แผนการจดั การเรียนรู้ ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี ๑ กลมุ่ สาระการเรยี นร้ภู าษาไทย เวลา ๒๒ ช่ัวโมง หนว่ ยท่ี ๒ โคลงโลกนิติ เวลา ๑ ช่ัวโมง แผนการเรยี นรู้ท่ี ๑๘ ชนิดและหนา้ ท่ขี องคาในบริบท:คานาม ภาคเรียนท่ี ๑ ผสู้ อน นางสาวจิราพร กลุ ให้ สาระสาคัญ คำนำมหมำยถงึ คำที่ใชเ้ รียกช่ือ คน สตั ว์ พืช ส่งิ ของ สถำนที่ สภำพ อำกำร ลกั ษณะ ทั้งท่เี ป็น สิง่ มีชวี ติ หรือสง่ิ ไมม่ ชี วี ติ ท้ังทเี่ ป็นรูปธรรม และนำมธรรม เช่นคำว่ำ คน ปลำ ตะกรำ้ ไก่ ประเทศ ไทย จงั หวดั พจิ ิตร กำรออกกำลงั กำย กำรศึกษำ ควำมดี ควำมงำม กอไผ่ กรรมกร ฝูง ตัว เปน็ ต้น ตัวชีว้ ัด ท ๔.๑ ม. ๑/๓ วเิ ครำะหช์ นดิ และหน้ำทีข่ องคำในประโยค จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ ความรู้ อธิบำยลกั ษณะของคำนำมในภำษำไทย ทกั ษะกระบวนการ วเิ ครำะหช์ นดิ และหนำ้ ท่ขี องคำนำมในประโยค คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ เหน็ ควำมสำคญั ของคำนำมท่ีใช้ในภำษำไทย สาระการเรยี นรู้ คำนำม กระบวนการจดั การเรียนรู้ ข้ันนาเขา้ สู่บทเรียน ครูหยบิ ปำกกำ สมดุ หนังสือ ขวดนำ้ ใหน้ กั เรยี นดูพรอ้ มใหน้ กั เรียนบอกวำ่ เป็นอะไร จำกน้นั ให้ นกั เรียนยกตัวอย่ำงของท่ีอยใู่ กลต้ วั มำคนละ ๑ ชน้ิ ครอู ธบิ ำยสง่ิ ของท่ีนักเรียนยกตัวอยำ่ งมำนั้นคือ กำร เรยี กชอ่ื แทนส่ิงของ คำเหลำ่ น้ีเรียกวำ่ คำนำม ขน้ั พัฒนาผูเ้ รียน ๑. นกั เรยี นศกึ ษำควำมรู้เร่ือง คำนำม แลว้ ร่วมกนั สนทนำในประเด็นต่อไปนี้ - ควำมหมำยของคำนำม - ชนดิ ของคำนำม คำนำมแตล่ ะชนิดมลี ักษณะอย่ำงไร - คำสำมัญนำมกับคำวสิ ำมญั นำมต่ำงกนั อยำ่ งไร พร้อมยกตวั อย่ำงประกอบ - คำสมุหนำมกับคำลักษณนำมต่ำงกนั อย่ำงไร พร้อมยกตัวอยำ่ งประกอบ - อำกำรนำมมลี กั ษณะอย่ำงไร พรอ้ มยกตวั อย่ำงประกอบ ๒. ครูอธบิ ำยควำมรู้เพิ่มเติมและให้นกั เรยี นสรุปประเภทของคำนำมเปน็ แผนภำพควำมคดิ
๓. แบง่ นักเรยี นออกเป็นกลุ่ม จำกนน้ั ให้นกั เรียนชว่ ยกันคน้ หำคำนำมท่ีในโคลงโลกนิติใหไ้ ด้มำกทส่ี ดุ ตวั แทนกลุม่ นำเสนอผลงำน ๔. นักเรยี นทำแบบฝึกหดั เร่ืองคำนำมลงในสมุด สง่ ภำยในชวั่ โมงเรยี น ขน้ั สรุป นักเรยี นและครรู ว่ มกนั สรปุ ควำมรู้ ดงั น้ี คำที่มคี วำมหมำยถึงบุคคล สัตว์ พืช วัตถุ ท้ังทส่ี ำมำรถ มองเห็นและมองไม่เห็นเป็นคำนำม มี ๕ ประเภท ได้แก่ สำมำนยนำม วิสำมำนยนำม สมุหนำม ลกั ษณ นำม อำกำรนำม สอื่ การเรียนรู้ ตวั อย่ำงคำนำม การวัดผลประเมินผล ๑. วิธกี ารวัดและประเมินผล ๑) สงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในกำรเขำ้ ร่วมกจิ กรรม ๒) สงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนในกำรเข้ำรว่ มกิจกรรมกลมุ่ ๓) ตรวจผลงำนของนักเรยี น ๒. เคร่ืองมอื ๑) แบบสังเกตพฤติกรรมกำรเข้ำร่วมกิจกรรม ๒) แบบสงั เกตพฤติกรรมกำรเข้ำรว่ มกิจกรรมกลุ่ม ๓. เกณฑ์การประเมนิ ๑) กำรประเมินพฤตกิ รรมกำรเข้ำรว่ มกิจกรรม ผำ่ นต้ังแต่ ๒ รำยกำร ถอื ว่ำผา่ น ผำ่ น ๑ รำยกำร ถอื ว่ำไม่ผา่ น ๒) กำรประเมนิ พฤติกรรมกำรเข้ำรว่ มกิจกรรมกลมุ่ คะแนน ๙ - ๑๐ ระดับ ดีมำก คะแนน ๗ - ๘ ระดบั ดี คะแนน ๕ - ๖ ระดบั พอใช้ คะแนน ๐ - ๔ ระดับ ควรปรบั ปรงุ
แผนการจดั การเรยี นรู้ กลุ่มสาระการเรียนรูภ้ าษาไทย ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ ๑ หนว่ ยที่ ๒ โคลงโลกนิติ เวลา ๒๒ ชวั่ โมง แผนการเรียนรู้ท่ี ๑๙ ชนดิ และหนา้ ที่ของคาในบริบท:คาสรรพนาม เวลา ๑ ชั่วโมง ผ้สู อน นางสาวจริ าพร กลุ ให้ ภาคเรียนที่ ๑ สาระสาคญั คำสรรพนำม หมำยถึง คำที่ใชแ้ ทนคำนำมท่กี ล่ำวถึงมำแลว้ เพ่ือจะได้ไมต่ อ้ งกลำ่ วคำนำมนน้ั ซำ้ อกี เชน่ คำวำ่ ฉัน เรำ ดฉิ นั กระผม กู คุณ ท่ำน ใต้เทำ้ เขำ มนั สิ่งใด ผใู้ ด นี่ น่นั อะไร ใคร บ้ำง เป็นต้น ตัวช้ีวัด ท ๔.๑ ม. ๑/๓ วิเครำะหช์ นดิ และหน้ำทีข่ องคำในประโยค จดุ ประสงค์การเรียนรู้ ความรู้ อธบิ ำยลักษณะของคำสรรพนำมในภำษำไทย ทักษะกระบวนการ วิเครำะหช์ นิดและหน้ำท่ีของคำสรรพนำมในประโยค คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ เห็นควำมสำคญั ของคำสรรพนำมที่ใช้ในภำษำไทย สาระการเรียนรู้ คำสรรพนำม กระบวนการจัดการเรยี นรู้ ข้ันนาเขา้ ส่บู ทเรียน นกั เรียนยกตัวอย่ำงคำใชเ้ รยี กแทนชือ่ เพ่อื น หรอื คนอน่ื เชน่ เธอ เรำ มงึ มัน เปน็ ตน้ ข้ันพฒั นาผู้เรียน ๑. นกั เรยี นศึกษำควำมรเู้ รื่อง คำสรรพนำม แลว้ ร่วมกนั สนทนำในประเดน็ ตอ่ ไปน้ี - ควำมหมำยคำสรรพนำม - ประเภทของคำสรรพนำม พร้อมยกตัวอย่ำง - บรุ ุษสรรพนำมใช้อยำ่ งไร พร้อมยกตวั อยำ่ งประกอบ - สรรพนำมใช้ถำมกบั สรรพนำมไม่ชเ้ี ฉพำะเจำะจงแตกต่ำงกันอย่ำงไร พร้อมยกตัวอยำ่ ง ประกอบ ๒. ครูอธิบำยควำมร้เู พม่ิ เตมิ และใหน้ ักเรยี นสรปุ ประเภทของคำสรรพนำมเปน็ แผนภำพควำมคดิ ๓. ครสู มุ่ นักเรยี นออกมำอ่ำนนิทำนใหเ้ พ่ือนฟัง แลว้ ให้ชว่ ยกันบอกคำสรรพนำมทใี่ ช้พบในนิทำน จำกนั้นครูบนั ทึกคำทนี่ ักเรยี นบอกบนกระดำน
๔. นกั เรยี นช่วยกันตรวจสอบคำสรรพนำมทบี่ นั ทึกไวบ้ นกระดำนว่ำถูกต้องหรือไม่ และเปน็ คำสรรพ นำมประเภทใด ๕. นกั เรยี นทำแบบฝึกหัดเร่อื งคำสรรพนำม สง่ ในชว่ั โมงเรียน ขั้นสรปุ นักเรียนและครูรว่ มกนั สรุปควำมรู้ ดงั น้ี คำทีใ่ ชแ้ ทนคำนำมเปน็ คำสรรพนำม ใชค้ ำสรรพนำมเพอื่ ไม่ ตอ้ งใชค้ ำนำมนั้นซำ้ คำสรรพนำมมี ๖ประเภท ได้แก่ บรุ ษุ สรรพนำม ประพันธสรรพนำม นยิ มสรรพนำม อนิยมสรรนำม วิภำคสรรพนำม ปฤจฉำสรรพ ส่อื การเรยี นรู้ นิทำน การวัดผลประเมนิ ผล ๑. วธิ กี ารวัดและประเมินผล ๑) สงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นในกำรเขำ้ ร่วมกิจกรรม ๒) ตรวจผลงำนของนกั เรยี น ๒. เครอ่ื งมอื ๑) แบบสังเกตพฤติกรรมกำรเขำ้ รว่ มกจิ กรรม ๓. เกณฑก์ ารประเมนิ ๑) กำรประเมนิ พฤติกรรมกำรเข้ำร่วมกิจกรรม ผ่ำนตัง้ แต่ ๒ รำยกำร ถอื ว่ำผ่าน ผ่ำน ๑ รำยกำร ถือวำ่ ไม่ผ่าน
แผนการจดั การเรียนรู้ ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๑ กลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาไทย เวลา ๒๒ ชัว่ โมง หน่วยที่ ๒ โคลงโลกนิติ เวลา ๑ ช่ัวโมง แผนการเรยี นรู้ที่ ๒๐ ชนิดและหนา้ ท่ขี องคาในบริบท:คากริยา ภาคเรียนที่ ๑ ผูส้ อน นางสาวจริ าพร กลุ ให้ สาระสาคัญ คำกรยิ ำ หมำยถึง คำแสดงอำกำร กำรกระทำ หรอื บอกสภำพของคำนำมหรือคำสรรพนำม ในประโยคเป็นคำกรยิ ำเพ่ือให้ไดค้ วำม เช่นคำวำ่ กิน เดิน น่ัง นอน เล่น จบั เขยี น อำ่ น เปน็ คือ ถูก คล้ำย เป็นต้น ตัวช้วี ดั ท ๔.๑ ม. ๑/๓ วิเครำะห์ชนดิ และหนำ้ ทข่ี องคำในประโยค จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ ความรู้ อธิบำยลักษณะของคำกรยิ ำในภำษำไทย ทักษะกระบวนการ วิเครำะหช์ นดิ และหน้ำทีข่ องคำกรยิ ำในประโยค คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ เห็นควำมสำคญั ของคำกรยิ ำทีใ่ ช้ในภำษำไทย สาระการเรยี นรู้ คำกรยิ ำ กระบวนการจดั การเรยี นรู้ ขัน้ นาเข้าส่บู ทเรียน ครูให้นักเรียนออกมำแสดงทำ่ ทำงต่ำง ๆ ตำมบัตรคำที่ได้รบั ดังนี้ นอน นงั่ แล้วใหเ้ พ่ือนในช้นั เรียนชว่ ยกันบอกท่ำทำงที่ใบ้ จำกนั้นครูอธิบำยลักษณะกำรแสดงอำกำรตำ่ ง ๆ ว่ำเปน็ คำท่ี แสดงอำกำร น้นั คือคำกรยิ ำ
ข้นั พัฒนาผ้เู รยี น ๑. นกั เรียนศึกษำควำมรเู้ รื่อง คำกรยิ ำ แลว้ ร่วมกันสนทนำในประเดน็ ตอ่ ไปน้ี - คำกรยิ ำคืออะไร - ประเภทของคำกริยำ - สกรรมกรยิ ำกับอกรรมกรยิ ำแตกต่ำงกนั อยำ่ งไร พร้อมยกตัวอยำ่ งประกอบ - กรยิ ำอำศยั ส่วนเตมิ เต็มกบั กริยำมีกรรมแตกตำ่ งกันอย่ำงไร พร้อมยกตวั อย่ำงประกอบ - กรยิ ำนเุ ครำะหม์ ปี ระโยชนอ์ ยำ่ งไร พร้อมยกตัวอยำ่ งประกอบ ๒. ครอู ธิบำยควำมร้เู พ่มิ เตมิ และใหน้ ักเรียนสรุปประเภทของคำกริยำเป็นแผนภำพควำมคิด ๓. นกั เรียนแบง่ กลุ่ม กลุ่มละ ๔-๕ คน ส่งตวั แทนออกมำเลือกบัตรคำจำกครูกลุ่มละ ๑ ใบ นำ กลบั ไปอ่ำนในกลุ่มโดยไมใ่ ห้กลมุ่ อื่นเหน็ ชว่ ยกนั คิดทำ่ ทำงใบค้ ำ และแต่งประโยคจำกคำนัน้ เท่ำจำนวนสมำชกิ ในกลุ่ม โดยใหม้ ีบริบทในประโยคแตกต่ำงกัน บตั รคำทีค่ รเู ตรียมไว้ อีก ๒ คำ ทีเ่ หลือให้แตล่ ะกลุ่มช่วยกนั เลือกคำใบเอง เชน่ ยก วาด หล่น ชิม ผกู เลือก ข้ึน พูด เดิน ใส่ ๔. นักเรียนแต่ละกลุ่มออกมำนำเสนอหน้ำชั้นเรียนทุกคน โดยแสดงท่ำทำงใบ้คำจะแสดงคนเดียว หรือหลำยคนก็ได้ เม่ือเพื่อน ๆ ทำยคำแลว้ จึงชบู ตั รคำเฉลย จำกนั้นกลุ่มผนู้ ำเสนอพูดประโยคที่แต่งไว้คนละ ๑ ประโยค ใหเ้ พ่ือน ๆ ฟังและช่วยกนั วเิ ครำะหว์ ่ำคำกรยิ ำในประโยคเหลำ่ นน้ั เป็นคำกริยำประเภทใด ๖. นักเรยี นชว่ ยกนั วิเครำะหค์ ำกริยำในนริ ำศภูเขำทองตำมเวลำทเ่ี หมำะสม จำกนัน้ นักเรยี นทำ แบบฝกึ หดั เรื่องคำกริยำเป็นกำรบ้ำน ข้ันสรปุ นักเรยี นและครูร่วมกนั สรุปควำมรู้ ดังน้ี คำกริยำ หมำยถงึ คำแสดงอำกำร กำรกระทำ หรอื บอกสภำพของคำนำมหรือคำสรรพนำม เพื่อให้ไดค้ วำม เชน่ คำว่ำ กนิ เดิน นง่ั นอน เล่น จับ เขียน อ่ำน เป็น คือ ถูก คลำ้ ย เปน็ ต้น คำกรยิ ำแบ่งเปน็ ๕ ประเภท อกรรมกริยำ สกรรมกรยิ ำ วิกตรรถกริยำ กรยิ ำนเุ ครำะห์ กริยำสภำวมำลำ ส่อื การเรยี นรู้ บตั รคำ การวัดผลประเมนิ ผล ๑. วธิ ีการวัดและประเมินผล ๑) สงั เกตพฤติกรรมของนักเรยี นในกำรเขำ้ ร่วมกจิ กรรม ๒) สงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นในกำรเขำ้ ร่วมกจิ กรรมกลุ่ม ๓) ตรวจผลงำนของนักเรยี น
๒. เคร่อื งมือ ๑) แบบสังเกตพฤติกรรมกำรเข้ำรว่ มกิจกรรม ๒) แบบสงั เกตพฤติกรรมกำรเข้ำรว่ มกิจกรรมกลุ่ม ๓. เกณฑก์ ารประเมนิ ๑) กำรประเมนิ พฤตกิ รรมกำรเข้ำรว่ มกจิ กรรม ผ่ำนต้งั แต่ ๒ รำยกำร ถือวำ่ ผา่ น ผ่ำน ๑ รำยกำร ถอื วำ่ ไม่ผ่าน ๒) กำรประเมนิ พฤติกรรมกำรเข้ำรว่ มกจิ กรรมกลมุ่ คะแนน ๙ - ๑๐ ระดบั ดีมำก คะแนน ๗ - ๘ ระดบั ดี คะแนน ๕ - ๖ ระดบั พอใช้ คะแนน ๐ - ๔ ระดับ ควรปรบั ปรงุ
แผนการจดั การเรียนรู้ ช้ันมัธยมศกึ ษาปีที่ ๑ กลุม่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย เวลา ๒๒ ช่ัวโมง หน่วยท่ี ๒ โคลงโลกนิติ เวลา ๑ ช่ัวโมง แผนการเรียนรู้ที่ ๒๑ชนดิ และหน้าท่ขี องคาในบรบิ ท:คาวิเศษณ์ ภาคเรยี นท่ี ๑ ผู้สอน นางสาวจิราพร กุลให้ สาระสาคญั คำวิเศษณ์ หมำยถงึ คำที่ใชป้ ระกอบหรือขยำยคำนำม สรรพนำม คำกริยำ หรอื คำวเิ ศษณ์ เพื่อให้ ได้ใจควำมชดั เจนและละเอยี ดมำกขนึ้ ตัวชี้วัด ท ๔.๑ ม. ๑/๓ วิเครำะห์ชนดิ และหนำ้ ที่ของคำในประโยค จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ ความรู้ อธิบำยลักษณะของคำวเิ ศษณ์ในภำษำไทย ทักษะกระบวนการ วิเครำะห์ชนดิ และหนำ้ ทขี่ องคำวิเศษณ์ในประโยค คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ เห็นควำมสำคญั ของคำวิเศษณท์ ีใ่ ช้ในภำษำไทย สาระการเรียนรู้ คำวเิ ศษณ์ กระบวนการจัดการเรยี นรู้ ขัน้ นาเขา้ สู่บทเรียน ครทู บทวนเรื่องคำนำม คำสรรพนำม คำกริยำ ใหน้ ักเรียนฟงั จำกนน้ั ใหน้ ักเรยี นจบั คู่กนั แล้วใหแ้ ตล่ ะ คนบอกลกั ษณะของเพื่อนวำ่ มลี กั ษณะอยำ่ งไร ข้นั พัฒนาผเู้ รยี น ๑. ครูนำนักเรียนสนทนำเกย่ี วกบั กำรบรรยำยลักษณะหรือตำแหน่งของบุคคลหรือสิ่งของตำ่ ง ๆ ใน ช้ันเรียน โดยใชค้ ำวิเศษณ์ เช่น สมุดสเี ขียววำงอยูบ่ นสมดุ สีฟำ้ ชลนันท์น่งั อยแู่ ถวหน้ำ ตอนนที้ ุกคนตั้งใจเรียน ครูเขยี นประโยคเหล่ำน้ันบนกระดำน ๒. นกั เรียนสงั เกตคำทีท่ ำใหป้ ระโยคมีควำมชดั เจนมำกข้นึ แล้วลองตัดคำนั้นออกเพื่อเปรียบเทยี บ ควำมหมำยของประโยคใหม่กับประโยคเดิม เชน่ ประโยคเดิม : สมดุ สีเขยี ววำงอยู่บนสมุดสีฟ้ำ ประโยคใหม่ : สมดุ วำงอยู่บนสมุด ๓. นกั เรียนศกึ ษำควำมรู้เรื่อง คำวิเศษณ์ แลว้ รว่ มกนั สนทนำในประเด็นต่อไปน้ี - ควำมหมำยของคำวิเศษณ์
- ประเภทของคำวิเศษณ์ อะไรบำ้ ง พรอ้ มยกตวั อย่ำงคำ - คำวิเศษณ์เช่อื มประโยคกบั คำสรรพนำมเช่ือมประโยคมีขอ้ สังเกตทีแ่ ตกตำ่ งกัน อยำ่ งไร ๔. ครูอธิบำยควำมรเู้ พิ่มเติมและใหน้ ักเรยี นสรุปประเภทของคำวิเศษณเ์ ปน็ แผนภำพควำมคิด ๕. นักเรยี นทำแบบฝึกหัดเรือ่ งคำวิเศษณเ์ ปน็ กำรบ้ำน ขนั้ สรปุ นกั เรยี นและครรู ว่ มกันสรปุ ควำมรู้ ดังน้ี คำวิเศษณ์ หมำยถงึ คำที่ใช้ประกอบหรือขยำย คำนำม สรรพนำม คำกรยิ ำ หรือคำวเิ ศษณ์ เพื่อให้ได้ใจควำมชดั เจนและละเอยี ดมำกขึ้น เช่น - คนอว้ นกนิ จุ (\"อว้ น\" เปน็ คำวเิ ศษณ์ท่ขี ยำยคำนำม \"คน\" \"จ\"ุ เปน็ คำวเิ ศษณท์ ี่ขยำยคำกรยิ ำ \"กนิ \" - เขำรอ้ งเพลงได้ไพเรำะ (\"ไพเรำะ\" เปน็ คำวเิ ศษณท์ ี่ขยำยคำกริยำ \"รอ้ งเพลง\") - เขำร้องเพลงได้ไพเรำะมำก (\"มำก\" เปน็ คำวเิ ศษณ์ท่ีขยำยคำวิเศษณ์ \"ไพเรำะ\") ส่ือการเรียนรู้ ตัวอยำ่ งคำวิเศษณ์ สิ่งของในห้องเรียน การวัดผลประเมนิ ผล ๑. วิธีการวัดและประเมินผล ๑) สังเกตพฤติกรรมของนกั เรียนในกำรเขำ้ ร่วมกจิ กรรม ๒) ตรวจผลงำนของนกั เรียน ๒. เคร่อื งมือ แบบสังเกตพฤติกรรมกำรเข้ำรว่ มกจิ กรรม ๓. เกณฑก์ ารประเมนิ กำรประเมนิ พฤติกรรมกำรเข้ำรว่ มกิจกรรม ผ่ำนต้ังแต่ ๒ รำยกำร ถอื ว่ำผา่ น ผ่ำน ๑ รำยกำร ถือว่ำไม่ผา่ น
แผนการจดั การเรยี นรู้ กลมุ่ สาระการเรยี นร้ภู าษาไทย ชัน้ มัธยมศึกษาปีที่ ๑ หน่วยท่ี ๒ โคลงโลกนิติ เวลา ๒๒ ช่วั โมง แผนการเรยี นรูท้ ่ี ๒๒ ชนิดและหนา้ ท่ีของคาในบริบท:คาบพุ บท เวลา ๑ ชั่วโมง ผู้สอน นางสาวจิราพร กุลให้ ภาคเรยี นท่ี ๑ สาระสาคญั คำบพุ บท หมำยถึง คำทแี่ สดงควำมสมั พันธร์ ะหวำ่ งคำหรือประโยค เพื่อใหท้ รำบว่ำคำหรือกลุ่มคำที่ ตำมหลงั คำบุพบทนนั้ เก่ียวขอ้ งกับกลมุ่ คำขำ้ งหน้ำในประโยคในลักษณะ เช่น กบั แก่ แต่ ต่อ ด้วย โดย ตำม ข้ำง ถึง จำก ใน บน ใต้ สน้ิ สำหรับ นอก เพ่ือ ของ ตั้งแต่ แห่ง ท่ี เปน็ ต้น ตัวชีว้ ดั ท ๔.๑ ม. ๑/๓ วิเครำะหช์ นิดและหน้ำที่ของคำในประโยค จุดประสงค์การเรยี นรู้ ความรู้ อธิบำยลกั ษณะของคำบุพบทในภำษำไทย ทกั ษะกระบวนการ วเิ ครำะห์ชนิดและหนำ้ ท่ขี องคำบุพบทในประโยค คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ เห็นควำมสำคัญของคำบุพบททีใ่ ช้ในภำษำไทย สาระการเรยี นรู้ คำบุพบท กระบวนการจดั การเรยี นรู้ ขัน้ นาเข้าสู่บทเรียน ครูนำส่งิ ของเคร่ืองใชท้ ่ีมีในช้ันเรียน เช่น หนงั สือ กล่องใส่เอกสำร แก้วน้ำ มำว่ำงตำมจดุ ต่ำงๆ ของ หอ้ งเรียน แล้วต้งั คำถำมให้นักเรียนตอบ เชน่ แก้วนำ้ อยทู่ ี่ไหน หนังสอื พิมพอ์ ยู่ไหน เป็นตน้ จำกน้นั ครู เชือ่ มโยงคำให้เข้ำเขำ้ คำบุพบท ข้นั พัฒนาผูเ้ รยี น ๑. นักเรยี นศกึ ษำควำมรเู้ รื่อง คำบพุ บท แล้วร่วมกนั สนทนำในประเดน็ ต่อไปน้ี - ควำมหมำยคำบพุ บท - ประเภทของคำบุพบท อะไรบำ้ ง พรอ้ มยกตวั อย่ำงคำ - คำบพุ บทบอกสถำนท่ีกบั คำวเิ ศษณ์บอกสถำนทเ่ี มื่ออยู่ในประโยคแตกต่ำงกันอย่ำงไร ๒. ครอู ธิบำยควำมรเู้ พิ่มเตมิ และให้นกั เรียนสรุปประเภทของคำบุพบทเป็นแผนภำพควำมคิด
๓. นักเรียนแบ่งกลุ่ม ๔-๕ กลุ่ม แล้วส่งตัวแทนของมำหยิบจับฉลำก จำกน้ันนำคำบุพบทท่ีได้ไป ช่วยกันแต่งนิทำน พร้อมบอกข้อคิดของนิทำน พร้อมนำเสนอหน้ำช้ันเรียน จำกนั้นวิเครำะห์ประเภท ของคำ บพุ บทและตำแหนง่ ของคำ ว่ำนำหนำ้ คำชนดิ ใด ขัน้ สรปุ นักเรียนและครรู ่วมกนั สรุปควำมรู้ ดังน้ี คำที่ทำหนำ้ ท่เี ชอ่ื มคำหรอื กลุ่มคำเพ่ือแสดงควำมสัมพนั ธ์ ในเร่ืองสถำนที่ เวลำ อำกำรหรือควำมเป็นเจำ้ ของ เปน็ คำบุพบท สื่อการเรียนรู้ หนงั สอื พมิ พ์ แกว้ นำ้ การวัดผลประเมนิ ผล ๑. วิธกี ารวดั และประเมนิ ผล ๑) สังเกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นในกำรเขำ้ รว่ มกิจกรรม ๒) สังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในกำรเข้ำร่วมกิจกรรมกลุ่ม ๓) ตรวจผลงำนของนกั เรยี น ๒. เครอ่ื งมอื ๑) แบบสังเกตพฤติกรรมกำรเข้ำร่วมกจิ กรรม ๒) แบบสังเกตพฤติกรรมกำรเขำ้ ร่วมกจิ กรรมกลุ่ม ๓. เกณฑก์ ารประเมิน ๑) กำรประเมนิ พฤติกรรมกำรเข้ำร่วมกิจกรรม ผ่ำนตั้งแต่ ๒ รำยกำร ถอื วำ่ ผ่าน ผ่ำน ๑ รำยกำร ถอื วำ่ ไม่ผ่าน ๒) กำรประเมินพฤติกรรมกำรเข้ำรว่ มกิจกรรมกลมุ่ คะแนน ๙ - ๑๐ ระดับ ดมี ำก คะแนน ๗ - ๘ ระดับ ดี คะแนน ๕ - ๖ ระดับ พอใช้ คะแนน ๐ - ๔ ระดับ ควรปรับปรุง
แผนการจดั การเรยี นรู้ กลมุ่ สาระการเรียนร้ภู าษาไทย ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๑ หนว่ ยที่ ๒ โคลงโลกนิติ เวลา ๒๒ ชั่วโมง แผนการเรยี นรู้ท่ี ๒๓ ชนิดและหน้าท่ีของคาในบรบิ ท:คาสันธาน เวลา ๑ ชั่วโมง ผ้สู อน นางสาวจิราพร กลุ ให้ ภาคเรียนที่ ๑ สาระสาคัญ คำสันธำน หมำยถงึ คำท่ีใชเ้ ชื่อมประโยค หรือข้อควำมกับขอ้ ควำม เพ่อื ทำให้ประโยคน้ัน รัดกุม กระชับและสละสลวย เช่นคำวำ่ และ แล้ว จึง แต่ หรอื เพรำะ เหตเุ พรำะ เป็นตน้ เชน่ ตวั ชีว้ ัด ท ๔.๑ ม. ๑/๓ วเิ ครำะห์ชนดิ และหนำ้ ท่ีของคำในประโยค จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ ความรู้ อธิบำยลกั ษณะของคำสนั ธำนในภำษำไทย ทกั ษะกระบวนการ วิเครำะหช์ นดิ และหนำ้ ทข่ี องคำสันธำนในประโยค คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ เห็นควำมสำคัญของคำสนั ธำนทีใ่ ช้ในภำษำไทย สาระการเรียนรู้ คำสันธำน กระบวนการจัดการเรียนรู้ ขน้ั นาเข้าสบู่ ทเรียน ครใู ห้นกั เรียนดบู ัตรคำบนกระดำษ แลว้ ให้นกั เรยี นชว่ ยกนั แสดงควำมคดิ เหน็ เกี่ยวกบั คำ ครอู ธบิ ำย เพิม่ เติม กบั และ แต่ ดงั น้นั ข้นั พัฒนาผู้เรียน ๑. ครนู ำนักเรียนสนทนำเกย่ี วกับอำหำรทชี่ อบรับประทำน แลว้ นำขอ้ มูลท่ีได้มำแตง่ ประโยคเปน็ ตัวอย่ำงใหน้ ักเรยี นแตง่ ตำม เชน่ - นำ้ ฝนและใบเตยชอบรับประทำนก๋วยเตย๋ี ว - หมูหวำนชอบรบั ประทำนไก่ทอดแต่ไขห่ วำนชอบรบั ประทำนไขเ่ จยี ว - สมใจชอบรับประทำนสลัดผักเพรำะมปี ระโยชน์ต่อรำ่ งกำย
- ฟำ้ ชอบรบั ประทำนไอศกรมี หรือขนมเคก้ ๒. นกั เรียนสงั เกตคำทเ่ี ชื่อมเน้ือควำมในประโยคใหต้ ่อเน่ืองกัน แลว้ ลองแต่งประโยคเหล่ำน้นั ใหม่ โดยไม่ใช้คำเช่อื มเพื่อเปรียบเทียบกับประโยคเดมิ ๓. นกั เรยี นศึกษำควำมรเู้ ร่ือง คำสนั ธำน แล้วร่วมกนั สนทนำในประเด็นต่อไปน้ี - ควำมหมำยคำสันธำน - ประเภทคำสันธำนอะไรบ้ำง พรอ้ มยกตัวอย่ำงคำ ๔. ครูอธบิ ำยควำมรเู้ พ่มิ เติมและใหน้ กั เรยี นสรปุ ประเภทของคำสันธำนเป็นแผนภำพควำมคิด ๕. นักเรยี นแบ่งเปน็ ๒ ฝำ่ ย แต่ละฝ่ำยชว่ ยกนั แตง่ ประโยค โดยใชค้ ำสนั ธำนฝ่ำยละ ๕ ประโยค ครูชว่ ยตรวจสอบประโยคของนกั เรยี น ๖. นกั เรยี นทำแบบฝกึ หัดเรือ่ งคำสันธำนเปน็ กำรบำ้ น ขน้ั สรุป นักเรยี นและครูรว่ มกนั สรปุ ควำมรู้ ดังน้ี คำสนั ธำน หน้ำทเ่ี ช่ือมประโยคกบั ประโยคหรือข้อควำมกับ ข้อควำมให้ตอ่ เนอื่ งกันเพือ่ ทำใหเ้ น้อื ควำมคลอ้ ยตำมกันขัดแย้งกนั เปน็ เหตผุ ลแก่กัน หรือให้เลือกอย่ำงใดอยำ่ ง หนึ่ง สื่อการเรยี นรู้ บตั รคำ แถบประโยค การวดั ผลประเมินผล ๑. วิธกี ารวดั และประเมินผล ๑) สงั เกตพฤติกรรมของนักเรยี นในกำรเข้ำรว่ มกจิ กรรม ๒) สงั เกตพฤติกรรมของนักเรยี นในกำรเขำ้ รว่ มกิจกรรมกลุ่ม ๓) ตรวจผลงำนของนักเรยี น ๒. เครอ่ื งมือ ๑) แบบสังเกตพฤติกรรมกำรเข้ำร่วมกิจกรรม ๒) แบบสงั เกตพฤติกรรมกำรเขำ้ ร่วมกิจกรรมกลุ่ม ๓. เกณฑก์ ารประเมิน ๑) กำรประเมนิ พฤตกิ รรมกำรเข้ำรว่ มกจิ กรรม ผ่ำนตงั้ แต่ ๒ รำยกำร ถือว่ำผ่าน ผำ่ น ๑ รำยกำร ถอื ว่ำไมผ่ า่ น ๒) กำรประเมนิ พฤติกรรมกำรเข้ำรว่ มกิจกรรมกลุ่ม คะแนน ๙ - ๑๐ ระดบั ดีมำก คะแนน ๗ - ๘ ระดบั ดี คะแนน ๕ - ๖ ระดับ พอใช้ คะแนน ๐ - ๔ ระดับ ควรปรบั ปรุง
แผนการจัดการเรียนรู้ กลุม่ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย ช้นั มัธยมศึกษาปที ี่ ๑ หน่วยท่ี ๒ โคลงโลกนติ ิ เวลา ๒๒ ช่วั โมง แผนการเรียนรทู้ ี่ ๒๔ ชนิดและหนา้ ท่ีของคาในบริบท:คาอุทาน เวลา ๑ ชั่วโมง ผ้สู อน นางสาวจิราพร กุลให้ ภาคเรียนที่ ๑ สาระสาคญั คำอุทำน หมำยถึง คำทแ่ี สดงอำรมณ์ของผพู้ ดู ในขณะทีต่ กใจ ดใี จ เสยี ใจ ประหลำดใจ หรือ อำจจะเปน็ คำท่ีใช้เสริมคำพูด เช่นคำวำ่ อุ๊ย เอ๊ะ วำ้ ย โธ่ อนจิ จำ ออ๋ เปน็ ต้น เชน่ ตัวชี้วดั ท ๔.๑ ม. ๑/๓ วเิ ครำะห์ชนิดและหน้ำท่ขี องคำในประโยค จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ความรู้ อธบิ ำยลักษณะของคำอทุ ำนในภำษำไทย ทักษะกระบวนการ วเิ ครำะหช์ นิดและหนำ้ ที่ของคำอทุ ำนในประโยค คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ เห็นควำมสำคญั ของคำอุทำนทีใ่ ชใ้ นภำษำไทย สาระการเรยี นรู้ คำอทุ ำน กระบวนการจัดการเรียนรู้ ขน้ั นาเขา้ สู่บทเรียน ครูสนทนำกับนักเรยี นเก่ียวกับเหตกุ ำรณท์ ่ีนักเรียนตกใจ วำ่ ถ้ำนักเรียนตกใจส่งิ ที่พูดออกมำคือคำอะไร จำกนั้นนกั เรียนแสดงควำมคิดเห็น ข้นั พัฒนาผเู้ รยี น ๑. นกั เรยี นศึกษำควำมรู้เร่ือง คำอุทำน แล้วรว่ มกันสนทนำในประเดน็ ต่อไปนี้ - ควำมหมำยคำอุทำน - ประเภทคำอทุ ำน อะไรบำ้ ง พร้อมยกตวั อย่ำงคำ ๒. นกั เรียนจบั คแู่ ต่งบทสนทนำโต้ตอบกันคนละ ๑ ประโยค โดยใหม้ ีคำอุทำน แลว้ ออกมำพดู โตต้ อบหน้ำชั้นเรยี นทลี ะคู่ เมื่อเพ่ือน ๆ ฟังแล้วชว่ ยกนั วเิ ครำะหว์ ำ่ คำอทุ ำนท่ีอยใู่ นประโยคเปน็ คำอทุ ำน ประเภทใด และสือ่ อำรมณ์และควำมรู้สึกอย่ำงไร ๓. ครูอธิบำยควำมรู้เพมิ่ เติมและใหน้ กั เรยี นสรุปประเภทของคำอุทำนเป็นแผนภำพควำมคิด ข้นั สรุป
นักเรียนและครูรว่ มกันสรปุ ควำมรู้ ดังนี้ คำท่ีเปล่งออกมำเพอ่ื แสดงอำรมณ์อย่ำงใดอยำ่ งหนึ่งต่อ สถำนกำรณ์ขณะน้นั เป็นคำอุทำน แล้วนักเรียนและครรู ว่ มกนั สรปุ ควำมรเู้ รื่องชนิดและหน้ำทขี่ องคำใน ภำษำไทย สอื่ การเรียนรู้ ๑. สง่ิ แวดล้อมในช้นั เรียน ๒. แถบข้อควำม การวัดผลประเมนิ ผล ๑. วิธกี ารวดั และประเมนิ ผล ๑) สังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในกำรเข้ำรว่ มกิจกรรม ๒) ตรวจผลงำนของนักเรียน ๒. เครอ่ื งมอื แบบสงั เกตพฤติกรรมกำรเขำ้ ร่วมกจิ กรรม ๓. เกณฑ์การประเมนิ กำรประเมินพฤตกิ รรมกำรเข้ำรว่ มกิจกรรม ผำ่ นตง้ั แต่ ๒ รำยกำร ถอื วำ่ ผา่ น ผำ่ น ๑ รำยกำร ถอื วำ่ ไม่ผา่ น
แผนการจัดการเรียนรู้ ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๑ กล่มุ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย เวลา ๒๒ ช่ัวโมง หนว่ ยที่ ๒ โคลงโลกนิติ เวลา ๑ ช่ัวโมง แผนการเรยี นรูท้ ่ี ๒๕ ชนิดของคาและหนา้ ที่ของคาในประโยค ภาคเรยี นที่ ๑ ผสู้ อน นางสาวจิราพร กลุ ให้ สาระสาคญั คำแต่ละชนิดในประโยคทำหน้ำที่แตกต่ำงกัน และคำชนิดเดียวกันอำจทำหน้ำท่ีในประโยคแตกต่ำง กันได้ ข้ึนอยู่กับตำแหน่งและบริบทอ่ืน ๆ ในประโยค กำรรู้จักชนิดและหน้ำที่ของคำในประโยคทำให้เข้ำใจ เน้อื ควำมในประโยคนัน้ ไดช้ ัดเจน กำรสือ่ สำรจึงมปี ระสิทธิภำพ มาตรฐานการเรยี นรู้ มำตรฐำน ท ๔.๑ เขำ้ ใจธรรมชำตขิ องภำษำและหลกั ภำษำไทย กำรเปล่ียนแปลง ของภำษำและพลังของภำษำ ภมู ิปญั ญำทำงภำษำ และรักษำภำษำไทย ไวเ้ ปน็ สมบตั ิของชำติ ตวั ช้ีวดั ท ๔.๑ ม. ๑/๓ วเิ ครำะห์ชนดิ และหน้ำท่ีของคำในประโยค จุดประสงค์การเรียนรู้ ความรู้ อธิบำยชนดิ และหน้ำที่ของคำ ทักษะกระบวนการ วิเครำะห์ชนิดและหนำ้ ท่ขี องคำในประโยค คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ เหน็ ควำมสำคัญของชนิดและหนำ้ ทข่ี องคำในประโยค สาระการเรยี นรู้ ชนดิ และหนำ้ ท่ขี องคำในประโยค กระบวนการจัดการเรยี นรู้ ขน้ั นาเข้าสบู่ ทเรียน ครแู ละนกั เรียนสนทนำเกีย่ วกับลักษณะของประโยคในกำรสนทนำกันของกลุ่มวยั รุ่นในปัจจุบัน ขั้นพฒั นาผู้เรียน ๑. นกั เรยี นร่วมกนั แต่งประโยค โดยใหน้ ักเรยี นแต่ละคนบอกคำคนละ ๑ คำ ให้เรยี งต่อกันเปน็ ประโยคที่สมบูรณ์ แลว้ รว่ มกนั บอกชนดิ และหนำ้ ทข่ี องคำในประโยค ๒. นักเรยี นศกึ ษำควำมรเู้ รอ่ื ง ชนิดของคำและหน้ำทีข่ องคำในประโยค แลว้ รว่ มกนั สรปุ ควำมเข้ำใจ ครูเปน็ ผู้อธิบำยเพิ่มเติม ๓. นักเรยี นแบง่ กลุม่ ๕ กลุ่ม วิเครำะหช์ นดิ และหน้ำทขี่ องคำในเพลงทช่ี นื่ ชอบกลุ่มละ ๑ เพลง โดย วเิ ครำะหค์ ำทสี่ นใจ ๑๐ คำ ออกมำนำเสนอหน้ำช้นั เรยี น ครูและนักเรยี นรว่ มกันตรวจสอบควำมถกู ต้อง
๔. นกั เรียนแบง่ กล่มุ ๕ กลุ่ม เล่นเกมตอบไวได้คะแนน โดยให้นกั เรยี นบอกคำจำก โคลงโลกนติ ิ ตำมชนิดและหน้ำทที่ ่คี รูกำหนด เช่น คำสรรพนำม ทำหน้ำทเี่ ป็น ประธำน คำสำมัญนำม ทำหน้ำที่เปน็ กรรม คำวิเศษณ์ ทำหนำ้ ที่ ขยำยคำกริยำ คำบุพบท ทำหนำ้ ที่ บอกเวลำ กลุ่มใดตอบได้ไวและถูกต้องไดข้ อ้ ละ ๑ คะแนน ๕. นักเรยี นรว่ มกนั วิเครำะห์ชนดิ และหน้ำท่ีของคำในโคลงโลกนติ ทิ ่ีครูกำหนด ครชู ว่ ยอธิบำย เพิม่ เติมและตรวจสอบควำมถูกต้อง ขั้นสรุป นักเรียนและครรู ว่ มกันสรุปควำมรู้ ดังนี้ คำแต่ละชนดิ ในประโยคทำหน้ำท่ีแตกต่ำงกัน และคำชนิด เดยี วกันอำจทำหน้ำท่ใี นประโยคแตกต่ำงกนั ได้ ขึน้ อย่กู บั ตำแหน่งและบริบทอ่นื ๆ ในประโยค กำรรู้จักชนิด และหนำ้ ที่ ของคำในประโยคทำใหเ้ ขำ้ ใจเนือ้ ควำมในประโยคนน้ั ได้ชดั เจน กำรส่ือสำรจงึ มีประสทิ ธภิ ำพ สอ่ื การเรียนรู้ - การวัดผลประเมนิ ผล ๑. วธิ กี ารวัดและประเมนิ ผล ๑) สงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในกำรเขำ้ ร่วมกิจกรรม ๒) สงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในกำรเขำ้ รว่ มกิจกรรมกลมุ่ ๓) ตรวจผลงำนของนักเรยี น ๒. เครอื่ งมอื ๑) แบบสงั เกตพฤติกรรมกำรเขำ้ ร่วมกิจกรรม ๒) แบบสังเกตพฤติกรรมกำรเขำ้ รว่ มกจิ กรรมกลุ่ม ๓. เกณฑก์ ารประเมิน ๑) กำรประเมนิ พฤตกิ รรมกำรเข้ำร่วมกิจกรรม ผำ่ นตั้งแต่ ๒ รำยกำร ถอื ว่ำผา่ น ผ่ำน ๑ รำยกำร ถอื วำ่ ไมผ่ า่ น ๒) กำรประเมนิ พฤตกิ รรมกำรเข้ำรว่ มกิจกรรมกลมุ่ คะแนน ๙ - ๑๐ ระดับ ดีมำก คะแนน ๗ - ๘ ระดบั ดี คะแนน ๕ - ๖ ระดับ พอใช้ คะแนน ๐ - ๔ ระดับ ควรปรบั ปรุง
แผนการจดั การเรียนรู้ ชนั้ มัธยมศึกษาปที ่ี ๑ กลมุ่ สาระการเรยี นรูภ้ าษาไทย เวลา ๒๒ ชวั่ โมง หนว่ ยที่ ๒ โคลงโลกนิติ เวลา ๑ ชั่วโมง แผนการเรยี นรู้ท่ี ๒๖ คาศัพทใ์ นโคลงโลกนิติ ภาคเรยี นที่ ๑ ผสู้ อน นางสาวจิราพร กุลให้ สาระสาคัญ โคลงโลกนิติ เป็นสุภำษิตท่มี กี ำรรวบรวมและชำระโดยสมเดจ็ พระเจ้ำบรมวงศ์เธอกรมพระยำเดชำดิศร เนื้อหำของโคลงเปน็ คตสิ อนใจในกำรดำเนนิ ชีวิต กำรศึกษำควำมหมำยของคำศัพท์ ทำให้เข้ำใจเน้อื หำไดด้ ี ยิ่งข้ึน มาตรฐาน ท ๑.๑ ใชก้ ระบวนกำรอ่ำนสรำ้ งควำมรูแ้ ละควำมคิดเพือ่ นำไปใชต้ ัดสินใจ แกป้ ัญหำในกำรดำเนนิ ชวี ิต และมีนสิ ยั รกั กำรอำ่ น ตัวช้วี ดั ท ๑.๑ ม. ๑/๔ ระบแุ ละอธบิ ำยคำเปรียบเทียบและคำที่มีหลำยควำมหมำยในบริบทตำ่ ง ๆ จำกกำรอำ่ น จดุ ประสงค์การเรียนรู้ ความรู้ อธิบำยควำมเป็นมำและคำศัพท์จำกโคลงโลกนิติ ทักษะกระบวนการ วเิ ครำะห์คำศัพท์ในโคลงโลกนิติจำกบริบท คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ เห็นควำมสำคญั ของกำรแปลควำมหมำยของคำศัพทใ์ นโคลงโลกนิติ เพอ่ื ให้เข้ำใจเน้ือหำ อย่ำงถูกต้อง สาระการเรยี นรู้ ๑. ทมี่ ำของโคลงโลกนติ ิ ๒. ควำมหมำยของคำศัพทใ์ นโคลงโลกนติ ิ กระบวนการจัดการเรยี นรู้ ข้นั นาเขา้ สู่บทเรียน นกั เรยี นดแู ผนผงั โคลงส่ีสภุ ำพ จำกน้นั ให้นกั เรียนเปรยี บเทียบแผนผงั โคลงสส่ี ุภำพกบั แผนผงั กลอนที่ ได้เรยี นวำ่ มำ ครูและนักเรียนรว่ มกนั สนทนำ ข้ันพฒั นาผ้เู รยี น ๑. นักเรียนอำ่ นบทนำเรอ่ื งแลว้ รว่ มกันสรุปสำระสำคัญ
๒. นักเรียนดูตัวอยำ่ งโคลงโลกนิติ ร่วมกนั อ่ำน อธิบำยควำมหมำยของคำทขี่ ดี เสน้ ใต้ พร้อมทัง้ วธิ กี ำร สังเกต แปลควำม และบอกลักษณะของโคลงโลกนิติ ๓. นักเรียนแบ่งกลุ่ม ๕ กลุ่ม อ่ำนโคลงโลกนิติกลุ่มละ ๑๐ บท อธิบำยควำมหมำยของคำศัพท์และ วิธีกำรสังเกต หำกยังไม่เข้ำใจควำมหมำยของคำศัพท์ให้ค้นหำในพจนำนุกรมฉบับรำชบัณฑิตยสถำน พ.ศ. ๒๕๔๒ ออกมำนำเสนอผลงำนหน้ำช้ันเรยี น ครแู ละนกั เรียนร่วมกนั ตรวจสอบควำมถกู ตอ้ ง ๔. นกั เรียนเตมิ คำศัพทใ์ นตำรำงปรศิ นำอักษรไขว้ โดยใหม้ ีควำมหมำยตรงกับทีใ่ ห้ไว้ในแนวตั้งและ แนวนอน ครแู ละนักเรียนรว่ มกนั ตรวจสอบควำมถูกต้อง ขนั้ สรปุ นักเรยี นและครรู ่วมกันสรุปควำมรู้ ดังนี้ โคลงโลกนติ ิ เป็นสภุ ำษติ ท่ีมีกำรรวบรวมและชำระโดยสมเดจ็ พระเจ้ำบรมวงศ์เธอกรมพระยำเดชำดศิ ร เนอ้ื หำของโคลงเป็นคติสอนใจในกำรดำเนินชีวิต กำรศกึ ษำ ควำมหมำยของคำศัพทท์ ำใหเ้ ข้ำใจเนื้อหำได้ดยี ่ิงขน้ึ สื่อการเรยี นรู้ แผนผงั โคลงสีส่ ุภำพ พจนำนกุ รม การวดั ผลประเมนิ ผล ๑. วธิ ีการวดั และประเมินผล ๑) สงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในกำรเขำ้ ร่วมกจิ กรรม ๒) สงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นในกำรเขำ้ รว่ มกจิ กรรมกลมุ่ ๓) ตรวจผลงำนของนักเรยี น ๒. เคร่ืองมือ ๑) แบบสงั เกตพฤติกรรมกำรเขำ้ รว่ มกิจกรรม ๒) แบบสงั เกตพฤติกรรมกำรเข้ำรว่ มกิจกรรมกลุ่ม ๓. เกณฑ์การประเมิน ๑) กำรประเมินพฤตกิ รรมกำรเข้ำรว่ มกิจกรรม ผ่ำนตั้งแต่ ๒ รำยกำร ถอื วำ่ ผ่าน ผำ่ น ๑ รำยกำร ถอื วำ่ ไม่ผ่าน ๒) กำรประเมนิ พฤติกรรมกำรเข้ำรว่ มกจิ กรรมกลุม่ คะแนน ๙ - ๑๐ ระดับ ดมี ำก คะแนน ๗ - ๘ ระดับ ดี คะแนน ๕ - ๖ ระดบั พอใช้ คะแนน ๐ - ๔ ระดบั ควรปรับปรุง
แผนการจัดการเรยี นรู้ ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ี่ ๑ กลุม่ สาระการเรียนรูภ้ าษาไทย เวลา ๒๒ ชัว่ โมง หน่วยที่ ๒ โคลงโลกนติ ิ เวลา ๑ ช่ัวโมง แผนการเรยี นรทู้ ี่ ๒๗ ภาพสอ่ื คาศัพทใ์ นโคลงโลกนิติ ภาคเรยี นท่ี ๑ ผสู้ อน นางสาวจิราพร กลุ ให้ สาระสาคญั ควำมเปรียบ เป็นกำรเปรียบเทียบสิ่งใดส่ิงหน่ึงให้เห็นภำพที่ชัดเจนข้ึน เนื้อหำในโคลงโลกนิติเป็น สุภำษิตคำสอน จึงมคี วำมเปรียบเทียบเพื่อให้ผ้อู ำ่ นเหน็ ภำพและเข้ำใจเน้ือหำเชอื่ มโยงกบั ชวี ิตประจำวนั มาตรฐานการเรยี นรู้ มำตรฐำน ท ๑.๑ ใช้กระบวนกำรอำ่ นสร้ำงควำมรแู้ ละควำมคดิ เพ่อื นำไปใช้ตัดสินใจ แกป้ ัญหำในกำรดำเนนิ ชวี ติ และมีนสิ ยั รักกำรอำ่ น ตัวช้ีวดั ท ๑.๑ ม. ๑/๔ ระบแุ ละอธิบำยคำเปรียบเทียบและคำทม่ี หี ลำยควำมหมำยในบริบทต่ำง ๆ จำกกำรอำ่ น จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ ความรู้ อธิบำยควำมหมำยของคำเปรียบเทียบ ทักษะกระบวนการ ๑. เขียนคำศพั ท์จำกภำพ ๒. วเิ ครำะห์ควำมเปรียบ คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ เหน็ ควำมสำคัญของกำรเปรียบเทียบเพ่ือนำไปใช้ในชวี ิตประจำวัน สาระการเรยี นรู้ คำศัพทแ์ ละควำมเปรยี บในโคลงโลกนิติ กระบวนการจัดการเรยี นรู้ ขน้ั นาเขา้ ส่บู ทเรียน นักเรียนดูภำพแลว้ ร่วมกันบอกคำศพั ทจ์ ำกเร่ืองโคลงโลกนิติ ขั้นพัฒนาผู้เรยี น ๑. นักเรียนแบ่งกล่มุ กลมุ่ ละ ๓ คน วำดภำพคำศัพทจ์ ำกเรื่องโคลงโลกนิติ ระบำยสีใหส้ วยงำม จำกนั้นออกมำนำเสนอหนำ้ ชั้นเรยี น ให้เพ่อื นในช้ันเรยี นรว่ มกนั ทำยคำศัพท์
๒. นักเรยี นรว่ มกนั หำคำมำเติมคำเปรียบเทียบต่อไปนี้ ใจดเี ปน็ _____________ (แม่พระ) ใจกวำ้ งเหมือน _____________ (มหำสมุทร) ใจดำเหมือน _____________ (อีกำ) แข็งเหมือน _____________ (หนิ ) หยำบเปน็ _____________ (หนังช้ำง) คนั เหมอื น _____________ (ตำแย) ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกันตรวจสอบควำมถูกต้อง แลว้ รว่ มกนั สนทนำเกีย่ วกบั ลักษณะ ของคำเปรยี บเทยี บ ๓. นักเรยี นนำภำพท่วี ำดออกมำนำเสนอหน้ำชนั้ เรยี นอีกครั้ง แล้วบอกควำมเปรยี บ ของภำพ เชน่ ภำพจวกั ตักข้ำว กวีเปรยี บเหมอื นคนทีอ่ ยู่ใกล้ส่ิงดงี ำมแต่ไมไ่ ด้ซึมซับควำมดงี ำมนั้น ไว้เลย ภำพหัวเตำ่ กวเี ปรียบเหมือนคำพูดทีก่ ลบั กลอกของคนชว่ั จำกนัน้ ครแู ละนักเรยี นร่วมกันตรวจสอบควำมถูกตอ้ ง ขนั้ สรปุ นกั เรียนและครูร่วมกนั สรปุ ควำมรู้ กำรเปรียบเทียบสิ่งใดส่ิงหนง่ึ ใหเ้ หน็ ภำพท่ีชดั เจนข้ึน เน้ือหำใน โคลงโลกนติ เิ ป็นสุภำษติ คำสอน จงึ มคี วำมเปรียบเพอ่ื ให้ผ้อู ่ำนเหน็ ภำพและเขำ้ ใจเน้ือหำ เช่อื มโยงกบั ชวี ติ ประจำวัน สอื่ การเรยี นรู้ ๑. กระดำษสำหรับวำดภำพ ๒. สี การวดั ผลประเมินผล ๑. วธิ ีการวัดและประเมินผล ๑) สงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนในกำรเขำ้ ร่วมกิจกรรม ๒) สงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในกำรเขำ้ รว่ มกิจกรรมกล่มุ ๓) ตรวจผลงำนของนักเรยี น ๒. เครือ่ งมือ ๑) แบบสังเกตพฤติกรรมกำรเข้ำร่วมกจิ กรรม ๒) แบบสังเกตพฤติกรรมกำรเขำ้ รว่ มกจิ กรรมกลุ่ม
๓. เกณฑ์การประเมิน ๑) กำรประเมินพฤตกิ รรมกำรเข้ำร่วมกิจกรรม ผ่ำนต้งั แต่ ๒ รำยกำร ถอื วำ่ ผ่าน ผำ่ น ๑ รำยกำร ถอื วำ่ ไม่ผา่ น ๒) กำรประเมนิ พฤติกรรมกำรเข้ำรว่ มกจิ กรรมกล่มุ คะแนน ๙ - ๑๐ ระดบั ดีมำก คะแนน ๗ - ๘ ระดับ ดี คะแนน ๕ - ๖ ระดบั พอใช้ คะแนน ๐ - ๔ ระดับ ควรปรับปรงุ
แผนการจดั การเรียนรู้ ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ี่ ๑ กลุม่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย เวลา ๒๒ ชวั่ โมง หนว่ ยท่ี ๒ โคลงโลกนิติ เวลา ๑ ชั่วโมง แผนการเรียนรู้ที่ ๒๘ ความเปรียบในโคลงโลกนิติ ภาคเรียนที่ ๑ ผ้สู อน นางสาวจริ าพร กุลให้ สาระสาคญั ควำมเปรยี บเป็นกำรเปรยี บเทียบส่งิ ใดสงิ่ หนงึ่ ให้เห็นภำพทช่ี ัดเจนขนึ้ เน้อื หำในโคลงโลกนิติเป็น สภุ ำษิตคำสอนจึงใช้ควำมเปรียบเทียบเพ่ือให้ผูอ้ ่ำนเห็นภำพและเข้ำใจเนื้อหำเช่อื มโยงกับชีวิตประจำวนั มาตรฐานการเรยี นรู้ มำตรฐำน ท ๑.๑ ใช้กระบวนกำรอำ่ นสร้ำงควำมรแู้ ละควำมคิดเพอื่ นำไปใช้ตัดสนิ ใจ แกป้ ัญหำในกำรดำเนนิ ชวี ิต และมีนสิ ยั รกั กำรอำ่ น ตัวช้ีวัด ท ๑.๑ ม. ๑/๔ ระบุและอธิบำยคำเปรียบเทยี บและคำที่มีหลำยควำมหมำยในบริบทต่ำง ๆ จำกกำรอ่ำน จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ ความรู้ อธิบำยควำมเปรียบในโคลงโลกนิติ ทักษะกระบวนการ วิเครำะหค์ วำมเปรยี บในโคลงโลกนิติ คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ เหน็ ควำมสำคัญของควำมเปรียบในโคลงโลกนติ ิ สาระการเรียนรู้ ควำมเปรียบในโคลงโลกนติ ิ กระบวนการจดั การเรยี นรู้ ข้ันนาเขา้ สูบ่ ทเรียน ครสู นทนำกบั นักเรยี นเกีย่ วกับกำรใชค้ วำมเปรยี บใดบ้ำงเมื่อสือ่ สำรในชวี ิตประจำวัน ควำมเปรียบนั้น ชัดเจนหรอื ไม่ อย่ำงไร ครอู ธิบำยเพมิ่ เติม ขน้ั พฒั นาผู้เรยี น ๑. นกั เรยี นรว่ มกนั เตมิ คำในชอ่ งวำ่ งในแถบข้อควำม แล้วบอกวำ่ ควำมเปรยี บนนั้ มคี วำมหมำย อยำ่ งไร ปลำรำ้ พันห่อด้วย (ใบคำ) (หมำยถึง คนทีไ่ ปคบหำคนไม่ดยี ่อมเปน็ คนไม่ดีตำมไปด้วย)
(ผลเด่ือ) เม่ือสุกไซร้ มพี รรณ (หมำยถงึ คนที่รปู รำ่ งหนำ้ ตำดี บุคลกิ ภำยนอกดี) (หัวเตำ่ ) ยำวแลว้ สัน้ เล่ห์ลน้ิ ทรชน (หมำยถงึ คำพดู ท่กี ลับกลอกของคนชัว่ ) ๒. นักเรยี นแบง่ กลุ่ม ๖ กลมุ่ หำควำมเปรียบในโคลงโลกนิติและวเิ ครำะห์ควำมหมำยออกมำ นำเสนอหน้ำชัน้ เรียน ครูและนักเรยี นรว่ มกันตรวจสอบควำมถกู ต้อง ๓. นักเรยี นแตล่ ะกลุม่ แต่งข้อควำม กลอนเปล่ำ หรืองำนเขียนรูปแบบอื่น ๆ ตำมควำมถนดั โดยใช้ ควำมเปรยี บ และกำหนดเร่ืองรำวตำมควำมสนใจ จำกนน้ั ส่งตวั แทนออกมำนำเสนอผลงำนหน้ำชน้ั เรียน ครู และนักเรียนร่วมกนั ตรวจสอบและแสดงควำมคิดเห็น ขนั้ สรปุ นักเรียนและครรู ว่ มกนั สรปุ ควำมรู้ ควำมเปรียบเป็นกำรเปรียบเทยี บสิ่งใดสงิ่ หนึ่งให้เห็นภำพทช่ี ัดเจนขนึ้ เน้ือหำในโคลงโลกนิติเป็นสุภำษติ คำสอนจึงใช้ควำมเปรยี บเพอื่ ให้ผู้อ่ำนเห็นภำพและเขำ้ ใจเนอื้ หำ เชื่อมโยงกับ ชีวิตประจำวัน ส่ือการเรยี นรู้ ๑. แถบข้อควำม ๒. กระดำษสำหรบั ทำกจิ กรรม การวดั ผลประเมินผล ๑. วิธกี ารวัดและประเมนิ ผล ๑) สงั เกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในกำรเข้ำร่วมกิจกรรม ๒) สังเกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในกำรเขำ้ ร่วมกจิ กรรมกลุม่ ๓) ตรวจผลงำนของนกั เรยี น ๒. เคร่อื งมอื ๑) แบบสังเกตพฤติกรรมกำรเขำ้ ร่วมกิจกรรม ๒) แบบสังเกตพฤติกรรมกำรเขำ้ รว่ มกิจกรรมกลุ่ม ๓. เกณฑก์ ารประเมนิ ๑) กำรประเมินพฤติกรรมกำรเข้ำร่วมกิจกรรม ผ่ำนต้ังแต่ ๒ รำยกำร ถอื วำ่ ผา่ น ผำ่ น ๑ รำยกำร ถือวำ่ ไม่ผา่ น ๒) กำรประเมนิ พฤตกิ รรมกำรเข้ำรว่ มกิจกรรมกลุ่ม คะแนน ๙ - ๑๐ ระดับ ดีมำก คะแนน ๗ - ๘ ระดบั ดี คะแนน ๕ - ๖ ระดบั พอใช้ คะแนน ๐ - ๔ ระดบั ควรปรับปรุง
แผนการจัดการเรยี นรู้ ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี ๑ กลมุ่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย เวลา ๒๒ ช่วั โมง หนว่ ยที่ ๒ โคลงโลกนิติ เวลา ๑ ชั่วโมง แผนการเรยี นร้ทู ี่ ๒๙ วิเคราะห์คาพอ้ งในโคลงโลกนติ ิ ภาคเรยี นท่ี ๑ ผสู้ อน นางสาวจริ าพร กุลให้ สาระสาคญั คำพ้องแบ่งเป็นคำพ้องรูปซึ่งเขียนเหมือนกัน อ่ำนออกเสียงต่ำงกัน คำพ้องเสียงเป็นคำที่เขียนต่ำงกัน อ่ำนออกเสียงเหมือนกัน ส่วนคำพ้องรูปพ้องเสียงเป็นคำท่ีเขียนและอ่ำนออกเสียงเหมือนกัน คำพ้องท้ัง ๓ ประเภทมีควำมหมำยแตกต่ำงกัน กำรเข้ำใจควำมหมำยของคำพ้อง ต้องพิจำรณำบริบทแวดล้อมจึงจะทรำบ ควำมหมำยอย่ำงถูกต้อง ส่วนคำพ้องควำมหมำยหรือคำไวพจน์เป็นคำที่เขียนต่ำงกัน อำ่ นออกเสียงต่ำงกัน แต่ ควำมหมำยเหมอื นกนั กำรนำคำไปใชต้ อ้ งเลือกใชใ้ หเ้ หมำะสมกับบริบท มาตรฐานการเรยี นรู้ มำตรฐำน ท ๑.๑ ใช้กระบวนกำรอ่ำนสร้ำงควำมรแู้ ละควำมคิดเพ่อื นำไปใชต้ ัดสนิ ใจ แกป้ ญั หำในกำรดำเนินชวี ติ และมีนิสัยรกั กำรอำ่ น มำตรฐำน ท ๔.๑ เขำ้ ใจธรรมชำตขิ องภำษำและหลกั ภำษำไทย กำรเปล่ยี นแปลง ของภำษำและพลังของภำษำ ภูมปิ ญั ญำทำงภำษำ และรักษำภำษำไทย ไวเ้ ป็นสมบัติของชำติ ตวั ชว้ี ดั ท ๑.๑ ม. ๑/๕ ตคี วำมคำยำกในเอกสำรวิชำกำรโดยพจิ ำรณำจำกบรบิ ท ท ๔.๑ ม. ๑/๒ สร้ำงคำในภำษำไทย จุดประสงค์การเรยี นรู้ ความรู้ อธิบำยลักษณะของคำพ้อง ทักษะกระบวนการ ๑. ตีควำมคำยำกจำกบรบิ ท ๒. วเิ ครำะห์คำพ้องในโคลงโลกนิติ คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ เหน็ ควำมสำคัญของกำรนำคำพอ้ งไปใช้อยำ่ งถูกต้อง สาระการเรยี นรู้ คำพ้อง กระบวนการจดั การเรยี นรู้ ข้นั นาเขา้ สู่บทเรียน ครูตดิ แถบประโยคให้นักเรยี นอำ่ นบนกระดำนพร้อมกนั แล้วสังเกตลกั ษณะคำท่ขี ีดเสน้ ใต้ - นอ้ งใช้ขันสีชมพูตกั น้ำอำบ - แม่มอี ำรมณข์ ำขนั เสมอ
ขน้ั พัฒนาผเู้ รียน ๑. นักเรยี นอ่ำนประโยคจำกแถบประโยคต่อไปนี้ แล้วร่วมกันบอกลกั ษณะของคำพ้อง ในวนอทุ ยำนแหง่ ชำติมีแหลง่ นำ้ วน (คาพอ้ งรูป) เขำพิศดูดอกไมม้ ีพษิ อย่ำงระมัดระวัง (คาพ้องเสียง) แมส่ วมผ้ำมัดหม่ีทำเส้นหม่ี (คาพ้องรปู พ้องเสียง) กำรสดบั หรอื ฟงั มำกทำใหเ้ ปน็ ผรู้ ู้ (คาพอ้ งความหมาย) ๒. นักเรยี นศึกษำควำมรเู้ รอื่ ง คำพ้อง แลว้ ร่วมกันสรุปควำมเข้ำใจ ครูเปน็ ผูอ้ ธิบำยเพ่ิมเติม ๓. นักเรยี นแบ่งกลุม่ ๖ กลุ่ม หำคำพ้องในโคลงโลกนิติ ดงั น้ี กลุม่ ๑, ๔ หำคำพ้องเสียง กลุ่ม ๒, ๕ หำคำพ้องรูปพอ้ งเสียง กลุ่ม ๓, ๖ หำคำพ้องควำมหมำย ออกมำนำเสนอหนำ้ ช้ันเรยี น ครูและนักเรียนร่วมกันตรวจสอบควำมถกู ต้อง ๔. นักเรียนแต่ละกลมุ่ รวบรวมคำพ้องท่ใี ช้ในชวี ติ ประจำวนั เพิ่มเติมจำกโคลงโลกนิติ ตำมประเภทท่ี ไดร้ บั มอบหมำย เช่น ในโคลงโลกนิติมคี ำวำ่ สำร คำที่ใช้ในชีวติ ประจำวนั เชน่ ข้ำวสำร สอื่ สำร นติ ยสำร แตล่ ะกลุ่มส่งตวั แทนออกมำนำเสนอหนำ้ ช้ันเรียน พรอ้ มทงั้ เขียนคำบนกระดำน ครูและนักเรยี นรว่ มกัน ตรวจสอบควำมถูกต้อง และเสนอแนะเพิ่มเติม ขั้นสรุป นกั เรียนและครูร่วมกันสรุปควำมรู้ คำพ้องแบ่งเปน็ คำพอ้ งรปู ซง่ึ เขียนเหมือนกนั อำ่ นออกเสยี ต่ำงกนั คำพ้องเสียงเป็นคำ ทเ่ี ขียนต่ำงกัน อ่ำนออกเสยี งเหมือนกัน สว่ นคำพอ้ งรปู พ้องเสียงเปน็ คำที่เขียนและอำ่ น ออกเสยี งเหมือนกนั คำพ้องท้ัง ๓ ประเภทมคี วำมหมำยแตกตำ่ งกนั กำรเขำ้ ใจควำมหมำยของคำพ้องต้อง พจิ ำรณำบริบทแวดล้อมจึงจะทรำบควำมหมำยอย่ำงถูกต้อง ส่วนคำพ้องควำมหมำยหรือคำไวพจน์เป็นคำที่เขียน ตำ่ งกนั อำ่ นออกเสยี งต่ำงกนั แตค่ วำมหมำยเหมอื นกัน กำรนำคำไปใชต้ อ้ งเลือกใช้ ใหเ้ หมำะสมกับบริบท สอ่ื การเรยี นรู้ แถบประโยค การวดั ผลประเมนิ ผล ๑. วิธีการวดั และประเมนิ ผล ๑) สังเกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในกำรเขำ้ ร่วมกิจกรรม ๒) สงั เกตพฤติกรรมของนักเรียนในกำรเข้ำร่วมกจิ กรรมกล่มุ ๓) ตรวจผลงำนของนกั เรียน ๒. เครอ่ื งมอื ๑) แบบสงั เกตพฤติกรรมกำรเขำ้ รว่ มกิจกรรม ๒) แบบสงั เกตพฤติกรรมกำรเขำ้ รว่ มกจิ กรรมกลุ่ม ๓. เกณฑก์ ารประเมิน ๑) กำรประเมินพฤติกรรมกำรเข้ำร่วมกจิ กรรม ผ่ำนต้งั แต่ ๒ รำยกำร ถือว่ำผา่ น
ผำ่ น ๑ รำยกำร ถือวำ่ ไม่ผ่าน ๒) กำรประเมนิ พฤตกิ รรมกำรเข้ำร่วมกจิ กรรมกลมุ่ คะแนน ๙ - ๑๐ ระดบั ดมี ำก คะแนน ๗ - ๘ ระดบั ดี คะแนน ๕ - ๖ ระดับ พอใช้ คะแนน ๐ - ๔ ระดับ ควรปรับปรุง
แผนการจัดการเรียนรู้ ช้นั มธั ยมศึกษาปที ี่ ๑ กลุ่มสาระการเรยี นร้ภู าษาไทย เวลา ๒๒ ชวั่ โมง หนว่ ยท่ี ๒ โคลงโลกนิติ เวลา ๑ ช่ัวโมง แผนการเรียนรทู้ ี่ ๓๐ ฉันทลกั ษณโ์ คลงโลกนิติ ภาคเรียนท่ี ๑ ผสู้ อน นางสาวจริ าพร กลุ ให้ สาระสาคญั คำประพนั ธป์ ระเภทโคลงบงั คับกำรใช้คำเอก คำโท บำงคำจึงต้องใช้คำเอกโทษ โทโทษ เพื่อให้ถูกต้อง ตำมฉันทลักษณ์ และสื่อควำมหมำยตำมท่ีผู้แต่งต้องกำร กำรเข้ำใจคำเอกโทษ โทโทษ ทำให้เข้ำใจเน้ือหำใน โคลงโลกนิติมำกข้ึน และกำรอ่ำนคำในโคลงโลกนิติอย่ำงถูกต้อง ทำให้ได้รับอรรถรสในกำรอ่ำน และส่ือ ควำมหมำยไดต้ รงตำมต้องกำร มาตรฐานการเรยี นรู้ มำตรฐำน ท ๑.๑ ใช้กระบวนกำรอ่ำนสร้ำงควำมรู้และควำมคิดเพอื่ นำไปใช้ตัดสินใจ แก้ปัญหำในกำรดำเนนิ ชวี ติ และมีนิสยั รกั กำรอ่ำน ตัวชี้วัด ท ๑.๑ ม. ๑/๑ อำ่ นออกเสียงบทร้อยแก้วและบทร้อยกรองได้ถกู ต้องเหมำะสมกบั เร่ืองท่ีอำ่ น ท ๑.๑ ม. ๑/๙ มมี ำรยำทในกำรอำ่ น จุดประสงค์การเรยี นรู้ ความรู้ อธิบำยคำเอก คำโท ตำมฉันทลกั ษณ์ของโคลงส่ีสภุ ำพ ทกั ษะกระบวนการ อำ่ นออกเสียงคำในโคลงโลกนิตแิ ละเขียนคำอ่ำน คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ เหน็ ควำมสำคญั ของกำรเลือกใช้คำในคำประพันธ์ สาระการเรยี นรู้ ๑. คำเอกโทษ คำโทโทษ ๒. กำรเขียนคำอำ่ น กระบวนการจัดการเรียนรู้ ข้ันนาเขา้ สู่บทเรียน ครูอ่ำนคำประพนั ธ์จำกนริ ำศภูเขำทอง กับโคลงโลกนิตใิ หน้ ักเรียนฟงั พรอ้ งทั้งนำแผนผงั กลอน และ โคลงให้นกั เรยี นบอกควำมแตกต่ำง ครูอธิบำยเพิ่มเติม ข้ันพัฒนาผเู้ รยี น ๑. นักเรยี นอำ่ นและสังเกตคำประพันธ์ท่ีครกู ำหนด แลว้ ร่วมกันบอกควำมแตกต่ำงและลักษณะคำ ประพนั ธ์ท่ีถกู ต้อง
ห่งิ ห้อยส่องกน้ ซู่ แสงจันทร์ ปัดเทยี บเทียมรัตนอ์ ัน เอ่ยี มข้ำ หิง่ หอ้ ยส่องก้นสู้ แสงจนั ทร์ ปดั เทยี บเทียมรัตนอ์ นั เอี่ยมค่ำ ๒. นกั เรียนศึกษำควำมรเู้ รอื่ ง คำเอกโทษ โทโทษ แล้วรว่ มกันสรุปควำมเขำ้ ใจ ครูเปน็ ผอู้ ธิบำย เพิม่ เติม ๓. นกั เรยี นแบง่ กล่มุ ๕ กล่มุ พจิ ำรณำคำเอกโทษและคำโทโทษในโคลงโลกนิตกิ ลุ่มละ ๑๐ บท ดังน้ี กลุม่ ๑ บทที่ ๑ - ๑๐ กลมุ่ ๒ บทท่ี ๑๑ - ๒๐ กลุ่ม ๓ บทท่ี ๒๑ - ๓๐ กลมุ่ ๔ บทท่ี ๓๑ - ๔๐ กลุ่ม ๕ บทท่ี ๔๑ - ๕๐ โดยบอกคำเอกโทษ คำโทโทษ กำรสะกดคำทถ่ี ูกต้องตำมอักขรวธิ ีและควำมหมำยของคำ ออกมำ นำเสนอหนำ้ ชัน้ เรยี น ครแู ละนกั เรียนรว่ มกันตรวจสอบควำมถกู ต้อง ๔. นักเรยี นแต่ละกลุ่มสำรวจคำศัพทใ์ นโคลงโลกนติ ิท่ไี ด้รับมอบหมำยวำ่ มีคำใดอำจจะอ่ำนไดไ้ ม่ ถกู ต้อง ให้ตรวจสอบคำอ่ำนจำกพจนำนุกรม บันทึกและนำมำแลกเปลยี่ นกนั ศกึ ษำระหว่ำงกลมุ่ ๕. นักเรยี นแต่ละกลุ่มช่วยกนั เขยี นคำอำ่ นจำกบัตรคำที่ครกู ำหนดบนกระดำน ดังนี้ รสมำลย์ สัปปรุ ุษ รัถยำ สมมติ มยรุ อำตมำ หวัว ศิขรำ จวัก เสนหำ เมื่อครบทุกคำแลกเปล่ียนกันตรวจสอบควำมถูกตอ้ ง ข้ันสรุป นักเรียนและครูรว่ มกันสรปุ ควำมรู้ ดงั นี้ คำประพนั ธป์ ระเภทโคลงบังคับกำรใชค้ ำเอก คำโท บำงคำ จึงต้องใช้คำเอกโทษ โทโทษ เพ่อื ให้ถูกต้องตำมฉันทลักษณ์ และส่ือควำมหมำยตำมทผี่ ู้แต่งต้องกำร กำรเข้ำใจ คำเอกโทษ โทโทษ ทำใหเ้ ข้ำใจเน้ือหำในโคลงโลกนิตมิ ำกขึ้น และกำรอำ่ นคำในโคลงโลกนติ อิ ยำ่ งถูกต้อง ทำให้ ไดร้ ับอรรถรสในกำรอ่ำนและสอ่ื ควำมหมำยไดต้ รงตำมต้องกำร ส่อื การเรียนรู้ ๑. บตั รคำ ๒. แถบข้อควำม ๓. พจนำนกุ รม ๔. แผนผังกลอนและแผนผังโคลง
การวดั ผลประเมนิ ผล ๑. วธิ ีการวดั และประเมินผล ๑) สังเกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในกำรเขำ้ รว่ มกิจกรรม ๒) สังเกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในกำรเข้ำร่วมกจิ กรรมกลุม่ ๓) ตรวจผลงำนของนกั เรียน ๒. เคร่ืองมอื ๑) แบบสงั เกตพฤติกรรมกำรเขำ้ ร่วมกจิ กรรม ๒) แบบสงั เกตพฤติกรรมกำรเขำ้ ร่วมกจิ กรรมกลุ่ม ๓. เกณฑก์ ารประเมนิ ๑) กำรประเมินพฤติกรรมกำรเข้ำร่วมกิจกรรม ผำ่ นตงั้ แต่ ๒ รำยกำร ถอื ว่ำผ่าน ผำ่ น ๑ รำยกำร ถอื วำ่ ไมผ่ า่ น ๒) กำรประเมนิ พฤตกิ รรมกำรเข้ำร่วมกิจกรรมกลุ่ม คะแนน ๙ - ๑๐ ระดบั ดีมำก คะแนน ๗ - ๘ ระดบั ดี คะแนน ๕ - ๖ ระดบั พอใช้ คะแนน ๐ - ๔ ระดบั ควรปรบั ปรงุ
แผนการจัดการเรียนรู้ ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๑ กลุม่ สาระการเรยี นรูภ้ าษาไทย เวลา ๒๒ ช่วั โมง หนว่ ยที่ ๒ โคลงโลกนิติ เวลา ๑ ชั่วโมง แผนการเรยี นรทู้ ่ี ๓๑ บทอาขยานในโคลงโลกนิติ ภาคเรยี นท่ี ๑ ผสู้ อน นางสาวจริ าพร กุลให้ สาระสาคญั บทอำขยำนในโคลงโลกนติ ิมีคุณค่ำท้งั ดำ้ นเนอ้ื หำท่ีให้ข้อคิดและคุณค่ำด้ำนภำษำที่ไพเรำะคมคำย กำร ท่องจำบทอำขยำนจึงมีประโยชน์สำมำรถนำไปใชใ้ นกำรดำเนนิ ชวี ติ ได้ มาตรฐานการเรยี นรู้ มำตรฐำน ท ๕.๑ เขำ้ ใจและแสดงควำมคิดเหน็ วิจำรณว์ รรณคดแี ละวรรณกรรมไทย อย่ำงเหน็ คุณคำ่ และนำมำประยกุ ตใ์ ชใ้ นชีวิตจริง ตวั ชวี้ ัด ท ๕.๑ ม. ๑/๕ ทอ่ งจำบทอำขยำนตำมทก่ี ำหนดและบทร้อยกรองทีม่ คี ณุ คำ่ ตำมควำมสนใจ จุดประสงค์การเรียนรู้ ความรู้ อธิบำยคณุ ค่ำบทอำขยำนจำกโคลงโลกนิติ ทกั ษะกระบวนการ ท่องจำบทอำขยำนจำกโคลงโลกนติ ิ คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ ตระหนกั ในคณุ คำ่ ของบทอำขยำนเพือ่ นำข้อคดิ ท่ีได้มำประยุกตใ์ ช้ในชวี ิตจริง สาระการเรยี นรู้ กำรทอ่ งจำบทอำขยำน กระบวนการจดั การเรยี นรู้ ข้ันนาเข้าสบู่ ทเรยี น ครสู นทนำกับนักเรียนว่ำ เคยท่องจำบทอำขยำนหรือไม่ และบทท่ีท่องจำมีวำ่ อยำ่ งไร ครอู ธบิ ำยถงึ ควำมสำคัญของกำรท่องจำบทอำขยำน ข้นั พัฒนาผ้เู รียน ๑. นักเรยี นฟงั ครูอำ่ นโคลงโลกนติ ิแบบทำนองเสนำะแล้วร่วมกันบอกจังหวะกำรเว้นวรรค ๒. นักเรยี นศกึ ษำควำมรูเ้ ร่อื ง กำรอำ่ นออกเสียงบทร้อยกรอง และกำรอ่ำนโคลงส่สี ุภำพแล้ว รว่ มกันสรุปควำมเขำ้ ใจ ครูเป็นผูอ้ ธบิ ำยเพ่มิ เตมิ ๓. นักเรยี นอำ่ นออกเสียงบทอำขยำนโคลงโลกนติ ิแบบธรรมดำ โดยเวน้ จงั หวะกำรอ่ำนใหถ้ ูกต้อง ดงั น้ี
พระสมุทร / สดุ ลึกล้น // คณนำ // สำยดง่ิ / ท้ิงทอดมำ // หยงั่ ได้ // เขำสงู / อำจวดั วำ // กำหนด // จติ มนษุ ย์ / นีไ้ ซร้ // ยำกแท้ / หย่งั ถึง // ชลธำร // กำ้ นบัว / บอกลึกตนื้ // ชำติเชื้อ // มำรยำท / ส่อสันดำน // ควรทรำบ // โฉดฉลำด / เพรำะคำขำน // บอกร้ำย / แสลงดนิ // หยอ่ มญำ่ / เห่ียวแห้งเรื้อ // เขำหนัง // อยู่ไซร้ // โคควำย / วำยชพี ได้ // ขำรรำ่ ง // เปน็ ส่งิ / เปน็ อันยงั // แต่ร้ำย / กบั ดี // คนเดด็ / ดบั สูญสงั - // แหนงหนี // เป็นช่ือ / เปน็ เสียงได้ // มำกได้ // วำอำตม์ // เพือ่ นกนิ / ส้ินทรัพย์แล้ว // ยำกแท้ / จักหำ หำง่ำย / หลำยหมน่ื มี // เพ่ือนตำย / ถำ่ ยแทนชี-// หำยำก / ฝำกผีไข้ // ๔. นักเรยี นอำ่ นออกเสยี งบทอำขยำนจำกโคลงโลกนิตแิ บบทำนองเสนำะตำมครูพร้อมกัน และฝกึ อ่ำนจนคล่องแคล่ว ๕. นกั เรียนท่องจำบทอำขยำนจำกโคลงโลกนติ ิ และมำท่องกบั ครเู ปน็ รำยบุคคลเพอ่ื ประเมินผลตำม ตัวชีว้ ัด (ครูอำจจดั กิจกรรมน้ีนอกเวลำเรยี น) ๖. นักเรยี นชว่ ยกนั วิเครำะห์คุณค่ำของบทอำขยำนจำกโคลงโลกนติ ใิ นด้ำนวรรณศิลปแ์ ละด้ำน เนอื้ หำ ครูช่วยแนะนำและอธิบำยเพม่ิ เติม ขัน้ สรุป นักเรียนและครรู ่วมกันสรุปควำมรู้ ดังนี้ บทอำขยำนในโคลงโลกนติ มิ คี ณุ ค่ำทั้งดำ้ นเนอื้ หำท่ใี ห้ข้อคิด และคณุ ค่ำด้ำนภำษำท่ีไพเรำะคมคำย กำรทอ่ งจำบทอำขยำนจงึ มปี ระโยชนส์ ำมำรถนำไปใช้ในกำรดำเนนิ ชีวติ ได้ สอ่ื การเรยี นรู้ บทอำขยำน การวดั ผลประเมนิ ผล ๑. วิธีการวดั และประเมนิ ผล สงั เกตพฤติกรรมของนักเรียนในกำรเขำ้ ร่วมกิจกรรม ๒. เครอ่ื งมอื แบบสังเกตพฤติกรรมกำรเข้ำรว่ มกิจกรรม ๓. เกณฑ์การประเมนิ กำรประเมินพฤติกรรมกำรเขำ้ รว่ มกจิ กรรม ผำ่ นตง้ั แต่ ๒ รำยกำร ถอื วำ่ ผา่ น ผำ่ น ๑ รำยกำรถอื วำ่ ไม่ผา่ น
การประเมินผลตามสภาพจริง (Rubrics) กำรประเมินกิจกรรมนีใ้ หผ้ ู้สอนพิจำรณำจำกเกณฑ์กำรประเมินผลตำมสภำพจริง (Rubrics) เร่ือง กำรท่องจำบทอำขยำน ระดับคะแนน ๔๓๒๑ เกณฑก์ ารประเมิน ท่องจำบทอำขยำน ทอ่ งจำบทอำขยำน ทอ่ งจำบทอำขยำน ท่องจำบทอำขยำน กำรทอ่ งจำ ไดถ้ ูกตอ้ งทกุ คำ ได้ถูกต้องทกุ คำ ได้ถูกตอ้ งทุกคำ ได้ถูกต้องทกุ คำ บทอำขยำน ไมม่ ีตดิ ขัด ตกหล่น ไม่มตี ดิ ขดั ตกหล่น ไมม่ ตี ิดขดั ตกหลน่ แตม่ ีตดิ ขัดบำ้ ง ออกเสียงคำ ออกเสียงคำ ออกเสยี งคำ ออกเสียงคำบำงคำ ถูกต้องชดั เจน ถูกต้องชดั เจน ถูกต้องชัดเจน ยงั ไม่ชดั เจน ทกุ คำ เว้นจังหวะ ทุกคำ เวน้ จังหวะ ทุกคำ เว้นจงั หวะ เว้นจังหวะ วรรคตอนถูกต้อง วรรคตอนถูกตอ้ ง วรรคตอนถูกตอ้ ง วรรคตอนถูกต้อง ทุกวรรค ใช้ระดับ- ทุกวรรค ใชร้ ะดับ- เป็นสว่ นใหญ่ เป็นบำงวรรค เสยี งแสดงอำรมณ์ เสยี งแสดงอำรมณ์ ใชร้ ะดบั เสียง ระดับเสียง ตำมบทประพันธ์ ตำมบทประพนั ธ์ แสดงอำรมณต์ ำม รำบเรยี บ ไดด้ มี ำก ไดด้ ี บทประพันธ์ ไม่แสดงอำรมณ์ ได้พอใช้
แผนการจัดการเรยี นรู้ ชนั้ มธั ยมศึกษาปีที่ ๑ กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย เวลา ๒๒ ชัว่ โมง หนว่ ยท่ี ๒ โคลงโลกนติ ิ เวลา ๑ ชั่วโมง แผนการเรยี นรูท้ ี่ ๓๒ กลวิธกี ารประพันธใ์ นโคลงโลกนิติ ภาคเรียนที่ ๑ ผู้สอน นางสาวจริ าพร กลุ ให้ สาระสาคญั กลวธิ ีกำรประพนั ธเ์ ปน็ กำรเลือกใชถ้ ้อยคำใหเ้ กิดควำมไพเรำะงดงำมและชว่ ยสื่อควำมหมำยใหเ้ กิด ควำมชัดเจนมำกยิ่งขึ้น กลวิธกี ำรประพันธม์ ีหลำยรูปแบบ เช่น กำรใช้คำอปุ มำ อปุ ลักษณ์กำรเลน่ คำ และกำร เล่นเสยี ง กำรเข้ำใจกลวธิ กี ำรประพนั ธท์ ำให้เข้ำใจเน้ือหำในคำประพนั ธ์ และตระหนกั ในคณุ คำ่ ของคำประพนั ธ์ มำกข้นึ มาตรฐานการเรียนรู้ มำตรฐำน ท ๕.๑ เข้ำใจและแสดงควำมคิดเห็น วจิ ำรณ์วรรณคดแี ละวรรณกรรมไทย อยำ่ งเหน็ คุณคำ่ และนำมำประยกุ ตใ์ ช้ในชวี ติ จรงิ ตวั ชี้วัด ท ๕.๑ ม. ๑/๒ วเิ ครำะห์วรรณคดีและวรรณกรรมท่ีอ่ำนพร้อมยกเหตุผลประกอบ จดุ ประสงค์การเรียนรู้ ความรู้ อธบิ ำยกลวธิ ีกำรประพันธ์ ทักษะกระบวนการ วเิ ครำะหก์ ลวธิ ีกำรประพันธ์ คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ เห็นควำมสำคัญของกำรใช้กลวิธกี ำรประพันธ์ในกำรแต่งคำประพนั ธ์ สาระการเรียนรู้ กลวธิ กี ำรประพันธ์ กระบวนการจดั การเรยี นรู้ ขนั้ นาเข้าสบู่ ทเรียน นกั เรียนร่วมกันแสดงควำมคิดเห็นวำ่ ลักษณะเฉพำะของบทรอ้ ยกรองมีอะไรบ้ำง ขนั้ พัฒนาผู้เรียน ๑. นักเรียนอำ่ นคำประพนั ธ์ท่คี รูกำหนด แล้วร่วมกันบอกลักษณะเด่นของคำประพนั ธ์ นำงนวลจับนำงนวลนอน เหมือนท่ีแนบนวลสมรจนิ ตะหรำ จำกพรำกจับจำกจำนรรจำ เหมือนจำกนำงสกำระวำตี
พระผ่ำนแผ่นไผททรง สืบไท้ กลดงั่ สร้อยสอดคล้อง เวย่ี ไวใ้ นกรรณ ๒. นกั เรียนศึกษำควำมรเู้ รื่อง กลวธิ ีกำรประพนั ธ์ แลว้ รว่ มกนั สรปุ ควำมเข้ำใจ ครูเป็นผู้อธิบำยเพิ่มเติม ๓. นกั เรียนแบ่งกลมุ่ ๕ กลุ่ม วิเครำะห์กลวิธีกำรประพนั ธใ์ นโคลงโลกนติ ิ ดงั น้ี กลุ่ม ๑ อุปมำ อปุ ลักษณ์ กลุ่ม ๒ กำรเล่นคำซำ้ กำรเล่นคำพอ้ งเสียง กำรเลน่ คำพ้องควำมหมำย กลุ่ม ๓ กำรเลน่ คำตรงขำ้ ม กำรเล่นคำเชิงถำม กลุ่ม ๔ กำรเล่นเสียงสัมผสั อักษร กำรเล่นเสียงวรรณยกุ ต์ กลุ่ม ๕ อัพภำส บุคคลวตั หรือบุคลำธิษฐำน ออกมำนำเสนอหนำ้ ชัน้ เรยี น ครูและนกั เรยี นร่วมกนั ตรวจสอบควำมถูกต้อง ขัน้ สรปุ นกั เรียนและครรู ่วมกนั สรปุ ควำมรู้ กลวิธกี ำรประพันธเ์ ปน็ กำรเลือกใช้ถ้อยคำใหเ้ กิดควำมไพเรำะ งดงำมและชว่ ยส่ือควำมหมำยใหเ้ กดิ ควำมชัดเจนมำกย่ิงขึ้น กลวิธีกำรประพันธ์มีหลำยรปู แบบ เชน่ กำรใช้คำ อปุ มำ อุปลกั ษณ์ กำรเล่นคำ และกำรเล่นเสียง กำรเข้ำใจกลวิธกี ำรประพนั ธ์ทำให้เขำ้ ใจเนื้อหำในคำประพันธ์ และตระหนักในคุณคำ่ ของคำประพนั ธม์ ำกขึ้น สอ่ื การเรียนรู้ แถบข้อควำม การวัดผลประเมนิ ผล ๑. วธิ ีการวัดและประเมินผล ๑) สังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในกำรเขำ้ รว่ มกจิ กรรม ๒) สังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในกำรเขำ้ ร่วมกจิ กรรมกลุ่ม ๓) ตรวจผลงำนของนกั เรียน ๒. เคร่อื งมอื ๑) แบบสังเกตพฤติกรรมกำรเขำ้ รว่ มกิจกรรม ๒) แบบสงั เกตพฤติกรรมกำรเขำ้ รว่ มกิจกรรมกลุ่ม ๓. เกณฑก์ ารประเมิน ๑) กำรประเมินพฤติกรรมกำรเข้ำร่วมกจิ กรรม ผำ่ นตั้งแต่ ๒ รำยกำร ถือว่ำ ผ่าน ผ่ำน ๑ รำยกำรถอื ว่ำ ไมผ่ า่ น ๒) กำรประเมินพฤตกิ รรมกำรเข้ำร่วมกิจกรรมกลมุ่ คะแนน ๙ - ๑๐ ระดบั ดีมำก คะแนน ๗ - ๘ ระดับ ดี คะแนน ๕ - ๖ ระดบั พอใช้ คะแนน ๐ - ๔ ระดบั ควรปรับปรงุ
แผนการจดั การเรยี นรู้ ชนั้ มัธยมศึกษาปีที่ ๑ กล่มุ สาระการเรียนรูภ้ าษาไทย เวลา ๒๒ ชั่วโมง หนว่ ยที่ ๒ โคลงโลกนติ ิ เวลา ๑ ช่ัวโมง แผนการเรียนรู้ท่ี ๓๓ คาสอนในโคลงโลกนติ ิ ภาคเรียนที่ ๑ ผ้สู อน นางสาวจิราพร กลุ ให้ สาระสาคัญ โคลงโลกนิติเป็นสภุ ำษติ ไทยโบรำณท่มี ีเน้ือหำให้คติสอนใจ ทงั้ ในเร่ืองกำรพฒั นำตนเองและกำรปฏบิ ตั ิ ตนตอ่ ผู้อ่นื กำรเข้ำใจเนื้อหำในโคลงโลกนติ ิ ทำใหส้ ำมำรถนำคำสอนไปประยุกตใ์ ช้ในกำรดำเนนิ ชีวติ ประจำวัน ได้ มาตรฐานการเรยี นรู้ มำตรฐำน ท ๕.๑ เข้ำใจและแสดงควำมคิดเหน็ วจิ ำรณว์ รรณคดีและวรรณกรรมไทย อยำ่ งเห็นคุณค่ำ และนำมำประยุกตใ์ ชใ้ นชวี ิตจริง ตัวชีว้ ัด ท ๕.๑ ม. ๑/๒ วิเครำะห์วรรณคดีและวรรณกรรมที่อำ่ นพร้อมยกเหตุผลประกอบ จุดประสงค์การเรยี นรู้ ความรู้ อธิบำยคำสอนในโคลงโลกนิติ ทักษะกระบวนการ วิเครำะห์คำสอนในโคลงโลกนิติ คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ เหน็ ควำมสำคัญของกำรนำคำสอนในโคลงโลกนิตไิ ปใชใ้ นชวี ิตจริง สาระการเรยี นรู้ คำสอนในโคลงโลกนติ ิ กระบวนการจัดการเรียนรู้ ขั้นนาเข้าสบู่ ทเรียน นกั เรยี นเลอื กอ่ำนโคลงโลกนิติจำนวน ๓ บท และช่วยกันถอดคำประพันธ์ ครูอธบิ ำยเพ่ิมเติม และทบทวนเน้ือหำโคลงโลกนิติ ขัน้ พฒั นาผเู้ รยี น ๑. นักเรียนอำ่ นโคลงโลกนติ ิที่ครกู ำหนด แล้วรว่ มกนั บอกคำสอนทไ่ี ดจ้ ำกโคลงโลกนติ ิ - ขนุนสกุ สล้ำงแหง่ สำขำ กำรรูจ้ กั พิจำรณำคน ภำยนอกเห็นหนำมหนำ หนัน่ แท้ กำรทำควำมดี ละเว้นควำมช่ัว - โคควำยวำยชพี ได้ เขำหนงั
- ถึงจนทนสกู้ ัด กนิ เกลอื กำรรักศักดิศ์ รี - ฝนท่งั เท่ำเขม็ เพยี ร ผำ่ ยหน้ำ ควำมขยันหมน่ั เพียรในกำรศึกษำ - ไมค้ อ้ มมีลูกน้อม นวยงำม ควำมอ่อนน้อมถ่อมตน ๒. นักเรยี นแบง่ กลุ่ม ๖ กลมุ่ เลือกโคลงโลกนิติกลุ่มละ ๒ บท แลว้ บอกคำสอน ออกมำนำเสนอหนำ้ ช้ันเรยี น ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกันตรวจสอบควำมถกู ต้อง ๓. นกั เรียนแต่ละกลุ่มแสดงบทบำทสมมตุ ิประกอบคำสอนในโคลงโลกนติ ิกลมุ่ ละ ๑ คำสอน ครู และนกั เรยี นร่วมกนั ประเมินผลงำน ขั้นสรปุ นักเรยี นและครูร่วมกันสรปุ ควำมรู้ โคลงโลกนติ เิ ปน็ สภุ ำษิตไทยโบรำณที่มเี นื้อหำใหค้ ติสอนใจทง้ั ใน เรื่องกำรพัฒนำตนเองและกำรปฏบิ ตั ติ นต่อผอู้ ืน่ กำรเข้ำใจเนอื้ หำในโคลงโลกนติ ิ ทำใหส้ ำมำรถนำคำสอนไป ประยกุ ตใ์ ชใ้ นกำรดำเนนิ ชีวิตประจำวนั ได้ ส่อื การเรียนรู้ แถบข้อควำม การวดั ผลประเมินผล ๑. วิธีการวัดและประเมินผล ๑) สังเกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในกำรเขำ้ รว่ มกิจกรรม ๒) สงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในกำรเขำ้ รว่ มกจิ กรรมกลมุ่ ๓) ตรวจผลงำนของนักเรยี น ๒. เครอื่ งมอื ๑) แบบสงั เกตพฤติกรรมกำรเข้ำรว่ มกจิ กรรม ๒) แบบสงั เกตพฤติกรรมกำรเขำ้ รว่ มกิจกรรมกลุ่ม ๓. เกณฑก์ ารประเมิน ๑) กำรประเมนิ พฤตกิ รรมกำรเข้ำรว่ มกจิ กรรม ผำ่ นตง้ั แต่ ๒ รำยกำร ถือวำ่ ผ่าน ผ่ำน ๑ รำยกำร ถือว่ำไมผ่ า่ น ๒) กำรประเมนิ พฤติกรรมกำรเข้ำรว่ มกิจกรรมกลุม่ คะแนน ๙ - ๑๐ ระดับ ดีมำก คะแนน ๗ - ๘ ระดับ ดี คะแนน ๕ - ๖ ระดบั พอใช้ คะแนน ๐ - ๔ ระดบั ควรปรบั ปรงุ
แผนการจัดการเรียนรู้ ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ี่ ๑ กล่มุ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย เวลา ๒๒ ชัว่ โมง หน่วยท่ี ๒ โคลงโลกนติ ิ เวลา ๑ ชั่วโมง แผนการเรียนรู้ที่ ๓๔ คาพังเพยสภุ าษิตในโคลงโลกนิติ ภาคเรยี นท่ี ๑ ผูส้ อน นางสาวจริ าพร กุลให้ สาระสาคญั คำพังเพยและสุภำษิตเป็นถ้อยคำสำนวนที่มุ่งให้คติในกำรดำเนินชีวิต โดยคำพังเพยมีควำมหมำย กลำงๆ ทแี่ ฝงข้อคดิ เตอื นใจให้นำไปปฏิบัติ ส่วนสุภำษิตมุง่ เน้นกำรสัง่ สอนตักเตอื นให้จดจำ ในโคลงโลกนิตมิ ีคำ สอนท่ีสอดคล้องกับคำพังเพยและสุภำษิต กำรเข้ำใจเน้ือหำทำให้สำมำรถนำคำพังเพยและสุภำษิตไป ประยกุ ตใ์ ชใ้ นชวี ิตประจำวนั ได้ มาตรฐานการเรยี นรู้ มำตรฐำน ท ๔.๑ เขำ้ ใจธรรมชำติของภำษำและหลักภำษำไทย กำรเปลย่ี นแปลง ของภำษำและพลงั ของภำษำ ภูมปิ ญั ญำทำงภำษำ และรักษำภำษำไทย ไวเ้ ปน็ สมบัติของชำติ ตวั ชว้ี ัด ท ๔.๑ ม. ๑/๖ จำแนกและใชส้ ำนวนทเ่ี ป็นคำพงั เพยและสุภำษิต จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ ความรู้ อธบิ ำยควำมหมำยของสภุ ำษิตและคำพังเพย ทกั ษะกระบวนการ วิเครำะห์คำสอนในโคลงโลกนิติเชื่อมโยงกบั สุภำษิตและคำพังเพย คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ เหน็ ควำมสำคัญของกำรนำสุภำษติ และคำพงั เพยมำประยุกตใ์ ชใ้ นกำรปฏิบัติตน สาระการเรยี นรู้ คำพังเพยและสุภำษติ กระบวนการจัดการเรยี นรู้ ข้ันนาเขา้ สบู่ ทเรียน นกั เรียนร่วมกันเติมคำพังเพยและสภุ ำษติ ในช่องวำ่ ง โดยครูบอกควำมหมำย เชน่ (คนที่มีควำมผิดตดิ ตัวทำให้คอยหวำดระแวง) (ทำควำมดีแตไ่ มไ่ ด้รบั กำรยกย่องเพรำะไม่มีใครเหน็ ) (ควรทำตำมแบบอย่ำงเฉพำะในดำ้ นดี สง่ิ ที่ไม่ดีก็ไม่ควรเลียนแบบ)
จำกน้ันรว่ มกนั สนทนำเกี่ยวกับลักษณะของคำพังเพยและสุภำษติ ขั้นพฒั นาผูเ้ รยี น ๑. นักเรยี นศกึ ษำควำมรูเ้ รื่อง สำนวนท่เี ปน็ คำพังเพยและสุภำษติ แล้วรว่ มกนั สรปุ ควำมเขำ้ ใจ ครเู ปน็ ผู้อธบิ ำยเพ่มิ เติม ๒. นกั เรยี นดูภำพคำพังเพยและสุภำษติ แล้วรว่ มกนั บอกคำพังเพยและสภุ ำษติ พร้อมท้ังควำมหมำย ครูและนกั เรียนรว่ มกันตรวจสอบควำมถูกต้อง ๓. นักเรียนชว่ ยกันคน้ หำโคลงโลกนิตทิ ี่สอดคลอ้ งกับภำพและคำพังเพยหรือสุภำษิตดังกลำ่ ว ๔. นักเรียนแบง่ กล่มุ กลุ่มละ ๓-๔ คน วำดภำพให้สอดคลอ้ งกบั สภุ ำษติ หรือคำพังเพยในโคลงโลกนิติ ระบำยสตี กแตง่ ให้สวยงำม ออกมำนำเสนอหน้ำชั้นเรียน โดยใหเ้ พื่อนทำยวำ่ ตรงกบั โคลงโลกนติ ิบทใด ข้นั สรปุ นกั เรยี นและครรู ่วมกนั สรุปควำมรู้ คำพงั เพยและสภุ ำษิตเป็นถ้อยคำสำนวนท่ีมุ่งให้คติในกำร ดำเนินชวี ติ โดยคำพังเพยมคี วำมหมำยกลำง ๆ ท่ีแฝงข้อคิดเตอื นใจให้นำไปปฏิบตั ิ สว่ นสุภำษติ มุ่งเน้นกำรสงั่ สอน ตักเตือนให้จดจำ ในโคลงโลกนติ มิ ีคำสอนทีส่ อดคล้องกับคำพงั เพยและสุภำษิต กำรเขำ้ ใจเนื้อหำทำให้ สำมำรถนำคำพงั เพยและสภุ ำษิตไปประยุกต์ใชใ้ นชีวติ ประจำวันได้ สอ่ื การเรยี นรู้ ๑. แถบข้อควำม ๒. ภำพ ๓. กระดำษสำหรับวำดภำพ ๔. สีไม้ สเี ทยี น การวัดผลประเมนิ ผล ๑. วธิ ีการวัดและประเมินผล ๑) สงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในกำรเขำ้ ร่วมกจิ กรรม ๒) สงั เกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในกำรเข้ำร่วมกิจกรรมกลมุ่ ๓) ตรวจผลงำนของนกั เรยี น ๒. เครื่องมอื ๑) แบบสังเกตพฤติกรรมกำรเขำ้ รว่ มกจิ กรรม ๒) แบบสังเกตพฤติกรรมกำรเขำ้ รว่ มกิจกรรมกลุ่ม ๓. เกณฑก์ ารประเมนิ ๑) กำรประเมินพฤตกิ รรมกำรเข้ำรว่ มกิจกรรม ผ่ำนต้ังแต่ ๒ รำยกำร ถอื ว่ำ ผ่าน ผ่ำน ๑ รำยกำร ถอื ว่ำไมผ่ า่ น ๒) กำรประเมนิ พฤติกรรมกำรเข้ำร่วมกิจกรรมกล่มุ คะแนน ๙ - ๑๐ ระดบั ดมี ำก คะแนน ๗ - ๘ ระดบั ดี คะแนน ๕ - ๖ ระดบั พอใช้ คะแนน ๐ - ๔ ระดบั ควรปรบั ปรุง
แผนการจดั การเรยี นรู้ ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๑ กลมุ่ สาระการเรยี นร้ภู าษาไทย เวลา ๒๒ ชว่ั โมง หน่วยท่ี ๒ โคลงโลกนิติ เวลา ๑ ช่ัวโมง แผนการเรยี นรทู้ ี่ ๓๕ คณุ คา่ ของโคลงโลกนติ ิ ภาคเรียนท่ี ๑ ผูส้ อน นางสาวจิราพร กุลให้ สาระสาคญั กำรพินิจคุณค่ำของโคลงโลกนิติแบ่งเป็นคุณค่ำด้ำนวรรณศิลป์ คุณค่ำด้ำนแนวคิดคุณค่ำด้ำนเน้ือหำ และคุณค่ำด้ำนสังคม ซึ่งคุณค่ำแต่ละด้ำนนั้นมีประโยชน์ต่อกำรศึกษำวรรณคดี และกำรนำมำประยุกต์ใช้ใน กำรดำเนนิ ชวี ิตประจำวัน มาตรฐานการเรยี นรู้ มำตรฐำน ท ๑.๑ ใช้กระบวนกำรอำ่ นสรำ้ งควำมรแู้ ละควำมคดิ เพ่อื นำไปใชต้ ัดสินใจ แกป้ ญั หำในกำรดำเนินชีวติ และมีนิสยั รกั กำรอำ่ น มำตรฐำน ท ๕.๑ เขำ้ ใจและแสดงควำมคดิ เหน็ วิจำรณว์ รรณคดแี ละวรรณกรรมไทย อย่ำงเหน็ คุณค่ำ และนำมำประยกุ ตใ์ ชใ้ นชีวิตจรงิ ตัวช้วี ัด วเิ ครำะหค์ ุณคำ่ ที่ได้รับจำกกำรอ่ำนงำนเขียนอยำ่ งหลำกหลำย ท ๑.๑ ม. ๑/๘ เพ่อื นำไปใช้แกป้ ัญหำในชีวติ อธิบำยคณุ คำ่ ของวรรณคดแี ละวรรณกรรมทอี่ ำ่ น ท ๕.๑ ม. ๑/๓ จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ ความรู้ อธิบำยคณุ ค่ำของโคลงโลกนิติ ทกั ษะกระบวนการ พินิจคุณคำ่ ของโคลงโลกนติ ิ คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ เหน็ ควำมสำคญั ของคณุ คำ่ ในโคลงโลกนิติเพ่ือนำไปปฏิบัตใิ นชวี ิตจริง สาระการเรยี นรู้ คณุ คำ่ โคลงโลกนิติ กระบวนการจดั การเรียนรู้ ขนั้ นาเขา้ สบู่ ทเรียน นกั เรียนอ่ำนโคลงโลกนิตบิ ทท่ีครูกำหนด แล้วร่วมกันบอกลักษณะเด่นของโคลง และข้อคิดทีไ่ ดร้ ับ หำ้ มเพลิงไวอ้ ย่ำให้ มีควัน ห้ำมสุริยแสงจนั ทร์ สอ่ งไซร้ ห้ำมอำยุใหห้ นั คนื เลำ่
ห้ำมดัง่ น้ีไว้ได้ จึ่งหำ้ มนินทำ ขั้นพฒั นาผู้เรยี น (การเลน่ คา้ ซ้า เพ่ือเน้นความหมาย ใหข้ อ้ คิดวา่ ไม่มีใครห้ามการตฉิ นิ นนิ ทาได้) ๑. นกั เรยี นศกึ ษำควำมรูเ้ ร่ือง กำรพินิจคุณคำ่ ของวรรณคดี แลว้ รว่ มกนั สรปุ ควำมเข้ำใจ ครูเป็นผู้ อธบิ ำยเพ่มิ เตมิ ๒. นักเรียนแบง่ กลุม่ ๔ กลมุ่ พินิจคุณคำ่ ของโคลงโลกนติ ิ ดังน้ี กล่มุ ๑ คุณคำ่ ด้ำนวรรณศิลป์ กล่มุ ๒ คุณคำ่ ด้ำนแนวคิด กลมุ่ ๓ คุณคำ่ ด้ำนเนอื้ หำ กลุ่ม ๔ คุณค่ำด้ำนสังคม เขียนเป็นแผนภำพควำมคดิ แล้วออกมำนำเสนอหน้ำชัน้ เรยี น ครแู ละนกั เรยี นร่วมกันตรวจสอบ ควำมถูกต้อง ขนั้ สรปุ นักเรียนและครูร่วมกนั สรปุ ควำมรู้ กำรพนิ ิจคุณค่ำของโลกนิตแิ บง่ เปน็ คุณคำ่ ด้ำนวรรณศิลป์ คุณคำ่ ดำ้ นแนวคดิ คุณค่ำด้ำนเนื้อหำ และคณุ ค่ำด้ำนสังคม ซง่ึ คุณคำ่ แตล่ ะดำ้ นนน้ั มีประโยชนต์ อ่ กำรศกึ ษำวรรณคดี และกำรนำมำประยุกตใ์ ช้ในกำรดำเนนิ ชวี ติ ประจำวัน สื่อการเรียนรู้ แผนภูมคิ ำประพนั ธ์ การวัดผลประเมนิ ผล ๑. วิธีการวดั และประเมนิ ผล ๑) สงั เกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในกำรเขำ้ รว่ มกจิ กรรม ๒) สงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในกำรเขำ้ รว่ มกจิ กรรมกลุ่ม ๓) ตรวจผลงำนของนักเรยี น ๒. เครือ่ งมือ ๑) แบบสังเกตพฤติกรรมกำรเข้ำร่วมกจิ กรรม ๒) แบบสงั เกตพฤติกรรมกำรเข้ำรว่ มกจิ กรรมกลุ่ม ๓. เกณฑก์ ารประเมนิ ๑) กำรประเมนิ พฤตกิ รรมกำรเข้ำร่วมกจิ กรรม ผ่ำนต้ังแต่ ๒ รำยกำร ถอื วำ่ ผา่ น ผ่ำน ๑ รำยกำร ถือวำ่ ไม่ผา่ น ๒) กำรประเมนิ พฤติกรรมกำรเข้ำร่วมกจิ กรรมกลมุ่ คะแนน ๙ - ๑๐ ระดับ ดีมำก คะแนน ๗ - ๘ ระดบั ดี คะแนน ๕ - ๖ ระดบั พอใช้ คะแนน ๐ - ๔ ระดบั ควรปรบั ปรงุ
แผนการจดั การเรยี นรู้ ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี ๑ กลุม่ สาระการเรียนรูภ้ าษาไทย เวลา ๒๒ ชั่วโมง หน่วยท่ี ๒ โคลงโลกนติ ิ เวลา ๑ ช่ัวโมง แผนการเรยี นร้ทู ่ี ๓๖ การเขยี นบรรยายประสบการณ์ ภาคเรียนท่ี ๑ ผู้สอน นางสาวจิราพร กุลให้ สาระสาคัญ กำรเขียนบรรยำยประสบกำรณ์ เป็นกำรเขียนอธิบำยเรื่องรำวต่ำง ๆ ตำมลำดับเหตุกำรณ์ และตำม ควำมเป็นจริง ผู้เขียนจึงต้องใช้สำนวนภำษำ ถ้อยคำอย่ำงเหมำะสม เรียบเรียงลำดับเหตุกำรณ์ให้เป็นลำดับ เพอื่ ใหผ้ ูอ้ ำ่ นเข้ำใจเร่อื งและเกดิ ควำมรสู้ ึกคล้อยตำมเรื่องรำวท่ีผูเ้ ขยี นต้องกำรเล่ำ มาตรฐานการเรียนรู้ มำตรฐำน ท ๒.๑ ใชก้ ระบวนกำรเขียนเขยี นสื่อสำร เขยี นเรียงควำม ยอ่ ควำม และเขียน เรอ่ื งรำวในรปู แบบต่ำง ๆ เขียนรำยงำนข้อมูลสำรสนเทศ และรำยงำน กำรศกึ ษำคน้ ควำ้ อยำ่ งมีประสิทธิภำพ ตวั ชี้วดั ท ๒.๑ ม. ๑/๓ เขยี นบรรยำยประสบกำรณ์โดยระบุสำระสำคัญและรำยละเอยี ด สนับสนนุ เขียนบรรยำยประสบกำรณ์เกี่ยวกับกำรปฏิบตั ติ นตำมหลกั เศรษฐกจิ พอเพยี ง และค่ำนิยม ๑๒ ประกำรณ์ ท ๒.๑ ม. ๑/๙ มีมำรยำทในกำรเขียน จุดประสงค์การเรยี นรู้ ความรู้ อธิบำยลกั ษณะกำรเขยี นบรรยำยประสบกำรณ์ ทักษะกระบวนการ เขยี นบรรยำยประสบกำรณ์ คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ เหน็ ควำมสำคญั ของกำรเขยี นบรรยำยประสบกำรณ์ สาระการเรียนรู้ กำรเขียนบรรยำยประสบกำรณ์ กระบวนการจัดการเรยี นรู้ ขน้ั นาเขา้ สบู่ ทเรยี น ครอู ำ่ นข้อควำมใหน้ ักเรยี นฟงั แล้วให้นกั เรยี นชว่ ยกนั ตอบคำถำม จำกนั้นครนู กั เรยี นร่วมกันแสดง ควำมคิดเหน็ เกย่ี วกับประเภทของงำนเขียน ข้นั พฒั นาผเู้ รียน
๑. นักเรียนอ่ำนงำนเขยี นบรรยำยประสบกำรณท์ ี่ครูเตรยี มมำจำกนิตยสำรหรืออนิ เทอร์เน็ต ท่มี ี เน้ือหำเหมำะสมและนำ่ สนใจ แลว้ ร่วมกนั สนทนำเกีย่ วกับลักษณะของงำนเขียน ๒. นักเรยี นศกึ ษำควำมรู้เร่อื ง กำรเขียนบรรยำยประสบกำรณ์ แลว้ รว่ มกนั สรปุ ควำมเข้ำใจ ครเู ป็นผู้ อธบิ ำยเพ่ิมเตมิ ๓. นกั เรียนเขยี นแผนภำพควำมคดิ เก่ยี วกับประสบกำรณ์จำกสงิ่ ต่ำง ๆ จำกนัน้ เขยี นบรรยำย ประสบกำรณ์ โดยเลอื กรูปแบบตำมควำมสนใจ เชน่ - เรยี งควำม - จดหมำย - บนั ทึก ๔. ตัวแทนนกั เรียนออกมำนำเสนอหนำ้ ชัน้ เรยี น ครูและนักเรยี นร่วมกันตรวจสอบควำมถูกต้อง และประเมินผลงำน ขั้นสรุป นกั เรียนและครูร่วมกนั สรุปควำมรู้ กำรเขียนบรรยำยประสบกำรณ์ เปน็ กำรเขยี นอธบิ ำยเรื่องรำว ต่ำง ๆ ตำมลำดับเหตุกำรณ์ และตำมควำมเปน็ จริง ผเู้ ขียนจึงตอ้ งใช้สำนวนภำษำ ถ้อยคำอยำ่ งเหมำะสม เรยี บ เรยี งลำดบั เหตกุ ำรณ์ให้เป็นลำดับ เพ่ือให้ผ้อู ่ำนเข้ำใจเร่ืองและเกิดควำมรสู้ ึกคล้อยตำมเร่ืองรำวทผี่ ู้เขียน ตอ้ งกำรเลำ่ สือ่ การเรยี นรู้ ตัวอยำ่ งงำนเขียนบรรยำยประสบกำรณ์ การวัดผลประเมินผล ๑. วิธีการวัดและประเมินผล ๑) สังเกตพฤติกรรมของนกั เรียนในกำรเข้ำรว่ มกจิ กรรม ๒) ตรวจผลงำนของนักเรยี น ๒. เคร่อื งมือ แบบสังเกตพฤติกรรมกำรเข้ำรว่ มกิจกรรม ๓. เกณฑก์ ารประเมนิ ผ่าน กำรประเมินพฤตกิ รรมกำรเข้ำรว่ มกิจกรรม ไม่ผา่ น ผำ่ นตง้ั แต่ ๒ รำยกำร ถือว่ำ ผ่ำน ๑ รำยกำร ถอื ว่ำ
แผนการจัดการเรียนรู้ ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๑ กลมุ่ สาระการเรยี นรูภ้ าษาไทย เวลา ๒๒ ช่ัวโมง หน่วยท่ี ๒ โคลงโลกนติ ิ เวลา ๑ ช่ัวโมง แผนการเรยี นร้ทู ี่ ๓๗ การพดู แสดงความคิดเห็น ภาคเรยี นท่ี ๑ ผู้สอน นางสาวจริ าพร กุลให้ สาระสาคญั กำรพูดแสดงควำมคิดอย่ำงสรำ้ งสรรค์ เปน็ กำรใชค้ วำมคิดพิจำรณำประเด็นตำ่ ง ๆ โดยเป็นควำมคิดที่ แปลกใหม่ น่ำสนใจ และสร้ำงสรรค์สังคม ผู้พูดจึงต้องศึกษำเรื่องน้ันอย่ำงละเอียด วิเครำะห์ วิจำรณ์ และ ประเมินค่ำอยำ่ งมีหลกั เกณฑ์ เพื่อใหผ้ ูฟ้ ังได้รบั ประโยชน์ และสำมำรถนำไปประยกุ ต์ใช้ได้ในชวี ิตจริง มาตรฐานการเรียนรู้ มำตรฐำน ท ๓.๑ สำมำรถเลือกฟังและดูอย่ำงมีวจิ ำรณญำณ และพูดแสดงควำมรู้ ควำมคิด และควำมรูส้ ึกในโอกำสต่ำง ๆ อยำ่ งมีวิจำรณญำณ และสรำ้ งสรรค์ ตวั ชวี้ ดั ท ๓.๑ ม. ๑/๓ พดู แสดงควำมคิดเห็นอย่ำงสร้ำงสรรคเ์ ก่ียวกับเร่ืองที่ฟังและดู ท ๓.๑ ม. ๑/๖ มมี ำรยำทในกำรฟัง กำรดู และกำรพูด จุดประสงค์การเรียนรู้ ความรู้ อธบิ ำยหลกั กำรพูดแสดงควำมคดิ อย่ำงสร้ำงสรรค์ ทกั ษะกระบวนการ พูดแสดงควำมคดิ อยำ่ งสร้ำงสรรค์ คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ เหน็ ควำมสำคญั ของกำรพูดแสดงควำมคิดอยำ่ งสร้ำงสรรค์ท่สี ำมำรถนำไปใชใ้ นชีวิตจรงิ สาระการเรยี นรู้ กำรพูดแสดงควำมคดิ เห็น กระบวนการจัดการเรียนรู้ ขนั้ นาเขา้ สู่บทเรียน นักเรยี นร่วมกันเสนอควำมคดิ หวั ขอ้ “ทำอยำ่ งไรนกั เรยี นจึงจะสนุกกับกำรเรียนภำษำไทย” เม่อื นกั เรยี นเสนอควำมคิดพอสมควร ใหน้ ักเรยี นสังเกตลักษณะของกำรพดู ดงั กล่ำว ขัน้ พฒั นาผู้เรียน ๑. นกั เรียนศกึ ษำควำมรู้เร่ือง กำรพดู แสดงควำมคิดอย่ำงสร้ำงสรรค์ แล้วร่วมกนั สรปุ ควำมเข้ำใจ ครูเปน็ ผอู้ ธิบำยเพ่ิมเติม
๒. นักเรยี นแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ ๔-๕ คน เลอื กประเดน็ ขำ่ วที่นำ่ สนใจในขณะนน้ั หรือปญั หำในชุมชน ท่ีอยำกใหช้ ่วยแก้ไข นำมำพูดแสดงควำมคดิ อย่ำงสรำ้ งสรรค์ ออกมำนำเสนอหน้ำชน้ั เรียน ครูและนกั เรียน รว่ มกนั ตรวจสอบควำมถูกต้อง และประเมินผลกำรพูด ขน้ั สรุป นักเรยี นและครูร่วมกันสรปุ ควำมรู้ กำรพดู แสดงควำมคดิ อย่ำงสรำ้ งสรรค์ เปน็ กำรใชค้ วำมคิด พจิ ำรณำประเดน็ ตำ่ ง ๆ โดยเป็นควำมคิดทีแ่ ปลกใหม่ นำ่ สนใจ และสรำ้ งสรรค์สังคม ผู้พูดจึงต้องศึกษำเร่ือง นน้ั อยำ่ งละเอยี ด วิเครำะห์ วจิ ำรณ์ และประเมนิ ค่ำอย่ำงมีหลกั เกณฑ์ เพ่ือใหผ้ ฟู้ ังได้รบั ประโยชน์ และสำมำรถ นำไปประยุกต์ใชไ้ ดใ้ นชีวิตจริง สอ่ื การเรยี นรู้ - การวัดผลประเมนิ ผล ๑. วิธีการวัดและประเมินผล ๑) สงั เกตพฤติกรรมของนักเรียนในกำรเข้ำรว่ มกจิ กรรม ๒) ตรวจผลงำนของนกั เรียน ๒. เครือ่ งมอื ๑) แบบสงั เกตพฤติกรรมกำรเขำ้ ร่วมกิจกรรม ๒) แบบสงั เกตพฤติกรรมกำรเข้ำรว่ มกจิ กรรมกลุ่ม ๓. เกณฑก์ ารประเมิน ๑) กำรประเมนิ พฤติกรรมกำรเข้ำร่วมกจิ กรรม ผ่ำนต้ังแต่ ๒ รำยกำร ถือวำ่ ผ่าน ผำ่ น ๑ รำยกำร ถอื ว่ำไม่ผา่ น ๒) กำรประเมินพฤตกิ รรมกำรเข้ำร่วมกิจกรรมกลมุ่ คะแนน ๙ - ๑๐ ระดับ ดีมำก คะแนน ๗ - ๘ ระดบั ดี คะแนน ๕ - ๖ ระดบั พอใช้ คะแนน ๐ - ๔ ระดับ ควรปรับปรุง
แผนการจดั การเรยี นรู้ ชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี ๑ กลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาไทย เวลา ๒๒ ช่ัวโมง หนว่ ยที่ ๒ โคลงโลกนิติ เวลา ๑ ชั่วโมง แผนการเรยี นรูท้ ่ี ๓๘ การพดู และเขียนเลา่ เร่อื ง ภาคเรยี นท่ี ๑ ผสู้ อน นางสาวจิราพร กลุ ให้ สาระสาคญั กำรพูดหรอื เขยี นเล่ำเรือ่ งที่สอดคล้องกับคำสอนในโคลงโลกนติ ิ เปน็ กำรพูดหรือเขยี นเพื่อแสดงให้เห็น ว่ำโคลงโลกนิติเป็นสภุ ำษิตคำสอนที่มคี วำมทันสมัย เหมำะสมกับกำรดำเนินชีวติ ในปัจจุบัน ผู้พูดหรือเขียนเล่ำ เรือ่ งต้องเข้ำใจเนื้อหำในโคลงโลกนติ จิ งึ จะสำมำรถนำมำเชือ่ มโยงกบั ชีวติ จรงิ ได้ มาตรฐานการเรียนรู้ มำตรฐำน ท ๒.๑ ใช้กระบวนกำรเขยี นเขียนส่ือสำร เขียนเรยี งควำม ย่อควำม และเขียน เร่อื งรำวในรปู แบบต่ำง ๆ เขียนรำยงำนขอ้ มลู สำรสนเทศ และรำยงำน กำรศกึ ษำค้นควำ้ อยำ่ งมปี ระสิทธภิ ำพ มำตรฐำน ท ๓.๑ สำมำรถเลอื กฟังและดูอย่ำงมีวิจำรณญำณ และพูดแสดงควำมรู้ ควำมคิด และควำมรู้สกึ ในโอกำสตำ่ ง ๆ อย่ำงมวี ิจำรณญำณ และสรำ้ งสรรค์ ตวั ชว้ี ัด ท ๒.๑ ม. ๑/๓ เขียนบรรยำยประสบกำรณโ์ ดยระบุสำระสำคัญและรำยละเอียดสนับสนุน เช่น กำรเขยี นบรรยำยประสบกำรณเ์ กี่ยวกบั ตนตำมคำ่ นิยม ๑๒ ประกำร ท ๒.๑ ม. ๑/๙ มมี ำรยำทในกำรเขยี น ท ๓.๑ ม. ๑/๓ พูดแสดงควำมคดิ เหน็ อย่ำงสร้ำงสรรค์เกีย่ วกบั เรื่องท่ีฟังและดู ท ๓.๑ ม. ๑/๖ มีมำรยำทในกำรฟัง กำรดู และกำรพดู จุดประสงค์การเรียนรู้ ความรู้ สรุปลักษณะกำรเขียนบรรยำยประสบกำรณ์และหลกั กำรพูดแสดงควำมคิดอยำ่ งสร้ำงสรรค์ ทกั ษะกระบวนการ เขียนบรรยำยประสบกำรณห์ รอื พูดแสดงควำมคิดอย่ำงสร้ำงสรรค์ตำมประเด็นที่กำหนด คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ เหน็ ควำมสำคัญและกระตือรือรน้ ในกำรร่วมกิจกรรม สาระการเรียนรู้ กำรพดู หรือเขยี นเล่ำเร่ือง
กระบวนการจดั การเรยี นรู้ ข้ันนาเข้าสูบ่ ทเรยี น นกั เรยี นแสดงควำมคิดเห็นวำ่ กำรพูดหรือเขียนเล่ำเร่ือง มีควำมสำคัญอยำ่ งไร ข้นั พฒั นาผเู้ รยี น ๑. นักเรียนอ่ำนข้อควำมท่ีครูกำหนด แลว้ ร่วมกนั บอกวำ่ ข้อควำมดงั กล่ำวสอดคลอ้ งกบั คำสอนใน โคลงโลกนติ บิ ทใด สมัยที่ผมยงั เป็นเด็ก ในวนั แม่ ๑๒ สงิ หำ ท่โี รงเรียนจะเปดิ เพลงคำ่ น้ำนมหนำ้ เสำธงจนผมตอ้ งร้องไห้ โฮออกมำทุกที เพรำะมันแทงใจดำของผม พอเขำ้ ไปในห้องเรียน คุณครูประจำช้ัน ก็ใหพ้ วกเรำทำรำยงำนสง่ โดย ให้เขยี นเรยี งควำมวนั แม่ ซงึ่ ตอนนนั้ ผมก็เขียนบรรยำยไปตำมเรอ่ื งตำมรำว ว่ำแม่เลย้ี งดูเรำมำอย่ำงไร แม่รัก เรำแคไ่ หน ทุกวันแม่ทำอะไรให้เรำบ้ำง พรอ้ มท้ังคดั ลอกเพลง “ใครหนอ” รักเรำเท่ำชีวี มำประกอบเรียงควำม ให้ดซู ำบซงึ้ กินใจขนึ้ ผลงำนของผมได้รบั รำงวัลเรยี งควำมดีเดน่ จำกโรงเรียน แตค่ วำมรสู้ ึกในใจของผมในตอน นน้ั มนั ไม่ได้เศษเส้ยี วควำมรักที่ผมมใี หแ้ ม่ในตอนนเ้ี ลย เฉลย คณุ แมห่ นำหนกั เพี้ยง พสุธำ คณุ บิดรดจุ อำ กำศกว้ำง คุณพี่พ่ำงศขิ รำ เมรมุ ำศ คุณพระอำจำรยอ์ ำ้ ง อำจสสู้ ำคร ๒. นักเรียนแบง่ กลมุ่ กล่มุ ละ ๓-๔ คน หำขำ่ วในหนังสอื พิมพก์ ลุ่มละ ๑ ขำ่ ว ทีส่ อดคล้องกบั คำสอน ในโคลงโลกนติ ิ ตวั แทนกลุ่มออกมำนำเสนอหนำ้ ชนั้ เรยี น ครแู ละนกั เรยี นร่วมกนั ตรวจสอบควำมถกู ต้อง ๓. นกั เรียนทำแบบฝึกหัดเรื่อง กำรพูดหรือเขยี นเล่ำเร่ืองท่ีสะทอ้ นกำรใช้คำสอนในโคลงโลกนิติ แลว้ ออกมำนำเสนอหนำ้ ชั้นเรียน ทกุ คนรว่ มกนั ประเมินผลงำน และแสดงควำมคิดเห็นเพ่ิมเตมิ ขนั้ สรปุ นกั เรียนและครรู ่วมกนั สรปุ ควำมรู้ กำรพูดหรือเขียนเลำ่ เร่ืองที่สอดคล้องกับคำสอนในโคลงโลกนติ ิ เปน็ กำรพูดหรือเขียนเพ่ือแสดงให้เห็นว่ำโคลงโลกนติ ิเปน็ สุภำษติ คำสอนทม่ี ีควำมทันสมัย เหมำะสมกบั กำร ดำเนินชีวติ ในปจั จบุ นั ผพู้ ดู หรือเขยี นเลำ่ เร่ืองต้องเข้ำใจเนื้อหำในโคลงโลกนติ จิ ึงจะสำมำรถนำมำเช่ือมโยงกับ ชีวติ จริงได้ สอ่ื การเรยี นรู้ ๑. แถบข้อควำม ๒. หนงั สือพมิ พ์ การวัดผลประเมินผล ๑. วธิ ีการวดั และประเมินผล ๑) สงั เกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในกำรเข้ำรว่ มกิจกรรม ๒) สังเกตพฤติกรรมของนักเรยี นในกำรเขำ้ รว่ มกจิ กรรมกลมุ่ ๓) แบบฝกึ หดั ๒. เครอ่ื งมอื ๑) แบบสงั เกตพฤติกรรมกำรเข้ำร่วมกิจกรรม ๒) แบบสงั เกตพฤติกรรมกำรเขำ้ ร่วมกิจกรรมกลุ่ม
๓. เกณฑก์ ารประเมนิ ๑) กำรประเมินพฤตกิ รรมกำรเข้ำรว่ มกจิ กรรม ผำ่ นต้งั แต่ ๒ รำยกำร ถอื วำ่ ผา่ น ผ่ำน ๑ รำยกำร ถือวำ่ ไมผ่ า่ น ๒) กำรประเมินพฤตกิ รรมกำรเข้ำร่วมกิจกรรมกลมุ่ คะแนน ๙ - ๑๐ ระดับ ดีมำก คะแนน ๗ - ๘ ระดับ ดี คะแนน ๕ - ๖ ระดบั พอใช้ คะแนน ๐ - ๔ ระดบั ควรปรบั ปรงุ การประเมนิ ผลตามสภาพจรงิ (Rubrics) เรอ่ื ง กำรประเมนิ ช้นิ งำนนี้ ให้ผสู้ อนพิจำรณำจำกเกณฑ์กำรประเมนิ ผลตำมสภำพจริง (Rubrics) กำรพดู หรือเขยี นเล่ำเร่ืองทสี่ ะทอ้ นกำรใชค้ ำสอนในโคลงโลกนติ ิ ระดบั คะแนน ๔ ๓ ๒๑ เกณฑ์การประเมิน พูดหรอื เขยี น พดู หรือเขยี น พดู หรือเขยี น พดู หรอื เขียน กำรพูดหรือเขยี น เล่ำเรอ่ื งได้ตรง เล่ำเรื่องได้ตรง เล่ำเร่ืองได้ตรง เลำ่ เรื่องได้ตรง เล่ำเรือ่ งทส่ี ะทอ้ น ประเด็น ลำดบั ประเด็น ลำดบั ประเด็น ลำดบั ประเด็นแต่เพียง กำรใช้คำสอน เรื่องและยก เร่ืองและยก เร่ืองดี แต่ยก สนั้ ๆ มีกำร ในโคลงโลกนติ ิ ตัวอย่ำงประกอบ ตวั อยำ่ งประกอบ ตัวอยำ่ งประกอบ เช่อื มโยงกับ ชดั เจน สะท้อน ได้ดี สะท้อน ไมม่ ำกนกั คำสอนในโคลง-โลก ใหเ้ ห็นกำรนำ ใหเ้ หน็ กำรนำ สอดคลอ้ งกับ นติ บิ ำ้ ง คำสอนในโคลง- คำสอนในโคลง- คำสอนในโคลง- เลก็ น้อย โลกนติ มิ ำใช้ โลกนติ ิมำใช้ โลกนติ ิ กำรใช้ ประโยชน์ใน ประโยชนใ์ น ภำษำต้องปรับปรุง ชีวติ ประจำวัน ชีวิตประจำวัน เลก็ น้อย ได้ดีมำกและ ไดด้ ี กำรใช้ภำษำ ใช้ภำษำถูกต้อง ถูกต้องเหมำะสม เหมำะสม
แผนการจดั การเรียนรู้ ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ ๑ กลุ่มสาระการเรยี นรภู้ าษาไทย เวลา ๒๒ ชวั่ โมง หนว่ ยที่ ๒ โคลงโลกนิติ เวลา ๑ ชั่วโมง แผนการเรียนรทู้ ี่ ๓๙ การเขียนบนั ทกึ ความรู้ ภาคเรยี นที่ ๑ ผสู้ อน นางสาวจริ าพร กุลให้ สาระสาคัญ ๑. กำรเขียนกระทู้บนกระดำนสนทนำเปน็ กำรส่อื สำรประเภทหน่ึงบนส่อื อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ ทผี่ ู้เขยี นควรเลือกใช้ถ้อยคำให้กระชับ สุภำพ สื่อควำมหมำยได้ถูกต้อง และเขียนเร่ืองท่ีสร้ำงสรรค์ เพ่ือให้เป็น ประโยชน์แกผ่ อู้ ่ำน สำมำรถนำไปใชใ้ นชีวิตจริงได้ ๒. กำรเขียนบนั ทึกกำรเรยี นรเู้ ปน็ กำรเขียนควำมรู้ ควำมรูส้ กึ และควำมคิดเห็นจำกกำรอ่ำน วรรณคดี เพื่อพฒั นำควำมคดิ ของผู้อำ่ น มาตรฐานการเรียนรู้ มำตรฐำน ท ๒.๑ ใชก้ ระบวนกำรเขยี นเขยี นส่ือสำร เขียนเรยี งควำม ยอ่ ควำม และเขยี น เรือ่ งรำวในรปู แบบต่ำง ๆ เขยี นรำยงำนข้อมลู สำรสนเทศ และรำยงำน กำรศึกษำค้นควำ้ อยำ่ งมปี ระสิทธภิ ำพ มำตรฐำน ท ๕.๑ เข้ำใจและแสดงควำมคิดเหน็ วิจำรณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทย อย่ำงเห็นคุณคำ่ และนำมำประยุกตใ์ ช้ในชวี ิตจริง ตัวชี้วัด เขยี นส่ือสำรโดยใชถ้ ้อยคำถูกตอ้ ง ชัดเจน เหมำะสม และสละสลวย ท ๒.๑ ม. ๑/๒ มีมำรยำทในกำรเขยี น ท ๒.๑ ม. ๑/๙ สรุปเนอ้ื หำวรรณคดีและวรรณกรรมท่ีอ่ำน ท ๕.๑ ม. ๑/๑ สรุปควำมร้แู ละข้อคิดจำกกำรอ่ำนเพ่ือประยกุ ต์ใช้ในชวี ติ จรงิ ท ๕.๑ ม. ๑/๔ จุดประสงค์การเรียนรู้ ความรู้ อธบิ ำยหลกั กำรเขียนกระทบู้ นสอ่ื อิเล็กทรอนิกส์ ทักษะกระบวนการ ๑. เขียนกระทบู้ นส่ืออิเล็กทรอนกิ ส์ ๒. เขียนบันทกึ กำรเรียนรู้จำกกำรอำ่ นโคลงโลกนติ ิ คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ เห็นคณุ ค่ำของวรรณคดีและกำรใชส้ ื่ออิเล็กทรอนิกสใ์ ห้เปน็ ประโยชน์ สาระการเรียนรู้ ๑. กำรเขยี นกระทู้บนกระดำนสนทนำ ๒. กำรเขยี นบันทึกกำรเรยี นรู้
Search