Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มือปฏิบัติงานหลักการดำเนินการทางวินัย

คู่มือปฏิบัติงานหลักการดำเนินการทางวินัย

Published by leangbeer, 2022-08-05 08:24:17

Description: คู่มือปฏิบัติงานหลักการดำเนินการทางวินัย

Search

Read the Text Version

๔๖ ขัน้ ตอนท่ี ๕ การจดั ทำหนงั สอื แจง้ และอธบิ ายขอ้ กล่าวหา การแจ้งและอธิบายข้อกล่าวหา เมื่อคณะกรรมการสอบสวน ได้พิจารณาแนวทางการสอบสวนเรียบร้อย แล้ว คณะกรรมสอบสวน มีหน้าที่ต้องดำเนินการแจ้งและอธิบายข้อกล่าวหาที่ปรากฏตามเรื่องที่กล่าวหาใหท้ ราบ ภายใน ๑๕ วันนับแต่วันที่ประธานกรรมการสอบสวนได้รับทราบคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน ตามข้อ ๒๒ (๑) และข้อ ๒๔ ของข้อบังคับมหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ ว่าด้วย การสอบสวนพิจารณาการ ดำเนินการทางวินัย พ.ศ. ๒๕๖๓ โดยจะมอบหมายให้นิติกร ซึ่งเป�นฝ่ายเลขานุการจัดทำหนังสือแจ้งและอธิบาย ขอ้ กล่าวหา ซึ่งมีข้นั ตอน ดังนี้ ๕.๑ จัดทำหนังสือเชิญผู้ถูกกล่าวหามาพบคณะกรรมการสอบสวน เพื่อแจ้งและอธิบายข้อกล่าวหา เมื่อคณะกรรมการสอบสวนได้พิจารณาแนวทางการสอบสวนแล้ว ต้องมอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการ สอบสวน จดั ทำหนังสอื หรือบันทึกเชิญผู้ถูกกล่าวหามาพบคณะกรรมการสอบสวน เพอ่ื แจ้งและอธบิ ายข้อกล่าวหา โดยส่วนมากจะทำเป�นหนังสือส่งภายนอกแทนการทำบันทึกข้อความ เนื่องจากหากฝ่ายเลขานุการโทรศัพท์ ประสานแล้ว ผู้ถูกกล่าวหาไม่มารบั หนังสือ ก็จะส่งหนังสือทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับแทน ตามรายละเอียด ปรากฏตามแบบฟอรม์ ตัวอยา่ งท่ี ๑๒ ๕.๒ เชิญผู้ถูกกล่าวหารับฟ�งการแจ้งและอธิบายข้อกล่าวหา ว่าผู้ถูกกล่าวหาได้กระทำการใด เมื่อใด อย่างไร พร้อมทั้งแจ้งสิทธิและหนา้ ที่ของผู้ถูกกล่าวหา โดยให้แจ้งพฤติการณ์เท่าที่ปรากฏตามเรื่องที่กล่าวหาและ ตามพยานหลักฐานโดยไม่ต้องแจ้งกรณีและมาตราความผิด โดยจัดทำบันทึกการแจ้งและรับทราบข้อกล่าวหา (แบบ สว.๒) ตามรายละเอียดปรากฏตามแบบฟอร์ม ตัวอย่างที่ ๑๓ เป�นสองฉบับ เพื่อมอบให้ผู้ถูกกล่าวหาหน่งึ ฉบับ และเก็บไว้ในสำนวนการสอบสวนหนึ่งฉบับ ซึ่งในขั้นตอนนี้ก่อนที่จะเชิญผู้ถูกกล่าวหารับฟ�งการแจ้งและ อธิบายข้อกล่าวหา นิติกร ซึ่งเป�นฝ่ายเลขานุการ จะเป�นผู้ดำเนินการจัดทำบันทึกการแจ้งและอธิบายข้อกล่าวหา (แบบ สว.๒) เพื่อเสนอให้คณะกรรมการสอบสวน พจิ ารณาตรวจสอบความถกู ต้องกอ่ นแจ้งให้ผู้ถูกกลา่ วหาทราบ ๕.๓ แจ้งสิทธิและหน้าที่ของผู้ถูกกล่าวหา เมื่อคณะกรรมการสอบสวน ได้แจ้งและอธิบายข้อกล่าวหาให้ ผู้ถูกกล่าวหาทราบ คณะกรรมการสอบสวน จะต้องแจ้งสิทธิและหน้าที่ของผู้ถูกกล่าวหาด้วย โดยการแจ้งทั้งใน บันทึกการแจ้งและอธิบายข้อกล่าวหา (สว.๒) และต้องแจ้งสิทธิโดยวาจาให้ผู้ถูกกล่าวหาอีกทางหนึ่ง ซึ่งการแจ้ง สิทธิและหน้าที่ของผู้ถูกกล่าวหานั้นถือเป�นขั้นตอนสำคัญในการดำเนินการสอบสวน เนื่องจากมีเหตุการณ์ ฟ้องรอ้ งคดีหลายกรณีที่ศาลส่ังยกเลิกคำสั่งลงโทษทางวินยั เพราะคณะกรรมการสอบสวน มไิ ดแ้ จง้ สิทธิและหน้าที่ ให้ผู้ถูกกล่าวหาทราบ โดยสิทธิและหน้าที่ของผู้ถูกกล่าวหาตามข้อ ๑๐ และข้อ ๑๓ ของข้อบังคับมหาวิทยาลัย ราชภัฏอุตรดติ ถ์ วา่ ดว้ ย การสอบสวนพจิ ารณาการดำเนินการทางวนิ ยั พ. ศ. ๒๕๖๓ กำหนดไว้ ดังน้ี ๕.๓.๑) ผู้ถูกกล่าวหามีสิทธิคัดค้านผู้ได้รับแต่งตั้งเปน� กรรมการสอบสวน ถ้าผู้นั้นมีเหตุอย่างหน่ึง อย่างใด ดงั ต่อไปนี้

๔๗ (๑) ร้เู หน็ เหตกุ ารณใ์ นขณะกระทำการตามเร่อื งที่กล่าวหา (๒) มีประโยชน์ไดเ้ สยี ในเร่ืองที่สอบสวน (๓) มีสาเหตุโกรธเคอื งกับผถู้ ูกกลา่ วหา (๔) เป�นผู้กล่าวหา หรือเป�นคู่หมั้น คู่สมรส บุพการี ผู้สืบสันด้าน พี่น้องร่วมบิดามารดา หรือร่วมบิดา หรือมารดา ลกู พล่ี ูกน้องนับได้เพียงภายในสามชั้นหรอื เปน� ญาตเิ ก่ียวพันการแตง่ งานนับไดเ้ พยี งสองช้นั ของผ้ถู ูกกล่าวหา (๕) เป�นเจ้าหนห้ี รอื ลกู หนขี้ องผู้ถูกกลา่ วหา (๖) เคยเป�นผู้แทนโดยชอบธรรมหรอื ผพู้ ิทักษ์หรอื ผ้อู นุบาลหรอื ผ้แู ทนหรือตวั แทนของคู่กรณี (๗) มีเหตุอืน่ ซง่ึ นา่ เช่อื อยา่ งย่งิ วา่ จะทำใหก้ ารสอบสวนเสยี ความเปน� ธรรมหรือไมเ่ ปน� กลาง หรือมีสภาพอันร้ายแรงซึ่งหากทำการสอบสวนต่อไปจะไม่เป�นธรรมตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติ ราชการทางปกครอง ๕.๓.๒) ในการสอบสวน คณะกรรมการสอบสวนต้องให้ผู้ถูกกล่าวหามีโอกาสได้รับทราบ ข้อเท็จจริงอย่างเพียงพอ และมีโอกาสได้โต้แย้งแสดงพยานหลักฐานของตน รวมทั้งมีสิทธิขอตรวจดูเอกสารท่ี จำเป�นต้องรเู้ พือ่ การไดแ้ ยง้ หรอื ชี้แจงหรือป้องกันสิทธิของตนได้ ๕.๓.๓) ในการสอบสวนทางวินัย ผู้ถูกกล่าวหามีสิทธินำทนายความหรือที่ปรึกษาของตนเข้า มาร่วมฟง� การสอบสวนได้ ๕.๓.๔) ในกรณีทค่ี ณะกรรมการสอบสวนเรียกบคุ คลใดมาเปน� พยาน ใหบ้ ุคคลนน้ั มาชี้แจงหรือให้ ถอ้ ยคำตามวัน เวลา และสถานที่ที่คณะกรรมการสอบสวนกำหนด ๕.๔ สอบถามผู้ถูกกล่าวหาว่าได้กระทำการตามที่ถูกกล่าวหาหรือไม่อย่างไร เมื่อคณะกรรมการสอบสวน ไดแ้ จง้ และอธิบายข้อกล่าวหา ตามบันทึกการแจ้งและอธิบายข้อกล่าวหาแลว้ คณะกรรมการสอบสวนมีหน้าที่ต้อง สอบถามผถู้ กู กล่าวหาวา่ ได้กระทำการตามทีถ่ ูกกล่าวหาหรอื ไม่อย่างไร ๕.๔.๑) กรณีทีผ่ ถู้ ูกกล่าวหาให้ถ้อยคำรับสารภาพ ให้คณะกรรมการสอบสวนแจ้งให้ผู้ถูกกล่าวหา ทราบว่าการกระทำตามที่ถูกกล่าวหาดังกล่าวเป�นความผิดวินัยกรณีใด หากผู้ถูกกล่าวหายังคงยืนยันตามที่รับ สารภาพ ให้บันทึกถ้อยคำรับสารภาพตามแบบบันทึกถ้อยคำผู้ถูกกล่าวหา (แบบ สว.๔) ตามรายละเอียดปรากฏ ตามแบบฟอร์ม ตัวอย่างที่ ๑๔ และคณะกรรมการสอบสวน จะไม่สอบสวนต่อไปก็ได้แล้ว ดำเนินการพิจารณา สำนวนการสอบสวนตอ่ ไป ๕.๔.๒) กรณที ผี่ ถู้ ูกกล่าวหามิได้ให้ถ้อยคำรับสารภาพหรือรับสารภาพบางส่วน ให้คณะกรรมการ สอบสวนดำเนนิ การสอบสวน เพือ่ รวบรวมพยานหลักฐานที่เกยี่ วขอ้ งกับข้อกล่าวหาแล้วพจิ ารณาดำเนินการต่อไป

๔๘ ตัวอย่างที่ ๑๒ แบบฟอร์มหนงั สือเชญิ ผู้ถูกกล่าวหามาแจง้ และอธิบายข้อกลา่ วหา

๔๙

๕๐ ตัวอยา่ งท่ี ๑๓ แบบฟอร์มบันทกึ การแจ้งและรบั ทราบข้อกล่าวหา (แบบ สว. ๒)

๕๑

๕๒ ตวั อย่างท่ี ๑๔ แบบฟอร์มบันทกึ ถอ้ ยคำผู้ถกู กลา่ วหา (แบบ สว.๔)

๕๓ ปญ� หา ๑. ผูถ้ ูกกลา่ วหาบ่ายเบ่ยี งทจ่ี ะเขา้ มาพบคณะกรรมการสอบสวนเพื่อแจง้ และอธิบายข้อกลา่ วหา ๒. ผถู้ กู กลา่ วหาไม่มาพบกรรมการตามวนั เวลา และสถานที่ทีก่ ำหนด แนวทางการแกไ้ ขปญ� หา ๑. หากมีกรณีที่ผู้ถูกกล่าวหาบ่ายเบี่ยงไม่มาพบคณะกรรมการเพื่อแจ้งและอธิบายข้อกล่าวหา ฝ่ายเลขานุการจะต้องชี้แจงเหตผุ ลและอธิบายขั้นตอนการดำเนินการสอบสวนอย่างละเอียดให้ผู้ถูกกล่าวหาทราบ เพือ่ ไม่ใหเ้ กิดความกลัว หรอื วิตกกงั วลตอ่ การมาพบคณะกรรมการ ๒. จดั ส่งบนั ทกึ การแจ้งและอธิบายขอ้ กล่าวหาไปยังที่อยูข่ องผู้ถูกกล่าวหา ขอ้ เสนอแนะ ในการเชิญผู้ถูกกล่าวหามาพบคณะกรรมการสอบสวนเพื่อแจ้งและอธิบายข้อกล่าวหา ฝ่ายเลขานุการควร โทรศพั ท์ประสานโดยตรงไปยงั ผถู้ กู กลา่ วหา เพือ่ อธิบายให้เกดิ ความมั่นใจในกระบวนการยุติธรรมในการสอบสวน

๕๔ ขัน้ ตอนที่ ๖ การรวบรวมพยานหลักฐานทเี่ กีย่ วกับเร่อื งทีก่ ล่าวหา การรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวกับเรื่องที่กล่าวหา ตามข้อ ๒๒ (๒) ของข้อบังคับมหาวิทยาลัยราชภัฏ อุตรดิตถ์ ว่าด้วย การสอบสวนพิจารณาการดำเนินการทางวินัย พ.ศ. ๒๕๖๓ เมื่อผู้ถูกกล่าวหาได้รับแจ้งและ อธบิ ายขอ้ กลา่ วหาเรียบร้อยแล้วและได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาหรือรบั สารภาพบางสว่ น คณะกรรมการสอบสวนจะต้อง รวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวกับเรื่องที่กล่าวหาเพื่อพิจารณาว่ามีพยานหลักฐานใดสนับสนุนข้อกล่าวหา ภายใน ๖๐ วัน นบั แต่วันทไี่ ดแ้ จง้ และอธิบายข้อกล่าวหาในขนั้ ตอนท่ี ๕ โดยการรวบรวมพยานหลักฐานท่ีเก่ียวกับ เรื่องที่กล่าวหานั้นสามารถทำได้หลายวิธี เช่น การแสวงหาพยานหลักฐานของคณะกรรมการสอบสวน การรับฟ�ง พยานหลักฐาน คำชี้แจง หรือความเห็นของผู้ถูกกล่าวหา พยานบุคคลหรือพยานผู้เชี่ยวชาญ ขอข้อเท็จจริงหรือ ความเห็นจากคู่กรณี พยานบุคคล หรือพยานผู้เชี่ยวชาญทั้งที่เป�นคุณและเป�นโทษแก่ผู้ถูกกล่าวหา ขอให้ ผู้ครอบครองเอกสารส่งเอกสารทเี่ ก่ียวข้อง หรือออกไปตรวจสถานท่ี โดยคณะกรรมการสอบสวน จะมอบหมายให้ ฝ่ายเลขานุการ จดั ทำบันทึกหรอื หนงั สือเชิญพยานบุคคลหรือผมู้ ีส่วนเกยี่ วข้องมาให้ถ้อยคำ พรอ้ มทั้งช้ีแจงเอกสาร พยานหลกั ฐานตอ่ คณะกรรมการสอบสวน รายละเอียดปรากฏตามแบบฟอรม์ ตัวอยา่ งที่ ๑๕ และตวั อยา่ งที่ ๑๖ ซึ่งคณะกรรมการสอบสวน จะทำการบันทึกการให้ถ้อยคำของพยานหรือผู้มีส่วนเกี่ยวข้องไว้ในแบบบันทึกถ้อยคำ พยานฝ่ายกล่าวหา/ฝ่ายผู้ถูกกล่าวหา (แบบ สว.๕) รายละเอียดปรากฏตามแบบฟอร์ม ตัวอย่างที่ ๑๗ ดังตวั อย่างต่อไปน้ี

๕๕ ตัวอย่างที่ ๑๕ แบบฟอร์มหนังสอื เชญิ พยานมาใหถ้ ้อยคำต่อคณะกรรมการสอบสวน (กรณีบคุ คลภายนอก)

๕๖ ตัวอย่างที่ ๑๖ แบบฟอร์มหนังสอื เชญิ พยานมาใหถ้ ้อยคำต่อคณะกรรมการสอบสวน (กรณีบคุ คลภายใน)

๕๗

๕๘ ตัวอย่างท่ี ๑๗ แบบฟอร์มบันทกึ ถ้อยคำพยานฝา่ ยกล่าวหา/ฝ่ายผถู้ ูกกล่าวหา (แบบ สว.๕)

๕๙ ป�ญหา ๑. บคุ ลากรทเ่ี ก่ยี วข้องหลีกเล่ียงทจ่ี ะมาให้ถ้อยคำต่อคณะกรรมการในฐานะพยาน ๒. การขอเอกสารหรอื หลกั ฐานจากหน่วยงานทเ่ี กย่ี วขอ้ งเป�นไปด้วยความล่าช้า ๓. ขาดพยานผู้เชยี่ วชาญในการใหค้ วามเห็นต่อคณะกรรมการเพื่อประกอบการพิจารณา แนวทางการแกไ้ ขป�ญหา ๑. โทรศัพทป์ ระสานงานเบ้ืองตน้ และยืนยันถึงการจัดเก็บข้อมลู เป�นความลับไม่ทำการเป�ดเผยตอ่ บุคคลอ่นื ๒. โทรศัพท์ประสานการขอเอกสารเบื้องต้นไปยังเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบโดยตรงเพื่อให้จัดเตรียมเอกสาร ใหก้ ับคณะกรรมการสอบสวนพร้อมท้งั จัดทำบันทึกหรือหนังสือขอเอกสารหลักฐานต่างๆไปยังหวั หน้าหน่วยงานไป พร้อมกนั ๓. ประสานงานกับนติ กิ รเครือขา่ ยในสถาบันอุดมศึกษาเพื่อสอบถามผู้ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านเพื่อมา ให้ความเหน็ ต่อคณะกรรมการเพอ่ื ประกอบการพจิ ารณา ข้อเสนอแนะ ๑. เห็นควรให้มหาวิทยาลัยมีประกาศเกี่ยวกับการคุ้มครองพยานและประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการรักษา ความลบั ของพยานข้ันสูงสดุ ๒. เห็นควรให้มหาวิทยาลัยสร้างความเข้าใจกับหน่วยงานภายในมหาวิทยาลัยถึงอำนาจหน้าที่ของ คณะกรรมการสอบสวนทีจ่ ะเรียกพยานหลกั ฐานหรอื เอกสารจากหนว่ ยงานต่างๆได้โดยตรง ๓. ในการพิจารณาแต่งตั้งคณะกรรมการควรแต่งตั้งกรรมการผู้ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับเรื่องที่ กล่าวหาเป�นคณะกรรมการสอบสวน

๖๐ ขน้ั ตอนท่ี ๗ การจดั ทำหนังสือแจ้งข้อกล่าวหาและสรปุ พยานหลกั ฐานสนับสนุนขอ้ กล่าวหา เมือ่ คณะกรรมการสอบสวน ได้แจ้งและอธบิ ายขอ้ กล่าวหาใหผ้ ู้ถกู กล่าวหาทราบแลว้ ตามข้อ ๒๒ (๓) และข้อ ๒๕ ของข้อบังคับมหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ ว่าด้วย การสอบสวนพิจารณาการดำเนินการทางวินัย พ.ศ. ๒๕๖๓ กำหนดให้ คณะกรรมการสอบสวน ดำเนินการประชุมเพ่อื พิจารณาว่ารวบรวมพยานหลักฐาน ภายใน ๖๐ วัน นับแต่วันทีผ่ ้ถู กู กล่าวหา ไดร้ บั แจง้ (แบบ สว.๒) วา่ มพี ยานหลักฐานใดสนับสนุนข้อกล่าวหาว่า ผ้ถู กู กลา่ วหาได้กระทำการใด เมอื่ ใด อย่างไร และให้ คณะกรรมการสอบสวนเรยี กผู้ถูกกล่าวหามาพบเพ่ือแจ้งข้อกลา่ วหา และสรุปพยานหลกั ฐานสนับสนุนข้อกล่าวหา ทั้งน้ี ให้ มีการแจ้งข้อกล่าวหาและสรุปพยานหลักฐานสนับสนุนข้อกล่าวหาภายใน ๑๕ วัน นับแต่วันที่คณะกรรมการสอบสวน ได้รวบรวมพยานหลกั ฐานทเ่ี กี่ยวขอ้ งกับเร่ืองท่ีกล่าวหาเสรจ็ โดยดำเนนิ การ ดงั น้ี ๗.๑ จัดทำหนังสือหรือบันทึกเพื่อเชิญผู้ถูกกล่าวหามาพบคณะกรรมการสอบสวน ตามวัน เวลา และ สถานที่ที่กำหนด โดยคณะกรรมการสอบสวน จะมอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการจัดทำหนังสือหรือบันทึกเพื่อเชิญ ผู้ถูกกล่าวหามาพบคณะกรรมการสอบสวน เพื่อคณะกรรมการสอบสวน จะได้ดำเนินการแจ้งขอ้ กล่าวหาและสรุป พยานหลกั ฐานสนบั สนุนข้อกล่าวหา รายละเอยี ดปรากฏตามแบบฟอรม์ ตัวอย่างท่ี ๑๘ ๗.๒ จัดทำบันทึกการแจ้งข้อกล่าวหาและสรุปพยานหลักฐานสนับสนุนข้อกล่าวหา (แบบ สว.๓) จำนวน ๒ ฉบับ เพื่อมอบให้ผู้ถูกกล่าวหาหนึ่งฉบับและเก็บไว้ในสำนวนอีกหนึ่งฉบับ โดยคณะกรรมการสอบสวน จะมอบหมายใหฝ้ ่ายเลขานุการเปน� ผ้จู ัดทำบันทกึ การแจ้งข้อกลา่ วหาและสรปุ พยานหลักฐานสนบั สนุนข้อกล่าวหา (แบบ สว.๓) รายละเอียดปรากฏตามแบบฟอร์ม ตัวอย่างที่ ๑๙ เพื่อเสนอให้คณะกรรมการสอบสวน พิจารณา ตรวจสอบความถูกต้องก่อน และคณะกรรมการสอบสวน จะดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหาให้ผู้ถูกล่าวหาทราบ โดยระบุขอ้ กล่าวหาที่ปรากฏตามพยานหลักฐานว่าเป�นความผดิ วินยั กรณีใดตามมาตราใด และสรปุ พยานหลักฐาน ที่สนับสนุนข้อกล่าวหาเท่าที่มีให้ทราบ โดยระบุวัน เวลา สถานที่ และการกระทำที่มีลักษณะเป�นการสนับสนุน ข้อกลา่ วหา สำหรับพยานบุคคลจะระบุหรือไม่ระบชุ อ่ื พยานก็ได้ โดยคำนงึ ถึงหลกั การคุ้มครองพยาน ๗.๓ สอบถามผู้ถูกกล่าวหาว่าจะยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาหรือไม่ เมื่อคณะกรรมการสอบสวนได้แจ้ง ขอ้ กลา่ วหาและสรุปพยานหลักฐานสนบั สนุนข้อกล่าวหา ให้ผู้ถกู กลา่ วหาเรียบร้อยแล้ว ให้คณะกรรมการสอบสวน ถามผู้ถูกกล่าวหาว่าจะยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาเป�นหนังสือหรือไม่ ถ้าผู้ถูกกล่าวหาประสงค์จะยื่นคำชี้แจงเป�น หนงั สอื ให้คณะกรรมการสอบสวนให้โอกาสผู้ถูกกล่าวหายนื่ คำชี้แจงภายในเวลาอนั สมควร แตอ่ ยา่ งช้าไมเ่ กินสิบห้า วันนับแต่วันทีไ่ ด้ทราบข้อกล่าวหา และสรุปพยานหลักฐานที่สนับสนนุ ข้อกล่าวหา และต้องให้โอกาสผู้ถูกกลา่ วหา โต้แย้งและแสดงพยานหลักฐานของตน หรือให้ถ้อยคำเพิ่มเติมรวมทั้งนำสืบแก้ข้อกล่าวหาด้วย ในกรณีท่ี ผู้ถูกกล่าวหาไมป่ ระสงค์จะยื่นคำชี้แจงเป�นหนงั สือให้คณะกรรมการสอบสวนดำเนินการใหผ้ ู้ถูกกลา่ วหาให้ถ้อยคำ และนำสืบแก้ข้อกล่าวหาโดยเร็ว การนำสืบแก้ข้อกล่าวหา ผู้ถูกกล่าวหาจะนำพยานหลักฐานมาเองหรือจะอ้าง พยานหลกั ฐานแลว้ ขอใหค้ ณะกรรมการสอบสวนเรียกพยานหลักฐานนน้ั มาก็ได้

๖๑ ตัวอยา่ งที่ ๑๘ แบบฟอร์มหนงั สอื เชิญผู้ถูกกลา่ วหามาพบคณะกรรมการสอบสวน เพอื่ แจ้งขอ้ กลา่ วหาและสรปุ พยานหลักฐานสนบั สนนุ ข้อกลา่ วหา

๖๒

๖๓ ตัวอยา่ งที่ ๑๙ แบบฟอรม์ บันทึกการแจ้งข้อกลา่ วหาและสรปุ พยานหลักฐานสนับสนนุ ข้อกล่าวหา (แบบ สว. ๓)

๖๔ ป�ญหา ๑. ผู้ถกู กลา่ วหามีความเข้าใจผิดเกีย่ วกับการแจง้ และอธิบายข้อกล่าวหากับขัน้ ตอนการแจ้งข้อกล่าวหาและ สรปุ พยานหลักฐานสนับสนุนขอ้ กลา่ วหา ๒. ผู้ถกู กลา่ วหาขอนำสบื แกข้ อ้ กล่าวหาเกินระยะเวลาตามท่ีกำหนด แนวทางการแกไ้ ขปญ� หา ๑. แจ้งถึงขัน้ ตอนการดำเนนิ การที่ถกู ตอ้ งตามข้อบังคับ ว่าในแตล่ ะขั้นตอนคณะกรรมการดำเนนิ การอย่างไร และผ้ถู กู กลา่ วหามีหนา้ ทตี่ อ้ งดำเนินการอยา่ งไร ๒. อธบิ ายถงึ ระยะเวลาให้ผู้ถูกกลา่ วหาให้เข้าใจอยา่ งถกู ตอ้ ง กลา่ วคือเมื่อผ้ถู กู กล่าวหาได้ยน่ื คำชี้แจงภายใน ๑๕ วันนับแต่วันท่ีได้รับทราบข้อกล่าวหาและสรปุ พยานหลกั ฐานสนับสนุนขอ้ กลา่ วหาแล้ว ผู้ถกู กล่าวหามสี ทิ ธทิ ีจ่ ะ ใหถ้ อ้ ยคำเพม่ิ เตมิ รวมท้งั นำสบื แก้ข้อกล่าวหา ข้อเสนอแนะ ๑. มหาวิทยาลัยควรกำหนดขั้นตอนอย่างง่ายให้กับผู้ถูกกล่าวหาว่าระหว่างการดำเนินการสอบสวน ผู้ถูกกล่าวหาจะต้องมหี น้าท่ีและรับรูว้ ่าการดำเนนิ การสอบสวนอยู่ในข้นั ตอนใด เพ่ือให้มเี วลาในการเตรียมตัวและ ทราบถึงหนา้ ทข่ี องตน ๒. เห็นควรให้มหาวิทยาลัยปรับแก้ไขข้อบังคับในส่วนของการย่ืนคำชีแ้ จงเป�นหนังสือให้คณะกรรมการให้มี ระยะเวลาทน่ี านขน้ึ เนือ่ งจากการแก้ขอ้ กล่าวหาเป�นหลักประกันความยุติธรรมให้กับผู้ถกู กลา่ วหา หากมรี ะยะเวลา ที่น้อยเกินไป ผู้ถูกกล่าวหาจะไม่สามารถรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อจัดทำคำชี้แจงต่อคณะกรรมการสอบสวนได้ ทนั ตามกำหนด

๖๕ ขัน้ ตอนที่ ๘ การรวบรวมพยานหลักฐานทีผ่ ถู้ ูกกล่าวหาอ้าง การรวบรวมพยานหลักฐานที่ผู้ถูกกล่าวหาอ้าง ตามข้อ ๒๒ (๔) และข้อ ๒๗ ของข้อบังคับมหาวิทยาลัย ราชภฏั อตุ รดติ ถ์ ว่าดว้ ย การสอบสวนพจิ ารณาการดำเนินการทางวินัย พ.ศ. ๒๕๖๓ เปน� ขั้นตอนทีไ่ ดเ้ ป�ดโอกาสให้ ผู้ถูกกล่าวหาได้โต้แย้งแสดงพยานหลักฐานของตนอย่างเต็มที่ ซึ่งเป�นหลักสำคัญในการพิจารณาทางปกครองและ เพื่อให้คณะกรรมการสอบสวนได้รับทราบข้อเท็จจริงและเอกสารหลักฐานได้อย่างครบถ้วนและสามารถนำไป ประกอบการพิจารณาต่อไปได้ โดยคณะกรรมการสอบสวนจะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน ๖๐ วันนับแต่ วันที่ได้แจ้งข้อกล่าวหาและสรุปพยานหลักฐานสนับสนุนข้อกล่าวหา โดยขั้นตอนการดำเนินการก็จะกระทำใน ลักษณะที่ใกล้เคียงกับขั้นตอนการรวบรวมพยานหลักฐานทีเ่ กี่ยวกับข้อกล่าวหาในขัน้ ตอนที่ ๖ แต่จะเป�นการรวม รวมพยานหลักฐานในส่วนของผู้ถูกกล่าวหาอ้าง โดยผู้ถูกกล่าวหาจะขอชี้แจงโดยการทำเป�นหนังสือชี้แจงพร้อม เอกสารพยานหลักฐาน หรือจะขอให้ถ้อยคำชี้แจงด้วยตัวเอง หรือจะนำพยานมาให้ถ้อยคำ พร้อมเอกสาร พยานหลักฐานต่อคณะกรรมการสอบสวนก็ได้ ซึ่งในขั้นตอนน้ีคณะกรรมการสออบสวน จะมอบหมายให้นิติกร ซึ่งเป�นฝ่ายเลขานุการ เป�นผู้จัดทำและเป�นผู้บันทึกถ้อยคำผู้ถูกกล่าวหา (แบบ สว.๔) ในกรณีที่ผู้ถูกกล่าวหา แจ้งความประสงค์ที่จะโต้แย้งและแสดงพยานหลักฐานของตน ให้ถ้อยคำเพิ่มเติมรวมทั้งนำสืบแก้ข้อกล่าวหา หรือผู้ถูกกล่าวหายื่นคำชี้แจงเป�นหนังสือต่อคณะกรรมการสอบสวน รายละเอียดปรากฏตามแบบฟอร์ม ตัวอย่างที่ ๒๐ เพื่อคณะกรรมการสอบสวน จะได้พิจารณาข้อกล่าวอ้างและพยานหลักฐานที่นำมากล่าวอ้างของ ผ้ถู กู กลา่ วหาประกอบการรวบรวมพยานหลักฐานทผี่ ู้ถกู กลา่ วหาอา้ งต่อไป

๖๖

๖๗ ตวั อย่างท่ี ๒๐ แบบฟอร์มบันทกึ ถอ้ ยคำผถู้ ูกกลา่ วหา (แบบ สว.๔) กรณีผู้ถกู กลา่ วหา ขอชแี้ จงแกข้ ้อกลา่ วหา

๖๘ ปญ� หา ๑. ผถู้ กู กล่าวหาไมส่ ่งพยานหลกั ฐานใหก้ ับคณะกรรมการสอบสวน ๒. ผู้ถกู กล่าวหาแจ้งว่าไมส่ ามารถขอเอกสารหลักฐานจากหนว่ ยงานที่เก่ยี วข้องได้ แนวทางการแก้ไขปญ� หา ๑. คณะกรรมการสอบสวนเชิญผู้ถูกกลา่ วหามาพบ และคณะกรรมการสอบสวนอธิบายถึงการจัดส่งเอกสาร หลักฐานตา่ งๆเพื่อใหผ้ ู้ถกู กลา่ วหาไม่เสยี สทิ ธทิ จี่ ะสง่ เอกสารหลักฐานที่เปน� ประโยชนต์ อ่ ตนเอง ๒. ให้ผู้ถูกกล่าวหาบันทึกถ้อยคำและแจ้งให้คณะกรรมการสอบสวนเพื่อดำเนินการเรียกเอกสารหลักฐานท่ี ผู้ถกู กลา่ วหาอ้างจากหน่วยงานทีเ่ กย่ี วข้อง ข้อเสนอแนะ ๑. มหาวิทยาลัยควรจัดให้มีผทู้ ่ีมีความรู้ในด้านการสอบสวนที่ไม่เก่ียวข้องกับการสอบสวนใหผ้ ู้ถูกกล่าวหาได้ มีผู้ที่ให้คำปรึกษาหรือคำแนะนำในการดำเนินทางวินัย เพื่อให้การสอบสวนเป�นไปด้วยความยุติธรรมเช่นเดียวกบั ศาลแพ่งที่มที นายอาสา ๒. มหาวิทยาลัยควรสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับหน่วยงานภายในเก่ียวกับการขอเอกสารหลักฐานตามท่ีผู้ ถูกกลา่ วหาอา้ ง เน่ืองจากเปน� สทิ ธิของผ้ถู กู กลา่ วหาตามทข่ี ้อบงั คบั ว่าดว้ ยการสอบสวนกำหนดให้สิทธิผ้ถู กู กล่าวหา

๖๙ ขนั้ ตอนที่ ๙ การจดั ทำรายงานการสอบสวน เมื่อคณะกรรมการสอบสวนได้พิจารณาขอ้ เท็จจริง ข้อกฎหมาย พยานหลักฐานต่างๆ และพิจารณาลงมติ เป�นที่เรียบร้อยแล้วเรียบร้อยแล้ว นิติกรในฐานะฝ่ายเลขานุการ จะมีหน้าที่ในการจัดทำร่างรายงานการสอบสวน ตามแบบ สว.๖ ตามข้อ ๒๒ (๕) , ข้อ ๓๙ และข้อ ๔๐ ของข้อบังคับมหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ ว่าด้วย การสอบสวนพิจารณาการดำเนินการทางวินัย พ.ศ. ๒๕๖๓ โดยจัดทำให้เป�นไปตามความเห็นของคณะกรรมการ สอบสวนในการพิจารณาลงมติ ซง่ึ มขี น้ั ตอน ดงั นี้ ๙.๑ จดั ทำร่างรายงานการสอบสวน โดยฝา่ ยเลขานกุ าร จะต้องเรยี บเรียงประเด็น ซงึ่ เป�นสาระสำคัญของ รายงานการสอบสวน ดังต่อไปนีด้ ว้ ย ๙.๑.๑) สรุปข้อเท็จจริงอันเป�นสาระสำคัญและพยานหลักฐาน หรือรายงานเหตุที่ไม่ได้สอบสวน หรอื กรณีผ้ถู กู กล่าวหาให้ถ้อยคำรบั สารภาพใหบ้ นั ทกึ เหตุผลในการรับสาระภาพไว้ดว้ ย ๙.๑.๒) วินิจฉัยเปรียบเทียบพยานหลักฐานที่สนับสนุนข้อกล่าวหากับพยานหลักฐานที่หักล้าง ข้อกลา่ วหา ๙.๑.๓) ความเห็นของคณะกรรมการสอบสวนว่า ผู้ถูกล่าวหาได้กระทำผิดวินัยหรือไม่อย่างไร ถ้าไม่ผิดให้เสนอความเห็นยุติเรื่อง ถ้าผิดให้ระบุว่าเป�นความผิดวินัยกรณีใด ตามมาตราใด และสมควรได้รับโทษ สถานใด ๙.๒ จัดทำรายงานการสอบสวนฉบับสมบรู ณ์และเสนอรายงานการสอบสวน เมื่อคณะกรรมการสอบสวน ไดพ้ จิ ารณาตรวจสอบความถูกต้องของรา่ งรายงานการสอบสวนแลว้ ให้ฝา่ ยเลขานุการ จดั ทำรายงานการสอบสวน ฉบับสมบูรณ์ รายละเอียดปรากฏตามแบบฟอรม์ ตัวอย่างที่ ๒๑ ตามที่คณะกรรมการสอบสวนได้ลงมตเิ หน็ ชอบ และใหฝ้ ่ายเลขานุการ จัดเตรยี มเอกสารประกอบรายงานการสอบสวน ดงั นี้ ๙.๒.๑ จัดทำบัญชีเอกสารประกอบรายงานการสอบสวน รายละเอียดปรากฏตามแบบฟอร์ม ตวั อยา่ งที่ ๒๒ ๙.๒.๒ จัดทำบันทึกข้อความเสนอรายงานการสอบสวนต่ออธิการบดีหรือผู้สั่งแต่งตั้ง คณะกรรมการสอบสวน โดยให้ประธานกรรมการสอบสวน เป�นผู้ลงนามในบันทึกข้อความเสนอรายงานการ สอบสวน รายละเอยี ดปรากฏตามแบบฟอรม์ ตวั อย่างที่ ๒๓ เมื่อฝ่ายเลขานุการ จัดเตรียมเอกสารเสร็จเป�นที่เรียบร้อยแล้ว ให้เสนอรายงานการสอบสวน พร้อมทั้ง บัญชเี อกสารประกอบรายงานการสอบสวน ตอ่ อธกิ ารบดีหรือผูส้ ่ังแต่งต้ังคณะกรรมการสอบสวน และให้ถือว่าการ สอบสวนแล้วเสร็จ

๗๐

๗๑

๗๒ ตวั อย่างท่ี ๒๑ แบบฟอร์มรายงานการสอบสวน (แบบ สว.๖)

๗๓ ตวั อย่างท่ี ๒๒ แบบฟอร์มบัญชเี อกสารประกอบรายงานการสอบสวน

๗๔ ตวั อย่างท่ี ๒๓ แบบฟอร์มบันทกึ ขอ้ ความเสนอรายงานการสอบสวน

๗๕ ป�ญหา ๑. การสรปุ ประเด็นปญ� หาหรอื ความเห็นของคณะกรรมการสอบสวนมีหลากหลายแนวทาง ๒. การเรียบเรียงสารบัญบัญชีเอกสารประกอบสำนวนทำได้ช้าเนื่องจากระหว่างการพิจารณามีการนำ เอกสารออกจากแฟ้มสำนวนทำใหก้ ารจดั เก็บเรียบเรียงไมเ่ ปน� ไปตามลำดับ แนวทางการแก้ไขปญ� หา ๑. แจ้งใหค้ ณะกรรมการสอบสวนยึดประเด็นการสอบสวนตั้งแต่เรม่ิ แรกทีไ่ ด้กำหนดประเดน็ การสอบสวนไว้ ๒. จัดทำแถบเอกสารติดไว้กบั เอกสารกอ่ นนำออกจากสำนวน เพอื่ ใหก้ ารจดั เกบ็ ไวใ้ นสำนวนไดด้ งั เดมิ ข้อเสนอแนะ มหาวิทยาลัย ควรกำหนดแบบบัญชเี อกสารเพือ่ ใหก้ ารจดั ทำบัญชเี อกสารเปน� ไปในทางเดยี วกนั

๗๖ ขนั้ ตอนท่ี ๑๐ การจัดทำคำส่งั ลงโทษ เมื่อคณะกรรมการสอบสวน ได้เสนอรายงานการสอบสวนให้อธิการบดีหรือผู้สั่งแต่งตั้งคณะกรรมการ สอบสวนพิจารณา ก็จะเปน� ข้นั ตอนการพิจารณาส่ังการหรือการพิจารณาสงั่ รายงานการสอบสวนอันถือเป�นขั้นตอน สุดท้ายของกระบวนการดำเนินการทางวินัย โดยอธิการบดีหรือผู้สั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน จะตรวจสอบ ความถกู ต้องของรายงานการสอบสวนและพิจารณาส่ังการอย่างใดอย่างหนึ่ง ตามคววามในหมวด ๕ ของข้อบังคับ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ ว่าด้วย การสอบสวนพิจารณาการดำเนินการทางวินยั พ.ศ. ๒๕๖๓ และมอบหมาย ให้กองบริหารงานบุคคล โดยนิติกร ดำเนินการจัดทำคำสั่งลงโทษ หรือดำเนินการตามที่อธกิ ารบดีหรือผู้สั่งแต่งตง้ั คณะกรรมการสอบสวนพิจารณาสงั่ การ นิติกร ในฐานะที่ได้รับมอบหมายให้จัดทำคำสั่งลงโทษ หรือดำเนินการตามท่ีอธิการบดีหรือผู้สั่งแต่งต้ัง คณะกรรมการสอบสวนพิจารณาสงั่ การ จะมีขน้ั ตอนการดำเนินการ ดังน้ี ๑๐.๑ ศึกษาข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องในการออกคำสั่ง เช่น ข้อกฎหมายที่ให้อำนาจแก่อธิการบดีหรือผู้ส่ัง แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน ในการสั่งลงโทษ ตลอดจนข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับฐานความผิด ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๗ และที่แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๕๑ ประกอบกับข้อบงั คับมหาวิทยาลัยราชภัฏอตุ รดิตถ์ ว่าด้วย การสอบสวนพิจารณาการดำเนินการทาง วนิ ยั พ.ศ. ๒๕๖๓ และขอ กฎหมายอน่ื ทเ่ี กีย่ วของ ๑๐.๒ จัดทำคำสั่งลงโทษ ตามที่อธิการบดีหรือผู้สั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนสั่งการ โดยพิจารณา ตามประเภทของคำสั่งลงโทษให้ตรงกับการสั่งการของผู้สั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนหรืออธิการบดี เช่น ลงโทษภาคทัณฑ์ ลงโทษตัดเงินเดือน ลงโทษลดเงนิ เดือน สำหรบั ความผิดวนิ ัยไมร่ ้ายแรง หรือลงโทษปลดออกจาก ราชการ ลงโทษไลอ่ อกจากราชการ สำหรบั ความผดิ วินยั อย่างร้ายแรง แลว้ แตก่ รณตี ามความร้ายแรงของความผิด และดำเนินการจัดทำคำสั่งลงโทษให้เป�นไปตามแบบฟอร์มที่มหาวิทยาลัยกำหนด รายละเอียดปรากฏตาม แบบฟอร์ม ตัวอยา่ งท่ี ๒๔ , ตัวอย่างท่ี ๒๕ , ตัวอย่างที่ ๒๖ และตัวอยา่ งท่ี ๒๗ ๑๐.๓ เสนอคำสงั่ ลงโทษ ใหแ้ ก่อธกิ ารบดี หรือผู้สัง่ แตง่ ต้ังคณะกรรมการสอบสวน เพ่ือลงนาม ๑๐.๔ แจ้งผู้กระทำผิดวินัยมารับทราบคำสั่งลงโทษ โดยในการแจ้งคำสั่งลงโทษนั้น อธิการบดีหรือ ผู้สั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน จะดำเนินการแจ้งคำสั่งลงโทษร่วมกับนิติกร โดยจะมอบหมายให้นิติกรเป�น ผู้แจ้งคำสั่งลงโทษ และแจ้งให้ผู้กระทำผิดวินัยลงลายมือชื่อพร้อมทั้งระบุวันท่ีในการรับทราบคำสั่งลงโทษไว้เป�น หลักฐาน ตลอดจนดำเนินการแจ้งสิทธิและวิธีการในการอุทธรณ์โต้แย้งคำสั่งลงโทษ จนถึงการฟ้องคดีต่อศาล ปกครองตามกฎหมาย ว่าด้วย วิธีปฏิบัติราชการทางการปกครองและกฎหมาย ว่าด้วย วิธีพิจารณาคดีปกครอง

๗๗ ซึ่งหากผู้ถกู กล่าวหาอทุ ธรณ์โต้แยง้ คำส่ังลงโทษ หรือถึงขั้นฟอ้ งคดตี อ่ ศาล ถ้าผลของคำวินจิ ฉัยอุทธรณ์หรอื ผลของ คดีมีคำพิพากษาถึงที่สุด ให้ดำเนินการอย่างไร อธิการบดีหรือผู้สั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน จะต้องปฏิบัติ ตามนั้น ซึ่งอาจจะต้องแก้ไขหรือยกเลิกคำสั่งลงโทษเดิม และจัดทำคำสั่งเพิ่มโทษ ลดโทษ งดโทษ หรือยกโทษ แล้วแต่กรณี โดยดำเนินการจัดทำคำสั่งให้เป�นไปตามแบบฟอร์มที่มหาวิทยาลัยกำหนด รายละเอียดปรากฏตาม แบบฟอร์ม ตวั อย่างท่ี ๒๘

๗๘ ตัวอยา่ งท่ี ๒๔ แบบฟอร์มคำสง่ั ลงโทษภาคทัณฑ์

๗๙ ตวั อย่างท่ี ๒๕ แบบฟอร์มคำสงั่ ลงโทษตดั เงินเดอื น

๘๐ ตัวอยา่ งที่ ๒๖ แบบฟอร์มคำส่งั ลงโทษลดเงินเดอื น

๘๑ ตวั อย่างท่ี ๒๗ แบบฟอร์มคำสง่ั ลงโทษ ปลดออก/ไล่ออก จากราชการ

๘๒ ตวั อย่างท่ี ๒๘ แบบฟอร์มคำส่งั เพ่มิ โทษ/ลดโทษ/งดโทษ/ยกโทษ

๘๓ ปญ� หา ๑. ผู้สั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนหรือ พิจารณาสั่งสำนวนการสอบสวนล่าช้า ซึ่งอาจทำให้กอง บริหารงานบคุ คล จะตอ้ งพิจารณาขอ้ กฎหมายในการจัดทำคำส่ังลงโทษล่าชา้ ตามไปดว้ ย แนวทางการแก้ไขปญ� หา ๑. เห็นควรมอบหมายให้งานนิติการ เป�นผู้จัดทำคำส่งั ลงโทษ เพราะมคี วามเข้าใจในรายงานการสอบสวน ทงั้ ข้อเทจ็ จริงและข้อกฎหมาย ไมเ่ กดิ ความลา่ ช้าในขน้ั ตอนการรา่ งคำสงั่ ลงโทษ ข้อเสนอแนะ ผู้สั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนหรืออธิการบดี ควรให้นิติกรเข้าชี้แจงสรุปข้อมูลการสอบสวน เพ่ือ ประโยชนใ์ นการพิจารณาสง่ั การและเพอ่ื ไมใ่ ห้เกิดความล้าชา้ ในการจดั ทำคำสัง่ ลงโทษ

๘๔ ภาคผนวก

๘๕ ขอ้ บังคบั มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดติ ถ์ วา่ ดว้ ย การสอบสวนพิจารณาการดำเนนิ การทางวินัย พ.ศ. ๒๕๖๓ โดยที่เป�นการสมควรปรับปรุงข้อบังคับมหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ ว่าด้วย การดำเนินการทางวินัย การสอบสวนพิจารณา การลงโทษการออกจากราชการ การสั่งพักหรือสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน การอุทธรณ์ และการร้องทุกข์ พ.ศ. ๒๕๕๗ เพอ่ื อนวุ ตั ตามความในมาตรา ๑๗ มาตรา ๔๙ มาตรา ๕๓ มาตรา ๕๔ มาตรา ๕๗ และมาตรา ๖๕/๑ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๗ แก้ไขเพิ่มเตมิ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๙ ให้การดำเนินการต่างๆ ที่เกี่ยวกับการสอบสวนพิจารณา การดำเนนิ การทางวินัย มีความเหมาะสมและเกิดประสิทธภิ าพในการดำเนินการย่ิงข้ึน และสอดคล้องกับประกาศ ก.พ.อ. เรอื่ ง มาตรฐานการสอบสวนพิจารณาเพ่อื การลงโทษทางวินยั ขา้ ราชการพลเรือนในสถาบนั อดุ มศึกษา อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๘ (๒) และ (๑๓) แห่งพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยราชภัฏ พ.ศ. ๒๕๔๗ ประกอบกับมติสภามหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ ในการประชุมครั้งที่ ๑๑/๒๕๖๓ วนั ท่ี ๑๗ ตุลาคม ๒๕๖๓ จงึ ออกขอ้ บังคบั ไว้ ดังตอ่ ไปน้ี ข้อ ๑ ข้อบังคับนี้เรียกว่า “ข้อบังคับมหาวิทยาลัยมหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ ว่าด้วย การสอบสวนพจิ ารณาการดำเนินการทางวินยั พ.ศ. ๒๕๖๓” ขอ้ ๒ ข้อบงั คับนี้ใหใ้ ช้บงั คบั ตง้ั แต่วันถัดจากวันประกาศเป�นต้นไป ข้อ ๓ บรรดาขอ้ บังคบั ระเบยี บ คำสัง่ หรอื ประกาศอ่ืนใดในสว่ นทก่ี ำหนดไว้แล้วในข้อบังคับน้ี หรอื ซึ่งขัด หรอื แยง้ กบั ขอ้ บงั คับนีใ้ หใ้ ชข้ อ้ บงั คบั นีแ้ ทน ขอ้ ๔ ในขอ้ บงั คบั น้ี “มหาวทิ ยาลัย” หมายความว่า มหาวิทยาลยั ราชภัฏอตุ รดติ ถ์ “สภามหาวิทยาลยั ” หมายความว่า สภามหาวิทยาลัยราชภฏั อุตรดติ ถ์ “นายกสภามหาวทิ ยาลัย” หมายความวา่ นายกสภามหาวทิ ยาลัยราชภัฏอตุ รดติ ถ์

๘๖ “อธกิ ารบดี” หมายความว่า อธิการบดมี หาวิทยาลยั ราชภฏั อุตรดติ ถ์ “บุคลากร” หมายความวา่ ข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา พนักงาน มหาวิทยาลยั พนักงานราชการ ลกู จ้างประจำ และพนักงานมหาวิทยาลัย (พ) สังกัดมหาวทิ ยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ “ผ้บู งั คบั บญั ชา” หมายความว่า อธิการบดี รองอธิการบดี คณบดี ผู้อำนวยการสำนักงาน อธกิ ารบดี ผอู้ ำนวยการสำนัก สถาบัน ศูนย์ หัวหน้าหน่วยงานทเ่ี รียกช่ืออย่างอ่ืนทมี่ ฐี านะเทียบเทา่ คณะ “คณะกรรมการสอบสวน” หมายความว่า คณะกรรมการสอบสวนพิจารณาเพื่อการลงโทษทางวินัย ซึ่งเป�นเจ้าพนักงานตามกฎหมายอาญาและมีอำนาจตามความในมาตรา ๕๒ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบ ขา้ ราชการพลเรือนในสถาบันอดุ มศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๗ และทีแ่ ก้ไขเพิม่ เติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ “ก.พ.อ.” หมายความว่า คณะกรรมการข้าราชการพลเรอื นในสถาบนั อดุ มศึกษา “ก.บ.ม.” หมายความวา่ คณะกรรมการบริหารงานบุคคลในมหาวิทยาลัย “ผ้สู ัง่ แต่งตงั้ ” หมายความวา่ ผู้มีอำนาจสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวน คณะกรรมการ สอบสวน ทีป่ ฏิบตั หิ นา้ ที่อยูใ่ นขณะนน้ั ข้อ ๕ ให้นายกสภามหาวิทยาลัยรักษาการตามข้อบังคับนี้ และมีอำนาจออกระเบียบ ประกาศ หรือ คำสั่งเพ่ือประโยชนใ์ นการปฏิบัตติ ามขอ้ บงั คบั นี้ ในกรณีที่มีป�ญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามข้อบังคับนี้ ให้นายกสภามหาวิทยาลัยมีอำนาจตีความ วินจิ ฉยั ช้ีขาดและใหถ้ ือเป�นทีส่ ุด และรายงานใหส้ ภามหาวิทยาลัยทราบ

๘๗ หมวด ๑ การแตง่ ต้ังคณะกรรมการสอบสวน ข้อ ๖ เมื่อปรากฏว่าบุคลากรผู้ใดถูกกล่าวหาโดยมีหลักฐานตามสมควรว่าได้กระทำผิดวินัย หรือความ ปรากฏต่อผู้บังคับบัญชาว่ากระทำผิดวินัย ให้ผู้บังคับบัญชาแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนโดยพลัน เว้นแต่เป�น กรณีการกระทำผิดที่มิใช่ความผิดวินัยอย่างร้ายแรงหรือเป�นกรณีความผิดท่ีปรากฏชัดแจ้งตามที่ ก.พ.อ. กำหนด จะไมต่ ั้งคณะกรรมการสอบสวนกไ็ ด้ แตต่ อ้ งใหผ้ ู้ถกู กลา่ วหาได้มโี อกาสโต้แย้งหรอื ชแ้ี จงหรอื ป้องกันสทิ ธิของตนได้ กรณีมีการกล่าวหาหรือกรณีเป�นที่สงสัยว่าบุคลากรผู้ใดกระทำผิดทางวินัยโดยยังไม่มีพยานหลักฐาน ให้ผู้บังคับบัญชาแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนเบื้องต้น เพื่อดำเนินการสืบสวนว่าการกล่าวหานั้นมีมูล ที่ควรกล่าวหาว่าผู้นั้นกระทำผิดวินัยหรือไม่ก็ได้ ถ้าเห็นว่ากรณีไม่มีมูลที่ควรกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยให้ยุติเรื่อง ถ้าเหน็ วา่ กรณีมมี ูลที่ควรกลา่ วหาว่ากระทำผิดวินัยก็ใหด้ ำเนินการทางวินยั โดยทันที และการสบื สวนนี้ควรรวบรวม ขอ้ เท็จจรงิ และพยานหลักฐานในเบอ้ื งตน้ เป�นสำนวนการสบื สวนเพอ่ื ประโยชนใ์ นการดำเนนิ การตอ่ ไป ข้อ ๗ ผู้บงั คับบญั ชาที่มีอำนาจแต่งตัง้ คณะกรรมการสอบสวน ไดแ้ ก่ (๑) อธิการบดี (๒) คณบดี ผู้อำนวยการ หรือหัวหน้าหน่วยงานที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่าคณะ สำหรบั บคุ ลากรทส่ี ังกัดในคณะหรอื หน่วยงานนน้ั สำหรับการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนอธิการบดี ให้ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วจิ ยั และนวตั กรรม เปน� ผ้มู ีอำนาจแตง่ ต้ังคณะกรรมการสอบสวน ข้อ ๘ คณะกรรมการสอบสวน ต้องมีจำนวนไม่น้อยกว่าสามคนโดยแต่งตั้งจากบุคลากร ประกอบด้วย ประธานกรรมการคนหนึ่ง ซึ่งดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่าหรือเทียบได้ไม่ต่ำกว่าผู้ถูกกล่าวหา และกรรมการอย่างน้อย อีกสองคน โดยให้ผู้ที่มีวุฒิทางกฎหมายหรือผู้มีประสบการณ์ด้านกฎหมายอย่างน้อยหนึ่งคน และให้กรรมการ หน่ึงคนเปน� เลขานกุ าร และอาจให้มีผ้ชู ่วยเลขานุการก็ได้ เมื่อมีการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนแล้ว แม้ภายหลังประธานกรรมการจะดำรงตำแหน่ง ระดับตำ่ กวา่ ผถู้ ูกกลา่ วหาก็ไมก่ ระทบถงึ การที่ได้รบั การแต่งตัง้ เป�นประธานกรรมการ

๘๘ มหาวทิ ยาลยั อาจแต่งตง้ั บุคลากรจากสถาบันอดุ มศึกษาอ่ืนในสงั กัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วจิ ยั และนวัตกรรม เขา้ รว่ มเป�นกรรมการสอบสวนกไ็ ด้ กรณีที่คณะกรรมการสอบสวนเห็นสมควรให้มีกรรมการที่เป�นผู้มีความรู้ความสามารถเฉพาะด้าน ในเรื่องการสอบสวนนั้นๆ ให้คณะกรรมการสอบสวนมีมติเสนออธิการบดีเพื่อเห็นสมควรให้แต่งตั้งผู้นั้น เปน� กรรมการเพมิ่ เติม ข้อ ๙ คำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนต้องระบุชื่อและตำแหน่งของผู้ถูกกล่าวหา เรื่องที่กล่าวหา ชื่อและตำแหน่งของผู้ได้รับแต่งตั้งเป�นคณะกรรมการสอบสวนและผู้ชว่ ยเลขานุการ ทั้งนี้ให้มีสาระสำคัญตามแบบ สว.๑ ท้ายขอ้ บังคับนี้ การเปลีย่ นแปลงตำแหน่งของผทู้ ่ีไดร้ ับแตง่ ตั้ง ไมก่ ระทบถงึ การทไี่ ดร้ ับการแต่งต้ังตามวรรคหนง่ึ ข้อ ๑๐ เมอื่ มคี ำสง่ั แต่งต้ังคณะกรรมการสอบสวนแลว้ ใหผ้ สู้ ง่ั แต่งต้ังคณะกรรมการดำเนนิ การ ดงั ตอ่ ไปน้ี (๑) แจ้งคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนให้ผู้ถูกกล่าวหาทราบโดยเร็ว โดยให้ผู้ถูกกล่าวหา ลงลายมือชื่อและวันที่รับทราบไว้เป�นหลักฐาน ในการนี้ให้มอบสำเนาคำสั่งให้ผู้ถูกกล่าวหาหนึ่งฉบับด้วย ในกรณีผู้ถกู กล่าวหาไม่ยอมรบั ทราบคำสั่งหรือไม่อาจแจ้งให้ผู้ถกู กล่าวหาทราบได้ ให้ส่งสำเนาคำส่ังทางไปรษณยี ์ ลงทะเบียนตอบรับไปให้ผู้ถูกกล่าวหา ณ ที่อยู่ของผู้ถูกกล่าวหาซึ่งปรากฏตามหลักฐานทางราชการ ในกรณีเช่นน้ี เม่อื ลว่ งพ้นสิบหา้ วันนับแตว่ นั ท่ีสง่ สำเนาคำส่ังดงั กล่าว ใหถ้ อื วา่ ผถู้ ูกกลา่ วหาไดร้ ับทราบคำสงั่ แต่งตง้ั คณะกรรมการ สอบสวนแลว้ และให้ส่งหลกั ฐานการแจ้งคำสั่งใหค้ ณะกรรมการสอบสวนรวมไวใ้ นสำนวน ในการแจ้งคำสั่งตาม (๑) วรรคหนึ่ง ให้ผู้สั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนแจ้งให้ผู้ถูกกล่าวหาทราบ ดว้ ยวา่ มสี ทิ ธิคัดค้านประธานกรรมการสอบสวน กรรมการสอบสวน กรรมการและเลขานุการสอบสวน (๒) ส่งสำเนาคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนให้คณะกรรมการสอบสวนและส่งหลักฐาน การรับทราบหรือว่ารับทราบตาม (๑) พร้อมด้วยเอกสารหลักฐานเกี่ยวข้องกบั เร่ืองที่กลา่ วหาใหป้ ระธานกรรมการ และใหป้ ระธานกรรมการลงลายมอื ชื่อและวนั เดือน ป� ทรี่ ับทราบไวเ้ ปน� หลักฐาน ขอ้ ๑๑ ภายใตบ้ ังคบั ข้อ ๘ เม่ือได้มีการแต่งต้ังคณะกรรมการสอบสวนแล้ว ถ้าผสู้ ั่งแต่งตั้งคณะกรรมการ สอบสวนเห็นว่ามีเหตุอันสมควรหรือจำเป�นที่จะต้องเปลี่ยนเพิ่ม หรือลดจำนวนผู้ได้รับแต่งตั้งเป�นกรรมการ สอบสวนใหด้ ำเนนิ การได้โดยให้แสดงเหตุแหง่ การสงั่ นั้นไวด้ ว้ ย และให้นำขอ้ ๑๐ มาใช้บังคบั โดยอนโุ ลม

๘๙ การเปลี่ยนแปลงผู้ได้รับแต่งตั้งเป�นกรรมการสอบสวนตามวรรคหนึ่งไม่กระทบถึงการสอบสวน ท่ีไดด้ ำเนินการไปแลว้ หมวด ๒ สิทธิและหนา้ ท่ีของผู้ถูกกลา่ วหาและพยาน ข้อ ๑๒ ในระหว่างการสอบสวนจะนำเหตุแห่งการถูกสอบสวนมาเป�นข้ออ้างในการดำเนินการใด ให้กระทบต่อสิทธิของผู้ถูกสอบสวนไม่ได้ เว้นแต่ผู้บังคับบัญชาจะส่ังพักราชการหรือสัง่ ให้ออกจากราชการไว้ก่อน ตามขอ้ เสนอแนะของกรรมการสอบสวน ข้อ ๑๓ ผู้ถูกกล่าวหามีสิทธิคัดค้านประธานกรรมการสอบสวน กรรมการสอบสวน กรรมการและ เลขานกุ ารสอบสวน ถ้าผูน้ ้ันมีเหตอุ ย่างหนึ่งอยา่ งใดดงั ต่อไปน้ี (๑) รู้เหน็ เหตกุ ารณใ์ นขณะกระทำการตามเร่ืองที่กลา่ วหา (๒) มีสว่ นไดส้ ่วนเสยี ในเรื่องทสี่ อบสวน (๓) มีสาเหตโุ กรธเคืองผู้ถกู กลา่ วหา (๔) เป�นผู้กล่าวหา หรือเป�นคู่หมั้น คู่สมรส บุพการี ผู้สืบสันดาน หรือพี่น้องร่วมบิดามารดา หรอื ร่วมบิดาหรือมารดาของผ้กู ลา่ วหา (๕) เป�นเจา้ หน้ีหรือลกู หน้ผี ถู้ ูกกล่าวหา (๖) มเี หตอุ ่ืนใดซึ่งอาจทำใหก้ ารสอบสวนไม่เปน� กลางหรือเสยี ความเปน� ธรรม (๗) เคยเปน� ผ้แู ทนโดยชอบธรรมหรอื ผูพ้ ทิ ักษ์หรือผแู้ ทนหรือตวั แทนของคู่กรณี การคัดค้านประธานกรรมการสอบสวน กรรมการสอบสวน กรรมการและเลขานุการสอบสวน คนหนึ่งคนใด ให้กระทำภายในสิบห้าวันนับแต่วันรับทราบคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน หรือนับแต่วันท่ี ทราบเหตุแห่งการคัดค้าน โดยทำเป�นหนังสือแสดงข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายที่เป�นเหตุแห่งการคัดค้าน ไว้ในหนังสือคัดค้านด้วยว่าจะทำให้การสอบสวนไม่ได้ความจริงและความยุติธรรมอย่างไร ยื่นต่อผู้สั่งแต่งตั้ง คณะกรรมการสอบสวนหรือส่งทางไปรษณีย์ตอบรับก็ได้ และให้ผู้สั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนส่งสำเนา

๙๐ หนังสือคัดค้านและแจ้งวนั ที่ได้รับหนังสอื คัดค้านดังกล่าวให้ประธานกรรมการสอบสวนทราบและรวมไวใ้ นสำนวน การสอบสวนพร้อมทงั้ แจ้งให้ผ้ถู กู คดั คา้ นทราบ ในการพิจารณาเรื่องการคัดค้าน ผู้สั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนมีอำนาจตรวจสอบข้อเท็จจริง ได้ตามความเหมาะสม ในกรณีที่เห็นว่าหนังสือคัดค้านมีเหตุผลรับฟ�งได้ให้ผู้สั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน สั่งให้ผู้ถูกคัดค้านพ้นจากการเป�นกรรมการสอบสวนและสั่งแต่งตั้งกรรมการสอบสวนขึ้นใหม่แทน หากเห็นว่า หนังสือคัดค้านไม่มีเหตุผลเพียงพอที่จะรับฟ�งได้ให้สั่งยกการคัดค้านนั้นโดยให้สั่งการภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ ได้รับหนังสือคัดค้าน ทั้งนี้ให้แสดงเหตุผลในการพิจารณาสั่งการดังกล่าวด้วย พร้อมทั้งแจ้งให้ผู้คัดค้านทราบ แล้วสง่ เร่อื งใหค้ ณะกรรมการสอบสวนรวมไว้ในสำนวนการสอบสวนโดยเร็ว การส่งั ยกคำคดั ค้านให้เป�นท่ีสุด ในกรณีที่ผู้สั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนไม่สั่งการอย่างหนึ่งอย่างใดภายในสิบห้าวันตามวรรคสาม ให้ถือว่ากรรมการสอบสวนที่ถูกคัดค้านพ้นจากการเป�นกรรมการสอบสวน และให้ประธานกรรมการสอบสวน รายงานไปยงั ผแู้ ต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน เพื่อดำเนนิ การตามขอ้ บังคบั นต้ี ่อไป การพ้นจากการเปน� กรรมการสอบสวน ไมก่ ระทบถงึ การสอบสวนทีไ่ ดด้ ำเนินการไปแล้ว ข้อ ๑๔ กรณีที่ไม่มีเหตุคัดค้านตามข้อ ๑๓ วรรคหนึ่ง หรือมีเหตุคัดค้านแต่ผู้สั่งแต่งตั้งคณะกรรมการ สอบสวนพิจารณาเห็นว่าเหตุแห่งการคัดค้านไม่มีเหตุเพียงพอที่จะรับฟ�งได้ตามข้อ ๑๓ วรรคสาม หรือข้อ ๒๑ แล้วแต่กรณี ให้คณะกรรมการสอบสวนดำเนินการสอบสวนตามข้อบังคับนี้ โดยผู้สั่งแต่งตั้งคณะกรรมการ สอบสวนแจ้งให้คณะกรรมการสอบสวนทราบและส่งหลักฐานการรับทราบหรือถือว่ารับทราบคำสั่งแต่งตั้ง คณะกรรมการสอบสวน พร้อมเอกสารหลักฐานเกี่ยวกับเรื่องที่กล่าวหาให้ประธานกรรมการสอบสวน และให้ ประธานกรรมการสอบสวนลงลายมอื ชือ่ และวนั เดือน ป� ทร่ี บั ทราบไว้เป�นหลกั ฐาน ข้อ ๑๕ ในการสอบสวน ผู้ถูกกล่าวหามีสิทธินำทนายความหรือที่ปรึกษาของตนเข้ามาร่วมฟ�ง การสอบสวนได้ แต่จะให้ถ้อยคำหรือตอบคำถามแทนผู้ถูกกล่าวหาหรือเสนอความเห็นใดแก่คณะกรรมการ สอบสวนไม่ได้

๙๑ หมวด ๓ อำนาจหนา้ ทีข่ องคณะกรรมการสอบสวน ข้อ ๑๖ เมื่อประธานกรรมการสอบสวนได้รับเรื่องตามข้อ ๑๔ แล้ว ให้ประธานกรรมการสอบสวน ดำเนนิ การประชมุ คณะกรรมการสอบสวนเพ่อื พจิ ารณาวางแนวทางการสอบสวนตอ่ ไป ข้อ ๑๗ การประชุมคณะกรรมการสอบสวนต้องมีกรรมการมาประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวน กรรมการทั้งหมดจึงจะเป�นองค์ประชุม เว้นแต่การประชุมตามข้อ ๒๕ และข้อ ๓๙ ต้องมีกรรมการสอบสวน มาประชุมไม่น้อยกวา่ สามคนและไม่น้อยกว่าก่ึงหนง่ึ ของจำนวนกรรมการสอบสวนทัง้ หมด การประชุมคณะกรรมการสอบสวนต้องมีประธานกรรมการสอบสวนอยูร่ ว่ มประชมุ ดว้ ย แต่ในกรณีจำเป�น ที่ประธานกรรมการสอบสวนไม่สามารถเข้าประชุมได้ ให้กรรมการสอบสวนที่มาประชุมเลือกกรรมการสอบสวน คนหนึง่ ทำหนา้ ท่แี ทน การลงมติของที่ประชุมคณะกรรมการสอบสวนให้ถือเสียงข้างมาก ถ้าคะแนนเสียงเท่ากันให้ประธาน กรรมการสอบสวนในทีป่ ระชุมออกเสยี งเพม่ิ ข้ึนอกี เสยี งหนึง่ เป�นเสยี งช้ขี าด ในการประชุมต้องมีรายงานการประชุมเป�นหนังสือ ถ้ามีความเห็นแย้งให้บันทึกความเห็นแย้งพร้อมทั้ง เหตผุ ลไวใ้ นรายงานการประชมุ ขอ้ ๑๘ ในกรณที คี่ ณะกรรมการสอบสวนพิจารณาเห็นว่ามีเหตผุ ลและความจำเป�นท่ีควรให้ผู้ถูกกล่าวหา พักราชการ หรือให้ออกจากราชการไว้ก่อน ให้คณะกรรมการสอบสวนเสนอความเห็นไปยังอธิการบดี เพ่ือพจิ ารณาส่งั การ การสั่งพักราชการหรือสั่งให้ออกจากราชการให้เป�นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนด ในหมวด ๗ วา่ ดว้ ยการสัง่ พักและการสงั่ ให้ออกจากราชการไวก้ ่อน ข้อ ๑๙ คณะกรรมการสอบสวนมีหน้าที่สอบสวนตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และระยะเวลาที่กำหนด ในข้อบังคับนี้ เพื่อแสวงหาความจริงในเรื่องที่กล่าวหา และดูแลให้เกิดความยุติธรรมตลอดกระบวนการสอบสวน ในการนี้ให้คณะกรรมการสอบสวนรวบรวมประวัติและความประพฤติของผู้ถูกกล่าวหาที่เกี่ยวข้องกับเรื่องท่ี กล่าวหาเทา่ ทจ่ี ำเป�นเพ่อื ประกอบการพจิ ารณา และจัดทำบนั ทึกไวท้ ุกครง้ั ท่มี กี ารสอบสวนด้วย

๙๒ ภายใต้บังคับข้อ ๓๑ วรรคหนึ่ง ในการสอบสวนของคณะกรรมการสอบสวนห้ามบุคคลอื่นเข้าร่วมฟ�ง การสอบสวน ข้อ ๒๐ คณะกรรมการสอบสวนมีหน้าที่ต้องแจ้งสิทธิและหน้าที่ของผู้ถูกกล่าวหาตามข้อ ๑๓ ข้อ ๑๕ ให้ผถู้ กู กลา่ วหาทราบก่อนสอบปากคำผ้ถู กู กลา่ วหา ในกรณีที่คำขอหรือคำชี้แจงมีขอ้ บกพร่องหรือมีขอ้ ความที่อ่านไม่เข้าใจหรือหลงผดิ อันเห็นไดช้ ัดว่าเกิดจาก ความไม่รู้ หรอื ความเลนิ เล่อของผู้กล่าวหา ผ้ถู กู กลา่ ว หรอื พยานแล้วแตก่ รณี ใหค้ ณะกรรมการสอบสวนแนะนำให้ บคุ คลดังกล่าวแกไ้ ขเพมิ่ เตมิ ใหถ้ กู ต้อง ข้อ ๒๑ ในกรณีที่ผู้ได้รับแต่งตั้งเป�นประธานกรรมการสอบสวน กรรมการสอบสวน หรือเลขานุการ สอบสวน เห็นว่าตนมีเหตุอันอาจถูกคัดค้านตามข้อ ๑๓ วรรคหนึ่ง ให้ผู้นั้นรายงานต่อผู้สั่งแต่งตั้งคณะกรรมการ สอบสวนและใหน้ ำข้อ ๑๓ วรรคสาม วรรคส่ี และวรรคห้า มาใช้บงั คบั โดยอนโุ ลม หมวด ๔ การสอบสวน ข้อ ๒๒ เพื่อให้การสอบสวนเป�นไปด้วยความรวดเร็วและเป�นธรรมแก่ผู้ถูกกล่าวหา ให้คณะกรรมการ สอบสวนดำเนินการสอบสวนภายในกำหนดระยะเวลา ดงั นี้ (๑) ดำเนินการประชุมตามข้อ ๑๖ แจ้งและอธิบายข้อกล่าวหาตามข้อ ๒๔ ให้ผู้ถูกกล่าวหาทราบภายใน สิบห้าวนั นบั แต่วนั ทีป่ ระธานกรรมการไดร้ ับทราบคำสง่ั แตง่ ต้งั คณะกรรมการสอบสวน (๒) รวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่กล่าวหาเท่าที่มีภายในหกสิบวันนับแต่วันท่ี ไดด้ ำเนนิ การตาม (๑) แล้วเสรจ็ (๓) แจง้ ขอ้ กลา่ วหาและสรุปพยานหลักฐานทส่ี นบั สนุนข้อกล่าวตามข้อ ๒๕ ให้ผู้ถูกกล่าวหาทราบภายใน สิบห้าวันนับแตว่ ันที่ได้ดำเนินการตาม (๒) แล้วเสร็จ (๔) รวบรวมพยานหลักฐานของผู้ถูกกล่าวหาใหแ้ ลว้ เสร็จภายในหกสิบวนั นับแตว่ นั ท่ีได้ดำเนินการตาม (๓)

๙๓ (๕) ประชุมพิจารณาลงมติและทำรายงานการสอบสวนเสนอผู้สั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนภายใน สามสิบวันทีไ่ ด้ดำเนินการตาม (๔) แล้วเสร็จ ในกรณีที่คณะกรรมการสอบสวนไม่สามารถดำเนินการให้แล้วเสรจ็ ภายในกำหนดระยะเวลาตาม (๑) (๒) (๓) หรือ (๕) ให้คณะกรรมการสอบสวนรายงานเหตุที่ทำให้การสอบสวนไม่แล้วเสร็จต่อผู้สั่งแต่งตั้งเพื่อให้ ผู้สั่งแต่งตั้งขอขยายระยะเวลาการสอบสวนต่อนายกสภามหาวิทยาลัย ซึ่งการขยายระยะเวลาดำเนินการสามารถ ขยายไดไ้ ด้ตามความจำเป�นครัง้ ละไมเ่ กินหกสบิ วนั กรณีการสอบสวนอธิการบดี ใหค้ ณะกรรมการสอบสวนขอขยายระยะเวลาการสอบสวนต่อปลดั กระทรวง การอดุ มศึกษา วทิ ยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม การสอบสวนเรื่องใดที่คณะกรรมการสอบสวนดำเนินการไม่แล้วเสร็จภายในสองร้อยเจ็ดสิบวัน ให้ประธานกรรมการสอบสวนรายงานเหตุที่ดำเนินการไม่แล้วเสร็จต่อผู้สั่งแต่งตั้งเพื่อรายงานให้ ก.บ.ม. ทราบ ตอ่ ไป ข้อ ๒๓ การนำเอกสารหรือวัตถุมาใช้เป�นพยานหลักฐานในสำนวนการสอบสวนให้กรรมการสอบสวน บันทึกไว้ด้วยว่าได้มาอย่างไร จากผู้ใด และเมื่อใดเอกสารที่ใช้เป�นพยานหลักฐานในสำนวนการสอบสวน ให้ใช้ต้นฉบับ แต่ถ้าไม่อาจนำต้นฉบับมาได้ จะใช้สำเนาที่กรรมการสอบสวนหรือผู้มีหน้าที่รับผิดชอบรับรอง วา่ เปน� สำเนาถกู ต้องก็ได้ ถ้าหาต้นฉบับเอกสารไม่ได้เพราะสูญหายหรือบุบสลาย ถูกทำลายหรือโดยเหตุประการอื่นจะให้นำสำเนา หรือพยานบุคคลมาสบื ก็ได้ ข้อ ๒๔ เมื่อได้พิจารณาเรื่องที่กล่าวหาและการวางแนวทางการสอบสวนตามข้อ ๑๖ แล้ว ให้คณะกรรมการสอบสวนเรียกผู้ถูกกล่าวหามาเพื่อแจ้งและอธิบายข้อกล่าวหาที่ปรากฏตามเรื่องที่กล่าวหา ให้ทราบว่า ผู้ถูกกล่าวหาได้กระทำการใด เมื่อใด อย่างไร ในการนี้ให้คณะกรรมการสอบสวนแจ้งด้วยว่า ผู้ถูกกล่าวหามีสิทธิที่จะได้รับแจ้งสรุปพยานหลักฐานที่สนับสนุนข้อกล่าวหาและมีสิทธิที่จะให้ถ้อยคำชี้แจง แก้ขอ้ กล่าวหา ตลอดจนอ้างพยานหลกั ฐานหรอื นำพยานหลกั ฐานมาสืบแกข้ อ้ กล่าวหาไดต้ ามท่ีกำหนดไวใ้ นขอ้ ๒๕ การแจ้งตามวรรคหนึ่ง ให้ทำบันทึกมีสาระสำคัญตามแบบ สว.๒ ท้ายข้อบังคับนี้ โดยทำเป�นสองฉบับ เพื่อมอบให้ผู้ถูกกล่าวหาหนึ่งฉบับ เก็บไว้ในสำนวนการสอบสวนหนึ่งฉบับ โดยให้ผู้ถูกกล่าวหาลงลายมือชื่อ รับทราบไวเ้ ป�นหลักฐานดว้ ย

๙๔ เมื่อได้ดำเนินการตามวรรคหนึ่งและวรรคสองแล้ว ให้คณะกรรมการสอบสวนถามผู้ถูกกล่าวหา วา่ ไดก้ ระทำการตามท่ีถูกกล่าวหาหรือไม่อยา่ งไร ในกรณีที่ผู้ถูกกล่าวหาให้ถ้อยคำรับสารภาพว่าได้กระทำการตามที่ถูกกล่าวหาให้คณะกรรมการสอบสวน แจ้งให้ผู้ถูกกล่าวหาทราบว่าการกระทำตามที่ถูกกล่าวหาดังกล่าวเป�นความผิดวินัยกรณีใด หากผู้ถูกกล่าวหา ยังคงยืนยันตามที่รับสารภาพ ให้บันทึกถ้อยคำรับสารภาพรวมทั้งเหตุผลในการรับสารภาพ (ถ้ามี) และสาเหตุ แห่งการกระทำไว้ด้วย ในกรณีเช่นนี้คณะกรรมการสอบสวนจะไม่ทำการสอบสวนต่อไปก็ได้ หรือถ้าเห็น เป�นการสมควรที่จะได้ทราบข้อเท็จจริงและพฤติการณ์อันเกี่ยวกับเรื่องที่กล่าวหาโดยละเอียดจะทำการสอบสวน ตอ่ ไปตามควรแก่กรณีก็ได้ แลว้ ดำเนินการตามขอ้ ๓๙ และขอ้ ๔๐ ต่อไป ในกรณีที่ผู้ถูกกล่าวหามิได้ให้ถ้อยคำรับสารภาพ ให้คณะกรรมการสอบสวนดำเนินการสอบสวน เพ่ือรวบรวมพยานหลกั ฐานทเ่ี กีย่ วข้องกับขอ้ กลา่ วหาแล้วดำเนินการตามข้อ ๒๕ ต่อไป ในกรณีที่ผู้ถูกกล่าวหามาพบคณะกรรมการสอบสวนแล้ว แต่ไม่ยอมลงลายมือชื่อรับทราบข้อกล่าวหา หรือไม่มารับทราบข้อกล่าวหา ให้คณะกรรมการสอบสวนส่งบันทึกมีสาระสำคัญตามแบบ สว.๒ ทางไปรษณีย์ ลงทะเบียนตอบรับไปให้ผู้ถูกกล่าวหา ณ ที่อยู่ของผู้ถูกกล่าวหา ซึ่งปรากฏตามหลักฐานของทางราชการ หรือสถานที่ติดต่อที่ผู้ถูกกล่าวหาแจ้งให้ทราบ พร้อมทั้งมีหนังสือสอบถามผู้ถูกกล่าวหาว่าได้กระทำการตามที่ ถูกกล่าวหาหรือไม่ การแจ้งข้อกล่าวหาในกรณีเช่นนี้ ให้ทำบันทึกมีสาระสำคัญตามแบบ สว.๒ เป�นสามฉบับ เพื่อเก็บไว้ในสำนวนการสอบสวนหนึ่งฉบับ ส่งให้ผู้ถูกกล่าวหาสองฉบับโดยให้ผู้ถูกกล่าวหาเก็บไว้หนึ่งฉบับ และให้ผู้ถูกกล่าวหาลงลายมือชื่อและวัน เดือน ป�ที่รับทราบอีกหนึ่งฉบับและส่งกลับคืนมารวมไว้ในสำนวน การสอบสวน เมื่อล่วงพ้นสิบห้าวันนับแต่วันที่ได้ดำเนินการดังกล่าวแม้จะไม่ได้รับแบบ สว. ๒ คืนให้ถือว่า ผ้ถู กู กล่าวหาได้ทราบขอ้ กลา่ วหาแล้ว และใหค้ ณะกรรมการสอบสวนดำเนินการตามวรรคหา้ ตอ่ ไป ข้อ ๒๕ เมื่อได้ดำเนินการตามข้อ ๒๔ แล้ว ให้คณะกรรมการสอบสวนดำเนินการประชุมเพื่อพิจารณา ว่ามีพยานหลักฐานใดสนับสนุนข้อกล่าวหาว่าผู้ถูกกล่าวหาได้กระทำการใด เมื่อใด อย่างไร และเป�นความผิด วินัยกรณี ตามมาตราใด หรือประพฤติผิดจรรยาบรรณข้าราชการกรณีใด ข้อใด ให้คณะกรรมการสอบสวน เรียกผู้ถูกกล่าวหามาพบเพื่อแจ้งข้อกล่าวหา โดยระบุข้อกล่าวหาที่ปรากฏตามพยานหลักฐานว่าเป�นความผิด วินัยกรณีใด ตามมาตราใด หรือผิดจรรยาบรรณข้าราชการกรณีใด ข้อใด และสรุปพยานหลักฐานที่สนับสนุน ข้อกล่าวหาเท่าที่มีให้ทราบ โดยระบุวัน เวลา สถานที่ และการกระทำที่มีลักษณะเป�นการสนับสนุนข้อกล่าวหา สำหรับพยานบุคคลจะระบุหรือไมร่ ะบชุ ่อื พยานกไ็ ด้

๙๕ การแจ้งข้อกล่าวหาและสรุปพยานหลักฐานที่สนับสนุนข้อกล่าวหาตามวรรคหนึ่งให้ทำบันทึก มีสาระสำคัญตามแบบ สว.๓ ท้ายข้อบังคับนี้โดยทำเป�นสองฉบับ เพื่อมอบให้ผู้ถูกกล่าวหาหนึ่งฉบับ เก็บไว้ ในสำนวนการสอบสวนหน่งึ ฉบับและใหผ้ ูถ้ ูกกลา่ วหาลงลายมอื ชอ่ื และวนั เดือน ป�ทรี่ ับทราบไว้เปน� หลักฐานด้วย เมื่อดำเนินการดังกล่าวแล้ว ให้คณะกรรมการสอบสวนถามผู้ถูกกล่าวหาว่าจะยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา เป�นหนังสือหรือไม่ ถ้าผู้ถูกกล่าวหาประสงค์จะยื่นคำชี้แจงเป�นหนังสือให้คณะกรรมการสอบสวนให้โอกาส ผู้ถูกกล่าวหายื่นคำชี้แจงภายในเวลาอันสมควร แต่อย่างช้าไม่เกินสิบห้าวันนับแต่วันที่ได้ทราบข้อกล่าวหา และสรุปพยานหลักฐานที่สนับสนุนข้อกล่าวหาและต้องให้โอกาสผู้ถูกกล่าวหาโต้แย้งและแสดงพยานหลักฐาน ของตน หรือให้ถ้อยคำเพิ่มเติมรวมทั้งนำสืบแก้ข้อกล่าวหาด้วย ในกรณีที่ผู้ถูกกล่าวหาไม่ประสงค์จะยื่นคำชี้แจง เป�นหนังสือ ให้คณะกรรมการสอบสวนดำเนินการให้ผู้ถูกกล่าวหาให้ถ้อยคำและนำสืบแก้ข้อกล่าวหาโดยเร็ว การนำสืบแก้ข้อกล่าวหา ผู้ถูกกล่าวหาจะนำพยานหลักฐานมาเองหรือจะอ้างพยานหลักฐานแล้วขอให้ คณะกรรมการสอบสวนเรยี กพยานหลักฐานนั้นมาก็ได้ เมื่อคณะกรรมการสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ เสร็จแล้วให้ดำเนินการตามข้อ ๓๙ และขอ้ ๔๐ ตอ่ ไป ในกรณีที่ผู้ถูกกล่าวหามาพบคณะกรรมการสอบสวนแล้ว แต่ไม่ยอมลงลายมือชื่อรับทราบหรือไม่มา รับทราบข้อกล่าวหาและสรุปพยานหลักฐานที่สนับสนุนข้อกล่าวหาให้คณะกรรมการส่งบันทึกมีสาระสำคัญ ตามแบบ สว.๓ ทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับไปให้ผู้ถูกกล่าวหา ณ ที่อยู่ของผู้ถูกกล่าวหา ซึ่งปรากฏ ตามหลักฐานของทางราชการ หรือสถานที่ติดต่อที่ผู้กล่าวหาแจ้งให้ทราบ พร้อมทั้งมีหนังสือขอให้ผู้ถูกกล่าวหา ชี้แจงนัดมาให้ถ้อยคำและนำสืบแก้ข้อกล่าวหา การแจ้งในกรณีนี้ให้ทำบันทึกมีสาระสำคัญตามแบบ สว. ๓ เป�นสามฉบับ เพื่อเก็บไว้ในสำนวนการสอบสวนหนึ่งฉบับ ส่งให้ผู้ถูกกล่าวหาสองฉบับ โดยให้ผู้ถูกกล่าวหา เก็บไว้หนึ่งฉบับ และให้ผู้ถูกกล่าวหาลงลายมือชื่อและวัน เดือน ป�ที่รับทราบส่งกลับคืนมารวมไว้ในสำนวน การสอบสวนหนึ่งฉบับ เมื่อล่วงพ้นสิบห้าวันนับแต่วันที่ได้ดำเนินการดังกล่าว แม้จะไม่ได้รับแบบ สว.๓ คืน หรือไม่ได้รับคำชี้แจงจากผู้ถูกกล่าวหา หรือผู้ถูกกล่าวหาไม่มาให้ถ้อยคำตามนัดให้ถือว่าผู้ถูกกล่าวหาได้ทราบ ข้อกล่าวหาและสรุปพยานหลักฐานที่สนับสนุนข้อกล่าวหาแล้ว และไม่ประสงค์ที่จะแก้ข้อกล่าวหา ในกรณี เชน่ นี้คณะกรรมการสอบสวนจะไมส่ อบสวนต่อไปก็ได้ หรอื ถา้ เห็นเปน� การสมควรทจ่ี ะไดท้ ราบข้อเทจ็ จริงเพิ่มเตมิ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook