Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการจัดการเรียนรู้ ป.6 หน่วยที่ 7 เรื่อง กว่าแผ่นดินจะกลบหน้า

แผนการจัดการเรียนรู้ ป.6 หน่วยที่ 7 เรื่อง กว่าแผ่นดินจะกลบหน้า

Published by KAGIROON, 2021-02-04 04:24:56

Description: แผนการจัดการเรียนรู้วิชาภาษาไทยพื้นฐาน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 (ท 16101) หน่วยที่ 7 เรื่อง กว่าแผ่นดินจะกลบหน้า

Search

Read the Text Version

แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๑ ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ กลุม่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย ๑ ปกี ารศกึ ษา หน่วยการเรียนรทู้ ี่ ๗ เรอื่ ง กวา่ แผน่ ดินจะกลบหนา้ เวลา ๑ ช่ัวโมง เรือ่ ง การอ่านในใจบทเรยี น แผนผงั ความคิดประจาหน่วยการเรยี นรู้ที่ ๗ การอา่ นในใจบทเรยี น การเขียนแผนภาพโครงเร่ือง คาใหม่ คายากในบทเรียน กว่าแผ่นดนิ จะกลบ การพดู หน้า การอ่านออกเสยี งบทเรียน การวิเคราะหส์ านวนทีเ่ ปน็ คา พังเพย สภุ าษิต การอภิปรายขอ้ คดิ จากบทเรยี น มาตรฐานการเรียนรู้ สาระที่ ๑ : การอา่ น มาตรฐาน ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอา่ นสร้างความรูแ้ ละความคิดเพ่ือนาไปใช้ตัดสินใจ แกป้ ญั หาใน การดาเนนิ ชีวติ และมนี ิสยั รักการอ่าน เป้าหมายการเรียนรูป้ ระจาหน่วย เมอื่ เรียนจบหน่วยนี้ ผู้เรียนจะมคี วามรู้ความสามารถต่อไปน้ี ๑. อา่ นออกเสยี งบทร้อยแก้วและบทร้อยกรองได้ถูกต้อง ๒. อธิบายความหมายของคา ประโยคและข้อความที่เป็นโวหาร ๓. อ่านเรื่องส้นั ๆ อยา่ งหลากหลาย โดยจบั เวลาแลว้ ถามเก่ยี วกบั เรือ่ งที่อ่าน ๔. แยกข้อเท็จจริงและข้อคดิ เห็นจากเรอ่ื งทอี่ ่าน ๕. อธบิ ายการนาความรแู้ ละความคิด จากเรื่องทีอ่ า่ นไปตัดสินใจแกป้ ัญหา ในการดาเนินชวี ติ ๖. อ่านงานเขยี นเชิงอธิบาย คาสัง่ ข้อแนะนา และปฏิบัติตาม ๗. อธบิ ายความหมายของข้อมลู จากการอ่านแผนผงั แผนที่ แผนภมู ิ และกราฟ ๘. อ่านหนงั สอื ตามความสนใจ และอธบิ ายคุณค่าทีไ่ ดร้ บั ๙. มมี ารยาทในการอ่าน คุณภาพทพี่ ึงประสงค์ของผูเ้ รยี น ๑. อ่านในใจบทเรยี นแลว้ สามารถตงั้ คาถามและตอบคาถามจากเรอ่ื งที่อ่านได้ ๒. อา่ นในใจบทเรยี นแลว้ อภิปรายแสดงความคิดเห็นเร่อื งท่ีอ่านได้ ๓. อ่านในใจบทเรียนแล้วลาดับเหตกุ ารณ์ของเรอ่ื งได้ ๔. อ่านในใจบทเรียนแล้วสรุปใจความสาคัญและข้อคิดของเร่อื งได้

ขอบขา่ ยสาระการเรียนรู้แกนกลางรายวิชา ภาษาไทย ตัวชวี้ ดั มาตรฐาน ท ๑.๑ (๓) อา่ นเรือ่ งสน้ั ๆ อยา่ งหลากหลาย โดยจบั เวลาแล้วถามเกีย่ วกับเร่ืองท่ีอา่ น (๔) แยกข้อเทจ็ จรงิ และข้อคิดเห็นจากเร่ืองท่อี ่าน สาระพนื้ ฐาน การอา่ นในใจ เรอ่ื ง กวา่ แผ่นดินจะกลบหน้า ความรู้ฟังแนน่ ตดิ ตัวผู้เรียน การอา่ นในใจเปน็ การอา่ นท่เี ข้าใจเรื่องราวได้เพยี งคนเดียว ผ้อู า่ นต้องใชส้ มาธใิ นการอา่ น ศกึ ษาคายาก ตั้งจดุ หมายในการอา่ น อ่านอยา่ งพนิ ิจ พจิ ารณา จะทาใหจ้ บั ใจความสาคัญของเร่ืองที่ อ่าน สามารถตอบคาถาม ลาดับเหตุการณ์ของเร่ือง และนาไปเขียนเป็นแผนภาพโครงเรื่อง เพ่ือเลา่ เรือ่ งและเขยี นเร่ืองได้ พฤตกิ รรมความพอเพียง ๑. ความพอเพียงดา้ นตนเอง มคี วามสนใจ ใฝร่ ้ใู ฝเ่ รียน ๒. มคี วามพอเพยี งด้านสงั คม ดาเนนิ ชีวิตตามกฎเกณฑข์ องสังคม อยรู่ ว่ มกับผอู้ ่ืนไดอ้ ย่างมี ความสุข ๓. ความพอเพียงดา้ นทรพั ยากร ใชท้ รัพยากรท่ีอย่อู ย่างคุ้มค่า ตามปรัชญาหลักเศรษฐกิจ พอเพียง ๔. ความพอเพียงดา้ นภูมิปัญญา สามารถนาความรู้ท่ไี ด้จากเรอ่ื ง การอยรู่ ่วมกนั และ ทางานร่วมกบั ผู้อ่นื ประยุกต์ใชใ้ นชีวิตประจาวัน กระบวนการเรยี นรู้ ๑. นักเรียนทาแบบทดสอบก่อนเรยี น ๒. นกั เรียนดรู ูปภาพจากบทเรียน แล้วสนทนากับนกั เรยี นเร่ือง “กวา่ แผน่ ดินจะกลบหน้า” ว่ามเี นือ้ เร่ืองกลา่ วถึงอะไรบ้าง ๓. นกั เรยี นอาสาสมคั ร ๒ คน ออกมาเล่าหรอื บรรยายเก่ยี วกับการได้รบั รู้ข่าวสาร เกีย่ วกบั การทุจรติ นกั เรยี นมีความรสู้ ึกเช่นไรกับขา่ วท่ีไดร้ ับรู้ ๔. ทบทวนเร่อื งจดุ มงุ่ หมายในการอา่ นในใจ และชว่ ยกนั เขยี นจดุ มงุ่ หมายการอา่ น ในใจบนกระดานดา เช่น อ่านในใจแล้วสามารถต้ังคาถาม ตอบคาถามได้,อภิปรายแสดงความ คิดเห็นเร่ืองได้ , สามารถลาดับเหตุการณ์ของเรื่องได้ และสรุปใจความสาคญั ของเรื่องได้ ๕. นกั เรยี นแบ่งกล่มุ โดยคละกันตามความเหมาะสม เกง่ ปานกลาง ออ่ น จากนั้น ร่วมกนั อภปิ รายเพ่ือแบ่งเน้ือหาของบทเรยี นออกเปน็ ๔ ตอน โดยส่งตวั แทนจบั ฉลากเพอ่ื เลือก เนอื้ หาของบทเรียนกลมุ่ ละ ๑ ตอน แล้ว ให้นักเรยี นแตล่ ะกลุ่มอ่านในใจตอนท่ีรับผิดชอบ รว่ มกนั อภปิ รายเพ่ือลาดับเหตกุ ารณ์สาคัญของเรอื่ ง สรปุ ใจความสาคัญของเร่ือง และผลดั กันต้งั คาถาม ตอบคาถามจากเรอ่ื งที่อ่าน ๖. ตัวแทนแต่ละกลุม่ ออกมารายงานผลการอภิปรายหน้าช้ันเรยี น ๗. นักเรียนทาใบงานท่ี ๑ ๘. นักเรยี นและครรู ว่ มกันสรุปบทเรียน เรอ่ื ง แนวปฏิบตั ิในการอ่านในใจท่ีถูกต้อง แลว้ ร่วมกนั สรุปลาดับเหตกุ ารณ์สาคัญและสรุปใจความสาคญั ของเรอ่ื ง จากน้นั นักเรยี นบันทกึ ลงสมดุ

สือ่ การเรยี นการสอน ๑. ประเภทสอ่ื - แบบทดสอบก่อนเรียน - แบบเรยี นภาษาไทย ชดุ ภาษาเพือ่ ชวี ิต ช้นั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ ๒. วสั ดุ / อปุ กรณ์ - ใบงานที่ ๑ ๓. แหลง่ การเรียนรู้ - ครู ผูป้ กครอง - หอ้ งสมดุ การวดั ประเมินผล ๑. วธิ กี ารวดั และประเมนิ ผล ๑. สงั เกตพฤติกรรมการเรียนของนักเรยี น ๒. ประเมนิ การอ่านในใจ ๒. เคร่ืองมอื การวัดและประเมนิ ผล ๑. แบบบันทึกพฤติกรรมการเรียน ๒. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการอ่านในใจ ๓. เกณฑ์การประเมิน ๑ การประเมนิ พฤตกิ รรมการเรยี น ๕ - ๔ หมายถึง ระดบั ดมี าก ๓ – ๒ หมายถึง ระดับ พอใช้ ๑ - ๐ หมายถงึ ระดับ ปรบั ปรงุ ๒. สังเกตพฤติกรรมการอา่ นในใจ ๕ หมายถงึ ระดับ ดมี าก ๔ หมายถึง ระดบั ดี ๓ หมายถงึ ระดบั ปานกลาง ๒ หมายถงึ ระดับ พอใช้ ๑ – ๐ หมายถงึ ระดบั ปรบั ปรงุ

แบบทดสอบก่อนเรยี น เร่อื ง กวา่ แผน่ ดนิ จะกลบหนา้ คาช้แี จง ให้นกั เรยี นตอบคาถามต่อน้ี (ข้อละ ๒ คะแนน) ๑. เพราะเหตใุ ดแม่จงึ พาฟางและเฟ้ยี วไปเปล่ียนชื่อและนามสกลุ .............................................................................................................................................. .................. ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................ .................................... ๒. นกั เรยี นควรทาอย่างไรเมื่อมีคนแปลกหนา้ มากดกร่ิงเรียกทห่ี น้าประตูบา้ น ............................................................................................................................. ................................... ................................................................................................................................................................ ....................................................................................................................... ......................................... ๓. เพราะเหตใุ ดธีระและวณี าจึงนากระเชา้ มาใช้พสุ ............................................................................................................................. ................................... ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................ .................................... ๔. เดอื นเหน็ ด้วยหรือไม่กับความประพฤติของพสุ ยกตัวอยา่ งประกอบ ............................................................................................................................. ................................... ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................ .................................... ๕. ถา้ นักเรยี นเป็นและเฟ้ยี ว จะแกป้ ญั หาชวี ติ ของตนเองและครอบครัวอยา่ งไร ............................................................................................................................. ................................... ................................................................................................................................................................ ....................................................................................................................... .........................................

ใบงานที่ ๑ เรอื่ ง กว่าแผน่ ดินจะกลบหน้า คาชแี้ จง เขยี นคาขวญั เกี่ยวกบั ความซ่ือสตั ย์ ๒ คาขวญั พรอ้ มทง้ั อธิบาย ๑.)............................................................................................................................. .............................. ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ................................... ................................................................................................................................................................ ........................................................................................................... ..................................................... 2.)............................................................................................................................. .............................. ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................ .................................... ............................................................................................................................. ................................... ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................ ....................................

( Rubric Assessment) ระดับคะแนน เกณฑ์การประเมนิ ๕ - ๔ = ดมี าก ๓ - ๒ = พอใช้ ๑ - ๐ = ปรบั ปรงุ ๑. สนใจร่วม กจิ กรรม กระตือรือร้นสนใจร่วม กระตือรือรน้ สนใจร่วม รว่ มกจิ กรรมเมื่อ ๒. มคี วามสนใจใน เร่ืองท่เี รยี น กิจกรรม พร้อมทั้งชักชวน กิจกรรม ไดร้ ับคาสง่ั หรือถูก ๓. กลา้ แสดงออก ใหผ้ ้อู ื่นปฏิบตั ิตามได้ บังคบั ๔. ตอบคาถามและ มคี วามกระตือรือรน้ ปฏิบัติ สนใจศึกษาค้นควา้ หา ปฏิบัติตนในเรื่องท่ี แสดงเหตุผล ในเรื่องที่เรยี น สนใจศึกษา ขอ้ มลู ดว้ ยตนเองและ เรยี น ศึกษาคน้ ควา้ ๕. มีความสามัคคี คน้ ควา้ หาข้อมูลนาไป นาไปปฏิบตั ิ เม่ือไดร้ ับคาสงั่ ปฏบิ ัติพรอ้ มท้ังชักชวนให้ ผ้อู น่ื ปฏบิ ตั ิตาม มีความกระตือรอื รน้ กล้า มีความกระตือรอื รน้ ร่วมกจิ กรรมเมื่อ แสดงออกในการรว่ ม กล้าแสดงออกในการรว่ ม ได้รับคาสง่ั หรือถูก กิจกรรม พร้อมทั้งชกั ชวน กิจกรรม บงั คบั ให้ผ้อู นื่ ปฏบิ ัติตามได้ ตอบคาถามและแสดงเหตุ ตอบคาถามและแสดงเหตุ ตอบคาถามได้ ผลได้ตอ่ เนื่องครบถ้วน ผลไดต้ ่อเน่ืองครบถ้วน ตอ่ เนื่องครบถ้วน สัมพนั ธ์กับหัวข้อท่ีกาหนด สัมพันธก์ บั หัวข้อท่ี สมั พันธ์กบั หวั ข้อท่ี และตอบคาถามได้ถกู ตอ้ ง กาหนด กาหนดแต่ยังไม่ สามารถแสดงเหตผุ ล ประกอบได้ กระตือรอื รน้ ศึกษา คน้ ควา้ ศกึ ษา ค้นคว้าทางาน ศกึ ษา คน้ ควา้ ทางานดว้ ยความช่ืนชอบ ตามท่ีผู้อ่ืนบอกหรือทา ทางานเมื่อได้รับ สนุก สนาน และสามารถ ตามคาชักชวนของเพ่ือน คาสัง่ หรอื ถูกบงั คบั ชกั ชวนใหผ้ อู้ ื่นปฏบิ ัติตาม

แบบสังเกตพฤติกรรมการอ่านในใจ เกณฑ์การให้คะแนน ๕ = ดีมาก ๔ = ดี ๓ = ปานกลาง ๒ = พอใช้ ๑ – ๐ ปรบั ปรุง เกณฑ์การผา่ น ได้คะแนนไม่น้อยกว่ารอ้ ยละ ๕๐ (ไม่น้อยกวา่ ๓ คะแนน) ข้อ รายการประเมนิ คะแนน สรปุ หมายเหตุ ท่ไี ด้ ผ่าน ไม่ผ่าน ๑ ไมอ่ อกเสยี งพึมพราไม่ทาปากขมบุ ขมิบ ในขณะอา่ น ๒ กวาดสายตาได้อย่างคล่องแคลว่ ไมใ่ ชม้ อื ชี้ ๓ ตง้ั คาถามจากเร่ืองท่ีอ่านได้ ๔ ตอบคาถามจากเร่ืองท่ีอ่าน ๕ สรปุ สาระสาคญั ของเร่ืองท่ีอ่าน รวมคะแนน ขอ้ เสนอแนะเพิ่มเติม ……………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………….. ลงช่ือ ................................................................................ ผปู้ ระเมิน (นางสาวจริ าพร กุลให้)

แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ ๒ ช้นั ประถมศกึ ษาปีที่ ๖ กลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาไทย ๑ ปีการศึกษา หน่วยการเรียนรู้ท่ี ๗ เรือ่ ง กว่าแผ่นดินจะกลบหน้า เวลา ๑ ช่วั โมง เร่อื ง การเขยี นแผนภาพโครงเรอื่ ง แผนผังความคดิ ประจาหน่วยการเรยี นร้ทู ี่ ๗ การอ่านในใจบทเรยี น การเขยี นแผนภาพโครงเรอ่ื ง คาใหม่ คายากในบทเรียน กว่าแผ่นดนิ จะกลบ การพดู หน้า การอ่านออกเสียงบทเรยี น การวิเคราะหส์ านวนทเี่ ปน็ คา พังเพย สุภาษติ การอภิปรายข้อคดิ จากบทเรียน มาตรฐานการเรยี นรู้ สาระท่ี ๒ : การเขียน มาตรฐาน ท ๒.๑ ใช้กระบวนการเขยี นเขียนสื่อสาร เขียนเรยี งความ ยอ่ ความ และเขยี น เรื่องราวใน รูปแบบตา่ งๆ เขียนรายงานข้อมูลสารสนเทศและรายงานการศึกษาค้นคว้าอยา่ งมี ประสิทธิภาพ เปา้ หมายการเรยี นรู้ประจาหน่วย เมือ่ เรยี นจบหน่วยนี้ ผูเ้ รยี นจะมีความรู้ความสามารถต่อไปน้ี ๑. คัดลายมอื ตัวบรรจงเต็มบรรทัด และครงึ่ บรรทัด ๒. เขยี นส่อื สารโดยใชค้ าไดถ้ ูกตอ้ งชัดเจน และเหมาะสม ๓. เขยี นแผนภาพโครงเร่ืองและแผนภาพความคดิ เพื่อใชพ้ ัฒนางานเขียน ๔. เขียนเรียงความ ๕. เขียนยอ่ ความจากเรื่องท่ีอา่ น ๖. เขียนจดหมายสว่ นตวั ๗. กรอกแบบรายการต่างๆ ๘. เขยี นเรือ่ งตามจนิ ตนาการและสร้างสรรค์ ๙. มมี ารยาทในการเขียน คณุ ภาพท่พี ึงประสงคข์ องผ้เู รียน ๑. อ่านในใจบทเรียนแลว้ สามารถเขยี นแผนภาพโครงเรื่องที่อา่ นได้ ๒. เลา่ เรือ่ งตามแผนภาพโครงเร่ืองได้ ๓. เขยี นเร่อื งจากแผนภาพโครงเรื่องได้

ขอบข่ายสาระการเรยี นรูแ้ กนกลางรายวชิ า ภาษาไทย ตัวช้วี ดั มาตรฐาน ท ๒.๑ (๓) เขียนแผนภาพโครงเร่ืองและแผนภาพความคิดเพื่อใชพ้ ัฒนางานเขยี น สาระพืน้ ฐาน การเขยี นแผนภาพโครงเรื่อง ความรูฟ้ งั แนน่ ติดตัวผูเ้ รยี น การเขียนแผนภาพโครงเร่อื ง จะชว่ ยใหน้ กั เรียนเขา้ ใจเร่ืองและจาเรื่องทอี่ ่านได้ พฤตกิ รรมความพอเพียง ๑. ความพอเพยี งด้านตนเอง มีความสนใจ ใฝร่ ู้ใฝ่เรยี น ๒. มีความพอเพยี งด้านสังคม ดาเนินชวี ติ ตามกฎเกณฑ์ของสังคม อยรู่ ่วมกบั ผูอ้ ื่นไดอ้ ยา่ งมี ความสุข ๓. ความพอเพียงด้านทรัพยากร ใช้ทรพั ยากรที่อยูอ่ ย่างคุ้มค่า ตามปรัชญาหลักเศรษฐกจิ พอเพยี ง ๔. ความพอเพยี งด้านภูมปิ ัญญา สามารถนาความรู้ทไ่ี ดจ้ ากเรอ่ื ง การอยรู่ ่วมกนั และ ทางานรว่ มกับผู้อ่นื ประยุกตใ์ ช้ในชวี ิตประจาวัน กระบวนการเรียนรู้ ๑. นกั เรียนเลน่ เกม “เกมแข่งขันกันตอ่ เรื่อง” ๒. สนทนาทบทวนเรือ่ ง “กว่าแผน่ ดินจะกลบหน้า” โดยโดยใช้ภาพจาก บทเรยี นประกอบ ๓. นกั เรียนช่วยกนั อภิปรายวเิ คราะห์โครงเร่ือง ลาดับเหตุการณข์ องเร่ือง บอกประเดน็ สาคัญ แล้วครเู ขียนบนกระดาษดา ๔. นักเรียนแบง่ กลมุ่ ๔ กล่มุ โดยคละกันตามความสามารถ เก่ง ปานกลาง อ่อน จากน้นั ครอู ธิบายวธิ กี ารเขยี นแผนภาพโครงเร่อื งใหน้ ักเรยี นฟงั ๕.นักเรยี นซักถามแสดงความคดิ เห็น อภิปรายสรุปร่วมกนั เก่ียวกบั หลกั ในการเขียน แผนภาพโครงเร่ือง ๖. นักเรยี นทกุ กลุ่มอ่านในใจ จากหนงั สือเรียนภาษาไทย ชุดภาษาพาที ชัน้ ประถมศึกษา ปที ่ี ๖ หน่วยที่ ๗ แลว้ รว่ มกันเขยี นแผนภาพโครงเรื่อง ๗. ตวั แทนนักเรียนแต่ละกลุ่ม นาเสนอผลงานการเลา่ เรอื่ งตามแผนภาพโครงเร่ือง หนา้ ช้นั เรยี น ๘. นักเรยี นแตล่ ะกลุ่มได้นาไปเปรยี บเทียบ ปรับปรงุ แก้ไขให้ถกู ต้อง และนาผลงานกลุ่ม ไปตดิ แสดงไวท้ ป่ี ้ายนเิ ทศ เพื่อใหน้ ักเรยี นทกุ คนได้ศึกษา ๙. นักเรยี นทาใบงาน ๑๐. นักเรียนและครรู ว่ มกนั สรปุ บทเรยี น เรื่อง การเขยี นแผนภาพโครงเรื่อง และแนวทาง ปฏบิ ัติท่ถี ูกต้องในการเล่าเร่ือง

ส่ือการเรียนการสอน ๑. ประเภทส่ือ - แบบเรียนภาษาไทย ชุดภาษาเพื่อชีวิต ชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี ๖ ๒. วสั ดุ / อุปกรณ์ - ใบงานท่ี ๑ ๓. แหลง่ การเรยี นรู้ - ครู ผปู้ กครอง - ห้องสมดุ การวัดประเมินผล ๑. วิธีการวัดและประเมนิ ผล ๑. สงั เกตพฤติกรรมการเรียนของนักเรยี น ๒. ประเมนิ การเขยี น ๒. เคร่ืองมอื การวดั และประเมนิ ผล ๑. แบบบนั ทึกพฤติกรรมการเรยี น ๒. แบบสังเกตพฤติกรรมการเขยี น ๓. เกณฑก์ ารประเมิน ๑ การประเมินพฤติกรรมการเรียน ๕ - ๔ หมายถึง ระดบั ดีมาก ๓ – ๒ หมายถึง ระดับ พอใช้ ๑ - ๐ หมายถงึ ระดบั ปรับปรงุ ๒. สังเกตพฤตกิ รรมการเขียน ๕ หมายถึง ระดับ ดมี าก ๔ หมายถงึ ระดับ ดี ๓ หมายถึง ระดบั ปานกลาง ๒ หมายถงึ ระดับ พอใช้ ๑ – ๐ หมายถึง ระดับ ปรบั ปรุง

เกม “แขง่ ขนั กนั ตอ่ เร่อื ง อปุ กรณ์ - ข้อความทค่ี รเู ตรียมมาเป็นเหตกุ ารณใ์ นเรื่อง เดียวกนั มเี นอื้ เรื่องต่อเนื่องกนั แต่ได้จัด คละกนั ไว้ จดั ทาไวเ้ ปน็ ๒ ชุด – นกหวีด – นาฬิกาจับเวลา วิธกี ารเล่นเกม มดี ังน้ี ๑. แบง่ นกั เรยี นออกเป็น ๒ กลมุ่ กลุ่มละ ประมาณ ๑๐ – ๑๕ คน ๒. ครอู ธิบายกตกิ าการเล่นโดย - ใหแ้ ตล่ ะกลุม่ มารับข้อความซึ่งเปน็ ข้อความชนิดเดียวกนั กลุ่มละ ๑ ชดุ - ครจู ะใหเ้ วลาเลน่ เกมประมาณ ๑๐ นาที โดยจะให้สญั ญาณเรมิ่ เล่นด้วยการ เป่านกหวดี และให้สญั ญาณหยุดเลน่ ด้วยการเป่านกหวีดเชน่ กัน - เมอื่ ไดย้ นิ สัญญาณให้นักเรียนเรม่ิ เล่นเกมทนั ที โดยการจัดลาดบั ข้อความท่ีไดร้ ับ ใหเ้ น้อื ความต่อเน่อื งกนั จากขอ้ ความท่ีนักเรียนคดิ วา่ นา่ จะอยู่อนั ดับ แรก หรือ เรม่ิ ต้นไปจนถงึ ข้อความที่คิดว่าน่าจะอยู่สุดท้าย - ให้นกั เรยี นช่วยกันเขียนเร่อื งราวเพิ่มเตมิ จากข้อความแรกจนถงึ ข้อความสดุ ท้าย ให้เปน็ เร่ืองราวท่สี ัมพันธ์ต่อเน่อื งกนั - เมอื่ ไดย้ นิ สัญญาณหมดเวลา ให้ตวั แทนของกลุ่มมาจบั สลากกันออกมารายงาน โดยเลา่ เรือ่ งใหเ้ พอื่ น ๆ ฟงั - ให้แตล่ ะกลุ่มติดขอ้ ความท่ีไดร้ บั และสว่ นท่ไี ด้ต่อเติมแต่งตอ่ เรอื่ งราวเสร็จไว้ บนกระดานดาให้เพื่อนดู จากน้นั ครนู าข้อความมาเฉลยให้นักเรยี นดู แลว้ พิจารณาวา่ กลมุ่ ใดลาดับเรื่องไดถ้ ูก และต่อ เตมิ ไดด้ ีสมบรู ณ์เหมาะสม เป็นฝ่ายชนะ ขอ้ เสนอแนะ ๑. เกมนีอ้ าจนามาดัดแปลง ใช้เปน็ แบบฝึกหดั ในการเขยี นเรียบเรยี งข้อความหรอื ประโยชน์หรอื ฝึกการเขยี นเรียบเรียงความได้ ๒. เม่ือเกมจบลงหรอื หมดเวลา ครูก็พดู โยงเขา้ สบู่ ทเรียนต่อไป

ใบงานท่ี ๑ เร่ือง การเขียนแผนภาพโครงเรือ่ ง คาช้แี จง ใหน้ ักเรียนเขยี นแผนภาพโครงเรอ่ื ง “เรือ่ ง กว่าแผน่ ดนิ จะกลบหน้า ตวั ละครสาคญั …………………………………………………………………………………… ตัวละครประกอบ………………………………………………………………………………… เรอ่ื งเกดิ ขนึ้ ท่ไี หน………………………………………………………………………………. ปัญหาท่เี กิดข้ึนในเร่ือง………………………………………………………………………… เหตุการณ์ท…ี่ …………………………………………………………………………………..… สถานท…่ี …………………………………………………………………………………………... ตัวละคร………………………………………………………………………………………….…. การกระทา............................................................................................................................. .............. ................................................................................................................................................... ......... ......................................................................................................... ................................................... ............................................................................................................................. ............................... ............................................................................................................................................................ ผลของการกระทา............................................................................................................................. .. ................................................................................................................... ......................................... ........................................................................................................ .................................................... ............................................................................................................................................................ เหตกุ ารณ์ท…่ี …………………………………………………………………………………… สถานท…่ี ………………………………………………………………………………………….. ตวั ละคร………………………………………………………………………………………….… การกระทา............................................................................................................ ............................... ............................................................................................................................. ............................... ............................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ............................... ........................................................................................................................................... ................. ผลของการกระทา.................................................................................................... ........................... ................................................................................................................... ......................................... ............................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................ ขอ้ คิดที่ได้……………………………………………………………………………………………………………………………. ............................................................................................................................. ............................... ............................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ............................... ............................................................................................................................. ...............................

เกณฑ์การประเมนิ สาหรับประเมินผลงานของผเู้ รียน ( Rubric Assessment) ระดบั คะแนน เกณฑก์ ารประเมนิ ๕ - ๔ = ดีมาก ๓ - ๒ = พอใช้ ๑ - ๐ = ปรับปรงุ ๑. สนใจร่วม กจิ กรรม กระตือรอื รน้ สนใจร่วม กระตือรือรน้ สนใจร่วม รว่ มกจิ กรรมเม่ือ ๒. มคี วามสนใจใน เร่ืองทเ่ี รยี น กิจกรรม พร้อมท้ังชักชวน กจิ กรรม ไดร้ บั คาสั่งหรือถูก ๓. กลา้ แสดงออก ให้ผ้อู ่นื ปฏิบัติตามได้ บังคับ ๔. ตอบคาถามและ มีความกระตือรือรน้ ปฏบิ ัติ สนใจศึกษาค้นควา้ หา ปฏิบัติตนในเรือ่ งท่ี แสดงเหตผุ ล ในเรื่องที่เรียน สนใจศึกษา ข้อมูลดว้ ยตนเองและ เรียน ศกึ ษาค้นควา้ ๕. มคี วามสามคั คี ค้นควา้ หาข้อมลู นาไป นาไปปฏิบตั ิ เมอ่ื ได้รบั คาสงั่ ปฏิบัตพิ รอ้ มท้งั ชกั ชวนให้ ผู้อื่นปฏิบตั ิตาม มีความกระตือรือร้น กล้า มคี วามกระตือรอื รน้ รว่ มกจิ กรรมเมื่อ แสดงออกในการรว่ ม กล้าแสดงออกในการรว่ ม ไดร้ บั คาสงั่ หรือถูก กจิ กรรม พร้อมทั้งชักชวน กิจกรรม บังคบั ให้ผู้อน่ื ปฏิบัติตามได้ ตอบคาถามและแสดงเหตุ ตอบคาถามและแสดงเหตุ ตอบคาถามได้ ผลได้ต่อเนื่องครบถว้ น ผลได้ต่อเน่ืองครบถ้วน ต่อเนื่องครบถ้วน สัมพนั ธก์ ับหัวข้อที่กาหนด สัมพันธก์ บั หัวข้อที่ สมั พนั ธก์ ับหัวข้อที่ และตอบคาถามไดถ้ ูกตอ้ ง กาหนด กาหนดแต่ยงั ไม่ สามารถแสดงเหตผุ ล ประกอบได้ กระตือรอื ร้นศึกษา ค้นควา้ ศึกษา คน้ คว้าทางาน ศึกษา คน้ ควา้ ทางานดว้ ยความชื่นชอบ ตามที่ผอู้ ่ืนบอกหรือทา ทางานเม่ือไดร้ บั สนกุ สนาน และสามารถ ตามคาชกั ชวนของเพอื่ น คาสั่งหรือถูกบงั คับ ชกั ชวนใหผ้ ู้อื่นปฏิบัตติ าม

แบบสงั เกตพฤติกรรมการเขียน เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ๕ = ดีมาก ๔ = ดี ๓ = ปานกลาง ๒ = พอใช้ ๑ – ๐ ปรับปรุง เกณฑก์ ารผา่ น ไดค้ ะแนนไม่น้อยกว่ารอ้ ยละ ๕๐ (ไมน่ ้อยกว่า ๓ คะแนน) ขอ้ รายการประเมิน คะแนน สรุป หมายเหตุ ๑ มคี วามตัง้ ใจในการเขียน ท่ไี ด้ ผ่าน ไมผ่ า่ น ๒ เขียนได้ถกู ต้อง ๓ เขียนไดส้ วยงาม สะอาด ๔ เว้นวรรคตอนถูกต้อง ๕ สะกดคาถูกต้อง รวมคะแนน ขอ้ เสนอแนะเพิ่มเติม ……………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………….. ลงช่อื ................................................................................ ผปู้ ระเมิน (นางสาวจิราพร กุลให)้

แผนการจดั การเรียนรู้ที่ ๓ ชัน้ ประถมศึกษาปที ี่ ๖ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ๑ ปีการศกึ ษา หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ๗ เรอ่ื ง กวา่ แผ่นดนิ จะกลบหนา้ เวลา ๑ ชวั่ โมง เรื่อง คาใหม่ คายากในบทเรียน แผนผงั ความคิดประจาหน่วยการเรียนรทู้ ี่ ๗ การอ่านในใจบทเรยี น การเขียนแผนภาพโครงเรื่อง คาใหม่ คายากในบทเรยี น กวา่ แผ่นดินจะกลบ การพดู หน้า การอ่านออกเสยี งบทเรยี น การวิเคราะห์สานวนทเ่ี ปน็ คา พงั เพย สุภาษิต การอภิปรายขอ้ คิดจากบทเรียน มาตรฐานการเรยี นรู้ สาระท่ี ๑ : การอ่าน มาตรฐาน ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอา่ นสรา้ งความรูแ้ ละความคิดเพือ่ นาไปใช้ตัดสนิ ใจ แกป้ ัญหา ในการดาเนนิ ชีวิตและมนี ิสยั รกั การอา่ น สาระที่ ๒ : การเขียน มาตรฐาน ท ๒.๑ ใช้กระบวนการเขยี นเขยี นสื่อสาร เขยี นเรยี งความ ย่อความ และเขียนเรื่องราว ในรปู แบบตา่ งๆ เขยี นรายงานข้อมลู สารสนเทศและรายงานการศึกษาคน้ คว้า อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ เปา้ หมายการเรยี นรู้ประจาหนว่ ย เมื่อเรยี นจบหน่วยนี้ ผเู้ รยี นจะมคี วามรู้ความสามารถต่อไปนี้ ๑. วเิ คราะหช์ นิดและหน้าทีข่ องคาในประโยค ๒. ใชค้ าไดเ้ หมาะสมกบั กาลเทศะและบคุ คล ๓. รวบรวมและบอกความหมายของ คาภาษาตา่ งประเทศทใี่ ช้ในภาษาไทย ๔. ระบลุ ักษณะของประโยค ๕. แตง่ บทร้อยกรอง ๖. วิเคราะห์และเปรยี บเทยี บสานวนท่ีเป็นคาพังเพย และสภุ าษิต คุณภาพที่พงึ ประสงคข์ องผู้เรยี น ๑. สามารถอา่ น และเขยี นคา คายาก ข้อความ และสานวนภาษาไทยในบทเรียนไดถ้ ูกตอ้ ง ๒. สามารถนาคา คายาก ขอ้ ความ และสานวนภาษาในบทเรียนไปใช้ได้ถูกต้อง

ขอบข่ายสาระการเรยี นรแู้ กนกลางรายวิชา ภาษาไทย ตวั ช้ีวัด มาตรฐาน ท ๑.๑ (๑) อ่านออกเสียงบทร้อยแก้วและบทร้อยกรองได้ถกู ต้อง (๒) อธบิ ายความหมายของคา ประโยคและขอ้ ความที่เป็นโวหาร มาตรฐาน ท ๒.๑ (๑) คดั ลายมือตวั บรรจงเต็มบรรทดั และครง่ึ บรรทดั สาระพื้นฐาน ๑. อ่าน และเขยี นคา คายาก ขอ้ ความ และสานวนในบทเรียน ๒. การนาคา คายาก ขอ้ ความและสานวนภาษาในบทเรียนไปใชใ้ ห้เกิดประโยชน์ ความร้ฟู ังแน่นตดิ ตวั ผู้เรียน การเรียนร้คู า คายาก ข้อความและสานวนภาษาไทยในบทเรยี นและนาไปใช้ใหถ้ ูกต้อง ถือ เปน็ การพัฒนาทกั ษะทางภาษาทีผ่ ู้เรียนควรไดร้ ับการฝึกฝน เพือ่ พฒั นาทกั ษะใหถ้ กู ต้อง จึงจะทาให้ การเรียนรู้ภาษาเป็นไปด้วยดีและเกดิ การพัฒนาตามมา พฤติกรรมความพอเพียง ๑. ความพอเพียงด้านตนเอง มีความสนใจ ใฝ่รูใ้ ฝ่เรียน ๒. มคี วามพอเพียงด้านสงั คม ดาเนนิ ชีวิตตามกฎเกณฑข์ องสังคม อยูร่ ่วมกับผู้อืน่ ไดอ้ ยา่ งมี ความสุข ๓. ความพอเพยี งดา้ นทรัพยากร ใชท้ รพั ยากรท่ีอยู่อย่างคุ้มค่า ตามปรัชญาหลักเศรษฐกจิ พอเพยี ง ๔. ความพอเพียงดา้ นภมู ิปญั ญา สามารถนาความรทู้ ีไ่ ดจ้ ากเรื่อง การอย่รู ่วมกัน และ ทางานร่วมกับผู้อน่ื ประยุกต์ใช้ในชีวติ ประจาวัน กระบวนการเรียนรู้ ๑. นักเรียนเลม่ เกม “การเลือกใช้คาแต่งประโยค” ๒. นกั เรยี นแบ่งกลุ่ม ๔ กลมุ่ โดยคละกนั ตามความสามารถ เก่ง ปานกลาง อ่อน ๓. นาบตั รคาใหม่และคายากในบทเรียน ตดิ ท่ีกระดานหน้าชั้นเรยี นและใหน้ ักเรยี นทุกคน ฝกึ อ่าน รว่ มกนั อภปิ รายความหมายบันทึกลงสมุด ๔. แจกบตั รคาใหม่คายากในบทเรยี นใหน้ ักเรียนแต่ละกลุ่มไดศ้ ึกษาและฝกึ อ่าน ๕. นักเรยี นทุกกล่มุ หาคาใหม่ศพั ท์จากหนว่ ยท่ี ๗ แล้วช่วยกันแต่งประโยคใหม่ โดยไม่ให้ซ้ากนั กล่มุ ละ ๕ คา แลว้ บันทึกลงสมุด ๖. มอบหมายใหน้ กั เรียนทากิจกรรมนอกเวลา โดยการรวบรวมคาใหมใ่ นบทเรยี นแล้ว หาความหมายจากพจนานุกรม แลว้ แตง่ ประโยคแลว้ นาผลงานส่งให้ครูตรวจ ๗. นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่มแข่งขันกันเขียน คายาก บนกระดานดา หนา้ ชนั้ เรยี น กลุม่ ใด เขียนได้ถกู มากทสี่ ุดเป็นกลุ่มชนะ ๘. นักเรยี นทาใบงานท่ี ๑ ๙. ครแู ละนกั เรียนร่วมกนั ตรวจผลงานของแตล่ ะกลมุ่ พร้อมทงั้ อภิปรายสรุป การเลอื กใชค้ าให้ถูกต้องตามความหมาย ปรบมือและกลา่ วใหค้ าชมเชยกลมุ่ ทแี่ ตง่ ประโยค ไดถ้ ูกตอ้ ง

สือ่ การเรียนการสอน ๑. ประเภทส่ือ - แบบเรยี นภาษาไทย ชุดภาษาเพื่อชีวิต - หนังสือเรยี นภาษาไทย ชดุ ภาษาพาที ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ - แบบฝกึ หัดภาษาไทย ชดุ ทักษะภาษา ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ ๒. วัสดุ / อปุ กรณ์ - บัตรคา - ใบความรู้ - ใบงานท่ี ๑ - เกม “การเลือกใชค้ าแตง่ ประโยค” ๓. แหลง่ การเรียนรู้ - ครู ผ้ปู กครอง - หอ้ งสมุด การวดั ประเมนิ ผล ๑. วธิ กี ารวัดและประเมนิ ผล ๑. สงั เกตพฤติกรรมการเรียนของนักเรยี น ๒. ประเมนิ การอ่าน ๓. ประเมนิ การเขียน ๒. เครือ่ งมอื การวดั และประเมนิ ผล ๑. แบบบนั ทึกพฤติกรรมการเรียน ๒. แบบสงั เกตพฤติกรรมการอ่าน ๓. แบบสงั เกตพฤติกรรมการเขยี น ๓. เกณฑก์ ารประเมิน ๑ การประเมินพฤตกิ รรมการเรยี น ๕ - ๔ หมายถึง ระดับ ดีมาก ๓ – ๒ หมายถงึ ระดบั พอใช้ ๑ - ๐ หมายถึง ระดบั ปรบั ปรุง ๒. สงั เกตพฤตกิ รรมการอา่ น ๕ หมายถึง ระดบั ดมี าก ๔ หมายถึง ระดบั ดี ๓ หมายถึง ระดับ ปานกลาง ๒ หมายถงึ ระดบั พอใช้ ๑ – ๐ หมายถงึ ระดับ ปรบั ปรุง ๓. สังเกตพฤติกรรมการเขยี น ๕ หมายถึง ระดบั ดมี าก ๔ หมายถงึ ระดับ ดี ๓ หมายถงึ ระดับ ปานกลาง ๒ หมายถึง ระดับ พอใช้ ๑ – ๐ หมายถึง ระดบั ปรับปรุง

เกม การเลือกใชค้ าแตง่ ประโยค จดุ ประสงค์ เลือกใชค้ าแต่งประโยคไดถ้ กู ต้องตามความหมาย อปุ กรณ์ กระดานดา ชอล์ค วธิ เี ลน่ ๑. แบง่ นักเรียนออกเป็นกลุ่ม แต่ละกลุ่มไมค่ วรต่ากว่า ๔ คน ๒. แบง่ พนื้ ท่ีกระดานดาออกเป็นส่วน ๆ มอบพ้นื ท่ีให้แต่ละกลุ่มรับผดิ ชอบ ๓. ให้แตล่ ะกลุ่มท่ีพรอ้ มท่ีจะเล่นอยูห่ ่างจากกระดานดาในระยะทีเ่ ท่ากันและมอบชอล์ก ใหก้ ับทุกกลุ่ม ๔. ครใู หส้ ญั ญาณเริ่มการเลน่ เกม ตวั แทนนักเรยี นแต่ละกล่มุ รีบออกมาหนา้ กระดานดา เขยี นคาลงบนกระดานดา ๑ คา แลว้ รบี กลบั เข้ากลุม่ ส่งชอลก์ ใหเ้ พื่อนคนต่อไปออกไปเขยี นคา จนถงึ คนสุดท้าย ให้เรยี งคาหรอื เชื่อมคา ท่ีเพอ่ื นเขยี นไว้ใหเ้ ปน็ ประโยค เชน่ คนที่ ๑ คนท่ี ๒ คนท่ี ๓ คนท่ี ๔ คนท่ี ๕ ยาย ใบตอง ใช้ อาหาร ห่อ ๕. กลุ่มท่เี ขยี นได้รวดเรว็ ส่ือความถกู ต้อง เรียงประโยคได้สละสลวย เป็นผู้ชนะ การวดั ประเมินผล พิจารณาจากความสามคั คี การเขียนคาถูกต้อง สื่อความได้ เรยี งประโยคถกู ตอ้ ง สละสลวย

บัตรคา ฉุกใจ ฉอ้ ฉล ชีวนิ ตีวัวกระทบคราด ผลนุ ผลนั พิพากษา พิสทุ ธิ์ ยนั ต์ ลกู โซ่ เสียดสี อดิ โรย

ใบงานที่ ๑ คาชีแ้ จง ให้นักเรียนแตล่ ะกลมุ่ นาคาศพั ท์ ไปแต่งประโยคให้ถูกต้อง ๑. ฉกุ ใจ แตง่ ประโยค...................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... ๒. ฉ้อฉล แต่งประโยค...................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... ๓. ชวี ิน แต่งประโยค...................................................................................................................................... ......................................................................................................... ................................................. ๔. ผลนุ ผลนั แต่งประโยค...................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... ๕. พพิ ากษา แตง่ ประโยค...................................................................................................................................... ........................................................................................................ .................................................. ๖. พสิ ุทธ์ิ แตง่ ประโยค...................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................. ๗. ยนั ต์ แต่งประโยค...................................................................................................................................... ......................................................................................................... ................................................... ๘. ลูกโซ่ แตง่ ประโยค...................................................................................................................................... .................................................................................................. ........................................................... ๙. เสยี ดสี แตง่ ประโยค...................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................ ๑๐. อดิ โรย แต่งประโยค...................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................

เกณฑ์การประเมนิ สาหรับประเมินผลงานของผเู้ รียน ( Rubric Assessment) ระดบั คะแนน เกณฑ์การประเมนิ ๕ - ๔ = ดีมาก ๓ - ๒ = พอใช้ ๑ - ๐ = ปรับปรงุ ๑. สนใจร่วม กิจกรรม กระตือรือรน้ สนใจร่วม กระตือรือรน้ สนใจร่วม รว่ มกจิ กรรมเม่ือ ๒. มคี วามสนใจใน เรื่องที่เรียน กิจกรรม พร้อมท้ังชักชวน กจิ กรรม ไดร้ บั คาสั่งหรือถูก ๓. กลา้ แสดงออก ให้ผ้อู ่นื ปฏิบัติตามได้ บังคับ ๔. ตอบคาถามและ มีความกระตือรือรน้ ปฏบิ ัติ สนใจศึกษาค้นควา้ หา ปฏิบัตติ นในเรือ่ งท่ี แสดงเหตผุ ล ในเรื่องที่เรียน สนใจศึกษา ข้อมูลดว้ ยตนเองและ เรียน ศกึ ษาค้นควา้ ๕. มคี วามสามคั คี ค้นควา้ หาข้อมลู นาไป นาไปปฏิบตั ิ เมอ่ื ได้รบั คาสงั่ ปฏิบัตพิ ร้อมท้งั ชกั ชวนให้ ผู้อื่นปฏิบัติตาม มีความกระตือรอื รน้ กล้า มคี วามกระตือรอื รน้ รว่ มกจิ กรรมเมื่อ แสดงออกในการรว่ ม กล้าแสดงออกในการรว่ ม ไดร้ บั คาสงั่ หรือถูก กจิ กรรม พร้อมท้ังชกั ชวน กิจกรรม บังคบั ให้ผู้อน่ื ปฏิบัติตามได้ ตอบคาถามและแสดงเหตุ ตอบคาถามและแสดงเหตุ ตอบคาถามได้ ผลได้ต่อเนื่องครบถว้ น ผลได้ต่อเน่ืองครบถ้วน ต่อเนื่องครบถ้วน สัมพนั ธก์ บั หัวข้อทีก่ าหนด สัมพันธก์ บั หัวข้อที่ สมั พนั ธก์ ับหัวข้อที่ และตอบคาถามไดถ้ ูกตอ้ ง กาหนด กาหนดแต่ยงั ไม่ สามารถแสดงเหตผุ ล ประกอบได้ กระตือรือร้นศึกษา คน้ ควา้ ศึกษา คน้ คว้าทางาน ศึกษา คน้ ควา้ ทางานดว้ ยความชืน่ ชอบ ตามที่ผอู้ ่ืนบอกหรือทา ทางานเม่ือไดร้ บั สนกุ สนาน และสามารถ ตามคาชกั ชวนของเพอื่ น คาสั่งหรือถูกบงั คับ ชกั ชวนใหผ้ ู้อื่นปฏิบัติตาม

แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการอา่ น เกณฑ์การให้คะแนน ๕ = ดมี าก ๔ = ดี ๓ = ปานกลาง ๒ = พอใช้ ๑ – ๐ ปรบั ปรุง เกณฑก์ ารผา่ น ได้คะแนนไม่นอ้ ยกว่ารอ้ ยละ ๕๐ (ไม่น้อยกว่า ๓ คะแนน) ข้อ รายการประเมิน คะแนน สรุป หมายเหตุ ทไ่ี ด้ ผา่ น ไมผ่ า่ น ๑ อา่ นไดช้ ดั เจนถูกต้องตามอักขรวิธี ๒ คลอ่ งแคลว่ ไมต่ ะกุกตะกัก ๓ แบง่ วรรคตอนถูกต้อง ๔ ใช้นา้ เสียงเหมาะสม มจี งั หวะ มีการเนน้ เสียงหนกั เบา ไม่อา่ นยานคาง ๕ ใช้นา้ เสียงในการอ่านเหมือนเสยี งพูดของตวั ละคร รวมคะแนน ขอ้ เสนอแนะเพิม่ เตมิ ……………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………….. ลงชื่อ ................................................................................ ผปู้ ระเมิน (นางสาวจิราพร กุลให้)

แบบสงั เกตพฤติกรรมการเขียน เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ๕ = ดีมาก ๔ = ดี ๓ = ปานกลาง ๒ = พอใช้ ๑ – ๐ ปรับปรงุ เกณฑก์ ารผา่ น ไดค้ ะแนนไม่น้อยกว่ารอ้ ยละ ๕๐ (ไม่น้อยกวา่ ๓ คะแนน) ขอ้ รายการประเมิน คะแนน สรุป หมายเหตุ ๑ มคี วามตัง้ ใจในการเขียน ทไ่ี ด้ ผ่าน ไมผ่ า่ น ๒ เขยี นได้ถกู ต้อง ๓ เขยี นไดส้ วยงาม สะอาด ๔ เว้นวรรคตอนถูกต้อง ๕ สะกดคาถูกตอ้ ง รวมคะแนน ขอ้ เสนอแนะเพิ่มเติม ……………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………….. ลงช่อื ................................................................................ ผปู้ ระเมิน (นางสาวจิราพร กุลให)้

แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี ๔ ช้นั ประถมศกึ ษาปีที่ ๖ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย ๑ ปกี ารศึกษา หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ ๗ เรื่อง กวา่ แผ่นดินจะกลบหน้า เวลา ๑ ชัว่ โมง เรอื่ ง การพูด แผนผงั ความคิดประจาหน่วยการเรียนร้ทู ่ี ๗ การอ่านในใจบทเรยี น การเขยี นแผนภาพโครงเร่อื ง คาใหม่ คายากในบทเรยี น กว่าแผน่ ดินจะกลบ การพดู หน้า การอ่านออกเสียงบทเรียน การวเิ คราะห์สานวนทเ่ี ป็นคา พงั เพย สุภาษติ การอภิปรายขอ้ คดิ จากบทเรียน มาตรฐานการเรียนรู้ สาระท่ี ๓ การฟัง การดู และการพูด มาตรฐาน ท ๓.๑ สามารถเลือกฟังและดูอยา่ งมีวิจารณญาณ และพูดแสดงความรู้ ความคดิ และความรูส้ กึ ในโอกาสต่างๆ อยา่ งมวี ิจารณญาณและสรา้ งสรรค์ เปา้ หมายการเรียนร้ปู ระจาหน่วย เม่อื เรียนจบหนว่ ยน้ี ผู้เรยี นจะมีความรู้ความสามารถต่อไปน้ี ๑. วิเคราะห์ชนิดและหน้าท่ขี องคาในประโยค ๒. ใช้คาได้เหมาะสมกบั กาลเทศะและบคุ คล ๓. รวบรวมและบอกความหมายของคาภาษาตา่ งประเทศทใ่ี ชใ้ นภาษาไทย ๔. ระบลุ ักษณะของประโยค ๕. แต่งบทรอ้ ยกรอง ๖. วเิ คราะหแ์ ละเปรียบเทียบสานวนทเี่ ป็นคาพังเพย และสุภาษิต คณุ ภาพทพี่ งึ ประสงค์ของผู้เรียน ๑. พูดจบั ใจความสาคัญจากการฟังและดูสื่อได้ ๒. เลา่ เร่ืองย่อจากเร่ืองทีฟ่ ังและดูไดอ้ ยา่ งถกู ต้อง

ขอบข่ายสาระการเรียนรู้แกนกลางรายวิชา ภาษาไทย ตัวชว้ี ดั มาตรฐาน ท ๓.๑ (๑) พดู แสดงความรู้ ความเข้าใจจุดประสงค์ของเรอ่ื งทีฟ่ ังและดู (๔) พดู รายงานเรื่องหรือประเด็นทศ่ี ึกษาค้นควา้ จากการฟงั การดู และการสนทนา (๖) มมี ารยาทในการฟงั การดู และการพูด สาระพ้นื ฐาน ๑. ความหมายของการใช้เลขไทย ๒. การอา่ นและเขยี นเลขไทย ๓. การใช้เลขไทย ความร้ฟู งั แน่นติดตัวผ้เู รยี น การพดู แสดงความรู้ ความเข้าใจจดุ ประสงค์ของเรอื่ งที่ฟงั และดู ควรพดู อยา่ งถูกต้อง ตรง ประเด็น เพ่ือให้การสื่อสารมีประสทิ ธิภาพ พฤตกิ รรมความพอเพียง ๑. ความพอเพยี งด้านตนเอง มีความสนใจ ใฝ่รใู้ ฝ่เรียน ๒. มีความพอเพยี งด้านสงั คม ดาเนนิ ชีวิตตามกฎเกณฑ์ของสังคม อยูร่ ่วมกบั ผอู้ ืน่ ได้อยา่ งมี ความสขุ ๓. ความพอเพยี งด้านทรพั ยากร ใชท้ รัพยากรท่ีอย่อู ยา่ งคุม้ ค่า ตามปรัชญาหลักเศรษฐกจิ พอเพียง ๔. ความพอเพียงดา้ นภมู ิปัญญา สามารถนาความรู้ทีไ่ ดจ้ ากเรื่อง การอยู่ร่วมกัน และ ทางานร่วมกบั ผู้อืน่ ประยุกตใ์ ช้ในชวี ิตประจาวนั กระบวนการเรียนรู้ ๑. ครูสนทนากับนกั เรียนเก่ยี วกับการพูดทนี่ กั เรยี นรจู้ ักว่ามีกี่ประเภท อะไรบา้ ง โดยนกั เรยี น ชว่ ยกันออกไปเขียนคาตอบบนกระดาน ครูชมเชยการรว่ มทากจิ กรรม ๒. ครนู าสลากที่มว้ นเรียบร้อย จานวน ๘ สลาก ชูใหน้ กั เรยี นดแู ล้วใสล่ งในภาชนะทึบแสง จากน้นั ขออาสาสมัครนักเรียน ๘ คน ออกมาหน้าห้องเรยี นแลว้ จบั พรอ้ มกนั โดยบอกนักเรยี นทน่ี ่ังอยู่ ให้รว่ มกนั ตอบโดยครูมรี างวัลให้หากใครตอบถูก เม่ืออาสาสมคั รทั้ง ๘ คนจบั สลากเรียบร้อยแล้วให้ ค่อยๆ คลี่ออกดแู ลว้ อ่าน ๓. ใหน้ ักเรยี นทีน่ ่งั อยรู่ ่วมกนั ตอบ หากใครตอบถกู ใหผ้ ู้อาสาสมัครท่ีถือสลากยกมอื ขนึ้ สงู ๆ แจง้ ว่ามีผู้ตอบถกู ครูใหร้ างวัลตวั แทนถือสลากและผู้ตอบ จนหมดทงั้ ๘ คน หากสลากใดไมม่ ผี ู้ตอบ ถูกครใู หผ้ ู้ถอื สลากเฉลยพร้อมใหร้ างวลั ครกู ล่าวขอบใจอาสาสมัคร และนักเรยี นทุกคนที่ร่วมกนั สรา้ ง บรรยากาศในการเรยี น ๔. นกั เรยี นศึกษาความรู้เกีย่ วกับการพดู เชิงสร้างสรรค์ จากหนังสอื เรยี นภาษาไทย ชดุ ภาษาเพื่อชวี ิต ภาษาพาที ป.๖ ๕. นกั เรียนเปรยี บเทยี บการพดู เชิงสรา้ งสรรค์ประเภทตา่ งๆ ว่ามีความแตกตา่ งและมีหลักใน การพดู อย่างไร เช่น - การพูดแสดงความคิดเหน็ - การพูดให้กาลงั ใจ - การพดู ติชม

๖. ครสู รุปเน้ือหาการเรียน เร่ือง การพดู ๗. ครเู ปดิ โอกาสใหน้ กั เรยี นซักถามข้อสงสัย ครูช่นื ชมการร่วมกิจกรรมของนักเรยี น สื่อการเรยี นการสอน ๑. ประเภทสอื่ - แบบเรยี นภาษาไทย ชุดภาษาเพ่ือชีวติ - แบบฝึกหดั ทกั ษะภาษา ชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ ๖ ๒. วสั ดุ / อุปกรณ์ - ใบงาน - ใบความรู้ - แผนภมู ิเลขไทย ๓. แหลง่ การเรยี นรู้ - ครู ผ้ปู กครอง - หอ้ งสมุด การวัดประเมนิ ผล ๑. วิธกี ารวดั และประเมินผล ๑. สงั เกตพฤติกรรมการเรยี นของนักเรียน ๒. ประเมินการพูด ๒. เครือ่ งมือการวัดและประเมินผล ๑. แบบบันทกึ พฤตกิ รรมการเรยี น ๒. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการพดู ๓. เกณฑ์การประเมิน ๑ การประเมนิ พฤตกิ รรมการเรียน ๕ - ๔ หมายถงึ ระดบั ดมี าก ๓ – ๒ หมายถึง ระดับ พอใช้ ๑ - ๐ หมายถึง ระดับ ปรบั ปรุง ๒. สังเกตพฤตกิ รรมการพูด ๕ หมายถึง ระดับ ดมี าก ๔ หมายถงึ ระดบั ดี ๓ หมายถึง ระดับ ปานกลาง ๒ หมายถงึ ระดับ พอใช้ ๑ – ๐ หมายถงึ ระดับ ปรบั ปรุง

ใบความรู้ เรอื่ ง การพูด ความหมายของการพูด การพูด คอื กระบวนการสอื่ สารความคิดจากคนหน่ึงไปยงั อีกคนหนึ่งหรือกลมุ่ หนงึ่ โดยมี ภาษา นา้ เสยี ง และอากปั กริ ยิ าเป็นสอ่ื ประเภทของการพดู การพูดแบ่งเปน็ ประเภทใหญ่ๆ ได้ ๒ ประเภท ดังนี้ ๑. การพดู อย่างไมเ่ ปน็ ทางการ เชน่ การพูดคยุ สนทนากบั ญาติ พี่น้อง การแลกเปล่ียน ความคดิ เห็น และการวิพากษ์วิจารณ์ในหมเู่ พอื่ น ๒. การพดู อย่างเป็นทางการ เช่น การอภิปราย การบรรยาย การพูดสุนทรพจน์ ฯลฯ เปน็ การพดู ในท่ปี ระชมุ ชนตามโอกาสตา่ งๆ ซึง่ มีแบบแผน และผ้พู ดู ต้องเตรยี มการพดู หลกั การพูดโดยท่ัวไป ๑. การใชภ้ าษา ต้องเลือกใช้ถอ้ ยคาทีเ่ ข้าใจงา่ ยเหมาะสมกับวัยของผู้ฟัง ๒. ผพู้ ดู และผฟู้ ังมจี ดุ ม่งุ หมายตรงกนั ผู้พดู มีจุดม่งุ หมายที่ต้องการสอ่ื ความหมายไปยังผู้ฟัง เพอ่ื ใหเ้ ข้าใจเร่ืองราวตา่ งๆ ผู้ฟงั ก็มคี วามต้งั ใจฟังส่ิงที่ผพู้ ดู สื่อความหมายให้ ๓. ออกเสียงพูดใหช้ ัดเจน ดงั พอประมาณ อยา่ ตะโกนหรืออย่าพูดคอ่ ยเกนิ ไป ๔. สีหน้า ทา่ ทางย้มิ แยม้ แจ่มใส เปน็ กันเอง ไม่เครง่ เครยี ด ๕. ทา่ ทางในการยืน นง่ั ควรสงา่ ผ่าเผย การใชท้ า่ ทางประกอบการพดู ก็มีความสาคัญ เชน่ การใชม้ อื นวิ้ จะชว่ ยใหผ้ ฟู้ งั เข้าใจเร่อื งราวได้งา่ ยยิ่งขน้ึ ๖. ต้องรักษามารยาทการพดู ให้เคร่งครดั ในเรอ่ื งเวลาในการพูด พูดตรงเวลาและจบทนั เวลา ๗. พดู เรอ่ื งใกลต้ วั ให้ทุกคนร้เู รื่อง เป็นเรอ่ื งสนุกสนานแตม่ ีสาระ และพดู ด้วยทา่ ทางและ ๘. กิรยิ าน่มุ นวล เวลาพดู ต้องสบตาผ้ฟู ังดว้ ย ๙. ไม่ควรพดู เรอื่ งเช้ือชาติ ศาสนา การเมือง โดยไม่จาเปน็ และไม่ควรพูดแตเ่ รอื่ งของตวั เอง ๑๐. ไมพ่ ดู คาหยาบ นนิ ทาผู้อ่ืน ไม่พดู แซงขณะผู้อื่นพูดอยู่ และไมช่ ี้หนา้ คสู่ นทนา

ใบงานที่ ๑ คาชแ้ี จง เขยี นการพูดตามสถานการณ์ที่กาหนด สถานการณท์ ่ี ๑ สมมตุ ินักเรยี นเปน็ ประธานชมรมพฒั นาจติ จะนาสมาชกิ ไปทากิจกรรมบาเพ็ญ ประโยชน์ทว่ี ัด นกั เรียนจะพูดกบั เจ้าอาวาสอย่างไร ............................................................................................................................. ................................... ............................................................................................................................................. ................... ....................................................................................... ......................................................................... สถานการณ์ท่ี ๒ เล่าความเป็นอยู่ตอนเกดิ เหตุการณ์นา้ ท่วมบา้ น ถนนหนทางให้เพื่อในกลมุ่ ฟัง ............................................................................................................................. ................................... .................................................................................................................................... ............................ ....................................................................................... ......................................................................... สถานการณ์ที่ ๓ เน่อื งในวนั ครู ๑๖ มกราคม นักเรยี นกล่าวแสดงความสานึกในพระคุณของครใู น โรงเรยี น ............................................................................................................................. ................................... ............................................................................................................................. ................................... ....................................................................................... ......................................................................... สถานการณ์ที่ ๔ เนื่องในโอกาสวนั เฉลิมพระชนมพรรษา ๕ ธันวาคม นกั เรยี น ............................................................................................................................. ................................... ............................................................................................................................................. ................... ....................................................................................... .........................................................................

เกณฑ์การประเมนิ สาหรับประเมินผลงานของผเู้ รียน ( Rubric Assessment) ระดบั คะแนน เกณฑ์การประเมนิ ๕ - ๔ = ดีมาก ๓ - ๒ = พอใช้ ๑ - ๐ = ปรับปรงุ ๑. สนใจรว่ ม กิจกรรม กระตือรอื รน้ สนใจร่วม กระตือรือรน้ สนใจร่วม รว่ มกจิ กรรมเม่ือ ๒. มคี วามสนใจใน เรื่องที่เรียน กิจกรรม พร้อมท้ังชักชวน กจิ กรรม ไดร้ บั คาสั่งหรือถูก ๓. กล้าแสดงออก ให้ผ้อู ่นื ปฏิบัติตามได้ บังคับ ๔. ตอบคาถามและ มีความกระตือรือรน้ ปฏบิ ัติ สนใจศึกษาค้นควา้ หา ปฏิบัตติ นในเรือ่ งท่ี แสดงเหตุผล ในเรื่องที่เรียน สนใจศึกษา ข้อมูลดว้ ยตนเองและ เรียน ศกึ ษาค้นควา้ ๕. มคี วามสามคั คี ค้นควา้ หาข้อมูลนาไป นาไปปฏิบตั ิ เมอ่ื ได้รบั คาสงั่ ปฏิบัตพิ รอ้ มท้งั ชกั ชวนให้ ผู้อื่นปฏิบตั ิตาม มีความกระตือรอื รน้ กล้า มคี วามกระตือรอื รน้ รว่ มกจิ กรรมเมื่อ แสดงออกในการรว่ ม กล้าแสดงออกในการรว่ ม ไดร้ บั คาสงั่ หรือถูก กจิ กรรม พร้อมทั้งชักชวน กิจกรรม บังคบั ให้ผู้อน่ื ปฏิบัติตามได้ ตอบคาถามและแสดงเหตุ ตอบคาถามและแสดงเหตุ ตอบคาถามได้ ผลได้ต่อเนื่องครบถว้ น ผลได้ต่อเน่ืองครบถ้วน ต่อเนื่องครบถ้วน สัมพนั ธก์ ับหัวข้อทีก่ าหนด สัมพันธก์ บั หัวข้อที่ สมั พนั ธก์ ับหัวข้อที่ และตอบคาถามไดถ้ ูกตอ้ ง กาหนด กาหนดแต่ยงั ไม่ สามารถแสดงเหตุผล ประกอบได้ กระตือรอื ร้นศึกษา ค้นควา้ ศึกษา คน้ คว้าทางาน ศึกษา คน้ ควา้ ทางานดว้ ยความชืน่ ชอบ ตามที่ผอู้ ่ืนบอกหรือทา ทางานเม่ือไดร้ บั สนกุ สนาน และสามารถ ตามคาชกั ชวนของเพอื่ น คาสั่งหรือถูกบงั คับ ชกั ชวนใหผ้ ู้อื่นปฏิบัตติ าม

แบบสงั เกตพฤติกรรมการเขียน เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ๕ = ดีมาก ๔ = ดี ๓ = ปานกลาง ๒ = พอใช้ ๑ – ๐ ปรับปรุง เกณฑก์ ารผา่ น ไดค้ ะแนนไม่นอ้ ยกว่ารอ้ ยละ ๕๐ (ไมน่ ้อยกว่า ๓ คะแนน) ขอ้ รายการประเมิน คะแนน สรุป หมายเหตุ ๑ มคี วามตัง้ ใจในการเขียน ท่ไี ด้ ผ่าน ไมผ่ า่ น ๒ เขยี นได้ถกู ต้อง ๓ เขยี นไดส้ วยงาม สะอาด ๔ เว้นวรรคตอนถูกต้อง ๕ สะกดคาถูกต้อง รวมคะแนน ขอ้ เสนอแนะเพิ่มเติม ……………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………….. ลงชอ่ื ................................................................................ ผปู้ ระเมิน (นางสาวจิราพร กุลให)้

แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี ๕ ชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย ๑ ปีการศึกษา หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ ๗ เรอื่ ง กว่าแผน่ ดินจะกลบหนา้ เวลา ๑ ชัว่ โมง เรือ่ ง การวิเคราะหส์ านวนท่ีเปน็ คาพงั เพย สุภาษติ แผนผังความคดิ ประจาหน่วยการเรียนรู้ที่ ๗ การอา่ นในใจบทเรยี น การเขยี นแผนภาพโครงเร่ือง คาใหม่ คายากในบทเรยี น กว่าแผ่นดินจะกลบ การพูด หน้า การอา่ นออกเสยี งบทเรียน การวเิ คราะห์สานวนทีเ่ ปน็ คา พงั เพย สุภาษติ การอภปิ รายข้อคิดจากบทเรียน มาตรฐานการเรียนรู้ สาระที่ ๔ หลักการใช้ภาษาไทย มาตรฐาน ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาตขิ องภาษาและหลักภาษาไทย การเปล่ยี นแปลงของภาษา และพลงั ของภาษา ภูมปิ ัญญาทางภาษา และรกั ษาภาษาไทยไวเ้ ป็นสมบัติของชาติ เป้าหมายการเรยี นรูป้ ระจาหนว่ ย เมื่อเรยี นจบหน่วยนี้ ผู้เรียนจะมีความรู้ความสามารถตอ่ ไปน้ี ๑. วิเคราะหช์ นิดและหนา้ ที่ของคาในประโยค ๒. ใชค้ าได้เหมาะสมกบั กาลเทศะและบุคคล ๓. รวบรวมและบอกความหมายของคาภาษาต่างประเทศทีใ่ ชใ้ นภาษาไทย ๔. ระบลุ กั ษณะของประโยค ๕. แต่งบทร้อยกรอง ๖. วเิ คราะหแ์ ละเปรียบเทียบสานวนท่เี ปน็ คาพังเพย และสภุ าษิต คุณภาพท่ีพึงประสงค์ของผเู้ รยี น ๑. อธิบายการใช้สานวนไดถ้ ูกตอ้ งและเหมาะกบั สถานการณ์ ๒. ประยกุ ต์ใชส้ านวนให้เหมาะกับสถานการณไ์ ด้

ขอบข่ายสาระการเรียนร้แู กนกลางรายวชิ า ภาษาไทย ตัวช้ีวดั มาตรฐาน ท ๔.๑ (๖) วเิ คราะหแ์ ละเปรียบเทียบสานวนทเี่ ป็นคาพังเพย และสุภาษติ สาระพนื้ ฐาน สานวนทเ่ี ป็นคาพงั เพยและสภุ าษิต ความร้ฟู ังแน่นตดิ ตวั ผูเ้ รียน สานวนที่มใี ชใ้ นชีวติ ประจาวันควรใช้ให้เหมาะกับสถานการณแ์ ละบรบิ ทตา่ งๆ เพ่อื ให้การ สือ่ สารมปี ระสิทธิผล และผู้ฟงั หรือผูอ้ ่านกจ็ ะสามารถตีความและเข้าใจสานวนน้ันได้อย่างถูกต้อง พฤติกรรมความพอเพียง ๑. ความพอเพยี งดา้ นตนเอง มีความสนใจ ใฝ่รูใ้ ฝเ่ รยี น ๒. มีความพอเพียงด้านสังคม ดาเนนิ ชีวิตตามกฎเกณฑข์ องสงั คม อยรู่ ่วมกับผู้อน่ื ไดอ้ ยา่ งมี ความสขุ ๓. ความพอเพยี งด้านทรพั ยากร ใช้ทรพั ยากรที่อยู่อยา่ งค้มุ ค่า ตามปรชั ญาหลักเศรษฐกิจ พอเพยี ง ๔. ความพอเพียงด้านภูมิปญั ญา สามารถนาความรทู้ ไี่ ด้จากเรอื่ ง การอยรู่ ว่ มกัน และ ทางานรว่ มกับผู้อ่นื ประยุกตใ์ ช้ในชีวิตประจาวัน กระบวนการเรยี นรู้ ๑. นักเรียนศกึ ษาความรเู้ รอ่ื ง สานวน คาพงั เพย และสภุ าษิต ท่ีเรยี นมาเพ่ือทดสอบ ความเข้าใจ พรอ้ มเปิดโอกาสใหน้ กั เรียนซกั ถามหากมีขอ้ สงสยั เพอ่ื ใหน้ ักเรยี นมคี วามเข้าใจชดั เจน มากยงิ่ ขน้ึ ๒. นักเรียนแบ่งออกเปน็ กล่มุ กลุ่มละ ๕ คน คละตามความสามารถ แล้วใหน้ กั เรียนแต่ละ กลุม่ เลอื กสานวนทีช่ อบ กล่มุ ละ ๕ สานวน จากน้นั ให้แต่ละกลุ่มคดิ ท่าทาง หรอื แสดงบทบาทสมมุติ เพอ่ื นามาทายสานวนกับเพ่ือนท่ีหนา้ ช้ันเรยี น ๓. นักเรียนแตล่ ะกลุม่ ออกมาแสดงบทบาทสมมุตทิ หี่ น้าชั้นเรยี น แลว้ ให้นักเรยี นกลมุ่ อื่นๆ ทายวา่ ท่าทางหรือบทบาทสมมตุ ิที่เพื่อนแสดงนั้นตรงกับสานวนใด โดยครูและนักเรยี นช่วยกัน ตรวจสอบความถูกต้อง หากตอบผดิ ให้นักเรยี นชว่ ยกันแกไ้ ขใหถ้ ูกต้อง ๔. นกั เรียนหาขา่ ว สารคดี นทิ าน นวนิยาย เร่ืองสนั้ หรือการต์ นู ทีน่ กั เรียนชอบมาคนละ ๑ เรอื่ ง แล้วให้นกั เรยี นจดบันทึกลงในสมุด พร้อมบอกแหล่งท่ีมา เพื่อนามาใชใ้ นช่ัวโมงถดั ไป ๕. ครูยกตัวอยา่ งสถานการณ์ตา่ งๆ ท่เี กดิ ขนึ้ ในชีวิตประจาวัน แล้วให้นกั เรียนช่วยกันอธิบาย วา่ สถานการณ์นัน้ ๆ ตรงกับสานวนใด ซง่ึ สถานการณห์ น่ึงอาจมมี ากกวา่ ๑ สานวนกไ็ ด้ ๖. ครูสุ่มเรยี กนักเรียนใหย้ กตัวอย่างข่าว สารคดี นิทาน นวนิยาย เรอื่ งสั้น หรือการ์ตูนที่ นกั เรียนชอบโดยใหน้ กั เรยี นแตล่ ะคนเลา่ เรื่องทีต่ นเองอ่านมา แลว้ ครูถามนักเรยี นวา่ ขา่ วหรือเรอื่ งที่ หามาน้นั ตรงกบั สานวนใด โดยครูและเพ่ือนนักเรยี นชว่ ยกันตรวจสอบวา่ เหตุการณ์ทีย่ กมาน้นั ตรงกับ สานวนทเ่ี พอ่ื นตอบมาหรอื ไม่ และมสี านวนใดอีกบ้างทตี่ รงกบั สถานการณด์ ังกลา่ ว เพอื่ ตรวจสอบ ความรู้ ความเข้าใจของนักเรียน ๗. ครูใหน้ กั เรยี นศกึ ษาความรู้เพมิ่ เติมเก่ียวกับ สานวน คาพังเพย และสภุ าษิตจากหนงั สือ เรียนภาษาไทย ชดุ ภาษาเพอื่ ชีวิต ภาษาพาที ป.๖ และแหลง่ ขอ้ มูลสารสนเทศตา่ งๆ

สอื่ การเรียนการสอน ๑. ประเภทส่อื - แบบเรียนภาษาไทย ชุดภาษาเพื่อชีวิต - แบบฝกึ หัดทักษะภาษา ชัน้ ประถมศึกษาปที ี่ ๖ ๒. วัสดุ / อปุ กรณ์ - ใบงาน - ใบความรู้ - แผนภูมเิ ลขไทย ๓. แหล่งการเรียนรู้ - ครู ผ้ปู กครอง - หอ้ งสมุด การวดั ประเมนิ ผล ๑. วิธีการวัดและประเมินผล ๑. สงั เกตพฤติกรรมการเรียนของนักเรียน ๒. ประเมินการพูด ๒. เคร่อื งมือการวดั และประเมนิ ผล ๑. แบบบันทึกพฤตกิ รรมการเรยี น ๒. แบบสังเกตพฤติกรรมการพดู ๓. เกณฑ์การประเมิน ๑ การประเมนิ พฤติกรรมการเรียน ๕ - ๔ หมายถึง ระดับ ดีมาก ๓ – ๒ หมายถงึ ระดบั พอใช้ ๑ - ๐ หมายถงึ ระดับ ปรบั ปรุง ๒. สงั เกตพฤตกิ รรมการพูด ๕ หมายถงึ ระดบั ดมี าก ๔ หมายถึง ระดับ ดี ๓ หมายถงึ ระดบั ปานกลาง ๒ หมายถงึ ระดับ พอใช้ ๑ – ๐ หมายถึง ระดับ ปรับปรงุ

ใบความรู้ เรื่อง การวิเคราะห์สานวนทเี่ ป็นคาพังเพย สุภาษติ สานวนท่เี ปน็ คาพังเพยหรือสุภาษติ เป็นคากลา่ วท่ีมีมาช้านานแลว้ มคี วามหมายไมต่ รงกับ ขอ้ ความ หรือมคี วามหมายอ่ืนแฝงอยใู่ นเชิงเปรียบเทียบ ควรพยายามทาความเขา้ ใจอย่างถอ่ งแท้ เพอื่ ประโยชน์ในการส่อื สาร พรอ้ มท้ังพิจารณาไตร่ตรองนาไปใชใ้ ห้เกิดประโยชน์ ตวั อย่าง ตวี วั กระทบคราด คาพังเพยน้หี มายถึง โกรธคนหนง่ึ แต่ทาอะไรเขาไม่ได้ ไพล่ไปรังควานอีกคนหนง่ึ ท่ี เก่ยี วข้องและตนสามารถทาได้ เป็นการเปรียบเทียบกับการตวี ัว เมื่อตีวัวจะกระทบคราดซงึ่ อยู่ท่ีคอ ววั ววั เจบ็ แต่คราดไมเ่ จบ็ เพียงถูกกระทบหรือสะเทือนเท่าน้ัน ความไม่มโี รคเป็นลาภอันประเสรฐิ สภุ าษิตนเ้ี ตือนให้เห็นความสาคัญในการเอาใจใสด่ แู ลสขุ ภาพให้ดี โดยเปรยี บเทียบโรคกับ ลาภ ถา้ ไมม่ โี รคถือเปน็ ลาภ โรคเป็นภาวะท่ที าให้คนเจบ็ ป่วยจากเช้อื โรคต่างๆ ต้องรกั ษาด้วยยา หรอื วิธอี ่นื ๆ ทาใหเ้ สยี เงนิ ทองและเสียเวลา บางครั้งมีเงนิ ก็ไมส่ ามารถรักษาโรคให้หายได้

ใบงานที่ ๑ คาชแี้ จง ให้นกั เรยี นเลือกคาพังเพย-สุภาษติ ทกี่ าหนดให้เขียนให้ตรงกบั ความหมายแล้ววิเคราะห์ว่า เป็นคาพังเพยหรือสุภาษิตให้ถูกตอ้ ง ขา้ นอกเจา้ ขา้ วนอกหม้อ ได้ดเี พราะปาก ได้ยากเพราะคา เอามะพรา้ วห้าวไปขายสวน ธรรมย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรม ความกลวั เอาไวข้ า้ งหน้า ความกลา้ เอาไว้ขา้ งหลงั คาพังเพย - สภุ าษติ ความหมาย วเิ คราะห์สานวน ๑. …………………………………. ใหร้ ะมัดระวงั คาพดู เพราะอาจ ……………………………………. ……………………………………. นาผลเสียมาสู่เราได้ ……………………………………. ๒. …………………………………. ให้ร้จู ักพจิ ารณาใหด้ ี ……………………………………. ……………………………………. ใหม้ ีสตริ อบคอบ ……………………………………. ๓. …………………………………. แสดงความรู้หรอื อวดรู้กับผู้ท่ีรู้ ……………………………………. ……………………………………. เรอ่ื งนน้ั ดกี ว่า ……………………………………. ๔. …………………………………. คนทาดีย่อมมีคนรกั และเห็นใจ ……………………………………. ……………………………………. ……………………………………. การกระทาหรือความประพฤติ ๕. …………………………………. นอกเหนือคาสั่งหรือแบบอยา่ ง ……………………………………. ……………………………………. ขนบธรรมเนียม …………………………………….

เกณฑ์การประเมนิ สาหรับประเมินผลงานของผเู้ รียน ( Rubric Assessment) ระดบั คะแนน เกณฑก์ ารประเมนิ ๕ - ๔ = ดีมาก ๓ - ๒ = พอใช้ ๑ - ๐ = ปรับปรงุ ๑. สนใจร่วม กจิ กรรม กระตือรอื รน้ สนใจร่วม กระตือรือรน้ สนใจร่วม รว่ มกจิ กรรมเม่ือ ๒. มคี วามสนใจใน เร่อื งทเ่ี รยี น กิจกรรม พร้อมท้ังชักชวน กจิ กรรม ได้รบั คาสั่งหรือถูก ๓. กลา้ แสดงออก ให้ผ้อู ่นื ปฏิบัติตามได้ บังคับ ๔. ตอบคาถามและ มีความกระตือรือรน้ ปฏบิ ัติ สนใจศึกษาค้นควา้ หา ปฏิบัตติ นในเรือ่ งท่ี แสดงเหตผุ ล ในเรื่องที่เรียน สนใจศึกษา ข้อมูลดว้ ยตนเองและ เรียน ศกึ ษาค้นควา้ ๕. มคี วามสามคั คี ค้นควา้ หาข้อมูลนาไป นาไปปฏิบัติ เมอ่ื ได้รบั คาสงั่ ปฏิบัตพิ รอ้ มท้งั ชักชวนให้ ผู้อื่นปฏิบตั ิตาม มีความกระตือรอื รน้ กล้า มคี วามกระตือรอื รน้ รว่ มกจิ กรรมเมื่อ แสดงออกในการรว่ ม กล้าแสดงออกในการรว่ ม ไดร้ บั คาสงั่ หรือถูก กจิ กรรม พร้อมทั้งชักชวน กิจกรรม บังคบั ให้ผู้อน่ื ปฏิบัติตามได้ ตอบคาถามและแสดงเหตุ ตอบคาถามและแสดงเหตุ ตอบคาถามได้ ผลได้ต่อเนื่องครบถว้ น ผลได้ต่อเน่ืองครบถ้วน ต่อเนื่องครบถ้วน สัมพนั ธก์ ับหัวข้อทีก่ าหนด สัมพันธก์ บั หวั ข้อที่ สมั พนั ธก์ ับหัวข้อที่ และตอบคาถามไดถ้ ูกตอ้ ง กาหนด กาหนดแต่ยงั ไม่ สามารถแสดงเหตผุ ล ประกอบได้ กระตือรอื รน้ ศึกษา ค้นควา้ ศึกษา คน้ คว้าทางาน ศึกษา คน้ ควา้ ทางานดว้ ยความชืน่ ชอบ ตามที่ผอู้ ่ืนบอกหรือทา ทางานเม่ือไดร้ บั สนกุ สนาน และสามารถ ตามคาชกั ชวนของเพื่อน คาสั่งหรือถูกบงั คับ ชกั ชวนใหผ้ ู้อื่นปฏิบัตติ าม

แบบสงั เกตพฤติกรรมการเขียน เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ๕ = ดีมาก ๔ = ดี ๓ = ปานกลาง ๒ = พอใช้ ๑ – ๐ ปรับปรุง เกณฑก์ ารผา่ น ไดค้ ะแนนไม่น้อยกว่ารอ้ ยละ ๕๐ (ไม่น้อยกวา่ ๓ คะแนน) ขอ้ รายการประเมิน คะแนน สรุป หมายเหตุ ๑ มคี วามตัง้ ใจในการเขยี น ทไ่ี ด้ ผ่าน ไมผ่ า่ น ๒ เขยี นได้ถกู ต้อง ๓ เขยี นไดส้ วยงาม สะอาด ๔ เว้นวรรคตอนถูกต้อง ๕ สะกดคาถูกตอ้ ง รวมคะแนน ขอ้ เสนอแนะเพิ่มเติม ……………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………….. ลงชือ่ ................................................................................ ผปู้ ระเมิน (นางสาวจิราพร กุลให)้

แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ ๕ ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย ๑ ปีการศึกษา หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ ๗ เรื่อง กว่าแผน่ ดินจะกลบหนา้ เวลา ๑ ช่ัวโมง เรือ่ ง การอ่านออกเสยี งบทเรยี น แผนผงั ความคดิ ประจาหน่วยการเรยี นรู้ท่ี ๗ การอา่ นในใจบทเรียน การเขยี นแผนภาพโครงเร่ือง คาใหม่ คายากในบทเรียน กวา่ แผ่นดินจะกลบ การพดู หน้า การอ่านออกเสียงบทเรียน การวเิ คราะหส์ านวนที่เปน็ คา พงั เพย สุภาษติ การอภปิ รายขอ้ คดิ จากบทเรียน มาตรฐานการเรียนรู้ สาระท่ี ๑ : การอา่ น มาตรฐาน ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอา่ นสร้างความรแู้ ละความคิดเพือ่ นาไปใชต้ ัดสนิ ใจ แกป้ ญั หา ในการดาเนนิ ชีวิตและมนี ิสัยรักการอ่าน เปา้ หมายการเรยี นรปู้ ระจาหน่วย เม่ือเรยี นจบหน่วยน้ี ผเู้ รยี นจะมคี วามรู้ความสามารถต่อไปนี้ ๑. อา่ นออกเสยี งบทร้อยแกว้ และบทร้อยกรองได้ถูกตอ้ ง ๒. อธิบายความหมายของคา ประโยคและข้อความท่เี ป็นโวหาร ๓. อ่านเรอื่ งสั้นๆ อยา่ งหลากหลาย โดยจับเวลาแลว้ ถามเก่ยี วกบั เรื่องท่ีอ่าน ๔. แยกข้อเทจ็ จริงและข้อคิดเหน็ จากเร่ืองทอี่ า่ น ๕. อธิบายการนาความรแู้ ละความคิด จากเรื่องที่อ่านไปตัดสนิ ใจแก้ปัญหาในการดาเนินชวี ติ ๖. อ่านงานเขยี นเชิงอธบิ าย คาสง่ั ข้อแนะนา และปฏิบตั ิตาม ๗. อธิบายความหมายของข้อมูล จากการอ่านแผนผงั แผนท่ี แผนภูมิ และกราฟ ๘. อา่ นหนังสือตามความสนใจ และอธิบายคุณค่าทไ่ี ดร้ บั ๙. มีมารยาทในการอา่ น คุณภาพที่พงึ ประสงคข์ องผูเ้ รียน ๑. อ่านออกเสียงบทเรียนได้ถูกต้อง ชดั เจน ถูกวรรคตอน ๒. เขยี นคาตามคาบอกได้ ๓. คดั ลายมือข้อความได้ถูกต้อง สวยงาม และเป็นระเบียบ

ขอบข่ายสาระการเรียนรูแ้ กนกลางรายวิชา ภาษาไทย ตัวช้ีวัด มาตรฐาน ท ๑.๑ (๑) อ่านออกเสียงบทร้อยแก้วและบทรอ้ ยกรองได้ถูกต้อง (๒) อธบิ ายความหมายของคา ประโยคและข้อความทเี่ ปน็ โวหาร สาระพน้ื ฐาน ๑. การอา่ นออกเสียงบทเรยี นหนว่ ยที่ ๗ เรอื่ ง กว่าแผน่ ดนิ จะกลบหน้า ความรฟู้ ังแนน่ ตดิ ตัวผ้เู รียน ๑. การอ่านออกเสียงเรื่องต่าง ๆ ได้ถูกตอ้ ง ชดั เจนรวดเร็ว ถูกวรรคตอนและใชน้ า้ เสียง ได้เหมาะสม ทาใหส้ ามารถสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ ๒. การคดั เขยี นคาหรือข้อความได้ถูกต้องรวดเรว็ สวยงาม เป็นระเบียบเป็นการสร้าง นิสัยท่ดี ีในการเขียนและใชส้ อ่ื สารได้ตรงตามความต้องการ พฤติกรรมความพอเพียง ๑. ความพอเพยี งด้านตนเอง มคี วามสนใจ ใฝร่ ใู้ ฝ่เรยี น ๒. มีความพอเพยี งด้านสังคม ดาเนนิ ชวี ติ ตามกฎเกณฑ์ของสงั คม อยู่ร่วมกบั ผูอ้ น่ื ไดอ้ ยา่ งมี ความสขุ ๓. ความพอเพียงดา้ นทรัพยากร ใช้ทรัพยากรที่อยู่อยา่ งคมุ้ ค่า ตามปรชั ญาหลักเศรษฐกจิ พอเพยี ง ๔. ความพอเพียงดา้ นภมู ิปญั ญา สามารถนาความร้ทู ีไ่ ดจ้ ากเรือ่ ง การอย่รู ่วมกัน และ ทางานร่วมกับผู้อื่นประยุกต์ใชใ้ นชีวติ ประจาวัน กระบวนการเรยี นรู้ ๑. นกั เรียนเลน่ เกมประกวดการอา่ น ๒. ครูสาธิตการอ่านออกเสียงหนว่ ยท่ี ๗ ให้นักเรยี นฟัง ๓. นักเรยี นและครูร่วมกนั อภิปรายสรุปวิธกี ารปฏบิ ัติตนในการอา่ นออกเสียงท่ีถกู ต้อง เช่น ทา่ ทางการอ่านทีเ่ หมาะสม อา่ นไดถ้ ูกต้องตามอักขรวิธี อ่านคล่องแคล่ว ตอ่ เนือ่ งไมต่ ิดขดั เวน้ จังหวะวรรคตอนถูกต้อง และการใชน้ ้าเสียงได้ตามเน้ือเรอ่ื งทอ่ี ่าน ๔. นักเรียนแบง่ กลมุ่ โดยคละกนั ตามความสามารถ เก่ง ปานกลาง อ่อน โดยให้นกั เรียน ทกุ กล่มุ ฝึกอา่ นออกเสียงหน่วยท่ี ๗ เรื่อง จากผาแต้ม...สู่อยี ิปต์ จากหนังสือเรยี นภาษาไทย ชดุ ภาษาพาที ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ นักเรียนเลือกเน้อื หาร้จู ากบทเรียนในตอนท่ีกลุ่มนักเรยี นชอบ ๕. นักเรยี นเลือกเน้ือหารูจ้ ากบทเรยี นในตอนท่กี ล่มุ นักเรยี นชอบ ๖. นกั เรียนฝกึ อ่านออกเสียงเนอื้ หาในตอนที่กล่มุ นักเรียนเลือก และใหเ้ พอื่ นแนะนา ข้อบกพร่อง แลว้ ปรบั ปรุงแก้ไข ๗. ผลดั เปลี่ยนกันอ่านออกเสียงทลี ะคน และเพ่ือนท่เี หลือ ในกล่มุ ประเมินการอา่ น ออกเสียง ๘. นกั เรียนส่งตวั แทนกล่มุ ออกมาอา่ นออกเสียงหน้าชนั้ เรยี นใหเ้ พ่อื น ๆ ฟงั แลว้ ชว่ ยกนั วพิ ากษว์ จิ ารณ์การปฏิบตั ติ นในการอา่ น จุดเดน่ จุดด้อย ข้อบกพร่องทค่ี วรแก้ไขปรบั ปรุง ๙. นักเรียนและครชู ่วยกันสรุปบทเรียน เรื่อง แนวปฏบิ ัติการอ่านออกเสียง และแนวปฏิบัติ ในการคดั ลายมือให้สวยงามเป็นระเบยี บ

สอ่ื การเรียนการสอน ๑. ประเภทส่ือ - แบบเรยี นภาษาไทย ชุดภาษาเพ่ือชวี ติ ชั้นประถมศึกษาปที ่ี ๖ - พจนานุกรม ๒. วัสดุ / อุปกรณ์ - เกมประกวดการอา่ น - บัตรคา - ใบความรเู้ รื่อง การอ่านออกเสยี ง ๓. แหลง่ การเรียนรู้ - ครู ผ้ปู กครอง - หอ้ งสมุด การวัดประเมินผล ๑. วิธกี ารวัดและประเมินผล ๑. สังเกตพฤติกรรมการเรียนของนักเรยี น ๒. ประเมนิ การอ่าน ๓. ประเมินการเขียน ๒. เครือ่ งมอื การวัดและประเมินผล ๑. แบบบันทึกพฤตกิ รรมการเรียน ๒. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการอา่ น ๓. แบบสังเกตพฤตกิ รรมการเขยี น ๓. เกณฑก์ ารประเมนิ ๑ การประเมินพฤตกิ รรมการเรยี น ๕ - ๔ หมายถงึ ระดับ ดีมาก ๓ – ๒ หมายถงึ ระดบั พอใช้ ๑ - ๐ หมายถึง ระดับ ปรับปรุง ๒. สงั เกตพฤติกรรมการอา่ น ๕ หมายถงึ ระดบั ดมี าก ๔ หมายถงึ ระดบั ดี ๓ หมายถงึ ระดับ ปานกลาง ๒ หมายถงึ ระดับ พอใช้ ๑ – ๐ หมายถึง ระดบั ปรับปรุง ๓. สังเกตพฤตกิ รรมการเขยี น ๕ หมายถงึ ระดบั ดีมาก ๔ หมายถงึ ระดบั ดี ๓ หมายถงึ ระดบั ปานกลาง ๒ หมายถงึ ระดบั พอใช้ ๑ – ๐ หมายถึง ระดบั ปรบั ปรุง

ใบความรู้ เรอื่ ง การอา่ นออกเสยี ง การอ่านออกเสยี ง เป็นการอ่านใหเ้ กดิ เสียงดงั คือ เปล่งเสยี งตามตัวอกั ษร ถอ้ ยคา และเครื่องหมายต่างๆ ท่ีเขียนออกมาใหถ้ กู ตอ้ งชดั ถอ้ ยชัดคา และเปน็ ท่ีเขา้ ใจแก่ผฟู้ ัง การอ่านออกเสียงผู้อ่านต้องอาศัยการทางานท่ีสัมพันธ์กันระหว่างสายตา สมองและ อวยั วะในการออกเสียง กล่าวคือ ผู้อ่านตอ้ งใชส้ ายตากวาดไปบนตัวอกั ษรครัง้ ละหน่ึงวรรค และ ต้องแบ่งใจความไว้แปลงความคิดเป็นเสียง แล้วจึงเปล่งเสียงออกมาให้ตรงตามความหมายของ ถอ้ ยคา เพอ่ื ใหผ้ ฟู้ งั เขา้ ใจขอ้ ความท่ไี ด้ยนิ ผู้อา่ นเปลง่ เสียงออกมา หลักท่ัวไปในการอ่านออกเสียง การอ่านออกเสียงน้ันมุ่งให้ผู้อ่านอ่านให้ชัดเจน ถูกต้อง และมีผลทาให้ผู้ฟังเข้าใจเร่ืองได้ ตรงตามที่ผู้เขียนต้องการ การอ่านออกเสียงแบ่งออกได้ออกไปเป็น ๒ อย่าง ตามลักษณะของ ข้อความที่อ่าน คือ อ่านเรื่องที่เป็นร้อยแก้ว กับเรื่องที่เป็นบทร้อยกรองสิ่งที่ผู้อ่านควรคานึงถึง ในการอ่านออกเสียงมีดงั น้ี ๑. ความชดั เจน ความชดั เจน หมายถงึ การอ่านออกเสยี งไดช้ ัดถ้อยชัดคา ท้ังเสียงสระ เสียงพยัญชนะ เสียงวรรณยุกต์ และพยัญชนะควบกล้า รวมท้ังออกเสียงตัว ร ล ให้ชัดเจน ไม่สับเสียงจากเสียง ร เป็น ล น้าเสียงที่เปล่งออกมาต้องดัง ฟังชัด ไม่ดังมากหรือ คอ่ ยเกนิ ไปเพ่อื ใหผ้ ไู้ ดย้ ินทั่วถึงกัน ๒. ความถูกตอ้ ง คือ ผอู้ ่านสามารถอ่านออกเสียงได้ถกู ต้องตามอักขรวิธีของไทยหรือ ตามอักขรวิธีของภาษาอ่ืนที่ไทยนามาใช้ รวมทั้งการอ่านถูกต้องตามความนิยมด้วย ซึ่ง ผู้อ่าน จะต้องศึกษาหลักการอ่านที่ถูกต้องจากหนังสือตาราหลักภาษาไทย และหมั่นสังเกตศึกษา รวบรวมคา และคาอ่านท่ีถูกต้องอย่างสม่าเสมอ เม่ือสงสัยคาอ่านใดให้ยึด พจนานุกรมฉบับ ราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.๒๕๒๕ เป็นหลัก เช่น การอ่าน คาพ้องรูป อักษรนา อักษรควบ คาสมาส การอ่านคาที่มีตัว ฤ ฑ การอ่านตามความนิยม การอ่านไม้ยมก และการอ่าน เครอื่ งหมาย วรรคตอน อื่น ๆ ๓. ความคลอ่ งแคลว่ หมายถึง ความคลอ่ งตัวในการอ่านออกเสียงได้ต่อเนอ่ื งกัน ไม่ ติดขัดหรือเสียจังหวะในการอ่านออกเสียง ความคล่องแคล่วน้ีจะเกิดได้จากการฝึกฝนทักษะการ อ่านออกเสียง รวมทั้งการฝึกทักษะการใช้สายตากวาดไปบนตัวอักษรให้ได้จังหวะและความเร็ว สิ่งเหล่าน้ีผู้อ่านจะต้องฝึกปฏิบัติโดยสม่าเสมอและฝึกบ่อย ๆ ก็จะเกิดทักษะในการอ่าน แล้วก็จะ เกิดความคลอ่ งแคลว่ ในการอา่ นได้ และสามารถแบง่ วรรคตอนได้อยา่ งเหมาะสม

๔. การใช้นา้ เสยี งได้ตามเน้ือเร่อื ง หรอื อา่ นถูกตอ้ งตามลักษณะของคาประพันธ์ (อ่านร้อยกรอง) เช่น คาครุลหุในคาฉันท์ อ่านออกเสียงโท เสียงเอก ตามคาโคลงสี่สุภาพมี การเอ้ือนเสียงระหว่างวรรค การอ่านท้ังร้อยแก้ว และร้อยกรองมีการอ่านจังหวะทอดเสียงโดย เว้นจังหวะ มีน้าเสยี งหนักเบาเพือ่ ให้เกิดความไพเราะ ๕. การเวน้ จงั หวะวรรคตอน การเวน้ จงั หวะวรรคตอน เปน็ ส่ิงสาคญั มากในการอ่าน ออกเสียง เพราะถา้ ผ้อู ่านเวน้ จังหวะวรรคตอนทผี่ ิดที่ เช่น เว้นวรรคตรงกลางประโยคหรือกลาง ข้อความ หรือรวบคาจากวรรคแรกมาควบกับคาต้นของวรรคถัดไป ก็อาจจะทาให้ ความหมายผิดไปจากสารเดิม ทาให้ผู้ฟังเข้าใจความหมายคลาดเคล่ือนผิดไปจากความหมายท่ี แทจ้ รงิ หรือไม่เข้าใจความหมายที่ถูกต้อง ผูอ้ ่านจึงควรได้ทดลองอ่านทาความเข้าใจขอ้ ความ ให้ ดีก่อนว่า ควรจะเว้นวรรคตอนท่ีได อย่างไร จึงจะไม่ทาให้ความหมายผิดไปจากสารเดิม ตวั อย่าง เชน่ ตัวอย่างที่ ๑ “การชา เราจะตอ้ งหาท่เี หมาะ ๆ ใตต้ น้ ไมย้ ่งิ ดี” ตัวอยา่ งท่ี ๒ “ยา นก้ี นิ แลว้ แขง็ แรง ไมม่ โี รคภัยเบยี ดเบียน” ถา้ ผู้อา่ นอ่านเวน้ วรรคผิดทก่ี ็อา่ นว่า ตวั อยา่ งท่ี ๑ “การชาเรา จะต้องหาทเ่ี หมาะ ๆ ใตต้ ้นไมย้ ิ่งดี” และอา่ นตวั อยา่ งท่ี ๒ วา่ ตัวอยา่ งที่ ๒ “ยาน้กี นิ แล้วแขง็ แรงไม่มี โรคภัยเบยี ดเบียน” เช่นน้กี จ็ ะทาให้ความหมายของสารเดิมเปลยี่ นไป

เกม “ประกวดการอ่าน” ให้นกั เรยี นเล่นเกม “ประกวดการอ่าน” เพอื่ ปลูกฝังและสรา้ งเสริมลกั ษณะนิสยั การอา่ น (ร้อยแก้ว, รอ้ ยกรอง) ให้กบั นักเรียน อปุ กรณ์ มีดงั นี้ - นาฬิกาจบั เวลา - นกหวีด - ตารางใหค้ ะแนน วธิ ีเลน่ เกม มดี ังน้ี แบ่งนักเรียนออกเปน็ กล่มุ กลมุ่ ละประมาณ ๔-๕ คน ครูและนกั เรยี นร่วมกนั กาหนดเกณฑ์ การอา่ นที่ดีเชน่ - อ่านร้อยแก้ว - อา่ นถกู วรรคตอน - ไม่ตะกุกตะกัก - ออกเสยี ง ร ล คาควบกล้าชัดเจนและถูกตอ้ งตามอักขรวิธี - อา่ นเหมอื นเสยี งพดู แสดงอารมณโ์ ดยใช้นา้ เสยี งเหมาะสมกับเรื่องท่ีอ่าน ต้ังกรรมการตดั สินการประกวดโดยใหแ้ ตล่ ะกลุ่มเลือกตัวแทนมากลุ่มละ ๑ คน จากน้ันให้ แต่ละกลุ่มอา่ นออกเสียง (จะสง่ ให้ตัวแทนอา่ นออกเสียงหรืออา่ นออกเสยี งพรอ้ มกนั ทั้งกลุม่ ก็ได้) แลว้ ให้กรรมการให้คะแนน กลมุ่ ใดไดค้ ะแนนมากเป็นผ้ชู นะ หมายเหตุ กรรมการบอกเริ่มอา่ นโดยการเป่านกหวดี และตั้งเวลาตามความเหมาะสม ขอ้ เสนอแนะ - เกมนี้สามารถนาไปใชก้ ่อนการสอนอ่านหรือก่อนการให้นักเรียนอ่านบทเรียน ได้ทกุ บท ไม่ว่าจะเปน็ การอ่านในใจหรอื อา่ นออกเสยี งร้อยแก้วหรือร้อยกรอง - นกั เรยี นเป็นกรรมการอาจถกู กลา่ วหาว่าลาเอยี งเข้าข้างฝา่ ยตนครูอาจเปน็ กรรมการ เองก็ได้

เกณฑ์การประเมนิ สาหรับประเมินผลงานของผเู้ รียน ( Rubric Assessment) ระดบั คะแนน เกณฑก์ ารประเมนิ ๕ - ๔ = ดีมาก ๓ - ๒ = พอใช้ ๑ - ๐ = ปรับปรงุ ๑. สนใจร่วม กจิ กรรม กระตือรอื รน้ สนใจร่วม กระตือรือรน้ สนใจร่วม รว่ มกจิ กรรมเม่ือ ๒. มคี วามสนใจใน เร่อื งทเ่ี รยี น กิจกรรม พร้อมท้ังชักชวน กจิ กรรม ไดร้ บั คาสั่งหรือถูก ๓. กลา้ แสดงออก ให้ผ้อู ่นื ปฏิบัติตามได้ บังคับ ๔. ตอบคาถามและ มีความกระตือรือรน้ ปฏบิ ัติ สนใจศึกษาค้นควา้ หา ปฏิบัตติ นในเรือ่ งท่ี แสดงเหตผุ ล ในเรื่องที่เรียน สนใจศึกษา ข้อมูลดว้ ยตนเองและ เรียน ศกึ ษาค้นควา้ ๕. มคี วามสามคั คี ค้นควา้ หาข้อมูลนาไป นาไปปฏิบตั ิ เมอ่ื ได้รบั คาสงั่ ปฏิบัตพิ ร้อมท้งั ชกั ชวนให้ ผู้อื่นปฏิบัติตาม มีความกระตือรอื รน้ กล้า มคี วามกระตือรอื รน้ รว่ มกจิ กรรมเมื่อ แสดงออกในการรว่ ม กล้าแสดงออกในการรว่ ม ไดร้ บั คาสงั่ หรือถูก กจิ กรรม พร้อมท้ังชกั ชวน กิจกรรม บังคบั ให้ผู้อน่ื ปฏิบัติตามได้ ตอบคาถามและแสดงเหตุ ตอบคาถามและแสดงเหตุ ตอบคาถามได้ ผลได้ต่อเนื่องครบถว้ น ผลได้ต่อเน่ืองครบถ้วน ต่อเนื่องครบถ้วน สัมพนั ธก์ บั หัวข้อทีก่ าหนด สัมพันธก์ บั หัวข้อที่ สมั พนั ธก์ ับหัวข้อที่ และตอบคาถามไดถ้ ูกตอ้ ง กาหนด กาหนดแต่ยงั ไม่ สามารถแสดงเหตผุ ล ประกอบได้ กระตือรอื ร้นศึกษา ค้นควา้ ศึกษา คน้ คว้าทางาน ศึกษา คน้ ควา้ ทางานดว้ ยความชืน่ ชอบ ตามที่ผอู้ ่ืนบอกหรือทา ทางานเม่ือไดร้ บั สนกุ สนาน และสามารถ ตามคาชกั ชวนของเพอื่ น คาสั่งหรือถูกบงั คับ ชกั ชวนใหผ้ ู้อื่นปฏิบัตติ าม

แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการอา่ น เกณฑ์การให้คะแนน ๕ = ดมี าก ๔ = ดี ๓ = ปานกลาง ๒ = พอใช้ ๑ – ๐ ปรบั ปรุง เกณฑก์ ารผา่ น ได้คะแนนไม่นอ้ ยกว่ารอ้ ยละ ๕๐ (ไม่น้อยกว่า ๓ คะแนน) ข้อ รายการประเมิน คะแนน สรุป หมายเหตุ ทไ่ี ด้ ผา่ น ไมผ่ า่ น ๑ อา่ นไดช้ ดั เจนถูกต้องตามอักขรวิธี ๒ คลอ่ งแคลว่ ไมต่ ะกุกตะกัก ๓ แบง่ วรรคตอนถูกต้อง ๔ ใช้นา้ เสียงเหมาะสม มจี งั หวะ มีการเนน้ เสียงหนกั เบา ไม่อา่ นยานคาง ๕ ใช้นา้ เสียงในการอ่านเหมือนเสยี งพดู ของตวั ละคร รวมคะแนน ขอ้ เสนอแนะเพิม่ เตมิ ……………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………….. ลงชื่อ ................................................................................ ผปู้ ระเมิน (นางสาวจิราพร กุลให้)

แบบสงั เกตพฤติกรรมการเขียน เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ๕ = ดีมาก ๔ = ดี ๓ = ปานกลาง ๒ = พอใช้ ๑ – ๐ ปรับปรงุ เกณฑก์ ารผา่ น ไดค้ ะแนนไม่น้อยกว่ารอ้ ยละ ๕๐ (ไม่น้อยกวา่ ๓ คะแนน) ขอ้ รายการประเมิน คะแนน สรุป หมายเหตุ ๑ มคี วามตัง้ ใจในการเขียน ทไ่ี ด้ ผ่าน ไมผ่ า่ น ๒ เขยี นได้ถกู ต้อง ๓ เขยี นไดส้ วยงาม สะอาด ๔ เว้นวรรคตอนถูกต้อง ๕ สะกดคาถูกตอ้ ง รวมคะแนน ขอ้ เสนอแนะเพิ่มเติม ……………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………….. ลงช่อื ................................................................................ ผปู้ ระเมิน (นางสาวจิราพร กุลให)้

แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ ๖ ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ กลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาไทย ๑ ปกี ารศึกษา หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี ๗ เรื่อง กวา่ แผน่ ดินจะกลบหน้า เวลา ๑ ช่วั โมง เรอื่ ง การอภปิ รายขอ้ คดิ จากบทเรยี น แผนผังความคดิ ประจาหน่วยการเรียนรู้ท่ี ๗ การอา่ นในใจบทเรยี น การเขียนแผนภาพโครงเรือ่ ง คาใหม่ คายากในบทเรียน กวา่ แผ่นดินจะกลบ การพดู หน้า การอา่ นออกเสียงบทเรยี น การวเิ คราะห์สานวนท่เี ป็นคา พังเพย สุภาษิต การอภปิ รายข้อคดิ จากบทเรยี น มาตรฐานการเรียนรู้ สาระที่ ๑ : การอ่าน มาตรฐาน ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอ่านสร้างความร้แู ละความคิดเพือ่ นาไปใชต้ ัดสินใจ แกป้ ัญหาใน การดาเนินชีวิตและมนี ิสัยรักการอา่ น สาระท่ี ๒ : การเขียน มาตรฐาน ท ๒.๑ ใช้กระบวนการเขยี นเขียนสื่อสาร เขียนเรยี งความ ยอ่ ความ และเขยี นเร่ืองราว ในรูปแบบตา่ งๆ เขียนรายงานข้อมลู สารสนเทศและรายงานการศึกษาคน้ ควา้ อย่างมปี ระสิทธิภาพ เปา้ หมายการเรียนรปู้ ระจาหน่วย เมื่อเรียนจบหนว่ ยนี้ ผเู้ รียนจะมีความรู้ความสามารถตอ่ ไปนี้ ๑. อ่านออกเสียงบทร้อยแกว้ และบทร้อยกรองไดถ้ ูกต้อง ๒. อธิบายความหมายของคา ประโยคและข้อความท่ีเปน็ โวหาร ๓. อ่านเรอื่ งสนั้ ๆ อยา่ งหลากหลาย โดยจบั เวลาแล้วถามเกยี่ วกบั เรอื่ งท่ีอ่าน ๔. แยกข้อเท็จจริงและข้อคดิ เหน็ จากเร่อื งที่อา่ น ๕. อธิบายการนาความรู้และความคิด จากเรื่องท่อี ่านไปตัดสินใจแก้ปญั หาในการดาเนินชีวิต ๖. อ่านงานเขยี นเชิงอธบิ าย คาสัง่ ข้อแนะนา และปฏิบัติตาม ๗. อธบิ ายความหมายของข้อมลู จากการอ่านแผนผงั แผนที่ แผนภูมิ และกราฟ ๘. อ่านหนังสอื ตามความสนใจ และอธบิ ายคุณคา่ ที่ได้รับ ๙. มีมารยาทในการอา่ น

คณุ ภาพท่ีพงึ ประสงค์ของผ้เู รียน ๑. อภิปรายแสดงความคดิ เห็นแนวคดิ ของเร่อื งได้อย่างตรงประเด็น ๒. ปฏบิ ัติตนเป็นผูม้ ีมรรยาททด่ี ีในการฟังได้ ๓. ฟงั การอภปิ รายแลว้ สรุปใจความสาคญั และข้อคิดของเรือ่ งได้ ขอบขา่ ยสาระการเรียนรู้แกนกลางรายวชิ า ภาษาไทย ตัวชี้วัด มาตรฐาน ท ๑.๑ (๓) อา่ นเรอื่ งส้นั ๆ อยา่ งหลากหลาย โดยจบั เวลาแล้วถามเกีย่ วกบั เร่ืองทีอ่ ่าน (๕) อธบิ ายการนาความรู้และความคดิ จากเรื่องท่ีอ่านไปตดั สนิ ใจแกป้ ัญหาในการดาเนินชีวติ (๘) อ่านหนงั สอื ตามความสนใจ และอธบิ ายคณุ ค่าทไ่ี ดร้ ับ มาตรฐาน ท ๒.๑ (๑) คดั ลายมือตัวบรรจงเตม็ บรรทดั และคร่ึงบรรทัด (๕) เขยี นยอ่ ความจากเรื่องท่ีอ่าน สาระพืน้ ฐาน การอภปิ รายข้อคิดจากบทเรียน ความรูฟ้ ังแน่นตดิ ตวั ผู้เรียน ๑. การอภปิ รายหาแนวคิดของเรอ่ื ง ช่วยใหส้ รุปและเขียนแผนความคดิ ของเร่ือง ได้ชัดเจน ตรงประเดน็ ยง่ิ ข้ึน ๒. การฟงั การอภปิ รายอย่างมมี รรยาท และสรปุ ใจความสาคัญของเรอ่ื งได้ ชว่ ยให้เกิด ความรู้ ความคิดอยา่ งกว้างขวาง พฤติกรรมความพอเพียง ๑. ความพอเพียงด้านตนเอง มคี วามสนใจ ใฝร่ ู้ใฝ่เรียน ๒. มคี วามพอเพียงด้านสังคม ดาเนินชีวิตตามกฎเกณฑข์ องสังคม อยรู่ ว่ มกบั ผู้อืน่ ได้อย่างมี ความสุข ๓. ความพอเพียงดา้ นทรัพยากร ใช้ทรพั ยากรท่ีอยูอ่ ย่างคุ้มค่า ตามปรชั ญาหลักเศรษฐกจิ พอเพยี ง ๔. ความพอเพียงด้านภมู ิปญั ญา สามารถนาความรู้ทไี่ ด้จากเร่อื ง การอย่รู ่วมกัน และ ทางานร่วมกบั ผู้อนื่ ประยุกต์ใชใ้ นชวี ิตประจาวนั กระบวนการเรยี นรู้ ๑. นักเรียนอาสาสมัคร ออกมาเล่าทบทวนบทเรยี นหน่วยท่ี ๗ เรอื่ ง กวา่ แผ่นดนิ จะกลบหนา้ โดยใชภ้ าพจากหนงั สือเรียนประกอบการเลา่ แล้วเพ่ือน ๆ ทกุ คนช่วยกันเลา่ เรือ่ งเพิ่มเติมจากทเ่ี พอ่ื น เลา่ ให้ฟงั อีกครั้ง ๒. นกั เรยี นแบง่ กลุ่ม โดยคละกันตามความสามารถ เกง่ ปานกลาง อ่อน แลว้ ประเมิน การกระทาของตวั ละครในบทเรียน ๓. นักเรียนทุกกล่มุ รว่ มกันอภปิ รายแสดงความคดิ เห็น แนวคดิ ของหน่วยที่ ๗เรื่อง กว่า แผ่นดินจะกลบหน้า โดยยึดหลกั เกณฑ์ คอื พูดอภิปรายให้ตรงกับเน้อื หา หรือประเดน็ ของเรอ่ื งพดู เรียงตามลาดบั เน้ือเร่อื ง เหตุการณ์ พดู แสดงความคดิ เหน็ อยา่ งมเี หตผุ ล พดู อภปิ รายแล้วสรปุ เรือ่ ง พดู ออกเสียงชดั เจน และถกู ต้อง ใช้คาพูดให้เหมาะสมกับเร่อื ง บคุ คล และโอกาส ทา่ ทางที่ แสดงออกเหมาะสมกับเรื่อง บุคคล และโอกาส

๔. นักเรยี นฟังเพ่ือน ๆ อภิปรายโดยการต้งั ใจฟงั ฟงั อยา่ งสารวม เรมิ่ ตงั้ แตก่ ารน่งั กริ ิยา อาการที่สงบ ไมร่ บกวนผู้อ่นื เชน่ ไม่พดู คยุ หยอกล้อกัน หรือส่งเสยี งดงั หรือรับประทานอาหาร ในขณะฟัง เปน็ ตน้ ๕. นักเรียนทาใบงานท่ี ๑ ๖. นักเรยี นทาแบบทดสอบหลังเรียน ๗. นักเรยี นสรุปใจความสาคัญ และข้อคดิ จากบทเรยี นพร้อมทัง้ บนั ทกึ ลงในใบงานกลมุ่ เร่ือง การสรปุ ใจความสาคัญ และขอ้ คิดของเร่อื งแลว้ ส่งตัวแทนกลุม่ นาเสนอผลงาน สอ่ื การเรยี นการสอน ๑. ประเภทส่อื - แบบเรียนภาษาไทย ชุดภาษาเพ่ือชีวิต - แบบทดสอบหลงั เรยี น ๒. วสั ดุ / อุปกรณ์ - ใบงานที่ ๑ ๓. แหลง่ การเรียนรู้ - ครู ผู้ปกครอง - ห้องสมุด การวดั ประเมนิ ผล ๑. วิธกี ารวดั และประเมนิ ผล ๑. สงั เกตพฤติกรรมการเรยี นของนักเรียน ๒. ประเมินการอ่าน ๓. ประเมนิ การเขยี น ๒. เครื่องมอื การวัดและประเมินผล ๑. แบบบันทกึ พฤตกิ รรมการเรยี น ๒. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการอ่าน ๓. แบบสังเกตพฤติกรรมการเขยี น ๓. เกณฑ์การประเมนิ ๑ การประเมนิ พฤตกิ รรมการเรยี น ๕ - ๔ หมายถงึ ระดบั ดีมาก ๓ – ๒ หมายถึง ระดับ พอใช้ ๑ - ๐ หมายถงึ ระดบั ปรบั ปรงุ ๒. สงั เกตพฤตกิ รรมการอา่ น ๕ หมายถึง ระดบั ดีมาก ๔ หมายถึง ระดับ ดี ๓ หมายถงึ ระดับ ปานกลาง ๒ หมายถงึ ระดับ พอใช้ ๑ – ๐ หมายถงึ ระดบั ปรบั ปรงุ