แผนการจดั การเรยี นรู้ กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวชิ าเทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลย)ี ระดับชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ ๕ ปีการศึกษา ๒๕๖๔ เสนอ ผศ.ดร.อินทริ า รอบรู้ จดั ทำโดย นาย จิรวัฒน์ สุวรรณรงค์ รหสั นกั ศึกษา 61131114013 แผนการจดั การเรียนรู้นเ้ี ปน็ ส่วนหนึ่งของรายวชิ า PTC3601 การออกแบบการจดั การเรยี นรู้ทางเทคโนโลยีการศกึ ษาและคอมพิวเตอร์ คณะครศุ าสตร์ สาขาวชิ าเทคโนโลยีการศกึ ษาและคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยราชภฏั สวนสุนันทา
คําอธบิ ายรายวิชาพื้นฐาน วทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี สาระเทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) กลุมสาระการเรียนรวู ิทยาศาสตรและเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศกึ ษาปที่ 5 ภาคเรียนที่ 1 รหัสวชิ า ว32193 เวลา 40 ชว่ั โมง ศึกษาและวิเคราะหสถานการณหรือความตองการที่คํานึงถึงผูใชดวยการคิดเชิงออกแบบ และความรู ทางดานวิทยาศาสตร คณิตศาสตร และศาสตรอื่นๆ เพื่อทําความเขาใจปญหาอยางลึกซ้ึง และรอบดาน เพื่อพัฒนาวิธีการแกปญหาที่ตรงความตองการ พัฒนาโครงงานเพื่อแกปญหาจากสถานการณที่ตนเองสนใจ โดยใช กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม ศึกษาการพัฒนาผลงาน การสรางประโยชนจากผลงาน และการ คุ้มครอง ทรัพยสินทางปญญา เพื่อนําความรูไปประยุกตใชในการพัฒนาหรือสรางประโยชนจากผลงานของ ตนเอง และเผยแพรประชาสมั พนั ธผลงานของตนเองใหเปนที่รูจักและกอใหเกดิ ประโยชน์ ตัวชี้วัด ว 4.1 เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลย)ี 1. ประยุกตใชความรแู ละทักษะจากศาสตรตางๆ รวมทง้ั ทรพั ยากร ในการทำโครงงานเพ่อื แกปญหา หรอื พัฒนางาน รวมทัง้ หมด 1 ตัวช้วี ัด
แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 1 กลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี สาระที่ 4 เทคโนโลยี รายวชิ า เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลย)ี หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 1 เรื่อง ความรูแ้ ละการคิดเชิงออกแบบเพือ่ การแกป้ ัญหา ช้นั มัธยมศึกษาปีที่ 5 เรอ่ื ง ความรูแ้ ละการคดิ เชงิ ออกแบบเพือ่ การแก้ปัญหา เวลาเรียน 8 ชว่ั โมง ________________________________________________________________________________ 1. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตวั ชว้ี ดั มาตรฐาน ว 4.2 เข้าใจและใช้แนวคิดเชิงคำนวณในการแก้ปัญหาที่พบในชีวิตจริงอย่างเป็นขั้นตอนและเป็นระบบใช้ เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในการเรียนรู้ การทำงาน และการแก้ปัญหาได้อย่างมปี ระสิทธิภาพ รู้เท่า ทัน และมีจริยธรรม ตวั ช้วี ดั ประยุกต์ใช้ความรู้และทักษะจากศาสตร์ต่าง ๆ รวมทั้งทรัพยากรในการทํา โครงงานเพื่อแก้ปัญหา หรอื พฒั นางาน 2. สาระการเรียนรู้ การทําโครงงาน เป็นการประยุกต์ใช้ความรู้และทักษะจากศาสตร์ต่างๆ รวมทั้งทรัพยากรในการสร้าง หรอื พัฒนาชนิ้ งานหรอื วธิ กี าร เพือ่ แก้ปญั หาหรืออาํ นวยความสะดวกในการทํางาน 3. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 3.1 อธบิ ายประโยชนข์ องการคิดเชิงออกแบบ 3.2 วิเคราะห์สถานการณ์หรอื ความต้องการท่ีคำนึงถึงผใู้ ชด้ ้วยการคดิ เชิงออกแบบและความรู้ จากศาสตรต์ ่าง ๆ 4. ทักษะและกระบวนการ 4.1 ทักษะการคิดวิเคราะห์ 4.2 ทักษะการคดิ อยา่ งมีวจิ ารณญาณ 4.3 ทักษะการสอ่ื สาร 4.4 ทักษะการทาํ งานรว่ มกับผู้อนื่
5. ความรู้เดิมทนี่ ักเรียนตอ้ งมี ธรรมชาติของเทคโนโลยี ได้แก่ ความหมายและการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี ระบบทางเทคโนโลยี ที่ซับซ้อน ตลอดจนผลกระทบของเทคโนโลยี ได้ลงมือปฏิบัติเพื่อวางแผนและทํางานอย่างเป็นระบบตาม กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม (engineering design process) โดยใช้เทคนิคหรือวิธีการต่างๆ มาช่วย ในการวิเคราะห์ปัญหา กําหนดประเด็นและรวบรวมข้อมูล ออกแบบ วางแผนและสร้างชิ้นงาน ทดสอบ ประเมนิ ผล ปรบั ปรุงแก้ไขช้ินงาน และนาํ เสนอผลการแก้ปญั หา 6. สาระสําคัญ การวิเคราะห์สถานการณ์ปัญหาอย่างรอบด้านภายใต้กรอบความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์คณิตศาสตร์ และศาสตร์อื่นๆ รวมทั้งการใช้แนวคิดเชิงออกแบบร่วมกับการทํางานตามกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม จะช่วยให้ผู้เรียนสามารถพิจารณากิจกรรมและปัญหาที่เกิดในสถานการณ์และบริบทต่างๆ ช่วยให้ผู้เรียน วเิ คราะห์และเขา้ ใจผ้ใู ช้งานซ่งึ เปน็ กลมุ่ บคุ คลผนู้ ํา เทคโนโลยีที่ถูกพัฒนาไปใช้ในชวี ิตประจาํ วนั 7. ส่ือและอปุ กรณ์ เร่ือง เวลา(นาท)ี 7.1 ใบกจิ กรรม สาํ รวจกอ่ นสรา้ ง 30 ใบกิจกรรมท่ี สรา้ งอยา่ งมคี วามรู้ 45 กจิ กรรมเสนอแนะที่ 1 ปฏบิ ัตงิ านอย่างมีทักษะ 45 กจิ กรรมเสนอแนะท่ี 2 พฒั นาแนวคดิ พิชิตปัญหา 60 กจิ กรรมเสนอแนะท่ี 3 คดิ อย่างไรใหค้ มุ้ ทุน 30 กิจกรรมเสนอแนะที่ 4 ชว่ ยคุณสมารท์ หาจุดคุ้มทุน 60 กิจกรรมเสนอแนะที่ 5 ชว่ ยคุณสมารท์ วางระบบน้ำ 60 กจิ กรรม 1.1 ความรกู้ บั การออกแบบสนามเด็กเล่น 60 กจิ กรรม 1.2 ประมวลกระบวนการคดิ 30 กจิ กรรม 1.3 การใช้ความรแู้ ละการคดิ เชงิ ออกแบบ กจิ กรรมเสนอแนะที่ 6 เพอื่ แก้ปญั หาจากสถานการณท์ สี่ นใจ 60 กิจกรรมท้ายบท 7.2 อนื่ ๆ -
8. แนวทางการจัดการเรียนรู้ 1) ผสู้ อนนําเขา้ สบู่ ทเรียน โดยเปดิ โอกาสให้นกั เรยี นแสดงความคิดเหน็ ในประเด็นท่วี า่ “เทคโนโลยีใน ชวี ิตประจําวัน ถกู คดิ ค้นขนึ้ จากสาเหตใุ ดบา้ ง” 2) ผู้สอนตั้งคําถามชวนคิดว่า “นักเรียนคิดว่าในการสร้างเทคโนโลยีที่ตอบสนองได้ตรงความต้องการ ของผ้ใู ช้ ผูส้ ร้างเทคโนโลยจี ะทราบความต้องการของผู้ใช้ได้อยา่ งไร” และนกั เรียนอภิปรายร่วมกัน 3) ผสู้ อนจุดประกายเพือ่ สง่ เสรมิ ความคิดแกน่ ักเรียน ในประเด็นทวี่ า่ การรวบรวมขอ้ มลู ความ ตอ้ งการของผใู้ ชง้ าน สามารถทาํ ไดห้ ลายวิธี และให้นกั เรียนทาํ กจิ กรรมเสนอแนะที่ 1 เร่อื ง “สาํ รวจกอ่ น สร้าง” 4) ผู้สอนสรุปความสําคัญของการทราบความต้องการของผู้ใช้งานก่อนที่ผู้สร้างจะดําเนินการสร้าง เทคโนโลยหี รือนวตั กรรม 5) ผู้สอนตั้งประเด็นคําถามว่า “นักเรียนคิดว่าเทคโนโลยีส่งผลทางด้านบวกและด้านลบ ต่อการใช้ ชีวิตประจําวันของนักเรียน ครอบครัว หรือชุมชนที่นักเรียนอาศัยอยู่อย่างไร” และเปิดโอกาสให้ผู้เรียนแต่ละ กล่มุ แสดงความคิดเห็นและอภปิ รายรว่ มกนั 6) ผู้เรียนแต่ละกลุ่มสืบค้นและศึกษาตัวอย่างนวัตกรรม จากเว็บไซต์ http://ipst.me/9182 แล้วคัดเลือกนวัตกรรมที่กลุ่มสนใจ จํานวน 3 หัวข้อ (ผู้สอนอาจเปิดโอกาสให้ผู้เรียนใช้อุปกรณ์ดิจิทัล เช่น สมารต์ โฟน ช่วยในการสืบค้นขอ้ มูลเพิม่ เติมเก่ียวกับหวั ข้อทกี่ ลุม่ ผู้เรยี นสนใจ) 7) ผู้สอนให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มแบ่งปันหัวข้อนวัตกรรมและเหตุผลที่สนใจ ผ่านวิธีการต่างๆ ตัวอย่าง เช่น o กระดานรวมหัวข้อ โดยผู้สอนเตรียมกระดานพลาสติกลูกฟูก (พีพีบอร์ดหรือฟิวเจอร์บอร์ด) ให้ ผู้เรียนแต่ละกลุ่มเขียนนวัตกรรมที่สนใจ ทั้ง 3 หัวข้อพร้อมเหตุผลประกอบ ลงบนกระดาษโน้ตแล้ว นําไปตดิ บนกระดาน เพ่อื แลกเปล่ียนความคดิ เหน็ กับผเู้ รียนกลมุ่ อ่นื ๆ o กระดานรวมหัวข้อออนไลน์ โดยผู้สอนสร้างพื้นที่แบ่งปันความคิดเห็นผ่านสื่อสังคมออนไลน์ เช่น https://padlet.com/ ให้ผู้เรียนโพสต์ (post) แบ่งปันหัวข้อนวัตกรรมที่สนใจได้ทั้งในรูปแบบข้อความ รูปภาพ หรือคลิป วิดโี อตามความต้องการของผู้เรยี น 8) ผู้สอนจุดประกายความคิดแก่ผู้เรียนด้วยคํา ถามว่า “นักเรียนคิดว่า ผู้สร้างนวัตกรรมที่กลุ่ม นกั เรยี นสนใจ จาํ เปน็ ตอ้ งมีความรู้ความเขา้ ใจเรื่องใดบ้าง” ให้ผ้เู รียนศึกษาเน้ือหา หัวข้อ 1.1.1 ความรู้พนื้ ฐาน ในหนังสอื เรยี น แลว้ ทํากจิ กรรมเสนอแนะท่ี 2 เรื่อง “สรา้ งอย่างมคี วามร”ู้
9) ผู้สอนจุดประกายความคิดแก่ผู้เรียนด้วยคํา ถามว่า “นอกจากความรู้พื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับ นวตั กรรมนักเรียนคิดวา่ มสี ง่ิ ใดท่ีผู้สร้างควรรแู้ ละใหค้ วามสําคัญเพอื่ ให้เกิดทักษะท่ดี ีในการสรา้ งนวัตกรรม” ให้ ผู้เรยี นศึกษาเนื้อหา หัวขอ้ 1.1.2 ความร้แู ละทักษะในการปฏิบัตงิ าน ในหนงั สอื เรยี นแลว้ ทาํ กิจกรรมเสนอแนะ ท่ี 3 เรอื่ ง “ปฏิบัตงิ านอย่างมีทกั ษะ” 10) ผู้สอนและผู้เรียนร่วมกันอภิปรายเพื่อสรุปเกี่ยวกับความสําคัญของความรู้พื้นฐานความรู้และ ทักษะในการปฏบิ ตั งิ าน ทสี่ ง่ ผลต่อการออกแบบเทคโนโลยแี ละนวัตกรรม 11) ผู้เรียนศึกษาเนื้อหาหัวข้อ 1.2 การคิดเชิงออกแบบกับการแก้ปัญหา ซึ่งประกอบด้วย การระบุและตีความปัญหา การพฒั นาแนวคดิ และการสรา้ งแนวทางการแก้ปัญหา แล้วทาํ กิจกรรมเสนอแนะท่ี 4 เรอ่ื ง “พัฒนาแนวคดิ พิชติ ปัญหา” 12) ผ้เู รยี นศกึ ษากรณีศกึ ษาของนายสมาร์ท (หนงั สอื เรียนหนา้ 12–13) แลว้ ทาํ กจิ กรรมเสนอแนะท่ี 5 เร่ือง “คดิ อยา่ งไรใหค้ ุม้ ทนุ ” 13) ผเู้ รยี นศกึ ษากราฟความสัมพนั ธข์ องปริมาณการผลติ และการขาย ตน้ ทุน กาํ ไรและการคาํ นวณ จดุ ค้มุ ทนุ (หนงั สือเรียน หนา้ 14–15) แลว้ ทาํ กิจกรรม 1.1 ชว่ ยคุณสมาร์ทหาจุดคุ้มทนุ 14) ผเู้ รียนแตล่ ะกลุ่ม นาํ เสนอผลทีไ่ ด้จากการระดมความคดิ เพื่อชว่ ยคุณสมารท์ หาจดุ คุ้มทนุ ในการ ออกแบบฟาร์มอัจฉรยิ ะ โดยผ้เู รยี นและผูส้ อนรว่ มกันอภปิ รายเกี่ยวกับวิธกี ารหาจุดคมุ้ ทุนของแตล่ ะกลุ่ม 15) ผูเ้ รยี นแตล่ ะกลมุ่ ศึกษาสถานการณ์การพัฒนาแนวคิดในการแกป้ ญั หาของนายสมาร์ท (หนงั สือ เรียน หน้า 16–20) แลว้ ทํา กจิ กรรม 1.2 ช่วยคุณสมารท์ วางระบบนำ้ 16) ผเู้ รยี นแต่ละกล่มุ นําเสนอผลทไี่ ด้จากการระดมความคิดเพือ่ ช่วยคณุ สมารท์ วางระบบนำ้ 17) ผสู้ อนให้ผเู้ รียนแต่ละกลมุ่ งคะแนนเสียง (vote) เลอื กระบบนำ้ สําหรบั โรงเรือนมะเขือเทศ ทแี่ ต่ ละกลมุ่ เห็นว่ามคี วามเปน็ ไปไดแ้ ละมปี ระสิทธิภาพสงู สดุ ด้วยวิธีการลงคะแนน ตวั อยา่ งเชน่ • การยกมือลงคะแนน โดยแต่ละกลุ่มสามารถยกมอื ให้คะแนนแกก่ ลุ่มท่เี ลอื ก จํานวน 3 กลมุ่ แล้วนับคะแนนรวม เรยี งลําดบั จากกลุม่ ทไ่ี ด้คะแนนมากท่ีสุดไปนอ้ ยท่สี ุด จากนนั้ ผู้สอนถาม เหตผุ ลที่ผู้เรยี นแต่ละกลุ่มเลือกลงคะแนนใหแ้ กร่ ะบบของกลุ่มทผ่ี ้เู รยี นเลือก • การหยอ่ นบตั รลงคะแนน โดยแต่ละกลุ่มเขียนชือ่ กลมุ่ ท่เี ลอื ก จํานวน 3 กลมุ่ ลงกระดาษบัตร ลงคะแนน พรอ้ มใหเ้ หตุผลประกอบการตดั สนิ ใจ นาํ ใส่ลงในกล่องรับคะแนน แลว้ นบั คะแนนรวม เรยี งลําดบั จากกลมุ่ ทไ่ี ด้คะแนนมากทสี่ ดุ ไปนอ้ ยที่สุด • การลงคะแนนออนไลน์ โดยผู้สอนสร้างฟอร์มการลงคะแนนบนคลาวด์ เชน่ google form แต่ละกลุ่มเลอื กลงคะแนน จาํ นวน 3 กลมุ่ พรอ้ มระบเุ หตผุ ล แล้วผสู้ อนสรปุ และแสดง คะแนนรวมในรูปแบบสารสนเทศแก่ผ้เู รียน
18) ผูส้ อนและผ้เู รียนร่วมกันอภปิ ราย เพือ่ สรปุ ความสาํ คญั ของการออกแบบตามแนวทางการ แก้ปัญหารวมถงึ การทดสอบและปรบั ปรุงการทํางานของระบบเป็นระยะ 19) ผู้สอนจุดประกายผู้เรียนว่า จากการช่วยแก้ปัญหาสถานการณ์ของนายสมารท์ ทต่ี อ้ งการสรา้ ง ฟารม์ อจั ฉรยิ ะ ผู้เรยี นสามารถนาํ กระบวนการคดิ ไปปรบั ใช้กับสถานการณอ์ น่ื ทผี่ ู้เรียนเคยมปี ระสบการณไ์ ด้ 20) ผู้เรียนแตล่ ะกลุ่มทำกิจกรรม 1.3 ความรูก้ บั การออกแบบสนามเดก็ เล่น 21) ผู้เรียนแต่ละกลุ่ม นาํ เสนอแนวทางการแกป้ ญั หาการออกแบบสนามเดก็ เล่นของชุมชน ในรูปแบบ การนาํ เสนอสถานการณ์สมมติในชุมชน ประกอบดว้ ย 4 บทบาทหลัก คอื • ทีมคณะทาํ งาน รบั บทบาทโดย กลมุ่ ผูน้ าํ เสนอ • กลุม่ ผู้แทนชมุ ชุน รับบทบาทโดย ผู้เรยี นกลุ่มอืน่ • กลุ่มเดก็ ในชุมชน รับบทบาทโดย ผู้เรียนกลุ่มอน่ื • ผปู้ กครองของเดก็ รบั บทบาทโดย ผู้เรียนกลุ่มอ่นื ผสู้ อนและผู้เรยี นอภิปรายร่วมกนั เพื่อสรุปข้อดีและข้อควรพัฒนาของสนามเดก็ เลน่ แต่ละแบบ 22) ผสู้ อนกระตุ้นผ้เู รียนให้เกดิ การตกผลกึ ความคิดดว้ ยการใช้คาํ ถามชวนคิด “นักเรยี นคดิ วา่ การคิด เชงิ ออกแบบ และ กระบวนการออกแบบเชงิ วศิ วกรรม มีความสมั พันธก์ นั อย่างไร และผู้พัฒนาเทคโนโลยี ใช้ ทั้ง 2 กระบวนการนใ้ี นการทาํ งานตา่ งกันอยา่ งไร” 23) ผู้เรยี นแตล่ ะกล่มุ ระดมความคิดจากประสบการทาํ กจิ กรรมทีผ่ ่านมาประกอบกับการศกึ ษา เน้อื หาในหนังสือเรยี นและแผนภาพแสดงองคป์ ระกอบของการสรา้ งเทคโนโลยี (หนงั สอื เรียน หนา้ 23–24) ทาํ กิจกรรมเสนอแนะท่ี 6 เรอื่ ง “ประมวลกระบวนการคิด” 24) ผ้เู รยี นและผสู้ อนอภิปรายร่วมกนั เพ่อื สรุปความสัมพนั ธร์ ะหว่างการคดิ เชงิ ออกแบบและ กระบวนการคดิ เชิงวิศวกรรม โดยผสู้ อนอาจยกตัวอยา่ งสถานการณอ์ ่ืน ๆ ทสี่ ามารถพบเห็นไดใ้ น ชีวิตประจาํ วนั เพือ่ กระต้นุ ให้ผู้เรยี นมองปัญหาทอี่ าจเกิดขน้ึ จากสถานการณร์ อบตวั 25) ผเู้ รยี นแตล่ ะกลุ่มทํากิจกรรมทา้ ยบท
9. การวัดและประเมินผล วิธีการวัด เคร่อื งมอื ท่ีใชว้ ัด เกณฑก์ ารประเมินการผ่าน รายการประเมนิ การอภปิ ราย การอภปิ ราย คะแนน 31-40 หมายถงึ ดีมาก การอธบิ ายประโยชน์ของการคิด สังเกตพฤตกิ รรม คะแนน 21-30 หมายถึง ดี เชิงออกแบบ การวเิ คราะห์สถานการณ์ ตรวจใบกจิ กรรม ใบกิจกรรม 1.1 คะแนน 11-20 หมายถึง พอใช้ หรือความต้องการที่คํานงึ ถึง สังเกตพฤติกรรม (การพัฒนาแนวคิด) คะแนน 1-10 หมายถึง ปรับปรงุ ผใู้ ช้ดว้ ยการคดิ เชงิ ออกแบบ และความรจู้ ากศาสตร์ตา่ งๆ ใบกิจกรรม 1.2 ผู้เรยี นได้ระดับคุณภาพ ดี (การสร้างแนวทาง ขน้ึ ไปถือว่าผ่าน ทกั ษะการสอ่ื สาร ทักษะการคิดวิเคราะห์ การแก้ปัญหา) หมายเหตุ : การประเมินทแี่ สดง ทกั ษะการคดิ อยา่ งมีวจิ ารณญาณ ใบกิจกรรม 1.3 เปน็ ไปตามประเด็นการประเมนิ ทักษะการทํางานร่วมกับผู้อน่ื (การแก้ปญั หาด้วย และระดับคะแนนในหัวข้อที่ การคิดเชิงออกแบบ) 1. การอธิบายประโยชน์ของการคิด กจิ กรรมท้ายบท (การแก้ปญั หาด้วย เชงิ ออกแบบ และหวั ขอ้ ที่ การคดิ เชงิ ออกแบบ) 2. การวิเคราะห์สถานการณห์ รอื ความตอ้ งการทีค่ าํ นงึ ถงึ ผใู้ ช้ด้วย สังเกตพฤตกิ รรม แบบสังเกตพฤตกิ รรม การคดิ เชงิ ออกแบบและความรู้ สังเกตพฤติกรรม แบบสงั เกตพฤตกิ รรม สังเกตพฤติกรรม แบบสงั เกตพฤตกิ รรม จากศาสตรต์ ่าง ๆ สงั เกตพฤติกรรม แบบสังเกตพฤตกิ รรม ผ้เู รยี นไดร้ ะดับคณุ ภาพ ดี ขึ้นไป ถอื วา่ ผา่ น (ดูเกณฑก์ ารประเมินในภาคผนวก)
เกณฑ์การวัดและประเมินผล ประเดน็ การประเมิน ระดบั คะแนน 4 3 2 1 อธบิ ายประโยชน์ อธบิ ายประโยชน์ อธิบายประโยชน์ 1. การอธบิ าย อธบิ าย ของการคดิ เชิง ของการคดิ เชิง ของการคิดเชงิ ออกแบบ โดยมี ออกแบบ โดยมี ออกแบบ ประโยชน์ ประโยชน์ การเช่ือมโยงกับ การเช่อื มโยงกับ โดยไมม่ กี าร การแกป้ ญั หาให้ การแก้ปญั หาให้ เช่ือมโยงกบั การ ของการคดิ เชิง ของการคิดเชงิ ผูใ้ ช้ ผู้ใช้ แกป้ ญั หาให้ผใู้ ช้ ผทู้ ่เี กีย่ วข้อง ผู้ทเี่ กี่ยวข้อง ผูท้ ีเ่ กย่ี วขอ้ ง ออกแบบ ออกแบบ ซงึ่ ซึง่ ต้องเช่ือมโยง แต่ไมไ่ ดใ้ หค้ วาม ไมไ่ ดใ้ หค้ วามสาํ คญั กบั บริบทหรอื สาํ คญั กบั ความจํา กับการระบบุ รบิ ท แสดงใหเ้ หน็ ถงึ เงอ่ื นไข เปน็ ทต่ี ่อมกี าร หรอื เงื่อนไขที่ ท่เี ก่ยี วข้อง ระบุบรบิ ทหรือ เกีย่ วขอ้ ง ความสําคญั กบั เง่อื นไขท่ี เก่ยี วขอ้ ง การแก้ปญั หาที่ ต้องเชื่อมโยง กับผ้ใู ช้ ผูท้ ี่ เกีย่ วข้องอยา่ ง ชดั เจนและ จําเปน็ ต้อง เช่อื ม โยงกบั บริบท หรือเง่อื นไขท่ี เกยี่ วขอ้ งอย่าง ถกู ตอ้ งและ ชัดเจน
2. การวิเคราะหส์ ถานการณห์ รอื ความต้องการท่คี ํานึงถึงผใู้ ช้ด้วยการคดิ เชงิ ออกแบบและความรู้ จากศาสตร์ต่าง ๆ (กจิ กรรมท้ายบท) 2.1 การระบุและตีความปญั หา ประเดน็ การประเมิน 4 ระดบั คะแนน 1 32 การระบสุ าเหตุ ระบสุ าเหตุ ระบุสาเหตุ หรือ ระบุสาเหตุ หรือ ระบุสาเหตุ หรือ สาระสาํ คัญของ หรอื สาระสําคญั สาระสาํ คัญของ สาระสาํ คัญของ สาระสาํ คญั ของ ปัญหาและกาํ หนด ของปัญหาโดย ปญั หาโดย ปัญหาโดย ปัญหาโดยไมไ่ ด้ ขอบเขตของปญั หา คํานึงถงึ ผูใ้ ช้ คํานงึ ถงึ ผู้ใช้ คาํ นงึ ถึง นําขอ้ มูลที่รวบรวม และผทู้ ี่ และผูท้ เี่ กยี่ วขอ้ ง ผใู้ ชห้ รอื ผทู้ ่ี มาประกอบการ เก่ียวข้องได้ ได้ เกีย่ วขอ้ งบางส่วน พจิ ารณา และระบุ อย่างชดั เจน โดยใชข้ ้อมูลที่ โดยใชข้ ้อมูล ปัญหาได้ สอดคลอ้ งกับ รวบรวมมา ทีร่ วบรวมมา ไม่ถูกตอ้ ง ขอ้ มูล ประกอบการ ประกอบการ ทร่ี วบรวมมา กาํ หนดปญั หา กําหนดปญั หา เพ่อื ใชก้ าํ หนด และขอบเขตของ และขอบเขต ปญั หาและ ปัญหา ของปญั หา ขอบเขตของ ไดอ้ ย่างชัดเจน แต่ขาดความ ปญั หาโดย สมบูรณ์ คาํ นงึ ถึงความ ต้องการ ข้อจํากัด หรอื เงื่อนไขต่างๆ ไดอ้ ยา่ งถกู ต้อง และชัดเจน
ประเดน็ การประเมนิ 4 ระดับคะแนน 1 32 การวเิ คราะหแ์ ละ วเิ คราะหผ์ ูใ้ ช้ผู้ วเิ คราะห์ผู้ใชผ้ ทู้ ี่ วิเคราะห์ผู้ใชผ้ ทู้ ี่ ระบผุ ใู้ ช้ หรือ ผูท้ ี่ ทําความเข้าใจ ท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั เกีย่ วขอ้ งกับ เกย่ี วข้องกบั เกยี่ วข้องกับปญั หา เก่ียวกบั ผู้ใช้และผ้ทู ่ี ปัญหาได้ ปญั หาได้ครบถว้ น ปญั หาได้ครบถ้วน ได้แต่ไม่ครบถว้ น เกีย่ วข้อง ครบถว้ น รวบรวมข้อมลู แต่รวบรวมข้อมลู รวบรวมข้อมูล พื้นฐานและความ พน้ื ฐานท่ี พน้ื ฐาน ตอ้ งการของ เก่ยี วขอ้ งกบั ขอ้ จาํ กัดและ บุคคล บคุ คลดังกลา่ วได้ ความต้องการ ซึง่ จาํ เป็นตอ่ การ ไมค่ รบถ้วน ของบุคคลท่ี แกป้ ญั หาได้ จําเป็นต่อการ ครบถว้ น แก้ปัญหา ไดห้ ลากหลาย ครบถว้ น พอเพยี งต่อการ นําไปพฒั นา แนวคดิ ในการ แก้ปญั หา การรวบรวมขอ้ มูล สืบค้นและ สืบคน้ และ สบื คน้ และ สบื ค้นและรวบรวม ทจ่ี ําเปน็ ต่อการ แกป้ ญั หา รวบรวมขอ้ มูลที่ รวบรวมขอ้ มูลท่ี รวบรวมขอ้ มูลท่ี ขอ้ มูลท่ีเก่ียวขอ้ งกับ เกี่ยวข้องกับ เก่ียวข้องกับ เก่ียวข้องกบั ปัญหา ปญั หาด้วย ปัญหาจาก ปัญหาจาก แต่แหล่งขอ้ มลู ท่ี วธิ ีการท่ี แหลง่ ขอ้ มลู ท่ี แหล่งขอ้ มูลที่ สบื ค้น หลากหลายจาก น่าเชือ่ ถอื ได้ นา่ เชื่อถอื ได้ ไม่น่าเชอื่ ถือได้ แหล่งข้อมูลท่ี ขอ้ มูลทถ่ี กู ตอ้ ง ข้อมลู ท่ถี ูกตอ้ งแต่ ขอ้ มูลที่ นา่ เชือ่ ถือได้ เพยี งพอต่อการ ไม่เพยี งพอตอ่ การ ไม่ถูกต้องไม่ ข้อมลู ทถ่ี ูกต้อง แก้ปญั หา แกป้ ัญหา สอดคล้อง เพยี งพอต่อการ กบั ปญั หา แกป้ ญั หา
2.2 การพัฒนาแนวคดิ ประเด็นการประเมนิ 4 ระดับคะแนน 1 32 การประเมินและ ประเมินและ ประเมนิ และ ประเมินและ ประเมนิ และ ตัดสนิ ใจเลือก ตัดสินใจเลอื ก ตัดสนิ ใจเลอื กข้อมูล ขอ้ มูล ความรทู้ จ่ี าํ ตัดสินใจเลอื ก ตัดสินใจเลือก ขอ้ มลู ได้ ไมส่ อดคล้อง เปน็ ตอ่ การ สอดคลอ้ งกับการ กบั การแกป้ ัญหา แกป้ ญั หา ข้อมลู ได้ ขอ้ มลู ได้ แกป้ ญั หา สอดคลอ้ งกบั สอดคล้องกบั การแกป้ ัญหา การแก้ปัญหา อย่างเป็นระบบ อย่างเปน็ ระบบ ได้ขอ้ มลู ถูกตอ้ ง ไดข้ อ้ มลู ถกู ตอ้ ง และสามารถ และสามารถ กําหนดข้อมูลท่ี กาํ หนดข้อมลู ท่ี ตอ้ งการสบื คน้ ต้องการสบื คน้ เพิ่มเตมิ ได้ เพม่ิ เตมิ ได้ โดยรวบรวม ข้อมูล ท่จี าํ เปน็ ต่อการ แกป้ ัญหาได้ ครบถว้ น
ประเด็นการประเมิน 4 ระดับคะแนน 1 32 การพจิ ารณาหนา้ ท่ี พัฒนาแนวคดิ ใน พฒั นาแนวคิดใน พัฒนาแนวคิดใน พัฒนาแนวคิดใน การแก้ปญั หาได้ องค์ประกอบท่ี การแก้ปญั หาได้ การแกป้ ญั หาได้ การแก้ปญั หาได้ 1 แนวคดิ โดยไมม่ ี รายละเอยี ดของ จําเปน็ และการ อยา่ งหลากหลาย 2-3 แนวคดิ โดย 1 แนวคิดโดยมี หนา้ ท่หี รอื มคี วามเปน็ ไปได้ มีรายละเอียดของ รายละเอยี ดของ องค์ประกอบทจี่ าํ พัฒนาแนวคิดใน เปน็ ต่อการแกป้ ัญหา การแกป้ ัญหา ในการนําไป หน้าทห่ี รอื หน้าท่หี รอื อย่างชัดเจน ใชแ้ กป้ ญั หา องค์ประกอบท่ี องคป์ ระกอบทจ่ี าํ โดยมี จาํ เป็นต่อการ เป็นตอ่ การ รายละเอียดของ แกป้ ญั หาอยา่ ง แกป้ ัญหาอยา่ ง หน้าท่ีหรือ ชัดเจน และเลือก ชดั เจน องค์ประกอบ แนวคิดใน ทีจ่ าํ เปน็ ต่อการ การแกป้ ญั หาได้ แก้ปัญหาอย่าง สอดคล้องกบั ผใู้ ช้ ชัดเจนและเลอื ก ผทู้ ่เี ก่ียวขอ้ งและ แนวคดิ ใน ขอบเขตของปญั หา แก้ปัญหาได้ สอดคลอ้ งกับผ้ใู ช้ ผทู้ ่ีเกยี่ วขอ้ งและ ขอบเขตของ ปญั หา การเขยี นภาพรา่ ง เขียนภาพร่าง เขยี นภาพร่าง เขยี นภาพรา่ ง เขยี นภาพร่าง หรอื แผนภาพแสดง หรอื แผนภาพ หรอื แผนภาพ หรอื แผนภาพ หรอื แผนภาพไม่ รายละเอยี ดของ แสดง แสดงรายละเอยี ด แสดงรายละเอยี ด ละเอียดขาดข้อมูล แนวคิดในการ รายละเอียดของ ของแนวคดิ ในการ ของแนวคิดในการ เปน็ ส่วนใหญแ่ ละไม่ แกป้ ัญหา แนวคิดในการแก้ แกป้ ญั หาได้ แกป้ ัญหา สามารถส่ือสารให้ ปัญหาไดอ้ ย่าง สามารถส่อื สารให้ แตย่ งั ขาดขอ้ มูล ผู้อื่นเข้าใจตรงกัน ละเอยี ด แสดง ผู้อื่นเขา้ ใจตรงกนั บางส่วนและไม่ ขอ้ มลู ครบถว้ น สามารถส่อื สารให้ สามารถสอื่ สาร ผ้อู ่นื เขา้ ใจตรงกนั ใหผ้ อู้ ืน่ เขา้ ใจ ตรงกนั
2.3 การสร้างแนวทางการแก้ปญั หา ประเดน็ การประเมนิ 4 ระดับคะแนน 1 32 การสรา้ งตน้ แบบใน สร้างผลงานได้ สร้างผลงานได้ สร้างผลงานได้ สร้างผลงานได้ไม่ การแก้ปัญหา ตรงตามแนวคิด ตรงตามแนวคดิ ที่ ตรงตามแนวคดิ ท่ี เสร็จ และไมต่ รง ท่ีออกแบบไว้ ออกแบบไวเ้ สร็จ ออกแบบไว้ แต่ ตามแนวคดิ เสร็จ และ สมบูรณ์ ผลงานไมส่ มบรู ณ์ ท่ีออกแบบไว้ สามารถนําไปใช้ แตส่ ามารถ สามารถนาํ ไปใช้ ทดสอบกับผใู้ ช้ นาํ ไปใช้ทดสอบ ทดสอบกับผใู้ ช้ หรอื ผูท้ ่ี กบั ผู้ใช้หรอื หรอื ผูท้ ี่เกย่ี วขอ้ ง เกย่ี วข้องได้ ผู้ทเ่ี ก่ยี วข้องได้ ไดเ้ พยี งบางส่วน ทง้ั หมด เพยี งบางสว่ น การทดสอบกบั ผู้ใช้ มีการกําหนด มกี ารกาํ หนด มีการกําหนด ผลงานไม่สามารถ เกณฑ์ ใช้ทดสอบกบั เกณฑ์ เกณฑ์ การทดสอบ ผู้ใชง้ านได้ และไมม่ ี ผลงานผลงาน การเกบ็ ข้อมูลผล การทดสอบ การทดสอบ สามารถใช้ การทดสอบ แกป้ ญั หากับผใู้ ช้ ผลงานผลงาน ผลงานผลงาน ไดเ้ พียงบางส่วน และมีการเกบ็ สามารถ สามารถใช้ ข้อมลู ผลการ ทดสอบ แกป้ ัญหาผใู้ ชไ้ ด้ แกป้ ัญหากบั ผใู้ ช้ อยา่ งสมบูรณ์ ได้เปน็ ส่วนใหญ่ และมีการเก็บ แตย่ งั มี ข้อมูลผลการ ข้อบกพรอ่ ง และ ทดสอบ มีการเกบ็ ขอ้ มูล ผลการทดสอบ
ประเด็นการประเมิน 4 ระดบั คะแนน 1 32 การนาํ ผลการ นําผลการ นําผลการทดสอบ นาํ ผลการทดสอบ ไม่มกี ารนาํ ผลการ ทดสอบและขอ้ มูล ยอ้ นกลับ ทดสอบและ และข้อมลู ยอ้ น และขอ้ มลู ทดสอบ หรือขอ้ มลู เพอ่ื ปรบั ปรงุ แกไ้ ข ขอ้ มูลยอ้ นกลบั กลบั มาเพ่อื ย้อนกลบั มาเพอ่ื ย้อนกลบั มาเพ่ือ มาเพอ่ื ปรับปรุง ปรับปรงุ แกไ้ ข ปรับปรงุ แก้ไข ปรับปรุงผลงาน แก้ไขสอดคลอ้ ง สอดคล้องกับ สอดคลอ้ งกับ กับผลงานได้ ผลงานไดเ้ ปน็ ผลงานได้เพยี ง เป็นส่วนใหญ่ ส่วนใหญ่ บางสว่ น และสามารถ กําหนด แนวทางการ พฒั นาผลงาน เพิม่ เติมได้
เกณฑ์การประเมนิ (กจิ กรรม 1.1 ช่วยคณุ สมารท์ หาจุดคุ้มทุน) ประเด็นการประเมิน 4 ระดับคะแนน 1 32 การรวบรวมข้อมลู ท่ี กําหนดประเดน็ กําหนดประเดน็ กาํ หนดประเด็น กาํ หนดประเด็น จําเป็นต่อ สบื ค้นและ สืบค้นและ สืบค้นและ สบื ค้นและ การวเิ คราะห์ รวบรวมข้อมูลที่ รวบรวมขอ้ มูลที่ รวบรวมขอ้ มูลที่ รวบรวมขอ้ มูลที่ จดุ คุ้มทุนในการ เกย่ี วข้องกบั การ เกย่ี วข้องกบั เกย่ี วขอ้ งกับ เกยี่ วขอ้ งกบั ลงทนุ ผลิต วเิ คราะห์ การวเิ คราะห์ การวเิ คราะห์ การวิเคราะห์ พืช 4 ชนิด จุดคุ้มทุนด้วย จุดค้มุ ทนุ จาก จดุ คมุ้ ทนุ จาก จุดคุ้มทนุ วธิ ีการท่ี แหลง่ ข้อมลู ท่ี แหลง่ ข้อมูลท่ี แต่แหล่งข้อมูลท่ี หลากหลายจาก น่าเช่อื ถือได้ข้อมูล น่าเช่ือถือไดข้ ้อมูล สบื ค้นไมน่ ่า แหลง่ ข้อมลู ท่ี ทีถ่ กู ต้องเพยี งพอ ทถี่ ูกตอ้ ง เชื่อถือ นา่ เชื่อถือ ต่อการแก้ปญั หา แตไ่ มเ่ พยี งพอต่อ ไดข้ ้อมูลที่ ได้ข้อมลู การแก้ปัญหา ไมถ่ กู ตอ้ ง ท่ีถูกต้อง ไมส่ อดคลอ้ งกับ เพียงพอตอ่ ปญั หา การแกป้ ญั หา การหาจุดคุ้มทนุ โดย หาจุดคมุ้ ทนุ โดย หาจุดคมุ้ ทนุ โดย หาจดุ คุ้มทนุ โดย หาจดุ คุ้มทุนโดย การสรา้ งกราฟหรอื การสร้างกราฟ การสร้างกราฟ การสรา้ งกราฟ การสร้างกราฟ จากการ หรอื การคํานวณ หรอื การคาํ นวณได้ หรอื การคาํ นวณได้ หรือการคาํ นวณได้ คาํ นวณเพื่อตัดสนิ ใจ ไดอ้ ย่างถูกต้อง อย่างถกู ตอ้ ง อยา่ งถูกตอ้ ง ไม่ถกู ตอ้ ง เลือกปลูกพืช สมบูรณ์ สมบรู ณ์ แตไ่ ม่สามารถ ไมส่ ามารถนาํ มาใช้ รวมทงั้ สามารถ แตอ่ ธบิ ายเหตุผล อธบิ ายเหตุผลใน อธบิ ายเหตุผลใน เปรียบเทียบและ ในการเปรยี บเทียบ การเปรียบเทยี บ การเปรียบเทยี บ อธบิ ายเหตผุ ลใน ตัดสนิ ใจเลอื กชนดิ ตัดสนิ ใจเลอื กชนิด ตัดสินใจเลอื กชนิด การตดั สนิ ใจ พืชทจ่ี ะปลกู ขาด พชื ทจี่ ะปลกู พชื ท่ีจะปลกู เลอื กชนดิ พชื ท่ี การให้เหตุผลท่ี จะปลกู ได้อย่าง เหมาะสมบางสว่ น เป็นเหตเุ ป็นผล จากข้อมลู
ประเดน็ การประเมิน 4 ระดับคะแนน 1 32 การกาํ หนด นําข้อมลู จาก นําข้อมูลจาก นาํ ข้อมูลจาก นาํ ขอ้ มลู จาก ขอบเขตของปัญหา การวเิ คราะหม์ า การวิเคราะหม์ า ใหม่โดยใชข้ อ้ มลู การวเิ คราะหม์ า การวเิ คราะหม์ า กําหนดขอบเขต กาํ หนดขอบเขต จากการวเิ คราะห์ ของปัญหาใหม่ ของปัญหาใหม่ กําหนดขอบเขต กาํ หนดขอบเขต ทีส่ อดคล้องกับ ซ่งึ เปล่ียนแปลง การแกป้ ญั หา จากเดมิ เพียง ของปัญหาใหม่ ของปญั หาใหม่ได้ แต่ขาดความ เลก็ นอ้ ยหรอื เหมาะสม ยังไม่เหมาะสม ได้อย่าง อยา่ งเหมาะสม บางส่วนและ อธิบายเหตุผลได้ เหมาะสมและ แต่การอธิบาย เพยี งเล็กนอ้ ย อธิบายเหตุผล เหตผุ ลขาดความ ไดอ้ ยา่ งถูกต้อง สมเหตสุ มผล ชัดเจนและ บางสว่ น เป็นเหตเุ ปน็ ผล การรวบรวมขอ้ มลู กาํ หนดประเด็น กาํ หนดประเด็น กาํ หนดประเด็น กําหนดประเด็น ท่จี าํ เปน็ ตอ่ การวาง สืบค้นและ สืบค้นและ สบื ค้นและ สืบค้นและ ระบบน้ำ รวบรวมข้อมลู ท่ี รวบรวมขอ้ มูลท่ี รวบรวมขอ้ มูลที่ รวบรวมขอ้ มลู ที่ เกยี่ วขอ้ งกับ เก่ียวข้องกับ เก่ยี วข้องกับ เก่ียวข้องกับ การวางระบบ การวางระบบน้ำ การวางระบบนำ้ การวางระบบน้ำ นำ้ ดว้ ยวธิ ีการท่ี จากแหล่งข้อมลู ท่ี จากแหล่งขอ้ มลู ท่ี แตแ่ หลง่ ข้อมลู ท่ี หลากหลายจาก นา่ เชือ่ ถอื นา่ เชอื่ ถือ สบื คน้ ไม่ แหลง่ ข้อมลู ที่ ไดข้ อ้ มลู ท่ถี ูกตอ้ ง ไดข้ อ้ มูลท่ถี กู ตอ้ ง น่าเชอื่ ถอื นา่ เชื่อถือได้ เพียงพอต่อ แตไ่ มเ่ พยี งพอตอ่ ไดข้ ้อมลู ขอ้ มูลท่ถี กู ต้อง การแก้ปัญหา การแกป้ ญั หา ท่ีไมถ่ ูกตอ้ งไม่ เพยี งพอต่อ สอดคล้องกบั การแกป้ ญั หา ปัญหา
ประเด็นการประเมนิ 4 ระดบั คะแนน 1 32 การออกแบบ พัฒนาแนวคิด พฒั นาแนวคดิ ใน พฒั นาแนวคิดใน พัฒนาแนวคดิ ใน การวางระบบน้ำ การวางระบบนำ้ ในโรงเรอื นและ ในการวาง การวางระบบนำ้ การวางระบบน้ำ ในโรงเรอื นได้ 1 อธบิ ายเหตุผลใน แนวคิดโดยมี การตัดสินใจเลอื ก ระบบนำ้ ในโรงเรอื นได้ ในโรงเรือนได้ 1 รายละเอยี ดของ ชนดิ และจาํ นวน ชนิดและจํานวน อุปกรณ์ท่ตี ้องการ ในโรงเรอื น 2-3 แนวคิด แนวคดิ โดยมี อปุ กรณ์ท่ีจาํ เป็น ตอ่ การแกป้ ญั หา ไดอ้ ย่าง โดยมรี ายละเอยี ด รายละเอยี ดของ ไมช่ ัดเจนหรอื ไมม่ ี หลากหลาย ของชนิดและ ชนดิ และจาํ นวน มคี วามเป็นไป จํานวนอปุ กรณ์ อปุ กรณ์ทจี่ าํ เปน็ ได้ในการนาํ ท่จี าํ เป็นต่อการ ตอ่ การแก้ปญั หา ไปใช้แกป้ ัญหา แก้ปัญหาอยา่ ง อยา่ งชดั เจน โดยมี ชัดเจนและเลอื ก รายละเอยี ด แนวคดิ ในการ ของชนดิ และ แกป้ ัญหาได้ จํานวนอปุ กรณ์ สอดคลอ้ งกับผูใ้ ช้ ที่จําเปน็ ต่อการ ผู้ท่ีเกี่ยวข้องและ แก้ปัญหาอย่าง ขอบเขต ชดั เจนและ ของปัญหาโดย เลือกแนวคิดใน อธิบายเหตุผลใน แก้ปญั หาได้ การตัดสินใจ สอดคลอ้ งกับ ผ้ใู ช้ ผทู้ ่เี กี่ยวขอ้ ง และขอบเขต ของปญั หา
ประเดน็ การประเมนิ 4 ระดับคะแนน 1 32 การเขียนภาพรา่ ง เขียนภาพรา่ ง เขียนภาพร่าง เขยี นภาพรา่ ง เขยี นภาพร่าง หรือแผนภาพแสดง หรอื แผนภาพ หรือแผนภาพ หรอื แผนภาพ หรอื แผนภาพ รายละเอยี ดของ แสดง แสดงรายละเอียด แสดงรายละเอยี ด แสดงระบบน้ำ ระบบนำ้ สําหรบั รายละเอยี ด ของระบบน้ำ ของระบบน้ำ สาํ หรบั โรงเรอื น โรงเรือน ของระบบนำ้ สาํ หรบั โรงเรอื น สําหรับโรงเรอื น ไดไ้ มล่ ะเอยี ดขาด สําหรับโรงเรอื น ไดส้ ามารถ ได้แตย่ ังขาด ขอ้ มูลเปน็ ไดอ้ ย่างละเอียด สอ่ื สารใหผ้ ู้อน่ื ข้อมูลบางส่วน ส่วนใหญแ่ ละ แสดงขอ้ มูล เข้าใจตรงกนั และไมส่ ามารถ ไม่สามารถสอื่ สาร ครบถว้ น สื่อสารให้ผู้อืน่ ให้ผู้อน่ื เข้าใจ สามารถสอื่ สาร เข้าใจตรงกัน ตรงกัน ให้ผู้อ่ืนเขา้ ใจ ตรงกนั
เกณฑ์การประเมนิ (กจิ กรรม 1.3 ความรู้กบั การออกแบบสนามเด็กเลน่ ) ประเดน็ การประเมิน 4 ระดบั คะแนน 1 32 การระบสุ าเหตุ ระบุสาเหตุหรอื ระบุสาเหตุหรอื ระบุสาเหตหุ รอื ระบสุ าเหตหุ รอื สาระสําคญั และ สาระสาํ คัญของ สาระสาํ คัญของ สาระสาํ คญั ของ สาระสําคญั ของ กาํ หนดขอบเขต การสรา้ งสนาม การสร้างสนาม การสร้างสนาม การสรา้ งสนาม ของการออกแบบ เดก็ เล่นโดย เดก็ เลน่ โดย เดก็ เลน่ โดยคํานึง เดก็ เล่นโดยไม่ได้ สนามเด็กเล่น คํานึงผ้ใู ชแ้ ละผู้ คํานงึ ผ้ใู ช้ ผใู้ ชห้ รือผทู้ ่ี นําข้อมลู ที่เกย่ี วขอ้ งได้ และผทู้ เ่ี ก่ยี วขอ้ ง เกยี่ วขอ้ งบางส่วน ทร่ี วบรวมมา อย่างชัดเจน ไดโ้ ดยใชข้ อ้ มลู ท่ี โดยใช้ขอ้ มูลท่ี ประกอบการ สอดคล้องกับ รวบรวมมา รวบรวมมา พจิ ารณาและ ข้อมูลทร่ี วบรวม ประกอบการ ประกอบการ กําหนดขอบเขต มาเพือ่ ใช้ กาํ หนดขอบเขต กาํ หนดขอบเขต การออกแบบ กาํ หนดขอบเขต ของการออกแบบ ของการออกแบบ สนามเด็กเลน่ ได้ ของ สนามเดก็ เลน่ ได้ สนามเดก็ เล่น ไมถ่ กู ต้อง การออกแบบ อยา่ งชดั เจน แต่ขาดความ สนามเดก็ เลน่ สมบูรณ์ โดยคาํ นึงความ ตอ้ งการข้อจํา กัดหรอื เงอ่ื นไข ตา่ งๆได้อย่าง ถูกต้องและ ชัดเจน
ประเดน็ การประเมนิ 4 ระดับคะแนน 1 32 การวิเคราะห์และ วเิ คราะห์ผใู้ ช้ วิเคราะหผ์ ใู้ ช้ วิเคราะหผ์ ใู้ ช้ ระบุผู้ใชห้ รอื ผทู้ ่ี ทําความเขา้ ใจ ผู้ทเ่ี กย่ี วขอ้ งกับ ผทู้ ีเ่ กยี่ วขอ้ งกบั ผู้ทเ่ี ก่ยี วขอ้ งกับ เกีย่ วขอ้ งกบั เกยี่ วกบั ผู้ใช้และผู้ที่ การสรา้ งสนาม การสร้างสนาม การสรา้ งสนาม การสรา้ งสนาม เกีย่ วขอ้ ง เดก็ เล่นได้ เดก็ เลน่ ได้ เดก็ เลน่ ได้ เดก็ เลน่ ได้ ครบถ้วน ครบถว้ นรวบรวม ครบถว้ น แตไ่ มค่ รบถ้วน รวบรวมขอ้ มูล ข้อมูลพ้นื ฐานและ แต่รวบรวมข้อมูล พืน้ ฐาน ความตอ้ งการของ พนื้ ฐานที่ ขอ้ จาํ กดั และ บคุ คลซง่ึ จาํ เกย่ี วขอ้ งกับ ความตอ้ งการ เป็นต่อการ บุคคลดงั กลา่ วได้ ของบุคคลที่จาํ ออกแบบสนาม ไมค่ รบถ้วน เปน็ ต่อการ เดก็ เล่นได้ แกป้ ัญหาได้ ครบถ้วน หลากหลาก ครบถว้ น พอเพียงตอ่ การนาํ ไปพัฒนา แนวคิดในการ ออกแบบสนาม เด็กเล่น
ประเดน็ การประเมนิ 4 ระดบั คะแนน 1 32 การรวบรวมขอ้ มูล สืบคน้ และ สืบค้นและ สืบค้นและ สืบค้นและ ทีจ่ าํ เปน็ ตอ่ การ แกป้ ญั หา รวบรวมขอ้ มูล รวบรวมข้อมลู รวบรวมขอ้ มูล รวบรวมขอ้ มูล ความรู้ ความร้ทู ่ีเก่ยี วข้อง ความรทู้ เี่ กีย่ วขอ้ ง ความรูท้ ี่เก่ียวข้อง ท่ีเก่ยี วขอ้ งกับ กับการออกแบบ กับการออกแบบ กับการออกแบบ การออกแบบ สนามเด็กเล่นจาก สนามเดก็ เล่น สนามเด็กเลน่ สนามเดก็ เล่น แหล่งข้อมลู ที่ จากแหล่งขอ้ มลู ท่ี แต่แหล่งข้อมลู ที่ ดว้ ยวธิ กี ารที่ น่าเช่อื ถอื น่าเช่ือถือได้ สืบค้น หลากหลายจาก ไดข้ ้อมูลท่ถี กู ตอ้ ง ข้อมูลทถ่ี กู ตอ้ ง ไมน่ า่ เช่ือถือได้ แหล่งข้อมลู ท่ี เพียงพอต่อการ แตไ่ มเ่ พยี งพอ ข้อมลู ที่ไมถ่ กู ตอ้ ง นา่ เชอ่ื ถอื แกป้ ญั หา ต่อการแก้ปัญหา ไมส่ อดคล้อง ได้ข้อมูลที่ กบั ปัญหา ถกู ตอ้ งเพยี งพอ ตอ่ การ แก้ปัญหา
ประเด็นการประเมนิ 4 ระดบั คะแนน 1 32 ประเมินและ การประเมนิ และ ประเมินและ ประเมนิ และ ประเมนิ และ ตัดสนิ ใจเลอื ก ตัดสินใจเลอื ก ตัดสนิ ใจเลอื ก ขอ้ มูล ความรู้ไม่ ข้อมูลความรู้ทจ่ี าํ ตดั สินใจเลือก ตัดสนิ ใจเลอื ก ข้อมลู ความรู้ได้ สอดคลอ้ งกบั เปน็ ต่อ สอดคล้องกับ การออกแบบ การออกแบบ ขอ้ มูล ความรู้ ขอ้ มลู ได้ การออกแบบ สนามเด็กเล่น สนามเด็กเล่น สนามเด็กเล่น ไดส้ อดคลอ้ งกับ สอดคล้องกับ การออกแบบ การออกแบบ สนามเดก็ เลน่ สนามเดก็ เล่น อยา่ งเปน็ ระบบ อยา่ งเปน็ ระบบ ได้ข้อมูลถกู ต้อง ไดข้ อ้ มูลถูกต้อง และสามารถ และสามารถ กําหนดขอ้ มลู กําหนดข้อมูลที่ ความรทู้ ่ี ต้องการสืบค้น ตอ้ งการสบื ค้น เพ่มิ เตมิ ได้ เพ่ิมเตมิ ได้ โดยรวบรวม ขอ้ มูลท่จี าํ เปน็ ตอ่ การก้ปญั หา ไดค้ รบถว้ น
ประเดน็ การประเมิน 4 ระดับคะแนน 1 32 การพจิ ารณา พฒั นาแนวคดิ พัฒนาแนวคดิ ใน พฒั นาแนวคิดใน พัฒนาแนวคดิ ใน องคป์ ระกอบทีจ่ ํา ในการออกแบบ การออกแบบ การออกแบบ การออกแบบ เป็นและการพัฒนา สนามเด็กเล่นได้ สนามเด็กเลน่ สนามเดก็ เลน่ สนามเดก็ เลน่ แนวคิดในการ อย่างหลาก ได้ 2-3 แนวคดิ ได้ 1 แนวคดิ โดย ได้ 1 แนวคิดโดย ออกแบบสนาม หลากมีความ โดยมีรายละเอียด มรี ายละเอยี ดของ ไมม่ รี ายละเอียด เดก็ เล่น เปน็ ไปได้ใน ขององค์ประกอบ องค์ประกอบท่ี ขององค์ประกอบ การนาํ ไปใช้ ทีจ่ ําเป็นตอ่ จําเปน็ ตอ่ การ ทจ่ี าํ เปน็ ตอ่ การ แก้ปัญหาโดยมี การแกป้ ัญหา แก้ปญั หาอย่าง แก้ปัญหาอย่าง รายละเอียด อยา่ งชัดเจนและ ชัดเจน ชัดเจน ของ เลอื กแนวคดิ ใน องค์ประกอบท่ี การแก้ปญั หาได้ จําเปน็ ตอ่ การ สอดคล้องกับผู้ใช้ แก้ปัญหาอยา่ ง ผู้ท่ีเก่ียวข้องและ ชัดเจนและ ขอบเขต เลือกแนวคิดใน ของปญั หา แก้ปัญหาได้ สอดคล้องกบั ผูใ้ ช้ ผู้ที่เกี่ยวข้อง และขอบเขต ของปัญหา
ประเดน็ การประเมนิ 4 ระดับคะแนน 1 32 การเขียนภาพรา่ ง เขียนภาพรา่ ง เขียนภาพรา่ ง เขยี นภาพรา่ ง เขียนภาพร่าง หรอื แผนภาพแสดง หรอื แผนภาพ หรือแผนภาพ หรือแผนภาพ หรือแผนภาพของ รายละเอยี ดของ แสดง แสดงรายละเอียด แสดงรายละเอียด แนวคดิ ใน แนวคดิ ใน รายละเอียด ของแนวคิดใน ของแนวคดิ ใน การออกแบบ การออกแบบ ของแนวคิดใน การออกแบบ การออกแบบ สนามเด็กเล่น สนามเดก็ เลน่ การออกแบบ สนามเด็กเล่นได้ สนามเดก็ เลน่ ไมล่ ะเอียด สนามเดก็ เล่นได้ สามารถสอ่ื สารให้ แตย่ ังขาดข้อมลู ขาดข้อมลู เป็น อย่างละเอียด ผู้อนื่ เข้าใจตรงกัน บางสว่ นและไม่ สว่ นใหญ่และ แสดงขอ้ มูล สามารถส่อื สารให้ ไม่สามารถสอื่ สาร ครบถว้ น ผู้อน่ื เขา้ ใจตรงกัน ใหผ้ ู้อนื่ เขา้ ใจ สามารถสื่อสาร ตรงกัน ใหผ้ ู้อ่นื เขา้ ใจ ตรงกัน เกณฑ์การตัดสินระดบั คุณภาพ คะแนน 31-40 คะแนนหมายถึง ระดบั คุณภาพ ดมี าก คะแนน 21-30 คะแนนหมายถึง ระดับคุณภาพ ดี คะแนน 11-20 คะแนนหมายถงึ ระดับคุณภาพ พอใช้ คะแนน 1-10 คะแนนหมายถึง ระดับคุณภาพ ปรับปรงุ หมายเหตุ เกณฑ์การวดั และประเมินผลสามารถปรับเปล่ียนไดต้ ามความเหมาะสม 10. สอ่ื และแหล่งขอ้ มลู 10.1 เว็บไซต์ของสาํ นักงานนวัตกรรมแหง่ ชาติ https://www.nia.or.th/ 10.2 เว็บไซต์ของ TCDC (Thailand Creative & Design Center) https://web.tcdc.or.th/th/Home/ 10.3 เว็บไซตข์ อง Design Council https://www.designcouncil.org.uk/ 10.4 เว็บไซต์ของที่เก่ยี วขอ้ งกับ design thinking ของ IDEO https://designthinking.ideo.com/
11. ขอ้ เสนอแนะ ในการวัดและประเมินผล จุดประสงค์การเรียนรู้ การวิเคราะห์สถานการณ์หรือความต้องการท่ี คํานึงถึงผู้ใช้ด้วยการคิดเชิงออกแบบและความรู้จากศาสตร์ต่าง ๆ ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาด้วยการคิดเชิง ออกแบบ ซึ่งประกอบด้วย 3 กระบวนการย่อย (การระบุและตีความปัญหา การพัฒนาแนวคิด และการสร้าง แนวทางการแก้ปัญหา) ผู้สอนสามารถวัดและประเมินผลการแก้ปัญหาด้วยการคิดเชิงออกแบบ โดยใช้กิจกรรมที่แนะนํา ไว้ในหนังสือเรียนตามความเหมาะสม เช่น วัดและประเมินกระบวนการย่อยของการ คิดเชิงออกแบบในเรื่องการพัฒนาแนวคิดจากกิจกรรม 1.1 ช่วยคุณสมาร์ทหาจุดคุ้มทุนการ วัดกระบวนการยอ่ ยของการคิดเชิงออกแบบในเร่ืองการสร้างแนวทางการแก้ปญั หาจากกจิ กรรม 1.2 ช่วยคุณสมาร์ทวางระบบน้ำ หรือจะวัดและประเมินผลการแก้ปัญหาด้วยการคิดเชิงออกแบบทั้งกระบวนการ ด้วยกิจกรรม 1.3 ความรู้กับการออกแบบสนามเด็กเล่น หรือกิจกรรมท้ายบท โดยเลือกเพียงกิจกรรมใด กิจกรรมหน่ึง
แผนการจัดการเรียนรู้ กลมุ่ สาระการเรียนร้วู ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี สาระท่ี 4 เทคโนโลยี รายวชิ า เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 2 เรื่อง โครงงานกับการแกป้ ัญหา ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ี่ 5 แผนการจัดการเรยี นรูท้ ี่ 2 เรอื่ ง โครงงานกับการแกป้ ัญหา เวลาเรียน 20 ชว่ั โมง ________________________________________________________________________________ 1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชวี้ ัด มาตรฐาน ว 4.2 เข้าใจและใช้แนวคิดเชิงคำนวณในการแก้ปัญหาที่พบในชีวิตจริงอย่างเป็นขั้นตอนและเป็นระบบ ใช้ เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในการเรยี นรู้ การทำงาน และการแกป้ ัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ รู้เท่า ทนั และมจี รยิ ธรรม ตวั ชวี้ ัด ประยุกต์ใช้ความรู้และทักษะจากศาสตร์ต่าง ๆ รวมทั้งทรัพยากรในการทํา โครงงานเพื่อแก้ปัญหา หรอื พัฒนางาน 2. สาระการเรยี นรู้ 1) การทําโครงงาน เป็นการประยุกต์ใช้ความรู้ และทักษะจากศาสตร์ต่างๆ รวมทั้งทรัพยากร ในการสรา้ งหรือพัฒนาช้นิ งานหรือวธิ ีการ เพอื่ แกป้ ัญหาหรืออํานวยความสะดวกในการทํางาน 2) การทําโครงงานการออกแบบและเทคโนโลยี สามารถดําเนินการได้ โดยเริ่มจากการสํารวจ สถานการณ์ปัญหาที่สนใจ เพื่อกําหนดหัวข้อโครงงาน แล้วรวบรวมข้อมูลและแนวคิดที่เกี่ยวข้องกับปัญหา ออกแบบแนวทางการแก้ปัญหา วางแผน และดําเนินการแก้ปัญหา ทดสอบ ประเมินผล ปรับปรุงแก้ไขวิธีการ แกป้ ญั หาหรอื ช้ินงาน และนาํ เสนอวิธกี ารแกป้ ญั หา 3. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ พฒั นาโครงงานเพือ่ แกป้ ัญหาดว้ ยกระบวนการออกแบบเชงิ วิศวกรรม
4. ทกั ษะและกระบวนการ 3.1 กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม 3.2 ทกั ษะการคดิ อยา่ งมีวจิ ารญาณ 3.3 ทกั ษะการคดิ วเิ คราะห์ 3.4 ทกั ษะการคิดสรา้ งสรรค์ 3.5 ทกั ษะการส่อื สาร 3.6 ทกั ษะการทาํ งานร่วมกับผูอ้ ่ืน 5. ความรเู้ ดิมทน่ี กั เรียนต้องมี ผู้เรียนควรมีความรู้ที่เกี่ยวข้องกับการแก้ปัญหา เช่น ความรู้ พื้นฐานที่ประกอบด้วยความรู้ ทางคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี มนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ และความรู้และทักษะใน การปฏิบัติงาน รวมทั้งการวิเคราะห์ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์และการแก้ปัญหาด้วยการคิดเชิง ออกแบบหรือกระบวนการออกแบบเชงิ วิศวกรรมโดยคาํ นึงถึงผ้ทู ่เี ก่ียวขอ้ งกบั ปัญหา ความรู้และแนวคิดเหล่านี้ สามารถนํามาใช้พฒั นาโครงงาน 6. สาระสาํ คัญ โครงงาน เป็นการศึกษาที่เปิดโอกาสให้นักเรียนศึกษาค้นคว้าหาความรู้และลงมือปฏิบัติด้วยตนเองใน เรื่องใดเรื่องหนึ่งที่ต้องการรู้คํา ตอบให้ลึกซึ้ง โดยใช้กระบวนการหรือวิธีการที่มีระบบ ภายใต้การดูแลและให้ คําปรึกษาของครูหรือผู้เชี่ยวชาญตั้งแต่การเลือกหัวข้อเรื่องที่จะทําโครงงาน การกําหนดขอบเขตการวางแผน ดาํ เนินงานและขน้ั ตอน และลงมือปฏิบตั ติ ามแผนทวี่ างไว้ จนไดข้ อ้ สรปุ ทเี่ ป็นคาํ ตอบในเรอ่ื งนั้นๆ การทําโครงงานเพื่อแก้ปัญหาด้วยกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรมมีจุดเน้นในด้านขอ งการนํา แนวคิด หลักการหรือทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และความรู้จากศาสตร์อื่นๆ มาบูรณาการเพื่อ พัฒนาสิ่งของเครื่องใช้หรือวิธีการเพื่อการแก้ปัญหาหรือสนองความต้องการของมนุษย์ ผ่านกระบวนการ ออกแบบเชิงวิศวกรรม โดยสํารวจสถานการณ์ปัญหาที่สนใจ เพื่อกําหนดปัญหาหรือความต้องการเป็นหัวข้อ โครงงาน แล้วรวบรวมข้อมูลและแนวคิดที่เกี่ยวข้องกับปัญหา ออกแบบแนวทางการแก้ปัญหา ที่มีการวาง แผนการทาํ งานอยา่ งเป็นขั้นตอนเพื่อแกป้ ญั หา ทดสอบ ประเมนิ ผล ปรบั ปรงุ แกไ้ ขวิธกี ารแกป้ ญั หาหรือชนิ้ งาน และนาํ เสนอวิธีการแกป้ ัญหา
7. ส่ือและอปุ กรณ์ เรอื่ ง เวลา(นาที) 7.1 ใบกจิ กรรม การวเิ คราะห์โครงงาน 120 ใบกจิ กรรมที่ การตดั สินใจเลอื กปญั หา กิจกรรม 2.1 จากสถานการณท์ สี่ นใจ 120 เพอื่ พฒั นาโครงงาน กิจกรรม 2.2 กาํ หนดกรอบแนวคิดและขอบเขตของ 120 ปัญหาในการทาํ โครงงาน กิจกรรม 2.3 การรวบรวมข้อมลู 120 ทเ่ี กี่ยวขอ้ งกบั โครงงาน 120 กจิ กรรม 2.4 การออกแบบวธิ ีการแก้ปญั หา 240 กจิ กรรม 2.5 การวางแผนและดาํ เนนิ การแกป้ ญั หา กิจกรรม 2.6 การทดสอบ ประเมินผล 120 และปรบั ปรงุ แก้ไขวธิ ีการ กจิ กรรม 2.7 แก้ปัญหาหรือชิน้ งาน 120 การนําเสนอโครงงาน 120 กิจกรรม 2.8 (วเิ คราะห์และนําเสนอผลงาน กจิ กรรมทา้ ยบท ของนักเรยี น) 7.2 อน่ื ๆ 1) ตวั อยา่ งโครงงานวทิ ยาศาสตร์ โครงงานการออกแบบและเทคโนโลยี โครงงานสะเต็มศกึ ษา เช่น โครงงานทสี่ บื ค้นจากเว็บไซต์ https://www.scimath.org/project 2) เว็บไซตท์ เ่ี กย่ี วข้องกับนวัตกรรม ชนิ้ งาน เช่น สาํ นักงานนวตั กรรมแห่งชาติ (http://www.nia.or.th/) 3) เวบ็ ไซตก์ ฎหมายทเ่ี ก่ยี วข้องกบั เทคโนโลยีสารสนเทศ หรอื นวตั กรรมดิจทิ ัลเทคโนโลยี เชน่ กระทรวงดิจทิ ัลเพอ่ื เศรษฐกิจและสงั คม(http://www.mdes.go.th/view/1/home) 4) สื่ออเิ ลก็ ทรอนกิ ส์อนื่ ๆ เช่น ภาพมัลตมิ เี ดีย วดี ทิ ัศน์ เวบ็ บล็อก 8. แนวทางการจัดการเรียนรู้
1) ผสู้ อนนาํ เขา้ สบู่ ทเรียนโดยใชค้ าํ ถามในกจิ กรรม 2.1 การวิเคราะห์โครงงาน และอภปิ รายร่วมกบั ผ้เู รียนเกีย่ วกบั โครงงาน ทีผ่ เู้ รยี นเคยปฏบิ ัติในชน้ั เรยี นท่ผี ่านมาหรือเคยศกึ ษา และใหผ้ ู้เรยี นชว่ ยกันวเิ คราะห์ โครงงานนั้นโดยใชป้ ระเดน็ คําถาม เช่น 1. โครงงานมีเป้าหมายในการศึกษาหรอื แก้ปญั หาอะไร 2. โครงงานนัน้ มีวธิ ีการดาํ เนินการอยา่ งไร 3. ผลการดาํ เนินงานของโครงงานเป็นอย่างไร ขณะที่ผูเ้ รยี นทํากจิ กรรม 2.1 ให้ศึกษาเน้อื หา หวั ขอ้ 2.1 การแกป้ ัญหาดว้ ยการทาํ โครงงาน ประกอบการทาํ กิจกรรม จากน้ันผู้สอนใชต้ ัวอยา่ งโครงงานทผี่ ้เู รียนนาํ เสนอประกอบการอภิปรายและ วเิ คราะหโ์ ครงงาน โดยให้พจิ ารณารายละเอยี ดของโครงงานตามประเด็นคํา ถามที่กําหนดไว้ ซึ่งอาจนํา เสนอ ผลการวิเคราะหโ์ ครงงานในรูปแบบตาราง โดยโครงงานทผ่ี ้เู รยี นยกตวั อย่างอาจมลี ักษณะในการศึกษาที่แตกต่างกนั วิธีการทําโครงงานลกั ษณะการทดลอง กาํ หนดปัญหา กําหนดตวั แปร ตงั้ สมมติฐาน (คาดการณ์ ผลทีเ่ กิดข้ึน) ออกแบบการทดลอง ดําเนินการทดลอง รวบรวมขอ้ มูล แปลผล และสรปุ ผลการศึกษา วธิ กี ารทาํ โครงงานลักษณะสํารวจ กาํ หนดประเดน็ ท่ีตอ้ งการสํารวจ วางแผนออกแบบ การสํารวจเลือกวธิ ีการดาํ เนินการ สรปุ ผลและอภปิ รายผลจากการสํารวจ วธิ ีการทาํ โครงงานลกั ษณะส่งิ ประดษิ ฐ์ กาํ หนดความตอ้ งการสงิ่ ประดษิ ฐ์ วางแผนออกแบบ ส่งิ ประดษิ ฐ์ เลอื กวัสดุ ลงมอื ประดิษฐต์ ามที่ไดอ้ อกแบบไว้ ทดสอบประสิทธิภาพของสิง่ ประดษิ ฐ์ สาํ รวจ ความพึงพอใจต่อการใชส้ ิง่ ประดิษฐ์ และสรุปผลการศกึ ษา (ผสู้ อนสามารถสืบค้นโครงงานทีน่ ่าสนใจได้จาก https://www.scimath.org/project) 2) ตัวแทนแตล่ ะกลุ่มนาํ เสนอผลการวิเคราะหโ์ ครงงานตามตาราง และอภปิ รายประเดน็ เก่ียวกบั จดุ เดน่ จดุ ดอ้ ย และขอ้ เสนอแนะเพ่อื การพฒั นาโครงงานตอ่ ไป 3) ผ้เู รยี นรว่ มกนั อภิปรายหลกั การและประโยชน์ของการทําโครงงาน เพ่ือให้ได้ข้อสรปุ วา่ การทําโครงงานเกิดจากปญั หาหรือความต้องการทีผ่ เู้ รียนสนใจ โดยมีการศกึ ษาคน้ คว้าข้อมลู และวางแผนการ ดําเนนิ การอย่างเป็นระบบ การทาํ โครงงานเป็นกระบวนการหนึ่งทผ่ี เู้ รยี นสามารถนํามาใชแ้ กป้ ัญหาศกึ ษา คน้ ควา้ ในเรื่องทต่ี ้องการรู้อย่างลกึ ซ้ึง และลงมือปฏบิ ัติด้วยตนเอง นอกจากน้ีกจิ กรรมการวิเคราะหโ์ ครงงานทาํ ให้ทราบถงึ แนวทางการทําโครงงานในลกั ษณะต่างๆ ชว่ ยใหส้ ามารถตรวจสอบ ความสอดคล้องของแต่ละ ข้ันตอน และตดิ ตามความสําเร็จของโครงงานได้ เพ่อื ใหไ้ ดผ้ ลลัพธ์ท่มี คี ณุ ค่าและน่าเชื่อถือ 4) ผู้สอนนําเข้าสู่บทเรียน หัวข้อ 2.2 การพัฒนาโครงงานโดยใช้กระบวนการออกแบบเชิง วิศวกรรม โดยใช้คําถามชวนคิด “นักเรียนเคยทํา โครงงานที่ใช้กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรมในการ ทํางานหรือไม่ นกั เรียนคดิ วา่ โครงงานดงั กล่าวควรมลี ักษณะอย่างไร” ให้ผูเ้ รียนศึกษาเนื้อหาหวั ขอ้ 2.2 จากนัน้ ผู้เรียนและผู้สอนร่วมกันอภิปรายจนได้ข้อสรุปเกี่ยวกับลักษณะของโครงงานที่ใช้กระบวนการออกแบบเชิ ง วศิ วกรรมในการแก้ปญั หา
5) ให้ผู้เรียนศึกษารูปที่ 2.2 แสดงขั้นตอนของกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรมซึ่งสัมพันธ์กับระยะ การดําเนนิ งานของโครงงาน โดยพิจารณาข้ันตอนแตล่ ะระยะของการทําโครงงาน และร่วมกันสรปุ ขั้นตอนการ ทําโครงงานโดยใชก้ ระบวนการออกแบบเชงิ วศิ วกรรม ดังนี้ 6) ผู้สอนนําเข้าสู่การทําโครงงาน ในหัวข้อ 2.2.1 ระยะเริ่มต้นโครงงาน โดยให้ผู้เรียนช่วยกัน ยกตัวอย่างสถานการณ์ปัญหาที่น่าสนใจในปัจจุบัน โดยผู้สอนแนะนํา ผู้เรียนว่าสถานการณ์ปัญหาที่จะพัฒนา เป็นหัวข้อโครงงานอาจได้จากการสํารวจสถานการณ์ในสถานที่ต่างๆ เช่น โรงเรียน บ้าน หรือชุมชน หรือ สถานการณ์ที่เก่ียวข้องกับผู้เรยี นเอง รวมทั้งอาจได้จากการสืบค้นจากแหล่งขอ้ มูลต่าง ๆ เช่น หนังสือ วารสาร บทความ ขา่ ว แหลง่ เรยี นร้อู อนไลน์ แหล่งเรียนรู้ท้องถ่ิน ตัวอย่างสถานการณป์ ญั หา • ตน้ ไม้ในสวนสาธารณะของชุมชนแห้งตายเปน็ จาํ นวนมาก • ถนนในชมุ ชนขา้ งโรงเรยี นมลี ักษณะมืดและเปลี่ยว • แหลง่ นำ้ ในชุมชนเนา่ เสียและมีกลิน่ เหม็น • ไมม่ ีใครรดนำ้ ต้นไม้ทีโ่ รงเรียนในช่วงวนั หยดุ • กอ๊ กนำ้ ถกู เปิดใหน้ ้ำไหลทิ้ง ผู้สอนและผู้เรียนร่วมกันอภิปรายถึงการเลือกสถานการณ์ที่เป็นปัญหา เพื่อพัฒนาเป็นหัวข้อโครงงาน อาจพิจารณาจากความน่าสนใจ ความสําคัญของสถานการณ์ที่เป็นปัญหา ผลกระทบที่เกิดขึ้นหากไม่แก้ไขดัง ตัวอย่างสถานการณ์ การที่พ่อค้าในตลาดไม่รับซื้อมะม่วงน้ำ ดอกไม้ที่ชาวสวนปลูก ทํา ให้ชาวสวนสูญเสีย รายได้เป็นเงินจํานวนมาก มะม่วงน้ำ ดอกไม้เป็นผลผลิตสําคัญของชุมชนและสร้างรายได้ให้ชุมชนมานานอีก ทั้งเป็นสินค้าส่งออกที่สามารถทํารายได้ให้แก่ประเทศไทยปีละหลายล้านบาท ดังนั้น หากสามารถแก้ปัญหา การไมร่ ับซอ้ื มะมว่ งนำ้ ดอกไมข้ องพอ่ คา้ ไดก้ ็จะชว่ ยแกป้ ญั หาของเกษตรกรรายอื่นๆ ด้วย 7) ผู้เรียนศึกษาเนื้อหา หัวข้อ 2.2.2 ระยะพัฒนาโครงงาน: ขั้นระบุปัญหา จากตัวอย่างสถานการณ์ ปัญหาในหนงั สือเรยี นเก่ียวกับพอ่ คา้ ในตลาดไมร่ บั ซอ้ื มะมว่ งน้ำ ดอกไม้ โดยผ้สู อนต้งั คําถามว่าจากสถานการณ์ ดังกล่าวจะสามารถระบุปญั หาท่ีเกย่ี วขอ้ งกบั สถานการณ์ และตดั สินเลือกปัญหาจากสถานการณไ์ ด้อยา่ งไร 8) ผ้สู อนนาํ อภปิ รายในการตดั สินใจเลือกปญั หา ควรใช้ความรูจ้ ากศาสตร์ต่างๆ และปจั จัยที่เกี่ยวข้อง เพื่อนํา มาวิเคราะห์ปัญหา ดังตัวอย่างการวิเคราะห์ปัญหาในหนังสือเรียน โดยพบว่าทั้ง 3 ปัญหาเกี่ยวข้องกับ การสุกของผลมะม่วงที่เกิดจากการกระตุ้นโดยเอทิลีนที่เกิดขึ้นในผลมะม่วงเอง และตัดสินใจเลือกปัญหาโดย พิจารณาจากความเกี่ยวข้องและผลกระทบของปัญหา เช่น จากสถานการณ์ตัดสินใจเลือกแก้ปัญหาที่ 1 คือ ผลมะม่วงน้ำดอกไม้ที่เก็บเกี่ยวมาเกิดการสุก จนเน่าเสียระหว่างเก็บรักษาและรอการขนส่ง โดยปัญหาที่ 1 เป็นปัญหาที่ก่อให้เกิดปัญหาที่ 2 และปัญหาที่ 3 ซึ่งหากแก้ปัญหาที่ 1 ได้ จะเป็นปัจจัยหนึ่งที่ช่วยลดการเกิด ปญั หาท่ี 2 และ 3 ไปดว้ ย
9) ผู้เรียนปฏิบตั กิ ิจกรรม 2.2 การตัดสินใจเลอื กปญั หาจากสถานการณ์ที่สนใจเพื่อพัฒนาโครงงาน โดยให้ผู้เรียนสํารวจสถานการณ์ที่สนใจใหม่ ระบุปัญหา และตัดสินใจเลือกปัญหาที่ผู้เรียนสนใจโดยพิจารณา ปัจจัยด้านตา่ ง ๆ ประกอบการตดั สินใจ เช่น ความสนใจ ผลกระทบของปญั หา ความเป็นไปได้ในการแก้ปัญหา ความพรอ้ มของทรพั ยากรหรอื เคร่ืองมอื ที่ใชใ้ นการแกป้ ัญหา 10) ผู้เรียนศึกษาตัวอย่างจากเนื้อหาในหนังสือที่เกี่ยวกับการกํา หนดขอบเขตของปัญหา เพื่อกําหนดแนวทางการแก้ปัญหาที่ตัดสินใจเลือกให้ชัดเจน โดยอาจนําเทคนิคการวิเคราะห์ต่างๆ มาช่วย เช่น เทคนิคการตั้งคําถาม 5W1H เทคนิคการวิเคราะห์ด้วยผังก้างปลา (fishbone diagram) โดย ผู้สอนนําอภิปรายเพื่อให้ได้ตัวอย่างแนวทางการสรุปกรอบแนวคิดและขอบเขตของปัญหาจากตัวอย่าง สถานการณ์ปัญหาในหนังสือเรียน คือ “ต้องการชะลอการสุกของผลมะม่วงที่เกิดจากแก๊สเอทิลีน ในช่วงเก็บ รกั ษาและขนส่งเป็นเวลาอยา่ งน้อย 25 วนั ” 11) ผู้เรียนปฏบิ ัตกิ จิ กรรม 2.3 กําหนดกรอบแนวคิดและขอบเขตของปัญหาในการทาํ โครงงาน ใน ประเด็นปัญหาที่สนใจจากกิจกรรม 2.2 นํามาวิเคราะห์ด้วยเทคนิคการวิเคราะห์ที่เหมาะสมและกําหนดกรอบ แนวคดิ และขอบเขตของปัญหาทีต่ นเองสนใจให้มคี วามชดั เจน 12) ผู้เรียนแต่ละกลุ่มนําเสนอข้อมูลผลการวิเคราะห์สถานการณ์ปัญหาที่สนใจและการตัดสินใจเลือก (กิจกรรม 2.2) และการกํา หนดกรอบแนวคิดและขอบเขตของปัญหา (กิจกรรม 2.3) เพื่อจะใช้เป็นประเด็น การพฒั นางานโครงงาน และเปิดโอกาสใหม้ กี ารอภิปรายซกั ถามเกีย่ วกบั ขอ้ มูลของแต่ละกลุ่มในชั้นเรียน 13) ผู้เรียนศึกษาเนื้อหาในหนังสือ หัวข้อขั้นการรวบรวมข้อมูลและแนวคิดที่เกี่ยวข้องกับปัญหา ของระยะพัฒนาโครงงาน และร่วมกันสรุปหลักการในการรวบรวมข้อมูลและแนวคิดที่เกี่ยวข้องกับปัญหาว่า “เป็นการรวบรวมขอ้ มลู และแนวคดิ ทางวิทยาศาสตร์ คณติ ศาสตร์ และเทคโนโลยี หรอื ศาสตร์อืน่ ๆ ทเ่ี กยี่ วข้อง กับแนวทางการแก้ปัญหาและประเมินความเป็นไปได้ ข้อดีและข้อจํากัด เพื่อตัดสินใจเลือกแนวทางการ แก้ปัญหาทเ่ี หมาะสม และนาํ ไปออกแบบวิธีการแกป้ ญั หา” 14) ผู้เรียนปฏิบัติกิจกรรม 2.4 การรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับโครงงาน และรวบรวมข้อมูลที่ เกยี่ วขอ้ งกับการทาํ โครงงาน ผสู้ อนให้ข้อเสนอแนะในการปฏิบตั ิกจิ กรรม ดงั นี้ • กาํ หนดประเด็นในการรวบรวมข้อมูลก่อน อาจใชก้ ารระดมสมองของสมาชิก โดยหัวขอ้ หรือประเดน็ ในการรวบรวมขอ้ มูลตอ้ งแสดงได้ชดั เจนว่า ต้องการรวบรวมหรอื ศึกษาในประเด็นใด เมื่อได้ประเด็น จงึ ไปดาํ เนนิ การสบื คน้ ขอ้ มูล • สืบคน้ ขอ้ มลู เกยี่ วกบั โครงงานหรอื งานวิจัยอ่ืนๆ ทเ่ี กย่ี วขอ้ ง โดยระบุแหลง่ ท่ีมาของข้อมูลตามรูปแบบ การเขียนอา้ งองิ • แนะนาํ แหล่งสบื ค้นขอ้ มูลเพม่ิ เตมิ ให้แก่นักเรยี น เช่น แหลง่ ข้อมูลออนไลน์ หอ้ งสมดุ โรงเรียน/ ห้องสมดุ ประจําจงั หวัด ภูมปิ ญั ญาทอ้ งถิ่น ผ้เู ชี่ยวชาญ การสงั เกตหรอื การสัมภาษณ์ผใู้ ช้งาน และ การศกึ ษาดงู านจากสถานท่จี รงิ
• วเิ คราะหค์ วามนา่ เช่อื ถอื ของแหลง่ ขอ้ มลู เช่น แหลง่ ข้อมลู ออนไลน์ ควรมที ่มี าจากผู้เขยี นหรอื หน่วยงานท่ีเปน็ ทรี่ จู้ ัก และได้รับการยอมรับ ขอ้ มูลทอ่ี า้ งองิ ไมค่ วรนานเกินกวา่ 10 ปี • จดบนั ทึกผลการรวบรวมขอ้ มลู ท้งั หมดไว้ โดยอาจบันทกึ ลง log book หรืออปุ กรณบ์ นั ทกึ ขอ้ มลู อน่ื ๆ พร้อมระบทุ มี่ าของข้อมลู 15) ผู้เรียนสรุปข้อมูลที่ได้จากการสืบค้นที่จําเป็นต่อการแก้ปัญหาโครงงาน ในรูปผังกราฟิก หรือแผนที่ ความคิดโดยผู้สอนอาจแนะนํา เพิ่มเติมว่าปัจจุบันมีโปรแกรมซอฟต์แวร์ช่วยในการสร้างผังกราฟิกได้ผู้เรียน สามารถใชโ้ ปรแกรมเหล่านช้ี ่วยในการสรุปขอ้ มลู ทร่ี วบรวมมาในรูปแบบที่นา่ สนใจได้ 16) ผู้เรียนศึกษาเนื้อหาในหนังสือเรียน หัวข้อ ขั้นการออกแบบวิธีการแก้ปัญหา โดยใช้สถานการณ์ ตัวอย่างจากหนังสือเรียน ประเด็น ต้องการชะลอการสุกของผลมะม่วงที่เกิดจากแก๊สเอทิลีนในช่วงเก็บรักษา และขนสง่ เป็นเวลาอย่างน้อย 25 วนั 17) ผเู้ รยี นและผูส้ อนร่วมกันอภิปรายหลักการข้ันออกแบบวธิ กี ารแกป้ ญั หา เพื่อให้ไดข้ ้อสรุปว่าในข้ันตอน นี้สามารถออกแบบการแก้ปัญหาไว้หลายแนวทางก่อน แล้ววิเคราะห์ปัจจัยที่เกี่ยวข้องเพื่อตัดสินใจเลือกแนว ทางการแก้ปัญหา โดยมีการประเมินความเป็นไปได้ในการทํางาน จากปัจจัยด้านต่างๆ ที่เกี่ยวข้องทั้งทางด้าน ทรพั ยากรทางเทคโนโลยี ความปลอดภัย การบํารุงรกั ษา ความสะดวกสบายในการใชง้ านผลกระทบ ข้ึนอยู่กับ ลักษณะของแนวทางการแก้ปัญหา อาจใช้ตารางช่วยประเมินเพื่อตัดสินใจเลือกโดยพิจารณาเลือกจากค่า ผลรวมของเงื่อนไขการตัดสินใจที่มีค่าคะแนนมากที่สุด ซึ่งแนวทางหรือวิธีการดังกล่าวมีความสอดคล้องและ ความเหมาะสมสาํ หรับใชแ้ ก้ปัญหาหรือสนองความต้องการมากท่สี ดุ
ตัวอย่างตารางการประเมนิ เพ่อื ตัดสนิ ใจเลอื กวิธีการแกป้ ัญหา เง่ือนไขการตดั สินใจ แนวทางการ วสั ดุและ งบประมาณ ความปลอดภยั การบาํ รงุ ความ การ การ ผลรวม แกป้ ญั หา วธิ ีการ รักษา สะดวกสบาย ป้องกัน ป้องกัน (คะแนน) สร้าง ในการใช้งาน แมลง บาดแผล มี = 1 ถกู = 1 ปลอดภยั = 1 ง่าย = 1 สะดวก = 1 มี = 1 มี = 1 ไมม่ ี = 0 แพง = 0 ไม่ปลอดภัย = 0 ยาก = 0 ไม่สะดวก = 0 ไมม่ ี = 0 ไม่มี = 0 แนวทาง 1 ผงถ่านกัมมันต์ 1 1 1 1 1 00 5 มาบรรจุในถงุ ผา้ แนวทาง 2 แทง่ ผงถา่ นกมั 1 1 1 1 1 00 5 มันตผ์ สม ตัวกลาง แนวทาง 3 กลอ่ งกระดาษ 1 1 1 1 1 11 7 ผสมผงถ่านกมั มันต์ 18) ผู้สอนแนะนําผู้เรียนหลังจากตัดสินใจเลือกแนวทางในการแก้ปัญหา ควรพัฒนาแนวทางการ แก้ปัญหาให้มีความชัดเจน รวมทั้งหลักการออกแบบเบื้องต้น และการถ่ายทอดแนวความคิดของวิธีการ แก้ปัญหาเพื่อให้นักเรียนสามารถสื่อสารให้ผูอ้ ื่นเข้าใจและมองเห็นภาพชัดเจนขึ้นโดยใช้ภาพรา่ งหรือวิธีการอนื่ ที่เหมาะสม เชน่ ภาพ 2 มติ ิ 3 มิติ ภาพฉาย ผงั งาน แผนภาพ และการใชซ้ อฟตแ์ วรช์ ่วยในการออกแบบดังเช่น ตัวอยา่ งการออกแบบและพฒั นาบรรจภุ ณั ฑ์เพือ่ เกบ็ รักษามะมว่ ง ในหนังสอื เรียน 19) ผู้เรียนปฏิบัติกิจกรรม 2.5 การออกแบบวิธีการแก้ปัญหา โดยสร้างทางเลือกแนวทางแก้ปัญหาจาก ปัญหาที่เลือกในกิจกรรม 2.2 และ 2.3 และอาศัยข้อมูลที่ได้จากการรวบรวมในกิจกรรม 2.4 เป็นแนวทางใน การออกแบบวธิ กี ารแก้ปัญหา แล้วตดั สินเลือกแนวทางที่เหมาะสม 20) ผู้เรียนจัดทําเค้าโครงโครงงาน โดยอาศัยความรู้และข้อมูลจากการศึกษาและทํากิจกรรมที่ 2.2-2.5 ประกอบการเขียนเค้าโครงโครงงาน โดยศึกษาหัวข้อการเขียนจากหนังสือเรียน และผู้สอนอธิบายเพิ่มเติมใน แต่ละหวั ขอ้ ดงั น้ี
การเขียนเค้าโครงโครงงาน • ชอื่ โครงงาน ช่อื โครงงานควรเปน็ ขอ้ ความท่กี ระชับ ชดั เจน สอ่ื ความหมายตรงประเด็น เฉพาะเจาะจงและ สอดคลอ้ งกับ แนวทางการเลือกวธิ กี ารแก้ปญั หา • รายชื่อคณะผู้ทาํ โครงงาน • ช่ือครทู ปี่ รกึ ษา • ที่มาและความสาํ คัญ นําข้อมูลจากขน้ั ระบุปญั หาในกระบวนการออกแบบเชิงวศิ วกรรม ซึ่งประกอบดว้ ยระบุปญั หา จากสถานการณ์ปญั หา วเิ คราะหแ์ ละสงั เคราะหข์ ้อมลู ทเี่ กย่ี วขอ้ งกับปญั หา เพอื่ ตัดสนิ ใจเลอื ก ปญั หาจากสถานการณ์ แลว้ กาํ หนดกรอบแนวคิดและขอบเขตของปญั หา ในการเขยี นที่มา และความสาํ คัญควรมีส่วนสําคัญ 3 ส่วน คอื 1) สว่ นนาํ หรอื ภาพรวม 2) เนอ้ื หา 3) สว่ นสรปุ ถงึ แนวทางการเลอื กปญั หา กรอบแนวคดิ และ ขอบเขตของปญั หา โดยเขยี นเนอ้ื หาทงั้ หมดเป็นความเรยี ง • จุดประสงค์ของโครงงาน เขยี นจุดประสงคใ์ หส้ อดคล้องกบั แนวทางการแกป้ ัญหา ซงึ่ ต้องเขยี นใหช้ ัดเจนและตรงประเด็นกบั ปญั หา • ขอ้ มูลทเ่ี กี่ยวขอ้ ง • นําข้อมูลและแนวคิดทางวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ เทคโนโลยี หรือศาสตรอ์ น่ื ๆ ที่เก่ียวข้อง • กับปัญหา แนวทางการแกป้ ญั หาซึง่ ไดด้ ําเนินการในขัน้ รวบรวมข้อมลู มาประเมนิ ความเปน็ ไปได้ ข้อดแี ละข้อจาํ กดั นําไปส่กู ารเลือกแนวทางแกป้ ัญหา เพอ่ื การพฒั นาหรอื ออกแบบวิธีการ แกป้ ญั หา • แผนผงั หรือภาพรา่ งของแนวทางแกป้ ญั หา และวิธีดาํ เนนิ งาน ผลทไ่ี ด้จากการดาํ เนนิ งานในขนั้ ออกแบบวธิ กี ารแก้ปญั หา อาจเปน็ ภาพรา่ งหรอื ภายฉายของ ช้ินงานที่นํามาใช้ในการแก้ปัญหาพรอ้ มรายละเอียดขั้นตอนในการสรา้ ง หรอื แผนผังแสดง ลําดับข้ันตอนการแก้ปัญหา โดยระบชุ นิดและจาํ นวนของวัสดุ อปุ กรณท์ ใ่ี ช้ • แผนดําเนินงานและงบประมาณ นําเสนอข้นั ตอนในการดาํ เนนิ งานซง่ึ มกี าํ หนดเวลาเรมิ่ ตน้ และเวลาเสรจ็ ของงานในแตล่ ะขนั้ ตอน และงบประมาณที่ใช้ • ประโยชน์ท่คี าดวา่ จะไดร้ ับ นําเสนอสง่ิ ท่ีคาดวา่ จะไดร้ บั จากผลของการดําเนินโครงงาน • บรรณานกุ รม เอกสารทีใ่ ชเ้ ปน็ ขอ้ มูล โดยเขยี นอา้ งองิ ตามหลกั การเขยี นบรรณานุกรม
21) ผู้เรียนแต่ละกลุ่มนําเสนอเค้าโครงโครงงานในชั้นเรียนเพื่อร่วมกันเสนอแนะและอภิปรายแนว ทางการพัฒนาและปรับปรุงการดําเนินงานโครงงานต่อไป โดยให้สมาชิกในชั้นเรียนมีส่วนร่วมในการประเมิน ให้คะแนนการนาํ เสนอเค้าโครงโครงงานของเพ่ือนแต่ละกลุม่ โดยใชแ้ บบประเมินการนาํ เสนอเคา้ โครงโครงงาน 22) ผู้เรียนศึกษาเนื้อหาในหนังสือเรียน หัวข้อ ขั้นวางแผนและดําเนินการแก้ปัญหา โดยผู้สอนย้ำให้ ผู้เรียนวิเคราะห์และศึกษารายละเอียดให้ชัดเจนเกี่ยวกับการออกแบบวิธีการแก้ปัญหาท่ีผู้เรียนเลือกแล้ว เพื่อ นํามากําหนดแนวทางการลงมือปฏิบัติการพัฒนาวิธีการแก้ปัญหา รวมทั้งวางแผนการปฏิบัติงานอย่างเป็น ขั้นตอน โดยศึกษาตัวอย่างจากหนังสือเรียนตามแผนภาพขั้นตอนการพัฒนาบรรจุภัณฑ์เพื่อรักษามะม่วง น้ำดอกไม้ และตัวอยา่ งแผนปฏิบัตงิ านสร้างกลอ่ งบรรจุภณั ฑ์เกบ็ รกั ษามะมว่ งนำ้ ดอกไม้ 23) ผู้เรยี นปฏิบตั กิ ิจกรรม 2.6 การวางแผนและดาํ เนินการแกป้ ัญหา โดยกําหนดลําดบั ขน้ั ตอนในการ พฒั นางาน ระบเุ ครอ่ื งมอื วสั ดุ อุปกรณ์ท่ีเหมาะสมกับงาน เขียนแผนปฏบิ ตั งิ านโดยกําหนดเวลาให้เหมาะสมกับ งานและลงมือปฏิบัติในการแก้ปัญหาหรือสร้างช้ินงานตามแผนปฏิบัติงาน โดยผู้สอนย้ำ ให้มีการบันทึกข้อมูล รูปภาพแตล่ ะขนั้ ตอนในการลงมือปฏิบัติและสร้างชน้ิ งาน 24) ผู้เรียนศึกษาเนื้อหาในหนังสือเรียน หัวข้อ ขั้นทดสอบ ประเมินผล และปรับปรุงแก้ไขวิธีการ แก้ปัญหาหรือชิ้นงาน และนําความรู้มากําหนดเกณฑ์การทดสอบวิธีการแก้ปัญหาหรือชิ้นงานของกลุ่มโดย ปฏิบัติกิจกรรม 2.7 การทดสอบ ประเมินผล และปรับปรุงแก้ไขวิธีการแก้ปัญหาหรือชิ้นงาน กรณีที่ผู้เรียน ได้ดําเนินการสร้างชิ้นงานหรือแก้ปัญหาเสร็จ ผู้สอนให้ผู้เรียนทดสอบและประเมินผลการทํางานของชิ้นงาน หรือวิธีการว่าสามารถแก้ปัญหาได้ตามจุดประสงค์ที่กําหนดไว้หรือไม่ หากยังมีข้อบกพร่องหรือไม่สามารถ แก้ปัญหาได้ตามวัตถุประสงค์ควรนํา ผลการทดสอบมาวิเคราะห์ และหาวิธีการปรับปรุงแก้ไขโดยเสนอแนว ทางการแกไ้ ข หรือทํา การปรบั ปรุงแกไ้ ขหากดาํ เนนิ การได้ 25) ผสู้ อนและผู้เรยี นร่วมกนั สรุปหลักการการดาํ เนินโครงงาน ระยะพฒั นาโครงงาน โดยใชโ้ ครงงานท่ี ผู้เรยี นทาํ ประกอบการอภปิ รายและสรุปความรทู้ ่ีเก่ียวขอ้ งกบั โครงงานแตล่ ะขนั้ ตอน 26) ผู้สอนนําเข้าสู่บทเรียน หัวข้อ ระยะนําเสนอโครงงาน โดยนําภาพตัวอย่างหรือวีดิทัศน์ การจัดนิทรรศการโครงงาน หรือ การนําเสนอ/ประกวดผลงานโครงงานจากแหล่งเรียนรู้แบบออนไลน์ให้ ผู้เรียนดู และร่วมกันอภิปรายจุดประสงค์ของการนําเสนอผลงานต่างๆ เพื่อให้ได้ข้อสรุปเกี่ยวกับการนําเสนอ ผลงานว่า “เป็นการเผยแพร่ หรือสื่อสารผลการทํา โครงงานของนักเรียนให้ผู้อื่นเข้าใจเกี่ยวกับภาพรวมของ กระบวนการทํางาน ตั้งแต่แนวคิดในแก้ปัญหา ขั้นตอนการแก้ปัญหา รวมทั้งผลของการแก้ปัญหาและแนว ทางการปรับปรุงแก้ไขให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น” โดยการนําเสนอผลงานมีหลายวิธี เช่น การเขียนรายงาน โครงงาน การนําเสนอด้วยโปสเตอร์ การนําเสนอดว้ ยซอฟตแ์ วร์นํา เสนอ หรอื การนาํ เสนอผา่ นสือ่ ออนไลน์ 27) ให้ผู้เรียนปฏิบัติกิจกรรม 2.8 การนําเสนอโครงงาน โดยให้ผู้เรียนนําเสนอผลงาน ในชั้นเรียนใน รูปแบบที่เหมาะสม เช่น การจัดทํารายงาน การทําแผ่นพับ การนําเสนองานโดยใช้โปรแกรมประยุกต์และให้ ผู้สอนและผู้เรียนมีส่วนร่วมในการซักถาม ให้ข้อเสนอแนะ ข้อคิดเห็นรวมทั้งการประเมินผล การนําเสนอ
ผลงานของผู้เรียน โดยผู้สอนอาจกําหนดรูปแบบกิจกรรมการนํา เสนอตามบริบทของสถานศึกษาและผู้เรียน เช่น การนําเสนอหน้าชั้นเรียนกับสมาชิกในห้อง เชิญคณะผู้บริหารและครูในโรงเรียนเข้าร่วมเปิดโอกาสให้ นกั เรยี นในโรงเรยี นทส่ี นใจเขา้ รว่ มชมการนาํ เสนอ หรอื จดั เป็นนทิ รรศการนาํ เสนอผลงานนกั เรียน 28) ผู้เรียนและผู้สอนสรุปร่วมกันถึงการทําโครงงาน และให้ข้อเสนอแนะกับผู้เรียนในเรื่อง การทํางาน เชน่ ระยะเวลาในการทํางานโครงงานควรเหมาะสมกับเวลา ความรพู้ ื้นฐานของผเู้ รียนมีส่วนสําคัญ ต่อการทําโครงงานให้ประสบความสําเร็จ งบประมาณควรมีการจัดสรรและใช้อย่างคุ้มค่า รวมทั้งกระตุ้นให้ ผเู้ รียนคิดว่าโครงงานของผเู้ รยี นท่ที าํ ขึ้นจะมแี นวทางในการสรา้ งประโยชนจ์ ากผลงานของตนเองได้อย่างไร 9. การวัดและประเมนิ ผล รายการประเมนิ วธิ กี ารวัด เครือ่ งมือทใี่ ชว้ ัด เกณฑ์การประเมินการผา่ น 1. การวิเคราะห์โครงงาน ตรวจใบกจิ กรรม 2.1 ใบกิจกรรม 2.1 คะแนน 4 หมายถงึ ดีมาก คะแนน 3 หมายถึง ดี คะแนน 2 หมายถึง พอใช้ คะแนน 1 หมายถึง ปรับปรุง ผเู้ รียนไดร้ ะดับคุณภาพ พอใช้ ขนึ้ ไปถือวา่ ผ่าน
การพฒั นาโครงงานดว้ ยกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม รายการประเมิน วธิ กี ารวัด เครอ่ื งมอื ทใี่ ชว้ ดั เกณฑก์ ารประเมินการผา่ น 2. การตัดสินใจเลอื กปัญหาจาก ตรวจใบกจิ กรรม 2.2 ใบกิจกรรม 2.2 คะแนน 55-72 หมายถึง ดีมาก สถานการณ์ที่สนใจ คะแนน 37-54 หมายถงึ ดี เพือ่ พัฒนาโครงงาน คะแนน 19-36 หมายถงึ พอใช้ คะแนน 1-18 หมายถงึ ปรับปรุง 3. กํา หนดกรอบแนวคิดและ ตรวจใบกิจกรรม 2.3 ใบกิจกรรม 2.3 ผู้เรยี นได้ระดบั คุณภาพ ดี ขอบเขตของปญั หา ข้ึนไปถอื วา่ ผา่ น ในการทําโครงงาน คะแนน 13-16 หมายถึง ดมี าก 4. การรวบรวมข้อมลู ทเ่ี ก่ียวข้อง ตรวจใบกจิ กรรม 2.4 ใบกจิ กรรม 2.4 คะแนน 9-12 หมายถึง ดี กับโครงงาน คะแนน 5-8 หมายถงึ พอใช้ คะแนน 1-4 หมายถงึ ปรบั ปรุง 5. การออกแบบวธิ กี ารแกป้ ัญหา ตรวจใบกจิ กรรม 2.5 ใบกจิ กรรม 2.5 ผเู้ รียนได้ระดบั คุณภาพ ดี ขน้ึ ไปถือว่าผา่ น 6. การวางแผนและดาํ เนนิ ตรวจใบกจิ กรรม 2.6 ใบกจิ กรรม 2.6 การแก้ปญั หา 7. การทดสอบ ประเมินผลและ ตรวจใบกิจกรรม 2.7 ใบกจิ กรรม 2.7 ปรับปรุงแก้ไขวธิ กี ารแก้ปญั หา หรือชนิ้ งาน 8. ความสําเรจ็ ของช้นิ งานหรอื ประเมนิ ชน้ิ งานหรอื แบบประเมนิ ช้ินงาน วิธกี ารแกป้ ญั หา วิธกี ารแก้ปัญหา หรือวิธีการแกป้ ัญหา การนําเสนอโครงงาน 9. การนาํ เสนอผลงาน ประเมินการนาํ เสนอ แบบประเมิน ผลงาน
รายการประเมนิ วธิ ีการวดั เคร่อื งมอื ทใี่ ช้วัด เกณฑ์การประเมินการผา่ น 10. รายงานโครงงาน ประเมินรายงาน แบบประเมิน คะแนน 22-28 หมายถึง ดมี าก คะแนน 15-21 หมายถงึ ดี 11. แผ่นนาํ เสนอโครงงาน คะแนน 8-14 หมายถึง พอใช้ (โปสเตอร์) คะแนน 1-7 หมายถึง ปรบั ปรุง ทกั ษะการคิดอย่าง ผู้เรียนได้ระดับคุณภาพ ดี มวี ิจารญาณ ขน้ึ ไปถือว่าผ่าน ทักษะการคิดวเิ คราะห์ ทักษะการคิดสร้างสรรค์ ประเมินแผ่น แบบประเมิน คะแนน 4 หมายถึง ดมี าก ทกั ษะการส่อื สาร นาํ เสนอโครงงาน คะแนน 3 หมายถึง ดี ทกั ษะการทาํ งานรว่ มกบั ผูอ้ น่ื คะแนน 2 หมายถึง พอใช้ (โปสเตอร)์ คะแนน 1 หมายถึง ปรับปรงุ ผู้เรียนได้ระดบั คุณภาพ พอใช้ ข้ึนไปถือวา่ ผ่าน สงั เกตพฤตกิ รรม แบบประเมินทักษะ ผู้เรยี นได้ระดบั คุณภาพ ดี ขึ้นไป ถือวา่ ผา่ น สงั เกตพฤติกรรม แบบประเมนิ ทกั ษะ (ดูเกณฑ์การประเมินในภาคผนวก) สังเกตพฤตกิ รรม แบบประเมนิ ทกั ษะ สังเกตพฤตกิ รรม แบบประเมนิ ทกั ษะ สังเกตพฤตกิ รรม แบบประเมินทักษะ
เกณฑก์ ารวดั และประเมนิ ผล ประเดน็ การประเมิน ระดบั คะแนน 2.1 การวิเคราะหโ์ ครงงาน 43 2 1 วเิ คราะห์ วิเคราะห์ วเิ คราะหร์ ายละเอียด วเิ คราะหร์ ายละเอียด รายละเอียดปญั หา รายละเอยี ดปญั หา ปัญหาวิธดี าํ เนินการ ปัญหาวิธีดาํ เนนิ การ วิธดี ําเนนิ การ วธิ ดี ําเนินการ และผลการ และผลการ และผลการ และผลการ ดาํ เนนิ การของ ดาํ เนนิ การของ ดําเนนิ การของ ดาํ เนนิ การของ โครงงานได้ครบถว้ น โครงงานได้ โครงงานได้ โครงงานได้ แต่ไมถ่ ูกต้องบางสว่ น ไมค่ รบถ้วน ครบถ้วน ถูกต้อง ครบถว้ น ถกู ตอ้ ง และไมถ่ ูกต้องบางส่วน และชดั เจน
ประเดน็ การประเมิน 4 ระดับคะแนน 1 32 การใช้กระบวนการออกแบบเซงิ วิศวกรรมในการพัฒนาโครงงาน 2.2 การตดั สินใจเลอื ก ปญั หาจากสถานการณ์ ท่สี นใจเพอ่ื พฒั นาโครงงาน 2.2.1 การวิเคราะห์ วเิ คราะห์ปญั หา วิเคราะห์ปัญหาหรอื วเิ คราะหป์ ัญหาหรอื วิเคราะหป์ ญั หาหรอื องคป์ ระกอบปญั หาจาก หรอื ความต้องการ ความต้องการจาก ความต้องการจาก ความตอ้ งการจาก การตัง้ คําถาม 5W1H จากสถานการณ์ สถานการณ์โดยใช้ สถานการณโ์ ดยใช้ สถานการณ์โดยใช้ โดยใช้การต้งั การตั้งคําถาม 5W1H การตัง้ คาํ ถาม การตงั้ คาํ ถาม คําถาม 5W1H ไดแ้ ตส่ อดคลอ้ งกบั 5W1H ได้แต่ 5W1H ไดเ้ พียง ท่ีสอดคลอ้ งกบั ประเด็นปัญหา สอดคลอ้ งกบั 1 ดา้ นหรอื ไม่ ประเด็นปญั หาได้ เพียง 4-5 ด้าน ประเดน็ ปญั หา สอดคลอ้ งกบั ครบถว้ น เพยี ง 2-3 ด้าน ประเดน็ ปัญหา ทั้ง 6 ด้าน 2.2.2 การหาสาเหตแุ ละ ใช้ผังกา้ งปลา ใชผ้ ังกา้ งปลา ใช้ผงั ก้างปลา ใช้ผงั กา้ งปลา ปจั จัยของปัญหา เพอื่ ระบสุ าเหตุ เพอ่ื ระบสุ าเหตุและ เพอื่ ระบสุ าเหตุและ เพือ่ ระบุสาเหตแุ ละ โดยการวิเคราะห์ และปัจจัยได้ ปัจจัยได้สอดคลอ้ ง ปัจจยั ไดส้ อดคล้อง ปัจจัยได้ไม่ ดว้ ยผงั กา้ งปลา สอดคล้องกับ และครอบคลุมกับ และครอบคลุมกับ ครอบคลมุ กบั ปญั หา ครอบคลุมกับ ปญั หา มีความ ปญั หา และขาดความ ปญั หา มีความ ถกู ตอ้ ง แต่ขาดความถูกตอ้ ง ถกู ตอ้ งบางส่วน ถูกต้อง ชดั เจน บางสว่ น 2.3 กําหนดกรอบ กําหนดกรอบ กําหนดกรอบแนวคดิ กาํ หนดกรอบ กําหนดกรอบ แนวคดิ และขอบเขตของ แนวคิดและ และขอบเขตของ แนวคิดและขอบเขต แนวคดิ และขอบเขต ปญั หาในการทาํ โครงงาน ขอบเขตของ ปัญหาได้สอดคล้อง ของปัญหาได้ ของปญั หาท่ตี อ้ งการ ปญั หาได้ กับสถานการณท์ ่ี สอดคล้องกบั แก้ไขได้สอดคลอ้ ง สอดคลอ้ งกับ สนใจได้ครบถ้วน สถานการณท์ ่สี นใจ บางส่วนและขาด สถานการณ์ที่ เป็นส่วนใหญ่แต่ขาด ความชัดเจนเปน็ สนใจไดค้ รบถว้ น ความชัดเจน ส่วนใหญ่ ชัดเจน บางส่วน
ประเดน็ การประเมนิ 4 ระดบั คะแนน 1 32 2.4. การรวบรวมขอ้ มูล ทเ่ี กีย่ วขอ้ งกับโครงงาน 2.4.1 การกําหนดประเดน็ กํา หนดประเดน็ กาํ หนดประเดน็ เพ่ือ กาํ หนดประเด็น กํา หนดประเดน็ เพ่อื รวบรวมขอ้ มูล เพ่ือใช้รวบรวม ใช้รวบรวมข้อมลู ที่ เพื่อใช้รวบรวม เพือ่ ใชร้ วบรวม ข้อมลู ไดต้ รงตาม ตรงตามปัญหาหรอื ขอ้ มูลทีต่ รงตาม ขอ้ มลู ได้ แต่ไม่ตรง ปญั หาหรอื ความ ความตอ้ งการได้ ปญั หาหรอื ความ กับประเด็นปญั หา ตอ้ งการได้อยา่ ง ตอ้ งการ แตข่ าด เปน็ สว่ นใหญ่ ครบถ้วนสมบรู ณ์ ความชัดเจน บางสว่ น 2.4.2 การรวบรวมและ รวบรวมขอ้ มูลตาม รวบรวมข้อมลู ตาม รวบรวมขอ้ มลู ตาม รวบรวมขอ้ มูลตาม สรปุ ขอ้ มูลทีเ่ กี่ยวขอ้ งกับ ประเดน็ ท่ีกําหนด ประเดน็ ท่ีกาํ หนดไว้ ประเดน็ ท่ีกําหนดไว้ ประเด็นท่ีกําหนดไว้ ประเดน็ ปัญหา ไวไ้ ดข้ ้อมูลถกู ต้อง ไดข้ ้อมูลถูกต้อง และสรปุ ในรปู แบบ และสรุปในรปู แบบ สมบูรณ์ สามารถ สมบูรณ์ สามารถ แผนทคี่ วามคดิ ได้ แผนที่ความคิดได้ สรุปในรูปแบบ สรุปในรูปแบบแผนท่ี โดยแสดงใหเ้ หน็ แต่ความสมั พันธ์ของ แผนทค่ี วามคดิ ได้ ความคิดได้ โดย ความสัมพันธ์ของ ข้อมูลขาดความ โดยแสดงให้เห็น แสดงให้เห็น ขอ้ มูล แต่ขาดความ ถูกตอ้ งเป็นส่วนใหญ่ ความสัมพันธ์ของ ความสัมพันธข์ อง ถูกต้องบางส่วน ข้อมูลอยา่ งถูกต้อง ขอ้ มูลอยา่ งถกู ตอ้ ง ครบถว้ น 2.4.3 วเิ คราะห์ข้อดี วเิ คราะหข์ อ้ ดี วเิ คราะหข์ ้อดี วิเคราะหข์ ้อดี วเิ คราะห์ข้อดี ขอ้ จาํ กัดของแนวทางแก้ไข ขอ้ จาํ กัดจาก ข้อจํากดั จากข้อมลู ข้อจํากัดจากขอ้ มูล ขอ้ จํากัดจากขอ้ มลู ปญั หาทีร่ วบรวมไว้ ขอ้ มูลของชิน้ งาน ของชน้ิ งานหรือ ของช้นิ งานหรอื ของชิน้ งานหรือ หรอื วิธีการท่ี วธิ กี ารที่สามารถ วิธกี ารทส่ี ามารถ วิธีการที่สามารถ สามารถนาํ มาใช้ นํามาใชเ้ พอื่ แก้ไข นาํ มาใชเ้ พือ่ แก้ไข นาํ มาใช้เพื่อแก้ไข เพือ่ แก้ไขปญั หาที่ ปัญหาทส่ี นใจได้ ปัญหา ปัญหาท่สี นใจได้ สนใจได้อยา่ ง อยา่ งถูกต้อง ท่ีสนใจได้แตข่ าด แต่ขาดความถกู ต้อง ถกู ต้องสมบรู ณ์ ความถกู ตอ้ ง เปน็ สว่ นใหญ่ บางส่วน
ประเดน็ การประเมนิ 4 ระดับคะแนน 1 32 2.4.4 การเลอื กแนวทาง ตดั สินใจเลอื ก ตัดสนิ ใจเลือก ตดั สินใจเลือก ตดั สินใจเลือกแนวทาง ในการแกป้ ญั หา แนวทางในการ แนวทางในการ แนวทางในการ ในการแก้ปญั หาหรอื แก้ปญั หาได้โดยใช้ แกป้ ญั หาได้โดยใช้ แกป้ ัญหาได้แตใ่ ช้ ความตอ้ งการของ ข้อมลู และเหตผุ ล ขอ้ มูลและเหตผุ ล ขอ้ มลู และเหตุผล ตนเองได้ อย่างสมเหตสุ มผล อย่างสมเหตุสมผล เพียงบางส่วนเพ่ือ แตไ่ มไ่ ดใ้ ช้ข้อมลู และ และเป็นไปตาม พิจารณาความ เหตผุ ลเพอ่ื พิจารณา ข้อเท็จจรงิ เป็นไปได้ ความเปน็ ไปได้ 2.5. การออกแบบวธิ ีการ แกป้ ญั หา 2.5.1 การสรา้ งทางเลือกใน สรา้ งทางเลอื กใน สรา้ งทางเลอื กในการ สร้างทางเลอื กใน สร้างทางเลอื กในการ การแก้ไขปญั หา การแก้ไขปัญหาได้ แก้ไขปัญหา การแกไ้ ขปัญหา แกไ้ ขปัญหา อยา่ งหลากหลาย ได้ 3 แนวทาง ได้ 2 แนวทาง ได้ 1 แนวทาง ได้มากกวา่ 3 แนวทาง 2.5.2 เปรียบเทียบและ เปรียบเทยี บผลดี เปรียบเทียบผลดี เปรียบเทยี บผลดี เปรยี บเทียบผลดี ตัดสนิ ใจเลือกวธิ ีการ ผลเสยี และตัดสิน ผลเสยี และตดั สิน แก้ปัญหา ผลเสียและตดั สิน ผลเสียและตัดสิน เลือกวิธกี าร เลอื กวิธกี ารแก้ปัญหา แกป้ ญั หา ภายใต้จํากัดท่ีมีอยู่ เลือกวิธกี าร เลือกวธิ กี าร สอดคลอ้ งกบั แตข่ าดความ ปญั หาภายใต้ สมเหตุผลและความ แก้ปัญหา แก้ปญั หาสอดคล้อง ขอ้ จํากดั ทม่ี อี ยู่ เป็นไปได้ แต่ขาดความ สอดคล้องกบั กับปัญหาภายใต้ สมเหตุสมผลหรือ ความถูกตอ้ ง ปัญหาภายใต้ ขอ้ จํากดั ท่ีมีอยอู่ ยา่ ง บางส่วน ขอ้ จํากัดท่มี ีอยู่ เหมาะสม อยา่ งสมเหตสุ มผล และเป็นไปตาม ข้อเทจ็ จรงิ
ประเดน็ การประเมนิ ระดับคะแนน 2.5.3 การออกแบบและ 43 2 1 ถ่ายทอดความคิดของ ชิ้นงานหรือวธิ ีการในการ ออกแบบโดย ออกแบบโดย ออกแบบโดย ออกแบบโดยถ่ายทอด แกไ้ ขปญั หา ถา่ ยทอดความคิด ถ่ายทอดความคิด ถา่ ยทอดความคิด ความคิดวธิ ีการ วิธีการแก้ปญั หา วธิ ีการแกป้ ัญหา วิธกี ารแกป้ ญั หาหรอื แกป้ ญั หาหรือสนอง 2.6 การวางแผนและ หรอื สนองความ หรือสนองความ สนองความต้องการ ความตอ้ งการเปน็ ดาํ เนินการแก้ปญั หา ต้องการเป็น ตอ้ งการเปน็ เปน็ ภาพ 2 มติ ิ 2.6.1 การวางแผน ภาพ 2 มติ ิ ภาพ 2 มิติ ภาพ 2 มติ ิ ภาพ 3 มติ ิ การทํางาน ภาพ 3 มติ ิ ภาพ 3 มติ ิ ภาพ 3 มิติ ภาพฉายแผนภาพ ภาพฉายแผนภาพ ภาพฉายแผนภาพ ภาพฉายแผนภาพ หรือผังงานไม่ละเอียด 2.6.2 การสร้างผลงาน หรอื ผงั งาน หรอื ผงั งานได้ หรอื ผงั งานได้ ขาดข้อมูลเป็นส่วน ไดอ้ ย่างละเอียด แตย่ งั ขาดขอ้ มูล แตย่ งั ขาดข้อมลู ใหญแ่ ละไมส่ ามารถ และแสดงข้อมลู บางส่วน บางสว่ นและไม่ ส่อื สารใหผ้ ู้อื่นเข้าใจ ครบถ้วน สามารถ แต่สามารถส่อื สาร สามารถส่ือสารให้ ตรงกนั สื่อสารให้ผอู้ น่ื ใหผ้ ูอ้ น่ื เข้าใจ ผ้อู ืน่ เขา้ ใจตรงกัน เขา้ ใจตรงกนั ตรงกนั วางแผนเพือ่ ให้ วางแผนเพ่ือให้ วางแผนเพ่อื ให้การ วางแผนเพ่ือให้การ การทํางานเปน็ ไป การทาํ งานเป็นไป ทํางานเปน็ ไปตาม ทาํ งานเป็นไปตาม ตามเปา้ หมาย ตามเป้าหมาย เปา้ หมาย เปา้ หมาย และระยะเวลาท่ี และระยะเวลาท่ี และระยะเวลาที่ และระยะเวลา กาํ หนด สามารถ กาํ หนด สามารถ กาํ หนด สามารถ ทก่ี ําหนดแตไ่ ม่ ปฏิบตั ิตามแผนที่ ปฏิบัตติ ามแผนที่ ปฏิบตั ติ ามแผนทวี่ าง สามารถปฏิบตั ิตาม วางไว้ได้ครบถ้วน วางไว้ได้ครบถ้วน ไวไ้ ดค้ รบถ้วนแตต่ ้อง แผนทีว่ างไวไ้ ด้ แตต่ อ้ งมีการปรับ มีการปรบั ครบถว้ น เปลยี่ นแผน เปลี่ยนแผนการ การทาํ งานเพียง ทํางาน เล็กน้อย สร้างผลงานไดต้ รง สร้างผลงานได้ตรง สรา้ งผลงานไดต้ รง สรา้ งผลงานได้ ไมต่ รงตามแนวคิดท่ี ตามแนวคิดที่ ตามแนวคิดท่ี ตามแนวคิดท่ี ออกแบบไว้ ออกแบบไว้ ออกแบบไวเ้ ป็น ออกแบบไวไ้ ดเ้ พียง ส่วนใหญ่ บางสว่ น
ประเดน็ การประเมิน 4 ระดับคะแนน 1 32 2.7 การทดสอบประเมนิ ผล และปรบั ปรงุ แกไ้ ขวธิ กี าร แกป้ ญั หาหรอื ชิ้นงาน 2.7.1 การกําหนดประเดน็ กำหนดประเดน็ กําหนดประเดน็ กําหนดประเดน็ กาํ หนดประเด็น ในการทดสอบผลงาน ในการทดสอบ ในการทดสอบ ในการทดสอบ ในการทดสอบผลงาน ผลงานท่ีจาํ เปน็ ตอ่ ผลงานท่จี าํ เปน็ ตอ่ ผลงานท่ีจําเปน็ ตอ่ ที่จาํ เปน็ ตอ่ การ การแกป้ ัญหา การแก้ปัญหา การแกป้ ัญหาตามท่ี แก้ปัญหาตามที่ ตามทีก่ ําหนดไว้ ตามทก่ี ําหนดไว้ กาํ หนดไว้ กาํ หนด อยา่ งครบถว้ นและ ไดเ้ ป็นสว่ นใหญ่ ไดบ้ างส่วน โดยขาดความ สามารถใชท้ ดสอบ สามารถใชท้ ดสอบ สอดคล้อง ชิน้ งานไดจ้ รงิ ช้ินงานได้จรงิ เป็นส่วนใหญ่ 2.7.2 การสรา้ งทางเลือกใน สร้างทางเลอื กใน สร้างทางเลือกใน สรา้ งทางเลือกในการ สรา้ งทางเลอื กในการ การปรับปรุงแกไ้ ขผลงาน การปรับปรงุ แก้ไข การปรับปรุงแกไ้ ข ปรบั ปรงุ แกไ้ ขผลงาน ปรบั ปรุงแกไ้ ขผลงาน ผลงานได้ ผลงานได้ สอดคลอ้ งกับ ยงั ไม่สอดคลอ้ งกับ เหมาะสมกับ เหมาะสมกบั ขอ้ บกพร่องท่ีพบ ข้อบกพรอ่ งทพ่ี บ ขอ้ บกพรอ่ งทีพ่ บ ข้อบกพร่องที่พบ บางสว่ น อยา่ งหลากหลาย และสามารถนํา และสามารถนํา ไปใช้ปรับปรงุ ผล ไปใช้ปรับปรงุ ผล งานได้บางสว่ น งานได้
ประเดน็ การประเมนิ 4 ระดับคะแนน 1 32 2.8 ความสาํ เร็จของชน้ิ งาน หรอื วธิ กี ารแก้ปัญหา 2.8.1 ช้ินงานหรือวิธกี าร ชิ้นงานหรือวิธกี าร ช้นิ งานหรือวิธีการ ช้นิ งานหรอื วธิ กี าร ช้ินงานหรอื วธิ กี ารไม่ สามารถแก้ปญั หาได้ สามารถแก้ปญั หา สามารถแก้ปญั หา สามารถแก้ปญั หาได้ สามารถแก้ปัญหาได้ ได้สมบูรณ์ ไดเ้ ป็นส่วนใหญ่ บางสว่ น 2.8.2 ช้ินงานหรือวิธกี าร ประยกุ ต์ใช้ชนิ้ งาน ประยุกต์ใช้ชิน้ งาน ประยุกต์ใช้ชน้ิ งาน ไมส่ ามารถประยุกต์ใช้ สามารถนําไปประยกุ ต์ใช้ได้ หรือวิธกี ารให้เกิด หรอื วธิ ีการให้เกิด หรอื วิธกี ารให้เกิด ชน้ิ งานหรือวธิ ีการให้ ในชีวติ ประจําวัน ประโยชน์ใน ประโยชนใ์ น ประโยชน์ใน เกิดประโยชนใ์ น ชวี ิตประจาํ วนั ชวี ิตประจาํ วนั ชีวติ ประจําวนั ชีวติ ประจําวันได้ ได้เปน็ อยา่ งดี ไดเ้ ป็นสว่ นใหญ่ ได้บางส่วน 2.8.3 ชิ้นงานหรือวิธีการมี ชิน้ งานมีความ ชิ้นงานมคี วาม ชน้ิ งานมคี วาม ชิ้นงานไม่มีความ ความปลอดภัย ปลอดภัย มีความ ปลอดภยั หรือ มคี วามเหมาะสมกับ เหมาะสมกบั มีความเหมาะสม ปลอดภยั หรือ ปลอดภัย ผ้ใู ชง้ านและคาํ นงึ ถงึ ผใู้ ช้งานและ กบั ผู้ใชง้ าน หรือ สงิ่ แวดลอ้ ม คาํ นึงถงึ คํานึงถงึ มคี วามเหมาะสมกับ ไม่เหมาะสมกับ สิ่งแวดล้อม สิง่ แวดลอ้ ม (ครบ 3 ขอ้ ) (มี 2 ข้อ) ผู้ใชง้ าน หรือคํานงึ ถงึ ผู้ใชง้ านและ ส่ิงแวดลอ้ ม ไม่คาํ นงึ สิ่งแวดลอ้ ม (มี 1 ขอ้ ) 2.8.4 ความคิดสรา้ งสรรค์ ชน้ิ งานหรือวิธกี าร ช้ินงานหรอื วิธีการ ชิ้นงานหรอื วธิ กี าร ชิ้นงานหรอื วธิ ีการ ของชน้ิ งานหรอื วธิ กี าร แกป้ ัญหาแสดงให้ แก้ปญั หาปรับปรงุ แก้ปัญหาปรบั ปรงุ มา แกป้ ัญหา แก้ปัญหา เหน็ ความคิดริเริ่ม มาจากชนิ้ งานหรือ จากชิน้ งานหรือ ลอกเลยี นแบบจาก สร้างสรรค์ วิธีการทม่ี ีผทู้ ํา วธิ ีการที่มผี ทู้ ํา ช้นิ งานหรือวธิ กี ารท่มี ี มาแลว้ บางส่วน มาแลว้ เป็นส่วนใหญ่ ผ้ทู าํ มาแล้ว
ประเดน็ การประเมนิ 4 ระดับคะแนน 1 32 การนําเสนอโครงงาน 2.9 การนาํ เสนอผลงาน 2.9.1 รปู แบบการนําเสนอ นําเสนอเป็น นาํ เสนอเปน็ นาํ เสนอเปน็ นาํ เสนอไมเ่ ป็น ลาํ ดับขน้ั ตอน ลําดับขั้นตอน ลาํ ดบั ขัน้ ตอน ลาํ ดับข้นั ตอน มคี วามน่าสนใจ หรอื มคี วามน่าสนใจ หรือมีความนา่ สนใจ ไม่น่าสนใจ และเข้าใจงา่ ย หรอื เขา้ ใจ หรือเขา้ ใจง่าย และเข้าใจยาก (ครบ 3 ข้อ) งา่ ย (มี 2 ขอ้ ) (มี 1 ขอ้ ) 2.9.2 เน้อื หาท่นี ําเสนอ เนอ้ื หาถกู ต้องตรง เน้ือหาถูกต้องตรง เนอ้ื หาบางส่วน เน้อื หาโดยสว่ น ประเด็นและ ประเด็นแต่มี ไม่ถูกต้องและ ใหญ่ไม่ถูกตอ้ ง มีรายละเอียด รายละเอียดบางส่วน ไมค่ รอบคลุม และไม่ครอบคลมุ ครอบคลมุ ไมค่ รอบคลุม 2.9.3 การอธบิ ายความรทู้ ่ี อธิบายความรู้ที่ อธบิ ายความรู้ที่ อธิบายความรทู้ ี่ ไม่สามารถอธิบาย เกี่ยวข้องและเชอื่ มโยงกับ เกี่ยวข้องและ เกย่ี วข้องและ เกีย่ วข้องและ ความรู้ทเ่ี ก่ียวข้อง การแกป้ ญั หาได้ถกู ต้อง เชอื่ มโยงกบั การ เช่อื มโยงกบั การ เชอ่ื มโยงกบั การ ไม่เชอื่ มโยงกบั การ ชดั เจน แกป้ ญั หาไดอ้ ยา่ ง แก้ปัญหาได้อยา่ ง แก้ปัญหาได้อยา่ ง แกป้ ญั หา ถกู ต้องชัดเจน ถกู ต้องและชัดเจน ถกู ตอ้ งและชดั เจน ไม่ถกู ต้องและ และสมบรู ณ์ เปน็ สว่ นใหญ่ ไดบ้ างสว่ น ไม่ชดั เจน 2.9.4 การนําเสนอผลงาน นาํ เสนอผลงาน นําเสนอผลงานเกนิ นําเสนอผลงานเกนิ นําเสนอผลงาน ตามเวลาท่กี าํ หนด ภายในเวลาที่ เวลาทีก่ ําหนด เวลาทก่ี ําหนด เกนิ เวลาทีก่ าํ หนด กาํ หนด แตไ่ ม่เกนิ 2 นาที แต่ไม่เกนิ 5 นาที ตงั้ แต่ 5 นาที ขนึ้ ไป
ประเดน็ การประเมนิ ระดบั คะแนน 4 3 21 2.10 รายงานโครงงาน 2.10.1 องคป์ ระกอบของ องคป์ ระกอบของ องคป์ ระกอบของเล่ม องค์ประกอบของ องค์ประกอบของ เล่มรายงานและเนอ้ื หา เล่มรายงาน เลม่ รายงานไม่ สาระ ถูกตอ้ ง เนอื้ หา รายงานถกู ตอ้ ง เลม่ รายงาน ถกู ตอ้ ง เน้อื หา ถกู ตอ้ งสอดคลอ้ ง ไมถ่ กู ตอ้ งและ 2.10.2 ทมี่ าและความ กับเรอื่ งครบถ้วน เนือ้ หาถูกต้อง ถกู ต้อง เนื้อหา ไม่ครบถว้ น สําคัญ และเป็นไปตาม และแตกตา่ งจาก รูปแบบที่กําหนด สอดคลอ้ งกบั เรื่อง ถูกตอ้ งสอดคลอ้ ง รูปแบบทกี่ ําหนด ครบถว้ น แต่การ กบั เร่ืองแต่ไม่ เรยี งลาํ ดบั หรือ ครบถ้วนและ รปู แบบไมเ่ ปน็ ไป การเรยี งลาํ ดับ ตามที่ หรือรปู แบบไม่ กาํ หนดบางสว่ น เป็นไปตามท่ี กาํ หนดบางส่วน ระบุปัญหาจาก ระบปุ ญั หาจาก ระบปุ ัญหาจาก ระบุปญั หาจาก สถานการณไ์ ด้ สถานการณไ์ ดอ้ ยา่ ง สถานการณไ์ ด้ สถานการณไ์ ด้ อยา่ งชัดเจน ชดั เจนแสดงการ แสดงการ ไมช่ ดั เจน แสดงการ แสดงการ วิเคราะห์และ วเิ คราะห์และ วเิ คราะห์และ วเิ คราะห์และ สงั เคราะหข์ อ้ มลู ที่ สงั เคราะหข์ ้อมลู ท่ี สังเคราะห์ขอ้ มูล สงั เคราะห์ข้อมูลที่ เกยี่ วกบั ปญั หาและ เกย่ี วกบั ปัญหา ท่ีเกยี่ วกับปญั หาได้ เก่ียวกบั ปญั หา ตดั สนิ ใจเลอื กปัญหา และตัดสนิ ใจเลอื ก ไมช่ ดั เจนตดั สินใจ และตัดสินใจ อยา่ งเป็นเหตเุ ป็นผล ปญั หาโดยขาด เลอื กปญั หาโดยขาด เลอื กปญั หาอย่าง แตก่ าํ หนดกรอบ เหตผุ ลทีช่ ดั เจน เหตุผล กาํ หนด เป็นเหตุเป็นผล แนวคิดและขอบเขต บางส่วน กําหนด กรอบแนวคดิ และ แล้วกาํ หนดกรอบ ของปัญหายังขาด กรอบแนวคิดและ ขอบเขตของปญั หา แนวคิดและ ความชัดเจนบางส่วน ขอบเขตของ ได้ไม่ชัดเจน ขอบเขตของ ปญั หาขาดความ ปัญหาไดอ้ ยา่ ง ชดั เจนบางสว่ น ชดั เจน
ประเดน็ การประเมิน ระดบั คะแนน 2.10.3 จุดประสงค์ของ 4 3 21 โครงงาน เขยี นจุดประสงค์ เขยี นจุดประสงค์ได้ เขยี นจดุ ประสงค์ เขียนจุดประสงค์ไม่ 2.10.4 ข้อมูลทเี่ ก่ยี วขอ้ ง ได้ตรงประเด็น ตรงประเด็น ไดต้ รงประเด็น ตรงประเด็น กับโครงงาน กับปญั หา กับปญั หา กับปัญหา กับปญั หา และสอดคล้องกับ และสอดคล้องกับ แตร่ ะบุแนว และไม่สอดคลอ้ งกบั 2.10.5 วธิ ดี ําเนนิ การ แนวทางการ แนวทางการ ทางการแก้ปญั หา แนวทางการ แกป้ ัญหา แก้ปญั หาไดอ้ ยา่ ง แก้ปัญหาแตข่ าด ได้ไมช่ ดั เจน แก้ปญั หา ชัดเจน ความชดั เจนบางส่วน มกี ารศกึ ษาคน้ คว้า มีการศกึ ษาคน้ ควา้ มีการศกึ ษา ไมม่ ีการศึกษา ค้นควา้ หลักการ คน้ คว้า หลกั การ หลักการทฤษฎี หลักการทฤษฎีและ ทฤษฎี และงาน ทฤษฎี และงาน ทีเ่ กย่ี วข้อง ท่ีเก่ียวข้อง หรือ และงาน งานทเ่ี กยี่ วข้อง แตไ่ มส่ มบรู ณ์ มกี ารศกึ ษาแต่น้อย และนาํ ข้อมลู มา มาก และไมไ่ ดน้ ํา ทเี่ กยี่ วขอ้ ง สอดคลอ้ งกบั วิเคราะห์และ ขอ้ มลู ประเมนิ ความ มาวิเคราะห์และ สอดคลอ้ งกับ โครงงาน และ เปน็ ไปได้ ข้อดี ประเมินความเป็นไป ขอ้ จํากัด ได้ ข้อดี โครงงาน และ นาํ ข้อมูลมาวเิ คราะห์ เพื่อเลือกแนวทาง ขอ้ จํากัด การแกป้ ัญหายงั นาํ ข้อมลู มา และประเมนิ ความ ขาดความชัดเจน เพื่อเลือกแนวทาง บางสว่ น การแก้ปญั หา วเิ คราะห์และ เปน็ ไปได้ ข้อดี ประเมินความ ขอ้ จาํ กัด เป็นไปได้ ขอ้ ดี เพ่อื เลือกแนวทาง ขอ้ จาํ กดั การแก้ปญั หา เพ่ือเลือกแนวทาง แต่ยังขาดความ การแกป้ ญั หาที่ ชดั เจนบางสว่ น ชดั เจน แสดงการพฒั นา แสดงการพฒั นา แสดงการพัฒนา แสดงการพัฒนา แนวทางในการ แก้ปญั หาขน้ั ตอน แนวทางในการ แนวทางในการ แนวทางในการ การแก้ปัญหาได้ อยา่ งครบถ้วน แก้ปัญหาขัน้ ตอนการ แกป้ ัญหา ข้นั ตอน แกป้ ญั หา และ สมบูรณ์ แกป้ ัญหาได้อยา่ ง การแก้ปญั หาได้ ขัน้ ตอนการ ครบถว้ น ครบถ้วนเป็น แกป้ ญั หาได้ แตข่ าดรายละเอียด สว่ นใหญ่ และขาด ไมค่ รบถ้วนและ ทชี่ ัดเจน รายละเอียด ไม่ได้แสดง ท่ีชัดเจน รายละเอียด
Search