แผนการจัดการเรียนรูท้ ่เี น้นผู้เรียนเป็นสาคญั รหัสวชิ า ว23104 รายวชิ า วิทยาการคานวณ ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 3 จัดทาโดย นางสาวจารภุ า นวลเพง็ ตาแหนง่ ครูผู้ช่วย กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สานกั งานเขตพ้นื ทก่ี ารศึกษามัธยมศึกษานครสวรรค์ สงั กัดสานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพ้นื ฐาน กระทรวงศึกษาธิการ กลมุ่ บรหิ ารงานวิชาการ โรงเรยี นเก้าเลี้ยววทิ ยา
แผนการจดั การเรียนรูท้ ี่ 1 หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 1 การจดั การขอ้ มูลและสารสนเทศ เวลา 9 ช่วั โมง เร่อื ง การรวบรวมข้อมูล เวลา 2 ชั่วโมง รายวิชา เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) กลุม่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ 3 1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวช้ีวดั สาระที่ 4 เทคโนโลยี มาตรฐาน ว 4.2 เข้าใจและใชแ้ นวคิดเชงิ คำนวณในการแก้ปัญหาที่พบในชีวติ จรงิ อยา่ งเป็นขนั้ ตอน และเปน็ ระบบ ใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศและการสอ่ื สารในการเรียนรู้ การทำงาน และการแกป้ ญั หา ไดอ้ ย่างมีประสทิ ธภิ าพ รเู้ ท่าทนั และมจี รยิ ธรรม ตัวชีว้ ัด ม.3/2 รวบรวมขอ้ มูล ประมวลผล ประเมนิ ผล นำเสนอข้อมูลและสารสนเทศตาม วตั ถุประสงค์ โดยใช้ซอฟต์แวร์หรอื บรกิ ารบนอินเทอร์เนต็ ท่ีหลากหลาย 2. จุดประสงค์การเรยี นรู้ 1. บอกลกั ษณะและประเภทของขอ้ มลู ได้ (K) 2. เลอื กวธิ กี ารรวบรวมขอ้ มลู ได้เหมาะสมกับประเภทข้อมูลได้ (K,P) 3. ตระหนักถงึ ความสำคญั ของวธิ กี ารรวบรวมข้อมูล (A) 3. สาระสำคญั การรวบรวมขอ้ มลู เปน็ ขั้นตอนทีส่ ำคัญทสี่ ดุ ของการจดั การข้อมูลและสารสนเทศ ดังนนั้ ควรมีความ เข้าใจเก่ียวกับลกั ษณะและประเภทของข้อมลู ตลอดจนวธิ กี ารรวบรวมข้อมลู เพ่ือจะไดน้ ำไปประยุกตใ์ ชไ้ ด้ อย่างถูกต้องและเหมาะสมกบั งานของตน หากพจิ ารณาถึงประเภทของข้อมลู สามารถแบ่งได้เปน็ 2 กลุ่ม ตามแหล่งที่มาของข้อมลู ได้แก่ ข้อมลู ปฐมภูมแิ ละข้อมลู ทตุ ิยภมู ิ 4. สาระการเรยี นรู้ 1. การรวบรวมข้อมูลปฐมภมู ิ 2. การรวบรวมขอ้ มูลทุตยิ ภูมิ 5. รปู แบบการสอน/วิธกี ารสอน 1. รูปแบบการสอนแบบการอภปิ ราย 2. วธิ กี ารสอนโดยเน้นกระบวนการกลุ่ม (Group Process–Based Instruction)
6. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รียน ความสามารถในการสื่อสาร ความสามารถในการคดิ ความสามารถในการแกป้ ัญหา ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ติ ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 7. ทักษะ 4 Cs ซือ่ สตั ย์ สุจรติ ทักษะการคิดวจิ ารณญาณ (Critical Thinking) ใฝเ่ รียนรู้ ทกั ษะการทำงานร่วมกนั (Collaboration Skill) มงุ่ มั่นในการทำงาน ทักษะการสอ่ื สาร (Communication Skill) มีจติ สาธารณะ ทักษะความคิดสรา้ งสรรค์ (Creative Thinking) 8. คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ รกั ชาติ ศาสนา พระมหากษตั ริย์ มวี ินยั อยอู่ ยา่ งพอเพยี ง รกั ความเป็นไทย 9. การจัดกระบวนการเรียนรู้ ช่ัวโมงที่ 1 1. ครูใหน้ กั เรยี นทำแบบทดสอบก่อนเรียนหน่วยการเรยี นรู้ที่ 1 เร่อื ง การจัดการข้อมูลและสารสนเทศ เพ่ือวดั ความรเู้ ดมิ ของนักเรยี นก่อนเข้าส่กู จิ กรรม ขน้ั นำ (10 นาที) 1. ครูสอบถามนักเรยี นว่า “ในภาคเรียนที่ผา่ นมา นกั เรยี นชอบวิชาไหนมากที่สุด เพราะอะไร” (ครูสุม่ ถามนกั เรยี น 4 – 5 คน) 2. จากน้นั ครูถามต่อว่า “คำถามทค่ี รูถามข้างตน้ เปน็ ลักษณะของข้อมูลประเภทไหน” (แนวคำตอบ ข้อมูลปฐมภูมิ)
ข้ันสอน (30 นาที) 1. ครูทบทวนความรู้นกั เรยี น โดยการถามคำถาม ถา้ เราพิจารณาข้อมูลตามแหลง่ ที่มาของขอ้ มลู สามารถแบง่ ขอ้ มลู ได้กีป่ ระเภท อะไรบ้าง (นักเรยี นได้เรยี นเร่อื ง การจดั การข้อมลู และสารสนเทศในระดับชนั้ ม.1) (แนวคำตอบ 2 ประเภท คือ ข้อมลู ปฐมภมู แิ ละข้อมูลทุติยภูมิ) 2. ครูอธิบายกับนักเรียนวา่ ข้อมลู แตล่ ะประเภทมีลกั ษณะต่างกนั การรวบรวมข้อมลู จงึ ต่างกัน 3. ครใู ห้นกั เรียนเปดิ ในหนงั สือเรยี นวิชา เทคโนโลย(ี วิทยาการคำนวณ) ช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี 3 บริษัท อักษร เจริญทศั น์ อจท. หนา้ 3 – 5 และอธบิ ายการรวบรวมขอ้ มูลปฐมภูมิ สามารถทำได้ดงั นี้ การสมั ภาษณ์สว่ น บุคคล การสัมภาษณ์ทางโทรศพั ท์ การใชแ้ บบสอบถาม และการสงั เกต (ให้นักเรียนศึกษาวธิ กี ารรวบรวม ขอ้ มลู ปฐมภูมิเพ่ิมเติมในหนังสือเรยี น อจท. หนา้ 3 – 5) 4. ครูถามนักเรยี นว่า ในตอนต้นช่ัวโมงครูถามเรือ่ งวิชาที่นกั เรียนชอบมากทสี่ ุด เพราะอะไร เป็นการเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู แบบใด (แนวคำตอบ การสัมภาษณ์ส่วนบุคคล) 5. ครอู ธิบายการรวบรวมข้อมูลทุติยภมู ิ ในหนังสือเรยี นวชิ า เทคโนโลยี(วิทยาการคำนวณ) ชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ 3 บริษัท อักษรเจริญทศั น์ อจท. หน้า 6 ในการรวบรวมขอ้ มลู จากแหล่งทุติยภูมิสามารถแบ่งออกได้ 2 รูปแบบ ไดแ้ ก่ ข้อมลู จากแหล่งข้อมลู ภายในและข้อมูลจากแหล่งข้อมลู ภายนอก (ใหน้ ักเรยี นศกึ ษาวธิ กี าร รวบรวมขอ้ มลู ทตุ ิยภูมเิ พิม่ เติมในหนังสือเรียน อจท. หนา้ 6) 6. ครูให้นักเรยี นทำแบบฝึก Exercise ในหนงั สอื แบบฝึกหดั เทคโนโลยี (วทิ ยาการคำนวณ) หนา้ 3 – 6 เพ่ือ ตรวจสอบความเขา้ ใจ ชั่วโมงที่ 2 ขั้นสอน (40 นาที) 7. ครูสนทนากับนักเรียนวา่ “ในคาบทแ่ี ลว้ นักเรยี นรูว้ ่าตัวเองชอบวิชาอะไร คาบนีเ้ รามาจะมาดูว่าสาขาที่ นักเรียนอยากเรยี นต่อและอาชพี ท่อี ยากทำอนาคต จะสัมพันธก์ นั หรือไม่” 8. ครูสนทนากับนกั เรียนในการจดั การข้อมูลอย่างใดอย่างหนึ่ง เราตอ้ งเลือกวธิ ีใหเ้ หมาะสมกบั วัตถปุ ระสงค์ท่ี เราจะใช้งาน ตั้งแต่เลอื กวิธีการรวบรวมข้อมลู วิธีการประมวลผล และการนำเสนอข้อมลู จากนน้ั ครใู ห้ นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 4 – 5 คน 9. ครแู จกใบงานที่ 1.1.1 เรอื่ ง อาชีพในอนาคต ให้นกั เรียนแต่ละกลุ่มรวบรวมข้อมูลของนกั เรยี นช้ัน มธั ยมศึกษาปที ี่ 3 จำนวน 20 คน ขน้ึ ไป ตามหวั ข้อท่ีกำหนดให้ (กลุม่ ประชากรท่ีแตล่ ะกลมุ่ รวบรวมข้อมูล ไมค่ วรซ้ำกัน)
10. จากนน้ั ครูให้นักเรียนวางแผนวิธีการรวบรวมขอ้ มูลทีเ่ หมาะสม โดยนกั เรยี นสามารถเลือกเพือ่ นต่างห้องได้ ใชค้ าบพักเท่ียงในการรวบรวมขอ้ มูลกลุ่มเป้าหมายทน่ี ักเรียนต้องการได้ เชน่ นักเรยี นต่างหอ้ ง เพอ่ื ไม่ให้ กระทบการเรยี นของนักเรียนหอ้ งอื่น ขน้ั สรปุ (10 นาที) 1. ครูให้นกั เรียนรว่ มกันอภปิ รายถงึ ความสำคญั ของวธิ ีการรวบรวมข้อมูล 2. ครูสนทนากบั นกั เรียนว่า ถ้านักเรียนรวบรวมข้อมลู เสรจ็ แลว้ ขั้นตอนตอ่ ไปจะตอ้ งนำข้อมูลที่รวบรวมได้ไป ประมวลผล ซ่งึ ในคาบถัดไป เราจะมาเรียนรู้เร่ือง การประมวลผลข้อมูล เพื่อให้ข้อมูลน้นั อยใู่ นรูปแบบท่มี ี ประโยชน์และตรงตามวตั ถุประสงค์การใชง้ าน 10. ส่อื แหล่งการเรียนรู้ 1. หนงั สอื เรียนรายวิชาพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคำนวณ) ม.3 หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 1 เรอื่ ง การจดั การขอ้ มลู และสารสนเทศ 2. หนงั สอื แบบฝึกหดั รายวิชาพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคำนวณ) ม.3 หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ 1 เรือ่ ง การจดั การข้อมลู และสารสนเทศ 3. ใบงานที่ 1.1.1 เร่ือง อาชีพในอนาคต 11. การวดั และการประเมนิ ผล 11.1 การประเมินระหว่างการจัดกิจกรรม จุดประสงค์ วิธีการประเมิน เคร่อื งมอื การประเมิน เกณฑ์การประเมนิ แบบฝึกหัดรายวิชา บอกลักษณะและ 1. บอกลกั ษณะและ ตรวจแบบฝกึ หดั พ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร์ ประเภทของข้อมูลได้ เทคโนโลยี (วิทยาการ ถูกต้อง 60% ข้ึนไป ประเภทของข้อมูลได้ (K) Exercise หนา้ 3–6 คำนวณ) ม.3 หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 1 เลอื กวิธกี ารรวบรวม 2. เลอื กวธิ กี ารรวบรวม ตรวจใบงานท่ี 1.1.1 เร่ือง การจัดการข้อมูล ข้อมูลได้เหมาะสมกับ ขอ้ มูลไดเ้ หมาะสมกบั เรือ่ ง อาชีพในอนาคต และสารสนเทศ ประเภทข้อมูลได้ในระดับ ประเภทข้อมูลได้ (K,P) (ข้อ 1) หนา้ 3–6 คณุ ภาพพอใช้ขน้ึ ไปถอื วา่ แบบประเมินใบงานที่ ผา่ น 1.1.1 เร่อื ง อาชพี ใน อนาคต
จดุ ประสงค์ วธิ กี ารประเมิน เคร่อื งมอื การประเมิน เกณฑก์ ารประเมนิ 3. ตระหนักถึง ตรวจใบงานที่ 1.1.1 แบบประเมนิ ใบงานที่ อธิบายวิธกี ารรวบรวม ความสำคัญของวธิ กี าร เรื่อง อาชีพในอนาคต 1.1.1 เรอ่ื ง อาชีพใน ข้อมลู วา่ มปี ระโยชนก์ บั รวบรวมข้อมูล (A) (ขอ้ 3) อนาคต การรวบรวมข้อมลู ที่ ตอ้ งการไดช้ ดั เจน ใน ระดบั คุณภาพพอใช้ขน้ึ ไปถือวา่ ผา่ น 11.2 การประเมนิ ใบงานท่ี 1.1.1 เรอ่ื ง อาชพี ในอนาคต ประเด็นในการประเมนิ 3 เกณฑ์การใหค้ ะแนน 1 2 สามารถเลือกวธิ กี าร รวบรวมขอ้ มูลให้ 1. การเลือกวธิ กี าร สามารถเลอื กวธิ ีการ สามารถเลือกวธิ กี าร เหมาะสมกบั วตั ถุประสงค์การใชง้ าน รวบรวมขอ้ มูล รวบรวมขอ้ มูลให้ รวบรวมขอ้ มูลให้ และเหมาะกับกลุม่ ตวั อย่างเพียงบางสว่ น เหมาะสมกบั เหมาะสมกับ วตั ถปุ ระสงค์การใช้งาน วตั ถปุ ระสงค์การใช้งาน และเหมาะกบั กลมุ่ และเหมาะกบั กลมุ่ เปน็ ตัวอย่าง สว่ นใหญ่ 2. เหตผุ ลการเลอื กวธิ ี สามารถบอกเหตุของ สามารถบอกเหตุของ สามารถบอกเหตขุ อง รวบรวมขอ้ มูล การเลือกวิธรี วบรวม การเลอื กวิธีรวบรวม การเลอื กวิธรี วบรวม ขอ้ มลู ไดส้ มเหตุสมผล ขอ้ มูลไดส้ มเหตุสมผล ข้อมลู ไดส้ มเหตุสมผล เป็นสว่ นใหญ่ เพียงบางส่วน 3. ความสำคัญของ อธิบายวิธกี ารรวบรวม อธบิ ายวิธกี ารรวบรวม อธิบายวิธกี ารรวบรวม วิธกี ารรวบรวมขอ้ มูล ขอ้ มูลวา่ มปี ระโยชนก์ ับ ขอ้ มูลวา่ มปี ระโยชนก์ ับ ขอ้ มูลว่ามปี ระโยชน์กับ การรวบรวมขอ้ มูลที่ การรวบรวมข้อมลู ท่ี การรวบรวมข้อมลู ท่ี ตอ้ งการได้ชดั เจน ต้องการไดช้ ดั เจนเป็น ต้องการได้เพยี งบางส่วน สว่ นใหญ่ เกณฑก์ ารตัดสินคณุ ภาพ ระดับคุณภาพ ช่วงคะแนน ดี 8–9 5–7 พอใช้ ปรับปรงุ น้อยกวา่ 5
ใบงานที่ 1.1.1 เร่อื ง อาชีพในอนาคต คำชแี้ จง : ใหน้ ักเรยี นแต่ละกลุ่มรวบรวมขอ้ มูลทเี่ กย่ี วข้องกับการเรียนและอาชพี ทอ่ี ยากทำในอนาคต อย่างนอ้ ย 20 คน 1. วิธกี ารรวมขอ้ มูล (อาจมากกว่า 1 วธิ )ี พรอ้ มเหตผุ ล ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………................................................... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. ขอ้ มูลที่เกีย่ วขอ้ ง สาขาท่อี ยากเรยี น คณะท่ีอยากเรียน อาชพี ที่อยากทำใน ช่อื – สกลุ หอ้ ง ตอ่ ในระดับมัธยม ต่อในระดบั อนาคต ตอนปลาย ปรญิ ญาตรี
3. วิธีการรวบรวมขอ้ มูลชว่ ยให้นักเรยี นเขา้ ใจสิง่ ทค่ี น้ หาอย่างไร ............................................................................................................................. ................................................. ................................................................................................................................................... ........................... ....................................................................................................... ....................................................................... ............................................................................................................................. ................................................. ....................................................................................................................................... ....................................... ............................................................................................ .................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. 4. ภาคผนวก (ถ้าม)ี .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................. ............................................................................................ ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. .................................................
ใบงานที่ 1.1.1 เฉลย เรื่อง อาชีพในอนาคต คำช้แี จง : ให้นกั เรยี นแต่ละกลุ่มรวบรวมขอ้ มูลที่เกี่ยวขอ้ งกับการเรียนและอาชพี ท่อี ยากทำในอนาคต อยา่ งนอ้ ย 20 คน 1. วธิ กี ารรวมขอ้ มลู (อาจมากกว่า 1 วธิ )ี พรอ้ มเหตผุ ล ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………................................................... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. ขอ้ มลู ทีเ่ ก่ียวขอ้ ง สาขาที่อยากเรียน คณะทอ่ี ยากเรียน อาชพี ที่อยากทำใน ช่ือ – สกลุ หอ้ ง ตอ่ ในระดับมธั ยม ตอ่ ในระดับ อนาคต ตอนปลาย ปรญิ ญาตรี
3. วิธกี ารรวบรวมขอ้ มูลชว่ ยใหน้ กั เรียนเขา้ ใจส่ิงทคี่ ้นหาอย่างไร ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................. ............................................................................................ ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................................... ............................... .................................................................................................... .......................................................................... ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................................................................... .......................................... 4. ภาคผนวก (ถา้ ม)ี ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................. ............................................................................................ ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ..............................................................................................................................................................................
12. ความเหน็ ของผู้บริหารสถานศึกษาหรือผูท้ ไ่ี ดร้ บั มอบหมาย ) ขอ้ เสนอแนะ ....... ลงช่อื ( ตำแหนง่ 13. บนั ทึกผลหลังการสอน ด้านความรู้ ด้านสมรรถนะสำคัญของผู้เรียน ด้านคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ ด้านความสามารถทางเทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) ด้านอืน่ ๆ (พฤติกรรมเด่นหรือพฤติกรรมทมี่ ปี ญั หาของนักเรยี นเปน็ รายบคุ คล (ถ้ามี)) ปัญหา/อุปสรรค แนวทางการแก้ไข
แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ 2 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 1 การจดั การข้อมูลและสารสนเทศ เวลา 9 ช่ัวโมง เร่อื ง การประมวลผลข้อมลู เวลา 4 ช่วั โมง รายวชิ า เทคโนโลยี (วทิ ยาการคำนวณ) กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี 3 1. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตัวชี้วัด สาระท่ี 4 เทคโนโลยี มาตรฐาน ว 4.2 เขา้ ใจและใช้แนวคดิ เชงิ คำนวณในการแก้ปญั หาท่ีพบในชีวิตจรงิ อย่างเปน็ ขั้นตอน และเปน็ ระบบ ใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่ือสารในการเรียนรู้ การทำงาน และการแก้ปญั หา ไดอ้ ยา่ งมีประสทิ ธิภาพ รเู้ ท่าทนั และมจี ริยธรรม ตัวชวี้ ดั ม.3/2 รวบรวมข้อมูล ประมวลผล ประเมินผล นำเสนอขอ้ มลู และสารสนเทศตาม วัตถุประสงค์ โดยใช้ซอฟต์แวร์หรือบริการบนอนิ เทอรเ์ นต็ ที่หลากหลาย 2. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. บอกประเภทของการประมวลผลข้อมลู ได้ (K) 2. เลอื กวิธกี ารประมวลข้อมูลทเี่ หมาะสมกับประเภทของข้อมลู ได้ (K,P) 3. ยกตวั อย่างประโยชน์ของการประมวลผลข้อมลู ท่ีเหมาะสมกบั ประเภทของข้อมูล (A) 3. สาระสำคัญ การประมวลผลข้อมูล หมายถงึ วธิ กี ารจดั การกบั ข้อมลู ด้วยการ คำนวณหรือการเปรียบเทียบ เพื่อให้ ข้อมูลอยใู่ นรูปแบบทเ่ี ป็นประโยชน์ตรงตามความต้องการ โดยการประมวลผลขอ้ มลู สามารถแบ่งตาม อุปกรณ์ทใี่ ชไ้ ด้ 3 ประเภท คือ การประมวลผลขอ้ มลู ดว้ ยมือ การประมวลผลข้อมลู ดว้ ยเคร่อื งจักรกล และ การประมวลผลข้อมลู ด้วยคอมพิวเตอร์ 4. สาระการเรียนรู้ 1. การประมวลผลข้อมลู ด้วยมือ 2. การประมวลผลข้อมลู ดว้ ยเครื่องจักร 3.การประมวลผลข้อมูลด้วยคอมพิวเตอร์ 5. รปู แบบการสอน/วิธีการสอน 1. รูปแบบการสอนแบบการอภิปราย 2. วธิ ีการสอนโดยเน้นกระบวนการกลมุ่ (Group Process–Based Instruction) 3. วธิ กี ารสอนโดยใชแ้ นวคิดเชิงคำนวณ (Computational Thinking)
6. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รียน ความสามารถในการสอ่ื สาร ความสามารถในการคดิ ความสามารถในการแก้ปญั หา ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 7. ทกั ษะ 4Cs ซอ่ื สัตย์ สุจรติ ทกั ษะการคิดวจิ ารณญาณ (Critical Thinking) ใฝเ่ รยี นรู้ ทักษะการทำงานร่วมกนั (Collaboration Skill) มงุ่ มัน่ ในการทำงาน ทักษะการสือ่ สาร (Communication Skill) มจี ิตสาธารณะ ทกั ษะความคิดสรา้ งสรรค์ (Creative Thinking) 8. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ รักชาติ ศาสนา พระมหากษตั รยิ ์ มีวินยั อยู่อยา่ งพอเพยี ง รักความเปน็ ไทย 9. การจดั กระบวนการเรียนรู้ ช่ัวโมงท่ี 1 ข้ันนำ (10 นาที) 1. ครูสอบถามว่าจากการสำรวจข้อมูลของกลุ่มตัวอย่างในคาบที่แล้ว แต่ละกลุ่มใช้วิธีการรวบรวมข้อมูล แบบใดบา้ ง (แนวคำตอบ การสัมภาษณ์สว่ นบุคคล การสมั ภาษณ์ทางโทรศัพท์ การใช้แบบสอบถาม) 2. ครูสนทนากับนักเรียนวา่ เราสามารถนำข้อมูลนนั้ มาใชเ้ ลยไดห้ รือไม่ (แนวคำตอบ ได้แต่ไม่สะดวกต่อการใช้งาน เพราะฉะน้ันเราจะต้องนำขอ้ มูลมาประมวลผลกอ่ น)
ขน้ั สอน (40นาที) 1. ครูอธิบายการประมวลผลข้อมูลในหนังสือเรียนวิชา เทคโนโลยี(วิทยาการคำนวณ) ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 3 บริษัท อักษรเจริญทัศน์ อจท. หน้า 7 การประมวลผลข้อมูลเป็นวิธีการจัดการกับข้อมูล อาจเป็นการ คำนวณหรือการเปรียบลักษณะต่าง ๆ เพื่อให้ข้อมูลน้ันอยู่ในรูปแบบท่ีมีประโยชน์ตรงกับจุดประสงค์ของ ผู้ใชง้ าน ซึง่ การประมวลผลขอ้ มลู แบ่งออกตามอปุ กรณ์ท่ีใช้ได้ 3 ประเภท คอื การประมวลผลขอ้ มูลด้วยมือ การประมวลผลขอ้ มลู ดว้ ยเครอื่ งจกั รกล และการประมวลผลข้อมูลด้วยคอมพิวเตอร์ 2. จากน้ันครูอธิบาย “การประมวลผลข้อมูลด้วยมือ” ในหนังสือเรียนวิชา เทคโนโลยี(วิทยาการคำนวณ) ชั้น มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 3 บรษิ ัท อักษรเจรญิ ทัศน์ อจท. หนา้ 7 3. ครูสนทนาว่าจากข้อมูลท่ีให้ไปรวบรวมข้อมูลในกิจกรรมอาชีพในฝัน ให้นักเรียนนำข้อมูล อาชีพท่ีอยากทำ ในอนาคตมาจัดอันดับ โดยการนำข้อมูลของกลุ่มตนเองมาจัดอันดับอาชีพที่มีคนอยากทำมากที่สุด 5 อันดบั 4. ครูให้แต่ละกลุ่มออกมานำเสนออาชีพ 5 อันดับแรกจากการรวบรวมข้อมูลของกลุ่มตนเอง (ระหว่างท่ี นกั เรียนนำเสนอ ครูจดข้อมูลของแต่ละกลุม่ บนกระดาน หรอื พิมพล์ งบนExcel) 5. ครูถามนักเรียนว่าวิธีการจัดการกับข้อมูลท่ีรวบรวมได้จากเพ่ือน 20 คนในคาบท่ีแล้วเป็นการประมวลผล ประเภทใด เพราะอะไร (แนวคำตอบ การประมวลผลขอ้ มลู ดว้ ยมือ เพราะข้อมูลนอ้ ยคำนวณดว้ ยตนเองได้) ชวั่ โมงที่ 2 ขัน้ สอน (50 นาท)ี 6. ครสู นทนากับนักเรยี นวา่ คาบท่ผี า่ นมานักเรยี นไดป้ ระมวลผลข้อมลู ด้วยมือ เราทราบอยแู่ ลว้ ว่าการ ประมวลผลขอ้ มูลสามารถทำไดห้ ลายวิธี จากน้นั ครูอธบิ าย “การประมวลผลข้อมูลดว้ ยเคร่อื งจักรกล” ใน หนังสือเรียนวิชา เทคโนโลยี (วทิ ยาการคำนวณ) ชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี 3 บริษทั อักษรเจริญทศั น์ อจท. หน้า 7 7. ครูยกตัวอย่างการประมวลผลข้อมูลด้วยเครื่องจักรกล เช่น เครื่องคิดเลขในมินิมาร์ทที่เป็นเครื่องทำบัญชี อาชีพนักบัญชีที่ต้องมีการคำนวณเก่ียวกับเงินซ่ึงต้องการความแม่นยำสูงจะมีเครื่องทำบัญชีเข้ามาช่วยทำ ใหก้ ารคำนวณแม่นยำมากข้นึ โดยการทำงานของเครื่องกจ็ ะมีฟงั ก์ช่ันต่าง ๆ ท่สี ะดวกตอ่ การคำนวณตัวเลข 8. ครตู ้ังคำถามว่าหากขอ้ มูลท่เี ราต้องการประมวลผลมจี ำนวนท่มี ากขึ้น จนไม่สามารถประมวลได้เอง เราจะมี วธิ ีการแกป้ ัญหาอย่างไร (แนวคำตอบ ใชค้ อมพวิ เตอรม์ าชว่ ยในการประมวลผลขอ้ มูล ทำให้ได้ขอ้ มูลทีร่ วดเรว็ )
9. ครูยกตัวอย่างว่าในแต่ละเทอมเราจะต้องตัดเกรด และในขั้นตอนการตัดเกรดมีคะแนนที่ต้องคำนวณหลาย อย่าง ซ่ึงครูส่วนใหญ่จึงจำเป็นต้องใช้คอมพิวเตอร์ช่วยในการประมวลผลข้อมูล จะแม่นยำกว่าและ ประมวลผลเร็วกว่า 10. ครูสอบถามว่านกั เรียนทราบหรอื ไมก่ ารประมวลผลข้อมูลดว้ ยคอมพิวเตอร์มลี ำดบั ข้ันตอนออย่างไร (แนวคำตอบ ขัน้ ตอนท่ี 1 การนำเขา้ ข้อมลู ขนั้ ตอนที่ 2 การประมวลผลขอ้ มลู ข้ันตอนที่ 3 การแสดงผล) 11. จากนั้นครูอธิบายลำดับการประมวลผลข้อมูลด้วยคอมพิวเตอร์ ในหนังสือเรียนวิชา เทคโนโลยี(วิทยาการ คำนวณ) ชัน้ มัธยมศึกษาปที ี่ 3 บริษัท อักษรเจรญิ ทศั น์ อจท. หนา้ 8 12. ครูให้นักเรียนทำแบบฝึกหัด exersice ในหนังสือแบบฝึกหัด เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) หน้า 7–10 เพอื่ ตรวจสอบความเขา้ ใจ ช่ัวโมงที่ 3 ขัน้ สอน (50 นาท)ี (ตอ่ ) 13. ครูอธิบายวิธีการประมวลผลด้วยคอมพิวเตอร์ ในหนังสือเรียนวิชา เทคโนโลยี(วิทยาการคำนวณ) ช้ัน มัธยมศึกษาปีที่ 3 บริษัท อักษรเจริญทัศน์ อจท. หน้า 9 – 10 ซึ่งวิธีการประมวลผลด้วยคอมพิวเตอร์ แบ่งเป็น 2 วิธี ดังนี้ การประมวลผลแบบแบตช์ และการประมวลผลแบบอินเทอร์แอ็กทิฟ (ครู ยกตัวอยา่ งในหนังสือเรียน แล้วให้นกั เรยี นศึกษาเพม่ิ เติมจากหนังสือเรียน) 14. จากนั้นครูอธิบายเน้ือหาในหนังสือเรียนวิชา เทคโนโลยี(วิทยาการคำนวณ) ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 3 บริษัท อักษรเจริญทัศน์ อจท. หน้า 11 – 13 กรรมวิธีในการประมวลผลข้อมูลด้วยคอมพิวเตอร์ มีวิธีในการ ประมวลผลหลายวิธี ได้แก่ 1) การคำนวณ 2) การจัดเรียงข้อมูล 3) การจัดกลุ่มข้อมูล 4) การสืบค้น ขอ้ มูล 5) การรวบรวมข้อมูล 6) การสรุปผล 7) การทำรายงาน 8) การบันทึก 9) การปรับปรุงข้อมูล 10) การสำเนาขอ้ มูล 11) การสำรองขอ้ มูล 12) การก้ขู ้อมลู 13) การส่ือสารขอ้ มูล 14) การบบี อัดขอ้ มูล 15. ครูยกตัวอยา่ งกรรมวธิ ีในการประมวลผลขอ้ มูลดว้ ยคอมพิวเตอร์บางข้อให้นักเรียนฟงั 1) การคำนวณข้อมูล เช่น การนำระดับเกรดของแตล่ ะวชิ ามาคำนวณเพอ่ื หาเกรดเฉล่ีย 2) การจดั เรยี งข้อมูล เช่น การเรยี งลำดับจากนอ้ ยไปมาก การเรยี งตัวอักษร 3) การจัดกลุ่มขอ้ มลู เช่น สรุปขอ้ มูลผลการเรียนนกั เรียนตามชัน้ ของนกั เรยี น เชน่ เกรดเฉลยี่ นกั เรยี นช้ัน มัธยมศึกษาปีที่ 3 4) การสืบค้นขอ้ มูล เช่น ครคู น้ หาข้อมูลผลการเรยี นนกั เรียนจากช่อื คน้ หาข้อมูลนักเรยี จากรหสั นักเรียน 5) การรวมข้อมูล เช่น การนำประวัติการเขา้ แถวมารวมกับประวตั ิผลการเรียน
16. ครูสนทนากับนักเรียนว่าจากคาบเรียนที่แล้วเราพูดถึงขั้นตอนการประมวลผลข้อมูลมี 3 ข้ันตอน จากน้ัน ให้นักเรียนศึกษารายละเอียดในหนังสือเรียนวิชา เทคโนโลยี(วิทยาการคำนวณ) ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 3 บรษิ ทั อกั ษรเจรญิ ทัศน์ อจท. หนา้ 14 – 17 17. ครตู ้ังคำถามว่า จากตัวอยา่ งในหนังสอื เรียน อจท. หน้า 15 – 17 ใหน้ ักเรียนยกตัวอย่างประโยชนข์ องการ ประมวลผลข้อมูลด้วยคอมพิวเตอร์ ถ้าสมมติเราต้องการเก็บข้อมูลเพ่ือทำโปรโมชันลูกค้าร้านสะดวกซื้อ เราควรรวบรวมข้อมูลอะไรบ้าง ควรจัดกล่มุ ข้อมูลแบบไหน ประมูลผลข้อมูลออกมาในรปู แบบใด เพื่อให้ งา่ ยต่อการเรียกใชง้ าน ให้นักเรยี นตอบคำถามลงสมดุ (แนวคำตอบ สร้างแบบสอบถามเพื่อให้ลูกค้ากรอกข้อมูลที่จำเป็นต้องใช้ เช่น ช่ือ – นามสกุล อายุ ท่ีอยู่ ปัจจุบัน เบอร์โทรศัพท์ e-mail ความสนใจต่าง ๆ เช่น สนใจผลิตภัณฑ์ความสวยความงาม สนใจ ผลิตภัณฑ์สุภาพ เป็นต้น จากนั้นเรานำมาสร้างรหัสเพื่อง่ายต่อการค้นหา เช่น ลูกค้าท่ีสมัครคนแรกของ รา้ น S ต้ังรหัสเป็น S620001 หมายถึงสมัครปี62คนท่ี0001 เป็นต้น แล้วนำมากลุ่มข้อมูล เช่น เขตพ้ืนท่ี เดียวกัน กลุ่มช่วงอายุ กลุ่มความสนใจ เป็นต้น เวลาเรียกใช้งานสามารถพิมพ์ค้นหาตามคีย์เวิร์ด เช่น ต้องการส่งe-mail จดั โปรโมชนั ความสวยความงามใหก้ ับลกู ค้าทสี่ นใจผลติ ภัณฑ์ด้านน้ี เราสามารถสบื ค้น ได้จากที่เราจดั กลุ่มลกู คา้ ไว้ ) 18. ครูให้นักเรียนทำแบบฝึกหัด Activity ในหนังสือแบบฝึกหัด เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) หน้า 13 เพื่อ ตรวจสอบความเข้าใจ ชัว่ โมงท่ี 4 ขัน้ สอน (40 นาท)ี 18. ครูสุ่มนักเรียนเพื่อยกตัวอย่าง กรรมวิธีในการประมวลผลข้อมูลด้วยคอมพิวเตอร์ในแต่ละวิธี เพื่อเป็นการ ทบทวนความร้คู าบทีผ่ า่ นมา 19. ครูถามคำถามนักเรียนว่า ในการเลือกศึกษาต่อในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย และระดับอุดมศึกษาเรา ควรตอ้ งคำนึงข้อมลู ดา้ นใดบ้าง (แนวคำตอบ วชิ าทเี่ ราถนัด คณะทเ่ี ราสนใจใหส้ อดคลอ้ งกับอาชีพทเี่ ราอยากทำ) 20. ครูสนทนากับนักเรียนวา่ จากข้อมูลที่นักเรียนจัดอันดับอาชีพที่มีคนอยากทำมากที่สุด 5 อันดับ (กิจกรรม ในชั่วโมงที่ 1) ให้นักเรียนสืบค้นขอ้ มูลว่าถ้าทำงาน 5 อาชีพน้ีนักเรียนควรเรยี นคณะอะไร ค่าเทอมเท่าไร รวบรวมข้อมูลอย่างน้อย 6 มหาวิทยาลัยข้ึนไป จากน้ันหาค่าเฉลี่ยค่าเทอมว่าถ้าอยากทำอาชีพนี้ จะต้อง เรียนคณะไหนและมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยเท่าไรต่อเทอม (เพ่ือให้ให้นักเรียนได้เห็นความสำคัญการวางแผน คา่ ใช้จ่ายท่ีจะเกดิ ขน้ึ ในอนาคตในการเรยี นคณะนัน้ ๆ) 21. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันวางแผน รวบรวมข้อมูล ประมวลผลข้อมูลด้วยคอมพิวเตอร์ (นักเรียน สามารถเลือกใชซ้ อฟตแ์ วร์ท่ีเหมาะสมกับข้อมลู และความถนดั ได้ เปน็ ความรูใ้ นระดบั ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 1)
ข้ันสรปุ (10 นาท)ี 1. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายการประมวลผลข้อมูลแต่ละประเภท และวิธีการเลือกเคร่ืองมือในการ ประมวลผลใหเ้ หมาะสมกบั ขอ้ มลู 10. สอื่ แหล่งการเรยี นรู้ 1. หนังสอื เรียนรายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคำนวณ) ม.3 หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 1 เร่ือง การจัดการขอ้ มลู และสารสนเทศ 2. หนังสอื แบบฝึกหัดรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) ม.3 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 1 เรือ่ ง การจัดการข้อมลู และสารสนเทศ 3. คอมพวิ เตอร์ 11. การวดั และการประเมนิ ผล 11.1 การประเมินระหวา่ งการจัดกิจกรรม จดุ ประสงค์ วิธีการประเมิน เครือ่ งมอื การประเมิน เกณฑ์การประเมนิ แบบฝกึ หดั รายวิชา บอกลักษณะและ 1. บอกประเภทของการ ตรวจแบบฝึกหดั พน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ ประเภทของข้อมลู ได้ เทคโนโลยี (วทิ ยาการ ถกู ต้อง 60% ขึน้ ไป ประมวลผลขอ้ มูลได้ (K) Exercise หนา้ 7–10 คำนวณ) ม.3 หนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี 1 เลือกวิธีการรวบรวม 2. เลอื กวิธกี ารประมวล ตรวจแบบฝึกหัด เรอื่ ง การจัดการข้อมลู ข้อมลู ได้เหมาะสมกับ ข้อมูลท่ีเหมาะสมกบั Activity หน้า 13 และสารสนเทศ ประเภทข้อมลู ได้ใน ประเภทของข้อมูลได้ หน้า 7–10 ระดับคุณภาพพอใช้ขน้ึ (K,P) แบบฝึกหัดรายวิชา ไปถือวา่ ผ่าน พน้ื ฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการ คำนวณ) ม.3 หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 1 เร่ือง การจัดการข้อมลู และสารสนเทศ หนา้ 13 2. แบบประเมนิ
จดุ ประสงค์ วธิ ีการประเมนิ เคร่ืองมอื การประเมิน เกณฑ์การประเมนิ 3. ยกตัวอย่างประโยชน์ การตอบคำถาม (ใน 1. แบบประเมิน เห็นความสำคัญของ ของการประมวลผล แผนการสอน ชว่ั โมงท่ี 3 วธิ กี ารรวบรวมขอ้ มลู ใน ขอ้ มูลท่ีเหมาะสมกับ ข้อ17) ระดับคุณภาพพอใช้ขึน้ ประเภทของข้อมลู (A) ไปถือว่าผา่ น 11.2 การประเมนิ การทำแบบฝกึ หดั ประเด็นในการประเมิน 3 เกณฑก์ ารให้คะแนน 1 2 สามารถเลือกอปุ กรณ์ 1. การเลือกวิธีการ สามารถเลือกอปุ กรณ์ เหมาะสมกับข้อมลู ได้ สามารถเลือกอุปกรณ์ แตว่ ธิ ีการประมวลผล ประมวลผลข้อมูล และวธิ ีการประมวลผล และวิธีการประมวลผล ขอ้ มูลอาจไมต่ รงตาม ข้อมูลที่เหมาะสมกบั วตั ถุประสงค์การใชง้ าน ขอ้ มลู ที่เหมาะสมกบั ข้อมูล วตั ถปุ ระสงค์การ เพียงบางสว่ น ใช้งานได้สว่ นใหญ่ ข้อมลู วตั ถุประสงค์การ ใชง้ านได้ 2. ยกตัวอย่างประโยชน์ สามารถยกตวั อย่าง สามารถยกตัวอย่าง สามารถยกตัวอยา่ ง ของการประมวลผล ประโยชนข์ องการ ประโยชน์ของการ ประโยชนข์ องการ ขอ้ มลู ที่เหมาะสมกับ ประมวลผลขอ้ มลู ท่ี ประมวลผลข้อมลู ที่ ประมวลผลข้อมูลท่ี ประเภทของข้อมลู เหมาะสมกบั ประเภท เหมาะสมกบั ประเภท เหมาะสมกับประเภท ของขอ้ มลู ได้ เขียน ของข้อมลู ได้ เปน็ สว่ น ของขอ้ มลู ไดเ้ พียง อธิบายชัดเจน ใหญ่ บางส่วน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคณุ ภาพ 5–6 ดี 3–4 พอใช้ น้อยกวา่ 3 ปรบั ปรุง
12. ความเหน็ ของผู้บริหารสถานศึกษาหรือผูท้ ไ่ี ดร้ บั มอบหมาย ) ขอ้ เสนอแนะ ....... ลงช่อื ( ตำแหนง่ 13. บนั ทึกผลหลังการสอน ด้านความรู้ ด้านสมรรถนะสำคัญของผู้เรียน ด้านคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ ด้านความสามารถทางเทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) ด้านอืน่ ๆ (พฤติกรรมเด่นหรือพฤติกรรมทมี่ ปี ญั หาของนักเรยี นเปน็ รายบคุ คล (ถ้ามี)) ปัญหา/อุปสรรค แนวทางการแก้ไข
แผนการจดั การเรยี นร้ทู ี่ 3 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 การจดั การขอ้ มลู และสารสนเทศ เวลา 9 ชัว่ โมง เร่ือง การใช้ซอฟตแ์ วร์ในการจัดการข้อมลู และสารสนเทศ เวลา 3 ชว่ั โมง รายวิชา เทคโนโลยี (วทิ ยาการคำนวณ) กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี 3 1. มาตรฐานการเรียนรู/้ ตัวชี้วดั สาระที่ 4 เทคโนโลยี มาตรฐาน ว 4.2 เขา้ ใจและใช้แนวคดิ เชงิ คำนวณในการแก้ปญั หาท่ีพบในชีวิตจรงิ อย่างเปน็ ขั้นตอน และเปน็ ระบบ ใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในการเรยี นรู้ การทำงาน และการแกป้ ญั หา ได้อย่างมปี ระสทิ ธิภาพ รเู้ ท่าทันและมจี ริยธรรม ตวั ช้วี ดั ม.3/2 รวบรวมขอ้ มลู ประมวลผล ประเมินผล นำเสนอขอ้ มลู และสารสนเทศตาม วตั ถุประสงค์ โดยใชซ้ อฟต์แวรห์ รือบริการบนอนิ เทอร์เนต็ ที่หลากหลาย 2. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1. ใช้ซอฟตแ์ วรท์ ี่เหมาะสมในการจัดการข้อมูลและสารสนเทศ และตรงวัตถุประสงคก์ ารใช้งานได้ (K,P) 2. ตระหนักถงึ ขอ้ มูลทีน่ ำเสนอวา่ ไม่ควรสง่ ผลกระทบต่อผ้อู ่ืน (A) 3. สาระสำคัญ การจดั การขอ้ มลู และสารสนเทศมีการนำซอฟต์แวรต์ ่าง ๆ มาช่วยในการจัดการขอ้ มูล โดยมที ้งั ซอฟตแ์ วรท์ ่ีใชใ้ นการรวบรวมขอ้ มลู ซอฟต์แวร์ท่ีใชใ้ นการประมวลผลข้อมูล และซอฟตแ์ วร์ท่ใี ช้ในการ นำเสนอข้อมูล เพ่ือการจดั การข้อมูลและสารสนเทศอย่างมีประสิทธภิ าพ 4. สาระการเรียนรู้ 1. ซอฟต์แวรท์ ใี่ ชใ้ นการรวบรวมขอ้ มลู 2. ซอฟตแ์ วรท์ ่ใี ชใ้ นการประมวลผลข้อมูล 3. ซอฟตแ์ วรท์ ี่ใชใ้ นการสรา้ งและนำเสนอข้อมูล 5. รูปแบบการสอน/วิธีการสอน 1. วธิ ีการสอนโดยเนน้ กระบวนการกลุ่ม (Group Process–Based Instruction) 2. รูปแบบการสอนแบบการอภปิ ราย
6. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รียน ซอื่ สตั ย์ สจุ ริต ความสามารถในการสอ่ื สาร ใฝเ่ รียนรู้ ความสามารถในการคิด มุ่งม่ันในการทำงาน ความสามารถในการแก้ปัญหา มจี ิตสาธารณะ ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 7. ทกั ษะ 4Cs ทักษะการคิดวจิ ารณญาณ (Critical Thinking) ทักษะการทำงานรว่ มกัน (Collaboration Skill) ทกั ษะการสอ่ื สาร (Communication Skill) ทกั ษะความคิดสร้างสรรค์ (Creative Thinking) 8. คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ รกั ชาติ ศาสนา พระมหากษัตรยิ ์ มวี นิ ัย อยอู่ ย่างพอเพยี ง รกั ความเป็นไทย 9. การจัดกระบวนการเรยี นรู้ ข้นั นำ (10 นาที) 1. ครูสอบถามนักเรียนว่าจากคาบท่ีผ่านมาในการรวบรวมข้อมูลนักเรียนใช้เครื่องมือใดในการรวบรวมข้อมูล บา้ ง (แนวคำตอบ ใช้แบบสอบถาม ใช้โปรแกรม Excel ใช้ Google Forms) 2. ครูถามนักเรียนว่ากลุ่มท่ีใช้แบบสอบถาม หรือใช้วิธีการสัมภาษณ์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลนั้นต้องใช้ ระยะเวลาหนึ่งเพ่อื เก็บข้อมลู ต่อกลมุ่ ตัวอยา่ งหน่ึงคน หากมีวธิ ีที่จะลดเวลาในขั้นตอนน้ีลงเพ่อื เอาเวลาไปใช้ ในการทำงานขนั้ ตอนอน่ื ที่อาจมปี ระโยชนก์ ว่าจะสง่ ผลดตี ่อการทำงานหรือไม่ อยา่ งไร (แนวคำตอบ ดีเพราะนำเวลาท่ีเหลือไปทำงานท่ีมีความซับซ้อนมากกว่า ดีเพราะลดเวลาในการรวบรวม ข้อมลู อาจทำใหไ้ ด้ขอ้ มูลท่มี ากข้ึนเท่าตวั )
ขั้นสอน (40 นาที) 1. ครูอธิบายว่าซอฟต์แวร์ทใี่ ช้ในการรวบรวมขอ้ มลู มใี หเ้ ลือกใชง้ านหลากหลาย และมีความสำคัญในขั้นตอน การรวบรวมขอ้ มูลทมี่ ีปรมิ าณขอ้ มูลจำนวนมาก หรือต้องการความรวดเร็ว 2. ครอู ธิบายเนอ้ื หาในหนงั สือเรยี นวิชา เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) ชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี 3 บริษัท อักษร เจรญิ ทศั น์ อจท. หน้า18 เร่ือง ซอฟต์แวร์ทีใ่ ชใ้ นการรวบรวมขอ้ มูล เพ่ือใช้จดั เก็บรวบรวมขอ้ มูลตามที่ ตอ้ งการ โดยมีซอฟตแ์ วรท์ น่ี า่ สนใจ ได้แก่ ซอฟตแ์ วร์ที่ตดิ ต้ังอยูบ่ นคอมพิวเตอร์ เชน่ Microsoft word และซอฟต์แวรท์ ่ีใช้งานผ่านอินเทอรเ์ น็ต เชน่ Google Docs, Google Forms 3. ครยู กตวั อย่างซอฟตแ์ วรท์ ีใ่ ช้งานผ่านอินเทอรเ์ นต็ คือ Google Forms เปน็ ซอฟตแ์ วร์ท่ถี กู ใชง้ านอย่าง แพร่หลาย ใชง้ านง่ายและมปี ระโยชนใ์ นการทำงาน โดยครูใหน้ ักเรยี นทดลองเป็นผูต้ อบแบบสอบถามใน กจิ กรรมต่อไป เพื่อเป็นตวั อย่างการจัดการข้อมูลและสารสนเทศ 1) ครใู หน้ กั เรียนตอบแบบสอบถามใน Google Forms จากกิจกรรม “อาชีพในอนาคต” ท่ีครูเตรยี มไว้ให้
2) ครเู ปิดแบบสอบถามจากกิจกรรม “อาชีพในอนาคต” จากนนั้ ไปท่แี ท็บ “การตอบกลับ” และเปดิ แทบ็ “ขอ้ มูลสรุป” เพ่ือให้นักเรยี นเห็นประโยชน์ ความสะดวกในการประมวลผลข้อมูลดว้ ย Google Forms 3) ครอู ธบิ ายข้ันตอนการนำแผนภูมิจาก Google Forms ไปใชเ้ พ่อื การนำเสนอขอ้ มลู ซึ่งสามารถทำไดโ้ ดย การคลิกทีป่ มุ่ คัดลอกแผนภูมทิ ี่อยู่ทางขวาของหัวข้อจากน้ันนำไปวางในโปรแกรมนำเสนอท่ตี ้องการ เชน่ PowerPoint, Google Slide, Keynote 4. ครสู อบถามนักเรยี นว่าจากตัวอยา่ งท่ีครูใชง้ าน Google Forms นักเรียนคดิ วา่ มีข้อดีอย่างไรบา้ ง (แนวคำตอบ ใช้งานง่าย ประมวลผลใหท้ ันที นำแผนภูมไิ ปนำเสนองานไดท้ ันที) 5. ครูอธบิ ายความสำคัญการเลือกใช้ซอฟต์แวรท์ ีเ่ หมาะกับงาน และวตั ถปุ ระสงค์ เช่น ตัวอย่างการรวบรวบ ข้อมูลครเู ลอื กใช้ Google Forms เน่ืองจากสามารถประมวลผลข้อมลู ใหไ้ ด้ทันที และสามารถนำแผนภมู ิไป ใช้ในการนำเสนองานต่อได้ จึงลดเวลาการทำงานไดม้ าก 6. ครูใหน้ กั เรียนยกตวั อย่างโปรแกรมท่สี ามารถใช้โปรแกรมในการประมวลผลข้อมูล หรือการสร้างและ นำเสนอข้อมูลได้
(แนวคำตอบ Microsoft Excel) 7. ครอู ธิบายเน้อื หาในหนงั สือเรยี นวิชา เทคโนโลยี(วิทยาการคำนวณ) ชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ 3 บริษัท อักษร เจริญทศั น์ อจท. หน้า19 เรอื่ ง ซอฟตแ์ วรท์ ่ีใช้ในการประมวลผลข้อมูล และซอฟต์แวรท์ ี่ใช้สำหรับสร้างและ นำเสนอข้อมูล ข้นั สอน (50นาที) 8. ครสู อบถามนักเรยี นว่า จากคาบท่ีแลว้ ครูยกตัวอย่างการใช้ซอฟต์แวรใ์ นการจัดการข้อมลู และสารสนเทศ พรอ้ มทัง้ อธิบายเน้ือหาในหนังสอื เรยี นเพ่ิมเติม นักเรียนคดิ ว่าตนเองมีความถนดั ในการใช้ซอฟต์แวร์ใดเพื่อ ใชใ้ นการสร้างและนำเสนอข้อมลู บ้าง (แนวคำตอบ Keynote, PowerPoint, Google Slide) 9. จากกิจกรรมที่ครูให้นักเรียนหาข้อมูลว่าถ้าต้องการทำงาน 5 อาชีพในฝันนี้นักเรียนควรเรียนคณะอะไร ค่าเฉลีย่ เทอมละเท่าไร รวบรวมข้อมูลอย่างน้อย 6 มหาวิทยาลัยข้ึนไป (แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2 ชั่วโมง ที่ 4) ในคาบเรียนนี้ให้นักเรียนนำข้อมูลท่ีรวบรวมข้อมูลและประมวลผลข้อมูลไว้ มาเตรียมนำเสนอทีละ กลุม่ โดยใหแ้ ต่ละกลมุ่ เลือกใช้ซอฟตแ์ วรต์ ามความถนัดและเหมาะสมกบั วัตถปุ ระสงค์ท่ีจะใช้งาน ขนั้ สอน (40นาที) 10. ครูใหแ้ ตล่ ะกล่มุ นำเสนองานหนา้ ชั้นเรยี น 11. ครสู อบถามนกั เรียนแต่ละกลุ่มวา่ จากการประมวลผลมีมหาวทิ ยาลยั ใดทนี่ ่าเรียนต่อบา้ ง เพราะอะไร ขั้นสรปุ (10นาที) 1. ครูให้นกั เรียนชว่ ยกันสรปุ ประโยชน์จากการนำข้อมลู มาประมวลผล 10. สอื่ แหลง่ การเรยี นรู้ 1. หนังสอื เรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) ม.3 หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 1 เร่อื ง การจัดการข้อมลู และสารสนเทศ 2. คอมพิวเตอร์ 3. ใบความรู้ เรื่อง การใช้ Google Forms
11. การวดั และการประเมินผล 11.1 การประเมนิ ระหว่างการจัดกจิ กรรม จุดประสงค์ วิธกี ารประเมิน เคร่ืองมือการประเมิน เกณฑก์ ารประเมิน แบบประเมนิ การ เลือกใช้ซอฟต์แวร์ท่ี 1. เลอื กใช้ซอฟตแ์ วร์ที่ ประเมินการนำเสนอ นำเสนออาชีพ เหมาะสมในการจดั การ ขอ้ มลู และสารสนเทศ เหมาะสมในการจดั การ อาชพี แบบประเมินการ ตามวัตถุประสงคไ์ ด้ใน นำเสนออาชีพ ระดับคุณภาพพอใช้ข้นึ ข้อมูลและสารสนเทศ ไปถือว่าผา่ น ตระหนกั ถึงข้อมลู ที่ ตามวัตถุประสงค์ได้ นำเสนอว่าไม่ควรสง่ ผล กระทบตอ่ ผู้อ่นื ในระดบั (K,P) คุณภาพพอใช้ขน้ึ ไปถอื ว่าผา่ น 2. ตระหนักถึงข้อมลู ที่ ประเมินการนำเสนอ นำเสนอว่าไม่ควรสง่ ผล อาชพี กระทบตอ่ ผู้อนื่ (A)
11.2 การประเมนิ การนำเสนออาชพี ประเดน็ ในการประเมนิ 3 เกณฑ์การให้คะแนน 1 2 1. การเลือกใช้ สามารเลือกใช้ซอฟตแ์ วร์ สามารเลอื กใช้ซอฟต์แวร์ สามารเลอื กใช้ซอฟตแ์ วร์ ซอฟตแ์ วร์ในการจดั การ ทีเ่ หมาะสมกับการใช้ ท่ีเหมาะสมกบั การใช้ ทเี่ หมาะสมกบั การใช้ ข้อมูลและสารสนเทศ รวบรวมข้อมลู หรอื รวบรวมข้อมลู หรือ รวบรวมข้อมลู หรือ ประมวลผลขอ้ มูลตาม ประมวลผลข้อมูลตาม ประมวลผลข้อมลู ตาม วตั ถปุ ระสงค์ท่ีต้องการ วัตถุประสงค์ที่ต้องการ วตั ถุประสงค์พอใช้ได้ ได้ พอใช้ไดเ้ ป็นสว่ นใหญ่ เพียงบางส่วน 2. การเลือกใช้ สามารเลือกใช้ซอฟตแ์ วร์ สามารเลอื กใช้ซอฟตแ์ วร์ สามารเลอื กใช้ซอฟตแ์ วร์ ซอฟตแ์ วรใ์ นการ นำเสนอข้อมูลและ ในการนำเสนอขอ้ มลู ในการนำเสนอขอ้ มูล ในการนำเสนอข้อมูล สารสนเทศ 3. การนำเสนอ และสารสนเทศได้ตาม และสารสนเทศตาม และสารสนเทศพอใช้ได้ 4. ตระหนกั ถงึ วตั ถุประสงค์ทีต่ อ้ งการ วตั ถปุ ระสงค์พอใช้ได้ เพียงบางส่วน ผลกระทบต่อผอู้ ืน่ เปน็ สว่ นใหญ่ มคี วามชัดเจนในการ มีความชัดเจนในการ มคี วามชดั เจนในการ สื่อสาร ใช้ถ้อยคำ สือ่ สาร ใช้ถอ้ ยคำ สอ่ื สาร ใชถ้ ้อยคำ เหมาะสมเข้าใจงา่ ย เหมาะสมเข้าใจงา่ ย เหมาะสมเข้าใจง่าย สามารถตอบคำถามได้ สามารถตอบคำถามได้ สามารถตอบคำถามได้ ทุกข้อ และรับฟังความ เป็นส่วนใหญ่ และรบั ฟัง เพยี งบางสว่ น และรับฟัง คิดเห็นของผู้อ่ืน ความคิดเห็นของผู้อ่นื ความคดิ เหน็ ของผู้อน่ื ข้อมูลที่นำเสนอไมส่ ง่ ผล ขอ้ มลู ทีน่ ำเสนอไมส่ ง่ ผล ขอ้ มลู ท่ีนำเสนอไมส่ ง่ ผล กระทบหรือใหร้ ้ายผู้อน่ื กระทบหรือใหร้ า้ ยผู้อ่นื กระทบหรือให้ร้ายผู้อ่นื ทั้งทางตรงและทางอ้อม ท้ังทางตรงและทางอ้อม ทัง้ ทางตรงและทางอ้อม เปน็ สว่ นใหญ่ เพยี งบางส่วน เกณฑ์การตัดสนิ คุณภาพ ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ 10 – 12 ดี 9–6 นอ้ ยกว่า 6 พอใช้ ปรับปรงุ
11.3 แบบประเมนิ คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ คำชแ้ี จง : ใหผ้ ้สู อนสงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แลว้ ขีด ✓ลงในช่อง ที่ตรงกบั ระดับคะแนน คณุ ลักษณะ รายการประเมนิ ระดับคะแนน อันพงึ ประสงคด์ า้ น 32 1 1. รกั ชาติ ศาสน์ 1.1 ยนื ตรงเคารพธงชาตแิ ละรอ้ งเพลงชาติได้ กษัตรยิ ์ 1.2 เข้ารว่ มกิจกรรมทีส่ ร้างความสามัคคีปรองดองและเปน็ ประโยชน์ ตอ่ โรงเรียน 1.3 เข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนาที่ตนนับถอื ปฏบิ ตั ิตามหลกั ศาสนา 1.4 เข้ารว่ มกจิ กรรมที่เก่ียวกับสถาบนั พระมหากษตั ริย์ตามท่โี รงเรยี นจัดข้ึน 2. ซ่ือสตั ย์ สจุ รติ 2.1 ให้ขอ้ มูลทถี่ กู ต้องและเปน็ จริง 2.2 ปฏบิ ตั ใิ นสิ่งท่ถี ูกตอ้ ง 3. มีวินัย รบั ผดิ ชอบ 3.1 ปฏบิ ตั ิตามขอ้ ตกลง กฎเกณฑ์ ระเบยี บ ข้อบงั คบั ของครอบครวั มีความตรงต่อเวลาในการปฏิบัตกิ จิ กรรมต่าง ๆ ในชีวติ ประจำวัน 4. ใฝเ่ รียนรู้ 4.1 รจู้ กั ใชเ้ วลาวา่ งให้เปน็ ประโยชนแ์ ละนำไปปฏิบัตไิ ด้ 4.2 รู้จกั จดั สรรเวลาใหเ้ หมาะสม 4.3 เช่ือฟังคำสั่งสอนของบดิ า-มารดา โดยไมโ่ ต้แยง้ 4.4 ตง้ั ใจเรยี น 5. อยอู่ ย่างพอเพียง 5.1 ใช้ทรพั ย์สินและสง่ิ ของของโรงเรียนอย่างประหยดั 5.2 ใช้อปุ กรณก์ ารเรยี นอยา่ งประหยัดและรู้คุณคา่ 5.3 ใช้จ่ายอย่างประหยัดและมกี ารเกบ็ ออมเงนิ 6. มุง่ มัน่ ในการทำงาน 6.1 มีความตัง้ ใจและพยายามในการทำงานที่ไดร้ ับมอบหมาย 6.2 มีความอดทนและไม่ทอ้ แท้ต่ออปุ สรรคเพื่อให้งานสำเรจ็ 7. รักความเป็นไทย 7.1 มจี ติ สำนึกในการอนรุ ักษว์ ฒั นธรรมและภมู ิปญั ญาไทย 7.2 เหน็ คุณคา่ และปฏิบัตติ นตามวัฒนธรรมไทย 8. มจี ติ สาธารณะ 8.1 รู้จักช่วยพ่อแม่ ผปู้ กครอง และครูทำงาน 8.2 รจู้ ักการดแู ลรักษาทรัพย์สมบัติและสิ่งแวดลอ้ มของหอ้ งเรยี น และโรงเรยี น ลงชอ่ื ..................................................ผู้ประเมนิ ............/.................../................ เกณฑ์การใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ พฤติกรรมที่ปฏิบัตชิ ัดเจนและสมำ่ เสมอ ให้ 2 คะแนน 51-60 ดมี าก พฤติกรรมที่ปฏบิ ตั ชิ ัดเจนและบ่อยครั้ง ให้ 1 คะแนน 41-50 ดี พฤติกรรมทป่ี ฏบิ ตั ิบางคร้ัง 30-40 พอใช้ ปรับปรงุ ตำ่ กวา่ 30
ใบความรู้ เร่ือง การใช้ Google Forms คำช้ีแจง : เอกสารนเ้ี ป็นตัวอยา่ งการใช้ Google Forms ในกิจกรรม อาชพี ในอนาคต ให้นกั เรียนทำกจิ กรรมโดยตอบแบบสอบถามใน Google Forms ท่ีครูเตรียมไวใ้ ห้ จากนน้ั ครูเปิดผลผลการแบบสอบถามในแถบคำสงั่ “การตอบกลับ” ในรูปแบบแผนภูมิ ตัวอยา่ ง คำถามในแบบสอบถาม 1.อาชพี ท่ีอยากทำในอนาคต (ตัวอยา่ งตวั เลือก ครู ตำรวจ ทหาร โปรแกรมเมอร์ นกั บญั ชี ดารา นกั แสดง นักร้อง ) 2.ระดบั เงินเดือนทค่ี าดหวัง (ตัวอยา่ งตวั เลือก 20,000-40,000 / 40,000-60,000 / 60,000-80,000 / 80,000-100,000 / มากกวา่ 100,000 ) 3.บรษิ ัทที่อยากรว่ มงานดว้ ย (ตวั อย่างตวั เลอื ก Apple, Facebook, Google, Adidas ) ตวั อยา่ ง แบบสอบถาม
ตวั อย่าง แผนภมู ิจากการประมวลผลด้วยGoogle Forms หมายเหตุ 1.สามารถศึกษาวิธีการสรา้ งแบบสอบถามด้วย Google Forms จากเอกสารตาม ลิงค์http://km.cpd.go.th/pdf-bin/pdf_2117498769.pdf
12. ความเหน็ ของผู้บริหารสถานศึกษาหรือผูท้ ไ่ี ดร้ บั มอบหมาย ) ขอ้ เสนอแนะ ....... ลงช่อื ( ตำแหนง่ 13. บนั ทึกผลหลังการสอน ด้านความรู้ ด้านสมรรถนะสำคัญของผู้เรียน ด้านคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ ด้านความสามารถทางเทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) ด้านอืน่ ๆ (พฤติกรรมเด่นหรือพฤติกรรมทมี่ ปี ญั หาของนักเรยี นเปน็ รายบคุ คล (ถ้ามี)) ปัญหา/อุปสรรค แนวทางการแก้ไข
แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 1 หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 2 ความนา่ เช่ือถอื ของขอ้ มลู เวลา 8 ช่วั โมง เรอ่ื ง การสบื ค้นเพอ่ื หาแหล่งขอ้ มูล เวลา 2 ชัว่ โมง รายวชิ า เทคโนโลยี (วทิ ยาการคำนวณ) กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 3 1. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตัวชี้วัด สาระท่ี 4 เทคโนโลยี มาตรฐาน ว 4.2 เข้าใจและใช้แนวคิดเชิงคำนวณในการแก้ปัญหาที่พบในชีวิตจริงอย่างเป็นข้ันตอน และเปน็ ระบบ ใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศและการสอื่ สารในการเรยี นรู้ การทำงาน และการแก้ปัญหา ไดอ้ ย่างมีประสทิ ธภิ าพ ร้เู ทา่ ทนั และมีจรยิ ธรรม ตวั ช้วี ัด ม.3/3 ประเมินความนา่ เชื่อถอื ของข้อมลู วิเคราะหส์ ื่อและผลกระทบจากการให้ข่าวสารท่ีผิด เพื่อการใชง้ านอย่างรูเ้ ท่าทัน 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. บอกขั้นตอนการสบื ค้นเพื่อหาแหลง่ ข้อมูลด้วยอนิ เทอร์เน็ตได้ (K) 2. คน้ หาขอ้ มลู ได้ตรงตามวตั ถุประสงค์ (P) 3. คน้ หาข้อมลู ทมี่ ีความนา่ เชอื่ ถือและมีคุณค่าสำหรับการนำไปใชป้ ระโยชน์ได้ (P,A) 3. สาระสำคัญ การสืบค้นแหล่งข้อมูลเป็นกระบวนการค้นหาข้อมูลที่ต้องการ โดยใช้เคร่ืองมือต่าง ๆ แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ดงั นี้ 1. การสืบค้นขอ้ มลู ด้วยมอื คอื การสืบคน้ ข้อมลู ด้วยเอกสาร หนงั สอื ตำรา เปน็ ต้น 2. การสบื คน้ ขอ้ มูลดว้ ยระบบคอมพวิ เตอร์ คอื การสบื คน้ ข้อมลู ผา่ นเทคโนโลยหี รอื อุปกรณ์ คอมพิวเตอร์ เชน่ การสืบค้นข้อมูลจากระบบฐานข้อมูล ขอ้ มูลออนไลน์ เปน็ ตน้ 4. สาระการเรยี นรู้ 1. การสบื คน้ ขอ้ มลู ดว้ ยระบบคอมพิวเตอร์ 2. ขน้ั ตอนการสืบค้นเพื่อหาแหล่งขอ้ มูลด้วยอนิ เทอรเ์ นต็ 5. รูปแบบการสอน/วิธกี ารสอน 1. รปู แบบการสอนแบบการอภปิ ราย 2. วิธกี ารสอนโดยเนน้ การเรยี นรแู้ บบร่วมมือ (Collaborative learning) - เทคนคิ คูค่ ดิ (Think Pair Share)
6. สมรรถนะสำคัญของผู้เรยี น ซอื่ สัตย์ สุจริต ความสามารถในการสือ่ สาร ใฝ่เรียนรู้ ความสามารถในการคดิ มงุ่ มั่นในการทำงาน ความสามารถในการแก้ปญั หา มจี ติ สาธารณะ ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวิต ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 7. ทกั ษะ 4 Cs ทักษะการคิดวิจารณญาณ (Critical Thinking) ทกั ษะการทำงานรว่ มกนั (Collaboration Skill) ทกั ษะการสือ่ สาร (Communication Skill) ทักษะความคิดสร้างสรรค์ (Creative Thinking) 8. คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ รกั ชาติ ศาสนา พระมหากษัตรยิ ์ มีวนิ ัย อยู่อย่างพอเพียง รกั ความเปน็ ไทย 9. การจดั กระบวนการเรียนรู้ ช่ัวโมงท่ี 1 1. ครูให้นักเรียนทำแบบทดสอบก่อนเรียนหน่วยการเรียนรู้ที่ 2 เรื่อง ความน่าเช่ือถือของข้อมูล เพอื่ วดั ความรเู้ ดมิ ของนกั เรียนก่อนเข้าสู่กจิ กรรม ข้ันนำ (10 นาที) 1. ครูสอบถามนกั เรยี นวา่ หากต้องการทราบข้อมูลเร่ืองท่ีสนใจ นักเรียนมีวิธีการค้นหาข้อมูลได้อย่างไร และใช้ เครอ่ื งมอื ใด (แนวคำตอบ คน้ หาจากอินเทอร์เนต็ โดยใช้ google คน้ ดว้ ยตำราหรอื หนังสอื )
ขัน้ สอน (30 นาที) 1. ครูอธิบายเน้ือหาในหนังสือเรียนวิชา เทคโนโลยี(วิทยาการคำนวณ) อจท. หน้า 25 ในอดีตการค้นหาข้อมูล ส่วนใหญ่จะใช้วิธีการสืบค้นข้อมูลด้วยมือ เนื่องจากข้อมูลส่วนใหญ่อยู่ในหนังสือ เอกสาร ตำรา แต่ในยุค ปัจจุบันคอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ตถูกใช้งานอย่างแพร่หลาย ดังน้ันวิธีการสืบค้นข้อมูลด้วยระบบ คอมพิวเตอร์จงึ เปน็ ทีน่ ยิ ม 2. ครูอธิบายเน้ือหาในหนังสือเรียนวิชา เทคโนโลยี(วิทยาการคำนวณ) อจท. หน้า26 ข้อมูลท่ีมีอยู่ใน อินเทอร์เน็ตนั้นมีขนาดใหญ่ การสืบค้นจึงควรมีวิธีการหรือเครื่องมือเข้ามาช่วย เช่น กำหนดวัตถุประสงค์ ของการสืบค้น ประเภทของข้อมูลที่สามารถสืบค้นได้ อุปกรณ์และความรู้ที่ใช้ในการสืบค้น บริการ อินเทอรเ์ น็ต เครื่องมอื หรอื โปรแกรมสำหรบั สืบค้น 3. ครูสนทนากับนักเรียนว่าอินเทอร์เน็ตท่ีมีท้ังประโยชน์และโทษ ครูถามคำถามว่า “นักเรียนคิดว่า อนิ เทอร์เน็ตใหป้ ระโยชน์อยา่ งไรกับตวั นักเรียนบ้าง” (แนวคำตอบ ใชใ้ นการสืบคน้ ขอ้ มลู ไดร้ วดเรว็ ประหยดั เวลา ใชต้ ิดต่อสารสารกบั คนอื่น) 4. จากนน้ั ครถู ามคำถามนักเรียนวา่ “แล้วคดิ ว่าอินเทอรเ์ น็ตมโี ทษกบั ตัวนักเรียนหรือไม่ อยา่ งไร” (แนวคำตอบ เล่นมากไปเสียการเรยี น) 5. ครูอธิบายเพิ่มเติมในเนื้อหาประโยชน์และโทษของอินเทอร์เน็ตจากหนังสือเรียนวิชา เทคโนโลยี(วิทยาการ คำนวณ) อจท. หนา้ 27 – 28 6. ครูให้นักเรียนดูแนวทางการใช้อินเทอร์เน็ตอย่างมีคุณธรรมและจริยธรรมในหนังสือ หน้า 29 และสรุป แนวคดิ เรอื่ งคณุ ธรรมและจริยธรรมในการใชอ้ ินเทอรเ์ น็ตร่วมกนั 7. ครูยกตัวอย่างภาพเก่ียวกับการโพสในโซเชียลเก่ียวกับคุณธรรมและจริยธรรมในการใช้อินเทอร์เน็ตให้ นักเรียนดู และให้นกั เรยี นร่วมกนั แสดงความคดิ เห็นวา่ ขอ้ ความที่โพสเหมาะสมหรือไม่ อยา่ งไร ตัวอยา่ งขอ้ ความทโี่ พสลงโซเชยี ล
8. ครูให้นักเรียนทำแบบฝึกหัด exersice ในหนังสือแบบฝึกหัด เทคโนโลยี (วทิ ยาการคำนวณ) หน้า 19 – 21 ขอ้ 1 – 4 เพือ่ ตรวจสอบความเขา้ ใจ ชัว่ โมงที่ 2 ข้นั สอน (40 นาที) 9. ครสู อบถามนกั เรียนวา่ หากตอ้ งการสบื คน้ ขอ้ มลู ผ่านอนิ เทอรเ์ น็ตสามารถใช้เคร่ืองมือใดได้บ้าง (แนวคำตอบ Google, bing, yahoo) 10. ครูอธิบายเครื่องมือสำหรับสืบค้นข้อมูลผ่านอินเทอร์เน็ตจากหนังสือเรียนวิชา เทคโนโลยี(วิทยาการ คำนวณ) อจท. หน้า 30 – 32 11. ครูให้นักเรียนจับคู่เพื่อทำกิจกรรม “คำไหนเร็วกว่ากัน” กิจกรรมน้ีต้องการให้นักเรียนกำหนดคำสำคัญ ของการสืบค้นขอ้ และสามารถประเมนิ ความนา่ เช่ือถือข้องแหล่งข้อมลู ได้ 12. ครูกำหนดใหน้ กั เรยี นแตล่ ะค่คู น้ หาคำตอบจากอนิ เทอรเ์ น็ตโดยมือถือ แท็บเล็ต หรอื แล็ปทอ็ ป 13. ครถู ามนักเรยี นว่าจากการทำกจิ กรรมเพ่ือคน้ หาข้อมูลให้ได้เรว็ ทสี่ ุด นักเรียนไดแ้ นวคิดอย่างไรบ้าง 14. ครูถามนักเรยี นต่อวา่ หากต้องการค้นหาข้อมูลที่สนใจ นักเรียนมกี ารวางแผน ขั้นตอน หรือเทคนิคอย่างไร บ้าง 15. ครูอธิบายความสำคัญ ขั้นตอนการสืบค้นข้อมูลเพบนอินเทอร์เน็ต และเทคนิคการสืบค้นด้วย Google.com จากหนงั สือเรียนวชิ า เทคโนโลยี(วทิ ยาการคำนวณ) อจท. หนา้ 33 – 36 16. จากนั้นครูให้นักเรียนทำแบบฝึกหัด exersice ในหนังสือแบบฝึกหัด เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) หน้า 21 – 23 ขอ้ 5 – 8 เพอื่ ตรวจสอบความเขา้ ใจ ขน้ั สรปุ (10 นาที) 1. ครสู อบถามนักเรียนว่าจากนี้ไปหากตอ้ งการสืบค้นข้อมลู ผา่ นอนิ เทอรเ์ นต็ ตอ้ งมีขั้นตอนอย่างไร 2. ครใู หน้ กั เรยี นสรปุ เทคนคิ การค้นหาข้อมลู ทน่ี ักเรียนไดเ้ รยี นรู้ร่วมกนั 10. ส่อื แหลง่ การเรียนรู้ 1. หนังสอื เรยี นรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคำนวณ) ม.3 หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 2 เรือ่ ง ความนา่ เชอื่ ถือของขอ้ มลู 2. หนงั สือแบบฝึกหดั รายวชิ าพืน้ ฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) ม.3 หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 2 เรือ่ ง ความน่าเชอ่ื ถือของขอ้ มลู 3. ใบงานที่ 2.1.1 เรอ่ื ง คำไหนเรว็ กว่ากัน
11. การวดั และการประเมนิ ผล 11.1 การประเมินระหวา่ งการจดั กจิ กรรม จุดประสงค์ วิธีการประเมนิ เครอื่ งมอื การประเมนิ เกณฑ์การประเมิน แบบฝึกหัดรายวิชา ตอบคำถามแบบฝกึ หดั 1. บอกขั้นตอนการ ตรวจแบบฝึกหดั พน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ ได้ถูกต้อง 60% ขึ้นไป เทคโนโลยี (วิทยาการ สบื คน้ เพ่ือหา Exersice หน้า 19 - 21 คำนวณ) ม.3 1. ค้นหาขอ้ มูลไดต้ รง หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 2 ตามวตั ถุประสงค์ แหล่งข้อมูลด้วย เรอ่ื ง ความนา่ เชื่อถือ คุณภาพระดบั พอใช้ข้ึน ของข้อมลู หน้า19 - 21 ไป อินเทอรเ์ นต็ ได้ (K) 1. ใบงานที่ 2.1.1 2. ตอบคำถาม เรอ่ื ง คำไหนเรว็ กว่ากัน แบบฝึกหัดได้ถกู ต้อง 2. คน้ หาข้อมลู ได้ตรง 1. ตรวจใบงานที่ 2.1.1 2. แบบฝกึ หัดรายวชิ า 60% ขน้ึ ไป ตามวตั ถปุ ระสงค์ (P) เรื่อง คำไหนเร็วกว่ากนั พืน้ ฐานวิทยาศาสตร์ 2. ตรวจแบบฝกึ หัด เทคโนโลยี (วทิ ยาการ ค้นหาข้อมลู ทีม่ ีความ Exersice หนา้ 21 - 23 คำนวณ) ม.3 น่าเช่อื ถอื และมีคณุ ค่า หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 2 สำหรบั การนำไปใช้ 3. คน้ หาขอ้ มูลทม่ี คี วาม ตรวจใบงานท่ี 2.1.1 เรอ่ื ง ความนา่ เชื่อถือ ประโยชน์ได้ คุณภาพ นา่ เชือ่ ถอื และมีคณุ ค่า เร่ือง คำไหนเรว็ กวา่ กนั ของข้อมลู หน้า 21–23 ระดับพอใชข้ ึ้นไป สำหรับการนำไปใช้ 3. แบบประเมนิ ประโยชนไ์ ด้ (P,A) แบบฝึกหัด ใบงานท่ี 2.1.1 เรื่อง คำไหนเร็วกว่ากัน
11.2 การประเมนิ แบบฝึกหัด ประเดน็ ในการประเมิน เกณฑ์การใหค้ ะแนน 3 21 1. คน้ หาข้อมลู สามารถกำหนดคำ สามารถกำหนดคำ สามารถกำหนดคำ สำคญั ในการคน้ หา สำคัญในการค้นหา สำคัญในการคน้ หา ข้อมูลไดต้ รงประเด็น ข้อมลู ได้ตรงประเดน็ เป็น ข้อมลู ไดเ้ พยี งบางสว่ น และข้อมลู ที่ได้ สว่ นใหญ่ และข้อมลู ทไี่ ด้ และข้อมลู ท่ีได้ ครอบคลุมตาม ครอบคลุมตาม ครอบคลุมเพียงบางสว่ น วตั ถุประสงค์ที่ตอ้ งการ วตั ถุประสงค์ทตี่ อ้ งการ เช่นกนั 2. แหลง่ ที่มาของข้อมลู แหล่งท่ีมาของขอ้ มลู มา แหลง่ ที่มาของข้อมูลมา แหลง่ ที่มาของขอ้ มลู มา จากหลายแหลง่ และมี ความน่าเชอ่ื ถือ ถูกต้อง จากหลายแหล่ง และมี จากหลายแหลง่ และมี มีคณุ ค่าสำหรับการ นำไปใช้ประโยชนไ์ ดจ้ รงิ ความน่าเชื่อถือ ถูกตอ้ ง ความนา่ เช่ือถือ ถูกตอ้ ง มคี ุณค่าสำหรบั การ แตข่ ้อมลู อาจจะไม่ นำไปใชป้ ระโยชน์ไดจ้ ริง สามารถนำไปใช้ เป็นสว่ นใหญ่ ประโยชนไ์ ด้จริง เกณฑ์การตดั สนิ คุณภาพ ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ 5–6 ดี 3–4 พอใช้ น้อยกว่า 3 ปรบั ปรงุ
ใบงานท่ี 2.1.1 เรอ่ื ง คำไหนเร็วกว่ากนั จุดประสงค์ 1. กำหนดคำสำคัญสำหรับการสืบค้นข้อมูลได้ 2. ประเมินความนา่ เชอ่ื ถือของขอ้ มลู ที่ได้จากการสืบคน้ ได้ ช่ือสมาชิก 1………………………………………………………………………………………………… 2………………………………………………………………………………………………… คำชแี้ จง ครใู หน้ กั เรยี นจบั คูส่ บื ค้นหาข้อมลู ที่กำหนดใหต้ ่อไปน้ี โดยใช้อินเทอร์เน็ต 1. การป้องกันตัวเม่ือไปเทีย่ วทะเลแล้วพลาดว่ายนำ้ ไปโดนแมงกะพรุนจะแกป้ ัญหาอยา่ งไร คำสำคัญในการค้นหาข้อมูล...................................................................................................... .................. ขอ้ มลู ทคี่ ้นหา.................................................................................................. ............................................ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. แหล่งที่มาของข้อมลู …………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. 2. เมื่อเป็นตะคริวขณะวา่ ยน้ำ จะเอาตวั รอดอย่างไร คำสำคญั ในการคน้ หาข้อมูล...................................................................................................... .................. ขอ้ มลู ท่ีคน้ หา.............................................................................................................................................. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. แหล่งทมี่ าของข้อมูล…………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. 3. เม่ือผ้หู ญิงโดนคุกคามจากชายฉกรรจ์ ควรมวี ธิ ีป้องกันตัวอย่างไร
คำสำคัญในการคน้ หาขอ้ มลู ...................................................................................................... .................. ข้อมลู ทค่ี ้นหา.................................................................................................. ............................................ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. แหล่งทีม่ าของขอ้ มูล…………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. 4. ถา้ เจอเหตุการณท์ ่มี ีคนเป็นลมชัก จะต้องทำอย่างไรเป็นอนั ดบั แรก คำสำคญั ในการค้นหาข้อมลู ...................................................................................................... .................. ข้อมลู ท่ีคน้ หา.............................................................................................................................................. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. แหลง่ ทีม่ าของข้อมลู …………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. 5. เมอื่ เปน็ ตะคริวขณะวา่ ยน้ำ จะเอาตัวรอดอยา่ งไร คำสำคัญในการคน้ หาขอ้ มูล...................................................................................................... .................. ขอ้ มูลทค่ี ้นหา.................................................................................................. ............................................ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. แหล่งทมี่ าของขอ้ มูล…………………………………………………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
ใบงานท่ี 2.1.1 เฉลย เรื่อง คำไหนเร็วกว่ากัน จุดประสงค์ 1. กำหนดคำสำคัญสำหรับการสืบคน้ ข้อมูลได้ 2. ประเมินความน่าเชอ่ื ถอื ของข้อมูลทีไ่ ด้จากการสบื คน้ ได้ ช่ือสมาชกิ 1………………………………………………………………………………………………… 2………………………………………………………………………………………………… คำชแี้ จง ครใู ห้นักเรียนจับคสู่ ืบค้นหาขอ้ มลู ท่กี ำหนดให้ตอ่ ไปน้ี โดยใช้อินเทอรเ์ นต็ 1. การปอ้ งกนั ตัวเม่อื ไปเท่ยี วทะเลแล้วพลาดว่ายน้ำไปโดนแมงกะพรนุ จะแก้ปัญหาอย่างไร คำสำคัญในการคน้ หาขอ้ มูล...................................................................................................... .................. ข้อมูลทค่ี น้ หา.................................................................................................. ............................................ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. แหล่งทมี่ าของขอ้ มลู …………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. 2. เมอ่ื เปน็ ตะคริวขณะว่ายนำ้ จะเอาตวั รอดอยา่ งไร คำสำคัญในการค้นหาขอ้ มลู ...................................................................................................... .................. ข้อมลู ท่คี น้ หา.............................................................................................................................................. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. แหล่งท่ีมาของขอ้ มูล…………………………………………………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
3. เมือ่ ผ้หู ญิงโดนคุกคามจากชายฉกรรจ์ ควรมีวิธปี ้องกันตวั อย่างไร คำสำคัญในการคน้ หาขอ้ มลู .................................................................................................................... .... ขอ้ มลู ทค่ี ้นหา............................................................................................................... ............................... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. แหลง่ ท่ีมาของขอ้ มลู …………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. 4. ถา้ เจอเหตกุ ารณ์ทีม่ ีคนเป็นลมชัก จะต้องทำอยา่ งไรเปน็ อันดบั แรก คำสำคัญในการคน้ หาขอ้ มูล...................................................................................................... .................. ข้อมูลทคี่ ้นหา.............................................................................................................................................. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. แหลง่ ทม่ี าของขอ้ มลู …………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. 5. เม่ือเป็นตะคริวขณะวา่ ยน้ำ จะเอาตัวรอดอยา่ งไร คำสำคัญในการค้นหาขอ้ มลู ...................................................................................................... .................. ข้อมูลท่คี ้นหา............................................................................... ............................................................... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. แหลง่ ท่มี าของขอ้ มูล…………………………………………………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
12. ความเหน็ ของผู้บริหารสถานศึกษาหรือผูท้ ไ่ี ดร้ บั มอบหมาย ) ขอ้ เสนอแนะ ....... ลงช่อื ( ตำแหนง่ 13. บนั ทึกผลหลังการสอน ด้านความรู้ ด้านสมรรถนะสำคัญของผู้เรียน ด้านคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ ด้านความสามารถทางเทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) ด้านอืน่ ๆ (พฤติกรรมเด่นหรือพฤติกรรมทมี่ ปี ญั หาของนักเรยี นเปน็ รายบคุ คล (ถ้ามี)) ปัญหา/อุปสรรค แนวทางการแก้ไข
แผนการจัดการเรยี นร้ทู ่ี 2 หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 2 ความนา่ เชือ่ ถอื ของขอ้ มูล เวลา 8 ช่ัวโมง เร่อื ง การประเมนิ ความน่าเช่อื ถือของข้อมูล เวลา 4 ชว่ั โมง รายวิชา เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) กล่มุ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 3 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ช้วี ัด สาระที่ 4 เทคโนโลยี มาตรฐาน ว 4.2 เข้าใจและใช้แนวคิดเชิงคำนวณในการแก้ปัญหาท่ีพบในชีวิตจริงอย่างเป็นข้ันตอน และเปน็ ระบบ ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสอื่ สารในการเรียนรู้ การทำงาน และการแก้ปัญหา ไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ รูเ้ ท่าทันและมจี ริยธรรม ตัวช้ีวัด ม.3/3 ประเมินความน่าเชือ่ ถอื ของข้อมลู วิเคราะห์ส่ือและผลกระทบจากการให้ข่าวสารที่ผิด เพื่อการใช้งานอยา่ งรเู้ ท่าทนั 2. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1. บอกหลักการการประเมินความน่าเชอ่ื ถือของขอ้ มูลได้ (K) 2. ประเมินความน่าเชื่อถือของขอ้ มูลได้ (P) 3. คำนงึ ถึงผลกระทบท่เี กิดข้ึนจากการใชเ้ หตผุ ลวิบัตไิ ด้ (A) 3. สาระสำคญั การประเมินความน่าเช่ือถือของข้อมูล เป็นขั้นตอนในการประเมินเพ่ือคัดเลือกข้อมูลท่ีได้จากการ สืบค้นข้อมูลท่ีมีคุณค่า มีความน่าเชื่อถือ เป็นการพิจารณาเพ่ือคัดเลือกจากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ ซึ่งจากการ ประเมินความน่าเช่อื ถอื จะทำใหเ้ ราไดข้ ้อมลู ที่มคี ุณคา่ และนำขอ้ มูลไปประยุกตใ์ ช้อย่างเหมาะสม 4. สาระการเรียนรู้ 1. หลกั การประเมินความนา่ เชื่อถอื ของข้อมลู 2. การตรวจสอบความนา่ เช่อื ถือของขอ้ มลู 3. การประเมนิ ความน่าเชื่อถอื ของข้อมลู โดยใช้PROMPT 4. เหตุผลวบิ ตั ิ 5. รปู แบบการสอน/วิธีการสอน 1. รูปแบบการสอนแบบการอภปิ ราย 2. วิธกี ารสอนโดยเนน้ กระบวนการกล่มุ (Group Process–Based Instruction)
6. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น ซ่อื สตั ย์ สจุ รติ ความสามารถในการส่ือสาร ใฝ่เรยี นรู้ ความสามารถในการคดิ มุง่ ม่ันในการทำงาน ความสามารถในการแก้ปัญหา มีจิตสาธารณะ ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 7. ทักษะ 4 Cs ทักษะการคดิ วิจารณญาณ (Critical Thinking) ทกั ษะการทำงานรว่ มกนั (Collaboration Skill) ทักษะการส่อื สาร (Communication Skill) ทักษะความคดิ สร้างสรรค์ (Creative Thinking) 8. คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ รกั ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ มีวินัย อยู่อย่างพอเพยี ง รกั ความเป็นไทย 9. การจดั กระบวนการเรยี นรู้ ชว่ั โมงท่ี 1 ขน้ั นำ (10 นาท)ี 1. ครูถามนักเรียนว่าข้อมูล ข่าวสารในอินเทอร์เน็ตมีอยู่มากมายหากเราต้องการนำเอาข้อมูลไปใช้ประโยชน์ นกั เรียนมวี ธิ ีการในการคัดเลือกข้อมลู ท่ีนา่ เชอ่ื ถืออย่างไร (แนวคำตอบ ข้อมลู ตรงกับวตั ถปุ ระสงคก์ ารใช้งาน แหล่งขอ้ มูลมคี วามน่าเชื่อถอื ) ข้ันสอน (40 นาที) 1. ครูเปิดตัวอย่างข่าวให้นักเรียนดูจากน้ันให้นักเรียนร่วมกันวิเคราะห์ว่าเป็นข้อมูลจริงหรือไม่ (มีตัวอย่างข่าว อยทู่ า้ ยแผนการสอนชั่วโมงที่ 1) 2. ครูถามนักเรยี นว่านกั เรยี นใชเ้ กณฑ์ใดในการประเมินความน่าเช่อื ถือของข้อมูลบา้ ง (แนวคำตอบ แหล่งที่มาของข่าวมีความน่าเช่ือถือ มีการระบุวันท่ีในการเผยแพร่ อ้างอิงแหล่งที่มาของ ขอ้ มูล)
3. ครูอธิบายเน้ือหาในหนังสือเรียนวิชา เทคโนโลยี(วิทยาการคํานวณ) ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 3 บริษัท อักษร เจริญทัศน์ อจท. หน้า 37 – 40 เรื่อง หลักการประเมินความน่าเช่ือถือของข้อมูล จากนั้นครูอธิบายการ ตรวจสอบความนา่ เช่ือถือของแหล่งขอ้ มลู หนา้ 41 – 42 4. ครูนำตัวอย่างชุดข้อมูลหรือข่าวให้นักเรียนดูเพิ่มเติม จากน้ันให้ทุกคนช่วยกันประเมินความน่าเชื่อถือ (ครู สามารถหาข่าวทส่ี นใจให้เหมาะสมกบั วยั ของนกั เรยี นได้ทางอนิ เทอรเ์ น็ต หรอื สอ่ื สง่ิ พมิ พ์ต่าง ๆได้) 5. จากนั้นครูให้นักเรียนทำแบบฝึกหัด exersice ในหนังสือแบบฝึกหัด เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) หน้า 24-26 ขอ้ 1 – 4 เพอื่ ตรวจสอบความเขา้ ใจ (ตัวอยา่ งข่าวในข้ันสอนขอ้ 1) แหล่งทม่ี า ไทยรัฐออนไลน(์ https://www.thairath.co.th/news/foreign/1712348 )
ชั่วโมงท่ี 2 ขัน้ สอน (50 นาท)ี 6. ครูสนทนากับนักเรียนว่า คาบท่ีแล้วเราประเมินความน่าเช่ือถือของข้อมูลด้วยหลักการการประเมินความ น่าเช่ือถือ และการตรวจสอบแหล่งท่ีมาของข้อมูล นอกจาก 2 วิธีนี้แล้ว ยังสามารถประเมินความ น่าเช่ือถือของขอ้ มูลโดยใช้ PROMPT 7. ครูอธิบายวิธีการประเมินความน่าเช่ือถือของข้อมูลโดยใช้ PROMPT ในหนังสือเรียนวิชา เทคโนโลยี (วทิ ยาการคาํ นวณ) ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 3 บริษทั อกั ษร เจริญทัศน์ อจท. หนา้ 43 8. จากนั้นครูให้นักเรียนทำแบบฝึกหัด exersice ในหนังสือแบบฝึกหัด เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) หน้า 26 – 27 ข้อ 5 – 6 โดยใช้ PROMPT ในการวเิ คราะห์และประเมินความนา่ เช่ือถอื ของข้อมลู ชวั่ โมงท่ี 3 ขัน้ สอน (50 นาที) 9. ครถู ามคำถามทบทวนนักเรยี นวา่ จากคาบทแ่ี ล้วนักเรียนได้วธิ ีการประเมินความน่าเช่ือถือของข้อมูลอย่างไร บา้ ง 10. ครูนำภาพตัวอย่างการโพสข้อความบนเฟซบุ๊กให้นักเรียนดู และร่วมกันวิเคราะห์ข้อมูลว่าจากตัวอย่าง ดังกล่าวนกั เรยี นมีความคิดเห็นอย่างไร (เปน็ ขา่ วที่มีการใชเ้ หตผุ ลวิบัต)ิ
(ตวั อยา่ งขา่ วเหตุผลวบิ ตั )ิ แหลง่ ที่มา เพจขา่ ว หมายเหตุ ช่อื บคุ คลเป็นนามสมมติ 11. ครูอธิบายเพิ่มเติมว่าการสรูปเหมารวม เป็นตรรกะวิบัติที่เรียกว่า Appeal to Ignirance การแสดงความ คดิ เหน็ ตา่ งๆ บางเรือ่ งไมม่ ใี ครทราบข้อมลู นนั้ จนทำให้อา้ งความไมร่ ู้เพ่อื หาข้อเท็จจริงนั้น 12. จากนั้นครูอธิบายเน้ือหาเรื่องการใช้เหตุผลวิบัติ และยกตัวอย่างการใช้เหตุผลวิบัติ พร้อมผลกระทบท่ี เกิดข้ึนจากตัวอย่างในหนังสือเรียนวิชา เทคโนโลยี(วิทยาการคํานวณ) ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 3 บริษัท อักษร เจรญิ ทัศน์ อจท. หนา้ 46-47 13. ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม 4-5 คน และให้แต่ละกลุ่มหาตัวอย่างการใช้เหตุผลวิบัติบนอินเทอร์เน็ต เพ่ือ วิเคราะห์ผลกระทบ หรือปัญหาท่ีอาจเกิดตามมาจากนั้นให้แต่ละกลุ่มเตรียมนำข้อมูลมาแบ่งปันหน้าชั้น เรยี น (อาจเอกสารหรอื PowerPoint มาประกอบ ) ในหัวขอ้ “เหตผุ ลวบิ ตั ิ และผลกระทบท่ีเกิดข้ึน” พรอ้ ม บนั ทึกลงในแบบฝกึ หดั แบบฝึกหดั exersice ในหนังสือแบบฝึกหัด เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) หน้า 28 ข้อ 7-8 ชวั่ โมงท่ี 4 ขนั้ สอน (40 นาที) 14. ครูสอบถามนักเรียนว่าจากกิจกรรมที่ให้ไปเตรียมในการแบ่งปันข้อมูลจากคาบท่ีแล้ว นักเรียนเลือก ยกตวั อย่างเหตุผลวิบัติประเภทไหนบ้าง (แนวคำตอบ การละทงิ้ ขอ้ ยกเว้น การสรุปเหมารวม การอ้างความไมร่ ู้ ) 15. ครูใหน้ ักเรียนแต่ละกลุ่มออกมาแบง่ ปันขอ้ มูลหน้าชั้นตามหัวข้อที่ได้รับมอบหมาย จากนั้นให้นักเรยี นกลุ่ม อ่ืน ๆ ร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ของกลุ่มที่นำเสนอผลกระทบท่ีเกิดขึ้น จากการใช้ เหตผุ ลวิบตั ิ
ขัน้ สรปุ (10 นาท)ี 1. ครสู อบถามนกั เรียนวา่ จากคาบทผ่ี ่านมานกั เรยี นได้มมุ มองในการใช้อนิ เทอรเ์ นต็ อย่างไรบา้ ง (แนวคำตอบ ข้อมูลท่ีเราอ่านอาจไม่ใช้ข้อมูลจริงทั้งหมดควรประเมินความน่าเช่ือถือของข้อมูลก่อน ตัดสินใจเชื่อ ข่าวบางสำนกั มกี ารเขียนข่าวโดยใช้เหตผุ ลวบิ ัติเราควรอ่านข่าวอยา่ งมีวจิ ารณญาณหรอื คิดไต่ ตรองตามเน้ือหาท่ขี ่าวเขยี นไปด้วย) 10. สือ่ แหล่งการเรียนรู้ 1. หนังสอื เรยี นรายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคำนวณ) ม.3 หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 2 เรอื่ ง ความนา่ เชอื่ ถือของข้อมูล 2. หนังสือแบบฝึกหดั รายวชิ าพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคำนวณ) ม.3 หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี 2 เรือ่ ง ความนา่ เช่ือถือของขอ้ มูล
11. การวัดและการประเมินผล 11.1 การประเมนิ ระหวา่ งการจดั กิจกรรม จุดประสงค์ วธิ กี ารประเมนิ เครื่องมือการประเมิน เกณฑ์การประเมนิ บอกหลักการการ 1. บอกหลักการการ ตรวจแบบฝกึ หดั แบบฝกึ หดั รายวชิ า ประเมินความน่าเชอ่ื ถือ ของขอ้ มูลได้ถูกต้อง ประเมินความน่าเชื่อถือ Exercise หน้า 24 – 26 พนื้ ฐานวิทยาศาสตร์ 60% ขน้ึ ไป ของขอ้ มูลได้ (K) เทคโนโลยี (วทิ ยาการ สามารถประเมินความ คำนวณ) ม.3 น่าเชื่อถอื ของข้อมูลได้ ถูกต้อง 60% ขึน้ ไป หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 2 คำนึงถงึ ผลกระทบที่ เรื่อง ความน่าเช่ือถือ เกดิ ขึ้นจากการใชเ้ หตผุ ล วบิ ตั ิได้ ของขอ้ มูล หนา้ 24–26 2. ประเมินความ ตรวจแบบฝึกหัด แบบฝกึ หัดรายวิชา น่าเชอ่ื ถือของข้อมลู ได้ Exercise หนา้ 26 – 27 พื้นฐานวทิ ยาศาสตร์ (P) เทคโนโลยี (วทิ ยาการ คำนวณ) ม.3 หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 2 เร่ือง ความน่าเชื่อถือ ของขอ้ มูล หนา้ 26–27 3. คำนึงถงึ ผลกระทบที่ ตรวจแบบฝกึ หดั แบบฝกึ หดั รายวิชา เกิดขน้ึ จากการใชเ้ หตผุ ล Exercise หนา้ 28 พื้นฐานวทิ ยาศาสตร์ วิบตั ไิ ด้ (A) เทคโนโลยี (วทิ ยาการ คำนวณ) ม.3 หน่วยการเรยี นรู้ที่ 2 เรื่อง ความนา่ เชื่อถือ ของข้อมูล หนา้ 28
12. ความเหน็ ของผู้บริหารสถานศึกษาหรือผูท้ ไ่ี ดร้ บั มอบหมาย ) ขอ้ เสนอแนะ ....... ลงช่อื ( ตำแหนง่ 13. บนั ทึกผลหลังการสอน ด้านความรู้ ด้านสมรรถนะสำคัญของผู้เรียน ด้านคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ ด้านความสามารถทางเทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) ด้านอืน่ ๆ (พฤติกรรมเด่นหรือพฤติกรรมทมี่ ปี ญั หาของนักเรยี นเปน็ รายบคุ คล (ถ้ามี)) ปัญหา/อุปสรรค แนวทางการแก้ไข
แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 3 หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 2 ความนา่ เชอ่ื ถอื ของขอ้ มูล เวลา 8 ชั่วโมง เรื่อง การรเู้ ท่าทนั สอ่ื เวลา 2 ช่ัวโมง รายวชิ า เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) กลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 3 1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชว้ี ดั สาระที่ 4 เทคโนโลยี มาตรฐาน ว 4.2 เข้าใจและใช้แนวคิดเชิงคำนวณในการแก้ปัญหาที่พบในชีวิตจริงอย่างเป็นข้ันตอน และเปน็ ระบบ ใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศและการสือ่ สารในการเรียนรู้ การทำงาน และการแก้ปัญหา ไดอ้ ยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ รู้เทา่ ทนั และมจี ริยธรรม ตัวช้วี ัด ม.3/3 ประเมินความน่าเช่ือถอื ของข้อมูล วเิ คราะหส์ ่ือและผลกระทบจากการใหข้ ่าวสารที่ผิด เพือ่ การใช้งานอย่างรเู้ ทา่ ทนั 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. บอกความหมายการรู้เทา่ ทันสอ่ื ดจิ ทิ ัลและการร้เู ทา่ ทันส่อื ได้ (K) 2. วิเคราะห์ความน่าเชือ่ ถือ และประเมินผลกระทบของข้อมูลจากขา่ วสารท่ีผดิ เพอื่ การใช้งานอย่างรู้เทา่ ทันได้ (P,A) 3. สาระสำคญั การรู้เท่าทันส่ือเป็นลักษณะสมรรถนะที่ครอบคลุมทักษะแห่งศตวรรษท่ี 21 ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับ ความสามารถในการเข้าถึงสารสนเทศผ่านสื่อ และเทคโนโลยีดิจิทัล การเลือก รับ วิเคราะห์ ประเมินและนำ ข้อมูลทีไ่ ดร้ ับไปใช้ในทางสร้างสรรค์ โดยองคป์ ระกอบการรู้เท่าทนั สื่อ มีดังนี้ 1) ความสามารถในการเขา้ ถงึ สอ่ื 2) ความเข้าใจการประเมินคา่ สาระสนเทศเน้อื หาในสอ่ื 3) การสร้าง การใชป้ ระโยชน์ และการเฝ้าระวงั สาระสนเทศและเนอื้ หาในสื่อ 4) การสะท้อนคดิ 4. สาระการเรยี นรู้ 1. องค์ประกอบการรู้เท่าทนั สอ่ื 2. การรเู้ ทา่ ทันสื่อดิจิทลั และการรเู้ ทา่ ทนั สอื่ 3. การใช้สื่อและปัญหาท่ีพบในสอ่ื ปจั จบุ ัน 4. ผลกระทบของข้อมูลทผี่ ดิ พลาด
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124