหญ่ๆ ท้งั 2 กล่มุ เขาก็บอกว่าเขามีความต้องการทจี่ ะรกั ษาคนเอาไว้ แล้วเขากต็ ้องฟังพนักงาน ซึ่งเขาบอกว่าพนักงาน gen Y ส่วนใหญ่ตอนนี้ให้ความส�ำคัญกับ Work-Life Balance มาก เพราะฉะนั้น เขามคี วามกดดันจากคนภายในองคก์ รเองทจ่ี ะต้องพยายามสรา้ ง Work-Life Balance ให้กับพนกั งาน อนั สดุ ทา้ ยคอื สงิ่ ทสี่ ำ� คญั ทสี่ ดุ คอื เรอ่ื งวสิ ยั ทศั นข์ องผบู้ รหิ าร คอื ไมว่ า่ จะเปน็ ขนาดเทา่ ไหร่ ประเภทธรุ กจิ ไหน แต่ถา้ เกดิ ผู้บรหิ ารใหค้ วามส�ำคญั กับเรอื่ ง Work-Life Balance เขากจ็ ะหา วธิ ีทีจ่ ะจัดการให้ใด้ อย่างเมอื่ อาทิตย์ที่แลว้ งานเสวนา สงั คมเกดิ น้อยอายยุ นื ของ UFPA ทีจ่ ัด รว่ มกบั สภาพฒั นฯ์ มบี รษิ ทั แพรนดา้ จวิ เวลรม่ี า ซง่ึ บรษิ ทั แพรนดา้ เขากเ็ ปน็ อตุ สาหกรรมทไี่ มไ่ ด้ ให้คนสามารถยืดหยุ่นให้ท�ำงานที่บ้านได้ แต่เขาก็หาวิธีที่จะจัด Work-Life Balance ให้กับ พนักงานของเขาได้ เพราะว่าผู้บริหารเขาให้ความส�ำคัญ เขาก็เลยจัดเป็นเหมือน day care 68 ความอยดู่ มี ีสุขของครอบครวั ไทย �����������6.indd 68 147//2560 BE 17:09

กส็ ามารถทจี่ ะชว่ ยพนักงานได้เยอะพอสมควร นอกจากนน้ั ตวั วิสัยทศั น์ส�ำคัญมากต่อการสร้าง วฒั นธรรมองค์กร ซง่ึ เปน็ ตัวที่จะช้วี ่า Work-Life Balance สามารถเกิดขึ้นไดจ้ ริงในทางปฏิบตั ิ หรือเปลา่ สรปุ ปจั จยั ทส่ี ง่ ผลตอ่ การตดั สนิ ใจสรา้ งครอบครวั หรอื การใชเ้ วลาของคนมหี ลายระดบั มาก ต้ังแต่ระดับมหภาค ระดับสังคม ระดับที่ท�ำงาน และก็ระดับบุคคล เพราะฉะน้ัน ถ้าเรา จะดูเรื่องท่ีจะจัดส่งเสริมการสร้างสมดุลให้กับคน เราจะต้องทราบถึงปัจจัยท้ังหมดท่ีเกี่ยวข้อง ก็คือเป็นปัจจัยที่เราสรุปได้จากการท่ีเราด�ำเนินการสนทนากลุ่ม และจากการสัมภาษณ์เชิงลึก กับสถานประกอบการ ขออนญุ าตไปขอ้ เสนอแนะเชงิ นโยบาย ถา้ สมมตวิ า่ ประเทศไทยจรงิ จงั กบั เรอื่ งทจ่ี ะสง่ เสรมิ สมดุลระหว่างการสร้างครอบครัวและการท�ำงานเพื่อที่จะให้คนสร้างครอบครัวท่ีมีคุณภาพได้ อย่างแรกสดุ คอื ตอ้ งจัดการกบั ระดับมหภาคก่อน อันนจ้ี ะไม่ไดเ้ ปน็ ตัวขอ้ เสนอแนะเชิงนโยบาย ท่ีเกี่ยวข้องกับการสร้างครอบครัวโดยตรง แต่ส่งผลอย่างมากโดยอ้อม อย่างเช่นเร่ืองปัญหา รถตดิ ทำ� ใหก้ ารใชเ้ วลานอกบา้ นมากขนึ้ มเี วลาสว่ นตวั หายไปพรอ้ มๆ กบั เวลาทำ� งาน ทำ� ใหเ้ วลา เรอื่ งความเหลอื่ มลำ้� ทางสงั คม คณุ ภาพการศกึ ษา ความไมเ่ ทา่ เทยี มทางเพศ ซง่ึ เหลา่ นเี้ ปน็ เหมอื น โครงสร้างใหญ่ หากสามารถปรับได้ก็คือจะเป็นส่วนท่ีจะช่วยส่งเสริมให้คนมีสมดุลได้ แต่หาก จะพดู ถงึ นโยบายทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั การสง่ เสรมิ การสรา้ งครอบครวั โดยตรง หากประเทศไทยจะจรงิ จงั อยา่ งแรกสดุ คอื ตอ้ งขยายการลาคลอดใหไ้ ดร้ บั คา่ จา้ งทเี่ พม่ิ ขน้ึ ปจั จบุ นั 90 วนั แตว่ า่ ประเทศไทย ไดใ้ หป้ ฏญิ ญาตามอนสุ ญั ญาองคก์ ารแรงงานระหวา่ งประเทศ ซง่ึ เคยกำ� หนดเอาไวอ้ ยทู่ ่ี 14 สปั ดาห์ ซง่ึ จรงิ ๆ แล้ว 90 วนั ค่อนข้างนอ้ ยกวา่ 14 สปั ดาห์พอสมควร 90 วันจะอยูท่ ่ี 12-13 สัปดาห์ สว่ นที่ 2 คอื ควรทจี่ ะสนบั สนนุ การลาของสามเี พอ่ื ชว่ ยดแู ลภรรยาและลกู หลงั คลอด อยา่ งทบ่ี อก ตรงนเ้ี ปน็ ปจั จยั สำ� คญั พอสมควรทจี่ ะทำ� ใหผ้ หู้ ญงิ ตดั สนิ ใจวา่ อยากมลี กู หรอื ไม่ การทร่ี ฐั มนี โยบาย เป็นตวั ช่วยปรบั ทศั นคติทางสงั คมวา่ การเลย้ี งลูกไม่ใช่หนา้ ท่ีของผู้หญงิ เพียงอย่างเดยี ว แตเ่ ป็น หนา้ ทขี่ องผชู้ ายดว้ ย สว่ นท่ี 3 คอื การสง่ เสรมิ การลาส�ำหรบั ดแู ลบตุ ร ควรจะเพมิ่ ประเภทการลา ดแู ลบตุ รใหเ้ ปน็ สิทธสิ �ำหรบั พอ่ แมท่ ่ีมลี ูกต่ำ� กว่า 6 ปี เช่น ตอ้ งพาไปหาหมอ หรืออะไรอย่างนี้ ควรจะมีการลาในรปู แบบทมี่ ากกว่าแค่ลากิจ สว่ นท่ี 4 คอื เรื่องการสง่ เสรมิ ใหม้ ีความยืดหยุ่นใน การทำ� งาน ซงึ่ ความยดื หยนุ่ ในการทำ� งานไดจ้ ะชว่ ยสง่ เสรมิ ใหเ้ ขามคี รอบครวั ไดง้ า่ ยขนึ้ แตก่ ย็ อ่ ม ทำ� ใหเ้ กดิ cost สำ� หรบั สถานประกอบการ รฐั กค็ วรจะสง่ เสรมิ โดยอาจจะมแี รงจงู ใจทางดา้ นภาษี ดว้ ยการกำ� หนดนโยบายสภาพแวดลอ้ มท่ี Family friendly โดยมรี ายละเอยี ดขนึ้ อยกู่ บั ประเภท ธรุ กิจ ซงึ่ อาจจะมคี วามหลากหลายเรอ่ื งเวลาทำ� งาน สถานท่ที �ำงาน หรือให้คนกลับไปทำ� งานที่ ภูมิลำ� เนา การมี Flexible hour จะให้เลือกเข้างาน 8-9 โมง เป็นต้น หรอื อย่างท่ีบริษัทแพนด้า จิวเวลรี่ ที่มี day care อยภู่ ายในบรษิ ัทกเ็ ปน็ นโยบายท่ถี อื วา่ เปน็ family friendly รฐั ก็ควรจะ ภูเบศร์ สมทุ รจกั ร I ธรี นุช กอ้ นแกว้ I รฎิ วนั อเุ ดน็ 69 �����������6.indd 69 147//2560 BE 17:09

ส่งเสรมิ อาจจะมีแรงจูงใจทางภาษี หรืออาจจะเปน็ การให้รางวัลกับบรษิ ทั ตัวอย่างท่มี ีรูปแบบที่ สง่ เสรมิ Work-Life Balance เรอื่ งศนู ยบ์ รกิ ารดแู ลเดก็ เลก็ กค็ วรจะเนน้ เรอ่ื งการพฒั นาการของ เดก็ มากกว่าจะเป็นแค่ใหเ้ ป็นสถานทเ่ี ลย้ี งเดก็ อยา่ งเดียว สดุ ทา้ ยคือการจัดต้ังกองทนุ ครอบครวั คือการเปล่ียนแปลงทางโครงสร้างประชากรครั้งน้ี ท�ำให้ภาระของวัยท�ำงานเยอะข้ึนจริงๆ 1) เขาตอ้ งเป็นคนทำ� งานดว้ ย เพ่อื จะได้พัฒนาประเทศ 2) เขาตอ้ งดูแลผูส้ งู อายดุ ว้ ย คอื พอ่ แม่ ของเขา 3) เขาตอ้ งดแู ลลูกด้วย หากเขาเลือกท่จี ะมีครอบครวั จะมีมาตรการอยา่ งไรที่จะชว่ ย แบ่งเบาภาระวัยแรงงานเหล่าน้ี ก็แนวทางหนึ่งคิดว่าจะเสนอจัดต้ังกองทุนครอบครัวจะได้ช่วย แบ่งเบาภาระของคนวัยท�ำงาน และก็อาจจะเป็นไปตามความสมัครใจและก็ไม่ได้จ�ำกัดเฉพาะ การดูแลลูก ภาระครอบครัวในวัยท�ำงานมีทั้งเรื่องดูแลบุตร ดูแลผู้สูงอายุในครอบครัว เพราะ ฉะนน้ั ตัวอยา่ งสวัสดกิ ารกอ็ าจจะไดเ้ งินชดเชยในกรณตี ้งั ครรภ์ คลอดบตุ ร เงินสนบั สนนุ สำ� หรับ การเลย้ี งดบู ุตร ผู้สูงอายใุ นครอบครัว เงนิ ทจ่ี ะมาช่วยในการจ้างผูด้ แู ลผูส้ ูงอายุ เงนิ ท่ีจะมาจ้าง ดูแลเด็ก สมาชิกก็อาจจะจ่ายเงินสะสมแล้วรัฐก็ช่วยสมทบ ตัวรูปแบบน้ีต้องศึกษาเพิ่มเติมหา รูปแบบท่ีเหมาะสม สดุ ทา้ ยเปน็ ขอ้ เสนอแนะทางดา้ นวจิ ยั คอื ควรศกึ ษาเพมิ่ เตมิ เพอ่ื ใหม้ นี โยบายทม่ี ี evidence ทหี่ นกั แนน่ พอทจี่ ะทำ� มรี ปู แบบทช่ี ดั เจนได้ และกส็ ำ� รวจนโยบายทมี่ อี ยวู่ า่ ไดผ้ ลมากนอ้ ยแคไ่ หน อย่างเช่นเรื่องการลาของพ่อ ส่งผลต่อการตัดสินใจมีบุตรของผู้หญิงจริงหรือเปล่า หรือจาก มมุ มองธรุ กจิ การทำ� Work-Life Balance ตน้ ทนุ ของคนทเี่ ขาจะไดค้ มุ้ คา่ มากนอ้ ยแคไ่ ด้ ผลทไ่ี ด้ ก็อาจจะดวู ่า productivity ของคนเพมิ่ ขึ้นหรือเปลา่ รักษาคนได้จริงหรอื เปลา่ ดงึ ดดู talent ออกมาได้จรงิ หรอื เปล่า หากมีออกมากอ็ าจจะชว่ ยจงู ใจใหบ้ รษิ ทั ธรุ กิจตา่ งๆ อยากที่จะสง่ เสรมิ Work-Life Balance ให้กับคนมากขึ้น รวมทั้งงานวิจัยเพ่ิมเติมข้อเสนอแนะทางนโยบาย โดยอาจจะดูภาระด้านงบประมาณว่าการขยายวันลาจะมีความเป็นไปได้ทางงบประมาณจริง หรือเปลา่ จะสง่ ผลกระทบอย่างไรทางด้านกำ� ลงั คน เป็นต้นคะ่ อ.ภเู บศร์ ขอบคณุ อาจารย์มนสิการครบั ผมขออนญุ าตเรียนดังนี้นะครบั เราจะน�ำเสนอไปจนครบ ทกุ โครงการ แล้วผมจะสรปุ แตพ่ อสมควรแล้วจะเปิด floor ใหแ้ ต่ละท่านซักถาม ขอ้ เสนอแนะ หรอื comment อย่างไร ในแฟม้ ที่เราแจกมี info-graphic ที่เป็นภาพสรุปของแต่ละโครงการ ผมคิดว่าจะเป็นประโยชน์ในการติดตามการน�ำเสนอแต่ละโครงการครับ หลังจากท่ีฟังงานของ อาจารยม์ นสกิ ารส่ิงท่ีน่าเปน็ หว่ งคอื ทกุ คนรวู้ ่า Work-Life Balance สำ� คัญ แต่พอเราไปเกบ็ ข้อมลู จริงๆ มันจับตอ้ งเป็นรปู ธรรมไดย้ าก ไมร่ จู้ ะท�ำอย่างไร แมแ้ ต่ของคนที่อยากจะมี Work- Life Balance ก็บอกมาชัดๆ ได้ล�ำบาก ผมว่าในประเด็นนี้อาจารย์มนสิการก็ลงไปชัดเจนใน 70 ความอย่ดู มี สี ุขของครอบครวั ไทย �����������6.indd 70 147//2560 BE 17:09

รายละเอียด แล้วก็สามารถแตกออกเป็นข้อเสนอแนะได้ และนอกจากจบั ตอ้ งได้ยากแลว้ กย็ งั มี พลวตั รความเปล่ยี นแปลงของ Work-Life Balance ตามแต่สถานฐานะ ตามแตช่ ว่ งเวลาของ ชีวิต และก็มีความสัมพัทธ์ คือมีการเปรียบเทียบกับคนอ่ืน ตอนท่ีพูดคุยกับอาจารย์มนสิการ ก็มีข้อเสนอแนะที่หลากหลาย และมีความท้าทายในเชิงนโยบายเป็นอย่างมาก ในล�ำดับต่อไป เป็นประเด็นซง่ึ เชื่อมกันกับงานของอาจารย์มนสกิ ารค่อนขา้ งแนบสนิทเลย ซ่งึ อาจารย์มนสกิ าร ได้ทิ้งไว้เป็นประเด็นใหญ่ประเด็นหน่ึง คือเร่ืองศูนย์รับเล้ียงเด็ก คราวน้ีเราได้คุณแม่ตัวจริง มาช่วยดูแลงานส่วนน้ีด้วยครับ มีลูกสาวอายุ 3 ขวบก�ำลังน่ารัก ผมขอไปท่ีงานของอาจารย์ จงจิตต์ เรยี นเชญิ อาจารยจ์ งจติ ต์ ครับ อ.จงจติ ต5์ ขอบคุณค่ะ โครงการวิจัย “การให้บริการศูนย์ศึกษา กอ่ นวยั เรยี นเขตกรงุ เทพฯ และปรมิ ณฑล” สำ� หรบั ประเดน็ ทจี่ ะ นำ� เสนอวนั นอี้ ยากทจี่ ะเรม่ิ ตน้ จากความเปน็ มาและความสำ� คญั วตั ถปุ ระสงคข์ องงานวจิ ยั ระเบยี บวธิ วี จิ ยั ขอ้ คน้ พบจากงานวจิ ยั และข้อเสนอแนะเชิงนโยบายค่ะ ภาวะเจริญพันธุ์ท่ีลดลงในปัจจุบันส่งผลกระทบต่อ โครงสรา้ งประชากรและโครงสรา้ งครวั เรอื นจากทคี่ รอบครวั ไทย เคยมีสมาชิกประมาณ 6 คนในปี 2533 ปัจจุบนั มีเฉลยี่ อยเู่ พยี ง ภาพที่ 8: รายงานผลการวิจยั แค่ครอบครัวละประมาณ 3 คน การที่คู่สมรสมีบุตรจ�ำนวน การใหบ้ รกิ ารศนู ย์ศกึ ษา นอ้ ยลง มสี าเหตสุ ำ� คญั ประการหนง่ึ คอื การไมม่ คี นชว่ ยดแู ลบตุ ร กอ่ นวัยเรียนเขตกรงุ เทพฯ ลักษณะรูปแบบการอยู่อาศัยที่ครอบครัวแยกออกมาอยู่ และปรมิ ณฑล ครอบครัวเดี่ยว ไมม่ ีปูย่ า่ ตายายคอยช่วยเลีย้ งดูเมือ่ พ่อแมอ่ อก ภาพโดย: กฤตญิ า ส�ำอางกจิ ไปท�ำงานนอกบา้ น การไมม่ คี นช่วยเลี้ยงดบู ุตรน้ี ส่งผลกระทบ ตอ่ การตดั สนิ ใจทจ่ี ะมบี ตุ รและประกอบกบั การทผี่ หู้ ญงิ มกี ารศกึ ษาสงู ขนึ้ จงึ ทำ� ใหผ้ หู้ ญงิ มบี ทบาท ในการเป็นผู้ช่วยหารายได้ของครอบครัว และการขาดรายได้ของผู้หญิงจะส่งผลกระทบต่อ เศรษฐกิจของครอบครัวท�ำให้เสียโอกาสในการท�ำงาน ท�ำให้ศูนย์เลี้ยงดูเด็กอาจจะเป็นอีก ทางหนงึ่ ในการเลยี้ งดบู ตุ รของสงั คมทม่ี รี ปู แบบการอยอู่ าศยั และการทำ� งาน โดยเฉพาะในสงั คมเมอื ง อย่างไรก็ตาม การมีสถานเล้ียงดูเด็กเป็นผู้ช่วยเล้ียงดูแทนพ่อแม่นับว่าเป็นความละเอียดอ่อน 5 ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.จงจิตต์ ฤทธิรงค์ หัวหน้าโครงการวิจัยการให้บริการศูนย์การศึกษาก่อนวัยเรียนในเขต กรุงเทพมหานคร และปริมณฑล ภเู บศร์ สมุทรจักร I ธีรนุช ก้อนแก้ว I ริฎวนั อเุ ดน็ 71 �����������6.indd 71 147//2560 BE 17:09

เพราะว่ารูปแบบของการดูแลเด็กจะส่งผลกระทบต่อพัฒนาการของเด็ก ส�ำหรับวัตถุประสงค์ ของงานวิจัย มี 2 ข้อ ข้อแรกคือ เพ่ือศึกษาและตระหนักถึงความส�ำคัญของการส่งเสริมและ พัฒนาการของเด็กเล็กเกิดจนถึง 3 ปี และผปู้ กครองทีม่ ีบุตรปฐมวัย และขอ้ 2 คือการศกึ ษาถงึ ความสอดคลอ้ งของความตอ้ งการของผใู้ ชบ้ รกิ าร และการใหบ้ รกิ ารศนู ยก์ ารศกึ ษากอ่ นวยั เรยี น การด�ำเนินงานวิจัยก็ด�ำเนินการภายใต้ความคิดท่ีว่า พ่อแม่ยังคงเป็นผู้ดูแลบุตรท่ีดีท่ีสุด โดยที่ ศนู ยเ์ ลย้ี งดเู ดก็ เปน็ ตวั ชว่ ยแบง่ เบาภาระและความจำ� เปน็ ในสถานการณข์ องสงั คมปจั จบุ นั สำ� หรบั ระเบียบวิธีวิจัยประกอบดว้ ย 3 ส่วน ส่วนแรก คือการวิจัยเชิงปรมิ าณ ซึง่ ใช้แบบสอบถามเชิง โครงสรา้ งเก็บข้อมลู ตวั อยา่ งผ้ปู กครองเดก็ อายแุ รกเกดิ จนถึง 6 ปี ที่ใชบ้ ริการสถานเลยี้ งเดก็ ทัง้ ของรัฐและเอกชน ท่ีอยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร จ�ำนวน 400 ราย ส่วนท่ี 2 เป็นการวิจัยเชิง คุณภาพ เก็บข้อมูลด้วยการสัมภาษณ์เชิงลึกกับพ่อแม่และผู้ปกครองที่มีบุตรปฐมวัย จ�ำนวน ทั้งสิ้น 16 ราย รวมทั้งผู้ที่ใช้บริการสถานเลี้ยงเด็ก และท่ีไม่ได้ใช้บริการ และส่วนสุดท้ายคือ การวเิ คราะห์เชงิ พนื้ ท่ี ดว้ ยการใชเ้ ทคนคิ ภมู ศิ าสตรส์ ารสนเทศ ศึกษาข้อมลู ที่ต้งั ทางภมู ศิ าสตร์ และคุณลักษณะของสถานเล้ียงเด็ก ประกอบกบั ลกั ษณะของพ้นื ที่ที่เป็นเขตทอี่ ยูอ่ าศัย และเขต พาณิชยกรรมหรืออุตสาหกรรม ซึ่งข้อมูลเบ้ืองต้นได้รับความอนุเคราะห์จากส�ำนักผังเมือง กรุงเทพมหานคร กรมโยธาธิการและผังเมือง แผนท่ีน้ีแสดงการเก็บข้อมูลในกรุงเทพมหานคร ส�ำนักผังเมืองกรุงเทพมหานคร ซึ่งได้แบ่งเขตพ้ืนท่ีตามลักษณะการใช้ประโยชน์ที่ดินออกเป็น 5 เขตด้วยกันคอื กรุงเทพฯ เหนอื กรุงเทพฯ กลาง กรงุ เทพฯ ใต้ กรุงเทพฯ ตะวันออก และ กรงุ ธนบุรี ทมี วิจัยไดม้ กี ารสมุ่ ตัวอย่างเขตพ้ืนทต่ี ่างๆ ออกมาเป็น 1 เขตการปกครอง เขตท่ีสมุ่ ไดข้ ึ้นมา 5 เขต คือ ตลิง่ ชัน ดุสิต สาทร สายไหมและลาดกระบงั และไดม้ กี ารออกพน้ื ท่ไี ปเก็บ ขอ้ มลู ตวั อยา่ งทง้ั สนิ้ 400 รายทว่ั กรงุ เทพมหานคร ส�ำหรบั ผตู้ อบแบบสอบถามสว่ นมาก รอ้ ยละ 65 เปน็ แม่ รอ้ ยละ 18 เป็นพ่อ ท่เี หลือเป็นป่ยู ่า ตายาย หรือญาติ ในการตอบวัตถุประสงค์ของงานวิจัยข้อแรก เร่ืองการตระหนักถึงความส�ำคัญของ การพัฒนาการของเด็กอายุ 0-3 ปี ด้วยคำ� ถามว่า “ท่านทราบหรือไม่ว่าเด็กจะมีพัฒนาการได้ มากในวัย 0-3 ป”ี ปรากฏวา่ รอ้ ยละ 89 ของพ่อแมร่ ู้ว่าเดก็ จะมีพัฒนาการในชว่ งวัยน้ี เมือ่ ถาม ว่า “ท�ำไมผู้ปกครองถงึ พาเดก็ ไปเลย้ี งบริการสถานเล้ยี งเดก็ ” ร้อยละ 85 ตอบวา่ ตอ้ งการให้เดก็ มีพัฒนาการที่ดีตามวัยอย่างเหมาะสม ล�ำดับถัดมา คือต้องการให้เด็กเตรียมความพร้อมก่อน เข้าเรียน ประมาณรอ้ ยละ 47 ตอบวา่ ไม่มผี ู้ดแู ลเด็กทบี่ ้านในเวลากลางวันหรือเวลาท่ไี ปทำ� งาน จะเห็นได้ว่ามีเพียงไม่ถึงคร่ึงท่ีตอบว่าไปใช้บริการสถานเลี้ยงเด็กท่ีไม่มีเวลาดูแลบุตร จะเห็นว่า พ่อแม่ส่วนมากไม่ได้ใช้บริการด้วยเหตุผลว่า ขาดผู้ดูแลบุตร ส�ำหรับวัตถุประสงค์ข้อถัดมา คือเร่อื งความสอดคลอ้ งของความต้องการใชบ้ ริการสถานเลี้ยงเด็ก เราไดแ้ บ่งการวเิ คราะห์ออก เปน็ 4 ประเดน็ ดว้ ยกนั กค็ อื ทำ� เลทต่ี ง้ั บรกิ ารสถานเลยี้ งเดก็ อตั ราคา่ บรกิ าร และสภาพแวดลอ้ ม 72 ความอย่ดู มี สี ุขของครอบครวั ไทย �����������6.indd 72 147//2560 BE 17:09

ในประเด็นต่างๆ ได้มีการเปรียบเทียบการให้บริการสถานเล้ียงเด็กเอกชนและหน่วยงานรัฐ แต่วันน้ีด้วยเวลาที่จ�ำกัด จะขอพูดบางประเด็นที่น่าสนใจเท่าน้ัน ส�ำหรับประเด็นที่ตั้งใน แบบสอบถามกไ็ ดถ้ ามความคดิ เหน็ ของผตู้ อบแบบสอบถามวา่ “ในความคดิ ของทา่ นจะใชส้ ถาน บริการในแหล่งที่ตั้งแบบใด” ร้อยละ 60 ตอบว่าใกล้แหล่งที่พัก ร้อยละ 25 ตอบว่าต้องการ ให้สถานเล้ียงเด็กอยู่ใกล้ที่ท�ำงาน และร้อยละ 15 ตอบว่าท่ีใดก็ได้ ส�ำหรับผู้ท่ีตอบว่าต้องการ ให้สถานเล้ียงเด็กอยู่ใกล้ที่พักมีร้อยละ 60 หรือคิดเป็นจ�ำนวน 242 คน ส่วนท่ีตอบว่า ในความเปน็ จรงิ สถานเลย้ี งเดก็ ใกลบ้ า้ นมรี อ้ ยละ 83 จะเหน็ วา่ ยงั มชี อ่ งวา่ งทจี่ ะพฒั นาใหส้ อดคลอ้ ง ไดอ้ ีก ร้อยละ 17 ส�ำหรบั ผู้ทต่ี อบว่าตอ้ งการให้สถานเล้ียงเดก็ อยใู่ กลท้ ่ที ำ� งานมีรอ้ ยละ 25 หรอื คดิ เปน็ 101 คน ทบี่ อกวา่ ในความเปน็ จรงิ แลว้ มสี ถานเลยี้ งเดก็ ใกลท้ ที่ ำ� งาน รอ้ ยละ 65 จะเหน็ วา่ มชี อ่ งวา่ งใหพ้ ฒั นาไดอ้ กี 35% ทมี ผวู้ จิ ยั กไ็ ดม้ กี ารกดบนั ทกึ พกิ ดั สถานเลยี้ งเดก็ ทวั่ กรงุ เทพมหานคร ที่เราได้รับรายช่ือมาจากส�ำนักพัฒนาสังคมของกรุงเทพมหานคร จ�ำนวน 716 แห่ง เราได้มี การสืบคน้ จาก Google map และได้มกี ารโทรศัพท์สอบถามการใหบ้ รกิ ารว่ายังมกี ารใหบ้ รกิ าร อยู่หรือไม่ เราสามารถกดบันทึกพิกัดได้ทั้งสิ้น 501 แห่ง ท่ัวกรุงเทพมหานครตามแผนที่ จาก แผนทนี่ เี้ ราไดท้ ดลองทำ� อาณาเขตรอบสถานเลยี้ งเดก็ รศั มี 5 กโิ ลเมตรกจ็ ะเหน็ วา่ รศั มี 5 กโิ ลเมตร ครอบคลุมพื้นท่ีกรุงเทพมหานครเกือบท้ังหมด แสดงว่าท�ำเลท่ีต้ังอาจจะไม่ได้ส่งผลกระทบต่อ การเข้าไปใช้สถานเล้ียงเด็ก แต่ที่เราเห็นช่องว่าง ร้อยละ 17 จะเห็นว่าผู้ที่ต้องการอยากจะ มีสถานเล้ียงเด็กอยู่ใกล้บ้าน และร้อยละ 35 ที่ยังต้องการให้สถานเลี้ยงเด็กอยู่ใกล้ที่ท�ำงาน อาจจะเปน็ เพราะวา่ เขายงั ไมพ่ งึ พอใจกบั คณุ ภาพ หรอื วา่ การบรกิ ารมาตรฐาน หรอื อตั ราคา่ บรกิ าร ประเด็นใดประเด็นหน่ึง ท�ำให้จะต้องพิจารณาสถานเล้ียงเด็กท่ีอยู่ไกลออกไป ท�ำให้มีช่องว่าง อยา่ งทเ่ี ราเหน็ สำ� หรบั ประเดน็ เรอื่ งบริการของสถานเล้ียงเดก็ เรามกี ารสอบถามความพึงพอใจ ให้ผู้ปกครองใหค้ ะแนน เป็น 5 คะแนน ส่วนมากจะได้ไมต่ ำ�่ กวา่ 4 คะแนน มีเพียงจำ� นวนผ้ดู ูแล ตอ่ จ�ำนวนเด็กทไ่ี ด้คะแนนต�่ำกว่า 4 คะแนน คือ 3.9 คะแนน ประเดน็ จำ� นวนผู้ดแู ลเด็กอาจจะ เป็นประเด็นส�ำคัญที่จะต้องพัฒนาต่อไป ถัดมาคืออัตราค่าบริการ จริงๆ แล้วเราไม่ได้มีการ สอบถามความพงึ พอใจของอัตราค่าบริการ เพราะเราคิดวา่ ไดไ้ ปสัมภาษณก์ ับพอ่ แม่ ผ้ปู กครอง ท่ีไปใช้สถานเล้ียงเด็กน้ันๆ ก็พอจะอนุมานได้ว่าท่านเหล่าน้ันสามารถจ่ายค่าบริการสถานเลี้ยง เด็กน้ันได้ แตจ่ ากสถติ ิท่เี ราสอบถามจากผูป้ กครอง พบว่าประมาณ 1 ใน 4 หรอื รอ้ ยละ 25 จา่ ย คา่ บริการเล้ียงได้ 500 บาท หรือไมเ่ กนิ 1,000 บาท และสดั สว่ นใกลเ้ คยี งกันหรอื ร้อยละ 24 จา่ ยในอตั รา 2,000-5,000 บาท และอตั ราตอ่ มา รอ้ ยละ 21 บอกวา่ จา่ ยไดม้ ากกวา่ 5,000 บาท เราลองพจิ ารณาพอ่ แมผ่ ปู้ กครองทอ่ี าจมภี าระคา่ ใชจ้ า่ ยเรอ่ื งคา่ เชา่ บา้ น พบวา่ ผทู้ ตี่ อ้ งจา่ ย ค่าเชา่ บา้ น จา่ ยค่าประกัน สามารถจา่ ยค่าสถานเลยี้ งเดก็ อยใู่ นชว่ งประมาณ 500-1,000 บาท และส�ำหรับผู้ที่มีบ้านพักเป็นของตัวเองส่วนมากจ่ายค่าบริการได้ถึง 5,000 บาทข้ึนไป ถา้ หาก ภูเบศร์ สมทุ รจักร I ธรี นชุ ก้อนแก้ว I ริฎวัน อุเด็น 73 �����������6.indd 73 147//2560 BE 17:09

รฐั บาลจะมกี ารสง่ เสรมิ ใหม้ กี ารชว่ ยเหลอื ใหส้ ามารถเขา้ ถงึ บรกิ ารไดอ้ าจจะชว่ ยดแู ลกลมุ่ ทม่ี ภี าระ เร่ืองค่าเชา่ บ้านอยู่ นอกจากน้ียังจะเห็นว่ากราฟแสดงกิจกรรมคะแนนของพ่อแม่ผู้ปกครองที่ให้คะแนน กิจกรรมท่เี สรมิ พฒั นาการดา้ นร่างกายในกลุม่ เด็กอายตุ �่ำกว่า 3 ปี ที่สถานเลีย้ งเดก็ ควรจะจัดให้ มีทุกวนั อย่างเช่น ควรจะจดั ให้เด็กมีการตักขา้ วรบั ประทานอาหารเอง พบวา่ ประมาณ รอ้ ยละ 86 บอกว่าสถานเล้ยี งเด็กทม่ี ีบรกิ ารนีใ้ ห้เดก็ ตักอาหารเองทกุ วัน ถดั มาเปน็ คะแนนท่ีลดหลัน่ กัน ลงมา เด็กได้ท�ำอะไรด้วยตนเอง เด็กมีโอกาสฝึกขับถ่ายเป็นเวลา ขึ้นลงบันไดด้วยตนเอง เด็กได้เล่นที่สนามหญ้า เด็กได้เล่นที่สนามเด็กเล่นบนพ้ืนหญ้า แต่เราพบว่า 1 ใน 3 ของ สถานเลี้ยงเด็กไม่มีกิจกรรมให้เด็กได้เดินบนพ้ืนหญ้า สิ่งนี้อาจจะสะท้อนสิ่งแวดล้อมใน สถานเลย้ี งเด็กที่อาจจะต้องได้รับการพัฒนาขนึ้ เพอ่ื ใหส้ ง่ เสรมิ พฒั นาการของเด็กไดอ้ ย่างสมวัย ในแบบสอบถามกม็ กี ารถามเกยี่ วกบั การบรกิ ารตา่ งๆ เรากไ็ ดม้ กี ารวเิ คราะหเ์ ปรยี บเทยี บ บริการของสถานเลี้ยงเด็กเอกชนและสถานเล้ียงเด็กภายใต้หน่วยงานรัฐ ประเด็นในหลายๆ ประเดน็ คะแนนใกลเ้ คยี งกนั มาก แตส่ งิ่ ทเี่ ราพบกค็ อื 2 ประเดน็ ทมี่ คี ะแนนคอ่ นขา้ งตา่ งกนั อยา่ ง เหน็ ได้ชัด คอื การมีของเลน่ หรืออปุ กรณ์เสรมิ พฒั นาการเพียงพอสำ� หรับเดก็ และการใหบ้ ริการ ของบุคลากรโดยรวม จะเห็นว่าคะแนนของเอกชนสูงกว่าคะแนนของภาครัฐอย่างเห็นได้ชัด อนั นกี้ อ็ าจจะเปน็ ชอ่ งวา่ งทอี่ ยากใหร้ ฐั ชว่ ยสง่ เสรมิ ทมี วจิ ยั กไ็ ดม้ โี อกาสไปเยย่ี มชมสถานเลย้ี งเดก็ ที่อย่ใู นชุมชนมุสลิมอยใู่ นเขตมนี บรุ ี สถานเลย้ี งเดก็ แห่งน้ใี หบ้ ริการเด็กจ�ำนวน 120 คน ท้ังชาว มุสลิมและก็พุทธ ด้วยบริบทของวัฒนธรรมของชาวมุสลิม สถานเลี้ยงเด็กจะรับบริจาคเพียง เดอื นละ 300 บาท แตว่ า่ มคี ณุ ภาพในการเลยี้ งเดก็ ทด่ี ที ำ� ใหไ้ ดร้ บั ความนยิ มมาก พอ่ แมผ่ ปู้ กครอง บางท่านท่ีพอรตู้ วั ว่าตัง้ ครรภแ์ ล้วก็ไดไ้ ปจองคิวเพอ่ื ท่ีจะได้เรยี นในสถานเลี้ยงเด็กแห่งนกี้ นั เลยที เดียว ภาพทเ่ี ห็นก็จะเปน็ ส่ือการเรยี นการสอนทม่ี ที ้ังเลขไทย เลขอารบิก และเลขภาษาอาหรบั บรรยากาศในหอ้ งเรยี น เดมิ บรรยากาศในหอ้ งเรยี นเหลา่ นเี้ ปน็ หอ้ งทใ่ี ชท้ �ำกจิ กรรมของทงั้ โรงเรยี น แตเ่ พราะวา่ มคี วามตอ้ งการจะมาเขา้ โรงเรยี นนเ้ี ปน็ จำ� นวนมาก คณุ ครเู ลยปรบั เปลยี่ นหอ้ งนเ้ี ปน็ หอ้ งเรยี นเพมิ่ มากขน้ึ ทจ่ี ะรองรบั เดก็ ไดม้ ากขน้ึ กเ็ ปน็ วธิ กี ารเรยี นการสอนแบบ project learning คือการเรียนรู้ผ่านโครงการ เป็นกระบวนการท่ีท�ำให้เด็กได้มีส่วนร่วมในการเรียนที่ท�ำให้เด็ก ได้สามารถช่วยตัดสินใจในประเด็นส่ิงท่ีตัวเองสนใจได้ โดยการให้ทุกคนมาแปะสต๊ิกเกอร์โหวต ว่า วันนีเ้ ราจะเรียนกนั เรื่องอะไรดี เป็นตัวอย่าง ปจั จยั ทที่ �ำใหศ้ ูนยป์ ระสบความส�ำเรจ็ คือทต่ี ้ัง ทอี่ ยใู่ นชมุ ชนผปู้ กครองสะดวกในการรบั สง่ บตุ ร คา่ บรกิ ารทผี่ ปู้ กครองสามารถจา่ ยไดเ้ พยี ง 300 บาท/เดอื น ไดร้ บั การบรกิ ารทม่ี คี ณุ ภาพ ซง่ึ หมายความวา่ เดก็ สนกุ และกไ็ ดเ้ รยี นรู้ สภาพแวดลอ้ ม ท่สี ะอาดปลอดภยั เพราะอาคารที่เปดิ โล่ง อากาศถ่ายเท มอี า่ งลา้ งมือให้เดก็ ไดใ้ ชส้ ะดวก เด็กๆ ก็จะได้ท�ำความสะอาดมือและเท้าก่อนละมาดลดการแพร่เชื้อ วิธีการในการสอนเป็นวิธีการ 74 ความอยดู่ มี ีสุขของครอบครวั ไทย �����������6.indd 74 147//2560 BE 17:09

ให้เด็กเป็นศูนย์กลาง โดยให้เด็กมีโอกาสในการตัดสินใจเลือกสิ่งที่ตัวเองสนใจ ผู้บริหารของ สถานเลี้ยงเด็กให้ความส�ำคัญกับการพัฒนาการบุคลากร ส่ือการเรียนการสอนเป็นอย่างมาก มกี ารจดั ใหค้ ณุ ครไู ดเ้ ขา้ อบรม หรอื ทำ� กจิ กรรมเพอื่ เสรมิ สรา้ งศกั ยภาพการเรยี นการสอนในโรงเรยี น และสดุ ทา้ ยครพู เ่ี ลยี้ งรกั เดก็ เหมอื นกบั ลกู ของตวั เอง ท�ำใหพ้ อ่ แมอ่ นุ่ ใจไวใ้ จทจ่ี ะพาเดก็ มาฝากไว้ ท่โี รงเรยี นแห่งน้ี และอีกแหง่ หนึ่งทเี่ รามโี อกาสได้ไปเยีย่ มชมคอื สถานเลยี้ งเด็กในทีท่ �ำงาน จากการท่ีไดพ้ ูดคยุ จดุ เรมิ่ ตน้ ของการจัดตง้ั สถานเลย้ี งเด็กทท่ี �ำงานแห่งนี้ เรมิ่ ต้นมาจาก พ่อแม่ท่ีจะต้องท�ำงานเป็นกะ ท�ำให้ต้องสลับกันดูแลลูก ถ้าหากว่าพ่อแม่จะต้องท�ำงาน อยกู่ ะเดยี วกนั กจ็ ะทำ� ใหพ้ อ่ แมค่ นนนั้ จะตอ้ งพาลกู ไปฝากไวก้ บั ปยู่ า่ ตายายใหเ้ ลยี้ งดทู ตี่ า่ งจงั หวดั ท�ำให้พ่อแม่ลูกไม่ได้อยู่ด้วยกัน ผู้บริหารของบริษัทจึงได้ตัดสินใจสร้างสวัสดิการให้กับพนักงาน โดยไดค้ ิดคา่ ใชจ้ า่ ยทงั้ คา่ เลา่ เรียน คา่ อาหาร ค่าอุปกรณท์ ำ� กิจกรรมวันละเพียง 25 บาทเท่านน้ั ภาพทเ่ี หน็ นเี้ ปน็ หอ้ งทำ� กจิ กรรม ทเี่ หน็ กจ็ ะเปน็ เดก็ ทำ� กจิ กรรมสวดมนตก์ นั อยู่ พน้ื ของหอ้ ง และ สิ่งแวดล้อมของหอ้ งก็จะจัดให้มคี วามปลอดภัยคอื ใหม้ เี บาะนมุ่ ภาพถดั มาจะเปน็ พีเ่ ลี้ยง 1 คน ดูแลเด็กทารก 3 คน ถัดมาก็จะเป็นการจัดระเบียบห้องนอนของเด็กๆ จากการที่ได้พูดคุยกับ เจา้ หน้าทีท่ ีด่ แู ลสถานเลยี้ งเด็กและเจ้าหนา้ ที่ฝา่ ยบคุ คล เขาก็บอกวา่ สถานเลยี้ งเด็กท่ีท�ำมาช่วย ใหพ้ ่อแม่ตัดสินใจมลี กู คนท่ยี ังไม่มีบุตรก็ตดั สินใจมลี ูก คนท่ีมลี ูกแล้วก็ตัดสินใจมีลูกเพมิ่ เพราะ วา่ เขาแนใ่ จวา่ สามารถจะมาฝากเดก็ ทส่ี ถานเลยี้ งเดก็ ในทท่ี ำ� งานของเขาไดม้ คี วามสะดวกและอนุ่ ใจ จากที่เกร่ินไปต้ังแต่ตอนต้นเร่ืองของระเบียบวิธีวิจัยว่า ได้สัมภาษณ์พ่อแม่ 16 ท่าน ดว้ ยกัน ท่านหน่งึ ทส่ี ัมภาษณเ์ ปน็ มุสลมิ อายุ 28 ปี ได้ใช้บรกิ ารสถานเล้ียงเดก็ และไดเ้ รยี นรู้จาก คุณแม่ว่า ความหลากหลายทางด้านวัฒนธรรมมีความส�ำคัญมากขนาดไหนกับการดูแลบุตร เธอใหค้ วามเหน็ วา่ เราตา่ งศาสนา โดยเฉพาะเรอื่ งการกนิ กก็ งั วลวา่ ครพู เี่ ลยี้ งจะดแู ลลกู เราดไี หม บางครงั้ การคดิ วา่ ครพู เ่ี ลย้ี งจะใหก้ นิ หมไู หม เพราะวา่ ทบ่ี า้ นปลกู ฝงั มา หากมาอยกู่ รงุ เทพฯ แลว้ ให้คนอ่ืนเลี้ยง ญาติที่ภาคใต้ก็จะไม่ให้เล้ียงเลย เขาจะขอเลี้ยงเอง หากเป็นศูนย์เด็กเล็กแล้ว มมี สุ ลมิ สกั คน หรอื วา่ สองคนกโ็ อเค แตว่ า่ มชี าวพทุ ธเปน็ สว่ นใหญ่ สว่ นอกี ทา่ นหนงึ่ ทเ่ี ปน็ คณุ แม่ นบั ถอื ศาสนาพทุ ธ อายุ 31 ปี ใช้บรกิ ารสถานเลย้ี งเด็กและมเี ดก็ มสุ ลิมอย่ใู นหอ้ งเดียวกับบตุ ร เธอใหค้ วามเหน็ ว่า ลูกจะได้เรยี นรถู้ งึ วฒั นธรรม และประเพณขี องอกี ศาสนา ธรรมเนยี มปฏิบัติ ของศาสนาน้ัน และก็จะได้เข้าใจว่า เพื่อนเป็นแบบน้ี ส่ิงไหนที่เพื่อนท�ำไม่ได้ก็อย่าให้เพื่อนท�ำ หรือไม่เอาไปใหเ้ พือ่ นอสิ ลามไมท่ านเน้อื หมู ลกู ก็จะตอ้ งไมน่ ำ� เนอื้ หมไู ปแบ่งเพ่ือน ศาสนาคริสต์ ไม่พนมมือไหว้พระ ลูกก็ต้องไม่บังคับเพื่อนให้ไหว้พระ สวดมนต์ เขาจะเรียนรู้ประเพณีต่างๆ ลกู มีความเข้าใจเพอ่ื นๆ มากยงิ่ ข้นึ จะไดไ้ มแ่ บง่ แยก ใหก้ ลมกลนื ต้งั แตเ่ ดก็ อันนีค้ ือสิ่งท่ที มี วจิ ัย ได้เรียนรู้ หากมีเพียงแค่คนท่ีมีความรู้ในการจัดเตรียมอาหารให้กับลูกชาวมุสลิม พวกเขา กไ็ มต่ ้องเอาลูกไปฝากไว้กับปู่ยา่ ตายายในตา่ งจงั หวัด พ่อแม่ลกู กจ็ ะไดอ้ ย่ดู ว้ ยกันพรอ้ มหน้า ภูเบศร์ สมทุ รจกั ร I ธีรนุช ก้อนแกว้ I ริฎวนั อุเดน็ 75 �����������6.indd 75 147//2560 BE 17:09

\"การเกิดอยา่ งมคี ุณภาพ คอื การทีเ่ ด็กได้รบั ความรกั และการเอาใจใส่ จากพอ่ แม่ และสังคม\" จากงานวจิ ยั ชนิ้ นี้ ทมี วจิ ยั อยากจะเสนอแนะเชงิ นโยบายดงั น้ี นา่ จะมกี ารสง่ เสรมิ ศกั ยภาพ ของสถานเล้ียงเดก็ ให้มกี ิจกรรมกระตุ้นพฒั นาการอยา่ งสมวยั มกี ารจดั อบรม หรอื ให้การศึกษา กบั ครพู เี่ ลย้ี ง ใหม้ คี วามรทู้ กั ษะการดแู ลเดก็ ใหม้ พี ฒั นาการสมวยั สง่ เสรมิ ใหจ้ ดั ตง้ั สถานเลยี้ งเดก็ ในพนื้ ทใ่ี หส้ อดคลอ้ งกบั ความตอ้ งการและสามารถเขา้ ถงึ ได้ จากทเ่ี หน็ ในแผนที่ ทต่ี ง้ั ไมน่ า่ จะเปน็ ปัญหาของผู้ปกครองอีกต่อไป แต่ว่าคุณภาพและการให้บริการ หรืออัตราการให้บริการ หรอื การใชบ้ รกิ ารนา่ จะเป็นประเดน็ ท่ไี ดร้ บั การพฒั นาต่อไป และสดุ ทา้ ยก็นา่ จะมีแรงจูงใจใหม้ ี การจัดต้ังสถานเล้ียงเด็กในสถานประกอบการ ขอเสนอเป็นประโยคสั้นๆ ว่า การเกิดอย่าง มคี ณุ ภาพคือการทเี่ ดก็ ได้รบั ความรักและการเอาใจใส่จากพ่อแม่ และสังคมค่ะ อ.ภูเบศร์ ฟังการน�ำเสนอของอาจารย์จงจิตต์แล้วย่ิงท�ำให้เห็นมากขึ้นว่า ส่ิงท่ีฉายออกมาจาก งานชนิ้ น้ี คอื หากกลไกของสถานรบั เลย้ี งเดก็ มปี ระสทิ ธิภาพและดีพอ และคนสามารถเข้าถึงได้ เป็นทก่ี วา้ งขวาง ตรงตามความตอ้ งการเชิงพื้นท่ี คนจะมีโอกาสตัดสินใจมีลกู ได้มากขึ้น ผลของ งานอาจารย์จงจติ ต์ได้ย้ำ� วา่ สถานรับเลย้ี งเด็กเปน็ ส่ิงทเ่ี ป็นความหวงั ของพอ่ แม่ จริงๆ ทด่ี ีท่สี ดุ คอื พ่อแม่เปน็ คนเลยี้ ง และอาจารยจ์ งจิตต์ก็ยังพบวา่ ช่วงสำ� คญั คอื ช่วงก่อน 2 ขวบดว้ ยซำ�้ ไปท่ี เป็นช่วงท่ีพ่อแม่รู้สึกว่า ยังไม่อยากจะปล่อยลูก ลูกยังไม่โตพอ ไม่แข็งแรงพอ และมันเป็นช่วง เวลาทีว่ กิ ฤตโดยเฉพาะพอ่ แมท่ เี่ พงิ่ จะมลี กู คนแรก สามีตอ้ งปรบั ตวั ภรรยาก็ต้องปรับตวั พอ่ แม่ ปู่ย่า ตายายปรับตัว ทุกคนปรับตัว ผมคิดว่านี่อาจจะเป็นกลไกส�ำคัญ และกลไกใหญ่อันหน่ึง ที่หากสามารถประสบความสำ� เร็จในการผลกั ดนั เชงิ นโยบายจะช่วยพอ่ แม่ได้มาก ผมขอน�ำทุกท่านออกจากภาพจากตัวเมืองเข้าสู่ชานเมืองและชนบท อาจารย์ปิยวัฒน์ เปน็ คนที่ urban มาก แตว่ ่างานช้นิ นที้ ำ� ให้อาจารยเ์ ขา้ ไปฝงั ตัว อยู่ในชนบท อาจารยไ์ ด้รบั โจทย์ 76 ความอย่ดู ีมีสขุ ของครอบครัวไทย �����������6.indd 76 147//2560 BE 17:09

ที่ท้าทายมากโจทย์หน่ึงจาก สกว. ก็คือฉายภาพว่าชนบทไทยเม่ือ 50 ปีท่ีแล้วกับปัจจุบันน้ี ตา่ งกนั อย่างไร แลว้ ในความทตี่ า่ งกนั สง่ ผลกระทบตอ่ ความอยู่ดีมีสขุ ของครอบครัวเปน็ อย่างไร ขอเรยี นเชิญอาจารย์ปิยวัฒน์ ครับ อ.ปิยวฒั น6์ ในเรอื่ งของผมจะเปน็ เรอื่ งของการพยายามท�ำความเขา้ ใจ กบั สถานการณ์ และสภาพของครวั เรอื นชนบทไทย ในสถานการณ์ ทเี่ รามกี ารเปลย่ี นแปลงประชากรและสงั คม ผมจะขอเลา่ เรอ่ื งงาน วจิ ัยของผมโดยจะเลา่ เร่ืองครัวเรือนทุกวนั นี้ แล้วลองจินตนาการ ดูว่า หากเรานึกถึงชนบทเรานึกถึงภาพอะไรได้บ้าง หลายท่าน ท่ีย้ายมาจากชนบทอาจจะเห็นภาพได้ชัด หลายคนเป็นคนเมือง อาจจะนึกภาพไม่ออก แต่ผมเชื่อว่าภาพที่ทุกคนเห็นอยู่ในใจ คงเป็นภาพท่ีมีความแตกต่างระหว่างพ้ืนท่ีครัวเรือนชนบท และ ภาพท่ี 9: รายงานผลการวิจัย ครวั เรอื นเมอื ง เพราะวา่ ครวั เรอื นทอ่ี ยใู่ นเขตเมอื งจะมคี วามทนั สมยั ความอยดู่ มี ีสขุ ของครวั เรอื น มีความเป็นเมือง รวมถึงเทคโนโลยีครอบง�ำต่างๆ เยอะมาก ชนบทภายใตก้ ารเปล่ยี นแปลง ตลอดระยะเวลา 40-50 ปที ี่ผา่ นมา ภาครัฐของเราพยายามท่จี ะ ทางประชากรและสังคม ภาพโดย: กฤติญา ส�ำอางกจิ ผลักดันความเป็นเมือง ความทันสมัยต่างๆ เข้าไปสู่พ้ืนที่ชนบท ใหไ้ ด้ คาดหวงั ทจ่ี ะไดล้ ดชอ่ งวา่ งของความเจรญิ ใหค้ วามแตกตา่ ง มันลดน้อยลง นัยยะหน่ึงก็คือว่า ท�ำอย่างไรให้คนที่อยู่ชนบทไม่ตัดสินใจย้ายถิ่นเข้ามาในเมือง มากเกนิ ไปแตว่ า่ มนั ไมท่ นั เพราะวา่ ชาวบา้ นในชนบท เขายา้ ยเขา้ มาในเมอื งกอ่ นทค่ี วามเปน็ เมอื ง และความเจรญิ จะไปถงึ ชนบทเรยี บรอ้ ยแลว้ อนั นเ้ี ปน็ ความเปลย่ี นผา่ นทางประชากรและสงั คม ในรอบแรกทเ่ี ราเหน็ ถัดมาการเปล่ียนแปลงทางประชากรท่ีส�ำคัญอีก 2 ประการ คือเรื่องของการเกิด และ การย้ายถิ่นของคล่ืนประชากร ย้อนไป 40-50 ปี อย่างที่อาจารย์มนสิการได้เล่าเรื่องภาวะ เจริญพันธุ์ ขนาดครอบครัวเฉลี่ยที่อาจารย์จงจิตต์ได้เล่า ท่านจะเห็นว่ามันมีความสวนทางกับ ในชว่ งท่ี 40 ปกี อ่ น การเกดิ มจี ำ� นวนทส่ี งู อยู่ การยา้ ยถนิ่ ออกมาของประชากรกไ็ มไ่ ดเ้ กดิ ผลอะไร เพราะเรามแี รงงานทขี่ น้ึ มาทดแทนมากขนึ้ แตเ่ มอ่ื เวลาผา่ นไป การยา้ ยถนิ่ กบั ภาวะของการมอี ายุ ยนื ยาวของประชากรเพมิ่ มากขน้ึ อยา่ งทที่ ราบ อนั นเี้ ปน็ ค�ำถามอยา่ งหนง่ึ ทโ่ี ครงการวจิ ยั พยายาม 6 อาจารย์ ดร.ปิยวัฒน์ เกตุวงศา หัวหน้าโครงการวิจัย ความอยู่ดีมีสุขของครัวเรือนชนบทภายใต้การเปลี่ยนแปลง ทางประชากรและสังคม ภูเบศร์ สมุทรจกั ร I ธรี นุช ก้อนแก้ว I ริฎวนั อุเด็น 77 �����������6.indd 77 147//2560 BE 17:09

จะตอบว่า การเปล่ียนแปลงทางประชากรและสังคมที่ได้เล่าให้ทุกท่านฟังต้ังแต่ต้น ส่งผล อยา่ งไรบ้างต่อการอยูอ่ าศยั รูปแบบและการดูแลการพึ่งพาอาศยั กัน นอกจากนี้ด้วยความต้งั ใจ ทเี่ ราอยากจะดวู า่ บทบาทของภาครฐั ซง่ึ ในทน่ี จ้ี ะมงุ่ เนน้ ไปทอี่ งคก์ ารปกครองสว่ นทอ้ งถนิ่ เขา้ ไป take action มบี ทบาท หนา้ ที่ ชว่ ยดแู ลครอบครวั เหลา่ นอี้ ยา่ งไร นเี่ ปน็ คำ� ถามหลกั ๆ ทเี่ ราพยายาม จะตอบโจทย์โดยใช้วิธีการวิจัยที่เราน�ำเสนอ และเก็บข้อมูลเชิงคุณภาพด้วย และก็ใช้ชุดข้อมูล เชงิ ปริมาณท่เี กบ็ สำ� รวจท่มี ีความเปน็ ตวั แทนระดับประเทศเขา้ มาใหค้ ำ� ตอบเชงิ วจิ ัยในครัง้ นี้ โดยเราเร่ิมต้นจากการวิจัยเชิงเอกสารทบทวนวรรณกรรม ก�ำหนดประเด็นงานวิจัย ออกมา 15 ประเด็น ซ่ึงเก่ียวขอ้ งกบั ครัวเรือน และการเปล่ียนแปลงทางประชากร ทงั้ น้ี เพอ่ื ให้ เราเห็นภาพก่อนว่า การท่ีเราจะลงไปเก็บข้อมูลในพื้นที่เราจะดูเร่ืองอะไรบ้าง เราสรุปออกมา เป็นแผนผังความคิด ทางด้านบนจะเป็นก�ำหนดเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของครัวเรือนทั้งใน ระดับภาค และการเปล่ียนแปลงในระดับครัวเรือน ซึ่งเราพบว่าจากวรรณกรรมทฤษฎีต่างๆ ช้ีให้เห็นชัดว่าการเปลี่ยนแปลงท้ังในเรื่องทั้งระดับมหภาค ไม่ว่าจะเป็นความเป็นตัวเมือง ความทันสมัย โลกาภวิ ตั นต์ ่างๆ มผี ลตอ่ การปรับเปลี่ยนรูปแบบของครอบครวั ดว้ ย เช่นเดยี วกับ การเปล่ียนแปลงระดับประชากรก็ได้เป็นตัวกรอบแนวคิดท่ีเราใช้ศึกษาคร้ังน้ี ส�ำหรับชุดข้อมูล ทเี่ ราใชใ้ นการวจิ ยั เชงิ ปรมิ าณ มงุ่ เนน้ ไปทช่ี ดุ ขอ้ มลู ทส่ี ามารถสะทอ้ นภาพทเ่ี ปน็ ตวั แทนในระดบั ประเทศได้ เราใช้ขอ้ มูลชุดหลกั ท้ังหมดจากสำ� นักงานสถติ ิแหง่ ชาติ ซงึ่ กข็ อบพระคณุ สำ� นกั งาน สถิติแห่งชาติด้วยท่ีได้กรุณาให้เราใช้ข้อมูลเหล่านี้ ขณะเดียวกันการเก็บรวบรวมข้อมูลวิจัยเชิง คุณภาพเรามีประเด็นหลักๆ ที่จะเลือกดู อันแรกคือเราดูจากดัชนีสูงวัย ซ่ึงเป็นตัวท่ีสามารถ ที่ชี้ให้เห็นได้ว่า ภายใต้การเปลี่ยนแปลงสังคมไทยในปัจจุบันท่ีเป็นภาวะสังคมสูงวัย เราอยาก ลงไปดวู า่ พน้ื ทเี่ หลา่ นน้ั สะทอ้ นใหเ้ หน็ ครวั เรอื นอยา่ งไรบา้ ง ในขณะเดยี วกนั กจ็ ะไดต้ อบเรอ่ื งของ ความอยดู่ ีมีสขุ และใชป้ ระเดน็ เรือ่ งเก่ยี วกับชมุ ชนพอเพยี ง ชุมชนเข้มแขง็ มาเปน็ ตวั เลือกพน้ื ท่ี ดว้ ย ซง่ึ เราเลอื กพนื้ ทไ่ี ปเกบ็ ขอ้ มลู ทง้ั ภาคเหนอื ภาคอสี าน ภาคกลาง และภาคใต้ ทำ� ใหไ้ ดจ้ งั หวดั ทเี่ ราไปประมาณ 10 จงั หวัด ในแตล่ ะจงั หวัดก็จะเกบ็ ขอ้ มลู ท่เี ปน็ กลมุ่ ๆ นอกจากนั้นกจ็ ะไปใช้ วิธีการสัมภาษณ์ระดับลึก นั่งพูดคุยอย่างเป็นธรรมชาติกับคนในพื้นที่เพื่อให้ได้ข้อมูลที่เป็นเชิง ลกึ มา กลมุ่ ทเ่ี ราพดู คยุ กจ็ ะมที งั้ กลมุ่ ทเ่ี ราอยากจะรวู้ า่ เขามคี วามเปน็ อยอู่ ยา่ งไรบา้ ง ชวี ติ ทกุ วนั น้ี ใครดแู ลเขา เขาตอ้ งดแู ลใครบา้ ง รบั ผดิ ชอบภาระอะไรบา้ ง กลมุ่ ประชากรผหู้ ญงิ ถดั มากค็ อื เปน็ ประชากรกลุ่มวัยท�ำงาน วัยรุ่น เราได้มีโอกาสพูดคุยเพราะว่ามีข้อมูลบางตัวท่ีสะท้อนไป เชน่ ผมไดพ้ ดู คุยกบั คณุ ตาที่ดแู ลหลาน แลว้ คุณตาบอกว่าตง้ั แตเ่ ขาเลย้ี งเด็กคนน้ีมาหลายปแี ล้ว เมอื่ กอ่ นดแู ลงา่ ยมาก แตพ่ อโตเปน็ วยั รนุ่ เรมิ่ ดแู ลยาก ผสู้ งู อายสุ ะทอ้ นใหเ้ ราเหน็ วา่ การทเ่ี ขาจะ ต้องดูแลหลานท่ีเป็นหลานเล็กๆ ไม่ใช่เร่ืองยาก แต่ดูแลหลานที่เป็นหลานคนโตต่างหาก อันนี้ เป็นเรื่องยากเพราะควบคุมพฤติกรรมล�ำบากตามไม่ทัน นอกจากนี้ เราก็ยังพูดคุยกับชาวบ้าน 78 ความอยู่ดีมสี ุขของครอบครวั ไทย �����������6.indd 78 147//2560 BE 17:09

ท่ีอยู่ในพ้ืนท่ีชนบท พ่อบ้าน แม่บ้าน และก็มีการพูดคุยกับปราชญ์ชาวบ้าน ผู้น�ำชุมชนและ กลมุ่ ทเ่ี ปน็ ผปู้ ฏบิ ตั งิ านและผนู้ ำ� องคก์ รสว่ นทอ้ งถน่ิ ใชว้ ธิ กี ารทเ่ี หมาะสมในแตล่ ะสถานการณน์ น้ั ๆ ซ่ึงโดยส่วนใหญ่จะเปน็ การพูดคยุ กบั กลมุ่ นอกเหนอื จากการพูดคุยกับผบู้ รหิ าร หรือผู้ทม่ี ีข้อมลู เฉพาะจรงิ ๆ เรากจ็ ะใช้วธิ ีการสมั ภาษณ์ระดับลึก ขออนญุ าตไปหวั ขอ้ ที่ 6 เกยี่ วกบั เรอื่ งความอยดู่ มี สี ขุ ของครวั เรอื นในชนบท ผมใหท้ กุ ทา่ น ดภู าพรวมทเี่ ปน็ ขอ้ คน้ พบในครงั้ นี้ เรม่ิ จากตวั ทเ่ี ปน็ ตวั กลางในการเปลย่ี นแปลงจากปจั จยั ระดบั มหภาคของสังคม กับปัจจัยทางด้านประชากร เราดูเรื่องความเป็นเมือง ความทันสมัย และ โลกาภิวัตน์ที่เข้าไปอยู่ในพื้นที่ชนบท นอกจากน้ี การเปลี่ยนแปลงของประชากรท่ีว่าก็คือเรื่อง ของจ�ำนวนเด็กที่เกิดน้อยลง คนมีอายุยืนยาวขึ้น เพราะว่าอัตราการตายก็ลดต�่ำลงและคงที่ ในปัจจบุ ัน รวมถึงการย้ายถ่ินจากชนบทสเู่ มืองทย่ี งั สูงอยู่ และยังเปน็ กระแสหลกั ในการยา้ ยถนิ่ ของประเทศไทย สง่ ผลใหค้ รวั เรอื นในชนบทมขี นาดทเี่ ลก็ ลง เรามขี อ้ มลู ทางประชากรทพ่ี ยายาม สะท้อนอยู่แล้วว่า ขนาดครัวเรือนเฉล่ียของเราลดลงเช่นเดียวกับในชนบท สิ่งนี้เป็นข้อค้นพบ ข้อเดยี วกนั รปู แบบการอยูอ่ าศัยเปลย่ี นไปและเกดิ รูปแบบการอยู่อาศยั เพม่ิ ข้นึ ยอ้ นไป 40 ปี ก่อนเราจะมีค�ำพูดว่า มีครัวเรือนขยายอยู่เป็นจ�ำนวนมาก หมายความว่าบ้านหลังหนึ่งท่ีมีลูก สัก 6-7 คน มีการแต่งงานมีเขย มีสะใภ้เข้ามาในครัวเรือนน้ันๆ แต่ก่อนหน้านั้นจริงๆ เป็น ครัวเรือนเดี่ยว นกึ ถงึ พอ่ แมผ่ มที่มตี ากบั ยาย คอื พ่อและแม่ของผมและกม็ ลี ูกอีก 7 คน โดยไมม่ ี คนอ่นื อันน้ันคือครวั เรือนเดี่ยวขนาดใหญ่ แต่ปัจจุบนั นี้เปล่ียนไป ผลจากการเปลยี่ นแปลงของ ประชากรท�ำให้เกิดครัวเรือนท่ีน่าสนใจอีก 2 ประเภท ผมตั้งชื่อว่า “ครัวเรือนโดดเด่ียว” กับ “ครวั เรอื นขยายขนาดยอ่ ม” อนั นี้เป็นปรากฏการณ์ท่ีเราพบในพืน้ ทช่ี นบท ซง่ึ เราจะมาดูกนั วา่ ครวั เรอื นโดดเดย่ี วกบั ครวั เรอื นขยายขนาดยอ่ มเปน็ อยา่ งไร แตแ่ นน่ อนครวั เรอื นทงั้ 2 ประเภทน้ี ปรบั โฉมเรอ่ื งของการดแู ลการพงึ่ พาอาศยั กนั ระหวา่ งคนในชนบททแี่ ตกตา่ งไปจากเดมิ เมอ่ื กอ่ น เวลาเราอยดู่ ีมสี ขุ ครวั เรือนมีสุข เราจะพูดวา่ สมาชิกต้องท�ำกจิ กรรมร่วมกนั กนิ ขา้ วเย็นด้วยกนั น่ังดูทีวีด้วยกัน ส่ิงเหล่านี้ได้เปล่ียนไป ทุกวันนี้ข้อค้นพบท่ีเราพบ หลักๆ 5 ประการ เกี่ยวกับ การดแู ลพ่ึงพาอาศยั กนั ของคนในชนบท ข้อแรกสอดคล้องกบั ทอี่ าจารยม์ นสิการค้นพบ คอื พอ่ แม่พ่ึงพาลูกได้น้อยลง และความคาดหวังในการพ่ึงพาลูกก็น้อยลงด้วย อาจจะมีแอบหวังลึกๆ ถอื ว่าเปน็ โบนสั มลี กู 5 คนกลับมาดูแลสกั คนก็ยังดี แตท่ ่ีเราพบ คอื ผสู้ งู อายุส่วนใหญใ่ นตอนนี้ ดูแลตัวเองหรือไม่ก็ดูแลกันเอง ยังโชคดีนะครับที่เวลาเราท�ำการแยกกลุ่มรายอายุผู้สูงอายุแล้ว พบว่าเป็นผู้สูงอายุวัยต้นและผู้สูงอายุวัยกลาง เรายังไม่ถึงข้ันผู้สูงอายุวัยปลายต้องดูแลตัวเอง มากนัก ข้อท่ี 2 ครวั เรือนในชนบทดแู ลกนั โดยการใช้ตดิ ต่อกันผ่านทางเทคโนโลยมี ากย่งิ ขึน้ แทน การพบปะเจอหน้ากันโดยตรง เด๋ียวนี้มีอะไรก็ส่งไลน์ ทุกเช้าอาจจะมีการทักทายกันทุกวัน ภูเบศร์ สมุทรจักร I ธีรนุช ก้อนแกว้ I ริฎวัน อุเด็น 79 �����������6.indd 79 147//2560 BE 17:09

......ทุกวนั น้ี ในการดูแลพึง่ พาอาศยั กัน คือ เร่อื งของเพือ่ นบ้าน เพ่อื นบา้ นถือวา่ เปน็ จุดแข็ง ทคี่ อยเออ้ื เฟ้อื ดูแลซงึ่ กนั และกนั โดยเฉพาะในกลมุ่ ผู้สงู อายุ..... สง่ สตกิ๊ เกอรส์ วสั ดเี ชา้ วนั จนั ทร์ เชา้ วนั องั คาร กเ็ ปน็ การพบปะตดิ ตอ่ พดู คยุ กนั มากยงิ่ ขน้ึ ประเดน็ ที่ 3 เป็นเรือ่ งน่าดใี จ เรายงั พบว่าครัวเรือนในชนบท อย่างไรก็ตาม ยงั มคี วามผูกพนั กันและกัน อย่สู งู หลายทา่ นในทนี่ ้ที ี่เป็นคนทม่ี าจากชนบท ลองนกึ ภาพกลับไปสงกรานต์ทไี ร กลบั ไปปีใหม่ หรอื กลบั ไปเจอหนา้ กนั ทไี ร ความผกู พนั ยงั คงมอี ยแู่ มเ้ ราจะอยหู่ า่ งกนั ในประเดน็ ที่ 4 อนั นถ้ี อื วา่ เปน็ จดุ แขง็ มากๆ ของครวั เรอื นชนบท ทกุ วนั นใี้ นการดแู ลพงึ่ พาอาศยั กนั คอื เรอื่ งของเพอ่ื นบา้ น เพื่อนบ้านถือว่าเป็นจุดแข็งที่คอยเอื้อเฟื้อดูแลซึ่งกันและกัน โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุ และ จุดเด่นที่พบอีกจุดหน่ึงในครัวเรือนชนบท คือ เร่ืองของความพอเพียงเป็นสิ่งท่ีมีความโดดเด่น มากๆ นอกจากน้ี ในภาพรวมเรายงั พบวา่ การกา้ วเขา้ มามบี ทบาทขององคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถนิ่ ในการสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชน สร้างสวัสดิการในการดูแลคนของตนเอง การส่งเสริม โครงสรา้ งพนื้ ฐานทสี่ ำ� คญั เพอื่ ใหป้ ระชาชนของตวั เองสามารถเขา้ ถงึ สงิ่ อำ� นวยความสะดวกและ บรกิ ารตา่ งๆ ไดอ้ ยา่ งทนั ใจและสะดวกมากยงิ่ ขน้ึ รวมไปถงึ การสง่ เสรมิ อาชพี ไมว่ า่ จะเปน็ อาชพี หลัก หรอื อาชพี เสรมิ เพือ่ ให้มรี ายได้ เปน็ ภาพรวมทั้งหมดจากขอ้ คน้ พบ ผมจะพาท่านไปดูในรายละเอียดเรื่องของรูปแบบที่อยู่อาศัย ขนาดครัวเรือนในปี 2530 อยูท่ ่ีประมาณ 4.3 คน ยอ้ นกลบั ไปก่อนหน้านั้นประมานปี 2510 ขนาดครัวเรอื นเฉล่ยี ประมาณ 6 คนกว่าๆ ในชนบท อันน้ีเป็นข้อมูลเฉพาะของพื้นที่ชนบท แต่ปัจจุบันขนาดครัวเรือนเฉลี่ย ลดลงมาเหลอื 3.3 คน อนั น้ีถอื ว่าลดลงมาพอสมควร ก�ำลงั การผลิตกล็ ดลง ผดู้ แู ลใกลช้ ดิ ก็ลดลง ดว้ ย นอกจากน้ี มาดรู ปู แบบการอยอู่ าศยั ทผ่ี มเรยี นวา่ ครวั เรอื นโดดเดย่ี ว ผมใสว่ งเลบ็ เพม่ิ เตมิ ให้ ดว้ ยวา่ เปน็ ครวั เรอื นโดดเดย่ี วทไ่ี รผ้ ดู้ แู ล เพราะเปน็ ครวั เรอื นทผี่ สู้ งู อายคุ นนน้ั อยคู่ นเดยี วตอ้ งดแู ล ตนเอง จากปี 2545 มอี ยรู่ อ้ ยละ 6.5 เพม่ิ ขนึ้ เปน็ รอ้ ยละ 8.6 ในปี 2554 ถดั มาครวั เรอื นผสู้ งู อายุ 80 ความอยู่ดมี ีสขุ ของครอบครัวไทย �����������6.indd 80 147//2560 BE 17:09

อยู่กับผู้สูงอายุอยู่คู่ แต่ดูเหมือนจะโดดเด่ียวเหมือนกัน จับมาอยู่กลุ่มเดียวกัน จากร้อยละ 11 เพ่ิมขึ้นมาเป็นร้อยละ 15.6 นน้ั หมายความวา่ ถ้าท่านเดินเข้าไปในหมู่บ้านชนบทขนาดกลางทีม่ ี จำ� นวนครวั เรอื นประมาณสกั 200 กวา่ ครวั เรอื น ท่านจะเจอครัวเรือนประเภทน้ี อยู่อย่างนอ้ ย 20 หลงั หรอื มากกวา่ นนั้ อนั นเ้ี ปน็ ภาพทอ่ี ยากใหท้ กุ ทา่ นลองนกึ ตามวา่ ครวั เรอื นชนบทในปจั จบุ นั มีการอยู่อาศัยกันอยา่ งไร อนั น้คี ือครวั เรอื นโดดเดย่ี ว ครัวเรอื นขยายขนาดยอ่ ม ผมใช้คำ� อยา่ งนี้ เพราะว่า ด้วยค�ำนิยามของค�ำว่าครัวเรือนขยายที่มีคนอื่นๆ ที่อยู่นอกสายเลือด หรือไม่ใช่ ความสัมพันธ์เชิงครอบครัวโดยแท้เข้ามาอยู่ด้วยกัน ครัวเรือนข้ามรุ่นเพราะเป็นครัวเรือนท่ีเรา ให้ความสนใจในเร่ืองน้ีมาก มีการเพ่ิมขึ้นอย่างต่อเนื่อง สาเหตุนั้นอาจารย์มนสิการได้กรุณา เล่าให้ฟังไปเม่ือสักครู่แล้ว พ่อแม่ย้ายถิ่นเข้าไปอยู่ในเขตเมืองในสไลด์แรกท่ีผมฉายให้ท่านดู คนวิ่งเข้าไปสู่เขตเมืองและเมื่อมีลูกไม่ว่าจะสมัครใจ หรือไม่สมัครใจ ส่วนหน่ึงตัดสินใจท่ีจะ สง่ บุตรหลานของตนเองใหก้ ลบั ไปอยใู่ นความดแู ลของพอ่ แม่ คอื กลุ่มป่แู ละยา่ หรือตาและยาย ของเดก็ คนนน้ั เพมิ่ ขน้ึ ขณะทร่ี อ้ ยละของหวั หนา้ ครวั เรอื นทเี่ ปน็ ผหู้ ญงิ กเ็ พมิ่ ขนึ้ เชน่ เดยี วกนั หลาย ทา่ นทเี่ ปน็ ผหู้ ญิงในทน่ี ้ีอาจจะดใี จ ที่บทบาทของสตรใี นชนบทเพิม่ มากข้นึ ใช่ครับ แตส่ ่วนหนึ่ง เป็นเพราะท่ีอาจารย์มนสกิ ารพดู ไปเมื่อสกั ครู่ คอื ลูกผหู้ ญงิ ตอ้ งรับหนา้ ท่หี ลกั เปน็ คนดแู ลพอ่ แม่ เพราะฉะน้ัน เม่ือเขาย้ายถ่ินกลับไปหรือยังคงอยู่ท่ีบ้าน เขาน้ีแหละจะเป็นคนสืบทอด เป็นคน ท่ีได้รับมอบหมาย เพราะหัวหน้าครัวเรือนต้องท�ำนิติกรรมหลายๆ อย่าง เม่ือพ่อแม่สูงอายุ ได้ระยะหนึ่งก็จะทำ� การโอนถา่ ยอ�ำนาจการเปล่ียนหวั หน้าครวั เรอื นให้กบั ผูห้ ญิงเหลา่ น้ัน ขออนญุ าตมาดทู น่ี อกเหนอื จากเรอื่ งของรปู แบบอาศยั และขออนญุ าตลงไปใหด้ เู รอื่ งของ การดแู ลและพง่ึ พาอาศัยกนั คนในครวั เรอื นชนบททกุ วนั น้ดี แู ล และพ่ึงพาอาศยั กนั อยา่ งไรบา้ ง ผมขอนำ� ทา่ นไปที่คนทด่ี แู ล ด้านบนสุดร้อยละ 89.6 ดแู ลตวั เอง เพราะแยกไปตามกลุ่มวยั แลว้ พบว่ากลุ่มนี้ยังอยู่ในช่วงผู้สูงอายุวัยต้นและสูงอายุวัยกลาง ขณะที่ร้อยละ 3.1 คือคู่สมรสดูแล แปลว่าดูแลกันเอง เอาตัวเลขมาบวกกันแบบเร็วๆ จะได้ประมาณร้อยละ 92-93 น่ีคือสิ่งที่ เกดิ ขึ้นในชนบททกุ วนั นี้ นอกจากน้นั อีกรอ้ ยละ 4.5 เป็นบตุ รสาว และมเี ขยมสี ะใภอ้ กี ร้อยละ 0.5 ขณะทบ่ี ตุ รชายทำ� หนา้ ท่ีบทบาทในการดแู ลผู้สูงอายุนอ้ ยกวา่ ผหู้ ญิงประมาณ 3 เท่า อันนี้ เปน็ ภาพทอี่ ยใู่ นสงั คมชนบท ผมไดม้ โี อกาสพดู คยุ กบั นอ้ งๆ ผหู้ ญงิ แลว้ ทมี ทไ่ี ปพดู คยุ เขาทำ� หนา้ ที่ ด้วยความเต็มใจ แต่ว่าจะมีจุดหนึ่งท่ีเข้ามาเกี่ยวข้องกับการดูแลก็ต่อเมื่อเขาต้องแต่งงานและ ก็มีแฟน เขา้ มาอยู่ดว้ ย การประนีประนอม การตดั สินใจระหวา่ งคนทเ่ี ข้ามาอยใู่ หม่กบั คนทเี่ ปน็ พอ่ แมเ่ ขากจ็ ะมคี วามซบั ซอ้ นขน้ึ ไปอกี อนั นก้ี เ็ ปน็ อกี ประเดน็ หนง่ึ ทสี่ ำ� คญั ทสี่ ง่ ผลถงึ ความสมั พนั ธ์ ของสมาชกิ ในครอบครัวดว้ ย การติดต่อกันผ่านทางเทคโนโลยีกันมากข้ึน แต่เดิมการจะพูดคุยกับพ่อแม่แต่ละครั้ง อาจจะตอ้ งเขยี นจดหมาย เขยี นโทรเลข โทรศพั ทผ์ า่ นทางไกลทมี่ รี าคาแพงๆ ปจั จบุ นั มที างเลอื ก ภเู บศร์ สมทุ รจักร I ธรี นชุ กอ้ นแก้ว I ริฎวนั อุเดน็ 81 �����������6.indd 81 147//2560 BE 17:09

ท่ีเพ่ิมมากข้ึน ค่าโทรศัพท์ก็แสนถูก อินเตอร์เน็ตก็เหมาจ่าย ผู้สูงอายุในชนบทจ�ำนวนมากที่มี โทรศัพทใ์ ชย้ งั ไมร่ วมถงึ อนิ เตอรเ์ น็ต แตม่ กี ารพดู คุยทางโทรศพั ท์ ทกุ ทา่ นจะเห็นวา่ รอ้ ยละของ ผสู้ งู อายทุ ตี่ ดิ ตอ่ กบั บตุ รหลานทอ่ี ยนู่ อกครวั เรอื นทางโทรศพั ทไ์ มว่ า่ จะเปน็ ทกุ วนั สปั ดาหล์ ะครง้ั เดอื นละครง้ั มรี อ้ ยละคอ่ นขา้ งสงู มาก รวมกนั เกอื บจะรอ้ ยละ 80 เปน็ เพราะอะไร จากวเิ คราะห์ ขอ้ มลู เราพบวา่ ในพ้ืนทช่ี นบทมีการเพิ่มขึน้ ของการเข้าถงึ เทคโนโลยีขา่ วสาร และอินเตอร์เน็ต มากข้ึน ถ้าคิดเป็นอัตราระหว่างปี 2550-2557 เพิ่มข้ึนประมาณ 200 กว่าเปอร์เซ็นต์ คือ จากรอ้ ยละ 6.5 ไปเป็นร้อยละ 24 ลองมาดูกล่มุ นใ้ี หช้ ัดลงไปยง่ิ ขึน้ ผมวเิ คราะห์ข้อมูลออกมา เพราะวา่ ไปเจอภาพทางดา้ นซา้ ยมือ เปน็ ภาพในชนบททีเ่ ราไปเจอผสู้ งู อายุ 2 คน ก�ำลังนั่งเล่น กดสง่ โนน่ สง่ นกี่ นั อยู่ ผมกลบั มากบั ทมี เลยมาวเิ คราะหก์ นั ดวู า่ ผสู้ งู อายกุ บั เครอื ขา่ ยสงั คมออนไลน์ เป็นยังไงบ้าง ตัวเลขท่ีอยู่ต่�ำสุด ใช่ ผู้สูงอายุยังเป็นกลุ่มท่ีใช้เครือข่ายสังคมออนไลน์น้อยที่สุด แต่ถ้าทุกท่านดูการเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 0.1 ในปี 2554 มาเป็นร้อยละ 2.1 ในปี 2557 การเพิม่ ข้นึ ดังกล่าวสูงท่ีสดุ ในทกุ กล่มุ วัย เพิ่มข้ึนในอัตราร้อยละ 95 ผมชต้ี ัวนใ้ี ห้ทกุ ท่านเห็นวา่ ทุกวันน้ีเทคโนโลยีความทันสมัยต่างๆ ได้ก้าวเข้าไปถึงในสังคมชนบทเรียบร้อยแล้ว การดูแล กันเอาใจใสก่ ันสามารถทำ� ผ่านทางกจิ กรรมแบบไร้สายได้มากขน้ึ มาดูเรื่องของความผูกพันมีข้อค�ำถามของส�ำนักงานสถิติแห่งชาติ ที่ถามเร่ืองของ ความผกู พนั กบั สมาชกิ ในครัวเรือน ถ้ารวมกันระหวา่ งมาก และมากทีส่ ุดจะได้ประมาณร้อยละ 96.6 ถอื วา่ อยู่ในระดับท่ีสูงมาก ร้อยละ 96.6 ทกุ วนั นสี้ มาชิกตอบว่ามีความผกู พันธก์ ันสงู มาก แตส่ งิ่ ทเ่ี ปลย่ี นไปคอื ตารางขา้ งลา่ ง ทกุ ทา่ นมตี วั เลขทแ่ี สดงเปน็ info-graphic อยใู่ นมอื เราบอก วา่ เมอื่ กอ่ นเราชว้ี ดั ความผกู พนั ความสมั พนั ธข์ องสมาชกิ ในครวั เรอื นจากการทำ� กจิ กรรมรว่ มกนั การอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน การได้พบปะพูดคุยกันอย่างต่อเนื่องอยู่เป็นประจ�ำ แต่ทุกวันนี้ แม้ความผกู พนั ยงั เหมือนเดิม รปู แบบทางบา้ นเปลย่ี นไป ท่านจะเห็นว่าการท�ำกิจกรรมร่วมกัน ไม่ได้สงู ถึงรอ้ ยละ 80 ใกล้ทะลุ 70 เหมอื นเม่อื ก่อน แลว้ กิจกรรมท�ำรว่ มกนั ในบ้านเหลือแคท่ ำ� เปน็ ประจำ� รอ้ ยละ 68 กิจกรรมนอกบา้ นร้อยละ 22.2 ลกู ๆ ไม่ยอมไปไหนกบั พ่อแมแ่ ล้ว มกี ลมุ่ เพื่อนของเขาเอง แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่รักพ่อแม่ ไม่ดูแลพ่อแม่ วิถีชีวิตเปล่ียนแปลงไป การพดู คยุ กนั ปรกึ ษาหารือกัน กิจกรรมตา่ งๆ เหลา่ นี้ชใ้ี หเ้ ห็นวา่ วธิ ีการดแู ลหรอื การท�ำกิจกรรม ร่วมกันของคนในชนบท หรือแม้กระท่ังของคนในสังคมไทยอาจจะจ�ำเป็นต้องพิจารณาแล้วว่า ตวั ชว้ี ดั แบบเดมิ ๆ ทเ่ี รายงั มอี ยมู่ นั จะสามารถบง่ บอกถงึ สงิ่ เหลา่ นน้ั ไดห้ รอื ไม่ แตอ่ ยา่ งนอ้ ยตรงน้ี สะท้อนว่ามันเกิดการเปล่ียนแปลงไปแล้ว มาถึงจุดส�ำคัญอีกจุดหน่ึงท่ีผมเรียนให้ทุกท่านทราบ คอื ความเออ้ื เฟอ้ื เผอ่ื แผข่ องเพอ่ื นบา้ นในชนบททแี่ ทจ้ รงิ ยงั มอี ยู่ การแลกเปลย่ี นขา้ วปลาอาหารกนั แบ่งปันอาหารท่ีมีอยู่ การปลูกพืชผักสวนครัวแล้วแบ่งปันให้ชาวบ้านเพ่ือนบ้านรอบข้างมาเก็บ ไปท�ำแกง ท�ำอาหารยังมีอยู่ น้ีถือเป็นจุดเด่นที่ส�ำคัญอีก 1 จุด ยามเจ็บป่วยก็จะมีเพื่อนบ้าน 82 ความอยูด่ มี สี ขุ ของครอบครัวไทย �����������6.indd 82 147//2560 BE 17:09

....คนในชมุ ชนค่อนขา้ งมคี วามสขุ สิ่งทีค่ นในชุมชนน�ำ มาใช้ คือ แนวคดิ เรื่องความพอเพยี ง เรอ่ื งความรูจ้ ักตัวเอง แนวคิดเร่อื งการวเิ คราะห์ตนเอง มกี ารปรบั แนวคดิ พวกนี้ มาใช้ มีการน�ำ เร่อื งของเสียชุมชนมาใช้ ใหค้ นอยู่ในชมุ ชน มีการชว่ ยเหลือกนั เคารพซึง่ กันและกัน มรี ะเบยี บซึ่งกนั และกัน พง่ึ พาตนเองอยา่ งเอือ้ เฟอื้ และโอบออ้ ม ....... คอยให้ความช่วยเหลือ คอยดูแลพาไปส่ง บ้านผมอยู่ในชนบท พ่อผมเห็นเพ่ือนบ้านเจ็บป่วย ก็เลยชวนมาท่ีศิริราช เป็นโรคเรื้อรัง พอไปก็รู้สึกดี แต่พ่อผมก็โดนต�ำหนิบอกว่าค่ารักษาแพง (หัวเราะ) แตอ่ ย่างไรก็ตาม ตรงนีแ้ สดงใหเ้ หน็ ว่ามคี วามเออ้ื เฟอื้ ระหว่างเพ่อื นบา้ นในพืน้ ทส่ี ังคม ชนบท ผมเน้นย�้ำอีกครั้งว่าในพื้นที่สังคมครัวเรือนชนบทยังดูแลกันเป็นอย่างดี นอกจากน้ี เมื่อดูถงึ ความรสู้ กึ ปลอดภัยเมอ่ื อยใู่ นชมุ ชน ซ่ึงอนั นสี้ ำ� คัญมากๆ ไมอ่ ยา่ งนน้ั คนจะยา้ ยออกจาก พื้นท่ี เพราะรู้สึกว่าไม่มีความสุข ไม่ปลอดภัยอยู่ในชุมชนแล้ว ผมเคยฟังข่าวที่อยุธยาขโมย ข้ึนบ้าน จนต้องเขียนป้ายว่าคุณขโมยอย่ามาอีกเลยไม่เหลืออะไรให้ขโมยแล้ว หากเรารู้สึก อยา่ งน้เี มื่อไหร่ พ้นื ทตี่ รงนี้จะไมน่ า่ อยูส่ �ำหรบั เราทนั ที และไมม่ ีทางเปน็ ไปไดท้ ีค่ รัวเรือนจะอยดู่ ี มีสุข เราพบว่าคนในครัวเรอื นชนบทมีส่ิงเหลา่ น้ีอยู่ พาทา่ นมาดเู รอื่ งแนวคดิ เกยี่ วกบั เรอ่ื งเศรษฐกจิ พอเพยี ง เราไปในหลายๆ พนื้ ที่ โดยเฉพาะ พนื้ ทที่ เี่ ปน็ ชมุ ชนทมี่ คี วามเขม้ แขง็ และมคี วามเชอื่ มนั่ เปน็ ชมุ ชนทอ่ี ยมู่ าไดเ้ ปน็ รอ้ ยปี คนในชมุ ชน คอ่ นขา้ งมคี วามสขุ สงิ่ ทคี่ นในชมุ ชนนำ� มาใช้ คอื แนวคดิ เรอื่ งความพอเพยี ง เรอื่ งความรจู้ กั ตวั เอง แนวคดิ เรอ่ื งการวเิ คราะหต์ นเอง มกี ารปรบั แนวคดิ พวกนมี้ าใช้ มกี ารนำ� เรอ่ื งของเสยี ชมุ ชนมาใช้ ให้คนอยู่ในชมุ ชนมีการช่วยเหลือกัน เคารพซง่ึ กนั และกัน มีระเบียบซึง่ กนั และกัน พงึ่ พาตนเอง อย่างเอื้อเฟื้อและโอบอ้อม ดูเหมือนจะขัดกันอยู่ แต่จริงๆ แล้วเป็นจุดท่ีเริ่มต้นจากตัวเรา ชาวบ้านทุกท่านสะท้อนให้เห็นว่าเขาต้องเร่ิมจากการพึ่งพาตัวเองก่อน โดยไม่เบียดเบียนใคร ฝากชวี ติ ตัวเองไว้กับใคร แต่ในขณะเดียวกัน หากเรามที กุ อยา่ ง เรามมี ากพอ ก็แจกจ่ายเออื้ เฟือ้ ภูเบศร์ สมทุ รจักร I ธีรนชุ กอ้ นแก้ว I ริฎวัน อุเดน็ 83 �����������6.indd 83 147//2560 BE 17:09

และดูแลกัน ซ่ึงหากทุกคนท�ำแบบนี้ก็จะเกิดเครือข่ายการดูแลคนในชนบทขึ้นมา ผมใช้ค�ำว่า ผเู้ ออ้ื เฟอ้ื หลกั ของครวั เรอื นชนบทคอื บคุ คลทมี่ กี ารเกยี่ วขอ้ งกนั มากในการทจี่ ะประคบั ประคอง ครวั เรอื นและพยงุ ใหค้ รวั เรอื นมคี วามอยดู่ มี สี ขุ จากคำ� นยิ ามทเ่ี ราบอกผสู้ งู อายคุ อื วยั พง่ึ พงิ วนั น้ี นา่ จะไมใ่ ช่ อาจจะเปน็ กลมุ่ ทเี่ ราตอ้ งใหค้ วามดแู ลเปน็ พเิ ศษในกรณที ท่ี า่ นมลี กู และไปอยใู่ นฐานะ ผู้สูงอายุตอนปลายก็ตาม แต่ในทุกวันน้ีนอกเหนือจากการที่จะช่วยดูแลประชากรรุ่นใหม่ ท่ีเกิดขึ้นมาแล้วก็พ่อแม่ไม่มีเวลาเลี้ยง บทบาทต่อมาคือผู้ท่ีให้ค�ำแนะน�ำหรือว่าเป็นปราชญ์ หรือพระในชุมชนคอยช้ีแนะ ถัดมาคือกลุ่มผู้ย้ายถ่ินซ่ึงประเด็นนี้ถือว่าเป็น key man หรือว่า key person ที่จะ น�ำวัฒนธรรมองค์ความรู้และประสบการณ์ท่ีเขาได้รับในเขตเมืองไปประยุกต์ใช้ ผู้ย้ายถ่ิน สว่ นใหญม่ ีประสบการณท์ ไี่ ม่ค่อยดี อกหักมาจากเขตเมืองท�ำงานมา 10-20 ปี ไมม่ เี งนิ เกบ็ เลย กลับไปอยู่บ้านได้เงินน้อยกว่าก็จริง แต่ยังมีเงินเก็บมีพ้ืนท่ีให้ว่ิงเล่น มีต้นไม้ให้พอเห็นว่าสดช่ืน รื่นรมย์ ผู้ย้ายถ่ินกลับจะเป็นคนหนึ่งในชุมชนที่เข้มแข็ง ทุกท่านลองไปดูก็ได้คนท่ีจะเป็นก�ำลัง หลักของพื้นท่ีน้ันๆ คือกลุ่มคนท่ีเป็นผู้ย้ายถิ่นกลับ แล้วกลับไปพัฒนาบ้านตนเอง ถัดมาอันนี้ ก็เป็นกลุ่มผู้เก้ือกูลเช่นเดียวกัน กลุ่มผู้เสียสละคือกลุ่มลูกสาวที่ย้ายถิ่นกลับ หรืออยู่ในพ้ืนท่ี อยู่แล้ว ท่ีดูแลพ่อแม่ตนเอง ผมวงเล็บลูกเขยไว้ข้างล่างด้วย เพราะหากจะให้ดีจริง คู่น้ีต้อง เขา้ กันให้ได้กับผูส้ ูงอายุ พอ่ แม่ของลกู สาวคนนน้ั มีบทบาทอยา่ งมาก เพื่อนบ้าน ชมุ ชนเองกเ็ ขา้ มามีส่วน เราพบว่าชมุ ชนท่มี กี ารสร้างระบบชมุ ชนเข้มแข็งทดี่ ี จะสามารถพยงุ ความยดู่ มี สี ขุ ครวั เรอื นสว่ นใหญใ่ นชมุ ชนเหลา่ นน้ั ได้ และสดุ ทา้ ยองคก์ รปกครอง ส่วนท้องถ่ิน ซ่ึงพบว่าในปัจจุบันเข้ามามีบทบาทมากๆ ในการสนับสนุนส่งเสริมให้เกิดคุณภาพ ชวี ติ และความอยดู่ มี สี ขุ ของครวั เรอื น ลำ� ดบั แรก คอื เรอ่ื งของการดแู ลสวสั ดกิ ารของผสู้ งู อายุ จะ เกง่ ไมเ่ กง่ ไมร่ ู้ แตอ่ ยา่ งนอ้ ยคอื รวบรวมเงนิ จากรฐั บาลตอ้ งสง่ ใหถ้ งึ มอื ผสู้ งู อายุ หากไมถ่ งึ ผสู้ งู อายุ ก็รวมตัวกันฟ้องร้อง แต่มีหลายๆ ที่ที่เราไปพบ องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินรู้วิธีการบริหาร สรา้ งกลมุ่ กองทนุ เงินออมตามสมัครใจ แลว้ ก็นำ� เงินไปใชใ้ นกิจกรรมท่ีเปน็ ประโยชนต์ อ่ ผู้สูงอายุ ถอื ว่าดีมากๆ มีการสง่ เสรมิ กจิ กรรมการรวมกล่มุ และกลมุ่ ทางสังคม ถัดมาคือการจัดให้มสี ถาน เล้ียงเด็กในพื้นท่ี จะได้ลดภาระผู้สูงอายุในการท่ีจะต้องดูแลเด็กในช่วงกลางวัน และก็ว่ิงตาม หลานไมท่ นั แลว้ การสง่ เสรมิ กระบวนการสรา้ งชมุ ชนเขม้ แขง็ อปท. หลายทท่ี ำ� แบบนี้ การสง่ เสรมิ โดยเน้นการบริหารทรัพยากรและทุนที่มีอยู่ในพื้นท่ี การจัดให้มีโครงสร้างพื้นฐานท่ีส�ำคัญให้ ส่งเสริมต่อการคมนาคม เราพูดกันในเชิงเล่นเชิงต�ำหนิหลายครั้งว่า อปท. ดีแต่ท�ำถนน จริงๆ พอเราลงไปในพน้ื ทช่ี นบท เราทม่ี ถี นนทไี่ มด่ ี หรอื วา่ ดบี า้ งไมด่ บี า้ ง ลงไปในพน้ื ทช่ี นบทจะพบเลย ว่าส่ิงเหล่าน้ีส�ำคัญมาก ต้ังแต่ตอนช่วงเช้าที่จะมีรถกระบะเข้าไปในเมืองแล้วซื้อกับข้าวเยอะๆ กลบั ไปทา้ ยกระบะ แล้วไปให้คนในพน้ื ทไ่ี ด้จบั จา่ ยใชส้ อย อันนี้คอื แหลง่ อาหาร ถัดมาเรอ่ื งของ 84 ความอยดู่ มี ีสุขของครอบครวั ไทย �����������6.indd 84 147//2560 BE 17:09

การเข้ามาโรงพยาบาลยามเจ็บป่วยและฉุกเฉินในยามกลางคืน การคมนาคมเพ่ือการค้าขาย การติดต่อสื่อสาร แม้กระทั่งการว่ิงเข้ามาห้างสรรพสินค้า ส่ิงเหล่านี้ส�ำคัญ หากเราทราบว่า จุดไหนคือจดุ ทพี่ อดี การส่งเสรมิ เรอ่ื งพวกนคี้ ือส่งิ ที่จำ� เปน็ นอกจากน้ี หลายพน้ื ท่มี กี ารจดั สรร เทคโนโลยีในการใช้ในชีวิตประจ�ำวันกับผู้สูงอายุ เพราะจะพบว่าผู้สูงอายุจะมีปัญหาหลักๆ อยู่ 2 เรอ่ื ง เรอื่ งแรกคอื การเดนิ ไปขนึ้ รถ ลงเรอื ไปไหนมาไหนคนเดยี ว อกี เรอื่ งหนงึ่ คอื การลกุ นงั่ และการยกของ หลายท่ีมีการจัดสรรให้มีเคร่ืองอ�ำนวยความสะดวกในการช่วยเรื่องเหล่านี้ กับผู้สูงอายุ สุดท้ายเรื่องของการดูแลสุขภาพ โดยเฉพาะอย่างย่ิงในกลุ่มผู้สูงอายุ เราพบว่า ในหลายพ้ืนที่มีการจดั สรรอาสาสมคั รไปเย่ยี มบา้ น ไปดแู ล ไปเช็ดตัว ไปพดู คุย เอาของไปเยย่ี ม ใหผ้ สู้ ูงอายใุ หก้ ำ� ลงั ใจ ส่งิ เหลา่ นี้เปน็ บทบาทขององคก์ รปกครองสว่ นท้องถิน่ ในทุกวนั นีท้ ีเ่ ขา้ มา มีบทบาทในการดูแลครวั เรือนชนบท ในภาคสรุปจากการส�ำรวจของส�ำนักงานสถิติแห่งชาติ และส�ำนักงานสุขภาพจิตของ คนไทย เมือ่ ปี 2558 เราพบว่าครวั เรือนในชนบทมีความสุขทางใจ นค่ี อื ค�ำตอบจากผูใ้ ห้ขอ้ มูล อยูท่ ร่ี ้อยละ 79 ประเมินความสุขความพงึ พอใจ มคี วามสขุ ทางกาย รอ้ ยละ 78.4 มีความผูกพนั กับสมาชิก ร้อยละ 90 ผมไม่รู้ว่าตัวเลขตัวนี้มันมากหรือมันน้อยอย่างไร เราเห็นตัวเลขตัวน้ี เราพยายามลงไปในพน้ื ทถ่ี ามวา่ ตวั เลข 78 79 นี้ ประเมนิ มาจากอะไร เราพอทจี่ ะไดค้ ำ� ตอบจาก งานวจิ ยั เชงิ คุณภาพมาดูตรงน้ี คนในชนบทสะทอ้ นให้เราเห็นว่า หากจะบอกวา่ เขาจะอยดู่ ีมสี ขุ ฝั่งท่ีเป็นความอยู่ดีทางซ้ายมือคือเรื่องสุขภาพกายที่ดี การมีครอบครัวมีสมาชิกครอบครัวที่ดี อาชีพ รายได้ ท่ีอย่อู าศยั สงั คม ความปลอดภยั มรี ะเบียบ มีสวัสดกิ ารทด่ี ี ส่วนเรอื่ งการมีสุข คอื การทต่ี นไดป้ ระพฤตดิ ี ทำ� ใหใ้ จสงบ มคี วามเออ้ื เฟอ้ื เผอื่ แผต่ อ่ กนั มคี วามสขุ ในรายไดข้ องตนเอง มีความสุขเรื่องของความพอเพียง และต้องเคารพซึ่งกันและกัน ทั้งในด้านครัวเรือนและชุมชน คอื ภาพทีเ่ ราพอจะสกัดออกมาได้ มีค�ำพูดจากกลมุ่ ชาวบ้านทีผ่ มไปนัง่ พดู คยุ ด้วย ทา่ นไดเ้ ล่าให้ ฟังว่าความอยู่ดีเป็นพ้ืนฐานของความมีสุข หมายความว่าหากว่าปัจจัยต่างๆ เหล่านี้ไม่ได้ดีจริง มันก็ยากที่ความสุขจะเกิดขึ้น ในขณะท่ีความมีสุขจ�ำเป็นท่ีจะต้องอาศัยการเอ้ือเฟื้อเก้ือกูล พ่ึงพาอาศยั กนั ระหว่างครัวเรือนชมุ ชน รวมไปถงึ ท้องถิ่นและภาครัฐ ทัง้ 2 ตัวน้ีเปน็ เหมอื นภาพ ท่ีร้อยเรียงตอ่ กันวา่ เราจะตอ้ งท�ำอะไรบ้าง เพอื่ ให้เกดิ ความอยู่ดมี ีสุขขนึ้ ในชนบท มีข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย 5 ข้อ ข้อแรกท�ำอยู่แล้วแต่อยากให้เสริมสร้างความเข้มแข็ง คือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเข้าไปมีบทบาทในการดูแลครัวเรือนผู้สูงอายุและครัวเรือน ข้ามรุ่นอย่างสร้างสรรค์ ค�ำว่าสร้างสรรค์ หมายความว่าต้องถูกวิธี และต้องเข้าใจจริงๆ ว่ามัน จะเกดิ อะไรข้นึ หากเขาไม่จัดการตรงน้ี ไม่ใช่แค่การจัดสรรเบยี้ ยงั ชพี 600-700 บาท แตข่ าด การจดั การไม่มีกจิ กรรมอ่นื เรือ่ งท่ี 2 คอื การจดั ให้มีสถานดแู ลเด็กเล็กท่มี ีคณุ ภาพ ซ่งึ สอดคล้อง กบั งานวจิ ยั อาจารยจ์ งจติ ต์ ทไี่ ดเ้ ลา่ ใหฟ้ งั อยแู่ ลว้ วา่ สถานเดก็ เลก็ ทม่ี คี ณุ ภาพเปน็ อยา่ งไร ในวนั ท่ี ภเู บศร์ สมุทรจักร I ธีรนุช กอ้ นแกว้ I ริฎวัน อุเด็น 85 �����������6.indd 85 147//2560 BE 17:09


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook