Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore รายวิชาพลังงานทดแทนกับการนำไปใช้ประโยชน์

รายวิชาพลังงานทดแทนกับการนำไปใช้ประโยชน์

Published by jarupha2000, 2022-03-07 08:32:01

Description: แผนการจัดการเรียนรู้

Search

Read the Text Version

แผนการจัดการเรียนรู้ ท่ี 8 เรอ่ื ง พลังงานแสงอาทติ ย์ สาระการเรียนรูท้ ี่ 3 เร่ือง พลังงานแสงอาทิตย์ รหัสวชิ า ว31281 ระดบั ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 2 เวลา 2 ช่ัวโมง ช่อื ผู้สอนนางสาวจารุภา นวลเพง็ กลุ่มสาระการเรียนร้วู ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรยี นเก้าเลี้ยว วทิ ยา มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 8.1 : ใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์และจิตวิทยาศาสตร์ในการสืบเสาะหา ความรู้ การแก้ปัญหา รู้ว่าปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดข้ึนส่วนใหญ่มีรูปแบบที่แน่นอน สามารถ อธบิ ายและตรวจสอบได้ ภายใตข้ ้อมูลและเครอื่ งมือทม่ี ีอยู่ในชว่ งเวลาน้นั ๆ เข้าใจวา่ วิทยาศาสตรแ์ ละ เทคโนโลยี สงั คม และส่งิ แวดล้อม มคี วามเก่ียวข้องสัมพันธก์ นั ผลการเรียนรู้ สืบค้นข้อมูล สังเกต เปรียบเทียบ คิดวิเคราะห์ อภิปรายและเขียนสรุปลักษณะของพลังงาน แสงอาทิตย์ ความสัมพันธ์ระหว่างความเข้มรังสีดวงอาทิตย์กับอุณหภูมิอากาศ ปัจจัยที่มีผลต่อความ เข้มรงั สดี วงอาทติ ย์ และความเข้มรังสีดวงอาทติ ยท์ ปี่ ระเทศไทยและโลกไดร้ ับ สาระการเรียนรู้ พลงั งานแสงอาทติ ย์เป็นพลังงานจากดวงอาทติ ย์ท่ีส่งมายังโลกโดยการแผร่ งั สี จดุ ประสงค์การเรียนรู้ ด้านความรู้ 1. อภิปรายเกี่ยวกบั ลกั ษณะของพลังงานแสงอาทิตย์ 2. อภิปรายความสมั พันธร์ ะหว่างความเขม้ รังสีดวงอาทิตย์กับอณุ หภูมิอากาศ 3. อภิปรายและบอกปจั จัยที่มีผลตอ่ ความเขม้ รงั สดี วงอาทติ ย์ 4. อภปิ รายเก่ียวกบั ความเขม้ รังสดี วงอาทติ ย์ทป่ี ระเทศไทยและโลกไดร้ บั ทักษะ/กระบวนการ 1. เขยี นสรุปเกย่ี วกับลกั ษณะของพลงั งานแสงอาทิตย์ 2. เขียนสรุปความสัมพันธ์ระหวา่ งความเขม้ รงั สดี วงอาทติ ย์กับอณุ หภมู ิอากาศ 3. เขียนสรุปเกี่ยวกับความเข้มรงั สดี วงอาทิตย์ที่ประเทศไทยและโลกไดร้ ับ คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. เขา้ เรยี นตรงเวลา รว่ มปฏบิ ัตกิ จิ กรรม ซื่อสตั ย์

สาระสำคญั พลังงานแสงอาทิตย์ เป็นพลังงานจากดวงอาทิตย์ท่ีส่งมายังโลกโดยการแผ่รังสี ซึ่งมีทั้งรังสีที่ มองเห็นและมองไม่เห็น ความเข้มรังสีดวงอาทิตย์ คือปริมาณพลังงานแสงอาทิตย์ที่ตกกระทบพ้ืนท่ี ตา่ งๆ ตอ่ ชว่ งเวลาหน่ึงๆ มผี ลทำให้อณุ หภมู ิอากาศในแต่ละชว่ งของวันและในแตล่ ะวันมคี ่าไม่คงที่ ความเข้มรังสีดวงอาทิตย์จะมีค่าเปลี่ยนแปลงไปตามเส้นละติจูด ช่วงเวลาของวัน ฤดูกาล สภาพอากาศ และมลภาวะทางอากาศ ถ้าพ้ืนท่ีใดๆ ได้รับความเข้มรังสีดวงอาทิตย์สงู อณุ หภูมิอากาศ บริเวณน้ันจะสูงตามไปด้วย บรเิ วณเสน้ ศนู ย์สูตรของโลกและบรเิ วณใกล้เคียง เปน็ บรเิ วณท่มี ีความเข้ม รงั สีดวงอาทิตย์สูง เพราะเป็นบริเวณท่ีอยู่ในแนวต้ังฉากหรือใกล้เคียงกับแนวตงั้ ฉากกับดวงอาทิตย์ จึง เป็นบริเวณท่ีมีความเหมาะสมในการนำพลังงานแสงอาทิตยม์ าใชป้ ระโยชน์มากท่ีสดุ กระบวนการจดั การเรยี นรู้ ขนั้ สรา้ งความสนใจ 1. ครูกระตุ้นความสนใจนกั เรียนโดยใชค้ ำถามตอ่ ไปนี้ - ในชวี ติ ประจำวันของนักเรยี นได้ใช้ประโยชนจ์ ากแสงอาทิตยบ์ ้างหรือไม่ (ใช)้ ขัน้ คน้ หาและรวบรวมข้อมูล 2.ให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายภาพดังต่อไปนี้ เก่ียวกับการใช้ประโยชน์จากพลังงาน แสงอาทติ ยใ์ นด้านตา่ งๆ การตากแห้งอาหาร การผลติ เกลอื สมุทร การตากผ้า

ตวั อย่างการใชป้ ระโยชนจ์ ากพลังงานแสงอาทิตย์ในด้านต่างๆ ข้ันอภปิ รายและสรปุ ผล 3. จากการอภิปราย นักเรียนควรสรุปเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์จากพลังงานแสงอาทิตย์ ในด้านต่างๆ ได้ว่า มนุษย์มีการใชป้ ระโยชน์จากพลังงานแสงอาทิตย์ในการตากแห้งอาหาร ผลิตเกลือ สมทุ ร และใช้ในการตากผา้ 4. จากนั้นครูนำอภิปราย เกี่ยวกับการใช้ประโยชน์จากพลังงานแสงอาทิตย์ในด้านอ่ืนๆ อกี โดยอาจใช้ตวั อย่างคำถาม ดังน้ี - ถ้าไม่มีแหล่งพลังงานความร้อนจากดวงอาทิตย์ นักเรียนจะทนอากาศที่หนาวเย็นได้ หรอื ไม่ - ถา้ ไมม่ ีแสงจากดวงอาทติ ย์นักเรยี นจะมองเหน็ สิ่งตา่ งๆ ได้หรอื ไม่ 5. จากการอภิปราย นักเรียนควรสรุปเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์จากพลังงานแสงอาทิตย์ ในด้านอ่ืนๆ ได้ว่า ส่ิงมีชีวิตบนโลกล้วนต้องอาศัยพลังงานจากดวงอาทิตย์ เช่น ใช้เป็นแหล่งพลังงาน ความร้อนเพ่อื ให้ความอบอุน่ แกร่ า่ งกาย ใช้ถนอมอาหารโดยการตากแห้ง ใชใ้ นการผลิตเกลือสมุทร ใช้ ในการตากผ้า และใชพ้ ลังงานจากดวงอาทิตย์ในรูปของแสง ชว่ ยใหม้ องเห็นสิง่ ต่างๆ รอบตัว 6. ครูอธิบายเพ่ิมเติมถึงประโยชน์ท่ีได้รับจากพลังงานแสงอาทิตย์ในด้านอื่นๆ มีอยู่อีก มากมาย เช่น มีอิทธิพลต่อการเกิดปรากฏการณ์ต่างๆ ทางธรรมชาติบนโลก เช่น ทำให้เกิดการ หมุนเวียนของน้ำ และมีอิทธิพลต่อการเกิดแหล่งพลังงานต่างๆ เช่น ปิโตรเลียม ลม น้ำ ชีวมวล เป็น ตน้ ขนั้ ขยายความรู้ 7. ครอู ธบิ ายเพ่ิมเติม ในประเดน็ ต่อไปน้ี • พลังงานแสงอาทิตย์ เป็นพลังงานจากดวงอาทิตย์ที่ส่งมายังโลกโดยการแผ่รังสี ซ่ึงมี ทั้งรังสีท่ีมองเห็นและมองไม่เห็น ตัวอย่างรังสีท่ีมองเห็นได้ เช่น แสง และตัวอย่างรังสีที่มองไม่เห็น เชน่ รงั สีอลั ตราไวโอเลต รงั สีอนิ ฟราเรด เป็นตน้ • รังสีจากดวงอาทิตย์ที่แผ่มายังโลก บางส่วนจะสะท้อนกลับสู่อวกาศ บางส่วนถูก ดดู กลนื ไว้ในบรรยากาศและส่วนทเี่ หลอื จะแผ่ลงมายังผิวโลก • ดวงอาทิตย์ส่งพลังงานมายงั โลกในรูปคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีชว่ งความยาวคลื่นตา่ งๆ กัน เรียกว่า รังสีจากดวงอาทิตย์ ซ่ึงมีทั้งรังสีที่มองเห็นและมองไม่เห็น รังสีท่ีแผ่จากดวงอาทิตย์ สามารถเคลื่อนทมี่ าถงึ โลกไดโ้ ดยไมต่ ้องอาศัยตัวกลางในการเคลอื่ นท่ี

8. ครูถามคำถามนักเรียน นักเรียนคิดว่าพลังงานแสงอาทิตย์มีผลต่ออุณหภูมิอากาศ หรือไม่ 9. ครูอธิบายเพม่ิ เติมในประเด็นดังต่อไปนี้ • อุณหภูมิอากาศในแต่ละช่วงของวันและในแต่ละวัน มีค่าไม่คงที่ เพราะมีผลมาจาก ความเข้มรังสีดวงอาทิตย์ ถ้าความเข้มรังสีดวงอาทิตย์มีค่าสูง จะทำให้อุณหภูมิอากาศบริเวณน้ันสูง ตามไปด้วย • ปัจจัยสำคัญที่มีผลต่ออุณหภูมิอากาศที่บริเวณใดๆ นอกจากขึ้นอยู่กับความเข้มรังสี ดวงอาทิตย์แล้ว ยังข้ึนอยู่กับสภาพแวดล้อมของพ้ืนท่ีด้วย เช่น บริเวณป่าหรือบริเวณท่ีมีต้นไม้น้อย อุณหภูมิอากาศก็จะแตกต่างกัน และปริมาณเมฆบนท้องฟ้าท่ีแตกต่างกันในแต่ละช่วงของวันและใน แตล่ ะวัน อาจส่งผลใหอ้ ุณหภมู อิ ากาศแตกต่างกนั ได้ • ความเข้มรังสีดวงอาทิตย์ คือ ปริมาณพลังงานแสงอาทิตย์ที่ตกกระทบพ้ืนท่ีต่างๆ ตอ่ ช่วงเวลาหนงึ่ ๆ มีหน่วยเป็นกโิ ลวัตต์ตอ่ ตารางเมตร • ความเข้มรังสีดวงอาทิตย์จะมีค่าเปลี่ยนแปลงไปตามเส้นละติจูด ช่วงเวลาของวัน ฤดกู าล สภาพอากาศ เช่น ปรมิ าณความชน้ื ในอากาศ ปริมาณเมฆบนท้องฟ้า และเปล่ียนแปลงไปตาม มลภาวะทางอากาศ • เคร่อื งมอื ที่ใช้วัดความเขม้ รังสีดวงอาทิตย์ เรยี กว่า ไพราโนมิเตอร์ ขน้ั ประเมิน 10. นกั เรียนทำแบบฝกึ หดั ที่ 6 11. ครูประเมนิ ผลการเรยี นรูน้ กั เรยี นจากแบบฝึกหดั สื่อการเรียนรแู้ ละแหล่งการเรียนรู้ 1. Powerpoint เรือ่ ง พลงั งานแสงอาทิตย์ 2. แบบฝกึ หัดที่ 6 3. ใบความรู้

การวดั และกระประเมนิ ผล วิธีการวดั ผลการเรยี นรู้และประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 1. การสงั เกตจากการเขา้ ร่วมปฏบิ ัติกิจกรรม 2. การตอบคำถาม เครือ่ งมือวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้ 1. ตารางบันทกึ ผลการสงั เกต 2. แบบฝึกหดั ท่ี 6

บนั ทกึ หลังการจัดการเรียนรู้ ชน้ิ งาน ................................................................................................................................................................ ......................................................................................... .................................................. ..................... ............................................................................................................................. ................................... การปรับเปลย่ี นแผนการจดั การเรียนรู้ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ................................... บรรยากาศระหวา่ งการเรียนรู้ ................................................................................................................................................................ .......................................................................................... .................................................. .................... ............................................................................................................................. ................................... สรปุ ผลการเรยี นรูจ้ ากการวัดประเมนิ ผล ................................................................................................................................................................ ...................................................................................... .................................................. ........................ ............................................................................................................................. ................................... ปญั หาข้อเสนอแนะในการพัฒนาปรับปรงุ แผนการจดั การเรียนรู้ ............................................................................................................................................... ................. ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ................................... พฤติกรรมการเรียนท่ีคน้ พบและการพฒั นาพฤตกิ รรมการสอน ............................................................................................................................. ................................... ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ...................................

แบบฝึกหัด ช่อื ................................................นามสกุล.........................................เลขที.่ ....................ชน้ั ................. 1. นกั เรยี นคดิ วา่ พลงั งานแสงอาทติ ย์มปี ระโยชนใ์ นดา้ นใดบ้าง ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................... ................................................. ................................................................................................................................. ............................... ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ................................... ................................................................................................................................................................ 2. พลงั งานแสงอาทิตยจ์ ะเคล่ือนทีใ่ นรูปแบบใด ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ................................... .................................................................................................................................................... ............ 3. นักเรียนคดิ วา่ ระหว่างความเขม้ รังสีดวงอาทติ ย์กบั อุณหภูมมิ คี วามสัมพนั ธก์ ันอย่างไร ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ................................... ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................. ................................................... ............................................................................................................................... ................................. 4. ปัจจัยทีม่ ผี ลต่อความเข้มแสง ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................. ................................................... ............................................................................................................................... ................................. ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ................................... .............................................................................................................................................................. ..

แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 9 รายวชิ าพลังงานทดแทนกบั การใช้ประโยชน์ รหสั วชิ า ว 22202 ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 2 หน่วยการเรียนร้ทู ี่ 4 พลงั งานแสงอาทิตย์ เรอื่ ง การใช้ประโยชนพ์ ลังงานแสงอาทติ ย์ โดยเปล่ียนเป็นพลงั งาน ความร้อน เวลา 2 ชว่ั โมง ช่อื ผู้สอนนางสาวจารภุ า นวลเพง็ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนเก้าเลีย้ ววิทยา ________________________________________________________________________ ผลการเรยี นรู้ อธบิ ายการใชป้ ระโยชน์ พลังงานแสงอาทิตย์ พลงั งานลม พลังงานนำ้ พลงั งานชีวมวลและพลงั งาน นิวเคลยี ร์ ในประเทศไทย สาระการเรียนรู้ รงั สจี ากดวงอาทิตย์ เมื่อกระทบกบั วตั ถุใดๆ บนพ้นื โลก วัตถุนัน้ จะดูดกลนื รังสแี ละเปล่ียนพลงั งาน ความรอ้ น และถ่ายโอนพลังงานความร้อนออกมาใหก้ ับส่งิ แวดลอ้ ม ปัจจุบันมีการนำพลงั งานแสงอาทิตย์มาเปลย่ี นเปน็ พลงั งานความรอ้ น และนำพลงั งานความรอ้ นมา ใช้ประโยชน์มากมาย เช่น การอบแห้งอาหาร การผลติ น้ำร้อน การกล่นั น้ำ การหุงตม้ อาหาร เปน็ ต้น สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด วตั ถุใดๆ บนโลก เมือ่ ไดร้ บั รงั สีจากดวงอาทิตย์ วัตถุนนั้ จะดูดกลืนรงั สีและเปล่ียนเป็นพลงั งานความ ร้อน และถ่ายโอนพลังงานความร้อนออกมาให้กับสิ่งแวดล้อม ปัจจุบันจึงมีการประดิษฐ์อุปกรณ์หรือ เครื่องมือต่างๆ เพื่อนำพลังงานแสงอาทิตย์มาใช้ประโยชน์ โดยการเปล่ียนเป็นพลังงานความร้อน ซ่ึง สิ่งประดิษฐ์นัน้ ควรทาหรือทำดว้ ยสีเข้มหรือใชว้ ัสดุสเี ขม้ เพราะวัตถุสีเข้มสามารถดดู กลนื รงั สีจากดวงอาทติ ย์ ได้มากกว่าวัตถสุ ีอ่อน จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. นกั เรียนสามารถสรุปหลกั การทางวิทยาศาสตร์ในการนาพลังงานแสงอาทติ ย์มาใชป้ ระโยชน์ได(้ k) 2. นักเรียนสามารถทดลองและสงั เกตในการนำพลงั งานแสงอาทติ ย์มาใชป้ ระโยชน์ได้(P) 3. นักเรยี นมคี วามเข้าใจบทเรียนและรับผดิ ชอบต่องานท่ีได้รบั มอบหมาย (A) สมรรถนะท่ีสาคญั ของผ้เู รียน 1. ความสามารถในการคิด 2. ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวติ 3.ความสามารถในการส่อื สาร คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ 1. มุ่งมนั่ ในการทางาน 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มีวินยั

กระบวนการจดั การเรียนรู้ ขน้ั สร้างความสนใจ 1. ครูถามนำเข้าสู่เน้ือหา การนำพลังงานแสงอาทิตย์มาใช้ประโยชน์ โดยการเปล่ียนเป็นพลังงาน ความร้อน ว่ามหี ลกั การอยา่ งไร ข้นั สำรวจและรวบรวมขอ้ มลู 2. ใหน้ กั เรยี นทำกจิ กรรมที่ 3 การใชป้ ระโยชน์จากตัวเกบ็ รงั สอี าทติ ย์ ขัน้ อภิปรายและสรุปผล 3. ใหน้ กั เรียนแต่ละกลมุ่ ออกมานำเสนอกิจกรรมท่ี 3 ที่ได้ทำไปหน้าชน้ั เรยี น 4. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายผล จากผลการทำกิจกรรม การนำแก้วน้ำมาช่วยในการดูดกลืน รังสีจากดวงอาทิตย์ มีผลทำให้อุณหภูมอิ ากาศบรเิ วณนนั้ มีคา่ สูงขึ้น และสีของกระดาษท่ีนำมาใช้บุแก้วน้ำ มี ผลตอ่ อุณหภูมอิ ากาศ ขั้นขยายความรู้ 5. จากน้ันครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับหลักการทางวิทยาศาสตร์ท่ีเก่ียวข้องกับการใช้ ประโยชน์จากตัวเก็บรังสีอาทิตย์และสีของตัวเก็บรังสีอาทิตย์กับอุณหภูมิอากาศ จากกิจกรรมที่ 3 ซึ่งควร สรปุ ไดว้ า่ • วัตถุใดๆ บนพ้ืนโลก เมื่อได้รับรังสีจากดวงอาทิตย์ วัตถุนั้นจะดูดกลืนรังสีและเปล่ียนรูป เป็นพลังงานความร้อน และถ่ายโอนพลังงานความร้อนออกมาให้กับส่ิงแวดล้อม วัตถุแต่ละชนิดสามารถ ดดู กลนื รงั สีได้แตกตา่ งกนั • แก้วน้ำจะดูดกลืนรังสีจากดวงอาทิตย์และเปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อนและถ่ายโอน พลังงานความร้อนออกมาให้กับอากาศภายในแก้วน้ำ ทำให้อากาศภายในแก้วน้ำมีอุณหภูมิสูงกว่าอุณหภูมิ อากาศภายนอกแกว้ นำ้ • สีของกระดาษท่ีใช้บุแก้วน้ำมีผลต่ออุณหภูมิอากาศ กระดาษสีเข้มเมื่อได้รับรังสีจากดวง อาทติ ย์ จะดูดกลืนรังสีจากดวงอาทติ ย์ได้มากกว่ากระดาษสีออ่ น ขั้นประเมนิ ผล 6. ครปู ระเมินผลการเรยี นรู้นกั เรยี นจากกจิ กรรมท่ี 3 สื่อการเรียนรู้และแหล่งการเรยี นรู้ 1. Powerpoint เรอ่ื ง พลังงานลม 2. กิจกรรมท่ี 3 3. ใบความรู้ การวัดและกระประเมินผล วธิ กี ารวัดผลการเรยี นรแู้ ละประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 1. การสังเกตจากการเขา้ ร่วมปฏบิ ัตกิ จิ กรรม

2. การตอบคำถาม เคร่อื งมอื วัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 1. ตารางบนั ทึกผลการสงั เกต 2. กิจกรรมท่ี 3

ใบกิจกรรมที่ 1 การใช้ประโยชน์จากตัวเก็บรังสอี าทิตย์ จุดประสงค์ ทดลอง สังเกต เปรียบเทียบ อภิปราย และเขียนสรุปหลักการทางวิทยาศาสตร์ ในการนำพลังงาน แสงอาทติ ยม์ าใชป้ ระโยชน์ โดยการเปลยี่ นเปน็ พลังงานความร้อน รายการวสั ดอุ ุปกรณ์ ที่ รายการ จำนวนหรือปริมาณต่อกลุ่ม ตอนที่ 1 ประโยชน์จากตวั เกบ็ รังสีอาทติ ย์ 1 เทอรม์ อมเิ ตอร์ 2 อัน 2 ขาต้ังเหลก็ 2 อัน 3 ไมห้ นีบการทดลอง 2 อนั 4 แก้วน้ำพลาสติกหรือแกว้ น้ำกระดาษ 1 ใบ 5 ไมบ้ รรทัด 1 อัน 6 นาฬิกาจบั เวลา 1 อัน ตอนที่ 2 สีของตัวเก็บรังสีอาทติ ยก์ บั อณุ หภูมิอากาศ 1 เทอร์มอมิเตอร์ 2 อัน 2 ขาตั้งเหล็ก 2 อนั 3 ไม้หนบี การทดลอง 2 อัน 4 แก้วนำ้ พลาสตกิ หรือแกว้ น้ำกระดาษ 2 ใบ 5 ไมบ้ รรทัด 1 อัน 6 กระดาษสีดำ 1 แผน่ 7 กระดาษสีขาว 1 แผ่น 8 กาวลาเทก็ ซ์ 1 ขวด 9 แผน่ พลาสติกโปรง่ ใสชนิดบาง 2 แผ่น 10 ยางรดั ของ 2 เสน้ 11 นาฬิกาจับเวลา 1 อัน

วธิ ีทำกิจกรรม ตอนท่ี 1 ประโยชนจ์ ากตัวเกบ็ รงั สอี าทติ ย์ 1. จดั เตรียมชดุ อปุ กรณเ์ พอื่ ตรวจวดั อุณหภูมอิ ากาศ จำนวน 2 ชุด การจัดเตรียมชดุ อปุ กรณช์ ดุ ท่ี 1 ให้ ตดิ ต้งั เทอรม์ อมเิ ตอรก์ ับขาต้งั เหล็ก 2. การจัดเตรยี มชุดอุปกรณช์ ุดที่ 2 ให้เตรียมแกว้ น้ำพลาสติกหรือแก้วน้ำกระดาษ จำนวน 1 ใบ จากนั้นให้ ตดิ ตง้ั เทอร์มอมิเตอร์เขา้ ไปด้านในของแก้วนำ้ โดยจัดวางใหป้ ลายของเทอรม์ ิเตอร์อยู่ห่างจากพื้นแก้วน้ำ ประมาณครง่ึ หนง่ึ ของความสูงของแก้ว ดงั ภาพ ภาพชดุ อปุ กรณ์ชดุ ที่ 1 ภาพชุดอุปกรณ์ชดุ ที่ 2 3. นำอปุ กรณ์ทั้ง 2 ชดุ ไปวางไว้กลางแดดในบรเิ วณเดียวกนั ตั้งทิ้งไว้ 20 นาที แลว้ วดั อุณหภมู ิอากาศจาก เทอรม์ อมเิ ตอร์ทั้ง 2 อนั และบันทึกผล 4. ทำกจิ กรรมขอ้ ท่ี 3. ซำ้ อีก 2 คร้ัง ตอนท่ี 2 สขี องตัวเก็บรังสีอาทติ ย์กับอณุ หภูมอิ ากาศ 1. จัดเตรยี มชดุ อปุ กรณ์เพื่อตรวจวัดอุณหภมู อิ ากาศ จำนวน 2 ชดุ 2. การจัดเตรียมชุดอุปกรณ์ชุดที่ 1 ให้เตรียมแก้วน้ำพลาสติกหรือแก้วน้ำกระดาษ จำนวน 1 ใบ บุแก้วน้ำ ทัง้ ด้านในและด้านนอกด้วยกระดาษสีดำ นำแผน่ พลาสติกโปรง่ ใสชนิดบางคลุมให้ทว่ั บรเิ วณปากแก้วน้ำ และใชย้ างรดั ของ รัดแผ่นพลาสตกิ ตรงบริเวณปากแก้วนำ้ ให้แน่น ดังภาพ

ใชย้ างรดั ของ รดั แผน่ พลาสติกตรงบรเิ วณปากแก้วน้ำ 3. เสียบเทอร์มอมิเตอร์ผ่านแผ่นพลาสติกเข้าไปด้านในของแก้วน้ำ โดยจัดวางให้ปลายของเทอร์มิเตอรอ์ ยู่ ห่างจากพ้นื แก้วนำ้ ประมาณคร่ึงหนง่ึ ของความสงู ของแก้ว 4. การจัดเตรียมชุดอุปกรณ์ชุดท่ี 2 ให้ทำตามข้ันตอนในข้อท่ี 2. และ 3. แต่เปลี่ยนสีของกระดาษท่ีใช้บุ แกว้ น้ำ จากสีดำเป็นสขี าว 5. นำอุปกรณ์ทงั้ 2 ชุด ไปวางไว้กลางแดดในบรเิ วณเดียวกนั ต้ังทิ้งไว้ 20 นาที แล้ววดั อุณหภูมิอากาศจาก เทอรม์ อมิเตอร์ท้งั 2 อัน และบันทึกผล 6. ทำกจิ กรรมขอ้ ที่ 5. ซ้ำอกี 2 ครัง้

บนั ทึกผลการทำกิจกรรม ............................................................................................................................. ................................... ......................................................................................................................................................... ....... ........................................................................................................................... ..................................... ............................................................................................................................. ................................... ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ................................... ตอนที่ 1 ประโยชนจ์ ากตัวเก็บรงั สีอาทติ ย์ แสดงข้อมลู การตรวจวัดอณุ หภูมิอากาศ อุณหภูมิอากาศ อณุ หภูมิอากาศ ครง้ั ที่ วนั ท่ี เวลา ในทโี่ ลง่ แจง้ ภายในแกว้ นำ้ (องศาเซลเซยี ส) (องศาเซลเซียส) 1 2 3 ตอนที่ 2 สขี องตัวเกบ็ รงั สอี าทิตยก์ บั อณุ หภูมอิ ากาศ แสดงขอ้ มูลการตรวจวัดอณุ หภมู อิ ากาศ คร้งั ที่ วันที่ เวลา อุณหภูมิอากาศ อณุ หภมู ิอากาศ อุณหภูมิอากาศ ในทโ่ี ล่งแจง้ ภายในแก้วนำ้ ทบ่ี ุ ภายในแก้วนำ้ ทบ่ี ดุ ว้ ย ด้วยกระดาษสดี ำ (องศาเซลเซียส) (องศาเซลเซียส) กระดาษสขี าว (องศาเซลเซียส) 1 2 3

คำถามทา้ ยกิจกรรม ตอนท่ี 1 ประโยชนจ์ ากตัวเก็บรังสอี าทิตย์ 1. อุณหภูมิอากาศท่ีตรวดวัดไดจ้ ากอุปกรณท์ ั้ง 2 ชุด มคี ่าแตกต่างกนั หรือไม่ อย่างไร ........................................................................................................... ..................................................... ............................................................................................................................. ................................... ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ................................... 2. อุปกรณ์ทั้ง 2 ชุด ประกอบดว้ ยวตั ถุหรอื สง่ิ ใดบ้าง องค์ประกอบเหลา่ นนั้ มีผลตอ่ อุณหภูมอิ ากาศอย่างไร ............................................................................................................................. ................................... ............................................................................................................................. ................................... ................................................................................................................................................................ 3. อุณหภมู อิ ากาศทตี่ รวดวัดได้จากอุปกรณ์ทั้ง 2 ชุด มีคา่ แตกต่างกนั หรอื ไม่ อย่างไร ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ................................... ............................................................................................................................................ .................... .............................................................................................................. .................................................. 4. ถ้าอุณหภมู ิอากาศทต่ี รวดวดั ได้จากอปุ กรณ์ทั้ง 2 ชุด มีคา่ แตกต่างกัน นักเรียนคดิ ว่าเปน็ เพราะเหตุใด .......................................................................................................... ...................................................... ............................................................................................................................. ................................... ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ................................... อภปิ รายหลังทำกจิ กรรม ............................................................................................................................. ................................... ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ................................... ............................................................................................................................. ..................................

แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 10 รายวิชาพลังงานทดแทนกบั การใช้ประโยชน์ รหสั วิชา ว 22202 ช้ันมัธยมศึกษาปที ่ี 2 หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ 4 พลงั งานแสงอาทติ ย์ เรือ่ ง การใชป้ ระโยชน์พลังงานแสงอาทติ ย์ โดยเปลี่ยนเป็นพลงั งาน ความร้อน (2) เวลา 2 ชั่วโมง ชอื่ ผู้สอนนางสาวจารุภา นวลเพ็ง กลุ่มสาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรยี นเก้าเลีย้ ววิทยา ________________________________________________________________________ ผลการเรยี นรู้ อธิบายการใชป้ ระโยชน์ พลังงานแสงอาทิตย์ พลงั งานลม พลงั งานน้ำ พลงั งานชีวมวลและพลงั งาน นิวเคลียร์ ในประเทศไทย สาระการเรียนรู้ รังสีจากดวงอาทิตย์ เมื่อกระทบกบั วตั ถุใดๆ บนพ้ืนโลก วัตถนุ ั้นจะดูดกลนื รงั สแี ละเปลี่ยนพลงั งาน ความรอ้ น และถ่ายโอนพลงั งานความร้อนออกมาใหก้ ับส่งิ แวดล้อม ปัจจบุ ันมกี ารนำพลงั งานแสงอาทิตย์มาเปลีย่ นเป็นพลังงานความรอ้ น และนำพลังงานความร้อนมา ใช้ประโยชนม์ ากมาย เชน่ การอบแหง้ อาหาร การผลิตน้ำร้อน การกลน่ั นำ้ การหุงตม้ อาหาร เปน็ ตน้ สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด วตั ถุใดๆ บนโลก เม่ือไดร้ ับรงั สีจากดวงอาทิตย์ วัตถุน้ันจะดูดกลืนรังสีและเปลยี่ นเป็นพลังงานความ ร้อน และถ่ายโอนพลังงานความร้อนออกมาให้กับสิ่งแวดล้อม ปัจจุบันจึงมีการประดิษฐ์อุปกรณ์หรือ เคร่ืองมือต่างๆ เพ่ือนำพลังงานแสงอาทิตย์มาใช้ประโยชน์ โดยการเปล่ียนเป็นพลังงานความร้อน ซึ่ง สง่ิ ประดิษฐ์นน้ั ควรทาหรอื ทำดว้ ยสเี ข้มหรอื ใชว้ ัสดุสเี ข้ม เพราะวตั ถสุ เี ขม้ สามารถดดู กลนื รงั สจี ากดวงอาทติ ย์ ได้มากกว่าวตั ถสุ อี ่อน จุดประสงค์การเรยี นรู้ 1. นกั เรียนสามารถสรุปหลกั การทางวทิ ยาศาสตร์ในการนาพลงั งานแสงอาทติ ย์มาใช้ประโยชน์ได(้ k) 2. นกั เรยี นอภิปรายและยกตัวอย่างเทคโนโลยี ในการนำพลังงานแสงอาทิตย์มาใช้ประโยชน์ได(้ P) 3. นกั เรยี นมคี วามเข้าใจบทเรียนและรับผิดชอบต่องานท่ีได้รบั มอบหมาย (A) สมรรถนะที่สาคัญของผ้เู รียน 1. ความสามารถในการคดิ 2. ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ติ 3.ความสามารถในการสื่อสาร คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ 1. มงุ่ มน่ั ในการทางาน 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มวี นิ ัย

กระบวนการจดั การเรยี นรู้ ขนั้ สร้างความสนใจ 1. ครูทบทวนความรู้ถึงประโยชน์ที่ได้จากพลังงานแสงอาทิตย์ และทบทวนหลักการที่เปลี่ยน พลงั งานแสงอาทติ ย์เป็นพลังงานความรอ้ น 2. ถ้านักเรียนจะสร้างสิ่งประดิษฐ์เพ่ือนำพลังงานแสงอาทิตย์มาใช้ประโยชน์ ควรท าหรือทำ ส่งิ ประดิษฐ์ด้วยสีใด จึงจะได้พลังงานความร้อนดีทสี่ ุด (ถา้ จะสรา้ งสิง่ ประดิษฐ์เพ่ือนำพลังงานแสงอาทิตย์มา ใช้ประโยชน์ โดยให้ได้พลังงานความร้อนมากทสี่ ุด ควรทาหรือทำส่ิงประดิษฐ์ด้วยสีเข้มหรือใช้วัสดสุ ีเขม้ เช่น สีดำ) 3. ครูอธิบายเพม่ิ เตมิ กอ่ นให้นกั เรียนลองทำส่งิ ประดิษฐ์ การสร้างสิ่งประดิษฐ์เพ่ือนำพลังงานแสงอาทิตย์มาใช้ประโยชน์ ไม่ควรทำสิ่งประดิษฐ์ด้วยวัตถุ สะท้อนแสง เพราะการดูดกลืนแสงของวัตถุนอกจากขึ้นอยู่กับสีของวัตถุแล้ว ยังขึ้นอยู่กับลักษณะของผิว วัตถุดว้ ย ถ้าวัตถุมีพื้นผิวเรียบเป็นมันจะสะท้อนแสงได้ดี ปริมาณแสงส่วนท่ีผ่านเข้าไปในวัตถจุ ะลดลง ทำให้ ปริมาณแสงท่วี ตั ถุดูดกลนื ไวล้ ดลงด้วย ขน้ั สำรวจและรวบรวมข้อมูล 2. ใหน้ ักเรยี นทำกิจกรรมที่ 4 กลอ่ งอบแห้งพลงั งานแสงอาทติ ย์ ขนั้ อภปิ รายและสรปุ ผล 3. ใหน้ กั เรียนแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอกิจกรรมท่ี 4 ทไี่ ด้ทำไปหน้าชน้ั เรยี น 4. ครูและนักเรียนร่วมกนั อภิปรายผล จากผลการทำกจิ กรรม นกั เรยี นควรสรปุ ได้ว่า อากาศภายใน กล่องอบแห้ง มีอุณหภมู ิสูงกว่าอุณหภูมิอากาศภายนอกกล่องอบแห้ง และน้ำหนักของผลไม้ท่ที ดสอบกับชุด กล่องอบแห้ง มีน้ำหนักลดลงมากกว่าผลไม้ที่วางไว้นอกกล่องอบแห้ง การเจาะรูตรงบริเวณด้านบนและ บริเวณด้านล่างของกล่องอบแห้ง ทำให้อากาศภายในกล่องมีการไหลเวียนและนำไอน้ำในอากาศออกจาก กล่องได้ตลอดเวลา และการใช้แผ่นพลาสติกโปร่งใสชนิดบางคลุมกล่องอบแห้งไว้ จะช่วยลดการสูญเสีย พลงั งานความร้อนออกไปภายนอกกลอ่ งอบแห้งได้ ขนั้ ขยายความรู้ 5. จากนั้นครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายเก่ียวกับหลักการทางวิทยาศาสตร์ท่ีเกี่ยวข้องกับการใช้ ประโยชน์จากตัวเก็บรังสีอาทิตย์และสีของตัวเก็บรังสีอาทิตย์กับอุณหภูมิอากาศ จากกิจกรรมที่ 4 ซ่ึงควร สรปุ ไดว้ ่า • เมื่อรังสีจากดวงอาทิตย์แผ่เข้ามาในกล่อง วัสดุสีดำจะดูดกลืนรังสีไว้ และถ่ายโอนพลังงาน ความร้อนออกมาทำให้อากาศและอาหารภายในกล่องมีอุณหภูมิสูงมากยิ่งข้ึน ทำให้น้ำที่อยู่บนผิวหน้าของ อาหารระเหยกลายเป็นไอได้รวดเร็วและลอยออกไปทางช่องว่างท่ีเจาะเอาไว้ด้านบนสุด และอากาศท่ีมี

อุณหภูมิต่ำกว่า ที่อยู่ภายนอกกล่อง จะเคลื่อนท่ีผ่านช่องว่างท่ีเจาะไว้บริเวณด้านล่าง เข้ามาแทนที่ จาก หลกั การดงั กลา่ ว ทำให้อากาศภายในกล่องมีการไหลเวยี นและนำไอนำ้ ในอากาศออกจากกล่องได้ตลอดเวลา อาหารจึงแห้งได้อย่างรวดเร็ว • การใช้แผ่นพลาสติกโปร่งใสหรือแผ่นกระจกคลุมกล่องอบแห้งไว้ จะช่วยลดการสูญเสีย พลังงานความรอ้ นออกไปภายนอกกลอ่ งอบแห้ง • เทคโนโลยีการนำพลงั งานความร้อนจากแสงอาทิตยม์ าใชป้ ระโยชน์ได้ว่า ปัจจุบันมีการวจิ ัย และพัฒนาเทคโนโลยีเก่ียวกับการนำพลังงานความร้อนจากแสงอาทิตย์มาใช้ประโยชน์มากมาย เช่น การ อบแห้งอาหารในรูปแบบตา่ งๆ การผลิตน้ำร้อน การกลั่นน้ำ การตม้ หรือยา่ งอาหารตา่ งๆ ขนั้ ประเมนิ ผล 6. ครปู ระเมินผลการเรียนรู้นกั เรียนจากกิจกรรมที่ 4 ส่อื การเรยี นรแู้ ละแหลง่ การเรียนรู้ 1. Powerpoint เร่ือง พลงั งานแสงอาทิตย์ 2. กจิ กรรมที่ 4 3. ใบความรู้ การวัดและกระประเมนิ ผล วธิ กี ารวดั ผลการเรยี นรแู้ ละประเมินผลการเรยี นรู้ 1. การสงั เกตจากการเขา้ ร่วมปฏิบัตกิ ิจกรรม 2. การตอบคำถาม เครื่องมือวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 1. ตารางบันทึกผลการสงั เกต 2. กจิ กรรมท่ี 4

ใบกิจกรรมเสนอแนะ กลอ่ งอบแห้งพลังงานแสงอาทิตย์ จดุ ประสงค์ ทดลอง สังเกต อภิปรายและเขียนสรปุ เกีย่ วกับหลักการทางวทิ ยาศาสตร์ ในการอบแห้งอาหารด้วย พลงั งานแสงอาทิตย์ รายการวัสดุอุปกรณ์ ที่ รายการ จำนวนหรอื ปริมาณต่อกลุ่ม 1 กระดาษแข็ง 1 มว้ น 2 กระดาษโปสเตอรส์ ีดำ 4-5 แผ่น 3 กาวชนิดน้ำ 1 ขวด 4 กระดาษกาว 1 ม้วน 5 แท่งไม้ขนาดเล็ก มคี วามยาวโดยประมาณ 180 cm 1 อัน 6 กรรไกร 1 อัน 7 มดี คตั เตอร์ 1 อัน 8 เทอรม์ อมเิ ตอร์ 2 อนั 9 ขาตัง้ เหลก็ 1 อนั 10 ไม้หนีบการทดลอง 1 อัน 11 ตะแกรงวางอาหาร 2 อัน 12 แผน่ พลาสติกโปร่งใสชนดิ บาง (ไวค้ ลมุ กล่องอบแหง้ 1 แผน่ โดยขนาดของแผน่ พลาสติกท่ีใช้จะข้ึนอยู่กับขนาดของ กลอ่ งอบแหง้ ) 13 ผลไมท้ ่ีมนี ำ้ เปน็ สว่ นประกอบมากๆ เช่น ประมาณ 300-500 g กลว้ ยนำ้ วา้ มะเขือเทศ

การเตรยี มตวั ลว่ งหน้า 1. ใหน้ กั เรียนประดิษฐ์กล่องอบแหง้ พลงั งานแสงอาทิตย์ 2. เตรียมผลไม้ที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบมากๆ แล้วแบ่งผลไม้ออกเป็น 2 ชุด ให้แต่ละชุดมีน้ำหนัก เทา่ กัน และหัน่ ผลไมใ้ หเ้ ป็นชิ้นบาง 3. นำผลไมช้ ดุ แรกวางไวใ้ นกลอ่ งอบแหง้ และอีกชุดหนึง่ วางไวบ้ รเิ วณดา้ นนอกของกล่องอบแหง้ 4. จัดเตรียมเทอรม์ อมิเตอร์อกี อนั หนึ่ง เพือ่ ใชว้ ัดอุณหภมู ิอากาศตรงบรเิ วณท่ที ำกจิ กรรม ข้อแนะนำในการทำกิจกรรม 1. วสั ดุท่ีนำมาประกอบเป็นกลอ่ งอบแห้ง อาจใช้กลอ่ งหรอื ลังกระดาษอยา่ งหนาได้ 2. ถ้าใช้กล้วยน้ำว้าในการทำกิจกรรม ให้ใช้กล้วยน้ำว้าท่ีสุกงอม ปอกเปลือก ดึงเส้นใยออกให้หมด ล้างน้ำเกลือท่ีเจือจางแลว้ วางใหส้ ะเดด็ นำ้ และหั่นเปน็ ช้นิ บาง 3. อาจปรับเปลยี่ นขนาดของกลอ่ งอบแห้งได้ โดยใชม้ าตราสว่ นตามท่ีกำหนดไว้

4. ขนาดของกระดาษแข็ง กระดาษโปสเตอร์สีดำ ขนาดของแท่งไม้ ขนาดของแผ่นพลาสติกโปร่งใส ชนิดบาง และปริมาณของผลไม้ท่ีใช้ในการทำกิจกรรม อาจปรับเปล่ียนให้เหมาะสมกับขนาดของ กล่องอบแหง้ ได้ 5. นำข้อมูลท่ไี ดจ้ ากการทำกจิ กรรม ไปวเิ คราะหแ์ ละอภปิ รายในชั้นเรียนต่อไป วธิ ีทำกจิ กรรม 1. ใหน้ กั เรียนประดษิ ฐก์ ล่องอบแห้งพลงั งานแสงอาทิตย์ 2. เตรียมผลไม้ที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบมากๆ เช่น กล้วยน้ำว้า มะเขือเทศ จากน้ันแบ่งผลไม้ออกเป็น 2 ชุด ใหแ้ ต่ละชดุ มนี ำ้ หนกั เท่ากัน และหัน่ ผลไมใ้ หเ้ ปน็ ชนิ้ บาง 3. นำผลไม้ชดุ แรกวางไว้ในกล่องอบแห้งและอกี ชุดหน่ึงวางไว้บริเวณด้านนอกของกล่องอบแห้ง นำผลไม้ท้ัง 2 ชุด ไปวางไว้กลางแดดในบริเวณเดียวกัน และหันด้านหน้าของกล่องอบแห้งให้อยู่ในแนวของแสงอาทิตย์ ตลอดเวลา 4. เตรียมเทอร์มอมิเตอร์อีก 1 อัน เพื่อใช้วัดอุณหภูมิอากาศตรงบริเวณที่ทำกิจกรรม จากนั้นให้วัดอุณหภูมิ อากาศจากเทอร์มอมิเตอร์ทั้ง 2 อัน ทุกๆ 30 นาที หรือทุกๆ 1 ช่ัวโมง ตั้งแต่เวลา 09.00 น. ถึงเวลา 15.00 น. บนั ทึกอุณหภูมิอากาศทไี่ ด้ทุกครั้ง และเพื่อให้อาหารแหง้ อย่างสมำ่ เสมอ เมอ่ื ถึงเวลา 12.00 น. ให้ กลับผลไมท้ ัง้ 2 ชดุ ใหอ้ กี ด้านหนง่ึ รบั แสงอาทิตย์ 5. เม่อื ถึงเวลา 15.00 น. ใหน้ ำผลไมท้ ้ัง 2 ชดุ มาชง่ั น้ำหนัก และบันทึกผล 6. นำข้อมูลอุณหภูมิอากาศทีไ่ ด้จากเทอรม์ อมิเตอร์ท้ัง 2 อัน มาเขียนลงในกราฟเส้นชุดเดียวกัน โดยให้แกน นอนแสดงชว่ งเวลาตัง้ แต่ 9.00-15.00 น. และแกนตงั้ แสดงค่าอณุ หภูมอิ ากาศ บนั ทกึ ผลการทำกิจกรรม ............................................................................................................................. ................................... ................................................................................................................................................. ............... .................................................................................................................. .............................................. ............................................................................................................................. ................................... ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ................................... ............................................................................................................................. ...................................

................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ................................... ......................................................................................................................................... ....................... .......................................................................................................... ...................................................... ............................................................................................................................. ................................... ตารางบนั ทึกขอ้ มูล ชดุ กลอ่ งอบแหง้ พลังงานแสงอาทติ ย์ ใชพ้ ลงั งานจากแสงอาทิตย์โดยตรง เวลา อณุ หภมู ิอากาศ วดั คร้ังท่ี เวลา อณุ หภูมิอากาศภายใน ในท่โี ลง่ แจง้ (0c) กลอ่ งอบแห้ง (0c) นำ้ หนักผลไมก้ ่อนทำกิจกรรม เท่ากับ 1 นำ้ หนกั ผลไมห้ ลงั ทำกจิ กรรม เท่ากบั 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 นำ้ หนกั ผลไม้ก่อนทำกิจกรรม เทา่ กับ นำ้ หนกั ผลไม้หลงั ทำกจิ กรรม เท่ากบั

คำถามท้ายกิจกรรม 1. ผลไมช้ ุดใด ท่คี วามชื้นลดลงมากทส่ี ุด ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ................................... ...................................................................................................................................... .......................... ....................................................................................................... ......................................................... ............................................................................................................................. ................................... ................................................................................................................................................................ 2. อณุ หภมู ิอากาศทอ่ี า่ นได้จากเทอรม์ ิเตอรท์ ง้ั 2 อัน แตกต่างกันหรือไม่ อย่างไร ............................................................................................................................. ................................... ................................................................................................................................................. ............... ................................................................................................................... ............................................. ............................................................................................................................. ................................... ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ................................... 3. เพราะเหตุใดจงึ ตอ้ งเจาะรูตรงบรเิ วณจุดสงู สุดและบริเวณจดุ ลา่ งสุดของกล่องอบแห้ง ............................................................................................................................. ................................... ................................................................................................................................................ ................ .................................................................................................................. .............................................. ............................................................................................................................. ................................... ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ................................... 4. การใชแ้ ผ่นพลาสตกิ โปร่งใสชนดิ บางคลมุ กล่องอบแหง้ ไว้ มีผลต่ออุณหภมู ิอากาศภายในกลอ่ งอย่างไร ............................................................................................................................. ................................... .................................................................................................................................... ............................ ...................................................................................................... .......................................................... ............................................................................................................................. ................................... ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ...................................

อภิปรายหลังทำกจิ กรรม ............................................................................................................................. ................................... ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ................................... ..................................................................................................................................... ........................... ....................................................................................................... ......................................................... ............................................................................................................................. ................................... ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ................................... ............................................................................................................................. ................................... ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ................................... ............................................................................................................................. ...................................

ใบความรู้เพม่ิ เติมสำหรบั ครู การอบแหง้ อาหารด้วยพลงั งานแสงอาทติ ย์ ตูอ้ บแห้งพลังงานแสงอาทิตย์ การทำให้แห้งเป็นวธิ ีหนึ่งของการถนอมอาหาร ซึ่งนิยมทำกันท้ังระดับชาวบ้านและอุตสาหกรรมมา ช้านานแล้ว การทำให้แห้งมีหลายวิธี เช่น การตากด้วยแสงอาทิตย์ การอบแห้งด้วยลมร้อนและการอบแห้ง แบบเย็นเยือกแข็ง เป็นต้น วิธีตากแห้งด้วยแสงอาทิตย์ จะมีความสะดวกและสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายน้อย โดยเฉพาะพลังงานแสงอาทิตยเ์ ป็นแหลง่ กำเนิดความร้อนทไี่ ด้มาโดยไม่ตอ้ งเสียคา่ ใช้จ่าย การตากแหง้ โดยใช้ พลังงานแสงอาทิตย์แบบดั้งเดิม เช่น การตากเน้ือ ปลา พืช ผักและผลไม้ จะมีปัญหาเรื่องฝุ่นละออง มี เชือ้ จุลินทรีย์ มีแมลงวนั ตอมซ่งึ จะเป็นพาหะนำเชอื้ โรค และทำให้เกิดหนอนข้นึ ได้ เม่ือฝนตกหรอื อากาศเย็น การตากอาจมีปัญหาเรื่องเชื้อรา เป็นเหตุให้เก็บไว้ได้ไม่นาน ทำให้ผู้บริโภคอาจเจ็บป่วยได้ จากนั้นได้มีการ พัฒนาการอบแห้งโดยใช้ตู้อบแห้งจากแหล่งพลังงานไฟฟ้า ซึ่งเป็นการสิ้นเปลืองพลังงานและค่าใช้จ่ายเป็น อยา่ งมาก ทำใหต้ ้นทุนการผลิตสงู ตู้อบแห้งพลังงานแสงอาทิตย์ จะช่วยให้เวลาในการตากแห้งเร็วข้ึนกว่าแบบทั่วๆ ไป ช่วยป้องกัน แมลงที่เป็นพาหะนำโรค เช่น แมลงวัน ทำให้อาหารท่ีได้จากการตากแห้ง มีความสะอาดถูกหลักอนามัย ตู้อบแห้งพลังงานแสงอาทิตย์ใช้งานและดูแลรักษาง่าย นอกจากน้ียังสามารถป้องกันฝน ซ่ึงเป็นสาเหตุที่ทำ ให้วัตถุดบิ ไม่แห้งและเกิดความเสยี หายได้ ส่วนประกอบของตู้อบแหง้ พลงั งานแสงอาทติ ย์ • ตวั ตู้อบแห้งทำจากวัสดุอะลมู ิเนยี มชนดิ พเิ ศษ ปลอดสนมิ • ตะแกรงสำหรบั วางวัตถดุ ิบที่นำมาอบแห้ง ทำจากสเตนเลส ซง่ึ ทนทานต่อการเกดิ สนมิ • ดา้ นล่างของตู้อบแหง้ ทำจากแผ่นอลูมเิ นยี มพ้ืนสดี ำ ทำหนา้ ทีเ่ ป็นตวั รับพลงั งานแสงอาทิตย์ • มีกระจกป้องกันการสูญเสยี ความรอ้ นและฝุน่ ละออง • มีตะแกรงมุ้งลวดสำหรับป้องกนั แมลงต่างๆ ทีจ่ ะมารบกวน • ใช้งานและดูแลรักษางา่ ย มปี ระตเู ปิด-ปิด และท่ีจับดา้ นข้าง

ตู้อบแห้งพลังงานแสงอาทิตย์น้ี จะใช้หลักการไหลเวียนอากาศร้อน เพ่ือระบายความชื้นด้วยวิธี ธรรมชาติ กล่าวคือ เมื่อแสงอาทิตย์ส่องผ่านกระจก พ้ืนอะลูมิเนียมสีดำซ่ึงอยู่ภายในตู้จะทำหน้าท่ีดูดกลืน ความร้อนสะสมไว้ ทำให้อุณหภูมิภายในตู้อบแห้งสูงขึ้น ประมาณ 60 องศาเซลเซียส อากาศร้อนในตู้อบจะ ถ่ายเทความช้ืน ท่ีมีอยู่ในอาหารให้ระเหยออกมา เกิดการลอยตัวสูงข้ึนออกไปทางช่องลมด้านบนของตู้อบ แห้ง อากาศเย็นที่อยู่ภายนอกจะไหลเข้าทางช่องลมที่อยู่ส่วนล่างทางด้านหน้าของตู้อบแห้งแทนท่ีอากาศ รอ้ น เป็นการถ่ายเทความช้นื ให้กบั อาหารแบบธรรมชาติตลอดเวลา ลักษณะการทำงานของตู้อบแหง้ แบบ 2 และ 4 ตะแกรง ลกั ษณะการทำงานของตู้อบแห้งแบบ 12 ตะแกรง ตัวอยา่ งการนำตู้อบแหง้ ไปใชง้ านอบแห้งอาหารประเภทเนือ้ และปลา เน้ือแดดเดียว จะใช้เวลาในการอบแห้งครึ่งวัน หั่นเนื้อออกเป็นแผ่นๆ ความหนาประมาณ 1-1.5 เซนติเมตร ยาวประมาณ 10-15 เซนติเมตร แล้วนำไปวางบนตะแกรงตอนเชา้ นำไปวางให้กระจกดา้ นเอียง หันเขา้ หาแสงอาทิตย์ ตอนบา่ ยนำเน้ือออกจากตู้อบแห้งไปทอดรบั ประทานได้

ปลาแดดเดียว จะใชเ้ วลาในการอบแห้ง 1/2 วนั การเตรยี มปลาทำเชน่ เดียวกับการทำปลาตากแห้ง ที่ใช้กันอยู่ นำไปตากตอนเช้าโดยไม่ต้องพลิกกลับชิ้นปลา ตอนบ่ายนำปลาออกจากตู้อบแห้งไปเก็บไว้ทอด รบั ประทาน ตวั อยา่ งการนำตูอ้ บแหง้ ไปใช้งานอบแห้งพชื ผกั และผลไม้ กล้วยตากอบน้ำผ้ึง จะใช้เวลาในการอบแห้ง 3 วัน โดยเลือกกล้วยท่ีสุกงอม ปอกเปลือกออก วาง เรียงบนตะแกรง แล้วนำเข้าตู้อบ ปิดฝาตู้ นำไปวางรับแสงอาทิตย์ หันหน้ากระจกไปทางทิศใต้ ตู้จะรับ แสงอาทิตย์ได้ตั้งแต่ 08.00-16.00 น. ตอนเท่ียงควรกลับกล้วย โดยพลิกด้านล่างข้ึนมารับแสงอาทิตย์ เพ่ือให้กล้วยแห้งเท่ากันท้ังสองด้าน ตอนเย็นให้เก็บกล้วยบนตะแกรงใส่ถุงพลาสติกวางซ้อนทับกัน แล้วมัด ปากถุงให้แน่น เพื่อให้ความชื้นส่วนในออกมาอยู่ท่ีผิว วันรุ่งข้ึนนำกล้วยไปเรียงบนตะแกรงเช่นเดียวกับวัน แรก ตอนเย็นให้เก็บใส่ถุงพลาสติกมัดไว้ จนวันที่ 3 นำไปชุบน้ำผึ้งผสมน้ำ วางเรียงบนตะแกรง ตากในตู้อบ แห้งจนเยน็ จะได้กลว้ ยตากอบนำ้ ผงึ้ มสี ีสวย สะอาด น่ารบั ประทาน ปราศจากฝุ่นและแมลงรบกวน พ ริ ก แ ห้ ง จ ะ ใช้ เว ล าป ร ะ ม าณ 3 วั น ใช้ พ ริก สุ ก สี แ ด ง ป ระ ม าณ 1/2-1 กิ โล ก รั ม ตดั ตะแกรงมุ้งลวดวางบนตะแกรงในตอู้ บ จากน้ันนำพริกมาเทบนม้งุ ลวดแลว้ เกล่ียใหท้ ั่ว ยกตอู้ บแหง้ ออกไป รบั แสงอาทิตย์ โดยหันหน้าไปทางทิศใต้ ควรกลบั พรกิ ไปมาให้ทั่วถึง 1-2 ครั้งตอ่ วัน เม่ือหมดแสงอาทติ ย์ ยก ตู้อบมาเก็บไวใ้ นบา้ น รงุ่ เชา้ นำไปรับแสงอาทติ ย์ใหม่ จนไดพ้ ริกทแ่ี หง้ สะอาด การบำรุงและรักษาต้อู บแหง้ พลงั งานแสงอาทิตย์ - ควรเชด็ ทำความสะอาดกระจกตอู้ บแห้งให้สะอาดอยเู่ สมอ - ระวังการกระแทกทีจ่ ะทำให้กระจกแตก ขอ้ มูลจาก: เวบ็ ไซตข์ องการไฟฟา้ ฝ่ายผลติ แหง่ ประเทศไทย http://www2.egat.co.th

เครือ่ งอบแห้งพลังงานแสงอาทติ ย์แบบอโุ มงค์ลม เครื่องอบแห้งพลังงานแสงอาทิตย์แบบอุโมงค์ลม เป็นเครื่องอบแห้งที่เหมาะกับการอบแห้งผลไม้ เช่น กลว้ ย มะมว่ ง ขนุน เคร่ืองอบแห้งดงั กล่าวมีขนาดกว้าง 1.2 เมตร ยาว 14 เมตร ดา้ นบนปดิ ด้วยกระจก สามารถนำผลิตภัณฑ์เข้าออกทางด้านข้างและมีพัดลมระบายอากาศซึ่งทำงานด้วยเซลล์แสงอาทิตย์ ผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในเครื่องอบแห้งจะได้รับความร้อนท้ังจากรังสีดวงอาทิตย์ท่ีตกระทบโดยตรงและความร้อน จากแผงรับรังสีดวงอาทิตย์ ทำให้ผลิตภัณฑ์ที่อบแห้ง แห้งเร็วและไม่ถูกรบกวนจากแมลงและฝน สามารถ อบแห้งผลิตภณั ฑ์สดไดค้ รัง้ ละ 50-70 กิโลกรัม เคร่ืองอบแห้งแบบอุโมงค์ลม ประกอบด้วย 2 ส่วน คือ ส่วนที่เป็นแผงรับรังสีดวงอาทิตย์ และส่วน บรรจุผลติ ภณั ฑ์ ดังภาพ ภาพแสดงองคป์ ระกอบของเครื่องอบแหง้ พลงั งานแสงอาทติ ยแ์ บบอโุ มงค์ลม ขอ้ มลู จาก: เว็บไซต์กรมพฒั นาพลงั งานทดแทนและอนรุ ักษพ์ ลังงาน กระทรวงพลังงาน http://www.dede.go.th

เครือ่ งอบแห้งพลังงานแสงอาทติ ย์แบบเรือนกระจก เคร่ืองอบแห้งพลังงานแสงอาทติ ย์แบบเรอื นกระจก ใช้หลักการเรือนกระจก (greenhouse effect) กล่าวคือ เม่ือรังสีดวงอาทิตย์ส่งผ่านกระจกหรือพลาสติกใสเข้าไปภายใน จะถูกผลิตภัณฑ์และองค์ประอบ ต่างๆ ภายในเรือนกระจกดูดกลืนรังสีแล้วเปล่ียนเป็นพลังงานความร้อน วัสดุภายในโรงเรียนจะแผ่รังสี อินฟราเรดออกมา แต่ไม่สามารถผ่านกระจกออกมาภายนอกได้ ทำให้อุณหภูมิในเรือนกระจกสูงข้ึนและ ถ่ายเทความร้อนให้กับผลิตภัณฑ์ เครื่องอบแห้งลักษณะนี้ เหมาะกับการอบแห้งเครื่องเทศ เช่น พริก ใบ มะกรดู นอกจากนี้ยังสามารถอบแห้งผลิตภณั ฑ์อน่ี ๆ ไดด้ ว้ ย เชน่ กล้วย อาหารทะเล สามารถอบแห้งผลิตภณั ฑ์สดได้คร้ังละ 250-300 กิโลกรัม อุณหภูมิของอากาศภายในเคร่ืองอบแห้ง อยใู่ นช่วงระหว่าง 40-70 องศาเซลเซยี ส ระหว่างเวลา 09.00-17.00 น. ใชเ้ วลาในการอบแห้ง 3-4 วัน ขอ้ มลู จาก: เว็บไซตก์ รมพัฒนาพลงั งานทดแทนและอนุรักษ์พลงั งาน กระทรวงพลังงาน http://www.dede.go.th

เครือ่ งอบแห้งพลังงานแสงอาทิตย์ แบบใช้อากาศรอ้ นจากแผงรับรงั สีดวงอาทิตยท์ ี่เปน็ หลงั คาโรงเรือน เครื่องอบแห้งพลังงานแสงอาทิตย์แบบใช้อากาศร้อนจากแผงรับรังสีดวงอาทิตย์ที่เป็นหลังคา โรงเรือน มีลักษณะเป็นตู้ มีความจุ 2.4 ลูกบาศก์เมตร มีพัดลมไฟฟ้าที่ดูดอากาศจากแผงรับรังสีดวงอาทิตย์ ที่ออกแบบให้ใช้เป็นหลังคาของโรงอบ โดยภายในโรงอบจะมีพื้นท่ีสำหรับใช้ในการเตรียมผลิตภัณฑ์และที่ เก็บผลิตภัณฑ์แห้งซ่ึงถูกสุขอนามัย เครื่องอบแห้งดังกล่าวเหมาะสมกับการอบแห้งเครื่องเทศและสมุนไพร เชน่ พรกิ ดอกกระเจยี๊ บ ดอกคำฝอย สามารถอบแห้งผลิตภัณฑส์ ดไดค้ รั้งละ 200-300 กิโลกรัม อุณหภูมขิ องอากาศภายในเครื่องอบแห้ง อย่ใู นชว่ งระหว่าง 40-70 องศาเซลเซยี ส ระหว่างเวลา 09.00-17.00 น. ใชเ้ วลาในการอบแห้ง 3-4 วนั ขอ้ มลู จาก: เว็บไซตก์ รมพฒั นาพลงั งานทดแทนและอนรุ กั ษ์พลงั งาน กระทรวงพลงั งาน http://www.dede.go.th

การผลิตน้ำร้อนด้วยพลังงานแสงอาทติ ย์ เทคโนโลยีการผลิตน้ำร้อนด้วยแผงรับแสงอาทิตย์ (Solar Hot Water) แบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ ระบผลิตน้ำร้อนโดยใช้พลังงานแสงอาทิตย์จากแผงรับแสงอาทิตย์ และระบบผลิตน้ำร้อนโดยใช้พลังงาน แสงอาทติ ยแ์ บบผสมผสาน ระบบผลติ น้ำรอ้ นโดยใช้พลังงานแสงอาทิตยจ์ ากแผงรบั แสงอาทิตย์ ระบบจะประกอบดว้ ยสองสว่ น หลกั ๆ คอื ถังเกบ็ นำ้ ร้อนและแผงรับความร้อนแสงอาทิตย์ ประเภทแผน่ เรียบ ประเภทหลอดแกว้ สญุ ญากาศ ตัวอย่างประเภทของตวั เกบ็ รังสีอาทติ ย์ (ภาพจากกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลงั งาน กระทรวงพลังงาน) ระบบผลิตน้ำร้อนโดยใช้พลังงานแสงอาทิตย์แบบผสมผสาน เป็นการนำเทคโนโลยีการผลิตน้ำร้อน จากแสงอาทิตย์มาผสมผสานกับความร้อนเหลือทิ้ง เช่น จากการระบายความร้อนของเคร่ืองทำความเย็น หรือเคร่ืองปรบั อากาศจากหม้อต้มไอนำ้ จากปล่องไอเสยี เป็นตน้ โดยผ่านอุปกรณแ์ ลกเปล่ยี นความร้อนเพื่อ ลดขนาดพื้นทแี่ ผงรบั รังสีความร้อนและนำความรอ้ นเหลือทิ้งมาใช้ประโยชน์ ข้อมูลจาก:

เวบ็ ไซต์กรมพฒั นาพลังงานทดแทนและอนุรกั ษ์พลงั งาน กระทรวงพลงั งาน http://www.dede.go.th การกลนั่ นำ้ ด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ การกล่ันน้ำโดยใช้พลังงานแสงอาทิตย์เป็นวิธีท่ีน่าสนใจสำหรับประเทศที่ต้องการใช้น้ำปริมาณมากๆ แต่มีแหล่งน้ำไม่สะอาดและไม่เหมาะสมทจี่ ะใช้อปุ โภคและบริโภค ระบบทงี่ ่ายที่สดุ ในการกลัน่ คือ การสร้าง ตู้กลั่นท่ีใช้พ้ืนล่างด้านในของตู้ทำด้วยตัวดูดแสงสีดำ ซึ่งจะดูดพลังงานแสงอาทิตย์ทำให้น้ำที่อยู่ภายในร้อน โดยอาศัยหลักการเดียวกับปรากฏการณ์เรือนกระจก น้ำร้อนจะเหยขึ้นและควบแน่นเป็นหยดน้ำ เมื่อ กระทบกระจกด้านบนของตู้กลนั่ จะไหลไปรวมกันในรางใต้กระจกส่วนบน ซง่ึ จะมภี าชนะรองรับอยู่ ดังภาพ เคร่ืองกลั่นน้ำลักษณะนี้ ชั้นล่างเป็นกระเบื้องใยหินและพื้นบนเป็นพื้นกระจกหนา 3 มิลลิเมตร ทำ หน้าทเี่ ปน็ ถาดใส่ขี้เถ้าแกลบและน้ำ ดิบ ด้านบนของเครื่องกล่ันใช้กระจกบาง 2 มิลลิเมตร วางปิดเป็นหลังคา ทำหน้าท่ีเป็นเครื่อง ควบแน่น เมื่อเวลาทำงานจะวางเครื่องกล่ันเอียง 13 องศา น้ำดิบจะถูกใส่ในเคร่ืองกล่ันที่ขอบล่างของถาด ซ่ึงจะถูกดูดซึมโดยข้ีเถ้าแกลบข้ึนไปตามแนวเอียงของเครื่อง ซ่ึงขี้เถ้าแกลบจะเปียกอยู่ตลอดเวลา เม่ือข้ีเถ้า แกลบได้รับพลังงานแสงอาทิตย์จึงรอ้ นจดั น้ำดิบจะระเหยอย่างรวดเรว็ และกลั่นตัวทกี่ ระจกหลังคา ไหลลง รางกลัน่ น้ำ ข้อมูลจาก: หนังสอื เรยี นวชิ าวิทยาศาสตร์ ว019 จบั แสงอาทติ ย์ ระดบั มัธยมศึกษาตอนต้น สสวท.

ใบความรเู้ พมิ่ เติมสำหรับครู สถานีวัดความเข้มรังสีดวงอาทติ ย์ ปัจจุบันกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน มีสถานีวัดความเข้มรังสีดวงอาทิตย์ จำนวน 38 สถานี ดงั นี้ 1. กรมพฒั นาพลังงานทดแทนและอนุรักษพ์ ลงั งาน 17 ถนนพระราม 1 แขวงรองเมือง เขตปทุมวนั กรุงเทพฯ 2. สถานีอุตนุ ยิ มวทิ ยาทองผาภูมิ กรมอุตนุ ิยมวิทยา 38/1 หมู่ 1 ถนนหนา้ ท่วี า่ การอำเภอ ตำบลทา่ ขนุน อำเภอทองผาภูมิ จังหวดั กาญจนบุรี 3. สถานีอุตนุ ิยมวิทยากาญจนบุรี กรมอุตุนยิ มวทิ ยา 2/60 ถนนอู่ทอง ตำบลบ้านเหนือ อำเภอเมอื ง จังหวัดกาญจนบุรี 4. สถานอี ุตุนยิ มวทิ ยาอุทกบัวชมุ กรมอตุ ุนยิ มวทิ ยา ตำบลบวั ชมุ อำเภอชยั บาดาล จงั หวัดลพบรุ ี 5. สถานีอุตนุ ิยมวทิ ยานครสวรรค์ กรมอตุ ุนยิ มวทิ ยา 36/13 หมู่ 1 ตำบลนครสวรรค์ออก อำเภอเมือง จังหวดั นครสวรรค์ 6. ศูนย์ทดลองวชิ าการพลังงานทดแทนและอนรุ ักษ์พลังงานจังหวัดพิษณุโลก กรม พัฒนาพลังงานทดแทนและอนรุ กั ษ์พลังงาน กระทรวงพลงั งาน 80 หมู่ 3 ตำบลมะขามสงู อำเภอเมอื ง จังหวัดพษิ ณโุ ลก 7. สถานีตรวจอากาศดอยมเู ซอ กรมอตุ ุนิยมวทิ ยา ถนนตาก-แม่สอด ตำบลแม่ท้อ อำเภอเมือง จังหวดั ตาก 8. สถานีอุตนุ ยิ มวทิ ยาเพชรบรู ณ์ กรมอุตนุ ิยมวิทยา ถนนสามัคคีชยั ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จงั หวัดเพชรบูรณ์ 9. ศูนย์บรกิ ารโครงการสูบน้ำดว้ ยไฟฟ้าจังหวัดนา่ น กรมชลประทาน หมู่ 2 ตำบลดใู่ ต้ อำเภอเมือง จังหวดั นา่ น 10. สถานีอตุ ุนยิ มวิทยาแพร่ กรมอุตุนิยมวทิ ยา 73/1 หมู่ 2 ถนนชอ่ แฮ ตำบลนาจักร อำเภอเมือง จงั หวัดแพร่ 11. ศนู ย์สำรวจอทุ กวทิ ยาท่ี 5 (เชียงราย) กรมทรัพยากรนำ้ 257 หมู่ 1 บา้ นสนั ตาลเหลือง ตำบลเวียง อำเภอเมือง จังหวัดเชยี งราย 12. ศูนย์ทดลองวชิ าการพลงั งานทดแทนและอนรุ ักษ์พลังงานจังหวัดเชียงใหม่ กรม พัฒนาพลงั งานทดแทนและอนรุ กั ษ์พลงั งาน กระทรวงพลังงาน 147 หมู่ 8 หลังมหาวิทยาลยั แมโ่ จ้ ตำบลหนองหาร อำเภอสนั ทราย จังหวดั เชียงใหม่ 13. ศนู ยบ์ ริการนักท่องเทีย่ ว (นำ้ ตกแม่กลาง) อทุ ยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ กิโลเมตรท่ี 9 ตำบลบา้ นหลวง อำเภอจอมทอง จงั หวัดเชียงใหม่

14. ทท่ี ำการอุทยานแหง่ ชาติดอยอนิ ทนนท์ หมู่ 7 ตำบลบ้านหลวง อำเภอจอมทอง จังหวัดเชยี งใหม่ 15. ศูนยค์ วบคุมและรายงานดอยอนิ ทนนท์ ตำบลบา้ นหลวง อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ 16. โรงไฟฟ้าพลังงานน้ำแมส่ ะง่า กรมพฒั นาพลังงานทดแทนและอนรุ กั ษ์พลังงาน กระทรวงพลงั งาน หมู่ 8 ตำบลหมอกจำแป่ อำเภอเมอื ง จังหวดั แม่ฮ่องสอน 17. สถานีอุตนุ ยิ มวิทยาแม่สะเรยี ง กรมอตุ นุ ยิ มวิทยา ตำบลบ้านกาศ อำเภอแมส่ ะเรยี ง จงั หวดั แมฮ่ ่องสอน 18. สถานอี ุตนุ ิยมวทิ ยาเกษตรเลย กรมอตุ ุนยิ มวทิ ยา 81 หมู่ 8 ตำบลนาโปง่ อำเภอเมือง จังหวัดเลย 19. ศูนย์สำรวจอทุ กวิทยาหนองคาย กรมทรัพยากรน้ำ 174 หมู่ 1 ถนนแจ้งวรวุฒิ ตำบลมีชยั อำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย 20. ศนู ยอ์ ตุ ุนยิ มวิทยานครพนม กรมอตุ นุ ิยมวิทยา 272 ถนนอภบิ าลบัญชา ตำบลหนองแสง อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม 21. สถานีอุตุนิยมวทิ ยานครราชสีมา กรมอุตุนิยมวทิ ยา 916 ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสมี า 22. สถานีเรดาหต์ รวจอากาศขอนแกน่ กรมอตุ ุนิยมวทิ ยา ใกลท้ ่าอากาศยานขอนแกน่ อำเภอเมอื ง จงั หวดั ขอนแกน่ 23. สถานตี รวจอากาศเกษตรรอ้ ยเอด็ กรมอตุ ุนยิ มวิทยา ตำบลเหนือเมือง อำเภอเมือง จงั หวดั รอ้ ยเอ็ด 24. สถานตี รวจอากาศเกษตรสุรนิ ทร์ กรมอุตุนิยมวทิ ยา หมู่ 4 ตำบลคอโค อำเภอเมอื ง จงั หวดั สุรนิ ทร์ 25. สถานีอุตุนยิ มวทิ ยาตราด กรมอุตุนยิ มวิทยา 565 หมู่ 2 ถนนราษฏรบ์ ำรุง ตำบลคลองใหญ่ อำเภอคลองใหญ่ จงั หวัดตราด 26. สถานอี ตุ นุ ิยมวทิ ยาชลบรุ ี กรมอุตุนยิ มวิทยา 44 หมู่ 4 ถนนวชิรปราการ ตำบลบา้ นสวน อำเภอเมือง จงั หวัดชลบุรี 27. ศนู ย์บรกิ ารโครงการสบู นำ้ ดว้ ยไฟฟ้าจงั หวดั ปราจนี บุรี กรมชลประทาน 309/1 หมู่ 2 ตำบลกบินทรบ์ ุรี อำเภอกบินทร์บรุ ี จังหวดั ปราจีนบรุ ี 28. สถานีอุตุนยิ มวทิ ยาประจวบคีรีขนั ธ์ กรมอุตุนิยมวิทยา 239 ถนนสวนสน ตำบลเกาะหลัก อำเภอเมือง จงั หวัดประจวบคีรีขันธ์ 29. สถานอี ตุ นุ ยิ มวิทยาระนอง กรมอตุ ุนยิ มวิทยา 4/6 หมู่ 1 ถนนขดั สรรพัฒนา ตำบลบางรนิ้ อำเภอเมือง จังหวดั ระนอง 30. สถานีอตุ นุ ิยมวทิ ยาชุมพร กรมอุตุนยิ มวทิ ยา

148 ถนนกรมหลวงชมุ พร ตำบลทา่ ตะเภา อำเภอเมือง จงั หวดั ชุมพร กรม 31. สถานอี ตุ นุ ิยมวทิ ยาสุราษฏร์ธานี (พนุ พนิ ) กรมอตุ ุนิยมวทิ ยา หมู่ 3 ทางเข้าสนามบินสุราษฎรธ์ านี ตำบลหวั เตย อำเภอพุนพิน จังหวดั สุราษฏรธ์ านี 32. สถานอี ุตนุ ยิ มวิทยาเกาะสมุย กรมอตุ นุ ิยมวิทยา 438 หมู่ 1 ตำบลมะเร็ต อำเภอเกาะสมยุ จังหวดั สุราษฎรธ์ านี 33. ศูนย์ทดลองวิชาการพลังงานทดแทนและอนรุ ักษ์พลังงานจังหวัดสงขลา พฒั นาพลงั งานทดแทนและอนุรกั ษพ์ ลังงาน กระทรวงพลังงาน 90 หมู่ 3 ตำบลคลองหลา อำเภอคลองหอยโขง่ จงั หวดั สงขลา 34. สถานอี ตุ ุนยิ มวทิ ยาตรัง กรมอุตนุ ยิ มวิทยา 142 หมู่ 12 ตำบลโคกหลอ่ อำเภอเมอื ง จงั หวดั ตรัง 35. ศูนยอ์ ุตุนยิ มวิทยาภาคใต้ฝ่ังตะวันตก กรมอตุ นุ ยิ มวทิ ยา 221 หมู่ 6 ตำบลไม้ขาว อำเภอถลาง จังหวัดภูเกต็ 36. สถานอี ุตนุ ยิ มวิทยานราธวิ าส กรมอตุ ุนิยมวิทยา ถนนภผู าภักดี ตำบลบางนาค อำเภอเมือง จงั หวดั นราธวิ าส 37. สถานีอุตุนิยมวทิ ยาสระแกว้ กรมอตุ นุ ยิ มวทิ ยา 3 ตำบลอรญั ประเทศ อำเภออรัญประเทศ จังหวดั สระแก้ว 38. สถานีอุตุนิยมวิทยาอุบลราชธานี กรมอุตนุ ยิ มวิทยา อำเภอสวา่ งวรี ะวงศ์ จังหวดั อุบลราชธานี ขอ้ มลู จาก: กรมพฒั นาพลังงานทดแทนและอนรุ กั ษ์พลังงาน กระทรวงพลังงาน

แผนการจดั การเรยี นร้ทู ่ี 11 รายวชิ าพลังงานทดแทนกับการใชป้ ระโยชน์ รหสั วิชา ว 22202 ชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ 2 หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 4 พลังงานแสงอาทิตย์ เร่ือง การใชป้ ระโยชนพ์ ลังงานแสงอาทิตย์ โดยเปล่ียนพลงั งาน แสงอาทติ ย์เป็นพลงั งานไฟฟา้ เวลา 2 ช่ัวโมง ช่ือผูส้ อนนางสาวจารภุ า นวลเพง็ กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรยี นเก้าเล้ยี ววทิ ยา ________________________________________________________________________ ผลการเรียนรู้ อธบิ ายการใชป้ ระโยชน์ พลงั งานแสงอาทิตย์ พลังงานลม พลังงานนำ้ พลังงานชีวมวลและพลังงาน นวิ เคลยี ร์ ในประเทศไทย สาระการเรยี นรู้ เซลลแ์ สงอาทติ ยเ์ ปน็ อปุ กรณ์ทีเ่ ปลี่ยนพลังงานแสงเป็นพลังงานไฟฟ้าได้ สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด เซลล์แสงอาทิตย์ เป็นอุปกรณ์ทางอิเล็กทรอนิกส์ที่เปลี่ยนพลังงานแสงเป็นพลังงานไฟฟ้าและ ปริมาณพลังงานไฟฟ้าท่ีผลิตได้จากเซลล์แสงอาทิตย์จะมีความสัมพันธ์กับความเข้มรังสีดวงอาทิตย์ จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1. นกั เรียนสามารถอภิปรายและสรุปเกยี่ วกับพลังงานแสงอาทิตย์เป็นพลังงานไฟฟา้ ได้(k) 2. นักเรยี นอภิปรายและยกตัวอยา่ งในการนำพลังงานแสงอาทติ ย์มาใชป้ ระโยชน์ โดยการ เปลยี่ นเปน็ พลังงานไฟฟ้าได้(P) 3. นักเรยี นมีความเขา้ ใจบทเรียนและรบั ผิดชอบต่องานที่ได้รบั มอบหมาย (A) สมรรถนะที่สาคญั ของผู้เรยี น 1. ความสามารถในการคดิ 2. ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวิต 3.ความสามารถในการสือ่ สาร คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ 1. ม่งุ มน่ั ในการทางาน 2. ใฝเ่ รียนรู้ 3. มวี ินยั กระบวนการจดั การเรียนรู้ ขนั้ สร้างความสนใจ 1. ครูนำภาพตวั อย่างของเล่นที่ใชพ้ ลังงานจากเซลล์แสงอาทติ ย์ หรือเครื่องคิดเลขที่ใช้พลังงานจาก เซลล์แสงอาทิตย์ และใช้คำถามนำเข้าสู่เน้ือหาการใช้ประโยชน์พลังงานแสงอาทิตย์ โดยเปลี่ยนพลังงาน แสงอาทิตยเ์ ปน็ พลงั งานไฟฟ้า ตวั อย่างคำถามอาจมดี งั น้ี - ของเล่นและเคร่ืองคิดเลขท่ีนำมาแสดง ใชพ้ ลังงานไฟฟา้ จากแหล่งใด 2. ครอู ธิบายก่อนเข้าบทเรยี น เซลล์แสงอาทติ ย์เป็นอปุ กรณ์ทางอเิ ลก็ ทรอนิกส์ทเี่ ปลี่ยนพลงั งานแสง เป็นพลังงานไฟฟ้าและปริมาณพลังงานไฟฟ้าท่ีผลิตได้จากเซลล์แสงอาทิตย์จะมีความสัมพันธ์กับความเข้ม

รังสีดวงอาทิตย์ ถ้าความเข้มรังสีดวงอาทิตย์มีค่าน้อย เช่น ในวันท่ีแดดไม่จัด พลังงานไฟฟ้าท่ีได้จากเซลล์ แสงอาทิตยจ์ ะนอ้ ย และอาจไมเ่ พียงพอท่ีจะทำใหห้ ลอดไฟติดสวา่ งได้ ขน้ั สำรวจและคน้ หา 3. ให้นักเรียนสืบค้นข้อมูลเก่ียวกับการใช้งานพลังงานแสงอาทิตย์ ประโยชน์ของพลังงาน แสงอาทิตย์ หลักการการทำงาน ตัวอย่างของการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ โดยทำเป็นแผนผังความคิดพร้อม ตบแตง่ ให้สวยงาม ขน้ั อภปิ รายและสรุปผล 4. ให้นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ นำเสนอผลงานหน้าช้ันเรยี น 5. ครูและนักเรยี นร่วมกันอภปิ รายถึงพลังงานแสงอาทิตย์ ขั้นขยายความรู้ 6. นักเรยี นทำแบบฝึกหดั ที่ 7 ขน้ั ประเมนิ ผล 7. ครปู ระเมนิ ผลการเรยี นรนู้ กั เรยี นจากแบบฝกึ หดั ท่ี 7 สื่อการเรยี นรู้และแหลง่ การเรียนรู้ 1. Powerpoint เร่ือง พลังงานแสงอาทติ ย์ 2. แบบฝกึ หัดที่ 7 3. ใบความรู้ การวดั และกระประเมินผล วิธีการวัดผลการเรียนรแู้ ละประเมนิ ผลการเรียนรู้ 1. การสังเกตจากการเขา้ ร่วมปฏิบตั ิกิจกรรม 2. การตอบคำถาม เครือ่ งมือวดั และประเมินผลการเรียนรู้ 1. ตารางบนั ทึกผลการสังเกต 2. แบบฝึกหดั ที่ 7

แบบฝึกหัดที่ 7 ช่ือ..........................................นามสกุล............................................เลขท.ี่ .........................ชัน้ ............... 1. ภายในบ้านของนักเรียน มีอุปกรณห์ รือเคร่ืองใช้ใดบา้ ง ทใี่ ช้พลังงานไฟฟ้าจากเซลล์แสงอาทิตย์ ............................................................................................................................. ............................................. ............................................................................................................................. ............................................. .......................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ............................................. ............................................................................................................................. ............................................. .......................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ............................................. ............................................................................................................................. ............................................. 2. มีวิธกี ารจัดการอย่างไร กับเซลลแ์ สงอาทติ ย์ที่หมดอายกุ ารใช้งาน ............................................................................................................................. ............................................. .......................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ............................................. ............................................................................................................................. ............................................. .......................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ............................................. ............................................................................................................................. ............................................. .................................................................................. ........................................................................................ ............................................................................................................................. ............................................. ............................................................................................................................. ............................................. .................................................................................... ......................................................................................

ใบความรูเ้ พม่ิ เติมสำหรับครู โรงไฟฟา้ เซลลแ์ สงอาทติ ย์เข่ือนสิรินธร จงั หวดั อบุ ลราชธานี โรงไฟฟ้าเซลล์แสงอาทิตย์เขื่อนสิรินธร เป็นระบบผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ โดยใช้เซลล์แสงอาทิตย์หรือโซล่าร์เซลล์ (Solar Cell) เป็นอปุ กรณ์ในการเปล่ียนพลังงานแสงอาทิตย์ให้เป็น พลังงานไฟฟ้า และจ่ายไฟฟ้าที่ได้เช่ือมโยงเข้ากับระบบจำหน่ายไฟฟ้าของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) โครงการนี้ใช้พ้ืนท่ีของเขื่อนสิรินธร เน้ือท่ีประมาณ 25 ไร่สถานที่ติดตั้ง หมู่ที่ 11 ตำบลนิคมลำโคมน้อย อำเภอสิรนิ ธร จังหวดั อุบลราชธานี อยหู่ า่ งจากเขือ่ นสิรินธรไปทางทิศตะวันตก ประมาณ 2 กิโลเมตร ลักษณะของโรงไฟฟ้าเซลล์แสงอาทิตย์แห่งนี้ ประกอบด้วยแผงเซลล์แสงอาทิตย์ขนาดกำลังผลิต ติดต้ังท้ังหมด 1.012 เมกะวัตต์ ติดตั้ง 2 ระบบ คือ ระบบท่ีติดต้ังคงท่ี ขนาดกำลังผลิตติดต้ังรวม 4.0 กิโลวัตต์ และระบบติดตามดวงอาทิตย์แบบถ่วงน้ำหนัก ขนาดกำลังผลิตติดต้ังรวม 1,008.0 กิโลวัตต์ ซ่ึง ระบบน้ีแผงเซลล์แสงอาทิตย์สามารถเคล่ือนท่ีตามดวงอาทิตย์ได้ตั้งแต่ตอนเช้าจนถึงตอนเย็น เซลล์ แสงอาทิตย์ท่ีนำมาติดต้ังทำจากสารซิลิคอน 2 ชนิด คือ ชนิดผลึกรวม (Poly Crystalline) ขนาดกำลังผลิต แผงละ 200 วัตต์ ติดต้ังแบบคงที่ จำนวน 1 ชุด รวมกำลังผลิตติดต้ัง 2.0 กิโลวัตต์ ติดต้ังบนระบบติดตาม ดวงอาทิตย์แบบถ่วงน้ำหนกั จำนวน 247 ชดุ ชดุ ละ 3.6 กโิ ลวัตต์ รวมกำลงั ผลิตตดิ ตั้ง 889.2 กิโลวตั ต์ และ ชนิดไร้ผลึก (Amorphous) ขนาดกำลังผลิตแผงละ 40 วัตต์ ติดต้ังแบบคงที่ จำนวน 2 ชุด รวมกำลังผลิต ติดตั้ง 2.0 กิโลวัตต์ ติดตั้งบนระบบติดตามดวงอาทิตย์แบบถ่วงน้ำหนัก จำนวน 110 ชุด ชุดละ 1.08 กิโลวตั ต์ รวมกำลังผลิตตดิ ตง้ั 118.8 กโิ ลวัตต์ แผงเซลลแ์ สงอาทิตย์ จำนวนท้ังหมด 7,476 แผง รวมกำลังผลติ 1,012 กโิ ลวัตต์

ข้อมลู จาก: เวบ็ ไซต์ของการไฟฟ้าฝา่ ยผลติ แหง่ ประเทศไทย http://www2.egat.co.th เทคโนโลยเี กยี่ วกับบา้ น ทใ่ี ช้พลังงานไฟฟ้าจากเซลลแ์ สงอาทติ ย์ ระบบผลิตไฟฟ้าด้วยพลงั งานแสงอาทิตย์บนหลังคาบ้าน เหมาะกับผทู้ ี่ต้องการใช้พลังงานไฟฟ้าจาก พลงั งานทดแทนเพ่อื จา่ ยพลังงานไฟฟา้ เสรมิ กับระบบไฟฟา้ ปกตภิ ายในบา้ น ประโยชน์ของเทคโนโลยี • สามารถประหยัดค่าไฟฟ้า โดยจะประหยัดค่าไฟฟ้าในส่วนที่ใช้พลังงานไฟฟ้าจากเซลล์แสงอาทิตย์ ทดแทนการใชไ้ ฟปกติ • ลดผลกระทบจากส่ิงแวดล้อมอันเนื่องมาจากการผลิตไฟฟ้าด้วยรูปแบบอ่ืน เช่น การผลิตไฟฟ้าจาก น้ำมันหรอื ถ่านหิน • ส่งเสริมและปลูกจิตสำนึกให้รับรู้ถึงเทคโนโลยีการผลิตไฟฟ้าที่สะอาด รู้คุณค่าของพลังงานไฟฟ้าที่ ผลิตได้จริง และร่วมกนั ใช้พลงั งานไฟฟ้าอยา่ งประหยัด ข้อพิจารณาในการนำมาใช้ • ลักษณะของบ้าน หลังคาบ้านที่ติดต้ังจะต้องมีความแข็งแรงเพียงพอที่จะสามารถรองรับน้ำหนัก ของแผงเซลลแ์ สงอาทิตย์ได้ • แหลง่ พลังงาน ตอ้ งไม่มีร่มเงามาบดบังทศิ ทางของแสงอาทิตย์ที่สอ่ งลงไปบนแผงเซลล์แสงอาทิตยท์ ่ี ตดิ ตัง้ บนหลงั คาบ้าน เพราะเซลลแ์ สงอาทิตย์ตอ้ งใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์ในการผลิตไฟฟา้ • ขอ้ มูลจาก: เวบ็ ไซตก์ รมพฒั นาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลงั งาน กระทรวงพลังงาน http://www.dede.go.t

เทคโนโลยีเก่ียวกับอาคาร ท่ีใช้พลงั งานไฟฟา้ จากเซลลแ์ สงอาทิตย์ การติดตั้งระบบเซลล์แสงอาทิตย์เพ่ือนำมาใช้ร่วมกับระบบไฟฟ้าในสำนักงานใหญ่การไฟฟ้าฝ่าย ผลิตแห่งประเทศไทย จำนวน 2 แห่ง คือ อาคารสำนกั งานผู้ว่าการฯ มีกำลังผลิต 5.12 กิโลวตั ต์ และอาคาร สำนกั งานแหง่ ใหม่ (ท.102) ซง่ึ ไดต้ ดิ ตง้ั ทผ่ี นงั อาคาร มกี ำลงั ผลติ 27 กโิ ลวตั ต์ ผนังอาคารท่ีมกี ารติดตัง้ แผงเซลล์แสงอาทิตย์

เซลล์แสงอาทิตยแ์ ละแผงเซลลแ์ สงอาทิตย์ เทพแพส่ีลสิม่ งังุดเองตจาามิะนทมผแิตเาซลสยกิตลง์มขเมลาป้ึน์กาแ็นจขสพา้ึนงลกอังปสางัจาทารจนิตกุบไย่ึฟงัน์ตฟม(ัวS้าีกนoาเlำรซaคลrปิดลรCค์แะe้นสเlภงวl)อัสทาเดซปทุอิล็นิตื่นิคยอๆอ์มุปนีหเกพลรแื่อาณตนย์่ทเำรนมูปาื่องาแองใบชจิเบล้ผา็กกลรทิมตูปีเกรแซอาบลรนบลใิก์ทชแส้สง่ีใ์ทชาง้กน่ีอเปันาเซลทมลี่ยิตาลนกยซกเโ์ปล์ง่ึิลก็นโิคลธอหานะตุท(มSี่พีสilบัญicมลoาักnกษ)ใณนเปเ์เปป็นล็นธือาSกตiุ เมื่อแสงอาทิตย์ตกกระทบแผ่นสารกึ่งตัวนำ จะเกิดความต่างศักย์ระหว่างชั้นท่ีซ้อนกัน เม่ือต่อ วงจรไฟฟ้าเข้าไปที่เซลล์แสงอาทิตย์จะทำให้มีกระแสไฟฟ้าเกิดขึ้น เซลล์แสงอาทิตย์แต่ละเซลล์มีขนาดเส้น ผ่านศูนย์กลางประมาณ 3-15 เซนติเมตร มีอายุการใช้งานประมาณ 20 ปี หลังจากหมดอายุ เซลล์ แสงอาทิตย์จะยังคงสามารถผลิตพลงั งานไฟฟ้าได้ตอ่ ไป แต่จะมปี ระสิทธภิ าพการทำงานลดต่ำลงกวา่ รอ้ ยละ 80 ของประสิทธภิ าพสูงสุด เซลล์แสงอาทติ ย์แบบผลกึ เดีย่ ว เซลลแ์ สงอาทติ ย์แบบผลกึ รวม ข้อมลู และภาพจาก:กรมพัฒนาพลงั งานทดแทนและอนุรักษ์พลงั งาน กระทรวงพลังงาน

แผงเซลล์แสงอาทิตย์ (Solar Panels) เป็นเซลล์แสงอาทิตย์ท่ีนำมาต่อกันหลายๆ เซลล์ เพ่ือเพ่ิม กระแสไฟฟ้าและแรงดันไฟฟา้ ใหเ้ หมาะสมกบั การใชง้ าน แผงเซลล์แสงอาทติ ย์ (ภาพจากกระทรวงพลงั งาน)

แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 12 รายวชิ าพลังงานทดแทนกับการใชป้ ระโยชน์ รหัสวิชา ว 22202 ช้ันมธั ยมศึกษาปที ่ี 2 หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี 4 พลังงานแสงอาทิตย์ เร่ือง ข้อดี ขอ้ จากดั และแนวทางการพฒั นาในการนาพลงั งาน แสงอาทิตย์ไปใช้ประโยชน์ เวลา 1 ช่วั โมง ช่ือผสู้ อนนางสาวจารภุ า นวลเพง็ กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรยี นเก้าเลีย้ ววิทยา ________________________________________________________________________ ผลการเรยี นรู้ อธิบายขอ้ ดีและขอ้ จำกัดเกีย่ วกบั การใช้ประโยชน์และแนวทางการพฒั นา ของพลงั งานแสงอาทติ ย์ พลังงานลม พลังงานน้ำ พลงั งานชวี มวลและพลังงานนิวเคลียร์ สาระการเรียนรู้ ปัจจบุ นั มีการใชป้ ระโยชนจ์ ากพลงั งานแสงอาทติ ย์ยังมขี ้อจำกัดอยบู่ างหลายประการ เชน่ ใช้ ประโยชนไ์ ดเ้ ฉพาะช่วงเวลาท่ีมีแสงงอาทติ ย์ และขนึ้ อย่กู ับความเข้มรงั สดี วงอาทิตยใ์ นแตล่ ะชว่ งและในแต่ ละพ้ืนท่ี ซ่ึงแก้ปัญหาไดโ้ ดยใช้วธิ กี ารจัดเก็บพลงั งานทั้งพลังงานความร้อนและพลงั งานไฟฟ้า และคำนงึ ถึง ความเหมาะสมในการใชง้ านในแตล่ ะพน้ื ท่ี สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด การนำพลังงานแสงอาทิตย์มาใช้ประโยชน์ทำให้มีพลังงานใช้อย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นพลังงานท่ีมี ปริมาณมหาศาล การนำมาใช้ประโยชน์ไม่ก่อให้เกิดมลพิษต่อสิ่งมีชีวิตและส่ิงแวดล้อม และยังมีส่วนช่วย ทดแทนเชื้อเพลิงต่างๆ ในการผลิตน้ำร้อน การอบแห้งอาหาร การกลั่นน้ำ การหุงต้มอาหาร รวมถึงการ นำมาใช้ผลิตไฟฟ้า และช่วยลดปัญหาการแคลนพลังงานไฟฟ้าในบริเวณท่ีสายส่งไฟฟ้าเข้าไปไม่ถึง เช่น ใน เขตอุทยานหรือปา่ สวงน การใช้ประโยชน์จากพลังงานแสงอาทิตย์ จะใช้ประโยชน์ได้เฉพาะช่วงเวลาท่ีมีแสงอาทิตย์ และ ข้ึนอยู่กับความเข้มรังสีดวงอาทิตย์ ข้อจำกัดน้ีอาจแก้ปัญหาโดยใช้วิธีการจัดเก็บพลังงาน ท้ังพลังงานความ ร้อนและพลังงานไฟฟ้า และต้องคำนึงถึงความเหมาะสมในการใช้งานในแต่ละพ้ืนท่ี ได้แก่ การได้รับความ เข้มรังสีดวงอาทิตย์ในพ้ืนท่ี ช่วงเวลา ฤดูกาล สภาพอากาศ ลักษณะภูมิประเทศ และการใช้เทคโนโลยี จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. นักเรียนสามารถบอกข้อดี ข้อจากัด และแนวทางการพัฒนาในการนาพลังงานแสงอาทิตย์ไปใช้ ประโยชน์ได(้ k) 2. นกั เรียนเขียนบรรยายและยกตัวอยา่ งความสำคัญในการนำพลงั งานแสงอาทิตย์ไปใชป้ ระโยชน์ ได(้ P) 3. นักเรียนมคี วามเขา้ ใจบทเรียนและรับผิดชอบต่องานที่ได้รบั มอบหมาย (A)

สมรรถนะทสี่ าคญั ของผู้เรยี น 1. ความสามารถในการคิด 2. ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ิต 3.ความสามารถในการสอ่ื สาร คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ 1. ม่งุ มน่ั ในการทางาน 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มีวนิ ัย กระบวนการจดั การเรยี นรู้ ขนั้ สรา้ งความสนใจ 1. ครูทบทวนเรอื่ งประโยชน์ท่ีได้จากพลงั งานแสงอาทติ ย์ และผลิตภณั ฑ์ทใ่ี ชพ้ ลังงานแสงอาทติ ย์ ขน้ั สำรวจและรวบรวมข้อมลู 2. .ให้นักเรียนจบั กลุ่ม 4-5 คน จากแหล่งเรยี นรูต้ ่างๆ เก่ียวกบั ความสำคัญ ข้อดี ข้อจำกดั และแนว ทางการพฒั นาในการนำพลงั งานแสงอาทิตย์ไปใชป้ ระโยชน์ ขั้นอภปิ รายและสรปุ ผล 3. ครแู ละนักเรยี นรว่ มอภปิ รายถงึ ส่งิ ที่ได้สืบคน้ โดยจากการทำกจิ กรรม นกั เรยี นควรได้ข้อสรุปว่า พลงั งานแสงอาทติ ยม์ คี วามสำคัญและมีข้อดีหลายประการ ดงั น้ี • พลังงานแสงอาทิตย์นำมาใช้ผลิตไฟฟ้าได้ รวมถึงนำมาใช้ประโยชน์โดยการเปล่ียนเป็น พลังงานความรอ้ น เชน่ ใชใ้ นการอบแห้ง การผลิตนำ้ ร้อน เป็นต้น • สามารถนำพลังงานแสงอาทิตย์มาใช้ประโยชน์ได้ต่อเนื่อง เพราะพลังงานแสงอาทิตย์เป็น พลังงานที่มีมหาศาล การนำพลังงานแสงอาทิตย์มาใช้ประโยชน์ ไม่มีต้นทุนค่าเช้ือเพลิง ไม่ต้องขนส่ง เชอ้ื เพลิง ไม่กอ่ ให้เกิดมลพิษต่อสง่ิ มีชีวิตและส่ิงแวดล้อม • การนำพลังงานแสงอาทิตย์มาผลิตไฟฟ้า ช่วยลดปัญหาการขาดแคลนพลังงานไฟฟ้าใน บริเวณทไี่ มม่ ีสายส่งไฟฟา้ ได้ • สามารถใช้ประโยชนจ์ ากพลังงานแสงอาทิตยไ์ ดท้ กุ พ้นื ท่ี ท้ังในเขตเมืองและนอกเมือง ข้อจำกดั และแนวทางการพัฒนาในการนำพลังงานแสงอาทิตย์ไปใชผ้ ลติ ไฟฟ้า • ปัจจุบันการใช้ประโยชน์จากพลังงานแสงอาทิตย์ยังมีข้อจำกัดอยู่บางประการ เช่น ใช้ ประโยชน์ได้เฉพาะช่วงเวลาท่ีมีแสงอาทิตย์ และข้ึนอยู่กับความเข้มรังสีดวงอาทิตย์ในแต่ละช่วงเวลาและใน แตล่ ะพืน้ ท่ี ซง่ึ แกป้ ญั หาไดโ้ ดยใช้วิธีการจดั เกบ็ พลังงาน ท้ังพลงั งานความรอ้ นและพลงั งานไฟฟ้า

• การนำพลังงานแสงอาทิตย์มาใช้ประโยชน์ ต้องคำนึงถึงความเหมาะสมในการใช้งานในแต่ ละพื้นที่ เช่น การไดร้ บั ความเข้มรังสดี วงอาทิตย์ในพน้ื ท่ี ชว่ งเวลา ฤดูกาล สภาพอากาศ ลกั ษณะภูมิประเทศ และการใช้เทคโนโลยี ขน้ั ขยายความรู้ 4. นักเรยี นทำแบบฝึกหดั ที่ 8 ขน้ั ประเมิน 5. ครปู ระเมนิ ผลการเรียนรูน้ ักเรยี นจากแบบฝึกหดั ท่ี 8 สอ่ื การเรียนร้แู ละแหล่งการเรยี นรู้ 1. Powerpoint เร่ือง พลงั งานแสงอาทิตย์ 2. แบบฝึกหัดท่ี 8 3. ใบความรู้ การวดั และกระประเมินผล วธิ กี ารวดั ผลการเรียนรู้และประเมินผลการเรียนรู้ 1. การสงั เกตจากการเขา้ ร่วมปฏิบัติกจิ กรรม 2. การตอบคำถาม เครอ่ื งมอื วัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 1. ตารางบันทึกผลการสังเกต 2. แบบฝึกหดั ท่ี 8

แบบฝึกหดั ที่ 8 ช่ือ.........................................นามสกลุ ..............................................เลขท.ี่ ................ช้ัน................ 1. ในท้องคิดของนักเรยี น นักเรยี นคิดวา่ มีความเหมาะสมในการนำพลงั งานแสงอาทิตย์มาใช้ประโยชน์ หรอื ไม่ ............................................................................................................................. ............................................. ............................................................................................................................. ............................................. .......................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ............................................. ............................................................................................................................. ............................................. 2. การใช้ประโยชนจ์ ากพลังงานแสงอาทิตย์ ตอ้ งคำนึงถงึ ความเหมาะสมด้านใดบา้ ง ............................................................................................................................. ............................................. .......................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ............................................. ............................................................................................................................. ............................................. .......................................................................................................................................................................... 3. พลังงานแสงอาทิตย์มีความสำคัญแกน่ ักเรียนอย่างไรบา้ ง ............................................................................................................. ............................................................. ............................................................................................................................. ............................................. ...................................................................................................................................................... .................... ............................................................................................................... ........................................................... ............................................................................................................................. .............................................

แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 13 รายวชิ าพลังงานทดแทนกับการใช้ประโยชน์ รหสั วชิ า ว 22202 ชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี 2 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 5 พลงั งานชีวมวล เรื่อง พลงั งานชีวมวล เวลา 2 ชั่วโมง ช่อื ผสู้ อนนางสาวจารุภา นวลเพง็ กลุม่ สาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนเก้าเลยี้ ววิทยา ________________________________________________________________________ ผลการเรยี นรู้ - อธิบายหลักการทางวิทยาศาสตร์ ในการนำพลงั งานแสงอาทติ ย์ พลังงานลม พลงั งานน้ำ พลงั งาน ชีวมวลและพลงั งานนิวเคลียร์ ไปใชป้ ระโยชน์ สาระการเรียนรู้ ชวี มวลมอี งคป์ ระกอบพื้นฐานเปน็ ธาตุคาร์บอน และธาตุไฮโดรเจน ไดม้ าจากกระบวนการในการ ดำรงชีวติ ของส่ิงมีชวี ติ แล้วสะสมไว้ถึงแม้จะย่อยสลายแล้วก็ยังคงความร้อน จึงสามารถนำมาใชเ้ ปน็ เช้อื เพลิง ได้ ชีวมวลสามารถนำไปใช้เปน็ แหล่งพลงั งานท้ังในรูปของความร้อนโดยตรง และเปลยี่ นความร้อนท่ีได้ เปน็ พลงั งานไฟฟา้ แหล่งของชวี ภาพ ได้มาจากเศษวัสดแุ ละของเสยี จากภาคเกษ๖ร ภาคชุมชนและภาคอุตสาหกรรม สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด ชีวมวล (Biomass) เป็นสารอินทรีย์ที่ได้จากส่ิงมีชีวิต ท่ีผ่านการย่อยสลายตามธรรมชาติ ชีวมวลมี องค์ประกอบพื้นฐานเป็นธาตุคาร์บอน และธาตุไฮโดรเจน โดยธาตุดังกล่าวได้มาจากกระบวนการในการ ดำรงชีวิตของส่ิงมีชีวิตเหล่านั้น แล้วสะสมไว้ถึงแม้จะถูกย่อยสลายแล้วธาตุดังกล่าวก็ยังคงอยู่ แหล่ งของชีว มวล ได้แก่ เศษวัสดุและของเสียจากภาคการเกษตร ภาคชุมชนและภาคอุตสาหกรรม ชีวมวลถูกนำมาใช้เป็น พลงั งานทดแทนเช้ือเพลงิ จากปิโตรเลียม สามารถใช้เปน็ พลังงานได้ท้งั แบบทใ่ี ห้ความรอ้ นโดยตรงหรอื นำความ ร้อนทีไ่ ด้มาผลติ ไฟฟา้ จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1. นักเรยี นสามารถบอกความหมายและองคป์ ระกอบพ้นื ฐานของชวี มวลได้(k) 2. นักเรยี นอธบิ ายรปู แบบการใช้ชวี มวลเปน็ พลังงานทดแทนได(้ P) 3. นักเรยี นมคี วามเขา้ ใจบทเรียนและรับผิดชอบต่องานท่ีได้รับมอบหมาย (A) สมรรถนะทสี่ าคัญของผ้เู รียน 1. ความสามารถในการคิด 2. ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวติ 3.ความสามารถในการสอื่ สาร คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. ม่งุ มั่นในการทางาน 2. ใฝเ่ รียนรู้ 3. มีวนิ ัย

กระบวนการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ ขน้ั สรา้ งความสนใจ 1. ครู กระตุ้นให้นักเรียนสนใจอยากรู้ต่อไปโดยการตั้งคำถามให้นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็น ดังน้ี - สิ่งมีชีวิตในภาพน้ันสามารถนำไปใช้เป็นเชื้อเพลิงได้อย่างไร (นักเรียนตอบตามความเข้าใจซ่ึงอาจ เป็นคำตอบท่ีไม่สมบูรณ์ ครูให้ความรู้เพ่ิมเติมว่าภาพที่นักเรียนเห็นน้ันล้วนเป็นส่ิงมีชีวิตและสารท่ีได้จาก สิ่งมีชีวิต ได้แก่ วัว มูลสัตว์ ต้นไม้ ท่อนไม้ และแกลบ ส่ิงเหล่านี้ เรียกว่าชีวมวล ล้วนนำมาใช้เป็นเชื้อเพลิงได้ ทงั้ หมด) - ทำไมชีวมวลท่ีนักเรียนรู้จักจึงสามารถนำมาใช้เป็นเช้ือเพลิงได้ (ชีวมวลจะมีองค์ประกอบพ้ืนฐาน เป็นธาตุคาร์บอน และธาตุไฮโดรเจน ไดม้ าจากกระบวนการในการดำรงชีวิตของสงิ่ มีชีวิตเหล่านนั้ แล้วสะสมไว้ ถึงแมจ้ ะยอ่ ยสลายแล้วกย็ งั คงอยู่ ซ่งึ เมือ่ นำมาเผาไหมจ้ ะให้ความรอ้ น จึงสามารถนำมาใชเ้ ปน็ เช้อื เพลิงได้) ขน้ั สำรวจและรวบรวมข้อมูล 2. ครูแจกการ์ดภาพชีวมวลจากแหล่งต่างๆ ได้แก่ ข้าวโพด ฟางข้าว เศษขยะมูลฝอย น้ำเสียจาก ครัวเรือน ชานอ้อย มูลสัตว์ เป็นตน้ แล้วให้นักเรยี นร่วมกันอภิปรายเพื่อจัดกลุ่มแหล่งพลงั งาน ชีวมวลและ ควรสรุปใหไ้ ด้ดงั นี้ • ภาคเกษตรกรรม เช่น วัสดุทางการเกษตร ได้แก่ ข้าวโพด อ้อย มันสำปะหลัง ปาล์มนำ้ มนั เศษวัสดุเหลอื ใช้ทางการเกษตร ได้แก่ ฟางขา้ ว และซังข้าวโพด เป็นตน้ • ภาคชุมชน เช่น เศษอาหาร ขยะมลู ฝอยและนำ้ เสียจากครัวเรอื น • ภาคอุตสาหกรรม เช่น กากวัสดุเหลือท้ิงภายหลังกระบวนการเปลย่ี นรูปผลผลิตทาง การเกษตร ได้แก่ แกลบ ชานออ้ ย กากและของเสยี จากกระบวนการผลิต ได้แก่ มูลสัตว์ เป็นต้น 3. ครูให้นักเรียนตอบคำถามว่า พืชแต่ละชนิดให้ชีวมวลที่นำไปใช้เป็นเช้ือเพลิงเหมือนหรือต่างกัน อย่างไร (พืชแต่ละชนิดให้ ชีวมวลท่ีนำไปใช้เป็นเช้ือเพลิงแตกต่างกันขึ้นอยู่กับลักษณะของพืช เช่น ข้าวให้ ชีวมวลที่เป็นแกลบและฟางข้าว สว่ นออ้ ยใหช้ วี มวลทเ่ี ปน็ กากออ้ ย) 4. ครูร่วมสนทนากับนักเรยี นว่า ในชุมชนของนักเรียนมชี ีวมวลอะไรบ้าง และหาคำตอบร่วมกนั จาก การทำกิจกรรมที่ 4.1 ชีวมวลในท้องถิ่น และตอบคำถามลงในใบกจิ กรรมท่ี 5 ชวี มวลในทอ้ งถน่ิ และนำเสนอ ข้ันอภปิ รายและสรปุ ผล 5. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายข้อมูลที่ได้จากการทำกิจกรรมควรได้ข้อสรุปว่า ชีวมวลในท้องถ่ิน หรือชุมชนของนักเรียนอาจไม่เหมือนกันข้ึนอยู่กับพ้ืนท่ีในแต่ละท้องถิ่นว่ามีชีวมวลชนิดใดบ้าง ท่ีสามารถ นำมาใช้ประโยชน์ได้ เช่น บางพื้นที่ปลูกข้าวมากจะมีแกลบที่ได้จากการสีข้าวเปลือก สามารถนำมาใช้เป็น เชื้อเพลิง ใช้ผสมลงในดินเพื่อปรับสภาพดินก่อนเพาะปลูก บางพ้ืนท่ีมีการเล้ียงสัตว์มากทำให้มีมูลสัตว์ สามารถนำมาใช้ผลิตก๊าซชีวภาพและทำเป็นปุ๋ยคอก บางพื้นท่ีเป็นตลาดสดมีเศษผัก เศษอาหารและขยะมูล

ฝอยมาก สามารถนำมาใช้ผลิตก๊าซชวี ภาพและทำเป็นปุ๋ยชีวภาพ หรือบางพนื้ ทม่ี โี รงงานสกัดน้ำมันปาล์ม กาก ปาล์มสามารถใชท้ ำเชือ้ เพลิงและอาหารสตั ว์ เปน็ ต้น 6. ครใู หน้ ักเรียนทบทวนความรู้เกี่ยวกบั ชวี มวลเพือ่ ให้เขา้ ใจตรงกันวา่ ชวี มวลสามารถได้มาจากภาค เกษตรกรรม เช่น ข้าว อ้อย มันสำปะหลัง ข้าวโพด เป็นต้น จากภาคชุมชน เช่น ขยะมูลฝอยและน้ำเสียจาก ชุมชน และจากภาคอุตสาหกรรม เช่น กากปาล์ม ชานอ้อย น้ำเสียจากกระบวนการผลิต เป็นต้น ชีวมวล สามารถนำมาเผาไหม้เปน็ เชอื้ เพลิงทใี่ ห้ความร้อนโดยตรงหรือเปลี่ยนรปู เปน็ พลังงานไฟฟ้า นอกจากการใช้เป็น เช้ือเพลิงแล้วสามารถนำมาใช้ประโยชน์ดา้ นอ่นื ๆ ได้อกี เช่น อาหารสัตว์ ปยุ๋ เครื่องจกั สาน เป็นต้น ข้นั ขยายความรู้ 7. นกั เรยี นทำแบบฝึกหัดที่ 9 ข้ันประเมิน 8. ครูประเมินผลการเรยี นรูจ้ ากการทำแบบฝกึ หดั ท่ี 9 ส่ือการเรยี นรู้และแหล่งการเรียนรู้ 1. Powerpoint เรอ่ื ง พลังงานชวี มวล 2. แบบฝึกหัดที่ 9 3. ใบความรู้ 4. ใบกิจกรรม การวดั และกระประเมินผล วธิ ีการวัดผลการเรียนรแู้ ละประเมินผลการเรียนรู้ 1. การสงั เกตจากการเขา้ รว่ มปฏิบตั ิกิจกรรม 2. การตอบคำถาม เคร่อื งมอื วดั และประเมินผลการเรยี นรู้ 1. ตารางบนั ทึกผลการสงั เกต 2. แบบฝกึ หดั ที่ 9


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook