Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ชลธิชา หอมสุวรรณ.16.

ชลธิชา หอมสุวรรณ.16.

Published by Guset User, 2021-09-23 04:09:46

Description: ชลธิชา หอมสุวรรณ.16.

Search

Read the Text Version

เรอ่ื ง มหาเวสสนั ดรชาดก กณั ฑม์ ทั รี จดั ทาโดย นางสาวชลธิชา หอมสวุ รรณ เลขท่ี ๑๖ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๕/๓ รายงานฉบบั นีเ้ ป็นสว่ นหน่งึ ของการศกึ ษารายวชิ าภาษาไทย (รหสั วชิ า ท๓๒๑๐๑) ภาคเรยี นท่ี ๑ ปีการศกึ ษา ๒๕๖๔ โรงเรยี นบรรหารแจ่มใสวทิ ยา ๑ สานกั งานเขตพืน้ ท่ีการศกึ ษามธั ยมศกึ ษาเขต ๙



เรอ่ื ง มหาเวสสนั ดรชาดก กณั ฑม์ ทั รี จดั ทาโดย นางสาวชลธิชา หอมสวุ รรณ เลขท่ี ๑๖ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๕/๓ รายงานฉบบั นีเ้ ป็นสว่ นหน่งึ ของการศกึ ษารายวชิ าภาษาไทย (รหสั วชิ า ท๓๒๑๐๑) ภาคเรยี นท่ี ๑ ปีการศกึ ษา ๒๕๖๔ โรงเรยี นบรรหารแจ่มใสวทิ ยา ๑ สานกั งานเขตพืน้ ท่ีการศกึ ษามธั ยมศกึ ษาเขต ๙

คานา รายงานฉบบั นีเ้ ป็นสว่ นหน่งึ ของการศกึ ษารายวิชาภาษาไทยจดั ทาขนึ้ เพ่ือศกึ ษาหาความรูเ้ ก่ียวกบั การจดั ทา การเขียนรายงานทางวิชาการ ซ่ึงรายงานวิชาการฉบบั นีม้ ีเนือ้ หาเก่ียวกับ มหาเวสสนั ดรชาดก กณั ฑม์ ทั รี ซง่ึ ทาใหเ้ รารูถ้ ึงเร่ืองคลาสสกิ ท่ีเกิดขนึ้ ตงั้ แตอ่ ดตี จนถงึ ปัจจบุ นั อย่างการแสดงความรกั ของแมท่ ่ีมี ตอ่ ลกู ความเช่ือเร่อื งการทานายฝัน หรือโชคลางมมุ มองเร่อื งลกู และภรรยานบั เป็นสมบตั ขิ องสามี หรือสามี มีอานาจเหนือกว่าภรรยา หนา้ ท่ีของภรรยาท่ีตอ้ งคอยปรนนิบตั ิสามี ขา้ พเจา้ หวงั ว่าเนือ้ หาในรายงานทาง วชิ าการฉบบั นีจ้ ะเป็นประโยชนต์ อ่ ผทู้ ่ีสนใจเป็นอยา่ งดี ขอขอบพระคณุ คณุ ครูธีระศกั ดิ์ ชอมภูเขียว ท่ีไดใ้ หค้ าแนะนาและเป็นท่ีปรกึ ษาท่ีดีทาใหร้ ายงาน เลม่ นีส้ าเรจ็ สมบรู ณล์ งไดด้ ว้ ยดี ชลธิชา หอมสวุ รรณ ๒๑ กนั ยายน ๒๕๖๔

สารบัญ เร่ือง หนา้ คานา ก สารบญั ข บทนา ๑ ผแู้ ตง่ ๑ ประวตั ผิ แู้ ตง่ ๑ ลกั ษณะคาประพนั ธ์ ๒ ความเป็นมา ๒ เร่ืองยอ่ ๓ บทสรุป ๓ เอกสารอา้ งองิ ๔ ภาคผนวก ๕ อภิธานศพั ท์ ๖

บทนา การสรา้ งจินตภาพโดยใชโ้ วหารภาพพจน์ คือ กลวิธีหรือชนั้ เชิงท่ีผแู้ ตง่ ใชใ้ นการเรียบเรียงถอ้ ยคา ใหม้ ีพลงั ท่ีจะสมั ผสั อารมณข์ องผอู้ า่ น ผฟู้ ังจนเกิดความประทบั ใจและเห็นภาพในจิต โวหารภาพพจนจ์ ะ ก่อให้เกิดอารมณ์สะเทือนใจได้มากกว่าท่ีจะใช้ถ้อยคากล่าวอย่างตรงไปตรงมา ภาพพจน์ มาจาก ภาษาองั กฤษวา่ Figure of Speech ถา้ ตีความหมายของคาก็คือคาท่ีทาใหเ้ กิดภาพหรือเห็นภาพ ภาพพจน์ จงึ หมายถึงคาหรือสานวนโวหารท่ีกวีหรือผปู้ ระพนั ธใ์ ชเ้ พ่ือสรา้ งมโนภาพใหเ้ กิดขึน้ ในจิตใจของผอู้ ่านหรือ ผฟู้ ัง  อปุ มา  บคุ ลาธิษฐาน  อตพิ จน์  สมมตุ ภิ าวะ ผู้แต่ง เจา้ พระยาพระคลงั (หน) ประวัตผิ ู้แต่ง เจา้ พระยาพระคลงั (หน) เกิดในช่วงปลายสมยั อยธุ ยา รบั ราชการในสมยั สมเดจ็ พระเจา้ ตากสิน กรุงธนบรุ ี โดยมีบรรดาศกั ดิ์เป็นหลวงสรวิชิต ต่อมาในรชั สมยั สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ไดร้ บั การ แตง่ ตงั้ ใหเ้ ป็นพระยาพิพิฒนโกษา ก่อนจะเล่ือนมาเป็นเจา้ พระยาพระคลงั เสนาบดีจตสุ ดมภก์ รมท่า ซ่ึง นอกจากผลงานดา้ นราชการแลว้ เจา้ พระยาพระคลงั (หน) ยงั มีผลงานดา้ นการประพนั ธจ์ านวนมาก เช่น สามก๊ก (ฉบบั แปล) ราชาธิราช บทมโหรีเร่ืองกากี อิเหนาคาฉนั ท์ รา่ ยยาวมหาเวสสนั ดรชาดก กณั ฑก์ มุ าร และกณั ฑม์ ทั รี ฯลฯ

ลักษณะคาประพันธ์  มหาเวสสนั ดรชาดก กณั ฑม์ ทั รี มีลกั ษณะคาประพนั ธเ์ ป็นแบบรา่ ยยาว โดยหน่งึ บทจะมีก่ีวรรคก็ได้ สว่ นใหญ่จะนิยมแตง่ ๕ วรรคขนึ้ ไป แตล่ ะวรรคมีจานวนคา ๖-๑๐ คา และใชค้ าสรอ้ ย เชน่ นนั้ แล แลว้ แล ดงั นี้ ฯลฯ ซ่งึ คาสรอ้ ยนีจ้ ะมีก็ไดห้ รือไมม่ ีก็ได้  ฉนั ทลกั ษณข์ องรา่ ยยาว จะมีการบงั คบั เฉพาะคาสดุ ทา้ ยของวรรคกอ่ นหนา้ จะสมั ผสั กบั คาท่ี ๑ ถงึ คาท่ี ๕ ของวรรคถดั ไป เชน่ ‚...จง่ึ ตรสั วา่ โอโ้ อเ๋ วลาปานฉะนีเ้ อย่ จะมิดกึ ด่นื จวนจะสิน้ คืนคอ่ นรุง่ ไปเสียแลว้ หรือกระไรไมร่ ูเ้ ลย พระพายราเพยพดั มาร่ีเร่ือยอยเู่ ฉ่ือยฉิว...‛  จดุ เดน่ ของรา่ ยยาวมหาเวสสนั ดรชาดก คือ การมีคาถาบาลีขนึ้ ตน้ เชน่ ‚...อิมาตา โปกฺขรณี รมฺมา เจา้ เคยมาประพาสสรงสนานในสระศรี โบกขรณีตาแหน่งนอกพระ อาวาส นางเสดจ็ ลีลาสไปเท่ียวเวียนรอบ จง่ึ ตรสั วา่ นา้ เอย๋ เคยเป่ียมขอบเป็นไร…‛ ความเป็ นมา ความหมายของคาวา่ ‘ชาดก’ ชาดกเกิดจากการสรา้ งคาแบบบาลีสนั สกฤต โดยคาวา่ ชาดก มาจาก ชาตะ แปลวา่ เกิด และ ก (อา่ นวา่ กะ) แปลวา่ ผ,ู้ หมวด ดงั นนั้ ชาดก จึงหมายถึง ผทู้ ่ีเกิดมาแลว้ อยา่ งคาว่า ทศ ชาติชาดก ท่ีแปลว่า ผูท้ ่ีเกิดมาแลว้ สิบชาติ หรือพระพุทธเจา้ น่นั เอง มหาเวสสนั ดรชาดก เร่ิมตน้ ขึน้ เม่ือ พระพทุ ธเจา้ เสดจ็ ไปท่ีเมืองกบิลพสั ดุ์ พรอ้ มกบั พระอรหนั ตส์ องรูป เพ่ือจะไปเทศนาโปรดพระบดิ าและพระ ญาติ แต่พระญาติเกิดอตั ตา ไม่ยอมไหวพ้ ระพุทธเจา้ พระพุทธเจา้ จึงแสดงปาฏิหารย์ โดยการเหาะเหิน เดินอากาศ ทาใหฝ้ ่ นุ ใตพ้ ระบาทาปลิวมาติดหวั พระญาติ และมีฝนโบกขรพรรษตกลงมาส่เู บือ้ งล่าง ฝน โบกขรพรรษเป็นฝนท่ีมีสีแดงใสบริสุทธิ์ราวกกับทับทิม ถ้าตอ้ งการเปียกฝนนัน้ ฝนก็จะเปียกเนือ้ ตัว ตามปกติ แต่ถา้ ไม่ตอ้ งการเปียกฝน เม็ดฝนนนั้ ก็จะระเหยหายไปทนั ที (ถา้ มีฝนแบบนีท้ ่ีบา้ นเรา คงหาย หว่ งเร่ืองภยั แลง้ นา้ ทว่ มแนเ่ ลย แตน่ า่ เสียดายท่ีฝนโบกขรพรรษเป็นฝนท่ีเกิดขนึ้ กบั เหตกุ ารณท์ ่ีเก่ียวขอ้ งกบั พระพทุ ธเจา้ เทา่ นนั้ )

เร่ืองย่อ พระนางมัทรีฝันรา้ ยว่ามีบุรุษมาทารา้ ย จึงขอให้พระเวสสันดรทานายฝันให้ แต่พระนางก็ยังไม่สบาย พระทยั ก่อนเขา้ ป่ า พระนางฝากพระโอรสกับพระธิดากบั พระเวสสนั ดรใหช้ ่วยดแู ล หลงั จากนนั้ พระนาง มทั รีก็เสด็จเขา้ ป่ าเพ่ือหาผลไมม้ าปรนนิบตั ิพระเวสสนั ดรและสองกมุ าร ขณะท่ีอย่ใู นป่ า พระนางพบว่า ธรรมชาติผิดปกตไิ ปจากท่ีเคยพบเห็น เชน่ ตน้ ไมท้ ่ีเคยมีผลก็กลายเป็นตน้ ท่ีมีแตด่ อก ต้นท่ีเคยมีก่ิงโนม้ ลง มาใหพ้ อเก็บผลไดง้ ่าย ก็กลบั กลายเป็นตน้ ตรงสูงเก็บผลไมถ่ ึง ทงั้ ทอ้ งฟ้าก็มืดมิด ขอบฟ้าเป็นสีเหลืองให้ รูส้ ึกหว่นั หวาดเป็นอย่างย่ิง ไมค้ านท่ีเคยหาบแสรกผลไมก้ ็พลดั ตกจากบา่ ไมต้ ะขอท่ีใชเ้ ก่ียวผลไมพ้ ลัด หลดุ จากมือ ย่งิ พาใหก้ งั วลใจย่ิงขนึ้ บรรดาเทพยดาทงั้ หลายตา่ งพากนั กงั วลว่า หากนางมทั รีกลบั ออกจาก ป่าเรว็ และทราบเร่ืองท่ีพระเวสสนั ดร ทรงบรจิ าคพระโอรสธิดาเป็นทาน ก็จะตอ้ งออกตดิ ตามพระกมุ ารทงั้ สองคนื จากชชู ก พระอินทรจ์ งึ สง่ เทพบรวิ าร 3 องคใ์ หแ้ ปลงกายเป็นสตั วร์ า้ ย 3 ตวั คือราชสีห์ เสือโครง่ และเสือเหลือง ขวางทางไมใ่ หเ้ สด็จกลบั อาศรมไดต้ ามเวลาปกติ เม่ือล่วงเวลาดกึ แลว้ จงึ หลีกทางใหพ้ ระ นางเสด็จกลบั อาศรม เม่ือพระนางเสดจ็ กลบั ถึงอาศรมไม่พบสองกมุ ารก็โศกเศรา้ เสียพระทยั เท่ียวตาม หาและรอ้ งไหค้ ร่าครวญ พระเวสสนั ดรทรงเห็นพระนางเศรา้ โศก จึงหาวิธีตดั ความทกุ ข์โศกดว้ ยการแกลง้ กลา่ วหานางวา่ คดิ นอกใจคบหากบั ชายอ่ืน จงึ กลบั มาถึงอาศรมในเวลาดกึ เพราะทรงเกรงวา่ ถา้ บอกความ จรงิ ในขณะท่ีพระนางกาลงั โศกเศรา้ หนกั และกาลงั ออ่ นลา้ พระนางจะเป็นอนั ตรายได้ ในท่ีสดุ พระนางมทั รี ทรงคร่าครวญหาลกู จนสิน้ สติไป ครนั้ เม่ือฟื้นขนึ้ พระเวสสันดรทรงเล่าความจรงิ ว่า พระองคไ์ ดป้ ระทาน กมุ ารทงั้ สองแก่ชชู กไปแลว้ ดว้ ยเหตผุ ลท่ีจะทรงบาเพ็ญทานบารมี พระนางมทั รีจึงทรงคอ่ ยหายโศกเศรา้ และทรงอนโุ มทนาในการบาเพ็ญทานบารมีของพระเวสสนั ดรดว้ ย บทสรุป มหาเวสสนั ดรชาดก เป็นพระชาติท่ีย่ิงใหญ่ของพระโพธิสตั ว์ ทรงบาเพ็ญทานบารมีท่ีทาไดย้ ากย่ิงน่นั คือ การบริจาคบุตรทารทาน เวสสนั ดรเป็นชาดกท่ีแพร่หลาย มีผูน้ ิยมนาไปแต่งมากมายปรากฏทุกภาคใน ประเทศไทย กัณฑม์ ัทรีเป็นผลงานของพระเจา้ พระยาคลงั (หน)แต่งดว้ ยคาประพันธป์ ระเภทร่ายยาว มี คณุ คา่ ดา้ นเนือ้ หา 2 ประการ เป็นการแสดงเร่ืองราวในอดีตชาติของพระพทุ ธเจา้ และแสดงความรกั ของแม่ ท่ีมีตอ่ ลกู ดา้ นวรรณศิลป์ มีการสรรคา การใชภ้ าพพจนแ์ ละการใชธ้ รรมชาติรว่ มแสดงความทกุ ขโ์ ศกของ มนษุ ย์

เอกสารอ้างองิ ผกา ศรเี ย็นบตุ ร,สภุ คั มหาวรากรและนิธิอร พรอาไพสกลุ .(๒๕๖๒).มหาเวสสนั ดรชาดก กณั ฑม์ ทั รี.พิมพ์ ครงั้ ท่ี๒.หนา้ ๑๑๕-๑๔๔.นนทบรุ .ี สานกั พิมพเ์ อมพนั พ์ จากดั . เนือ้ เร่ืองยอ่ มหาเวสสนั ดรชาดก กณั ฑม์ ทั รี.(ม.ป.ป). สืบคน้ เม่ือ ๒๑ กนั ยายน ๒๕๖๔, จาก:https://sites.google.com/site/kanipa031/neux-reuxng-yx . ธญั ญรตั น์ โคตรวนั ทา.มหาเวสสนั ดรชาดก กณั ฑม์ ทั รี.(๒๕๖๓). สืบคน้ เม่ือ ๒๑ กนั ยายน ๒๕๖๔, จาก:https://blog.startdee.com/มหาเวสสนั ดรชาดก-กณั ฑม์ ทั รี-ม-5-ภาษาไทย. คาศพั ทม์ หาเวสสนั ดรชาดก กณั ฑม์ ทั ร.ี (ม.ป.ป.). สืบคน้ เม่ือ ๒๑ กนั ยายน ๒๕๖๔, จาก: https://jirawanjane.wordpress.com/คาศพั ท/์ .

ภาคผนวก ภาพที่ ๑ ภาพที่ ๒ ท่มี า:นายสรุ ยิ า แสนสขุ ไสย (๒๕๖๔) ที่มา:นายสรุ ยิ า แสนสขุ ไสย (๒๕๖๔) ภาพท่ี ๓ ภาพท่ี ๔ ภาพท่ี ๕ ทม่ี า:นายสรุ ยิ า แสนสขุ ไสย (๒๕๖๔) ที่มา: Psychofortunately (๒๕๖๒) ท่ีมา:โรงเรยี น เตรยี มอดุ มศกึ ษาพฒั นาการ รชั ดา (๒๕๖๐) ภาพที่ ๖ ภาพที่ ๗ ทม่ี า: Polipo pongpang (๒๕๖๒) ทมี่ า:อาจารยบ์ ญุ กวา้ ง ศรสี ทุ โธ (๒๕๖๐)

คาศพั ท์ อภธิ านศัพท์ กระลี ความหมาย กเลวระ เหตรุ า้ ย ชี ซากศพ เตม็ เดือด นกั บวช ในท่ีนีห้ มายถงึ พระเวสสนั ดร เถ่ือน เดอื ดเตม็ ท่ี หมายถงึ โกรธจดั ทรามคะนอง ป่ า มจั ฉรยิ ธรรม กาลงั คะนอง หมายถงึ กาลงั ซน ไมม่ ีเนตร ความตระหน่ี ไมม่ ีตา ในท่ีนีห้ มายความว่า ไมเ่ ห็นหนทาง หาทางออก ศโิ รเพฐน์ ไมไ่ ด้ ผา้ โพกศรีษะ ในท่ีนีห้ มายถึงศรี ษะ “บา่ ยศิโรเพฐน”์ คือ สตั พธิ รตั น์ เอนศรี ษะลง แกว้ ๗ ประการ ไดแ้ ก่ ทอง เงิน มกุ ดาหาร ทบั ทมิ ไพฑรู ย์ แสรกคาน เพชร และแกว้ ประพาฬ สาแหรกและคาน ซ่งึ เป็นเคร่ืองหาบ สาแหรกคือเคร่อื งใส่ ของสาหรบั หาบ ปกตทิ าดว้ ยหวาย สว่ นคานคือไมค้ านซง่ึ ใชค้ อนสาแหรกตรงปลายไมท้ งั้ สองขา้ ง


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook