Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการจัดการเรียนรู้ ป.6 หน่วยที่ 4 เรื่อง กทลีตานี

แผนการจัดการเรียนรู้ ป.6 หน่วยที่ 4 เรื่อง กทลีตานี

Published by KAGIROON, 2021-02-02 17:00:55

Description: แผนการจัดการเรียนรู้วิชาภาษาไทยพื้นฐาน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 (ท 16101) หน่วยที่ 4 เรื่อง กทลีตานี

Search

Read the Text Version

แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี ๑ ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี ๖ กลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาไทย ๑ ปีการศกึ ษา หน่วยการเรียนร้ทู ี่ ๔ เรื่อง กทลีตานี เวลา ๑ ชั่วโมง เรอื่ ง การอา่ นในใจบทเรยี น แผนผงั ความคดิ ประจาหน่วยการเรยี นรู้ที่ ๔ การอา่ นในใจบทเรยี น กทลีตานี การเขยี นแผนภาพโครงเรอ่ื ง คาใหม่ คายากในบทเรยี น คาและชนิดของคา การเลอื กใชค้ าให้ถูกต้องตาม ความหมาย การย่อความ การวิเคราะห์เรอ่ื ง การอา่ นออกเสยี งบทเรียน ภาษาพูดภาษาเขียน การตคี วาม สรุปความ การหาขอ้ คิด จากเร่ืองท่อี ่าน การอา่ นเสรมิ บทเรียน มาตรฐานการเรยี นรู้ สาระท่ี ๑ : การอ่าน มาตรฐาน ท ๑.๑ ใชก้ ระบวนการอา่ นสร้างความรู้และความคิดเพ่อื นาไปใช้ตัดสนิ ใจ แก้ปัญหาใน การดาเนินชีวิตและมนี ิสยั รักการอา่ น เปา้ หมายการเรยี นรู้ประจาหนว่ ย เมือ่ เรยี นจบหน่วยน้ี ผู้เรียนจะมคี วามรู้ความสามารถตอ่ ไปน้ี ๑. อา่ นออกเสยี งคา คาคลอ้ งจอง และขอ้ ความสัน้ ๆ ๒. อธิบายความหมาของคาและข้อความที่อ่านได้ ๓. ต้งั คาถามและตอบคาถามเกี่ยวกับเรอื่ งที่อ่าน ๔. ระบุใจความสาคญั และรายละเอียดจากเร่อื งทเี่ รื่องอ่าน ๕. แสดงความคิดเหน็ และคาดคะเนเหตุการณ์จากเร่ืองที่อ่าน ๖. อา่ นหนังสือตามความสนใจอยา่ งสมา่ เสมอและนาเสนอเรื่องที่อา่ น ๗. อา่ นขอ้ เขียนเชิงอธิบายและปฏบิ ัตติ ามคาสง่ั หรือข้อแนะนา ๘. มีมารยาทในการอ่าน คณุ ภาพที่พงึ ประสงคข์ องผเู้ รียน ๑. อ่านในใจบทเรยี นแล้วสามารถตง้ั คาถามและตอบคาถามจากเรื่องทีอ่ ่านได้ ๒. อ่านในใจบทเรียนแล้วอภิปรายแสดงความคดิ เหน็ เรอื่ งทีอ่ า่ นได้ ๓. อา่ นในใจบทเรียนแล้วลาดับเหตุการณ์ของเรื่องได้ ๔. อา่ นในใจบทเรียนแลว้ สรปุ ใจความสาคัญและข้อคิดของเรอื่ งได้

ขอบขา่ ยสาระการเรยี นรแู้ กนกลางรายวชิ า ภาษาไทย ตัวชี้วดั มาตรฐาน ท ๑.๑ (๓) อา่ นเรอ่ื งส้ันๆ อย่างหลากหลาย โดยจับเวลาแล้วถามเกีย่ วกับเร่ืองที่อ่าน (๔) แยกข้อเทจ็ จรงิ และข้อคิดเหน็ จากเรอ่ื งทอี่ ่าน สาระพน้ื ฐาน การอ่านในใจหนว่ ยที่ ๔ เรื่อง กทลีตานี ความร้ฟู ังแน่นติดตวั ผู้เรยี น การอ่านในใจให้เกิดความเขา้ ใจชัดเจนลกึ ซ้ึงจะต้องอา่ นแล้วสามารถตงั้ คาถาม ตอบคาถาม อภิปรายแสดงความคิดเหน็ เน้ือเร่อื ง ลาดบั เหตุการณ์ และสรุปใจความสาคัญของเรื่องได้ พฤติกรรมความพอเพียง ๑. ความพอเพียงดา้ นตนเอง มคี วามสนใจ ใฝร่ ู้ใฝ่เรียน ๒. มีความพอเพยี งด้านสังคม ดาเนนิ ชีวิตตามกฎเกณฑ์ของสังคม อยูร่ ่วมกบั ผูอ้ ื่นได้อยา่ งมี ความสขุ ๓. ความพอเพยี งดา้ นทรพั ยากร ใช้ทรัพยากรที่อยูอ่ ยา่ งคมุ้ คา่ ตามปรัชญาหลกั เศรษฐกจิ พอเพยี ง ๔. ความพอเพยี งดา้ นภมู ปิ ญั ญา สามารถนาความร้ทู ี่ได้จากเรอื่ ง การอยรู่ ว่ มกนั และทางาน รว่ มกบั ผอู้ น่ื ประยุกตใ์ ชใ้ นชวี ิตประจาวนั กระบวนการเรยี นรู้ ๑. นกั เรยี นทาแบบทดสอบก่อนการเรยี นรู้ เพื่อวัดและทดสอบ ความรพู้ ้นื ฐานทางการเรียนของนักเรยี น ๒. นกั เรยี นเล่นเกม “ทนายการอา่ น” ๓. นักเรียนดรู ปู ภาพจากบทเรยี น แล้วสนทนากับนักเรยี นเรอื่ ง “เรื่อง กทลีตานี” ว่ามเี นื้อ เรอื่ งกล่าวถงึ อะไรบา้ ง ๔. นักเรียนรว่ มกันตอบคาถามแล้วอภปิ รายแสดงความคิดเห็น เร่อื ง “เรื่อง กทลตี านี” ๕. แบง่ นกั เรียนออกเป็นกลุ่ม (ตามความเหมาะสม) ร่วมกนั อภิปรายเพื่อแบ่งเน้ือหาของ บทเรยี นออกเปน็ ตอนๆ โดยสง่ ตวั แทนจับฉลากเพือ่ เลือกเนอ้ื หาของบทเรียนกลมุ่ ละ ๑ ตอน แล้ว ให้ นักเรยี นแต่ละกลมุ่ อา่ นในใจตอนท่รี ับผดิ ชอบร่วมกันอภิปรายเพ่ือลาดับเหตุการณ์สาคญั ของเรื่อง สรุปใจความสาคัญของเร่ือง และผลัดกันตงั้ คาถาม ตอบคาถามจากเร่ืองทอ่ี ่าน ๖. ตัวแทนกลุ่มนาเสนอผลงาน โดยครแู ละเพื่อนช่วยกนั เพิ่มเตมิ ในส่วนที่ขาดหายไป ๗. นกั เรยี นและครูรว่ มกนั สรุปบทเรียน เรอ่ื ง แนวปฏิบัติในการอ่านในใจท่ีถกู ต้อง แล้วร่วมกันสรุปลาดบั เหตุการณส์ าคญั และสรุปใจความสาคัญของเร่ือง จากนั้นนักเรียนบันทกึ ลงสมดุ ๘. นกั เรียนทาใบงาน

สอ่ื การเรียนการสอน ๑. ประเภทส่ือ - หนงั สือแบบเรียนภาษาไทย ชุดภาษาพาที ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๖ - แบบฝึกทักษะภาษา ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ ๖ - แบบทดสอบก่อนการเรยี นรู้ - ตัวอย่างภาพจากบทเรียน - เกมทนายการอ่าน ๒. วัสดุ / อปุ กรณ์ - บัตรคาใหม,่ - ใบความรู้, ใบงาน ๓. แหลง่ การเรยี นรู้ - ครู ผูป้ กครอง - ห้องสมดุ การวดั ประเมินผล ๑. วิธกี ารวดั และประเมินผล ๑. สังเกตพฤติกรรมการเรยี นของนักเรยี น ๒. ประเมนิ การอ่านในใจ ๒. เครือ่ งมอื การวดั และประเมนิ ผล ๑. แบบบันทึกพฤติกรรมการเรยี น ๒. แบบสังเกตพฤติกรรมการอา่ นในใจ ๓. เกณฑ์การประเมนิ ๑ การประเมินพฤตกิ รรมการเรียน ๕ - ๔ หมายถงึ ระดับ ดมี าก ๓ – ๒ หมายถงึ ระดับ พอใช้ ๑ - ๐ หมายถึง ระดบั ปรับปรุง ๒. สังเกตพฤตกิ รรมการอ่านในใจ ๕ หมายถงึ ระดับ ดีมาก ๔ หมายถึง ระดบั ดี ๓ หมายถงึ ระดบั ปานกลาง ๒ หมายถึง ระดับ พอใช้ ๑ – ๐ หมายถึง ระดบั ปรับปรุง

แบบทดสอบกอ่ นการเรยี นรู้ หน่วยท่ี ๔ โรงเรียน..........................................................ภาคเรยี นท่ี ........... ปีการศึกษา .................. ช่อื ........................................................ ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี ๖ เลขท.่ี ............. วันท่ี…… เดอื น ……………………………… พ.ศ……………… คาชี้แจง ใหน้ ักเรียนทาเครื่องหมาย  หนา้ คาตอบที่ถูกตอ้ ง ๑. จากบทเรยี น “เรอ่ื งกทลีตานี” นน้ี ักเรียนคดิ ว่าเปน็ เน้ือเร่อื งเกีย่ วกบั อะไร ก. ส่งิ ที่ง่ายมาก ข. เร่อื งง่ายๆ ค. ของงา่ ยๆ ง. เรื่องคณุ ค่าและประโยชนข์ องกล้วย ๒. เม่อื พดู ถึงคาวา่ “กล้วย” ทกุ คนทไ่ี ดย้ นิ จะนึกถึงความหมายว่าอย่างไร ก. สิง่ ทีง่ ่ายมาก ข. เรื่องง่ายๆ ค. ของง่ายๆ ง. เรอ่ื งคุณค่าและประโยชนข์ องกลว้ ย ๓. ทาไม จึงกลา่ ววา่ “กลว้ ยเปน็ ส่งิ ที่แสดงถงึ อัจฉริยะของบรรพชนไทย” ก. กลว้ ยมคี วามสมั พันธก์ บั วิถชี วี ติ คนไทย ข. กล้วยมีคณุ ค่าและมีประโยชน์ ค. กลว้ ยสามารถนามาใช้ประโยชนไ์ ดท้ ุกส่วน ง. ถกู ทุกข้อ ๔. นกั เรียนคดิ ว่า ข้อใดไม่เป็นอาหารประเภทขนมหวานที่ทาจากกลว้ ย ก. กล้วยบวชชี ข. กลว้ ยกวน ค. ขนมกลว้ ย ง. กลว้ ยเผา ๕. ข้อใดเปน็ อาหารประเภทคาวทท่ี าจากกล้วย ก. ส้มตากล้วย ข. แกงเลยี งหวั ปลี ค. ตม้ ยาหวั ปลี ง. ถูกทกุ ข้อ ๖. ในสมยั ก่อนอบรมเลี้ยงดูเดก็ โดยหาเครือ่ งเลน่ ใหเ้ ด็กได้พฒั นาการทั้งรา่ งกาย จติ ใจ อารมณ์ สังคม และสติปญั ญา จากกล้วยอยา่ งไรบ้าง ก. ทาม้าก้านกลว้ ย ข. ทาปืนกา้ นกลว้ ย ค. ทาขนมกลว้ ย ง. ขอ้ ก และ ข ถูก ๗. นกั เรียนคิดว่า เตยี่ ว ทาจากพชื ชนิดใด ก. ใบกลว้ ย ข. ใบมะพร้าว ค. ใบตาล ง. ใบข้าวโพด ๘. นักเรยี นคิดวา่ ไมม้ งคล มกี ีช่ นิด ก. ๗ ชนดิ ข. ๘ ชนดิ ค. ๙ ชนดิ ง. ๑๐ ชนิด ๙. “มนุษย์และลงิ กินกล้วยเปน็ อาหาร” นักเรียนคิดว่ามีคานามก่ีคา ก. ๑๐ ชนดิ ข. ๙ ชนิด ค. ๕ ชนิด ง. ๔ ชนดิ ๑๐. นกั เรยี นคิดว่าภาษาพดู กับภาษาเขียน มีความแตกต่างกนั อย่างไร ก. ภาษพดู ไม่พถิ ีพิถันในการใช้หลกั ภาษา ข. ภาษาเขียนพิถีพิถันในการใชห้ ลักภาษา ค. ภาษาเขียนเครง่ ครัดในการใชถ้ อ้ ยคาและหลักภาษา ง. ถูกทุกข้อ

เฉลยแบบทดสอบก่อนการเรียนรู้ ๑. ง ๒. ก ๓.ง ๔. ง ๕. ง ๖. ง ๗. ข ๘. ค ๙. ง ๑๐. ง

ใบงาน โรงเรียน........................................................................ภาคเรียนท่ี ....... ปกี ารศึกษา .............. ชอื่ ..................................................................ชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ ๖ เลขท่ี.............. วนั ที่…… เดือน ……………………………… พ.ศ……………… คาชแี้ จง นักเรยี นตอบคาถามต่อไปนใ้ี ห้ถูกตอ้ ง ๑. หอมพบตน้ กล้วยตานีได้อย่างไร พบที่ไหน สภาพของต้นกล้วยเม่ือแรกพบเป็นอย่างไร _________________________________________________________________________ _________________________________________________________________________ ๒. ตานีบอกใหห้ อมทาอะไรในคนื พระจนั ทรเ์ ต็มดงและหอมเข้าไปในอาณาจักรกล้วยได้อยา่ งไร _________________________________________________________________________ _________________________________________________________________________ ๓. หอมพบสง่ิ ใดในอาณาจักรกล้วย เขยี นส่ิงที่พบตามลาดบั ๑. _______________________________________________________________ ___________________________________________________________________ ๒._________________________________________________________________ __________________________________________________________________ ๓._________________________________________________________________ ___________________________________________________________________ ๔. เกิดเหตุการณ์อะไรขนึ้ กับตานี ที่ทาใหห้ อมต้องนานา้ มนต์บนห้องพระมารดที่โคนต้น และหอมชว่ ยตานไี ดห้ รอื ไม่ อย่างไร _________________________________________________________________________ _________________________________________________________________________ _________________________________________________________________________ ๕. เขยี นแสดงคบวามคดิ เห็นของนักเรียนเก่ยี วกับข้อความนี้ “โลกน้ีจะมที ี่อยู่สาหรบั คนคิดดี ทาดี เทา่ น้ัน” _________________________________________________________________________ _________________________________________________________________________ _________________________________________________________________________ _________________________________________________________________________ _________________________________________________________________________

เกณฑก์ ารประเมนิ พฤติกรรมการเรยี น ( Rubric Assessment) ระดบั คะแนน เกณฑ์การประเมนิ ๕ - ๔ = ดมี าก ๓ - ๒ = พอใช้ ๑ - ๐ = ปรบั ปรุง ๑. สนใจรว่ ม กจิ กรรม กระตือรอื รน้ สนใจร่วม กระตือรือร้นสนใจร่วม ร่วมกิจกรรมเมื่อ ๒. มีความสนใจใน เรื่องทเี่ รยี น กิจกรรม พร้อมท้ังชกั ชวน กจิ กรรม ได้รับคาส่ังหรือถูก ๓. กลา้ แสดงออก ใหผ้ ู้อ่นื ปฏบิ ตั ิตามได้ บังคบั ๔. ตอบคาถามและ มคี วามกระตือรือรน้ ปฏิบัติ สนใจศกึ ษาค้นควา้ หา ปฏิบตั ิตนในเรือ่ งที่ แสดงเหตผุ ล ในเร่ืองท่เี รยี น สนใจศึกษา ขอ้ มูลด้วยตนเองและ เรียน ศกึ ษาค้นควา้ ๕. มคี วามสามคั คี คน้ คว้าหาข้อมูลนาไป นาไปปฏบิ ัติ เม่ือได้รับคาส่งั ปฏบิ ัตพิ รอ้ มท้งั ชกั ชวนให้ ผอู้ ืน่ ปฏบิ ัตติ าม มคี วามกระตือรอื รน้ กลา้ มีความกระตือรอื รน้ ร่วมกจิ กรรมเมื่อ แสดงออกในการรว่ ม กลา้ แสดงออกในการรว่ ม ไดร้ บั คาสง่ั หรือถูก กิจกรรม พร้อมทั้งชกั ชวน กจิ กรรม บังคบั ให้ผู้อ่นื ปฏิบตั ิตามได้ ตอบคาถามและแสดงเหตุ ตอบคาถามและแสดงเหตุ ตอบคาถามได้ ผลได้ตอ่ เนื่องครบถว้ น ผลได้ต่อเน่ืองครบถว้ น ตอ่ เน่ืองครบถว้ น สัมพนั ธ์กับหัวข้อท่ีกาหนด สัมพนั ธก์ ับหัวข้อที่ สมั พนั ธ์กบั หวั ข้อท่ี และตอบคาถามได้ถูกต้อง กาหนด กาหนดแตย่ ังไม่ สามารถแสดงเหตผุ ล ประกอบได้ กระตือรือร้นศึกษา ค้นคว้า ศกึ ษา คน้ ควา้ ทางาน ศกึ ษา ค้นคว้า ทางานด้วยความชื่นชอบ ตามทผ่ี ้อู นื่ บอกหรือทา ทางานเม่ือไดร้ ับ สนกุ สนาน และสามารถ ตามคาชกั ชวนของเพือ่ น คาสัง่ หรือถูกบังคับ ชกั ชวนให้ผอู้ ่ืนปฏบิ ัตติ าม

แบบสงั เกตพฤติกรรมการอา่ นในใจ เกณฑ์การให้คะแนน ๕ = ดมี าก ๔ = ดี ๓ = ปานกลาง ๒ = พอใช้ ๑ – ๐ ปรบั ปรุง เกณฑ์การผา่ น ได้คะแนนไม่น้อยกว่ารอ้ ยละ ๕๐ (ไม่น้อยกว่า ๓ คะแนน) ข้อ รายการประเมนิ คะแนน สรปุ หมายเหตุ ท่ไี ด้ ผ่าน ไม่ผ่าน ๑ ไมอ่ อกเสยี งพึมพราไมท่ าปากขมุบขมบิ ในขณะอา่ น ๒ กวาดสายตาได้อย่างคลอ่ งแคลว่ ไมใ่ ชม้ ือชี้ ๓ ตง้ั คาถามจากเร่ืองที่อา่ นได้ ๔ ตอบคาถามจากเร่อื งที่อ่าน ๕ สรปุ สาระสาคญั ของเร่ืองท่ีอ่าน รวมคะแนน ขอ้ เสนอแนะเพ่ิมเติม ……………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………….. ลงชอ่ื ................................................................................ ผปู้ ระเมิน (นางสาวจริ าพร กุลให้)

แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี ๒ ชั้นประถมศึกษาปที ่ี ๖ กลมุ่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย ๑ ปกี ารศึกษา หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ ๔ เร่ือง กทลีตานี เวลา ๑ ชั่วโมง เรื่อง การเขียนแผนภาพโครงเร่อื ง แผนผังความคดิ ประจาหน่วยการเรียนรู้ท่ี ๔ การอ่านในใจบทเรียน การเขยี นแผนภาพโครงเรือ่ ง คาใหม่ คายากในบทเรยี น กทลีตานี การเลือกใช้คาให้ถูกตอ้ งตาม คาและชนดิ ของคา ความหมาย ภาษาพูดภาษาเขยี น การยอ่ ความ การวิเคราะห์เร่ือง การตีความ สรุปความ การหาขอ้ คิด การอ่านออกเสียงบทเรยี น จากเร่อื งที่อ่าน การอา่ นเสริมบทเรยี น มาตรฐานการเรยี นรู้ สาระที่ ๒ : การเขียน มาตรฐาน ท ๒.๑ ใช้กระบวนการเขยี นเขียนสื่อสาร เขยี นเรียงความ ย่อความ และเขยี น เรอื่ งราวใน รูปแบบต่างๆ เขียนรายงานข้อมูลสารสนเทศและรายงานการศกึ ษาคน้ ควา้ อยา่ งมี ประสิทธิภาพ เปา้ หมายการเรียนรูป้ ระจาหน่วย เมอื่ เรยี นจบหน่วยน้ี ผเู้ รยี นจะมคี วามรู้ความสามารถต่อไปนี้ ๑. อา่ นในใจบทเรยี นแล้วสามารถเขียนแผนภาพโครงเรื่องท่ีอา่ นได้ ๒. เล่าเรอื่ งตามแผนภาพโครงเร่อื งได้ ๓. เขยี นย่อเร่ืองจากแผนภาพโครงเรื่องได้ คุณภาพท่พี ึงประสงค์ของผเู้ รยี น ๑. มีความรอบคอบในการทางาน ๒. เป็นผ้นู าและผูต้ ามที่ดี ๓. มคี วามภาคภูมใิ จในภาษาไทย ๔. มคี วามสนใจใฝ่เรียนรู้ ๕. ประหยัดและอยู่อยา่ งพอเพยี ง

ขอบข่ายสาระการเรยี นรแู้ กนกลางรายวิชา ภาษาไทย ตวั ชี้วดั มาตรฐาน ท ๒.๑ (๓) เขียนแผนภาพโครงเร่ืองและแผนภาพความคิดเพ่ือใช้พฒั นางานเขียน สาระพื้นฐาน การเขยี นแผนภาพโครงเรือ่ ง ความร้ฟู ังแน่นตดิ ตัวผู้เรียน การเขยี นแผนภาพโครงเรื่อง จะช่วยใหน้ กั เรยี นเข้าใจเรื่องและจาเร่ืองทีอ่ ่านได้ พฤติกรรมความพอเพียง ๑. ความพอเพยี งด้านตนเอง มคี วามสนใจ ใฝร่ ูใ้ ฝ่เรียน ๒. มีความพอเพียงด้านสงั คม ดาเนนิ ชวี ิตตามกฎเกณฑข์ องสังคม อยู่รว่ มกับผู้อ่ืนไดอ้ ย่างมี ความสุข ๓. ความพอเพยี งด้านทรัพยากร ใชท้ รัพยากรท่ีอยู่อยา่ งคมุ้ ค่า ตามปรัชญาหลกั เศรษฐกจิ พอเพยี ง ๔. ความพอเพียงด้านภูมปิ ัญญา สามารถนาความรทู้ ไ่ี ด้จากเรื่อง การอยู่รว่ มกนั และ ทางานรว่ มกบั ผู้อืน่ ประยุกต์ใชใ้ นชวี ติ ประจาวัน กระบวนการเรียนรู้ ๑. นกั เรียนเล่นเกม “เกมแข่งขนั กนั ต่อเร่ือง” ๒. สนทนาทบทวนเรือ่ ง “เรื่อง กทลีตานี” โดยนกั เรียนช่วยกันเล่าเรือ่ งลาดับ เหตุการณ์ สาคญั สรุปใจความสาคญั และขอ้ คดิ จากบทเรียน ๓. นกั เรยี นและครรู ว่ มกนั สรุปแนวคิดของบทเรยี น ๔. นักเรยี นร่วมกันอภปิ รายวเิ คราะห์โครงเรื่องตามเหตุการณส์ าคญั ของเร่ือง ๕. แบ่งนักเรียนออกเปน็ กล่มุ ตามความเหมาะสม แลว้ ครูอธิบายวิธีการเขียนแผนภาพโครง เรื่องให้นกั เรยี นฟัง เปิดโอกาสใหน้ กั เรียนได้ซักถามแสดงความคดิ เห็น อภปิ รายสรุปร่วมกนั เก่ียวกบั หลกั ในการเขยี นแผนภาพโครงเรอ่ื ง คือ เขียนให้มีความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งชื่อเรอ่ื งกับเน้ือเร่ือง หรอื เนื้อหาสาระ รสู้ าระสาคัญ มตี วั ละครสาคัญ และตวั ประกอบ ของเร่อื งอย่างครบครัน เขยี น สถานที่ เวลา เขยี นลาดับเหตกุ ารณ์ เปน็ ไปตามลาดบั ไมส่ บั สน และเขียนสรุปเร่อื ง แนวคิดท่ไี ด้ จากเร่ือง รวมทัง้ การมีลักษณะนสิ ยั ทด่ี ใี นการเขยี น จะต้องเขยี นให้สะอาด มคี วามเป็นระเบยี บ เรียบรอ้ ย อา่ นงา่ ย ๖. นักเรียนทกุ กลุ่มอา่ นในใจ จากหนังสอื เรียนภาษาไทย ชุดภาษาพาที ช้นั ประถมศกึ ษา ปีท่ี ๖ แล้วร่วมกนั เขยี นแผนภาพโครงเร่ือง ๗. ตัวแทนกลมุ่ นาเสนอผลงานการเล่าเรื่องตามแผนภาพโครงเรือ่ ง หน้าช้ันเรียน ๘. นักเรียนแต่ละกลุม่ ได้นาไปเปรียบเทยี บ ปรับปรุงแก้ไขใหถ้ ูกต้อง และนาผลงานกลุ่ม ไปติดแสดงไว้ทปี่ า้ ยนเิ ทศ เพ่ือให้นักเรยี นทุกคนได้ศกึ ษา ๙. นกั เรยี นและครูร่วมกนั สรุปบทเรียน เร่ือง การเขียนแผนภาพโครงเรอ่ื ง และแนวทาง ปฏิบัตทิ ่ีถูกต้องในการเลา่ เรื่อง ๑๐. นักเรยี นทาใบงาน

สอ่ื การเรยี นการสอน ๑. ประเภทส่ือ - หนงั สือแบบเรยี นภาษาไทย ชุดภาษาพาที ช้นั ประถมศึกษาปที ี่ ๖ - ใบงาน เรือ่ ง การเขียนแผนภาพโครงเรอื่ ง - ตวั อยา่ งแผนภาพโครงเรอ่ื ง - เกมแข่งขันกันต่อเร่ือง - ภาพจากบทเรียน ๒. วสั ดุ / อปุ กรณ์ - บัตรคาใหม,่ - ใบความรู้, ใบงานกล่มุ ๓. แหล่งการเรยี นรู้ - ครู ผปู้ กครอง - หอ้ งสมุด การวดั ประเมินผล ๑. วธิ ีการวัดและประเมนิ ผล ๑. สังเกตพฤติกรรมการเรียนของนักเรียน ๒. ประเมินการเขยี น ๒. เครื่องมอื การวดั และประเมนิ ผล ๑. แบบบนั ทึกพฤติกรรมการเรยี น ๒. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเขียน ๓. เกณฑก์ ารประเมิน ๑ การประเมนิ พฤตกิ รรมการเรียน ๕ - ๔ หมายถงึ ระดับ ดมี าก ๓ – ๒ หมายถงึ ระดบั พอใช้ ๑ - ๐ หมายถงึ ระดับ ปรับปรุง ๒. สังเกตพฤตกิ รรมการเขยี น ๕ หมายถึง ระดับ ดมี าก ๔ หมายถงึ ระดับ ดี ๓ หมายถึง ระดับ ปานกลาง ๒ หมายถงึ ระดบั พอใช้ ๑ – ๐ หมายถงึ ระดบั ปรับปรงุ

เกม “แข่งขนั กันตอ่ เรือ่ ง อปุ กรณ์ - ข้อความท่ีครูเตรยี มมาเป็นเหตกุ ารณ์ในเร่ือง เดยี วกนั มีเนอ้ื เรื่องต่อเนื่องกัน แต่ได้จัด คละกันไว้ จดั ทาไว้เป็น ๒ ชุด – นกหวีด – นาฬกิ าจบั เวลา วธิ ีการเลน่ เกม มดี ังนี้ ๑. แบ่งนกั เรียนออกเป็น ๒ กลุ่ม กลมุ่ ละ ประมาณ ๑๐ – ๑๕ คน ๒. ครูอธิบายกตกิ าการเล่นโดย - ใหแ้ ต่ละกลุ่มมารบั ขอ้ ความซ่ึงเปน็ ข้อความชนิดเดยี วกัน กลุ่มละ ๑ ชุด - ครูจะใหเ้ วลาเลน่ เกมประมาณ ๑๐ นาที โดยจะให้สัญญาณเร่ิมเลน่ ดว้ ยการเปา่ นกหวีด และใหส้ ัญญาณหยดุ เลน่ ด้วยการเปา่ นกหวีดเช่นกัน - เมอื่ ไดย้ ินสัญญาณให้นกั เรียนเรมิ่ เลน่ เกมทันที โดยการจดั ลาดับข้อความท่ีได้รบั ให้ เน้ือความต่อเน่ืองกันจากข้อความที่นักเรยี นคิดว่านา่ จะอย่อู ันดับ แรก หรือเร่ิมต้น ไปจนถึงขอ้ ความท่ีคิดว่าน่าจะอย่สู ุดท้าย - ใหน้ ักเรียนชว่ ยกันเขียนเรื่องราวเพมิ่ เตมิ จากข้อความแรกจนถงึ ข้อความสุดท้ายให้ เปน็ เรอื่ งราวท่ีสมั พนั ธต์ ่อเนื่องกัน - เมือ่ ไดย้ นิ สัญญาณหมดเวลา ใหต้ วั แทนของกลุ่มมาจับสลากกันออกมารายงานโดย เล่าเรือ่ งให้เพอ่ื น ๆ ฟงั - ให้แต่ละกลุ่มติดข้อความท่ีได้รบั และส่วนท่ีไดต้ ่อเติมแต่งต่อเรื่องราวเสร็จไว้บน กระดานดาให้เพื่อนดู จากนน้ั ครนู าข้อความมาเฉลยใหน้ กั เรยี นดู แลว้ พิจารณาวา่ กล่มุ ใดลาดบั เร่ืองได้ถูก และต่อ เติมได้ดีสมบรู ณ์เหมาะสม เป็นฝ่ายชนะ ขอ้ เสนอแนะ ๑. เกมน้ีอาจนามาดัดแปลง ใช้เปน็ แบบฝึกในการเขียนเรียบเรยี งขอ้ ความหรือ ประโยชน์หรอื ฝกึ การเขียนเรียบเรยี งความได้ ๒. เมอื่ เกมจบลงหรือหมดเวลา ครกู พ็ ูดโยงเขา้ สบู่ ทเรยี นต่อไป

ใบงาน (งานกลุ่ม) เร่อื ง เขยี นประโยคจากคา กลุม่ ที่….. ๑.ช่ือ…………………………………………..…..….เลขท…ี่ …….. ๒.ชอ่ื …………………………………………..…..….เลขท…่ี …….. ๓.ชื่อ…………………………………………..…..….เลขท…ี่ …….. ๔.ชอ่ื …………………………………………..…..….เลขท…่ี …….. ๕.ช่อื …………………………………………..…..….เลขท…ี่ …….. คาช้แี จง ให้นกั เรยี นเขียนแผนภาพโครงเร่ือง เร่ือง กทลีตานี ให้ถกู ต้องได้ใจความสมบูรณ์ แผนภาพโครงเรื่อง เรื่อง กทลตี านี ตัวละครสาคัญ…………………………………………………………………………………….… ตวั ละครประกอบ……………………………………………………………………………………. เรื่องเกดิ ข้ึนที่ไหน…………………………………………………………………………………… ปญั หาท่เี กดิ ขนึ้ ในเรอ่ื ง……………………………………………………………………………… เหตุการณ์ท…่ี …… สถานท…่ี …………………………………………………………………………………………... ตวั ละคร………………………………………………………………………………………….…. การ กระทา…………………………………………………………………………………………..……………………………………… ……………………………………………………………….…………………………………………………………………………… ………………………….……………………………………………………………………………………………………….………… …………………………………………………………………………………………….……………………………………………… ผลของการกระทา ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………

เกณฑ์การประเมนิ สาหรับประเมินผลงานของผเู้ รียน ( Rubric Assessment) ระดบั คะแนน เกณฑ์การประเมนิ ๕ - ๔ = ดีมาก ๓ - ๒ = พอใช้ ๑ - ๐ = ปรับปรุง ๑. สนใจร่วม กจิ กรรม กระตือรอื รน้ สนใจร่วม กระตือรอื รน้ สนใจร่วม รว่ มกจิ กรรมเม่ือ ๒. มคี วามสนใจใน เรือ่ งที่เรยี น กิจกรรม พร้อมท้ังชักชวน กจิ กรรม ไดร้ บั คาสง่ั หรือถูก ๓. กลา้ แสดงออก ให้ผ้อู ่นื ปฏิบัติตามได้ บังคับ ๔. ตอบคาถามและ มีความกระตือรือรน้ ปฏบิ ัติ สนใจศึกษาค้นควา้ หา ปฏิบัติตนในเรือ่ งท่ี แสดงเหตผุ ล ในเรื่องที่เรียน สนใจศึกษา ข้อมูลด้วยตนเองและ เรียน ศกึ ษาค้นควา้ ๕. มคี วามสามัคคี ค้นควา้ หาข้อมูลนาไป นาไปปฏิบตั ิ เมอ่ื ได้รบั คาส่ัง ปฏิบัตพิ รอ้ มท้งั ชกั ชวนให้ ผู้อื่นปฏิบตั ิตาม มีความกระตือรอื รน้ กล้า มคี วามกระตือรอื รน้ รว่ มกจิ กรรมเม่ือ แสดงออกในการรว่ ม กล้าแสดงออกในการรว่ ม ไดร้ บั คาสัง่ หรือถูก กจิ กรรม พร้อมทั้งชักชวน กิจกรรม บังคบั ให้ผู้อน่ื ปฏิบตั ติ ามได้ ตอบคาถามและแสดงเหตุ ตอบคาถามและแสดงเหตุ ตอบคาถามได้ ผลได้ต่อเนื่องครบถ้วน ผลได้ตอ่ เน่ืองครบถ้วน ต่อเนื่องครบถว้ น สัมพนั ธก์ ับหัวข้อทีก่ าหนด สัมพันธก์ บั หัวข้อที่ สัมพนั ธก์ ับหวั ข้อที่ และตอบคาถามไดถ้ ูกตอ้ ง กาหนด กาหนดแต่ยังไม่ สามารถแสดงเหตผุ ล ประกอบได้ กระตือรอื ร้นศึกษา ค้นควา้ ศึกษา คน้ คว้าทางาน ศึกษา คน้ คว้า ทางานดว้ ยความชืน่ ชอบ ตามที่ผู้อ่ืนบอกหรือทา ทางานเม่ือได้รบั สนกุ สนาน และสามารถ ตามคาชกั ชวนของเพอื่ น คาสั่งหรือถูกบงั คับ ชกั ชวนใหผ้ ู้อื่นปฏิบัตติ าม

แบบสงั เกตพฤติกรรมการเขียน เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ๕ = ดีมาก ๔ = ดี ๓ = ปานกลาง ๒ = พอใช้ ๑ – ๐ ปรับปรุง เกณฑก์ ารผ่าน ไดค้ ะแนนไม่น้อยกว่ารอ้ ยละ ๕๐ (ไมน่ ้อยกว่า ๓ คะแนน) ข้อ รายการประเมิน คะแนน สรุป หมายเหตุ ๑ มคี วามต้ังใจในการเขยี น ท่ไี ด้ ผ่าน ไมผ่ า่ น ๒ เขยี นได้ถูกต้อง ๓ เขียนไดส้ วยงาม สะอาด ๔ เว้นวรรคตอนถูกต้อง ๕ สะกดคาถูกตอ้ ง รวมคะแนน ข้อเสนอแนะเพิ่มเติม ……………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………….. ลงช่อื ................................................................................ ผู้ประเมิน (นางสาวจิราพร กุลให้)

แผนการจดั การเรียนรู้ที่ ๓ ชน้ั ประถมศกึ ษาปีที่ ๖ กลุม่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย ๑ ปกี ารศึกษา หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ ๔ เร่ือง กทลีตานี เวลา ๑ ช่ัวโมง เรือ่ ง คาใหม่ คายากในบทเรียน แผนผงั ความคิดประจาหน่วยการเรียนรูท้ ี่ ๔ การอา่ นในใจบทเรียน การเขยี นแผนภาพโครงเรอื่ ง คาใหม่ คายากในบทเรยี น กทลตี านี การเลือกใชค้ าให้ถกู ตอ้ งตาม คาและชนิดของคา ความหมาย ภาษาพดู ภาษาเขียน การย่อความ การวเิ คราะห์เร่อื ง การตีความ สรปุ ความ การหาขอ้ คดิ การอา่ นออกเสียงบทเรียน จากเรือ่ งทอี่ ่าน การอา่ นเสรมิ บทเรียน มาตรฐานการเรยี นรู้ สาระท่ี ๑ : การอา่ น มาตรฐาน ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอ่านสร้างความรู้และความคดิ เพื่อนาไปใช้ตัดสนิ ใจ แก้ปญั หา ในการดาเนินชีวติ และมนี ิสยั รักการอา่ น สาระท่ี ๒ : การเขียน มาตรฐาน ท ๒.๑ ใช้กระบวนการเขยี นเขยี นสื่อสาร เขียนเรยี งความ ยอ่ ความ และเขยี นเร่ืองราว ในรูปแบบต่างๆ เขยี นรายงานขอ้ มูลสารสนเทศและรายงานการศกึ ษาคน้ ควา้ อยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ เปา้ หมายการเรยี นรูป้ ระจาหน่วย เมือ่ เรยี นจบหนว่ ยน้ี ผ้เู รยี นจะมีความรู้ความสามารถตอ่ ไปน้ี ๑. สามารถอ่าน และเขยี นคา คายาก ข้อความ และสานวนภาษาไทยในบทเรยี นได้ถูกต้อง ๒. สามารถนาคา คายาก ขอ้ ความ และสานวนภาษาในบทเรยี นไปใช้ได้ถูกต้อง คุณภาพที่พึงประสงค์ของผูเ้ รยี น ๑. มคี วามรอบคอบในการทางาน ๒. เปน็ ผนู้ าและผู้ตามทด่ี ี ๓. มคี วามภาคภูมใิ จในภาษาไทย ๔. มีความสนใจใฝ่เรียนรู้ ๕. ประหยดั และอยู่อย่างพอเพยี ง

ขอบข่ายสาระการเรยี นรแู้ กนกลางรายวชิ า ภาษาไทย ตวั ชวี้ ดั มาตรฐาน ท ๑.๑ (๑) อ่านออกเสียงบทร้อยแก้วและบทร้อยกรองได้ถูกต้อง (๒) อธิบายความหมายของคา ประโยคและข้อความท่ีเปน็ โวหาร มาตรฐาน ท ๒.๑ (๑) คัดลายมือตวั บรรจงเตม็ บรรทดั และคร่งึ บรรทัด สาระพ้นื ฐาน ๑. อ่าน และเขยี นคา คายาก ขอ้ ความ และสานวนในบทเรียน ๒. การนาคา คายาก ข้อความและสานวนภาษาในบทเรยี นไปใชใ้ หเ้ กิดประโยชน์ ความร้ฟู ังแน่นติดตวั ผ้เู รียน การเรียนร้คู า คายาก ข้อความและสานวนภาษาไทยในบทเรยี นและนาไปใช้ให้ถูกตอ้ ง ถือ เป็นการพัฒนาทักษะทางภาษาทีผ่ เู้ รยี นควรได้รับการฝึกฝน เพ่ือพฒั นาทกั ษะให้ถูกต้อง จงึ จะทาให้ การเรยี นรู้ภาษาเปน็ ไปดว้ ยดีและเกิดการพฒั นาตามมา พฤติกรรมความพอเพียง ๑. ความพอเพียงด้านตนเอง มคี วามสนใจ ใฝร่ ู้ใฝ่เรยี น ๒. มีความพอเพยี งด้านสังคม ดาเนนิ ชวี ติ ตามกฎเกณฑข์ องสงั คม อยรู่ ่วมกบั ผู้อนื่ ได้อย่างมี ความสุข ๓. ความพอเพยี งด้านทรัพยากร ใชท้ รัพยากรท่ีอยู่อย่างค้มุ ค่า ตามปรชั ญาหลกั เศรษฐกิจ พอเพียง ๔. ความพอเพยี งด้านภูมิปญั ญา สามารถนาความรู้ท่ีได้จากเรือ่ ง การอยู่ร่วมกนั และทางาน รว่ มกบั ผู้อื่นประยุกตใ์ ชใ้ นชีวิตประจาวัน กระบวนการเรียนรู้ ๑. นกั เรียนเลม่ เกม “การเลือกใชค้ าแต่งประโยค” ๒. นกั เรียนแบ่งกล่มุ ออกเป็นกลุม่ ตามความสมคั รใจ (ตามความเหมาะสม) ๓. นาบัตรคาใหม่และคายากในบทเรียน และให้นกั เรียนทุกคนฝึกอ่านรว่ มกันอภิปราย ความหมายบนั ทึกลงสมดุ ๔. แจกบตั รคาใหม่คายากในบทเรยี นใหน้ กั เรียนแตล่ ะกลุ่มไดศ้ ึกษาและฝกึ อา่ น ๕. นกั เรียนทุกกล่มุ หาคาใหม่ศัพท์ แลว้ ชว่ ยกันแต่งประโยคใหม่ โดยไม่ให้ซา้ กนั กลุม่ ละ ๕ คา แลว้ บนั ทึกลงสมุด แลว้ สง่ ตัวแทนกลุ่มนาเสนอผลงานหน้าชั้นเรยี น ๖. ครแู ละนกั เรยี นร่วมกนั ตรวจผลงานของแตล่ ะกล่มุ พร้อมท้ังอภปิ รายสรปุ การเลอื กใช้คา ใหถ้ กู ต้องตามความหมาย ปรบมือและกล่าวให้คาชมเชยกลมุ่ ท่ีแต่งประโยค ได้ถูกต้อง ๗. มอบหมายให้นกั เรียนทากิจกรรมนอกเวลา โดยการรวบรวมคาใหม่ในบทเรียนแล้ว หาความหมายจากพจนานุกรม แล้วแตง่ ประโยคแลว้ นาผลงานส่งใหค้ รูตรวจ ๘. นกั เรยี นแต่ละกลมุ่ แขง่ ขันกนั เขยี น คายาก บนกระดานดา หนา้ ชัน้ เรยี น กลุ่มใด เขียนได้ถูกมากทีส่ ุดเป็นกล่มุ ชนะ ๙. นักเรยี นและครูช่วยกนั สรปุ บทเรียน ๑๐. นกั เรยี นทาใบงาน

สอ่ื การเรียนการสอน ๑. ประเภทสื่อ - หนงั สือแบบเรยี นภาษาไทย ชดุ ภาษาพาที ช้ันประถมศึกษาปที ี่ ๖ - เกม “การเลอื กใชค้ าแตง่ ประโยค” - แบบฝึกภาษาไทย ๒. วัสดุ / อปุ กรณ์ - บตั รคาใหม,่ - ใบความรู้, ใบงานกล่มุ ๓. แหล่งการเรียนรู้ - ครู ผู้ปกครอง - ห้องสมดุ การวดั ประเมินผล ๑. วธิ ีการวัดและประเมนิ ผล ๑. สังเกตพฤติกรรมการเรียนของนักเรยี น ๒. ประเมนิ การอ่าน ๓. ประเมินการเขียน ๒. เคร่ืองมอื การวดั และประเมินผล ๑. แบบบนั ทึกพฤติกรรมการเรียน ๒. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการอา่ น ๓. แบบสังเกตพฤติกรรมการเขียน ๓. เกณฑก์ ารประเมนิ ๑ การประเมินพฤติกรรมการเรยี น ๕ - ๔ หมายถงึ ระดับ ดีมาก ๓ – ๒ หมายถึง ระดับ พอใช้ ๑ - ๐ หมายถึง ระดบั ปรับปรงุ ๒. สงั เกตพฤตกิ รรมการอ่าน ๕ หมายถึง ระดับ ดมี าก ๔ หมายถงึ ระดับ ดี ๓ หมายถงึ ระดับ ปานกลาง ๒ หมายถึง ระดบั พอใช้ ๑ – ๐ หมายถงึ ระดับ ปรับปรงุ ๓. สงั เกตพฤติกรรมการเขียน ๕ หมายถงึ ระดับ ดมี าก ๔ หมายถงึ ระดับ ดี ๓ หมายถึง ระดับ ปานกลาง ๒ หมายถงึ ระดับ พอใช้ ๑ – ๐ หมายถงึ ระดบั ปรับปรุง

บตั รคาใหม่ในบทเรยี น กทลี กลว้ ยตานี กาบ เจา้ กรรมนายเวร โจงกระเบน แทงหยวก เชิงตะกอน บณิ ฑบาต นา้ มนต์ สาทับ สะพายเฉียง หร่งิ หมอผี

ใบงาน เร่อื ง การแต่งประโยค ช่อื กลุ่ม………………………………….…………….ชั้นประถมศึกษาปที ี่………………… วันที่ ……….. เดือน ………………………………พ.ศ. …………………… คาชแ้ี จง ให้นักเรยี นแตง่ ประโยคจากคาและชดุ คาใหถ้ ูกตอ้ ง ตวั อยา่ ง คา แตง่ ประโยค กระทง คุณยายพาฉนั และน้องไปเท่ียวงานเทศกาลลอยกระทง ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๑๐

เกมการเลอื กใช้คาแต่งประโยค จดุ ประสงค์ เลือกใช้คาแต่งประโยคได้ถูกต้องตามความหมาย อปุ กรณ์ 1. กระดานดา 2. ชอลก์ วธิ ีเลน่ 1. แบง่ นักเรียนออกเป็นกลุ่ม แตล่ ะกลุม่ ไม่ควรตา่ กว่า ๔ คน 2. แบ่งพื้นท่ีกระดานดาออกเป็นส่วน ๆ มอบพืน้ ท่ีใหแ้ ต่ละกลุ่มรบั ผดิ ชอบ 3. ให้แตล่ ะกลุ่มท่ีพร้อมท่ีจะเล่นอยูห่ า่ งจากกระดานดาในระยะท่ีเท่ากันและมอบชอลก์ ให้กบั ทุกกล่มุ 4. ครูใหส้ ัญญาณเร่ิมการเล่นเกม ตัวแทนนักเรยี นแต่ละกลุม่ รีบออกมาหน้ากระดานดา เขียนคาลงบนกระดานดา ๑ คา แล้วรีบกลับเขา้ กลุ่มส่งชอล์กให้เพื่อนคนต่อไปออกไปเขียนคาจนถงึ คนสดุ ท้าย ให้เรียงคาหรือเชื่อมคา ทเ่ี พื่อนเขยี นไวใ้ ห้เป็นประโยค เชน่ คนท่ี ๑ คนที่ ๒ คนท่ี ๓ คนที่ ๔ คนท่ี ๕ แม่ ปรุง อาหาร อรอ่ ย มาก 5. กลุ่มทเ่ี ขียนได้รวดเร็ว สอื่ ความถูกต้อง เรียงประโยคได้สละสลวย เป็นผชู้ นะ การวัดประเมนิ ผล พจิ ารณาจากความสามคั คี การเขยี นคาถูกต้อง สื่อความได้ เรยี งประโยคถกู ตอ้ ง สละสลวย

เกณฑ์การประเมนิ สาหรับประเมินผลงานของผเู้ รียน ( Rubric Assessment) ระดบั คะแนน เกณฑ์การประเมนิ ๕ - ๔ = ดีมาก ๓ - ๒ = พอใช้ ๑ - ๐ = ปรับปรงุ ๑. สนใจร่วม กิจกรรม กระตือรอื รน้ สนใจร่วม กระตือรือรน้ สนใจร่วม รว่ มกจิ กรรมเม่ือ ๒. มีความสนใจใน เรือ่ งที่เรยี น กิจกรรม พร้อมท้ังชักชวน กจิ กรรม ไดร้ บั คาสั่งหรือถูก ๓. กลา้ แสดงออก ให้ผ้อู ่นื ปฏิบัติตามได้ บังคับ ๔. ตอบคาถามและ มีความกระตือรือรน้ ปฏิบัติ สนใจศึกษาค้นควา้ หา ปฏิบัตติ นในเรื่องท่ี แสดงเหตุผล ในเรื่องที่เรยี น สนใจศึกษา ข้อมูลดว้ ยตนเองและ เรียน ศึกษาค้นควา้ ๕. มคี วามสามัคคี ค้นควา้ หาข้อมูลนาไป นาไปปฏิบตั ิ เมอ่ื ได้รบั คาสงั่ ปฏิบัตพิ รอ้ มท้งั ชกั ชวนให้ ผู้อื่นปฏิบตั ิตาม มีความกระตือรอื รน้ กล้า มคี วามกระตือรอื รน้ รว่ มกจิ กรรมเมื่อ แสดงออกในการรว่ ม กล้าแสดงออกในการรว่ ม ไดร้ บั คาสงั่ หรือถูก กจิ กรรม พร้อมทั้งชักชวน กิจกรรม บังคบั ให้ผู้อน่ื ปฏิบัติตามได้ ตอบคาถามและแสดงเหตุ ตอบคาถามและแสดงเหตุ ตอบคาถามได้ ผลได้ต่อเนื่องครบถว้ น ผลไดต้ ่อเน่ืองครบถ้วน ต่อเนื่องครบถ้วน สัมพนั ธก์ ับหัวข้อทีก่ าหนด สัมพนั ธก์ บั หวั ข้อที่ สัมพนั ธ์กบั หัวข้อที่ และตอบคาถามไดถ้ ูกต้อง กาหนด กาหนดแต่ยงั ไม่ สามารถแสดงเหตผุ ล ประกอบได้ กระตือรอื ร้นศึกษา คน้ ควา้ ศึกษา คน้ คว้าทางาน ศึกษา คน้ ควา้ ทางานดว้ ยความชืน่ ชอบ ตามที่ผอู้ ่ืนบอกหรือทา ทางานเม่ือไดร้ บั สนกุ สนาน และสามารถ ตามคาชกั ชวนของเพอื่ น คาสั่งหรอื ถูกบงั คับ ชกั ชวนใหผ้ ู้อื่นปฏิบตั ติ าม

แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการอ่าน เกณฑ์การให้คะแนน ๕ = ดมี าก ๔ = ดี ๓ = ปานกลาง ๒ = พอใช้ ๑ – ๐ ปรับปรุง เกณฑก์ ารผา่ น ได้คะแนนไม่น้อยกว่ารอ้ ยละ ๕๐ (ไม่น้อยกวา่ ๓ คะแนน) ข้อ รายการประเมิน คะแนน สรปุ หมายเหตุ ทไ่ี ด้ ผา่ น ไมผ่ ่าน ๑ อา่ นไดช้ ดั เจนถูกต้องตามอักขรวธิ ี ๒ คลอ่ งแคลว่ ไมต่ ะกุกตะกัก ๓ แบง่ วรรคตอนถูกต้อง ๔ ใช้นา้ เสียงเหมาะสม มจี งั หวะ มีการเน้น เสยี งหนกั เบา ไม่อา่ นยานคาง ๕ ใช้นา้ เสียงในการอ่านเหมือนเสียงพูดของตัว ละคร รวมคะแนน ขอ้ เสนอแนะเพิม่ เตมิ ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชื่อ ................................................................................ ผปู้ ระเมิน (นางสาวจริ าพร กลุ ให้)

แบบสงั เกตพฤติกรรมการเขียน เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ๕ = ดีมาก ๔ = ดี ๓ = ปานกลาง ๒ = พอใช้ ๑ – ๐ ปรบั ปรงุ เกณฑก์ ารผ่าน ได้คะแนนไม่นอ้ ยกว่าร้อยละ ๕๐ (ไม่น้อยกวา่ ๓ คะแนน) ขอ้ รายการประเมิน คะแนน สรุป หมายเหตุ ๑ มคี วามต้ังใจในการเขยี น ท่ไี ด้ ผา่ น ไม่ผ่าน ๒ เขียนได้ถูกต้อง ๓ เขยี นไดส้ วยงาม สะอาด ๔ เวน้ วรรคตอนถูกต้อง ๕ สะกดคาถูกต้อง รวมคะแนน ข้อเสนอแนะเพิ่มเตมิ ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชอื่ ................................................................................ ผู้ประเมนิ (นางสาวจริ าพร กลุ ให้)

แผนการจดั การเรียนรู้ที่ ๔ ช้ันประถมศึกษาปที ่ี ๖ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย ๑ ปกี ารศกึ ษา หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ ๔ เรื่อง กทลตี านี เวลา ๑ ชัว่ โมง เรอื่ ง การเลือกใช้คาให้ถูกต้องตามความหมาย แผนผังความคดิ ประจาหน่วยการเรียนรทู้ ี่ ๔ การอา่ นในใจบทเรียน กทลตี านี การเขยี นแผนภาพโครงเรือ่ ง คาใหม่ คายากในบทเรียน คาและชนดิ ของคา การเลือกใช้คาใหถ้ ูกตอ้ งตาม ความหมาย การยอ่ ความ การวิเคราะห์เรื่อง การอา่ นออกเสียงบทเรียน ภาษาพูดภาษาเขยี น การตคี วาม สรุปความ การหาขอ้ คิด จากเรื่องที่อ่าน การอา่ นเสริมบทเรยี น มาตรฐานการเรยี นรู้ สาระที่ ๔ หลักการใชภ้ าษาไทย มาตรฐาน ท ๔.๑ เขา้ ใจธรรมชาตขิ องภาษาและหลกั ภาษาไทย การเปล่ยี นแปลงของภาษา และพลงั ของภาษา ภมู ปิ ัญญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไว้เป็นสมบตั ิของชาติ เป้าหมายการเรยี นรู้ประจาหนว่ ย เม่อื เรยี นจบหนว่ ยน้ี ผู้เรยี นจะมีความรู้ความสามารถต่อไปน้ี ๑. เลอื กใช้คา กลุ่มคา สานวนภาษาได้ถูกต้องตามความหมาย ๒. อ่านคาใหม่ คายากในบทเรียน และการหาความหมายของคาได้ คุณภาพทีพ่ ึงประสงค์ของผู้เรียน ๑. มคี วามรอบคอบในการทางาน ๒. เป็นผูน้ าและผตู้ ามทดี่ ี ๓. มคี วามภาคภมู ใิ จในภาษาไทย ๔. มีความสนใจใฝ่เรียนรู้ ๕. ประหยัดและอยู่อย่างพอเพียง ขอบขา่ ยสาระการเรยี นรู้แกนกลางรายวิชา ภาษาไทย ตัวชวี้ ัด มาตรฐาน ท ๔.๑ (๒) ใช้คาได้เหมาะสมกับกาลเทศะและบุคคล

สาระพนื้ ฐาน ๑. การใชค้ า กลุ่มคา สานวนภาษาให้ถกู ตอ้ งตามความหมาย ๒. การอา่ นคาใหม่ คายากในบทเรยี น และการหาความหมายของคา ความรฟู้ งั แน่นตดิ ตวั ผูเ้ รียน ๑. การเลือกใชค้ า กลุม่ คา สานวนภาษาใหถ้ กู ต้องตามความหมาย ทาใหก้ ารสอื่ สาร มี ประสทิ ธภิ าพ ๒. ความสามารถในการอ่านคาใหม่ คายากในบทเรียน และการหาความหมายของคา ทาใหเ้ กิดความรู้และเปน็ พ้ืนฐานในการนาไปใชใ้ นชวี ิตประจาวันได้ พฤตกิ รรมความพอเพียง ๑. ความพอเพยี งด้านตนเอง มีความสนใจ ใฝ่รใู้ ฝเ่ รียน ๒. มีความพอเพยี งด้านสงั คม ดาเนินชีวติ ตามกฎเกณฑ์ของสังคม อยู่ร่วมกบั ผอู้ ื่นไดอ้ ยา่ งมี ความสุข ๓. ความพอเพียงดา้ นทรัพยากร ใช้ทรพั ยากรที่อยูอ่ ยา่ งคุ้มคา่ ตามปรชั ญาหลักเศรษฐกิจ พอเพียง ๔. ความพอเพยี งดา้ นภมู ิปัญญา สามารถนาความรู้ทไ่ี ด้จากเรือ่ ง การอยู่ร่วมกนั และ ทางานรว่ มกบั ผู้อน่ื ประยุกต์ใชใ้ นชวี ิตประจาวัน กระบวนการเรยี นรู้ ๑. นักเรียนแบง่ กลมุ่ ตามความสมัครใจ ๒. แจกใบความรูใ้ ห้นกั เรียนแต่ละได้กล่มุ ศึกษา จนเข้าใจ ๓. นาบัตรคาใหมแ่ ละคายากในบทเรยี น ติดทกี่ ระเป๋าผนงั และให้นักเรียนทกุ คนฝึกอ่าน รว่ มกันอภิปรายความหมายบันทึกลงสมดุ ๔. หลงั จากท่ีนักเรยี นทกุ กล่มุ ศกึ ษาใบความรู้ แล้วใหร้ ่วมกันสนทนาแลกเปลยี่ นเรยี นรู้ เพอ่ื ทาความเข้าใจรว่ มกนั ๕. นกั เรียนทุกกลมุ่ หาคาศัพท์จากหน่วยท่ี ๔ แล้วช่วยกันแต่งประโยคใหม่ โดยไม่ให้ซ้า กับตวั อยา่ งในหนงั สือเรียน กลมุ่ ละ ๕ คา แล้วบนั ทึกลงสมดุ แลว้ สง่ ตัวแทนกล่มุ นาเสนอผลงาน หนา้ ช้นั เรียน ๖. ครูและนักเรียนร่วมกันตรวจผลงานของแตล่ ะกลุ่ม พรอ้ มท้ังอภิปรายสรปุ การเลือกใชค้ า ใหถ้ ูกต้องตามความหมาย ปรบมอื และกลา่ วให้คาชมเชยกล่มุ ทแี่ ต่งประโยค ไดถ้ ูกตอ้ ง ๗. มอบหมายใหน้ กั เรยี นทากิจกรรมนอกเวลา โดยการรวบรวมคาใหม่และสานวนภาษา หา ความหมายจากพจนานุกรม และแตง่ ประโยคแล้วนาผลงานส่งให้ครูตรวจ ๘. นักเรยี นแข่งขันกันเขยี นคา กลมุ่ คา สานวนภาษา บนกระดานดากลมุ่ ใดเขียนไดม้ าก เขียนถูกต้อง เป็นฝา่ ยชนะ ๙. ครูและนกั เรียนช่วยกันสรปุ บทเรยี น จากการแข่งขันกันเขียนคา และกลมุ่ คา บนกระดานดา โดยใหน้ ักเรยี นตอบคาถาม ดงั นี้ - นักเรยี นรู้ไหมว่าคาเหล่านีเ้ ป็นคาชนิดใด - คาเหลา่ น้ที าหนา้ ที่ในประโยคอะไรไดบ้ ้าง - คาเหลา่ นสี้ ามารถนาไปใชแ้ ต่งประโยคได้อย่างไรบา้ ง - นักเรยี นคดิ ว่าจะนาคาเหล่านี้ไปใช้เป็นประโยชนท์ างภาษาไดอ้ ย่างไรหรือไม่ ๑๐. นกั เรยี นทาใบงาน

๑๑. มอบหมายให้นกั เรยี นทาแบบฝึกภาษาไทยเปน็ การบ้าน สื่อการเรียนการสอน ๑. ประเภทสอ่ื - หนงั สือแบบเรยี นภาษาไทย ชดุ ภาษาพาที ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี ๖ - เกม “การเลอื กใชค้ าแตง่ ประโยค” - บตั รคายากในบทเรียน ๒. วสั ดุ / อุปกรณ์ - บตั รคาใหม,่ - ใบความรู้, ใบงานกลุ่ม ๓. แหล่งการเรียนรู้ - ครู ผปู้ กครอง - หอ้ งสมุด การวดั ประเมนิ ผล ๑. วธิ ีการวัดและประเมนิ ผล ๑. สงั เกตพฤติกรรมการเรียนของนักเรยี น ๒. ประเมนิ การอ่าน ๓. ประเมนิ การเขียน ๒. เคร่ืองมือการวดั และประเมินผล ๑. แบบบนั ทึกพฤติกรรมการเรียน ๒. แบบสงั เกตพฤติกรรมการอ่าน ๓. แบบสงั เกตพฤติกรรมการเขยี น ๓. เกณฑ์การประเมนิ ๑ การประเมินพฤติกรรมการเรียน ๕ - ๔ หมายถงึ ระดับ ดีมาก ๓ – ๒ หมายถึง ระดบั พอใช้ ๑ - ๐ หมายถงึ ระดับ ปรับปรุง ๒. สังเกตพฤตกิ รรมการอ่าน ๕ หมายถงึ ระดบั ดีมาก ๔ หมายถึง ระดบั ดี ๓ หมายถงึ ระดับ ปานกลาง ๒ หมายถึง ระดบั พอใช้ ๑ – ๐ หมายถงึ ระดับ ปรับปรุง ๓. สงั เกตพฤตกิ รรมการเขียน ๕ หมายถงึ ระดับ ดมี าก ๔ หมายถึง ระดบั ดี ๓ หมายถงึ ระดับ ปานกลาง ๒ หมายถึง ระดบั พอใช้ ๑ – ๐ หมายถึง ระดับ ปรบั ปรงุ

ขนบธรรมเนยี ม ใบความรู้ ขวัญ เจียน เรือ่ ง คาใหม่ คายากและความหมาย เครอ่ื งสงั เวย เชิงตะกอน แบบอย่างทน่ี ิยมกัน เทศกาล มิง่ มงคล,ความดี (เทด-สะ-กาน) ตัดให้เรียบหรือให้ได้รปู ตามท่ีตอ้ งการ บายศรี เครื่องบวงสรวง ฐานที่ทาขนึ้ สาหรบั เผาศพ ประเพณี เวลาที่กาหนดไวเ้ ป็นงานประเพณี เพ่ือทาบญุ และการรื่นเรงิ ในทอ้ งถนิ่ พธิ รี ีตอง เคร่ืองเชิญขวัญหรอื รับขวัญ ประดิษฐด์ ้วยใบตอง บาย หมายถงึ ขา้ ว มลภาวะ ศรี หมายถงึ สริ มิ งคล วถิ ชี วี ิต ส่งิ ที่นิยมถือประพฤติปฏบิ ัตสิ ืบๆ กันมาจนเปน็ แบบแผน ขนบธรรมเนยี ม สัมพันธ์ หรือจารีตประเพณีงานพธิ ีตามแบบตามธรรมเนยี ม งานพธิ ีตามแบบตามธรรมเนียม ความสกปรกท่เี กดิ จากส่ิงแวดล้อม ทางดาเนนิ ชีวติ ความผูกพัน

ใบงาน โรงเรียน.........................................................................ภาคเรยี นท่ี …..… ปกี ารศกึ ษา ……….. ชือ่ .......................................................................ช้นั ประถมศึกษาปีท่ี ๖ เลขที่.............. วันที่………….เดอื น…………………………พ.ศ. ………. คาชแี้ จง นักเรียนเรียงลาดับคาตามพจนานุกรมแลว้ หาความหมายของคาใหม่ในบทเรียน ให้ถกู ตอ้ ง คุณคา่ หลากหลาย บรโิ ภค ชีวิตประจาวนั วฒั นธรรม ประเพณี มรดก ภูมิปัญญา ภูมใิ จ เชิงตะกอน หัตถกรรม รัฐบาล บายศรี เครื่องสังเวย พิธีการ โบราณกาล เตีย่ ว ชาญฉลาด องคุลี เศรษฐกิจศลิ ป์ จนิ ตนาการ …………………………...………ส…ุน…ท…รีย…ภ…า…พ…………………………ส…จู …ิบ…ัต…ร…………………อร…ร…ถ…ร…ส…อ…ัศ…จ…รร…ย…์ …………...…………… …………………………...……………………………………………………………………………………………………………………...…………… …………………………...……………………………………………………………………………………………………………………...…………… …………………………...……………………………………………………………………………………………………………………...…………… …………………………...……………………………………………………………………………………………………………………...…………… …………………………...……………………………………………………………………………………………………………………...…………… …………………………...……………………………………………………………………………………………………………………...…………… …………………………...……………………………………………………………………………………………………………………...…………… …………………………...……………………………………………………………………………………………………………………...…………… …………………………...……………………………………………………………………………………………………………………...…………… …………………………...……………………………………………………………………………………………………………………...…………… …………………………...……………………………………………………………………………………………………………………...…………… …………………………...……………………………………………………………………………………………………………………...…………… …………………………...……………………………………………………………………………………………………………………...…………… …………………………...……………………………………………………………………………………………………………………...…………… …………………………...……………………………………………………………………………………………………………………...…………… …………………………...……………………………………………………………………………………………………………………...…………… …………………………...……………………………………………………………………………………………………………………...…………… …………………………...……………………………………………………………………………………………………………………...…………… …………………………...……………………………………………………………………………………………………………………...…………… …………………………...……………………………………………………………………………………………………………………...…………… …………………………...……………………………………………………………………………………………………………………...…………… …………………………...……………………………………………………………………………………………………………………...…………… …………………………...……………………………………………………………………………………………………………………...…………… …………………………...……………………………………………………………………………………………………………………...……………

ใบงาน (งานกลุ่ม) เรื่อง เขียนประโยคจากคา กลุ่มท่ี….. ๑.ชอ่ื …………………………………………..…..….เลขท…ี่ …….. ๒.ช่ือ…………………………………………..…..….เลขท…่ี …….. ๓.ชอ่ื …………………………………………..…..….เลขท…่ี …….. ๔.ชือ่ …………………………………………..…..….เลขท…ี่ …….. ๕.ชอ่ื …………………………………………..…..….เลขท…่ี …….. คาชแี้ จง ใหน้ ักเรยี นแต่ละกลมุ่ หาความหมายจากคาที่กาหนดให้ คละเคล้า …………………………………………………………………………… ขนบธรรมเนยี ม …………………………………………………………………………… ขวญั …………………………………………………………………………… เจียน …………………………………………………………………………… เครื่องสังเวย …………………………………………………………………………… เชิงตะกอน …………………………………………………………………………… เทศกาล …………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………… บายศรี …………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………… ประเพณี …………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………… พิธีรีตอง …………………………………………………………………………… มลภาวะ …………………………………………………………………………… วถิ ชี ีวิต …………………………………………………………………………… สัมพันธ์ …………………………………………………………………………… ภมู ปิ ัญญาไทย …………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………… โบราณกาล …………………………………………………………………………… กรบริโภค ……………………………………………………………………………

เกณฑก์ ารประเมินสาหรับประเมนิ ผลงานของผู้เรียน ( Rubric Assessment) ระดับคะแนน เกณฑก์ ารประเมนิ ๕ - ๔ = ดมี าก ๓ - ๒ = พอใช้ ๑ - ๐ = ปรบั ปรุง ๑. สนใจร่วม กจิ กรรม กระตือรอื รน้ สนใจรว่ ม กระตือรอื ร้นสนใจรว่ ม ร่วมกจิ กรรมเม่ือ ๒. มคี วามสนใจใน เร่อื งทเ่ี รยี น กิจกรรม พร้อมทั้งชักชวน กิจกรรม ได้รับคาสงั่ หรือถูก ๓. กลา้ แสดงออก ใหผ้ อู้ น่ื ปฏบิ ัตติ ามได้ บังคบั ๔. ตอบคาถามและ มคี วามกระตือรือรน้ ปฏิบตั ิ สนใจศกึ ษาค้นควา้ หา ปฏิบตั ิตนในเรือ่ งที่ แสดงเหตผุ ล ในเร่อื งที่เรียน สนใจศึกษา ขอ้ มลู ดว้ ยตนเองและ เรียน ศกึ ษาคน้ ควา้ ๕. มคี วามสามคั คี ค้นคว้าหาข้อมลู นาไป นาไปปฏิบตั ิ เม่ือได้รับคาสง่ั ปฏบิ ัตพิ ร้อมทั้งชกั ชวนให้ ผอู้ ืน่ ปฏิบัตติ าม มีความกระตือรือรน้ กล้า มคี วามกระตือรอื รน้ รว่ มกิจกรรมเมื่อ แสดงออกในการร่วม กลา้ แสดงออกในการรว่ ม ไดร้ บั คาสั่งหรือถูก กจิ กรรม พร้อมท้ังชักชวน กิจกรรม บังคับ ใหผ้ ู้อน่ื ปฏิบตั ติ ามได้ ตอบคาถามและแสดงเหตุ ตอบคาถามและแสดงเหตุ ตอบคาถามได้ ผลไดต้ ่อเนื่องครบถว้ น ผลไดต้ อ่ เน่ืองครบถว้ น ต่อเน่ืองครบถ้วน สัมพนั ธ์กบั หัวข้อที่กาหนด สมั พนั ธก์ บั หัวข้อท่ี สัมพนั ธก์ บั หวั ข้อที่ และตอบคาถามได้ถูกตอ้ ง กาหนด กาหนดแต่ยงั ไม่ สามารถแสดงเหตผุ ล ประกอบได้ กระตือรือรน้ ศกึ ษา คน้ ควา้ ศกึ ษา ค้นควา้ ทางาน ศึกษา คน้ ควา้ ทางานด้วยความช่ืนชอบ ตามทผ่ี อู้ ่ืนบอกหรือทา ทางานเมื่อได้รบั สนกุ สนาน และสามารถ ตามคาชกั ชวนของเพอื่ น คาสั่งหรือถูกบงั คับ ชกั ชวนใหผ้ ู้อืน่ ปฏิบตั ิตาม

แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการอา่ น เกณฑ์การให้คะแนน ๕ = ดมี าก ๔ = ดี ๓ = ปานกลาง ๒ = พอใช้ ๑ – ๐ ปรบั ปรุง เกณฑก์ ารผา่ น ได้คะแนนไม่น้อยกว่ารอ้ ยละ ๕๐ (ไม่น้อยกว่า ๓ คะแนน) ข้อ รายการประเมิน คะแนน สรุป หมายเหตุ ทไ่ี ด้ ผา่ น ไม่ผา่ น ๑ อา่ นไดช้ ดั เจนถูกต้องตามอักขรวิธี ๒ คลอ่ งแคลว่ ไมต่ ะกุกตะกัก ๓ แบง่ วรรคตอนถูกต้อง ๔ ใช้นา้ เสียงเหมาะสม มจี งั หวะ มีการเนน้ เสียงหนกั เบา ไม่อา่ นยานคาง ๕ ใช้นา้ เสียงในการอ่านเหมือนเสยี งพูดของตวั ละคร รวมคะแนน ขอ้ เสนอแนะเพิม่ เตมิ ……………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………….. ลงชื่อ ................................................................................ ผปู้ ระเมิน (นางสาวจิราพร กุลให้)

แบบสงั เกตพฤติกรรมการเขียน เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ๕ = ดีมาก ๔ = ดี ๓ = ปานกลาง ๒ = พอใช้ ๑ – ๐ ปรับปรงุ เกณฑก์ ารผา่ น ไดค้ ะแนนไม่น้อยกว่ารอ้ ยละ ๕๐ (ไม่น้อยกวา่ ๓ คะแนน) ขอ้ รายการประเมิน คะแนน สรุป หมายเหตุ ๑ มคี วามตั้งใจในการเขียน ทไ่ี ด้ ผ่าน ไมผ่ า่ น ๒ เขยี นได้ถกู ต้อง ๓ เขยี นไดส้ วยงาม สะอาด ๔ เว้นวรรคตอนถูกต้อง ๕ สะกดคาถูกตอ้ ง รวมคะแนน ขอ้ เสนอแนะเพิ่มเติม ……………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………….. ลงช่อื ................................................................................ ผปู้ ระเมิน (นางสาวจิราพร กุลให)้

แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี ๕ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ ๖ กลมุ่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย ๑ ปีการศึกษา หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ ๔ เรื่อง กทลตี านี เวลา ๑ ชัว่ โมง เร่ือง คาและชนิดของคา แผนผงั ความคิดประจาหน่วยการเรียนร้ทู ี่ ๔ การอ่านในใจบทเรยี น กทลีตานี การเขียนแผนภาพโครงเรอ่ื ง คาใหม่ คายากในบทเรียน คาและชนดิ ของคา การเลอื กใช้คาใหถ้ กู ต้องตาม ความหมาย การย่อความ การวเิ คราะห์เรื่อง การอ่านออกเสยี งบทเรียน ภาษาพดู ภาษาเขยี น การตีความ สรปุ ความ การหาขอ้ คิด จากเรือ่ งทีอ่ า่ น การอ่านเสรมิ บทเรยี น มาตรฐานการเรยี นรู้ สาระที่ ๑ : การอา่ น มาตรฐาน ท ๑.๑ ใชก้ ระบวนการอา่ นสร้างความรสู้ กึ และความคิดเพื่อนาไปใช้ตัดสินใจ แก้ปญั หาในการดาเนินชวี ิตและมนี ิสัยรกั การอ่าน สาระท่ี ๒ : การเขียน มาตรฐาน ท ๒.๑ ใช้กระบวนการเขยี นเขียนส่อื สาร เขยี นเรียงความ ย่อความ และเขียนเร่อื งราว ในรูปแบบต่างๆ เขยี นรายงานขอ้ มลู สารสนเทศและรายงานการศึกษาคน้ ควา้ อย่างมีประสิทธิภาพ สาระท่ี ๔ หลักการใชภ้ าษาไทย มาตรฐาน ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาตขิ องภาษาและหลกั ภาษาไทย การเปลีย่ นแปลงของภาษา และพลังของภาษา ภูมปิ ัญญาทางภาษา และรกั ษาภาษาไทยไว้เปน็ สมบัตขิ องชาติ เป้าหมายการเรียนรู้ประจาหนว่ ย เมอื่ เรยี นจบหน่วยน้ี ผู้เรียนจะมคี วามรู้ความสามารถต่อไปน้ี ๑. นักเรียนบอกความหมายของคาแต่ละชนิดได้ ๒. นกั เรยี นบอกลกั ษณะของคาแต่ละชนิดได้ ๓. วิเคราะห์ชนิดและหน้าท่ีของคาในประโยค คณุ ภาพท่ีพึงประสงค์ของผเู้ รียน ๑. มีความรอบคอบในการทางาน ๒. เปน็ ผนู้ าและผตู้ ามที่ดี ๓. มคี วามภาคภูมิใจในภาษาไทย

๔. มคี วามสนใจใฝ่เรียนรู้ ๕. ประหยัดและอยู่อยา่ งพอเพยี ง ขอบขา่ ยสาระการเรียนรแู้ กนกลางรายวิชา ภาษาไทย ตวั ช้ีวดั มาตรฐาน ท ๑.๑ (๒) อธบิ ายความหมายของคา ประโยคและข้อความทีเ่ ป็นโวหาร มาตรฐาน ท ๒.๑ (๑) คัดลายมือตวั บรรจงเต็มบรรทัด และครึ่งบรรทัด (๒) เขียนสื่อสารโดยใช้คาไดถ้ ูกตอ้ งชัดเจน และเหมาะสม มาตรฐาน ท ๔.๑ (๑) วเิ คราะหช์ นดิ และหนา้ ที่ของคาในประโยค (๔) ระบุลักษณะของประโยค สาระพนื้ ฐาน การใช้คานาม คาสรรพนาม และคากริยา ใหถ้ ูกต้องตามชนิดและหนา้ ท่ี ความรูฟ้ ังแนน่ ตดิ ตวั ผเู้ รยี น การเรียนรูเ้ รอ่ื งหลักเกณฑท์ างภาษา เร่ือง คา และชนิดของคา การรู้จกั ใช้คาใหถ้ ูกต้อง ตามชนดิ และหนา้ ที่ จะช่วยใหใ้ ช้ภาษาในการส่ือสารได้อย่างมปี ระสิทธิภาพ พฤติกรรมความพอเพียง ๑. ความพอเพยี งด้านตนเอง มีความสนใจ ใฝ่รูใ้ ฝเ่ รยี น ๒. มคี วามพอเพียงด้านสงั คม ดาเนนิ ชีวิตตามกฎเกณฑ์ของสังคม อยรู่ ่วมกบั ผู้อ่นื ได้อย่างมี ความสุข ๓. ความพอเพียงดา้ นทรัพยากร ใชท้ รัพยากรที่อยู่อยา่ งค้มุ ค่า ตามปรัชญาหลักเศรษฐกิจ พอเพียง ๔. ความพอเพยี งด้านภูมปิ ัญญา สามารถนาความรทู้ ่ไี ด้จากเรอ่ื ง การอยูร่ ่วมกนั และ ทางานร่วมกับผู้อื่นประยุกต์ใชใ้ นชีวติ ประจาวัน กระบวนการเรียนรู้ ๑. ครแู ละนักเรยี นสนทนาทบทวนเก่ียวกับเรอื่ ง คานาม คาสรรพนาม และคากรยิ า ๒. นกั เรยี นแบ่งกลมุ่ ตามความเหมาะสม ๓ กล่มุ ๓. ครูแจกใบความรู้ เรื่อง คานาม คาสรรพนาม และคากริยา ใหน้ ักเรยี นแต่ละกลมุ่ ได้ กลมุ่ ศกึ ษา จนเขา้ ใจ ๔. นักเรียนนาแผนภูมคิ าคานาม คาสรรพนาม และคากรยิ า และให้นกั เรยี นทุกคนฝึกอ่าน สงั เกต แลว้ ร่วมกนั อภิปรายความหมาย แล้วบันทึกลงสมดุ ๕. หลังจากท่นี ักเรียนทกุ กลุ่มศึกษาใบความรู้ แล้วให้รว่ มกันสนทนาแลกเปลย่ี นเรียนรู้ เพอ่ื ทาความเข้าใจร่วมกนั ๖. นักเรียนช่วยกนั แต่งประโยคจากคานาม คาสรรพนาม และคากริยา โดยไมใ่ ห้ซ้ากนั กลมุ่ ละ ๖ ประโยค แล้วบนั ทกึ ลงสมดุ แลว้ ส่งตัวแทนกลุ่มนาเสนอผลงานหน้าช้ันเรยี น ๗. ครแู ละนกั เรียนร่วมกันตรวจผลงานของแตล่ ะกล่มุ พร้อมทง้ั อภปิ รายสรปุ การเลือกใช้ คานาม คาสรรพนาม และคากริยา ใหถ้ ูกตอ้ งตามชนดิ และหน้าที่ นักเรียนปรบมือและกล่าวใหค้ า ชมเชยกลุ่ม ที่แตง่ ประโยค ได้ถูกต้องสมบูรณ์

๘. มอบหมายใหน้ กั เรยี นทากิจกรรมนอกเวลา โดยการรวบรวมคานาม คาสรรพนาม และ คากรยิ า หาความหมายจากพจนานกุ รม และแต่งประโยคแลว้ นาผลงานส่งใหค้ รตู รวจ ๙. นักเรียนแขง่ ขันกนั เขยี นคานาม คาสรรพนาม และคากริยา บนกระดานดา กลมุ่ ใด เขยี นได้มากเขียนถกู ตอ้ ง เป็นฝ่ายชนะ ๑๐. ครูและนักเรยี นชว่ ยกนั สรปุ บทเรียนจากการแขง่ ขันกันเขียนคานาม คาสรรพนาม และคากริยาบนกระดานดา โดยใหน้ กั เรียนตอบคาถาม ดังน้ี • นกั เรยี นรไู้ หมวา่ คาเหล่านเี้ ป็นคาชนดิ ใด • คาเหลา่ น้ีทาหนา้ ท่ีในประโยคอะไรได้บ้าง • คาเหล่านส้ี ามารถนาไปใชแ้ ต่งประโยคได้อย่างไรบา้ ง • นกั เรียนคิดว่าจะนาคาเหล่าน้ีไปใช้เป็นประโยชน์ทางภาษาไดอ้ ย่างไรหรอื ไม่ ๑๑. นกั เรียนทาใบงาน ๑๒. มอบหมายให้นักเรยี นทาแบบฝกึ ทกั ษะภาษา ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ ๖ เปน็ การบ้าน สื่อการเรยี นการสอน ๑. ประเภทสอื่ - หนังสือแบบเรยี นภาษาไทย ชดุ ภาษาพาที ช้ันประถมศึกษาปที ี่ ๖ - แบบฝกึ ทกั ษะภาษา ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ ๖ - แผนภูมิคา ๒. วสั ดุ / อุปกรณ์ - บตั รคาใหม,่ - ใบความรู้, ใบงาน ๓. แหลง่ การเรยี นรู้ - ครู ผู้ปกครอง - ห้องสมดุ

การวัดประเมินผล ๑. วิธีการวดั และประเมนิ ผล ๑. สังเกตพฤติกรรมการเรียนของนักเรียน ๒. ประเมินการอ่าน ๓. ประเมนิ การเขยี น ๒. เครอ่ื งมอื การวดั และประเมินผล ๑. แบบบันทึกพฤติกรรมการเรียน ๒. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการอา่ น ๓. แบบสงั เกตพฤติกรรมการเขียน ๓. เกณฑก์ ารประเมนิ ๑ การประเมินพฤตกิ รรมการเรียน ๕ - ๔ หมายถึง ระดบั ดมี าก ๓ – ๒ หมายถึง ระดับ พอใช้ ๑ - ๐ หมายถงึ ระดับ ปรับปรงุ ๒. สังเกตพฤติกรรมการอา่ น ๕ หมายถึง ระดับ ดมี าก ๔ หมายถงึ ระดบั ดี ๓ หมายถงึ ระดับ ปานกลาง ๒ หมายถึง ระดบั พอใช้ ๑ – ๐ หมายถึง ระดบั ปรบั ปรุง ๓. สังเกตพฤตกิ รรมการเขียน ๕ หมายถงึ ระดับ ดมี าก ๔ หมายถึง ระดบั ดี ๓ หมายถึง ระดับ ปานกลาง ๒ หมายถึง ระดบั พอใช้ ๑ – ๐ หมายถงึ ระดบั ปรบั ปรุง

ใบความรู้ เรอ่ื ง คำนำม คานาม คาทใี่ ช้เรียกชื่อคน สตั ว์ สิ่งของ สภาพธรรมชาติ สถานท่ีต่างๆ ทง้ั ที่เปน็ ส่งิ มีชวี ติ และไมม่ ี ชีวติ ทง้ั ท่ีเป็นรปู ธรรมและนามธรรม เรยี กว่า คำนำม อ่านพิจารณาประโยคต่อไปนี้ ๑) มนุษย์และลงิ กนิ กล้วยเป็นอาหาร ๒) หลายประเทศในโลกมเี ศรษฐกจิ ดีขนึ้ ๓) มะม่วงเขยี วเสวยมรี สชาติอร่อย ๔) นกกางเขนกาลังบนิ กลับรัง ๕) ไม้สกั ให้ความหมายในด้านการมียศศกั ด์ิ คาที่พิมพ์ตวั หนาในประโยคตัวอยา่ งข้างตน้ เปน็ คานามท่ัวไป เรยี กว่าคานามสามัญ ยงั มี คานามสามัญบางชนิดท่ีพิมพ์ตวั เอน คือ เขยี วเสวย กางเขน สกั เป็นชนิดย่อยของคานามสามญั เรยี กว่า คานามสามัญย่อย ของคานาม มะมว่ ง นก และไม้ ตามลาดบั อา่ นและพจิ ารณาประโยคต่อไปน้ี ๑) นักทอ่ งเท่ียวชอบไปชมวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ๒) ประเทศไทย มสี นิ ค้าออกท่ีสาคญั คือ ขา้ ว ๓) วันอาทิตย์หนา้ เราจะไปเที่ยวทะเลกัน ๔) ติ๊ดตี่กาลังเลน่ กบั เจ้ามอมสุนัขตัวโปรด คาท่ีพิมพ์ตัวหนาในประโยคตัวอยา่ งขา้ งตน้ เป็นคาทต่ี ้งั ขนึ้ เพอื่ เปน็ ช่ือเฉพาะของคน สัตว์สิ่งของ และสถานที่ เรียกวา่ คานามวิสามัญ คานามวสิ ามัญสว่ นใหญ่เมื่อจะใช้มกั มี คานามสามัญ(คาทพี่ ิมพต์ ัวเอน)อยู่ขา้ งหน้าด้วย อา่ นและพิจารณาประโยคต่อไปน้ี ๑) เสือตาย ๓๕ ตัว เพราะตดิ เช้ือไข้หวัดนก ๒) นาฬกิ าข้อมือเรอื นน้ันสวยจริงๆ คาทพ่ี ิมพ์ตัวหนา เปน็ คาท่ีบอกลกั ษณะ รปู หรอื ขนาดของคานามสามัญ(คาที่พิมพ์ตัวเอน) เรียกว่า คาลกั ษณนาม ตวั อยา่ งคาลักษณนามอ่ืนๆ เชน่ คน เลม่ อนั ชน้ิ สาย แทง่ กระบอก ซ่ี ฯลฯ อ่านและพิจารณาประโยคต่อไปน้ี ๑) ฝงู ชนวิง่ กรเู ข้าไปเกบ็ เมล็ดพนั ธ์ุข้าวท่ีลานพิธีแรกนาขวัญ ๒) คณะกรรมการกาลงั ประชมุ พจิ ารณาผลการสอบของนักเรียน

คาทพ่ี ิมพ์ตวั หนาในประโยคตัวอยา่ งข้างตน้ เป็นคาบอกหมวดหมู่ของคานามสามัญ เรียกวา่ สมหุ นาม สมหุ นามอ่ืนๆ เช่น กลมุ่ โขลง หมู่ กอง ชดุ พวก เหล่า ทะลาย ฯลฯ อ่านและพจิ ารณาประโยคต่อไปนี้ ๑) การสลักกาบกลว้ ยเป็นงานฝีมอื ของคนไทย ๒) ความซ่ือสตั ย์เป็นสมบัตขิ องผดู้ ี คาทพ่ี ิมพ์ตัวหนาในประโยคตัวอยา่ งขา้ งต้น เป็นคานามทีแ่ สดงอาการมกั มีคาวา่ การ หรือ ความ นาหน้า เช่น การพูด การเขยี น ความรกั ความเมตตา ฯลฯ เรียกว่า อาการนาม

ใบความรู้ เร่ือง คาสรรพนาม คาสรรพนาม ในการพูดหรอื การเขยี น เมื่อใชค้ านามคาใดคาหน่ึง และจะกล่าวถงึ คานนั้ ๆในโอกาส ตอ่ ไป มักมีคาเรยี กแทนคานามนน้ั คาชนิดนเ้ี รียกว่า คาสรรพนาม อา่ นและพจิ ารณาประโยคต่อไปนี้ ๑) วนั น้คี ุณยายไมส่ อนฉนั เย็บกระทง เพราะท่านไมส่ บาย ๒) คณุ มคี วามเหน็ เหมอื นเขาหรอื ไม่ คาวา่ ฉนั ทา่ น คุณ เขา เปน็ คาสรรพนามใช้แทนผู้พดู ผูฟ้ งั และผทู้ ่ีถูกกลา่ วถึง เรยี กวา่ คาสรรพนามแทนบคุ คล มีคาอืน่ ๆอกี เช่น ดิฉนั ผม อาตมา ข้าพเจา้ ฯลฯ แทนผู้พดู พระองค์ เธอ ทา่ น แก ฯลฯ แทนผฟู้ ัง เขา เธอ มัน ทา่ น ใคร ฯลฯ แทนผทู้ ีถ่ ูกกลา่ วถงึ ๓) นัน่ อา่ นว่าอย่างไร คาว่า นั่น เป็นคาสรรพนามทบี่ อกความหมายเฉพาะเจาะจง เรยี กว่า คาสรรพนามชี้ เฉพาะ มคี าอ่ืนๆอีกคือ นี่ โน่น นู่น ๔) เขาไม่เคยทาความเดือดร้อนให้ใครเลย คาว่า ใคร เป็นสรรพนามท่ีมีความหมายท่ัวๆไป ไม่เฉพาะเจาะจง เรียกวา่ คาสรรพนามไม่ชี้เฉพาะ มีคาอนื่ ๆ อีกคอื อะไร ไหน ผ้หู นงึ่ ผใู้ ด ๕) ใครเป็นคนเยบ็ กระทงห่อหมก คาว่า ใครคาสรรพนามท่ีใช้เป็นคาถาม เรยี กวา่ คาสรรพนาม มีคาอืน่ ๆอีกคือ อะไร ไหน ๖) คนไทยสมัยก่อนต่างกร็ จู้ ักใชป้ ระโยชนจ์ ากต้นกลว้ ย คาว่า ตา่ ง เปน็ คาสรรพนามใช้เพอ่ื แยกคานามออกเป็นส่วนๆเรียกว่า คาสรรพนามแยก ฝา่ ย มคี าอื่นๆอกี คือ บ้าง กัน

ใบความรู้ เรอ่ื ง คากรยิ า คากริยา คากริยา เปน็ คาท่ีบอกอาการ หรือ บอกสถานภาพของคน สัตว์ พืช ส่งิ ของเคร่ืองใช้ ยม้ิ ว่ิง ลม้ กนิ ตี เปน็ คากรยิ าบอกอาการ อว้ น ผอม ฉลาด โง่ เกา่ ใหม่ เป็นคากรยิ าบอกสภาพ อา่ นและพจิ ารณาประโยคต่อไปนี้ ๑) ภูเขาถลม่ เมื่อวานนี้ ๒) นกั กฬี าว่งิ รอบสนาม คาว่า ถลม่ วง่ิ ไม่ต้องมกี รรมตามหลังก็ได้ใจความ คากริยาประเภทน้ี เรยี กว่า คากรยิ าอกรรม ๓) คุณยายเยบ็ กระทง ๔) ชา่ งสลกั กาบกล้วยใหเ้ ป็นลวดลาย คาว่า เย็บ สลัก ต้องมกี รรม (คาที่พิมพ์ตัวเอน) ตามหลงั จึงจะไดใ้ จความสมบรู ณ์ คากริยา ประเภทนี้เรียกวา่ คากริยาสกรรม ๕) เขาเหมือนกัน ๖) ข้าวเป็นอาหารของคนไทย ๗) เชอ่ื กนั ว่าไม้มงคลคือพชื ท่ีนาความเจริญมาใหผ้ ู้ปลูก คาวา่ เหมอื น เปน็ คือ เปน็ คากริยาที่ตองมคี านาม หรือ คาสรรพนามซงึ่ ทาหน้าทีเ่ ป็น ส่วนเตมิ เต็มตามหลงั เสมอ คากรยิ าประเภทนีเ้ รียกว่า คากรยิ าตอ้ งเติมเต็ม

ใบงาน โรงเรยี น.........................................................................ภาคเรียนที่ …..… ปกี ารศกึ ษา …………… ช่ือ.......................................................................ช้นั ประถมศกึ ษาปีที่ ๖ เลขที่.............. วันที่………….เดอื น…………………………พ.ศ. ………. คาชแี้ จง ใหน้ ักเรียนหาคาประสม คาซ้าและคาซอ้ นไปแต่งประโยคลงในตารางข้างลา่ ง คานาม คาสรรพนาม คากรยิ า ตัวอยา่ ง ตวั อยา่ ง ตัวอยา่ ง รถไฟ ฉัน เยบ็ ตามารถไฟ ฉนั สอบไดท้ ห่ี น่ึง คุณยายเย็บกระทง .......................................... .......................................... .......................................... .......................................... ......................................... .......................................... .......................................... .......................................... .......................................... .......................................... .......................................... .......................................... .......................................... .......................................... .......................................... .......................................... .......................................... .......................................... .......................................... .......................................... .......................................... .......................................... .......................................... .......................................... .......................................... .......................................... .......................................... .......................................... .......................................... .......................................... .......................................... .......................................... .......................................... .......................................... .......................................... .......................................... .......................................... .......................................... .......................................... .......................................... .......................................... .......................................... .......................................... .......................................... .......................................... .......................................... .......................................... ..........................................

ใบงาน โรงเรยี น.........................................................................ภาคเรยี นที่ ….… ปีการศกึ ษา ............ ช่ือ.......................................................................ชัน้ ประถมศกึ ษาปีท่ี ๖ เลขท่ี.............. วนั ท่ี………….เดือน…………………………พ.ศ. ………. คาชี้แจง ให้นักเรียนอธบิ ายเก่ียวกับลักษณะของคานาม คาสรรพนาม และคากริยา ลงในช่องว่างข้อละ ๒ ตัวอยา่ ง ๑. ลักษณะนาม …………………………………………………………………………………..………………………………… …………………………………………..………………………………………………………………………… ………..…………………………………………………………………………………..……………………… …………………………………………………………………………………..………………………………… ๒. อาการนาม …………………………………………………………………………………..………………………………… …………………………………………..………………………………………………………………………… ………..…………………………………………………………………………………..……………………… …………………………………………………………………………………..……………………………….. ๓. สรรพนามชเ้ี ฉพาะ…………………………………………………………………………..………………………………… …………………………………………..………………………………………………………………………… ………..…………………………………………………………………………………..……………………… …………………………………………………………………………………..……………………………….. ๔. สรรพนามไมช่ ี้เฉพาะ ……………………………………………………………………..………………………………… …………………………………………..………………………………………………………………………… ………..…………………………………………………………………………………..……………………… …………………………………………………………………………………..………………………………..

เกณฑก์ ารประเมินสาหรับประเมนิ ผลงานของผู้เรียน ( Rubric Assessment) ระดับคะแนน เกณฑก์ ารประเมนิ ๕ - ๔ = ดมี าก ๓ - ๒ = พอใช้ ๑ - ๐ = ปรบั ปรุง ๑. สนใจร่วม กจิ กรรม กระตือรอื รน้ สนใจรว่ ม กระตือรือร้นสนใจรว่ ม ร่วมกิจกรรมเม่ือ ๒. มคี วามสนใจใน เร่อื งทเ่ี รยี น กิจกรรม พร้อมทั้งชกั ชวน กิจกรรม ได้รับคาสง่ั หรือถูก ๓. กลา้ แสดงออก ใหผ้ อู้ น่ื ปฏิบัติตามได้ บังคบั ๔. ตอบคาถามและ มคี วามกระตือรือรน้ ปฏิบตั ิ สนใจศกึ ษาคน้ ควา้ หา ปฏิบัตติ นในเรือ่ งที่ แสดงเหตผุ ล ในเร่อื งทีเ่ รียน สนใจศึกษา ขอ้ มลู ด้วยตนเองและ เรียน ศึกษาคน้ ควา้ ๕. มคี วามสามคั คี ค้นคว้าหาข้อมลู นาไป นาไปปฏิบัติ เม่ือได้รบั คาสง่ั ปฏบิ ัตพิ รอ้ มทงั้ ชกั ชวนให้ ผอู้ ืน่ ปฏิบัตติ าม มีความกระตือรือรน้ กล้า มคี วามกระตือรือรน้ รว่ มกจิ กรรมเมื่อ แสดงออกในการร่วม กลา้ แสดงออกในการรว่ ม ไดร้ ับคาส่ังหรือถูก กจิ กรรม พร้อมท้ังชักชวน กิจกรรม บังคบั ใหผ้ ู้อน่ื ปฏิบตั ติ ามได้ ตอบคาถามและแสดงเหตุ ตอบคาถามและแสดงเหตุ ตอบคาถามได้ ผลไดต้ ่อเนื่องครบถว้ น ผลไดต้ อ่ เน่ืองครบถว้ น ต่อเน่อื งครบถว้ น สัมพนั ธก์ บั หัวข้อที่กาหนด สมั พนั ธก์ บั หวั ข้อท่ี สัมพนั ธ์กบั หัวข้อที่ และตอบคาถามได้ถูกตอ้ ง กาหนด กาหนดแตย่ งั ไม่ สามารถแสดงเหตุผล ประกอบได้ กระตือรือร้นศกึ ษา คน้ ควา้ ศกึ ษา ค้นควา้ ทางาน ศึกษา ค้นคว้า ทางานดว้ ยความช่ืนชอบ ตามที่ผ้อู ่ืนบอกหรือทา ทางานเมื่อได้รับ สนกุ สนาน และสามารถ ตามคาชกั ชวนของเพอื่ น คาสั่งหรือถูกบงั คับ ชกั ชวนใหผ้ ู้อืน่ ปฏิบตั ิตาม

แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการอา่ น เกณฑ์การให้คะแนน ๕ = ดมี าก ๔ = ดี ๓ = ปานกลาง ๒ = พอใช้ ๑ – ๐ ปรบั ปรุง เกณฑก์ ารผา่ น ได้คะแนนไม่นอ้ ยกว่ารอ้ ยละ ๕๐ (ไม่น้อยกวา่ ๓ คะแนน) ข้อ รายการประเมิน คะแนน สรุป หมายเหตุ ทไ่ี ด้ ผา่ น ไม่ผา่ น ๑ อา่ นไดช้ ดั เจนถูกต้องตามอักขรวธิ ี ๒ คลอ่ งแคลว่ ไมต่ ะกุกตะกัก ๓ แบง่ วรรคตอนถูกต้อง ๔ ใช้นา้ เสียงเหมาะสม มจี งั หวะ มีการเน้น เสียงหนกั เบา ไม่อา่ นยานคาง ๕ ใช้นา้ เสียงในการอ่านเหมือนเสยี งพูดของตัว ละคร รวมคะแนน ขอ้ เสนอแนะเพิ่มเตมิ ……………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………….. ลงชื่อ ................................................................................ ผปู้ ระเมิน (นางสาวจริ าพร กุลให้)

แบบสงั เกตพฤติกรรมการเขียน เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ๕ = ดีมาก ๔ = ดี ๓ = ปานกลาง ๒ = พอใช้ ๑ – ๐ ปรบั ปรงุ เกณฑก์ ารผา่ น ไดค้ ะแนนไม่น้อยกว่าร้อยละ ๕๐ (ไม่น้อยกว่า ๓ คะแนน) ขอ้ รายการประเมิน คะแนน สรุป หมายเหตุ ๑ มคี วามตัง้ ใจในการเขียน ท่ีได้ ผา่ น ไมผ่ ่าน ๒ เขียนได้ถกู ต้อง ๓ เขียนไดส้ วยงาม สะอาด ๔ เว้นวรรคตอนถูกต้อง ๕ สะกดคาถูกตอ้ ง รวมคะแนน ขอ้ เสนอแนะเพิ่มเติม ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงช่อื ................................................................................ ผปู้ ระเมนิ (นางสาวจริ าพร กลุ ให้)

แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ ๖ ชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี ๖ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ๑ ปีการศึกษา หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ ๔ เร่ือง กทลีตานี เวลา ๑ ช่วั โมง เร่อื ง ภาษาพดู กับภาษาเขียน แผนผังความคดิ ประจาหน่วยการเรยี นรู้ที่ ๔ การอ่านในใจบทเรียน กทลีตานี การเขียนแผนภาพโครงเรื่อง คาใหม่ คายากในบทเรียน คาและชนิดของคา การเลือกใชค้ าใหถ้ กู ต้องตาม ความหมาย การยอ่ ความ การวเิ คราะหเ์ รอื่ ง การอา่ นออกเสยี งบทเรยี น ภาษาพูดภาษาเขียน การตคี วาม สรุปความ การหาขอ้ คิด จากเรื่องท่อี า่ น การอ่านเสริมบทเรียน มาตรฐานการเรยี นรู้ สาระที่ ๓ การฟัง การดู และการพูด มาตรฐาน ท ๓.๑ สามารถเลือกฟังและดูอย่างมวี ิจารณญาณ และพูดแสดงความรู้ ความคิด และความรู้สกึ ในโอกาสต่างๆ อย่างมีวจิ ารณญาณและสร้างสรรค์ เป้าหมายการเรียนรูป้ ระจาหนว่ ย เมอ่ื เรยี นจบหน่วยน้ี ผูเ้ รยี นจะมีความรู้ความสามารถตอ่ ไปน้ี ๑. บอกลกั ษณะของภาษาท่ีเป็นทางการและไมเ่ ปน็ ทางการได้ ๒. เลือกภาษาทเ่ี ปน็ ทางการและไม่เป็นทางการได้ถูกต้องตามหลกั เกณฑ์ทางภาษา และ ถกู ต้องตามความเหมาะสมกับบคุ คล โอกาส และสถานที่ คณุ ภาพทีพ่ ึงประสงค์ของผู้เรียน ๑. มคี วามรอบคอบในการทางาน ๒. เป็นผู้นาและผตู้ ามท่ีดี ๓. มีความภาคภมู ิใจในภาษาไทย ๔. มีความสนใจใฝเ่ รยี นรู้ ๕. ประหยัดและอยู่อย่างพอเพียง ขอบข่ายสาระการเรียนรู้แกนกลางรายวชิ า ภาษาไทย ตวั ชวี้ ดั มาตรฐาน ท ๓.๑ (๑) พูดแสดงความรู้ ความเข้าใจจดุ ประสงค์ของเรือ่ งทฟ่ี ังและดู

สาระพื้นฐาน การใช้ภาษาทีเ่ ปน็ ทางการและไม่เป็นทางการ ให้ถูกต้องตามหลักเกณฑท์ างภาษา และถูก ต้องตามความเหมาะสมกับบุคคล โอกาส และสถานที่ ความร้ฟู ังแน่นติดตวั ผู้เรียน ภาษาไทยมกี ารใชภ้ าษาท่ีใช้ไม่เป็นทางการ เรยี กวา่ “ภาษาพูด” และภาษาทใ่ี ชเ้ ปน็ ทางการเรยี กวา่ “ภาษาเขยี น” ภาษาพูดจะไม่มีระเบยี บแบบแผน ไมพ่ ิถีพิถนั มากนัก สว่ นภาษา เขียนจะเคร่งครดั ต่อการใชค้ าและคานึงถงึ หลกั เกณฑ์ทางภาษาเป็นสาคัญด้วย ดงั นนั้ จะตอ้ งเรยี นรู้ และนาไปใช้ใหถ้ กู ตอ้ ง จึงจะชว่ ยให้ใช้ภาษาในการสือ่ สารไดอ้ ย่างถูกต้องตามความเหมาะสมกับ บุคคล โอกาส และสถานท่ี พฤตกิ รรมความพอเพียง ๑. ความพอเพยี งด้านตนเอง มีความสนใจ ใฝ่รู้ใฝ่เรยี น ๒. มีความพอเพยี งด้านสงั คม ดาเนนิ ชวี ติ ตามกฎเกณฑ์ของสงั คม อยู่รว่ มกับผอู้ นื่ ไดอ้ ย่างมี ความสุข ๓. ความพอเพยี งดา้ นทรัพยากร ใชท้ รัพยากรที่อยู่อย่างคุ้มคา่ ตามปรัชญาหลักเศรษฐกิจ พอเพียง ๔. ความพอเพียงดา้ นภมู ิปัญญา สามารถนาความรทู้ ่ไี ดจ้ ากเรอ่ื ง การอยรู่ ่วมกัน และ ทางานรว่ มกบั ผู้อ่ืนประยุกตใ์ ช้ในชวี ิตประจาวัน กระบวนการเรียนรู้ ๑.ครูและนักเรียนสนทนาทบทวนบทเรียน เก่ียวกับเร่ือง การใช้ภาษาท่ีเป็นทางการและ ไม่เป็นทางการ โดยใหน้ กั เรยี นยกตัวอย่าง ประกอบ ๒. นักเรียนแบ่งกลุ่มตามความเหมาะสมและสมัครใจ ๔ กลุม่ ๓. ครูแจกใบความรู้ เร่ือง ภาษาพูดและภาษาเขยี น ให้นักเรยี นแต่ละได้กลุ่มศึกษา ๔. ครูนาแผนภมู ิคาท่ีเปน็ คาที่ใชภ้ าษาทเ่ี ปน็ ทางการและไมเ่ ป็นทางการ ตดิ ท่ีกระเปา๋ ผนงั และใหน้ ักเรยี นทุกคนฝึกอา่ น รว่ มกนั อภปิ รายความหมาย แลว้ บันทึกลงสมดุ ๕. หลังจากท่นี ักเรยี นทุกกลมุ่ ศึกษาใบความรู้ แล้วใหร้ ว่ มกันสนทนาแลกเปลีย่ นเรียนรู้ เพอ่ื ทาความเข้าใจร่วมกนั ๖. นักเรยี นชว่ ยกนั เขยี นภาษาพูดและภาษาเขยี น โดยไม่ใหซ้ า้ กนั กลุ่มละ ๖ ประโยค แล้วบนั ทึกลงสมดุ แลว้ ส่งตวั แทนกลุม่ นาเสนอผลงานหน้าช้ันเรียน ๗. ครูและนักเรยี นร่วมกันตรวจผลงานของแต่ละกลมุ่ พรอ้ มทง้ั อภิปรายสรุป การเลือกใช้คา ทเี่ ป็นภาษาพูดและภาษาเขียน ให้ถูกต้องตามความเหมาะสมกับบุคคล โอกาส และสถานที่ เพื่อน นกั เรยี นปรบมอื และกลา่ วให้คาชมเชยกลมุ่ ทแ่ี ต่งประโยค ได้ถกู ต้อง ๘. มอบหมายให้นักเรยี นทากิจกรรมนอกเวลา โดยการรวบรวมคาท่เี ป็นภาษาพดู และภาษา เขียน แลว้ นาผลงานส่งให้ครูตรวจ ๙. นักเรยี นแขง่ ขนั กนั เขยี นคาท่ีใช้ภาษาทีเ่ ป็นทางการบนกระดานดา กลุม่ ใดเขยี นไดม้ าก เขียนถูกต้อง เป็นฝา่ ยชนะ ๑๐. ครูและนกั เรียนช่วยกันสรปุ บทเรียน จากการแขง่ ขนั กนั เขียนคาบนกระดานดา โดย ใหน้ กั เรียนตอบคาถาม ๑๑. นักเรยี นทาใบงาน

๑๒. มอบหมายให้นกั เรยี นทาแบบฝกึ ทกั ษะภาษา ชน้ั ประถมศกึ ษาปีท่ี ๖ เป็นการบา้ น สือ่ การเรยี นการสอน ๑. ประเภทสือ่ - หนงั สอื แบบเรยี นภาษาไทย ชุดภาษาพาที ชัน้ ประถมศึกษาปีที่ ๖ - แบบฝกึ ทกั ษะภาษาไทย ชัน้ ประถมศกึ ษาปที ี่ ๖ - แผนภูมคิ า - กระเปา๋ ผนังแผน่ ปา้ ยสาลี ๒. วัสดุ / อปุ กรณ์ - บัตรคาใหม,่ - ใบความรู้, ใบงาน ๓. แหลง่ การเรยี นรู้ - ครู ผู้ปกครอง - หอ้ งสมุด การวดั ประเมินผล ๑. วิธีการวัดและประเมินผล ๑. สงั เกตพฤติกรรมการเรียนของนักเรยี น ๒. ประเมินการอ่าน ๓. ประเมนิ การเขยี น ๒. เคร่ืองมือการวัดและประเมินผล ๑. แบบบันทึกพฤติกรรมการเรียน ๒. แบบสังเกตพฤตกิ รรมการอ่าน ๓. แบบสังเกตพฤติกรรมการเขยี น ๓. เกณฑ์การประเมนิ ๑ การประเมนิ พฤติกรรมการเรยี น ๕ - ๔ หมายถงึ ระดับ ดีมาก ๓ – ๒ หมายถงึ ระดบั พอใช้ ๑ - ๐ หมายถงึ ระดบั ปรบั ปรุง ๒. สังเกตพฤตกิ รรมการอ่าน ๕ หมายถงึ ระดบั ดีมาก ๔ หมายถึง ระดบั ดี ๓ หมายถึง ระดบั ปานกลาง ๒ หมายถึง ระดับ พอใช้ ๑ – ๐ หมายถึง ระดับ ปรบั ปรงุ ๓. สังเกตพฤติกรรมการเขยี น ๕ หมายถึง ระดับ ดมี าก ๔ หมายถึง ระดบั ดี ๓ หมายถงึ ระดับ ปานกลาง ๒ หมายถึง ระดับ พอใช้ ๑ – ๐ หมายถึง ระดบั ปรบั ปรุง


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook