Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การศึกษาสภาพความพร้อมและเงื่อนไขแห่งความสำเร็จของโรงเรียนหลักที่มีผลต่อการควบรวมโรงเรียนขนาดเล็กในจังหวัดชุมพร

การศึกษาสภาพความพร้อมและเงื่อนไขแห่งความสำเร็จของโรงเรียนหลักที่มีผลต่อการควบรวมโรงเรียนขนาดเล็กในจังหวัดชุมพร

Published by Jamikorn Temsak, 2022-08-19 06:33:54

Description: วิจัยโรงเรียนขนาดเล็ก ชุมพร 2563

Search

Read the Text Version

43 การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 กาหนดยุทธศาสตร์และเง่ือนไขสู่ความสาเร็จของการบริหารจัดการ ดังน้ี (สานกั งานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพน้ื ฐาน (2554, น.30) 1.1 ยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาผู้เรียน ได้แก่ การพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณภาพตามเกณฑ์ มาตรฐานการพัฒนาผู้เรียนให้บรรลุวตั ถุประสงคข์ องหลักสูตร การพฒั นานกั เรยี นให้เป็นคนเกง่ ดีและ มีความสุข การพัฒนานักเรียนให้มีความรู้คู่คุณธรรมจริยธรรม มีระเบียบวินัยการพัฒนานักเรียน ตามความสามารถเตม็ ศกั ยภาพและการพฒั นานกั เรยี นนาความรูส้ กู่ ารปฏบิ ตั ิจริง 1.2 ยุทธศาสตรด์ า้ นการพัฒนาบุคลากร ได้แก่ การพฒั นาครูสู่มืออาชพี การเสริมสร้าง ขวญั และกาลงั ใจการ สง่ เสริมใหค้ รูใช้สือ่ เทคโนโลยี และการสง่ เสริมครูมมี าตรฐานและจรรยาบรรณ ของวิชาชีพ 1.3 ยุทธศาสตร์ด้านจัดการเรียนรู้ ได้แก่ การพัฒนาห้องสมุดและมีหนังสือที่ได้ มาตรฐาน การพัฒนาแหล่งเรยี นรู้ การพัฒนาโรงเรียนน่าอยู่ครูน่ารักนักเรียนนา่ ชม และการพฒั นา ให้โรงเรียนเปน็ แหลง่ บริการชมุ ชน 1.4 ยุทธศาสตร์ด้านการบริหารจัดการ ได้แก่ การบริหารโดยเน้นการมีส่วนร่วม จากชุมชน จัดโครงสร้างการบรหิ ารใหส้ อดคล้องกบั มาตรฐาน มีระบบประกันคุณภาพ พัฒนาระบบ การบรหิ ารตามแนวปฏิรปู และพฒั นาโรงเรยี นใหเ้ ปน็ ทศี่ รัทธาและเช่อื มั่นของชุมชน 2. ความสาเร็จของสถานศึกษา การทโ่ี รงเรียนจะประสบผลสาเร็จได้และสามารถเป็นโรงเรียนหลักได้นั้น โรงเรียนจะต้อง ติดตามความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ท่ีจะเข้ามามีผลต่อการเปล่ียนแปลงภายในโรงเรียนอย่างใกล้ชิด เช่น ความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจโลก วิวัฒนาการด้านเทคโนโลยี ตลอดจนการเพิ่มข้ึนอย่างรวดเร็ว ของจานวนนักเรียน ส่ิงเหล่านี้โรงเรียนจะต้องรับเอามาเพื่อใช้เป็นข้อมูลในการทาโรงเรียนให้ประสบ ผลสาเร็จ โดยผู้ท่ีมีความสาคัญมากท่ีสุด ในการทาโรงเรียนให้มีคุณภาพ คือ ผู้บริหารโรงเรียน เน่ืองจาก ผู้บริหารโรงเรียนเป็นหัวใจสาคัญในการพัฒนาปรับปรุงโรงเรียน เป็นผู้ทาให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ไปสู่ความสาเร็จของโรงเรียน (Seyfart,1999) ส่วน Holt & Hinds (1994) ได้ให้ทัศนะว่าโรงเรียนท่ีประสบ ความสาเร็จนั้นขึ้นอยู่กับหลายมุมมอง เช่น ครูก็อาจมองโรงเรียนท่ีมีศักยภาพว่า เด็กนักเรียนต้องได้รับ การเรียนรู้ได้รับการเอาใจใส่จากครูและผบู้ ริหาร ครูมีความรบั ผิดชอบต่อหน้าท่ี ผ้บู ริหารให้การสนับสนุน ผู้บริหารก็อาจมองเร่ืองของความเป็นท่ีนิยมของโรงเรียนต่อชุมชนหรือผู้ปกครอง ผู้ปกครองมีความ พึงพอใจต่อการบริหารงานของโรงเรียน สาหรับผู้ปกครองเองมองว่าโรงเรียนท่ีมีศักยภาพน้ัน เดก็ นักเรียนทาคะแนนไดด้ ีหรือไม่ เด็กเรียนแลว้ มีความสุขหรือไมเ่ ป็นต้น จากความหมายของความสาเร็จ อาจจะเรียกได้ว่าเป็นประสิทธผิ ลองค์การที่กล่าวมาแล้ว เนื่องจากโรงเรียนเป็นองค์การประเภทหน่ึง คือ เป็นองค์การทางการศึกษา จึงมีนักวิชาการได้ให้ ความหมายโรงเรยี นที่มีประสทิ ธิผล (School Effectiveness) ไว้เป็นการเฉพาะดงั น้ี อารุง จันทวานิช (2547) ให้ทัศนะเก่ียวกับโรงเรียนคุณภาพ (quality schools) ไว้ใน หนังสือ “แนวทางการบริหารและการพัฒนาสถานศึกษาสู่โรงเรียนคุณภาพ (Guidelines on the Best Practice for Quality Schools)” โดยมุ่งเสนอแนวทางการพัฒนาโรงเรียนให้มีคุณภาพสูง ทัดเทียมกันตามเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพ่ิมเติม

44 (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545 ข้อคิดและแนวทางท่ีนาเสนอน้ัน จะเป็นนิยามตัวแบบการวิเคราะห์เชิงระบบ ที่ได้จากการศึกษาเอกสารและงานวิจัยท่ีเกี่ยวข้องและผลการศึกษาวิจัยที่ค้นพบนาไปสู่การกาหนด องค์ประกอบและตัวชี้วัดความเป็นโรงเรียนคุณภาพ รวมท้ังการดาเนินงานสู่โรงเรียนคุณภาพที่ต้ังอยู่ บนพื้นฐานของหลักความเป็นโรงเรียนที่ดี (good schools) ครอบคลุมองค์ประกอบทั้งระบบ คือ ด้านบริบท (context) ได้แก่ สภาพแวดล้อมด้านปัจจัย (input) ได้แก่ ทรัพยากรบุคคล ทรัพยากร วตั ถุ เทคโนโลยี และงบประมาณ ด้านกระบวนการ (process) ได้แก่ กระบวนการเรียนรู้ การบรหิ าร จดั การและการประกันคณุ ภาพการศึกษาและด้านผลผลติ (output) ได้แก่ ผู้เรียนและโรงเรียนภายใต้ ความต้องการในการพัฒนาคุณภาพการศึกษาอย่างเป็นระบบ โดยมุ่งหวังให้บังเกิดความเสมอภาค ของการให้บริการการศึกษาแก่เด็กไทยทุกคน มีความเท่าเทียมกันในคุณภาพของการจัดการศึกษา ในโรงเรียนและลดความเหลื่อมล้าในคุณภาพของผลผลิต ซึ่งจากผลการศึกษาวิจัยดังกล่าวสามารถ กาหนดองค์ประกอบความเป็นโรงเรียนคุณภาพตามกรอบแนวคิด ในมิติองค์ประกอบเชิงระบบ (system approach) จานวน 8 ปัจจัย 14 องคป์ ระกอบดงั น้ี 1) ปัจจัยด้านบริบท ได้แก่ สภาพแวดล้อมภายนอกของโรงเรียนดี มีสังคม บรรยากาศสิง่ แวดล้อมเออ้ื อานวยตอ่ การจัดการศกึ ษาทมี่ ีคณุ ภาพ 2) ปัจจัยด้านทรัพยากรบุคคล ได้แก่ ครู ผู้บริหาร และบุคลากรทางการศึกษา มอื อาชพี และจานวนเพียงพอ 3) ปัจจยั ด้านทรพั ยากรวตั ถุ เทคโนโลยี และงบประมาณ ได้แก่ (1) ลักษณะทาง กายภาพของโรงเรียนได้มาตรฐาน (2) หลักสูตรเหมาะสมกับผู้เรียนและท้องถิ่น (3) ส่ือ / อุปกรณ์ เทคโนโลยีทนั สมัย (4) แหลง่ การเรียนร้ใู นโรงเรยี นหลากหลาย และ (5) งบประมาณม่งุ เน้นผลงาน 4) ปจั จัยดา้ นกระบวนการเรยี นรู้ ไดแ้ ก่ (1) การจดั กระบวนการเรยี นรทู้ ่เี น้นผเู้ รยี น สาคญั ท่ีสุด และ (2) การจดั บรรยากาศการเรียนรเู้ อื้อต่อการพฒั นาคุณภาพผู้เรียน 5) ปจั จัยด้านการบริหารจดั การ ได้แก่ การบริหารจดั การดใี ช้โรงเรยี นเป็นฐานเนน้ การมีสว่ นรว่ ม 6) ปัจจัยด้านการประกันคุณภาพการศึกษา ได้แก่ การประกันคุณภาพการศึกษา ทม่ี ปี ระสทิ ธภิ าพ เป็นส่วนหนงึ่ ของระบบบรหิ ารโรงเรียน 7) ปจั จัยด้านผู้เรยี น ได้แก่ ผู้เรยี นมคี ณุ ภาพมาตรฐานมีพัฒนาการทกุ ด้านเป็นคนดี คนเก่ง มีความสขุ เรยี นต่อและประกอบอาชีพได้ 8) ปัจจัยดา้ นโรงเรียน ได้แก่ (1) โรงเรยี นเป็นทชี่ ื่นชมของชุมชน และ (2) โรงเรยี น เปน็ แบบอยา่ งและใหค้ วามชว่ ยเหลือแกช่ มุ ชนและโรงเรียนอื่น อาคม อ่ึงพวง (2551) ได้ให้ความหมายโรงเรียนที่มีความความคาดหวังสูงสาหรับ ทุกฝ่ายสามารถเป็นโรงเรียนหลักในการควบรวมได้ หมายถึง ครูอาจารย์และผู้บริหารต่างตั้ง ความคาดหวังต่อการเรียนรู้ และต่อผลสัมฤทธ์ิของผู้เรียนไว้สูง และมีการประชาสัมพันธ์เผยแพร่ ถึงความคาดหวังนี้ ให้เป็นที่รับทราบทั่วถึงทั้งผู้เรียนและผู้ปกครอง โดยทุกฝ่ายในโรงเรียนต้องมี ความเช่ือม่ันว่านักเรียนทุกคนสามารถเรียนรู้ได้ พร้อมท้ังจัดวางยุทธศาสตร์และวิธีการท่ีผลักดัน ความคาดหวังสูงน้ันให้เป็นจริง โดยโรงเรียนควรจัดการสิ่งสนับสนุนการเรียนการสอน ครูผู้สอน เสาะแสวงหาวิธีการซึ่งจะช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้อย่างทั่วถึง จัดหาสื่อการเรียนการสอนและ

45 จัดหาเวลาสอนซ่อมเสริมพิเศษให้แก่นักเรียนที่เรียนช้า และจัดกิจกรรมการเรียนการสอนที่ท้าทาย ต่อความสามารถของผู้เรียน ผู้บริหารช่วยจัดการและทรัพยากรต่าง ๆ ท่ีจะช่วยสนับสนุนให้ผู้เรียน เกิดการเรียนรู้อย่างทั่วถึง สรุปได้ว่าการต้ังความคาดหวังไว้สูง หมายถึง ผู้บริหาร ครู คณะกรรมการ สถานศึกษา ต่างคาดหวังในการนาวิสัยทัศน์ พันธกิจ เป้าหมายของโรงเรียนให้บรรลุผลไว้สูง และ ชัดเจน และมีการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ถึงความคาดหวังนี้ ให้เป็นท่ีรับทราบอย่างทั่วถึงทั้งผู้เรียน และผปู้ กครอง พร้อมทัง้ จดั ทายทุ ธศาสตรห์ รือวิธีการท่จี ะผลกั ดนั กับการคาดหวงั สูงนั้นใหเ้ ปน็ จรงิ Mott (1972 cited in Hoy & Miskel,1991) ซ่ึงได้กล่าวถึงโรงเรียนที่มีประสิทธิผล ในแงข่ องความสามารถ 4 ประการดังน้ี 1) ความสามารถในการผลิต (Productivity) หมายถึง ปริมาณและคุณภาพของ นกั เรียน ประสทิ ธผิ ลของโรงเรยี นทสี่ รา้ งความเชื่อม่นั ได้สูง โดยวัดความนิยมจากชมุ ชนและผู้ปกครอง นักเรียนประการหนึ่ง ได้แก่ โรงเรียนน้ันมีนักเรียนเข้าเรียนมีปริมาณมากและคุณภาพการเรียน การสอนอยู่ในเกณฑ์สูง โดยดูจากผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนของนักเรียนความสามารถในการศึกษาต่อ ในสถาบันช้ันสูงได้เป็นจานวนมาก โรงเรียนที่มีทั้งปริมาณและคุณภาพสูงดังกล่าวน้ี ได้แก่ โรงเรียน ในเมือง โรงเรียนระดับจังหวัดท่ีมีช่ือเสียง โรงเรียนท่ีมีความพร้อมท้ังด้านปัจจัยต่าง ๆ ได้แก่ วัสดุ อุปกรณ์ สิ่งอานวยความสะดวกอย่างเพียงพอ อาคารสถานที่ บรรยากาศส่ิงแวดล้อมเหมาะสม ปจั จัยดา้ นการเงินคล่องตัว สามารถจัดซ้ือจัดจ้างและเบิกจ่ายได้อย่างสะดวก มีบุคลากร คือ ครูผู้สอน ตลอดจนการบริหารจัดการที่ดีมีประสิทธิภาพ เร่ืองคุณภาพของนักเรียนส่วนใหญ่ จะดูท่ีผลสัมฤทธ์ิ ทางการเรียนเป็นเกณฑ์ชี้วัดเพียงประการเดียว ซึ่งเป็นความเข้าใจผิด ควรจะพิจารณาถึงส่วนต่าง ๆ ได้แก่ การพัฒนาทัศนคติแรงจูงใจของนักเรียน ความคิดสร้างสรรค์ ความเช่ือม่ันในตนเอง ความปรารถนาและความคาดหวังต่าง ๆ รวมท้ังการประพฤติปฏิบัติตนอย่างเหมาะสม มีจริยธรรม คุณธรรมและค่านิยมท่ีดีงาม ซึ่งลักษณะต่าง ๆ ดังกล่าวนับเป็นลักษณะที่พึงประสงค์ตามท่ีสังคม มีความคาดหวังและมีความต้องการอยา่ งมาก (Hoy & Miskel, 1991 cite in Mott, 1972) จงึ กล่าว ได้ว่าคุณภาพที่เกิดกับผู้เรียนนอกจากจะเป็นผู้ท่ีมีความสนใจในการศึกษาเล่าเรียน มีความรู้ ความสามารถทางวิชาการอย่างยอดเย่ียม มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงเป็นที่น่าพอใจแล้ว ยังมีการ พัฒนาความรู้ความสามารถ ทักษะเจตคติค่านิยม และคุณธรรมต่าง ๆ ที่พึงปรารถนาให้เพียงพอต่อ การดารงชีวิตและอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข องค์ประกอบต่าง ๆ ในการสร้างเสริมประสิทธิผล ท้ังด้านปริมาณและคุณภาพของนักเรียนนั้น นอกจากปัจจัยต่าง ๆ ได้แก่ อาคารสถานท่ีเหมาะสม และเพยี งพอต่อความต้องการของผู้บริหาร บรรยากาศสง่ิ แวดลอ้ มร่มรื่นสะอาดสวยงาม วสั ดุ อปุ กรณ์ ที่เพียงพอและทันสมัยต่อการเรียนการสอนแล้ว บุคคลท่ีสาคัญ ได้แก่ ผู้บริหารและครู เป็นผู้ท่ีมี บทบาทสาคัญย่ิงต่อประสิทธิผลของโรงเรียน หากผู้ที่มีความรู้ความสามารถในการบริหารอย่าง มีประสิทธิภาพและมองเห็นถึงความสาคัญของงานวิชาการในโรงเรียนอย่างแท้จริง หาแนวทาง การสง่ เสริมและพฒั นางานทางวิชาการใหม้ ีคุณภาพไดม้ าตรฐาน เปน็ ไปตามความคาดหวังของรัฐบาล ผูป้ กครองและชุมชน ความสามารถของตนเองอยู่เสมอ วางแผนการพัฒนาการเรียนการสอนได้อย่าง เหมาะสม โดยยึดกระบวนการและผู้เรียนเป็นศูนย์กลางของการเรียนการสอน ตลอดจนปรับ พฤติกรรมการสอน ให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงและความเจริญทางด้านเทคโนโลยีแล้ว เป็นที่เชื่อว่า โรงเรียนน้นั จะตอ้ งบรรลวุ ตั ถปุ ระสงคเ์ กิดประสทิ ธผิ ลในด้านปริมาณและคุณภาพของผู้เรยี น

46 2) ความสามารถในการพัฒนาทัศนคติในทางบวก (Positive Attitude) หมายถึง มีความคิดเห็นท่าทีความรู้สึกหรือพฤติกรรมของผู้ท่ีได้รับการศึกษา แสดงออกในทางที่ดีงาม สมเหตุสมผลและสอดคล้องกับความต้องการของสังคม การศึกษานอกจากจะสร้างเสริมความเจริญ ให้บุคคลท้ัง 4 ด้าน กล่าวคือ ด้านร่างกายให้สมบูรณ์แข็งแรง พัฒนาการส่วนต่าง ๆ และคิดอย่าง สร้างสรรค์ ด้านสังคมสามารถนาความรู้ความสามารถ และทักษะอันจาเป็นเพื่อนาไปใช้ในการ ดารงชีวิตในสังคมยุคโลกาภิวัตน์ได้อย่างมีความสุข และด้านจิตใจ รู้จักเหตุผล มีวินัยคุณธรรม จริยธรรมอย่างเหมาะสมและงดงามแล้ว ทัศนคติทางบวกจะเป็นผลที่เกิดจากผู้ได้รับการศึกษาครบ ท้งั 4 ด้านดังกล่าวแล้ว ผู้ท่ีมที ัศนคติทางบวกจะเป็นผู้ท่ีมีความรูส้ ึกและแสดงออกซึ่งพฤติกรรมต่าง ๆ เป็นท่ีพึงประสงค์ของสังคม โดยส่วนรวมมีจิตใจกว้างขวางไม่ทาตนต่อต้าน หรือถดถอยหนีสังคม มีความมั่นคงทางจิตใจ มีเหตุผลยอมรับกติกาของสังคมท่ีได้กาหนดข้ึน และปฏิบัติด้วยความจริงใจ มีจิตใจเป็นประชาธปิ ไตยยอมรับและเคารพความคิดเห็นของส่วนรวม เห็นความสาคัญและคุณค่าของ การอยู่ร่วมกันในสังคม ให้ความร่วมมือร่วมใจต่อการปฏิบัติภารกิจของส่วนรวม ให้สาเร็จลุล่วงด้วยดี เป็นผู้ท่ีมีความสามารถควบคุมจิตใจ และมีวินัยในตนเอง อดกลั้นและกล้าเผชิญหน้ากับเหตุการณ์ ต่าง ๆ ได้อย่าเหมาะสม ประพฤติปฏิบัติตัวเป็นแบบอย่างที่ดีของสังคม รู้จักเอ้ือเฟื้อเผ่ือแผ่ มีความ เอ้ืออาทรต่อเพ่ือนมนุษย์ เป็นแบบอย่างที่ดีงามของสังคม ตลอดจนสามารถอบรมส่ังสอนนักเรียน ให้เป็นคนดีมีคุณธรรมจริยธรรม อยู่ในระเบียบวินัย รู้จักพัฒนาตนเอง มีเจตคติท่ีดีต่อการศึกษาและ อย่ใู นสังคมได้อย่างมีความสขุ 3) ความสามารถในการปรับตัว (Adaptability) ในองค์การต่าง ๆ ประกอบด้วย “คน” และ “งาน” โรงเรียนซึ่งเป็นองค์การทางการศึกษาก็เช่นเดียวกันย่อมประกอบด้วย ผู้บริหาร โรงเรียน ครูอาจารย์ นักเรียนและนักการภารโรง ทาให้เกิดการเรียนการสอนอย่างสมบูรณ์ การจัดการศึกษาให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลน้ัน โรงเรียนจะต้องมีความสามารถในการ ปรับตัวได้อย่างเหมาะสม การกาหนดนโยบายของโรงเรียนจะต้องสอดคล้องทันสมัยกับ ความเจริญก้าวหน้าและความเปล่ียนแปลง นโยบายของโรงเรียนไม่ควรยึดตายตัวจนเปลี่ยนแปลง ไม่ได้ จะทาให้ล้าสมัย ในขณะเดยี วกันจะต้องสามารถปรับตัวให้ทันสมัย ทันความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ โดยเฉพาะในด้านการเรียนการสอน ควรมีนวตั กรรม มีส่ือการสอนใหม่ ๆ มีการค้นคว้าและพัฒนาสื่อ อุปกรณ์การสอนอย่างสม่าเสมอ ปรับปรุงอาคารสถานที่และสิ่งแวดล้อมให้สะดวกร่มรื่น เพ่ือให้เกิด บรรยากาศทางวิชาการและเกิดบรรยากาศการเรียนรู้ ผู้บริหารและครูจะต้องมีบทบาทสาคัญต่อ การปรับตัวไม่หยุดน่ิง ต้องพยายามปรับปรุงเปลี่ยนแปลงองค์การ รูปแบบการบริหารงานและ การดาเนินงานต่าง ๆ ให้มีความคล่องตัวต่อการปฏิบัติงาน ผู้บริหารและครูต้องเป็นนักพัฒนา มีความคิดริเร่ิมสร้างสรรค์ให้เกิดสิ่งใหม่ ๆ อยู่เสมอ การจัดการเรียนการสอนให้นักเรียนมีความรู้ เพื่อให้สามารถปรับตัวอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุขนั้น จะต้องมีเทคนิควิธีการท่ีเหมาะสม ครูต้อง สร้างกระบวนการและวิธกี ารเรยี นรู้ให้กับนักเรียน ทั้งเนื้อหาวิชาและคุณธรรมจริยธรรมมากกว่าที่จะ บอกความรู้หรือสอนหนังสือธรรมดา เพราะวิธีการเรียนรู้หรือกระบวนการเรียนรู้ของนักเรียนจะเป็น วธิ ีการที่ติดตัวนักเรียน สามารถนาไปใช้ในการประกอบอาชีพและพัฒนาตนเองให้เป็นคนที่มีคุณภาพ สามารถดารงชวี ติ อยู่ในสังคมได้อย่างเหมาะสม

47 4) ความสามารถในการแก้ปัญหา (Solving Problems) องค์การต่าง ๆ หรือ โรงเรียนย่อมมีรูปแบบในการบริหารงาน เพื่อให้บรรลุผลสาเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ การกาหนด รูปแบบการบริหารงานภายในโรงเรียนนั้น แต่ละโรงเรียนจะมีการกาหนดรูปแบบให้เหมาะสม กับขนาดและภารกิจของโรงเรียน แต่ไมว่ ่าจะมีรปู แบบการบริหารงานแบบใดก็ตาม ในการทางานของ โรงเรียนย่อมประกอบด้วยองค์ประกอบต่าง ๆ ได้แก่ เป้าหมาย คือ การมุ่งถึงความสาเร็จสูงสุดท่ีเกิด จากการทางาน บทบาทหน้าท่ีเป็นส่วนประกอบรองลงมา เพ่ือร่วมกันปฏิบัติกิจกรรมต่าง ๆ ตามท่ี ได้รับมอบหมายเพื่อให้เกิดผลสาเร็จตามเป้าหมายที่กาหนดไว้ การประสานงานเป็นแนวทางของ ความร่วมมือในการปฏิบัติงานให้ชัดเจน และเกิดความเรียบร้อย กิจกรรม คือ การจัดกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อให้เกิดความสาเร็จตามเป้าหมาย การจัดการศึกษาในโรงเรียนเป็นการสร้างคนให้เกิดการเรียนรู้ และพัฒนาศกั ยภาพของบุคคลตามแนวทางท่ีเหมาะสม การบรหิ ารและการจดั การในโรงเรยี น จึงควร มีความยืดหยุ่นพอควร นับตั้งแต่หลักสูตรควรปรับให้เหมาะสมกับสภาพท้องถิ่น สภาพของบุคลากร และทรัพยากรท่ีมีอยู่ การจัดวิชาต่าง ๆ สาหรับการเรียนการสอน รวมท้ังการจัดกิจกรรมในหลักสูตร และเสริมหลักสูตร ควรจัดให้เพียงพอและหลากหลาย เพื่อให้สอดคล้องกับความสนใจ ความต้องการ ความถนัดของนักเรียน จะช่วยเป็นแนวทางพัฒนาการเรียนรู้ การปรับตัวบุคลิกภาพของนักเรียนได้ อย่างเหมาะสม กฎระเบยี บข้อบงั คบั ตา่ ง ๆ บางเรอ่ื งเป็นสิ่งท่ีล้าสมัยไม่เหมาะกบั สภาพปัจจุบัน ควรมี การปรับปรุงให้เหมาะสมย่ิงข้ึน การบริหารและการจัดการนั้น ผู้บริหารเป็นผู้มีส่วนสาคัญย่ิง ในการ ดาเนินการให้เกิดประสิทธิภาพ เกิดความราบรื่นเรียบร้อย และเจรญิ ก้าวหน้า ผู้บริหารจึงควรปฏิบัติ ตนให้เหมาะสม ไม่ควรใช้อานาจหน้าท่ีในทางเผด็จการ ไม่สมควรยึดกฎระเบียบโดยเคร่งครัด ส่ิงใด ท่ีจะเป็นอุปสรรคต่อการทางาน ควรมีการยืดหยุ่นบ้าง แต่ต้องไม่ทาใหเ้ สียผลประโยชน์หรอื เป้าหมาย ขององค์การ ผู้บริหารควรเป็นผู้สร้างความไว้วางใจให้กับผู้ร่วมงานให้มีการยอมรับและมีความ เอื้ออาทรต่อเพื่อนร่วมงาน ไม่ควรวางตัวเป็นผู้บังคับบัญชา แต่ควรวางตัวเสมือนเป็นเพ่ือนร่วมงาน เพ่ือไม่ให้เกิดช่องว่างซึ่งกันและกัน ควรมีการสร้างขวัญและกาลังใจในการปฏิบัติงานโดยวิธีการ ต่าง ๆ เช่น การยกย่องชมเชยหรือให้รางวัลในบางโอกาส พยายามสร้างบรรยากาศในโรงเรียนให้เกิด ความเปน็ มิตร ให้ความร่วมมอื ร่วมใจแกบ่ คุ ลากรทกุ ฝ่ายย่อมก่อใหเ้ กดิ ประสทิ ธผิ ลในโรงเรยี นได้ Hoy & Miskel (1991) ได้รวบรวมความคิดของนักการศึกษาท่ีให้ความหมายโรงเรียน ท่ีมีประสิทธิผล หมายถึง ผลสัมฤทธิ์ทางวิชาการหรือความพึงพอใจในการทางานของครูหรือ ขวัญของสมาชิกที่ดี และได้สรุปว่าประสิทธิผลของโรงเรียนพิจารณาได้จากตัวบ่งช้ี 4 ประการ คือ ความสามารถในการผลิตนักเรียนท่ีมีผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนสูง ความสามารถในการพัฒนานักเรียน ให้มีทัศนคติทางบวก ความสามารถในการปรับเปลี่ยนและพัฒนาโรงเรียน ความสามารถในการ แก้ปญั หาภายในโรงเรยี น Lunenburg&Ornstein (2000) กล่าวถึงโครงการConnecticut School Effectiveness Project ซงึ่ ได้กาหนดคณุ ลกั ษณะโรงเรียนทมี่ ีประสทิ ธิผลไวด้ งั น้ี 1) มสี ่ิงแวดล้อมท่ีปลอดภัยและมีความเปน็ ระเบียบเรยี บร้อย (a safe and orderly Environment) ซงึ่ ไม่รบกวนการเรียนการสอนและสง่ ผลใหน้ าไปส่กู ารเรยี นการสอนทด่ี ี 2) มีพันธกิจของโรงเรียนที่ชัดเจนโดยท่ีคณะครูทุกคนมีส่วนร่วมในการกาหนด เป้าหมายทางการสอน การลาดบั ความสาคัญ กระบวนการประเมนิ ผลและรว่ มรบั ผดิ ชอบ

48 3) มีภาวะผู้นาทางสอน (instructional leadership) โดยการนาของครูใหญ่ท่ีมี ความเข้าใจและสามารถประยุกตค์ ณุ ลกั ษณะของการสอนท่ีมปี ระสทิ ธภิ าพน้ัน 4) มีบรรยากาศท่ีเต็มไปด้วยความคาดหวังสูงโดยที่ครูแต่ละคนสามารถท่ีจะแสดง ใหเ้ หน็ วา่ นกั เรียนแตล่ ะคนได้เรยี นรู้ทกั ษะพืน้ ฐานได้อยา่ งครอบคลุมทกุ ดา้ น 5) ทุ่มเทเวลาให้กับงาน (High time on task) โดยให้เวลาแก่การวางแผนการจัด กิจกรรมในการเรยี นรู้ทักษะพืน้ ฐาน (basic skills) ของนักเรยี นอย่างพอเพยี ง 6) มกี ารกากบั ตดิ ตามผลความก้าวหนา้ ของนักเรียนเป็นประจา 7) มีความสัมพันธ์ในทางบวกระหว่างบ้านกับโรงเรียนโดยผู้ปกครองให้ การ สนับสนุนในดา้ นพันธกจิ ของโรงเรยี น พรอ้ มทง้ั ช่วยดาเนนิ การใหพ้ นั ธกิจนน้ั บรรลุผล สรุปได้วา่ โรงเรียนทม่ี ีประสบความสาเร็จในการจัดการศกึ ษา หมายถงึ ผลสาเร็จที่บรรลุ ตามวตั ถปุ ระสงค์ของโรงเรียนทัง้ ในเชิงปริมาณและคุณภาพ จากทัศนะต่าง ๆ ของนักวิชาการ จะพบว่าการจะทาโรงเรียนให้มีประสิทธิผลและ ประสบความสาเร็จนั้น ต้องอาศัยองค์ประกอบหลาย ๆ ด้าน ท้ังด้านความเป็นผู้นามืออาชีพ การจัด สภาพแวดล้อมท่ีเอ้ือต่อการเรียนรู้ท่ีดี ครูมีความรู้ความสามารถ ความพึงพอใจมุ่งมั่นในการจัด การเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ ผู้บริหาร ครู ผู้ปกครอง ชุมชน ร่วมมือกันในการบริหาร จัดการโรงเรียนตามวิสัยทัศน์ พันธกิจ และเป้าหมายของโรงเรียนให้บรรลุผล มีการติดตาม ความก้าวหน้าของนักเรียนโครงการของโรงเรียนอย่างเป็นระบบตรวจสอบได้ ตลอดจนเป็นโครงการ แห่งการเรียนรู้ เพ่ือให้นักเรียนมีคุณภาพ เป็นคนดี คนเก่งมีความสขุ และเป็นพลเมืองดีของโลก และ อื่น ๆ อีกหลายด้าน ซ่ึงองค์ประกอบเหล่านี้ถือเป็นปัจจัยท่ีสาคัญซึ่งจะต้องมีการเช่ือมโยงประสาน สมั พนั ธ์กันในการทางานอยตู่ ลอดเวลา บรบิ ทการจดั การศึกษาของโรงเรียนหลกั สานกั งานศกึ ษาธิการจงั หวดั ชมุ พร สานักงานศึกษาธิการจังหวัดชุมพร กาหนดวิสัยทัศน์ พันธกิจ ประเด็นยุทธศาสตร์ เป้าประสงค์ ตัวชี้วัดเป้าประสงค์และค่าเป้าหมายและแนวทางในการพัฒนาการศึกษาของสานักงาน ศกึ ษาธิการจงั หวัดชมุ พร ดังนี้ วิสัยทัศน์(Vision) : “องค์การแห่งการเรียนรู้ เครือข่ายธรรมาภิบาล บูรณาการพัฒนาคุณภาพ การศึกษา” ปรัชญา : มีวนิ ยั จติ อาสา มีความรับผิดชอบ ค่านิยม (Value) : ยิ้มแย้มแจ่มใส เต็มใจบริการทีมงานเข้มแข็ง (SMILE SERVICE STRONG) พนั ธกจิ (Mission) 1. ดาเนินงานเกย่ี วกับการบรหิ ารงานบคุ คลของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศกึ ษา 2. จัดระบบส่งเสริม ประสานงานเครือข่ายข้อมูลสารสนเทศและเทคโนโลยีดิจิทัลเพ่ือการศึกษาและ จัดทาแผนการศกึ ษา 3. สง่ เสรมิ สนับสนุน และดาเนินการเกย่ี วกบั การจดั การศึกษาเอกชน

49 4. ส่งเสริมประสานงานการศาสนา ศิลปวัฒนธรรม และการกีฬาเพ่ือการศึกษาสาหรับ ประชากรทกุ กล่มุ ทุกประเภท 5. ส่งเสริมสนับสนุนและดาเนินการเก่ียวกับงานด้านวิชาการการนิเทศและแนะแนว การศกึ ษาทกุ ระดับและทกุ ประเภทรวมทงั้ ตดิ ตามและประเมนิ ผลระบบบริหารและการจัดการศึกษา 6. สง่ เสริม สนับสนนุ การดาเนนิ งานลูกเสอื ยวุ กาชาด กจิ การนกั เรียน งานศาสตรพ์ ระราชา และโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดารทิ ่เี ก่ียวกบั การศึกษา 7. ปฏิบัติภารกิจ ประสานงาน เร่งรัด กากับ ติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลการบริหาร การจัดการศึกษาของหน่วยงานทางการศึกษา ในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ในพ้ืนท่ีรับผิดชอบและ ประสานงานตา่ งๆทีเ่ กี่ยวข้องในจังหวัด 8. ดาเนินงานธุรการของคณะ กศจ. และ อกศจ. รวมทั้งปฏิบัติงานราชการที่เป็นไปตาม อานาจหนา้ ทแี่ ละหนา้ ที่ของ กศจ. มอบหมาย 9. ดาเนินการเก่ยี วกับการตรวจสอบดา้ นการบริหารการเงนิ และการบัญชขี องส่วนราชการ หรอื หน่วยงานและสถานศกึ ษาในสงั กัดกระทรวงศกึ ษาธกิ าร เปา้ ประสงค์ (Objectives) 1. บริหารงานไดอ้ ยา่ งมปี ระสิทธิภาพ 2. ประสานบูรณาการเช่ือมโยงหน่วยงานทางการศึกษาทุกภาคส่วน ในการบริหารพัฒนา การศึกษาอย่างมีประสิทธิภาพ 3. สามารถสนบั สนุนการจดั การศึกษาของจังหวดั ชุมพร ท่มี คี ุณภาพตามมาตรฐานการศึกษา ตารางท่ี 2.2 ตวั ชี้วัดเป้าประสงคแ์ ละคา่ เป้าหมาย (Indicators) คา่ เปา้ หมาย ตัวชีว้ ดั เปา้ ประสงค์ รอ้ ยละ 100 เป้าประสงค์ท่ี 1 สานักงานศกึ ษาธกิ ารจงั หวัดชมุ พรบริหารงานได้ อย่างน้อย อยา่ งมีประสิทธภิ าพ ปลี ะ1 เร่ือง 1. รอ้ ยละของการใชเ้ ครือข่ายเทคโนโลยใี นการบรหิ ารจดั การ รอ้ ยละ 80 2. มีการวิจยั และพัฒนาการบริหารจดั การ ในองค์การและหน่วยงานทางการศึกษา อยา่ งเปน็ ระบบ รอ้ ยละ 100 3. ร้อยละความพงึ พอใจของการบริหารงานของสานักงานศึกษาธกิ ารจังหวดั ชุมพร เป้าประสงคท์ ่ี 2 สานักงานศกึ ษาธิการจังหวดั ชุมพร ประสานบูรณาการเชือ่ มโยง ร้อยละ 100 หน่วยงานทางการศกึ ษาทกุ ภาคสว่ น ในการบริหารพัฒนาการศกึ ษาอยา่ งมี ประสิทธภิ าพ 1. รอ้ ยละของสถานศกึ ษาดาเนนิ โครงการ/กจิ กรรมสร้างจติ สานกึ รักในสถาบนั ชาติ ศาสนา พระมหากษตั รยิ ์ ยดึ ม่ันการปกครองในระบอบประชาธปิ ไตยอันมี พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข 2. รอ้ ยละของสถานศึกษาดาเนินโครงการ/กิจกรรมพฒั นาคุณธรรม จริยธรรม

50 ตารางที่ 2.2 (ต่อ) ตัวช้วี ดั เปา้ ประสงค์ คา่ เป้าหมาย ทักษะชวี ติ รู้เท่าทนั และสรา้ งภูมิค้มุ กันการป้องกันและแกไ้ ขปญั หายาเสพติดและภยั รอ้ ยละ 100 คุกคาม ทกุ รูปแบบ รอ้ ยละ 3 3. รอ้ ยละของสถานศึกษา มีหลกั สูตร แหล่งเรยี นรู้ สื่อการเรยี นรทู้ สี่ ง่ เสรมิ คณุ ภาพ ร้อยละ 3 ชวี ิตทเี่ ป็นมิตรกบั สงิ่ แวดล้อม โดยนอ้ มนาแนวคิดตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจ ร้อยละ 100 พอเพียง และศาสตรพ์ ระราชาสกู่ ารพฒั นาที่ย่งั ยืน ร้อยละ 80 4. รอ้ ยละของสถาบนั อาชวี ศึกษา ผลิตกาลงั คนให้สามารถรองรับความต้องการของ ตลาดแรงงานเพ่มิ ขนึ้ ร้อยละ 100 5. ร้อยละของผเู้ รยี นในระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนต้น เขา้ ศึกษาต่อในระดับอาชีวศกึ ษาเพิ่มขนึ้ รอ้ ยละ 80 รอ้ ยละ 85 6. รอ้ ยละของสถานศกึ ษา มีหลกั สูตร แหล่งเรียนรู้ สือ่ การเรยี นรู้ทสี่ ง่ เสริมคุณภาพ รอ้ ยละ 100 ชีวติ ที่เป็นมิตรกับสิง่ แวดล้อม โดยน้อมนาแนวคดิ ตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ ร้อยละ 3 พอเพียง ศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาทย่ี ัง่ ยนื รอ้ ยละ 3 7. ร้อยละของหน่วยงาน / สถานศกึ ษามรี ะบบการบริหารจัดการขยะ ร้อยละ 3 ทรพั ยากร ธรรมชาตแิ ละสิง่ แวดล้อม ร้อยละ 3 ร้อยละ 80 เป้าประสงค์ที่ 3 สานักงานศึกษาธิการจังหวัดชุมพร สามารถสนับสนุนการจัด ร้อยละ 100 การศึกษาของจงั หวัดชมุ พรที่มีคณุ ภาพมาตรฐานการศกึ ษา ร้อยละ 80 1. รอ้ ยละ 100ของหน่วยงานทางการศกึ ษา/สถานศึกษา ดาเนินโครงการ/กิจกรรมเพือ่ การพฒั นาศกั ยภาพคน ทุกช่วงวยั และสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ 2. รอ้ ยละของครู คณาจารย์และบคุ ลากรทางการศึกษา ทุกคน ได้รับการพัฒนา ให้มีสมรรถนะตรงตามมาตรฐานวชิ าชพี 3. ร้อยละของเด็กปฐมวยั มีพัฒนาการสมวยั ครบทุกด้าน 4. รอ้ ยละของนกั เรียนทุกคนอ่านออก เขียนได้ 5. ร้อยละของนักเรยี นที่มผี ลการทดสอบทางการศึกษาระดบั ชาตขิ ้นั พืน้ ฐาน (O-NET) คะแนนเฉล่ยี สูงกว่าร้อยละ 50 เพม่ิ ขนึ้ 6. รอ้ ยละของนกั เรียนท่มี ผี ลการประเมนิ ความสามารถพืน้ ฐานของผ้เู รียน (NT) ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ 3 มคี ะแนนเฉลีย่ สูงกว่ารอ้ ยละ 50 เพ่ิมขนึ้ 7. ผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติด้านอาชวี ศึกษา V-NET ระดับอาชวี ศกึ ษา มีค่าเฉล่ียไม่นอ้ ยกว่ารอ้ ยละ 50เพิ่มขนึ้ 8. ผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติด้านการศึกษานอกระบบและการศึกษา ตามอัธยาศัย (N-NET) มคี า่ เฉลี่ยไม่น้อยกวา่ ร้อยละ 50 เพิม่ ขนึ้ 9. รอ้ ยละของสถานศกึ ษาทีม่ ีการส่งเสริมการสอน ความสามารถในการใชค้ วามรแู้ ละ ทักษะ การอ่าน วทิ ยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และเทคโนโลยี ตามแนวทาง PISA 10. ร้อยละของสถานศึกษา สรา้ งโอกาส และความเสมอภาคในการเข้าถงึ การศกึ ษาอยา่ งทั่วถึง 11. รอ้ ยละของสถานศึกษาจัดการศกึ ษาผา่ นเทคโนโลยดี ิจทิ ลั

51 ข้อมูลพน้ื ฐานด้านการศกึ ษาในจงั หวดั ชุมพร 1. การจัดการศกึ ษาในภาพรวม จังหวัดชุมพร มีการจัดการศึกษาตั้งแต่ระดับช้ันเตรียมความพร้อมระดับการศึกษา ขั้นพืน้ ฐานและระดับอุดมศึกษา ทั้งในสายสามญั ศกึ ษาและสายอาชพี จาแนกไดด้ ังตารางที่ 2.3-2.4 ตารางท่ี 2.3 การจดั การศึกษาของหน่วยงานทางการศึกษาในพ้ืนท่ีจังหวัดชุมพรจาแนกตามระดับ การศกึ ษา ปีการศึกษา 2562 ระดบั การจดั การศึกษา การศึกษา การศกึ ษาอดุ มศึกษา ขน้ั พน้ื ฐาน ระดบั กอ่ น ระดบั หนว่ ยงานทางการศกึ ษา ช้นั เตรียมความพร้อม(1-2 ปี) อดุ มศึกษา อุดมศกึ ษา ก่อนประถมศกึ ษา √ √ - - สช./สศศ. ประถมศกึ ษา - - สพฐ./สศศ./สช./ตชด./ √ มัธยมศึกษาตอนปลาย(ม.ต้น) อปท. √ - - สช./สพฐ./กศน./สศศ./ มัธยมศึกษาตอนปลาย(ม.ปลาย) √ ตชด./อปท. ประกาศนยี บตั รวิชาชีพ (ปวช.) - - /สช./สพฐ./กศน./พศ./สศ ประกาศนยี บตั รวชิ าชีพช้นั สูง √ (ปวส.) - ศ./อปท. ปรญิ ญาตรี - - /สช./สพฐ./กศน./พศ./สศ สูงกวา่ ปรญิ ญาตรี - - ศ./อปท. - - สอศ./กศน. √ - สอศ. - √ อว./สอศ./กก. - √ อว. ตารางท่ี 2.4 จานวนสถานศึกษาทเ่ี ปิดสอนในพื้นที่จังหวัดชุมพร จาแนกตามระดับการศึกษา และสังกดั ปกี ารศึกษา 2562 ระดบั การศกึ ษา จานวนสถานศึกษา (แห่ง) อปท. สช. สพฐ. กศน. พศ. สศศ. ตชด. สอศ. อว. กก. รวม ชน้ั เตรียมความพร้อม 155 13 0 0 0 0 0 0 0 0 168 กอ่ นประถมศึกษา 5 23 228 0 0 1 7 0 0 0 264 ประถมศกึ ษา 6 22 230 0 0 2 7 0 0 0 267 มธั ยมศกึ ษาตอนต้น 4 6 71 8 1 2 0 0 0 0 92 มัธยมศึกษาตอนปลาย 4 1 23 8 1 2 0 0 0 0 39

52 ตารางที่ 2.4 (ตอ่ ) ระดบั การศึกษา จานวนสถานศกึ ษา (แห่ง) อปท. สช. สพฐ. กศน. พศ. สศศ. ตชด. สอศ. อว. กก. รวม ประกาศนียบัตร 0 0 0 1 0 0 0 9 0 0 10 วชิ าชพี ประกาศนยี บตั ร 0 0 0 0 0 0 0 9 0 0 9 วิชาชพี ชน้ั สูง ปริญญาตรี 0 0 0 0 0 0 0 1 21 4 สูงกว่าปรญิ ญาตรี 0 0 0 0 0 0 0 0 1 0 1 2. จานวนสถานศกึ ษา ตารางที่ 2.5 แสดงจานวนสถานศกึ ษาในแต่ละหน่วยงานทางการศกึ ษาในพ้นื ที่จงั หวดั ชมุ พร ปีการศกึ ษา 2562 ที่ ประเภทหน่วยงานทส่ี ังกัด จานวน ร้อยละ (แห่ง) 1 สานักงานปลดั กระทรวงศึกษาธกิ าร 34 7.21 สานกั งานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) 25 5.30 สานกั งานสง่ เสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย 1.91 (กศน.) 9 2 สานกั งานคณะกรรมการการศึกษาขนั้ พืน้ ฐาน (สพฐ.) 257 54.45 -สพป.ชพ. 1 (อาเภอเมืองชมุ พร,อาเภอทา่ แซะ,อาเภอปะทิว) 113 23.94 -สพป.ชพ.2 (อาเภอสวี,อาเภอทงุ่ ตะโก,อาเภอหลังสวน,อาเภอละแม, 119 25.21 อาเภอพะโต๊ะ) -สพม. เขต 11 (จังหวดั ชมุ พร) 22 4.66 -สานกั บรหิ ารงานการศึกษาพิเศษ (สศศ.) 3 0.64 9 1.91 3 สานกั งานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) 161 34.11 4 องค์กรปกครองสว่ นท้องถิน่ (อปท.) 1 0.21 5 สานักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) 7 1.48 6 สานกั งานตารวจแห่งชาติ (สตช.) 1 0.21 7 กระทรวงการท่องเทีย่ วและกีฬา (กก.) 2 0.42 8 กระทรวงการอดุ มศึกษา วทิ ยาศาสตร์ วิจยั และนวตั กรรม (อว.) 472 100 รวม

53 3. สถานศึกษาในพนื้ ทีจ่ ังหวัดชมุ พรตามขนาดสถานศกึ ษา ตารางท่ี 2.6 แสดงจานวนสถานศกึ ษาในพื้นทจ่ี งั หวัดชุมพรจาแนกตามขนาดสถานศกึ ษา ปกี ารศกึ ษา 2562 หน่วยงานทางการศึกษา/ เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่พิเศษ รวม สงั กดั น้อยกวา่ 121-600 601- มากกว่า 120 คน 1,500 คน 1,500 คน 113 สพป.ชพ. 1 คน 4 119 สพป.ชพ. 2 48 59 5 2 22 สพม.เขต 11 66 48 5 0 7 ตชด. 41 3 10 0 4 25 สช. 3 4 5 0 3 สศศ. 7 11 0 2 ท้องถ่นิ 0 3 0 6 -สามญั 155 -ศนู ยพ์ ฒั นาเด็กเล็ก 2 310 9 อาชีวศึกษา 153 200 8 กศน. 0 522 สานกั งานพระพุทธศาสนา 0 531 1 พระพทุ ธศาสนา กระทรวงท่องเทีย่ วและกฬี า 1 000 1 กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วจิ ยั และนวตั กรรม 0 010 2 0 101 4. การบริหารจดั การโรงเรยี นขนาดเลก็ จังหวดั ชุมพร สานักงานศึกษาธิการจังหวัดชุมพร มีโรงเรียนในสังกัดสานักงานคณะกรรมการการศึกษา ข้ันพ้ืนฐานทั้งหมด จานวน 254 โรง สังกัดสานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาประถมศึกษาชุมพร เขต 1 จานวน 113 โรง สานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษาชุมพร เขต 2 จานวน 119 โรง และ สานกั งานเขตพน้ื ทก่ี ารศึกษามัธยมศึกษาเขต 11 จานวน 22 โรง คณะทางานบูรณาการจัดทาแผนบริหารจัดการโรงเรียนขนาดเล็ก จังหวัดชุมพร ได้จัดทาข้อมูลพื้นฐานโรงเรียนขนาดเล็ก สังกัดสานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาประถมศึกษาชุมพร เขต 1 เขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษาชุมพร เขต 2 และสานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษามัธยมศึกษา เขต 11 โดยจาแนกเปน็ รายอาเภอดังน้ี

54 พ้ืนท่ีอาเภอเมือง เป็นโรงเรียนในสังกัดเขตพื้นท่ีการศึกษาประถมศึกษาชุมพร เขต 1 จานวน 19 โรง และสังกัดเขตพ้นื ท่ีการศึกษามัธยมศึกษา เขต 11 จานวน 1 โรง ดังนี้ ตารางที่ 2.7 แสดงรายชื่อโรงเรยี นในอาเภอเมอื งในสังกัดเขตพ้นื ท่กี ารศึกษาประถมศึกษา ชุมพร เขต 1 และสังกดั เขตพื้นท่กี ารศกึ ษามัธยมศกึ ษา เขต 11 ท่ี โรงเรียน หมู่บา้ น ตาบล ครู/ นักเรยี น บคุ ลากร 10 มิ.ย.62 1 วดั ขุนกระทงิ หมู่ 4 บ้านขนุ กระทิง ขุนกระทงิ 13 94 2 บ้านในห้วย หมู่ 7 ในหว้ ย ตากแดด 8 59 3 บ้านคอสน หมู่ 8 คอสน ท่ายาง 9 65 4 บ้านบางหลง หมู่ 9 บางหลง ทา่ ยาง 9 67 5 บ้านช่องไทรราษฎรพ์ ฒั นา หมู่ 9 ชอ่ งไทรฯ ทุ่งคา 12 78 6 บ้านทงุ่ หงษ์ หมู่ 8 ทงุ่ หงษ์ ทุ่งคา 10 116 7 วดั ดอนมะมว่ ง หมู่ 4 ดอนมะม่วง ทงุ่ คา 15 110 8 วัดทุ่งคา หมู่ 1 บา้ นท่งุ คาใหญ่ ทงุ่ คา 7 74 9 บา้ นสามเสยี ม หมู่ 5 บา้ นสามเสยี ม นาชะองั 9 91 10 บา้ นหนองเนียน หมู่ 11 บา้ นหนองเนียน บางลกึ 10 58 11 วัดบางลึก หมู่ 4 บางลึก บางลกึ 8 65 12 บา้ นศาลาลอย หมู่ 8 บา้ นศาลาลอย บางลึก 9 43 13 วดั คขู ดุ หมู่ 3 คขู ดุ บางหมาก 8 79 14 บ้านคอเตี้ย หมู่ 9 คอเตีย้ บางหมาก 11 72 15 บ้านเขาวง หมู่ 11 เขาวง บา้ นนา 10 112 16 บา้ นหาดภราดรภาพ หมู่ 4 คอหมู ปากน้า 9 78 17 วัดวังไผ่ หมู่ 3 วงั ไผ่ วงั ไผ่ 8 28 18 วดั เชิงกระ หมู่ 2 เชิงกระ วสิ ยั เหนอื 10 100 19 บ้านหาดทรายรี หมู่ 6 หาดทรายรี หาดทรายรี 13 117 20 ศรยี าภัย ๒ หมู่ 3 หรู อ นาชะอัง 22 113 พื้นที่อาเภอทา่ แซะ เปน็ โรงเรียนในสังกัดเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษาชมุ พร เขต 1 จานวน 14 โรง ดงั น้ี

55 ตารางที่ 2.8 แสดงรายชอื่ โรงเรียนในอาเภอท่าแซะในสังกัดเขตพนื้ ทีก่ ารศึกษาประถมศึกษา ชุมพร เขต 1 ท่ี โรงเรียน หมู่บา้ น ตาบล ครู/ นกั เรยี น บคุ ลากร 10 ม.ิ ย.62 1 บา้ นใหม่พัฒนา หมู่ 1 บ้านใหมพ่ ัฒนา คุรงิ 2 บา้ นแกง่ เพกา หมู่ 4 แก่งเพกา ทรัพยอ์ นันต์ 9 63 3 บา้ นหาดหงส์ หมู่ 1 บ้านหาดหงส์ ทา่ ข้าม 13 111 4 บา้ นเขาพาง หมู่ 8 ทงุ่ นาตาจอ ท่าขา้ ม 8 78 5 บา้ นหวั วา่ ว หมู่ 7 บา้ นหัววา่ ว ท่าข้าม 6 38 6 วัดควนมณี หมู่ 6 ดอนบา้ น นากระตาม 7 37 7 บา้ นละมุ หมู่ 8 บา้ นละมุ นากระตาม 2 8 8 บ้านรับรอ่ หมู่ 7 บ้านสวนใต้ รบั รอ่ 9 บ้านเหมอื งทอง หมู่ 5 เหมอื งทอง สลยุ 9 61 10 บ้านสวนทรัพย์ หมู่ 7 สวนทรพั ย์ สลุย 8 30 11 ประชาพฒั นา หมู่ 5 ตาเงาะ สองพน่ี ้อง 12 88 12 บา้ นบึงลดั หมู่ 6 บงึ ลัด หงษเ์ จริญ 7 29 13 บา้ นยายไท หมู่ 2 นายาว หงษเ์ จริญ 9 72 14 บ้านหนิ แก้ว หมู่ 3 หินแกว้ หนิ แก้ว 11 98 9 94 14 83 พนื้ ทอี่ าเภอปะทวิ เป็นโรงเรียนในสังกดั เขตพน้ื ท่ีการศึกษาประถมศึกษาชมุ พร เขต 1 จานวน 12 โรง ตารางท่ี 2.9 แสดงรายชอื่ โรงเรยี นในอาเภอปะทวิ ในสังกัดเขตพนื้ ท่ีการศึกษาประถมศกึ ษา ชมุ พร เขต 1 ที่ โรงเรียน หมู่บ้าน ตาบล ครู/ นักเรียน บคุ ลากร 10 มิ.ย. 1 บ้านทรายแก้ว หมู่ 6 ทรายแก้ว เขาไชยราช 2 บ้านไชยราช 8 62 3 บ้านหินกบ หมู่ 10 เขาไชยราชสันติสขุ เขาไชยราช 7 4 บ้านชุมโค 9 64 5 บ้านดอนทราย หมู่ 6 บ้านหนิ กบ ชมุ โค 9 81 6 บ้านทรัพย์สมบูรณ์ 8 83 7 บ้านบ่ออฐิ หมู่ 3 หน้าถา้ ชมุ โค 4 83 7 46 หมู่ 2 บ้านดอนทราย ชุมโค 12 44 หมู่ 7 บา้ นทรพั ย์สมบรู ณ์ ชมุ โค หมู่ 1 บ้านบอ่ อิฐ ชุมโค

56 ตารางท่ี 2.9 (ตอ่ ) หมูบ่ ้าน ตาบล คร/ู นกั เรียน บคุ ลากร 10 มิ.ย. ที่ โรงเรยี น หมู่ 5 ทงุ่ เรี้ย ดอนยาง หมู่ 3 ดอนยาง ดอนยาง 9 62 8 บ้านทุง่ เร้ีย หมู่ 6 คอกม้า บางสน 11 56 9 วดั ดอนยาง หมู่ 5 บา้ นนา้ พุ ปากคลอง 7 10 บ้านคอกมา้ หมู่ 3 บา้ นถ้าธง ปากคลอง 7 84 11 บา้ นน้าพุ 11 67 12 บา้ นถา้ ธง 46 59 พืน้ ท่อี าเภอสวี เป็นโรงเรียนในสงั กัดเขตพ้นื ที่การศึกษาประถมศึกษาชมุ พร เขต 2 จานวน 18 โรง และสังกดั เขตพื้นทกี่ ารศกึ ษามัธยมศึกษา เขต 11 จานวน 1 โรง ดงั นี้ ตารางท่ี 2.10 แสดงรายชอ่ื โรงเรยี นในอาเภอสวีในสังกัดเขตพื้นที่การศกึ ษาประถมศกึ ษา ชุมพร เขต 2 และสังกัดเขตพน้ื ท่ีการศกึ ษามธั ยมศึกษา เขต 11 ที่ โรงเรยี น หมูบ่ า้ น ตาบล ครู/ นกั เรียน บคุ ลากร 10 มิ.ย.62 1 บ้านไทรลา่ หมู่ 4 ไทรลา่ ครน 2 บ้านน้าฉา หมู่ 5 บ้านน้าฉา ครน 10 88 3 วัดจันทราวาส หมู่ 3 ครน ครน 4 วดั ถา้ เขาล้าน หมู่ 7 บา้ นหนา้ ถ้า ด่านสวี 14 117 5 บ้านเล็บกะรอก หมู่ 10 เล็บกะรอก ดา่ นสวี 9 80 8 98 8 85 6 วัดท้องตม หมู่ 1 ท้องตมใหญ่ ด่านสวี 7 34 7 บา้ นหาดทรายรี หมู่ 8 หาดทรายรี ทา่ หิน 11 71 8 วัดท่าหนิ (ดรณุ ศึกษา) หมู่ 5 บ้านท่าหิน ทา่ หนิ 8 27 9 บ้านยางงาม หมู่ 5 ยางงาม นาสัก 7 53 10 วัดนาสัก หมู่ 1 นาสกั นาสัก 14 108 11 บา้ นแกง่ กะทงั่ 6 32 12 บา้ นห้วยใหญ่ หมู่ 6 แก่งกะท่ัง นาสัก 9 47 13 วดั หนองบัว 9 66 14 วัดเชิงคีรี หมู่ 11 บา้ นห้วยใหญ่ นาสกั 8 30 หมู่ 2 หนองบวั นาสกั หมู่ 5 ชายเขา ปากแพรก

57 ตารางที่ 2.10 (ตอ่ ) ท่ี โรงเรยี น หม่บู ้าน ตาบล คร/ู นักเรยี น บคุ ลากร 10 มิ.ย.62 15 บา้ นทงุ่ เขาสะบ้า หมู่ 5 บา้ นท่งุ เขา วสิ ัยใต้ 16 คา่ ยลูกเสืออาเภอสวี สหะมบู่ 8า้ คา่ ยลกู เสือ วสิ ัยใต้ 11 61 17 วดั พะงนุ้ หมู่ 3 พะงนุ้ สวี 18 บ้านห้วยทบั ทอง หมู่ 9 บา้ นหว้ ยทับ เขาทะลุ 7 25 19 นาสกั วทิ ยา หทมองู่ 1 นาสัก นาสกั 11 79 11 81 20 80 พื้นทอ่ี าเภอท่งุ ตะโก เปน็ โรงเรียนในสังกัดเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษาชุมพร เขต 2 จานวน 9 โรง ตารางที่ 2.11 แสดงรายชอ่ื โรงเรียนในอาเภอทงุ่ ตะโกในสังกดั เขตพื้นทกี่ ารศึกษาประถมศึกษา ชุมพร เขต 2 ที่ โรงเรียน หมูบ่ า้ น ตาบล ครู/ นกั เรียน 1 วัดผสุ ดีภผู าราม หมู่ 2 เขาหมาแหงน บุคลากร 10 มิ.ย. 62 ช่องไม้แกว้ 5 50 2 บา้ นเขาวงกรด หมู่ 4 บา้ นเขาวงกรด ชอ่ งไม้แก้ว 6 49 3 บา้ นทับช้าง หมู่ 5 ทบั ชา้ ง ตะโก 8 62 4 บ้านแหลมยางนา หมู่ 4 บ้านแหลมยางนา ตะโก 11 98 5 วดั ท่าทอง หมู่ 1 ท่าทอง ตะโก 8 65 6 บ้านหว้ ยมุด หมู่ 4 หว้ ยมุด ทงุ่ ตะไคร 11 79 7 วัดมจุ ลนิ ทาราม หมู่ 1 หนองจิก ทงุ่ ตะไคร 13 107 8 ชุมชนวัดธรรมถาวร หมู่ 3 ท่งุ ตะไคร ทงุ่ ตะไคร 12 67 9 บา้ นอา่ วมะม่วง หมู่ 3 อ่าวมะมว่ ง ปากตะโก 13 93 พน้ื ท่อี าเภอหลังสวน เปน็ โรงเรยี นในสงั กดั เขตพนื้ ทก่ี ารศึกษาประถมศกึ ษาชุมพร เขต 2 จานวน 26 โรง และสังกัดเขตพื้นทก่ี ารศึกษามัธยมศึกษา เขต 11 จานวน 1 โรง ดงั น้ี

58 ตารางท่ี 2.12 แสดงรายช่อื โรงเรียนในอาเภอหลงั สวนในสงั กัดเขตพน้ื ทกี่ ารศกึ ษาประถมศกึ ษา ชุมพร เขต 2 และสังกดั เขตพืน้ ทกี่ ารศกึ ษามัธยมศึกษา เขต 11 ที่ โรงเรยี น หมบู่ า้ น ตาบล อาเภอ คร/ู นกั เรยี น บุคลากร 10 มิ.ย. 62 1 วัดราชบรุ ณะ หมู่ 2 บา้ นท่าสะทอ้ น ท่ามะพลา หลงั สวน 9 74 2 บ้านดอนนน หมู่ 9 บ้านดอนนน ทา่ มะพลา หลงั สวน 5 48 3 บ้านหนองปลา หมู่ 7 หนองปลา นาขา หลังสวน 12 85 4 วัดนพคณุ หมู่ 4 วดั ใหม่ นาขา หลงั สวน 7 52 5 บ้านควนตะวันออก หมู่ 4 ควนตะวนั ออก นาพญา หลงั สวน 7 56 6 บ้านสะพานยูง หมู่ 6 สะพานยูง นาพญา หลังสวน 10 78 7 วัดอมั พาวาส หมู่ 15 บ้านหว้ ยจระเข้ นาพญา หลงั สวน 8 30 8 วดั ราษฎรอ์ รุณ หมู่ 16 บ้านบางมน่ั นาพญา หลังสวน 11 64 9 วัดชลธนี มิ ติ ร หมู่ 11 บางน้าจดื บางน้าจดื หลังสวน 4 16 10 บา้ นน้าลอด หมู่ 12 บ้านน้าลอด บางน้าจดื หลงั สวน 6 48 11 บ้านหนองไกป่ งิ้ หมู่ 8 บา้ นหนองไก่ปงิ้ บางน้าจดื หลังสวน 6 22 12 บ้านปากนา้ หลังสวน' หมู่ 12 บา้ นฝง่ั กระโจม บาง หลงั สวน 12 65 ประชานเุ คราะห์' มะพรา้ ว 13 วัดนาทกิ าราม หมู่ 6 บา้ นบางมะพร้าว บางมะพรา้ ว หลังสวน 6 36 14 บ้านห้วยหลอด หมู่ 3 บ้านหว้ ยหลอด บางมะพร้าว หลังสวน 7 35 15 บ้านน้าตก หมู่ 9 บ้านน้าตก บางมะพรา้ ว หลังสวน 10 40 16 วดั ชลธารวดี หมู่ 10 บา้ นควน บา้ นควน หลงั สวน 9 48 17 บ้านคลองกก หมู่ 12 บา้ นคลองกก บ้านควน หลังสวน 8 119 18 บ้านหนองโพธ์ิ หมู่ 4 หนองโพธ์ิ บา้ นควน หลังสวน 9 92 มิตรภาพท่ี 129 19 สหกรณน์ ิคมอปุ ถัมภ์ หมู่ 4 บ้านเขาชก บ้านควน หลังสวน 8 65 20 วัดดอนชัย หมู่ 3 ดอนยาง พ้อแดง หลังสวน 9 60 21 บา้ นคลองระ หมู่ 13 คลองระ วงั ตะกอ หลงั สวน 8 65 22 บ้านเขาแงน หมู่ 5 บ้านนาพรุ วงั ตะกอ หลังสวน 8 70 23 บา้ นในกรมิ หมู่ 8 บ้านในกริม หาดยาย หลงั สวน 14 110 24 ประชาบษุ ยวทิ ย์ หมู่ 9 บา้ นคลองหงาว หาดยาย หลงั สวน 10 61 25 บา้ นสวนจนั ทน์ หมู่ 11 บา้ นทอนจันทน์ หาดยาย หลังสวน 5 20 26 วดั วาลุการาม หมู่ 11 แหลมทราย แหลมทราย หลังสวน 8 59 27 ชลธารวทิ ยา หมู่ 10 บา้ นควน บา้ นควน หลังสวน 17 78

59 พ้นื ทอี่ าเภอพะโตะ๊ เปน็ โรงเรยี นในสงั กัดเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษาชุมพร เขต 2 จานวน 6 โรง ดังน้ี ตารางที่ 2.13 แสดงรายชอ่ื โรงเรยี นในอาเภอพะโตะ๊ ในสังกดั เขตพน้ื ท่ีการศึกษาประถมศกึ ษา ชุมพร เขต 2 ที่ โรงเรียน หม่บู า้ น ตาบล อาเภอ คร/ู นกั เรยี น บคุ ลากร 10 มิ.ย.62 1 บา้ นพังเหา หมู่ 2 บา้ นพังเหา ปังหวาน พะโต๊ะ 12 105 2 บ้านต่อตง้ั หมู่ 1 บ้านต่อตงั้ ปากทรง พะโต๊ะ 8 44 3 บา้ นปากทรง หมู่ 4 บา้ นปากทรง ปากทรง พะโต๊ะ 11 75 4 บ้านตรัง (จนั ทสงิ ห์อุทิศ) หมู่ 16 บา้ นคลองช้าง พะโต๊ะ พะโต๊ะ 9 75 5 เพยี งหลวง 5 หมู่ 6 บ้านในหยาน พะโต๊ะ พะโต๊ะ 12 103 ในทลู กระหม่อมหญงิ ฯ 6 บ้านปากเลข หมู่ 10 บา้ นในจอก พะโต๊ะ พะโต๊ะ 10 82 พ้นื ท่อี าเภอละแม เปน็ โรงเรยี นในสงั กัดเขตพื้นท่ีการศึกษาประถมศึกษาชมุ พร เขต 2 จานวน 7 โรง ดงั น้ี ตารางท่ี 2.14 แสดงรายชอ่ื โรงเรยี นในอาเภอละแมในสงั กัดเขตพ้นื ท่ีการศึกษาประถมศึกษา ชุมพร เขต 2 ท่ี โรงเรยี น หมู่บา้ น ตาบล อาเภอ ครู/ นักเรยี น บุคลากร 10 มิ.ย.62 1 วดั โสมสิริวัฒนาราม หมู่ 5 หัวมาด ทุ่งหลวง ละแม 8 41 2 วดั สุวรรณนมิ ติ หมู่ 6 บ้านเขานาง ทุง่ หลวง ละแม 8 64 3 บา้ นทรายทอง หมู่ 4 บา้ นทรายทอง ละแม ละแม 8 55 4 บา้ นแหลมสนั ติ หมู่ 5 แหลมนอก ละแม ละแม 8 63 5 สามัคควี ฒั นา หมู่ 8 บา้ นบอ่ โว้ ละแม ละแม 10 103 6 วดั ปากนา้ ละแม หมู่ 1 ปากน้าละแม ละแม ละแม 6 48 7 บา้ นเขาตากนุ หมู่ 10 บ้านเขาตากุน สวนแตง ละแม 8 63

60 5. ผลการสรุปแผนบรหิ ารจัดการโรงเรียนขนาดเล็กของจงั หวดั ชมุ พร ตารางที่ 2.15 ผลการสรปุ แผนบรหิ ารจดั การโรงเรียนขนาดเล็กของจงั หวัดชุมพร ท่ี อาเภอ โรงเรยี นขนาดเลก็ โรงเรยี นหลกั 1 ปะทิว บ้านท่งุ เร้ยี ชมุ ชนมาบอามฤต 2 ปะทวิ บา้ นชมุ โค บา้ นวังชา้ ง 3 เมอื งชมุ พร โรงเรยี นวัดวงั ไผ่ เมืองชมุ พรบ้านเขาถล่ม 4 เมอื งชมุ พร บ้านศาลาลอย วัดบางลกึ 5 เมอื งชุมพร บ้านคอสน วัดพิชัยยาราม 6 เมืองชมุ พร บา้ นบางหลง บ้านบางคอย 7 เมืองชมุ พร บ้านคอเต้ีย วดั ดอนรวบ 8 เมอื งชุมพร วดั ทงุ่ คา วดั ดอนมะม่วง 9 เมืองชุมพร บ้านหาดภราดร บ้านปากน้า 10 เมอื งชุมพร วัดคูขดุ บ้านดอนไทรงาม 11 เมืองชุมพร วดั เชิงกระ บ้านคลองสบู 12 ทา่ แซะ วดั ควนมณี บ้านละมุ 13 ทา่ แซะ บา้ นสวนทรพั ย์ บ้านคนั ธทรพั ย์ 14 ทา่ แซะ บา้ นรับรอ่ บ้านดอนเคี่ยม 15 ทา่ แซะ บ้านหวั วา่ ว บา้ นหนองเรือ 16 ท่าแซะ บ้านเขาพาง บา้ นหนองเรือ 17 ทา่ แซะ ประชาพัฒนา บา้ นงาช้าง 18 ท่าแซะ บา้ นหาดหงส์ บ้านหนองเรือ 19 ทา่ แซะ บ้านยายไท บา้ นกลาง 20 ทุ่งตะโก วัดผสุ ดภี ผู าราม วดั มจุ ลินทาราม 21 ทงุ่ ตะโก บา้ นเขาวงกรด บ้านวงั ปลา 22 ทุ่งตะโก บา้ นทับช้าง บา้ นสามแยกจาปา 23 ทุ่งตะโก บ้านแหลมยางนา วัดเทพนิมติ วนาราม 24 ทุ่งตะโก วดั ทา่ ทอง ชุมชนวดั ทา่ สุธาราม 25 ทุ่งตะโก บ้านหว้ ยมดุ ราชประชานุเคราะห์ ๓ 26 ทุ่งตะโก ชมุ ชนวดั ธรรมถาวร ชุมชนวัดทา่ สธุ าราม 27 ทุ่งตะโก บา้ นอา่ วมะมว่ ง วดั ชลธีพฤกษาราม สานักงานศึกษาธิการจังหวัดชุมพร ได้คัดเลือกโรงเรียนหลักจานวน 10 โรง เพื่อเป็น กลุ่มตัวอย่างสาหรับดาเนินการวิจัยเพ่ือศึกษาสภาพความพร้อมและเง่ือนไขแห่งความสาเร็จของ

61 โรงเรียนหลักที่มีผลต่อการควบรวมโรงเรียนขนาดเล็กในจังหวัดชุมพร ซ่ึงได้แก่ โรงเรียนบ้านวังช้าง โรงเรียนชุมชนมาบอามฤต โรงเรียนวัดพิชัยยาราม โรงเรียนเมืองชุมพรบ้านเขาถล่ม โรงเรียน วัดบางลึก โรงเรียนบ้านหนองเรือ โรงเรียนบ้านงาช้าง โรงเรียนบ้านกลาง โรงเรียนบ้านวังปลา และโรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ 3 งานวิจัยที่เก่ยี วข้อง 1. งานวิจัยในประเทศ การศึกษางานวิจัยในประเทศ ผู้วิจัยได้ศึกษางานวิจัย 2 ประเภทใหญ่ ๆ ประกอบด้วย งานวิจัยในประเทศท่ีเก่ียวกับการบริหารจัดการ ด้านต่าง ๆ ของโรงเรียนขนาดเล็ก และงานวิจัย ที่เกี่ยวกับโรงเรียนคุณภาพที่สามารถเป็นโรงเรียนหลักและความพร้อมในการควบรวมกับโรงเรียน ขนาดเล็กได้ ดงั ตอ่ ไปน้ี 1.1 การบรหิ ารจัดการโรงเรยี นขนาดเลก็ วรวิทย์ บุญหนัก (2552, น.116-117) วจิ ัยเร่ืองการศึกษาสภาพการบริหารตามรูปแบบ การบริหารเฉพาะตนเองในโรงเรียนขนาดเล็ก สังกัดสานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาบุรีรัมย์เขต 1 วัตถปุ ระสงค์การวิจยั 1) เพ่อื ศกึ ษาสภาพการบริหารตามรปู แบบการบริหารเฉพาะตนเอง ในโรงเรียน ขนาดเล็กสังกัดสานกั งานเขตพื้นทก่ี ารศึกษาบุรรี ัมย์เขต 1 2) เพอ่ื เปรยี บเทียบทัศนะของผ้บู ริหารโรงเรียน และครูผู้สอนต่อสภาพการบริหารเฉพาะตนเองในโรงเรียนขนาดเล็ก สังกัดสานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษา บุรีรัมย์เขต 1 3) เพื่อเปรียบเทียบทัศนะของผู้บริหารโรงเรียน และครูผู้สอนต่อสภาพการบริหาร เฉพาะตนเองในโรงเรียนขนาดเล็ก สังกัดสานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาบุรีรัมย์เขต 1 จาแนก ตามประสบการณ์ทางาน กลุ่มตัวอย่างในการวิจัยเป็นผู้บรหิ ารโรงเรยี นขนาดเลก็ สังกัดสานักงานเขตพ้ืนที่ การศึกษาบุรีรัมย์เขต 1 ปีการศึกษา 2548 จานวน 38 คน ครูผู้สอน จานวน 219 คนรวม 257 คน เครอื่ งมอื ที่ใช้ในการวิจัยแบบสอบถามมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) ผลการวจิ ยั พบว่า 1. สภาพการปฏิบัติงานของผู้บริหารโรงเรียน ท่ีมีต่อสภาพการบริหารตามรูปแบบ เฉพาะตนเองในโรงเรียนขนาดเล็ก สังกัดสานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาบุรีรัมย์เขต 1 โดยรวมอยู่ใน ระดบั ปานกลาง 2. ผูบ้ รหิ ารและครูผู้สอนมคี วามคิดเห็นตอ่ สภาพต่อสภาพการบริหารตามรปู แบบเฉพาะ ตนเองในโรงเรียนขนาดเล็ก สังกัดสานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาบุรีรัมย์เขต 1 โดยรวมแตกต่างกัน อย่างมีนัยสาคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และมีบางด้านที่แตกต่างกันอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติท่ี ระดบั .01 คอื การพัฒนาระบบขอ้ มูลและสารสนเทศ และดา้ นการจดั ทาแผนพัฒนาคุณภาพการศึกษา 3. ผู้บริหารและครูผู้สอนมีประสบการณ์ต่างกัน มีความคิดเห็นต่อสภาพต่อสภาพ การบริหารตามรูปแบบเฉพาะตนเองในโรงเรียนขนาดเลก็ โดยรวมและรายดา้ นไม่แตกตา่ งกัน ศิริกุล นามศิริ (2552, น.68-72) ได้ศึกษาเร่ืองการพัฒนางานวิชาการด้วยหลักการ บูรณาการในโรงเรียนขนาดเล็ก: การวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม มีวัตถุประสงค์ในการศึกษา ดังนี้1) เพื่อศึกษาสภาพท่ีเคยเป็นมา สภาพปัจจุบัน สภาพปัญหา สภาพท่ีคาดหวัง ทางเลือก

62 เพื่อแก้ปัญหา หรือบรรลุสภาพที่คาดหวัง การพัฒนางานวิชาการของโรงเรียนขนาดเล็ก ท่ีเป็นกรณีศึกษา การเลือกทางเลือกเพ่ือการปฏิบัติ และปรากฏการณ์ท่ีเกิดขน้ึ จากการนาทางเลือกไปปฏิบัติ และ 2) เพื่อศึกษา สภาพการเปล่ียนแปลงการเรียนรู้ที่เกิดข้ึนทั้งในระดับตัวบุคคล กลุ่มบุคคล และโรงเรียน และองค์ความรู้ ท่ีเกิดจากการนาหลักการบูรณาการมาใช้เป็นตัวสอดแทรก เพ่ือพัฒนางานวิชาการของโรงเรียนประถมศึกษา ขนาดเล็กที่เป็นกรณีศึกษา คือ โรงเรียนบ้านบึงฉิม สังกัดสานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาขอนแก่น เขต 1 และ ใชร้ ะเบยี บวิธีการวิจยั เชิงปฏบิ ัติการแบบมสี ว่ นร่วม ผลการวิจัย พบว่า โรงเรียนบ้านบึงฉิม มีการดาเนินงานด้านการจัดการเรียนการสอน เป็นหลัก รองลงมาเป็นการพฒั นาส่อื การเรียนการสอน การพัฒนาหลักสตู ร การวัดผลและประเมนิ ผล และการพัฒนาระบบการประกันคุณภาพภายในและภายนอก มีปัญหาท่ีสาคัญ คือ โรงเรียนไม่ผ่าน การป ระเมินจ ากส านักงานรับ รองมาตรฐาน แล ะป ระเมิ นคุณ ภ าพ การศึกษ า (องค์การมห าช น ) จึงดาเนินงานใน 3 โครงการคือ 1) โครงการพัฒนาการจัดองค์การโครงสร้างการบริหารและจัดงาน วิชาการและพัฒนาองค์การอย่างเป็นระบบครบวงจร 2) โครงการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาและ สาระหลักสูตรท้องถ่ินและการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ และ 3) โครงการจัด กิจกรรมส่งเสรมิ คุณภาพผู้เรียนอย่างหลากหลาย มีผลทาให้โรงเรียนผ่านการประเมินคุณภาพภายใน ท่ีอิงสถานศึกษาตามมาตรฐานการศึกษาขั้นพื้นฐานที่ 12, 14 และ 15 โดยมีค่าระดับ 3.20, 3.00 และ 3.28 ตามลาดับ นอกจากน้ัน ยังพบว่าผู้วิจัย ผู้ปกครอง ผู้นาท้องถิ่น ครู ผู้บริหารโรงเรียน ศึกษานิเทศก์ และนักวิเคราะห์นโยบายและแผนของสานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาขอนแก่น เขต 1 เกิดการเรียนรู้จากการปฏิบัติจริงหลายประการ ทั้งด้านความรู้และประสบการณ์และเกิดองค์ความรู้ จากการปฏิบัติคือ 1) การจัดโครงสร้างการบริหารและจัดการงานวิชาการตามหลักการบูรณาการ แนวทีมฟุตบอลเชิงรุก 2) การยึดม่ันในหลักการบูรณาการ 9 ประการ 3) การกาหนดบทบาทหน้าที่ ของผู้เกี่ยวข้อง 4) คานึงถึง 10 หลักการ 10 จรรยาบรรณและ 10 บทบาทของผู้วิจัยในการวิจัยเชิง ปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วมเป็นพื้นฐาน และ 5) การมีข้ันตอนย่อยการดาเนินงานในแต่ละข้ันตอน ทาให้มีนวัตกรรมที่เรียกว่า “กรอบการปฏิบัติ 3 พลังเสริมการบูรณาการเพ่ือพัฒนางานวิชาการด้วย หลกั การบูรณาการในโรงเรยี นบา้ นบงึ ฉมิ : องคค์ วามรู้ที่ไดจ้ ากการวิจัยเชงิ ปฏบิ ัตกิ ารแบบมสี ่วนร่วม” นิภาภัทร วรรณาลัย (2553, น.67) ได้ศึกษาวิจัยเร่ืองปัญหาและแนวทางแก้ไข การบริหารงานโรงเรียนขนาดเล็กของผู้บริหารโรงเรียน ในสังกัดสานักงานเขตพ้ืนที่ปราจีนบุรี การวิจยั ครั้งนีม้ ีวัตถปุ ระสงค์ 1) เพ่ือศกึ ษาปญั หาการบริหารงานโรงเรียนขนาดเล็ก ในสังกดั สานักงาน เขตพ้ืนท่ีปราจีนบุรี 2) เพื่อเปรียบเทียบปัญหาและแนวทางแก้ไขการบริหารงานโรงเรียนขนาดเล็ก ในสังกดั สานกั งานเขตพนื้ ทป่ี ราจีนบรุ ี จาแนกตามประสบการณ์ของผบู้ ริหาร และการมสี ว่ นร่วมของชมุ ชน 3) เพอื่ นาเสนอแนวทางการบริหารงานโรงเรียนขนาดเล็ก ในสังกดั สานักงานเขตพืน้ ทีป่ ราจนี บรุ ี กลุ่มตัวอย่าง ในการวิจัย ผู้อานวยการในโรงเรียนประถมศึกษาขนาดเล็กในจังหวัดปราจีนบุรี ท่ีมีนักเรียนไม่เกิน 120 คน จานวน 136 คน เครื่องมือท่ีใช้ในการวิจัย แบบสอบถามมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) และแบบ สัมภาษณผ์ เู้ ชยี่ วชาญในการหาแนวทางแก้ไขปัญหา ผลการวิจัยพบวา่ 1. ปัญหาการบริหารงานโรงเรียนขนาดเล็ก ในสังกัดสานักงานเขตพื้นที่ปราจีนบุรี โดยภาพรวมและจาแนกรายด้านปัญหาการบริหารงานโรงเรียนขนาดเล็ก อยู่ในระดับปานกลาง

63 เรียงลาดับคา่ เฉล่ียจากมากไปหาน้อยคือ การจัดบุคคล การวางแผน การควบคมุ การจัดองคก์ าร และ การอานวยการตามลาดับ เมื่อพิจารณารายด้านปรากฏดังน้ี 1.1) ด้านการวางแผน สภาพปัญหา โรงเรียนขนาดเล็ก ในสังกัดสานักงานเขตพ้ืนท่ีปราจีนบุรี ด้านการวางแผนโดยรวมอยู่ในระดับ ปานกลาง 1.2) ด้านการจัดองค์การ สภาพปัญหาโรงเรียนขนาดเล็ก ในสังกัดสานักงานเขตพื้นที่ ปราจีนบุรี ด้านการจัดองค์การโดยรวมอยู่ในระดับปานกลาง 1.3) ด้านการบริหารงานบุคคล สภาพปัญหาโรงเรียนขนาดเล็ก ในสังกัดสานักงานเขตพ้ืนท่ีปราจีนบุรี ด้านการบริหารงานบุคคล โดยรวมอยู่ในระดับปานกลาง เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อพบว่าอยู่ในระดับปานกลาง 7 ข้อ และอยู่ใน ระดับมาก 1 ข้อ 1.4) ด้านการอานวยการ สภาพปัญหาโรงเรียนขนาดเล็ก ในสังกัดสานักงานเขตพื้นที่ ปราจีนบุรี ด้านการอานวยการโดยรวมอยู่ในระดับปานกลาง เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อพบว่าอยู่ในระดับ ปานกลาง 4 ข้อ อยู่ในระดับน้อย 2 ข้อ 1.5) ด้านการควบคุม สภาพปัญหาโรงเรียนขนาดเล็กในสังกัด สานักงานเขตพื้นที่ปราจีนบุรี ด้านการควบคุมโดยรวมอยู่ในระดับปานกลาง เม่ือพิจารณาเป็นรายข้อ พบวา่ อยูใ่ นระดบั ปานกลางทกุ ด้าน 2. ผลการเปรียบเทียบสภาพปัญหาการบริหารโรงเรียนขนาดเล็ก สังกัดสานักงาน เขตพ้ืนที่ปราจีนบุรี จาแนกตามประสบการณ์ พบว่าโดยรวมแตกต่างกันอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติที่ ระดับ .05 เม่ือพิจารณาเป็นรายด้านพบว่า ทุกด้านมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติท่ี ระดับ .05 โดยผ้บู ริหารท่มี ีประสบการณน์ ้อยจะมีปัญหามากกว่าผูบ้ ริหารทีม่ ปี ระสบการณม์ าก 3. ผลการเปรียบเทียบสภาพปัญหาการบริหารโรงเรียนขนาดเล็ก สังกัดสานักงาน เขตพื้นที่ปราจีนบุรี จาแนกตามการมีส่วนร่วมของชุมชน พบว่าโดยรวมแตกต่างกันอย่างมีนัยสาคัญ ทางสถิติท่ีระดับ .05 เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านพบว่า ทุกด้านมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสาคัญ ทางสถติ ิทีร่ ะดบั .05 โดยโรงเรยี นทช่ี ุมชนมีสว่ นร่วมนอ้ ยจะมปี ัญหามากกว่าโรงเรียนที่มสี ่วนรว่ มมาก มนัส ผิวพรรณ์ (2553, น.126 - 128) ได้ศึกษาเรื่องการศึกษารูปแบบการบริหารงาน งบประมาณเพ่ือรองรับการกระจายอานาจ ของโรงเรียนขนาดเล็กสังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษาในจังหวัดพิษณุโลก วัตถุประสงค์การวิจัย 1) เพื่อศึกษาสภาพปัจจุบันของ การบริหารงานงบประมาณ เพื่อรองรับการกระจายอานาจของโรงเรียนขนาดเล็กที่เป็นแบบอย่างท่ีดี สังกัดสานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาในจังหวัดพิษณุโลก 2) เพื่อตรวจสอบความเหมาะสมของรูปแบบ การบริหารงานงบประมาณ เพื่อรองรับการกระจายอานาจของโรงเรียนขนาดเล็กที่เป็นแบบอย่างท่ีดี สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษาในจังหวดั พิษณุโลก กลุ่มตัวอย่างในการวจิ ัย เป็นผู้บรหิ ารโรงเรียน และเจ้าหน้าท่ีการเงินของโรงเรียนขนาดเล็กท่ีเป็นแบบอย่างท่ีดี โรงเรียนในสังกัดสานักงานเขตพื้นที่ การศึกษาจังหวัดพิษณุโลก ท่ีได้จากการคัดเลือกแบบเจาะจง (Cluster Random Sampling) โดย คัดเอาโรงเรียนทม่ี ีผลการประเมนิ 3 อันดับแรกในแต่ละเขตพ้นื ท่กี ารศึกษาได้กลมุ่ ตวั อย่าง จานวน 9 โรงเรียน จานวน 18 คน เคร่ืองมือในการวิจัย แบบสัมภาษณ์แบบมีโครงสร้าง และแบบประเมิน ความเหมาะสม วิธีดาเนินการวิจัย สัมภาษณ์กลุ่มตัวอย่างเก่ียวกับสภาพการบริหารงบประมาณ เพอ่ื รองรับการกระจายอานาจ ประเมินความเหมาะสมและความเป็นไปได้ของรปู แบบการบริหารงาน งบประมาณเพื่อรองรับการกระจายอานาจ ของโรงเรียนขนาดเล็กสังกัดสานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษา ประถมศึกษาในจังหวัดพษิ ณโุ ลก โดยผ้ทู รงคุณวฒุ จิ านวน 10 ท่าน

64 ผลการวจิ ยั พบว่า 1. โรงเรียนขนาดเล็กที่เป็นแบบอย่างที่ดี สังกัดสานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษา ประถมศึกษาในจังหวัดพิษณุโลก ท่ีผ่านการประเมินรอบ 2 จากสานักงานรับรองมาตรฐานและ ประเมินคุณภาพการศึกษา (สมศ.) มีผลการประเมินอยู่ในระดับ 1-3 ในแต่ละเขตพ้ืนท่ีการศึกษา ในจังหวดั พษิ ณุโลก 2. สภาพปจั จุบันและความเหมาะสมของรูปแบบการบริหารงานงบประมาณ เพอ่ื รองรับ การกระจายอานาจ ของโรงเรียนขนาดเล็กสังกัดสานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษาในจังหวัด พิษณุโลก ท้ัง 7 ด้านมีการกระจายอานาจแบบแบ่งอานาจมากท่ีสุด รองลงมาคือ เป็นแบบผู้บริหาร ดาเนินการเองไม่กระจายอานาจทั้งรายด้านและรายข้อ วีระ สุรินทร์ (2553, น.73 - 74) ได้ศึกษาการบริหารงานบุคลากรในโรงเรียนขนาดเล็ก ในอาเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ วัตถุประสงค์การวิจัย เพ่ือศึกษาการบริหารงานบุคลากร ในโรงเรียนขนาดเล็กในอาเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ กลุ่มตัวอย่างในการวิจัย ผู้บริหารและ บุคลการในโรงเรียนขนาดเล็ก ในอาเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ ผู้บริหารจานวน 24 คน และครู จานวน 110 คน รวม จานวน 134 คน ในปีการศึกษา 2552 เคร่ืองมือที่ใช้ในการวิจัยแบบสอบถาม เกี่ยวกับการปฏิบัติงานในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการบรหิ ารงานบุคลากร วิเคราะห์ข้อมูลโดยการแจกแจง ความถ่ี รอ้ ยละ สังเคราะหแ์ ละหาขอ้ สรุปแลว้ นาเสนอแบบตารางและความเรียง ผลการศึกษาการบริหารงานบุคลากรในโรงเรียนขนาดเล็กในอาเภอแม่แจ่ม จังหวัด เชียงใหม่ การปฏิบัติในส่วนที่เก่ียวข้องกับการบริหารงานบุคลากร ในการวางแผนบุคลากร ผู้ตอบ แบบสอบถามท้ังหมดได้ให้ข้อมูลว่า ได้วางแผนการใช้บุคลากรที่มีอยู่ให้ได้ประโยชน์สูงสุด ผู้ตอบ แบบสอบถามส่วนน้อย ได้ให้ข้อมูลว่าการวางแผนบุคลากรไม่ได้วางแผนอย่างเป็นระบบ ส่วนการ จัดการบุคลากรเข้าปฏิบัติงาน ผู้ตอบแบบสอบถามทั้งหมดให้ข้อมูลว่าได้จัดบุคลากรเข้าปฏิบัติงาน โดยยึดระบบคุณธรรม มีผู้ตอบแบบสอบถามส่วนน้อย ให้ข้อมูลว่าไม่ได้วางแผนการจัดบุคลากร เข้าปฏิบัติงานอย่างเป็นระบบ ด้านการพัฒนาบุคลากร ผู้ตอบแบบสอบถามท้ังหมดให้ข้อมูลว่า ได้ส่งเสริมบุคลากรท่ีผ่านการอบรมนาความรู้มาพัฒนางานอยา่ งอิสระ ในขณะท่ีผ้ตู อบแบบสอบถาม สว่ นใหญ่ใหข้ ้อมูลว่า ไดส้ ง่ เสริมให้บุคลากรพฒั นาตนเองไดอ้ ยา่ งอิสระ ทินกร แก้วปัญญา (2555, น.134-136) ได้ศึกษาเร่ืองสภาพและปัญหาการบริหารงาน โรงเรียนขนาดเลก็ สงั กัดสานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาประถมศึกษาอบุ ลราชธานี เขต 5 วัตถุประสงค์ เพ่ือ 1) เพื่อศึกษาสภาพการบริหารงานโรงเรียนขนาดเล็กตามความคิดเห็นของผู้บริหารสถานศึกษา และข้าราชการครู สานกั งานเขตพ้นื ทกี่ ารศกึ ษาประถมศึกษาอุบลราชธานี เขต 5 2) เพื่อเปรียบเทยี บ สภาพและปัญหาบริหารงานโรงเรียนขนาดเล็กตามความคิดเห็นของผู้บริหารสถานศึกษาและ ข้าราชการครู สานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาประถมศึกษาอุบลราชธานี เขต 5 จาแนกตามตาแหน่ง วุฒิการศึกษา และประสบการณ์การทางาน 3) เพื่อศึกษาปัญหาและข้อเสนอแนะการบริหารงาน โรงเรียนขนาดเล็กตามความคิดเห็นของผู้บริหารสถานศึกษาและข้าราชการครู สานักงานเขตพ้ืนท่ี การศึกษาประถมศึกษาอุบลราชธานี เขต 5 กลุ่มตัวอย่างในการวิจัยครั้งนี้คือ ผู้บริหารและครูผู้สอน ในโรงเรียนขนาดเล็กสังกัดสานักงานเขตพนื้ ท่กี ารศึกษาประถมศึกษาอุบลราชธานี เขต 5 ปีการศึกษา 2554 จานวน 231 คน เคร่ืองมือที่ใช้ในการวิจัยคือ แบบสอบถามเกี่ยวกับสภาพและปัญหา

65 การบริหารงานโรงเรียนขนาดเล็ก สังกัดสานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษาอุบลราชธานี เขต 5 มีลกั ษณะเปน็ แบบมาตราสว่ นประมาณคา่ 5 ระดับ (Rating Scale) ผลการวิจยั พบว่า 1. สภาพการบริหารงานโรงเรียนขนาดเล็ก สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษาอุบลราชธานี เขต 5 ทั้ง 4 ด้านโดยรวมและรายด้านมีสภาพการปฏิบัติอยู่ในระดับมาก โดยเรียงจากมากไปหาน้อย คือด้านการบริหารงานท่ัวไป ด้านการบริหารงบประมาณ ด้านการ บริหารงานวิชาการและด้านการบริหารงานบคุ คล 2. ผลการเปรียบเทียบสภาพการบริหารโรงเรียนขนาดเล็ก สังกัดสานักงานเขตพื้นท่ี การศึกษาอุบลราชธานี เขต 5 โดยจาแนกตามตาแหน่ง วุฒิการศึกษา และประสบการณ์การทางาน จาแนกตามตาแหน่ง พบว่า มีความคิดเห็นโดยรวมและรายด้านไม่แตกต่างกัน จาแนกตามวุฒิ การศึกษา พบว่า มีความคิดเห็นโดยรวมไม่แตกต่างกัน จาแนกตามประสบการณ์การทางาน พบว่า มีความคิดเหน็ โดยภาพรวมไม่แตกตา่ งกัน 3. ปัญหาและข้อเสนอแนะการบริหารงานโรงเรียนขนาดเล็ก สังกัดสานักงานเขตพ้ืนที่ การศึกษาประถมศึกษาอุบลราชธานี เขต 5 1) ด้านการบริหารงานวิชาการ นักเรียนมีปัญหาทาง ครอบครัว ครูขาดความเข้าใจในหลักสูตรและไม่นาผลการนิเทศมาใช้ ขอ้ เสนอแนะ คือ ประชุมชี้แจง กาหนดมาตรการในการพัฒนาการจดั การเรยี นการสอนอยา่ งจริงจัง พฒั นางานวชิ าการอย่างจริงจัง 2) ด้านการบริหารงานงบประมาณ ปัญหาท่ีพบ คืองบประมาณไม่เพียงพอ การใช้จ่ายไม่โปร่งใส ข้อเสนอแนะ คือ ควรเพ่ิมงบประมาณและงบจัดซื้อวัสดุอุปกรณ์เป็นกรณีพิเศษ 3) ด้านการ บริหารงานบุคลากร ปัญหาท่ีพบคือ บุคลากรไม่ครบช้ัน ขาดความรับผิดชอบในหน้าที่ ขาดความ กระตือรือร้นและเอาใจใส่ในการปฏิบัติงาน ข้อเสนอแนะ จัดหาครูให้ครบทุกกลุ่มสาระ จัดอบรม พัฒนาเพ่ิมประสบการณ์ในการจัดการเรียนการสอน 4) ด้านการบริหารท่ัวไป ปัญหาท่ีพบคือ อาคาร สถานที่และห้องปฏิบัติการต่าง ๆ ไม่เพียงพอในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน และปริมาณงานที่ นอกเหนือจากกิจกรรมการเรียนการสอนมีมาก รวมทั้งการบริหารงานไม่เป็นระบบ ข้อเสนอแนะ คือ สถานศกึ ษาควรร่วมมือกับผปู้ กครองนักเรียน และชุมชนในการพฒั นาคุณภาพการศึกษา เรวัต ภิรมย์ไกรภักดิ์ (2555, น.110-114) ได้ศึกษาเรื่องการศึกษาสภาพปัญหาและ แนวทางแก้ปัญหาการบริหารสถานศึกษาของผู้บริหารโรงเรียนขนาดเล็กท่ีมีครูไม่ครบชั้น สังกัด สานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษาชัยภูมิ เขต 3 วัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพ่ือศึกษาสภาพและ ปัญหาการบริหารสถานศึกษาของผู้บริหารโรงเรียนขนาดเล็กท่ีมีครูไม่ครบชั้น สังกัดสานักงาน เขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษาชัยภูมิ เขต 3 2) เพื่อเปรียบเทียบสภาพและปัญหาการบริหาร สถานศึกษาของผู้บริหารโรงเรียนขนาดเล็กที่มีครูไม่ครบช้ัน สังกัดสานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษา ประถมศึกษาชัยภูมิ เขต 3 จาแนกตามประสบการณ์ในการบริหารและวุฒิการศึกษา 3) เพื่อหา แนวทางแก้ปัญหาการบริหารสถานศึกษาของผู้บริหารโรงเรียนขนาดเล็กท่ีมีครูไม่ครบช้ัน สังกัด สานักงานเขตพืน้ ทกี่ ารศกึ ษาประถมศึกษาชัยภูมิ เขต 3 กล่มุ ตัวอยา่ งในการวิจยั คือ ผบู้ ริหารโรงเรียน ขนาดเลก็ ท่ีมีครูไม่ครบชั้น สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชัยภูมิ เขต 3 ปีการศึกษา 2554 จานวน 80 คน จากการกาหนดขนาดของกลุ่มตัวอย่างโดยใช้ตารางสาเร็จรูปของ Krejcie และ Morgan เคร่ืองมือท่ีใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) แบบสอบถามสภาพและปัญหาการบริหารสถานศึกษา

66 ของผู้บริหารโรงเรียนขนาดเล็กท่ีมีครูไม่ครบชั้น สังกัดสานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษา ชัยภูมิ เขต 3 2) แบบสัมภาษณ์แบบมีโครงสร้างเพื่อหาแนวทางแก้ปัญหาการบริหารสถานศึกษาของ ผู้บริหารโรงเรียนขนาดเล็กที่มีครูไม่ครบชั้นสังกัดสานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาประถมศึกษาชัยภูมิ เขต 3 ผลการวิจัย พบว่า 1. ผลการศึกษาสภาพการบริหารสถานศึกษาของผู้บริหารโรงเรียนขนาดเล็กที่มีครู ไม่ครบช้ัน สังกัดสานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษาชัยภูมิ เขต 3 ภาพรวม อยู่ในระดับมาก พิจารณารายด้านเรียงเฉล่ียสูงสุดไปหาต่าสุดได้ ดังน้ี ด้านการบริหารงานบุคคล ด้านการบริหารงาน ทวั่ ไป ด้านการบริหารงานงบประมาณ ด้านการบริหารงานวิชาการ สภาพการบริหารสถานศึกษาของ ผู้บริหารโรงเรียนขนาดเล็กที่มีครูไม่ครบช้ัน สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชัยภูมิ เขต 3 โดยภาพรวม พบว่าผู้ท่ีมีวุฒิการศึกษาต่างกัน ไม่แตกต่างกัน และเม่ือพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่าไมแ่ ตกตา่ งกัน 2. ผลการศึกษาปัญหาการบริหารสถานศึกษาของผู้บริหารโรงเรียนขนาดเล็กที่มีครู ไม่ครบช้ัน สังกัดสานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษาชัยภูมิ เขต 3 โดยภาพรวม อยู่ในระดับ ปานกลาง เรียงลาดับด้านที่มีค่าเฉล่ียจากมากไปหาน้อย พบว่า ด้านการบริหารงานงบประมาณ ดา้ นการบริหารงานวิชาการ ด้านการบรหิ ารงานทัว่ ไป ด้านการบริหารงานบคุ คล 3. แนวทางการแก้ปัญหาการบริหารสถานศึกษา ของผู้บริหารโรงเรียนขนาดเล็กท่ีมีครู ไม่ครบชั้น สังกัดสานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาประถมศึกษาชัยภูมิ เขต 3 พบว่า ด้านการบริหารงาน วิชาการ ควรใช้ทรัพยากรร่วมกันในเครือข่ายโรงเรียนขนาดเล็ก ควรมีการนิเทศภายในอย่างต่อเน่ือง เพื่อให้การเรียนการสอนเป็นไปตามหลักสูตร นิเทศให้ครูเข้าถึงกระบวนการวิจัย มีเจตคติท่ีดีต่อ การวิจัย นาไปใช้ในการจัดการเรียนการสอนได้ ด้านการบริหารงบประมาณ ควรบูรณาการโครงการ ดาเนินการแบบมีส่วนร่วม จัดหางบประมาณสนับสนุนจากชุมชน ท้องถิ่น บุคคลภายนอก ด้านการ บริหารงานบุคคล สร้างความตระหนัก ความสาคัญของภาระงาน ท่ีมีต่อผลสาเร็จขององค์กร เห็นส่วนรวมดีกว่าส่วนตน ด้านการบริหารงานทั่วไป มอบความรับผดิ ชอบในการติดต่อประสานงาน กับเครือข่ายการสื่อสารอย่างต่อเนื่องและสม่าเสมอ สร้างเครือข่ายร่วมมือบนเส้นทางการช่วยเหลือ พงึ่ พาซึ่งกนั และกัน 1.2 การบรหิ ารจัดการโรงเรียนคณุ ภาพ/โรงเรยี นหลักและความพร้อม กฤษณา ถาคา (2552, น.67-68) ได้ศึกษาความพรอ้ มในการจดั การศึกษาขององค์กร ปกครองส่วนทอ้ งถิ่นอาเภอดอยสะเก็ดจงั หวดั เชยี งใหม่ ผลการวิจัย พบว่า ความพร้อมในการจัดการศึกษาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ท้ัง 4 ด้าน ด้านกระบวนการและด้านผลลัพธ์ อยู่ในระดับพร้อมมากท่ีสุด ส่วนด้านปัจจัยและด้าน ผลผลิตอยู่ในระดับพร้อมมาก และผู้ปกครองเด็กศูนย์พัฒนาเด็กเล็กมีความพึงพอใจในการจัด การศึกษาด้านผลลัพธ์อยู่ในระดับมาก แนวทางเสริมสร้างความพร้อมในการจัดการศึกษาขององค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่น ด้านปัจจัยผู้บริหารควรมีการกาหนดวิสัยทัศน์ มีความรู้ความสามารถและ ควรเพิ่มศักยภาพให้กับบุคลากรทางการศึกษาให้มากขึ้น จัดให้มีแผนการศึกษา มีบุคลากร ทางการศึกษาท่ีมีคุณสมบัติท่ีเหมาะสมกับตาแหน่งและเพียงพอ จัดสรรงบประมาณอาคารสถานท่ี

67 วัสดุ ครุภัณฑ์ ให้เพียงพอและท่ัวถึง มีแผนการใช้จ่ายงบประมาณท่ีถูกต้องและตรวจสอบได้ มีการ วางแผนปรับปรุงอาคารสถานทีอ่ ย่างต่อเนื่อง จัดแหล่งเรียนร้ใู ห้มีความหลากหลายท้งั ทเ่ี ป็นภูมิปัญญา ท้องถิ่นและแหล่งเรียนรู้ที่จัดหาเพิ่มเติม ด้านกระบวนการควรให้ความสาคัญและมีการดาเนินการจัด การศึกษาทุกระบบ นาหลักสูตรการศึกษามาใช้ให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน มีการจัดโครงสร้าง การบริหารจัดการศึกษา รวมถึงขอ้ มลู สารสนเทศทางการศึกษาให้เป็นระบบงา่ ยต่อการบริหารจัดการ มีระบบการบริหารจัดการ หรือมีแผนดาเนินการด้านงบประมาณท่ีโปร่งใส ประชาชนสามารถ ตรวจสอบได้ จัดระบบการบริหารและการจัดการวัสดุ ครุภัณฑ์ ท่ีดินและส่ิงก่อสร้างอย่างเป็นระบบ มีการดูแลอย่างต่อเน่ือง จัดระบบการบริหารและการจัดการแหล่งเรียนรู้ ใช้ทรัพยากรแหล่งเรียนรู้ อย่างคุ้มค่า พัฒนาแหล่งเรียนรู้ในท้องถิ่นให้มีความหลากหลาย ด้านผลผลิตควรจัดบรรยากาศท่ี เอื้อต่อการปฏิบัติงานให้ผู้ใช้บริการได้รับความสะดวก และใช้ข้อมูลสารสนเทศได้อย่างรวดเร็ว มีประสิทธิภาพและเกิดผลต่อการปฏิบัติงาน มีการดาเนินการตามแผนหรือโครงการที่ต้ังไวโ้ ดยใช้ทรัพยากร อย่างคุ้มค่า พร้อมทั้งมีการรายงานผลเม่ือดาเนินการแล้วเสร็จ ส่งเสริมให้ผู้เรียนเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ เพ่ือให้มีพัฒนาการทุกดา้ นทด่ี อี ย่างเต็มศักยภาพ และมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนตามเกณฑ์ ด้านผลลพั ธ์ควรมี การสารวจความพึงพอใจและความต้องการของชุมชนในด้านการจัดการศึกษา จัดใหม้ ีคณะกรรมการประเมิน และตรวจสอบคุณภาพการจัดการศึกษาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จัดทามาตรฐานหรือตัวชี้วัดภายใน ขององคก์ รปกครองสว่ นท้องถิ่นด้านการจดั การศึกษาเพอื่ ให้การจัดการศกึ ษามีคุณภาพ ขัตติยา ด้วงสาราญ (2552, น.20-26) ได้ศึกษาเรื่อง การบริหารเชิงกลยุทธ์ โดยมี วัตถุประสงค์คือ 1) เพ่ือศึกษาองค์ประกอบการบริหารเชิงกลยุทธ์สาหรับโรงเรียนขนาดเล็ก และ 2) เพ่อื ศึกษารูปแบบการบรหิ ารเชงิ กลยทุ ธ์ ผลการวิจัยพบว่า 1. องค์ประกอบของรูปแบบ การบริหารเชิงกลยุทธ์ ประกอบด้วย 6 องค์ประกอบ คือ 1) วางแผนกลยุทธ์ 2) ประเมินกลยุทธ์ของโรงเรียน 3) กาหนดทิศทางของโรงเรียน 4) กาหนดกลยทุ ธ์ ของโรงเรยี น 5) การปฏิบตั ิตามกลยทุ ธ์ของโรงเรียน และ 6) ประเมินกลยทุ ธ์ของโรงเรยี น 2. รูปแบบการบริหารเชิงกลยุทธ์มีรูปแบบที่ประกอบด้วยองค์ประกอบท่ีสาคัญ 6 องค์ประกอบ ซ่ึงมีความเหมาะสม ถูกต้อง เป็นไปได้ และสามารถนาไปใช้ประโยชน์ได้ สอดคล้องกับ กรอบแนวคดิ ทฤษฎีของการวจิ ัย ธีระพร อายุวัฒน์ (2552, น.71-78) ได้ศึกษาเร่ืองแนวปฏิบัติท่ีเป็นเลิศในการบริหารงาน วชิ าการของสถานศกึ ษาขั้นพืน้ ฐาน ในสังกัดสานักงานคณะกรรมการสถานศกึ ษาขน้ั พ้ืนฐาน จานวน 3 โรงเรียน ใน 3 ภูมภิ าค ใชร้ ะเบยี บวิธวี ิจยั เชงิ คณุ ภาพ พหกุ รณีศึกษา ผลการวจิ ัย พบวา่ 1. โรงเรียนมแี นวปฏิบัตทิ ่ีเป็นเลิศในการบรหิ ารงานวชิ าการของสถานศึกษาขั้นพ้ืนฐานทั้ง 17 ด้านท่ที าการศึกษา 2. แนวปฏิบัติที่เป็นเลิศในการบริหารงานวิชาการของสถานศึกษาขั้นพ้ืนฐาน ประกอบดว้ ยแนวคิดและหลกั การยทุ ธศาสตร์ และคณุ ลักษณะของสถานศกึ ษาข้นั พื้นฐาน แนวปฏบิ ัติ ท่ีเปน็ เลศิ ในการบริหารงานวชิ าการของสถานศึกษาข้ันพ้ืนฐาน 3. เงือ่ นไขของการนาแนวปฏบิ ตั ทิ ่ีเป็นเลศิ ในการบรหิ ารงานวิชาการของสถานศึกษาขนั้ พื้นฐาน

68 4. ผลการตรวจสอบแนวปฏิบัติที่เป็นเลิศในการบริหารงานวิชาการของสถานศึกษา ขัน้ พนื้ ฐานมปี ระโยชน์และนาไปใช้ปฏิบัติได้จริง วาสนา ไชยกันทา (2552, น.57-59) ได้ศึกษาความพร้อมในการถ่ายโอนโรงเรียน ให้องค์การบริหารสว่ นตาบลแมน่ ะ อาเภอเชียงดาว จงั หวัดเชียงใหม่ ผลการวิจัย พบว่า ในการถ่ายโอนโรงเรียนให้องค์การบริหารส่วนตาบลแม่นะ ด้านบุคลากร งบประมาณ วัสดุ และอุปกรณ์ งานวิชาการและบริหารทั่วไป เกินครึ่ง เห็นว่าไม่พร้อม ในการสร้างและให้กาลังใจแก่บุคลากรอย่างยุติธรรม และจัดสรรงบประมาณ โดยคานึงถึงความเสมอภาค ทางการศึกษา และเกือบคร่ึงเห็นว่าไม่พร้อมเร่ืองระบบการส่ือสารท่ีเอื้อต่อการศึกษา และการนิเทศ จดั การเรียนการสอนอย่างมปี ระสิทธภิ าพ ส่วนที่พร้อมเกือบครึ่งเห็นว่าพรอ้ มจัดทรัพยากรเพ่ือส่งเสริมงาน ท่ีมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ระดมทรัพยากรเพ่ือการศึกษา เผยแพร่ผลงานทางวิชาการของบุคลากร ทางการศึกษา และบริหารโรงเรียนในรูปแบบของนิติบุคคล แต่เกินครึ่งไม่แน่ใจในเร่ืองประชุมช้ีแจงให้ครู และผู้บริหารโรงเรียนทราบถึงขั้นตอนในการปฏิบัติงานตามแผน และเกือบครึ่งไม่แน่ใจว่ามีโครงสร้าง การบรหิ ารงานบุคลากรแบบมีสว่ นร่วม การพัฒนาบุคลากรทางการศกึ ษาให้มคี วามรคู้ วามสามารถในการใช้ เทคโนโลยีเพ่อื การศึกษาและนาภูมิปัญญาทอ้ งถน่ิ มาใหค้ วามรู้แกผ่ ูเ้ รยี น เอกพงษ์ อวดมูล (2552, น.50) ได้ศึกษาการใช้แหล่งเรียนรู้ของโรงเรยี นในศูนย์เครือข่าย พัฒนาคณุ ภาพการศึกษาสบเมย จังหวัดแมฮ่ อ่ งสอน ผลการวิจยั พบว่าการใชแ้ หลง่ เรียนรู้ดา้ นสิ่งแวดล้อมภายในโรงเรียน จัดการเรยี นรู้ใช้ภมู ิปัญญา ท้องถ่ินมาจัดการเรียนรใู้ นขณะที่ผบู้ ริหารและครูส่วนนอ้ ยไมไ่ ด้จัดกิจกรรมการเรยี นร้ทู ่ีกระตุ้นใหผ้ ู้เรียนร้จู ัก แสวงหาความรูจ้ ากแหลง่ เรยี นร้ไู ม่ไดใ้ ชส้ ภาพแวดล้อมภายนอกโรงเรยี นจดั การเรยี นรู้ ปนิดา ปันดอน (2553, น.55-59) ได้ศึกษาการมีส่วนร่วมของคณะกรรมการสถานศึกษา ขั้นพืน้ ฐานในการจัดการโรงเรยี นแม่ต่นื วทิ ยาคม อาเภออมกอ๋ ย จังหวัดเชยี งใหม่ ผลการวิจัย พบว่าการมีส่วนร่วมของคณะกรรมการสถานศึกษาข้ันพื้นฐาน ด้านวิชาการ ส่วนใหญ่มีส่วนร่วมให้ความเห็นชอบในแผนปฏิบัติการประจาปี ติดตามผลการดาเนินงานในลักษณะ การรายงานผลการปฏิบัติงานของโรงเรียน ให้ข้อเสนอแนะและปรับปรุงแผนการปฏิบัติการประจาปี ให้คาแนะนาในการจัดการเรียนรู้ในสาระภูมิปัญญาท้องถิ่น ส่งเสริมให้เด็กในพื้นท่ีบริการได้รับ การศึกษาโดยการประชาสัมพันธ์รณรงค์แก่ผู้ปกครอง จัดหางบประมาณสนับสนุนการแข่งขันทักษะ วิชาการ ให้คาแนะนาการศึกษาต่อแก่ผู้เรียน ส่วนการจัดทาหลักสูตร พบว่า ท้ังหมดไม่มีส่วนในการ จัดทาหลักสูตร ใช้วิธีการมอบหมายให้ครูตามมติท่ีประชุม ในด้านงบประมาณส่วนใหญ่มีส่วนร่วม ในการกาหนดแผนการใช้งบประมาณของโรงเรียน ให้ความเห็นชอบแผนการใช้งบประมาณโดยเสนอ ผ่านท่ีประชุมตรวจสอบผลการใช้งบประมาณของโรงเรียนตามวาระประชุม จัดหางบประมาณ ให้โรงเรียนจากองค์กรภายนอก สาหรับด้านบุคคลส่วนใหญ่มีส่วนร่วมในการประเมินผล การปฏิบัติงานและความประพฤติของบุคลากร โดยให้ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการขอย้ายของบุคลากร และให้ขวัญกาลังใจแก่บุคลากร การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการทางานกับบุคลากร ด้านการ พฒั นาผูเ้ รยี นและการสง่ เสรมิ ความสมั พันธ์ระหว่างบคุ ลากรหน่วยงานและชุมชน พงษ์ศักด์ิ ภูกาบขาว (2553, น.50-53) ได้ศึกษาเร่ืองข้อเสนอเชิงนโยบายเพื่อความ มีประสิทธิผลของโรงเรียนหลักที่สามารถควบรวม จังหวัดขอนแก่น ประกอบด้วย วิสัยทัศน์ พันธกิจ

69 เป้าหมายกลยุทธ์และตัวชี้วัดตามกรอบโครงสร้างซีทในด้านนักเรียน สภาพแวดล้อม กิจกรรม การเรยี นการสอนและเคร่อื งมือใชร้ ะเบียบวธิ วี ิจยั เชิงนโยบาย ผลจากการวจิ ยั พบวา่ 1. ได้วิสัยทัศน์ว่า “ภายในปี 2558 จังหวัดขอนแก่นเป็นจังหวัดช้ันนาการจัดการศึกษา เรียนร่วมในสถานศึกษาทุกระดับอย่างเท่าเทียมและมีคุณภาพด้วยรูปแบบที่เหมาะสมสอดคล้องตาม ความต้องการจาเป็นของเด็ก เพื่อให้เด็กได้รับการพัฒนาเต็มตามศักยภาพท้ังด้านทักษะการช่วยเหลือ ตนเอง ทักษะทางสังคมและการดารงชีวิต ทักษะทางวิชาการ และทักษะการงานอาชีพอยู่ในสังคม อย่างมีความสุข ภายใต้สภาพแวดล้อมที่เด็กสามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์ได้”และได้พันธกิจ 9 ประการคือ 1) พัฒนาระบบการบริหารจัดการศึกษาเรยี นรว่ มให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล 2) สร้างโอกาสให้ผู้เรียนได้เข้าเรียนรวมในสถานศึกษาทุกระดับอย่างเท่าเทียม 3) ส่งเสริมและพัฒนา ผ้เู รยี นได้รับการพัฒนาทักษะพ้ืนฐานทจี่ าเปน็ ทกุ ด้าน 4) ส่งเสรมิ และพัฒนาคณุ ภาพชวี ติ ของผ้เู รยี นให้ สามารถดารงชีวิตอสิ ระมีศกั ดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์ และมีส่วนรว่ มทางสังคมในทุกมิติ 5) สร้างและ พัฒนาภาคีเครือข่าย แหล่งบริการและระบบการคัดกรองแบบมีส่วนร่วมจากทุกฝ่าย 6) พัฒนา ศักยภาพของครูและบุคลากรให้มีเจตคติท่ีดี มีทักษะในการทางานและมีขวัญกาลังใจ 7) พัฒนา หลักสูตรการเรียนการสอน การวัดและประเมินผล และการเทียบโอนผลการเรียนสร้างองค์ความรู้ ใหม่ด้วยกระบวนการวิจัย 8) ส่งเสริมสนับสนุนหน่วยงานองค์การภาครัฐ เอกชน องค์การปกครอง ส่วนท้องถ่ิน หรือครอบครัว จัดการศึกษาเรียนรวมอย่างมีคุณภาพตามมาตรฐาน และ 9) สร้างความ พร้อมของสถานศึกษาในด้านสภาพแวดล้อม เทคโนโลยีส่ิงอานวยความสะดวก ส่ือ บริการ และ ความช่วยเหลอื อื่นใดทางการศกึ ษาทีค่ นพิการสามารถเขา้ ถึงและใช้ประโยชนไ์ ด้ 2. ได้ชุดของเป้าหมายกลยุทธ์และตัวช้ีวัดท่ีมุ่งจะก่อให้เกิดผลสาเร็จตามวิสัยทัศน์และ พันธกิจอาทิมุ่งมั่นในการบริหารจัดการมีระบบการคัดกรองมีการฟ้ืนฟูสมรรถภาพมีการเตรียมความ พร้อมของเด็กและส่งต่อเข้าเรียนมุ่งวางแผนวิเคราะห์สภาพแวดล้อมจัดตั้งศูนย์ประสานงานกาหนด มาตรฐานติดตามกากับและประเมนิ ผลระดมสรรพกาลังความรว่ มมือส่งเสรมิ สนับสนุนให้สถานศึกษา มีอิสระในการดาเนินงานจัดโครงสร้างการบริหารสร้างทีมงานมีเป้าหมายทิศทางและพัฒนาเกณฑ์ มาตรฐานการประกันคุณภาพมุ่งจัดระบบการจัดการเรียนร่วมให้สอดคล้องกับความต้องการจาเป็น ประชาสมั พันธ์จัดสรรงบประมาณ เทคโนโลยสี ิ่งอานวยความสะดวกสอื่ บริการและความช่วยเหลอื อื่น ใดทางการศึกษาเพ่ือใหเ้ ดก็ พิการสามารถเข้าถงึ และใช้ประโยชน์ได้ อภิสิทธ์ิ บุญยา (2553, น.70-76) ได้ศึกษาเรื่องการมีส่วนร่วมของชุมชนในโรงเรียนดีเด่น ระดับการศึกษาข้ันพื้นฐาน : การศึกษาเพ่ือสร้างทฤษฎีฐานราก งานวิจัยน้ีมีวัตถุประสงค์เพื่อเสนอ ข้อสรุปเชิงทฤษฎีจากการศึกษาปรากฏการณ์การมีส่วนร่วมของชุมชนในโรงเรียนดีเด่น ระดับ การศึกษาขั้นพ้ืนฐาน ที่เกี่ยวกับลักษณะปัจจัยท่ีมีอิทธิพลยุทธศาสตร์และเงื่อนไขที่ส่งผลต่อการใช้ ยทุ ธศาสตร์ ตลอดจนผลสืบเนื่องท่ีเกิดขึน้ จากการใช้ยุทธศาสตร์การมีส่วนร่วมของชุมชนเป็นการวิจัย เชิงคุณภาพเพอื่ สร้างทฤษฎีฐานราก ผลการวิจัยพบว่า 1. ลักษณะการมีส่วนร่วมของชุมชนคือการมองตนเองของชุมชน ประกอบด้วยการเป็น ชุมชนเข้มแข็ง และการได้รับการยอมรับจากภายนอก แบบแผนการมีส่วนร่วมประกอบด้วยรูปแบบ

70 การมสี ่วนร่วมและบทบาทการมีส่วนร่วมกระบวนการมีส่วนรว่ มมี 4 ขัน้ ตอนประกอบดว้ ยการกาหนด ความต้องการร่วมกัน การสร้างทีมและกาหนดกิจกรรม การร่วมดาเนินการและการรายงานผลงาน เป้าหมายการมีส่วนร่วม ประกอบด้วยการมุ่งสู่ความเป็นเลิศและการเป็นแหล่งเรยี นรู้ และพฤติกรรม การมีสว่ นรว่ ม ประกอบด้วยการสร้างคา่ นิยมรว่ ม การเสยี สละท่ีเกินระดับปกติ การแลกเปล่ียนเรียนรู้ และการตัดสนิ ใจร่วมกัน 2. ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการมีส่วนร่วมของชุมชนคือปัจจัยพ้ืนฐานของโรงเรียน ประกอบด้วยการกาหนดปรัชญาของโรงเรียนการเป็นศูนย์กลางการเรียน รู้ชุมชนและการมีเกียรติ ประวัติดเี ด่นการปฏิบัติงานของบคุ ลากรประกอบด้วยการมีความผูกพนั กับชมุ ชนการทางานดว้ ยความ โปร่งใสและการประพฤติตนเป็นแบบอย่างที่ดีและความพร้อมของชุมชนประกอบด้วยวิสัยทัศน์ผู้นา ชุมชนการสร้างบทบาทการมีสว่ นรว่ มและการเห็นคุณคา่ การมีส่วนร่วม 3. ยุทธศาสตร์การมีส่วนร่วมชุมชน คือ การสร้างเครือข่ายชุมชน ประกอบด้วยการสร้าง ความไว้เน้ือเชื่อใจและการแก้ปัญหาในชุมชน การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ประกอบด้วยการศึกษาดูงาน และการสร้างทางเลือกการตัดสินใจร่วมกัน การจัดการในชุมชน ประกอบด้วยการสร้างการรับรู้ ร่วมกันการเลือกสรรและกาหนดบทบาทหน้าท่ีและการสร้างแนวปฏิบัติร่วมกัน การประชาสัมพันธ์ ประกอบด้วยการประชุม การใช้หอกระจายข่าว การพบปะพูดคุยและการรายงานสาธารณะ และ การเป็นหุ้นส่วนของโรงเรียน ประกอบด้วยการสร้างวิสัยทัศน์ร่วม การจัดกิจกรรมการเรียนรู้สู่ชุมชน และการสร้างสัมพันธภาพที่ดี เงื่อนไขการที่ส่งผลต่อการใช้ยุทธศาสตร์การมีส่วนร่วมของชุมชน เชิงบริบท ประกอบด้วย สภาพแวดลอ้ มด้านสังคม วฒั นธรรม เศรษฐกิจ การปกครอง และสภาวะการ มีจิตสานึกร่วมกัน ส่วนเงื่อนไขเชิงสอดแทรก ประกอบด้วยโรงเรียนเป็นที่ศรัทธาของชุมชน แนวคิด การพัฒนาโรงเรียนสูค่ วามเปน็ เลิศและการใส่ใจให้บรกิ ารแกช่ มุ ชน 4. ผลสืบเน่ืองท่ีเกิดจากการใช้ยุทธศาสตร์การมีส่วนร่วมท่ีเก่ียวข้องกับด้านโรงเรียน ประกอบด้วย โรงเรียนมีคุณภาพและมาตรฐานความภาคภูมิใจในงาน และการยอมรับจากภายนอก และด้านชุมชน ประกอบด้วยการขยายจิตสานึกการมีส่วนร่วมการพัฒนาชุมชนที่ย่ังยืนและการเป็น ชุมชนแหง่ การเรียนรู้ พิชญาภา ขันทอง (2554, น.55-58) ศึกษาเรื่องกระบวนการบริหารของโรงเรียนท่ี ผ่านเกณฑ์การประเมินมาตรฐานสังกัดสานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาชุมพร เขต 2 จังหวัดชุมพร ผลการวิจัย พบว่าด้านผู้นาโดยภาพรวมอยู่ในระดับการปฏิบัติมาก โดยผู้บริหารเป็นผู้ริเร่ิม การเปลีย่ นแปลงเป็นอันดบั แรก รองลงมา ได้แก่ ผูบ้ ริหารมกี ารสร้างแรงจงู ใจทางบวกในการทางาน อารีรัตน์ เป็งรักษา (2554, น.103 -106) ได้ศึกษาวิจัยเร่ืองการพัฒนาการดาเนินงาน ตามรูปแบบการบริหารจัดการโรงเรียนข้ันพื้นฐาน สังกัดสานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษา พะเยา เขต 1 การวิจัยน้ีมีวัตถุประสงค์เพ่ือศึกษารูปแบบการบริหารจัดการ ผลการดาเนินงาน และ แนวทางการพัฒนาการดาเนินงานตามรูปแบบการบริหารจัดการโรงเรยี นข้ันพื้นฐาน สังกัดสานักงาน เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพะเยา เขต 1 ประชากรและกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งน้ี คือ ผู้บริหารโรงเรียน ครูผู้สอน คณะกรรมการสถานศึกษาข้ันพื้นฐาน เคร่ืองมือท่ีใช้ในการเก็บรวบรวม ข้อมูล แบบสอบถาม แบบสัมภาษณ์ และแบบสนทนากลุ่ม วิเคราะห์ข้อมูลโดยการแจกแจงความถ่ี ร้อยละ สังเคราะห์และหาข้อสรุปแลว้ นาเสนอแบบตารางและความเรียง ผลการวิจัยสรปุ ไดว้ ่ารูปแบบ

71 การบริหารจัดการ พบว่า โรงเรยี นขั้นพื้นฐาน สังกัดสานกั งานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษาพะเยา เขต 1 ส่วนใหญ่บริหารจัดการโดยใช้รูปแบบผสมผสานด้วยวิธีท่ีหลากหลาย รองลงมา คือ รูปแบบ ความร่วมมือจากชุมชน รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบรวมช้ันเรียน รูปแบบการใช้ ICTในการพัฒนา คุณภาพ รูปแบบการบูรณาการหลักสูตร รูปแบบการบริหารจัดการท่ีมีประสิทธิภาพและรูปแบบ โรงเรียนเครือขา่ ยตามลาดับ ศุภชัย ชุ่มใจ (2557, น.62-66) ศึกษาเร่ืองแนวทางการบริหารจัดการของโรงเรียน ขั้นพ้ืนฐาน สังกัดสานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษาน่าน เขต 1 ที่มีผลคะแนนเฉลี่ยสูง 8 ลาดับ ในการประเมินคุณภาพการศึกษาระดับชาติขั้นพ้ืนฐานชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ปีการศึกษา 2552 ผลการวจิ ัย พบว่าการบรหิ ารงานท้ัง 4 ดา้ น ประสบความสาเร็จได้นน้ั ต้องอาศัยการมีส่วนรว่ ม ของทุกฝ่าย ด้านวิชาการมีการวางแผนและการกาหนดนโยบายและทิศทางการพัฒนาคุณภาพ การศึกษาของสถานศึกษาร่วมกัน การกากับติดตาม มีส่วนร่วมให้ข้อเสนอแนะ รวมไปถึงการมี ส่วนร่วมในการระดมทรัพยากรเพ่ือการศึกษา ด้านบุคลากร ผู้บริหารควรใช้หลักธรรม เช่น พรหมวหิ าร 4 สงั คหวัตถุ 4 ในการบริหารงานบุคคล คณะกรรมการสถานศึกษามสี ่วนร่วมในการเป็น ท่ีปรึกษาและการมีส่วนร่วมของคณะกรรมการสถานศึกษาข้ันพ้ืนฐาน ให้ความเห็นชอบในการย้าย บุคลากร ด้านงบประมาณ ผู้บรหิ ารใช้หลกั ธรรมาภบิ าลในการบริหารงานงบประมาณ ให้ความสาคัญ กับการพัฒนางานวิชาการ จัดสรรงบประมาณใช้กับการพัฒนางานวิชาการ 60% ของงบประมาณ และทุกคนมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการงบประมาณ รวมถึงการระดมทรัพยากรเพื่อการศึกษา เพื่อใช้ในการพฒั นาและยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษา ดา้ นงานบริหารงานทัว่ ไปทกุ ฝา่ ยมสี ว่ นรว่ ม ในการจัดแหล่งเรียนรู้ภายในและภายนอก จัดบรรยากาศให้เอ้ือต่อการเรียนรู้ ใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่น ในการจดั การเรยี นร้แู ละเสรมิ สร้างความสมั พันธ์อนั ดีระหวา่ งสถานศกึ ษากับชุมชน กนกอร บุญกว้าง และจิณณวัตร ปะโคทัง (2559,บทคัดย่อ) ได้ศึกษาการมีส่วนร่วม การจัดการศึกษาของชมุ ชน กรณีศึกษา : โรงเรียนบ้านเหมือดขาว สงั กดั สานักงานเขตพ้นื ทก่ี ารศึกษา ยโสธร เขต 1 และศึกษาเงื่อนไขการมีส่วนร่วมของชุมชนในการจัดการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน กลุ่มเป้าหมายท่ีใช้ในการวิจัยคร้ังนี้ คือ ผู้บริหาร 1 คน ผู้ปกครองนักเรียน 16 คน นักเรียน 6 คน คณะครู 9 คน ผู้นาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 1 คน และกรรมการสถานศึกษาขั้นพ้ืนฐาน 9 คน รวม 42 คน เคร่ืองมือท่ีใช้ในการวิจัยเป็นแบบสัมภาษณ์ ซ่ึงแบ่งเป็น 4 ชุด คือ ชุดท่ี 1 สาหรับ ผู้บริหาร ชุดท่ี 2 สาหรับผู้ปกครองนักเรียน ผู้นาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และกรรมการ สถานศึกษาข้ันพ้ืนฐาน ชุดที่ 3 สาหรับคณะครู ชุดท่ี 4 สาหรับนักเรียน การวิเคราะห์ทางสถิติ โดย การวิเคราะห์เนื้อหา ผลการวิจัย พบว่า 1. การมีส่วนร่วมของชุมชน โรงเรียนบ้านเหมือดขาว มี 6 แนวทาง คือ 1) การมสี ่วนร่วมในการระดมความคดิ พบวา่ โรงเรียนกับชุมชนร่วมคิดค้นและวิเคราะห์ ปัญหาร่วมกันในลักษณะของการร่วมคิดบนพื้นฐานความศรัทธาว่า ทุกคนที่เข้ามามีส่วนร่วมนั้น มี ศกั ยภาพในการพัฒนาโรงเรียนรว่ มกัน 2) การมสี ่วนร่วมในการรว่ มวางแผน พบวา่ โรงเรยี นกับชุมชน นาสง่ิ ที่ร่วมกันคิด มากาหนดเป็นแผนร่วมกันดว้ ยการระดมทรพั ยากรจากทุกฝ่าย 3) การมีส่วนร่วมใน การร่วมกันลงมือทา พบว่า โรงเรียนกับชุมชนนาแผนงานที่ได้แบ่งงานกันรับผิดชอบ เพื่อให้เป็นไป ตามแผนหรือเป้าหมายท่ีร่วมกันวางไว้ 4) การมสี ่วนร่วมในการรว่ มกันตดิ ตามและประเมนิ ผล พบว่า

72 โรงเรียนกับชุมชนร่วมกันติดตามผลงานที่ทาหลังจากดาเนินกิจกรรมต่าง ๆ แล้ว เพ่ือปรับปรุง ข้อบกพร่องและหาแนวทางแก้ไขร่วมกัน 5) การมีส่วนร่วมในการร่วมกันปรับปรุงแก้ไข พบว่า เม่ือมี ปัญหาใด ๆ เกิดขึ้นโรงเรียนและชุมชนจะใช้โอกาสในการประชุมผู้ปกครองนักเรียน เพื่อพูดคุยกัน ถึงปัญหารวมถึงช่วยกันหาแนวทางแก้ไข 6) การมีส่วนร่วมในการร่วมกันรับผลประโยชน์ร่วมกันและ ช่ืนชมยินดี พบว่า ส่วนมากเป็นผลประโยชน์ทางด้านจิตใจมากกว่า จะเป็นผลตอบแทนทางด้านวัตถุ สิ่งของจากโรงเรียนและชุมชน 2. เง่ือนไขการมีส่วนร่วมของชุมชนในการจัดการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน ผลการวิจัยพบว่า 1) เง่ือนไขการมีส่วนร่วมมากในการจัดการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน ได้แก่ ผู้นาองค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่นและผู้นาชุมชนช่วยเหลือ การมีการรวมกลุ่มกันเองในชุมชนหลายกลุ่ ม กลุ่มเครือข่ายผู้ปกครองนักเรียนและสนับสนุนอย่างจริง คณะครูมีความสามัคคีและร่วมกันพัฒนา อย่างจริงจัง ผู้บริหารเป็นที่ยอมรับของคณะครูและชุมชน 2) เง่ือนไขการมีส่วนร่วมน้อยในการจัด การศึกษาข้ันพ้ืนฐาน ได้แก่ คนในชุมชนขาดความรู้เรื่องการดาเนินงานของโรงเรียน เงื่อนไขเกี่ยวกับ ระเบียบราชการท่พี บว่าค่อนขา้ งจะลา่ ชา้ นฎกร ป้ันพุ่มโพธ์ิ (2560,บทคัดย่อ) ได้ศึกษาปัจจัยที่ส่งผลความสาเร็จในการบริหาร สถานศึกษาของโรงเรียนในสังกัดสานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 7 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ ในการวิจัย ได้แก่ ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาของโรงเรียน ในสังกัดสานักงานเขตพื้นที่ การศึกษามัธยมศึกษา เขต 7 ปีการศึกษา 2560 จังหวัดสระแก้วท่ีได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง จานวน 327 คน เคร่ืองมือท่ีใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเป็นแบบสอบถามสถิติท่ีใช้ ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การวิเคราะห์ค่าสัมประสิทธ์ิสหสัมพันธ์แบบเพียร์สัน และการวิเคราะห์ ถดถอยพหุคูณ ผลการวิจัย พบว่า (1) ระดับปัจจัยที่ส่งผลต่อความสาเร็จในการบริหารสถานศึกษา โดยรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านโดยเรียงลาดับค่าเฉล่ียจากมากไปน้อย ได้แก่ ด้านคุณภาพการสอนของครู ด้านความพึงพอใจในการทางานของครู และด้านสภาพแวดล้อมของ สถานศึกษาตามลาดับ (2) ระดับความสาเร็จในการบริหารสถานศึกษา โดยรวมอยู่ในระดับมาก เม่ือ พิจารณาเป็นรายด้าน โดยเรียงลาดับค่าเฉลี่ยจากมากไปน้อย ได้แก่ ด้านการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน ด้านการพัฒนาบุคลากร ด้านการบริหารและสนับสนุน และด้านการบริหารสถานศึกษา ตามลาดับ (3) ค่าสัมประสิทธ์ิสหสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยมีความสัมพันธ์ทางบวกอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 ทุกตัวแปร โดยมีค่าสัมประสิทธ์ิสหสัมพันธ์อยู่ระหว่าง 0.602 - 0.814 ตัวแปรท่ีมีความสัมพันธ์ ทางบวกมากท่ีสุด คือ ด้านวัฒนธรรมสถานศึกษา และตัวแปรที่มีความสัมพันธ์ทางบวกต่าท่ีสุด คือด้านคุณภาพการสอนของครู และ (4) ผลการวิเคราะห์ปัจจัยที่ส่งผลต่อความสาเร็จในการบริหาร สถานศึกษา พบว่า ตัวแปรด้านวัฒนธรรมสถานศึกษา ด้านวิสัยทัศน์ของผู้บริหาร ด้านการได้รับ การสนบั สนุนทางสงั คมของครู และด้านสภาพแวดลอ้ มของสถานศึกษา สามารถพยากรณ์ความสาเร็จ ในการบรหิ ารสถานศกึ ษาไดร้ ้อยละ 74 อย่างมีนัยสาคญั ทางสถติ ิทีร่ ะดับ 0.01 กาญจนา เอียดสยุ (2560,บทคัดยอ่ ) ได้ทาการศึกษาการมีส่วนรว่ มของผู้ปกครองในการ จัดการศึกษาโรงเรียนเขาชัยสน อาเภอเขาชัยสน จังหวัดพัทลุง สานักงานเขตพื้นที่การศึกษา มธั ยมศึกษาเขต 12 การวิจัยในคร้ังน้ีมีวัตถุประสงค์เพ่ือ 1) ศึกษาระดับการมีส่วนร่วมของผู้ปกครอง ในการจัดการศึกษาโรงเรียนเขาชัยสน อาเภอเขาชัยสน จังหวัดพัทลุง 2) เปรียบเทียบการมีส่วนร่วม

73 ของผู้ปกครองในการจดั การศึกษาโรงเรียนเขาชัยสน อาเภอเขาชัยสน จงั หวัดพัทลุง จาแนกตาม เพศ อายุ ระดับการศึกษา รายได้และอาชีพ 3) เพ่ือศึกษาข้อเสนอแนะของการมีส่วนร่วมของผู้ปกครอง ในการจัดการศึกษาโรงเรียนเขาชัยสน อาเภอเขาชัยสน จังหวัดพัทลุง ปี 2560 กลุ่มตัวอย่างท่ีเก็บ ข้อมูล คือ ผู้ปกครองนักเรียน จานวน 257 คน เคร่ืองมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล เป็น แบบสอบถาม แบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ คา่ เฉลย่ี ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการวจิ ัยพบว่า 1. ระดับการมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาของผู้ปกครองในภาพรวมและรายด้านอยู่ใน ระดบั มาก ด้านที่ผู้ปกครองมีส่วนร่วมในการจัดการศกึ ษามากท่ีสุด คือ ด้านกิจการนักเรยี น รองลงมา ไดแ้ ก่ ดา้ นวิชาการ ดา้ นประกันคณุ ภาพ และดา้ นงบประมาณ ตามลาดบั 2. เปรียบเทียบการมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาของผู้ปกครอง พบว่า ทั้งโดยภาพรวม และรายด้านของผู้ปกครองที่มี เพศ อายุ ระดับการศึกษา รายได้และอาชีพ ท่ีแตกต่างกัน มีส่วนร่วม ในการจัดการศึกษา ท้ังด้านวิชาการ ด้านงบประมาณ ด้านกิจการนักเรียน และด้านประกันคุณภาพ ไม่แตกต่างกัน 3) ผู้ปกครองเสนอแนะ ด้านวิชาการว่า ควรมีการสนับสนุนให้ผู้ปกครองมีส่วนร่วม ในการวางแผนงานวิชาการและแนวทางการจัดการศึกษา การจัดการเรียนการสอน โดยแนะนา วิทยากรท้องถ่ิน/ปราชญ์ชาวบ้าน ท่ีมีความรู้ให้แก่สถานศึกษา และสนับสนุนการสอนเพ่ิมเติม และ ซ่อมเสริมในรายวิชาที่นักเรียนมีผลการเรียนค่อนข้างน้อย ด้านงบประมาณเสนอแนะว่า ควรสนับสนุนและประชาสัมพันธ์การระดมทุนทางการศึกษาจากหน่วยงานอ่ืน ๆ และชุมชน สนับสนุน วัสดุอุปกรณ์ด้านกีฬา รวมทั้งวัสดุอุปกรณ์ในท้องถิ่น เพ่ือช่วยในการจัดการศึกษาเพิ่มขึ้น ด้านกิจการนักเรียน เสนอแนะว่า ควรส่งเสริมให้ผู้ปกครองมีส่วนร่วมในการวางแผนการบริหารงาน กลุ่มกิจการนักเรียน มีการเข้าร่วมประชุม การเข้าร่วมกิจกรรมการดาเนินงานต่าง ๆ การประเมินผล ทากิจกรรมของโรงเรียน ร่วมกันดูแลนักเรียนให้มีระเบียบวินัย พฤติกรรมให้เป็นไปตามระเบียบของ โรงเรยี น และมีการรายงานผลพฤติกรรมนักเรียนให้ผู้ปกครองทราบ จากการส่อื สารในรูปแบบต่าง ๆ และดา้ นประกันคุณภาพผู้เรยี น เสนอแนะว่า ควรมกี ารประชาสมั พันธ์ สนับสนุนให้บุคลากรเข้าเรียน ในสถานศึกษา จัดทาคู่มือการศึกษา สารสนเทศของโรงเรียนเทอมละคร้ัง และประเมินผลติดตาม การทากิจกรรมต่าง ๆ ของโรงเรียน จากการศึกษางานวิจัยที่เกี่ยวข้องในประเทศ พบว่า การบริหารจัดการของโรงเรียน ขั้นพื้นฐานและมีคุณภาพนั้น เป็นเร่ืองสาคัญท่ีจะทาให้โรงเรียนขนาดเล็กมีประสิทธิภาพโดยการ ควบรวมกบั โรงเรียนหลัก ดังนั้นโรงเรียนหลกั จะตอ้ งมีประสิทธิภาพในเรอ่ื งตา่ ง ๆ เชน่ การบรหิ ารงาน ที่มีกลยุทธ์ นโยบายที่มีประสิทธิภาพ การมีส่วนร่วมของชุมชน การบริหารงานท้ัง 4 ด้าน ท่ีประสบ ความสาเร็จ

74 2. งานวจิ ยั ต่างประเทศ Wilson และ McPake (2000, pp.119-132) ได้ศึกษาการบริหารงานของผู้บริหาร โรงเรียนที่มีประสิทธิภาพ เก่ียวกับการจัดทาหลักสูตรการทาแผนพัฒนาโรงเรียน การบริหารจัดการ แบบกระจายอานาจให้โรงเรียน และการประเมินผลและพัฒนาครูผลการวิจัยพบว่าร้อยละ 86 ของ โรงเรียนมีการจัดทาแผนพัฒนาโรงเรียนอย่างเต็มรูปแบบ โรงเรียนที่เป็นกลุ่มตัวอย่างเห็นด้วยกับ การท่ีโรงเรียนจัดทาแผนพัฒนาโรงเรียน เพราะจะเป็นเครื่องมือที่จะช่วยควบคุมและให้ความสาคัญ กับงานท่ีทา บางโรงเรียนผู้บริหารโรงเรียนมักจะรายงานเร่ืองเก่ียวกับโรงเรียนให้คณะกรรมการ โรงเรียนทราบมากกว่าทีจ่ ะขอคาปรึกษาจากคณะกรรมการโรงเรียน Spengler (2000, p.9-12) ไดท้ าการศึกษาแนวทางการจดั การดา้ นการเงนิ ของโรงเรยี น ผลการศึกษา พบว่า มีความจาเป็นท่ีผู้จัดการต้องทราบที่มาของการศึกษาเพ่ือจะกาหนดรูปแบบของ การศึกษาในอนาคตได้ คานึงถึงการบริหารจัดการโรงเรียนแบบบูรณาการและการบริหารการเงิน โรงเรียน การบริหารงบประมาณโรงเรียนเป็นองค์ประกอบจาเป็นมากต่อการจัดการโรงเรียน อย่างเปน็ ระบบ รูปแบบการบรหิ ารจัดการงบประมาณการเงนิ ของโรงเรยี นในช่วงแรก คือการวางแผน โดยการสารวจภาพรวมเกี่ยวกับโรงเรียนกอ่ นนาเป้าหมายและแผนงบประมาณที่ได้ไปกาหนด ภารกิจ และวิสยั ทศั น์ ยังมีการปฏบิ ัตกิ ารและแผนเป็นองค์ประกอบในการตัดสนิ ใจ รปู แบบการบริหารจัดการ งบประมาณในช่วงท่ี 2 เป็นการกาหนดแผนปฏิบัติการ และในระยะสดุ ท้ายเป็นการควบคุม หรือการ จัดทาบัญชี นอกจากน้ีการบริหารจัดการโรงเรียนอย่างประหยดั ควรไดร้ ับการกาหนดเป็นการจัดการ โรงเรียนในเบือ้ งต้นดว้ ย Wilson, Robert Lame (เรวัต ภิรมย์ไกรภักด์ิ, 2555, น.110-114 ; อ้างอิงมาจาก Wilson, Robert Lame, 2001, Abstract) ทาการวิจัยเรื่องการบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐานใน Alberta: การรับรู้ของผู้นาในโรงเรียนของรัฐ ค.ศ. 1994-1997 (School-BaseManagement in Alberta: Perceptions of Public School Leaders 1994-1997) ผลการศึกษา พบว่า ความสาเร็จ ของการบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐานเกิดจากผู้นาในโรงเรียนมีบทบาทในการตัดสินใจเพ่ิมบทบาท การมีส่วนร่วมของชุมชน และพัฒนาการสื่อสาร ผู้นาใช้ภาวะผู้นาแบบเก้ือหนุน หรืออานวยความ สะดวก ผูม้ ีส่วนรว่ มในการบรหิ ารโรงเรยี นรสู้ ึกพอใจกบั การบริหารโดยใชโ้ รงเรียนเปน็ ฐาน Birenbaum (เรวัต ภิรมยไ์ กรภกั ด,ิ์ 2555, น.110-114 ; อ้างองิ มาจาก Birenbaum, 2002,3013-A) ได้ศึกษาเกี่ยวกับยุทธศาสตร์ได้ใช้ในการลดภาระค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษาทั่วไป ในแคลิฟอร์เนยี ประเทศสหรัฐอเมรกิ าผลการศกึ ษาพบวา่ มียทุ ธศาสตรก์ ารดาเนินงาน 3 ยทุ ธศาสตร์ คอื 1. การลดหรือจากัดจานวนของเด็ก เน่ืองจากการจัดการศึกษาที่จาเพาะเจาะจงกับ ความตอ้ งการพิเศษ ซึง่ มีค่าใช้จา่ ยสูงกว่า 2. พิจารณาดาเนินการในเร่ืองการจัดสถานท่ีเรียนให้เด็กอย่างรอบคอบเพื่อให้เรียนใน ภมู ิภาคทเ่ี หมาะสมกับสภาพทอ้ งถ่ิน วัฒนธรรม อาชพี และความต้องการของชุมชน 3. พัฒนาโปรแกรมหรือโมเดลวธิ ีการจัดการเรียนการสอนเพอ่ื ให้ผเู้ รยี น สามารถเรยี นใน โรงเรียนได้ ซึ่งโมเดลการจัดการเรียนการสอนนั้น หมายความรวมถึง ยุทธศาสตร์การสอนและ ความร่วมมือกันจดั การเรียนการสอนระหว่างครูกับผเู้ รียนดว้ ย

75 Jones (2006, pp.131-133) ได้ศึกษารูปแบบการบริหารโรงเรียนที่มีประสิทธิภาพใน รัฐฟลอริดา ผลการศึกษา พบว่า เป็นหน่วยงานที่มีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับชุมชน โดยมีส่วน อย่างมากในการส่งเสริมค่านิยมของครอบครัว และลดระยะเวลาในการเดินทางมาเรียนของนักเรียน โดยเฉพาะนักเรียนเล็ก ๆ ขณะเดียวกันโรงเรียนขนาดเล็ก อาจเผชิญกับข้อจากัดในด้านการขาด โอกาสในการเข้าสังคมกลุ่มเพ่ือนขนาดใหญ่ และข้อจากัดในด้านความเช่ียวชาญที่หลากหลายของ ครูผู้สอน รวมทั้งโอกาสในการท่ีครูจะพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง ผู้บริหารจึงมีบทบาทสาคัญในการ จัดการเรียนการสอนด้วยการบริหารจัดการ และความมีภาวะผู้นาในหน้าท่ีรับผิดชอบอย่างเต็มที่ ทาให้ผู้บริหารต้องประสบกับปัญหาขาดการดูแลและการให้ความสนใจในระบบงาน ขาดแหล่ง ท่ีปรึกษาให้ข้อมูลเกี่ยวกับการบริหารงาน การนาเสนอแนวทางที่ไม่ชัดเจน เกิดช่องว่างระหว่าง นโยบายและการปฏิบัติจริง โดยเฉพาะในบริบทของโรงเรียน และกลุ่มผู้บริหารโรงเรียนด้วยกันเอง ไม่มีความสามารถในการจัดการเรียนรู้ของตนเอง ซ่ึง Jones เห็นด้วยกับการจัดกลุ่มให้โรงเรียน ร่วมมือกนั และมรี ะบบการดูแลชว่ ยเหลือซ่งึ กันและกนั เพือ่ แกป้ ัญหาดังกลา่ ว John Ewington และคณะ (2008, pp. 545-561) ได้ศึกษาเกี่ยวกับอาจารย์ใหญ่ โรงเรียนที่ประสบความสาเร็จในโรงเรียนท่ีมีประสิทธิภาพ ลักษณะพิเศษของโรงเรียนหลัก และโรงเรียนขนาดเล็กที่ดูเหมือนจะมีปัญหายุ่งยาก กาหนดให้แตกต่างกัน ในความเป็นจริงโรงเรยี น ขนาดเล็กเกิดความไม่ต่อเน่ือง ความซับซ้อนของพวกเขาอาจจะไม่อยู่ในสัดส่วนโดยตรงกับขนาดของ พวกเขา ลกั ษณะพเิ ศษของโรงเรียนขนาดเล็กอาจรวมถึงการขาดผูท้ รงคณุ วุฒทิ ่ีคอยใหค้ วามชว่ ยเหลือ ผลจาการสารวจกลุ่มประชากรหลักอาจารย์ใหญ่รัฐแทสเมเนีย ในโรงเรียนท่ีมีนักเรียน 200 คน หรือ นักเรียนต่ากว่านี้ เม่ือเปรียบเทียบกับผลการวิจัยก่อนหน้าน้ีงานวิจัยที่มีขอบเขตจากัดในขอบข่าย ผลการวิจัยการศึกษาได้รับการยืนยันว่า ความต้องการตามบริบทมีผลให้เกิดความขัดแย้งต่อบทบาท ของครูผู้สอนท่ีอาจารย์ใหญ่ของโรงเรียนในชนบทขนาดเล็กที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ที่อยู่เป็น ระยะเวลาส้ัน ๆ และท่ีเป็นสัดส่วนท่ีสูงข้ึนเป็นเพศหญิง ซ่ึงมีความแตกต่างอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติ ท่พี บว่าระหว่างโรงเรียนขนาดเล็กในชนบทที่มีนักเรียน 100 คน หรือนักเรียนต่ากว่านน้ั และโรงเรยี น ขนาดเล็กในชนบทและโรงเรียนในเมืองที่มีนักเรียนระหว่าง 100 และ 200 คน ความแตกต่างเหล่าน้ี ได้รับการอธิบายที่ดีท่ีสุดของการรวมกันของ “Double Load Phonomenon” และข้อกาหนด ที่เพ่ิมข้ึน สาหรับจานวนของอุปกรณ์ที่เพิ่มจานวนข้ึนของฝ่ายนโยบายการศึกษามากกว่าความเป็น ชนบท หรือสถานะทางเศรษฐกจิ และสงั คม ผลพบว่า ทาให้การรวมกนั ของผลประกอบการขนาดใหญ่ ทีค่ าดว่าอาจารยใ์ หญ่ในโรงเรียนของออสเตรเลียในชว่ งหา้ ถงึ สิบปีข้างหน้าสัดสว่ นทส่ี ูงขึ้นของโรงเรยี น ขนาดเล็ก (อย่างน้อยหนึ่งในส่ี) และไม่น่าจะเปลี่ยนแปลงเส้นทางอาชีพแบบดั้งเดิมนั้น สาหรับการ เปลี่ยนแปลงจานวนมาก กลายเป็นหลักของโรงเรยี นขนาดเล็ก เป็นขั้นตอนเร่ิมต้นของความก้าวหน้า ท่ีจะย้ายไปยังโรงเรียนขนาดใหญ่ จากที่ค้นพบที่สาคัญจาเป็นท่ีจะต้องให้ความสนใจมากขึ้นท่ีจะจ่าย ใหก้ ับอาจารย์ใหญโ่ รงเรียนขนาดเลก็ Shaw (2008, pp.131-133) ไดศ้ กึ ษาเกี่ยวกบั คณุ ลกั ษณะด้านบวก และด้านลบทม่ี ีตอ่ โรงเรียนขนาดเล็กผ่านทางการรับข้อมูลของผู้บริหารสถานศึกษา ซึ่งจากการศึกษาเป็นการช่วย ผบู้ ริหารการศึกษาได้ไตร่ตรองถึงความเปลยี่ นแปลงทเี่ ก่ียวขอ้ งกับโรงเรียนขนาดเลก็ ที่มกี ารพจิ ารณา ให้ยุบโรงเรยี น ลักษณะท่ีต้ังโรงเรียนรวมถึงบุคลากร แหล่งทรัพยากร โอกาสความร่วมมือของทมี งาน

76 ผู้ปกครอง และสัมพันธ์ชุมชน ได้มีการศึกษาท่ีโรงเรียนประถมศึกษาของรัฐบาล ในนอร์ธแคโรไรนา ท่ีมีนักเรียนน้อยกว่า 135 คน และอีก 4 แห่ง ท่ีมีนักเรียนน้อยกว่า 150 คน บวกกับการศึกษาด้าน บวกท่ีได้เก่ียวข้องกับสิ่งที่เป็นด้านขนาดเล็กกว่าที่มีอยู่ ซึ่งมีด้านความเป็นผู้มีส่วนเก่ียวข้องกับ การสนับสนุนของชุมชน และความรู้ท่ีมากมายของนักเรียนและครอบครัว ว่ามีสัมพันธ์ของครูกับ นักเรียนในด้านความต้องการ การแนะนาไปสู่เป้าหมาย และการให้ความสนับสนุนด้านการเรียน ให้ผู้เรียนท่ียังคงอยู่ ส่วนด้านลบที่ได้จากการศึกษา ได้แก่ ความเป็นทีมและการจากัด ด้านงบประมาณ การแบ่งปันด้านทรัพยากรของครูกับโรงเรียนอ่ืนที่เพ่ิมข้ึนกับผลประโยชน์ด้านองค์กร ในโรงเรียน เป็นสิ่งที่ยังคงมีการสารวจและหาข้อมูล ผู้บริหารสถานศึกษาให้ข้อมูลเดียวกับขนาดของรัฐ ท่ีเกี่ยวกับการทาให้งานยุ่งยาก และหลากหลายในความรับผิดชอบ แต่อย่างไรก็ตามผู้บริหารช่ืนชอบโรงเรียน ขนาดเลก็ ระดบั ประถมศึกษามากกวา่ จากการศึกษางานวิจัยที่เก่ียวข้องต่างประเทศ พบว่า การจัดการศึกษาของโรงเรียน ขนาดเล็กมีปัจจัยและรูปแบบท่ีหลากหลายมารวมกัน เพ่ือที่จะทาให้การจัดการศึกษาเกิดประโยชน์ กับองค์กรเกิดความร่วมมือกันหลายฝ่ายท้ังหน่วยงานจัดการศึกษา ผู้บริหารสถานศึกษา ครู ผู้ปกครอง ชุมชน หลักสูตรและวิธีสอน กระบวนการจัดการเรียนการสอน รูปแบบการเรียนการสอน ทหี่ ลากหลายเพ่ือใหโ้ รงเรยี นขนาดเลก็ จดั การศกึ ษาได้อย่างมปี ระสิทธภิ าพ สรุปจากการศึกษางานวจิ ัยทเ่ี กีย่ วขอ้ งท้ังในประเทศและตา่ งประเทศ พบวา่ การบรหิ าร จัดการศึกษาของโรงเรียนขนาดเล็ก มีการบริหารจัดการ จาแนกออกเป็นแต่ละด้าน ได้แก่ ด้านวิชาการ ด้านการบริหารงานบุคคล ด้านการบริหารงานงบประมาณ ด้านการบริหารงานทั่วไป ในลักษณะของการเรียนรวมโรงเรียนขนาดเล็ก มีการจัดช้ันเรียนรวม คือ การเรียนรวมทุกช่วงช้ัน การเรียนการสอนแบบรวมชั้น การเรียนการสอนแบบแบ่งช่วงช้ัน และการเรียนการสอนแบบเรีย น รวมของโรงเรียนหลัก โรงเรียนรวมจัดแหล่งเรียนรู้ที่หลากหลายให้กับผู้เรียน ได้เรียนร่วมกัน อย่างเต็มท่ี เกิดความร่วมมือระหว่างหน่วยงานและนอกหน่วยงาน ท่ีจะนาไปสู่เป้าหมายในการจัด การศึกษาท่ีต้องการ การรวมโรงเรียนที่ใช้รูปแบบท่ีเหมาะสมกับพื้นที่ เกิดการใช้ทรัพยากรท่ีมีอยู่ ร่วมกนั เพอ่ื ใหบ้ รรลวุ ัตถุประสงคเ์ ดยี วกันคอื การพฒั นาคุณภาพการศึกษาใหแ้ ก่ผเู้ รยี น กล่าวได้ว่าการควบรวมโรงเรียนที่ต้ังอยู่ใกล้กันตั้งแต่สองแห่งข้ึนไป เพื่อให้การบริหาร และจัดการศึกษามีประสิทธิภาพเกิดผลดีแก่ผู้เรียน ทั้งในด้านสิทธิโอกาสและคุณภาพการศึกษา โดยใช้โรงเรียนหลักท่ีมีประสิทธิผลและประสบความสาเร็จนั้น ต้องอาศัยองค์ประกอบหลาย ๆ ด้าน ทั้งด้านความเป็นผู้นามืออาชีพ การบริหารจัดการด้านวิชาการ ด้านงบประมาณ ด้านบริหารบุคคล และบริหารท่ัวไป เร่ืองการเดินทางของผู้เรียนมาเรียน การจัดสภาพแวดล้อมท่ีเอื้อต่อการเรียนรู้ท่ีดี ครูมีความรู้ ความสามารถ ความพึงพอใจมุ่งมั่นในการจัดการเรียนการสอนท่ีเน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ ผู้บริหาร ครู ผู้ปกครอง ชุมชน ร่วมมือกันในการบริหารจัดการโรงเรียน ตามวิสัยทัศน์ พันธกิจ และ เป้าหมายของโรงเรียน ให้บรรลุผลมีการติดตามความก้าวหน้าของนักเรียนโครงการของโรงเรียน อย่างเป็นระบบตรวจสอบได้ตลอดจนเป็นโครงการแห่งการเรียนรู้ เพ่ือให้นักเรียนมีคุณภาพเป็นคนดี คนเก่งมีความสุข และเป็นพลเมืองดีของโลกและอ่ืน ๆ อีกหลายด้าน ซึ่งองค์ประกอบเหล่านี้ถือเป็น ปัจจัยท่ีสาคัญซ่ึงจะต้องมีการเช่ือมโยงประสานสัมพันธ์กันในการทางานอยู่ตลอดเวลา ซึ่งจะปรากฏ รายละเอียดในการสร้างเครือ่ งมือในบทที่ 3 ตอ่ ไป

77 บทท่ี 3 วธิ ีดำเนินกำรศกึ ษำ การศึกษาสภาพความพร้อมและเง่ือนไขแห่งความสาเร็จของโรงเรียนหลักที่มีผลต่อ การควบรวมโรงเรียนขนาดเล็กในจังหวัดชุมพรครั้งนี้ ผู้ศึกษาได้กาหนดแนวทางการในการดาเนินการ ศึกษา โดยมุ่งศึกษาความพร้อมของโรงเรียนหลักที่มีผลต่อการควบรวมโรงเรียนขนาดเล็ก และศึกษา เง่ือนไขแห่งความสาเร็จของโรงเรียนหลักท่ีมีผลต่อการควบรวมโรงเรียนขนาดเล็ก ซ่ึงเป็นการศึกษา เชิงสารวจ (Survey Research) โดยใช้แบบสอบถามและสัมภาษณ์เป็นเครื่องมือในการเก็บข้อมูล โดยมวี ธิ ีการดาเนนิ การศึกษาดงั นี้ 1. ประชากรและกลุ่มตัวอยา่ งท่ีศึกษา 2. เคร่อื งมือท่ใี ช้ในการเก็บรวบรวมขอ้ มลู 3. การสรา้ งและหาคณุ ภาพเคร่อื งมือ 4. การเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู 5. การวิเคราะหข์ ้อมูล ประชำกรและกล่มุ ตวั อยำ่ งท่ีศกึ ษำ 1. ประชากรที่ใช้ในการศึกษาคร้ังนี้ คือ ผู้บริหารโรงเรียน ครูผู้สอน ผู้ปกครองนักเรียน ผู้นาชุมชนและคณะกรรมการสถานศึกษาข้ันพน้ื ฐาน อย่างละ 1 คนในโรงเรียนหลักทสี่ ังกดั สานักงาน คณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พืน้ ฐานในจงั หวดั ชมุ พร จานวน 10 โรงเรียน จานวน 50 คน 2. กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาคร้ังน้ี คือ ผู้บริหารโรงเรียน ครูผู้สอน ผปู้ กครองนกั เรียน ผ้นู าชุมชนและคณะกรรมการสถานศกึ ษาขัน้ พื้นฐาน อยา่ งละ 1 คน ในโรงเรยี นหลกั ท่ีสังกดั สานกั งาน คณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐานในจังหวัดชุมพร จานวน 10 โรงเรียน จาก 4 อาเภอ รวม 50 คน ที่ได้มาดว้ ยวิธีการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) ดงั ตารางท่ี 3.1 ตารางที่ 3.1 แสดงกลมุ่ ตัวอย่างโรงเรยี นหลัก จานวน 10 โรง ที่ อาเภอ จานวน จานวนโรงเรยี น ชอ่ื โรงเรยี น จานวน โรงเรียนหลัก กลุม่ ตัวอย่าง กลมุ่ ตัวอย่าง 1 ปะทวิ 2 2 1. โรงเรยี นชุมชนมาบอามฤต 10 2. โรงเรียนบ้านวงั ชา้ ง 15 2 เมืองชมุ พร 9 3 1. โรงเรียนเมืองชมุ พรบ้านเขาถล่ม 2. โรงเรียนวัดพชิ ยั ยาราม 3. โรงเรยี นวดั บางลกึ

78 ตารางที่ 3.1 (ต่อ) ที่ อาเภอ จานวน จานวนโรงเรียน ชือ่ โรงเรียน จานวน โรงเรยี นหลัก กลุ่มตวั อย่าง กลมุ่ ตัวอย่าง 3 ทา่ แซะ 8 3 1. โรงเรียนบา้ นกลาง 15 2. โรงเรยี นบา้ นหนองเรือ 3. โรงเรยี นบ้านงาช้าง 4 ทุ่งตะโก 8 2 1. โรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ 3 10 2. โรงเรยี นบา้ นวงั ปลา จานวนกลมุ่ ตวั อยา่ ง 10 50 เครอ่ื งมอื ทใ่ี ชใ้ นกำรเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู เคร่อื งมอื ท่ีใช้ในการเก็บรวบรวมขอ้ มลู คร้งั น้ีประกอบดว้ ย 1. แบบสัมภาษณ์เกี่ยวกับสภาพความพร้อมและเงื่อนไขแห่งความสาเร็จของโรงเรียน หลักที่ส่งผลต่อการควบรวมโรงเรียนขนาดเล็กในจังหวัดชุมพร เป็นแบบสัมภาษณ์แบบมีโครงสร้าง แบง่ ออกเป็น 2 ตอนคือ ตอนที่ 1 ขอ้ มลู ทวั่ ไปของผ้สู ัมภาษณ์ และตอนท่ี 2 ประเด็นการสัมภาษณ์ 2. แบบสอบถามเกี่ยวกับสภาพความพร้อมและเงื่อนไขแห่งความสาเร็จของโรงเรียน หลักที่ส่งผลต่อการควบรวมโรงเรียนขนาดเล็กในจังหวัดชุมพร เป็นแบบมาตรประมาณค่า (Rating Scale) แบง่ ออกเปน็ 4 ตอน ดังนี้ ตอนท่ี 1 ข้อมูลสถานภาพของผู้ตอบแบบสอบถามมีลักษณะเป็นแบบตรวจสอบ รายการ (check list) ตอนที่ 2 ความพร้อมของโรงเรียนหลักท่ีส่งผลต่อการควบรวมโรงเรียนขนาดเล็ก ในจังหวัดชุมพร ซ่ึงมีลักษณ ะเป็นมาตราส่วนประมาณ ค่า (rating scale) จานวน 4 ด้าน ประกอบด้วย ความพร้อมด้านการบริหารงานวิชาการ จานวน 9 ข้อ ความพร้อมด้านการบริหารงาน งบประมาณ จานวน 7 ข้อ ความพร้อมด้านการบริหารงานบุคคล จานวน 7 ข้อ และความพร้อม ด้านการบริหารงานทวั่ ไป จานวน 12 ข้อ ตอนท่ี 3 เงื่อนไขแห่งความสาเร็จของโรงเรียนหลักที่ส่งผลต่อการควบรวมโรงเรียน ขนาดเล็กในจังหวัดชมุ พร ซง่ึ มีลกั ษณะเป็นมาตราสว่ นประมาณค่า (rating scale) จานวน 10 ขอ้ ตอนท่ี 4 ข้อเสนอแนะท่ีเกี่ยวกับกับความพร้อมและเงื่อนไขแห่งความสาเร็จของ โรงเรียนหลักที่ส่งผลต่อการควบรวมโรงเรียนขนาดเลก็ ในจังหวดั ชมุ พร จานวน 4 ด้าน มีลักษณะเป็น แบบสอบถามปลายเปดิ (Open ended) กำรสร้ำงและหำคณุ ภำพเครอ่ื งมือ 1. แบบสมั ภาษณ์เก่ยี วกบั สภาพความพรอ้ มและเง่ือนไขแห่งความสาเร็จของโรงเรยี น หลักทส่ี ง่ ผลต่อการควบรวมโรงเรยี นขนาดเล็กในจงั หวัดชมุ พร

79 มีวิธกี ารสรา้ งและการหาคณุ ภาพเคร่อื งมอื ดังน้ี (1) ศึกษาเอกสารเกีย่ วกับการบริหารสถานศึกษาขน้ั พน้ื ฐานตามแนวปฏิรูป การศึกษาการบริหารโรงเรียนขนาดเล็ก การบริหารแบบควบรวม ยุทธศาสตร์และเง่ือนไข สคู่ วามสาเร็จ บริบทการจัดการศกึ ษาของโรงเรียนหลกั สานกั งานศึกษาธกิ ารจงั หวัดชมุ พร (2) ประมวลสาระที่ได้จากข้อ 1 เพอ่ื กาหนดโครงร่างเนอ้ื หาในการสร้างแบบ สัมภาษณ์ (3) สรา้ งแบบสัมภาษณ์เกยี่ วกับสภาพความพรอ้ มและเงอ่ื นไขแหง่ ความสาเร็จของ โรงเรยี นหลักท่สี ่งผลต่อการควบรวมโรงเรียนขนาดเล็กในจังหวัดชมุ พรโดยลักษณะของแบบสัมภาษณ์ จะเป็นแบบมีโครงสร้าง จานวน 2 ตอนคือ ตอนที่ 1 ข้อมูลท่ัวไปของผู้สัมภาษณ์ และตอนที่ 2 ประเดน็ การสมั ภาษณ์ ประกอบดว้ ย ประเด็นคาถาม จานวน 4 ประเดน็ (4) นาแบบสมั ภาษณท์ ผ่ี ู้ศกึ ษาพฒั นาขน้ึ เสนอต่อผเู้ ชีย่ วชาญเพือ่ ตรวจสอบและ ให้ข้อเสนอแนะ พร้อมทั้งปรบั ปรงุ แกไ้ ข (5) จัดพิมพแ์ บบสัมภาษณฉ์ บับสมบูรณ์ 2. แบบสอบถามเกย่ี วกบั สภาพความพร้อมและเงือ่ นไขแหง่ ความสาเร็จของโรงเรียน หลกั ท่ีสง่ ผลตอ่ การควบรวมโรงเรยี นขนาดเล็กในจงั หวดั ชุมพร มวี ธิ ีการสรา้ งและการหาคุณภาพเครอื่ งมอื ดงั นี้ (1) ศกึ ษาเอกสารเกี่ยวกับการบรหิ ารสถานศึกษาขั้นพ้นื ฐานตามแนวปฏิรปู การศึกษาการบริหารโรงเรียนขนาดเล็ก การบริหารแบบควบรวม ยุทธศาสตร์และเง่ือนไข สู่ความสาเร็จ บริบทการจัดการศึกษาของโรงเรียนหลักสานักงานศึกษาธิการจังหวัดชุมพร จากการ วเิ คราะห์เนื้อหาแบบสัมภาษณ์และวิธกี ารสร้างแบบสอบถาม แบบมาตรประมาณค่า (Rating Scale) ตามรูปแบบของลิเคิร์ท (Likert Scale)เพื่อนามาประมวลเนื้อหาในการกาหนดประเด็นให้ครอบคลุม ตามจดุ มงุ่ หมายของการศกึ ษา (2) ประมวลสาระที่ไดจ้ ากขอ้ 1 เพือ่ กาหนดรายละเอียดของข้อคาถาม ส่วนประกอบ ของแบบสอบถามชุดน้ี แบ่งเป็น 4 ตอน ประกอบด้วย ตอนที่ 1 ข้อมูลสถานภาพของผู้ตอบแบบสอบถาม มีลกั ษณะเปน็ แบบ ตรวจสอบรายการ (check list) ตอนท่ี 2 ความพร้อมของโรงเรียนหลักที่ส่งผลต่อการควบรวมโรงเรียนขนาด เล็กในจังหวัดชุมพร ซึ่งมีลักษณะเป็นมาตราส่วนประมาณค่า (rating scale) จานวน 4 ด้าน ประกอบด้วย ความพร้อมด้านการบริหารงานวิชาการ จานวน 9 ข้อ ความพร้อมด้านการบริหารงาน งบประมาณ จานวน 7 ข้อ ความพร้อมด้านการบรหิ ารงานบุคคล จานวน 7 ขอ้ และความพรอ้ มดา้ น การบริหารงานทัว่ ไป จานวน 12 ข้อ ตอนท่ี 3 เงื่อนไขแหง่ ความสาเรจ็ ของโรงเรียนหลักทส่ี ง่ ผลต่อการควบรวม โรงเรียนขนาดเล็กในจังหวัดชุมพร ซ่ึงมีลักษณะเป็นมาตราส่วนประมาณค่า (rating scale) จานวน 10 ขอ้

80 ตอนที่ 4 ข้อเสนอแนะที่เก่ียวกับกับความพร้อมและเง่ือนไขแห่งความสาเร็จ ของโรงเรยี นหลักท่สี ่งผลต่อการควบรวมโรงเรียนขนาดเล็กในจงั หวัดชุมพร จานวน 4 ด้าน มีลักษณะ เปน็ แบบสอบถามปลายเปิด (Open ended) (3) นาแบบสอบถามท่ีผู้ศึกษาสร้างข้ึนเสนอต่อผู้เชี่ยวชาญ (ภาคผนวก ก) เพื่อ ตรวจสอบความเทีย่ งตรงเชงิ เนอ้ื หา (Content Validity) แลว้ นามาหาคา่ ดัชนีความสอดคล้อง (Index of Item Objective Congruence,IOC) ของข้อคาถามและเน้ือหา ด้วยการให้คะแนนในข้อคาถาม แตล่ ะขอ้ นามาปรับปรุงแกไ้ ข โดยกาหนดคา่ คะแนนและแปลความหมายดังนี้ ให้คะแนน +1 สาหรบั ขอ้ คาถามท่ีเห็นวา่ เหมาะสม ใหค้ ะแนน 0 สาหรบั ขอ้ คาถามที่ไม่แนใ่ จ ใหค้ ะแนน -1 สาหรบั ขอ้ คาถามทีเ่ ห็นวา่ ไม่เหมาะสม โดยให้ได้ค่าดัชนีความสอดคล้องมากกว่าหรือเท่ากับ 0.5 ซ่ึงแสดงว่าข้อคาถามใน แบบสอบถามมีความเทีย่ งตรง ส่วนข้อคาถามในแบบสอบถามท่มี ีค่าดัชนีความสอดคลอ้ งน้อยกว่า 0.5 ตอ้ งนาไปปรับปรุง (4) จดั พิมพ์แบบสอบถามฉบับสมบูรณ์เพอ่ื นาไปเก็บรวบรวมข้อมูลต่อไป กำรเก็บรวบรวมขอ้ มูล 1. แบบสัมภาษณ์เกีย่ วกับสภาพความพรอ้ มและเงื่อนไขแห่งความสาเรจ็ ของ โรงเรียนหลักท่ีส่งผลต่อการควบรวมโรงเรียนขนาดเลก็ ในจังหวัดชมุ พร (1) ทาหนงั สือจากสานกั งานศกึ ษาธิการจงั หวดั ชุมพร สง่ ไปยงั สานักงานเขต พืน้ ที่การศกึ ษาประถมศึกษาและสานักงานเขตพื้นทมี่ ัธยมศึกษาท่มี ีโรงเรียนหลกั เพอ่ื ขอความร่วมมือ ในการเกบ็ ข้อมลู ดว้ ยการสัมภาษณก์ ลุ่ม (Group Interview)กบั ผูบ้ ริหารโรงเรยี น ครูผสู้ อน ผปู้ กครอง นักเรยี น ผูน้ าชมุ ชนและกรรมการสถานศกึ ษาขัน้ พนื้ ฐาน โรงเรยี นละ 5 คน (2) ผู้ศึกษานาข้อมูลท่ไี ด้จากการสมั ภาษณ์ไปทาการวเิ คราะห์ตอ่ ไป 2. แบบสอบถามเก่ยี วกบั สภาพความพร้อมและเงอ่ื นไขแหง่ ความสาเรจ็ ของโรงเรยี น หลักทส่ี ่งผลต่อการควบรวมโรงเรยี นขนาดเล็กในจงั หวดั ชุมพร (1) ทาหนงั สอื จากสานักงานศกึ ษาธกิ ารจงั หวดั ชุมพร ส่งไปยงั สานกั งานเขต พืน้ ที่การศึกษาประถมศึกษาและสานักงานเขตพื้นที่มัธยมศึกษาทม่ี ีโรงเรียนหลกั เพ่อื ขอความร่วมมือ ในการเก็บข้อมูลด้วยการสัมภาษณ์เป็นรายบุคคลกับผู้บริหารโรงเรียน ครูผู้สอน ผู้ปกครองนักเรียน ผู้นาชุมชนและกรรมการสถานศึกษาข้ันพ้ืนฐาน โรงเรียนละ 5 คน (กลุ่มตัวอย่างเดียวกับผู้ตอบแบบ สมั ภาษณ)์ (2) ชี้แจงวตั ถปุ ระสงค์ของการวิจยั กรอบการจัดเก็บข้อมลู และอธิบายข้อ คาถามในแบบสอบถาม (3) ผู้ศกึ ษาดาเนินการแจกแบบสอบถาม (4) ผู้ศึกษาจัดเกบ็ แบบสอบถามและนาขอ้ มลู ที่ได้จากการสอบถามไปทาการ วเิ คราะหต์ ่อไป

81 กำรวเิ ครำะหข์ อ้ มูล 1) การวิเคราะห์ข้อมลู จากแบบสมั ภาษณ์ วิเคราะห์ข้อมลู โดยการวิเคราะหเ์ นอ้ื หา (Content Analysis) 2) การวิเคราะหข์ ้อมลู จากแบบสอบถาม วเิ คราะห์ข้อมลู ดังน้ี ตอนที่ 1 ข้อมูลท่ัวไปของผู้ตอบแบบสอบถาม วิเคราะห์โดยการหาค่าความถ่ี (frequency) และหาค่าร้อยละ (percentage) ตอนท่ี 2 สอบถามความพร้อมของโรงเรยี นหลักท่สี ่งผลต่อการควบรวมโรงเรยี น ขนาดเล็กซ่ึงมีลักษณะเป็นมาตราส่วนประมาณค่า (rating scale) วิเคราะห์หาค่าเฉล่ีย (x̅) และ ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D) นาค่าเฉลี่ยมาเปรียบเทียบกับเกณฑ์เพ่ือแปลความหมายของค่าเฉลี่ย ท้ังนี้ได้กาหนดเกณฑ์ในการวิเคราะห์ตามแบบของ Likert Scale โดยมีความหมาย ดังน้ี (บุญชม ศรีสะอาด, 2556, น.120-127) ค่าเฉลี่ย 4.51 – 5.00 หมายถึง ระดับมากที่สดุ คา่ เฉลี่ย 3.51 –4.50 หมายถึง ระดบั มาก คา่ เฉลี่ย2.51–3.50 หมายถงึ ระดับปานกลาง ค่าเฉลี่ย 1.51 – 2.50 หมายถึง ระดับน้อย คา่ เฉลยี่ 1.00 – 1.50 หมายถึง ระดบั น้อยท่ีสุด ตอนท่ี 3 สอบถามเงื่อนไขแห่งความสาเร็จของโรงเรียนหลักท่ีส่งผลต่อการควบ รวมโรงเรียนขนาดเล็ก ซ่ึงมีลักษณะเป็นมาตราส่วนประมาณค่า (rating scale) วิเคราะห์หาค่าเฉลี่ย (x̅) และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D) นาค่าเฉลี่ยมาเปรียบเทียบกับเกณฑ์เพื่อแปลความหมายของ ค่าเฉลย่ี ทั้งนีไ้ ด้กาหนดเกณฑใ์ นการวเิ คราะห์ตามแบบของ Likert Scale โดยมีความหมาย ดงั นี้ (บญุ ชม ศรีสะอาด, 2556, น.120-127) คา่ เฉลยี่ 4.51 – 5.00 หมายถึง ระดบั มากทีส่ ุด ค่าเฉลย่ี 3.51 – 4.50 หมายถึง ระดับมาก คา่ เฉล่ีย 2.51– 3.50 หมายถึง ระดับปานกลาง คา่ เฉล่ยี 1.51 – 2.50 หมายถึง ระดบั น้อย คา่ เฉลี่ย 1.00 – 1.50 หมายถึง ระดบั นอ้ ยทสี่ ุด ตอนท่ี 4 สอบถามความคิดเห็นและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับกับความพร้อมและ เง่ือนไขแห่งความสาเร็จของโรงเรียนหลักที่ส่งผลต่อการควบรวมโรงเรียนขนาดเล็กจานวน 4 ข้อ มี ลักษณะเป็นแบบสอบถามปลายเปิด (Open ended)วิเคราะห์ข้อมูลโดยการวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis)

82 บทท่ี 4 ผลการวเิ คราะหข์ อ้ มลู การศึกษาสภาพความพร้อมและเงื่อนไขแห่งความสาเร็จของโรงเรียนหลักที่มีผลต่อ การควบรวมโรงเรยี นขนาดเลก็ ในจังหวัดชมุ พร มวี ัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความพร้อมของโรงเรียนหลัก ที่มีผลต่อการควบรวมโรงเรียนขนาดเล็กในจังหวัดชุมพร และศึกษาเง่ือนไขแห่งความสาเร็จของ โรงเรียนหลักท่ีมีผลต่อการควบรวมโรงเรียนขนาดเล็กในจังหวัดชุมพร โดยใช้แบบสอบถามเป็น เคร่อื งมอื ในการศกึ ษา ซง่ึ ผูศ้ ึกษาไดผ้ ลวเิ คราะห์ข้อมูล แบง่ ออกเป็น 2 ตอน ดงั นี้ ตอนที่ 1 ผลการศึกษาความพร้อมของโรงเรียนหลักท่ีมีผลต่อการควบรวมโรงเรียน ขนาดเล็กในจงั หวัดชุมพร ตอนที่ 2 ผลการศึกษาเง่ือนไขแห่งความสาเร็จของโรงเรียนหลักที่มีผลต่อการควบรวม โรงเรยี นขนาดเลก็ ในจงั หวัดชุมพร โดยใช้สญั ลักษณท์ ใ่ี ชใ้ นการวิเคราะห์ข้อมูล n แทน กล่มุ ตัวอยา่ ง X แทน คา่ เฉลี่ย S.D. แทน ค่าส่วนเบยี่ งเบนมาตรฐาน ตอนที่ 1 ผลการศึกษาความพร้อมของโรงเรียนหลักที่มีผลต่อการควบรวมโรงเรียน ขนาดเล็กในจงั หวดั ชมุ พร 1.1 ผลการวิเคราะห์แบบสัมภาษณ์เก่ียวกับความพร้อมของโรงเรียนหลักท่ีมีผลต่อ การควบรวมโรงเรยี นขนาดเล็กในจงั หวดั ชมุ พร ตารางท่ี 4.1 ผลการวิเคราะห์แบบสมั ภาษณ์เกี่ยวกบั ความพร้อมของโรงเรียนหลกั ท่ีมีผลตอ่ การควบรวมโรงเรียนขนาดเล็กในจงั หวัดชุมพร ประเด็นการ โรงเรียนหลกั จะตอ้ งมกี ารเตรยี ม แนวทางในการสนบั สนุนสง่ เสรมิ สมั ภาษณ์/ ความพร้อมในการรองรบั การควบรวม เพื่อโรงเรยี นเกิดความพร้อมรองรับ ผใู้ หส้ มั ภาษณ์ การควบรวมโรงเรียนขนาดเล็กได้อยา่ งไร โรงเรียนขนาดเล็กอย่างไร 1. ผู้บริหาร 1. มกี ารวางแผนการบริหารจัดการทด่ี ี โรงเรยี น 1. ตอ้ งมคี วามพร้อมด้านอาคารสถานที่ 2. สง่ เสริมการจัดการเรียนการสอน คอื มีห้องเรยี นพร้อมรบั นักเรียนตามเกณฑ์ มีความเปน็ เลิศ 2. มบี ุคลากรที่ครบชนั้ ตรงวิชาเอก 3. มหี ้องปฏบิ ัติการ สือ่ วสั ดุอุปกรณ์ และเพยี งพอตอ่ ชั้นเรียน ทีม่ ปี ระสิทธภิ าพและเพียงพอ 3. มีสอื่ เทคโนโลยีทค่ี รบทุกชัน้ เรยี น 4. เปดิ หอ้ งเรียนทม่ี ีความเปน็ เลศิ หรือ และมีประสทิ ธภิ าพ หอ้ งเรียนพเิ ศษ 4. จัดชัน้ เรียนทเ่ี หมาะสมในแออดั มาก

83 ตารางที่ 4.1 (ต่อ) ประเดน็ การ โรงเรียนหลกั จะตอ้ งมกี ารเตรียม แนวทางในการสนับสนนุ ส่งเสริม สมั ภาษณ์/ ความพร้อมในการรองรบั การควบรวม เพอ่ื โรงเรียนเกิดความพร้อมรองรับ ผใู้ ห้สมั ภาษณ์ การควบรวมโรงเรียนขนาดเล็กได้อยา่ งไร โรงเรียนขนาดเลก็ อย่างไร 2. ครูผสู้ อน 1. ส่งเสริมครูใหส้ อดคล้องกับ จนเกนิ ไป ความต้องการและความถนัด 3. กรรมการ 5. เครอ่ื งสาธารณูปโภคที่เพยี งพอ 2. มีกจิ กรรมเสริมหลักสูตรท่ีหลากหลาย สถานศึกษา 6. มกี ารวางแผนการบรหิ ารจัดการทดี่ ี เพ่ือพัฒนาคุณภาพนักเรยี น ขัน้ พืน้ ฐาน 7. มหี ลกั สตู รที่เหมาะสมตรงกบั ความต้องการ 1. สง่ เสริมงานอาชพี 4. ผู้ปกครอง 8. สรา้ งองค์กรให้เป็นท่ียอมรับจากชมุ ชน 2. ระดมทุนการศกึ ษา นกั เรียน 3. ประชาสมั พนั ธใ์ หช้ ุมชนรบั ทราบ 1. มีการพัฒนาครใู ห้ตรงกับสาขาวิชา กิจกรรมหรือความสาเร็จของโรงเรียน 5. ผ้นู าชมุ ชน และตรงกับความต้องการ 4. ส่งเสรมิ ความเข้าใจให้กบั ชุมชน 2. เตรยี มความพร้อมของห้องเรียน หอ้ งปฏิบตั ิการ รวมถึง สือ่ วัสดอุ ุปกรณ์ 1. ดแู ลเอาใจใส่นกั เรียนรว่ มกับโรงเรียน เพยี งพอกับปริมาณนกั เรียน 2. ให้ความร่วมมือในการร่วมกิจกรรม ตา่ ง ๆ กับโรงเรยี น 1. มีการจัดทีมงานวชิ าการทีม่ คี วามเขม้ แขง็ 2. มอี าคาร สถานท่ีทเ่ี พยี งพอ 1. ประชาสัมพนั ธ์กิจกรรมของโรงเรียน 3. มีแหลง่ เรยี นรทู้ หี่ ลากหลาย ไปยังชุมชน ตรงกับความต้องการ 2. ประสานงานชุมชนระหว่าง 4. มคี วามปลอดภัยในโรงเรยี น โรงเรียนหลักกบั โรงเรียนเป้าหมาย 5. อานวยความสะดวกในการเดนิ ทาง 3. สนับสนุนงบประมาณในการจา้ งครู ใหก้ บั นักเรียน 1. มรี ะบบดแู ลช่วยเหลือนกั เรยี นทด่ี ี ท้งั นักเรียนยากจน ดอ้ ยโอกาสหรือนกั เรยี น ปกติ 2. มอี าคาร สถานทท่ี ่เี พยี งพอ 3. มที ุนการศึกษา 4. การเอาใจใสด่ ูแลนักเรยี น ให้กระทรวงศกึ ษาธิการมีนโยบาย ในการควบรวมทีช่ ดั เจน

84 1.2 ผลการวิเคราะห์แบบสอบถามเก่ียวกับการศึกษาความพร้อมของโรงเรียนหลักที่มี ผลตอ่ การควบรวมโรงเรยี นขนาดเล็กในจังหวัดชุมพร 1.2.1 ผลการวิเคราะห์ รอ้ ยละข้อมูลสถานภาพของผู้ตอบแบบสอบถาม ผลการวิเคราะห์ข้อมูลจากแบบสอบถามจากกลุ่มตัวอย่าง ซึ่งเป็นผู้บริหาร โรงเรียน ครูผู้สอน ผู้ปกครองนักเรียน ผู้นาชุมชนและคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน อย่างละ 1 คน ในโรงเรียนหลักท่ีสังกัดสานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐานในจังหวัดชุมพร จานวน 50 คน โดยจาแนกออกเป็น ผูบ้ รหิ ารโรงเรียน คดิ เป็นร้อยละ 17.78 ครูผู้สอน คิดเป็นร้อยละ 24.44 คณะกรรมการสถานศกึ ษาข้ันพนื้ ฐาน คดิ เป็นร้อยละ 15.56 ผูป้ กครองนกั เรยี น คิดเป็นรอ้ ยละ 24.44 และผูน้ าชมุ ชน คิดเป็นรอ้ ยละ 17.78 1.2.2 ผลการวิเคราะหค์ วามพร้อมของโรงเรียนหลกั ทส่ี ่งผลต่อการควบรวม โรงเรยี นขนาดเลก็ ในจงั หวัดชุมพร 4 ด้าน การวิเคราะห์เก่ียวกับความพร้อมของโรงเรียนหลักท่ีส่งผลต่อการควบรวม โรงเรียนขนาดเล็กในจงั หวัดชมุ พร 4 ด้าน ประกอบดว้ ย ด้านการบริหารงานวิชาการ ด้านการบรหิ าร งบประมาณ ด้านการบริหารงานบุคคลและด้านการบริหารงานทั่วไป นามาหาค่าเฉลี่ย ( X ) และ ค่าสว่ นเบย่ี งเบนมาตรฐาน (S.D.) ผลการวเิ คราะห์ปรากฏ ดงั ตารางที่ 4.2-4.5 ตารางท่ี 4.2 แสดงค่าเฉล่ยี และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของการศึกษาความพรอ้ มของโรงเรยี นหลกั ท่สี ่งผลตอ่ การควบรวมโรงเรยี นขนาดเล็กในจังหวดั ชุมพร ด้านการบริหารงานวิชาการ (n=50) ขอ้ ที่ รายการประเมนิ X S.D. แปลคา่ ความพร้อมด้านการบรหิ ารงานวิชาการ 4.60 0.50 มากทีส่ ดุ 4.64 0.48 มากทส่ี ดุ 1 การวางแผนงานดา้ นงานวิชาการในโรงเรยี น 4.60 0.54 มากทส่ี ดุ 4.70 0.45 มากทีส่ ุด 2 หลักสูตรสถานศึกษา 4.14 0.65 มาก 3 การจดั กระบวนการเรียนรู้ 4.37 0.69 มาก 4 การวัดและการประเมินผล 4.56 0.59 4.26 0.65 มากท่สี ุด 5 สอื่ อุปกรณ์ และแหล่งเรียนรู้ มาก 4.28 0.65 6 การนเิ ทศ ตดิ ตาม ประเมินผลการดาเนินงานภายใน มาก โรงเรียน 4.46 0.58 มาก 7 การดาเนนิ งานประกันคณุ ภาพการศกึ ษาภายในโรงเรียน 8 การจัดทาวิจยั ในช้ันเรียน 9 ชมุ ชนมีสว่ นรว่ มในการวางแผนและการดาเนนิ งานด้าน วชิ าการ ค่าเฉลยี่ ความพรอ้ มด้านการบริหารงานวิชาการ

85 จากตารางที่ 4.2 ผลการศึกษาพบว่า ความพร้อมของโรงเรียนหลักท่ีส่งผลต่อการควบ รวมโรงเรียนขนาดเล็กในจังหวัดชุมพรด้านการบริหารงานวิชาการโดยรวมอยู่ในระดับมาก ( X =4.46,S.D.=0.58)เมื่อจาแนกเป็นรายข้อพบว่าอันดับท่ี 1 คือการวัดและการประเมินผล ( X =4.70,S.D.=0.45) รองลงมา คือ หลักสูตรสถานศึกษา ( X =4.64,S.D.=0.48) การวางแผนงาน ด้านงานวิชาการในโรงเรียน ( X =4.60,S.D.=0.50) การจัดกระบวนการเรียนรู้ ( X =4.60,S.D.=0.54) การดาเนินงานประกันคุณภาพการศึกษาภายในโรงเรียน ( X =4.56,S.D.=0.59) การนิเทศ ติดตาม ประเมินผลการดาเนินงานภายในโรงเรียน ( X =4.37,S.D.=0.69) ชุมชนมีสว่ นร่วมในการวางแผนและ การดาเนินงานด้านวชิ าการ ( X = 4.28,S.D.=0.65) การจัดทาวจิ ัยในชั้นเรียน ( X = 4.26,S.D.=0.65) และ อนั ดบั สดุ ทา้ ย คอื สื่อ อุปกรณ์ และแหล่งเรยี นรู้ ( X = 4.14,S.D.=0.65) ตารางท่ี 4.3 แสดงคา่ เฉลี่ยและคา่ ส่วนเบย่ี งเบนมาตรฐานของการศกึ ษาความพร้อมของโรงเรยี นหลกั ท่สี ง่ ผลตอ่ การควบรวมโรงเรียนขนาดเล็กในจังหวัดชุมพร ด้านการบริหารงาน งบประมาณ (n=50) ขอ้ ที่ รายการประเมิน X S.D. แปลคา่ ความพร้อมด้านการบริหารงานงบประมาณ 1 โรงเรยี นมีแผนการใช้จา่ ยงบประมาณเพื่อรองรบั การควบรวม 4.11 0.96 มาก 3.98 0.94 มาก 2 โรงเรยี นมแี ผนการจดั หาพัสดุเพอ่ื รองรบั การควบรวม 4.24 0.83 มาก 3 บุคลากรมีความพร้อมในการปฏบิ ัติหน้าที่ดา้ นการเงินและพสั ดุ 4.22 0.97 มาก 4 โรงเรยี นมกี ารระดมทนุ และการลงทุนเพื่อการพัฒนาคุณภาพ การศึกษาร่วมกันระหว่างโรงเรยี นหลักและโรงเรียนท่ีมาควบรวม 5 โรงเรียนมีการรบั เงิน การจา่ ยเงนิ การเกบ็ รักษาเงิน และการ 4.49 0.82 มาก รายงานทางการเงิน ทถ่ี ูกต้องตรงตามระเบียบ 4.64 0.65 มากทสี่ ดุ 4.64 0.65 มากที่สุด 6 โรงเรียนมกี ารจดั หาพัสดุ 4.33 0.83 มาก 7 โรงเรยี นมกี ารตรวจสอบตดิ ตาม และรายงานผลการใช้ งบประมาณ คา่ เฉล่ยี ความพรอ้ มด้านการบริหารงานงบประมาณ จากตารางท่ี 4.3 ผลการศึกษาพบว่า ความพร้อมของโรงเรียนหลักที่ส่งผลต่อการควบ รวมโรงเรียนขนาดเล็กในจังหวัดชุมพร ด้านการบริหารงานงบประมาณ โดยรวมอยู่ในระดับมาก ( X =4.33,S.D.= 0.83) เมื่อจาแนกเป็นรายข้อพบว่า อันดับที่ 1 คือ โรงเรียนมีการจัดหาพัสดุ ( X =4.64,S.D.=0.65) และโรงเรียนมีการตรวจสอบติดตาม และรายงานผลการใช้งบประมาณ ( X =4.64,S.D.=0.48) รองลงมาคือ โรงเรียนมีการรับเงิน การจ่ายเงิน การเก็บรักษาเงิน และการ รายงานทางการเงิน ท่ีถูกต้องตรงตามระเบียบ ( X =4.49,S.D.=0.82) บุคลากรมีความพร้อมในการ ปฏิบัติหน้าท่ีด้านการเงินและพัสดุ ( X =4.24,S.D.=0.83) โรงเรียนมีการระดมทุนและการลงทุนเพื่อ การพัฒ นาคุณ ภ าพการศึกษาร่วมกันระหว่างโรงเรียนหลักและโรงเรียนที่มาควบรวม

86 ( X =4.22,S.D.=0.97) โรงเรีย น มี แ ผ น ก ารใช้ จ่ าย งบ ป ระม าณ เพื่ อ รอ งรับ ก ารค วบ รวม ( X =4.11,S.D.=0.96) และอันดับสุดท้ายคือ โรงเรียนมีแผนการจัดหาพัสดุเพื่อรองรับการควบรวม ( X = 3.98,S.D.=0.94) ตารางที่ 4.4 แสดงค่าเฉลี่ยและค่าสว่ นเบีย่ งเบนมาตรฐานของการศึกษาความพรอ้ มของโรงเรียนหลกั ทส่ี ง่ ผลตอ่ การควบรวมโรงเรียนขนาดเลก็ ในจงั หวัดชมุ พร ด้านการบริหารงานบุคคล (n=50) ข้อที่ รายการประเมนิ X S.D. แปลคา่ ความพร้อมดา้ นการบรหิ ารงานบุคคล มาก มาก 1 โรงเรียนมกี ารวางแผนอตั รากาลังเพอ่ื การควบรวม 4.40 0.91 มาก 2 โรงเรียนมคี รคู รบชน้ั 4.24 0.96 มากท่สี ดุ มากท่สี ุด 3 โรงเรยี นจดั ครูสอนตรงวิชาเอก หรือ ตรงความถนัด 4.44 0.66 มากที่สุด 4 ครแู ละบคุ ลากรในโรงเรียนมีการปฏบิ ัตงิ านอยา่ งเต็มความสามารถ 4.53 0.63 มากทส่ี ุด เตม็ เวลา มากทส่ี ุด 5 โรงเรียนสนบั สนุน ส่งเสรมิ การพฒั นาครูและบุคลากร 4.60 0.54 6 โรงเรียนมีการตดิ ตามและประเมนิ ผลการปฏบิ ัตงิ านของครู 4.58 0.58 และบุคลากร 7 โรงเรยี นมกี ารยกย่อง เชดิ ชเู กียรตคิ รูและบุคลากร 4.78 0.52 คา่ เฉลีย่ ความพรอ้ มดา้ นการบริหารงานบคุ คล 4.51 0.69 จากตารางท่ี 4.4 ผลการศึกษาพบว่า ความพร้อมของโรงเรียนหลักท่ีส่งผลต่อการควบ รวมโรงเรียนขนาดเล็กในจังหวัดชุมพร ด้านการบริหารงานบุคคล โดยรวมอยู่ในระดับมากท่ีสุด ( X =4.51,S.D.= 0.69) เมื่อจาแนกเป็นรายข้อพบว่า อันดับที่ 1 คือ โรงเรียนมีการยกย่อง เชิดชู เกยี รตคิ รูและบุคลากร(X =4.78,S.D.=0.52) รองลงมาคือ โรงเรียนสนบั สนุน ส่งเสริมการพัฒนาครูและ บุคลากร ( X =4.60,S.D.=0.54) โรงเรียนมีการติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงานของครูและ บุคลากร ( X =4.58,S.D.=0.58) ครูและบุคลากรในโรงเรียนมีการปฏิบัติงานอย่างเต็มความสามารถ เต็ ม เวล า ( X =4.53,S.D.=0.63) โรงเรีย น จั ด ค รูส อ น ต รงวิช าเอ ก ห รือ ต รงค วาม ถ นั ด ( X =4.44,S.D.=0.66) โรงเรียนมีการวางแผนอัตรากาลังเพ่ือการควบรวม ( X =4.40,S.D.=0.91) และ อนั ดบั สุดทา้ ยคือ โรงเรยี นมีครูครบชั้น ( X = 4.24,S.D.=0.91)

87 ตารางท่ี 4.5 แสดงค่าเฉลี่ยและค่าสว่ นเบีย่ งเบนมาตรฐานของการศึกษาความพร้อมของโรงเรียนหลกั ทสี่ ง่ ผลต่อการควบรวมโรงเรียนขนาดเล็กในจังหวดั ชุมพรด้านการบริหารงานทวั่ ไป (n=50) ข้อที่ รายการประเมิน X S.D. แปลคา่ ความพร้อมดา้ นการบรหิ ารงานทว่ั ไป 4.40 0.62 มาก 4.42 0.58 มาก 1 โรงเรียนมีระบบข้อมลู และเครือข่ายสารสนเทศ 4.33 0.60 มาก 4.44 0.62 มาก 2 โรงเรยี นมกี ารประสานงานและเครือข่ายการศึกษา 4.36 0.77 มาก 3 โรงเรียนมีความพร้อมด้านเทคโนโลยีเพ่ือการศกึ ษา 4.49 0.66 มาก 4 โรงเรยี นมกี ารดาเนนิ งานธรุ การอย่างเป็นระบบ 4.49 0.59 มาก 4.47 0.66 มาก 5 โรงเรียนมีอาคารสถานท่ี และแหลง่ เรยี นรอู้ ยา่ งเพยี งพอ 4.51 0.59 มากทีส่ ดุ 6 โรงเรยี นมรี ะบบดแู ลรักษาความปลอดภยั 4.44 0.50 มาก 7 โรงเรยี นมสี ภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรยี นรู้ 4.42 0.58 มาก 8 โรงเรยี นมีการจัดกิจกรรมเสริมหลักสูตรใหก้ บั ผเู้ รียน 4.64 0.57 มากทส่ี ดุ 9 โรงเรยี นมีระบบดแู ลชว่ ยเหลอื นกั เรียน 4.45 0.61 มาก 10 โรงเรยี นมกี ารประชาสมั พันธง์ านดา้ นการศกึ ษา 11 โรงเรยี นมีการคมนาคมท่ีสะดวก 12 โรงเรยี นสง่ เสรมิ ให้ชมุ ชนและผู้เกี่ยวขอ้ งเขา้ มามสี ่วนรว่ ม การพฒั นาโรงเรยี น คา่ เฉล่ยี ความพร้อมดา้ นการบรหิ ารงานทั่วไป จากตารางท่ี 4.5 ผลการศึกษาพบว่า ความพร้อมของโรงเรียนหลักท่ีส่งผลต่อการควบ รวมโรงเรียนขนาดเล็กในจังหวัดชุมพร ด้านการบริหารงานทั่วไป โดยรวมอยู่ในระดับมาก ( X =4.45,S.D.= 0.61) เม่ือจาแนกเป็นรายข้อพบว่า อันดับที่ 1 คือโรงเรียนส่งเสริมให้ชุมชนและ ผูเ้ ก่ียวข้องเข้ามามีส่วนร่วมการพัฒนาโรงเรียน ( X =4.64,S.D.=0.57) รองลงมาคือ โรงเรียนมีระบบ ดูแลช่วยเหลือนักเรียน( X =4.51,S.D.=0.59) โรงเรียนมีสภาพแวดล้อมที่เอ้ือต่อการเรียนรู้ ( X =4.49,S.D.=0.59) โรงเรียนมีระบบดูแลรักษาความปลอดภัย ( X =4.49,S.D.=0.66) โรงเรียนมี การจัดกิจกรรมเสริมหลักสูตรให้กับผู้เรียน ( X =4.47,S.D.=0.66) โรงเรียนมีการประชาสัมพันธ์งาน ด้านการศึกษา ( X =4.44,S.D.=0.50) โรงเรียนมีการดาเนินงานธุรการอย่างเป็นระบ ( X =4.44, S.D.=0.62) โรงเรียนมีการประสานงานและเครือข่ายการศึกษา ( X = 4.42,S.D.=0.58) โรงเรียนมี การคมนาคมที่สะดวก ( X = 4.42,S.D.=0.58) โรงเรียนมีระบบข้อมูลและเครือข่ายสารสนเทศ ( X = 4.40,S.D.=0.62) โรงเรียนมีอาคารสถานที่และแหล่งเรียนรู้อย่างเพียงพอ ( X = 4.36,S.D.=0.77) และ อันดับสุดท้ายคือโรงเรียนมคี วามพรอ้ มด้านเทคโนโลยเี พ่ือการศกึ ษา ( X = 4.33,S.D.=0.60)

88 ตารางท่ี 4.6 แสดงผลการวเิ คราะห์ความพร้อมของโรงเรียนหลักทสี่ ง่ ผลตอ่ การควบรวมโรงเรยี น ขนาดเลก็ ในจงั หวัดชมุ พร 4 ดา้ น ดา้ นการประเมนิ X S.D. แปลคา่ 1. ดา้ นการบรหิ ารงานวชิ าการ มาก 2. ดา้ นการบรหิ ารงานงบประมาณ 4.46 0.58 มาก 3. ดา้ นการบริหารงานบุคคล 4.33 0.83 มากท่สี ดุ 4. ดา้ นการบรหิ ารงานทว่ั ไป 4.51 0.69 มาก 4.45 0.61 มาก ภาพรวม 4 ด้าน 4.44 0.68 จากตารางท่ี 4.6 พบว่า ผลการวิเคราะห์ความพร้อมของโรงเรียนหลักท่ีส่งผลต่อการควบ รวมโรงเรียนขนาดเล็กในจังหวัดชุมพร 4 ด้าน โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก ( X =4.44, S.D.=0.68) เมื่อจาแนกเป็นรายด้านพบว่า อันดับท่ี 1 คือด้านการบริหารงานบุคคล ( X =4.51, S.D.= 0.69) รองลงมาคือ ด้านการบรหิ ารงานวิชาการ ( X =4.46,S.D.=0.58) ดา้ นการบริหารงานทั่วไป ( X =4.45, S.D.= 0.61) และอันดับสดุ ทา้ ยคือ ดา้ นการบรหิ ารงานงบประมาณ (X =4.33, S.D.=0.83) ตอนที่ 2 ผลการศกึ ษาเง่ือนไขแหง่ ความสาเร็จของโรงเรยี นหลกั ทมี่ ีผลต่อการควบรวม โรงเรยี นขนาดเลก็ ในจังหวดั ชมุ พร 2.1 ผลการวิเคราะห์แบบสมั ภาษณเ์ กี่ยวกบั เงอื่ นไขแห่งความสาเรจ็ ของโรงเรยี นหลักทม่ี ีผล ต่อการควบรวมโรงเรยี นขนาดเลก็ ในจังหวัดชมุ พร ตารางที่ 4.7 แสดงผลการวิเคราะห์แบบสัมภาษณ์เก่ยี วกับเงือ่ นไขแห่งความสาเรจ็ ของโรงเรยี นหลัก ท่มี ผี ลตอ่ การควบรวมโรงเรยี นขนาดเล็กในจังหวัดชุมพร ประเดน็ การสัมภาษณ/์ เง่ือนไขอะไรบ้างที่สง่ ผลต่อการควบรวมโรงเรยี นขนาดเล็ก ผู้ใหส้ มั ภาษณ์ เกดิ ความสาเร็จ และมีประสทิ ธภิ าพ 1. ผ้บู รหิ ารโรงเรียน 1. ตอ้ งมคี วามพร้อมด้านอาคารสถานท่ี คือมีห้องเรียนพร้อมรบั นักเรยี นตามเกณฑ์ 2. มบี คุ ลากรที่ครบช้ัน ตรงวชิ าเอกและเพียงพอตอ่ ช้ันเรียน 3. มีส่อื เทคโนโลยีท่คี รบทุกช้นั เรยี นและมปี ระสิทธภิ าพ 4. จัดช้ันเรียนทีเ่ หมาะสมในแออดั มากจนเกนิ ไป 5. เคร่ืองสาธารณูปโภคทเี่ พยี งพอ 6. มีการวางแผนการบริหารจัดการที่ดี 7. มีหลกั สตู รท่ีเหมาะสมตรงกบั ความต้องการ 8. สร้างองค์กรใหเ้ ป็นทย่ี อมรับจากชมุ ชน

89 ตารางที่ 4.7 (ต่อ) ประเด็นการสมั ภาษณ์/ เงือ่ นไขอะไรบ้างท่ีส่งผลต่อการควบรวมโรงเรยี นขนาดเล็ก ผูใ้ ห้สมั ภาษณ์ เกดิ ความสาเร็จ และมปี ระสิทธภิ าพ 2. ครูผู้สอน 1. มีการพัฒนาครูใหต้ รงกับสาขาวิชาและตรงกับความต้องการ 2. เตรยี มความพร้อมของห้องเรียน หอ้ งปฏิบตั กิ าร รวมถึงส่ือ วสั ดุ 3. กรรมการสถานศึกษา อปุ กรณ์เพยี งพอกับปรมิ าณนักเรยี น ขนั้ พ้นื ฐาน 1. มีการจดั ทีมงานวชิ าการทม่ี ีความเข้มแขง็ 4. ผู้ปกครองนักเรยี น 2. มอี าคาร สถานทีท่ เ่ี พยี งพอ 3. มีแหลง่ เรยี นรู้ทีห่ ลากหลายตรงกับความต้องการ 5. ผู้นาชมุ ชน 4. มีความปลอดภัยในโรงเรยี น 5. อานวยความสะดวกในการเดนิ ทางให้กบั นกั เรยี น 1. มีระบบดูแลช่วยเหลอื นกั เรียนท่ดี ี ท้ังนักเรียนยากจน ด้อยโอกาส หรอื นกั เรียนปกติ 2. มอี าคาร สถานทที่ ี่เพยี งพอ 3. มีทุนการศึกษา 4. การเอาใจใส่ดูแลนกั เรียน ให้กระทรวงศึกษาธิการมีนโยบายในการควบรวมทช่ี ดั เจน 2.2 ผลการวิเคราะห์แบบสอบถามเกย่ี วกับเงือ่ นไขแห่งความสาเรจ็ ของโรงเรียนหลักท่ีมผี ล ต่อการควบรวมโรงเรยี นขนาดเล็กในจังหวัดชุมพร 2.2.1 ผลการวิเคราะห์ ร้อยละข้อมูลสถานภาพของผ้ตู อบแบบสอบถาม ผลการวิเคราะห์ข้อมูลจากแบบสอบถามจากกลุ่มตัวอย่าง ซึ่งเป็นผู้บริหาร โรงเรยี น ครูผู้สอน ผู้ปกครองนักเรียน ผู้นาชุมชนและคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน อย่างละ 1 คน ในโรงเรียนหลักท่ีสังกัดสานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐานในจังหวัดชุมพร จานวน 50 คน โดยจาแนกออกเป็น ผบู้ รหิ ารโรงเรียน คิดเป็นร้อยละ 17.78 ครูผู้สอน คิดเปน็ ร้อยละ 24.44 คณะกรรมการสถานศกึ ษาข้ันพืน้ ฐาน คดิ เป็นร้อยละ 15.56 ผปู้ กครองนกั เรยี น คดิ เปน็ รอ้ ยละ 24.44 และผู้นาชุมชน คิดเป็นรอ้ ยละ 17.78 2.2.2 ผลการวเิ คราะหเ์ ง่ือนไขแห่งความสาเร็จของโรงเรยี นหลกั ที่สง่ ผลตอ่ การควบ รวมโรงเรียนขนาดเล็กในจังหวดั ชุมพร

90 ตารางที่ 4.8 แสดงคา่ เฉลย่ี และค่าส่วนเบย่ี งเบนมาตรฐานของการศึกษาเงื่อนไขความสาเรจ็ ของ โรงเรียนหลักทส่ี ่งผลตอ่ การควบรวมโรงเรียนขนาดเล็กในจังหวดั ชุมพร (n=50) ข้อที่ รายการประเมิน X S.D. แปลคา่ มาก 1 โรงเรยี นหลักมีการประชาสัมพนั ธผ์ ลงานทีป่ ระสบ 4.38 0.61 มาก ความสาเรจ็ ใหโ้ รงเรยี นอน่ื ๆ ทราบ มาก มาก 2 โรงเรยี นหลักมขี อ้ มูลสารสนเทศของนักเรยี นรายบุคคลทุกคน 4.02 1.03 มาก ในโรงเรียนขนาดเล็ก มาก 3 โรงเรยี นหลกั มกี ารเชิญชวนผปู้ กครองของนักเรียนใน 3.96 1.07 มาก โรงเรียนขนาดเลก็ เข้าร่วมกจิ กรรมของโรงเรยี นหลกั มาก 4 โรงเรยี นมีการจัดหาค่าพาหนะในการเดนิ ทางของนักเรยี น 3.82 1.23 มาก ทม่ี าเรยี นรวม มาก มาก 5 โรงเรยี นมกี ารจดั เตรยี มอาหารกลางวนั สาหรบั นักเรยี น 4.27 1.05 ทม่ี าเรียนรวม 6 โรงเรียนมีการจดั หาวัสดุ สื่อ อุปกรณ์ เพื่อรองรับนักเรียน 4.38 0.91 การควบรวม โรงเรียนมีการจดั หลักสตู รเสริมทีต่ อบสนองความต้องการ 7 ของผูป้ กครองและผเู้ รียน เช่น ดนตรี กฬี า ภาษา ทักษะ 4.33 0.80 ชวี ติ เป็นตน้ 8 โรงเรียนได้รับการสนับสนนุ จากหน่วยงานภายนอก หรือ 4.44 0.78 องค์กรปกครองส่วนท้องถิน่ 9 โรงเรยี นมกี ารใชค้ รูและบุคลากรร่วมกันระหว่างโรงเรยี นหลัก 4.18 0.98 และโรงเรยี นทม่ี าควบรวม 10 ผบู้ ริหารและครูโรงเรยี นหลักและโรงเรียนทีม่ าควบรวมมี 4.40 1.07 ความสมั พนั ธ์ท่ดี ีตอ่ กนั คา่ เฉล่ีย 4.22 0.95 จากตารางที่ 4.8 ผลการศึกษาพบว่า เง่ือนไขความสาเร็จของโรงเรียนหลักที่ส่งผลต่อ การควบรวมโรงเรียนขนาดเล็กในจังหวัดชุมพร โดยรวมอยู่ในระดับมาก ( X =4.22,S.D.= 0.95) เม่ือจาแนกเป็นรายข้อพบว่า อันดับท่ี 1 คือ โรงเรียนได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานภายนอกหรือ องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน ( X =4.48,S.D.=0.78) รองลงมาผู้บริหารและครูโรงเรียนหลักและ โรงเรียนที่มาควบรวมมีความสัมพันธ์ท่ีดีต่อกัน ( X =4.40, S.D.=1.07) โรงเรียนหลักมีการ ประชาสมั พนั ธผ์ ลงานที่ประสบความสาเรจ็ ใหโ้ รงเรียนอ่ืน ๆ ทราบ ( X =4.38, S.D.=0.61) โรงเรียนมี การจดั หาวสั ดุ ส่ือ อุปกรณ์ เพ่ือรองรับนักเรียนการควบรวม ( X =4.38,S.D.=0.91) โรงเรียนมีการจัด หลักสตู รเสรมิ ที่ตอบสนองความตอ้ งการของผู้ปกครองและผเู้ รยี น เช่น ดนตรี กีฬา ภาษา ทักษะชีวิต

91 เป็นต้น ( X =4.33, S.D.=0.80) โรงเรียนมีการจัดเตรียมอาหารกลางวันสาหรับนักเรียนที่มาเรียนรวม ( X =4.27, S.D.=1.05) โรงเรียนมีการใช้ครูและบุคลากรร่วมกันระหว่างโรงเรียนหลักและโรงเรียน ทม่ี าควบรวม ( X =4.18, S.D.=0.98) โรงเรยี นหลักมีข้อมูลสารสนเทศของนักเรียนรายบุคคลทกุ คนใน โรงเรียนขนาดเล็ก ( X = 4.02,S.D.=1.03) โรงเรียนหลักมีการเชิญชวนผู้ปกครองของนักเรียนใน โรงเรียนขนาดเล็กเข้าร่วมกิจกรรมของโรงเรยี นหลัก ( X = 3.96, S.D.=1.07) โรงเรยี นมีการจัดหาค่า พาหนะในการเดนิ ทางของนกั เรียนทม่ี าเรยี นรวม ( X = 3.82, S.D.=1.23)

92 บทท่ี 5 สรปุ ผลการศกึ ษา อภปิ รายผลและขอ้ เสนอแนะ การศึกษาสภาพความพร้อมและเง่ือนไขแห่งความสาเร็จของโรงเรียนหลักที่มีผลต่อการ ควบรวมโรงเรียนขนาดเล็กในจังหวดั ชุมพร มีวัตถุประสงค์เพ่ือศึกษาความพร้อมของโรงเรียนหลักท่ีมี ผลต่อการควบรวมโรงเรียนขนาดเล็กในจงั หวัดชุมพร และศึกษาเงือ่ นไขแห่งความสาเร็จของโรงเรียน หลักท่ีมีผลต่อการควบรวมโรงเรียนขนาดเล็กในจังหวัดชุมพร โดยใช้กลุ่มตัวอย่าง จานวน 50 คน โดยผู้ศึกษาเก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างทั้งหมด เคร่ืองมือท่ีใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล เป็นแบบสอบถาม มาตราส่วนประเมินค่า 5 ระดับ (Rating Scale) สถิติท่ีใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ในการศึกษาด้วยโปรแกรมสาเร็จรูปทางสถิติ โดยการหาค่าร้อยละ (Percentage) ค่าเฉล่ีย ( X ) และ ค่าส่วนเบย่ี งเบนมาตรฐาน (S.D.) เพอ่ื นามาจัดทาสรปุ ผลการศกึ ษา อภปิ รายผลและข้อเสนอแนะ สรุปผลการศกึ ษา จากการศึกษาความพรอ้ มและเงอ่ื นไขความสาเร็จของโรงเรียนหลักทส่ี ่งการควบรวมโรงเรียน ขนาดเล็กในจังหวัดชมุ พร สรปุ ผลการวิจัยได้ ดังน้ี 1. ความพรอ้ มของโรงเรียนหลกั ทส่ี ง่ ผลตอ่ การควบรวมโรงเรียนขนาดเลก็ จังหวัดชมุ พร 1.1 ความเห็นของผู้บริหารสถานศึกษา พบว่า โรงเรียนต้องมีความพร้อมด้านอาคาร สถานที่ คือมีห้องเรียนพร้อมรับนักเรียนตามเกณฑ์ มีบุคลากรที่ครบชั้น ตรงวิชาเอก และเพียงพอต่อช้ันเรียน มีสื่อเทคโนโลยีท่ีครบทุกชั้นเรียนและมีประสิทธภิ าพ มีจัดช้ันเรียนที่เหมาะสมไม่แออดั มากจนเกนิ ไป มีเครื่องสาธารณูปโภคที่เพียงพอ มีการวางแผนการบริหารจัดการที่ดี มีหลักสูตรท่ีเหมาะสมตรงกับ ความต้องการ สร้างองค์กรให้เป็นที่ยอมรับจากชุมชน ซ่ึงสามารถสนับสนุนด้วยการวางแผน การบริหารจัดการที่ดี ส่งเสริมการจัดการเรียนการสอนมีความเป็นเลิศ จัดห้องปฏิบัติการ สื่อ วัสดุ อุปกรณท์ ม่ี ีประสทิ ธิภาพและเพยี งพอ และเปิดห้องเรยี นทีม่ ีความเป็นเลิศหรือหอ้ งเรียนพิเศษ 1.2 ความเห็นของครูผู้สอน พบว่า โรงเรียนต้องมีความพร้อมในการพัฒนาครูให้ตรงกับ สาขาวิชาและตรงกับความต้องการ มีการเตรียมความพร้อมของห้องเรียน ห้องปฏิบัติการ รวมถึงสื่อ วัสดุอุปกรณ์เพียงพอกับปริมาณนักเรียน ซ่ึงสามารถสนับสนุนด้วยการส่งเสริมครูให้สอดคล้องกับ ความต้องการและความถนัด และมีการกิจกรรมเสริมหลักสูตรท่ีหลากหลายเพ่ือพัฒนาคุณภาพ นกั เรียน 1.3 ความเห็นของคณะกรรมการสถานศึกษา พบว่า โรงเรียนต้องมีความพร้อม การจัดทีมงานวชิ าการท่มี ีความเข้มแข็ง มีอาคารสถานท่ีทเ่ี พยี งพอ มีแหลง่ เรียนรู้ทีห่ ลากหลายตรงกับ ความต้องการ มีความพร้อมป้องกันภัยในโรงเรียน และอานวยความสะดวกในการเดินทางให้กับ นักเรียน ซ่ึงสามารถสนับสนุนด้วยการส่งเสริมงานอาชีพในโรงเรียน มีการระดมทุนการศึกษา มีการ ประชาสัมพันธใ์ ห้ชุมชนรับทราบกิจกรรมหรือความสาเร็จของโรงเรียน และส่งเสรมิ ความเข้าใจให้กับ ชุมชน