Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การเตรียมคนไทย

การเตรียมคนไทย

Description: การเตรียมคนไทย

Search

Read the Text Version

44 วารสารด�ำ รงราชานภุ าพ ตามพระราชดำ� รสั ของพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั แตจ่ ากการสำ� รวจความคดิ เหน็ จาก รัชกาลที่ 9 (10) รู้จักด�ำรงตนอยู่โดยใช้หลัก ในกลมุ่ นกั ศกึ ษาในมหาวทิ ยาลยั พบวา่ นกั ศกึ ษา ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งตามพระราชดำ� รสั ไมไ่ ดใ้ หค้ วามสำ� คญั ตอ่ เรอ่ื งตา่ งๆ ของหลกั คณุ ธรรม ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลท่ี 9 ท้ัง 12 เร่ืองแบบเท่ากัน มี 3 หลักคุณธรรม รจู้ กั อดออมไวใ้ ชเ้ มอื่ ยามจำ� เปน็ มไี วพ้ อกนิ พอใช้ ที่ให้ความส�ำคัญต�่ำกว่าหลักอ่ืน คือ การรักษา ถา้ เหลอื กแ็ จกจา่ ยจำ� หนา่ ย และพรอ้ มทจ่ี ะขยาย วฒั นธรรมประเพณไี ทยอนั งดงาม (ขอ้ 5) การใฝห่ า กิจการเมื่อมีความพร้อม เม่ือมีภูมิคุ้มกันที่ดี ความรู้ หมั่นศึกษาเล่าเรียนทั้งทางตรง และ (11) มคี วามเขม้ แขง็ ทง้ั รา่ งกาย และจติ ใจ ไมย่ อมแพ้ ทางออ้ ม (ขอ้ 4) และการรจู้ กั ด�ำรงตนอยูโ่ ดยใช้ ตอ่ อำ� นาจฝา่ ยตำ�่ หรอื กเิ ลส มคี วามละอายเกรงกลวั หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (ข้อ 10) ต่อบาปตามหลักของศาสนา (12) ค�ำนึงถึง (Ngammuk, 2016) ดงั นน้ั การรณรงคส์ าระสำ� คญั ผลประโยชนข์ องสว่ นรวม และของชาตมิ ากกว่า ท้ัง 12 เร่ืองออกไปพร้อมกันในคราวเดียวกัน ผลประโยชน์ของตนเอง ในขณะที่ผู้รับสารให้ความส�ำคัญไม่เท่ากัน คา่ นยิ มหลกั 12 ประการน้ี นอกจาก จงึ เทา่ กบั วา่ สาระสำ� คญั ทผ่ี รู้ บั สารใหค้ วามสำ� คญั การเผยแพร่แบบรณรงค์ผ่านสื่อมวลชนแขนง ต�่ำน้ัน จะกลายเป็นข้อมูลส่วนเกินที่ไม่เกิด ต่างๆ แล้ว ยังมีการจัดท�ำเพลงค่านิยม 12 ประโยชน์อันใด เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนและ ประการ จดั ทำ� เวบ็ ไซตเ์ พอื่ การเผยแพรเ่ รอ่ื งนใี้ น พึงระวงั ของการรณรงค์ ยง่ิ ไปกว่านั้น เม่ือมกี าร วงกว้าง จัดท�ำเป็นแนวทางการพัฒนาและ มีการน�ำเอาเรื่องคุณธรรม 12 ประการน้ี ประเมนิ ค่านิยมหลักของคนไทย 12 ประการขน้ึ ไปพิจารณาถึงความเหมาะสมของบุคลิกภาพ โดยสำ� นกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน ของครูปฐมวัย ซึ่งเป็นช่วงวัยท่ีเด็กจะเรียนรู้ มกี ารสรา้ งตวั ชว้ี ดั และรณรงคเ์ รอื่ งน้ี 4 แนวทาง ผา่ นการเหน็ ตวั อยา่ งทแ่ี สดงออก ตามบคุ ลกิ ภาพ ดว้ ยกนั คอื (1) บรู ณาการเขา้ กบั การจดั การเรยี น เชิงประจักษ์ จากการส�ำรวจข้อมูลครูปฐมวัย การสอนทุกกลุม่ สาระการเรียนรู้ (2) บรู ณาการ ในภาคใต้ มีความคิดเห็นท่ีสะท้อนว่า เร่ืองของ ในการจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน (3) สอดแทรก คณุ ธรรม 12 ประการเปน็ เรอ่ื งทคี่ รพู งึ ตระหนกั รู้ ในกิจวัตรประจ�ำวันของสถานศึกษา (4) จัดท�ำ และพัฒนาตนเองเป็นกิจวัตรปฏิบัติมากกว่าจะ โครงการเพอื่ ปลกู ฝงั และพฒั นาคา่ นยิ มหลกั ของ รณรงค์กับเด็กนักเรียน (สุธัญญา ฐิโตปการ, คนไทย 12 ประการ 2558)

วารสารด�ำ รงราชานภุ าพ 45 6. กา้ วย่างเขา้ สศู่ ตวรรษท่ี 21 เม่ือน�ำกรอบการเรียนรู้ทางสังคม 6.1 จากคนโลเล ไม่ซื่อสัตย์ สู่ระบบ ขา้ งตน้ มาพจิ ารณาการเรยี นรทู้ างสงั คมของไทย เหตผุ ล (Rationalism) ผา่ นการสรา้ งรฐั ชาตแิ ละความเปน็ ไทยแบบรวมศนู ย์ หากยอ้ นกลบั ไปพจิ ารณาถงึ บนั ทกึ เข้าสู่ส่วนกลางท้ังการจัดการปกครองและ และทัศนะของชาวต่างชาติที่มีต่อคนสยามใน การสร้างอัตลักษณ์ การปะทะกันระหว่างการ สมยั อยธุ ยาตอนกลาง ทวี่ า่ คนสยามเปน็ คนโลเล รวมศูนย์เข้าสู่ศูนย์กลางกับการกระจายออก ไม่ซ่ือสัตย์ ฯลฯ นั้น ย่อมไม่ได้หมายความว่า จากศนู ยก์ ลางของการเปลย่ี นแปลงการปกครอง ลักษณะของคนไทย มีนิสัยไม่มีวินัย นิยมใน พ.ศ. 2475 การรัฐประหาร พ.ศ. 2490 การ การทุจริตติดตัวมาแต่โบราณแล้วจะพัฒนา เลือกตั้งสกปรก พ.ศ. 2500 การเรียกร้อง เปลยี่ นแปลงไมไ่ ด้ ทงั้ นก้ี เ็ พราะบนั ทกึ และทศั นะ ประชาธิปไตย พ.ศ. 2516 การล้อมปราบ ดังกล่าวเป็นมุมมองของผู้คนที่มาจากสังคมที่มี นักศึกษาในเหตุการณ์ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2519 การจัดระเบียบสูงกว่า มีประสิทธิภาพมากกว่า การรัฐประหาร พ.ศ. 2534 การขับไล่ทหาร และมกี ารจดั การความซบั ซอ้ นทางสงั คมไดด้ กี วา่ และการต่อต้านการสืบทอดอ�ำนาจในเดือน ท้ังน้ีกเ็ พราะในยคุ สมัยนน้ั ตรงกบั ชว่ งกลางของ พฤษภาคม พ.ศ. 2535 และการมีส่วนร่วม ศตวรรษที่ 16 ซงึ่ เปน็ ยคุ ทโ่ี ปรตเุ กสและสเปนเรมิ่ ยกรา่ งรฐั ธรรมนญู พ.ศ. 2540 จนถงึ การเผชญิ กบั สร้างกองเรือเพ่ือแสวงหาแผ่นดินตะวันออก วกิ ฤติเศรษฐกิจ พ.ศ. 2540 จะเห็นได้วา่ การคิด ที่โปรตุเกส มีการจัดต้ังโรงเรียนเพ่ือฝึกก�ำลังคน การรับรู้ และการยอมรับของสังคมไทยมีความ ในด้านนี้โดยตรง มีการออกแบบเรือที่สามารถ พยายามที่ด�ำเนินไปตามกรอบของระบบเหตุผล เดินทางฝา่ คล่นื ลมทะเล มกี ารศึกษาเข็มทิศการ แตส่ งั คมทเี่ ปน็ จรงิ กลบั สรา้ งตวั อยา่ งเชงิ ประจกั ษ์ เดินทางจากวิถีโคจรของดวงดาว ฯลฯ ในขณะที่ ไปในทางตรงกนั ขา้ มเปน็ ตวั อยา่ งของความสำ� เรจ็ สยามในอยุธยา เป็นเพียงย่านการค้าแบบทาง ด้วยระบบอุปถัมภ์และพวกพ้อง โดยเฉพาะ ผา่ นของการเดนิ ทาง วถิ ชี วี ติ ตงั้ อยบู่ นความเรยี บงา่ ย อ ย ่ า ง ยิ่ ง ก า ร ร ่ ว ม มื อ กั น ส ร ้ า ง ป ร ะ โ ย ช น ์ ของสังคมแบบชุมชนเกษตร อยุธยาและสยาม ส่วนตัวระหว่างทหาร ต�ำรวจ และข้าราชการ ยอ่ มจะเปน็ สงั คมทมี่ กี ารเรยี นรทู้ างสงั คมทด่ี อ้ ยกวา่ ระดับสูงกับพ่อค้าชาวจีนบางกลุ่มในการสร้าง และไม่ได้หมายความว่าสังคมในยุโรปไม่มีเรื่อง อตุ สาหกรรมและธรุ กจิ บางประเภท เชน่ ธนาคาร เชน่ วา่ นเ้ี ลย ดงั นน้ั ลกั ษณะการคดิ การรบั รู้ และ บริษัทน�ำเข้าและส่งออก ฯลฯ หลังการ การยอมรับของผู้คนในสังคม จึงมีลักษณะ รัฐประหาร พ.ศ. 2490 และการอยู่รอดของ ตามความสัมพันธ์กับระดับการเรียนรู้ทางสังคม เศรษฐกิจขนาดใหญ่ในวิกฤติทางการเงิน พ.ศ. เป็นองค์ประกอบ 2540 ดว้ ยความเปน็ กจิ การสมั ปทานรฐั ปรากฏการณ์

46 วารสารด�ำ รงราชานุภาพ เหล่านี้ เท่ากับไปตอกย้�ำการสร้างความส�ำเร็จ ความมวี นิ ยั ความสจุ รติ การมจี ติ สาธารณะ และ สว่ นตวั และค�ำนงึ ถึงประโยชนร์ ะยะสัน้ มากกวา่ ความรับผิดชอบน้ัน ไม่ควรจะเป็นเพียงการ เร่ืองของสังคมประเทศชาติ ตัวอย่างการสร้าง แนะน�ำสร้างการรู้จักว่าองค์ประกอบข้างต้นนั้น ธุรกิจของพ่อค้านักธุรกิจที่ใกล้ชิดกับระบบ คืออะไรและมีความส�ำคัญอย่างไร ควรที่จะ ศูนย์อ�ำนาจ จึงกลายเป็นตวั อย่างของการเรียนรู้ รณรงค์ไปพร้อมๆ กับการลดเงื่อนไขท่ีท�ำให้ ทางสังคมในโลกทเ่ี ป็นจรงิ และสง่ ตอ่ กันดว้ ยการ สภาวะทางสงั คมตรงกนั ขา้ มกบั องคป์ ระกอบนน้ั เอาอยา่ งเลยี นแบบ (Imitation) ตามแนวคดิ การ ด�ำรงอยู่ได้ในสังคม รวมทั้งประสานสนับสนุน อธิบายปรากฏการณ์ทางสังคมของ Gabriel ให้มีการรณรงค์ในเรื่องท่ีท�ำให้สังคมเดินไป Tarde ประสบการณ์และการเรียนรู้ทางสังคม ขา้ งหนา้ ตามกรอบของการพฒั นารว่ มกนั ระหวา่ ง ของไทยต่างไปอย่างสิ้นเชิงกับการสร้างชาติของ อุตสาหกรรมกับชุมชน/สิ่งแวดล้อม เมืองกับ สิงคโปร์ ท่ีลี กวน ยู และพรรคกิจประชาคม ชนบท การด�ำเนินงานของธุรกิจท่ีค�ำนึงถึงการ อาสาเข้าไปจัดการรัฐบาลและกลไกของส่วน แก้ไขปัญหาสังคม ซึ่งเป็นการสนับสนุนให้กลไก ราชการให้มีประสิทธิภาพเพ่ือสร้างโอกาสของ การเรียนรู้ทางสังคมมีความสอดคล้องกับความ การพัฒนาให้กว้างออกไปและลดทอนโอกาส เป็นไปตามหลักของระบบเหตุผล หากจะมีการ ทีจ่ ะตอ้ งจ่ายสนิ บนแก่เจา้ หนา้ ทข่ี องรัฐ จัดการให้มีการประสานความร่วมมือ ประสาน กลา่ วอกี อยา่ งหนงึ่ ไดว้ า่ ไมใ่ ชเ่ พราะคนไทย กลไกกระบวนการระหวา่ งองคก์ รตา่ ง ๆ ทรี่ บั ผดิ ชอบ คิดเรื่องจริยธรรมและคุณธรรมไม่เป็นหรือมอง ในการรณรงค์ในเรื่องเหล่านี้กับหน่วยงานที่จะ ไม่เห็น แต่เป็นเพราะการปฏิบัติจริงของสังคม แปรผลแผนการสร้างกระบวนทัศน์และหลักคิด ไมเ่ ป็นไปตามครรลองนัน้ จึงส่งผลตอ่ การเรียนรู้ ท่ีเหมาะสมสู่การปฏิบัติจริงในสังคมในพ้ืนท่ี ทางสังคมด้วยข้อมูลข่าวสารท่ีล�ำเลียงส่งต่อจาก ที่เหมาะสม เช่น ตามพื้นท่ีของเทศบาลหรือ รนุ่ สรู่ นุ่ ดว้ ยการสรา้ งความสำ� เรจ็ ของกจิ การและ จังหวัด แล้วจัดการให้เป็นไปตามหลักของการ การอยรู่ อดในสงั คมดว้ ยการพง่ึ พาระบบอปุ ถมั ภ์ สร้างผลลัพธ์ร่วม (Collective impact) เช่น มากกว่ากลไกของการจัดการแบบธรรมาภิบาล ความส�ำเร็จท่ีเคยรณรงค์เพ่ือแก้ไขปัญหาเรื้อรัง ดงั นน้ั การทจี่ ะดำ� เนนิ งานใหเ้ ปน็ ไปตามแผนการ ของสังคมของสหรัฐอเมริกา ไม่ว่าจะเป็นกรณี สร้างกระบวนทัศน์และหลกั คดิ ท่ีเหมาะสม เพื่อ การฟื้นฟูแม่น้�ำ Elizabeth การรณรงค์ต่อต้าน เตรยี มความพรอ้ มรองรบั ตอ่ การเปลยี่ นผา่ นทาง โรคการอ้วนเกินของเด็กในเมือง Somerville สังคมเข้าสู่ศตวรรษท่ี 21 ด้วยองค์ประกอบ/ หรือการรณรงค์แก้ไขปัญหาการไม่สนใจเรียน เปา้ หมายข้ันต้น 5 ประการ คอื ความพอเพียง และละทิ้งการเรียนของเด็กมัธยมของเมือง

วารสารด�ำ รงราชานุภาพ 47 Cincinnati ก็จะเป็นการสร้างรูปแบบใหม่ของ วิถีความสัมพันธ์แบบใหม่ของ การรณรงค์ที่สร้างท้ังกระแสและผลลัพธ์ต่อการ สังคมดิจิทัล เป็นวิถีที่เอื้อต่อการรวมกลุ่มตาม เปลย่ี นแปลงสงั คมของไทย ความชอบ ความเชอ่ื และตามกระแสความคดิ เหน็ เบ้ืองต้น ซึ่งเป็นกระบวนการรวมกลุ่มตาม 6.2 ความหลากหลาย และวาทกรรม ความตระหนักรู้ร่วมกันของสังคม มีความ - คู่ตรงกนั ข้าม หลากหลาย/ไม่ใช่กลุ่มตามสาขาอาชีพหรือตาม การกา้ วเขา้ สคู่ วามเขม้ ขน้ หลากหลาย พนื้ ท่ี เปน็ ไปอยา่ งกวา้ งขวางหรอื เปน็ กระแสนยิ ม และซับซ้อนตามวิถีความสัมพันธ์แบบใหม่ของ ของสังคมได้ หากเร่ืองน้ันเป็นที่สนใจของคนใน สงั คมดจิ ทิ ลั นน้ั แทท้ จ่ี รงิ สงั คมไทยเคยมตี วั อยา่ ง สงั คมพรอ้ ม ๆ กนั ในขณะเดยี วกนั กบั ทมี่ กี ารรวม ของความเข้มข้นของการสื่อสารตามเครือข่าย กลมุ่ ตามความตระหนกั รรู้ ว่ มกนั ของสงั คมขนึ้ นนั้ ของโทรศัพท์เคล่ือนที่ในคราวม็อบมือถือของ สังคมจะผลิต/สร้างความแตกต่างทางสังคม ซ่ึง เหตุการณ์การทางการเมืองเดือนพฤษภาคม เป็นด้านตรงกันข้ามไปพร้อมกัน ดังน้ัน ความ พ.ศ. 2535 การส่ือสารทางการเมืองของขบวน เส่ียงของการด�ำเนินงานตามแผนการสร้าง คนเสื้อเหลือง (รวมทั้ง กปปส.) และขบวน กระบวนทศั นแ์ ละหลกั คดิ ทเ่ี หมาะสมดว้ ยการนำ� คนเสอ้ื แดง ซงึ่ เปน็ ตวั อยา่ งของการตดิ ตอ่ สอื่ สาร เอาองค์ประกอบ/เป้าหมายข้ันต้น 5 ประการ กันเองโดยผู้บริโภคข้อมูลข่าวสารตามช่องทาง ไปแปรผลสกู่ ารปฏบิ ตั ิ นนั้ มคี วามเปน็ ไปไดท้ จ่ี ะ แ ล ะ วิ ถี ข อ ง ค ว า ม สั ม พั น ธ ์ แ บ บ เ ค รื อ ข ่ า ย ถกู ตคี วามไปวา่ เปน็ เครอื่ งมอื และกลไกของรฐั บาล ซึ่ ง ต ่ า ง ไ ป จ า ก ก า ร สื่ อ ส า ร ผ ่ า น ส่ื อ ม ว ล ช น ท่ีมาจากการรัฐประหาร และเป็นวิธีคิดแบบ ไม่ว่าจะเป็นของรัฐหรือเอกชน ที่มีหน่วย เดียวกันกับการรวมอ�ำนาจเข้าสู่ศูนย์กลาง คัดกรองและก�ำหนดความเป็นไปของข้อมูล ความเส่ียงในประการต่อมา คือ วิถีของการ ข่าวสาร ซึ่งเป็นวิถีของการสื่อสารที่มีศูนย์กลาง ส่ือสารตามเครือข่ายดิจิทัล เอ้ือต่อการสร้าง การก�ำกับควบคุม กล่าวได้ว่า สังคมของไทยได้ วาทกรรม และสร้างกระแสการไหลเวียนของ ก้าวเข้าสู่วิถีของการส่ือสารเครือข่ายมานานนับ สาระส�ำคัญ/ประเด็นท่ีไม่เป็นไปตามระบบ 2 ทศวรรษแล้ว ดังนนั้ ความเขม้ ข้น หลากหลาย เหตผุ ล และมกั จะองิ ไปกบั การนำ� เสนอทสี่ อดรบั ของข้อมูลข่าวสาร ผู้ส่งสารและการรับข้อมูล กบั อารมณข์ องสงั คมเปน็ ทต่ี งั้ ลกั ษณะของสงั คม ข่าวสารในสังคมเปล่ียนแปลงเป็นไปอย่างไร ในยคุ ดจิ ทิ ลั จะเออ้ื ตอ่ การไหลเวยี นของวาทกรรม ความสัมพันธ์ทางสังคมก็ด�ำรงสถานะของการ เต็มไปด้วยการสร้างค�ำอธิบายตามกรอบคิด เปลี่ยนแปลงไปในทำ� นองเดียวกนั ขนาดใหญ่ รวมท้ังการถูกอธิบายโดยคนอื่น

48 วารสารด�ำ รงราชานุภาพ ทเ่ี ปน็ ฝา่ ยตรงกนั ขา้ ม แบบวพิ ากษ์ (แบบบรภิ าษ) ท�ำให้ความเก่งลดลง หรือคนท่ีเก่งมากจะเป็น ส่ิงเหล่าน้ี จะถูกนับรวมเป็นส่วนหน่ึงของ คนดีน้อย ซึ่งเป็นไปตามหลักของคู่ตรงข้าม กระบวนการทางสงั คมไปดว้ ย (Antagonism) แท้ท่ีจริงหลักคิดท่ีควรจะเป็น ดงั นน้ั การแปรผลสกู่ ารปฏบิ ตั จิ รงิ สำ� หรบั เรอ่ื งน้ีควรจะเปน็ ไปตามหลกั แบบองคป์ ระกอบ ในสังคม ท่ีจะสร้างกระบวนทัศน์และหลักคิด หรือ Generalized degree spectrum คือ ตามองค์ประกอบ/ เป้าหมายขั้นต้น 5 ประการ เปน็ องคป์ ระกอบรว่ มผสมผสาน จะตอ้ งมที ง้ั สอง น้ัน จะต้องพึงระวังในการน�ำเสนอเป็นอย่างย่ิง เรอ่ื งดำ� รงอยดู่ ว้ ยกนั เรอื่ งใดจะมากจะนอ้ ย จะมี และจ�ำเป็นจะต้องย้อนกลับไปร่วมทบทวนการ ขนั้ ตำ�่ เทา่ ใดจงึ จะเปน็ การเหมาะสม จะเปน็ ไปตาม สร้างตัวอย่างเชิงประจักษ์ต่อสังคมส�ำหรับการ บริบทของการเลือกตดั สนิ ใจ เรียนรู้ทางสังคมที่เป็นจริงว่า เป็นตัวอย่างของ ผทู้ ป่ี ระสบความสำ� เรจ็ จากการคำ� นงึ ความเปน็ ธรรม 6.3 การสร้างความร่วมมือกับส่วนท่ี ในสังคม การแก้ไขปัญหาความเหล่ือมล�้ำทาง ไม่ใช่รัฐ เศรษฐกิจและสังคม การสนับสนุนวิสาหกิจ ปรากฏการณ์ทางสังคมของไทย เพ่ือสังคม การกระจายอ�ำนาจจากส่วนกลาง 4 เร่ืองท่ีหยิบยกมาประกอบการศึกษาน้ี เรื่อง ไปสู่ภูมิภาคและท้องถ่ิน รวมท้ังการพัฒนา การปะทะกันของขบวนการมวลชน 2 ขบวน ประชาธิปไตย เพราะตัวอย่างเชิงประจักษ์ของ เป็นตัวอย่างเชิงประจักษ์ที่ส�ำคัญที่เกิดข้ึนจาก การด�ำเนินงานตามระบบเหตุผลเหล่านี้ จะเอื้อ การสร้างความตระหนักรู้ร่วมกันของสังคม ตอ่ การปรบั ใชข้ ององคป์ ระกอบ/เปา้ หมายขน้ั ตน้ การสร้างวาทกรรม การเอื้อของการส่ือสารแบบ 5 ประการตอ่ สังคม จะเปน็ ผลท�ำใหส้ ังคมมกี าร ใหม่และความสัมพันธ์ทางสังคมที่มีโครงสร้าง รบั รู้ สรา้ งการยอมรบั ด้วยตนเอง และจะน�ำไปสู่ แบบเครือข่าย แต่เป็นผลของการปะทะของ การลงมอื กระทำ� แบบเลยี นแบบเอาอยา่ งตามกนั ความหลากหลายและเข้มข้นในพ้ืนที่ทางสังคม พรอ้ มกนั นนั้ กจ็ ะตอ้ งสรา้ งพนื้ ทขี่ องการวพิ ากษ์ (พื้นท่ีสาธารณะ) ไม่ใช่ผลทางตรงของการผลิต ประเด็นทางสังคมในพ้ืนท่ีสาธารณะท่ีน�ำไปสู่ ทางเศรษฐกิจและสังคมในเร่ืองใดเร่ืองหน่ึง ความเขา้ ใจทไี่ ขวเ้ ขว และยกระดบั วธิ คี ดิ ของสงั คม ดังน้ัน การท�ำความเข้าใจเบื้องต้นต่อพ้ืนที่ ให้มีประสิทธิภาพหรือมีขีดความสามารถสูงข้ึน สาธารณะของสังคมดิจิทัล จึงเป็นเร่ืองส�ำคัญ เช่น การวิพากษ์เรื่องการเลือกระหว่างคนดี เบื้องต้น การแปรเปล่ียนประเด็นทางสังคมท่ี กับคนเก่ง หรือคุณธรรมกับความสามารถ เร้ือรังมาเป็นวาระร่วมของสังคมของการฟื้นฟู ซงึ่ เปน็ การเปรยี บเทยี บลกั ษณะเปน็ คตู่ รงกนั ขา้ ม แมน่ ำ้� Elizabeth การรณรงคต์ อ่ ตา้ นโรคการอว้ น ท่ีไมถ่ ูกต้อง ทง้ั นี้ก็เพราะ การเปน็ คนดแี ล้วไมไ่ ด้ เกินของเด็กในเมือง Somerville หรือการ

วารสารด�ำ รงราชานภุ าพ 49 รณรงคแ์ กไ้ ขปัญหาการไมส่ นใจเรยี น และละท้งิ ประชาสังคม และประชาชนในระดับปัจเจก การเรยี นของเดก็ มธั ยมของเมอื ง Cincinnati เปน็ ทงั้ ในและตา่ งประเทศ และทงั้ เปน็ ไปโดยงานตาม ตัวอย่างท่ีดีของการสร้างกระแสน�ำของสังคมใน หน้าที่และการสร้างสรรค์เพ่ือการนี้เป็นการ พนื้ ทสี่ าธารณะ เฉพาะ ตวั อยา่ งหนงึ่ ของการผสานความสามารถ กรณีของการวิ่งเพ่ือการกุศลเพ่ือ เข้าด้วยกันนี้ จะเห็นได้จากการปิดกั้นน�้ำไม่ให้ ระดมเงนิ บรจิ าคของตนู บอดสี้ แลม เปน็ ตวั อยา่ ง ไหลเข้าถ�้ำ การสูบน�้ำออกจากถ�้ำ การหาหนทาง ของการท�ำงานที่มีประสิทธิภาพสูง และจัดการ ท่ีจะเจาะผนังถ้�ำ การด�ำน้�ำในถ้�ำเพ่ือค้นหา โดยภาคส่วนที่ไม่ใช่รัฐ และสามารถบรรลุได้ใน ผู้ประสบภัย รวมทั้งการล�ำเลียงผู้ประสบภัย การจัดการแก้ไขปัญหาที่สังคมที่แก้ไขไม่ได้โดย ออกจากถ�้ำ ฯลฯ ซ่ึงจะต้องด�ำเนินไปพร้อมกัน บทบาทตามหน้าที่ของรัฐ และการเสียภาษีของ ประสานความส�ำเร็จเข้าด้วยกันหรือส่งต่อให้กัน กจิ การเอกชน รวมทง้ั การทำ� งานแบบการชว่ ยเหลอื และกัน จากเร่ืองหนึ่งไปยังอีกเรื่องหนึ่ง อาจ สังคมขององค์กรพัฒนาเอกชน กรณีดังกล่าว กล่าวได้อีกว่า ความส�ำเร็จในการช่วยเหลือ เป็นตัวอย่างของการกระตุ้นส�ำนึกต่อส่วนรวม ผู้ประสบภัยในคร้ังน้ี ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจาก ทม่ี อี ยขู่ องสงั คม ตามแนวคดิ ที่ Charles Darwin ความสามารถในการบริหารสถานการณ์วิกฤติ สรปุ ไวว้ า่ ความเปน็ สงั คมของคนเรานน้ั ตง้ั อยบู่ น ทเ่ี ผชญิ เหตไุ ดด้ ขี อง ศอร. ที่นำ� โดยผูว้ า่ ราชการ พ้ืนฐานท่ีมีความเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน จังหวดั เชียงรายในขณะน้ัน อีกสว่ นหนึ่ง มาจาก ปกปอ้ งการรกุ รานจากผอู้ นื่ การดงึ เอาคณุ ลกั ษณะ อาสาเขา้ ชว่ ยเหลอื ของผมู้ ที กั ษะ ความเชยี่ วชาญ ท่ีมีอยู่น้ีให้มาร่วมแสดงออกร่วมกันในกรณีของ และความรู้ของสังคมอย่างไม่ขาดสายและเป็น ตูน บอดสี้ แลม เปน็ ตัวอย่างของการด�ำเนินโดย ไปอย่างกว้างขวาง เป็นการสะท้อนการท�ำงาน องคก์ รทไี่ มใ่ ชร่ ฐั ในขณะเดยี วกนั กท็ ำ� หนา้ ทเี่ ปน็ แบบใหม่ที่ไม่ใช่การท�ำงานแบบองค์กรเดี่ยวโดย ตัวแทนของคนท่ีมีชื่อเสียงของสังคมท่ีน�ำเอา องค์กรใดองค์กรหน่ึง (Single organization) ช่ือเสียงหรือความเป็นคนสาธารณะน้ัน มาร่วม โดยมีเป้าหมายของการท�ำงานแบบหวังผลต่อ ลงมือกระท�ำการกระตุ้นส�ำนึกร่วมของสังคม ประสทิ ธภิ าพสูงสดุ (ในระยะเวลาจำ� กดั ) (ไมใ่ ช่พรเี ซนเตอร์ ตามหน้าทีร่ บั จ้าง) การรณรงค์ค่านิยม 12 ประการ ในขณะทกี่ ารชว่ ยเหลอื ผปู้ ระสบภยั ของ คสช. และส�ำนักงานคณะกรรมการ ที่ถ้�ำหลวงขุนน้�ำ - นางนอน เป็นการผสาน การศึกษาขั้นพ้ืนฐาน เป็นตัวอย่างของความ ความร่วมมือและการประกอบรวมเข้าด้วยกัน พยายามโดยกลไกของรัฐ (เป็นการจัดการ ของความสามารถของภาคสว่ นตา่ ง ๆ (Conver- โดยองคก์ รเด่ียว) โดยการสอื่ สารประชาสัมพันธ์ gence capability) ไม่ว่าจะเป็นรัฐ เอกชน โดยส่ือมวลชน และการบรรจุเป็นส่วนหน่ึงของ

50 วารสารด�ำ รงราชานภุ าพ การเรียนการสอนในระดับการศึกษาข้ันพื้นฐาน มาตรการตามกลุ่มเป้าหมายที่เกี่ยวข้อง ทั้งครู แตกต่างโดยสิ้นเชิงกับการรณรงค์ประเด็นสังคม ผปู้ กครอง บรษิ ทั เอกชน และหนว่ ยงานสนบั สนนุ ในพนื้ ทส่ี าธารณะแบบไมใ่ ชร่ ฐั ของตนู บอดส้ี แลม ของเมือง รวมทั้งเป็นการรณรงค์แบบต่อเนื่อง หรือการประสานความสามารถเข้าด้วยกันของ โดยมีองค์กรพัฒนาเอกชน/องค์กรแบบไม่ การชว่ ยเหลอื ผปู้ ระสบภยั ทถ่ี ำ้� หลวง - ขนุ นำ้� นางนอน แสวงหาก�ำไร ทำ� หนา้ ท่ีเป็นแกนประสาน ยงิ่ ไปกวา่ นน้ั ยงั เปน็ การรณรงคแ์ บบไมส่ อดคลอ้ ง ดงั นนั้ การทจี่ ะดำ� เนนิ งานใหเ้ ปน็ ไปตาม และครอบคลมุ ถงึ กลมุ่ เปา้ หมายของประเดน็ ทาง แผนการสร้างกระบวนทัศน์และหลักคิดท่ี สังคม ท่ีควรจะรณรงค์การสร้างแบบอย่างที่ดี เหมาะสม ด้วยองค์ประกอบ/เป้าหมายข้ันต้น ของครผู สู้ อน ใหเ้ ปน็ ตวั อยา่ งเชงิ ประจกั ษต์ อ่ การ 5 ประการ เพ่ือเตรยี มความพร้อมรองรบั ต่อการ เรียนรู้ทางสังคม เพราะในระดับการศึกษาขั้น เปล่ียนผ่านทางสังคมเข้าสู่ศตวรรษท่ี 21 น้ัน พ้ืนฐานเด็กจะเรียนรู้จากตัวอย่างเชิงประจักษ์ จะต้องด�ำเนินงานที่ขยายพื้นที่การท�ำงานไปยัง ตัวอย่างของการรณรงค์การละทิ้งการเรียนของ ภาคส่วนที่ไม่ใช่รัฐ ด้วยการสร้างวาระร่วมทาง เด็กนักเรียนท่ีเมือง Cincinnati ประสบความ สงั คม พจิ ารณาความเกยี่ วขอ้ งของผมู้ สี ว่ นไดเ้ สยี สำ� เรจ็ ได้ มาจากการสรา้ งวาระทางสงั คมรว่ มกนั ทางสังคมให้กว้างขวางออกไป ส่งเสริมให้มีการ ที่เห็นร่วมกันว่าคุณภาพของเด็กนักเรียนของ ท�ำงานของภาคส่วนที่ไม่ใช่รัฐ และพัฒนาการ เมือง คือ ทรัพยากรร่วมท่ีมีค่าของทุกภาคส่วน ท�ำงานให้เป็นไปแบบการผสานความสามารถ ในวันข้างหน้า มีการท�ำงานหลายรูปแบบหลาย เข้าดว้ ยกนั

วารสารดำ�รงราชานุภาพ 51 กระบวนทศั นแ์ ละหลกั คดิ ของคนไทยและสงั คมไทย : บทวเิ คราะหเ์ ชิงสังคมวัฒนธรรม ดร. กนกกาญจน์ อนแุ ก่นทราย กระบวนทศั นแ์ ละหลกั คดิ ของคนไทยในสงั คมไทย ศิลปะ วัฒนธรรม จริยธรรมและการศาสนา ทก่ี �ำลังเปล่ยี นแปลง สภาปฏิรปู แห่งชาติ (2558) ไดว้ เิ คราะหไ์ วอ้ ยา่ ง เมื่อโลกเร่ิมก้าวเข้าสู่ศตวรรษท่ี 21 เปน็ ระบบถงึ คา่ นยิ มของไทยในปจั จบุ นั บางอยา่ ง (ค.ศ. 2000 หรือ พ.ศ. 2543) ทว่ั โลกได้มีการ ซ่ึงเป็นค่านิยมที่ไม่พึงประสงค์ท่ีต้องปรับแก้ เปลยี่ นแปลงขนานใหญจ่ ากการกา้ วกระโดดของ อย่างเร่งด่วน ได้แก่ 1) การขาดจิตสาธารณะ เทคโนโลยีข้อมูลข่าวสาร การแพร่ขยายของ เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวมากกว่าส่วนรวม ทุนขนาดใหญ่ การหล่ังไหลของข้อมูลและผู้คน 2) การเห็นแก่เครือข่ายส่วนตัวพวกพ้องตาม ท�ำให้เกิดการเชื่อมโยงของโลกไร้พรมแดนได้ คา่ นยิ มในระบบอปุ ถมั ภ์ 3) การขาดระเบยี บวนิ ยั กว้างขวางยิ่งข้ึน รวมทั้งการเกิดขึ้นของโซเชียล มักงา่ ย และขาดความรับผดิ ชอบ 4) การฟุ้งเฟอ้ มีเดียในช่วงไม่เกินสิบปีมานี้ ฯลฯ โลกสมัยใหม่ เกนิ ตวั และความโลภเกนิ พอดี 5) ความรักสนุก จึงเป็นโลกท่ีมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว รกั สบาย ทที่ ำ� ใหส้ งั คมไทยขาดความเอาจรงิ เอาจงั ในทุกด้าน สังคมไทยในวันนี้จึงมีความแตกต่าง ขาดการคิดวิเคราะห์โดยใช้หลักเหตุผล ในขณะ จากสังคมโบราณ เช่นสังคมกรุงศรีอยุธยาและ ที่ค่านิยมด้ังเดิมบางอย่างก็เป็นทุนทางสังคม สังคมเมื่อห้าสิบปีท่ีแล้ว แต่ผลการวิจัยและ ดั้งเดิมของคนไทยท่ีสามารถพัฒนาไปได้ใน ขอ้ สงั เกตบางสว่ นเกย่ี วกบั คา่ นยิ มและพฤตกิ รรม ทิศทางของค่านิยมที่พึงประสงค์ ได้แก่ ความ ของคนไทยดังที่ได้ยกตัวอย่างมาแล้วข้างต้น กตัญญูต่อบุพการี การท�ำบุญให้ทานและความ ได้ยืนยันลักษณะร่วมบางประการของคนไทย เมตตากรณุ า และความมนี ำ้� ใจชว่ ยเหลอื เกอื้ กลู กนั และสังคมไทย และการด�ำรงอยู่ของมรดก ของคนไทย (วาระการพัฒนา : ระบบค่านิยม ตกทอดทางความคิดของสังคมไทย คณุ ธรรมจรยิ ธรรม เพอื่ ความเปน็ พลเมอื งทด่ี แี ละ ในวาระการพัฒนา “คน” ท่ีจัดท�ำโดย มนุษย์ท่สี มบรู ณ์ (รอบที่ 2), 2558) ซึ่งคา่ นิยม คณะอนุกรรมาธิการปฏิรูปค่านิยม คุณธรรม เหลา่ นกี้ เ็ ปน็ เรอ่ื งเดยี วกนั กบั ทไี่ ดเ้ คยมกี ารสงั เกต จริยธรรม ในคณะกรรมาธิการปฏิรูปค่านิยม และศึกษาพฤติกรรมของคนไทยในอดตี

52 วารสารดำ�รงราชานุภาพ ผู้ศึกษามองว่าลักษณะทางบุคลิกภาพ หากอุปมากระบวนทัศน์และหลักคิด พฤติกรรม และค่านิยมของคนไทยดังที่ปรากฏ เหล่านี้ก็เปรียบเสมือนก้อนลูกบาศก์ของรูบิค ในผลงานการวิจัยและรายงานการศึกษา (Rubik’s cube) หรือลูกรูบิคท่ีเป็นของเล่น วิเคราะห์ต่างๆ เป็นผลผลิตจากกระบวนทัศน์ ซงึ่ ได้รับความนยิ มในยุค 80s ลูกรูบิคมี 6 หน้า และหลักคิดเด่นๆของคนไทยที่สามารถจ�ำแนก โดยแต่ละหน้ามีสีเฉพาะเหมือนกระบวนทัศน์ ออกเปน็ 6 ดา้ นทต่ี า่ งสมั พนั ธเ์ กยี่ วขอ้ งกนั ในทางใด และหลกั คดิ ในแตล่ ะเร่อื ง ท้งั นี้ลกู รบู คิ ทั้งก้อนมี ทางหนึ่ง ได้แก่ 1) อ�ำนาจนิยม (Authoritari สว่ นประกอบชน้ิ เลก็ ๆ ทม่ี แี กนกลางยดึ ทกุ ชน้ิ สว่ น anism) หรอื การมองโลกโดยใชอ้ ำ� นาจและความ ไว้ด้วยกัน ท�ำให้หมุนไปมาได้ ชิ้นส่วนเล็กๆ แตกต่างทางสถานภาพเป็นเกณฑ์ตัดสินซ่ึงเป็น เคลื่อนย้ายไปมาได้โดยที่ลูกรูบิคไม่ได้แยกออก ลกั ษณะเดน่ ของคนไทยในสงั คมระบบอปุ ถมั ภ์ 2) จากกัน ทุกด้านของลูกรูบิคจึงต่างเก่ียวเน่ือง ปัจเจกชนนิยม (Individualism) และ สมั พนั ธก์ นั เชน่ เดยี วกบั กระบวนทศั นแ์ ละหลกั คดิ 3) ปฏบิ ตั นิ ิยม (Pragmatism) ทง้ั กระบวนทัศน์ ในแต่ละเรื่องที่มีความเก่ียวข้องสัมพันธ์กัน และหลักคิดแบบปัจเจกนิยมและปฏิบัตินิยม ไม่ได้ตัดขาดออกจากกันเป็นเอกเทศ โดย เป็นลักษณะของคนไทยที่เห็นได้ชัดจากสังคม เม่ือหมุนลูกรูบิคแล้วช้ินส่วนลูกบาศก์เล็กที่เดิม โครงสร้างหลวมที่ไม่ได้ให้ความส�ำคัญต่อหลัก เป็นสีหน่ึงอาจปรากฏในหน้าลูกบาศก์ท่ีเป็น การและการยึดโยงกับชุมชนเท่าใดนัก คนไทย สอี นื่ ได้ คา่ นยิ มและพฤตกิ รรมของคนไทยบางเรอื่ ง จงึ รักอิสระ นยิ มทำ� ในส่งิ ท่ีตอ้ งการ และมคี วาม ก็เปรียบเช่นช้ินส่วนลูกบาศก์เล็กๆ เหล่าน้ีท่ีใน ยืดหยุ่นปรับตัวต่อสถานการณ์ 4) สุขนิยมและ ดา้ นหลกั อาจปรากฏในกระบวนทศั นแ์ ละหลกั คดิ บรโิ ภคนยิ ม (Hedonism and consumerism) แบบใดแบบหนึง่ แต่ก็มคี วามลนื่ ไหลสามารถไป อันเป็นทัศนะในการใช้ชีวิตที่มีความสุขของ ปรากฏตวั ในกระบวนทศั นแ์ ละหลกั คดิ แบบอน่ื ๆ คนไทยท่ีให้คุณค่าต่อการรักสนุกและรักสบาย ได้โดยไม่มีความขัดแย้งกัน กระบวนทัศน์และ 5) การให้ความส�ำคัญแก่ความสัมพันธ์ส่วนตัว หลักคิดหรือสีของลูกรูบิคที่แตกต่างกัน จึงไม่ได้ (Personalism) ท่ีมีรากฐานจากสังคมในระบบ หมายความวา่ ตรงกนั ขา้ มหรอื ขดั แยง้ กนั แตห่ นนุ อุปถัมภ์ที่ถือตัวบุคคลและสายสัมพันธ์ระหว่าง เสริมซ่ึงกันและกัน รวมกันเป็นภาพใหญ่ของ บุคคลเป็นส�ำคัญ และ 6) คุณความดีหรือ กระบวนทศั นแ์ ละหลกั คดิ ของคนไทย คุณธรรมจรยิ ธรรม (Ethical mind) ท่มี ีลกั ษณะ การท่ีพฤติกรรมและค่านิยมบางเร่ือง เฉพาะและเป็นกรอบทางศีลธรรมในการก�ำกับ ของคนไทยทเ่ี ปน็ เรอื่ งเดยี วกนั สามารถปรากฏได้ พฤติกรรมของตนเองของสังคมไทย ในกระบวนทัศน์และหลักคิดที่แตกต่างกันได้ เป็นเพราะการท�ำงานของค่านิยมที่อยู่ภายใต้

วารสารดำ�รงราชานภุ าพ 53 กระบวนทศั นแ์ ละหลกั คดิ นน้ั มคี วามสอดประสาน กลมเกลยี วเหนียวแน่น ซึ่งการท�ำความเข้าใจต่อ กันเป็นอย่างดี สามารถเชื่อมโยงกันได้ระหว่าง การท�ำงานของค่านิยมในแต่ละสถานการณ์ กระบวนทัศน์และหลักคิดในแต่ละด้าน เช่น จึงต้องพิจารณาว่าการที่ค่านิยมดังกล่าวได้รับ การรักสนุกของคนไทยเป็นค่านิยมของคนท่ีมี การยอมรับน้ันเป็นเพราะกระบวนทัศน์และ หลกั คดิ ในการปรบั ตวั อยา่ งยดื หยนุ่ ใหอ้ ยใู่ หไ้ ดใ้ หด้ ี หลกั คดิ แบบใด ปฏสิ มั พนั ธก์ นั อยา่ งไร ไมอ่ าจยก ในสถานการณ์ต่างๆ ซึ่งเป็นกระบวนทัศน์ คา่ นยิ มตวั ใดตวั หนงึ่ มาโดดๆ และกลา่ ววา่ คา่ นยิ ม และหลักคิดแบบปฏิบัตินิยม (Pragmatism) นี้ดีหรือค่านิยมนี้มีปัญหาโดยที่ไม่ได้พิจารณาถึง ในขณะเดียวกันการปฏิบัตินิยมในแนวรักสนุก ฐานคิดของคา่ นิยมดงั กล่าว การมองเชิงสมั พัทธ์ ก็เป็นทางออกของชีวิตของผู้ท่ีอยู่ใต้ความกดดัน ระหวา่ งกระบวนทศั นแ์ ละหลกั คดิ กบั คา่ นยิ มนจ้ี ะ ของอำ� นาจ (Authoritarism) และเป็นเครอื่ งมอื ชว่ ยออกแบบกระบวนทศั นแ์ ละหลกั คดิ ทเ่ี หมาะสม ที่ยึดโยงกลุ่มคน ชุมชน และสังคมให้กระชับ สำ� หรับคนไทยไดอ้ ย่างมปี ระสิทธภิ าพ (โปรดดรู ูปที่ 1 ลูกรูบิคแสดงลกั ษณะกระบวนทศั นแ์ ละหลกั คิดของคนไทย) รปู ท่ี 1 ลกู รบู คิ แสดงลกั ษณะกระบวนทัศน์และหลกั คิดของคนไทย หน้าท่ี 1: อำ� นาจนิยม หน้าท่ี 2: ปจั เจกชนนยิ ม หน้าท่ี 3: ปฏบิ ัตนิ ยิ ม หน้าที่ 4: สขุ นิยม บรโิ ภคนิยม หน้าท่ี 5: การใหค้ ณุ ค่าตอ่ ความสมั พนั ธ์ส่วนตัว หน้าท่ี 6: คุณธรรมจรยิ ธรรม

54 วารสารด�ำ รงราชานุภาพ กระบวนทัศน์และหลักคิดของคนไทย พยายามระมัดระวังไม่โต้เถียงผู้ใหญ่แม้จะ และสังคมไทยมีลักษณะเฉพาะในแต่ละเร่ือง ไมเ่ หน็ ดว้ ยเพอ่ื หลกี เลย่ี งความขดั แยง้ (Conflict ดังน้ี avoidance) เพราะการเผชญิ หนา้ อาจทำ� ใหเ้ กดิ 1) กระบวนทัศน์และหลักคิดแบบ ผลเสียต่อตัวเอง จึงมักพบว่าในการประชุมของ อ�ำนาจนยิ ม (Authoritarianism) สว่ นราชการสว่ นใหญผ่ นู้ อ้ ยมกั ไมก่ ลา้ ทจ่ี ะแสดง กระบวนทัศน์และหลักคิดหลักของ ความคิดเห็นเพราะเกรงว่าจะถูกผู้ใหญ่ดุ หรือ คนไทยแบบอ�ำนาจนิยมเป็นมรดกตกทอดจาก เม่ือผู้ใหญ่ออกค�ำสั่ง ผู้น้อยก็ต้องท�ำตามแม้ว่า ระบบอุปถัมภ์ในสังคมไทยที่เกิดข้ึนมาอย่าง อาจเปน็ คำ� สงั่ ทไี่ ม่ชอบก็ตาม เพราะเกรงว่าจะมี ยาวนานและต่อเน่ือง ระบบอุปถัมภ์ได้ท�ำให้ ผลต่อการให้คณุ ให้โทษในการท�ำงาน ด้วยเหตนุ ้ี กระบวนทัศน์และหลักคิดของคนไทยให้คุณค่า การท�ำงานในระบบราชการสมัยใหม่ที่ควรอยู่ ความส�ำคัญต่อสถานภาพทางสังคมของคนท่ี บนหลักการของความรู้และเหตุผลจึงกลายเป็น แตกต่างกันมากกว่าความเสมอภาคเท่าเทียม หลักการชอบหรือไม่ชอบของผู้ใหญ่ และเป็น เพราะคนทอ่ี ยใู่ นสถานภาพสงู ยอ่ มมอี ำ� นาจและ สาเหตุหน่ึงท่ีท�ำให้ระบบราชการไทยมีปัญหา โอกาสมากกว่าคนที่อยู่ในสถานภาพท่ีต�่ำกว่า (Jacobs, 1971) นอกจากน้ี อ�ำนาจนิยมท�ำให้ สามารถสร้างผลกระทบต่อชีวิตของคนได้กว้าง การบริหารจัดการเร่ืองส่วนรวมเร่ืองอื่นๆ ไม่มี ขวางกว่า ดังน้ันการอยู่รอดได้ในสังคมระบบ ความเปน็ ธรรมด้วย ดงั ทีพ่ บในปญั หาการทจุ ริต อุปถัมภ์คือการอยู่ภายใต้การปกป้องคุ้มครอง คอร์รัปชันและผลประโยชน์ทับซ้อนของผู้มี ของผูใ้ หญท่ ่ีมีตอ่ ผู้นอ้ ย อ�ำนาจ ปัญหาการจัดการภัยพิบัติที่มีการเลือก ความสัมพันธ์ระหว่างผู้ใหญ่-ผู้น้อย ปฏิบัติต่อผู้ประสบภัย ปัญหาการใช้เส้นสาย จึงเป็นเครื่องก�ำหนดพฤติกรรมและวิธีคิดของ เพ่ือประโยชน์ส่วนตัว ปัญหาการเล่ือนขั้นเล่ือน คนในสังคม ที่ผู้น้อยควรเคารพ เชื่อฟัง และ ต�ำแหน่งของข้าราชการที่ไม่ได้อยู่บนหลัก เกรงใจผู้ใหญ่ กล่าวคือ ผู้น้อยควรแสดงออกถึง คุณธรรม ปัญหาการใช้อ�ำนาจส่วนตัวก�ำหนด ความเคารพผู้ใหญ่ทางกิริยาท่าทางและค�ำพูด นโยบายสาธารณะทบี่ รษิ ทั ของตนเองไดป้ ระโยชน์ เป็นผู้ว่านอนสอนง่ายเชื่อฟังผู้ใหญ่ และให้ ฯลฯ ความเกรงใจอันหมายถึงไม่กล้าท่ีจะท�ำให้ผู้ใหญ่ ปัญหาในชีวิตประจ�ำวันของคนไทย ไมพ่ อใจ (Akin Rabibhadana, 1976) การเคารพ หลายอย่างยังอาจอธิบายได้ด้วยกระบวนทัศน์ เชื่อฟัง และเกรงใจในอีกด้านหน่ึงจึงเป็นการ และหลักคิดแบบอ�ำนาจนิยม เช่น การต่อแถว ยอมรับต่ออ�ำนาจของผู้ใหญ่ ดังน้ันในความ หรือการเข้าคิวซ่ึงเป็นกฎเกณฑ์กติกาของสังคม สัมพันธ์ระหว่างผู้ใหญ่และผู้น้อย ผู้น้อยจะ สมยั ใหม่ ทตี่ ง้ั อยบู่ นพน้ื ฐานความคดิ แบบทถี่ อื วา่

วารสารดำ�รงราชานภุ าพ 55 ทุกคนมคี วามเสมอภาคเทา่ เทียมกัน ทีใ่ ครมาถงึ ความสำ� คญั ตอ่ คนเดนิ ถนนสงู สดุ เพราะคนเดนิ ถนน ก่อนก็เป็นผู้สมควรที่จะได้รับบริการก่อน (First เป็นผู้อ่อนแอที่สุด สร้างภาระแก่สังคมบน come, first served) และไม่ได้ค�ำนึงถึง ท้องถนนน้อยที่สุด แต่อาจได้รับอันตรายถึงแก่ สถานภาพทางสังคมของผู้มาก่อนหรือมาหลัง ชวี ติ ไดง้ า่ ยทสี่ ดุ จงึ สมควรไดร้ บั การปกปอ้ งสงู สดุ แต่อย่างใด แต่เปน็ การให้ความสำ� คัญตามลำ� ดบั ในทางกลบั กนั กจ็ ะมกี รณที ใี่ หอ้ ภสิ ทิ ธแ์ิ กค่ นบางกลมุ่ การให้บริการ อย่างไรก็ตามในสังคมไทยที่ให้ บนทอ้ งถนน เชน่ การใหพ้ น้ื ทจ่ี อดรถบนพน้ื ถนน ความส�ำคัญต่ออ�ำนาจมากกว่าความเสมอภาค ที่ปกติแล้วห้ามจอดเพ่ืออ�ำนวยความสะดวกใน การต่อแถวและเข้าคิวมักได้รับการยกเว้น การรับประทานอาหารท่ีร้านก๋วยเตี๋ยวช่ือดัง แก่ผู้มีอ�ำนาจอยู่เสมอ คนมีเงินและมีอ�ำนาจ (โพสต์ทเู ดย์, 1 สิงหาคม 2560) สามารถใชอ้ ภสิ ทิ ธขิ์ องตนในการแซงแถวหรอื แซง สายตาในการมองโลกแบบน้ีก็เป็น ควิ ได้ (นธิ ิ เอยี วศรวี งศ,์ 2546) เชน่ การจอดรถ สายตาเดียวกันกับการบังคับใช้กฎหมายท่ีใน ในสถานท่ีราชการท่ีมีท่ีจอดรถจ�ำนวนจ�ำกัด หลักการทุกคนย่อมมีความเสมอภาคภายใต้ (รวมทั้งท�ำเนียบรัฐบาลซ่ึงเป็นศูนย์กลางอ�ำนาจ กฎหมายเดียวกัน (Equality before the law) รัฐไทย) โดยท่ัวไปก็ปฏิบัติตามแนวทางมาก่อน แต่ในทางปฏิบัติปรากฏว่าผู้ที่อยู่ในสถานภาพ ไดก้ อ่ น อยา่ งไรกต็ ามเปน็ ทนี่ า่ สงั เกตวา่ มกั จะเออื้ สูงกว่ามักจะมีอภิสิทธิ์หรือสิทธิพิเศษบางอย่าง ต่อผู้มีสถานภาพทางอ�ำนาจท่ีสูงกว่าเป็นพิเศษ ท่ีท�ำให้เกิดการละเว้นหรือได้รับการปฏิบัติ โดยกนั ทจี่ อดรถไวใ้ หส้ ำ� หรบั ผบู้ งั คบั บญั ชาระดบั สงู ทแ่ี ตกตา่ ง ดงั ทสี่ อื่ มวลชนไดน้ ำ� เสนอขา่ วเกยี่ วกบั ซ่ึงดูได้จากป้ายช่ือต�ำแหน่งที่ติดไว้ และไม่มี ผกู้ ระทำ� ความผดิ ทเี่ ปน็ ผทู้ ม่ี สี ถานภาพทางสงั คมสงู ท่ีจอดรถส�ำหรับผู้พิการ ผู้ทุพลภาพ หรือผู้ใช้ ที่สามารถหลบเล่ียงหรือรอดพ้นจากการ รถเข็นนั่ง ลงโทษขั้นสูงสุดตามกระบวนการยุติธรรมท้ังท่ี นิธิ เอียวศรีวงศ์ (เพิ่งอ้าง) มีข้อ เป็นการกระท�ำความผิดอย่างรุนแรง เช่น กรณี สังเกตเพ่ิมเติมด้วยว่าการปฏิบัติบนพื้นฐาน ลูกชายเจ้าของธุรกิจขนาดใหญ่ขับรถชนคน ความคิดแบบอ�ำนาจนิยมที่ไม่ได้มองถึงความ เสยี ชวี ติ กรณีประธานบรษิ ัทกอ่ สรา้ งขนาดใหญ่ เป็นธรรมต่อผู้ท่ีล�ำบากและอ่อนแอกว่ายัง ยิงเสือด�ำในเขตอุทยานแห่งชาติ กรณีอาจารย์ สามารถเหน็ ไดจ้ ากการจดั การจราจรบนทอ้ งถนน แพทย์วางแผนฆ่าภรรยาและอ�ำพรางศพ กรณี ในประเทศไทยที่ให้ความส�ำคัญต่อสิ่งท่ีจะช่วย อาจารย์มหาวิทยาลัยท�ำร้ายภรรยาจนเสียชีวิต อ�ำนวยความสะดวกและปกป้องคนเดินถนน ฯลฯ ซึ่งดูเสมือนว่าบุคคลเหล่านี้มักได้รับโทษ นอ้ ยมาก เชน่ การมบี าทวถิ ที ม่ี คี ณุ ภาพ การหยดุ รถ ทางกฎหมายนอ้ ยกวา่ คนทวั่ ไป หรอื มคี วามลา่ ชา้ บรเิ วณทางม้าลาย ท้ังทตี่ ามหลักการแล้วควรให้ ในการนำ� เรอื่ งเขา้ สกู่ ารพจิ ารณาดว้ ยเทคนคิ ทาง

56 วารสารด�ำ รงราชานุภาพ กฎหมาย เพราะผู้กระท�ำมีฐานะทางการเงิน ที่มีผู้หญิงเป็นรัฐมนตรีโดยเฉลี่ยเพียงจ�ำนวน ทสี่ ามารถจา้ งผเู้ ชย่ี วชาญทางกฎหมายทเ่ี กง่ และ 2-3 คนต่อคณะรัฐมนตรีแต่ละชุดในระยะเวลา แพง สามารถวางหลกั ทรพั ยม์ ลู คา่ สงู เพอ่ื ประกนั ตวั ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา (ศูนย์สาธารณประโยชน์ รวมทั้งในบางกรณีท่ีมีข่าวการวิ่งเต้นเพ่ือล้มคดี และประชาสังคม, 2561) ซ่ึงคนไทยก็มักได้รับ หรือลดโทษของผู้ต้องหาท่ีมีเงิน เร่ืองเหล่าน้ี การอบรมส่ังสอนให้เห็นความส�ำคัญของผู้ชาย มผี ลตอ่ ความรสู้ กึ ของสงั คมเปน็ อยา่ งมาก เราจงึ พ่อแม่เช่ือว่าลูกชายจะเป็นผู้ที่จะน�ำมาซ่ึง มักได้ยนิ เสมอว่า “คุกมไี ว้ขงั คนจน” ทำ� ใหผ้ คู้ น ช่ือเสียงเกียรติยศแก่ครอบครัว ดังนั้น บาง รู้สึกขัดแย้งไม่พอใจหรือไม่ก็พยายามว่ิงเต้น ครอบครวั ทยี่ ากจนทไ่ี มอ่ าจสนบั สนนุ การเรยี นตอ่ ดว้ ยการใชอ้ ำ� นาจและเสน้ สายเพราะอาจทำ� ใหม้ ี ของลูกทุกคนได้ พ่อแม่จึงเลือกท่ีจะสนับสนุน โอกาสรอดพ้นจากการลงโทษทางกฎหมาย ลูกชายมากกว่าลูกสาว รวมทั้งผู้หญิงเองก็รู้สึก อีกทั้งการพิจารณาคดีในกระบวนการยุติธรรม ว่าต้องรับผิดชอบต่อครอบครัวและกตัญญูต่อ ของไทยท่ีมักมีลดหย่อนบทลงโทษแก่ผู้ท่ีมี พ่อแม่ จึงเป็นเหตุผลที่ท�ำให้ผู้หญิงหลายคน สถานภาพสูง โดยให้เหตุผลว่าบุคคลเหล่านั้น ตัดสินใจเข้าสู่การค้าบริการทางเพศเพื่อที่จะได้ เคยประกอบคุณงามความดี เป็นผู้มีความรู้ ดูแลครอบครัวและเปล่ียนแปลงฐานะของ ความสามารถ และเคยท�ำคุณประโยชน์ต่อ ครอบครัวจากท่ียากจนให้ไปสู่ความร�่ำรวย ราชการมาก่อน ซึ่งในประเด็นนี้ Klausner (ยศ สนั ตสมบัติ, 2535) หรือการทีผ่ ู้หญงิ ตกเปน็ (2011) ได้ให้ความเห็นไวอ้ ย่างนา่ สนใจว่าผ้ใู หญ่ เหยื่อความรุนแรงทางเพศและความรุนแรงใน ท่ีกระท�ำความผิดสมควรจะถูกลงโทษรุนแรง ครอบครัวก็มาจากหลักคิดท่ีมองว่าผู้หญิงเป็น มากกว่าคนทั่วไปด้วยซ�้ำเพื่อให้สังคมได้เรียนรู้ สมบตั ขิ องผชู้ าย จะทำ� อยา่ งไรกไ็ ด้ อกี ทง้ั รา่ งกาย เป็นเยี่ยงอย่าง รวมท้ังจะเป็นการส่งสัญญาณ เนื้อตัวของผู้หญิงก็เป็นเพียงวัตถุทางเพศที่สร้าง ทจี่ ะชว่ ยเปลยี่ นแปลงความคดิ ของสงั คมอกี ดว้ ย ความพึงพอใจแก่ผู้ชาย การตอบสนองทาง ส่วนในด้านความสัมพันธ์และ อารมณ์ต่อผู้ชายจึงเป็นเร่ืองใหญ่กว่าการเคารพ บทบาทของหญงิ และชาย กระบวนทศั นแ์ ละหลกั ศักด์ิศรีความเป็นมนุษย์ของผู้หญิง อีกตัวอย่าง คดิ แบบอำ� นาจนยิ มทำ� ใหเ้ กดิ วฒั นธรรมชายเปน็ หนึ่งที่สะท้อนความคิดแบบชายเป็นใหญ่ของ ใหญ่ท่ีเห็นว่าผู้ชายมีสถานภาพสูงกว่าผู้หญิง ผหู้ ญงิ ไทยคอื การทผ่ี หู้ ญงิ เองกถ็ อื วา่ เปน็ บทบาท สังคมจึงมักยอมรับอ�ำนาจและการตัดสินใจของ หน้าท่ีท่ีส�ำคัญของตนในการดูแลความเป็นอยู่ ผู้ชาย ในขณะที่อาจปิดก้ันโอกาสบางประการ ของผชู้ าย ผชู้ ายตะวนั ตกคนหนง่ึ ทมี่ ภี รรยาคนไทย ของผหู้ ญงิ ดงั จะเหน็ ไดจ้ ากขอ้ มลู สดั สว่ นจำ� นวน ได้เล่าให้ฟังว่าภรรยาไทยมีความน่ารักเพราะ ของผหู้ ญงิ ทอ่ี ยใู่ นโครงสรา้ งอำ� นาจการเมอื งไทย เธอปรนนิบัติดูแลเขาตลอดเวลา ทั้งซักผ้า

วารสารด�ำ รงราชานภุ าพ 57 ทำ� ความสะอาดบา้ น และทำ� อาหารใหร้ บั ประทาน และการยอมรบั อำ� นาจ หากกระทำ� แตกตา่ งหรอื (Erin Weiner, 2009) ผิดไปจากที่ก�ำหนดจะถูกลงโทษ ดังน้ัน การมี นอกจากนี้ อ�ำนาจนิยมยังท�ำให้คนไทย ระเบียบวินัยจึงหมายถึงการว่านอนสอนง่าย เกิดความคิดเกี่ยวกับการท่ีจะท�ำอะไรตาม อ่อนน้อม ไม่ต่อต้านหรือท้าทายระเบียบวินัย กฎเกณฑ์หรือการมีระเบียบวินัยว่าเป็นเพราะ ต้ังแต่ในโรงเรียนเป็นต้นมาจนถึงมหาวิทยาลัย ความหวาดกลวั ตอ่ อำ� นาจทเี่ หนอื กวา่ ตนมากกวา่ เช่น การปฏิบัติตามกฎเกณฑ์เร่ืองทรงผมและ การปฏบิ ตั อิ ยา่ งจรงิ ใจเพราะเหน็ เปน็ สงิ่ ทถี่ กู ตอ้ ง เครอื่ งแต่งกายของนกั เรยี น หรือเมอื่ เร็วๆ น้ีที่มี การมีวินัยของคนไทยจึงเกิดข้ึนได้เม่ือถูกบังคับ ขา่ วครบู งั คบั ใหเ้ ดก็ กราบรองเทา้ ตอ่ หนา้ เพอ่ื นใน คนไม่ท�ำผิดเพราะกลัวต�ำรวจจับ ดังที่เคยมี โรงเรยี นโดยกลา่ ววา่ เปน็ การฝกึ ใหเ้ ดก็ มรี ะเบยี บ การน�ำหุ่น“จ่าเฉย”มาต้ังไว้ก็เพ่ือหลอกให้ วินยั รวมท้งั การรบั น้องทีม่ ีการ “วา้ ก” ของรนุ่ พี่ คนเกรงกลัว แต่เมื่อคนมองไม่เห็นต�ำรวจ คนก็ ในมหาวทิ ยาลยั ทก่ี ลา่ วอ้างวา่ ทำ� ใหเ้ กิดวนิ ยั และ กลับละเมิดกฎจราจรอีก หรือเมื่อคนเรียนรู้ว่า ความรักความสามัคคี ซึ่งการใช้อ�ำนาจแบบนี้ “จ่าเฉย” ไม่สามารถท�ำอะไรตนเองได้ ก็จะ นอกจะเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนและดูถูก กระท�ำผิดต่อไป วินัยในแบบนี้เป็นวินัยแบบท่ี ศักด์ิศรีความเป็นมนุษย์แล้วยังเป็นการสอน ต้องมีการจับตาเฝ้าระวังเกิดขึ้น เพราะการถูก เรอ่ื งวินัยทไี่ มไ่ ดผ้ ลอีกดว้ ย บังคับ ด้วยเหตุน้ีคนไทยส่วนใหญ่จึงคุ้นเคยกับ “วินัย” ในฐานะท่ีเป็นระเบียบข้อบังคับท่ีหาก ไม่ปฏิบัติแล้วอาจถูกลงโทษจากผู้ที่มีอ�ำนาจ เหนอื กวา่ (นธิ ิ เอยี วศรีวงศ์, เพิง่ อา้ ง) วินัยในทัศนะนี้จึงไม่ใช่ “ความ สามารถในการควบคุมตนเองในสิ่งที่ถูกต้อง แม้ว่ามันจะยาก” (นิธิ เอียวศรีวงศ์, เพิ่งอ้าง) และไม่ได้เกิดข้ึนจากการมีหลักคิดร่วมกันของ คนในสงั คมวา่ การอยรู่ ว่ มกนั ตอ้ งเคารพกฏเกณฑ์ กติกา เพราะเม่ือปราศจากการควบคุม วินัย กจ็ ะหมดความหมายลงทนั ที สว่ นกลไกการกำ� กบั ตนเองจากภายในก็ไม่มีก�ำลังพอหรืออ่อนแอ การมีระเบียบวินัยจึงกลายเป็นเพียงการเช่ือฟัง

58 วารสารดำ�รงราชานุภาพ การมองโลกแบบอ�ำนาจนิยมท�ำให้ ก็ไม่ได้ค�ำนึงถึงศักด์ิศรีความเป็นมนุษย์ของ สังคมไม่ปฏิเสธความรุนแรงเพราะเช่ือว่า ผู้เข้าร่วมชุมนุม เช่น การปล่อยสุนัขให้ไปกัด ความรุนแรงเป็นเคร่ืองมือหน่ึงที่มีประสิทธิภาพ ผเู้ ขา้ รว่ มชมุ นมุ การปราบปรามผกู้ อ่ ความไมส่ งบ ที่ใช้เพื่อสร้างความสงบเรียบร้อยและควบคุม ท่ีมัสยิดกรือแซะด้วยการสังหารหมู่ การจับกุม กำ� กบั พฤตกิ รรมของคนในสงั คม ในสงั คมไทยเรา และเคลื่อนย้ายผู้เข้าร่วมชุมนุมท่ีตากใบอย่าง อาจพบเห็นความรุนแรงท่ีคนไทยถือว่าเป็นเร่ือง ไม่เหมาะสมจนท�ำให้มีผู้เสียชีวิตจากการขาด ปกติในทุกระดับ ในครอบครัวที่ถือว่า “รักวัว อากาศหายใจจ�ำนวนมาก ใหผ้ กู รกั ลกู ใหต้ ”ี และในโรงเรยี นทม่ี คี ำ� กลา่ ววา่ อย่างไรก็ตามค�ำถามที่ต้องขบคิด “ไม้เรียวสร้างคน” อันเป็นหลักการอบรม อย่างจริงจังก็คือกระบวนทัศน์และหลักคิดแบบ บ่มนิสัยเด็กของสังคมไทย คนไทยจึงมีความ อ�ำนาจนิยมจะมีอิทธิพลต่อผู้คนและเป็นวิธีการ เคยชินต่อการใช้ความรุนแรงในการแก้ไขปัญหา ที่ทรงประสิทธิภาพท่ีสุดในการจัดการความ นอกจากนี้การใช้อ�ำนาจและความรุนแรง สัมพันธ์ทางสังคมไปอีกนานเท่าใด ในเมื่อสังคม ยังท�ำใหเ้ กิดความกลวั ท้ังกลวั ถกู ทำ� รา้ ย กลวั ได้ เปลยี่ นแปลงไป คนร่นุ ใหมเ่ ติบโตขึน้ ผ้คู นมีการ รับบาดเจ็บ คนจ�ำนวนมากจึงกลัวกลุ่มนักเลง ศึกษามากข้ึน ได้เรียนรู้ประชาธิปไตย ซึมซับ และอันธพาลที่มักใช้ก�ำลังท�ำร้าย กลัวกลุ่ม ความคิดที่แตกต่างจากโลกภายนอก สังคม ผู้มีอ�ำนาจที่ใช้อ�ำนาจกล่ันแกล้ง กลัวกลุ่มคน มีความเป็นเมืองมากขึ้น โลกรอบตัวคนไทยใน ท่ีมักแสดงความ “กร่าง” ด้วยการพูดเสียงดัง ปัจจุบันจึงไม่ใช่หมู่บ้านในชนบทและไร่นาที่ แสดงอ�ำนาจข่มขู่ การกลัวเกรงต่ออ�ำนาจ เงยี บสงบซง่ึ ตดั ขาดจากภายนอกอกี ตอ่ ไป โลกได้ จงึ เทา่ กบั เปน็ การการยอมรบั อำ� นาจไปในตวั การ เชื่อมโยงผู้คนท่ีหลากหลายผ่านเทคโนโลยี ท ้ า ท า ย อ� ำ น า จ จึ ง เ ป ็ น เ ร่ื อ ง ท่ี เ กิ ด ไ ด ้ ย า ก อินเทอร์เน็ตและส่ือสังคมออนไลน์ท่ีไม่อาจ ในสังคมทีม่ ีลกั ษณะความคิดเชน่ นี้ ปิดกั้นทางความคิด (และข่าวลือ) อีกต่อไปได้ ความรุนแรงในระบบการเมืองไทย อ�ำนาจจึงถูกท้าทายจากเสรีภาพท่ีอาจมีปัญหา หลายครั้งก็มีเหตุผลจากการใช้อ�ำนาจเพ่ือรักษา ในการควบคมุ เกดิ บรรยากาศแหง่ ความไมพ่ อใจ ความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง ดังที่ปรากฏ ต่อการใช้อ�ำนาจ หรืออาจก่อให้เกิดความรู้สึก ในประวัติศาสตร์การเมืองไทยท่ีมีการชุมนุม คบั แคน้ ใจตอ่ “ความเหลอ่ื มลำ�้ ”หรอื ความไมเ่ ปน็ เรียกร้องประชาธิปไตยของประชาชนและ ธรรมท่ีเกิดจากการใช้อ�ำนาจ สังคมจึงมีความ นิสิตนักศึกษา รวมทั้งการชุมนุมที่เกิดข้ึนจาก ตึงเครียด ดังที่เห็นจากสังคมไทยในระยะหลัง ประเด็นความไม่เป็นธรรมต่างๆ ที่มีปฏิบัติการ ที่มีความแตกต่างทางความคิดสูงหรืออาจกล่าว ใช้ความรุนแรงเพื่อสลายการชุมนุมและบางคร้ัง ได้ว่าแตกแยก เพราะมีแรงปะทะทางความคิด

วารสารดำ�รงราชานุภาพ 59 ท่ีเกี่ยวข้องกับการมีอ�ำนาจและการใช้อ�ำนาจ ไม่สนใจแรงกดดันทางสังคม อีกท้ังสังคมก็ โดยมกี ารอธบิ ายเหตผุ ลสนบั สนนุ การกระทำ� ของ ไมส่ นใจทจี่ ะสรา้ งแรงกดดนั ทางสงั คม ดงั นน้ั เมอ่ื ตนเองจากกระบวนทศั นแ์ ละหลกั คดิ ทไ่ี มเ่ หมอื น บุคคลตัดสินใจอย่างหนึ่งอย่างใดแล้ว สังคม กัน จึงเกิดเป็นรอยร้าวของสังคมที่ไม่อาจสมาน ถือว่าเป็นการตัดสินใจของเธอหรือเขาคนน้ัน จนกว่าจะมีการปรับกระบวนทัศน์และหลักคิด ซึ่งจะดีหรือร้ายอย่างไรก็สุดแล้วแต่การตัดสินใจ ในลกั ษณะอำ� นาจนิยมนีเ้ สียใหม่ เลือกของตนเอง ปจั เจกนยิ มจงึ มเี ปา้ หมายของตนเอง 2) กระบวนทัศน์และหลักคิดแบบ ท่ีอาจไม่เก่ียวข้องหรือคนละเร่ืองกับแนวทาง ปัจเจกชนนิยม (Individualism) การปฏิบัติหรือยึดถือของสังคมส่วนรวม ซ่ึง ความเป็นปัจเจกนิยมของคนไทย Phillips (1965) ได้วิเคราะห์ว่าปัจเจกบุคคล เปน็ ลกั ษณะเดน่ ของคนไทยท่ี Embree ไดศ้ กึ ษา มักมีความคิดและการกระท�ำท่ีตอบสนองต่อ ไว้เมื่อกว่าหกสิบปีมาแล้วท่ีมองว่าคนไทยขาด ผลประโยชน์ส่วนตัว (Self-interest) เป็นหลัก ระเบยี บวนิ ัย ไม่ตรงตอ่ เวลา ไม่เคารพกฎหมาย ซึ่งผลประโยชน์ส่วนตัวนี้อาจคนละส่วนกับ หรอื กฎเกณฑ์ และมกั มลี กั ษณะตามสภุ าษติ ไทย ความเห็นแก่ตัว (Selfish) ก็ได้ Phillips “ท�ำอะไรตามใจ คือไทยแท”้ หรอื อยากทำ� อะไร ได้ยกตัวอย่างซ่ึงพบในหมู่บ้านบางชันในเร่ือง กท็ ำ� (Do whatever you want) การตดั สนิ ใจใด การตอบแทนบุญคุณท่ีเกิดขึ้นในความสัมพันธ์ ของบุคคลจึงท�ำด้วยความเป็นตัวของตัวเอง ระหว่างลูกกับพ่อแม่ว่าเป็นสิ่งที่ลูกจะตัดสินใจ และใช้ความรสู้ กึ ของตนเองเปน็ หลกั ท�ำเม่ือไรหรืออย่างไรก็ได้ข้ึนอยู่กับความพร้อม หลักของกระบวนทัศน์และหลักคิด ของลูก การกระท�ำของลูกจึงเป็นการกระท�ำ แบบปัจเจกนิยมคือการไม่ได้ถือว่าตนเองมี ที่เกิดจากฐานของความคิดแบบปัจเจกนิยมเป็น ความยึดติดหรือมีพันธะต่อครอบครัวหรือต่อ หลัก ไม่ได้เกิดจากความรู้สึกว่าถูกบังคับจาก กลมุ่ อยา่ งตายตวั หรอื “ความขาดหาย ของความรู้สึกอย่างแรงกล้าต่อความ ต้องการของชุมชน (Absence of strong sense of identification with the needs of the community” (Phillips, 1965) บุคคลจะคิด และตัดสินใจอย่างเป็นอิสระ ไม่ได้ อยู่ใต้อาณัติหรือการก�ำกับทางสังคม

60 วารสารดำ�รงราชานุภาพ พอ่ แมห่ รอื จากสงั คมแตอ่ ยา่ งใด หรอื หากมเี หตใุ ด สังคมไทยมีความขัดแย้งท่ีรุนแรงเกิดข้ึนน้อย ท่ีท�ำให้แบบแผนการปฏิบัติแตกต่างไปจากที่ เพราะคนไทยเลือกที่จะประนีประนอมเม่ือเกิด เคยท�ำกันมา คนไทยก็พร้อมท่ีจะเข้าใจและ เหตุท่ีอาจท�ำให้เกิดความไม่เข้าใจหรือความ ไม่เรียกร้องให้บุคคลต้องปฏิบัติตามแบบแผนท่ี ขดั แยง้ (สภาปฏิรปู แห่งชาต,ิ 2558) โดยคิดว่า มีอยู่ ดังในกรณีของผู้หญิงคนหนึ่งท่ีหมู่บ้าน เขาอาจมเี หตผุ ลของเขา ไมไ่ ดย้ ดึ ตดิ กบั กฎเกณฑ์ บางชันท่ีได้ทิ้งครอบครัวไป แต่คนจ�ำนวนหน่ึง เป็นสำ� คัญ ไมเ่ ครง่ ครดั ขนบธรรมเนียมประเพณี ก็สงสารและพร้อมเข้าใจปัญหาในชีวิตของ อะลุ่มอล่วยต่อความเห็นและการกระท�ำของ ผู้หญิงคนนั้น กระบวนทัศน์แบบน้ีท�ำให้สังคม ผอู้ นื่ ในฐานะทเ่ี ปน็ ปจั เจกชน (จรุ ี วจิ ติ รวาทการ, ไทยสามารถยอมรับความแตกต่างได้ในระดับ ในการบรรยายวชิ าระบบสงั คมและการเมอื งไทย) หน่ึง ซึ่งเมื่อมองในกระบวนทัศน์และหลักคิด หรือแม้กระทั่งค�ำกล่าวท่ีว่า “อย่าถือคนบ้า แบบน้ีการผสมผสานทางวัฒนธรรมของผู้คน อยา่ วา่ คนเมา” กเ็ ปน็ คำ� กลา่ วทคี่ ำ� นงึ ถงึ ลกั ษณะ หลายเชื้อชาติที่ได้ผสมกลมกลืนเป็นคนไทยใน เฉพาะของบุคคลในขณะที่บ้าและเมา ซ่ึงเรา ปัจจุบัน และความสามารถในการอยู่ร่วมกัน ไมค่ วรเอาเร่ืองเอาราวกบั คนเหล่านนี้ กั ระหว่างคนต่างศาสนาในสังคมไทย ก็น่าจะมา อย่างไรก็ตามเป็นที่น่าสังเกตว่า จากการยอมรบั ความเป็นปัจเจกของผอู้ ่ืน ในสังคมปัจจุบันพฤติกรรมการยอมรับการ ปจั เจกนยิ มไมป่ รารถนาการครอบงำ� กระท�ำของคนอื่นอาจมีความแตกต่างจาก หรอื การบงั คบั ทำ� นอง “คบั ทอี่ ยไู่ ด้ คบั ใจอยยู่ าก” พฤตกิ รรมทเ่ี กดิ ขนึ้ ในอดตี เนอ่ื งจากสภาพสงั คม เรามกั ไดย้ นิ เสมอวา่ คำ� วา่ ไทย หมายถงึ ความเปน็ ในอดีตอาจไม่ได้มีความแออัดคับค่ังเหมือนใน อิสระ ในการบริหารงานแบบไทยจึงมักจะให้ สังคมทุกวันนี้ สังคมไทยสมัยก่อนมีจ�ำนวน ความส�ำคัญต่อความเข้าใจและการผ่อนปรนต่อ ประชากรน้อยและการตั้งบ้านเรือนอยู่ห่างกัน ผใู้ ต้บงั คับบญั ชาเป็นหลัก เช่น ในการจา้ งคนมา อาจทำ� ใหผ้ คู้ นไมเ่ กดิ ความอดึ อดั ในการอยรู่ ว่ มกนั ทำ� งานบา้ น เจา้ ของบา้ นหรอื นายจา้ งตอ้ งพยายาม มากนัก อีกทั้งโอกาสในการรบกวนกันก็ย่อม ท�ำความเข้าใจพฤติกรรมการท�ำงานของลูกจ้าง มนี อ้ ยกวา่ ในยคุ ปจั จบุ นั โดยเฉพาะในสงั คมเมอื ง ท่ีอาจลาหยุดโดยไม่มีสาเหตุหรือลาเพราะแม่ ทม่ี คี วามหนาแนน่ ของประชากรสงู ทำ� ใหโ้ อกาส ปว่ ย ไปวัด เลยี้ งหลาน ฯลฯ หรือบางครัง้ กห็ าย ทจี่ ะกระทบกระทง่ั กนั กย็ อ่ มมมี าก เชน่ การขบั รถ ไปเฉยๆ ซงึ่ นายจา้ งทดี่ ตี อ้ งพยายามเขา้ ใจเพราะ บนท้องถนนที่มีการจราจรติดขัดจากปริมาณ หากเข้มงวดมากเกนิ ไป ลกู จา้ งก็อาจขอลาออก รถจ�ำนวนมาก จนท�ำให้การเป็นตัวของตัวเอง การท่ีนิยมความเป็นปัจเจกเช่นน้ี อาจกลายเป็นความเห็นแก่ตัวท่ีก่อให้เกิดความ คนไทยมลี กั ษณะผอ่ นปรน ซงึ่ มขี อ้ ดคี อื การทำ� ให้ ขัดแย้งและความไม่พอใจแก่คนอ่ืนๆ หรือใน

วารสารดำ�รงราชานภุ าพ 61 เหตกุ ารณค์ วามขดั แยง้ ทเ่ี ปน็ ขา่ วเมอื่ ไมน่ านมาน้ี การรักความเป็นอิสระเป็นลักษณะ ทผ่ี อู้ ยอู่ าศยั ในคอนโดมเิ นยี มรอ้ งเรยี นตอ่ หนว่ ยงาน ท่ีส�ำคัญของปัจเจกนิยม ท�ำให้อาชีพอิสระเป็น ราชการที่เกี่ยวข้องว่าได้รับผลกระทบจาก อาชีพที่ได้รับความนิยมของคนไทย โดยในอดีต เสยี งรบกวนทม่ี าจากการตรี ะฆงั ทเี่ ปน็ การปฏบิ ตั ิ คนไทยสว่ นใหญเ่ ปน็ เกษตรกรและทำ� การเกษตร ศาสนกจิ ของพระสงฆ์ ดงั นน้ั เมอื่ สงั คมเปลย่ี นไป แบบยังชีพและมีท่ีดินเป็นของตนเองก็ใช้ชีวิต เรื่องท่ีไม่เคยเป็นปัญหาก็อาจกลายเป็นปัญหา แบบอสิ ระ มตี ารางเวลาการทำ� งานทเี่ ปน็ ไปตาม ท่สี ร้างความขัดแย้งได้ ฤดูกาล จะลาหยุดหรือจะมาสายก็เป็นเร่ืองของ กระบวนทัศน์และหลักคิดแบบ ตนเอง อาชีพประมงขนาดเล็กที่หาปลาได้แล้ว ปจั เจกนยิ มของคนไทยมสี ว่ นทำ� ใหค้ นไทยเหน็ วา่ ก็น�ำปลากลับเข้าบ้าน ส่วนจะออกไปจับปลา พฤติกรรมการมาสายและไม่ตรงต่อเวลาไม่ได้ หรือไม่ก็แล้วแต่ดุลยพินิจในการตัดสินใจ หรือ เป็นเร่ืองคอขาดบาดตาย เพราะคนแต่ละคน การประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไป เช่น ปีนต้นไม้ ก็อาจมีภารกิจหรือติดธุระที่ท�ำให้ต้องมาสาย ดายหญ้า เรียงใบพลู ก็เป็นอาชีพท่ีข้ึนอยู่กับ อีกทั้งเหตุการณ์ภายหน้าล้วนไม่มีความแน่นอน ความพอใจท่ีจะท�ำงานกับผู้จ้าง ไม่ได้เป็น ค�ำว่า “ไมเ่ ป็นไร” จงึ เปน็ ส่งิ ทผี่ มู้ าสายคาดหวงั ความสัมพันธ์แบบคู่สัญญา รวมไปถึงอาชีพ ทจี่ ะไดย้ นิ จากผทู้ ม่ี าถงึ กอ่ น และสงั คมไทยกไ็ มไ่ ด้ พ่อค้าแม่ค้าโดยเฉพาะหาบเร่ แผงลอย ที่อยู่ใน มกี ารตำ� หนพิ ฤติกรรมมาสายอย่างจริงจงั ดังน้นั ภาคเศรษฐกิจแบบไม่เป็นทางการ และเป็นที่ การรณรงค์ให้ตรงต่อเวลาแบบใช้การมองเวลา น่าสังเกตว่าปัจจุบันอาชีพมอเตอร์ไซค์รับจ้าง แบบใช้นาฬิกาเป็นตัวตั้งอาจเป็นการมองปัญหา กเ็ ปน็ อาชพี อสิ ระทไ่ี ดร้ บั ความนยิ มเชน่ กนั โดยผทู้ ี่ แบบผิวเผิน โดยไม่ได้พิจารณาถึงกระบวนทัศน์ ประกอบอาชีพสามารถเลือกได้ว่าจะมีช่ัวโมง และหลักคิดที่แท้จริงของคนไทยว่าเป็นเพราะ ท�ำงานที่ยาวนานขึ้นเพ่ือรายได้มากขึ้น หรือ กระบวนทัศน์และหลักคิดอย่างไร และการมอง มีชั่วโมงการท�ำงานที่น้อยลงเพราะต้องการ เฉพาะพฤติกรรมการตรงเวลาอย่างเดียวนั้น พักผ่อนหรือติดธุระอย่างอ่ืน รวมท้ังอาชีพสมัย ก็มีแง่มุมทางวัฒนธรรมอ่ืนๆอีก เป็นต้นว่าเม่ือ ใหม่ท่ีคนไทยรู้สึกว่าเป็นอิสระและเป็นตัวของ ใชเ้ ปน็ ระบบเวลาแบบฤกษย์ ามทค่ี นไทยใหค้ วาม ตัวเองโดยไม่มีใครบังคับ เช่น นักแสดงอิสระ ส�ำคัญปรากฏว่าคนไทยจ�ำนวนมากก็ตรงเวลา นักเขียนอิสระ นักวิชาการอิสระ ศิลปินอิสระ เปน็ อยา่ งดี (นธิ ิ เอียวศรวี งศ์, 2546) การรณรงค์ Blogger อิสระ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ในทาง เรื่องการตรงต่อเวลาให้ได้ผลจึงมิใช่เพียงการ กลับกันอาชีพที่ต้องอยู่ในองค์กรที่เป็นทางการ ปรับพฤติกรรมภายนอกแต่ควรเป็นการปรับ ที่ต้องมีกฎเกณฑ์และระเบียบวินัยอย่างใน วิธคี ิดของคน องค์กรภาคราชการและภาคเอกชน อาจท�ำให้

62 วารสารดำ�รงราชานภุ าพ คนไทยหลายคนรู้สึกอึดอัดโดยเฉพาะถ้าอยู่กับ พฤติกรรมการใช้สิทธิและเสรีภาพตามระบอบ หัวหนา้ ทเ่ี ขาไมพ่ อใจ หรือการบงั คบั ใชก้ ฎเกณฑ์ ประชาธิปไตยท่ีแสดงออกกันอย่างไร้ขอบเขต ท่ีต้องใช้หลักการอะลุ้มอล่วยจนอาจท�ำให้ เช่น การแสดงความเห็นในโลกโซเชียลท่ีหลาย กลายเป็นหย่อนยานหรือท�ำให้กฎระเบียบไม่มี คร้งั เป็นการกลา่ วหาและละเมดิ สทิ ธขิ องคนอ่ืน ความหมายก็เป็นได้ อีกประการหนึ่งในด้านท่ีเก่ียวข้อง ส่วนในด้านการเคารพกฎหมายน้ัน กับส่วนรวมนั้น ปัจเจกชนนิยมมีข้อเสียส�ำคัญ ความจริงแล้วปัจเจกบุคคลกับการเคารพ ซงึ่ ทา่ นเจา้ คณุ สมเดจ็ สมเดจ็ พระพทุ ธโฆษาจารย์ กฎหมายสมควรเปน็ เรอื่ งทเี่ กย่ี วเนอ่ื งกนั ในสงั คม (ป.อ. ปยุตโต) ได้ให้ความเห็นว่า “คนไทย ประชาธิปไตยท่ีให้ความส�ำคัญต่อเสรีภาพและ จิตส�ำนึกรวมไม่ค่อยมี อะไรๆ ก็เป็นเร่ืองของ ความเสมอภาค ในขณะเดียวกันก็ต้องค�ำนึง แต่ละคน” และ “เม่ือเป็นเร่ืองของแต่ละคน กติกาการอยู่ร่วมกันของคนในสังคมด้วย ดังน้ัน ก็จะมีปัญหา เพราะอ่อนล้าจากการแย่งชิง การเป็นปัจเจกบุคคลท่ีดีจึงเป็นผู้ที่มีศักยภาพ ผลประโยชน์ โดดเดยี่ ว ขาดกำ� ลงั รว่ ม ขาดกำ� ลงั ใจ สามารถใคร่ครวญถึงความส�ำคัญของส่วนรวม ในลักษณะร่วมทุกข์ ร่วมสุข” (สมเด็จพระ เป็นหลักและยอมรับกติการ่วมของสังคม พุทธโฆษาจารย์ (ป.อ. ปยุตโต), 2538) ดังนั้น กฎหมายจึงเป็นกรอบของการปฏิบัติระหว่าง การไม่มองถึงเร่ืองส่วนรวมหรือมองว่าเร่ืองของ ปัจเจกบุคคล อย่างไรก็ตาม ความเป็นปัจเจก ตัวส�ำคัญกว่าเรื่องส่วนรวมนั้นจึงรวมถึงการขาด นิยมของคนไทยเป็นปัญหาเพราะเป็นปัจเจก ความสามคั คแี ละขาดพลงั รว่ ม จงึ มกั มผี กู้ ลา่ ววา่ นิยมที่ไม่ได้ค�ำนึงถึงความส�ำคัญของสังคม คนไทยท�ำงานเป็นทีมไม่ได้ และท้ายที่สุดแล้ว ส่วนรวม เมื่อความคิดแบบปัจเจกนิยมผนวก เมื่อปัจเจกนิยมกลายเป็นการต่างคนต่างอยู่ กับการขาดส�ำนึกเกี่ยวกับส่วนรวม ผู้คนจึง โดยที่ไม่มีสายใยยึดเหนี่ยวกันและกันไว้ก็อาจ แสดงออกถึงความเป็นตัวของตัวเองโดยคิดว่า มผี ลทำ� ให้สงั คมอ่อนแอลงได้ “ไมเ่ หน็ จะเปน็ ไร” หรอื “ไมท่ ำ� ใหห้ นกั ศรี ษะใคร” ดังนั้นจึงพบอยู่เสมอว่าในหมู่บ้านจัดสรร 3) กระบวนทัศน์และหลักคิดแบบ ท่ีมีพ้ืนที่จ�ำกัด ผู้ที่อยู่อาศัยในหมู่บ้านบางคน ปฏิบตั นิ ยิ ม (Pragmatism) ใช้พื้นที่ทางเท้าหน้าบ้านของตนเองเปิดเป็น การที่สังคมไทยมีโครงสร้างแบบ ร้านขายอาหาร หรือปลูกผักสวนครัว หรือ หลวมท�ำให้คนไทยมีกระบวนทัศน์และหลักคิด แม้กระทั่งการเลี้ยงนกพิราบเป็นร้อยตัว ซ่ึงถ้า แบบปฏิบัตินิยม หรือกรอบการมองโลกที่ให้ ยงั ไมม่ คี วามเดอื ดรอ้ นรนุ แรง คนสว่ นมากกถ็ อื วา่ ความสำ� คญั ตอ่ ความเปน็ ประโยชน์ (Usefulness) เป็นเรื่องของเขา ไม่ใช่เร่ืองของเรา รวมท้ัง การใช้งานท่ีได้ผล (Workability) และปฏิบัติ

วารสารดำ�รงราชานุภาพ 63 ได้จรงิ (Practicality) (Rosanthan & Thayer ดังในการรับมือกับสถานการณ์วิกฤติที่เรามัก in Britannica, 2018) โดยนักปฏิบัตนิ ิยมจะมงุ่ ไดย้ นิ ค�ำกล่าวทีว่ ่า “พลกิ วิกฤตเิ ปน็ โอกาส” คอื ผลลัพธ์ของการกระท�ำเป็นหลัก ไม่ได้ยึดติดอยู่ การต่อสู้พลิกแพลงไม่ยอมแพ้ต่อสถานการณ์ กับหลักการ และพยายามแก้ไขปัญหาให้ส�ำเร็จ ซงึ่ เปน็ การมองเชงิ บวก อยา่ งไรกต็ ามความหมาย (Getting things done) คนไทยจึงเป็นคนที่ ในเรอ่ื งของการปรบั ตวั อาจมนี ยั ถงึ การเอาตวั รอด แกป้ ญั หาเฉพาะหนา้ ไดด้ แี ละอยใู่ นโลกความเปน็ พ ย า ย า ม ใ ช ้ ป ร ะ โ ย ช น ์ จ า ก ส ถ า น ก า ร ณ ์ ที่ จรงิ (Situation-oriented) รจู้ กั ปรับตวั มคี วาม เปล่ียนแปลงให้ได้ดีที่สุด ดังค�ำกล่าวที่ว่า ยืดหยุ่น สามารถปรับเปล่ียนต่อสถานการณ์ “รู้อะไรไม่สู้รู้วิชา รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี” ที่มีความยากล�ำบากได้เป็นอย่างดี แม้แต่ใน ในวงข้าราชการและการเมืองมีการเปรียบเปรย สถานการณ์น้�ำท่วมใหญ่ปี 2554 ท่ีคนไทย หลายบุคคลที่สามารถท�ำงานให้กับรัฐบาล จ�ำนวนมากปรับการใช้ชีวิตในฐานะผู้ประสบภัย ในทุกยุคทุกสมัยว่าเสมือนเป็น “แมวเก้าชีวิต” ซ้ือเรือ เตรียมอาหาร ออกไปรับของบริจาค คือนายตกต่�ำแล้วยังไม่ตายสักที หรือการที่ และยังมีการสร้างสิ่งประดิษฐ์ท่ีสามารถตอบ นักการเมืองสามารถเปลี่ยนจุดยืนทางการเมือง สนองความต้องการ เช่น เป็ดยางลอยน�้ำ ได้จากพรรคหนึ่งไปอีกพรรคหนึ่งก็เป็นวิสัยของ ที่สามารถวัดค่ากระแสไฟฟ้าเพื่อใช้ตรวจสอบ การปรบั ตวั ใหเ้ ข้ากบั ส่ิงแวดล้อมทีเ่ อื้อประโยชน์ พื้นที่ที่มีน�้ำท่วมขังว่ามีไฟฟ้ารั่วหรือไม่ หรือ ให้มากกว่า นอกจากนี้ยังรวมไปถึงการที่พ่อค้า ในสมัยสงครามโลกคร้ังท่ีสองท่ีประเทศไทย แมค่ า้ บางคนขายของไดร้ าคาแพงกวา่ ปกตใิ นชว่ ง ไม่ได้ตกเป็นเหย่ือความรุนแรงจากสงครามและ น้�ำท่วม การจราจรติดขัดหนาแน่นจึงมีการ ไม่ได้ตกอยู่ในสถานะประเทศผู้แพ้สงคราม ค้าขายกล้วยแขกบนท้องถนนท้ังท่ีเป็นการ ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะนโยบายที่มาจากกระบวน ทัศน์และหลักคิดแบบปฏิบัตินิยมท่ีค�ำนึงถึง ความอยู่รอดและความมั่นคงของชาติเป็นหลัก จึงท�ำให้ประเทศไทยรอดพ้นจากสถานการณ์ ท่ีท�ำให้ไทยต้องเสียเปรียบอย่างมาก (จุรี วิจิตรวาทการ, ในการบรรยายวิชาระบบสังคม และการเมอื งไทย) ความยืดหยุ่นและความสามารถในการ ปรับตัวที่ดีท�ำให้คนไทยซ่ึงเป็นนักปฏิบัตินิยม สามารถอยู่รอดปลอดภัยในสถานการณ์ต่างๆ

64 วารสารดำ�รงราชานุภาพ กระท�ำที่ผิดกฎหมาย ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้ เพราะคนไทยจ�ำนวนหนึ่งมีกระบวนทัศน์และ จึ ง อ า จ ม อ ง ไ ด ้ ว ่ า เ ป ็ น พ ฤ ติ ก ร ร ม ข อ ง นั ก หลักคิดแบบปฏิบัตินิยมท่ียอมรับการทุจริต ฉวยโอกาส (Opportunist) ก็ได้ คอร์รัปชันว่าเป็นข้อเท็จจริงท่ีต้องปรับตัวอยู่กับ แนวคิดปฏิบัตินิยมท�ำให้คนไทย มันให้ได้ ซ่ึงนักธุรกิจบางคนเคยกล่าวถึงปัญหา มีความสามารถในการแก้ไขปัญหาแต่ในขณะ การทุจริตไว้ว่า “ถ้าไม่จ่ายก็ไม่ได้งาน” รวมถึง เดียวกันก็อาจถูกมองได้ว่าเป็นคนไม่มีหลักการ พฤติกรรมอ่ืนๆ ที่เป็นปัญหาการเอาตัวรอดต่อ เช่น การสนับสนุนรัฐประหารในปี พ.ศ. 2557 เหตุการณ์เฉพาะหน้าอย่างการขับขี่รถย้อนศร ซง่ึ อาจมองไดว้ า่ เปน็ การกระทำ� ทข่ี ดั ตอ่ หลกั การ เพราะจุดกลับรถอยู่ไกลเกินไป การโกหกเพ่ือ ประชาธปิ ไตย แต่เหตุผลส�ำคญั ท่ปี ระชาชนและ เอาตวั รอด การโยนความผดิ เพอ่ื หนคี วามผดิ การ ปญั ญาชนจำ� นวนมากเขา้ ใจและใหก้ ารสนบั สนนุ ตีความทางกฎหมายในทางเข้าข้างตนเอง รัฐประหารในครัง้ น้นั ก็เนือ่ งจากประเทศไทยใน และพวกพ้องเพ่ือหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบ ขณะนั้นมีความแตกแยกทางความคิดอย่าง หรือการรักษาวินัยจราจรที่มักเรียกร้องให้รักษา รนุ แรง การทจุ รติ และความลม้ เหลวของนโยบาย กฎเพื่อลดอุบัติเหตุ ซ่ึงถ้ามองแบบปฏิบัตินิยม รับจ�ำน�ำข้าวที่ท�ำให้เกิดความเสียหายนับแสน แล้วคนขับรถที่รักษากฎจะไม่มีทางที่จะไปถึง ล้านบาท กลุ่มนักการเมืองฉ้อฉลท่ีพยายาม ที่หมายอยา่ งรวดเรว็ เพราะหากเราไมล่ ะเมิดกฎ แก้กฎหมายเพ่ือให้พรรคพวกตนเองพ้นผิด คนอื่นก็ท�ำ แล้วท�ำไมเราจึงต้องท�ำตามกฎอยู่ ประชาชนไม่พอใจและออกมาเรียกร้องให้มีการ ล�ำพัง ทุกคนเลยต่างคนต่างขับ ต่างคนต่าง ปฏิรูปประเทศเพื่อแก้ไขปัญหา อีกทั้งยังมีการ แก้ปัญหาเฉพาะหน้าของตน อีกทั้งพฤติกรรม ลอบยิงผู้ชุมนุมเป็นระยะ กลไกอภิปรายไม่ไว้ อื่นๆที่เกิดขึ้นจากความ “มักง่าย” ท่ีเน้นความ วางใจของสภาท�ำงานไม่ได้ผล แม้ว่าภายหลัง อดีตนายกรัฐมนตรีได้ยุบสภาและจัดต้ังรัฐบาล รักษาการ แต่ก็ไม่มีความพยายามจัดการ สถานการณท์ เี่ กดิ ขนึ้ สงั คมมคี วามตงึ เครยี ดและ ขัดแย้งสูง และมีแนวโน้มท่ีจะเกิดความรุนแรง มากย่ิงขึ้น ดังน้ันเมื่อเกิดรัฐประหารข้ึน ผู้คน จำ� นวนมากจงึ รสู้ กึ วา่ เปน็ การใหท้ างออกแกส่ งั คม ความไม่ติดยึดต่อหลักการก็อาจ ท�ำให้เสียหลักการได้โดยง่าย เช่น ปัญหาการ ทุจริตคอร์รัปชันที่ในอีกด้านหน่ึงนั้นเกิดขึ้น

วารสารด�ำ รงราชานุภาพ 65 สะดวกสบายเขา้ วา่ เชน่ การทงิ้ ขยะในทส่ี าธารณะ เข้ามาในซอย รวมถึงการแต่งกายที่ผู้ขับข่ีมัก จนท�ำให้อุโมงค์ยักษ์อุดตัน (ข่าวสด, 26 ไม่ได้สวมเคร่ืองป้องกันอันตรายที่อาจเกิดข้ึน พฤษภาคม 2560) ด้วยเหตนุ ี้ ผูท้ ่ีไมย่ ดึ หลกั การ เช่น เสื้อหนัง รองเท้าหุ้มข้อ เคร่ืองป้องกันเข่า จึงมีแนวโน้มที่จะตัดสินใจโดยพิจารณาจาก และศอก เป็นต้น อย่างไรก็ตามเคร่ืองป้องกัน ประโยชน์ของตนเองหรือเข้าข้างตนเองก่อน เหลา่ นไี้ มเ่ หมาะกบั สภาพอากาศในเมอื งไทยและ การตามกระแสก็ย่อมเป็นเร่ืองง่ายกว่าการทวน ยงั มีราคาแพงอกี ด้วย ดงั นัน้ ในทัศนะของผ้ขู ับขี่ กระแส อย่างไรก็ตามการคิดและท�ำอะไรง่ายๆ ท่ีมีความเป็นปฏิบัตินิยมจึงมองว่า การป้องกัน เฉพาะหน้าอาจไม่ใช่เร่ืองดี โดยเฉพาะถ้าไม่มี ความเสี่ยงท่ีอาจถึงแก่ชีวิตจึงแพงและไม่จ�ำเป็น หลักคิดเชิงศีลธรรมมาก�ำกับ เพราะอาจท�ำให้ และยงั คดิ วา่ การเกดิ อบุ ตั เิ หตไุ มใ่ ชส่ งิ่ ทเ่ี กดิ ขน้ึ ได้ เกดิ ผลกระทบตอ่ ผู้อืน่ และสงั คมสว่ นรวม งา่ ยๆ และอาจไมเ่ กิดขึน้ ตอ่ ตนเองกไ็ ด้ ความเป็นปฏิบัตินิยมอาจท�ำให้ แนวคิดแบบปฏิบัตินิยมท่ีขาดการ คนไทยไมไ่ ดม้ องการณไ์ กลมากนกั  แมว้ า่ จะทำ� ให้ มองการณ์ไกลยังเห็นได้จากพฤติกรรมด้าน คนไทยสามารถจัดการและรับมือต่อปัญหาได้ดี สุขภาพของประชาชน Sara Samiphak and เช่น การเกิดขึ้นของมอเตอร์ไซค์รับจ้างท่ีช่วย Leonard Syme (2017) ได้ศึกษาเร่ืองการ แกไ้ ขปญั หาการเดนิ ทางของผคู้ น Cornwell-smith บรโิ ภคปลาดบิ ของคนอสี านโดยอธบิ ายถงึ สาเหตุ & Goss (2017) ต้ังข้อสังเกตว่ามอเตอร์ไซค์ ท่ีท�ำให้พฤติกรรมการกินปลาดิบยังแพร่หลาย รบั จา้ งเปน็ ปรากฏการณก์ ารตอบสนองตอ่ ปญั หา โดยท่ัวไปทั้งท่ีมีการรณรงค์ด้านสาธารณสุข แบบไทยไทยท�ำให้คนไทยสามารถเดินทางไป เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับการเกิดโรคท่ีมาจากการ ถงึ ทห่ี มายไดท้ ันเวลาดว้ ยการขบั ข่ีรถฉวัดเฉวยี น บริโภคปลาดิบมาหลายสิบปี ผลการวิจัยพบว่า ลัดเลาะตามช่องว่างบนพื้นถนน แต่ในขณะ ผทู้ บ่ี รโิ ภคปลาดบิ ไมไ่ ดม้ องวา่ การบรโิ ภคปลาดบิ เดียวกันก็ไม่ได้ค�ำนึงถึงความเส่ียงของชีวิตจาก จะมีผลต่อการเป็นมะเร็งตับของตนเองใน การเฉ่ียวชนและไม่ได้ให้ความส�ำคัญต่อความ อนาคตแม้ว่าจะมีข้อค้นพบทางวิทยาศาสตร์ ปลอดภยั ในการขับขี่ มอเตอรไ์ ซค์รบั จ้างจ�ำนวน รองรับ ส่วนหนึ่งเพราะระยะเวลาในการก่อตัว มากจึงไม่สนใจเร่ืองการให้ผู้โดยสารสวมหมวก ของโรคนานถึง 20-30 ปี ซึ่งเป็นการมองไปใน นิรภัย หรือการท่ีผู้ขับขี่สวมหมวกนิรภัยก็น่าจะ อนาคตท่ียาวนาน ดังน้ัน แม้ว่าชาวบ้านรวมทั้ง มาจากความตอ้ งการทจี่ ะหลกี เลยี่ งการตรวจจบั เด็กนักเรียนมีความรู้เป็นอย่างดีเกี่ยวกับหลัก จากเจ้าหน้าที่มากกว่าการคิดเกี่ยวกับความ สุขศึกษาที่ไม่ควรบริโภคปลาท่ียังไม่ได้ท�ำให้สุก ปลอดภยั เพราะบางครงั้ กพ็ บวา่ ผขู้ บั ขสี่ วมหมวก แตผ่ คู้ นกไ็ มไ่ ดเ้ หน็ วา่ พฤตกิ รรมการบรโิ ภคปลาดบิ โดยไมร่ ดั สาย หรอื เมอ่ื ไมส่ วมหมวกนริ ภยั เมอ่ื ขบั เป็นพฤติกรรมสุขภาพท่ีเก่ียวข้องกับความเป็น

66 วารสารดำ�รงราชานภุ าพ ความตายในชีวิต จึงใช้ชีวิตในแต่ละวันโดยอาจ มารยาททางสังคมแล้ว การคบหาสมาคมกันนน้ั ไมไ่ ดค้ ำ� นงึ ถงึ เปา้ หมายชวี ติ ของตนเองในอนาคต แต่ละฝ่ายต้องพยายามปกปิดอารมณ์ โดยการ อีกท้ังความเจ็บป่วยของมนุษย์ก็เป็นส่ิงท่ีไม่ ไม่แสดงความรู้สึกที่แท้จริงแต่เก็บอารมณ์ แนน่ อนสามารถเกดิ ขนึ้ ได้ ตามทศั นะในการมอง ความรู้สึกไว้ภายในเสมือนเป็นเคร่ืองส�ำอางทาง โลกเช่นนี้อนาคตจึงเป็นส่ิงที่ไม่อาจควบคุมได้ สังคม (Social cosmetics) เพื่อรักษา “หน้า” การมีชีวิตอยู่ในแต่ละวันและพยายามท�ำให้ดี หรือความรู้สึกของอีกฝ่ายหน่ึง การท�ำอะไรจึง กเ็ ป็นสง่ิ ทเ่ี พียงพอแล้วในการใชช้ วี ติ ต้องมีความเกรงใจ การ “รกั ษาหนา้ ” เพือ่ ไมใ่ ห้ “เสียหน้า” นั้นจึงถือเป็นเร่ืองส�ำคัญ ดังน้ัน 4) กระบวนทัศน์และหลักคิดแบบยึด เม่อื เกดิ ความขัดแย้ง จะนิยมการวางเฉย ใจเย็น สายสมั พนั ธส์ ว่ นบคุ คลเปน็ หลกั (Personalism) เพอื่ ไมใ่ หม้ กี ารเผชญิ หนา้ แบบแตกหกั (Phillips, การที่คนไทยอยู่ในระบบอุปถัมภ์ 1965) มายาวนานท�ำให้คนไทยยึดความสัมพันธ์ส่วน การรักษาความสัมพันธ์ระหว่าง บุคคลเป็นหลัก โดยมีทัศนะว่าบุคคลเป็น บุคคลให้ราบร่ืนยังต้องใช้น�้ำใจเป็นกลไกในการ ศูนย์กลางความสัมพันธ์ของสังคม ถ้าเป็นผู้ท่ีมี หล่อเล้ียง น�้ำใจอาจหมายถึงของขวัญ ของฝาก อ�ำนาจมากกว่าก็เป็นผู้ท่ีสามารถให้คุณให้โทษ รวมท้ังการช่วยเหลือกันและกัน ที่ส�ำคัญต้องมี ต่อชวี ติ ของตัว ถ้าเป็นผู้ทีอ่ ยใู่ นระนาบเดียวกนั ก็ การตอบแทนนำ้� ใจกลบั อกี ฝา่ ยหนง่ึ การรบั นำ�้ ใจ ขึ้นอยู่กับระดับการรู้จักและความเป็นมิตรของ เพยี งฝา่ ยเดยี วแตไ่ มม่ กี ารตอบแทนนน้ั อาจทำ� ให้ ตนเองซึ่งมีต่อบุคคลคนน้ัน เครือข่ายและความ ถูกมองได้ว่าเป็นคนเห็นแก่ตัว หรือหนักย่ิงกว่า สัมพันธ์ระหว่างบุคคลจึงมีความหมายต่อวิธีคิด นั้นกเ็ ปน็ การขาดส�ำนกึ ในบญุ คญุ กไ็ ด้ และวิธีปฏิบัติของคนไทย ในสังคมไทยจึงถือว่า ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งกนั จงึ ทำ� ใหเ้ กดิ สายสัมพันธ์ (Connection) เป็นเรื่องส�ำคัญท่ี ความรู้สึกเกี่ยวข้องกัน รู้สึกเป็นกลุ่มพวก ขาดเสียมิได้ การที่งานจะสำ� เร็จลุลว่ งได้น้ันก็ขึน้ เดียวกัน หรือสร้างความรู้สึกพรรคพวก ดังน้ัน อย่กู ับความสัมพนั ธ์ของคนทรี่ จู้ ักกันเป็นหลัก การท่ีนักเรียนอาชีวะในกรุงเทพมักตีกันก็ไม่ผิด การทจี่ ะรกั ษาสมั พนั ธภาพไวไ้ ดอ้ ยา่ ง จากนกั เลงของหมู่บา้ นสมัยก่อนตีกนั เมื่อคนใน ยาวนานน้ัน คนไทยต้องรักษาความสัมพันธ์ หมู่บ้านของตนถูกรังแก (หรือไปรังแกเขาก่อน ระหวา่ งบคุ คลใหร้ าบร่ืน ปราศจากความขดั แย้ง แลว้ เขาเอาคนื ) กเ็ ปน็ หนา้ ทขี่ องนกั เลงหรอื ลกู พ่ี หรือมีความขัดแย้งให้น้อยที่สุด และหากเกิด ใหญ่ที่จะต้องรวบรวมสมัครพรรคพวกไปเอาคืน ความขดั แยง้ ขนึ้ มาแลว้ คนไทยจะถอื วา่ คขู่ ดั แยง้ ในกลุ่มคนท�ำงานในองค์กร หากเพ่ือนร่วมงาน เป็นศัตรูท่ีอาจอยู่ร่วมกันล�ำบาก โดยตาม ที่มคี วามสนิทสนมกันกระท�ำผดิ ในมมุ มองแบบ

วารสารดำ�รงราชานุภาพ 67 ไทยสมาชกิ ในองคก์ รจะตอ้ งปกปอ้ งคนผดิ คนนนั้ ศรัทธาและอาจส่งผลให้เกิดวิกฤติภาวะผู้น�ำ เสยี กอ่ น หากมกี ารแจง้ การกระทำ� ผดิ กจ็ ะถกู มอง นอกจากนี้ยังท�ำให้ขาดความเป็นมืออาชีพใน ว่าเป็นคนไมร่ กั พวกพ้อง การยึดงานเป็นหลักโดยไม่ได้ท�ำเพ่ือใคร หรือ การถือความสัมพันธ์ส่วนบุคคลเป็น ท�ำให้ใคร การไม่ทักท้วงเพราะเกรงใจว่าเขาจะ หลักหรือมากเกินไปจึงเป็นการยึดถือพวกพ้อง เสียหน้า ย่ิงจะท�ำให้การท�ำงานแบบสมัยใหม่ มากกว่าหลักการท่ีถูกต้อง ความสัมพันธ์ส่วน เสียหายเพราะเท่ากับด�ำเนินงานแบบขาด บุคคลท�ำให้เกิดเส้นสายท่ีให้อภิสิทธ์ิช่วยเหลือ ประสทิ ธภิ าพ พวกพ้องหรือญาติพี่น้องของตนเอง ซึ่งเป็นการ 5) กระบวนทัศน์และหลักคิดแบบ ใช้อ�ำนาจอย่างฉ้อฉลของผู้มีอ�ำนาจในลักษณะ สุขนิยมและบริโภคนิยม (Hedonism and Cronyism และ Nepotism แมก้ ระทงั่ ในเรอ่ื ง consumerism) ท่ีดูเหมือนเล็กน้อย เช่น การน�ำแฟนคลับดารา คนไทยชอบใช้ชีวิตอย่างมีความสุข เกาหลีเข้าพ้ืนที่หวงห้ามในสนามบิน (เดลินิวส์, เพลดิ เพลนิ มอี ารมณข์ นั มองโลกในแงด่ ี ไมช่ อบ 17 กนั ยายน 2561) เปน็ ต้น รวมไปถงึ การเลอื ก ความเครียด ชอบความสบาย กิจกรรมท่ีสร้าง ที่รักมักที่ชังที่ขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์ระหว่าง ความสนุกแก่คนไทยสามารถพบได้ทั่วไปใน คนรู้จักหรือคุ้นเคย ท่ีน�ำไปสู่การเลือกปฏิบัติ สังคมไทย Cornwell-Smith & Goss (2017) อย่างไม่เป็นธรรมในหลายเรื่องที่พบได้ท่ัวไป ได้รวบรวมภาพถ่ายท่ีสะท้อนความสนุกสนาน รวมทั้งปัญหาในการบริหารงานขององค์กรท่ี ในทุกโอกาสของคนไทย เช่น งานวัดท่ีผู้คนไป ความส�ำเร็จในงานไม่ได้เกิดจากความสามารถ ไหวพ้ ระทำ� บญุ และไปสนกุ สนานดว้ ย หรอื เทศกาล ของบุคคล แต่ขึ้นอยู่กับว่าเป็นพวกของใคร ตา่ งๆ ในประเทศไทยทีน่ อกจากจะมีทั้งเทศกาล จึงอาจท�ำให้เกิดปัญหาการบริหารงานบุคคล ตามประเพณีอย่างสงกรานต์หรือลอยกระทง ผทู้ ไ่ี ดร้ บั การสง่ เสรมิ อาจเปน็ บคุ คลทขี่ าดความรู้ แล้วยังมีเทศกาลพิเศษอื่นๆ ที่จัดขึ้นตามโอกาส ความสามารถ หรือผู้ที่มีความรู้ความสามารถ ไม่ว่าจะเป็นเทศกาลล้ินจ่ี ล�ำไย และผลไม้ ขาดก�ำลังใจปรับเปล่ียนพฤติกรรมการท�ำงาน ประเภทต่างๆ หรือแม้กระท่ังเทศกาลโต๊ะจีน เพราะเห็นว่าไม่ต้องท�ำงานอย่างเต็มที่ หรือ สำ� หรบั ลงิ รวมทง้ั กจิ กรรมอนื่ ๆ ทแ่ี พรห่ ลายและ อาจลาออกจากองค์กรก็ได้ สร้างความบันเทิงในสังคมไทย เช่น ประกวด คำ� ขวัญท่ีวา่ “ไมฆ่ า่ น้อง ไม่ฟอ้ งนาย นางงาม ละครโทรทัศน์ ตลกคาเฟ่ ไม่ขายเพ่ือน” เป็นการปกป้องบุคคลในสาย การรักสนุกรักสบายของคนไทยนี้ สมั พนั ธข์ องตนเองอยา่ งผดิ ๆ ยง่ิ ถา้ เปน็ พฤตกิ รรม Benedict (1952) เคยวิเคราะห์ว่าเป็นความ ของผมู้ อี ำ� นาจแลว้ ยง่ิ ทำ� ใหส้ งั คมขาดความเชอ่ื มน่ั

68 วารสารดำ�รงราชานภุ าพ ส�ำราญในการใช้ชีวิต (Enjoyment of life) การท�ำงานหนัก การใฝ่เรียนรู้เพื่อให้รู้ลึกรู้จริง ซ่ึงความส�ำราญจะเกิดข้ึนได้น้ันก็ต้องมีความ และโดยเฉพาะความอดทนพยายามในการ สนุกและความสบาย การให้ลงมือท�ำในเร่ืองใด ทำ� งานยากๆ ใหส้ �ำเร็จ จึงต้องเป็นกิจกรรมที่สร้างความสนุกและดู นอกจากนี้ การไม่ชอบคิดและไม่ให้ ไม่จริงจังจนเกินไป อย่างไรก็ตามการให้ความ ความสำ� คญั ตอ่ การคดิ ยงั มสี ว่ นทำ� ใหค้ นไทยขาด ส�ำคัญต่อความสนุกและความสบายมากเกินไป ทักษะใคร่ครวญหาเหตุผลอย่างเป็นเหตุเป็นผล ในอีกด้านหนึ่งก็อาจท�ำให้คนไทยไม่มีความ ทางวิทยาศาสตร์ ทำ� ให้คนไทยสามารถเช่ืออะไร เอาจริงเอาจัง หลีกเลี่ยงความล�ำบากจากการ กไ็ ดโ้ ดยปราศจากการไตรต่ รอง เชน่ เชอ่ื คำ� บอกเลา่ ทำ� งานหนกั และขาดความอดทน เพราะในทศั นะ ที่ให้น�ำน�้ำหมักจุลินทรีย์หยอดตาเพ่ือรักษา ของคนไทยการทำ� งานตอ้ งสนกุ ความยากลำ� บาก ต้อกระจกจนท�ำให้ตาบอด เชื่อข่าวลือ เช่ือ เปน็ สง่ิ ท่ีควรหลกี เลย่ี ง (Phillips, 1965) นักการเมืองที่ตลบตะแลง (deceitfully) การมองชีวิตที่มีความสุขในทัศนะ โดยไม่ค�ำนึงถึงเหตุผลและข้อเท็จจริง เชื่ออิทธิ เช่นน้ีจึงต้อง “ไม่คิดมาก” สุขนิยมแบบไทยให้ ปาฏิหารย์ต่างๆ โดยเฉพาะความคิดเก่ียวกับ ความส�ำคัญตอ่ การไม่คิดมาก โดยมองวา่ การคดิ ผแี ละสง่ิ ศกั ดสิ์ ทิ ธทิ์ ร่ี วมถงึ การกราบไหวบ้ ชู าของ เปน็ เรอื่ งหนกั ทค่ี วรปลอ่ ย สว่ นใครเอาจรงิ เอาจงั แปลกประหลาดบางอย่าง เช่น จ้ิงจกสองหัว ถือว่าเป็นคนแปลกแยก การไม่คิดจึงเป็นส่ิงที่ วัวหา้ ขา หรือต้นกลว้ ยทอ่ี อกลูกกลางล�ำตน้ ควรปฏิบัติ (Benedict, 1952) Eric Weiner ผเู้ ขยี นหนงั สอื ขายดเี รอื่ ง “ภมู ศิ าสตรแ์ หง่ ความสขุ ” (2009 (ฉบับแปล)) ไดร้ ะบุถงึ ลักษณะของความ สุขคนไทยว่าเป็นความสามารถในการไม่คิด เพราะการมคี วามสขุ คอื การทไี่ มท่ ำ� ใหต้ นเองเกดิ ความขัดแย้งในจติ ใจ จึงมักมคี �ำกลา่ วท่ีว่า “อย่า คดิ มาก” “ขเี้ กยี จคดิ ปวดหวั ” การทค่ี นไทยไมใ่ ห้ ความสำ� คญั ตอ่ ความคดิ จงึ ทำ� ใหค้ นไทยอยสู่ บาย ปราศจากความกังวลต่ออนาคตหรือสิ่งท่ียัง มาไม่ถึง แม้ว่าการไม่ชอบคิดจะท�ำให้คนไทย ไม่เป็นโรคเครียด แต่ปัญหาส�ำคัญที่เกิดจาก สุขนิยมท่ีรักสนุก รักสบาย และการไม่ชอบคิด กค็ อื การขาดความจรงิ จงั ในการใชช้ วี ติ อนั หมายถงึ

วารสารด�ำ รงราชานุภาพ 69 การเชื่ออะไรโดยง่ายเกิดข้ึนเพราะการ ผู้ผลิต เพราะมีความสบายกว่า ไม่ต้องมีความ ไม่คิด หรือเป็นความคิดที่ขาดวิจารณญาณ อุตสาหะหรือท�ำงานหนัก (พระพรหมคุณาภรณ์ ขาดเหตุผล ขาดปัญญาในการพิจารณาปัญหา (ป.อ. ปยุตโต), 2541) เรื่องกนิ เท่ียวจงึ เป็นส่ิงที่ อย่างเป็นจริง ท้ังยังไม่ดิ้นรนขวนขวาย หวังพ่ึง พึงปรารถนาของชวี ิต คนไทยใหค้ วามสำ� คญั ต่อ แต่อำ� นาจทอ่ี ยูน่ อกตวั ทำ� ให้เกิดความประมาท การกนิ และเทยี่ ว รายการทอ่ งเทย่ี วและรายการ ไม่เช่ือม่ันในความสามารถของตนเองรอคอย ชวนชิมจึงเป็นรายการที่ได้รับความนิยม อีกท้ัง การดลบันดาลจากส่ิงศักด์ิสิทธ์ิ หรือเรียกว่า กนิ และเทยี่ วแลว้ ตอ้ งถา่ ยรปู อวดในสอ่ื ทางสงั คม เป็นความคิดแบบ “ลัทธิหวังผลดลบันดาล” ว่าฉันไปมาแล้ว สุขนิยมที่เน้นกินเที่ยวนี้จึงอาจ คนไทยจึงไม่พยายามพัฒนาฝึกฝนตนเอง เป็นความฉาบฉวย ไม่เน้นเนื้อหา ปรนเปรอ เพอื่ แก้ไขปญั หาทีเ่ กดิ ข้ึน (พระพรหมคุณาภรณ์ ความสุขสบายให้ตนเอง (ป.อ. ปยุตโต), 2541) ย่ิงไปกว่านั้นความคิด ลักษณะรักสนุกและรกั สบายเมื่อมา ความเชอื่ ในลกั ษณะนย้ี งั ถกู ตอกยำ�้ ดว้ ยสอื่ ละคร ผนวกกับการไม่คิดหรือไม่ชอบคิดของคนไทย สมยั ใหม่ จากการศกึ ษาของศนู ยส์ าธารณประโยชน์ จงึ กอ่ ใหเ้ กดิ ปญั หาทางพฤตกิ รรมอนื่ ๆ เชน่ การขาด และประชาสงั คม สถาบนั บณั ฑติ พฒั นบรหิ ารศาสตร์ ความยับยั้งชั่งใจและขาดการมองไปในอนาคต (2561) พบวา่ ละครโทรทศั นท์ ี่ได้รบั ความนิยม พฤตกิ รรมของคนทเี่ กดิ ขน้ึ ในปจั จบุ นั จงึ เปน็ การ สูงสุดท้ังในกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด ตอบสนองต่อส่ิงเร้าทางสังคมมากกว่าการคิด จำ� นวน 6 เรอ่ื ง ทกุ เรอ่ื งมเี รอื่ งราวของสง่ิ ศกั ดส์ิ ทิ ธิ์ แบบ “อดเปรี้ยวไวก้ ินหวาน” (Delayed grati- โชคชะตา ไสยศาสตร์ และหมอดเู ขา้ ไปเกยี่ วขอ้ ง fication) (จุรี วิจิตรวาทการ, ในโตไปไม่โกง) กับชีวิตของตัวละครในด้านใดด้านหนึ่ง เช่น เช่น พฤติกรรมการบริโภคท่ีต้องการตอบสนอง การที่ตัวละครไปหาหมอท�ำเสน่ห์เพ่ือต้องการ ความต้องการทันที ใช้จ่ายแบบไม่ประหยัด สมหวังในความรกั การไหวพ้ ระขอพรเพือ่ ขอให้ ไม่นิยมเก็บออม จากผลการส�ำรวจพฤติกรรม ชีวิตราบรื่นมีแต่ความสงบร่มเย็น และละคร การเงินของคนไทยโดยศูนย์วิเคราะห์วิจัย โทรทัศน์บางเรื่องก็มีเนื้อหาเก่ียวกับไสยศาสตร์ ธนาคารทหารไทย Customer Insights by ผี และเวทมนตรค์ าถาโดยตรง TMB Analytics (อ้างใน Thai Publica, 2018) อีกทั้งเม่ือรักความสนุกและความ พบว่า คนไทย “ออมไม่พอ แถมเก็บเงินผิดท่ี สบายเปน็ นิสยั การบริโภคนยิ มก็เปน็ พฤตกิ รรม เห่อกนิ เทยี่ ว Social มาก่อน ออมทหี ลัง” โดย ที่สอดคล้องกับกระบวนทัศน์และหลักคิด ในด้านวินัยการออมพบว่า ผู้ตอบแบบส�ำรวจ ดงั กลา่ ว สมเดจ็ พระพทุ ธโฆษาจารย์ (ป.อ. ปยตุ โต) เพียงร้อยละ 38 ท่ีออมก่อนใช้และแยกบัญชี กล่าวว่าคนไทยนิยมเป็นผู้บริโภคมากกว่าเป็น การออมชัดเจน และมีถึงร้อยละ 49 ที่เลือกใช้

70 วารสารด�ำ รงราชานุภาพ ก่อนออม ส่วนร้อยละ 13 มีเงินไม่พอใช้จ่าย  แพงและพิเศษกวา่ กีฬาท่วั ไป รวมทั้งงานอดิเรก ส่วนพฤติกรรม “ซื้อก่อน เดี๋ยวก็ได้ใช้” น้ัน และสะสมสงิ่ ของราคาแพง เชน่ รถยนตซ์ ปุ เปอร์ ร้อยละ 65 ของผู้ตอบแบบส�ำรวจเคยซ้ือของ คาร์ การสวมใส่เคร่ืองประดับราคาแพงให้สุนัข ตอนลดราคาโดยที่ขณะนี้ยังไม่เคยใช้ ร้อยละ การสะสมกระเป๋าและรองเท้าราคาแพงนับ 56 ซื้อเพื่อตามกระแสแม้จะไม่จ�ำเป็น ร้อยละ รอ้ ยคู่ เปน็ ตน้ ตลอดจนกลไกของสงั คมสมยั ใหม่ 31 ถึงจะประหยัดแต่จะซ้ือเม่ือลดราคา และ ในกรุงเทพมหานครได้เปิดพื้นที่เฉพาะส�ำหรับ ร้อยละ 21 ถ้าชอบก็ยอมซ้ือแม้ว่าราคาแพง ชนชน้ั ทางสงั คมทมี่ คี วามพเิ ศษ เชน่ งานเดอบตู อง ก็ตาม และในด้านพฤติกรรมการใช้บัตรเครดิต ทเ่ี ปน็ การเปดิ ตวั ลกู หลานเขา้ สงั คมชน้ั สงู การให้ พบวา่ รอ้ ยละ 50 ไมส่ ามารถจา่ ยเงนิ เตม็ จำ� นวน พ้ืนท่จี อดรถซปุ เปอร์คาร์ การจดั งานเลยี้ งพิเศษ และอีกรอ้ ยละ 44 เคยผอ่ นสนิ ค้าแบบยอมเสยี หรือการเปิดตัวสินค้าที่เชิญเฉพาะกลุ่มคนรวย ดอกเบี้ย ท่ถี ือวา่ มีความพเิ ศษ เปน็ ต้น ด้วยกระบวนทัศน์และหลักคิดแบบ ความร่�ำรวยในลักษณะข้างต้น สุขนิยมบริโภคนิยมแบบน้ี คนไทยจึงช่ืนชม จึงกลายเป็นอุดมคติของคนไทยจ�ำนวนมาก คนรวยหรือเห็นคนรวยเป็นต้นแบบการใช้ชีวิต โดยอยากมี อยากเป็น อยากใช้ชีวิตที่มีความ โดยให้ความหมายของชีวิตที่ร�่ำรวยว่าเป็นชีวิต พิเศษแบบนั้น โดยให้ความหมายว่าชีวิตท่ีรวย ทส่ี บายและมี Lifestyle ทมี่ คี วามเปน็ พเิ ศษหรอื เป็นชีวิตที่มีความสุข และเมื่อสังคมให้การ หรูหรา ซงึ่ ดร. จุรี วิจิตรวาทการ เคยได้แสดง ยอมรับและยกย่อง ความร่�ำรวยจึงหมายถึง ความเห็นเก่ียวกับพฤติกรรมการชื่นชมคนรวย “การมีหน้ามีตา”ไปด้วย โดยท่ีไม่ได้คิดว่าส่วน ไวว้ ่า ในความร้สู ึกของคนไทย คนรวยทำ� อะไรก็ สำ� คญั ของความรำ่� รวยและมงั่ คง่ั นนั้ เกดิ จากการ น่ารัก ผู้คนในสังคมจึงนิยมติดตามชีวิตของ ท�ำงานหนักและการใช้ความรู้ความสามารถ คนรวย ดังท่ีจะเห็นได้จากพื้นที่ส่ือหลักท่ัวไป ผู้คนจึงปรารถนารวยเร็วและรวยทางลัด เพ่ือ ที่คนรวยมีโอกาสใช้พื้นท่ีสื่อมากกว่าคนกลุ่ม ชว่ ยใหต้ นเองมชี วี ติ แบบนนั้ ได้ ปญั หาพฤตกิ รรม อ่ืนๆ ในหนังสือพิมพ์มีหน้าข่าวสังคมที่ไม่ได้ ของคนไทยหลายอย่าง เช่น การฉ้อโกงเงิน หมายความวา่ ขา่ วเกยี่ วกบั สงั คม แตเ่ ปน็ ขา่ วของ ในกลุ่มแชร์ลูกโซ่ การยอมเป็นภรรยาน้อยและ แวดวงผู้มีฐานะทั้งกลุ่มผู้ดีเก่าและกลุ่มคนรวย การเข้าสู่การค้าบริการทางเพศเพราะต้องการมี ใหม่ การน�ำเสนอรายการวาไรต้ีโชว์ประเภท ชวี ติ สะดวกสบาย หรหู รา การเลน่ หวยเสย่ี งโชค ไลฟ์สไตล์ท่ีน�ำเสนอชีวิตของคนรวย เย่ียมบ้าน และการหวงั พง่ึ อำ� นาจศกั ดสิ์ ทิ ธทิ์ ช่ี ว่ ยดลบนั ดาล คนรวย ดูที่เก็บเสื้อผ้าท่ีใหญ่กว่าห้องพักของ ให้ชีวิตมคี วามสขุ ก็เป็นปญั หาเกดิ จากความคิด คนจนหลายๆ คน ตดิ ตามรสนยิ มทางกฬี าทอ่ี าจ ท่ผี ิดพลาดเช่นนี้

วารสารด�ำ รงราชานุภาพ 71 6) กระบวนทัศน์และหลักคิดแบบ เป็นการกระท�ำหรือภารกิจประจ�ำของคนไทย คณุ ธรรมจริยธรรม (Ethical mind) ซึ่งแตกต่างจากหลายประเทศท่ีการกระท�ำช่วย คณุ ธรรมจรยิ ธรรมหรอื การทำ� ความ เหลือผู้อื่นและสังคมเป็นการอาสาสมัครท�ำงาน ดีและการเป็นคนดีเป็นกรอบคิดทางศีลธรรม อย่างต่อเนื่องและเป็นระบบ พฤติกรรมด้าน ที่ก�ำกับพฤติกรรมของคนไทยให้สามารถ คุณธรรมจริยธรรมของคนไทยในลักษณะนี้ แยกแยะระหว่างความดีและความชั่ว โดย ยง่ิ ชว่ ยยนื ยนั ประเดน็ การไมช่ อบวางแผนลว่ งหนา้ ก ร ะ บ ว น ทั ศ น ์ แ ล ะ ห ลั ก คิ ด แ บ บ คุ ณ ธ ร ร ม และไมช่ อบการถกู ผกู มดั ในระยะยาวของคนไทย จริยธรรมของไทยได้รับอิทธิพลจากสถาบันทาง แต่เป็นการท�ำความดีแบบปัจเจกชนนิยมตาม สังคมของไทยในอดีต โดยเฉพาะหลักธรรม วาระกรณีที่ตามใจตนและตามอัธยาศยั ค�ำสั่งสอนทางพุทธศาสนา และบทบาทของ กระบวนทศั นแ์ ละหลกั คดิ ดา้ นคณุ ธรรมจรยิ ธรรม สถาบันพระมหากษัตริย์ที่เป็นศูนย์รวมจิตใจ ของคนไทยมลี กั ษณะเดน่ ดังนี้ และทรงทศพิธราชธรรม กระบวนทัศน์และ o ท�ำดีได้ดี ท�ำช่ัวได้ช่ัว ความคิดท่ี หลักคิดที่เป็นคุณธรรมจริยธรรมของสังคมไทย เกีย่ วข้องบุญกรรมและบุญบาป จึงมีความยึดโยงกับโครงสร้างสังคม ไม่ได้เป็น การทำ� ความดขี องคนไทยเกย่ี วขอ้ งกบั ความคิดเชิงอุดมการณ์ท่อี ยๆู่ กเ็ กดิ ขึน้ มาเอง ความเชอื่ เรอ่ื งบญุ และบาป ดงั คำ� สอนของคนไทย คณุ ธรรมจรยิ ธรรมเปน็ กระบวนทศั น์ สมยั โบราณทสี่ อนลกู หลานให้ “อายชว่ั กลวั บาป” และหลกั คดิ ของคนไทยทไ่ี ดช้ ว่ ยยดึ โยงสงั คมไทย และ “ทำ� ดีได้ดี ทำ� ช่วั ไดช้ ัว่ ” เป็นกลไกทป่ี ลกู ฝงั ให้อยู่รอดปลอดภัยมาจนถึงทุกวันนี้ ผู้ศึกษา ภายในยบั ยงั้ ใจผคู้ นไมใ่ หก้ ระทำ� ในสงิ่ ทไี่ มถ่ กู ตอ้ ง มองว่าความคิดเรื่องความดีและคนดีของไทย ซึ่งสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ป.อ. ปยุตโต) ที่เป็นหลักอุดมการณ์ของสังคมยังคงมีอยู่ และ ไดอ้ ธบิ ายในเรอื่ งบญุ ไวว้ า่ บญุ หรอื ความดใี นทาง จะปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจนเมื่อสังคมมีวิกฤติ พุทธศาสนา หมายถึงการท�ำส่ิงที่เป็นกุศล เช่น เช่น กรณีผ้ปู ระสบภยั ติดถ้�ำ กรณีนำ้� ทว่ ม กรณี เมตตา กรณุ า ทเ่ี มอื่ เกดิ ขน้ึ ในใจแลว้ กจ็ ะทำ� ใหเ้ กดิ สึนามิ เป็นต้น คุณธรรมความดีของคนไทย ความบริสุทธิ์ข้ึนในใจ จิตใจก็สบาย มีความ ที่ปรากฏแสดงให้เห็นถึงความมีน้�ำใจ สงสาร เอบิ อม่ิ ผอ่ งใส ดงั นน้ั บญุ จงึ เปน็ ทม่ี าของความสขุ เหน็ ใจผอู้ น่ื ตอ้ งการชว่ ยเหลอื ผอู้ นื่ ทล่ี ำ� บากหรอื และบาปนั้นหมายถึงสภาวะท่ีท�ำให้อยู่ในที่ชั่ว ตกทกุ ขไ์ ดย้ าก โดยจะหยบิ ยน่ื ความชว่ ยเหลอื ให้ ทท่ี ำ� ใหจ้ ติ ตกตำ่� บาปจงึ เกดิ ขนึ้ พรอ้ มกบั ความคดิ ความรู้สึกและพฤติกรรมการ “ช่วยเหลือและ ท่ีไม่ดี โดยเฉพาะส่ิงท่ีเป็นอกุศลซึ่งเป็นส่ิงท่ี ให้” โดยไม่หวังผลนี้มักจะเกิดข้ึนเป็นครั้งคราว มองเห็นจากการแสดงออกได้อย่างชัดเจน เช่น ซง่ึ มลี ักษณะเฉพาะกจิ (Adhoc activities) มิใช่

72 วารสารด�ำ รงราชานุภาพ ความโลภ ความโกรธ (พระพรหมคุณาภรณ์ วิสาโล, 2553) ท่ีเม่ือถึงเวลาก็เอามาแลกของ (ป.อ. ปยตุ โต), 2559) โดยนยั นผ้ี ทู้ เ่ี สยี สละทรพั ย์ สมนาคุณท่ตี อ้ งการ เชน่ ความร่�ำรวย การมโี ชค สมบตั ขิ องตนเอง ผู้ท่ไี ม่ปรารถนาเพยี งมงุ่ ครอบ ลาภ อ�ำนาจ คู่ครอง ฯลฯ และถ้าอยากได้บุญ ครองทรัพย์ของคนอ่ืน ผู้ที่เสียสละ ผู้ที่ไม่โกรธ เยอะ กต็ อ้ งทำ� บญุ เยอะๆ หรอื ทำ� บญุ กบั พระทม่ี ี ผู้ที่เห็นอกเห็นใจผู้อ่ืน รวมไปถึงคุณความดีท่ี ช่อื เสียงเพอื่ บุญจะได้เพ่มิ พนู ย่ิงขนึ้ (พระไพศาล เป็นคุณค่าสากลอื่นๆ จึงเป็นพฤติกรรมของผู้ที่ วิสาโล, เพง่ิ อา้ ง) ยงิ่ ไปกวา่ น้ันเมื่อมคี วามเชื่อว่า ประกอบคุณความดี ทำ� บญุ แลว้ สามารถแกไ้ ขโชคชะตาไดห้ รอื ทำ� บญุ ความดีในสายตาของคนไทยต้ังแต่ เพ่ือแก้กรรม กล่าวคือ ไม่ว่าท�ำสิ่งใดมาแล้ว ในอดีตเก่ียวข้องกับการท�ำบุญ คนไทยจึงนิยม ก็สามารถแก้ไขได้ด้วยการแก้กรรม ความหวัง ท�ำบุญ โดยเฉพาะการท�ำบุญท่ีเกี่ยวข้องกับ ที่มีต่อการแก้กรรมจึงมีมากกว่าการพยายาม พระและวดั เพราะวดั เปน็ ศนู ยก์ ลางกจิ กรรมทาง แก้ไขในส่ิงผิดหรือการส�ำนึกในความผิดและ สงั คมของคนไทยมานบั ศตวรรษ และการบรจิ าค พยายามสร้างสง่ิ ท่ถี ูกต้องขึน้ มาใหม่ ให้พระและวัดก็เป็นวิธีการท�ำบุญท่ีง่ายที่สุด นอกจากการท�ำบุญแล้ว การมอง ดังจะเห็นได้จากความนิยมในการบริจาคหลาย เรื่องกรรมท่ีมุ่งไปท่ีผลของการกระท�ำว่า “ท�ำดี รปู แบบ เชน่ การตกั บาตรและการถวายภตั ตาหาร ได้ดี ท�ำช่ัวได้ชั่ว” ก็มีผลท�ำให้คนไทยพยายาม การทำ� สังฆทานในโอกาสต่างๆ การทำ� บุญอทุ ศิ หลีกเล่ียงการกระท�ำที่ถือว่าเป็นส่ิงชั่ว เพราะ ให้ผู้เสียชีวิต การถวายเครื่องไทยทานทั้งใน เกรงกลัวว่าเวรกรรมจะตามทัน ก็เป็นส่วนหนึ่ง งานมงคลและงานศพ การบรจิ าคหยอดตทู้ ำ� บญุ ท่ีท�ำให้สังคมไทยท่ีไม่เบียดเบียนหรือเอารัดเอา ในวัด การถวายเทียนพรรษา การท�ำบุญพิเศษ เปรยี บกนั มากนกั แตก่ ารมองผลกรรมเฉพาะผล ในเวลาพเิ ศษของปอี ยา่ งกฐนิ หรอื ผา้ ปา่ ดว้ ยเหตุ ทเ่ี กดิ ขนึ้ เพยี งอยา่ งเดยี วอาจเปน็ ความเขา้ ใจทไี่ ม่ น้ีการท�ำความดีหรือการท�ำบุญโดยที่ไม่มีพระ ถูกต้อง ดังค�ำพูดในลักษณะ “กรรมของสัตว์” และวัดมารับรองความถูกต้องจึงอาจไม่ได้รับ “สุดแตบ่ ุญแต่กรรม” “ก้มหนา้ รบั กรรม” “บญุ ความนิยมเท่าท่ีควร ซึ่งการมองบุญในลักษณะ ท�ำกรรมแต่ง” ความคิดเช่นน้ีแม้ว่าด้านหน่ึง เฉพาะน้ีอาจเป็นข้อจ�ำกัดในการขยายขอบเขต จะท�ำให้คนสามารถยอมรับส่ิงร้ายๆ ที่เกิดขึ้น การท�ำบุญหรือท�ำความดีท่ีไปเกี่ยวข้องกับการ แต่ในอีกด้านหน่ึงโดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในสถานะท่ี ดูแลสังคมในภาพรวม ถูกเอาเปรยี บกอ็ าจเพกิ เฉย ทอ้ ถอยในเรอ่ื งของ ปัญหาความคิดในเร่ืองการท�ำบุญ ตนเอง ทอดธุระในเร่ืองของผู้อื่นหรือของสังคม ยังเกิดข้ึนได้อีกเมื่อมองว่าการท�ำบุญเป็นการ และไม่พยายามสร้างการเปลี่ยนแปลงก็เป็นได้ สะสมโชคลาภ หรอื “บตั รสะสมโชค” (พระไพศาล (พระพรหมคณุ าภรณ์ (ป.อ. ปยุตโต), เพ่งิ อา้ ง)

วารสารดำ�รงราชานภุ าพ 73 o การมีเมตตากรณุ า ท่ีปล่อยเช่นแหล่งน�้ำในวัดมีความหนาแน่นของ ความเมตตากรุณาเป็นหลักธรรม เต่าและปลาเป็นจ�ำนวนมาก การปล่อยสัตว์น�้ำ ทคี่ นไทยไดร้ บั อทิ ธพิ ลจากคำ� สอนของพทุ ธศาสนา ลงไปด้วยความเมตตาสงสารจึงเป็นการปล่อย ความเมตตากรณุ าทำ� ใหส้ งั คมอยรู่ ว่ มกนั ไดอ้ ยา่ ง สัตว์ไปสู่ความตาย รวมท้ังความเชื่อในการ กลมกลนื ไมม่ ขี อ้ ขดั แยง้ โดยเฉพาะความเมตตา ปลอ่ ยปลาทมี่ ชี อ่ื และลกั ษณะเฉพาะเพอื่ สะเดาะ ปราณีต่อผู้ท่ีออ่ นแอกวา่ หรอื “เมตตาสงสาร” เคราะห์ เช่น ปลาหมอเพ่ือป้องกันและรักษา สังคมไทยคาดหวังให้คนร�่ำรวยและคนมีอ�ำนาจ โรคภยั ไขเ้ จ็บ ปลาไหลเพอื่ ใหช้ ีวิตไหลลนื่ ปลอ่ ย มีเมตตาปราณีต่อคนยากจนและคนไร้อ�ำนาจ หอยขมเพื่อทิ้งความขมขื่น เป็นต้น พฤติกรรม คนไทยโดยทั่วไปมักสงสารเห็นใจผู้ท่ีตกอยู่ใน และความเชอ่ื เหลา่ นน้ี อกจากจะเปน็ การทรมาน ความยากล�ำบาก จึงมักให้ความช่วยเหลือแก่ สตั วเ์ พราะถกู จบั มารอใหป้ ลอ่ ย ยงั อาจทำ� ใหเ้ กดิ คนยากลำ� บาก เช่น คนทุพพลภาพ คนยากจน การขาดความสมดุลทางนิเวศวิทยาท่ีน�ำมาซ่ึง คนไร้ท่ีพึ่ง คนที่ประสบความเดือดร้อนจาก ความเสยี หายอ่นื ๆ อีกก็เปน็ ได้ ภัยภบิ ัติตา่ งๆ อีกท้ังปัญหาการแพร่กระจายของ ในสายสมั พนั ธ์ระบบอปุ ถมั ภ์ สงั คม สัตว์จรจัดในเขตเมืองในปัจจบุ นั ส่วนสำ� คัญเกดิ มคี วามคาดหวงั วา่ “นาย” ซง่ึ เปน็ ผทู้ มี่ สี ถานภาพ จากความเมตตาสงสารของคนไทยที่มีต่อสัตว์ สูงกว่ามีความเมตตาปราณีต่อ “ลูกน้อง” ท้ังหลายแต่ขาดความรับผิดชอบต่อส่วนรวม ท่ีมีสถานภาพต�่ำกว่า พระมหากษัตริย์และ เช่น การให้อาหารนกพิราบในพื้นท่ีสาธารณะ นักปกครองในสังคมอุปถัมภ์จะถือความเมตตา จนท�ำให้เป็นแหล่งท่ีอยู่อาศัยและแพร่พันธุ์ของ กรุณาเป็นหน้าที่ที่ต้องปฏิบัติต่อประชาชนท่ีอยู่ ของนกทีเ่ ปน็ เหตแุ พรก่ ระจายของโรคและสรา้ ง ภายใตก้ ารปกครอง เปน็ การใชอ้ ำ� นาจดว้ ยความ ความเดือดร้อนร�ำคาญ การเล้ียงหรืออุปการะ เมตตากรุณา ด้วยเหตุนี้ผู้ใหญ่จึงสามารถเป็น สตั วจ์ ำ� นวนมากจนสภาพแวดลอ้ มของทอ่ี ยอู่ าศยั ที่พึ่งของผู้น้อยเปรียบเสมือนต้นไม้ใหญ่ที่ให้ มคี วามแออดั และไม่ถูกสขุ อนามยั ซึ่งเหตุการณ์ ความร่มเยน็ แกผ่ นู้ ้อยทีเ่ ขา้ มาพึง่ “ใบบญุ ” ของ เหล่าน้ีเป็นปัญหาท่ีไม่เคยมีในสังคมโบราณ ผใู้ หญ่ และช่วยให้สังคมเกดิ ความรม่ เย็นเป็นสขุ มากอ่ น แตใ่ นปจั จบุ นั ปญั หาไดท้ วคี วามรนุ แรงขน้ึ ความเมตตาปราณีของคนไทยได้ เรอ่ื ยๆ จนนายกรฐั มนตรไี ดส้ ง่ั การใหห้ นว่ ยงานท่ี เผื่อแผ่ไปยังสัตว์น้อยใหญ่ทั้งหลายด้วย เม่ือ เกี่ยวข้องจัดระเบียบการให้อาหารนกในพื้นท่ี ผนวกกับความเชื่อเร่ืองบุญกรรมที่เก่ียวข้องกับ สาธารณะ เช่น สวนสาธารณะ วัด รวมทั้งพื้นท่ี การให้ชวี ิตและอนุเคราะห์สตั ว์ เชน่ การปล่อย ส่วนบุคคลที่ส่งผลกระทบต่อผู้พักอาศัยใน นก ปล่อยปลา ปล่อยเต่า ท่ีบางครั้งสถานท่ี บรเิ วณใกลเ้ คยี ง ซงึ่ ผวู้ า่ ราชการกรงุ เทพมหานคร

74 วารสารดำ�รงราชานภุ าพ ไดร้ บั นโยบายและสงั่ ทัง้ 50 เขตเตือนประชาชน การปฏิบัติตามประเพณีท่ีสืบต่อกันมา เช่น ฮีต ใหง้ ดการใหอ้ าหารและการเปน็ พาหะนำ� โรคของ สิบสอง คองสบิ ส่ี ซงึ่ เป็นวิธปี ฏบิ ตั ขิ องชุมชนใน เชื้อโรคนกพิราบ และเตรียมพร้อมการบังคับใช้ ภาคอีสาน เป็นวัฒนธรรมแบบชุมชนท่ีผู้คนมี กฎหมายตามพระราชบัญญัติการสาธารณสุข ความผูกพันระหว่างกัน ผูกพันกับธรรมชาติ ท่ีมีโทษจ�ำคุกถึง 3 ปี ปรับ 25,000 บาท แวดล้อม ครอบครัว บรรพบุรุษ และหมู่บ้าน (โพสตท์ ูเดย์, 20 กันยายน 2561) (ฉตั รทิพย์ นาถสภุ า, 2549) o การพึ่งพาอาศัย วัฒนธรรมและความผูกพันในระดับ ความดีในระดับกว้างทั้งในระดับ ชุมชนจึงเป็นทุนทางสังคมอันส�ำคัญของคนใน ชุมชนและในระดับประเทศที่ผู้คนไม่รู้จักกัน หมู่บ้าน เพราะการที่หมู่บ้านจะอยู่ร่วมกันได้ อาจมองได้ว่าเป็นมุมมองของคนไทยในแบบ อยา่ งสันติสุขหรือไมน่ น้ั ผคู้ นในหมบู่ ้านตา่ งรู้สกึ วัฒนธรรมชุมชน (Communitarianism) เปน็ เจา้ ของ มรี ะบบศลี ธรรมทใ่ี ชร้ ว่ มกนั มรี ะบบ อันหมายถึงการมองโลกแบบท่ีให้ความส�ำคัญ ภูมิปัญญาของท้องถ่ินด้ังเดิมที่ท�ำให้สามารถแก้ ต่อชุมชนในฐานะท่ีเป็นชีวิตของสังคม (Amitai ปญั หาในระดบั หมบู่ า้ นได้ นอกจากนี้ การอยรู่ ว่ ม Etzioni in Britannica, accessed on กันก็ต้องมีการแบ่งปันและเอ้ืออาทรต่อกัน September 30, 2018) ทศั นะเชน่ นม้ี องวา่ ชวี ติ เอื้อเฟื้อเผ่ือแผ่และมีน้�ำใจต่อคนท่ีอยู่ในชุมชน ของคนซึ่งแม้เป็นปัจเจกบุคคลแต่ก็ไม่อาจ เดยี วกนั เราจงึ มกั ไดย้ นิ เสมอวา่ คนไทยมนี ำ�้ ใจอนั แยกออกจากชมุ ชนซง่ึ เปน็ ชวี ติ รวมหมไู่ ด้ มนษุ ย์ เป็นพ้ืนฐานของการอยู่ร่วมกันของหมู่บ้านไทย เป็นส่วนหนึ่งของชุมชน ซึ่งการเป็นส่วนหนึ่ง ซงึ่ ในยคุ ปจั จบุ นั แมว้ า่ คนไทยจำ� นวนมากไดอ้ อก ของชุมชนนั้นหมายความว่าบุคคลต้องค�ำนึงถึง มาจากหมู่บ้านเป็นเวลานานแล้ว แต่ความ ประโยชน์ของส่วนรวม และปฏิบัติตาม สมั พันธ์ในลกั ษณะนย้ี ังมใี หเ้ หน็ อยู่ ดงั จะเห็นได้ วฒั นธรรม จารตี ประเพณี และขอ้ ปฏบิ ตั ทิ ตี่ กลง จากการท่ีคนไทยมักให้ความร่วมมือช่วยเหลือ ร่วมกนั ของแตล่ ะชมุ ชน กนั อนั เปน็ ทนุ ทางสงั คมดงั้ เดมิ ของชมุ ชนไทย คน ลักษณะทางความคิดของคนไทย ทม่ี สี ายใยความเปน็ ชมุ ชนเดยี วกนั กจ็ ะชว่ ยเหลอื ตามมุมมองของการพึ่งพาอาศัยกันน้ีมีพื้นฐาน เก้ือกูล เอ้ือเฟือเผื่อแผ่ต่อสมาชิกซึ่งเป็นคน มาจากการมองโลกของชาวบ้านท่ีอยู่ในระดับ ในชมุ ชนเดยี วกนั เชน่ รบั ฝากดแู ลบา้ นในขณะท่ี หมบู่ า้ นหรอื ชมุ ชนซงึ่ มขี นาดเลก็ ทผี่ คู้ นในชมุ ชน ไมอ่ ยบู่ า้ น ฝากลกู ไปพกั ทบ่ี า้ นในกรงุ เทพฯ ดว้ ย ต่างเก่ียวข้องสัมพันธ์กันหรือรู้จักกัน มักยึดถือ ความเออ้ื เฟื้อเผื่อแผ่

วารสารด�ำ รงราชานภุ าพ 75 กระบวนทศั นแ์ ละหลกั คดิ ทคี่ ำ� นงึ ถงึ ในพ้ืนที่จังหวัดตราด ชาวชุมชนได้ร่วมปรึกษา ชมุ ชนเช่นนี้ทำ� ใหเ้ กิดความสมั พนั ธแ์ นวราบของ หารือกันถึงแนวทางแก้ไขปัญหาการบุกรุก ชุมชนและการยึดโยงของบุคคลกับชุมชนท�ำให้ ปา่ ชายเลนและการทำ� ประมงชายฝง่ั ทผี่ ดิ กฎหมาย ชุมชนเข้มแข็ง ท�ำให้เกิดการพัฒนาอย่างมี ของบุคคลภายนอก ท�ำให้ทรัพยากรสัตว์น�้ำ สว่ นรว่ มทม่ี ชี มุ ชนและกลไกของความรว่ มมอื ดง้ั เดมิ มีจ�ำนวนลดลง ส่งผลต่อวิถีชีวิตของประชาชน ในพนื้ ทเี่ ปน็ พน้ื ฐาน เชน่ ระบบการจดั การเหมอื ง ในพื้นท่ี เมื่อประชาชนรวมตัวกันจึงได้ร่วมกัน ฝายซ่ึงเป็นการจัดการทรัพยากรน�้ำของท้องถิ่น คิดหาแนวทางในการสร้างกติกาใหม่ในการ ในพื้นท่ีภาคเหนือ ซ่ึงเป็นกิจกรรมที่ชุมชนต่อ อนุรักษ์และใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืน (ม่ิงสรรพ์ เน่ืองมาจากอดีต มีระบบการแบ่งปันน้�ำ ดูแล ขาวสะอาด, เพิ่งอ้าง) คูคลอง และรกั ษาต้นนำ้� (มิ่งสรรพ์ ขาวสะอาด, ส่วนในสังคมภาพกว้าง คนไทย 2559) รวมท้ังงานวิจัยและกรณีศึกษาเกี่ยวกับ สมยั กอ่ นกม็ กี ารใหเ้ พอื่ สงั คมทไ่ี มไ่ ดจ้ ำ� กดั เฉพาะ ชมุ ชนจำ� นวนมากทแ่ี สดงใหเ้ หน็ ถงึ ความเขม้ แขง็ คนในชมุ ชนหรอื คนทรี่ จู้ กั มกั คนุ้ เทา่ นนั้ ดงั ทเี่ หน็ ของชุมชนท่ีมาจากพ้ืนฐานวัฒนธรรมของสังคม เป็นธรรมเนยี มว่า “แต่ละบ้านตอ้ งมีโอ่งน้�ำหรือ ที่สามารถเช่ือมโยงผู้คนในแนวราบเข้าด้วยกัน คนโทน�้ำวางไว้หน้าบ้าน เพื่อให้คนที่ผ่านมาได้ ไมว่ า่ จะเปน็ กลมุ่ ธรุ กจิ ชมุ ชนหรอื ปจั จบุ นั เรยี กวา่ ด่ืมกินแก้กระหาย หรือเมื่อเดินทางไปหมู่บ้าน วสิ าหกจิ ชุมชน กลุ่มการเงินชุมชน (Kanokkan หรือต�ำบลใดก็ได้รับความเอ้ือเฟื้อจากชาวบ้าน Anukansai, 2001; Sutthana Vichitrananda, ท้องถิน่ นั้น ใหท้ พ่ี กั พงิ และขา้ วปลาอาหารไม่ว่า 2007) การรวมกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกพืชปลอด ผนู้ นั้ จะเปน็ คนตา่ งถนิ่ หรอื คนแปลกหนา้ กต็ าม” สารพษิ การจดั การปา่ ชมุ ชนทป่ี า่ กบั คนสามารถ (Juree Vichit-vadakan, 2002) และสงั คมไทย อยู่ร่วมกันได้ การจัดการท่องเท่ียวเชิงอนุรักษ์ ยังมีการให้เพื่อสังคมผ่านวัดซึ่งเป็นศูนย์กลาง การจัดการป้องกันไฟป่า การแก้ไขปัญหา กิจกรรมทางสังคมของชุมชน การให้โดยเสด็จ สิ่งแวดล้อมของชุมชน ฯลฯ (สำ� นักงาน ก.พ.ร., พระราชกุศลอันเป็นการประสานน้�ำใจร่วมกัน 2560; สาวณิ ี รอดสนิ ธ,์ุ 2554; ไพศาล เสนาะทอง ระหว่างประชาชนกับสถาบันพระมหากษัตริย์ และธวชั ชยั ศภุ ดษิ ฐ,์ 2551) นอกจากน้ี การรว่ มมอื การให้ของสมาคมและมูลนิธิตระกูลจีนต่างๆ กันในแนวราบภายในชุมชนยังเป็นกลไกที่ใช้ รวมไปถึงการสนับสนุนการท�ำงานของมูลนิธิ ถว่ งดลุ และตอ่ รองกบั พลงั ทมี่ าจากภายนอก เชน่ สมาคมที่เป็นองค์กรสาธารณประโยชนป์ ระเภท การรวมตวั ของชมุ ชนประมงชายฝง่ั ดา้ นตะวนั ออก ต่างๆ (Ibid.)

76 วารสารด�ำ รงราชานภุ าพ ในสงั คมสมยั ใหมห่ รอื ชมุ ชนเมอื งกม็ ี รวมกลุ่มแบบแนวราบเช่นนี้แม้จะไม่ได้เป็นสิ่งที่ การทำ� งานของภาคประชาสงั คมซง่ึ เปน็ การรวมตวั พบเห็นท่ัวไปและไม่ได้เป็นการท�ำงานในระยะ ของคนที่มีความสัมพันธ์แนวราบในหลาย ยาวแต่เป็นการรวมตัวตามสถานการณ์ที่ได้รับ ลกั ษณะทเี่ ปน็ การชว่ ยเหลอื เกอ้ื กลู กนั ของคนใน ผลกระทบ แตก่ ช็ ว่ ยสรา้ งกระบวนการแลกเปลยี่ น สังคมท่ีค�ำนึงถึงเป้าหมายของส่วนรวม เช่น เรียนรู้ของผู้คนที่ร่วมมือกันท�ำงานเชิงราบแบบ ชุมชน จส. 100 ที่เช่ือมโยงสมาชิกเข้าด้วยกัน พง่ึ พาอาศยั ทจี่ ะ “ใหแ้ ละรบั ” สรา้ งพลงั รว่ มและ ด้วยรายการวิทยุและแอพพลิเคชั่น แจ้งข้อมูล รจู้ กั การรบั ฟงั ความคดิ เหน็ จากแนวรว่ มคนอน่ื ๆ ข่าวสารเพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาจราจรและให้ (Juree Vichit-vadakan and Kanokkan ความช่วยเหลือเมื่อเกิดเหตุด่วน และรวมไปถึง Anukansai, 2003) การเคลอ่ื นไหวของภาคประชาสังคมในประเดน็ ทุนทางสังคมของคนไทยที่เกิดจากมอง สาธารณะต่างๆ เช่น การผลักดันกฎหมาย แบบพ่ึงพาอาศัยกันน้ียังท�ำให้เกิดการร่วมแรง ลาคลอด 90 วัน การแก้ไขกฎหมายค้าประเวณี รว่ มใจชว่ ยเหลอื ซง่ึ กนั และกนั ในเหตกุ ารณต์ า่ งๆ การเคลอื่ นไหวตอ่ ตา้ นการทจุ รติ ยาและเวชภณั ฑ์ เช่น เหตุการณน์ ้ำ� ท่วม ปี 2554 หรือแมก้ ระทั่ง การเดินรณรงค์คัดค้านเขื่อนแม่วงก์ ฯลฯ การ การทำ� งานประสานพลงั ในแนวราบระหวา่ งภาค ส่วนต่างๆของสังคมในเหตุการณ์ให้ความช่วย เหลอื เดก็ และโคช้ ทมี ฟตุ บอลหมปู า่ อะคาเดมต่ี ดิ อยู่ในถ�้ำหลวง-ขุนน�้ำนางนอน จังหวัดเชียงราย เมื่อไม่นานมาน1้ี ที่คนไทยได้แสดงออกถึงน�้ำใจ ไมตรี ความเอ้ืออาทร และความห่วงใยที่มีต่อ ชวี ิตของเด็กและโค้ช ซึ่งเปน็ ผลมาจากอธั ยาศัย ของคนไทยท่ีสะท้อนกระบวนทัศน์และหลักคิด 1เหตุการณก์ ารชว่ ยเหลือนักฟุตบอลและโค้ชทมี ฟตุ บอลหมปู า่ อะคาเดมีจำ� นวน 13 คน ท่ีไดป้ ระสบภยั ติดอยู่ในถ�ำ้ หลวงขุนน้�ำนาง นอน จ.เชยี งราย ตัง้ แตว่ นั ท่ี 23 มถิ ุนายน – 10 กรกฎาคม 2561 โดยหนว่ ยงานราชการ ทั้งฝ่ายทหารต�ำรวจและข้าราชการพลเรือน บรษิ ทั เอกชน ภาคประชาสังคม อาสาสมคั รจากท้งั นอกพ้ืนที่และในทอ้ งถิ่น ผ้เู ช่ยี วชาญจากท้ังในและต่างประเทศ รวมท้งั สอ่ื มวลชน ไดร้ ่วมมอื กันทกุ วถิ ที างเพือ่ ช่วยชีวิตผู้ประสบภัยท้งั 13 คน ทุกฝา่ ยท่เี กี่ยวขอ้ งพยายามช่วยในสิง่ ที่ตนเองท�ำได้ด้วยความทุม่ เทเสีย สละ นอกจากการท�ำงานเพอ่ื ช่วยเหลือโดยตรงแล้ว ยังมีการสนับสนุนอ่นื ๆจากทุกฝ่ายทเ่ี ปน็ พลงั จติ อาสา เชน่ การสนบั สนุนอาหาร และเคร่ืองดื่ม การนำ� เครอื่ งสบู นำ�้ มาช่วยสบู น�้ำออกจากถำ้� การขดุ เจาะน้ำ� บาดาล การยนิ ยอมใหน้ ำ้� ท่สี บู ออกมาทว่ มพื้นที่ของตนเอง การให้บรกิ ารมอเตอรไ์ ซด์ การชว่ ยซกั รดี เส้ือผา้ การคน้ หาปลอ่ งถ�้ำ การชว่ ยเป็นกำ� ลังในการดำ� น�้ำเพ่อื ชว่ ยคน้ หาและวางถงั อากาศ การสนับสนนุ เคร่ืองมอื และวัสดุอปุ กรณต์ ่างๆ ทีมแพทยพ์ ยาบาล ฯลฯ การช่วยเหลือเหตกุ ารณ์เสย่ี งตอ่ อนั ตรายและท�ำให้เกดิ การ สญู เสยี จ.อ สมาน กนุ นั ซง่ึ เป็นอาสาสมคั รด�ำน้�ำอดตี หนว่ ยซลี และในทสี่ ดุ ก็สามารถช่วยเหลือท้งั 13 ชวี ิตให้ออกมาได้อย่าง ปลอดภยั

วารสารด�ำ รงราชานุภาพ 77 ที่เป็นแบบไทยไทย หรือการสนับสนุนของ ด้วยทุนทางสังคมดั้งเดิมน้ี คนไทย ประชาชนชาวไทยทม่ี ีตอ่ “ก้าวคนละก้าว” ของ โดยทวั่ ไปจงึ มนี สิ ยั โอบออ้ มอารี ชว่ ยเหลอื เกอ้ื กลู ตนู บอดสี้ แลม  ทสี่ ามารถระดมทนุ เพอ่ื ซอื้ เครอื่ งมอื มีน�้ำใจ เอ้ืออาทร ไม่ปฏิเสธเม่ือคนขอความ และอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้แก่โรงพยาบาล ช่วยเหลือ ลักษณะพิเศษของคนไทยและสังคม จ�ำนวน 11 แห่ง โดยสามารถระดมทุนได้กว่า ไทยในลกั ษณะนเี้ ปน็ จดุ แขง็ อยา่ งหนงึ่ ของสงั คม 1,300 ลา้ นบาท ภายใน 55 วัน (Thai PBS, 25 ไทยท่ีเป็นผลจากกระบวนทัศน์และหลักคิด กุมภาพันธ์ 2561) กเ็ ปน็ ปรากฏการณ์ที่สะทอ้ น แบบพง่ึ พาอาศยั กนั ประเทศไทยจงึ เปน็ ประเทศท่ี ถงึ ความรว่ มมอื รว่ มใจและการใหค้ วามสำ� คญั ตอ่ คนตา่ งชาตนิ ยิ มมาทอ่ งเทยี่ วและไดร้ บั การขนาน การทำ� ความดแี ละการชว่ ยเหลอื ผทู้ ลี่ ำ� บากยากไร้ นามวา่ เปน็ ดนิ แดนแหง่ รอยยมิ้ (Land of Smiles) ของคนในสงั คมไทย รวมทง้ั บทบาทการเคลอื่ นไหว ที่บ่งบอกถึงความมีอัธยาศัยไมตรีของคน ของประชาชนในการชุมนุมทางการเมืองท่ีก็มี มคี วามเอ้อื อาทร กระตอื รือรน้ และยินดตี ้อนรับ ลกั ษณะรวมตวั กนั ในแนวราบ ชว่ ยเหลอื เกอ้ื กลู กนั คนแปลกหน้า ส่ิงเหล่านี้เป็นศักยภาพของ แบ่งปันอาหารและเครื่องด่ืม และการท�ำหน้าท่ี คนไทยและเปน็ ทนุ ทางสงั คมทม่ี สี ว่ นทำ� ใหส้ งั คม ของจิตอาสาหรืออาสาสมัครซ่ึงเป็นประชาชน อยู่รอดปลอดภัย ทว่ั ไปในกิจกรรมสาธารณะต่างๆ o ความสามคั คี ปรองดอง สมานฉันท์ ในทศั นะของคนไทยโดยทวั่ ไปความ ขัดแย้งเป็นส่ิงท่ีไม่พึงปรารถนา เพราะความ สัมพันธ์ของชีวิตคนไทยด้ังเดิมในหมู่บ้าน เกษตรกรรมเป็นความสัมพันธ์แบบเรียบง่าย ไมซ่ บั ซอ้ น ดงั นนั้ การหลกี เลยี่ งความขดั แยง้ เปน็ วิธีการอันส�ำคัญท่ีท�ำให้ไม่เกิดความตึงเครียด

78 วารสารด�ำ รงราชานุภาพ ภายในหมู่บ้าน ชาวบ้านไทยจึงมีกลไกทาง ชุมชนเหมือนในอดีต การรู้รักสามัคคีเพ่ือลด วัฒนธรรมในระดับหมู่บ้านที่สามารถไกล่เกล่ีย ความขัดแย้งโดยไม่พยายามแก้ปัญหาอาจไม่ใช่ หรือจัดการต่อความขัดแย้ง เช่น การให้คุณค่า คำ� ตอบทถ่ี กู ตอ้ งเสมอไป อกี ทงั้ การจดั การความ ตอ่ การวางเฉยหรอื ความใจเยน็ ทเี่ ปน็ บคุ ลกิ ภาพ ขัดแย้งที่มีลักษณะซับซ้อนข้ึนในปัจจุบันไม่อาจ ของคนดที สี่ มควรไดร้ บั การยกยอ่ ง โดยในทศั นะ ใช้เฉพาะความเกรงใจและกรอบคิดแบบอ�ำนาจ ของคนไทย การแสดงความไมพ่ อใจ ความโกรธ นิยมบังคับโดยทางเดียวได้ นอกจากน้ีความ ความเกลยี ดชงั และอารมณด์ า้ นลบอยา่ งเปดิ เผย ใจเย็นซ่ึงเป็นคุณสมบัติของคนใจดีก็กลายเป็น ท่ีมีต่อผู้อื่นเป็นส่ิงท่ีไม่พึงกระท�ำซ่ึงหน้า และ จุดอ่อนให้คนใจร้ายแต่มีอ�ำนาจรังแกอย่าง หากเป็นไปได้ก็พึงเก็บความรู้สึกไว้ใต้รอยย้ิม ไมเ่ ปน็ ธรรม (ไมเคลิ ไรท,์ 2551) รวมไปถงึ สภาพ หรอื หากมคี วามขดั แยง้ เกดิ ขน้ึ กม็ พี ระหรอื ผใู้ หญ่ สังคมและแรงกดดันทางเศรษฐกิจท�ำให้คนไทย ที่เคารพนับถือท�ำหน้าที่ไกล่เกล่ีย การร่วมงาน โดยเฉพาะผู้ที่เสียเปรียบไม่สามารถใจเย็นและ บุญหรืองานประเพณีเพื่อสร้างก�ำลังใจและ วางเฉยไดเ้ หมอื นในสมยั กอ่ น (William Klausner, การร่วมแรงร่วมใจเพอ่ื ลืมความบาดหมาง 2537 (แปล) & 2011) การรู้รักสามัคคีจึงเป็นคุณความดี เม่ือการหลีกเลี่ยงความขัดแย้งและ ในมุมมองท่ีปรารถนาความกลมกลืนของสังคม การไม่เผชิญหน้าอาจไม่ใช่ผลดีในการสร้าง (Social harmony) ไม่ปรารถนาความขัดแย้ง ความสามคั คปี รองดอง การทำ� อยา่ งไรใหค้ นไทย ท่ีเกิดข้ึน เพราะความขัดแย้งอาจหมายถึงการ หันมาเผชิญหน้าต่อปัญหา ยอมรับการโต้เถียง ขาดการร่วมแรงร่วมใจ เกิดความตึงเครยี ด และ อย่างสร้างสรรค์ ใช้เหตุผลโดยค�ำนึงถึงใจเขา อาจก่อให้เกิดความรุนแรงที่ลงท้ายกลายเป็น ใจเรา และการรับฟังข้อเสนอที่แตกต่าง โดยมี ความสูญเสีย ทั้งน้ี การสร้างความสามัคคีให้ เป้าหมายปลายทางท่ีความสามัคคีและการเป็น ผู้คนสามารถอยู่ร่วมกันในสังคมได้ ต้องอาศัย น�้ำหนึ่งใจเดียวกันน่าจะเป็นทางเลือกใหม่ มุมมองแบบการพึ่งพาอาศัยกันหรือมีความรู้สึก สำ� หรบั สงั คมไทยในทกุ วนั น้ี เชน่ การแกไ้ ขปญั หา ว่าเราไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวหรือไม่สามารถอยู่ได้ การบุกรุกพ้ืนที่ป่าและแก้ไขข้อขัดแย้งที่ต้องมี เพียงคนเดียว และต้องใช้ความ “เกรงใจ” การรับฟังและสร้างการมีส่วนร่วมจากชุมชน อนั เปน็ คณุ สมบตั แิ บบไทยๆ ทเ่ี ปน็ การระมดั ระวงั รวมท้ังสร้างความสัมพันธ์ในแนวราบระหว่าง พฤตกิ รรมของตนไมใ่ หเ้ กดิ ผลกระทบตอ่ คนอนื่ ใน ราชการและชมุ ชน ซง่ึ มตี วั อยา่ งแหง่ ความสำ� เรจ็ สงั คม และ “นำ้� ใจ” ทม่ี ตี อ่ กนั แบบถอ้ ยทถี อ้ ยอาศยั มาแล้วที่พื้นที่อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย อย่างไรก็ตามในสังคมสมัยใหม่ท่ีมี ท่ีมีการจัดเวทีพูดคุยและสร้างกิจกรรมระหว่าง ขนาดใหญ่และซับซ้อนมากกว่าสังคมระดับ ผทู้ เี่ กย่ี วขอ้ งกบั การใชพ้ น้ื ทป่ี า่ ใหเ้ กดิ ความสำ� นกึ

วารสารด�ำ รงราชานุภาพ 79 ร่วมกันว่า การรักษาป่าเป็นหน้าท่ีของทุกคน สังคม (Social safety net) ท่ีเข้มแข็ง เมื่อ จนในที่สุดท�ำให้เกิดอาสาสมัครเฝ้าระวังไฟป่า พ่อแม่อายุมากขึ้น ลูกก็ท�ำหน้าที่ดูแลและให้ เกดิ ความรสู้ กึ เปน็ เจา้ ของผนื ปา่ รว่ มกนั ประชาชน ความรักความอบอุ่นแก่พ่อแม่ เสมือนที่พ่อแม่ และภาครัฐร่วมกันออกกฎกติกาการใช้พ้ืนท่ีป่า เคยมอบให้แก่เรา ความกตัญญูจึงช่วยรักษา ประชาชนในพื้นท่ีป่าเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตที่เคย สมั พนั ธภาพในครอบครวั ทำ� ใหค้ รอบครวั อบอนุ่ เขา้ ปา่ ลา่ สตั วม์ าเปน็ ผอู้ นรุ กั ษ์ หนว่ ยงานราชการ และป้องกันปัญหาการทอดท้ิงผู้สูงอายุด้วย เปลยี่ นบทบาทจากผรู้ กั ษากฎดว้ ยการขบั ไลเ่ ปน็ นอกจากนี้ ความกตัญญูกตเวทียังเป็นคุณธรรม ผู้ประสาน ประชาชนในเขตเมืองเลิกกล่าวโทษ ทถี่ กู กลา่ วถงึ เพอื่ เรยี กรอ้ งใหค้ นไทยรำ� ลกึ ถงึ เรอ่ื ง ประชาชนในเขตป่าว่าเป็นต้นเหตุของการ ของประเทศชาติและส่วนรวม ดัง “กตัญญูต่อ ขาดแคลนน้ำ� เป็นตน้ (สำ� นกั งาน ก.พ.ร., 2560) แผ่นดิน” “ตอบแทนบุญคุณของแผ่นดิน” ส่ิงเหล่าน้ีเป็นการเรียนรู้ร่วมกันท่ีส�ำคัญใน เป็นตน้ การแก้ไขปัญหาความขัดแย้งด้วยมุมมองที่ให้ สังคมไทยให้ความส�ำคัญต่อความ ความส�ำคัญต่อความเสมอภาคท่ีน�ำไปสู่ความ กตัญญกู ตเวทเี ป็นอย่างมาก เด็กไทยตอ้ งเรยี นรู้ สมานฉนั ท์ ถงึ วนั สำ� คญั ทมี่ กี ารรำ� ลกึ ถงึ ผมู้ พี ระคณุ ตอ่ ตนเอง o ความกตญั ญูกตเวที ไดแ้ ก่ วันพ่อ วันแม่ วนั ครอบครัว วันผสู้ งู อายุ คนไทยถูกปลูกฝังมาตั้งแต่วัยเด็กว่า วนั ครู รวมทงั้ นทิ านสอนใจจำ� นวนมากกเ็ กยี่ วขอ้ ง “ความกตัญญูเป็นเคร่ืองหมายของคนดี” โดย กับความกตัญญู ย่ิงไปกว่าน้ันถ้าเกิดเหตุการณ์ ความกตัญญูเป็นการตอบแทนความดีที่ตนเอง ที่ขัดแย้งกับความกตัญญูรู้คุณก็อาจถูกกล่าวหา เคยได้รับจากผู้อื่น ลูกจึงควรกตัญญูต่อพ่อแม่ ไดว้ า่ เปน็ คนเนรคณุ ดงั นทิ านเรอื่ งชาวนากบั งเู หา่ เพราะพอ่ แมเ่ ปน็ ผใู้ หช้ วี ติ ดแู ลเลยี้ งดเู รามาตงั้ แต่ ทช่ี าวนาสงสารงเู หา่ ทน่ี อนขดตวั อยา่ งหนาวเหนบ็ วัยเดก็ ศษิ ยค์ วรกตญั ญตู ่อครูบาอาจารยเ์ พราะ แตเ่ มอ่ื งเู หา่ ไดร้ บั ความอบอนุ่ แลว้ กฉ็ กกดั ชาวนา ท่านเป็นผู้ให้วิชาความรู้ และเราควรกตัญญูต่อ จนถงึ แกค่ วามตาย งเู หา่ จงึ เปน็ สญั ลกั ษณข์ องการ ผทู้ ม่ี ีพระคณุ ทเี่ คยช่วยเหลอื เรามา “เลีย้ งไม่เชื่อง” และ “เนรคณุ ” ตอ่ ผ้มู ีพระคุณ ความกตัญญูและการตอบแทนเป็น ดังนั้น ผู้ที่ขาดความกตัญญูจึงถือว่าเป็นคนที่ใช้ ความสัมพันธ์แบบต่างตอบแทน (Reciprocal ไมไ่ ดแ้ ละไมค่ วรคบคา้ สมาคมดว้ ย อกี ทง้ั ยงั กลา่ ว relationship) และเป็นจุดเด่นของสังคมไทย กันว่าผู้ท่ีไม่รู้คุณคนจะไม่มีความเจริญก้าวหน้า ท่ีท�ำให้สายสัมพันธ์ระหว่างบุคคลมีความ ในชวี ติ แนน่ แฟน้ สมาชกิ ในครอบครวั รกั ใครแ่ ละผกู พนั อย่างไรก็ตามความกตัญญูอาจเป็น กันอย่างเหนียวแน่น ครอบครัวจึงเป็นตาข่าย ปญั หา หากกตญั ญอู ยา่ งไรเ้ หตผุ ล หรอื ผทู้ ม่ี บี ญุ คณุ

80 วารสารด�ำ รงราชานภุ าพ อาจเรียกร้องความกตัญญูที่ท�ำให้ผู้ที่ต้อง o ความเสียสละตนเองเพื่อประโยชน์ ตอบแทนต้องได้รับความเดือดร้อนหรือมีความ ของสว่ นรวม ยากลำ� บาก เชน่ ความกตัญญูเปน็ เหตุผลส�ำคญั สังคมไทยให้ความส�ำคัญต่อผู้ท่ี ท่ีท�ำให้ผู้หญิงตัดสินใจเข้าสู่ธุรกิจการให้บริการ เสียสละและท�ำคุณประโยชน์ต่อส่วนรวม ดังท่ี ทางเพศ และท่ีร้ายแรงกว่านั้นคือการที่พ่อหรือ ประจักษช์ ดั เจนจากการท่คี นไทยท้งั หลายตา่ งก็ แม่บังคับเด็กหญิงให้ขายบริการทางเพศด้วย ซาบซ้ึงในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาท เง่ือนไขความกตัญญู หรือการท่ีพ่อแม่ใช้ สมเดจ็ พระบรมชนกาธเิ บศร มหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช ความกตัญญูบังคับให้ลูกแต่งงานกับคนท่ีลูก มหาราช บรมนาถบพติ ร ทท่ี รงเสยี สละพระองค์ ไมร่ กั และประการสำ� คญั ความกตญั ญทู ไี่ รเ้ หตผุ ล เพอ่ื ประโยชนส์ ขุ ของประชาชนสว่ นรวม โครงการ ในสายสมั พนั ธข์ องระบบอปุ ถมั ภท์ ท่ี ำ� ใหเ้ กดิ การ พัฒนากว่าสี่พันโครงการท่ีด�ำเนินการมาอย่าง ไม่รักษาหลักการที่ถูกต้องและไม่ค�ำนึงถึงความ ต่อเนื่องตลอดรัชสมัยของพระองค์มีผลต่อ เสยี หายทเ่ี กดิ ขน้ึ ตอ่ สว่ นรวม (จรุ ี วจิ ติ รวาทการ, ความเป็นอยู่ของคนไทยจ�ำนวนมาก สังคมไทย ในโตไปไม่โกง) เช่น การท่ีนักการเมืองหรือ ตระหนักดีว่าเป็นเพราะความเสียสละความสุข ข้าราชการบางคนปกป้องอดีตผู้บังคับบัญชา ของสว่ นพระองคเ์ องเพอ่ื อาณาประชาราษฎร์ ที่อยู่เบ้ืองหลังการส่ังการเรื่องฉ้อฉลทั้งหมด นอกจากพระมหากษัตริย์แล้ว เพราะมคี วามกตญั ญรู คู้ ณุ ตอ่ นายทเี่ คยมบี ญุ คณุ คนไทยยกย่องผู้ที่เสียสละตนเองและท�ำ ต่อกันในอดีต หรือค�ำกล่าวของข้าราชการ ประโยชนต์ อ่ ประเทศชาติ เชน่ ทหารทเ่ี สยี่ งชวี ติ ช้ันผู้ใหญ่คนหน่ึงท่ียอมรับว่า “มีวันนี้เพราะ ในพื้นท่ีที่มีปัญหาความมั่นคง แพทย์ชนบท พใ่ี ห”้ เพราะรสู้ กึ สำ� นกึ ในบญุ คณุ ตอ่ นกั การเมอื ง ที่เลือกใช้ชีวิตท�ำงานในพ้ืนที่ต่างจังหวัดท่ีขาด ท่ีเคยอุปถัมภ์กันมาด้วยการช่วยเหลือผลักดัน ความสะดวกสบายทำ� ใหค้ นไทยในพนื้ ทห่ี า่ งไกล ใหข้ า้ ราชการคนดงั กลา่ วใหด้ ำ� รงตำ� แหนง่ สำ� คญั สามารถเข้าถึงบริการทางแพทย์ ครูผู้อุทิศตน เพื่อนักเรียนในพ้ืนท่ีขาดแคลน เจ้าหน้าที่กู้ภัย ผู้บริจาคร่างกาย และอวัยวะแก่ผู้อ่ืน การว่ิงของตูน บอด้ีสแลม นักร้องเพลงร๊อคชื่อดัง จากเบตงถึงแม่สายรวมระยะทาง 2,215 กิโลเมตร เพ่ือต้องการ ระดมทุนส�ำหรับโรงพยาบาลท่ีมี

วารสารดำ�รงราชานุภาพ 81 ความขาดแคลน และผู้ที่ให้เพื่อสังคมคนอ่ืนๆ ปัญหาเปน็ อย่างไร ควรมกี ารแกไ้ ขด้วยกระบวน อีกเป็นจ�ำนวนมาก รวมท้ังผู้ท่ีได้รับการยกย่อง ทศั นแ์ ละหลกั คดิ แบบใดเพอื่ ไมใ่ หเ้ กดิ ความขดั แยง้ วา่ เปน็ ปชู นยี บคุ คลหรอื บคุ คลทค่ี วรบชู าในฐานะ และควรสร้างความเข้มแข็งของสังคมจาก ที่ท�ำคุณประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติหรือส่วน กระบวนทัศน์และหลักคิดแบบใดเพื่อให้เกิด รวมและสามารถเปน็ แบบอยา่ งทด่ี แี กส่ งั คม เชน่ การยึดโยงกับรากฐานวัฒนธรรมเดิมโดยไม่เป็น นติ ยสาร ฅ. คน ได้เชดิ ชเู กยี รติ พล.ต.อ. วสิษฐ การแปลกแยก เดชกญุ ชร ในฐานะทเ่ี ปน็ ตำ� รวจตงฉนิ รบั ราชการ ขอ้ สงั เกตบางประการเกย่ี วกบั การเปลย่ี นแปลง ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตและมักให้ข้อคิดอันเป็น และความตอ่ เนอ่ื งของกระบวนทศั นแ์ ละหลกั คดิ ประโยชนแ์ กส่ งั คมไทย ‘ 6 ด้านของคนไทย กล่าวโดยสรุป กระบวนทัศน์และ กระบวนทัศน์และหลักคิดของคนไทย หลักคิดด้านคุณธรรมจริยธรรมของคนไทย ทัง้ 6 ด้านตามทผ่ี ศู้ กึ ษาได้วเิ คราะห์ข้างต้นเปน็ ให้ความส�ำคัญต่อความคิดในเร่ืองบุญกรรม ลักษณะเดน่ ท่พี บไดใ้ นพฤติกรรมทั่วไปของผคู้ น การเน้นหลักธรรมเรื่องความเมตตากรุณา ในสังคมไทยในยุคปัจจุบัน โดยที่กระบวนทัศน์ การมองว่าคนเราย่อมต้องการพ่ึงพาอาศัยกัน และหลกั คดิ ในแตล่ ะดา้ นตา่ งกท็ ำ� งานในลกั ษณะ จึงต้องท�ำดีต่อกัน การให้ความส�ำคัญต่อความ สอดประสานกัน อย่างไรก็ตามก็มีสัญญาณ กตัญญูกตเวที การให้คุณค่าต่อความสามัคคี เชิงพฤติกรรมหลายอย่างที่บ่งบอกถึงการ ปรองดองที่ช่วยให้สังคมมีความเป็นปึกแผ่นมี เปลยี่ นแปลงในหลายสว่ นดงั ทไี่ ดอ้ ภปิ รายไปแลว้ น�้ำหนึ่งใจเดียวกัน และการยกย่องผู้ที่เสียสละ อีกทั้งการเปล่ียนแปลงของสังคมไทยก็สามารถ เพ่ือประโยชน์ส่วนรวม ลักษณะทางความคิด เกดิ ขน้ึ ไดต้ ลอดเวลาทง้ั จากปจั จยั ทงั้ ภายในและ เหล่าน้ีได้ด�ำรงอยู่อย่างต่อเนื่องจากในอดีต ภายนอกสังคม เช่น การเกิดข้ึนของนโยบาย แต่อาจมีความเจือจางลงในบางเรื่อง เน่ืองจาก ประชานิยมท่ีให้ความส�ำคัญแก่ประชาชนอย่าง สภาพสังคมท่ีเปล่ียนแปลงไป แต่ก็ไม่ได้ ท่ไี ม่เคยมีมากอ่ น ซึง่ เมอื่ มองในแงม่ มุ ทางสังคม หมายความว่าสูญหายไป กระบวนทัศน์และ วัฒนธรรมก็อาจมีส่วนท�ำให้คนไทยจ�ำนวนมาก หลกั คดิ ในเรอ่ื งความดเี หลา่ นเี้ ปน็ ประเดน็ สำ� คญั หวังพึ่งพิงกลไกของรัฐในลักษณะกระบวนทัศน์ ทตี่ อ้ งมกี ารพจิ ารณาอยา่ งละเอยี ดลกึ ซง้ึ เพอ่ื การ และหลักคิดในระบบอุปถัมภ์ ดังท่ีเคยมีการ สรา้ งสรรคส์ งั คมไทยใหเ้ ปน็ สงั คมทแี่ ขง็ แกรง่ ดว้ ย วิเคราะห์ว่าเป็น “การอุปถัมภ์เชิงนโยบาย คุณธรรมจริยธรรม โดยศึกษาว่าประเด็นอะไร (Policy patronage)” ด้วยการ “ผูกจิตใจ ทเ่ี คยเปน็ กรอบกำ� กบั ศลี ธรรมทไ่ี ดผ้ ลในอดตี แต่ ของคนจนและชาวบ้านไว้กับภาคการเมือง” อาจเป็นปัญหาในสังคมปัจจุบัน ลักษณะของ

82 วารสารด�ำ รงราชานุภาพ (ธรี ยทุ ธ บญุ ม,ี 2546) และการเปลย่ี นแปลงอน่ื ๆ หลกั คิดใดทคี่ วรจะปรบั เปล่ยี น (เพ่มิ ลด แก้ไข อยา่ งการขยายตวั ของระบบเศรษฐกจิ แบบทนุ นยิ ม หรือเปล่ียนแปลง) กระบวนทศั นแ์ ละหลักคดิ ใด ที่ท�ำให้สังคมไทยให้ความสัมพันธ์แบบการ ตอ้ งสรา้ งใหเ้ กดิ ขนึ้ ใหมเ่ พอื่ ใหเ้ ขา้ กบั โลกใหม่ ใน แลกเปลยี่ นในตลาดมากขนึ้ กวา่ สงั คมแบบดงั้ เดมิ ลักษณะใดบ้าง การปรับลดบทบาทของสถาบันศาสนาที่ส่งผล บทลงทา้ ย : เขา้ ใจคนไทยเพอ่ื การกา้ วไปขา้ งหนา้ ต่อกรอบความคิดในเชิงศีลธรรมในปัจจุบัน ความเขา้ ใจตอ่ กระบวนทศั นแ์ ละหลกั คดิ การแพร่กระจายของเทคโนโลยีในโลกดิจิทัล ของคนไทยช่วยให้เราเข้าใจคนไทยและสังคม ท่ีท�ำให้คนไทยสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตและ ไทยในโลกแหง่ ความเปน็ จรงิ และในทสี่ ดุ จะชว่ ย ใช้ส่ือสังคมออนไลน์อย่างกว้างขวาง และ ใหเ้ ราสามารถแกไ้ ขปญั หาการพฒั นาประเทศได้ พฤติกรรมของคนรุ่นใหม่ที่เกิดและใช้ชีวิตใน โดยเริ่มต้นท่ี “คน” ในฐานะที่เป็นทรัพยากร ขณะท่ีสังคมก�ำลังมีการเปล่ียนแปลงทุกด้าน มนษุ ยแ์ ละเปน็ โครงสรา้ งพน้ื ฐานของการพฒั นา ฯลฯ การเปลีย่ นแปลงตา่ งๆ เหลา่ น้ยี ่อมมีผลต่อ เราจึงสามารถออกแบบแนวทางแก้ไขความคิด ความสัมพันธ์ทางสังคมตลอดจนกระบวนทัศน์ บางอยา่ งของคนไทยทเี่ ปน็ อปุ สรรคและสง่ เสรมิ และหลักคิดของคนไทยอย่างหลีกเล่ียงไม่ได้ ลักษณะความคิดบางอย่างท่ีเป็นทุนทางสังคม ดังน้ัน กระบวนทัศน์และหลักคิดของคนไทย เพอ่ื ใหห้ นนุ ชว่ ยการพฒั นาไดอ้ ยา่ งยง่ั ยนื เพราะ จึงไม่ได้เป็นส่ิงตายตัว จึงควรมีการศึกษาอย่าง ปัญหาหนึ่งของการแก้ไขพฤติกรรมหรือการ เป็นระบบว่ากระบวนทัศน์และหลักคิดท่ีเป็น เปลี่ยนแปลงหรือกระตุ้นให้เกิดพฤติกรรมบาง แกนหลักเหล่าน้ียังคงมีอยู่ในสังคมปัจจุบันมาก อยา่ งโดยไมพ่ ยายามทำ� ความเขา้ ใจวธิ คี ดิ ของคน น้อยเพียงใด หรือกระจายอยู่ตามกลุ่มต่างๆ ไทยโดยทวั่ ไป อาจทำ� ใหแ้ นวทางการแกไ้ ขปญั หา มากบ้างน้อยบ้างอย่างไร รวมไปถึงการอนุมาน บางเรื่องที่ดูดีและเป็นไปได้ในหลักการแต่อาจ จากปัจจุบันไปสู่อนาคตว่า กระบวนทัศน์และ ไมไ่ ดผ้ ลในทางปฏบิ ตั ิ เชน่ เราตอ้ งการใหค้ นไทย ไม่ยอมรับการโกงด้วยการปฏิเสธไม่ยกมือไหว้ คนโกง เพราะเปน็ การสรา้ งวฒั นธรรมไมย่ อมรบั การโกงดว้ ยมาตรการต่อต้านทางสงั คม (Social sanction) แต่ผู้กระท�ำการโกงเป็นผู้ท่ีมีอ�ำนาจ และเงนิ ทอง ซงึ่ ในกระบวนทศั นแ์ ละหลกั คดิ ของ คนไทยน้ันนิยมการให้เกียรติและยอมจ�ำนน ต่อคนท่ีมีอ�ำนาจและคนร�่ำรวย อีกท้ังคนไทย

วารสารดำ�รงราชานุภาพ 83 จ�ำนวนมากก็ยังไม่พร้อมต่อการแสดงความรู้สึก รวมทง้ั การศกึ ษาเพอื่ ใหเ้ หน็ รายละเอยี ด ดว้ ยการเผชิญหน้า การรณรงคใ์ ห้ไม่ไหวค้ นโกง ว่ากระบวนทัศน์และหลักคิดแต่ละด้านท�ำงาน จึงเป็นเรื่องยากส�ำหรับคนไทยส่วนใหญ่ เพราะ ในบริบทสังคมปัจจุบันซึ่งมีการเปล่ียนแปลงไป เป็นการท�ำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเฉพาะ จากอดีตอย่างไร โดยพิจารณาในมิติต่างๆของ แบบแผนพฤติกรรมโดยไม่ได้ท�ำงานลงลึกไปถึง สงั คมไทยท้งั ดา้ นเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง แนวความคิด หรืออาจท�ำให้เกิดความขัดแย้ง และน่าจะมีการวิเคราะห์โดยละเอียดและลึกซ้ึง ทางความคิดอย่างรุนแรงระหว่างผู้ท่ีสนับสนุน เกยี่ วกบั การเปลยี่ นแปลงของสงั คมกบั ผลกระทบ และผู้ที่ต่อต้านก็เป็นได้ ในกรณีนี้หากเรา ที่เกิดข้ึนต่อกระบวนทัศน์และหลักคิดของ พยายามปรับลดกระบวนทัศน์และหลักคิดแบบ คนไทยว่า เมื่อสังคมเปลี่ยนไปกลไกวัฒนธรรม อำ� นาจนยิ มลงเสียกอ่ น แล้วสรา้ งกระบวนทัศน์ เดิมมีการปรับบทบาทหรือไม่ อย่างไร มีกลไก และหลักคิดใหม่ท่ีให้คุณค่าต่อความเสมอภาค อะไรที่เข้ามาแทนท่ี และสิ่งเหล่าน้ีมีผลต่อ และการตรวจสอบอำ� นาจไปพรอ้ มๆ กนั รวมทง้ั กระบวนทัศน์และหลักคิดของคนไทยในแต่ละ การชใี้ หเ้ หน็ ถงึ ความจำ� เปน็ ทตี่ อ้ งแกไ้ ขขอ้ ขดั แยง้ ด้านหรือไม่อย่างไร และกระบวนทัศน์และ แบบซึ่งหน้า ก็จะท�ำให้เกิดการเรียนรู้ที่จะปรับ หลักคิดของคนไทยท่ีเปล่ียนไป(หรือบางอย่างท่ี กระบวนทัศน์และหลักคิดใหม่และเป็นการ คงอย)ู่ สง่ ผลกระทบอยา่ งไรตอ่ การพฒั นาในภาพ รณรงค์ทีส่ ามารถสร้างการเปลย่ี นแปลงได้ รวมของประเทศ เพ่ือให้ได้ค�ำตอบเชิงวิชาการ อย่างไรก็ตามบทความวิชาการนี้เป็น ถึงจุดอ่อนและจุดแข็งของกระบวนทัศน์และ การศึกษาขั้นต้นเท่านั้น ยังต้องมีการศึกษา หลักคดิ ในแต่ละด้าน คน้ ควา้ เชงิ ลกึ และเชงิ กวา้ งควบคกู่ นั ไป ในทศั นะ นอกจากน้ียังควรศึกษากระบวนการ ของผศู้ กึ ษาเหน็ วา่ โจทยส์ ำ� หรบั การศกึ ษาวจิ ยั นน้ั ผลิตซ�้ำ ตอกย้�ำ และส่งต่อกระบวนทัศน์และ ควรมกี ารศกึ ษาเชงิ ประจกั ษใ์ หล้ งลกึ ถงึ รายละเอยี ด หลกั คดิ เดมิ ในปจั จบุ นั โดยดวู า่ สถาบนั และกลไก ของกระบวนทัศน์และหลักคิดในแต่ละด้าน ทางสังคมซึ่งท�ำหน้าท่ีหล่อหลอมกล่อมเกลา ของกลุ่มคนที่มีความหลากหลาย เช่น กลุ่ม ความคิดความเช่ือของคนเป็นอย่างไร มีปัญหา ชนชน้ั กลางในเมอื ง กลมุ่ อาชพี ในเศรษฐกจิ แบบ หรือไม่ โอกาสในการเปล่ียนแปลงหรือปรับปรงุ ไม่เป็นทางการ กลุ่มคนในแต่ละภูมิภาค กลุ่ม เป็นอย่างไร วิธีการปรับเปล่ียนท่ีเหมาะสมมี คนในแต่ละรุ่นที่แตกต่างตามช่วงวัย กลุ่มคน หรอื ไม่ ทำ� อยา่ งไร และอะไรทอ่ี าจใชเ้ ปน็ ตวั อยา่ ง ที่ท�ำงานประกอบอาชีพในแต่ละภาคส่วนของ การปฏบิ ตั ทิ ด่ี ี (Best practices) ในการปรบั เปลย่ี น สังคม ได้แก่ ภาคราชการ ภาคเอกชน กระบวนทัศน์และหลักคดิ ของคนไทยด้วย

84 วารสารด�ำ รงราชานภุ าพ การสรา้ งพลเมืองในศตวรรษที่ 211 นายคณสุ สนั ศุภวัตรวรคณุ เลขาธิการสถาบันชมุ ชนทอ้ งถิน่ พัฒนา (LDI) น�ำเสนอกรณีศึกษาการสร้างคนเพ่ือพัฒนาชาติ คุณธรรมความเป็นพลเมือง มีการพัฒนาระบบ ใน 5 ประเทศ คอื สงิ คโปร์ จนี เกาหลใี ต้ เยอรมนั การศึกษาให้มีคุณภาพ และมีนโยบายในการ และอังกฤษ สนับสนุนหรือเอือ้ ต่อความเป็นพลเมอื ง สถาบันชุมชนท้องถิ่นพัฒนา ได้ศึกษา สงิ คโปร์ เปรียบเทียบกระบวนการสร้างเป้าหมายร่วม เมอื่ แรกกอ่ ตงั้ ประเทศ ลี กวน ยู ไดม้ อง แหง่ ชาตเิ พอ่ื การพฒั นาประเทศไปสคู่ วามมนั่ คง ญ่ีปุ่นและอเมริกา เป็นต้นแบบในการพัฒนา กรณีศึกษา 5 ประเทศ ได้แก่ สาธารณรัฐ ประเทศ โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ ความอดทนตอ่ การ ประชาชนจีน สาธารณรัฐสิงคโปร์ สาธารณรัฐ ท�ำงานหนักของชาวญ่ีปุ่น และการไม่หยุดน่ิง เกาหลีใต้ สหพันธรัฐเยอรมนี และสหราช หรือหยุดการพัฒนาและพยายามปรับปรุงให้ดี อาณาจักร พบว่า เรื่องท่ีทุกประเทศให้ความ ข้ึนเรื่อย ๆ โดยอาศยั เทคโนโลยขี องอเมริกันชน ส�ำคัญ คอื การสร้างคนรุ่นใหมท่ ่ีมคี ณุ ภาพ และ มีคุณธรรม โดยทุกประเทศต่างมีการปลูกฝัง 1 การบรรยายใน เวที \"การเมอื งไทยกบั การสรา้ งคนไทยในศตวรรษท่ี 21\" วนั พธุ ท่ี 28 พฤศจกิ ายน 2561 ณ สถานโี ทรทศั นไ์ ทยพบี เี อส

วารสารดำ�รงราชานภุ าพ 85 ลีกวนยู ได้ตั้งหลักการสร้างชาติใหม่ ซึ่งมีหลกั พนื้ ฐาน 4 ประการ คือ 4 ข้อ คือ 1) ตอ้ งมคี วามรสู้ กึ เปน็ รากฐานเดยี วกนั 1) สร้างสาธารณูปโภค ถนนหนทาง และรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของชาติ โดยไม่ดูถูก ประปา ไฟฟา้ โทรศพั ทแ์ ละสง่ิ จำ� เปน็ ขนั้ พนื้ ฐาน เหยยี ดหยามประเทศอนื่ และไมอ่ ายทจี่ ะประกาศ 2) คนสงิ คโปรต์ อ้ งไดร้ บั การศกึ ษาอยา่ ง ว่าตนเป็นชาวสิงคโปร์ ดีเยี่ยม 2) ตอ้ งรเู้รอ่ื งราวความเปน็ มาของประเทศ 3) สินค้าและบริการต้องมีคุณภาพ กลุ่มเช้ือชาตติ ่างๆ ภาษา วฒั นธรรมและศาสนา แขง่ ขันในตลาดโลกได้ 3) ตอ้ งเขา้ ใจในความเปน็ สงิ คโปร์ เขา้ ใจ 4) สิงคโปร์ต้องเป็น “Garden City” ถึงความท้าทายของประเทศ ความอ่อนแอของ เปน็ เมอื งในสวน เพอ่ื คณุ ภาพชวี ติ ของประชาชน ประเทศและอปุ สรรคตา่ งๆ ทเ่ี กดิ ขน้ึ ในอดตี และ ลกี วนยู ยงั ไดเ้ สนอแนวคดิ คา่ นยิ มเอเชยี อนาคตเพอื่ การอยรู่ ว่ มกนั อยา่ งเปน็ หนง่ึ เดยี วกนั (Asian Values) หรอื ประชาธปิ ไตยวถิ ที างเอเชยี และสามารถฝา่ ฟันอุปสรรคในอนาคตได้ ที่เชดิ ชูความเปน็ ชาตเิ หนือกวา่ ปัจเจกบคุ คล 4) ตอ้ งถูกปลกู ฝังใน เรอื่ งความเชอ่ื มั่น สถาบนั ครอบครวั คอื รากฐานทแ่ี ทจ้ รงิ ในคุณงามความดขี องสังคม และความเทา่ เทียม ของสงั คม กันของคนในสังคม สนบั สนนุ จารตี ทใี่ หผ้ นู้ อ้ ยเคารพผใู้ หญ่ รฐั บาล ลเี ซยี นลงุ มนี โยบาย การศกึ ษา การตดั สนิ ใจใด ๆ ก็ตามควรเน้นการ คณุ ธรรมและพลเมอื งอยา่ งเขม้ ขน้ ทเี่ นน้ สรา้ ง เห็นพ้องต้องกันมากกว่า การแข่งขัน การถก คา่ นยิ ม ความสามารถในการแขง่ ขนั ความฉลาด เถยี งกัน และเนน้ การปลกู ฝงั หลกั คณุ ธรรม 4 ประการ คอื สรา้ งความสามคั คกี นั ระหวา่ งประชาชน 1) การตัดสินใจอยา่ งมีคุณธรรม ท่ีหลากหลายเชือ้ ชาติ ศาสนา 2) จิตใจมีคณุ ธรรม พลเมืองมีหน้าท่ีต้องเสียสละแก่บ้าน 3) แรงกระตุ้นท่ีมคี ณุ ธรรม และ เมอื ง และรฐั กต็ อ้ งมสี วสั ดกิ ารทด่ี แี กป่ ระชาชน 4) ความประพฤตทิ มี่ ีคณุ ธรรม ด้านการศึกษา สิงคโปร์ สร้างประเทศ ผ่านการสอนในรูปแบบต่างๆ เช่น โดย ใชน้ โยบายการศกึ ษาแหง่ ชาติ ทม่ี เี ปา้ หมาย การพูด การแสดงความเห็น การเล่าเร่ือง การ เพอ่ื ใหป้ ระชาชนรนุ่ ใหมม่ คี วามรแู้ ละความคดิ ใน ถ่ายทอดทางวัฒนธรรม การให้ความช่วยเหลือ เรอ่ื งการพฒั นาความเปน็ อนั หนง่ึ อนั เดยี วกนั ของ ผอู้ ื่นและการมีส่วนร่วมในชมุ ชน คนในสังคม โดยไมแ่ บ่งแยกเช้ือชาติ

86 วารสารดำ�รงราชานภุ าพ จนี ส�ำหรับจีนน้ันผูกพันกับลัทธิขงจื้อ ที่มี การพฒั นาทกั ษะทางความคดิ สขุ ลกั ษณะ เนื้อหาครอบคลุมทั้งด้านการศึกษา การพัฒนา และพัฒนาจิตใจ เร่ิมท�ำตั้งแต่ปฐมวัยมีการ ตนเอง การเข้าสังคม การเมือง การคบเพื่อน พัฒนาคุณภาพของครูและท�ำให้ครูได้รับความ คุณธรรมและความกตญั ญู เชน่ เคารพอย่างสูง และให้อิสระแก่โรงเรียนและ จงขยนั เรยี นรอู้ ยา่ งไมร่ จู้ กั เพยี งพอ และ ครใู หญ่ ในการบริหารจดั การองค์กร สั่งสอนผู้อนื่ อยา่ งไมร่ จู้ กั เหนด็ เหน่อื ย มีนโยบายท�ำให้ ฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้ ตเิ ตยี นตนเองใหม้ าก และตเิ ตยี นผอู้ นื่ ใหน้ อ้ ย เปน็ “เมืองชัน้ หนงึ่ การศึกษาชน้ั หนงึ่ ” ท่คี น้ หา รักษาสจั จะวาจา และน�ำวิธีการให้การศึกษาที่ดีท่ีสุดจากรอบโลก กลา้ ยืดอกทำ� ส่งิ ทเี่ ปน็ ธรรม ไปใชเ้ พือ่ ใหป้ ระสบความส�ำเร็จ เคารพนบั ถอื บดิ ามารดา รกั ใครป่ รองดอง ด้านการพัฒนาเศรษฐกิจและสงั คม ในหมู่พ่ีน้อง รักใคร่เมตตาต่อผู้อ่นื เป็นต้น จนี ไดใ้ หค้ วามสำ� คญั กบั การกระจายรายได้ ในเร่อื งของการศกึ ษา และผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจไปยังกลุ่มตา่ งๆ รฐั บาลจนี ใหค้ วามสำ� คญั อยา่ งยงิ่ กบั การ อย่างเท่าเทียมกัน ภายใต้แนวคิด “inclusive พฒั นาดา้ นการศกึ ษา ควบคไู่ ปกบั การเรยี นรดู้ า้ น growth” ร่วมกับการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ คุณธรรม รัฐจัดให้นักเรียนเข้าเรียนในโรงเรียน และการรักษาสิ่งแวดล้อม ท่ีเน้นการพัฒนาเชิง ใกล้บ้าน และได้รับโอกาสทางการศึกษาอย่าง “คณุ ภาพ” มากกวา่ เชงิ “ปรมิ าณ” ลดการพงึ่ พา เท่าเทยี มกนั การลงทุนและการส่งออก ส่งเสริมการบริโภค ภายในประเทศ เพือ่ เพ่มิ อำ� นาจซื้อของผูบ้ ริโภค

วารสารดำ�รงราชานุภาพ 87 ในประเทศ ปรับโครงสร้างการอุตสาหกรรม ประธานาธิบดีสี จ้ินผิง ได้ออก ส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมเชิงยุทธศาสตร์ แถลงทฤษฎกี ารบรหิ ารวา่ ดว้ ยความฝนั จนี ใหม่ ใน 7 ด้าน ท่ีมีมูลค่าเพิ่มสูงและเป็นมิตรกับ “สดี่ า้ นถว้ นทวั่ ” (Four comprehensive) ไดแ้ ก่ สิง่ แวดลอ้ ม คอื เทคโนโลยชี วี ภาพ พลังงานใหม่ สรา้ งสังคมมีกินแบบพอเพยี ง เครอ่ื งมอื เครอ่ื งจกั รขน้ั สงู เทคโนโลยกี ารปกปอ้ ง ลงลกึ การปฏิรปู ส่ิงแวดล้อมและประหยัดพลังงาน รถยนต์ ปกครองประเทศตามหลกั นิติรฐั พลังงานสะอาด วัสดุใหม่ และ เทคโนโลยี และเขม้ งวดวินยั พรรคฯ สารสนเทศยุคใหม่ พฒั นาเทคโนโลยขี องตนเอง ทส่ี ำ� คญั สี จน้ิ ผงิ ได้ ลา้ งบางเครอื ขา่ ย ตามแนวคิด “Design in China” และสง่ เสริม เจ้าหน้าที่พรรคคอมมิวนิสต์ ที่ทุจริตคอร์รัปชั่น การใช้นวัตกรรมท้องถ่ิน ให้ความส�ำคัญกับการ อย่างต่อเนื่องจริงจังนับแต่วันแรกท่ีสืบทอด รกั ษาสิ่งแวดลอ้ ม เรง่ ปฏริ ูปภาคการเงนิ อ�ำนาจฯ เกาหลใี ต้ “โครงการแซมาอึล อนุ ดง” มีบทบาท ขน้ั ตน้ ตอ้ งปลกู ฝงั ความขยนั การชว่ ยเหลอื ส�ำคัญในการฟื้นฟูชาติ โดยในระยะแรก มุ่ง ตนเอง และความรว่ มมือกนั ปรับปรุงชนบทให้มีความเจริญเพ่ือแก้ปัญหา ขั้นท่ีสอง คือการพัฒนาสังคม เพื่อ ความแตกตา่ งระหวา่ งเมอื งกบั ชนบท ทำ� 3 เรอ่ื ง ความเปลยี่ นแปลงวฒั นธรรมและปรบั ปรงุ ความ คือ การปฏริ ปู จิตใจ การพฒั นาสงั คม และการ เป็นอยู่สงั คมให้ดีขึ้น พฒั นาทางเศรษฐกิจ ซงึ่ มี 3 ขัน้ ตอน คอื ข้ันท่ีสาม คือการพัฒนาเศรษฐกิจ เพือ่ เพิ่มงานและรายได้

88 วารสารดำ�รงราชานภุ าพ ตอ่ มาไดม้ กี ารนำ� ไปปรบั ใชใ้ นสถานที่ โดยการรณรงค์ด้านจิตใจ เน้นเร่ือง ทำ� งาน เพอ่ื สรา้ งคา่ นยิ มและความเชอื่ ทม่ี เี หตผุ ล การเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีกับเพื่อนบ้าน สร้างความสัมพันธ์ท่ีดีระหว่างผู้ร่วมงานด้วยกัน การสืบสานจริยธรรมประเพณีอันดีงามโดย สร้างความสามัคคีในสถานที่ท�ำงาน การช่วย ปลูกฝังให้บุตรหลานเกิดความรักและห่วงแหน เหลือชุมชนในชนบท การช่วยเหลือผู้ไร้ที่อยู่ ในสมบตั อิ นั มคี า่ และการเสรมิ สรา้ งการรบั รขู้ อง อาศยั และการเคารพกฎระเบยี บ ชมุ ชน หรอื การนำ� ไปปรบั ใชใ้ นโรงงาน ทเ่ี นน้ การรณรงค์ด้านพฤติกรรม มุ่งเน้น การฟื้นฟูความเช่ือม่ันในตนเองและการสร้าง เรอ่ื งการเคารพกฎจราจร มารยาทในทสี่ าธารณะ ความพึงพอใจของลูกค้าและสาธารณชน การมีปฏสิ มั พันธร์ ะหวา่ งกันในทางที่ดี และการ โดยรวม ความสงบสขุ และการอยรู่ ว่ มกนั ภายใน ละเว้นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมในการดื่มของ โรงงาน และสรา้ งจริยธรรมในองคก์ รทเ่ี ขม้ แขง็ มนึ เมา ทสี่ ำ� คญั คอื การนำ� ไปใชใ้ นโรงเรยี น การรณรงคด์ า้ นสงิ่ แวดลอ้ มเนน้ เรอ่ื ง โดยนักเรียนจะได้เรียนรู้ เร่ืองของการพัฒนา การรักษาความสะอาดรอบบริเวณพ้ืนท่ีอาคาร ด้านจิตใจ บนพ้ืนฐานของความเชื่อว่า “ไม่ว่า บ้านเรือนหรือสถานที่ท�ำงานของแต่ละคน สง่ิ ใด เรากส็ ามารถกระทำ� ใหส้ ำ� เรจ็ ลลุ ว่ งไปได”้ ดูแลสภาพภูมิทัศน์ตามท้องถนน และการสร้าง และการมคี วามตง้ั ใจทแ่ี นว่ แนว่ า่ “เราสามารถ เมอื งและแมน่ ำ�้ ลำ� คลองทเี่ ปน็ มติ รกบั สง่ิ แวดลอ้ ม ท�ำในสิง่ ต่าง ๆ ได้” การดิ้นรนต่อสู้เพอ่ื ชวี ิตท่ดี ี เกาหลใี หค้ วามสำ� คญั สงู สดุ กบั เรอ่ื ง การศกึ ษา กว่า ซึ่งมิใช่เพียงเพื่อใครคนใดคนหน่ึง แต่เพื่อ ช่วงหลงั สงครามโลก แม้ประเทศจะ ผลประโยชน์ของสงั คมโดยรวม โดยมีเปา้ หมาย ยากจนแทบจะไม่มีอะไรกิน แต่ประชาชนต่าง คอื “การสรา้ งความเปน็ ปกึ แผน่ ของชมุ ชนและ ลงทุนเพ่ือให้ตนเองได้รับการศึกษาท่ีแทบจะ ประเทศชาติ และการฟน้ื ฟนู ำ� ความความสงบสขุ ไมเ่ คยไดร้ บั มากอ่ น มกี ารลงทนุ จา้ งครทู ม่ี คี วามรู้ ร่มเย็นและความเป็นระเบียบเรียบร้อยมาสู่ ความสามารถทงั้ ในประเทศและต่างประเทศมา ปวงชน” เพื่อให้ความรู้กับประชาชนในประเทศ โดย ในการสร้างค่านิยมร่วม เกาหลีใต้ยัง ประชาชนให้ความส�ำคัญกับการศึกษามากกว่า ได้มีโครงการหยุดยั้งการคอร์รัปชั่นและสร้าง อยา่ งอนื่ ปจั จบุ นั ในชว่ งทมี่ กี ารสอบเขา้ มหาวทิ ยาลยั เมืองที่น่าอยู่ โดยมีหลักคิด ส�ำคัญ 3 ประเด็น ทั้งประเทศจะหยุดกิจกรรมท่ีก่อให้เกิดการ ในการณรงค์ คอื การรณรงคด์ า้ นจติ ใจ พฤตกิ รรม รบกวนการสอบของนักเรียนและอ�ำนวย และส่งิ แวดล้อม ความสะดวกแกน่ กั เรยี นใหไ้ ดเ้ ขา้ สอบอยา่ งเตม็ ท่ี

วารสารด�ำ รงราชานภุ าพ 89 คนเกาหลี จงึ เปน็ แรงงานทม่ี คี ณุ ภาพ การสอนพเิ ศษ แต่มีการให้เงินโบนัสทกุ 2 เดอื น ประกอบกับเป็นคนขยันหม่ันเพียรและมีความ รวมท้ังเงินพิเศษในช่วงเทศกาลชูซ็อก รวมเป็น เป็นชาตินิยมสูง จึงเกื้อหนุนให้ประสบความ เงินพิเศษประมาณ 9 ครงั้ ตอ่ ปี ส�ำเรจ็ ในการพัฒนาประเทศ จรรยาบรรณในวิชาชีพครูท�ำให้ครู งานวิจัยและพัฒนา ถือได้ว่าเป็น ตอ้ งเปน็ ตวั อยา่ งทดี่ ขี องลกู ศษิ ยแ์ ละตอ้ งระวงั ไม่ ปัจจัยหลักในการพัฒนาเทคโนโลยีภายใน ให้ตนเองเสียหาย ท�ำความผิดร้ายแรงจนถูกยึด ประเทศ เปลี่ยนผ่านจากภาคอุตสาหกรรมที่ใช้ ใบประกอบวชิ าชพี เพราะจะไดร้ บั การอบั อายใน แรงงานมากเปน็ อตุ สาหกรรมหนกั และเคมภี ณั ฑ์ สังคม การลงโทษทางสังคมรุนแรงมากจนเห็น และอุตสาหกรรมไอทีและเทคโนโลยีระดับสูง ได้การการฆ่าตัวตายเพอื่ หนคี วามอับอาย ท�ำให้การพัฒนาภาคอุตสาหกรรมเพื่อการ เปา้ หมายทางการศกึ ษา เนน้ วชิ าการ สง่ ออกสำ� เรจ็ ไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ มกี ารลงทนุ และการพฒั นาจติ ใจใหเ้ กดิ วามสมดลุ กบั รา่ งกาย ด้านวิจัยและพัฒนา คิดเป็นร้อยละ 2.42 ในปี ท่ีเจริญเตบิ โต การพฒั นาพนื้ ฐานความคิดความ 1996 และรอ้ ยละ 4.04 ของ GDP ในปี 2011 ร้สู กึ ของตนเองให้กล้าแสดงออกอย่างถกู ต้อง มี รฐั บาลสง่ เสรมิ ใหค้ นหนั มาประกอบ หลักการและมีเหตุผล การปลูกฝังความเป็น อาชีพครู ด้วยการเพิ่มเงินเดือนให้สูงขึ้นเทียบ ชาตินิยม ความภาคภูมิใจในชาติ วัฒนธรรม เทา่ กบั อาชพี แพทยแ์ ละทนายความ มคี า่ ครองชพี ประเพณี รักเพื่อนบ้าน เชื่อม่ันในตนเอง และ และสถานภาพทางสังคม ครูมีสถานะเป็น เสริมสร้างความสามารถในการน�ำความรู้ไป ปชู นียบุคคลทีส่ ังคมยกยอ่ งใหเ้ กยี รติสงู สุด ไม่มี พัฒนาทอ้ งถิ่น

90 วารสารด�ำ รงราชานุภาพ เยอรมนี ระบบการศึกษา ของเยอรมนี “เปน็ ผทู้ ม่ี คี วามรบั ผดิ ชอบในกจิ การสาธารณะ มงุ่ ใหป้ ระชาชนเขา้ ถงึ การศกึ ษาไดอ้ ยา่ ง ของเมือง/ชุมชน” โดยมีการออกแบบองค์กร เท่าเทียมและเป็นธรรม เพื่อสร้างพลเมือง และรปู แบบการทำ� งานของหนว่ ยงานรฐั ในระดบั ท่ีมีคุณภาพในการพัฒนาประเทศ รัฐบาล ท้องถ่ินให้เหมาะสมกับการส่งเสริมให้ภาค สนับสนุนงบประมาณด้านการศึกษา ให้ทุกคน ประชาชน และภาคธรุ กจิ เอกชนไดม้ สี ว่ นรว่ มใน สามารถเรียนตั้งแต่อนุบาลจนถึงปริญญาเอก กิจการสาธารณะของท้องถิ่นได้มากข้ึน เพ่ือ โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ เป็นไปตามความ สร้างให้เกิดความเป็นพลเมืองในระดับท้องถิ่น สามารถของแต่ละบคุ คล การสอนดา้ นระเบยี บ ซึง่ เปน็ ผทู้ ่มี ีความต่ืนตวั ไวเ้ น้อื เชอ่ื ใจระหวา่ งกนั วินัย คุณธรรมจริยธรรมจะสอดแทรกเข้าไปใน และกนั และรว่ มรบั ผดิ ชอบในการกจิ การสาธารณะ กิจกรรมและการด�ำเนินชีวิตในสังคม ส่วนใหญ่ ท้ังนี้ พลเมืองเยอรมนีมีจุดเด่นส�ำคัญ จะเป็นเร่ืองระเบียบวินัย ความรับผดิ ชอบ รจู้ ัก ไดแ้ ก่ การอยู่ร่วมกัน การปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนๆ 1) มีระเบยี บวนิ ัย และซ่อื สตั ย์ ความสามคั คแี ละสรา้ งจติ สาธารณะ การปลกู ฝงั 2) มีความตั้งใจจริง ท�ำทุกอย่างให้ง่าย เร่ืองคุณธรรม ส่วนใหญ่ถูกถ่ายทอดมาจาก ต่อการปฏิบัติ ถ่ายทอดและตรวจสอบ รวมท้ัง ครอบครวั ชุมชน และโบสถ์ ในรปู แบบกจิ กรรม คิดค้นส่ิงประดิษฐ์ใหม่ๆ ท่ีสามารถน�ำมาใช้ใน ตา่ งๆ ทเ่ี ดก็ สนใจ เชน่ การเลน่ กฬี า ดนตรี ศลิ ปะ ชีวิตประจ�ำวนั ได้อยา่ งมมี าตรฐาน ชุมชนมีส่วนร่วมในการหาสภาพแวดล้อม 3) ประหยดั มธั ยสั ถ์ เหน็ คณุ คา่ ของเงนิ ที่เหมาะสมกับเด็กภายในชุมชน 4) ชา่ งคดิ ชา่ งวางแผน ใสใ่ จกบั ทกุ ปญั หา ในเรอ่ื งของการสรา้ งความเปน็ พลเมอื ง 5) การอนรุ กั ษส์ ง่ิ แวดลอ้ ม เยอรมนีวางแผนการสร้างความเป็นพลเมือง รัฐบาลเยอรมนียังมีนโยบายสนับสนุน ในทุกระดับ โดยการกระจายอ�ำนาจไปสู่การ สง่ เสรมิ การพฒั นาองคค์ วามรแู้ ละสรา้ งนวตั กรรม ปกครองในระดบั ท้องถิ่น ท่ีเนน้ ให้รัฐมีบทบาท ใหม่ๆ ในชุมชน ซ่ึงเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ได้ ในการสรา้ งความเปน็ พลเมอื งใหแ้ กป่ ระชาชน คอื สร้างสรรคน์ วตั กรรมไดอ้ ยา่ งมอี สิ ระ

วารสารดำ�รงราชานภุ าพ 91 อังกฤษ มีกระบวนการสร้างชาติ โดยการปลูก มีการต้ังกระทรวงเพ่ือสนับสนุนกิจการ ฝังคติธรรม 7 ประการ ไดแ้ ก่ เพื่อสังคม และขับเคล่ือนนโยบาย ในการ 1) สจั จะ พูดความจรงิ (Truth) สนับสนุนกิจการเพ่ือสังคมอย่างต่อเน่ือง โดย 2) ความซอื่ สตั ย์สุจริต (Honesty) เฉพาะนโยบาย Big Society และรัฐบาล 3) ความระลกึ ในหนา้ ที่ (Sense for Duty) มนี โยบายวา่ ดว้ ย การพฒั นากจิ การสงั คมของรฐั 4) ความอดกล้ัน (Patience) ใน 4 ดา้ น ไดแ้ ก่ 5) ความเปน็ ธรรม (Fair play) ดา้ นท่ี 1 การสรา้ งวัฒนธรรมดา้ น 6) ความเอาใจเขามาใสใ่ จเรา (consid- กิจการเพ่ือสังคม ผ่านการส่ือสารและเรียนรู้ eration for other) ในสังคม 7) เมตตาธรรม (kindness) ดา้ นท่ี 2 การพัฒนาศักยภาพของ โดยมีการปลูกฝังคติธรรมเหล่านี้ใน กิจการเพื่อสังคม เช่น การสนับสนุนให้เกิด ทกุ ระดับ ท้ังในครอบครัว ระบบการศกึ ษา และ องค์กรกลางจ�ำนวนมากที่สามารถเข้าไปช่วย การหล่อหลอมในสังคม เม่ือบุคคลสามารถ เหลือกิจการเพื่อสังคมในการพัฒนาศักยภาพ มีคติธรรม 7 ประการได้จะถือว่าเป็นผู้มีการ แต่ละด้านของตน ยดึ มนั่ ในสง่ิ ทถ่ี กู ตอ้ งชอบธรรมและจะปฏบิ ตั ติ น ด้านท่ี 3 การพัฒนาช่องทางการ เป็นพลเมอื งท่ีดี เขา้ ถึงเงนิ ทนุ เช่น การพฒั นากองทนุ สนับสุนน อังกฤษ มีนโยบายส�ำคัญ คือ การ กิจการเพ่ือสังคมทั้งขนาดเล็ก ขนาดกลางและ สนับสนุนกิจการเพ่ือสังคม ซึ่งเป็นพื้นที่ หรือ ขนาดใหญ่ space ให้กับทุกภาคส่วนในสังคมให้ร่วมกัน ดา้ นที่ 4 การส่งเสริมเปดิ โอกาสให้ พัฒนาความเข้มแข็งสู่ชุมชนและสังคมไป ท�ำงานกับองค์กรของรัฐ เช่น การให้ข้อมูล พร้อมๆ กัน เพื่อเป็นการสร้างจิตส�ำนึกของ ความรกู้ บั ภาครฐั ในสว่ นตา่ งๆ เพอื่ ใหเ้ หน็ ประโยชน์ ประชาชน ของกิจการเพ่ือสงั คมตอ่ งานของตน

92 วารสารดำ�รงราชานภุ าพ คนไทยสมยั Thailand 4.0 ต้องมีจิตสำ� นกึ ทีม่ ี ความร่วมมือกนั ของคนในชาตไิ ทย ศาสตราภิชาน เรวัตร์ ชาตรวี ิศิษฏ์,Ph.D ปัจจุบันโมเดลการพัฒนาเศรษฐกิจ จากต่างประเทศมากข้ึน ใช้เทคโนโลยีสูงขึ้น ของรัฐบาลไทย จากการวิเคราะห์มีความ เน้นเร่ืองช้ินส่วนยานยนต์ แผงวงจรไฟฟ้า แตกต่างกันที่กลุ่มการลงทุนหลักของประเทศ ท่ีซับซ้อน และเรื่องของการลงทุน มีการขยับ ในแต่ละช่วงเวลา เราต้องพิจารณากันใหม่ ไปลงทนุ ในตา่ งประเทศดว้ ย แลว้ ตอนนไ้ี มด่ ยี งั ไง ท�ำความเข้าใจไปพร้อมๆ กัน ก่อนอ่ืนต้อง ท�ำไมต้องปรับตัว เพราะ Thailand 3.0 ท่ีเรา อธบิ ายกอ่ นวา่ Thailand 1.0 – 4.0 คอื อะไร เป็นกันมาตลอดจนถึงทุกวันน้ีมันท�ำให้รายได้ ซง่ึ กค็ อื โมเดลในการพฒั นาเศรษฐกจิ ของรฐั บาล ประเทศอยู่ในระดับปานกลางเท่าน้ัน เราไม่ ไทย แต่แตกต่างกันที่กลุ่มการลงทุนหลักของ สามารถขยบั หนไี ปจากจดุ นไ้ี ดส้ กั ที เมอื่ 50 ปกี อ่ น ประเทศในขณะนั้น กล่าวคือ ในแต่ละยุคสมัย ช่วง พ.ศ. 2500-2536 เศรษฐกิจของไทยเรา รฐั กจ็ ะใหค้ วามสนใจและสง่ เสรมิ พฒั นาเศรษฐกจิ มีการเติบโตอย่างมากถึงระดับ 7-8% ต่อปี ในอุตสาหกรรมท่ีแตกต่างกัน ถ้าลองย้อนกลับ แตห่ ลงั จาก พ.ศ. 2537 เปน็ ตน้ มาจนถงึ ปจั จบุ นั ไปในอดตี เรมิ่ ต้นกันท่ี Thailand 1.0 ชว่ งนัน้ เศรษฐกจิ ไทยเตบิ โตขน้ึ เพยี ง 3-4% ตอ่ ปเี ทา่ นน้ั รัฐก็จะเน้นการลงทุนทางภาคเกษตรกรรม เช่น นอกจากนั้นยังมีเรื่องของ “ความเหล่ือมล้�ำ การเลยี้ งสัตว์ การปลูกพชื ไร่ พืชสวน สว่ นการ ด้านความร่�ำรวย” อีกต่างหาก และสุดท้าย สง่ ออกสมยั นน้ั ยงั เปน็ แคพ่ วกไมส้ กั ดบี กุ เทา่ นน้ั เอง กเ็ รอ่ื งของ “ความไมส่ มดลุ ในการพฒั นา” ซง่ึ เรอ่ื ง โมเดล ต่อมาก็เป็น Thailand 2.0 ที่มุ่งเน้น พวกน้ีนี่แหละครับท่ีท�ำให้รัฐบาลต้องหันมา อตุ สาหกรรมเบาแตห่ นั มาใชแ้ รงงานจำ� นวนมาก ใส่ใจ เร่งพัฒนาปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจ แทน เชน่ การผลติ เครอ่ื งนงุ่ หม่ รองเทา้ กระเปา๋ กันยกใหญ่ เพ่ือให้เราก้าวข้ามจาก Thailand เคร่ืองประดับ เป็นต้น และในช่วงท่ีเราอยู่กัน 3.0 ไปสู่ Thailand 4.0 ใหไ้ ด้ใน 3-5 ปนี ้ี และ ขณะน้ีก็คือ Thailand 3.0 ซ่ึงเป็นยุคของ ถึงคราวเปดิ ใจให้ Thailand 4.0 อุตสาหกรรมหนักและการส่งออก มีการลงทุน

วารสารด�ำ รงราชานุภาพ 93 ของเดก็ รนุ่ ใหม่ ทำ� ใหย้ คุ สมยั นคี้ นอาจจะไมร่ จู้ กั กบั Kodak แตร่ จู้ กั กบั กลอ้ งดจิ ทิ ลั แบรนดด์ งั ๆ อย่างอ่ืนแทน ส่วนที่ยากของ New S-Curve คือเราจะเคล่ือนย้ายไปใช้เทคโนโลยีใหมเ่ มื่อไหร่ อยา่ งแรกตอ้ งดวู า่ เราจะไปปกั หลกั กบั เทคโนโลยี ไหนดี ตอ่ มาคือเราจะเปล่ยี นแปลงไปยงั ไง และ สดุ ทา้ ย เมอื่ ไหรถ่ งึ ควรจะปรบั ตวั ไปยงั เทคโนโลยี น้ัน ทุกคนท่ีรับรู้ถึงวิกฤตในครั้งน้ีก็ได้แต่ การเปลยี่ นแปลงทเี่ ขา้ มาพรอ้ ม Thailand 4.0 ฝากความหวังไว้ท่ี Thailand 4.0 หวังว่ามัน จะช่วยผลักดันให้ประเทศไทยหลุดพ้นกับดัก คนไทยเราควรศึกษาถึงวิธีการถือเป็น ทงั้ หลายทเี่ คยเจอมาตลอดได้ ซงึ่ Thailand 4.0 เรื่องสำ� คัญในการขบั เคล่ือนประเทศ ซึ่งสำ� หรบั นเี้ ปน็ การ “ขบั เคลอ่ื นเศรษฐกจิ ดว้ ยนวตั กรรม” Thailand 4.0 แล้ว การเปล่ียนแปลงย่อมมี นั่นเอง เปล่ียนจากที่แต่ก่อนเราลงมือท�ำมาก ให้เห็น และแน่นอนว่ามันต้องเก่ียวข้องกับ แต่ได้ผลตอบแทนน้อย มาเป็น ลงมือท�ำน้อย นวัตกรรมด้วย ซ่ึงเม่ือมองภาพว่าประเทศไทย แตไ่ ดผ้ ลตอบแทนมหาศาล โดยการเอาความคดิ เปน็ ประเทศเกษตรกรรมอยเู่ ยอะ การเปลยี่ นแปลง สร้างสรรค์เป็นแรงผลักดัน และน�ำนวัตกรรม ในสว่ นนจ้ี งึ เกดิ ขน้ึ โดยเปลยี่ นจากการทำ� เกษตร เข้ามาช่วย เปล่ียนจากการผลิตสินค้าไปสู่การ แบบธรรมดา ให้เป็นเกษตรสมัยใหม่ หรือ บรกิ ารมากขน้ึ สำ� หรบั Thailand 4.0 นจี้ ะเปน็ Smart Farming สงิ่ ส�ำคัญคอื จะท�ำยังไงให้เกดิ การพูดถึง New S-Curve หรือก็คอื การพฒั นา ความสมดลุ ในการผลติ ใหค้ วามตอ้ งการซอ้ื และ เปลยี่ นแปลงใชเ้ ทคโนโลยใี หมๆ่ ซง่ึ กค็ ลา้ ยๆ กบั ขายมันพอดีกัน ต้องช่วยกันคิดว่าสิ่งที่เราเหลือ การ Disruptive ทเี่ ขา้ มาพฒั นาสนิ คา้ ทม่ี อี ยแู่ ลว้ สามารถน�ำไปแปรรูปเปลี่ยนเป็นอะไรท่ีมีคน ให้ดียิ่งขึ้น และล้มล้างพฤติกรรมแบบเดิมๆ ต้องการได้บ้าง อีกท้ังผู้ประกอบการเองก็ต้อง เหมอื นอย่างเช่น ฟลิ ์ม Kodak ทเี่ คยรงุ่ เรอื งอยู่ เปล่ียนแปลงตัวเองเช่นกัน จาก SME ท่ีต้อง ในสมัยก่อน ใครจะไปคิดว่าสุดท้ายแล้วบริษัท รอคอยการช่วยเหลือจากรัฐอยู่ตลอดเวลา เป็น ยกั ษใ์ หญร่ ายนจ้ี ะถกู คลนื่ ลกู ใหมอ่ ยา่ งเทคโนโลยี Smart Enterprises และ Startup หรอื บริษัท ดจิ ทิ ลั เขา้ มาแทนที่ ตอ้ งลม้ หายไปจากความทรงจำ� เกิดใหม่ทม่ี ศี กั ยภาพสงู อย่างท่ไี ดย้ ินข่าวกันอยู่ ในทุกวันนี้ โดยการน�ำเอานวัตกรรมเข้ามาช่วย เพม่ิ จดุ แขง็ และคณุ คา่ ใหธ้ รุ กจิ รวมไปถงึ สมยั กอ่ น


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook