43 เรื่องที่ 5.3 กำรเพำะเหด็ ฟำงในตะกร้ำ 5.3.1 กำรเพำะเห็ดฟำงในตะกรำ้ การเพาะเห็ดฟางในตะกร้าน้ีเป็นวิธีการเพาะเห็ดฟางที่ประยุกต์ข้ึนมา แต่เดิมนั้นการเพาะเห็ด ฟางแบบทั่วไปใช้พ้ืนท่ีใน แนวราบ มาตรฐานของการเพาะเห็ดฟางในพ้ืนที่ราบ 1 ตารางเมตร ได้ผลผลิตได้ถึง 3 กิโลกรัม ถือว่ายอดเยี่ยมการเพาะเห็ดฟางแบบใน ตะกร้าจะใช้พ้ืนท่ีในแนวสูงกับแนวราบของพื้นที่ตะกร้าที่ เปน็ ทรงกระบอก โดยสามารถใชต้ ะกร้าซักผา้ ตะกรา้ ใสผ่ ลไม้ ตะกรา้ ใส่ปลา ของชาวประมง คือไม่สูงมากประมาณ 1 ฟตุ รอบ ๆ ตะกรา้ จะมีตามชี ่องดา้ นบนเห็ดก็สามารถออกได้ และสามารถนาตะกร้าซ้อนกันได้หลายชั้น เป็น ลักษณะของการเพิม่ พ้นื ท่ีการออกดอกของดอกเหด็ ซ่งึ วิธีนเี้ ป็นวธิ ที าเหมาะกบั ทกุ รูปแบบ 5.3.2 ขัน้ ตอนกำรเพำะเหด็ ฟำงในตะกรำ้ ข้ันตอนในการเพาะเห็ดฟางในตะกร้าไม่ยุ่งยาก ถ้าใครเคยเพาะเห็ดฟางแบบกองเตี้ยแล้ว ทุก อย่างเหมอื นกัน เพียงเปลย่ี นมาใส่ตะกร้า โดยชั้นทีห่ นึ่งเป็นวสั ดุเพาะ คือ พวกฟางข้าว เปลือกถ่ัวอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือจะผสมผสานกันก็ ได้ ช้ันท่ีสองเป็นอาหารเสริม อาจจะใส่นุ่น ผักตบชวาสดแล้วก็โรยด้วยเช้ือเห็ดฟาง เช้ือเห็ดฟางอาจจะ คลุกเคล้าด้วยแป้งสาลี แป้งข้าวเหนียวหรือไม่ก็ได้ แต่ถ้าคลุกเคล้าจะทาให้เส้นใยเดินได้เร็วหลังจากนั้นก็ทา เหมอื นชัน้ ท่หี นงึ่ ใชว้ สั ดเุ พาะ ส่วนชัน้ ทส่ี าม จะแตกตา่ งจากช้นั ท่ีหนงึ่ ช้ันท่ีสองก็คือ ด้านบนจะโรยอาหารเสริมทั้งหมดเต็มพื้นท่ีของผิวตะกร้า แล้วโรยเช้ือเห็ดทั้งหมด คลุมด้วยวัสดุเล็กน้อยกดให้แน่น ๆ ให้ต่ากว่าปากตะกร้าประมาณ 1 ช่องตา รดน้าประมาณ2 ลิตร รดทั้ง ด้านบนตะกร้าและด้านข้างตะกร้า ยกใส่กระโจมเล็ก ๆ หรือใส่ถุงพลาสติกขนาดใหญ่ (ขอเป็นถุงใส เพราะถ้า เปน็ ถงุ ดาเห็ดจะไม่ออกดอก หนงั สอื ประกอบกำรเรียน วิชำ กำรเพำะเหด็ ฟำง (รหสั วิชำ อช 02006)
44 ท้ังนี้ สามารถใช้ตะกร้าคลุมและเอาพลาสติกคลุม ก็ได้ แต่ถ้าทาหลายตะกร้าอาจจะเอาสุ่มไก่ ครอบพลาสติกคลุมในท่ีร่มและช้ืน ประมาณวันท่ี 4ก็เปิดสารวจดูว่ามีเส้นใยมากไหม ถ้ามากก็ตัดเส้นใยสัก 5 - 10 นาที แล้วคลมุ ไว้อยา่ งเดียว ตอนเปดิ ถา้ ตะกรา้ แหง้ ก็รดนา้ เลก็ นอ้ ย ประมาณวนั ท่ี 7 - 8 กเ็ กบ็ ผลผลิตได้ โดยผลผลติ จะออกมาตามตารอบ ๆ ตะกร้า เทคนิคการโรย เช้อื เห็ดชนั้ ที่ 1 - 2 คอื โรยให้ชดิ ขอบตะกรา้ ตรงกลางไม่ตอ้ งโรย ชน้ั ที่ 3 โรยให้เตม็ 5.3.3 ค่ำใชจ้ ำ่ ยในกำรเพำะเห็ดฟำงในตะกรำ้ มีดังนี้ 1. ตะกร้าพลาสตกิ ขนาดสูง 11 นิว้ ปากตะกรา้ กว้างประมาณ 18 นิว้ มีตาห่างกันประมาณ 1 น้ิว ตะกร้าใบหนึ่งใช้ไดห้ ลายครง้ั อาจใช้ไดน้ านเกนิ 20 ครั้งขนึ้ ไป ราคาใบละประมาณ 30 บาท 2. ชั้นโครงเหล็ก ใช้เหล็กแป๊ปส่ีเหลี่ยมขนาด 6 หุน มาทาเป็นโครงเหล็กให้ได้ขนาดกว้าง ประมาณ 1 เมตร สูง 2 เมตรยาว2 เมตร ซ่ึงโครงเหล็กมี 4 ชั้น สามารถวางตะกร้าเพาะได้ 40 ใบ ราคาโครง เหลก็ ประมาณ 705 บาท 3. แผ่นพลาสติกสาหรับคลุมช้ันโครงเหล็ก ใช้แผ่นพลาสติกใสขนาดกว้าง 4 เมตร ยาว 6 เมตร ราคาประมาณ 60 บาท หนงั สือประกอบกำรเรียน วิชำ กำรเพำะเหด็ ฟำง (รหสั วิชำ อช 02006)
45 4. โรงเรือน ซ่ึงโรงเรือนเป็นไม้ลักษณะของโรงเรือน คือนาไม้มาประกอบกันซึ่งสร้างให้มีขนาด ใหญ่ จนสามารถครอบชัน้ โครงเหล็กได้ ราคาโรงเรอื นท้ังหมดประมาณ 900 - 1,000 บาท 5. วัสดุเพาะ อาจใช้ฟางหรือก้อนข้ีเลื่อยท่ีผ่านการเพาะเห็ดถุงมาแล้ว ใช้ 9 ก้อนต่อ 1 ตะกร้า ราคาเฉล่ียประมาณก้อนละ50 สตางค์ รวมเปน็ เงนิ ตอ่ ตะกร้าประมาณ 4 - 5 บาท 6. อาหารเสริม เราสามารถใช้ผักตบชวาหั่นประมาณ 1 ลิตรต่อตะกร้าคิดเป็นเงินรวมตะกร้าละ ไมถ่ งึ 1 บาท 7. คา่ เชือ้ เหด็ ฟางแบบอแี ปะถงุ ละประมาณ 2 บาท 8. คา่ จา้ งแรงงานเพาะคดิ เปน็ เงินตะกรา้ ละ 3 บาท 9. ค่าจา้ งดแู ล คิดเป็นเงนิ ตอ่ ตะกรา้ ละประมาณ 5 บาท 10. ค่าจา้ งแรงงาน เพอ่ื การเกบ็ เก่ยี วและปฏิบัติหลังการเก็บเกี่ยวต่อผลผลิตกิโลกรัมละประมาณ 5 บาท รวมคา่ ใช้จา่ ยทั้งหมดจะอยู่ที่ประมาณ 2 พันบาทต้น ๆ แต่หากลบค่าใช้จ่ายเรื่องโรงเรือนออกไป ราคาเห็ดฟางตอ่ หนึ่งตะกรา้ จะลงทุนเพยี งประมาณไม่ถึง 50 บาท เทา่ นัน้ หนงั สือประกอบกำรเรียน วิชำ กำรเพำะเหด็ ฟำง (รหสั วิชำ อช 02006)
46 กจิ กรรมท้ำยบทที่ 5 1. ใหน้ ักศึกษาศึกษาขั้นตอนและวิธกี ารในการเพาะเห็ดฟางในโรงเรอื น แบบกองเต้ีย และแบบใน ตะกร้า ตามเอกสารการเรยี นบทที่ 5 ส่ือ และแหลง่ เรยี นรู้อืน่ ๆ (อนิ เตอร์เนต็ /ปราชญ์ชาวบา้ น) 2. แบ่งกลุม่ กล่มุ ละ 3-5 คน ฝกึ ปฏบิ ตั กิ ารเพาะเห็ดฟางในตะกรา้ 3. ทาบนั ทึกผลการปฏบิ ตั กิ ารเพาะเหด็ ฟางในตะกรา้ หนงั สอื ประกอบกำรเรียน วิชำ กำรเพำะเห็ดฟำง (รหสั วิชำ อช 02006)
47 บทที่ 6 กำรวำงแผนกำรจดั กำรและวิธีกำรเกบ็ เห็ดฟำง หนงั สือประกอบกำรเรยี น วิชำ กำรเพำะเห็ดฟำง (รหัสวิชำ อช 02006)
48 แผนกำรเรียนรปู้ ระจำบท รำยวชิ ำ กำรเพำะเหด็ ฟำง บทที่ 6 กำรวำงแผนกำรจัดกำรและวธิ ีกำรเกบ็ เห็ดฟำง สำระสำคญั การวางแผนการจดั การเพาะเห็ด เป็นการเตรียมความพร้อมในการเพาะเห็ดซ่ึงต้องมีความรู้ความ เข้าใจในหลักการ ข้ันตอนกระบวนการ การบริหารจัดการ และวิธีการเก็บผลผลิตของเห็ดฟางได้อย่างถูกต้อง และเหมาะสม ผลกำรเรียนรู้ท่ีคำดหวัง เมือ่ ศึกษาบทที่ 6 จบแล้ว นักศึกษาสามารถ 1. วางแผนการจัดการเพาะเหด็ ฟางได้ 2. สามารถเข้าใจวธิ ีการเก็บเห็ดฟางไดอ้ ย่างถูกต้องและเหมาะสม ขอบข่ำยเนอ้ื หำ เรือ่ งที่ 6.1 การวางแผนการจดั การเพาะเหด็ ฟาง เรอ่ื งท่ี 6.2 การเกบ็ เหด็ ฟาง กจิ กรรมกำรเรยี นรู้ 1. ศึกษาเอกสารการสอนบทท่ี 6 2. ปฏบิ ัติกิจกรรมตามที่ไดร้ ับมอบหมายในเอกสารการสอน ส่อื กำรสอน 1. เอกสารการสอนบทท่ี 6 ประเมนิ ผล 1. กิจกรรมท้ายบท 2. กระบวนการกล่มุ หนงั สือประกอบกำรเรยี น วิชำ กำรเพำะเหด็ ฟำง (รหัสวิชำ อช 02006)
49 เร่อื งที่ 6.1 กำรวำงแผนกำรจดั กำรเพำะเหด็ ฟำง 6.1.1 กำรวำงแผนกำรจัดกำรเพำะเหด็ ฟำง การเพาะเหด็ เป็นอาชพี ที่ได้มีวิวัฒนาการมาเป็นเวลากว่า 60 ปี โดยอาศัยการศึกษาวิจัย ค้นคว้าท้ังใน และต่างประเทศ มีการเผยแพร่สู่เกษตรกรและผู้สนใจ ในลักษณะการทาเป็นอาชีพเสริมรายได้กระท่ังพัฒนาไป เป็นอาชีพหลัก มีชาวฟาร์มเห็ดเกิดขึ้นเป็นจานวนมาก และส่วนหน่ึงก็ล้มเลิกกิจการ ท้ังน้ีเนื่องจากขาดการนา ความรู้ เทคโนโลยีและประสบการณ์ การใช้ในการบริหารจัดการฟาร์มแบบผสมผสาน ดังน้ีผู้ท่ีต้องการเพาะ เห็ดให้ประสบความสาเร็จ ควรจะมกี ารพจิ ารณาในส่ิงต่อไปน้ี 1. กำรวำงแผนขน้ั แรก : กำรคดั เลอื กชนิดเห็ด การคัดเลือกชนิดเห็ดนับว่าเป็นสิ่งสาคัญอย่างย่ิง เน่ืองจากจะเป็นตัวกาหนดการวางผังและ แผนปฏบิ ตั ิทีจ่ ะตดิ ตามมา สาหรับรายละเอียดทีต่ ้องทราบเพื่อใหป้ ระกอบการตัดสนิ ใจมดี งั ตอ่ ไปน้ี 1.1 เห็ดที่จะเพาะต้องได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคไม่ว่าจะเป็นเห็ดท่ีประชาชนในพื้นท่ีมี ความคุ้นเคยดีอยู่แล้ว เช่น เห็ดฟาง เห็ดนางฟ้านางรม หรือจะเป็นเห็ดที่นาเข้าจากต่างประเทศและมีการ ประชาสมั พันธ์ใหร้ ู้จัดทว่ั ไปและเกดิ ความนิยมในการบรโิ ภคขึ้นมา เชน่ เห็ดหอม เหด็ เข็มทอง 1.2 พนื้ ที่ หรือสถานท่ตี ั้งฟารม์ จะตอ้ งอยไู่ ม่ห่างจากตลาดหรอื แหล่งรบั ซือ้ มีการคมนาคมสะดวก 1.3 ตลาด จะต้องมีขนาดใหญ่พอทจี่ ะรองรบั ผลผลิตท่ีกาหนดไวใ้ นเป้าหมายได้ 1.4 สภาพภูมิอากาศ และสภาพภูมิประเทศเหมาะสมกับการผลิตเห็ดชนิดท่ีต้องการ ท้ังน้ีเน่ืองจาก เห็ดต่างชนิดกันมีความต้องการอุณหภูมิในการเจริญของเส้นใยและการออกดอกไม่เท่ากัน ถ้าสภาพภูมิอากาศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุณหภูมิไม่เหมาะสมทาให้ต้องมีการปรับอุณหภูมิ ซึ่งจะทาให้การดาเนินการผลิตยุ่งยาก เพม่ิ ข้นึ ไปอกี และมีตน้ ทุนสงู ขึ้นไปด้วย 1.5 วตั ถุดิบหรือวสั ดุที่ใชใ้ นการเพาะเห็ด หาง่าย และมรี าคาถูกซ่ึงในปัจจบุ ันนี้ ปัญหาอันเน่ืองมาจาก วัสดุเพาะหายาก กาลังกลายมาเป็นปัญหาสาคัญของการเพาะเห็ดหลายชนิด ท้ังนี้เน่ืองจากวัสดุสาหรับเพาะ เห็ดหลายอย่าง เช่น ขี้เล่ือยและขี้ฝ้าย มีราคาสูงขึ้น และหายากขึ้นเร่ือย ๆ ปัญหาน้ีย่ิงรุนแรงข้ึนถ้าฟาร์มเห็ด ตัง้ อยู่ในท่ีห่างไกลจากแหล่งผลิตวัสดุเหล่านี้ เม่ือศึกษาข้อมูลโดยละเอียดแล้วจะสามารถนามาใช้ประกอบการ ตัดสินใจว่าเลือกเพาะเห็ดชนิดใดได้ และจัดทาแผนการตลาดประจาปีไว้ล่วงหน้า เพ่ือทาแผนการผลิตเห็ด ประจาปี โดยกาหนดปรมิ าณงาน และกาหนดเวลาปฏบิ ัตไิ ด้เพื่อเป็นแนวทางปฏิบตั ไิ ด้อยา่ งมีระบบ 2. กำรคัดเลือกแม่เชื้อ การคัดเลือกแม่เชื้อเห็ดเป็นการเตรียมการขั้นตอนแรกของการทาเชื้อ ส่ิงท่ีควรคานึงถึง คือ ลักษณะประจาพันธุ์ ได้แก่ ผลผลิต คุณภาพ สี ขนาดดอกและการตอบสนองต่ออุณหภูมิระดับต่างๆ แม่เช้ือ เตรียมไดจ้ ากเนื้อเยอื่ ดอกเห็ด แม่เชื้อที่ดีจะต้องมีความบริสุทธ์ิ ไม่เป็นโรคติดต่อ จึงมีความจาเป็นในการเอาใจ ใส่ในการคัดเลือกแม่เชอื้ เปน็ สาคัญ 3. กำรทำเชอื้ เหด็ เชื้อเห็ดเป็นสิ่งท่ีมีความสาคัญในการเพาะเห็ดเป็นอย่างย่ิง เม่ือได้พันธ์ุเห็ดที่มีอัตราการเจริญสูง มี ความแข็งแรง เส้นใยเจริญรวดเร็ว ให้ผลผลิตตรงตามความต้องการของตลาด ก็นามาเพาะในวัสดุท่ีปราศจาก การปนเป้อื น ผ่านการบม่ และเกบ็ รกั ษาอย่างถูกวิธี หนังสือประกอบกำรเรยี น วิชำ กำรเพำะเห็ดฟำง (รหัสวิชำ อช 02006)
50 4. กำรจัดเตรียมวัสดเุ พำะเห็ด การเตรยี มวัสดุเพาะเห็ดมรี ายละเอียดแตกต่างกันไปตามชนิดของเห็ดท่ีจะทาการเพาะ พอจะแยก กวา้ งๆ ออกได้เป็นการเตรียมวัสดุที่จาเป็นต้องหมัก เช่น การทาปุ๋ยเพาะเห็ดฟางในโรงเรือนแบบอุตสาหกรรม หรือปุ๋ยเพาะเห็ดแชมปิญอง หรือแม้กระท่ังข้ีเล่ือยไม้เบญจพรรณซ่ึงจาเป็นต้องกองหมักท้ิงไว้ก่อน ส่วนการ เตรียมวัสดุอีกประเภทหน่ึง ได้แก่ วัสดุที่ไม่จาเป็นต้องหมัก เช่น ฟางสาหรับเพาะเห็ดฟางแบบกองเตี้ย และข้ี เลอื่ ยไมย้ างพารา สาหรบั เพาะเหด็ ถุงชนิดตา่ งๆ เปน็ ตน้ ในการเตรียมวัสดุที่จะต้องหมักน้ัน ขั้นตอนต่างๆ ของการหมักธาตุอาหารที่ต้องใส่เพิ่ม วิธี และ เวลาในการกลบั กอง การให้ความชน้ื ความเปน็ กรดเปน็ ดา่ งทเี่ หมาะสมลักษณะทางกายภาพและคุณสมบัติทาง เคมหี รอื ธาตอุ าหารของป๋ยุ เม่ือกระบวนการสน้ิ สดุ ลง ความหนาบางของชนั้ ปยุ๋ เมอ่ื ใส่บนช้นั ในโรงเรือนอุณหภูมิ และระยะเวลาที่เหมาะสมในการอบไอน้าเพื่อท่ีจะกาจัดศัตรูเห็ด รวมทั้งการปรับสภาพปุ๋ยหมักให้เหมาะสมกับ ชนิดเห็ดที่จะเพาะเปน็ สงิ่ สาคญั ที่ควรจะทราบ ส่วนวัสดุที่ไม่ต้องหมักนั้น ข้อมูลสาคัญที่จาเป็นต้องทราบได้แก่ ลักษณะทางกายภาพ ลักษณะ ทางเคมี อนั ได้แก่ ความเป็นกรดเป็นด่าง ปริมาณธาตุอาหาร การเติมอาหารเสริม ระดับความช้ืน การบรรจุถุง และการนง่ึ ฆ่าเช้ือเปน็ เรื่องทสี่ าคัญอย่างยิ่ง เพราะมีผลกระทบต่อผลผลิตและความเสียหายอันเน่ืองมาจากการ ปนเป้ือนโดยเชื้อจุลินทรีย์ชนิดอื่น วิธีการใส่เช้ือ และระบบการใส่เชื้อซ่ึงแตกต่างกันไปตามชนิดเห็ด เชื้อเห็ด บางชนิดต้องการความระมัดระวังอย่างยิ่งในการใส่เชื้อลงในถุง มิฉะนั้นแล้วจะเกิดการปนเปื้อนเสียหาย เช่น เห็ดหอม หนังสือประกอบกำรเรยี น วิชำ กำรเพำะเหด็ ฟำง (รหัสวิชำ อช 02006)
51 เร่ืองท่ี 6.2 วธิ กี ำรเก็บเห็ดฟำง กำรเกบ็ ผลผลิต การเกบ็ เห็ดฟาง เก็บเม่อื ดอกเห็ดโตเตม็ ที่ มปี ลอกห้มุ ดอกเต่งตงึ ควรเกบ็ ดอกเห็ดในช่อเดียวกันท้ังหมด อยา่ ให้มีเศษเหลอื ติดค้างอยู่กับก้อนเชือ้ เนื่องจากจะทาให้เศษเหลอื ทง้ิ เน่า เช้ือโรคและแมลงจะเขา้ ทาลายได้ เมื่อเพาะเห็ดไปแล้ว 5-7 วัน จะเร่ิมเห็นตุ่มสีขาวเล็ก ๆ เกิดขึ้น ตุ่มสีขาวเหล่าน้ีจะเจริญเติบโต เป็น เห็ดต่อไป เกษตรกรจะเร่ิมเก็บเห็ดได้เม่ือเพาะไปแล้วประมาณ 7-10 วัน แล้วแต่ความร้อน และการที่จะเก็บ เห็ดได้เร็วหรือชา้ ข้ึนอยู่กับวิธีการเพาะและฤดูกาล คือ ฤดูร้อนและฤดูฝนจะเก็บเห็ดได้เร็วกว่าฤดูหนาว เพราะ ความรอ้ น ช่วยเร่งการเจรญิ เตบิ โตของเห็ด นอกจากน้ันถา้ ใสอ่ าหารเสริมด้วยแล้ว จะทาให้เกิดดอกเห็ดเร็วกว่า ไม่ใสอ่ ีกด้วย ดอกเห็ดท่ขี ึ้นเป็นกระจุก มีทั้งอ่อนและแก่ ถ้ามีดอกเล็ก ๆ มากกว่าดอกใหญ่ ควรรอเก็บเมื่อ ดอก เล็กโตหรือรอเก็บชุดหลัง เก็บดอกเห็ดขึ้นท้ังกระจุกโดยใช้มือจับ ท้ังกระจุกอย่างเบาๆ แล้วหมุนซ้ายและขว า เลก็ น้อย ดึงข้ึนมาพยายามอยา่ ใหเ้ สน้ ใยกระทบกระเทือน หนังสือประกอบกำรเรยี น วิชำ กำรเพำะเห็ดฟำง (รหสั วิชำ อช 02006)
52 กิจกรรมท้ำย บทที่ 6 1. ให้นักศึกษาศึกษาการวางแผนการจดั การเพาะเห็ดตามเอกสารการสอนบทท่ี 6 2. แบ่งกลุ่มผู้เรียน กลมุ่ ละ 3-5 คน 3. วางแผนเลือกวิธกี ารเพาะเหด็ ฟางมา 1 วธิ ี 1. แบบกองเตีย้ 2 .แบบตะกรา้ 3. แบบโรงเรือน และบอกเหตผุ ลวา่ ทาไมเลือกวิธีนี้ 4. ทาการเพาะเหด็ ตามแผนท่ีแต่ละกลมุ่ กาหนด หนังสือประกอบกำรเรียน วิชำ กำรเพำะเห็ดฟำง (รหสั วิชำ อช 02006)
53 บทที่ 7 กำรดูแลรักษำและกำรปอ้ งกันกำรกำจดั ศตั รูของเหด็ ฟำง หนงั สือประกอบกำรเรยี น วิชำ กำรเพำะเห็ดฟำง (รหสั วิชำ อช 02006)
54 แผนกำรเรียนร้ปู ระจำบท รำยวิชำ การเพาะเหด็ ฟาง บทที่ 7 การดูแลรักษาและการป้องกันการกาจดั ศัตรูของเห็ดฟาง สำระสำคญั สามารถเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องการควบคุมอุณหภูมิและความช้ืนโรงเพาะเห็ดฟาง ได้แก่ อุณหภูมิและ ความชื้น การถ่ายเทอากาศและแสง และการให้น้าเห็ดฟางได้ผลดี ต้องเป็นน้าท่ีสะอาด ไม่มีสารเคมีและส่ิง สกปรกเจอื ปน ตลอดจนถงึ การป้องกันกาจัดศัตรขู องเห็ดฟางได้ ผลกำรเรียนรู้ทีส่ ำคัญ เมอ่ื ศึกษาบทท่ี 7 จบแลว้ ผูเ้ รยี นสามารถ 1. รแู้ ละเขา้ ใจเกย่ี วกบั การดูแลรักษาเหด็ ฟางอยา่ งถูกต้อง 2. สามารถรแู้ ละเขา้ ใจเกีย่ วกับการป้องกันและการกาจัดศตั รขู องเห็ดฟางได้อยา่ งถกู ต้อง ขอบขำ่ ยเนอื้ หำ เรอ่ื งท่ี 7.1 การดแู ลรักษาเหด็ ฟาง เรื่องที่ 7.2 การป้องกนั และกาจดั ศัตรูของเหด็ ฟาง กิจกรรมกำรเรียนรู้ 1. ศึกษาเอกสารการสอนบทที่ 7 2. ปฏิบัติกิจกรรมตามท่ีไดร้ ับหมอบหมายในเอกสารการสอน สือ่ กำรสอน 1. เอกสารการสอนบทที่ 7 ประเมินผล 1. ประเมินผลจากกิจกรรมท้ายบท หนงั สือประกอบกำรเรยี น วิชำ กำรเพำะเหด็ ฟำง (รหสั วิชำ อช 02006)
55 เรื่องที่ 7.1 กำรดแู ลรกั ษำเหด็ ฟำง 7.1.1 กำรควบคมุ อณุ หภูมโิ รงเพำะเหด็ ฟำง 1. ในช่วงวันที่ 1 – 4 จะต้องดูแลรกั ษาระดบั ความช้ืนให้อยู่ในระดบั มากกวา่ 80 เปอร์เซน็ ต์ และ ตอ้ ง รักษาอุณหภมู ิภายในกระโจม หรอื โรงเรือนให้อยู่ในระดบั 37 – 40 องศาเซลเซียส 2. ประมาณวนั ที่ 4 ให้เปิดพลาสตกิ ออกทงั้ หมดทิง้ ไว้ประมาณ 2 ชัว่ โมงเพ่ือให้เส้นใยเห็ดไดร้ บั ออกซเิ จนอย่างเพียงพอ หลังจากนน้ั รดน้าดว้ ยฝักบวั ชนิดฝอยเพื่อดดั เสน้ ใยและในกรณีท่ีวสั ดเุ พาะแห้ง หลงั จากน้ันคลมุ ด้วยพลาสติกตามเดิม 3. ในชว่ งวนั ท่ี 4-5 ควรรดน้าในกระโจม หรอื โรงเรือน ให้ช่มุ อยู่เสมอ รักษาอุณหภูมใิ ห้อย่รู ะหว่าง 28-32 องศาเซลเซยี ส หากอุณหภูมสิ ูงกวา่ นตี้ ้องแกป้ ัญหาโดยการเปิดช่องลมระบายอากาศ 4. ในชว่ งวันที่ 6-7 เหด็ จะเริ่มออกดอก ในชว่ งวนั นหี้ ้ามรดน้า หรือ เปดิ โรงเรือนเด็ดขาด 5. ช่วงวันที่ 8 ดอกเห็ดจะเรม่ิ มีขนาดใหญ่ จนสามารถเก็บไดโ้ ดยการเกบ็ ให้เก็บอย่างประณตี อยา่ ให้ กระทบกระเทือนดอกอ่ืนๆ จะเกบ็ ผลผลติ ได้ 2-6 คร้ัง เม่ือเก็บผลผลิตหมดแล้วใหป้ ดิ พลาสติกไว้อย่างเดมิ 7.1.2 กำรถ่ำยเทอำกำศ เห็ดทุกชนดิ ขณะกาลังสรา้ งเส้นใยและเกดิ ดอก เหด็ ตอ้ งการออกซิเจนสูงมาก แต่ในระยะที่สร้างเส้นใย จะทนต่อการขาดออกซิเจนได้ดีกว่าระยะที่เกิดดอกเห็ด โรงเรือนท่ีดีจะต้องจัดให้อากาศถ่ายเทได้ดี โดยเฉพาะ โรงเรอื นขนาดใหญ่ ถ้าการระบายอากาศไม่ดี ภายในโรงเรือนจะสะสมก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ไว้มาก สังเกตท่ี ลาต้นจะยดื ยาว ดอกจะหบุ ไม่บาน 7.1.3 แสง เห็ดหลายชนิดไม่จาเป็นต้องรับแสงเลย เพราะเห็ดไม่มีการสังเคราะห์แสงเองได้แต่แสงมีความจาเป็น ต่อการทาให้ดอกเห็ดสมบูรณ์ หรือเพ่ือให้เห็ดออกดอกเร็วข้ึนเห็ดนางรมนางฟ้า เม่ือได้รับแสงจะปล่อยสปอร์ จากดอกเหด็ ได้ดี แตถ่ ้าไมไ่ ดร้ บั แสงกา้ นดอกจะยาวออก ดอกเลก็ และผลผลติ ตา่ 7.1.4 กำรให้นำ้ กองฟางเม่ือเพาะแลว้ แทบไม่ต้องรดนา้ อกี เพราะวันแรกที่ทา ความชนื้ จะมมี ากพอจนถงึ วันดอกเหด็ ออกหรอื ประมาณ 7-10 วนั การรดน้าเข้าไปในกองฟางโดยตรงในขณะท่ีเส้นใยเห็ดกาลังเจริญอยู่น้ันมีผลเสียมากกว่าผลดี หากฝน ตกจะเข้าในกองหรือน้าท่วมจนดินแฉะด้านล่างกองก็มีผลเสียเช่นกัน ในทางตรงกันข้าม ถ้ามีลมพัดจัดและริม กองแห้งเกินไป เห็ดก็จะไม่ออกเช่นกัน การรักษาความชื้นในกองให้พอดีจนเกิดดอกเห็ดนั้น เราจะใช้แผงจาก คลุมกองหรือใช้ผ้าพลาสติกคลุมก็ได้ แต่การคลุมกองแบบนี้จะต้องระมัดระวังไม่ให้ผ้าพลาสติกคลุมติดกอง โดยตรง เพาะเวลาแดดร้อนจัดไอน้าจะระเหยข้ึนมาแล้วควบแน่นเป็นหยดน้า หยดลงมา อาจทาให้บริเวณที่ หยดน้าไหลลงไปเปียกจนกระทั่งเห็ดไม่ออกดอกก็เป็นได้ ถ้าเห็นว่ากองที่คลุมด้วยผ้าพลาสติกนั้นเปียกมากไป อาจต้องเปิดผ้าพลาสติกออกสัก 2-3 ชั่วโมง แล้วค่อยคลุมลงไปใหม่อย่างเดิม กองใดที่ใช้อาหารเสริมมากอาจ ดูดนา้ มากกว่าธรรมดา จงึ ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษสาหรับนักเพาะเหด็ มืออาชีพ ไม่นิยมทาแผงคลุมกองต่อกอง แต่นิยมทาเป็นล็อคหรือเป็นจุดๆ ไปตั้งแต่ 8-12 แปลง การคลุมกองด้วยผ้าพลาสติกก็เช่นกันอาจคลุมพาด รวมกันตามขวางหลายกองต่อผ้าพลาสติกหน่ึงผืนก็ได้ หลังจากน้ันจึงใช้ฟางแห้งปิดทับเช้ือกันความร้อนจาก แสงแดดอีกชั้นหนึ่ง น้าท่ีใช้รดกองเห็ดเมื่อกองเห็ดแห้งนั้นจะต้องเป็นน้าท่ีสะอาดไม่มีสารเคมี ถ้าน้าเป็น น้าประปาก็ควรทิ้งไว้ประมาณ 2-3 วัน จนหมดคลอรีนก่อนนามาใช้ วิธีรดน้าให้แก่กองเห็ด เมื่อกองเห็ดแห้ง หนังสือประกอบกำรเรยี น วิชำ กำรเพำะเหด็ ฟำง (รหสั วิชำ อช 02006)
56 เกินไปเน่ืองจากความช่ืนไม่พอ หรือเพาะเห็ดมาแล้วหลายวันก็อาจใช้วิธีรดน้าลงไประหว่างร่องของแต่ละกอง โดยรอบ น้าจะซึมและระเหยข้ึนไปเองโดยไม่มีผลเสียต่อเห็ดอย่างท่ีรดลงในกองโดยตรง บางคนอาจทาแผง คลุมกองเป็นโครงไม้ไผ่โค้งปักไว้บนกองแล้วใช้ผ้าพลาสติกคลุมทับ วิธีนี้ท้ังผ้าพลาสติกและหยดน้าไม่มีโอกาส สมั ผัสกบั กองเหด็ โดยตรง หยดน้าจะรวมตัวไหลลงไปตามส่วนโค้งของผ้าพลาสติก แล้วไหลลงไปยังพื้นดินนอก กองถ้าดินและน้าเปรี้ยว(กรด) เห็ดฟางจะเกิดดอกได้น้อย การแก้กรดโดยการนาเศษฟางแห้งโรยบนกองเห็ด บางๆ รอบกองแลว้ จุดไฟเผาจากน้นั รดน้าดับไฟขีเ้ ถา้ เหลา่ นั้นเป็นด่างชว่ ยลดกรดลงได้ 7.1.5 กำรดูแลรักษำ เรมิ่ ต้ังแตก่ ารบม่ เช้อื การบังคับใหอ้ อกดอก การให้น้า และการเก็บดอก ข้อมูลท่ีจาเป็นต้องทราบ ไดแ้ กส่ ภาพแวดล้อมที่เหมาะสม เช่น ปริมาณก๊าซออกซิเจน และคาร์บอนไดออกไซด์ อุณหภูมิ ความช้ืนความ เปน็ กรดเปน็ ด่าง ในระยะความเจริญต่างๆของเหด็ แตล่ ะชนิด ซง่ึ นบั ว่าจาเปน็ ในการใหผ้ ลผลติ เป็นอยา่ งยง่ิ เน่ืองจากเห็ดเป็นพืชท่ีให้ผลตอบแทนต่อหน่วยสูงในระยะเวลาอันรวดเร็ว และชาวฟาร์มเห็ดจะ เน้นการผลิตเพียงอย่างเดียวการดูแลรักษาความสะอาดของฟาร์มจึงถูกละเลยก่อให้เกิดปัญหาการระบาดของ โรคแมลง ตลอดจนศตั รเู ห็ดชนดิ อนื่ ๆตามมา ผลผลิตที่ไดล้ ดลงจนถงึ ขนาดเก็บเห็ดไม่ได้ก็มี การบริหารศัตรูเห็ด จงึ มีความจาเป็นอยา่ งย่ิง การบริหารศัตรูเห็ดไม่ให้ระบาดกระทบต่อผลผลิตเห็ด อันจะทาให้ฟาร์มเห็ดได้รับความเสียหาย จาเป็นต้องควบคุมดูแลเอาใจใส่ท้ัง 5 ข้ันตอนเป็นพิเศษ ซ่ึงศัตรูที่เจ้าของฟาร์มเห็ดควรศึกษาให้รู้จักธรรมชาติ และลักษณะการระบาด เพอื่ ปอ้ งกนั ก่อนกอ่ ใหเ้ กิดความเสียหายกบั ฟารม์ ศัตรเู ห็ดแบ่งไดเ้ ปน็ 2 ประเภทคอื 1.แมลง-ศัตรูเห็ด 2.โรคเหด็ หนงั สอื ประกอบกำรเรยี น วิชำ กำรเพำะเห็ดฟำง (รหัสวิชำ อช 02006)
57 เร่ืองท่ี 7.2 กำรป้องกนั และกำรกำจดั ศัตรูของเห็ดฟำง 7.2.1 กำรกำจัดศัตรูของเห็ดฟำง 1. แมลงต่างๆ เช่น มด ปลวก ไรเห็ด แนะนาให้ใช้ปูนขาวโรยรอบบริเวณ หรือปลูกตะไคร้หอมไว้ โดยรอบ หรือใช้ นา้ หมกั ชีวภาพ สตู รไลแ่ มลง 2. เห็ดแทรกซ้อน คือเห็ดท่ีเราไม่ได้เพาะ แต่เกิดแทรกขึ้นมาเอง หรือเช้ือโรคอื่นๆ ที่เป็นศัตรูของเห็ด ฟาง เช่น พวกราต่าง ๆ แก้ไขได้ด้วยการเก็บฟางไว้ไม่ให้ถูกฝน หากมีราข้ึนให้หยิบฟางขยุ้มนั้นท้ิง หรือเผา ทาลายใหไ้ กลกองเพาะ 3. หลงั จากเกบ็ เห็ดฟางหมดแลว้ ควรเอากองเห็ดเก่าหลาย ๆ กอง มารวมกัน ทาเป็นกองใหม่ให้กว้าง ประมาณ 80 ซม. ทาเหมอื นการเพาะเห็ดกองสูง แล้วรดน้าพอชุ่มคลุมฟางได้สัก 6-8 วัน ก็จะเกิดดอกเห็ดฟาง ไดอ้ กี มากพอสมควร เก็บไดป้ ระมาณ 10-15 วนั จึงจะหมด วัสดุที่ใช้น้ี หลงั จากเพาะเห็ดฟางแล้ว สามารถนาไป เพาะเห็ดอยา่ งอน่ื ไดอ้ ีกด้วย โดยแทบไม่ต้องผสมอาหารเสริมอื่น ๆ ลงไปอีกเลย หรือจะใช้เป็น ปุ๋ยหมักสาหรับ ใสต่ ้นไม้ หรือพชื ผักก็ได้ แถมยังมีคุณสมบตั ิใกลเ้ คียงกับปยุ๋ อินทรยี ์ 4. เม่ือเกบ็ เหด็ ฟางหมดแล้ว สามารถนาฟางเก่ากองเพาะเหด็ ฟางน้ี ไปหมักเปน็ ปยุ๋ หมกั ใช้กบั พชื ผกั อ่นื ๆ ตอ่ ไปได้ หรือจะนาฟางทไี่ ดจ้ ากการเพาะเห็ดฟาง ไปเพาะเหด็ นางรม เห็ดเป๋าฮื้อ ต่อก็ได้ 7.2.2 หลักกำรบรหิ ำรโรคและแมลงศัตรเู หด็ 1. การผลิตเห็ดน้นั การรักษาความสะอาดอยา่ งถกู หลกั อนามยั และบรเิ วณรอบโรงเรอื นเป็นสงิ่ สาคัญ และจาเป็นอยา่ งยง่ิ ซึ่งอาจกระทาไดโ้ ดยการดูแลรักษาความสะอาดของผู้เข้าไปปฏิบัติงานหรือผู้เข้าไปเย่ียมชม อย่างเคร่งครัด หรือก่อนท่ีจะนาเอาถุงก้อนเห็ดเข้าโรงเรือนเพาะ ควรผ่านการฆ่าเชื้ออย่างถูกวิธีทุกครั้ง และ ก้อนเห็ดที่เน่าเสียทุกถุง ไม่ว่าจะเกิดจากสาเหตุอะไรควรนาออกไปทาลายโดยทันที ถ้าสามารถทาได้เช่นน้ี อย่างน้อยก็จะเป็นการหลีกเล่ียงหรือลดการเสี่ยงต่อการระบาดทาลายของโรค และแมลง-ศัตรูเห็ด ได้ มากกวา่ 90% 2. การพกั โรงเรือนหรอื ทาโรงเรือนเพาะให้ว่างเปล่าไว้สักระยะหนึ่ง จะเปน็ การตัดวงจรชวี ิตโรคและ แมลง-ศตั รูเห็ดชนดิ ตา่ งๆ ที่ระบาดสะสมอยใู่ นโรงเรือนได้ 3. การดูแลเอาใจใส่ หม่ันสังเกตในการเปลี่ยนแปลงของเห็ดที่เพาะไว้ทุกระยะอย่างละเอียดเท่าท่ีจะ ทาได้ การหม่ันเสาะแสวงหาความรู้และเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น การนาเอาเครื่องดักจับไฟฟ้าชนิดหลอด (Black Light) หรือกับดักกาวเหนียว (Sticky Trap) มาใช้ในโรงเรือนเพ่ือการควบคุมปริมาณตัวแก่ของแมลงศัตรูเห็ด กจ็ ะเป็นประโยชน์อยา่ งมาก 4. สาหรับผู้ท่ีกาลังจะคิดขยายกิจการเพาะเห็ดให้ใหญ่โตกว้างขวางขึ้นไป ก็ควรจะมีการวางแผนการ จัดการในระดับต่างๆให้ได้ก่อนลงมือดาเนินการเช่น มีการวางแผนล่างหน้าเกี่ยวกับสายพันธ์ุ การ อารกั ขาพืชและการตลาด เปน็ ต้น ซึ่งควรวางแผน 2 แบบ คอื แผนปฏบิ ตั กิ ารเมอื่ เหตุการณป์ กติและฉุกเฉิน หนงั สือประกอบกำรเรยี น วิชำ กำรเพำะเห็ดฟำง (รหัสวิชำ อช 02006)
58 กจิ กรรมทำ้ ยบทท่ี 7 1. ผูเ้ รียนจงบอกสาเหตุทที่ าให้เกิดศตั รูของการเพาะเหด็ ฟางมา 1 อย่าง พร้อมทง้ั อธิบายถึงสาเหตแุ ละ แนวทางการแกไ้ ขมาพอเขา้ ใจ ...................................................................................................................... ........................................................ ............................................................................................................................. ................................................. ....................................................................................................................................................... ....................... ............................................................................................................ .................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................................ .................................. ................................................................................................. ............................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................................................................. ............................................ ...................................................................................... ........................................................................................ ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. 2. ฟางทเ่ี หลือจากการเพาะเหด็ ฟางทเ่ี ชื้อหมดแล้วเราสามารถนาไปใช้ประโยชน์ได้หรอื ไม่จงอธิบาย ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ................................................................................................................................................................... ........... ........................................................................................................................ ...................................................... ............................................................................................................................. ................................................. ........................................................................................................................................................ ...................... ............................................................................................................. ................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................. ................................ .................................................................................................. ............................................................................ ............................................................................................................................. ................................................. ................................................................................................................................... ........................................... ........................................................................................ ...................................................................................... หนงั สือประกอบกำรเรียน วิชำ กำรเพำะเห็ดฟำง (รหสั วิชำ อช 02006)
59 บทที่ 8 กำรจดั กำรกำรตลำดและกำรทำบัญชี หนงั สือประกอบกำรเรียน วิชำ กำรเพำะเหด็ ฟำง (รหัสวิชำ อช 02006)
60 แผนกำรเรยี นรปู้ ระจำบท รำยวิชำ การเพาะเห็ดฟาง บทที่ 8 การจดั การการตลาดและการทาบัญชี สำระสำคัญ การตลาดเป็นกระบวนการทางสังคมท่ีมีการจัดการให้บุคคลหรือกลุ่มบุคคลได้รับสิ่งตองสนองความ จาเป็นและความต้องการ โดยอาศัยการสร้างผลิตภัณฑ์ท่ีมีคุณค่าแล้วนาไปแลกเปล่ียนกับบุคคล โดยเริ่มต้น จากการกาหนดคณุ ลักษณะของสินค้า สร้างจุดเด่นให้สินค้าให้คุณค่าอะไรแก่ผู้บริโภค จึงจะทาให้ผู้บริโภครู้สึก ว่าสินค้าท่ีเรานาเสนอใหก้ ับเขานัน้ คุ้มกบั ต้นทุนชีวติ ของเขา การประกอบอาชพี ทุกอาชีพไม่ว่าจะเป็นอาชีพการ เพาะเห็ดฟาง ควรมีการจัดทาบัญชีควบคุมรายรับ – รายจ่ายให้ชัดเจน เพื่อให้รู้ถึงหลักการบริหารจัดการใน อาชีพของตน ผลกำรเรยี นรู้ทค่ี ำดหวงั 1.1 อธิบายกระบวนการวิเคราะห์การตลาดเหด็ ฟางได้ 1.2 บอกช่องทางการจาหน่ายเห็ดฟางในรปู แบบทหี่ ลากหลายได้ 1.3 สามารถบรรจุหบี ห่อผลิตภณั ฑ์จากเหด็ ฟางได้ 1.4 สามารถกาหนดราคาขายสินค้าได้ 1.5 สามารถจดั ทาบัญชที รัพย์สินและบัญชีรายรับ-รายจ่าย ในการประกอบอาชพี เห็ดฟางหรืออาชีพ อ่ืนได้ ขอบขำ่ ยเน้ือหำ เรอื่ งที่ 8.1 การวเิ คราะห์การตลาด เรื่องท่ี 8.2 ช่องทางการจาหนา่ ย เรื่องท่ี 8.3 การขายและการส่งเสริมการขาย เรอ่ื งที่ 8.4 การบรรจุหบี ห่อ เรื่องที่ 8.5 การกาหนดราคาขาย เรื่องที่ 8.6 บญั ชีทรัพย์สนิ เรอ่ื งที่ 8.7 บัญชรี ายรับ-รายจา่ ย กิจกรรมกำรเรยี นรู้ 1. ศกึ ษาเอกสารการสอนในเร่อื งการจัดการตลาด 2. ปฏิบัตกิ ิจกรรมตามที่ได้รับมอบหมายในเอกสารการสอน สอ่ื กำรสอน 1. เอกสารการสอน ประเมนิ ผล 1. ประเมินผลกจิ กรรมท้ายบท หนังสอื ประกอบกำรเรยี น วิชำ กำรเพำะเห็ดฟำง (รหัสวิชำ อช 02006)
61 กำรจดั กำรตลำดเห็ดฟำง ควำมหมำยของกำรตลำด การตลาดได้พัฒนามาอย่างต่อเน่ืองเป็นระยะเวลายาวนานและมีผู้ให้ความหมายหรือนิยามของ การตลาดไว้เป็นจานวนมาก เช่น สมาคมการตลาดแห่งสหรัฐอเมริกา ( The American Marketing Association: AMA ให้นิยามคาว่าการตลาดไว้ดังนี้ “การตลาดหมายถึงกระบวนการวางแผนและบริหาร ในด้านแนวความคิด การกาหนดราคา การส่งเสริมการตลาด การจัดจาหน่ายสินค้าหรือบริการ เพื่อให้เกิด การแลกเปล่ียนสินค้าหรือบริการซ่ึงทาให้ผู้บริโภค ได้รับความสุขความพอใจและบรรลุวัตถุประสงค์ของ องค์กร” เรื่องที่ 8.1 กำรวิเครำะหก์ ำรตลำด เห็ดฟำงน้นั ผลิตภัณฑท์ ่นี ยิ มทำกนั มอี ยู่ 3 รปู แบบ คอื 1. จำหนำ่ ยเป็นเหด็ สด เห็ดฟางสดเป็นที่นยิ มกนั มากภายในประเทศแต่มักจะประสบปัญหาการขนส่งที่ต้องรักษาให้เห็ดยังสด อยู่เมื่อนาออกมาจาหน่ายและปัญหาดอกเห็ดในระยะท่ีอากาศร้อนอบอ้าวทาให้ราคาจาหน่ายท่ีได้รับลดลง การเกบ็ เห็ดเพ่ือจาหน่ายสดนี้เกษตรกรจะตอ้ งเก็บเหด็ ในตอนกลางคืนหรือเช้ามืด และส่งมาทันตลาดเมืองตอน เชา้ ใหท้ ันจาหน่าย ส่วนพอ่ ค้าเหด็ สดนิยมรกั ษาไวใ้ นห้องเย็นอุณหภูมิ 10-15 องศาเซลเซียส ซึ่งสามารถทาให้ เหด็ ชะงกั การเจรญิ เตบิ โตได้ภายใน 6-8 ช่ัวโมง หรือใช้วิธีง่ายๆคือการใสภ่ าชนะปากกวา้ ง เช่น ถาดบรรจุไม่ให้ แน่นเกินไป สาหรับการจาหน่ายเห็ดสดในตลาดต่างประเทศนั้น ลักษณะการส่งออกบรรจุในถาดโฟมหุ้มด้วย พลาสติก ส่งทางเคร่ืองบิน เมื่อถึงประเทศปลายทางก็พร้อมจะนาเข้าจาหน่ายตามซุปเปอร์มาเก็ตได้ทันที ปัจจุบันตลาดสาคัญของเห็ดสดหรือเห็ดแช่เย็นคือสหรัฐอเมริกาและซาอุดิอาระเบีย ซ่ึงมูลค่าการส่งออกไปยัง ท้ังสองประเทศน้ีคิดเป็นร้อยละ 72.5 ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมด ประเทศที่แนวโน้มนาเข้าเพ่ิมข้ึนคือลิเบีย สาหรับประเทศท่ีมีศักยภาพพอที่จะขยายส่งออกก็คือฮ่องกง ญ่ีปุ่น ออสเตรเลียและสิงค์โปร์ ซ่ึงประเทศ เหล่าน้เี คยนาเขา้ เหด็ สดแชเ่ ยน็ จากประเทศไทย แต่เป็นการนาเข้าที่ไม่สม่าเสมอ คาดหมายว่าถ้าประเทศไทย สามารถปรับปรุงให้ปริมาณผลผลิตในประเทศมีสม่าเสมอและคุณภาพอยู่ในระดับมาตรฐานแล้วโอกาสในการ ขยายตลาดยังมีมากมายพอสมควร 2. จำหน่ำยเป็นเหด็ แหง้ เห็ดฟางแห้งเป็นผลิตผลจากการแปรรูปเห็ดสดโดยอบในตู้อบหรือตากแดด ตลาดเห็ดฟางแห้งใน ประเทศไทย ไมน่ ยิ มแพร่หลายนกั เพราะเหด็ สดมีใหซ้ ้อื ได้ทกุ วันอยู่แล้วแต่สาหรับตลาดต่างประเทศ3ให้ความ สนใจเห็ดฟางแห้งมากเพราะเห็ดฟางแหง้ มีกลนิ่ ดีกวา่ นอกจากนีเ้ มอื่ นาเหด็ ฟางแห้งไปปรุงอาหารแล้วจะมีความ หนดื และกรอบคล้ายเห็ดโคน เห็ดฟางที่นามาทาแห้งควรเป็นดอกที่เพิ่งบานใหม่ ๆ จะทาให้สีและรสชาติดีกว่า ดอกตูมหรือดอกแก่จนครีบใต้ดอกเปลี่ยนเป็นสีน้าตาลแล้ว โดยปกติเห็ดสด 10-13 กิโลกรัมเพื่อทาให้แห้งจะ ได้เห็ด 1 กิโลกรัม ในโรงงานอุตสาหกรรมนิยมนาเห็ดสดไปอบอุณหภูมิประมาณ 40-50 องศาเซลเซียส จนกระท่ังดอกเหด็ แหง้ สนิทดีทาให้ดอกเห็ดเบา และกรอบเวลาในการอบแห้งประมาณ 18-24 ชว่ั โมง สาหรับ ตลาดของเหด็ ฟางต่างประเทศปริมาณและมูลค่าการส่งออกเห็ดแห้งมีแนวโน้มเพิ่มข้ึนมาก โดยตลาดประเทศ คูค่ ้าที่สาคัญคอื ฝร่ังเศส เยอรมนั ตะวันตก และสหรัฐอเมรกิ า การส่งออกไปทั้งสามประเทศเป็นร้อยละ 88-89 ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมดประเทศ คู่ค้าที่มีความสาคัญรองลงมา ได้แก่ ซาอุดิอาระเบีย ออสเตรีย ญี่ปุ่น แคนาดา และเนเธอร์แลนด์ การขยายตัวของการส่งออกเห็ดแห้งยังมีโอกาสขยายตัวได้อีกมาก ทั้งในประเทศ ค่คู า้ เดิมและตลาดใหม่ๆ ถ้าประเทศไทยได้ปรับปรุงให้คุณภาพและปริมาณผลผลิตสม่าเสมอและได้มาตรฐาน ตลาดใหม่ๆ ที่มีศักยภาพท่ีจะขยายตัว คือ ฮ่องกง ซ่ึงเคยนาเข้าจากไทยอยู่ระยะหนึ่ง แต่ภายหลังงดการ นาเขา้ ไปนอกจากนต้ี ลาดอ่ืน ๆ ได้แก่ ยโุ รปตะวันออกกลาง และเอเชีย โดยเฉพาะญ่ีปุ่น หนงั สอื ประกอบกำรเรยี น วิชำ กำรเพำะเห็ดฟำง (รหสั วิชำ อช 02006)
62 3. จำหนำ่ ยเป็นเหด็ กระป๋อง เหด็ ท่ีสง่ เขา้ โรงงานจะมีขนาดรูปร่างและสีสนั ตามมาตรฐานสากลท่ีใชเ้ ป็นบรรทดั ฐานในการรับซื้อ ดอกเห็ด และการตีราคาของโรงงานอุตสาหกรรมซึ่งจะกาหนดชนิดลักษณะสีสันคุณภาพขนาดและตาหนิไว้ อย่างละเอียด นอกจากนี้ยังมีการคิดค้นผลิตภัณฑ์ชนิดอ่ืนจากเห็ดฟางโดยนามาทากะปิเห็ด ซอสหรือน้าปลา เห็ดน้าพริกเผาและข้าวเกรียบเห็ด เป็นต้น ตลาดต่างประเทศสาหรับเห็ดฟางกระป๋องนั้นแต่เดิมการส่งออกมี เฉพาะซาอุดิอาระเบียและสหรัฐอเมริกาเท่าน้ันปัจจุบันตลาดขยายไปอย่างกว้างขวางโดยเฉพาะในตลาดยุโรป และเอเซียโดยประเทศที่คาดว่าจะเป็นลูกค้าประจาต่อไปได้ แก่บาห์เรน ออสเตรเลีย แคนาดา สวิสเซอร์แลนด์ และเนเธอร์แลนด์ นอกจากน้ีคาดว่าจะขยายตลาดไปในบางประเทศท่ีการนาเข้ายังไม่ สม่าเสมอ เช่น ฝร่ังเศสคูเวต ญี่ปุ่น ฮ่องกง เดนมาร์กและมาเลเซีย ปัญหาที่สาคัญคือวัตถุดิบมีไม่เพียงพอ และคุณภาพไม่ได้มาตรฐานตามท่ีต้องการกล่าวคือ เห็ดฟางกระป๋องที่ตลาดต้องการน้ันเป็นเห็ดที่หมวกสีดา ขนาดเล็กซ่ึงเป็นสายพันธุ์ของไต้หวันท่ีใช้เพาะในลักษณะเห็ดอุตสาหกรรม เน่ืองจากไต้หวันเป็นผู้บุกเบิก เห็ดฟางกระป๋องดังนน้ั ตลาดจงึ เคยชนิ กับเห็ดฟางกระป๋องในลักษณะนี้ หนงั สือประกอบกำรเรียน วิชำ กำรเพำะเหด็ ฟำง (รหัสวิชำ อช 02006)
63 เร่ืองท่ี 8.2 ช่องทำงกำรจำหน่ำย ช่องทางการจดั จาหนา่ ย หมายถึง กลไกทีเ่ ก่ียวข้องกับการทาใหส้ นิ คา้ เคลื่อนย้ายจากผผู้ ลิต ไปถงึ มือ ของผูบ้ รโิ ภค หลักเกณฑ์ของ ชอ่ งทางการจัดจาหน่ายต้องพิจารณา มดี งั น้ี ปัจจัยในการสนบั สนนุ การจาหนา่ ยเห็ดฟาง ไดแ้ ก่ - แหลง่ วตั ถุดิบ - ตลาดแหล่งจาหนา่ ย - การคมนาคมขนสง่ - ทตี่ ้ังโรงงาน ชอ่ งทางการจาหนา่ ย สามารถแบง่ ออกเปน็ 3 ช่องหลกั ๆ คือ 1. ตลำดทว่ั ไป 1.1 ตลาดทีม่ ขี นาดใหญ่ เชน่ ตลาดไท ตลาดสี่มมุ เมอื ง ขอ้ ดี ปริมาณการสง่ั ซอ้ื มาก เหมาะสาหรับฟาร์มเหด็ ขนาดใหญ่ ข้อเสีย ราคาตา่ หากฟารม์ ต้งั อยูห่ ่างจากตลาดเปน็ ระยะทางไกล ตอ้ งเพ่ิมความ ระมัดระวงั ในเรอ่ื งการขนส่ง และคณุ ภาพของสนิ ค้า 1.2 ตลาดท้องถ่นิ เชน่ ตลาดสดใกล้บ้าน รา้ นอาหาร ขอ้ ดี ระยะทางใกล้ ราคาไม่ตา่ จนเกินไปสามารถกาหนดราคาเองได้ คณุ ภาพของ เห็ดจะสด และอร่อยกวา่ ข้อเสยี ปริมาณการซื้อจะน้อย กวา่ ตลาดการคา้ สง่ ขนาดใหญ่ 1.3 พ่อคา้ คนกลาง ข้อดี ไม่ต้องทาการตลาดเอง ไมว่ นุ่ วาย ขอ้ เสีย ราคาลดลงเลก็ น้อยกว่าการขายเอง และต้องพ่ึงแต่พอ่ ค้าคนกลาง ถือเปน็ จุดเสีย 1.4 ห้างสรรพสนิ คา้ ขนาดใหญ่ ข้อดี เป็นฐานในการสรา้ งแบรนดท์ ด่ี ี เปรียบเสมอื นได้รับการยอมรับในเรอื่ ง คณุ ภาพจากลกู ค้ารายใหญ่ ขอ้ เสยี การผลติ ดา้ นการกาหนดขนาดดอกเหด็ ไม่เปน็ ไปตามที่ตอ้ งการ และปรมิ าณการ สั่งซือ้ ไม่มาก 2. ตลำดสถำบัน รา้ นอาหารเพ่ือสขุ ภาพ รา้ นอาหารท่มี ีช่ือเสยี ง โรพยาบาล บริษทั แปรรูปอาหาร หนว่ ยงานราชการ ขอ้ ดี การแขง่ ขันไมส่ งู มากนกั ราคาค่อนขา้ งดี ขอ้ เสยี ปรมิ าณการสัง่ ซื้อแต่ละคร้ังปานกลาง 3. ตลำดคำ้ ปลีก / แสดงสนิ ค้ำ ขอ้ ดี ผบู้ ริโภคตดิ ใจเพราะได้บริโภคเหด็ ท่สี ด และกรอบ ขอ้ เสีย ปริมาณการส่ังซื้อไมส่ งู มาก หนงั สอื ประกอบกำรเรยี น วิชำ กำรเพำะเหด็ ฟำง (รหัสวิชำ อช 02006)
64 เรือ่ งที่ 8.3 กำรขำยและกำรสง่ เสรมิ กำรขำย การขายเป็นหน้าที่หนึ่งของการตลาด เป็นหน้าที่ที่สาคัญในการก่อให้เกิดการเปล่ียนแปลงกรรมสิทธิ์ ในสินค้าหรือบริการจากผู้ขายหรือผู้ผลิต ไปยังผู้ซื้อหรือผู้บริโภค ทาให้กิจกรรมสามารถบรรลุวัตถุประสงค์ (ผลกาไร ) ท่ีต้งั ไว้ ควำมหมำยของกำรขำย การขาย คือกระบวนการในการชักจูง จูงใจ หรือกระตุ้นให้บุคคลท่ีคาดว่าจะเป็นลูกค้าเกิด ความต้องการหรอื ยอมรบั ในสนิ คา้ บรกิ าร หรอื ความคิดของตน โดยจะดาเนินการโดยบุคคลหรือไม่ก็ตาม แล้ว ส่งผลให้เกิดการซ้อื สนิ ค้าหรือบริการ หรือยอมรบั ในความคดิ นน้ั ๆ ผู้ขายก็จะได้รับผลประโยชนท์ างการค้า กำรส่งเสรมิ กำรขำยเหด็ ฟำง การส่งเสรมิ การขายเปน็ กิจกรรมทีก่ ระตนุ้ ยอดขายของสินคา้ หรือบริการ โดยการจัดกิจกรรม การตลาดและส่งเสริมการขายต่าง ๆ เช่น การเสนอของแถม การแสดงสินค้า และการจัดวางสินค้า การลด ราคา การตลาดทางไกล การตลาดทางไปรษณีย์ และวธิ กี ารอ่นื ๆ เพือ่ ชว่ ยกระต้นุ ยอดขาย วธิ กี ำรสง่ เสรมิ กำรขำย การส่งเสริมการขายด้านลดราคา ส่วนใหญ่เป็นการลดราคาสินค้า โดยอาจจะลดจากราคา ขายปกติ เชน่ การจัดโปรโมชน่ั ตา่ ง เป็นช่วงเวลา การลดราคา 25% ทุกวันศุกร์ หรือการเพ่ิมปริมาณสินค้า โดยขายราคาเทา่ เดมิ การสง่ เสริมการขายโดยการใหข้ องแถม เปน็ วธิ ีทีม่ ีใชก้ ันมาก โดยลกู ค้าจะไดร้ ับของแถมเมอื่ ซื้อครบตามท่ีกาหนด เช่น ซ้อื 5 กิโลกรัม แถมฟรี 1 กโิ ลกรมั การส่งเสรมิ การขายสาหรบั ลกู ค้าประจา หรอื การขายส่งที่มอี ัตราการซอ้ื ทีม่ ีจานวนมาก เป็น การกระตุน้ ใหล้ กู ค้าประจามาซ้อื สินคา้ หรือใช้บรกิ ารบ่อย ๆ เชน่ การลดราคา 10 % เปน็ ต้น หนังสือประกอบกำรเรยี น วิชำ กำรเพำะเห็ดฟำง (รหสั วิชำ อช 02006)
65 เรอื่ งที่ 8.4 กำรบรรจหุ บี ห่อ ควำมหมำยของบรรจภุ ัณฑห์ รือกำรบรรจุหีบห่อ บรรจุภัณฑ์หรือการบรรจุหีบห่อ หมายถึง ศาสตร์แลศิลป์ที่ใช้ในการบรรจุสินค้าโดยใช้ เทคโนโลยีที่ทันสมัยและมิตรกับส่ิงแวดล้อม เพ่ือการคุ้มครองปกป้องสินค้าจากผู้ผลิต จนถึงมือลูกค้าอย่าง ปลอดภัยดว้ ยตน้ ทนุ การผลติ ทีเ่ หมาะสม ควำมสำคัญของกำรบรรจภุ ัณฑ์เห็ดฟำง เหด็ ฟางเปน็ ผลิตผลทางดา้ นการเกษตรกรรมท่อี าจไดร้ บั ความเสียหายมากเนื่องจากสภาวะ ของอากาศการบรรจุหีบห่อ และการขนส่งท่ีไม่เหมาะสมการบรรจุภัณฑ์ที่ดีมีส่วนท่ีจะช่วยลดความเสียหาย เหล่าน้ันลงได้ซ่ึงเป็นการช่วยให้ผลผลิตดังกล่าวถึงมือผู้บริโภคในสภาพที่ดี และจะทาให้ขายได้ในราคาที่สูงอีก ดว้ ย จะเหน็ ไดว้ ่าการบรรจุภัณฑ์น้ันมีความสาคัญเป็นอย่างย่ิงต่อผลผลิต ซึ่งสามารถสรุปเป็นรายละเอียดเป็น ข้อ ๆ ได้ดงั น้ี 1. รักษาคุณภาพและปกป้องตัวสินค้า เร่ิมต้ังแต่การขนส่งการเก็บให้ ผลผลิตหรือผลิตภัณฑ์ เหล่าน้ันมิให้เสียหายจากการปนเปื้อนจากฝุ่นละออง แมลง คน ความช้ืน ความร้อน แสงแดด และการ ปนเปือ้ น เปน็ ต้น 2. ให้ความสะดวกในเร่ืองการขนส่ง การจัดเก็บ มีความรวดเร็วในการขนส่ง เพราะสามารถ รวมหน่วยของผลิตภัณฑ์เหล่าน้ันเป็นหน่วยเดียวได้ เช่น ผลไม้หลายผลนาลงบรรจุในลังเดียว หรือเคร่ืองด่ืมท่ี เปน็ ของเหลวสามารถนาบรรจลุ งในกระป๋องหรือขวดได้ เปน็ ต้น 3. ส่งเสริมทางดา้ นการตลาด บรรจุภัณฑเ์ พอ่ื การจดั จาหนา่ ยเป็นสิ่งแรกท่ีผู้บริโภคเห็นดังนั้น บรรจุภัณฑ์จะต้องทาหน้าท่ีบอกกล่าว ส่ิงต่าง ๆ ของตัวผลิตภัณฑ์โดยการบอกข้อมูลที่จาเป็นทั้งหมดของตัว สินค้าและนอกจากนั้นจะต้องมีรูปลักษณ์ท่ีสวยงามสะดุดตาเชิญชวนให้เกิดการตัดสินใจซ้ือ ซึ่งการทาหน้าที่ ดงั กลา่ ว ของบรรจุภณั ฑ์นนั้ เปน็ เสมอื นพนกั งานขายท่ีไรเ้ สียง โดยสรปุ แล้วความสาคญั ของบรรจุภัณฑ์จะมาจากสาเหตุ 4 ประการ อันประกอบดว้ ย - การรองรบั รวบรวม - การปกป้องคมุ้ ครอง - ความสะดวกสบายในการใช้สอยและการผลิต - การส่ือประชาสัมพันธ์ให้กบั ตวั ผลติ ภณั ฑ์ หนงั สอื ประกอบกำรเรียน วิชำ กำรเพำะเหด็ ฟำง (รหัสวิชำ อช 02006)
66 สิ่งท่ีกล่าวมา ท้งั 4 ประการนั้นเป็นลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ของการบรรจุภณั ฑ์ทจ่ี าเปน็ ประกอบเขา้ ดว้ ยกนั จงึ จะเป็นบรรจุภณั ฑท์ ่ดี ี ดังน้ันภาชนะบรรจุต่าง ๆ ทเี่ พิม่ องคป์ ระกอบดงั กล่าวครบกจ็ ะ กลายเป็นบรรจุภณั ฑ์ได้เหมือนกัน เชน่ การบรรจุภณั ฑเ์ ห็ดฟางแหง้ และเหด็ กระป๋อง / การบรรจุภณั ฑเ์ ห็ด ดองในขวดแกว้ และพลาสติก หนังสอื ประกอบกำรเรยี น วิชำ กำรเพำะเห็ดฟำง (รหสั วิชำ อช 02006)
67 เรือ่ งที่ 8.5 กำรกำหนดรำคำขำย กำรกำหนดรำคำขำย ราคา หมายถงึ มูลค่าของสินค้าหรือบรกิ ารทีแ่ สดงออกมาในรปู จานวนเงนิ หรือสือ่ กลางการ แลกเปลยี่ นกบั สินคา้ อีกชนดิ ได้โดยแสดงออกมาในรูปเชงิ ปรมิ าณ ปัจจยั ทคี่ วรคานึงในการกาหนดราคา 1. ปจั จัยภายใน ไดแ้ ก่ 1.1 วตั ถปุ ระสงค์ของผผู้ ลติ หรอื บรษิ ทั จะเป็นผู้กาหนดเป้าหมายและนโยบายในการ ดาเนินกิจการ แล้วจึงกาหนดราคาเพื่อให้สอดคลอ้ งกัน 1.2 ลกั ษณะและประเภทของสนิ ค้า (Character of Product) เชน่ สินคา้ เกษตรกรรมนอกฤดูจะขายราคาแพงกวา่ ปกติมาก 1.3 ต้นทนุ จะเป็นตวั กาหนดราคาขนั้ ตา่ สดุ 2. ปัจจยั ภายนอก ได้แก่ 2.1 คานงึ ถึงอปุ สงค์ (Demand ) ของตลาดว่ามีความต้องการเสนอซื้อสนิ คา้ มากเท่าใด และอปุ สงค์ของสนิ คา้ นนั้ มคี วามยึดหยุน่ ต่อราคาเป็นอย่างไร - สภาพเศรษฐกิจในปจั จบุ ัน - กฎหมายและรัฐบาล - จรรยาบรรณ ในการประกอบธุรกจิ - สภาพการแข่งขนั - พอ่ คา้ คนกลาง เปน็ ผู้กาหนดราคาขายเอง - ความต้องการของผ้บู รโิ ภค วิธีกำรข้นั พ้นื ฐำนในกำรตัง้ รำคำ วิธีการข้นั พ้นื ฐานในการตั้งราคา (Basic Methods of Setting Price) นิยมกันอยทู่ วั่ ไป 3 วิธีคอื 1. วธิ กี ารต้ังราคาโดยยึดตน้ ทุนเป็นเกณฑ์ 2. วธิ ีการตง้ั ราคาโดยยดึ ความต้องการของตลาดเปน็ เกณฑ์ 3. วิธกี ารต้ังราคาโดยยึดการแขง่ ขันเป็นเกณฑ์ วิธกี ำรต้งั รำคำโดยยึดต้นทนุ เปน็ เกณฑ์ ตั้งรำคำโดยคดิ ตน้ ทนุ บวกกำไร ราคาขายต่อหนว่ ย = ต้นทนุ ทง้ั หมด + กาไรทีต่ ้องการ วิธีน้จี ะใช้ได้ตอ้ งแนใ่ จวำ่ จำนวนผลติ ตอ้ งเท่ำกบั จำนวนจำหน่ำย ผู้ขำยจึงจะมกี ำไรตำมท่ี ตอ้ งกำร สำหรับพอ่ คำ้ คนกลำงอำจจะบวกกำไรกบั ตน้ ทุนไดห้ ลำยลักษณะ เชน่ (กำไร) ราคาขายต่อหน่วย = ตน้ ทุนตอ่ หนว่ ย + 10% ของราคาขาย ราคาขายต่อหนว่ ย = ตน้ ทนุ ตอ่ หน่วย + 10% ของราคาทนุ วธิ กี ำรตัง้ รำคำโดยยึดควำมต้องกำรของตลำดเป็นเกณฑ์กำรพจิ ำรณำตั้งรำคำโดยยึดควำมต้องกำร ของตลำดเป็นเกณฑ์นน้ั สำมำรถจำแนกได้เปน็ ลกั ษณะย่อย ๆ ดงั น้ี 1.1 การตงั้ ราคาในตลาดผูกขาด 1.2 การต้งั ราคาในตลาดที่มีการแข่งขนั อย่างสมบูรณ์ 1.3 การต้งั ราคาในตลาดทีม่ กี ารแขง่ ขันนอ้ ยราย หนงั สอื ประกอบกำรเรียน วิชำ กำรเพำะเหด็ ฟำง (รหสั วิชำ อช 02006)
68 ระดับราคาทเี่ หมาะสมของสนิ คา้ ในตลาด ทัง้ 3 ประเภทอาศยั แนวความคดิ เดยี วกัน คือผู้ผลิต ต้องพยายามผลิต และขายในปรมิ าณทีท่ าใหเ้ กิดกาไรสูงสุด โดยสรุปได้ว่าระดับราคาท่ีเหมาะสม อยู่ท่ีปริมาณ การผลิตที่ทาให้ต้นทุนเพิ่มเท่ากับรายได้ส่วนเพิ่ม แต่ราคาจะต่างกัน ตามลักษณะเส้นอุปสงค์ของตลาดแต่ละ ประเภท 1.4 การตง้ั ราคาในตลาดท่ีมคี วามแตกตา่ งกันในด้านความต้องการซง่ึ ระดับราคา จะแตกต่าง ตามกรณี เชน่ - ลกู ค้ามีมากกวา่ 1 กลุม่ และแตล่ ะกล่มุ มีความตอ้ งการสินคา้ แตกตา่ งกัน กลุ่มใด มีความ ตอ้ งการและความจาเปน็ มาก ราคาจะสงู กวา่ กลมุ่ อนื่ - ลกู คา้ แต่ละกลุ่มอย่หู ่างไกลกนั ทาใหต้ น้ ทุนคา่ ใชจ้ ่ายในการขนส่งเพม่ิ ขน้ึ ซ่งึ จะทาให้ราคา แตกตา่ งกนั ไปด้วย - ช่วงเวลาที่ขายแตกต่างกัน ระดบั ราคาทีจ่ าหน่ายในแต่ละชว่ งก็จะแตกต่างกัน วิธกี ำรตั้งรำคำโดยยึดกำรแขง่ ขันเป็นเกณฑ์ การต้ังราคาโดยมุ่งพิจารณาที่การแข่งขัน เป็นวิธีการที่นักการตลาดเห็นความสาคัญของคู่ แข่งขันมากกว่าความสาคัญของความต้องการของตลาดและต้นทุน ลักษณะราคาเช่นนี้อาจเกิดข้ึนในช่วงเวลา ใดเวลาหนึ่งเพื่อเอาชนะคู่แข่งขันระดับราคา ไม่จาเป็นต้องเท่าเทียมกับคู่แข่งขัน อาจสูงกว่าหรือต่ากว่าก็ได้ ตัวอย่างทเ่ี ห็นชดั เจนถงึ การตั้งราคาในลกั ษณะนี้ได้แก่ - การกาหนดราคาตามคแู่ ขง่ ขัน - การกาหนดราคาโดยย่ืนซองประมูล หนงั สือประกอบกำรเรียน วิชำ กำรเพำะเห็ดฟำง (รหสั วิชำ อช 02006)
69 เร่ืองที่ 8.6 บญั ชีทรพั ยส์ นิ ควำมหมำยของกำรบัญชี การทาบัญชี หมายถึง การจดบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับรายรับ รายจ่าย ต่าง ๆ ไว้อย่างเป็น หมวดหมู่โดยสามารถ นาข้อมูลที่บันทึกไว้มาสรุปผลและวิเคราะห์รายการท่ีเกิดข้ึน เพ่ือนามาใช้ประโยชน์ใน การตัดสินใจปรับปรุงแก้ไข ด้านการจัดการเงินได้ถูกต้องการบันทึกรายรับและรายจ่ายนับว่ามีความสาคัญ เนื่องจากเป็นแหล่งข้อมูลท่ีต้องการใช้ในการกาหนดรายได้-รายจ่าย การจัดทาแผนและงบประมาณ รวมถึง การกาหนดราคาขายด้วย กำรทำบัญชที รัพยส์ ิน การบันทึกทรัพย์สิน หนี้สิน เป็นการบันทึกรายการทรัพย์สินต่างๆ อุปกรณ์การเกษตรต่างๆ ปุ๋ย ปัจจัยการผลิตอ่ืนๆ จานวนผลผลิต ผลผลิตที่คงเหลือ ตลอดจนหนี้สินต่างๆ ท่ีเกิดขึ้นในการดาเนินการ ผลิตในการบันทึกทรพั ยส์ นิ – หน้ีสินต่างๆ เพอ่ื จะนาไปใช้ในการสรุปฐานะทางการเงินและเป็นข้อมูลท่ีจะใช้ใน การคานวณหารายได้สทุ ธติ อ่ ไป ทรัพย์สิน คอื อะไร ทรพั ย์สิน หมายถึง ส่ิงท่ีมีตัวตนและไม่มีตัวตนซ่ึงสามารถตีค่าเป็นตัวเงินได้ เช่น เงินสด และ ส่ิงของที่เรานามาลงทุน ซึ่งตีค่าเป็นตัวเงินหรืออาจจะซ้ือมาและจ้างทาข้ึนภายหลัง เช่น ท่ีดิน ตัวอาคาร รา้ นคา้ ตู้ โตะ๊ เก้าอี้ ทรพั ย์สินก็คือ ส่งิ ของทมี่ อี ยนู่ ่นั เอง หนสี้ นิ คืออะไร เมื่อไปซื้อของแต่ยังไม่ได้จ่ายเงินให้ร้านค้า ก็เป็นหนี้ร้านค้าหรือไปกู้ยืมเงิน ก็เป็นหนี้คนนั้น หรือกล่าวได้วา่ หนี้สินคือรายการท่ีจะตอ้ งจา่ ยภายหลงั แต่ยงั ไม่ได้จ่ายนนั่ เอง ทนุ คืออะไร ทุน คือ ทรัพย์สินส่วนท่ีเป็นตัวของตัวเองท่ีนามาใช้ในกิจการ ไม่รวมถึงทรัพย์สินท่ียังไม่มี กรรมสิทธิ์โดยสมบูรณ์ เช่น การกู้หรือการยืม ตัวอย่างเช่น นายมานะ มีที่ดิน 1 ไร่ ราคา 15 ,000 บาท นาที่ดิน 2 งาน มาเป็นโรงเพาะเห็ดฟาง (ที่ราคา = 7,500 บาท) นายมานะมีเงินสดส่วนตัวนามาลงทุน 2,000 บาท และกู้จากพ่ออีก 2,000 บาท นายมานะมีทรัพย์สินสาหรับกิจกรรม 11,500 บาท (7,500 + 2,000 + 2,000 ) แต่นายมานะมีสิทธิ์ในทุนเพียง 8,500 บาท (10,500 – 2,000 ) เพราะอีก 2,000 บาท ท่ีกพู้ ่อมาน้นั ต้องสง่ ใช้ภายหลัง ทรัพย์สนิ = หนสี้ นิ + ทุน ทุน = ทรัพยส์ ิน – หนีส้ ิน รำยได้ คอื อะไร ถ้าเราค้าขาย รายได้ ก็คือ เงินที่เราได้จากการขายสินค้าหรือบริการท่ีเราได้รับก็เป็นรายได้ ของเรา ค่ำใช้จ่ำย คอื อะไร ค่าใช้จ่าย คือ จานวนเงินหรือทรัพย์สินท่ีเราจ่ายให้ผู้อ่ืนเพ่ือประโยชน์ของกิจกรรม เช่น ซื้อสินค้าเข้าร้าน ค่าขนส่ง หรือค่ารถ ค่าจ้างที่เราจ่ายให้ลูกหนี้ ค่าน้า ค่าไฟ ค่าของใช้เบ็ดเตล็ดต่าง ๆ เราก็ ถอื เป็นคา่ ใช้จา่ ย หนังสอื ประกอบกำรเรยี น วิชำ กำรเพำะเห็ดฟำง (รหัสวิชำ อช 02006)
70 กำรจดบนั ทกึ กำรปฏบิ ัตงิ ำน นอกจากการบันทกึ ทรัพยส์ ินแล้วการจดบันทกึ การปฏิบตั งิ านก็ควรจดั ทาควบคู่กันไป เป็นการบนั ทึก ขอ้ มูลในด้านการผลิต ที่สาคัญได้แก่ 1. พันธุ์ บันทึก ชื่อพันธุ์ การคดั พนั ธ์ุ รวมถงึ รายละเอยี ดตา่ ง ๆทีเ่ กี่ยวขอ้ งเพอ่ื เปรยี บเทยี บ หาลักษณะ วิธีการที่เหมาะสมและให้ผลดีที่สุดในท้องถิ่นของตน วิธีการเก็บเก่ียว โรค แมลง ศัตรูพืชอื่น ๆ เพอื่ พิจารณาการปลูกคร้งั ตอ่ ไป 2. ความอุดมสมบูรณ์ของดิน เช่น ผลการทดสอบดิน รวมทั้งชนิดและปริมาณปุ๋ยที่ใช้ความ เป็นกรดเป็นด่าง ของดินเพ่ือป้องกันและหาวิธีการปรับปรุงรักษาดินให้สมบูรณ์และรักษาความสมดุลของธาตุ อาหารตลอดไป 3. ผลผลติ เปน็ รายงานปรมิ าณของผลผลิตทีส่ ง่ จาหน่ายท้ังตลาดบริโภคและส่งจาหน่ายตลาด อตุ สาหกรรมเพอ่ื เปน็ แนวในการวางแผนกาหนดจานวนและขนาดของพนื้ ที่ในการผลติ คร้ังต่อไปได้อย่างถกู ต้อง 4. สภาพแวดล้อมเป็นข้อมูลท่ัว ๆ ไปของสภาพแวดล้อมในการปลูกในขณะนั้นได้แก่ ปริมาณน้าฝน การกระจายตัวของฝน สภาพแสงอุณหภูมิสูงสุด ต่าสุด ทิศทางลม กระแสลม รวมถึงโรค – ศัตรูอื่นๆ มาตรการการป้องกันกาจัด ปริมาณผลผลิตท่ีได้คุ้มค่ากับการลงทุนหรือไม่ และเพื่อหาวิธีการ ปรบั ปรุงในการปลูกครง้ั ตอ่ ไป 5. การตลาด ถือเป็นหัวใจท่ีมีความสาคัญและจาเป็นมากท่ีผู้ผลิตควรรับทราบข้อมูลต่าง ๆ ที่เก่ียวข้องกับการตลาด เช่น แหล่งรับซื้อ พ่อค้าคนกลาง ความเคล่ือนไหวที่เก่ียวกับปริมาณและราคาของ ผลผลิตในแต่ละช่วงของปี การบันทึกข้อมูลดังกล่าวน้ีจะเป็นข้อมูลพ้ืนฐานอย่างหน่ึงท่ีจะช่วยในการตัดสินใจ เกี่ยวกับการจัดกระบวนการปลกู พืช การปรับปรุงดินบารุงดินต่าง ๆ ตลอดจนช่วงเวลาที่เหมาะสมในการท่ีจะ ปลกู พชื ในปีต่อไป ประโยชนข์ องกำรทำบัญชี 1. เพื่อควบคุมไม่ให้ทรัพย์สนิ ของกจิ กรรมรวั่ ไหล 2. เพื่อบันทึกเหตุการณ์ที่เก่ียวกับการเงินท่ีเกิดขึ้นในช่วงระยะเวลาหนึ่งตามลาดับ กอ่ น – หลงั 3. จากบญั ชีทบี่ ันทึกไว้ทาใหท้ ราบถึงกาไรขาดทุน ในการดาเนินงาน หนงั สอื ประกอบกำรเรียน วิชำ กำรเพำะเหด็ ฟำง (รหสั วิชำ อช 02006)
เร่ืองท่ี 8.7 กำรทำบัญชรี ำยรับ-รำยจ่ำย 71 ตวั อยำ่ งบัญชีรำยรบั – รำยจ่ำย จานวนเงิน บาท สต. บญั ชีรายรับ – รายจา่ ย การเพาะเห็ดฟาง 35 - 25 - วนั เดือนปี รายรบั จานวนเงิน รายรบั 10 - 1 ก.ย. 58 บาท สต. 2 ก.ย. 58 จาหน่ายเหด็ 10 กก. 200 - คา่ เช้อื เห็ด ก.ก.ละ 20 บาท คา่ ฟาง ค่าถุงบรรจุ รวมรบั 200 - รวมจา่ ย 75 - คงเหลอื เงนิ 125 - ขน้ั ตอนกำรจดั ทำรำยงำนทำงกำรเงนิ ไดด้ ังน้ี (1) รำยกำรค้ำหรือรำยกำรทำงบญั ชี - การซ้ือ-ขายสนิ คา้ - การใหบ้ ริการรับจ้างต่างๆ - การจ่ายค่าใช้จ่าย - การรบั -จ่ายชาระหน้ี ฯลฯ (2) เอกสำรทตี่ ้องใช้ประกอบกำรลงบญั ชี - ใบเสรจ็ รับเงนิ - ใบกากบั สนิ คา้ /ใบส่งของ - ใบสาคัญจ่าย - สญั ญาต่างๆ ฯลฯ วิธีกำรลงบญั ชี 1. ชอ่ ง “ วนั เดอื น ปี ” เขียนวนั ท่ี เดอื น ปี พ.ศ. ท่ีมีรายการรับเงิน และรายการจา่ ยเงิน 2. ช่อง “ รายรบั ” เปน็ รายรับจากการประกอบอาชพี 3. ช่อง “ รายจา่ ย” เปน็ รายจา่ ยในการประกอบอาชีพ หนงั สือประกอบกำรเรียน วิชำ กำรเพำะเหด็ ฟำง (รหสั วิชำ อช 02006)
72 กจิ กรรมท้ำยบทท่ี 8 กำรจัดกำรกำรตลำดและกำรทำบญั ชี กจิ กรรมท่ี 1 1. ใหอ้ ธิบายข้ันตอนการวิเคราะหก์ ารตลาดเห็ดฟางมาใหเ้ ขา้ ใจ ................................................................................................. ............................................................................ ............................................................................................................... .............................................................. ............................................................................................................... .............................................................. ....................................................................................... ...................................................................................... ............................................................................................................... .............................................................. ............................................................................................................... .............................................................. 2. ใหอ้ ธบิ ายและยกตวั อย่างช่องทางการจาหนา่ ยเห็ดฟางมาให้เขา้ ใจ ............................................................................................................... .............................................................. ..................................................................................................... ........................................................................ ............................................................................................................... .............................................................. ............................................................................................................... .............................................................. ........................................................................................... .................................................................................. ............................................................................................................... .............................................................. ............................................................................................................... .............................................................. ............................................................................................................................................................................. 3. ใหอ้ ธิบายขั้นตอนการกาหนดราคาขายมาให้เขา้ ใจ ............................................................................................................... .............................................................. ............................................................................................................... .............................................................. ............................................................................................................... .............................................................. .............................................................................................................. ............................................................... ............................................................................................................... .............................................................. ............................................................................................................... .............................................................. .................................................................................................... ......................................................................... ............................................................................................................... .............................................................. 4. ใหอ้ ธิบายความหมายของ “บัญชีทรพั ยส์ ิน”มาให้เข้าใจ ............................................................................................................... .............................................................. ............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................... .............................................................. ............................................................................................................... .............................................................. ............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................... .............................................................. ............................................................................................................... .............................................................. ............................................................................................................... .............................................................. หนังสือประกอบกำรเรยี น วิชำ กำรเพำะเหด็ ฟำง (รหสั วิชำ อช 02006)
73 กิจกรรมท่ี 2 ให้ผ้เู รยี นฝกึ ทาบญั ชี รายรบั – รายจ่าย โดยรวบรวมขอ้ มูลรายรับ – รายจา่ ยประจาวันของ ตนเอง ภายใน 1 สปั ดาห์ และกาหนดส่งครูภายในสปั ดาห์ต่อไป สมดุ บนั ทกึ รำยรับ – รำยจ่ำย วนั ท่ี................................ถึงวันท่.ี .......................................... วันเดือนปี รายรับ จานวนเงิน รายรับ จานวนเงนิ บาท สต. บาท สต. คงเหลือเงิน หนังสือประกอบกำรเรยี น วิชำ กำรเพำะเห็ดฟำง (รหสั วิชำ อช 02006)
74 บทที่ 9 กำรอนรุ กั ษ์ทรัพยำกรธรรมชำตแิ ละส่ิงแวดลอ้ ม --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- หนงั สือประกอบกำรเรียน วิชำ กำรเพำะเห็ดฟำง (รหสั วิชำ อช 02006)
75 แผนกำรเรียนร้ปู ระจำบท รำยวชิ ำ การเพาะเห็ดฟาง บทท่ี 9 การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอ้ ม สำระสำคญั แนวคิดและทฤษฎีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในโครงการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดาริ นัน้ ยงั คานึงถงึ ความสอดคล้องเกอื้ กูลกนั ระหวา่ งการพฒั นาและการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อย่างเคร่งครัดมาโดยตลอด ความเข้าใจถ่องแท้ถึงธรรมชาติและสภาวะตามธรรมชาติตลอดจนความสัมพันธ์ ระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติของพระองค์น้ัน ทาให้เกิดแนวคิดและทฤษฎีเก่ียวกับการอนุรักษ์ ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดล้อมหลากหลาย ไมว่ า่ จะเป็นเรื่องของทรพั ยากรป่าไม้และเร่ืองของการอนุรักษ์ สภาพแวดล้อมในด้านต่างๆ ซึ่งในส่วนแรกน้ี ตัวอย่างท่ีพอจะแสดงให้เห็นเป็นสังเขป คือความสาคัญของ ทรัพยากรธรรมชาติการใช้ทรัพยากรธรรมชาติในระดับท้องถ่ินประเทศและโลกนาความรู้ไปใช้ในการอนุรักษ์ ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดลอ้ มในท้องถนิ่ อยา่ งย่ังยนื ผลกำรเรียนรู้ที่คำดหวงั 1. เพอ่ื ใหผ้ เู้ รยี นสามารถอธบิ ายวิธกี ารอนุรกั ษ์ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดลอ้ มได้ ขอบขำ่ ยเนื้อหำ เรอ่ื งท่ี 9.1 การอนรุ ักษ์ทรพั ยากรธรรมชาติและสง่ิ แวดล้อม กจิ กรรมกำรเรยี นรู้ 1. ศึกษาเอกสารการสอนบทท่ี 9 2. ปฏบิ ัติกิจกรรมตามที่ได้รับมอบหมายในเอกสารการสอน สอ่ื ประกอบกำรเรยี นรู้ 1. หนงั สือวชิ าการเพาะเหด็ ฟาง 2. กิจกรรมทา้ ยบทที่ 9 ประเมินผล 1. ประเมนิ ผลจากกจิ กรรมท้ายบทที่ 9 หนงั สอื ประกอบกำรเรยี น วิชำ กำรเพำะเห็ดฟำง (รหัสวิชำ อช 02006)
76 เร่อื งที่ 9.1 กำรอนุรักษท์ รพั ยำกรธรรมชำตแิ ละสงิ่ แวดลอ้ ม ควำมหมำยของสิ่งแวดล้อม สง่ิ แวดลอ้ ม หมายถึงสรรพสงิ่ ตา่ งๆหรือ ทกุ สิง่ ทกุ อยา่ งท่อี ยรู่ อบตวั ท้งั ท่ีเป็นสิ่งมีชีวิตและไม่มีชีวิต ท้ังที่ เกิดข้ึนเองตามธรรมชาติและสิ่งท่ีมนุษย์สร้างข้ึน ประกอบด้วยส่ิงที่เป็นรูปธรรมและนามธรรม มีความสัมพันธ์ ซงึ่ กนั และกนั อย่างแนบแน่นและเป็นประโยชน์ตอ่ การดารงชวี ิตของมนษุ ย์ ประเภทของสิง่ แวดล้อม มี 2 ประเภท ใหญๆ่ คือ 1. สง่ิ แวดลอ้ มทำงธรรมชำติ (Natural Environment) เปน็ สงิ่ ทเ่ี กดิ ขึน้ เองตามธรรมชาติ เช่น ดิน น้า อากาศ ป่าไม้ สัตว์ป่า ฯลฯ ส่ิงแวดล้อมประเภทนี้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติอาจใช้เวลาเร็วหรือช้าเพียงใด ข้ึนอยู่กับชนิดและประเภท ดังนั้นส่ิงแวดล้อมทางธรรมชาติสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ 1) สิ่งมีชีวิต (Biotic Environment) เป็นส่ิงท่ีเกิดขึ้นโดยธรรมชาติ มีลักษณะและคุณสมบัติ เฉพาะตัวของส่ิงมีชีวิต เช่น พืช สัตว์และมนุษย์เราอาจจะเรียกว่าส่ิงแวดล้อมทางชีวภาพ (Biological Environment) ก็ได้ 2) ส่ิงไม่มีชีวิต (Abiotic Environment) เป็นส่ิงที่เกิดข้ึนตามธรรมชาติท่ีไม่มีชีวิต อาจจะ มองเห็นหรือไม่ก็ได้ เช่น ดิน น้า ก๊าซ อากาศ ควัน แร่ธาตุ เมฆ รังสีความร้อน เสียง ฯลฯ เราอาจเรียกว่า สิง่ แวดลอ้ มทางกายภาพ (Physical Environment) ได้เช่นกัน 2. สิ่งแวดลอ้ มท่ีมนษุ ยส์ รำ้ งขึ้น (Man-Make Environment) เป็นส่ิงที่มนุษย์ใช้ความรู้ความสามารถ ท่ีได้รับการส่ังสอน สบื ทอด และพัฒนากันมาตลอด ซึง่ ได้แบง่ ไว้ 2 ประเภทคือ 1) ส่ิงแวดล้อมทำงวัตถุ หรือสิ่งแวดล้อมที่สามารถมองเห็นได้ เช่น บ้านเรือน เคร่ืองบิน โทรทัศน์ ฯลฯ สิ่งเหล่าน้ีสร้างข้ึนเพ่ืออานวยความสะดวก หรือตอบสนองความต้องการในการดารงชีวิต บางอยา่ งอาจมีความจาเป็น แตบ่ างอยา่ งเปน็ เพียงสง่ิ ฟมุ่ เฟือย 2) สง่ิ แวดล้อมทำงสังคม หรอื สง่ิ แวดลอ้ มทเี่ ปน็ นามธรรม (Social Environment) เป็นสิ่งท่ี มนุษย์สร้างขึน้ เพ่ือความเปน็ ระเบียบสาหรับอย่รู ว่ มกนั อยา่ งมคี วามสุข สง่ิ แวดล้อมทางสงั คมได้แก่ ระบอบการ ปกครอง การศึกษา ศาสนา อาชพี กฎหมาย ความเชอ่ื เจตคติ ขนบธรรมเนยี มประเพณี ระเบียบข้อบังคับ ฯลฯ สง่ิ แวดลอ้ มทมี่ องไม่เหน็ จะแสดงออกมาในรปู พฤติกรรม หนังสือประกอบกำรเรียน วิชำ กำรเพำะเห็ดฟำง (รหสั วิชำ อช 02006)
77 ควำมหมำยทรัพยำกรธรรมชำติ ทรัพยากรธรรมชาติ (Natural Resources) หมายถงึ ส่ิงที่เกิดขน้ึ เองตามธรรมชาติ มนุษย์สามารถ นามาใชป้ ระโยชน์เพื่อการดารงชีวติ ได้โดยอาศยั การดัดแปลง แปรรูป หรือการเปลย่ี นแปลงให้เหมาะสมตาม ความตอ้ งการของมนุษย์ เช่น พืช ดิน นา้ แรธ่ าตตุ า่ งๆเปน็ ต้น ประเภทของทรพั ยำกรธรรมชำติ ทรัพยากรธรรมชาติแบง่ ออกไดเ้ ป็น 2 ประเภท คอื 1. ทรพั ยำกรธรรมชำติที่ใช้แล้วหมดไป (Nonrenewable Resources) เป็นทรัพยากรท่ีเม่ือนาไปใช้ แล้วจะต้องสิ้นเปลืองและหมดไปในท่ีสุด ทรัพยากรประเภทน้ีมีอยู่อย่างจากัด การเกิดข้ึนทดแทนต้องอาศัย เวลานานไม่สามารถเกิดขนึ้ ทดแทนได้พอกับความต้องการใช้งาน ดังน้ันจึงพบว่าทรัพยากรประเภทน้ีบางชนิด อาจหมดไปจากโลกในช่วงเวลาอีกไม่นานนัก ทรัพยากรธรรมชาติท่ีใช้แล้วหมดไปสามารถแบ่งได้เป็น 2 กลุ่ม ดงั น้ี 1.1 ทรพั ยากรธรรมชาตทิ ่ีเกิดขึ้นใหม่ ทดแทน หรือรักษาให้คงอยู่ได้ เป็นทรัพยากรท่ีนาไปใช้ ประโยชน์แล้วสามารถรักษาหรือเกิดขึ้นทดแทนได้หากมีการจัดการแนวทางการใช้ประโยชน์อย่างเหมาะสม จะทาใหท้ รพั ยากรมีเพียงพอใช้ได้ตลอดไป เช่น ดิน ปา่ ไม้และสตั ว์ปา่ ชนดิ ต่างๆ 1.2 ทรัพยากรธรรมชาติที่ไม่สามารถสร้างเสริมหรือทดแทนได้เป็นทรัพยากรท่ีนาไปใช้ ประโยชน์แล้วหมดส้ินไปโดยไม่สามารถสร้างข้ึนใหม่หรือช่วยทดแทนให้เหมือนเดิมได้ เช่น แร่ธาตุต่างๆ ปโิ ตรเลยี ม เป็นตน้ 2. ทรัพยำกรธรรมชำติที่สำมำรถทดแทนใหม่ได้ (Renewable Resources) เป็นทรัพยากรท่ี สามารถเกิดขึ้นมาใหม่ ทดแทนได้โดยไม่หมดสิ้นไป สามารถนามาใช้ประโยชน์ได้ตลอด เช่น น้าอากาศ แสงแดด เป็นต้น แต่ทรัพยากรธรรมชาติบางชนิดหากไม่มีการจัดการท่ีเหมาะสมแล้วจะทาให้เกิดโทษหรือ ส่งผลเสียต่อส่ิงมีชีวิตได้ เช่น การปนเปื้อนสารพิษในแหล่งน้า การเกิดแก๊สและฝุ่นละอองในอากาศ เป็นต้น กล่าวโดยรวมทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อมจะมีความสาพันธ์กันท้ังทางตรงและทางอ้อม โดย ทรัพยากรธรรมชาติจะเป็นองค์ประกอบส่วนหนึ่งของส่ิงแวดล้อม หรือเป็นสิ่งแวดล้อมที่สามารถเกิดข้ึนเองได้ ตามธรรมชาติ ซึ่งหากมีการใช้งานไม่ถูกต้องเหมาะสมแล้วทรัพยากรธรรมชาติเหล่านั้นก็ย่อมหมดส้ินไปได้ ทาให้สิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อมเกิดการเปลี่ยนแปลงซ่ึงจะนาไปสู่ผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของมนุษย์ใน ท่สี ุด ควำมสมั พันธร์ ะหว่ำงสิง่ มชี ีวิตกับสิ่งแวดล้อม ส่ิงแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติมีความสัมพันธ์เก่ียวข้องกับการดารงชีวิตของสิ่งมีชีวิตทุกชนิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านความเป็นอยู่ของมนุษย์ โดยมนุษย์จะนาสิ่งแวดล้อมรวมถึงทรัพยากรท่ีมีอยู่ใน ธรรมชาตมิ าใชป้ ระโยชน์เพอ่ื เปน็ ปัจจัยสาหรบั การดารงชวี ติ เชน่ อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ยารักษาโรค และสร้างที่ อยอู่ าศัยหรืออาจเรียกได้ว่าการดารงชีวิตของมนษุ ยเ์ ป็นการดารงชวี ิตแบบพงึ่ พาส่ิงแวดล้อม นอกจากการใช้เพื่อปัจจัยสาหรับการดารงชีวิตมนุษย์ยังมีการใช้ทรัพยากรเพื่อตอบสนองต่อความ ต้องการในด้านต่าง ๆ มากมาย ต้ังแต่การใช้ประโยชน์ทางการเกษตร อุตสาหกรรม และพาณิชยกรรม ในระยะเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมา เป็นช่วงระยะเวลาท่ีมีการพัฒนาด้านเศรษฐกิจและสังคมเพ่ิมสูงมากขึ้น อย่างไม่มีส้ินสุด และหากไม่มีระบบการจัดการที่ดี ต้ังแต่การรักษา อนุรักษ์ และทดแทน ก็ย่อมส่งผลให้เกิด ปัญหารุนแรงด้านสง่ิ แวดลอ้ มในบางส่วนของโลกได้ ปัญหาด้านส่ิงแวดล้อมดังกล่าวนี้ จะมีลักษณะคล้ายคลึงกันทั้งในประเทศที่พัฒนาแล้วและที่กาลัง พัฒนา เช่น ปัญหาด้านภาวะมลพิษที่เก่ียวกับน้า ปัญหาทรัพยากรธรรมชาติท่ีเสื่อมสลายและหมดส้ินไป หนังสือประกอบกำรเรียน วิชำ กำรเพำะเหด็ ฟำง (รหัสวิชำ อช 02006)
78 อย่างรวดเร็ว เช่น น้ามัน แร่ธาตุ ป่าไม้ พืช และสัตว์ ปัญหาเก่ียวกับการต้ังถ่ินฐานและชุมชนของมนุษย์ เช่น การวางผังเมืองและชุมชนอย่างไม่เหมาะสม ทาให้เกิดความแออัดยัดเหยียด การใช้ทรัพยากรผิดประเภทและ ลักษณะปัญหาแหล่งทรัพยากรเสื่อมโทรม ตลอดจนปัญหาจากของเหลือท้ิง อันได้แก่ ขยะมูลฝอย พลาสติก และวัสดุเหลอื ใช้ต่างๆ เปน็ ตน้ กำรอนรุ กั ษท์ รัพยำกรธรรมชำติและส่งิ แวดลอ้ ม การอนุรกั ษท์ รพั ยากรธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดล้อม หมายถึง การใช้ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อยา่ งฉลาด โดยใช้ใหน้ อ้ ย เพอื่ ให้เกดิ ประโยชนส์ ูงสุด โดยคานึงถึงระยะเวลาในการใชใ้ ห้ยาวนาน และก่อให้เกิด ผลเสียหายต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด รวมท้ังต้องมีการกระจายการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างทั่วถึง อย่างไรก็ ตาม ในสภาพปัจจุบันทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมีความเสื่อมโทรมมากขึ้น ดังน้ันการอนุรักษ์ ทรพั ยากรธรรมชาติและสง่ิ แวดล้อมจึงมคี วามหมายรวมไปถึงการพฒั นาคุณภาพสงิ่ แวดล้อมด้วย กำรอนุรักษ์ทรัพยำกรธรรมชำติและสิ่งแวดล้อมสำมำรถกระทำได้หลำยวิธี ทั้งทำงตรงและ ทำงออ้ ม ดงั นี้ 1. กำรอนุรักษ์ทรัพยำกรธรรมชำติและส่ิงแวดล้อมโดยทำงตรง ซ่ึงปฏิบัติได้ในระดับบุคคล องคก์ ร และระดับประเทศ ทสี่ ำคญั คือ 1) การใช้อย่างประหยัด คือ การใช้เท่าท่ีมีความจาเป็น เพื่อให้มีทรัพยากรไว้ใช้ได้นานและ เกดิ ประโยชน์อยา่ งคุ้มค่ามากท่สี ุด 2) การนา้ กลบั มาใช้ซา้ อีก ส่ิงของบางอยา่ งเม่อื มีการใช้แล้วครั้งหนง่ึ สามารถท่ีจะนามาใช้ซ้า ไดอ้ กี เช่น ถุงพลาสติก กระดาษ เป็นต้น หรือสามารถท่ีจะนามาใช้ได้ใหม่โดยผ่านกระบวนการต่างๆ เช่น การ นากระดาษที่ใช้แล้วไปผ่านกระบวนการต่างๆ เพ่ือทาเป็นกระดาษแข็ง เป็นต้น ซ่ึงเป็นการลดปริมาณการใช้ ทรพั ยากรและการทาลายสงิ่ แวดล้อมได้ 3) การบูรณะซ่อมแซม สิ่งของบางอย่างเมื่อใช้เป็นเวลานานอาจเกิดการชารุดได้ เพราะฉะนน้ั ถา้ มีการบรู ณะซอ่ มแซม ทาให้สามารถยืดอายกุ ารใช้งานตอ่ ไปได้อกี 4) การบ้าบดั และการฟน้ื ฟู เปน็ วิธีการท่จี ะช่วยลดความเสอ่ื มโทรมของทรัพยากรดว้ ยการ บาบัดก่อน เช่น การบาบดั น้าเสยี จากบ้านเรอื นหรือโรงงานอตุ สาหกรรม เปน็ ตน้ กอ่ นที่จะปล่อยลงสู่แหลง่ น้า สาธารณะ ส่วนการฟื้นฟเู ปน็ การรื้อฟน้ื ธรรมชาตใิ หก้ ลบั สู่สภาพเดมิ เช่น การปลกู ป่าชายเลน เพื่อฟนื้ ฟูความ สมดลุ ของปา่ ชายเลนให้กลบั มาอุดมสมบูรณ์ เปน็ ต้น 5) การใชส้ ิ่งอนื่ ทดแทน เป็นวธิ ีการที่จะชว่ ยใหม้ กี ารใช้ทรัพยากรธรรมชาติน้อยลง และ ไมท่ าลายสงิ่ แวดล้อม เช่น การใช้ถุงผา้ แทนถุงพลาสติก การใชใ้ บตองแทนโฟม การใชพ้ ลงั งานแสงแดดแทนแร่ เชอ้ื เพลิง การใช้ป๋ยุ ชีวภาพแทนปุย๋ เคมี เปน็ ตน้ 6) การเฝา้ ระวังดูแลและป้องกัน เปน็ วธิ ีการท่ีจะไม่ใหท้ รัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ถูกทาลาย เช่น การเฝ้าระวงั การทงิ้ ขยะ สง่ิ ปฏิกูลลงแม่นา้ คคู ลอง การจัดทาแนวป้องกันไฟปา่ เป็นต้น 2. กำรอนุรักษ์ทรัพยำกรธรรมชำติและส่ิงแวดล้อมโดยทำงอ้อม สำมำรถทำได้หลำยวิธี ดังนี้ 1) กา รพัฒนา คุณภ า พประช าชน โ ดยสนับสนุนการศึกษาด้านการอนุรักษ์ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมท่ีถูกต้องตามหลักวิชา ซึ่งสามารถทาได้ทุกระดับอายุ ท้ังในระบบโรงเรียน และสถาบันการศึกษาต่างๆ และนอกระบบโรงเรียนผ่านสื่อสารมวลชนต่างๆ เพื่อให้ประชาชนเกิดความ ตระหนักถึงความสาคัญและความจาเป็นในการอนุรักษ์ เกิดความรักความหวงแหน และให้ความร่วมมืออย่าง จริงจัง หนงั สอื ประกอบกำรเรยี น วิชำ กำรเพำะเหด็ ฟำง (รหัสวิชำ อช 02006)
79 2) การใชม้ าตรการทางสังคมและกฎหมาย การจัดตั้งกลุ่ม ชุมชน ชมรม สมาคม เพื่อการ อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อมต่างๆ ตลอดจนการให้ความร่วมมือท้ังทางด้านพลังกาย พลังใจ พลังความคิด ด้วยจิตสานึกในความมีคุณค่าของส่ิงแวดล้อมและทรัพยากรท่ีมีต่อตัวเรา เช่น กลุ่มชมรมอนุรักษ์ ทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อมของนักเรียน นักศึกษา ในโรงเรียนและสถาบันการศึกษาต่างๆ มูลนิธิ คุ้มครองสัตว์ป่าและพรรณพืชแห่งประเทศไทย มูลนิธิสืบ นาคะเสถียร มูลนิธิโลกสีเขียว เป็นต้ น 3) ส่งเสรมิ ใหป้ ระชาชนในทอ้ งถิ่นได้มีส่วนรว่ มในการอนรุ กั ษ์ ชว่ ยกนั ดแู ลรักษาให้คงสภาพ เดิม ไม่ให้เกิดความเสื่อมโทรม เพ่ือประโยชน์ในการดารงชีวิตในท้องถิ่นของตน การประสานงานเพ่ือสร้าง ความรคู้ วามเขา้ ใจ และความตระหนกั ระหว่างหน่วยงานของรัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกับประชาชน ให้มี บทบาทหน้าที่ในการปกป้อง คุ้มครอง ฟื้นฟูการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด 4) ส่งเสริมการศึกษาวิจัย ค้นหาวิธีการและพัฒนาเทคโนโลยี มาใช้ในการจัดการกับ ทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อมให้เกิดประโยชน์สูงสุด เช่น การใช้ความรู้ทางเทคโนโลยีสารสนเทศมา จัดการวางแผนพัฒนา การพัฒนาอุปกรณ์เคร่ืองมือเคร่ืองใช้ให้มีการประหยัดพลังงานมากข้ึน การค้นคว้าวิจัย วิธีการจดั การ การปรบั ปรุง พฒั นาส่งิ แวดล้อมให้มปี ระสทิ ธิภาพและยั่งยนื เป็นต้น 5) การก้าหนดนโยบายและวางแนวทางของรัฐบาล ในการอนุรักษ์และพัฒนาสิ่งแวดล้อม ทั้งในระยะส้ันและระยะยาว เพื่อเป็นหลักการให้หน่วยงานและเจ้าหน้าท่ีของรัฐที่เกี่ยวข้องยึดถือและนาไป ปฏบิ ตั ิ รวมทง้ั การเผยแพรข่ า่ วสารด้านการอนรุ กั ษท์ รัพยากรธรรมชาตแิ ละส่งิ แวดลอ้ มทางตรงและทางอ้อม หนังสือประกอบกำรเรยี น วิชำ กำรเพำะเห็ดฟำง (รหสั วิชำ อช 02006)
80 กิจกรรมท้ำยบทที่ 9 ใหผ้ ้เู รยี นออกแบบแผนผงั (Mind map) ประเภทของสิ่งแวดล้อมและวาดภาพประกอบให้สวยงาม พรอ้ มสรุป สรปุ ประเภทของสิ่งแวดล้อม ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………….……………………………………………………………………………… …………………………………………….……………………………………………………………………………………………………………………… หนงั สอื ประกอบกำรเรียน วิชำ กำรเพำะเหด็ ฟำง (รหสั วิชำ อช 02006)
81 ให้ผู้เรียนอธิบำยควำมหมำยและยกตวั อย่ำงประกอบในหัวข้อต่อไปน้ี 1. ทรพั ยากรธรรมชาติทีใ่ ช้แลว้ หมดไป (Nonrenewable Resources) ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. ทรัพยากรธรรมชาติทสี่ ามารถทดแทนใหม่ได้ (Renewable Resources) ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ให้ผู้เรียนตอบคำถำมต่อไปน้ใี ห้ได้ใจควำมทีถ่ กู ต้อง 1. สงิ่ แวดล้อมหมายถึงอะไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. สงิ่ แวดล้อมแบง่ ออกเป็นกี่ประเภท อะไรบา้ ง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. ทรพั ยากรธรรมชาติหมายถึงอะไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 4. ทรพั ยากรธรรมชาตแิ บ่งออกเป็นกป่ี ระเภท อะไรบ้าง พร้อมยกตัวอย่าง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. 5. อธิบายความสาคัญของส่งิ มีชีวติ กบั ส่งิ แวดลอ้ มว่ามีความสัมพันธ์อยา่ งไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… หนงั สือประกอบกำรเรียน วิชำ กำรเพำะเหด็ ฟำง (รหสั วิชำ อช 02006)
82 แบบทดสอบกอ่ น - หลงั เรยี น บทท่ี 9 กำรอนุรกั ษ์ทรัพยำกรธรรมชำติและสิ่งแวดล้อม คาชี้แจง 1. ให้ตอบคาถามทุกขอ้ ลงในกระดาษคาตอบ โดยทาเครอ่ื งหมายกากบาท (X) ลงในช่องคาตอบที่เลือก ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..…. ตอนที่ 1 ให้ผู้เรยี นเลือกคาตอบท่ีถูกทส่ี ุดเพยี ง 1 ขอ้ แลว้ กากบาท (X) ลงในกระดาษคาตอบ 1. ในชีวติ ของผู้เรียนมคี วามเก่ยี วพนั กับทรัพยากรธรรมชาตสิ น้ิ เปลืองมากกวา่ หรือน้อยกวา่ ทรัพยากรธรรมชาติ หมนุ เวยี น 1. หมุนเวียนมากกว่าส้ินเปลอื ง 2. ส้ินเปลืองมากกวา่ หมนุ เวยี น 3. หมุนเวียนเทา่ กบั สิน้ เปลอื ง 4. แลว้ แตว่ ยั และอาชีพของคน 2. ข้อใดคือทรัพยากรธรรมชาติทใี่ ชแ้ ล้วหมดไป 1. ป่าไม้ 2. อากาศ 3. แสงอาทิตย์ 4. ก๊าซธรรมชาติ 3. ขอ้ ใดคือทรัพยากรธรรมชาติทใี่ ช้แลว้ สามารถนากลับมาใช้ได้อกี 1. ป่าไม้ 2. อากาศ 3. แสงอาทติ ย์ 4. ก๊าซธรรมชาติ 4. ขอ้ ใดคือทรัพยากรธรรมชาตทิ ่ใี ช้แล้วไมห่ มดแตจ่ ะมีการแปรสภาพ 1. ดนิ 2. ป่าไม้ 3. แสงอาทิตย์ 4. กา๊ ซธรรมชาติ 5. การอนุรักษท์ รัพยากรป่าไมผ้ เู้ รยี นมีแนวคิดว่ารัฐบาลควรมมี าตรการในเรือ่ งน้ีอย่างไรบ้าง 1. ถอนสัมปทานการทาปา่ ไม้ให้หมด 2. ดแู ลการตัดไมแ้ ละปลูกป่าทดแทนใหเ้ ปน็ ไปอยา่ งสมดุล 3. หา้ มสรา้ งเข่ือนเกบ็ นา้ เพราะตอ้ งตัดไม้ในบริเวณนา้ ท่วม 4. หา้ มการทาเหมืองแร่ในบริเวณปา่ สงวน 6. วธิ กี ารอนรุ ักษ์สัตว์ปา่ ข้อใดเหมาะสมกับผู้เรียนมากทส่ี ดุ 1. นาสัตวป์ ่าเลีย้ งในบา้ น 3. ไมซ่ อื้ และเลกิ บริโภคเนื้อสัตว์ทกุ ชนดิ 3. รว่ มรณรงคต์ ัดไม้ทาลายและล่าสัตวป์ ่า 4. แจง้ เจา้ หนา้ ท่ดี าเนินการกับผคู้ า้ สัตว์ป่า 7. ข้อใดไม่ใช่สาเหตทุ ที่ าใหส้ ตั ว์ป่าสูญพันธุ์ 1. การลา่ สัตว์ปา่ เปน็ อาหารของมนุษย์ 2. การลา่ กนั เองของสัตวป์ ่าเพื่อเปน็ อาหาร 3. ความแปรปรวนอย่างกะทันหันของสภาพภูมิประเทศ 4. ความแปรปรวนอย่างกะทันหนั ของภมู ิอากาศ 8. ในประเทศท่ีกาลังพัฒนาสาเหตทุ ท่ี าให้เกดิ ความหายนะจากภัยธรรมชาติมักเปน็ ไปอย่างรุนแรง ท้งั นีเ้ ปน็ เพราะเหตุใด 1. ไม่มกี ารเตรียมการปอ้ งกนั ทีด่ ี 2. ใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างไม่มแี บบแผน 3. ประชากรยากจนและด้อยการศึกษา 4. ประเทศเหลา่ นั้นอยู่ในเขตทีม่ ภี ัยธรรมชาติเกดิ ข้ึนอย่างรุนแรง หนังสอื ประกอบกำรเรียน วิชำ กำรเพำะเห็ดฟำง (รหสั วิชำ อช 02006)
83 9. ขอ้ ใดเป็นการพัฒนาแหลง่ นา้ 1. สรา้ งอ่างกักเก็บน้าฝน 2. นาน้าเสยี ไปใช้ประโยชนท์ างการเกษตร 3. อบรมชุมชนใหร้ วู้ ิธปี อ้ งกนั และกาจัดนา้ เสีย 4. สารวจแหลง่ น้าดีและหาวิธขี ุดเจาะเอานา้ ใตด้ นิ มาใชป้ ระโยชน์. 10. ปญั หาการกดั เซาะผิวดนิ ควรปอ้ งกนั อย่างไร 1. ปลูกพชื สวน 2. ปลูกพืชคลมุ ดิน 3. ปลูกพชื หมนุ เวียน 4. ปลกู พชื สลบั แนว หนังสอื ประกอบกำรเรยี น วิชำ กำรเพำะเหด็ ฟำง (รหสั วิชำ อช 02006)
84 เฉลยคำตอบ แบบทดสอบก่อน - หลงั เรียน บทท่ี 9 กำรอนุรกั ษ์ทรพั ยำกรธรรมชำตแิ ละส่งิ แวดล้อม ข้อ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 1 XX X 2 X X XX X 3X 4X หนงั สอื ประกอบกำรเรียน วิชำ กำรเพำะเหด็ ฟำง (รหสั วิชำ อช 02006)
85 บทท่ี10 คุณธรรมในกำรประกอบอำชีพและปัญหำ อปุ สรรค ในกำรประกอบอำชีพ --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- หนังสอื ประกอบกำรเรียน วิชำ กำรเพำะเหด็ ฟำง (รหัสวิชำ อช 02006)
86 แผนกำรเรยี นรปู้ ระจำบท รำยวิชำ การเพาะเห็ดฟาง บทท่ี 10 คณุ ธรรมในกำรประกอบอำชีพ สำระสำคญั จริยธรรมเป็นมาตรฐานความประพฤติของมนุษย์จะเกิดข้ึนได้ต้องอาศัยความสัมพันธ์ระหว่างจรรยา คือความประพฤติ และธรรม คือเครื่องรักษาความประพฤติ การประกอบอาชีพใด ๆ ก็ตามผู้ประกอบอาชีพ จะต้องคานึกถึงผลกระทบต่อสังคมภายนอกเสมอ ท้ังน้ีก็คือจะต้องไม่ใช้ความรู้ความสามารถในทางท่ีผิด หาก ประกอบอาชีพโดยไร้จริยธรรมผลเสียหายจะตกอยู่กับสังคมและประเทศชาติ ฉะนั้นจริยธรรมจึงมีบทบาท สาคัญอยา่ งยิง่ ท่ีจะลดปญั หาท่อี าจจะเกดิ ข้นึ ได้ ตลอดจนถงึ การการแก้ไขปัญหา อุปสรรคในการประกอบอาชีพ ไดอ้ ย่างรอบคอบ ผลกำรเรยี นรทู้ คี่ ำดหวงั 1. เพ่อื ให้ผเู้ รียนสามารถอธิบายคณุ ธรรมในการประกอบอาชีพได้ 2. เพอ่ื ใหผ้ เู้ รียนสามารถอธิบายปญั หา อุปสรรค ในการประกอบอาชีพการเพาะเหด็ ฟาง ด้าน กระบวนการผลติ และการตลาด ได้ ขอบข่ำยเนอ้ื หำ เรอ่ื งท่ี 10.1 ความรับผดิ ชอบในการประกอบอาชีพ เรอ่ื งท่ี 10.2 ความซ่อื สัตยส์ ุจรติ ในการประกอบอาชีพ เรอ่ื งท่ี 10.3 ความขยันอดทนในการประกอบอาชีพ เรอ่ื งท่ี 10.4 ปญั หาดา้ นกระบวนการผลิต เรื่องท่ี 10.5 ปัญหาด้านการตลาด กิจกรรมกำรเรียนรู้ 1. ศึกษาเอกสารการสอนบทท่ี 10 2. ปฏิบัตติ ามกิจกรรมท่ีไดร้ บั มอบหมาย สอื่ ประกอบกำรเรียนรู้ 1. เอกสารการสอนบทท่ี 10 2. ภูมปิ ญั ญาในชมุ ชน หนงั สอื ประกอบกำรเรียน วิชำ กำรเพำะเห็ดฟำง (รหสั วิชำ อช 02006)
87 เรอ่ื งที่ 10.1 ควำมรับผิดชอบของผู้ประกอบอำชีพ ควำมหมำย ความรับผิดชอบ (Accountability) หมายถึง ความสามารถในการแสดงออกถึงความเก่ียวข้องของ ตนเองตามบทบาทหนา้ ทขี่ องตน ในกรณที เี่ กิดปัญหาหรือความผดิ พลาดขน้ึ แล้วต้องกาหนดแนวทางการแก้ไขปญั หาโดยไม่ปดั ภาระให้ ผ้อู ื่นหรือหน่วยงานอ่ืน ความแตกตา่ ง ระหวา่ ง บทบาท หนา้ ท่ี และ ความรบั ผิดชอบ ความรับผิดชอบ (Accountability) เปน็ คณุ สมบตั ิท่ีเชื่อถือได้ของบคุ คลในการปฏิบัตงิ านและหน้าท่ที ่ี ไดร้ ับหมอบหมายใหด้ ีทีส่ ุดตามความสามารถของตน อาจทาตามคาสัง่ กฎหมาย หรอื ความรสู้ ึกสานึกดีของ บคุ คลก็ได้ บทบาท (Role) หมายถงึ การกระทาตามหนา้ ที่ท่ีบคุ คลได้รบั มอบหมายให้กระทา หนา้ ท่ี (Duty) หมายถึง ภารกิจทต่ี อ้ งทาตามกฎหมาย หรือข้อตกลงขององคก์ รวชิ าชพี วชิ าชีพ (Profession) หมายถงึ การประกอบอาชีพเตม็ เวลา ตอ้ งใชก้ ารศึกษาและประสบการณ์ใน ระดับสงู ซ่ึงมคี ่าตอบแทนในวชิ าชีพ ดังน้นั ผปู้ ระกอบวชิ าชีพจะต้องมีความรู้ ทกั ษะในการประกอบอาชพี นน้ั ๆ ต้องได้รบั การฝึกอบรม หรือการศึกษาตรงตามสาขาวชิ าชีพ ควำมรบั ผิดชอบในวิชำชพี ความสามารถในการแสดงออกบทบาทหน้าที่ของตน ยดึ มั่นหมน่ั ในกฎเกณฑ์ของการประกอบวชิ าชพี ปฏิบตั ิงานและใหบ้ ริการด้วยจติ สานึกในวชิ าชพี สามารถแกไ้ ขปัญหาทเ่ี กิดขน้ึ ด้วยตนเอง รับทั้งผิดและชอบ คุณธรรมและจรยิ ธรรมในกำรประกอบอำชพี การมคี ุณธรรมและจริยธรรมในการทางานเป็นอย่างมีจิตสานกึ ถกู วิธี เป็นขั้นต้อนมปี ระสทิ ธิภาพ และ เปน็ ทยี่ อมรบั ของผู้อืน่ ในสังคม ซง่ึ มีองค์ประกอบสาคัญ ดังนี้ 1) มคี วามซื่อสตั ย์ ในการทางานเราจะต้องมีความซ่ือสัตย์ต่อหนา้ ทแี่ ละงานทเี่ ราไดร้ บั มอบหมาย ปฏิบัติงานดว้ ยความจรงิ ใจ และไม่คดโกงหรือหลอกลวงผูอ้ ่ืน เราจึงจะไดร้ ับความไวว้ างใจจากผู้รว่ มงาน 2) มคี วามเสยี สละ ในการทางานรว่ มกับผู้อื่น เราจะต้องเหน็ แกป่ ระโยชนส์ ว่ นรวมมากกว่าประโยชน์ ส่วนตน ไมเ่ หน็ แก่ตัว รจู้ กั การใหแ้ ละการแบง่ บนั ช่วยคนอ่ืนโดยไมห่ วงั ผลตอบแทน 3) มีความยุตธิ รรม ในการทางานเราจะต้องไมล่ าเอียงหรือถือส่ิงใดสิง่ หนึ่งตามที่เราเชื่อต้อมีความเปน็ กลาง ยึดถือความถกู ต้องเปน็ หลัก ไมม่ ีอคติกบั เร่ืองตา่ งๆ ทไี่ ดย้ ินหรือรบั ฟงั จึงจะต้องท่ีน่านับถอื ของผรู้ ่วมงาน 4) มคี วามประหยดั ในการทางานเราต้องรู้จักอดออม ไมฟ่ ุ่มเฟือย ต้องคานงึ ถึงความคุ้มคา่ ในการใช้ ทรัพยากร โดยการนาสงิ่ ท่เี หลอื ใช้หรอื ส่งิ ท่ีไม่มีประโยชนแ์ ล้วมาดดั แปลงซ่อมแซม และแกไ้ ข เพื่อการทาสง่ิ ท่ี ไมม่ ีคุณค่าให้มีคุณคา่ มากข้นึ 5) มคี วามขยันและอดทน ในการทางานเราจะต้องมีความมุ่งมั่นต่องานที่เรารับมอบหมาย เพ่ืองานนัน้ บรรลุเป้าหมาย ตามที่ไดต้ ่งั ไว้ เมอ่ื พบปญั หาหรืออุปสรรคในการทางานใหน้ าปญั หาหรืออปุ สรรคนัน้ มา ปรับปรงุ และแกไ้ ขใหด้ ยี ิ่งขึ้น 6) มคี วามรับผิดชอบ ในการทางานเราจะต้องมีความรับผิดชอบตอ่ งานทไี่ ดร้ ับมอบหมายผ้รู ่วมงาน ลกู ค้า สงั คม และส่ิงแวดล้อม โดยใชว้ ตั ถดุ บิ ทีม่ ีคุณภาพมาผลติ สนิ คา้ รว่ มทัง้ ไม่ทาลายทรพั ยากร ธรรมชาติ และส่งิ แวดล้อม 7) มคี วามตรงต่อเวลา เป็นวินยั พ้นื ฐานในการทางาน มีความตรงตอ่ เวลา ไมม่ าทางานสายและตอ้ งสง่ หนงั สอื ประกอบกำรเรียน วิชำ กำรเพำะเหด็ ฟำง (รหัสวิชำ อช 02006)
88 งานทไ่ี ดร้ บั มอบหมายตามกาหนด เพราะถา้ เราไมส่ ่งงานตามกาหนดทาให้ผทู้ ่ีทางานต่อจากเราไดร้ ับ ผลกระทบ และทาใหง้ านนน้ั ไม่สาเรจ็ ตามเป้าหมายทีว่ างไว้ สรา้ งความเสยี หายต่อองค์กร 8) มกี ารประกอบอาชพี ท่สี ุจริต ในการทางานเราจะต้องเลือกประกอบอาชีพท่ีสจุ ริตไม่ทาใหผ้ ู้อื่นไม่ เดอื ดรอ้ น ไม่เปน็ ภยั ต่อสังคม ซึง่ สงั คม ซึ่งสงั คมท่ยี อมรับอาชีพนนั้ เปน็ อาชพี ทสี่ ุจรติ และคนท่วั ไปเลือกทจี่ ะ ประกอบอาชีพน้ัน จงึ เรยี กได้ว่าเรามกี ารเลือกประกอบอาชีพที่สจุ ริต หนงั สอื ประกอบกำรเรยี น วิชำ กำรเพำะเหด็ ฟำง (รหสั วิชำ อช 02006)
89 เรอ่ื งที่ 10.2 ควำมซอ่ื สตั ย์ สุจริต ของผปู้ ระกอบอำชพี มีควำมซ่ือสัตย์สุจริต ความซ่ือสัตย์สุจริตเป็นมูลท่ีจะถางทางไปสู่คุณธรรมข้ออ่ืน ๆ ความซื่อสัตย์ สจุ รติ น้ันตอ้ งประกอบดว้ ยกาย วาจา และใจ ผู้ที่มีความซ่ือสัตย์สุจริตย่อมเป็นท่ีเช่ือถือของคนท่ัวไป เป็นส่ิง สาคัญยิง่ ในการทางาน และการประกอบอาชีพทุกอาชีพ มีควำมขยันหม่ันเพียร ความขยันหม่ันเพียรเป็นคุณธรรมสาคัญในการกระทากิจการงาน ท้ังปวงให้ ประสบความสาเร็จ ผู้ที่ตั้งม่ันอยู่ในความขยันหมั่นเพียรย่อมแสวงหาความรู้ใส่ตนอยู่เสมอ ประกอบกิจการ งานใด ๆ ก็ไม่ยอ่ ทอ้ ตอ่ อปุ สรรคและความยากลาบาก กิจการงานต่าง ๆ ย่อมสาเร็จลุล่วงไปด้วยดี บุคคลใดมี ความขยันหม่ันเพยี รก็ย่อมมคี วามเจริญในชีวติ หนว่ ยงานใด สังคมใดมีคนท่ีขยันหมั่นเพียรมาก ๆ หน่วยงาน น้ัน สังคมนัน้ ก็คงจะมแี ตค่ วามกา้ วหน้าม่นั คง มีควำมเมตตำกรุณำ ความเมตตากรุณาเป็นคุณธรรมที่อยู่ใน “พรหมวิหารธรรมส่ี” อันเป็นธรรม ของผู้ท่ีเป็นใหญ่หรือหัวหน้าและบุคคลทั่วไป หากโลกมนุษย์อยู่ร่วมกันโดยใช้หลักเมตตาธรรม เชื่อว่ามนุษย์ และสรรพสัตว์ทั้งหลายย่อมอยู่ร่วมกันด้วยความสงบสุข ดังคากล่าวที่ว่า “เมตตาธรรมค้าจุนโลก” มคี วำมกตญั ญกู ตเวที ผ้ทู ่ีมคี วามกตญั ญกู ตเวทีย่อมเป็นที่ยกยอ่ งสรรเสริญของเทวดา และมนุษย์ ผู้ที่ ยึดม่ันปฏิบัติเป็นนิจย่อมมีความเจริญในชีวิต ได้ช่ือว่า เป็นคนดี ดังคากล่าวที่ว่า “ความกตัญญู เป็น เคร่ืองหมายของคนด”ี ความซ่ือสัตย์สุจริต สาหรับผู้ประกอบการท่ีเก่ียวข้องกับการดาเนินกิจการงานอาชีพ ต่างๆ กระบวนการบริการจะต้องติดต่อกับผู้รับบริการกลุ่มเป้าหมายโดยตรง และถือว่าเป็นรับบริการคน สุดท้ายถ้าหากขาดจริยธรรมแล้ว จะส่งผลกระทบโดยตรงแม้กระทั่งการใช้เล่ห์เหลี่ยมเพ่ือท่ีจะให้ได้ ผลตอบแทนท่ีสูง เช่น การดัดแปลงเคร่ืองชั่ง ตวง วัดน้าหนัก การปลอมปนสินค้าเพื่อจาหน่าย การลด ปริมาณสินค้าลงบางส่วนหรือฉวยโอกาสกักตุนสินค้าเพ่ือจาหน่ายในราคาสูงกว่าเดิมในภาวะขาดแคลน ทาให้ ผู้รบั บริการเสียโอกาสหรือผลกระทบจากความซ่อื สัตย์สุจริต จะส่งผลเสียหายในระยะยาวตามมาเรื่องช่ือเสียง ในท่สี ดุ เปน็ อปุ สรรคสาหรับความเจริญรงุ่ เรืองของกจิ การในอนาคต ผู้ประกอบการจะต้องตระหนักในเร่ืองของ ความซ่อื สัตยส์ ุจริตมากที่สดุ เพราะกจิ การมีความซอ่ื สตั ยส์ ุจริตจะเกิดความไว้วางใจจากลูกค้ารวมท้ังผู้ท่ีมีส่วน เกี่ยวข้องกับการดาเนินกิจการ และจะเป็นพื้นฐานของอนาคตด้านความก้าวหน้าของกิจการ หากไม่มีความ ซอ่ื สัตยส์ ุจรติ จะเปน็ พืน้ ฐานของจริยธรรมดา้ นลบตามมาของผปู้ ระกอบการเองดว้ ย ดังนัน้ ผปู้ ระกอบการท่ตี ้องการความก้าวหน้าเจริญรุง่ เรอื งของตนเองและส่งผลให้เกิดเป็นภาพลักษณ์ ท่ีดีสาหรับทายาทในอนาคตจะต้องยึดหลักการข้อนี้ไว้เป็นคุณธรรมประจาใจ ดังคากล่าวที่ว่า “ซือ่ กนิ ไมห่ มด คดกนิ ไมน่ าน” หรือไมจ่ ะเปน็ ด้านวตั ถุดิบในการผลิตไม่ควรมองข้ามเรื่อง คุณภาพและปริมาณ ที่เหมาะสมและได้สดั ส่วน หนงั สอื ประกอบกำรเรยี น วิชำ กำรเพำะเห็ดฟำง (รหัสวิชำ อช 02006)
90 เรอ่ื งที่ 10.3 ควำมขยนั อดทน ของผ้ปู ระกอบอำชีพ \"ควำมขยัน\" หรือความเพียรในตัวบุคคลน้ัน เป็นรากฐานของการแสดงออกถึงการ \"ใช้สติปัญญา ปัญญาในบริบทท่ีมีการเสาะหาเหตุผล ความขยันในระดับสูงสุด คือ ความขยันข้ันอุดม หรือระดับของ \"ความอุตสาหะ\" ..และเป็นรากของคาว่า \"อตุ สาหกรรม” ซง่ึ ในความเปน็ จรงิ แลว้ อุตสาหการ, อุตสาหกรรม จะ มีประเภทที่ใช้ทักษะฝีมือมนุษย์ล้วน ๆ รวมอยู่ด้วย แต่ดูเหมือนสังคมไทยปัจจุบันน้ีเลือกจะเข้าใจคานี้ไปโดย ปราศจากมิติของมนุษย์ ซ่งึ น่สี ะท้อนไปถึงมิตทิ างมานษุ ยวิทยา, สงั คมวิทยา อย่างมนี ยั ยะสาคัญ ความอดทน คือ การห้ามจิตใจ เมื่อได้พบกับเหตุการณ์อันจะก่อให้เกิดเร่ือง หรือแสดงกิริยาที่ไม่ดี ออกมา ต้องมีความอดทน ไม่หุนหันพลันแล่น เช่น อดทนต่อความยากลาบากในขณะที่ทาการงาน ไม่เห็นแก่ ความหนาว ความรอ้ น เช้าสายบา่ ยค่า อดทนต่อความเจบ็ ไข้ไดป้ ว่ ย ไม่ทุรนทุรายจนเกินไป และอดทนต่อความ เจ็บใจในเม่ือคนอืน่ ทาส่งิ ท่ีไม่นา่ พอใจให้แกต่ น ไม่ดว่ นโกรธ ขันตธิ รรม คอื ควำมอดทน ท่ำนจำแนกไว้ 3 ประกำร คือ ประการท่ี 1 อดทนต่อความยากลาบาก หมายความว่า อดทนต่อทุกขเวทนาท่ีเกิดจากความเจ็บไข้ได้ ป่วย เพราะทุกชีวิตท่ีเกิดมาแล้ว ย่อมไม่พ้นจากความแก่ ความเจ็บ และความตายไปได้ จาต้องประสบพบกับ บุคคลทุกประเภท ไมว่ ่าจะยากจน หรอื ร่ารวยกต็ าม ลว้ นแล้วแต่ไดพ้ บด้วยกนั ท้งั นน้ั ประการท่ี 2 อดทนต่อความตรากตรา หมายความว่า อดทนต่อความทุกข์ยากจากการทางาน เพราะ คนทุกคนจะสามารถดารงชีวิตอยู่ได้ ก็เพราะอาศัยอาหาร เคร่ืองนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย และยารักษาโรค ซ่ึงบุคคล จะได้ส่ิงเหล่านี้มาเป็นเครื่องเลี้ยงชีวิต ก็จะต้องขยันประกอบอาชีพการงาน แต่ถ้าบุคคลเป็นผู้เกียจคร้าน ไม่ ประกอบการงาน ก็จะมีความเป็นอยู่อย่างลาบาก หากมีความขยันหม่ันเพียร ไม่เกียจคร้านแล้ว ก็จะหาทรัพย์ ได้ ดั่งพทุ ธพจนท์ ่ีว่า บุคคลผู้มีหนา้ ท่ี หมนั่ ขยันทาสมควร ยอ่ มหาทรพั ย์ได\"้ เมื่อมีหน้าท่ีการงานแล้ว ควรเป็นผู้ขยันหม่ันเพียร ทาให้เหมาะสมกับหน้าท่ี ไม่ทอดทิ้งการงานท่ีได้รับ มอบหมาย แตค่ วรเพียรพยายามทาให้เต็มกาลังความสามารถและสติปญั ญา การประกอบอาชีพการงานนั้น ย่อมประสบกับอุปสรรค ท่านท่ีมีปัญญาสามารถ ต้องการที่จะได้รับ ประโยชน์และความสุข ก็ไม่ควรทอดท้ิงหรือท้อถอย ควรใช้ความอดทนเป็นเบ้ืองหน้า ก็จะสาเร็จลุล่วงไปได้ ประการที่ 3 อดทนต่อความเจ็บใจ หมายความว่า อดทนต่อความโกรธที่มากระทบกระทั่ง เพราะ บุคคลทุกคน จะอยู่คนเดียวลาพังไม่ได้ ต้องอาศัยอยู่ร่วมกัน เป็นหมู่คณะ เป็นครอบครัว ตลอดถึงเป็น ประเทศชาติ บุคคลผู้อยู่ร่วมกันเช่นนี้ บางครั้งอาจมีความกระทบกระทั่งกัน ทะเลาะวิวาทบาดหมางกันบ้าง เพราะต่างกม็ ีกิเลสอยู่ด้วยกันท้ังน้ัน ถ้าหากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งขาดความอดทนแล้ว ความทะเลาะวิวาทบาดหมาง ก็จะแตกแยกแผ่ขยายกว้างออกไป จนทาให้เสียหน้าที่การงานได้ เมื่อเป็นเช่นนี้ ประโยชน์สุขก็จะไม่เกิดข้ึน ดังนั้น ผู้ที่มีขันติธรรม คือ ความอดทน เป็นผู้ปราศจากเวร นอกจากจะเป็นที่รักใคร่นับถือสาหรับ มนุษย์ทั้งหลายแล้ว ยังเป็นที่รักใคร่นับถือของทวยเทพเทวดาท้ังหลาย ย่อมสามารถนาประโยชน์สุขมาให้แก่ ตนเองและคนเหลา่ อนื่ ไดอ้ ีกดว้ ย หนังสอื ประกอบกำรเรยี น วิชำ กำรเพำะเห็ดฟำง (รหสั วิชำ อช 02006)
91 เรือ่ งที่ 10.4 ปัญหำดำ้ นกระบวนกำรผลติ เหด็ ฟำง ปญั หำและอปุ สรรคในกำรเพำะเหด็ ฟำง การเพาะเห็ดฟาง อาจเกิดปัญหาด้านคุณภาพทาให้ได้เห็ดฟางไม่ตรงกับความต้องการของตลาดหรือ อาจทาให้ไม่มีดอกเห็ดเกิดข้ึนเลยทาให้ผู้เพาะเห็ดฟางหลายรายเกิดภาวะขาดทุน และเลิกทาอาชีพเพาะเห็ด ฟางไปเลยก็มี ดังน้ันการเพาะเห็ดฟางจึงจาเป็นต้องศึกษาและทาความเข้าใจ ซ่ึงปัญหาและอุปสรรคดังกล่าวมี หลายลักษณะดงั น้ี 1. ดอกเห็ดเกิดเร็วมำก ดอกเห็ดฟางเกิดข้ึนเร็วมากภายใน 4-5วันหลังจากโรยเชื้อเห็ด เกิดจากการ นาเช้ือท่ีมีอายุมาก หรือเชื้อแก่มาทาการเพาะเห็ด ซึ่งผู้เพาะเห็ดควรสังเกตที่ถุงเช้ือเห็ดฟางว่ามีดอกเห็ดเล็กๆ เกิดที่ในถุงเพาะเห็ดหรือไม่ ถ้ามีก็ไม่ควรนามาเพาะเห็ด นอกจากจะทาให้เกิดดอกเห็ดฟางเร็วแล้วยังทาให้ผล ผลิตต่า ดอกเห็ดฟางที่ได้ยังมีขนาดเล็กและเบา ฝ่อง่าย ด้ังนั้นผู้เพาะเห็ดควรเลือกเชื้อเห็ดท่ีเหมาะไม่แก่หรือ อ่อนเกินไปมาเพาะเหด็ ฟาง จะสังเกตไดจ้ ากเส้นใยเห็ดเพิ่งจะเจริญเต็มถุงพอดี ลักษณะเส้นใยขาวหยาบเห็นได้ ชัดเจน 2. เห็ดน็อค ซึ่งเกิดจากการที่เส้นใยเห็ดในระยะวันที่ 3-4หลังจากโรยเชื้อเห็ดฟางแล้ว ไม่ยอมรวมตัว ตวั กนั เป็นดอกเห็ด หรอื ทใี่ นกลุ่มผทู้ น่ี ยิ มเพาะเหด็ ฟางเรียกว่า “เห็ดนอ็ ค” อาจเกดิ จาก - เชอ้ื ใยเห็ดเป็นหมนั เกิดจากข้ันตอนการผลิตเช้ือเห็ด ควรนาเช้ือเห็ดจากแหล่งผลิตที่เชื่อถือ ได้มาเพาะ - อากาศ ในโรงเรือนเพาะเห็ดไม่บริสุทธ์ิมีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มากเกินไป ควรหาทาง ระบายอากาศและเพิม่ ออกซเิ จนเข้าไป - อณุ หภูมใิ นโรงเรอื นเพาะเห็ดสงู เกิน 35 องศาเซลเซยี ส ตอ้ งระบายอากาศและรดน้าตามพ้ืน และรอบๆโรงเรือนเพอ่ื ใหอ้ ณุ หภมู ิลดลง - แสงสว่างไมเ่ พยี งพอ การท่ีเส้นใยจะรวมตัวและเกิดเป็นดอกเห็ดฟางได้นั้นจาเป็นต้องมีแสง สวา่ งที่เหมาะสม เพื่อใหเ้ ส้นใยพฒั นาและกอ่ ตัวขึน้ เปน็ ดอกเห็ดฟาง ควรเพ่ิมแสงสว่างโดยติดหลอดไฟฟ้าเข้าไป เพ่ือแก้ปัญหาไม่ใหโ้ รงเรือนมืดทึบจนเกินไป 3. ดอกเห็ดไม่โต เกิดดอกเห็ดขนาดเล็กเต็มไปหมดแต่ดอกเห็ดแคระแกรนไม่โต มีสาเหตุดังน้ี - เชื้อเหด็ ออ่ นแอ เส่อื มคณุ ภาพเน่อื งจากมีการต่อเช้ือเหด็ มาหลายครั้ง - โรยเชื้อเห็ดฟางมากเกินไป การโรยเชื้อเห็ดหลายท่านอาจเข้าใจว่าการโรยเชื้อเห็ดฟางมาก จะทาให้ผลผลิตมากตามไปด้วย แต่ลัพธ์กลับทาให้เห็ดดอกเล็กและไม่โต ทางแก้คือใช้มือลูบเบาๆให้เหลือดอก เหด็ น้อยลง และการโรยเชือ้ ครง้ั ตอ่ ไปใหล้ ดปริมาณลง 4. ดอกเหด็ ฝ่อ เกดิ ดอกเห็ดเลก็ ๆแลว้ ไมเ่ จริญเติบโตฝ่อตำยเสยี กลำงคัน - เชอ้ื เหด็ แกเ่ กนิ ไป การนาเอาเชอื้ เห็ดฟางทแี่ ก่เสอ่ื มคณุ มาเพาะเห็ดฟางทาให้ดอกเห็ดไม่โต และฝอ่ ตายในที่สุด - เกดิ จากการติดเช้อื โรค ในโรงเรือนเพาะเหด็ จึงควรดูแลและทาความสะอาดโรงเรือนและ ชน้ั วางเหด็ อย่าสม่าเสมอ - แมลงเข้ากัดกินเสน้ ใยเห็ด เนือ่ งจากโรงเรือนสกปรก 5. ดอกเหด็ โตแตไ่ ม่ดก - เชื้อเหด็ ไมไ่ ดค้ ุณภาพ อ่อนเกินไป หรอื มกี ารถ่ายเชอ้ื เห็ดมาหลายครัง้ 6. ดอกเห็ดข้ึนไมส่ มำ่ เสมอทุกชน้ั ท่ีโรยเช้ือเหด็ - อากาศภายในโรงเรือนไม่พอ ควรเจาะรูระบายอากาศเพมิ่ - ความชืน้ ในโรงเรือนไมส่ ม่าเสมอ ควรปรับความชน้ื ให้เหมาะสม หนงั สอื ประกอบกำรเรยี น วิชำ กำรเพำะเหด็ ฟำง (รหัสวิชำ อช 02006)
92 7. ผวิ ดอกเห็ดไมเ่ รยี บ - อากาศในโรงเรอื นไมเ่ พียงพอมกี ๊าซคารบ์ อนไดออกไซด์มากเกินไป ควรระบายอากาศ ออกเป็นระยะๆ เพอ่ื ใหเ้ ห็ดได้อากาศบรสิ ทุ ธ์ิ 8. ดอกเหด็ เสียหำยจำกแมลง - เกดิ จากโรงเรอื นไมส่ ะอาดเป็นแหล่งสะสมของแมลง ควรรักษาโรงเรอื นใหส้ ะอาดอยู่เสมอ จะเห็นได้วา่ การเพราะเหด็ ฟางไมย่ ากอยา่ งทีค่ ิดกันหากเรียนรูแ้ ละทาความเขา้ ใจปัญหาและ อุปสรรคตา่ งๆก็จะสามารถแก้ไขโดยงา่ ย และได้ผลผลิตตามตอ้ งการ หนงั สือประกอบกำรเรยี น วิชำ กำรเพำะเหด็ ฟำง (รหสั วิชำ อช 02006)
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105