Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore รายวิชาพลังงานทดแทนกับการนำไปใช้ประโยชน์

รายวิชาพลังงานทดแทนกับการนำไปใช้ประโยชน์

Published by jarupha2000, 2022-03-07 08:32:01

Description: แผนการจัดการเรียนรู้

Search

Read the Text Version

แบบฝกึ หดั ท่ี 9 1. ในท้องถนิ่ หรอื ชุมชนของตนเองมีชีวมวลอะไรบ้าง ..................................................................................................................................................................... ......... ........................................................................................................................ ...................................................... ............................................................................................................................. ................................................. ........................................................................................................................................................ ...................... ........................................................................................................... ................................................................... ............................................................................................................................. ................................................. ........................................................................................................................................... ................................... .............................................................................................. ................................................................................ 2. มีการใช้ประโยชนจ์ ากชวี มวลชนิดใดและใชอ้ ย่างไร ............................................................................................................................. ................................................. ................................................................................................................................................ .............................. .................................................................................................................... .......................................................... ............................................................................................................................. ................................................. ................................................................................................................................................... ........................... ....................................................................................................... ....................................................................... ............................................................................................................................. ................................................. ...................................................................................................................................... ........................................ 3. ชีวมวลได้มาจากแหลง่ ใด นำเสนอในรูปแบบต่างๆ เชน่ ตารางหรอื ภาพวาดประกอบคำบรรยาย เป็นต้น ............................................................................................................................... ............................................... .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. .................................................

แผนการจดั การเรยี นรูท้ ี่ 14 รายวิชาพลังงานทดแทนกบั การใช้ประโยชน์ รหัสวชิ า ว 22202 ชั้นมธั ยมศึกษาปที ่ี 2 หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 5 พลงั งานชีวมวล เรือ่ ง การใช้ชวี มวลเพ่อื ผลติ พลังงาน เวลา 3 ช่ัวโมง ช่ือผูส้ อนนางสาวจารภุ า นวลเพง็ กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนเก้าเลยี้ ววทิ ยา ________________________________________________________________________ ผลการเรียนรู้ -อธบิ ายการใช้ประโยชน์ พลังงานแสงอาทติ ย์ พลังงานลม พลังงานนำ้ พลังงานชวี มวลและพลงั งาน นิวเคลียร์ ในประเทศไทย สาระการเรยี นรู้ ชวี มวลของแขง็ สามารถนำมาใช้เปน็ เช้อื เพลิงไดโ้ ดยการเผาไหมโ้ ดยตรง ชวี มวลบางประเภทจะไม่สามารถนำมาผา่ นกระบวนการแปรรปู โดยการกลัน่ และหมัก การสกดั ชีวมวลท่จี ะนำมาใช้เปน็ เชอื้ เพลงิ ควรใหค้ วามร้อนสม่ำเสมอ มขี นาดรปู ร่างสะดวกตอ่ การบรรจหุ บี ห่อ และการใช้งาน สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด ชีวมวลท่ีมีสถานะเป็นของแข็งสามารถใช้เป็นเช้ือเพลิงได้โดยตรง ในการใช้งานนิยมนำมาปรับปรุง คณุ ภาพก่อนการใช้งาน เชน่ การอัดแท่ง เพ่อื ให้ได้ปริมาณความรอ้ นต่อปริมาตรของเชื้อเพลิงมากขน้ึ คุณภาพ ของเช้ือเพลิงมีความสม่ำเสมอ และสะดวกต่อการใช้งาน แต่ชีวมวลบางประเภทไม่สามารถนำมาใช้ได้ โดยตรง ต้องนำมาผ่านกระบวนการแปรรูป เช่น การหมักและการกลั่น การสกัด และการแปรรูปให้อยู่ใน สถานะกา๊ ซ กอ่ นจงึ จะนำไปใชป้ ระโยชนเ์ ป็นเชอ้ื เพลิงได้ ชีวมวลท่ีเป็นพืชผลและวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรที่มีแป้ง น้ำตาล หรือเส้นใยเป็นองค์ประกอบ เม่ือ ผ่านกระบวนการแปรรูปด้วยการหมักและการกล่ันจะได้ผลิตภัณฑ์เป็นแอลกอฮอล์ สามารถนำไปใช้เป็น เชือ้ เพลงิ ได้ ส่วนชีวมวลทเี่ ป็นพชื นำ้ มนั เมอื่ ผ่านกระบวนการแปรรปู ดว้ ยการสกดั จะได้น้ำมนั พชื และเมื่อนำ นำ้ มนั พชื มาผา่ นกระบวนการทางเคมีจะได้น้ำมันไบโอดเี ซล สามารถนำไปใช้เป็นเชอื้ เพลิงได้ ชีวมวลประเภทเศษอาหาร ซากพืช ซากสัตว์ มูลสัตว์ ขยะ และน้ำเสียจากแหล่งชุมชนและ อุตสาหกรรม นำมาแปรรูปผ่านกระบวนการย่อยสลายอินทรียสารในสภาวะไร้อากาศ เกิดเป็นก๊าซชีวภาพ (Biogas) ซ่งึ มีกา๊ ซมีเทนเปน็ องคป์ ระกอบหลัก สามารถนำไปใช้เปน็ เชอื้ เพลงิ ทดแทนกา๊ ซหงุ ตม้ (LPG) ในครัวเรอื น จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1. นกั เรียนสามารถอธบิ ายรปู แบบการนาชีวมวลไปใช้เปน็ เชอ้ื เพลิงได(้ k) 2. นักเรยี นอธบิ ายวิธีเพิม่ ประสทิ ธิภาพของเช้ือเพลงิ จากชวี มวลได(้ P) 3. นักเรียนมคี วามเขา้ ใจบทเรียนและรบั ผิดชอบต่องานท่ีได้รับมอบหมาย (A)

สมรรถนะทส่ี าคญั ของผู้เรียน 1. ความสามารถในการคดิ 2. ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต 3.ความสามารถในการสือ่ สาร คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ 1. มุ่งมัน่ ในการทางาน 2. ใฝเ่ รียนรู้ 3. มวี ินยั กระบวนการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ ขน้ั สรา้ งความสนใจ 1. ครูสนทนากับนักเรียนเกี่ยวกับการใช้พลังงานจากชีวมวลในประเทศไทยในประเด็นต่างๆ ดัง ตัวอยา่ ง - นักเรียนคดิ ว่าประเทศไทยมีความเหมาะสมกบั การใชพ้ ลงั งานชวี มวลหรือไม่ อย่างไร (ประเทศไทย เป็นประเทศเกษตรกรรม มีพืชผลและเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร รวมทั้งอุตสาหกรรมเกษตรเป็นจำนวน มาก โดยในอดีตน้ันชีวมวลส่วนใหญ่จะถูกทิ้งซากให้เป็นปุ๋ยอินทรีย์ภายในพ้ืนท่ีการเพาะปลูก หรือบางคร้ัง เกษตรกรกำจัดโดยการเผาทำลาย ซ่งึ เป็นการสรา้ งมลพษิ ให้กบั สิง่ แวดลอ้ ม แต่อันท่ีจริงแลว้ ชีวมวลเหล่านั้นมี สมบัติที่สามารถนำมาใช้เป็นเช้ือเพลิงอย่างดีและให้ความร้อนในปริมาณท่ีสามารถนำมาใช้ประโยชน์ทางด้าน พลงั งานได)้ 2. ครูกระตุ้นให้นักเรียนคิดต่อด้วยคำถามว่า นักเรียนคิดว่าชีวมวลที่เป็นเชื้อเพลิงให้ความร้อน โดยตรงควรมีลักษณะอย่างไร ให้นักเรียนแสดงความคิดเห็นจากความรู้และประสบการณ์เดิม และเช่ือมโยง เขา้ สู่การกจิ กรรมในใบกจิ กรรมที่ 5 เชื้อเพลงิ จากชวี มวล ขน้ั สำรวจและรวบรวมข้อมูล 3. ให้นกั เรยี นทำกิจกรรมในใบกจิ กรรมที่ 5 เช้ือเพลงิ จากชวี มวล ขน้ั อภปิ รายและสรุปผล 4. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายข้อมูลท่ีได้จากการทำกิจกรรมควรได้ข้อสรุปว่า ชีวมวลที่ผ่านการ ตากแดดจะมีน้ำหนักน้อยกว่าและติดไปง่ายกวา่ ชีวมวลท่ีไม่ได้ตากแดด เน่ืองจากเม่ือนำชีวมวลไปตากแดดจะ ทำให้น้ำและความชื้นที่อยู่ในชีวมวลจะถูกระเหยออกไป ได้เชื้อเพลิงท่ีแห้ง ทำให้การติดไฟดีขึ้น การตากแดด หรือการทำใหแ้ ห้งจัดเปน็ วิธกี ารปรบั ปรงุ คุณภาพชวี มวลกอ่ นนำชีวมวลไปใช้งาน 5. ครแู ละนกั เรยี นอภิปรายรว่ มกันโดยใชค้ ำถาม ดงั นี้ - นักเรียนคิดว่าประสิทธิภาพของเชื้อเพลิงท่ีได้จากชีวมวลข้ึนอยู่กับคุณภาพของชีวมวลอย่างเดียว หรือไม่ อย่างไร (ประสิทธิภาพของเช้ือเพลิงที่ได้จากชีวมวลไม่ได้ข้ึนอยู่กับคุณภาพของชีวมวลอย่างเดียว แต่มปี ัจจยั อน่ื ๆ ด้วย เช่น อุปกรณ์ทีใ่ ช้ วิธีการใช้งาน เปน็ ตน้ ) - นักเรียนคิดว่า อุปกรณ์สำหรับเผาไหม้ชีวมวล สามารถเพ่ิมประสิทธิภาพของเช้ือเพลิงได้อย่างไร บ้าง (นักเรยี นสามารถตอบไดต้ ามความเขา้ ใจซึ่งอาจเปน็ คำตอบทยี่ งั ไมส่ มบูรณ)์ 6. ครอู ธิบายเพ่ิมเติมถงึ ดังนี้ • ประสิทธิภาพของเชื้อเพลิงที่ได้จากชีวมวลขึ้นอยู่กับคุณภาพของชีวมวลและอุปกรณ์ท่ีใช้ใน การเผาไหม้ ตัวอย่างเช่น เตาถ่าน หรือ เตาอ้ังโล่ ที่ใช้สำหรับการหุงต้มในครัวเรือน ปัจจุบันได้มีการ

พัฒนาการออกแบบเตาอั้งโล่ให้มีประสิทธิภาพการเผาไหม้สูงขึ้น ช่วยประหยัดเช้ือเพลิงได้มากกว่าเตาอั้งโล่ แบบเดมิ 7. ครูอภิปรายร่วมกับนักเรียนโดยใช้ความรู้เดิมที่ว่าชีวมวลท่ีมีสถานะเป็นของแข็งส่วนใหญ่สามารถ นำมาใช้โดยตรง และถามนักเรียนเพ่อื ให้สนใจเรียนรรู้ ่วมกนั ว่าชีวมวลสามารถนำมาใช้เป็นเช้ือเพลงิ ในรูปแบบ อนื่ ๆ ไดอ้ กี หรอื ไมโ่ ดยให้ศึกษาจากใบความรู้และวิดีทัศน์ 8. ครูและนกั เรียนรว่ มกนั อภิปรายข้อมูลทไ่ี ดจ้ ากการอ่าน วเิ คราะห์ และสรุปขอ้ มลู สถานการณ์ การหมักและกลั่น ท่ีกำหนดให้ ควรสรปุ ได้ว่า กระบวนการแปรรูปชีวมวลให้อยู่ในสถานะของเหลวน้ัน มีหลายวิธี เช่น กระบวนการหมัก (Fermentation) และการกล่ัน (Distillation) ซ่ึงในการหมักเล้ียงจุลินทรีย์ ให้เจริญเติบโต และในกระบวนการเจริญเตบิ โตของจุลินทรียจ์ ะเปลย่ี นแป้งและน้ำตาลให้เป็นแอลกอฮอล์ ท่ีมี ช่อื เรียกทางเคมวี ่า เอทานอล (Ethanol) จากสมบัติการติดไฟของเอทานอล จึงสามารถนำไปใช้เป็นเชื้อเพลิงได้ เช่น การผสม เอทานอลกับ น้ำมันเบนซินไร้สารตะกั่วใช้เป็นเชื้อเพลิงเหลวที่เรียกว่า น้ำมันแก๊สโซฮอล์ (Gasohol) สามารถใช้กับ รถยนต์เคร่ืองยนต์เบนซินได้ ซ่ึงมีชื่อเรียกตามสัดส่วนของเอทานอลที่ผสมลงไป เช่น ผสมเอทานอล 10 ส่วน ตอ่ น้ำมันเบนซนิ 90 ส่วน ไดน้ ำ้ มนั แก๊สโซฮอล์ ทม่ี ีชือ่ เรียกวา่ E10 เปน็ ต้น การสกัดท่ีกำหนดให้ ควรสรุปได้ว่า การสกัด (Extraction) เป็นกรรมวิธีที่ใช้แยกสารท่ีต้องการออก จากสารผสม ในที่น้ีคือการแยกน้ำมันออกจากชีวมวลท่ีเป็นพืชน้ำมัน เช่น ปาล์มน้ำมัน ถั่วเหลือง เม ล็ด ดอกทานตะวัน โดยใช้กรรมวธิ ีการบีบหรือการใช้สารทำละลาย เพ่ือสกัดนำ้ มันออกมาและนำไปใช้ประโยชน์ ในการประกอบอาหาร นอกจากนี้ยังสามารถนำน้ำมันพืชมาผ่านกระบวนการทางเคมีเพ่ือให้ได้สารที่มีสมบัติ ใกล้เคียงกบั น้ำมนั ดีเซล เรยี กว่า นำ้ มนั ไบโอดีเซล การแปรรปู ชวี มวลให้อยใู่ นสถานะกา๊ ซ ที่กำหนดให้ ควรสรปุ ไดว้ ่า เทคโนโลยกี ารผลิตก๊าซจากชวี มวล ได้แก่ กระบวนการย่อยสลายสารอินทรีย์ในสภาวะไร้อากาศ (Anaerobic Digestion) โดยกระบวนการน้ี สารอินทรีย์จะถูกย่อยสลายโดยแบคทีเรียชนิดท่ีไม่ใช้ออกซิเจนในสภาวะไร้อากาศ ทำให้เกิดเป็นก๊าซชีวภาพ (Biogas) ซึ่งมีก๊าซมีเทนเป็นองค์ประกอบหลัก มีสมบัติติดไฟได้ และสามารถนำไปใช้ทดแทนก๊าซหุงต้ม (LPG) ในครัวเรือน ชีวมวลท่ีเป็นแหล่งก๊าซชีวภาพในระดับชุมชน ได้แก่ ขยะอินทรีย์จากบ้านเรือน ชุมชน หรือจาก โรงเรยี น ข้นั ขยายความรู้ 7. นักเรียนทำแบบฝกึ หดั ที่ 10 ขน้ั ประเมนิ 8. ครูประเมนิ ผลการเรยี นร้ขู องนักเรียนไดจ้ ากแบบฝกึ หดั ท่ี 10 สอ่ื การเรยี นรแู้ ละแหล่งการเรียนรู้ 1. Powerpoint เรอ่ื ง พลงั งานแสงอาทิตย์ 2. แบบฝึกหดั ท่ี 10

3. ใบความรู้ 4. ใบกจิ กรรมท่ี 6 การวัดและกระประเมินผล วิธกี ารวัดผลการเรยี นรู้และประเมินผลการเรยี นรู้ 1. การสังเกตจากการเข้าร่วมปฏิบตั ิกจิ กรรม 2. การตอบคำถาม เครอ่ื งมือวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้ 1. ตารางบนั ทึกผลการสังเกต 2. แบบฝกึ หัดท่ี 10

ใบกจิ กรรมท่ี 5 เชอื้ เพลิงจากชีวมวล จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ เม่อื ทำกจิ กรรมน้ีแลว้ ผู้เขา้ อบรมควรจะสามารถ (1) อธบิ ายลักษณะการตดิ ไฟของชวี มวลทตี่ ากแดดและไม่ตากแดด (2) อธบิ ายเหตุผลของการติดไฟทแ่ี ตกต่างกันของชีวมวล (3) ออกแบบการอัดแท่งชวี มวลพรอ้ มทั้งบอกประโยชนข์ องการอดั แท่งชวี มวล รายการวสั ดอุ ปุ กรณ์ ลำดับท่ี รายการ จำนวน 1 กระดาษ flip chart 2-3 แผ่น 2 เศษกงิ่ ไม้สด 200 g 3 ถาดหรือกะละมงั สงั กะสี สำหรับใส่ชีวมวล 2 ใบ 4 ไม้ขีดไฟ 1 กล่อง 5 เครอ่ื งชง่ั 1 เครอ่ื ง วธิ ีการทำกจิ กรรม 1. ใหน้ กั เรียนนำกงิ่ ไมส้ ดมา 2 ชดุ โดยชั่งน้ำหนกั ชุดละ 100 กรัม แล้วนำก่ิงไมช้ ุดหนึ่งไปตากแดด 12 ชั่วโมง (ครอู าจมอบหมายให้นกั เรยี นเตรยี มกิง่ ไม้และตากแดด 1 ชดุ ไว้ล่วงหนา้ ) 2. นำชีวมวลทัง้ 2 ชดุ มาเผา ควรระมัดระวังใหเ้ ผาในท่ที ี่มีอากาศถ่ายเทได้สะดวก และไม่เลน่ เปลวไฟ 3. สงั เกตและบันทกึ ผลการทำกจิ กรรม แล้วตอบคำถาม ดังคำถาม คำถามท้ายการทดลอง 1. การตดิ ไฟของชีวมวลทีต่ ากแดดและไมต่ ากแดดแตกตา่ งกันหรือไม่ อยา่ งไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ครใู ห้นักเรียนวางแผนและออกแบบเพื่อผลติ ชวี มวลอัดแท่งจากสถานการณด์ า้ นลา่ ง “ถา้ หากชมุ ชนของนักเรียนมีการเพาะปลูกขา้ ว ขา้ วโพด และอ้อยเปน็ จำนวนมาก และทำให้มแี กลบท่ี เป็นผลพลอยได้จากการสีข้าว ซังข้าวโพดท่ีเหลือจากการกระเทาะเอาเมล็ดข้าวโพดออกและชานอ้อยที่เหลือ จากการหีบเอาน้ำอ้อยออกแล้ว เศษวัสดุทางการเกษตรต่างๆ เหล่านี้เหลือทิ้งเป็นจำนวนมาก บางครั้ง เกษตรกรเผาทิ้งโดยไม่ได้นำมาใช้ประโยชน์ นักเรียนจะทำอย่างไรให้นำเศษวัสดุทางการเกษตรเหล่านี้มาใช้

ประโยชน์เป็นเช้ือเพลิงท่ีสะดวกต่อการใช้งาน การเก็บรักษา และการขนส่ง นักเรียนจะเลือกเศษวัสดุทาง การเกษตรชนดิ ใดมาผลติ เป็นเช้อื เพลงิ บา้ ง พรอ้ มทั้งบอกเหตผุ ล และมวี ิธีการผลติ อยา่ งไร” จากข้อความดังกล่าวนักเรียนจะเลือกเศษวัสดุทางการเกษตรชนิดใดมาผลติ ชีวมวลอัดแท่ง พร้อมทั้ง บอกเหตุผล ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. วาดแผนผังการผลติ ชวี มวลอดั แทง่ และระบวุ ัสดอุ ปุ กรณท์ ี่ใช้ พร้อมทงั้ อธบิ ายวิธีการผลิต นกั เรียนคดิ ว่าชีวมวลอดั แท่งท่ีนักเรียนออกแบบและผลติ นน้ั ดกี วา่ ชีวมวลทีไ่ ม่ได้อดั แท่งอย่างไร

………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. ชีวมวลอดั แทง่ มีประโยชนอ์ ย่างไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ใบกจิ กรรมที่ 6 การแปรรูปชีวมวล จุดประสงค์การเรยี นรู้ สรปุ หลกั การทางวิทยาศาสตรข์ องพลงั งานชีวมวลและการนำพลังงานชวี มวลไปใช้ประโยชน์ รายการวสั ดแุ ละอปุ กรณ์ ลำดับ รายการ จำนวน/กลมุ่ 1 กระดาษ flip chart 2 แผน่ 2 สชี อร์ค 1 กล่อง วธิ กี ารทำกจิ กรรม • ให้นักเรียนศึกษาเพ่ิมเติมจากใบความรู้เก่ียวกับการแปรรูปชีวมวลและร่วมกันวิเคราะห์ แล้วตอบคำถาม ดงั นี้ 1. การแปรรูปชีวมวลสามารถทำได้โดยใชก้ ระบวนการใดบา้ ง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. 2. การผลติ เอทานอลใชว้ ตั ถุดบิ อะไร และมกี ระบวนการผลติ อยา่ งไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. 3. วตั ถดุ บิ หลกั ทีน่ ำมาผลติ นำ้ มันไบโอดีเซลคืออะไร ได้มาอย่างไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. 4.กา๊ ซชวี ภาพผลิตมาจากอะไร และมีกระบวนการผลติ อยา่ งไร …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

ใบความร้เู พ่มิ เติม พืชผลที่ได้จากการเกษตร (Agriculture Crop) เช่น อ้อย มันสำปะหลัง ข้าวโพด ข้าวฟ่าง ที่เป็น แหล่งที่มาของคาร์โบไฮเดรต แป้ง และน้ำตาล สามารถนำมาผลิตเป็นเชื้อเพลิงได้ น้ันคือ เอทานอล นอกจากน้ียงั มีพชื น้ำมนั ต่างๆ ท่ีสามารถนำมาสกัดเป็นน้ำมันได้ เช่น ถั่วเหลือง ถ่ัวลิสง ปาล์มน้ำมัน มะพร้าว สบู่ดำ งา ละหุ่ง เมล็ดทานตะวัน เป็นต้น การสกดั น้ำมันจากพืชเหล่าน้ีขึ้นอยู่กับคุณลักษณะของวัตถุดิบน้ันๆ สามารถนำน้ำมนั จากพชื เหล่านมี้ าผา่ นกระบวนการทางเคมที ำให้ได้ นำ้ มนั ไบโอดีเซล ผลผลิตทางการเกษตรเหล่าน้ี เป็นตวั อย่างของพืชที่ได้มีการนำมาใช้เป็นพลังงานทดแทน พืชเหล่าน้ี จะเป็นแหล่งพลังงานอีกรูปแบบหนึ่งท่ีน่าจับตามอง ท่ีจะสามารถนำมาใช้แทนเช้ือเพลิงจากซากดึกดำบรรพ์ และที่สำคัญพลงั งานจากพชื น้สี ามารถผลิตไดอ้ ยา่ งต่อเน่ือง เอทานอล (Ethanol) เอทานอลเป็นแอลกอฮอล์ชนิดหน่ึงท่ีสามารถรับประทานได้ มีชื่อทางเคมีว่า เอทิลแอลกอฮอล์ (Ethyl Alcohol) มีสตู รทางเคมคี ือ C2H5OH เกิดจากการหมักพืช เศษซากพืชหรือของเสีย เพอ่ื เปล่ียนแป้งจากพชื ให้เปน็ นำ้ ตาล แล้วเปลย่ี นน้ำตาลใหเ้ ปน็ แอลกอฮอล์ ความแตกต่างระหว่างเอทานอลกบั เมทานอล (Methanol) เมทานอลมีชื่อทางเคมีว่า เมทิลแอลกอฮอล์ (Methyl Alcohol) เป็นแอลกอฮอล์ท่ีได้จากก๊าซ ธรรมชาติและการสังเคราะห์ทางเคมี มีสูตรทางเคมี คือ CH3OH ไม่สามารถรับประทานได้ เป็นอันตรายต่อ สขุ ภาพของมนษุ ยม์ ากกว่าเอทานอล การผลิตเอทานอล เอทานอลสามารถผลิตได้จากวัตถุดิบหลายชนิด ประเภทที่ง่ายที่สุดคือ น้ำตาลหรือกากน้ำตาลจาก อ้อย บีทรูทหรือพืชท่ีให้ความหวานอื่นๆ ซ่ึงสามารถนำเข้าสู่กระบวนการหมักได้เลย ส่วนพืชประเภทแป้ง เช่น ข้าว ข้าวโพด มันสำปะหลัง มันฝร่ัง มันเทศ จะต้องนำมาบดแล้วหมักให้แป้งกลายเป็นน้ำตาลก่อน นอกจากน้ียังมีพืชที่ให้เส้นใย เช่น ฟางข้าว เศษไม้ ผักตบชวา หญ้าแฝก หรือเส้นใยจากพืชอื่นๆ ต้องนำมา ผ่านกระบวนการย่อยสลายด้วยกรดให้กลายเป็นน้ำตาล แต่สุดท้ายแล้วพืชทุกประเภทต้องผ่านกระบวนการ หมักจากน้ันจึงนำไปกลั่นเสมอ เพ่ือแยกเอทานอลออกมาแล้วนำไปผ่านกระบวนการแยกน้ำเพื่อให้กลายเป็น เอทานอลที่มคี วามเข้มข้น 99.5% เพ่อื นำมาใชง้ านเปน็ เชอื้ เพลิงต่อไป ไบโอดเี ซล

ไบโอดีเซลเป็นเชื้อเพลิงทางเลือกท่ีผลิตจากแหล่งทรัพยากรหมุนเวียน เช่น น้ำมันจากพืช หรือ ไขมันสัตว์ โดยไบโอดีเซลมีสมบัติที่สามารถย่อยสลายได้เองตามกระบวนการทางชีวภาพ (biodegradable) และไม่มีพิษ (nontoxic) ดังน้ันจึงไม่ส่งผลเสียต่อสิ่งแวดล้อม ไบโอดีเซลสามารถนำมาใช้เป็นเช้ือเพลิงกับ ยานพาหนะโดยไม่ต้องดดั แปลงเคร่อื งยนต์ กระบวนการผลิตไบโอดีเซลในปัจจุบันใช้น้ำมันพืชเป็นวัตถุดบิ หลกั และประเทศไทยก็เปน็ แหล่งผลิต พืชน้ำมันหลายชนิด เช่น ปาล์มน้ำมัน ทานตะวัน ละหุ่ง มะพร้าว สบู่ดำ เป็นต้น อย่างไรก็ตามเม่ือ พจิ ารณาถึงความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์แล้ว วัตถุดิบหลักสำหรับอุตสาหกรรมไบโอดีเซลทใ่ี ชใ้ นภาคขนส่งใน ปัจจุบัน ได้แก่ น้ำมันปาล์มดิบและไขปาล์มซ่ึงเป็นผลพลอยได้จากโรงกลั่นน้ำมันพืช ขณะท่ีน้ำมันพืชที่ใช้ แล้ว ไขมันสัตว์หรือน้ำมันพืชอื่นๆ ถูกนำมาใช้ในการผลิตไบโอดีเซลระดับชุมชน สำหรับใช้เป็นเช้ือเพลิงใน เคร่อื งยนตก์ ารเกษตร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำรดิ ้านการพัฒนาน้ำมันปาล์มเพ่อื ใช้กบั เครือ่ งยนตด์ ีเซล น้ั น ก ารพั ฒ น าไบ โอ ดี เซ ล จ าก น้ ำมั น ป าล์ ม ใน ช่ื อ “ก าร ใช้ น้ ำมั น ป าล์ ม ก ลั่ น บ ริ สุ ท ธิ์ เป็ น เช้ื อ เพ ลิ งส ำห รั บ เครื่องยนต์ดีเซล” ได้จดสิทธิบัตรที่กระทรวงพาณิชย์เมื่อวันที่ 9 เม.ย.2544 อีกท้ังในปี 2546 ทรงได้รับการ ทูลเกล้าฯ ถวายรางวัลจาก “โครงการน้ำมันไบโอดีเซลสูตรสกัดจากน้ำมนั ปาล์ม”ในงาน “บรสั เซลส์ ยูเรกา” ซ่งึ เป็นงานแสดงสง่ิ ประดษิ ฐ์ใหมข่ องโลกวิทยาศาสตร์ ณ กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยยี ม การใช้ไบโอดีเซลแทนน้ำมันดีเซล พบว่ามี ผลกระทบด้านบวกต่อประเทศอย่างมาก ประเทศเช่น สามารถลดการนำเข้าน้ำมันดิบจากต่างประเทศ สามารถพง่ึ พาตนเองดา้ นพลงั งานไดม้ ากขนึ้ ส่งเสริมผลิตผลทางการเกษตรของประเทศ ลดปัญหามลภาวะทาง อากาศ และมีคุณสมบัติทางเคมีและพลังงานหลายประการที่มีผลดีต่อเคร่ืองยนต์ เน่ืองจากประเทศไทยมี ผลผลิตทางการเกษตรที่หลากหลาย สามารถใช้เป็นวตั ถุดิบในการผลิตไบโอดีเซลได้ไม่มีวันหมด ไบโอดีเซลจึง เปน็ แนวโน้มทางดา้ นพลงั งานทดแทนของประเทศไทยตอ่ ไปในอนาคตระยะยา ก๊าซชวี ภาพคอื อะไร ก๊าซชีวภาพคือก๊าซท่ีเกิดจากการนำของเสีย เช่น มูลสัตว์ น้ำเสียจากฟาร์มปศุสัตว์ น้ำเสียจาก โรงงานอุตสาหกรรม ขยะ และของเหลือใช้ทางการเกษตร มาผ่านกระบวนการหมักเพ่ือให้เกิดการย่อย

สลายสารอินทรีย์ในสภาวะไม่ใช้ออกซิเจน (Anaerobic Digestion) โดยแบคทีเรียหลายชนิด เม่ือสภาวะ แวดล้อมเหมาะ องคป์ ระกอบของก๊าซชีวภาพ - กา๊ ซมีเทน (CH4) เปน็ ส่วนประกอบหลัก มีสมบัตจิ ุดไฟติดได้ดี สามารถนำไปใชเ้ ป็นพลังงานทดแทน ได้ มสี ัดสว่ นประมาณร้อยละ 50-75 - กา๊ ซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) เป็นส่วนประกอบรอง มีสมบัติเป็นก๊าซเฉือ่ ย ไมต่ ิดไฟ มปี ระมาณรอ้ ย ละ 36-39 - กา๊ ซอ่ืนๆ เช่น ก๊าซไฮโดรเจน (H2) ก๊าซไฮโดรเจนซลั ไฟด์ (H2S) ประมาณรอ้ ยละ 1-3 ประโยชนข์ องก๊าซชีวภาพ ด้านพลังงาน - ใช้เป็นเชื้อเพลงิ เพอื่ ใหค้ วามร้อน ทดแทนการใช้นำ้ มนั เตา - ใชใ้ นการผลติ ไฟฟ้า - ใชเ้ ป็นพลงั งานรว่ ม โดยใช้ในการผลิตไฟฟ้าและใหค้ วามร้อนแก่กระบวนการผลติ รว่ มกัน ด้านเศรษฐกจิ - สามารถลดตน้ ทุนในการผลิต - มีรายไดจ้ ากการขายไฟฟา้ ดา้ นสงิ่ แวดล้อม - ลดปญั หาของกล่นิ และก๊าซพษิ - ลดปัญหาการเกิดโรค ไม่เป็นแหล่งเพาะพันธุ์เช้ือโรค และสัตว์ นำโรค - ลดการปลอ่ ยกา๊ ซมีเทนสบู่ รรยากาศ - ลดปัญหาต่อคุณภาพน้ำในแหล่งนำ้ ธรรมชาติ ด้านอ่นื ๆ - น้ำท่ีผ่านการบำบัดจากระบบ นำไปใช้เป็นปุ๋ยน้ำ และน้ำกาก ตะกอนท่ีผ่านการย่อยสลายไปเป็นป๋ยุ

แผนการจัดการเรียนร้ทู ่ี 15 รายวชิ าพลังงานทดแทนกับการใช้ประโยชน์ รหัสวชิ า ว 22202 ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 2 หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 5 พลังงานชีวมวล เรอ่ื ง ผลจากการนาพลังงานชีวมวลไปใช้ประโยชน์และ แนวทางการพัฒนา เวลา 1 ชั่วโมง ช่อื ผสู้ อนนางสาวจารุภา นวลเพง็ กลุม่ สาระการเรยี นร้วู ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรยี นเกา้ เลย้ี ววิทยา ________________________________________________________________________ ผลการเรยี นรู้ อธิบายขอ้ ดแี ละข้อจำกดั เกย่ี วกับการใช้ประโยชน์และแนวทางการพัฒนา ของพลงั งานแสงอาทติ ย์ พลังงานลม พลังงานนำ้ พลงั งานชวี มวลและพลงั งานนิวเคลียร์ สาระการเรียนรู้ ชีวมวลมขี อ้ จำกดั เก่ยี วกับการจัดเกบ็ รกั ษา และขนสง่ ยาก และชีวมวลบางประเภทมีขอ้ จำกัดบาง ช่วงเวลาหรอื บางฤดกู าล การพฒั นาการใชช้ วี มวลทำได้โดยการปรับปรงุ คณุ ภาพวตั ถุดบิ และพฒั นาอุปกรณใ์ ห้มีคุณภาพ สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด การใชพ้ ลังงานชีวมวลมีข้อดีเน่ืองจากใชว้ ัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรท่ีสามารถปลกู ทดแทนและผลิตได้ ภายในประเทศ ช่วยกำจัดของเสียจากชุมชนและอุตสาหกรรม และลดมลพิษจากการใช้งาน แต่ชีวมวลมี ข้อจำกัดคือต้องการพ้ืนที่ในการเก็บรักษาขนาดใหญ่ และมีปริมาณไม่คงที่ในแต่ละช่วงของปี จึงต้องมีการ พฒั นาให้สามารถใชพ้ ลังงานชวี มวลให้มีประสทิ ธภิ าพสงู สุด จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1. นกั เรียนสามารถวเิ คราะหข์ อ้ ดแี ละขอ้ จากัดของการใช้เชอ้ื เพลงิ ชีวมวลได(้ k) 2. นกั เรยี นบอกแนวทางการพฒั นาการใช้เชื้อเพลิงชวี มวลได(้ P) 3. นักเรียนมคี วามเข้าใจบทเรียนและรับผิดชอบต่องานท่ีได้รบั มอบหมาย (A) สมรรถนะทส่ี าคัญของผ้เู รียน 1. ความสามารถในการคิด 2. ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต 3.ความสามารถในการสอ่ื สาร คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ 1. มุ่งมั่นในการทางาน 2. ใฝเ่ รียนรู้ 3. มวี นิ ัย การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ ขนั้ สรา้ งความสนใจ 1. ครูอภิปรายร่วมกับนักเรียนว่าการนำชีวมวลมาใช้ประโยชน์เป็นพลังงานทดแทนน้ำมันเช้ือเพลิงมี ขอ้ ดแี ละขอ้ จำกัดอยา่ งไรบา้ ง ให้นกั เรยี นร่วมกนั แสดงความคดิ เห็นซึ่งควรสรปุ ได้ดังตาราง การเปรียบเทียบข้อดีและข้อจำกัดของการใช้ชีวมวลเป็นพลังงานทดแทนเปรียบเทียบกับน้ำมันเช้ือเพลิงจาก ปโิ ตรเลยี ม

ประเดน็ การใชช้ ีวมวล การใชป้ โิ ตรเลียม แหลง่ วตั ถดุ ิบ วัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรที่ปลูก ซากดึกดำบรรพ์ซึ่งต้องอาศัยการทับถมกันเป็น ทดแทนได้ เวลาหลายลา้ นปี การผลติ วัตถดุ ิบ ผลติ ไดภ้ ายในประเทศ นำเขา้ จากต่างประเทศ เศรษฐกิจ ช่วยสร้างงานและรายได้จากการ ต้องสูญ เสียเงินตราจากการนำเข้าน้ำมัน พั ฒ น าอุ ต ส าห ก รรม ช นิ ด ให ม่ เชื้อเพลงิ และก๊าซธรรมชาตจิ ากตา่ งประเทศ เกษตรกรมรี ายไดจ้ ากการขายชีวมวล ค ว า ม เป็ น มิ ต ร กั บ ใช้เศษวัสดุทางการเกษตรให้เกิด ในการผลิตและการใช้งานจะส่งผลให้เกิดมลพิษ สงิ่ แวดลอ้ ม ประโยชน์ และช่วยกำจัดของเสียจาก ตอ่ สิง่ แวดล้อม ชุมชนและอุตสาหกรรม และลด มลพษิ จากการใช้งาน ค ว า ม มั่ น ค ง ด้ า น มีความมั่นคงสูงเพราะผลิตได้เอง มีความมั่นคงต่ำเพราะต้องพ่ึงพาการนำเข้าจาก พลังงาน ภายในประเทศ ต่างประเทศ การเก็บรักษาและการ ต้องการพ้ืนที่ในการเก็บรักษาขนาด ควบคุมการจัดเก็บและขนส่งได้งา่ ย ขนสง่ ใหญ่ และมีปริมาณไม่คงท่ีในแต่ละ ชว่ งของปี ขั้นสำรวจและค้นหา 2. เม่ือนักเรียนได้ทราบข้อดีและข้อจำกัดในการใช้ใช้ชีวมวลเป็นพลังงานทดแทนมาแล้ว ครูนำ นักเรียนทำกิจกรรมการใช้พลังงานชีวมวล และบันทึกข้อมูลลงในใบกิจกรรมที่ 7 พลังงานชีวมวลในท้องถ่ิน ของเรา โดยให้นักเรียนช่วยกันระดมความคิดว่า “ถ้าชุมชนท่ีนักเรียนอยู่ไม่สามารถใช้พลังงานจากฟอสซิลได้ เลย นักเรียนจะเลือกชีวมวลในท้องถ่ินประเภทใดมาผลิตเป็นพลังงาน และให้เหตุผลประกอบว่าพลังงาน ชีวมวลนัน้ มขี อ้ ดีและข้อจำกดั อะไรบา้ ง” ขั้นอภปิ รายและสรุปผล 3. ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มติดผลงานและเดินชมผลงานของกลุ่มอื่นๆ เพ่ือแลกเปล่ียนเรียนรู้สิ่งที่ได้ ศกึ ษาจากกลุ่มอ่นื ซึง่ เป็นเทคนคิ การเรียนรูท้ เ่ี รยี กว่า Gallery Walk ขั้นขยายความรู้ 4. นกั เรยี นทำแบบฝึกหดั ที่ 11 ขั้นประเมนิ

5. ครปู ระเมินผลการเรยี นรู้ของนักเรยี นจากแบบฝกึ หดั ท่ี 11 สือ่ การเรียนรู้และแหล่งการเรียนรู้ 1. Powerpoint เรอื่ ง พลงั งานชวี มวล 2. แบบฝกึ หัดท่ี 11 3. ใบความรู้ 4. ใบกิจกรรมที่ 7 การวดั และกระประเมินผล วิธกี ารวัดผลการเรียนรู้และประเมินผลการเรียนรู้ 1. การสังเกตจากการเข้ารว่ มปฏบิ ัตกิ จิ กรรม 2. การตอบคำถาม เครอ่ื งมอื วดั และประเมินผลการเรียนรู้ 1. ตารางบนั ทกึ ผลการสังเกต 2. แบบฝกึ หัดที่ 11

ใบกจิ กรรมท่ี 7 พลังงานชีวมวลในท้องถิ่นของเรา จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ เมอื่ ทำกิจกรรมนแี้ ล้ว ผู้เข้าอบรมควรจะสามารถ (1) บอกชนิดของชีวมวลทีเ่ หมาะสมจะนำมาใชใ้ นทอ้ งถนิ่ ของตนเอง (2) บอกข้อดีและข้อจำกดั ของชีวมวลท่ีจะนำมาใชใ้ นท้องถิน่ ของตนเอง รายการวัสดแุ ละอุปกรณ์ ลำดบั รายการ จำนวน/กลมุ่ 1 กระดาษ flip chart 2 แผน่ 2 สชี อร์ค 1 กล่อง วธิ กี ารทำกิจกรรม 1. ให้นักเรียนช่วยกันระดมความคิดว่า “ถ้าชุมชนที่นักเรียนอยู่ไม่สามารถใช้พลังงานจากฟอสซิลได้เลย นกั เรียนจะเลือกชีวมวลในท้องถิน่ ประเภทใดมาผลติ เป็นพลังงาน และให้เหตผุ ลประกอบว่าพลังงานชีวมวลนั้น มขี ้อดีและขอ้ จำกัดอะไรบ้าง” 2. จากข้อจำกัดของการผลิตไบโอดีเซลจากน้ำมันปาล์ม ครูอาจเสนอแนะให้นักเรียนใช้น้ำมันพืชท่ีใช้ประกอบ อาหารแล้ว มาผ่านกระบวนการทางเคมีเพื่อเปล่ียนเป็นไบโอดีเซลแทน ให้นักเรียนช่วยกันคิดวิเคราะห์ข้อดี และข้อจำกดั ของการผลิตไบโอดีเซลจากนำ้ มนั พชื ท่ีใชป้ ระกอบอาหารแลว้

แบบฝกึ หัด ชือ่ ..................................นามสกลุ ...............................................เลขที่...........................ชน้ั ....................... 1. ใหน้ กั เรียนบอกความหมายและความสำคัญของพลังงานชวี มวล .............................................................................................................................. ................................................ .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................ 2. ชีวมวลท่ไี มใ่ นท้องถ่นิ ของนักเรียนสามารถนำมาผลติ เป็นพลังงานชีวมวลไดอ้ ย่างไร และสามารถนำมาใช้ ประโยชนอ์ ะไรไดบ้ ้าง ........................................................................................................................... ................................................... ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................................................ .................. ................................................................................................................. ............................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................................................................................. ........................... 3. ให้นักเรียนแสดงความคดิ เห็นเกีย่ วกบั การนำพลงั งานชวี ภาพมาใช้ทดแทนพลังงานจากเช้อื เพลงิ ซากดึกดำ บรรพ์ ว่ามผี ลอย่างไรต่อสภาวะโลกร้อนในปจั จบุ ัน และส่งผลต่อผลิตผลการเกษตรของเกษตรกรไทย ............................................................................................................................. ................................................. ................................................................................................................................... ........................................... .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................................................................. 3. นักเรยี นคิดว่าเหตผุ ลใดจงึ ควรนำชวี มวลในทอ้ งถ่ินมาผลิตเปน็ พลงั งานชีวมวล ....................................................................................... ....................................................................................... ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................

4. นักเรียนคดิ วา่ การนำพลังงานชวี มวลในท้องถ่นิ มาผลติ เปน็ พลงั งานทดแทนจะมผี ลเสียอย่างไรบ้าง และควร มแี นวทางจัดการผลเสียนั้นอย่างไร ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................................................................................. ............................ ....................................................................................................... ....................................................................... ............................................................................................................................. ................................................. ........................................................................................................................................ ...................................... ............................................................................................. ................................................................................ ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................. ................................................ .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................

แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 16 รายวชิ าพลังงานทดแทนกบั การใชป้ ระโยชน์ รหสั วชิ า ว 22202 ชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี 2 หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี 6 พลงั งานนวิ เคลียร์ เรื่อง พลังงานนิวเคลียร์ เวลา 2 ชว่ั โมง ชื่อผสู้ อนนางสาวจารภุ า นวลเพง็ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรยี นเกา้ เล้ียววทิ ยา ________________________________________________________________________ ผลการเรยี นรู้ - อธิบายหลกั การทางวทิ ยาศาสตร์ ในการนำพลงั งานแสงอาทิตย์ พลงั งานลม พลังงานน้ำ พลังงาน ชีวมวลและพลงั งานนวิ เคลยี ร์ ไปใชป้ ระโยชน์ สาระการเรียนรู้ พลงั งานนิวเคลียรเ์ ปน็ พลงั งานประเภทหน่งึ ที่เปน็ พลงั งานสะอาด มีอยใู่ นธรรมชาติเกิดจากการเปลีย่ น ของนวิ เคลียสของอะตอมซึ่งอาจจะโดยการรวมตวั หรือแตกตัว หรอื สลายตวั แลว้ ให้พลงั งานออกมา พลังงานนิวเคลียร์มีอย่รู อบตวั เราทง้ั บนพน้ื ดนิ บนชัน้ บรรยากาศของโลก ซง่ึ จะประกอบด้วยธาตุ กมั มนั ตรงั สชี นดิ ตา่ งๆ ใหพ้ ลงั งานในรปู ของรงั สี เชน่ เดียวกับดวงอาทติ ย์ ซ่ึงเป็นแหลง่ กำเนิดพลังงานนวิ เคลียร์ ขนาดใหญ่ สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด ทุกสิ่งทุกอย่างรวมท้ังตัวของเราประกอบข้ึนจากส่วนที่เล็กมากท่ีชื่อว่า ปรมาณู หรืออะตอม (Atom) โดยอะตอมมี นิวเคลียส (Nucleus) ซึ่งประกอบด้วยโปรตอนและนิวตรอนอยู่บริเวณใจกลางและ อิเล็กตรอน (Electron) เคล่ือนท่ีอยู่รอบนิวเคลียส คำว่านิวเคลียร์เป็นคำคุณศัพท์ที่ใช้ร่วมกับคำอ่ืน เพื่อแสดงถึงความเข้าใจ คลาดเคล่ือน • นิวเคลยี ร์คือ สารชนดิ หนง่ึ • พลังงานนิวเคลียรเ์ กดิ ขึ้นจากการสรา้ งของมนษุ ย์เท่านนั้ จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. นักเรียนสามารถอธิบายความหมายของคาวา่ นวิ เคลยี ร์ได(้ k) 2. นักเรียนมที ักษะสืบคน้ ข้อมูลองคป์ ระกอบของหน่วยท่เี ล็กทส่ี ุดของสสาร และความหมายของ นิวเคลยี ร์ได(้ P) 3. นักเรียนมีความเข้าใจบทเรียนและรบั ผดิ ชอบต่องานที่ได้รบั มอบหมาย (A) สมรรถนะทสี่ าคญั ของผเู้ รียน 1. ความสามารถในการคดิ 2. ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ติ 3.ความสามารถในการสอ่ื สาร คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. มงุ่ มน่ั ในการทางาน 2. ใฝเ่ รยี นรู้ 3. มวี นิ ยั

กระบวนการจดั การเรยี นรู้ ขั้นสรา้ งความสนใจ 1. ครูทบทวนเน้ือหาบทเรียนที่ผ่านมา และ ประเมินความรู้เบื้องต้นของนักเรียนเก่ียวกับ พลังงาน นิวเคลียร์ โดยใช้คำถามเพอื่ ให้นกั เรียนอภิปรายร่วมกัน ดงั นี้ - พลังงานทดแทนท่ีได้เรียนรู้มาแล้วมีอะไรบ้าง (ตากผ้า ด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ ผลิตไฟฟ้าด้วย กังหันลม ผลิตแกส๊ หงุ ต้มด้วยพลงั งานชวี มวล เปน็ ตน้ ) - นักเรียนรู้จักพลังงานทดแทนแบบอ่ืนอีกหรือไม่ ท่ีสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ (เป็นคำตอบของ นกั เรยี นท่ไี ดจ้ ากประสบการณเ์ รยี นรู้เดมิ ซึง่ อาจแตกตา่ งกันไป และอาจเปน็ คำตอบทยี่ ังถูกตอ้ งไมส่ มบรู ณ์) 2. ครูให้ความรู้กับนักเรียนว่า แหล่งพลังงานท่ีนำมาใช้ทดแทนเชื้อเพลิงซากดึกดำบรรพ์ นอกจาก พลงั งานน้ำ พลงั งานลม พลังงานแสงอาทติ ย์ และพลงั งานชีวมวลแล้ว ยังมีพลงั งานอกี ชนิดหนง่ึ ที่บางประเทศ นำมาใช้ผลิตไฟฟ้าให้กบั บา้ นเรือนจำนวนมาก นัน่ คอื “พลังงานนิวเคลียร์” 3. ครถู ามนกั เรียนก่อนจะนำเขา้ สู่การทำกิจกรรม สำรวจสิ่งเลก็ ๆ ทป่ี ระกอบข้นึ เปน็ ไสด้ ินสอดำ วา่ - คำวา่ “นิวเคลียร”์ คืออะไร (นักเรียนอาจให้คำตอบจากประสบการณ์ท่ีคุ้นเคยจากได้ฟังหรือดูส่ือ ตา่ งๆ เช่น นิวเคลียร์คอื พลังงาน ระเบิด รงั สี) - พลังงานนิวเคลียร์ได้มาอย่างไร เหมือนหรือแตกต่างจาก พลังงานอื่นๆ เช่น พลังงานความร้อน พลังงานไฟฟ้า พลังงานแสง อย่างไร (พลังงานนิวเคลียร์ต้องมีสารนิวเคลียร์ พลังงานนิวเคลียร์มีการใช้ระเบิด มนษุ ย์สรา้ งขนึ้ เทา่ น้นั และมีพลังงานมากกวา่ พลงั งานอืน่ ๆ) ขน้ั สำรวจและรวบรวบข้อมลู 4. ให้นกั เรียนร่วมกันหาคำตอบของคำว่า “นิวเคลียร์” จากการศกึ ษาจากการกิจกรรมสำรวจสิ่งเล็กๆ ท่ปี ระกอบขนึ้ เปน็ ไส้ดินสอดำ ตามใบกจิ กรรม ข้นั อภิปรายและสรุปผล 5. ครนู ำนกั เรยี นอภิปราย โดยใช้คำถามตอ่ ไปน้ี - นักเรียนคิดว่าส่วนเล็กๆ ของไส้ดินสอดำที่ได้จากกิจกรรมน้ี ยังสามารถแบ่งให้เล็กลงอีกได้หรือไม่ (หนว่ ยย่อยของไสด้ ินสอดำท่ีเลก็ ทสี่ ุดจากกิจกรรมน้ี สามารถแบ่งใหเ้ ล็กลงไดอ้ กี หากมีวิธีทีเ่ หมาะสม) - นักเรียนคิดว่าหากมีเครื่องมือท่ีสามารถแบ่งไส้ดินสอดำต่อไปได้เร่ือยๆ ผลจะเป็นอย่างไร(ได้ผงไส้ ดนิ สอท่ีเล็กมากๆ) 6. ครอู ภิปรายร่วมกับนกั เรียนเพื่อใหไ้ ดข้ อ้ สรุปวา่ ไส้ดนิ สอสามารถทำใหม้ ีขนาดเล็กลงไดห้ ากมวี ธิ ีการ ทีเ่ หมาะสม สารทกุ ชนดิ ล้วนประกอบด้วยหนว่ ยยอ่ ยทเี่ ล็กมากจนไมส่ ามารถมองเห็นดว้ ยตาเปล่า

7. ครูให้ความรู้ให้กับนักเรียน ด้วยการเล่าถึงท่ีมาของคำว่า อะตอม ซึ่งถูกบัญญัติข้ึน นักปราชญ์ชาว กรีกชื่อ ดิโมครติ ัส โดยกลา่ วว่า ทุกส่ิงทกุ อย่างประกอบขน้ึ จากอนภุ าคที่เล็กมากจนไมส่ ามารถมองเห็นได้ โดย อนุภาคดังกลา่ วมชี ่ือว่า ปรมาณู หรอื อะตอม (Atom) 8. ครูให้นักเรียนศึกษาข้อมูลเก่ียวกับหน่วยย่อยของอะตอมเพ่ิมเติม และให้ศึกษาข้อมูลเก่ียวกับ ไอโซโทป 9. ครูสรุปองค์ความรู้ร่วมกันกับนักเรียนว่า อะตอมประกอบด้วยนิวเคลียส (Nucleus) ซ่ึงภายในมี โปรตอน (Proton) และนิวตรอน (Neutron) ส่วนอิเล็กตรอน (Electron) เคลื่อนที่อยู่รอบนิวเคลียส ธาตุต่าง ชนิดกันจะมีจำนวนโปรตอนต่างกนั ธาตุชนดิ เดียวกันจะมีจำนวนโปรตอนเทา่ กนั แต่อาจจะมีจำนวนนิวตรอนไม่ เทา่ กัน ขัน้ ขยายความรู้ 10. นักเรยี นทำแบบฝกึ หดั ท่ี 12 ข้นั ประเมิน 11. ครูประเมนิ ผลการเรยี นรขู้ องนักเรียนจากการทำแบบฝกึ หัดที่ 12 สอ่ื การเรยี นรูแ้ ละแหลง่ การเรียนรู้ 1. Powerpoint เรื่อง พลงั งานนวิ เคลยี ร์ 2. แบบฝึกหัดท่ี 12 3. ใบความรู้ 4. ใบกิจกรรม การวดั และกระประเมินผล วธิ กี ารวดั ผลการเรยี นรู้และประเมินผลการเรียนรู้ 1. การสงั เกตจากการเข้ารว่ มปฏบิ ัติกจิ กรรม 2. การตอบคำถาม เครอื่ งมอื วัดและประเมินผลการเรยี นรู้ 1. ตารางบนั ทกึ ผลการสงั เกต 2. แบบฝึกหัดที่ 12

ใบกจิ กรรม เร่อื ง สำรวจสิ่งเล็กๆ ท่ีประกอบข้นึ เปน็ ไส้ดนิ สอดำ จุดประสงค์การเรยี นรู้ เมอ่ื ทำกจิ กรรมน้แี ล้ว นกั เรียนควรจะสามารถ (1) สำรวจ สังเกต และเขียนบรรยายสว่ นที่เล็กท่ีสุดของไส้ดนิ สอดำได้ (2) เขยี นบรรยายเช่ือมโยงถึงส่วนท่ีเลก็ ที่สุดของสสาร รายการวสั ดุอุปกรณ์ ลำดับ รายการ จำนวน/กลุ่ม 1 ไสด้ ินสอ 1 แทง่ วิธีทำกจิ กรรม 1. ให้นกั เรยี นหาวธิ ีการเพื่อให้ได้ส่วนทีค่ ิดว่าเลก็ ท่สี ุดของ ไสด้ ินสอดำ 2. เปรียบเทียบขนาดของส่วนที่เล็กที่สุดของไส้ดินสอดำที่ ได้ในข้อ 1. กับของนักเรียนคนอ่ืน เพื่อดูว่า ใครมสี ่วนท่ีเล็กท่ีสุด ของไส้ดินสอดำ บันทึกผลการทำกจิ กรรม ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………... คำถามทา้ ยกจิ กรรม 1. สว่ นเลก็ ๆ ของไสด้ ินสอดำทีไ่ ด้จากกิจกรรมน้ี ยังสามารถแบง่ ให้เลก็ ลงอีกไดห้ รอื ไม่ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………... 2. หากมเี ครอ่ื งมือท่ีสามารถแบ่งไส้ดนิ สอดำต่อไปได้เร่อื ยๆ ผลจะเป็นอย่างไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………... อภปิ รายและสรปุ ผลการทำกจิ กรรม ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………...

แบบฝึกหัดที่ 12 ช่อื .....................................นามสกุล...............................เลขท่.ี ........................ชั้น...................... 1. นักเรียนคิดวา่ ยงั มปี รากฏการณใ์ นธรรมชาตอิ นื่ อีกหรือไม่ทีท่ ำใหน้ ิวเคลยี สของธาตเุ ปลี่ยนแปลงได้ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………... 2. นักเรยี นคดิ ว่าปจั จุบันมนษุ ย์สามารถทำให้นิวเคลยี สของธาตเุ ปล่ียนแปลงไดห้ รือไม่ อย่างไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………...

แผนการจัดการเรยี นร้ทู ี่ 17 รายวิชาพลังงานทดแทนกบั การใช้ประโยชน์ รหสั วิชา ว 22202 ช้ันมธั ยมศึกษาปที ี่ 2 หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 6 พลังงานนิวเคลยี ร์ เรอ่ื ง แหลง่ ทีม่ าของพลังงานนวิ เคลียร์ เวลา 2 ช่ัวโมง ช่ือผูส้ อนนางสาวจารุภา นวลเพ็ง กลมุ่ สาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนเก้าเล้ยี ววิทยา ________________________________________________________________________ ผลการเรียนรู้ - อธิบายหลกั การทางวิทยาศาสตร์ ในการนำพลังงานแสงอาทิตย์ พลงั งานลม พลังงานน้ำ พลังงาน ชวี มวลและพลังงานนวิ เคลียร์ ไปใช้ประโยชน์ สาระการเรยี นรู้ พลงั งานนวิ เคลยี ร์เป็นพลงั งานประเภทหนง่ึ ที่เป็นพลังงานสะอาด มีอยูใ่ นธรรมชาติเกดิ จากการเปลย่ี น ของนวิ เคลียสของอะตอมซงึ่ อาจจะโดยการรวมตวั หรือแตกตัว หรือสลายตัวแลว้ ให้พลังงานออกมา พลังงานนวิ เคลยี ร์มีอยรู่ อบตัวเราทง้ั บนพนื้ ดนิ บนช้นั บรรยากาศของโลก ซ่งึ จะประกอบด้วยธาตุ กมั มนั ตรงั สีชนิดต่างๆ ใหพ้ ลังงานในรูปของรังสี เชน่ เดียวกับดวงอาทติ ย์ ซ่งึ เปน็ แหลง่ กำเนดิ พลังงานนวิ เคลยี ร์ ขนาดใหญ่ สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด ทุกส่ิงทุกอย่างรวมท้ังตัวของเราประกอบข้ึนจากส่วนท่ีเล็กมากท่ีชื่อว่า ปรมาณู หรืออะตอม (Atom) โดยอะตอมมี นิวเคลียส (Nucleus) ซึ่งประกอบด้วยโปรตอนและนิวตรอนอยู่บริเวณใจกลางและ อิเล็กตรอน (Electron) เคลื่อนที่อยู่รอบนิวเคลียส คำว่านิวเคลียร์เป็นคำคุณศัพท์ท่ีใช้ร่วมกับคำอ่ืน เพื่อแสดงถึงความเข้าใจ คลาดเคลื่อน • นิวเคลยี รค์ อื สารชนดิ หนึ่ง • พลงั งานนิวเคลียร์เกิดขน้ึ จากการสร้างของมนุษยเ์ ทา่ นนั้ จุดประสงค์การเรยี นรู้ 1. นักเรียนสามารถอธิบายความหมายของพลังงานนิวเคลียร์ พร้อมทั้งยกตัวอย่างแหล่งกาเนิด พลงั งานนวิ เคลยี ร์ได(้ k) 2. นกั เรยี นเขยี นสรุปเพื่ออธบิ ายความหมายของพลงั งานนวิ เคลียร์ พร้อมท้งั ยกตัวอยา่ งแหล่งกำเนิด พลงั งานนวิ เคลียร์ ได้(P) 3. นกั เรยี นมีความเข้าใจบทเรียนและรับผิดชอบต่องานท่ีได้รบั มอบหมาย (A) สมรรถนะทสี่ าคญั ของผู้เรยี น 1. ความสามารถในการคดิ 2. ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ติ 3.ความสามารถในการส่ือสาร คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. มุ่งมัน่ ในการทางาน 2. ใฝเ่ รียนรู้ 3. มีวนิ ัย

กระบวนการจัดการเรยี นรู้ ขั้นสร้างความสนใจ 1. ครทู บทวนความรู้เดิมรว่ มกนั กบั นกั เรยี นเกีย่ วกบั องค์ประกอบของอะตอม โดยใช้คำถาม - ส่วนที่เล็กท่สี ดุ ของสสารทไ่ี ม่สามารถแบง่ ให้เลก็ ลงไปไดอ้ ีกเรยี กว่าอะไร (ปรมาณูหรืออะตอม) - ภายในอะตอมประกอบไปด้วยอะไรบ้าง (ตรงกลางของอะตอมเรียกว่า นิวเคลียส (Nucleus) ซ่ึงภายในมีโปรตอน (Proton) และนิวตรอน (Neutron) ส่วนอิเล็กตรอน (Electron) เคล่ือนที่อยู่รอบ นิวเคลยี ส) - ธาตุชนดิ เดียวกนั จะมีจำนวนอนุภาคใดเทา่ กนั แตอ่ าจจะมจี ำนวนอนภุ าคใดไมเ่ ท่ากัน (ธาตชุ นดิ เดยี วกันอาจมีจำนวน “โปรตอน” เทา่ กันแต่อาจจะมจี ำนวน “นวิ ตรอน” ไมเ่ ท่ากัน) 2. ครแู ละนักเรยี นอภปิ รายร่วมกนั โดยใชค้ ำถามดังน้ี - ในนิวเคลียส โปรตอนท่ีมีประจุบวกยึดเหน่ียวกันอยู่จำนวนหลายอนุภาคได้อย่างไร (นักเรียนอาจ ตอบว่า มีการยดึ เหนี่ยวกนั ด้วยแรงชนดิ หนึง่ ) - การจะทำให้โปรตอนและนิวตรอนภายในนิวเคลียสแยกออกจากกัน หรือ รวมกันให้มีจำนวนมาก ย่ิงขึน้ จะทำได้หรือไม่ อย่างไร (นกั เรยี นอาจตอบวา่ อาจจะทำได้ ถา้ มีเครอ่ื งมือทเี่ หมาะสม) - ผลที่เกิดจากการทำให้อนุภาคภายในนิวเคลียสแยกจากกันหรือรวมตัวกัน น่าจะเป็นอย่างไร (นกั เรยี นอาจตอบว่า เกดิ การระเบิด หรอื มกี ารแผ่รังสี) ขั้นสำรวจและค้นหา 3. ครูให้นักเรียนสืบค้นเรื่องกระบวนการเปลี่ยนแปลงของนิวเคลียสจากสื่อต่างๆ รวมถึงส่ือจาก อินเตอร์เน็ต แล้วรวบรวมข้อมูลท่ีได้ มาจัดรูปแบบการนำเสนอให้เหมาะสม เข้าใจง่าย ชัดเจน ซ่ึงจากการ นำเสนอดงั กลา่ ว ขน้ั อภิปรายและสรปุ ผล 4. นักเรียนแตล่ ะกลมุ่ ออกมานำเสนอผลงาน 5. ครุและนักเรียนรว่ มกันสรุป ควรสรุปความรู้ร่วมกันได้ว่า การเปลี่ยนแปลงของนิวเคลียสมี 3 แบบ คือ การสลายตัว (Decay) การรวมตัว (Fusion) และ การแตกตัว (Fission) โดยรวมเรียกว่า ปฏิกิริยา นิวเคลียร์ (Nuclear Reaction) แต่ละแบบ ให้พลังงานออกมา ที่เรียกว่า พลังงานนิวเคลียร์ (Nuclear Energy) ซ่งึ มนุษยส์ ามารถนำมาใชป้ ระโยชน์ได้ เช่น การถนอมอาหาร การแพทย์ และ การผลิตพลังงานไฟฟา้ ขนั้ ขยายความรู้ 6. นักเรยี นทำแบบฝึกหัดท่ี 13

ขน้ั ประเมิน 7. ครูประเมินผลการเรียนรูข้ องนกั เรียนจากแบบฝกึ หดั ท่ี 13 ส่ือการเรยี นรู้และแหล่งการเรียนรู้ 1. Powerpoint เร่ือง พลังงานนวิ เคลยี ร์ 2. แบบฝึกหัดที่ 13 3. ใบความรู้ 4. ใบกจิ กรรม การวัดและกระประเมนิ ผล วิธีการวดั ผลการเรยี นรู้และประเมนิ ผลการเรียนรู้ 1. การสงั เกตจากการเข้ารว่ มปฏบิ ัตกิ จิ กรรม 2. การตอบคำถาม เครอ่ื งมือวัดและประเมินผลการเรียนรู้ 1. ตารางบันทกึ ผลการสงั เกต 2. แบบฝกึ หัดที่ 13

แบบฝกึ หดั ที่ 13 ช่อื ................................................นามสกลุ .....................................เลขท.่ี ..................ช้นั .................... 1.การเปลีย่ นแปลงของนวิ เคลยี ร์มอี ะไรบ้าง .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ....................................................................................................................................................................... ..... ............................................................................................................................ .................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................................................. ................. ................................................................................................................. ........................................................... 2.การใชป้ ระโยชน์ของพลังงานนิวเคลียร์ ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ............................................... ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ............................................... ............................................................................................................................................................................. . ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................................................................................................. ..........

แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 18 รายวิชาพลังงานทดแทนกับการใช้ประโยชน์ รหสั วิชา ว 22202 ชั้นมธั ยมศึกษาปที ี่ 2 หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 6 พลงั งานนิวเคลียร์ เรือ่ ง การใช้พลงั งานนวิ เคลียรใ์ นการผลติ ไฟฟา้ เวลา 4 ช่ัวโมง ชอื่ ผสู้ อนนางสาวจารภุ า นวลเพ็ง กลุม่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนเก้าเลีย้ ววทิ ยา ________________________________________________________________________ ผลการเรยี นรู้ - อธิบายการใช้ประโยชน์ พลังงานแสงอาทติ ย์ พลงั งานลม พลังงานนำ้ พลังงานชีวมวลและพลังงาน นิวเคลยี ร์ ในประเทศไทย -อธิบายขอ้ ดีและข้อจำกัดเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์และแนวทางการพัฒนา ของพลังงานแสงอาทติ ย์ พลงั งานลม พลังงานน้ำ พลังงานชีวมวลและพลังงานนิวเคลียร์ สาระการเรยี นรู้ พลงั งานนิวเคลียรถ์ ูกเปลี่ยนเป็นพลังงานความรอ้ นและนำไปต้มนำ้ ให้เดือดโดยตรง และใชแ้ รงดันดนั ของไอน้ำไปหมนุ กังหันทเี่ ชื่อต่อกบั เครอ่ื งกำเนดิ ไฟฟ้า การเลอื กใช้เชือ้ เพลงิ ท่ีผลิตไฟฟา้ ควรมีความหลากหลาย ไมค่ วรพ่ึงพาเช้ือเพลงิ ชนิดใดชนดิ หน่ึงมากเกนิ ไป เพราะหากเกดิ ปัญหาขาดแคลนเชื้อเพลงิ ชนดิ ดงั กลา่ ว อาจ สง่ ผลกระทบต่อการผลติ ไฟฟ้า หรอื ต้นทุนการผลติ ท่ีสูงได้ สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด ปริมาณการใช้ไฟฟ้าของประเทศไทยเพิ่มข้ึนทุกปี ประเทศไทยต้องพัฒนาโรงไฟฟ้าให้สามารถผลิต ไฟฟ้าได้เพียงพอต่อความต้องการของประเทศท่ีจะเพิ่มข้ึนอีกมาในอนาคต และโรงไฟฟ้าที่สร้างขึ้นใหม่ ต้อง สามารถให้พลังงานไฟฟ้าได้อย่างต่อเนื่อง มีมาตรฐานความปลอดภยั ท่ีได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง และมี ตน้ ทุนการผลิตไฟฟ้าตอ่ หนว่ ยต่ำและมีความพึ่งพาได้สูง จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1. นกั เรยี นสามารถอธบิ ายและยกตัวอย่างการใช้ประโยชน์พลงั งานนวิ เคลยี ร์ในประเทศไทยได้(k) 2. นักเรยี นเขียนสรุปเขียนสรุปข้อดี ข้อจำกัดและแนวทางการพัฒนาในการนำพลงั งานนวิ เคลียร์ไปใช้ ประโยชน์ได(้ P) 3. นกั เรียนมคี วามเขา้ ใจบทเรียนและรับผิดชอบต่องานท่ีได้รบั มอบหมาย (A) สมรรถนะทส่ี าคัญของผูเ้ รียน 1. ความสามารถในการคิด 2. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 3.ความสามารถในการสือ่ สาร คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ 1. มงุ่ มัน่ ในการทางาน 2. ใฝเ่ รียนรู้ 3. มีวนิ ยั

กระบวนการจัดการเรยี นรู้ ขั้นสรา้ งความสนใจ 1. ครูทบทวนเน้ือหาที่ได้เรียนไปในคาบท่ีแล้ว จากน้ันอธิบายเพ่ิมเติมว่าวันนี้เราจะเรียนเร่ือง การใช้ พลงั งานนิวเคลียร์ในการผลติ พลงั งาน 2. ครูให้นักเรียนพิจารณาเปรียบเทียบเกี่ยวกับ การใช้ไฟฟ้าในการดำรงชีวิตประจำวันในอดีตและใน ปจั จบุ นั โดยการทำกจิ กรรมตามใบกจิ กรรม การใชไ้ ฟฟ้าในบา้ นเรอื น − ในอดีตกับในปัจจุบัน การใช้ไฟฟ้าเปล่ียนแปลงไปอย่างไร เพราะเหตุใด (มีการใช้ไฟฟ้ามาก ขึน้ เนอื่ งจากมีการใช้อุปกรณไ์ ฟฟา้ หรือเคร่ืองใช้ไฟฟา้ มากขน้ึ หรอื มีสมาชกิ ครอบครวั มากข้ึน) − ในอนาคต บ้านของนักเรียนมีแนวโน้มการใช้ไฟฟ้ามากข้ึนหรือน้อยลง (ใช้มากขึ้น เพราะมี เงินเก็บมากขึ้น และมีอปุ กรณ์ไฟฟา้ ใหเ้ ลือกใชม้ ากขึ้น) − นอกเหนือจากการใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าในบ้านเรือนแล้ว มีกิจกรรมใดท่ีต้องใช้ไฟฟ้าอีกบ้าง (การ คมนาคม เช่น รถไฟฟา้ ในทส่ี าธารณะ ในโรงงานอุตสาหกรรม ในการเกษตรกรรม เปน็ ต้น) 3. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายจากคำตอบท่ีได้ ซึ่งควรให้ได้ข้อสรุปว่า การใช้ไฟฟ้าในบ้านของ นักเรียนแต่ละคน เมื่อเวลาผ่านไป ยังคงมีการใช้ไฟฟ้ามากขึ้น เป็นเพราะมีเครื่องใช้ไฟฟ้า และอุปกรณ์ไฟฟ้า ต่างๆ มากข้นึ ตามความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี และความกา้ วหน้าทางเศรษฐกจิ ของแต่ละครัวเรือน ตลอดจน การมจี ำนวนสมาชกิ ในครอบครวั เพิม่ ข้นึ ข้นั สำรวจและรวบรวมข้อมูล 4. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปองค์ความรู้เพื่อให้เกิดความเข้าใจตรงกันว่า ความต้องการใช้ไฟฟ้ามี มากข้ึนอย่างต่อเนื่องในแต่ละปี จากนั้น ครูเช่ือมโยงความรู้ต่อไป โดยใช้คำถามให้นักเรียนช่วยคิด เพ่ือสร้าง ความสนใจรว่ มกนั ดงั นี้ − ประเทศของเรามีการผลิตไฟฟ้าได้เพียงพอต่อปริมาณการใช้หรือยัง (เพียงพอแล้ว แต่ใน อนาคต) − ปจั จัยสำคัญท่ีมีผลต่อการผลิตไฟฟ้าคือสิ่งใด (เชื้อเพลงิ ที่นำมาผลิตไฟฟ้า เช่น ก๊าซธรรมชาติ นำ้ มนั ถา่ นหิน) 5. ครูให้นักเรียนหาคำตอบด้วยการสืบค้นข้อมูล ควรสรุปคำตอบได้ว่า ประเทศไทยมีการผลิตไฟฟ้า อย่างเพียงพอมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน แต่เชื้อเพลิงท่ีใช้ผลิตนับวันจะหมดไป จึงจำเป็นต้องสรรหาแหล่ง เช้ือเพลิงใหม่ เพ่ือให้ประเทศมีไฟฟ้าใช้อย่างเพียงพอ อีกทั้ง ด้วยปัญหาส่ิงแวดล้อม แหล่งเชื้อเพลิงใหม่ต้องไม่ เปน็ พิษกบั สิง่ แวดล้อม จากนั้น ครตู ง้ั คำถามเพ่ือสร้างความสนใจร่วมกนั โดยใชค้ ำถามดงั นี้ • สถานการณ์ผลิตไฟฟ้าของประเทศไทยในปัจจุบันเป็นอย่างไร สามารถรองรับการใช้ไฟฟ้า ของประชาชนในประเทศไดเ้ พยี งใด (ในปัจจุบันประเทศไทยสามารถผลิตไฟฟ้าได้อยา่ งเพียงพอกับการใชไ้ ฟฟ้า

ของประชาชนในประเทศ แต่จากความต้องการใช้ไฟฟ้าท่ีเพิ่มขึน้ อย่างรวดเรว็ จึงอาจต้องมีการเตรียมวางแผน จัดหาการผลติ ไฟฟ้าให้มากขึ้น) 6. ครใู ห้นักเรยี นร่วมกันหาคำตอบโดยการสืบค้น แลว้ อภิปรายร่วมกันถึงประเภทของเชอื้ เพลิงทีน่ ำมา ผลิตกระแสไฟฟ้าในประเทศไทยวา่ มีชนิดใดบ้าง และเปน็ สัดสว่ นเทา่ ไร จากนนั้ จงึ ร่วมกนั ตอบคำถามตอ่ ไปน้ี • ประเทศไทยใช้เช้ือเพลิงใดผลิตไฟฟ้ามากท่ีสุด (ประเทศไทยใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลงิ ใน การผลติ ไฟฟา้ มากทีส่ ุด) • ประเทศไทยมีความม่ันคงด้านพลังงานไฟฟ้า ในอนาคตหรือไม่ ถ้ายังคงใช้ก๊าซธรรมชาติเป็น เช้ือเพลิงหลักในการผลิตไฟฟ้า (ประเทศไทยจะมีความมั่นคงด้านพลังงานไฟฟ้าต่ำ ถ้ายังคงใช้ก๊าซธรรมชาติ เป็นเชื้อเพลิงหลักในการผลิตไฟฟ้าเน่ืองจาก การพ่ึงพาแหล่งเช้ือเพลิงแหล่งใดแหล่งหนึ่งมากจนเกินไป เม่ือ เช้ือเพลิงชนิดนั้นเกิดขาดแคลนข้ึนมา จะประสบปัญหาขาดแคลนพลังงานได้ โดยเฉพาะก๊าซธรรมชาติเป็น เชอื้ เพลงิ ฟอสซลิ ซึง่ เปน็ แหลง่ พลังงานส้ินเปลอื งท่กี ำลังจะหมดไป) ขน้ั อภปิ รายและสรุปผล 7. ครูขยายความรู้เพ่ิมเติมให้นักเรียนว่า ประเทศไทยนำเข้าก๊าซธรรมขาติจากประเทศเพื่อนบ้าน ซ่ึง ถ้าประเทศเพ่ือนบ้านมีปัญหาขัดแย้งกับประเทศไทย และหยุดการส่งก๊าซ จะทำให้เกิดปัญหากับ ภาคอุตสาหกรรม และภาคส่วนอน่ื ๆ 8. ครูและนกั เรยี นร่วมกันสรุปองค์ความร้เู พ่ือให้เกิดความเข้าใจตรงกันว่า เช้ือเพลิงท่ีใช้ผลิตไฟฟ้านั้น เปน็ ปัจจัยหลกั ทส่ี ่งผลต่อความมั่นคงด้านพลังงาน การเลอื กใชแ้ หล่งเช้ือเพลิงจงึ ควรมคี วามหลากหลาย ไม่ควร พึ่งพาเชื้อเพลิงชนิดใดชนิดหนึ่งมากเกินไป เพราะหากเกิดปัญหาขาดแคลนเช้ือเพลิงชนิดดังกล่าว อาจส่งผล กระทบตอ่ การผลิตไฟฟ้า หรอื ตน้ ทุนทางการผลิตทสี่ ูงขน้ึ 9. ครูเช่ือมโยงความรู้ต่อไป โดยตั้งคำถามให้นักเรียนช่วยกันคิด เพ่ือสร้างความสนใจรว่ มกันเกี่ยวกับ การเก็บเชื้อเพลิงสำหรบั ผลิตไฟฟา้ ในยามขาดแคลนวา่ • นักเรียนคิดว่า เม่ือช่วงท่ีมีเช้ือเพลิงชนิดใดชนิดหนึ่งมีปริมาณมาก หรือราคาถูก เราสามารถ นำเช้ือเพลิงชนิดน้ันมาผลิตไฟฟ้าเก็บไว้ใช้ในยามขาดแคลนได้หรือไม่ (น่าจะได้ อาจเก็บไฟฟ้าในรูปของ แบตเตอรี่ หรอื มีอุปกรณ์กักเก็บพลังงานไฟฟา้ ไว้) 10. ครูขยายความรู้ให้กับนักเรียนเกี่ยวกับการผลิตไฟฟ้าว่า การผลิตไฟฟ้าแตกต่างจากการผลิต พลงั งานรปู แบบอนื่ เพราะเม่อื ผลิตแลว้ ต้องจา่ ยออกทนั ที ไมส่ ามารถเก็บไวใ้ ช้ได้ ดงั นน้ั การผลิตไฟฟ้า จงึ ตอ้ ง มกี ารวางแผนใหส้ ามารถผลติ ได้เพียงพอ 11. ครูขยายความรู้ให้กับนักเรียนเก่ียวกับการผลิตไฟฟ้าของประเทศว่า โรงไฟฟ้าท่ีผลิตไฟฟ้าเพ่ือ บริการความต้องการไฟฟ้าพื้นฐานของประเทศ จะเป็นโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ สามารถเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าได้ ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งเราเรียกว่า โรงไฟฟ้าฐาน และเช้ือเพลิงหลักของโรงไฟฟ้าฐานในประเทศไทยคือ ก๊าซ ธรรมชาติและถ่านหิน ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงที่ใช้แล้วหมดไป อีกท้ัง บางส่วนต้องนำเข้าจากต่างประเทศ ส่งผลให้ ปัจจุบัน ประเทศไทยตกอยู่ในสภาวะขาดความมง่ั คงดา้ นพลงั งานไฟฟา้

12. ครูเชื่อมโยงความรู้ต่อไป โดยให้นักเรียนร่วมกันทำกิจกรรม เพื่อสร้างความตระหนักและความ เข้าใจร่วมกัน เกี่ยวกับการผลิตไฟฟ้าของประเทศ โดยก่อนให้นักเรียนทำกิจกรรม ครูนำนักเรียนให้ความรู้ เพมิ่ เตมิ เกี่ยวกบั องค์ประกอบสำคัญในการผลติ ไฟฟ้า เพ่ือให้นกั เรยี นเข้าใจตรงกัน ดังน้ี • สัดส่วนกำลังการผลิตไฟฟ้าที่พึ่งพาได้ ต่อกำลังผลิตติดต้ัง พิจารณาจากความพึ่งพาได้ของ โรงไฟฟ้า ซึ่งขึ้นอยู่กับเชื้อเพลิงท่ีใช้ในโรงไฟฟ้า ว่าสามารถผลิตไฟฟ้าได้ตามกำลังการผลิตของโรงไฟฟ้าที่ควร จะเป็น ณ เวลาที่ต้องการ นิยมบอกความพ่ึงพาได้ของโรงไฟฟ้าดังกล่าวเป็นร้อยละ เช่น โรงไฟฟ้าถ่านหิน มี ความพ่ึงพาได้ร้อยละ 100 หมายความว่า โรงไฟฟ้าเม่ือมีถ่านหินเป็นเช้ือเพลิงจะสามารถเดินเครื่องและผลิต ไฟฟ้าได้ตามกำลังการผลิตของโรงไฟฟ้านั้นเต็มประสิทธิภาพ ในขณะท่ีโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์มีความพ่ึงพา ไดร้ ้อยละ 21 หมายความว่า ณ เวลาทตี่ อ้ งการ โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตยจ์ ะสามารถผลิตไฟฟ้าได้เพียงรอ้ ย ละ 21 เนื่องจากความเข้มของแสงอาทิตย์ท่ีมีอยู่ไม่เพียงพอ และไม่สามารถสำรองแสงอาทิตย์ไว้ให้ผลิตไฟฟ้า ได้ • ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ท่ีเกิดจากกระบวนการทั้งหมด พิจารณาจากกระบวนการ ผลิตไฟฟ้า ที่เร่ิมต้ังแต่การขนส่งเชื้อเพลิง การใช้เช้ือเพลิงในโรงไฟฟ้า กระบวนการผลิตไฟฟ้า ว่าในแต่ละ กระบวนการทำให้เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่บรรยากาศมากน้อยเพียงใด นิยมบอกปริมาณเป็นกรัมต่อ หนว่ ยของไฟฟา้ ทผี่ ลติ ได้จากโรงไฟฟ้าน้ัน 13. ครูให้นักเรียนนำข้อมูลท่ีได้จากการทำกิจกรรม มาอภิปรายและตอบคำถามท้ายกิจกรรมร่วมกัน ดังนี้ • เช้ือเพลิงชนิดใดท่ีนำมาผลิตไฟฟ้าแล้ว ทำให้เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ใน กระบวนการท้ังหมดของโรงไฟฟ้าน้อยท่ีสุด (โรงไฟฟ้านิวเคลียร์และพลังน้ำ ทำให้เกิดคาร์บอนไดออกไซด์ใน กระบวนการท้ังหมดของโรงไฟฟา้ น้อยท่ีสดุ ) • เชื้อเพลิงชนิดใดบ้าง ท่ีทำให้ต้นทุนในการผลิตไฟฟ้ามีราคาถูก (แหล่งพลังงานที่ทำให้ต้นทุน ในการผลติ ไฟฟา้ ต่ำ ได้แก่ พลงั นำ้ ขนาดเลก็ ถ่านหินและพลงั งานนวิ เคลียร์) • ในการก่อสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ จะพิจารณาจากองค์ประกอบใดบ้าง ทำไมจึงเลือกองคป์ ระกอบ ดังกล่าว เพราะเหตุใด (การก่อสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ควรพิจารณาจากหลายปัจจัย ตัวอย่างเช่น ต้นทุนการผลิต ความพ่ึงพาได้ ผลกระทบต่อส่ิงแวดล้อม และขนาดของโรงไฟฟ้า เป็นต้น เนื่องจากในการผลิตไฟฟ้าของ ประเทศ ต้องให้มีความมั่นคงทางพลังงานไฟฟ้า และพ่ึงพาได้ โดยท่ีต้นทุนการผลิตต่ำและเป็นมิตรกับ สิง่ แวดล้อม) • พลังงานหมุนเวยี น สามารถนำมาใชเ้ ปน็ เชื้อเพลิงในโรงไฟฟ้าฐานไดห้ รือไม่ อยา่ งไร (พลงั งาน หมุนเวียน ไม่สามารถนำมาใช้เป็นแหล่งพลังงานในโรงไฟฟ้าฐานได้ เนื่องจากมีความพึ่งพาได้ต่ำ มี ความสามารถในการผลิตไฟฟ้าได้จริง แต่ปริมาณการผลิตไฟฟ้าน้อยกว่ากำลังผลิตของโรงไฟฟ้าท่ีควรจะเป็น มาก)

• เช้ือเพลิงใดเหมาะสมท่ีจะนำมาใช้เป็นเช้ือเพลิงในโรงไฟฟ้าฐาน (ถ่านหิน และพลังงาน นิวเคลียร์เหมาะสม ที่จะนำมาเป็นเชื้อเพลิงในโรงไฟฟ้าฐานเนื่องจากมีความพ่ึงพาได้สูง และต้นทุนการผลิต ตำ่ ) 14. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปองค์ความรู้เพ่ือให้เกิดความเข้าใจตรงกันว่า ประเทศต้องพัฒนา โรงไฟฟ้าให้สามารถผลิตไฟฟ้าได้เพียงพอต่อความต้องการของประเทศ และต้องให้พลังงานไฟฟ้าได้อย่าง ต่อเนอ่ื ง และต้องเปน็ โรงไฟฟา้ ท่ีมีมาตรฐานความปลอดภยั ท่ไี ด้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง และมีต้นทุนการ ผลติ ไฟฟา้ ต่อหน่วยต่ำและมีความพึ่งพาไดส้ ูง ขน้ั ขยายความรู้ 15. ใหน้ กั เรยี นทำใบกิจกรรม ข้ันประเมิน 16. ครูประเมินผลการเรยี นรูจ้ ากใบกิจกรรม สื่อการเรยี นรูแ้ ละแหล่งการเรยี นรู้ 1. Powerpoint เรอื่ ง พลังงานนิวเคลยี ร์ 3. ใบความรู้ 4. ใบกิจกรรม การวดั และกระประเมนิ ผล วธิ ีการวดั ผลการเรยี นรูแ้ ละประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 1. การสงั เกตจากการเขา้ รว่ มปฏบิ ตั ิกจิ กรรม 2. การตอบคำถาม เครอื่ งมอื วดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 1. ตารางบนั ทกึ ผลการสังเกต 2. แบบฝึกหัดท่ี 13

ใบกิจกรรม เรอ่ื ง การใช้ไฟฟ้าในบา้ นเรือน จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ (1) เปรียบเทียบการใช้ไฟฟา้ ในบา้ นของตวั เองได้ (2) เขยี นบรรยายแนวโน้มการใชไ้ ฟฟ้าในอนาคต และระบเุ หตุผลได้ วธิ ีทำกิจกรรม ให้นักเรียนแต่ละคน พิจารณาภาพในหนังสือเรียนหน้า 105 และพิจารณาการใช้ไฟฟ้าของนักเรียน เอง ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน จากนั้นอภิปรายร่วมกันว่า การใช้พลังงานไฟฟ้าในอดีตและปัจจุบันเหมือนหรือ แตกตา่ งกันอย่างไร บันทึกผลการทำกิจกรรม ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… คาถามท้ายกจิ กรรม 1. ในอดีตกบั ในปัจจุบัน การใชไ้ ฟฟ้าเปล่ียนแปลงไปอย่างไร เพราะเหตใุ ด ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. ในอนาคตบ้านของนักเรียนมแี นวโน้มการใชไ้ ฟฟ้ามากขน้ึ หรอื นอ้ ยลง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. นอกเหนอื จากการใช้อปุ กรณ์ไฟฟา้ ในบ้านเรอื นแลว้ มีกิจกรรมใดที่ต้องใชไ้ ฟฟา้ อกี บ้าง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

อภปิ รายและสรปุ ผลการทำกิจกรรม ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ใบกิจกรรม เร่ือง โรงไฟฟ้าใหม่ จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ (1) ระบุองคป์ ระกอบสำคัญในการตัดสนิ ใจในการสรา้ งโรงไฟฟ้า (2) เขียนสรุปความแตกต่างและข้อจำกัดของการใช้เช้ือเพลิงชนิดต่างๆ ในการผลิตไฟฟ้าของ ประเทศ วธิ ีทำกิจกรรม ศึกษาข้อมูลองค์ประกอบสำคัญในการเลือกเชื้อเพลิงสำหรับโรงไฟฟ้าใหม่ในตารางที่ 5.2 ของหนังสือเรียน แล้วสมมติว่าตนเองเป็นผู้บริหารประเทศ ที่มีความจำเป็นต้องสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ โดยคำนึงถงึ ปัจจัยต่างๆ ทีเ่ กีย่ วขอ้ ง ความพ่ึงพาได้ของโรงไฟฟ้าข้ึนอยู่กับเช้ือเพลิงที่ใช้ว่าสามารถนำมาใช้เป็นเช้ือเพลิงผลิตไฟฟ้า ได้ตามกำลังการผลิตของโรงไฟฟ้าท่ีควรจะเป็น ณ เวลาท่ีต้องการ เรานิยมบอกความพ่ึงพาได้ของ โรงไฟฟ้าเป็นรอ้ ยละ เช่น โรงไฟฟ้าถา่ นหิน มีความพึ่งพาได้ร้อยละ 100 หมายความว่า โรงไฟฟ้าเมือ่ มี เช้ือเพลิงสามารถเดินเคร่ืองและผลิตไฟฟ้าได้ตามกำลังการผลิตของโรงไฟฟ้าน้ัน ในขณะท่ีโรงไฟฟ้า พลังแสงอาทิตย์มีความพึ่งพาได้ร้อยละ 21 หมายความว่า ณ เวลาที่ต้องการ โรงไฟฟ้าพลังงาน แสงอาทิตย์จะสามารถผลิตไฟฟ้าได้เพียงร้อยละ 21 เน่ืองจากความเข้มของแสงอาทิตย์ที่มีอยู่ไม่ เพยี งพอ และไมส่ ามารถสำรองแสงอาทิตยไ์ ว้ให้ผลติ ไฟฟ้าได้ บนั ทึกผลการทำกจิ กรรม ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… คำถามทา้ ยกจิ กรรม 1. เช้ือเพลิงชนิดใดท่ีนำมาผลิตไฟฟ้าแล้ว ทำให้เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ในกระบวนการทั้งหมด ของโรงไฟฟา้ น้อยที่สุด ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. เชอื้ เพลงิ ชนิดใดบา้ ง ท่ีทำใหต้ ้นทนุ ในการผลติ ไฟฟ้ามรี าคาถกู …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

3. ในการก่อสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ จะพิจารณาจากองค์ประกอบใดบ้าง ทำไมจึงเลือกองค์ประกอบดังกล่าว เพราะเหตุใด ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 4. พลังงานหมนุ เวยี น สามารถนามาใชเ้ ป็นเช้อื เพลิงในโรงไฟฟา้ ฐานได้หรือไม่ อย่างไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 5. เชอ้ื เพลิงใดเหมาะสมท่จี ะนามาใช้เปน็ เช้อื เพลิงในโรงไฟฟา้ ฐาน ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… อภปิ รายและสรุปผลการทากจิ กรรม ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook