Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หน่วยที่ 4 ระบบการเกษตร

หน่วยที่ 4 ระบบการเกษตร

Description: หน่วยที่ 4 ระบบการเกษตร

Search

Read the Text Version

หน่วยที่ 4 ระบบการเกษตร

หน่วยท่ี 4 ระบบการเกษตร ระบบการเกษตรทส่ี าคญั 6 รปู แบบ ประกอบดว้ ย 1. ระบบเกษตรกรรมพชื เดย่ี ว 2. เกษตรผสมผสาน 3. เกษตรอนิ ทรยี ์ 4. เกษตรธรรมชาติ 5. เกษตรทฤษฎใี หม่ 6. วนเกษตร

1. ระบบเกษตรกรรมพืชเด่ียว ระบบเกษตรกรรมพชื เดย่ี ว (Monoculture) เป็นระบบเกษตรกรรมท่ี เป็นการปลูกพืชชนิดเดียวในบริเวณกว้างเป็ นวิธีท่ีนิยมใช้ โดย เกษตรกรผมู้ เี น้ือทใ่ี นการเกษตรกรรมเป็นจานวนมาก ถา้ พดู ถงึ ระบบ เกษตรกรรมพชื เดย่ี วกห็ มายถงึ การปลกู ไมพ้ นั ธุเ์ ดยี วเทา่ นนั้

ระบบเกษตรกรรมพืชเด่ียว การท่โี ลกกาลงั พฒั นาทาใหป้ ระชากรเพมิ่ มากขน้ึ วิถชี วี ติ ของ มนุษย์จงึ เรม่ิ เปล่ียนไป เกษตรกรรมแบบเดิมๆ ท่ที าแบบแค่ พอมพี อกนิ กเ็ รมิ่ ขยายออกไปส่กู ารทาเพ่อื การพาณิชย์ การทา เกษตรกรรมแบบพชื เดย่ี ว (Monoculture) จงึ เรมิ่ ถอื กาเนิดขน้ึ เกษตรกรรมพชื เดย่ี ว เป็นการทาเกษตรกรรมโดยการปลูกพืช ชนิดเดยี วในบรเิ วณพ้นื ท่กี ว้าง โดยมวี ตั ถุประสงค์เพ่อื การค้า ทงั้ ขายในประเทศและสง่ ออกนอกประเทศ

ระบบเกษตรกรรมพืชเดี่ยว การทาเกษตรเชงิ เด่ยี วต้องอาศยั ปัจจยั การสร้างผลผลิตจาก ภายนอกมากมาย มกี ารใชป้ ๋ ุย การใชย้ าฆ่าแมลง เม่อื ผลผลติ เหล่าน้ีออกไปสู่ผู้บริโภคจึงอาจเหลือสารตกค้าง และไม่ ปลอดภยั ต่อผบู้ รโิ ภคดว้ ย การทาเกษตรกรรมเชงิ เดย่ี วยงั สง่ ผล ต่อวถิ ชี วี ติ ของเกษตรกรอกี ดว้ ย คอื เม่อื หมดฤดเู พาะปลูก จงึ มี การอพยพเขา้ ในเมอื งใหญ่เป็นจานวนมาก กลายเป็นท่มี าของ ปัญหาหลาย ๆ อยา่ งตอ่ ไปอกี

การทาสวนปาลม์ น้ามนั

การทาสวนยางพารา

การทาไร่อ้อย

การทาไร่มนั สาปะหลงั

การทาสวนทเุ รียน

2.เกษตรผสมผสาน เกษตรผสมผสาน (Integrated Farming) หมายถงึ ระบบเกษตร ท่ีมีการปลูกพืชและมีการเล้ียงสตั ว์หลากหลายชนิดในพ้ืนท่ี เดยี วกนั โดยทก่ี จิ กรรมการผลติ แต่ละชนิด เกอ้ื กลู ประโยชน์ต่อ กนั ได้อย่างมปี ระสทิ ธิภาพ มกี ารใช้ทรพั ยากรท่มี อี ยู่ในไร่นา อยา่ งเหมาะสม เกดิ ประโยชน์สงู สุด

วตั ถปุ ระสงคข์ องเกษตรผสมผสาน 1. เพอ่ื ใหเ้ กดิ ความมนั่ คงดา้ นรายได้ 2. เพอ่ื ลดการพง่ึ พาดา้ นเงนิ ทนุ ปัจจยั การผลติ และอาหารจาก ภายนอก 3. เพอ่ื ใหเ้ กดิ การประหยดั ทางขอบขา่ ย 4. เพม่ิ รายไดจ้ ากพน้ื ทเ่ี กษตรขนาดยอ่ ยทจ่ี ากดั

หลกั การเกษตรผสมผสาน 1. ตอ้ งมกี จิ กรรมการเกษตรตงั้ แต่ 2 กจิ กรรมเป็นตน้ ไป โดยการทา การเกษตรทัง้ สองกิจกรรมนั้น ต้องทาในพ้ืนท่ีและระยะเวลา เดยี วกนั 2. การเก้ือกูลประโยชน์ระหว่างกิจกรรมเกษตรต่างๆ เช่น การหมนุ เวยี นใชป้ ระโยชน์จากมลู สตั วใ์ หเ้ ป็นประโยชน์กบั พชื

ลกั ษณะของการผสมผสาน 1. การปลกู พชื แบบผสมผสาน เป็นการอาศยั หลกั การความสมั พนั ธ์ ระหวา่ งพชื สงิ่ มชี วี ติ และจุลนิ ทรยี ต์ ่างๆ เชน่ การปลกู ตาลโตนดในนา ขา้ ว การปลกู พรกิ ไทยรว่ มกบั มะพรา้ ว การปลกู พชื ไรผ่ สมกบั ถวั่ การ ปลกู ทุเรยี นรว่ มกบั สะตอ การปลกู ผกั เหลยี งในสวนยาง เป็นตน้

ลกั ษณะของการผสมผสาน (ต่อ) 2. การผสมผสานการเล้ียงสตั ว์ สตั ว์ชนิดหน่ึงจะมีความสมั พนั ธ์ กบั สตั วอ์ กี ชนิดหน่ึงและเกย่ี วขอ้ งกบั สงิ่ มชี วี ติ อ่นื ๆ เชน่ การเลย้ี งหมู ควบคู่กบั ปลา การเล้ยี งเป็ดหรอื ไก่ร่วมกบั ปลา การเล้ยี งปลาแบบ ผสมผสาน เป็นตน้

ลกั ษณะของการผสมผสาน (ต่อ) 3. การปลูกพชื ผสมผสานกบั การเล้ยี งสตั ว์ เช่น การเล้ยี งปลาใน นาขา้ ว การเลย้ี งเป็ดในนาขา้ ว การเลย้ี งหมแู ละปลกู ผกั การเลย้ี ง สตั วแ์ ละปลูกพชื ไร่ เป็นตน้ ดงั นัน้ รปู แบบการผสมผสานระหว่าง การปลูกพชื และสตั ว์จงึ เป็นรูปแบบการเกษตรท่สี อดคล้องและมี การเกอ้ื กูลประโยชน์ระหวา่ งกจิ กรรมการผลติ ต่าง ๆ

ประโยชน์ท่ีได้รบั ของระบบเกษตรผสมผสาน 1. ลดความเสย่ี งจากความแปรปรวนของสภาพลมฟ้าอากาศ 2. ลดความเสย่ี งจากความผนั แปรของราคาผลผลติ 3. ลดความเสย่ี งจากการระบาดของศตั รพู ชื 4. ชว่ ยเพม่ิ รายไดแ้ ละกระจายรายไดต้ ลอดปี 5. ชว่ ยกอ่ ใหเ้ กดิ ความหลากหลายทางพนั ธุกรรม

ประโยชน์ที่ได้รบั ของระบบเกษตรผสมผสาน (ต่อ) 6. ช่วยกระจายการใชแ้ รงงาน ทาใหม้ งี านทาตลอดปี เป็นการลดการ เคล่อื นยา้ ยแรงงานออกนอกภาคเกษตร 7. ชว่ ยก่อใหเ้ กดิ การหมนุ เวยี น (Recycling) ของกจิ กรรมต่างๆ 8. ชว่ ยใหเ้ กษตรกรมอี าหารเพยี งพอตอ่ การบรโิ ภคภายในครวั เรอื น 9. ชว่ ยทาใหค้ ณุ ภาพชวี ติ ของเกษตรกรดขี น้ึ

3. เกษตรอินทรีย์ เป็นระบบการผลิตทางการเกษตรท่หี ลีกเล่ียงการใช้ป๋ ุยเคมี สงั เคราะห์ สารเคมกี าจดั ศตั รพู ชื และฮอรโ์ มนทก่ี ระตุน้ การเจรญิ เตบิ โต ของพืชและสตั ว์ การควบคุมศัตรูพืชโดยชีวภาพ เพ่ือรักษาความ อุดมสมบรู ณ์ของดนิ เป็นแหล่งอาหารของพชื

วตั ถปุ ระสงคข์ องเกษตรอินทรีย์ 1. เพ่อื การฟ้ืนฟูความอุดมสมบูรณ์ของดิน ดินเป็นปัจจัยสาคญั ทส่ี ดุ ของสงิ่ มชี วี ติ ดงั นนั้ ดนิ ทม่ี คี วามอุดมสมบูรณ์ตอ้ งมคี ุณสมบตั ทิ ่ี ประกอบดว้ ยส่วนสาคญั 3 ประการ คอื แร่ธาตุ อนิ ทรยี วตั ถุ และ สง่ิ มชี วี ติ ในดนิ

วตั ถปุ ระสงคข์ องเกษตรอินทรีย์ (ต่อ) 2. เพ่อื สร้างความปลอดภยั ของอาหาร เน่ืองจากการใช้สารเคมี ในปรมิ าณทม่ี ากและสะสมเป็นระยะเวลานาน ก่อใหเ้ กดิ ผลกระทบ ต่อสงิ่ แวดลอ้ มและผลกระทบต่อสุขภาพของเกษตรกรและผบู้ ริโภค จากสารพษิ ทต่ี กคา้ งในผลผลติ ทางการเกษตร

หลกั การเกษตรอินทรีย์ องค์กรระหว่างประเทศ สหพนั ธ์เกษตรอินทรีย์นานาชาติ (IFOAM) ไดร้ ะดมนักวชิ าการและผเู้ ชย่ี วชาญทม่ี ปี ระสบการณ์ดา้ น เกษตรอนิ ทรยี ์โดยตรงจากทวั่ โลก มานิยามหลกั การเกษตรอนิ ทรีย์ เม่อื ปลายปี 2548 ซ่ึงท่ปี ระชุมใหญ่ได้ลงมติรบั รองหลกั การเกษตร อนิ ทรยี ด์ งั กล่าว โดยหลกั การดงั กลา่ ว ประกอบดว้ ย 4 ขอ้ สาคญั คอื 1.สขุ ภาพ(Health) 2.นิเวศวทิ ยา (Ecology) 3.ความเป็นธรรม (Fairness) 4.การดแู ลเอาใจใส่ (Care)

แนวทางเกษตรอินทรีย์ 1. การอนุรกั ษ์นิเวศการเกษตร 2. การฟ้ืนฟูนิเวศการเกษตร 3. การพง่ึ พากลไกธรรมชาตใิ นการทาเกษตร 4. การควบคุมและป้องกนั มลพษิ 5. การพง่ึ พาตนเองดา้ นปัจจยั การผลติ

ระบบการผลิตเกษตรอินทรีย์ 1. เกษตรอนิ ทรยี แ์ บบพง่ึ ตนเองเป็นเกษตรอนิ ทรยี ซ์ ่งึ พฒั นามาจาก ภูมปิ ัญญาพน้ื บา้ นปราชญ์ชาวบา้ น สว่ นใหญ่เป็นเกษตรอินทรยี แ์ บบ พ้ืนบ้าน ผลิตเพ่ือการบริโภคในครวั เรือนเป็ นหลัก และมีการนา ผลผลติ บางสว่ นไปจาหน่ายในตลาดทอ้ งถน่ิ

ระบบการผลิตเกษตรอินทรีย์ (ต่อ) 2. เกษตรอนิ ทรยี แ์ บบมาตรฐานเกดิ จากการพฒั นาตามกระบวนการ ทางวิชาการ เม่ือได้รบั การรบั รองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์แล้ว ผูบ้ รโิ ภคกจ็ ะพจิ ารณาเลอื กซ้อื จากความเช่อื ถอื ในตรารับรอง และ สามารถสง่ ออกไปจาหน่ายในตา่ งประเทศได้

4. เกษตรธรรมชาติ เกษตรธรรมชาติเป็ นระบบเกษตรท่ีคานึงถึงระบบนิเวศและ สภาพแวดลอ้ มเป็นการเรมิ่ กระบวนการแหง่ การปรบั เปลย่ี นแนวความคดิ และแนวทางการทาการเกษตร เพ่อื ใหเ้ ป็นการทาการเกษตรท่สี ามารถ รักษาสภาพแวดล้อมด้วยยึดถือกฎแห่งธรรมชาติ ยึดหลักสาคัญ 4 ประการ คอื 1.ไมม่ กี ารไถพรวนดนิ 2.งดเวน้ การใสป่ ๋ ยุ 3.ไมก่ าจดั วชั พชื 4.ไมใ่ ชส้ ารเคมกี าจดั ศตั รพู ชื เป็นแนวทางของ มาซาโนบุ ฟกู โุ อกะ

วตั ถปุ ระสงคเ์ กษตรธรรมชาติ เน้นความสามารถทจ่ี ะนากระบวนการควบคุมทางธรรมชาติ โดยไมม่ กี ารใชส้ ารเคมใี นการป้องกนั และกาจดั ศตั รพู ชื รวมไปถงึ ไมม่ ี การใช้ป๋ ุยเคมหี รอื การแทรกแซงใดๆ ในการบารุงดนิ การปล่อยให้ ธรรมชาติในรูปของพืชชนิดต่างๆ ท่ีมีระบบการเจริญเติบโตและ วงจรชวี ติ ทแ่ี ตกต่างกนั ควบคุมกนั เอง จะก่อใหเ้ กดิ ความสมดุลทาง ธรรมชาตไิ ดใ้ นทส่ี ดุ

หลกั การเกษตรธรรมชาติ 1. ไม่มกี ารไถพรวนดนิ การไม่ไถพรวนดนิ เป็นบทแรกแห่ง การเกษตรธรรมชาติ เน่ืองจากในธรรมชาตนิ ัน้ พน้ื ดนิ มกี ารไถพรวน โดยตวั ของมนั เองอย่แู ลว้ โดยการชอนไชของรากพชื สตั ว์ แมลงและ สงิ่ มชี วี ติ เลก็ ๆ

หลกั การเกษตรธรรมชาติ (ต่อ) 2. งดเว้นการใส่ป๋ ุย เน่ืองจากการใส่ป๋ ุยเป็ นการเร่ง การเจรญิ เตบิ โตของพชื พชื ท่ใี ส่ป๋ ุยมกั จะอ่อนแอส่งผลใหเ้ กดิ โรค และแมลงไดง้ า่ ย

หลกั การเกษตรธรรมชาติ (ต่อ) 3. ไม่กาจดั วชั พชื เน่ืองจากงานกาจดั วชั พชื เป็นงานหนกั และ แม้จะคดิ ค้นวธิ กี ารต่างๆ ก็ไม่สามารถทาให้วชั พชื หมดไปได้ ดงั นัน้ เราจาเป็ นต้องยอมรับการดารงอยู่ เกษตรธรรมชาติต้องคิดค้น กฎเกณฑ์ท่ีวชั พชื จะควบคุมกนั เอง เช่น การปลูกพชื บางชนิดคลุม หญา้ แลว้ กเ็ ป็นป๋ ยุ แก่พชื ปลกู ดว้ ย

หลกั การเกษตรธรรมชาติ (ต่อ) 4. ไมใ่ ชส้ ารเคมกี าจดั ศตั รพู ชื สารเคมไี มเ่ คยกาจัดศตั รพู ชื ได้ ไดโ้ ดยเดด็ ขาดเพยี งแต่หยดุ ไดช้ วั่ ครงั้ ชวั่ คราวเทา่ นนั้ เน่ืองจากในโลก แหง่ ความจรงิ ไมม่ ที างบอกไดว้ า่ อะไรคอื แมลงศตั รพู ชื อะไรคือแมลงท่ี เป็นประโยชน์

5. เกษตรทฤษฎีใหม่ เป็นระบบเกษตร ทเ่ี น้นการจดั การแหล่งน้า และการจดั สรรแบ่ง ส่วนพ้นื ท่ที าการเกษตรอย่างเหมาะสม พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หวั รชั กาลท่ี 9 พระราชทานแนวทางเกษตรทฤษฎใี หม่ เม่อื วนั ท่ี 4 ธนั วาคม 2540 ซ่งึ เป็นช่วงท่ปี ระเทศไทยไดร้ บั ผลกระทบอย่างรุนแรงจากวกิ ฤติ เศรษฐกจิ ฟองสบู่

เกษตรทฤษฎีใหมเ่ กิดจากการวิเคราะหป์ ัญหาทวั่ ไป โดยเฉพาะเกษตรในประเทศไทย มี 2 ปัญหาที่สาคญั คือ 1. ปัญหาภยั แลง้ จากการขาดแคลนน้า พน้ื ทเ่ี กษตรกรรมกวา่ 70% อยนู่ อกเขตชลประทานทาใหเ้ กษตรกรตอ้ งอาศยั แหลง่ น้าจาก ธรรมชาตเิ พยี งอยา่ งเดยี ว 2. ความไม่มนั่ คงทางดา้ นอาหารของเกษตรกร ดงั นัน้ การเกษตร ตามแนวทฤษฎีใหม่ จงึ เน้นใหม้ กี ารผลติ ขา้ วไว้ใช้ในการบรโิ ภค นอกเหนือจากการปลูกข้าว ให้จัดสรรพ้ืนท่ีสาหรับทา การ เพาะปลกู และเลย้ี งสตั วอ์ น่ื ๆ ออกเป็นสดั สว่ น ดงั น้ี

สว่ นท่ี 1 รอ้ ยละ 30 ของพน้ื ท่ี ใหม้ กี ารขดุ สระน้า สว่ นท่ี 2 ร้อยละ 30 ของพน้ื ท่ี ใชเ้ พาะปลกู พชื ผกั สวนครวั หรอื ปลกู ไม้ ผลไมย้ นื ตน้ สว่ นท่ี 3 รอ้ ยละ 30 ของพน้ื ท่ี ใชใ้ นการทานาหรอื ปลกู ขา้ ว สว่ นท่ี 4 รอ้ ยละ 10 ของพน้ื ท่ี เป็นบรเิ วณทอ่ี ยอู่ าศยั

วตั ถปุ ระสงคข์ องเกษตรทฤษฎีใหม่ 1. ความมนั่ คงทางดา้ นอาหาร 2. การจดั การทรพั ยากรน้า 3. ความมนั่ คงทางดา้ นรายได้

หลกั การทฤษฎีใหม่ ทฤษฎใี หม:่ ขนั้ ทห่ี น่ึง การผลติ เป็นการผลติ ใหพ้ ง่ึ พาตนเองได้ ดว้ ยวธิ งี ่าย คอ่ ย เป็นคอ่ ยไปตามกาลงั ใหพ้ อมพี อกนิ ไมอ่ ดอยาก

หลกั การทฤษฎีใหม่ (ต่อ) ทฤษฎใี หม:่ ขนั้ ทส่ี อง เกษตรกรรวมกลุ่มเพ่อื ช่วยเหลอื ซ่งึ กนั และกนั แต่ละคน แต่ละครอบครวั จงึ เกดิ ความรูค้ วามสามารถท่เี ขม้ แขง็ ในรปู แบบ กล่มุ ดงั นนั้ หลกั การรวมกลุม่ จงึ รว่ มกนั ชว่ ยเหลอื ซ่งึ กนั และกนั รวม พลงั กนั ในรปู กลุม่ หรอื สหกรณ์

หลกั การทฤษฎีใหม่ (ต่อ) ทฤษฎใี หม:่ ขนั้ ทส่ี าม เม่อื ดาเนินการผ่านพน้ ขนั้ ท่สี องแลว้ เกษตรกรจะมีรายไดด้ ี ขน้ึ ฐานะมนั่ คงขน้ึ เกษตรกรหรอื กลุ่มเกษตรกรตดิ ต่อประสานงาน เพ่อื จดั หาทุนหรอื แหล่งเงนิ เช่น ธนาคาร หรอื บรษิ ทั หา้ งรา้ นเอกชน มาช่วยในการทาธุรกิจ การลงทุนและพัฒนาคุณภาพชีวิต ซ่ึง เกษตรกรและฝ่ายธนาคารกบั บรษิ ทั จะไดร้ บั ประโยชน์รว่ มกนั

6. วนเกษตร เป็นเกษตรกรรมทน่ี าเอาหลกั การความยงั่ ยนื ถาวรของระบบ ป่าธรรมชาติ มาเป็นแนวทางในการทาการเกษตร ใหค้ วามสาคญั เป็ น อย่างสูงกับการปลูกไม้ยืนต้น ไม้ผล และไม้ใช้สอยต่าง ๆ ให้เป็น องค์ประกอบหลักผสมผสานกับการปลูกพืชชัน้ ล่างท่ีไม่ต้องการ แสงแดดมาก หรอื ไดอ้ าศยั รม่ เงา และความชน้ื จากการทม่ี พี ชื ชนั้ บนขน้ึ ปกคลุม รวมทงั้ การจดั องคป์ ระกอบการผลติ ทางการเกษตรใหม้ คี วาม หลากหลายชนิดของพชื และสตั ว์

วตั ถปุ ระสงคว์ นเกษตร 1. ชว่ ยปรบั ปรงุ อนุรกั ษแ์ ผน่ ดนิ ทเ่ี สอ่ื มโทรมใหม้ คี วามสมบรู ณ์ดขี น้ึ 2. การดารงอยรู่ ว่ มกนั ระหวา่ งพน้ื ทป่ี ่ากบั การเกษตร 3. เพมิ่ พน้ื ทป่ี ่าไมข้ องประเทศ 4. การอนุรกั ษ์ความหลากหลายทางชวี ภาพ 5. ชว่ ยเหลอื ราษฎรทย่ี ากจน การทามาหากนิ รว่ มกบั ป่า

หลกั การวนเกษตร 1. การมตี น้ ไมใ้ หญ่และพชื หลายระดบั 2. การเลอื กพชื เศรษฐกจิ ใหเ้ หมาะสมกบั พน้ื ท่ี 1) ประโยชน์ท่เี กดิ ขน้ึ ต่อระดบั เกษตรกรเพมิ่ ความยัง่ ยนื ของ การใชท้ ด่ี นิ ปรบั ปรงุ สภาพแวดลอ้ มทางการเกษตรทท่ี รดุ โทรมใหฟ้ ้ืนฟู กลบั คนื ดขี น้ึ 2) ประโยชน์ทเ่ี กดิ ขน้ึ ต่อเศรษฐกจิ ระดบั ประเทศ ทาให้คุณภาพ ชวี ติ ของคนในชนบทดขี น้ึ 3) การใช้ป๋ ุยธรรมชาติโดยจะได้รับประโยชน์เต็มท่ีและ ไมร่ บกวนระบบนิเวศของป่าไม้

ระบบวนเกษตร ระบบวนเกษตรสามารถแยกออกเป็ นรูปแบบย่อยๆ ตามองคป์ ระกอบของกจิ กรรมหลกั ได้ 4 ระบบ คอื 1. ระบบปลกู ป่า นาไร่ (Agrisylvicultural system) หรอื ระบบปลกู พชื ควบ เป็นการหวงั ผลผลติ ทงั้ ไมป้ ่าและไร่นา เพ่อื จะไดผ้ ลผลติ สูง สามารถทาได้ หลายรปู แบบ ดงั น้ี 1) ปลกู ตน้ ไมต้ ามแนวรอบนอกของแปลงปลกู พชื เกษตร 2) ปลกู ตน้ ไมส้ ลบั แถวเวน้ แถวระหวา่ งไมป้ ่ากบั พชื เกษตร 3) ปลกู สลบั เป็นแถบๆ ระหวา่ งไมป้ ่ากบั พชื เกษตร 4) ปลูกผสมโดยการสุ่มอย่างไม่เป็นระเบยี บระหว่างต้นไม้ป่ากบั พชื เกษตร

ระบบวนเกษตร (ต่อ) 2. ระบบป่าไม-้ ปศสุ ตั ว์ (Sylvopastoral system) หรอื มกี ารผลติ ปศสุ ตั ว์ พรอ้ ม ทงั้ การปลูกป่ าเพ่อื ใช้ส่วนต่างๆ ของต้นไม้เพ่อื การเล้ยี งปศุสัตว์ หรอื การปลูก หญา้ เสรมิ 3. ระบบเกษตร-ป่าไม-้ ปศุสตั ว์ (Agrosylvopastoral system) หรอื เป็นการใช้ ประโยชน์ท่ดี นิ ร่วมกนั ระหว่างกิจกรรมหลกั ทงั้ 3 กิจกรรมคอื เล้ียงสตั ว์ ปลูก ตน้ ไมแ้ ละการทากสกิ รรม ควบคไู่ ปพรอ้ มๆ กนั 4. ระบบป่ าไม-้ ประมง (Piscisilviculfural system) เป็นการใชป้ ระโยชน์ทด่ี นิ รว่ มกนั ระหว่างการป่ าไมแ้ ละการประมง เช่น การทาฟารม์ กุง้ และทาฟารม์ หอย ตามป่าชายเลน หรอื การเลย้ี งปลาน้าจดื ตามรอ่ งน้าหระหวา่ งแถว


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook