Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการจัดการเรียนรู้วิชาภาษาไทย ม.1 (หน่วยที่ 1 เทอม 2)

แผนการจัดการเรียนรู้วิชาภาษาไทย ม.1 (หน่วยที่ 1 เทอม 2)

Published by KAGIROON, 2020-03-10 04:12:17

Description: แผนการจัดการเรียนรู้วิชาภาษาไทยพื้นฐาน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 (ท 21102) ภาคเรียนที่ 2 หน่วยที่ 1 เรื่อง ราชาธิราช

Search

Read the Text Version

คำอธิบำยรำยวชิ ำ รำยวิชำภำษำไทย รหัสวิชำ ท ๒๑๑๐๒ กลุ่มสำระกำรเรยี นรภู้ ำษำไทย ชนั้ มธั ยมศึกษำปีท่ี ๑ ภำคเรยี นที่ ๒ จำนวน ๖๐ ชั่วโมง /หน่วยกิต เวลำ ๓ ชั่วโมง/สปั ดำห์ รวมทั้งหมด ๖๐ ช่ัวโมง/ภำค ............................................................................................................................. .............................................. ศกึ ษาและฝึกอ่านออกเสียงบทร้อยแก้วและบทรอ้ ยกรองได้ถูกต้องเหมาะสมกับเร่ืองที่อา่ นจับใจความ สาคัญจากเรื่องท่ีอ่าน ระบุเหตุและผล และข้อเท็จจริงกับข้อคิดเห็นจากเร่ืองที่อ่าน ระบุและอธิบายคา เปรียบเทียบและคาท่ีมีหลายความหมายในบริบทต่าง ๆ จากการอ่าน ตีความคายาก ในเอกสารวิชาการ โดย พิจารณาจากบริบท ระบุข้อสังเกตและความสมเหตุสมผลของงานเขียนประเภทชักจูงโน้มน้าวใจ ปฏิบัติตาม คมู่ ือแนะนาวิธีการใช้งานของเครอ่ื งมือหรือเครือ่ งใช้ในระดับท่ียากข้ึน วเิ คราะห์คุณค่าท่ไี ด้รบั จากการอ่านงาน เขียนอย่างหลากหลายเพ่ือนาไปใช้แก้ปัญหาในชีวิต มีมารยาทในการอ่าน คัดลายมือตัวบรรจงครึ่งบรรทัด เขียนสื่อสารโดยใช้ถ้อยคาถูกต้อง ชัดเจน เหมาะสม และสละสลวย เขียนบรรยายประสบการณ์โดยระบุ สาระสาคัญและรายละเอียด สนับสนนุ เขยี นเรียงความ เขียนย่อความจากเรอื่ งท่ีอา่ น เขียนแสดงความคดิ เห็น เกี่ยวกับสาระจากสื่อที่ได้รับ เขียนจดหมายส่วนตัวและจดหมายกิจธุระ เขียนรายงานการศึกษาค้นคว้าและ โครงงาน มีมารยาทในการเขียน พูดสรุปใจความสาคัญของเรื่องท่ีฟังและดู เล่าเร่ืองย่อจากเร่ืองท่ีฟังและดู พูดแสดงความคิดเห็นอย่างสร้างสรรค์เก่ียวกับเรื่องที่ฟังและดู ประเมินความน่าเช่ือถือของสื่อท่ีมีเน้ือหาโน้ม น้าวใจ พูดรายงานเรื่องหรือประเด็นที่ศึกษาค้นคว้าจากการฟัง การดู และการสนทนา มีมารยาทในการฟัง การดู และการพูด วิเคราะห์ความแตกต่างของภาษาพูดและภาษาเขียน แต่งบทร้อยกรอง จาแนกและ ใช้ สานวนที่เป็นคาพังเพยและสุภาษิต สรุปเน้ือหาวรรณคดี วรรณกรรม วรรณกรรมท้องถ่ินท่ีอ่าน วิเคราะห์ วรรณคดีและวรรณกรรมท่ีอ่านพร้อมยกเหตุผลประกอบ อธิบายคุณค่าของวรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่าน สรุปความรู้และข้อคิดจากการอ่านเพ่ือประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง ท่องจาบทอาขยานตามที่กาหนดและ บทร้อย กรองทม่ี ีคณุ คา่ ตามความสนใจ กจิ กรรมการเรยี นรู้เป็นแบบบูรณาการภายในกลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาไทยและกลุ่มสาระการเรียนรู้ อ่ืน ๆ ท่ีเก่ียวข้อง โดยนาวรรณคดีและวรรณกรรมเป็นแกนกลาง ผู้เรยี นจะได้เรียนรู้วรรณคดีและวรรณกรรม สัมพันธ์กับหลักการใช้ภาษาและทักษะสื่อสาร เรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้อ่ืน ๆ ที่เก่ียวข้องอย่างกว้างขวาง กลมกลืนเป็นเอกภาพและเชื่อมโยงชีวิตจริงศึกษาวิเคราะห์และจาแนกข้อเท็จจริง ข้อมูลสนับสนุนและ ข้อคิดเห็นจากบทความท่ีอ่าน ระบุข้อสังเกตชวนเชื่อ การโน้มน้าว หรือความสมเหตุสมผลของงานเขียน อ่าน หนังสือ บทความ หรือคาประพันธ์อย่างหลากหลาย และประเมินคุณค่าหรือแนวคิดที่ได้จากการอ่าน เพ่ือ นาไปใชแ้ กป้ ญั หาในชวี ิต มมี ารยาทในการอา่ น เพ่ือใหผ้ ู้เรียนมีพ้นื ฐานความรู้ดา้ นหลักภาษา พฒั นาทักษะการใช้ภาษาครบทกุ ด้านและเรียนรูค้ ุณค่า ที่สอดแทรกในวรรณคดีและวรรณกรรมไทย สามารถนาภาษาไทย รวมท้ังคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมที่ดี งามไปใช้ในชีวติ จรงิ ได้ถูกต้อง เหมาะสม

รหสั ตวั ช้ีวดั ท ๑.๑ ม.๑/๑, ม.๑/๒, ม.๑/๓, ม.๑/๔, ม.๑/๕, ม.๑/๖, ม.๑/๗, ม.๑/๘, ม.๑/๙ ท ๒.๑ ม.๑/๑, ม.๑/๒, ม.๑/๓, ม.๑/๔, ม.๑/๕, ม.๑/๖, ม.๑/๗, ม.๑/๘, ม.๑/๙ ท ๓.๑ ม.๑/๑, ม.๑/๒, ม.๑/๓, ม.๑/๔, ม.๑/๕, ม.๑/๖ ท ๔.๑ ม.๑/๔, ม.๑/๕, ม.๑/๖ ท ๕.๑ ม.๑/๑, ม.๑/๒, ม.๑/๓, ม.๑/๔, ม.๑/๕ รวมทั้งหมด ๓๒ ตัวชวี้ ัด

รำยวชิ ำภำษำไทย โครงสรำ้ งรำยวชิ ำภำษำไทย กลุ่มสำระกำรเรียนรู้ภำษำไทย ช้ันมธั ยมศกึ ษำปีที่ ๑ รหสั วิชำ ท ๒๑๑๐๒ ภำษำไทย จำนวน ๖๐ ชั่วโมง / หนว่ ยกติ จำนวน ๓ ชว่ั โมง/สัปดำห์ ภำคเรยี นที่ ๒ รวมทั้งหมด ๖๐ ช่ัวโมง/ภำค ลำดบั ชอ่ื หน่วย มำตรฐำนกำรเรียนรู้/ สำระสำคัญ เวลำเรียน น้ำหนกั (ชว่ั โมง) คะแนน ที่ กำรเรยี นรู้ ตวั ชว้ี ดั ๒๐ ๑ ราชาธิราช ตอน ท ๑.๑ ม. ๑/๑, ๑. วรรณคดีเร่อื ง ราชาธริ าช แปลมาจาก ๒๐ พงศาวดารมอญ และนามาเรียบเรยี งใหม่ สมงิ พระรามอาสา ม. ๑/๒, สอดแทรกวิถีชีวติ ความเปน็ ไทย เรือ่ ง ราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสา ม. ๑/๔, มีคาศัพท์ที่ควรศกึ ษามากมาย เพ่อื เปน็ ประโยชน์ในการอ่านเรอ่ื งใหเ้ ข้าใจมากย่งิ ขึน้ ม. ๑/๘, ๒. แนวทางทจี่ ะทาให้อ่านออกเสียง บทร้อยแก้วที่เปน็ วรรณคดีได้ดนี ั้น ตอ้ ง ม. ๑/๙ ศกึ ษาเนื้อเร่ืองให้เขา้ ใจ สงั เกตถ้อยคาและ ขอ้ ความทเ่ี ป็นใจความสาคญั เพ่ือเน้นเสียง ท ๒.๑ ม. ๑/๒, และฝึกอา่ นออกเสยี งคาท่ีอ่านยากให้ถูกตอ้ ง ๓. การอ่านออกเสียงบทรอ้ ยแกว้ ที่มัก ม. ๑/๔, เกิดขน้ึ ในชีวิตประจาวันจะเป็นการอ่าน โดยไมไ่ ดเ้ ตรยี มตัวล่วงหน้า ซ่ึงผอู้ ่านจะต้อง ม. ๑/๕, ใช้ทักษะและความสามารถทเ่ี คยฝึกฝนมา เพ่อื ใหก้ ารอา่ นออกเสยี งนัน้ มีประสิทธิภาพ ม. ๑/๗, ดังนน้ั ผทู้ ่ีจะอ่านออกเสียงบทรอ้ ยแก้วได้ดี จงึ ตอ้ งฝกึ ฝนและพฒั นาตนอยู่เสมอ ม. ๑/๙ ๔. การเขียนยอ่ ความเปน็ การนาใจความ สาคญั ของเร่ืองที่อา่ น ฟงั หรือดู มา ท ๓.๑ ม. ๑/๑, ม. ๑/๓, ม. ๑/๖ ท ๔.๑ ม. ๑/๒, ม. ๑/๓ ท ๕.๑ ม. ๑/๑, ม. ๑/๒, ม. ๑/๓, ม. ๑/๔ เรยี บเรียงใหม่ใหก้ ระชับ เข้าใจง่าย และ ไดใ้ จความถกู ต้อง ครบถ้วนตามเรือ่ งเดิม

ลำดับ ช่อื หน่วย มำตรฐำนกำรเรยี นรู/้ สำระสำคญั เวลำเรียน นำ้ หนกั (ชวั่ โมง) คะแนน ที่ กำรเรียนรู้ ตวั ชว้ี ัด ราชาธิราช ตอน ๕. คาซอ้ น เป็นคาที่เกดิ จากการนาคามูลท่ี สมิงพระรามอาสา มีความหมายเหมือนกนั คล้ายคลงึ กัน หรือ (ตอ่ ) ตรงข้ามกัน ต้งั แต่ ๒ คามารวมกัน ทาให้เกดิ คาใหมท่ ่ีมีความหมายใหมห่ รือมีเค้าของ ความหมายเดมิ ๖. คาประสม เปน็ คาทเ่ี กิดจากการนาคาทม่ี ี ความหมายต่างกันตงั้ แต่ ๒ คามารวมกนั เป็นคาใหม่ท่มี ีความหมายใหม่ หรอื มเี ค้าของ ความหมายเดิม ๗. ลักษณนาม เป็นคาที่ใช้บอกลักษณะของ สงิ่ ต่าง ๆ เพ่ือแสดงรูปรา่ ง ลกั ษณะ หรือ ปริมาณของส่งิ นน้ั ๘. การเข้าใจลักษณะและความหมายของ คาพ้องที่ใชใ้ นวรรณคดี ทาให้เขา้ ใจ เนอ้ื ความที่อ่านไดถ้ ูกต้อง ๙. ไม้ยมก (ๆ) จะใชเ้ ม่ือเปน็ คาซา้ และ เม่อื ต้องการซ้าคา วลี หรือประโยคเดมิ อีก ครงั้ หนง่ึ ซึง่ ต้องเป็นคาชนิดเดียวกนั และอยู่ ในเนอ้ื ความเดียวกนั ๑๐. อุปมาเปน็ การใช้ถ้อยคาเปรียบเทียบ ให้เห็นภาพพจน์ทช่ี ัดเจน ซึ่งมักมีคาวา่ ดงั เหมอื น ดุจ ในข้อความทีแ่ สดงการ เปรียบเทียบนัน้ ๑๑. การพดู แสดงความคิดสร้างสรรค์ตอ้ ง ใชค้ วามคดิ พจิ ารณาประเด็นต่าง ๆ แล้วจงึ แสดงความคิดน้ันให้ปรากฏ เพือ่ ใหเ้ ป็น ประโยชนแ์ ก่ผู้ฟัง โดยเปน็ ความรเิ ร่มิ แปลก ใหม่และสรา้ งสรรค์สังคม

ลำดบั ชอ่ื หน่วย มำตรฐำนกำรเรยี นร้/ู สำระสำคญั เวลำเรียน น้ำหนกั (ช่วั โมง) คะแนน ที่ กำรเรียนรู้ ตวั ชีว้ ดั ราชาธริ าช ตอน ๑๒. การพูดสรปุ ความจากเร่ืองท่ีฟงั และดู สมงิ พระรามอาสา ทาให้ได้รับข้อมูลทกี่ ระชับ ประหยัดเวลา ได้ สาระสาคญั ครบถ้วน (ตอ่ ) และทาให้การส่อื สารเกดิ ประสิทธิภาพ ไดร้ บั ประโยชนท์ ัง้ ผพู้ ดู และผูฟ้ ัง ๑๓. การเขียนแนะนาตนเองเปน็ การ นาเสนอข้อมูลเกี่ยวกับตนเองใหผ้ ูอ้ ืน่ รับทราบเพ่ือประโยชน์อยา่ งใดอย่าง หน่ึง ซึ่งข้อมูลท้ังหมดต้องเป็นความจริง ๑๔. พรรณนาโวหารเป็นการเขยี นอธิบาย รายละเอยี ดของส่ิงต่าง ๆ หรือความรู้สึก อยา่ งประณีตละเอยี ดลออ เพ่ือให้ผ้อู า่ นเกิด ความซาบซงึ้ และเกิดจินตภาพ๑๕. การ เขยี นเรียงความเชงิ พรรณนาเปน็ งานเขยี น ร้อยแกว้ ท่ีมกี ารแทรกเนื้อความท่ีกล่าวอย่าง ละเอียด และเลอื กใช้ถ้อยคาเพอื่ ใหผ้ ู้อา่ น เห็นภาพ มโี ครงสรา้ งท่ีประกอบด้วยคานา เน้อื เรอื่ งและสรปุ ๑๖. จดหมายลาครู เปน็ จดหมายกิจธรุ ะ รปู แบบหนง่ึ มีวตั ถุประสงค์เพื่อขออนญุ าต ครผู สู้ อนเพื่อหยดุ เรยี น อันเน่ืองมาจาก นักเรยี นมีกิจธรุ ะส่วนตวั จะต้องไปปฏบิ ตั ิ หรอื มีอาการป่วยจนไมส่ ามารถมาเรียนได้ ๑๗. การถา่ ยทอดวรรณคดอี อกมาเปน็ บท ละครทาให้เข้าใจเนื้อเรื่องและความนึกคิด ของตวั ละครได้ลึกซ้ึงยง่ิ ขนึ้ ๑๘. การแสดงละครจากวรรณคดเี ป็นการ สบื สานวรรณคดไี ทยวธิ ีหน่ึง ซง่ึ ทาให้ผู้แสดง และผู้ชมเขา้ ใจเน้ือเรื่องและพฤตกิ รรมของ ตวั ละครไดด้ ียิ่งขนึ้

ลำดบั ช่อื หน่วย มำตรฐำนกำรเรียนรู/้ สำระสำคญั เวลำเรียน นำ้ หนกั ที่ กำรเรยี นรู้ ตัวชว้ี ัด (ช่ัวโมง) คะแนน ๒ กาพยเ์ ห่ชม ๑๙. วรรณคดเี ร่ือง ราชาธริ าช ตอน สมงิ ๑๕ เครือ่ งคาวหวาน พระรามอาสา ให้คณุ ค่าทงั้ ด้านสานวนภาษา ท่ไี พเราะจับใจสละสลวยชวนอ่าน ใหข้ ้อคิด เก่ยี วกับการรักษาคาพูด การรกั ชาติ บ้านเมือง รักเกยี รติและศักดิ์ศรขี องตนเอง ๒๐. การสืบคน้ ขอ้ มูลจากแหลง่ การเรยี นรู้ อืน่ และการบันทึกความรู้ทาให้ไดร้ บั ความรู้ กวา้ งขวางยง่ิ ขนึ้ ท ๑.๑ ม. ๑/๑, ๑. กาพยเ์ ห่ชมเครื่องคาวหวาน ๒๐ ม. ๑/๒, เป็นบทพระราชนิพนธ์ในรชั กาลท่ี ๒ ม. ๑/๓, เน้อื ความกลา่ วถึงการชมอาหารคาวหวาน ม. ๑/๔, และงานนักขัตฤกษ์ในแต่ละเดือนของไทย ม. ๑/๕, เปน็ วรรณคดีที่สะท้อนการรบั ประทาน ม. ๑/๖ อาหารทีเ่ ป็นเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมของ ม. ๑/๗, คนไทยท่สี บื เน่ืองจากอดีตจนมาถึง ม. ๑/๘, ปัจจุบัน ม. ๑/๙ ๒. บทรอ้ ยกรองจากเรอ่ื ง กาพย์เหช่ มเคร่ือง คาวหวานมคี วามไพเราะมาก การอา่ นออก เสยี งอยา่ งถูกต้องท้ังจังหวะและทานองจะทา ใหบ้ ทรอ้ ยกรองมีความไพเราะมากยิ่งขนึ้ การนาบทร้อยกรองทีช่ อบมาคดั ลายมอื และ ทอ่ งจา ทาใหเ้ กดิ ความซาบซง้ึ และสามารถ นาไปใช้อา้ งอิงได้ ๓. เสยี งวรรณยุกต์เปน็ เสียงสูงตา่ ทเี่ กิดข้ึน ร่วมกับเสียงสระ เมื่อเปลี่ยนเสยี งวรรณยุกต์ ในพยางค์หรอื คา ความหมายกจ็ ะเปลี่ยนไป ดว้ ย พยางคท์ ุกพยางค์มีเสียงวรรณยุกต์ แต่ บางพยางคม์ เี สยี งไม่ตรงกบั รูปวรรณยุกต์

ลำดบั ชือ่ หน่วย มำตรฐำนกำรเรยี นรู้/ สำระสำคัญ เวลำเรยี น นำ้ หนกั ที่ กำรเรยี นรู้ ตัวชวี้ ัด (ชวั่ โมง) คะแนน กาพย์เห่ชม ท ๒.๑ ม. ๑/๑, ๔. การประพันธ์บทร้อยกรองให้ไพเราะจะมี เคร่อื งคาวหวาน ม. ๑/๘, กลวิธกี ารเลือกใชค้ าและการใชโ้ วหาร (ต่อ) ม. ๑/๙ ภาพพจนต์ ่าง ๆ ซึ่งต้องเรยี นรู้และฝกึ ฝน ๕. กาพยเ์ ห่ชมเครื่องคาวหวานเป็น ท ๓.๑ ม. ๑/๔, วรรณคดไี ทยที่มีคุณค่า การฝึกแต่งกาพยเ์ ห่ ม. ๑/๕, เพื่อชมอาหารไทยจึงเป็นการสบื ทอด ม. ๑/๖ วรรณคดีไทยอย่างเห็นคณุ คา่ อกี ทางหน่ึง ๖. การจับใจความและวิเคราะห์เรือ่ งท่อี ่าน ท ๔.๑ ม. ๑/๑, ทาให้เขา้ ใจสาระสาคัญของเร่ือง ทราบ ม. ๑/๔ ข้อมูลที่เปน็ ข้อเท็จจรงิ และ ม. ๑/๕, ๗. ปจั จบุ ันการนาเสนอขอ้ มูลข่าวสารต่าง ๆ มจี านวนมาก บางครั้งอาจเป็นขอ้ มูลที่มี ท ๕.๑ ม. ๑/๑, เน้ือหาโนม้ น้าวใจหรอื เชญิ ชวนใหป้ ฏิบตั ิตาม ม. ๑/๒, โดยมีจดุ หมายแอบแฝง ดังน้ัน จงึ ตอ้ งรู้จัก ม. ๑/๓, การประเมินค่าเนื้อหาท่ปี รากฏในส่อื เหล่านี้ ม. ๑/๔ การพูดประเมินคา่ เกี่ยวกับสอื่ ท่ีมเี นอื้ หาโนม้ ม. ๑/๕, นา้ วใจเปน็ การแสดงความคิดเหน็ ของผู้พูด เพือ่ ใหฟ้ งั ทราบ และเปน็ ขอ้ มูลอกี สว่ นหนง่ึ เพื่อประกอบการตดั สินใจของตนทีป่ ระเมิน คา่ ข้อมูลจากสื่อตา่ ง ๆ ๘. ภาษาพูดมลี ักษณะไมเ่ ป็นทางการ การใช้ คาอาจไม่ถูกต้องตามหลักเกณฑ์ แต่ให้ความ สนิทสนมเป็นกนั เอง สว่ นภาษาเขียนเปน็ ภาษาระดับทางการ การใช้คาต้องถูกต้อง ตามแบบแผนใชใ้ นการสอื่ สารทเ่ี ปน็ ทางการ

ลำดบั ชอื่ หน่วย มำตรฐำนกำรเรียนรู/้ สำระสำคัญ เวลำเรยี น น้ำหนัก ที่ กำรเรยี นรู้ ตัวช้วี ดั (ชั่วโมง) คะแนน กาพยเ์ ห่ชม ๙. การอา่ นเอกสารคู่มือตอ้ งอา่ นอยา่ ง เคร่ืองคาวหวาน ละเอยี ดและทาความเข้าใจให้ชดั เจน เพ่ือให้ (ต่อ) สามารถปฏิบตั ิตามได้อยา่ งถูกต้อง การอ่าน และปฏบิ ัติตามเอกสารคมู่ ือจะทาให้ผู้อ่าน สามารถใชเ้ ครื่องมือเครื่องใช้ได้อยา่ งมี ประสิทธภิ าพ และเกดิ ประโยชน์สงู สุด และ ยังเปน็ การถนอมอายุการใช้งานให้ยาวนาน ขณะเดยี วกนั เป็นการเพมิ่ ความละเอยี ด รอบคอบใหแ้ กผ่ ้อู ่านได้มากย่ิงขนึ้ ดังนั้น จึง ควรอา่ นเอกสารคู่มือกอ่ นเริ่มใช้งานเคร่ือง งานเคร่ืองมอื เครื่องใช้ เพ่ือให้เกดิ ความ เขา้ ใจและคนุ้ เคยกับการใชง้ านมากยงิ่ ข้นึ ๑๐. การเขียนรายงานเป็นรายงานเรอื่ งที่ ศกึ ษาค้นควา้ เปน็ การพูดเพื่อใหผ้ ้ฟู ังได้รบั ทราบข้อมูลและเกดิ ความเข้าใจ ๑๑. การพูดรายงานเรือ่ งทีศ่ ึกษาค้นควา้ เปน็ การพดู เพ่ือใหผ้ ้ฟู ังได้รบั ทราบข้อมลู และ เกิดความเข้าใจ ซง่ึ ผู้พูดต้องรายงานข้อมลู ท่ี ถูกต้อง ชัดเจน เพ่ือใหผ้ ้ฟู ังได้รบั ประโยชน์ จากการฟังอย่างเตม็ ที่ ๑๒. กาพยเ์ หช่ มเครือ่ งคาวหวานมคี วาม ไพเราะจากการเลือกสรรถ้อยคา และการใช้ โวหารเปรยี บเทียบทีค่ มคาย เนอื้ หากลา่ วถึง อาหารไทยหลายชนิด ทาให้ผู้อ่านรูจ้ ัก อาหารเหล่าน้นั ซึง่ เป็นการอนุรักษ์ความเป็น ไทยอีกทางหนึง่

ลำดับ ช่ือหน่วย มำตรฐำนกำรเรียนรู/้ สำระสำคัญ เวลำเรยี น น้ำหนัก ท่ี กำรเรียนรู้ ตวั ช้วี ัด (ช่ัวโมง) คะแนน ๓ นทิ านพ้นื บา้ น ท ๑.๑ ม. ๑/๑, ๑. นทิ านพ้นื บา้ นเป็นเร่อื งเล่าทเ่ี ล่า ๒๐ ๑๕ ม. ๑/๒, สบื ตอ่ กันมาในท้องถิน่ ใดท้องถนิ่ หนึ่ง และ ม. ๑/๔, แพรห่ ลายไปยงั ท้องถ่ินอนื่ จึงมักมีการ ม. ๑/๘, ใช้คาภาษาถน่ิ หรือคาที่เก่ียวข้องกบั ม. ๑/๙ วฒั นธรรมของท้องถิ่นนนั้ การเรียนรูค้ าศัพท์ เหลา่ น้จี ะทาให้ศกึ ษานิทานพื้นบ้านไดเ้ ข้าใจ ท ๒.๑ ม. ๑/๗, มากย่ิงข้นึ ม. ๑/๘, ๒. คาพ้องความหมายหรือคาไวพจน์เปน็ คา ม. ๑/๙ท ทม่ี ีความหมายเหมือนกนั หรือใกลเ้ คียงกัน ๓.๑ ม. ๑/๒, ม. ๑/๖ แต่ใช้รูปเขยี นต่าง ๆ กนั การเรียนรคู้ า ท ๔.๑ ม. ๑/๒, ไวพจน์ทาให้สามารถเลือกคามาใช้ในบริบท ท ๕.๑ ม. ๑/๑, ต่าง ๆ ไดเ้ หมาะสมและหลากหลาย ม. ๑/๒, ม. ๑/๓, ๓. สังขท์ องเปน็ นทิ านพน้ื บ้านทไ่ี ดร้ ับความ ม. ๑/๔ นิยมอยา่ งแพรห่ ลาย เพราะเนอื้ เรื่อง สนกุ สนานน่าตดิ ตาม และให้ข้อคิดท่สี ะท้อน ค่านยิ มของคนไทยเร่ือง ความกตัญญูกตเวที ต่อผมู้ ี พระคุณและแสดงให้เหน็ ว่าคุณค่าความดี ของคนอยู่จิตใจไม่ใช่รูปกายภายนอก ๔. นิทานพน้ื บา้ นเร่อื งสงั ข์ทองมี ความสัมพันธก์ ับวิธชี วี ติ ของคนไทยใน ท้องถนิ่ ต่าง ๆ ทง้ั ด้านจิตรกรรม เพลงกล่อม เด็ก การละเลน่ พื้นบา้ น ปรศิ นาคาทาย และ สานวนโวหาร ๕. นิทานพ้นื บา้ นในภาคต่าง ๆ จะมเี รื่องราวแตกต่างกนั ตามสภาพแวดลอ้ ม และลักษณะทางวัฒนธรรมของแตล่ ะท้องถิ่น

ลำดับ ช่อื หน่วย มำตรฐำนกำรเรยี นรู/้ สำระสำคญั เวลำเรยี น น้ำหนกั ที่ กำรเรียนรู้ ตวั ชีว้ ดั (ชว่ั โมง) คะแนน นิทานพ้ืนบ้าน (ตอ่ ) ๖. พระลอเปน็ นิทานพนื้ บา้ นของภาคเหนือ ท่ีเล่าสืบต่อกนั มา ซ่งึ สะทอ้ นใหเ้ ห็นสภาพ สงั คมและวฒั นธรรมของท้องถิ่น และความ เปน็ มาของพระธาตุพระลอในจังหวดั แพร่ ที่ เชือ่ ว่าเป็นสถานที่บรรจอุ ฐั ิของพระลอและ พระเพอื่ น พระแพง ๗. พญาคันคากเป็นนิทานพ้ืนบ้านของภาค ตะวันออกเฉียงเหนือท่ีสะท้อนภาพความ แห้งแล้งและการขอฝนอนั เปน็ ต้นกาเนิดของ ประเพณบี ญุ บง้ั ไฟ ๘. นทิ านพน้ื บ้านภาคกลางหลายเรอ่ื งเป็นที่ รูจ้ ักกันดี เนื่องจากได้รับการนามาสรา้ งเป็น การ์ตูนหรอื ละครโทรทัศน์ และบางเรื่องก็มี การนามาแตง่ เป็นวรรณคดีดว้ ย๙. ภูมิ ประเทศของภาคตะวันออกและภาคใต้สว่ น ใหญ่ตดิ ทะเล มีชายหาด เกาะ และภูเขา เร่ืองราวของนิทานพ้นื บ้านจงึ มักอธิบายที่มา ของสถานท่เี หล่าน้นั และสะท้อนวิถชี ีวิตของ ผคู้ นทีอ่ ยูใ่ กล้ทะเล ๑๐. การนาประสบการณจ์ ากการฟังและดู นทิ านพืน้ บา้ นมาเขยี นเป็นเร่ืองยอ่ ทาใหเ้ กิด ความรู้ความเข้าใจในเนื้อหานิทานพ้ืนบา้ น เรือ่ งนน้ั ๆ ชดั เจนขนึ้ ๑๑. การเลา่ นิทานเป็นการถ่ายทอดความ สนุกสนานเพลิดเพลนิ จากนิทานผา่ นนา้ เสียง และลีลาทา่ ทางของผเู้ ลา่ ซึง่ อาจใชอ้ ปุ กรณ์ อืน่ ๆ ประกอบเพื่อเพ่ิมความสนกุ สนานและ ส่งเสรมิ จินตนาการแก่ผู้ฟงั การเล่านิทาน พืน้ บ้านเปน็ การสบื สานภูมิปัญญาทอ้ งถ่ินอกี วิธีหนงึ่

ลำดบั ชือ่ หน่วย มำตรฐำนกำรเรยี นร้/ู สำระสำคัญ เวลำเรยี น น้ำหนกั ที่ กำรเรียนรู้ ตวั ช้ีวัด (ชว่ั โมง) คะแนน นิทานพ้นื บา้ น (ตอ่ ) ๑๒. นิทานพน้ื บ้านแต่ละเรื่องให้ข้อคดิ ที่ ๑๐๐ เป็นประโยชน์ ซึ่งสามารถนามาสอนใจและ ประยุกตใ์ ชใ้ นชวี ิตประจาวันได้ ๑๓. จดหมายสอบถามข้อมูล เปน็ จดหมาย เพ่อื ขอความร่วมมือหรอื ขอความชว่ ยเหลือ ซง่ึ สว่ นแรกของเนื้อความในจดหมายตอ้ ง แนะนาตนเองหรือหน่วยงานก่อน แลว้ จงึ ชแ้ี จงวัตถปุ ระสงค์และสว่ นท้ายของจดหมาย ควรแสดงความขอบคุณผตู้ อบล่วงหน้า ๑๔. โครงงานเปน็ การศกึ ษาเพ่ือแสวงหา ความรูห้ รือสรา้ งสิง่ ประดิษฐใ์ หมโ่ ดยใช้ กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ การเขยี น รายงานโครงงานเปน็ ส่วนหน่ึงในการ นาเสนอผลของการศึกษาค้นควา้ อยา่ งเปน็ ระบบ ๑๕ . การจัดทาโครงงานเกี่ยวกบั นิทาน พ้ืนบา้ นน้นั นอกจากจะได้ความรูเ้ กย่ี วกบั นิทานพ้ืนบา้ นเพิม่ เตมิ แล้ว ยงั เป็นการ อนรุ กั ษ์และสบื สานนิทานพื้นบา้ นอนั เป็น มรดกทางวัฒนธรรมของไทยอกี ด้วย ๑๖. การนาเสนอโครงงานไม่วา่ จะเปน็ การ เขียนรายงานโครงงานหรือการจัดแสดง โครงงานเปน็ การนาผลการปฏบิ ตั งิ านจาก การทาโครงงานมาเผยแพร่ให้ผูอ้ ื่นรบั ทราบ เพอ่ื เพ่มิ พนู ความรู้ความคิด และเปน็ แนวทางในการจัดทาโครงงานต่อไป รวมตลอดภำคเรยี น ๖๐

โครงสรำ้ งกำรจดั เวลำเรียน กลุ่มสำระกำรเรียนรภู้ ำษำไทย ช้นั มัธยมศึกษำปที ่ี ๑ ภำคเรียนท่ี ๒ เวลำเรยี น ๖๐ ชั่วโมง หนว่ ย แผนกำรจดั เร่ือง เวลำเรยี น กำรเรยี นรู้ที่ กำรเรยี นรู้ (ชั่วโมง) ๑ ราชาธิราช ตอน สมิง ๑ ปรศิ นาอักษรไขว้ ใช้ความหมายไขคาศัพท์ ๑ พระรามอาสา ๑ ๒ วิธีการอ่านออกเสียงร้อยแกว้ ๑ ๒ กาพยเ์ ห่ ๑ ชมเคร่อื ง ๓ อา่ นออกเสยี งร้อยแกว้ ๑ คาวหวาน ๑ ๔ ทกั ษะอ่านออกเสียงร้อยแก้ว ๑ ๑ ๕ การเขยี นย่อความ ๑ ๑ ๖ อ่านไดเ้ ข้าใจเร่ือง (ย่อความ) ๑ ๑ ๗ วิเคราะห์คาจากวรรณกรรม ๑ ๑ ๘ วเิ คราะห์ภาษาจากราชาธริ าช ๑ ๑ ๙ การใช้ไม้ยมก ๑ ๑ ๑๐ การใช้คาเปรียบเทยี บ ๑ ๑ ๑๑ การพูดแสดงความคิด ๑ ๑ ๑๒ การพดู สรุปความจากเรื่องท่ีฟังและดู ๑ ๑ ๑๓ การเขียนแนะนาตัวเอง ๑ ๑ ๑๔ การเขยี นพรรณนาโวหาร ๑ ๑ ๑๕ เรียงความสรา้ งสรรค์ ๑๖ จดหมายลาครู ๑๗ การเขยี นบทสนทนา ๑๘ การแสดงละครจากวรรณคดี ๑๙ คณุ คา่ ราชาธิราช ตอนสมิงพระรามอาสา ๒๐ การเขียนบันทึกการเรยี นรู้ ๒๑ ที่มากาพยเ์ ห่ชมเครือ่ งคาวหวาน ๒๒ การอา่ นทานองเสนาะ ๒๓ ภาพอาหาร คาวหวานเลศิ รส ๒๔ เสียงวรรณยุกต์ ๒๕ โวหารภาพพจน์ ๒๖ กาพยย์ านี ๑๑ ๒๗ การแยกขอ้ เทจ็ จรงิ และขอ้ คิดเหน็ ๒๘ สอื่ โน้มน้าวใจ

หน่วย แผนกำรจัด เรอื่ ง เวลำเรยี น กำรเรียนรู้ท่ี กำรเรียนรู้ (ชั่วโมง) ๒ กาพย์เห่ การพูดประเมนิ คา่ สอ่ื ท่โี น้มน้าวใจ ชมเครื่อง ๒๙ ภาษาพูดและภาษาเขยี น ๑ คาวหวาน ๓๐ การอ่านและปฏบิ ตั ิตามเอกสารคู่มือ ๑ (ต่อ) ๓๑ อา่ นเพื่อความปลอดภยั ๑ ๓๒ วธิ กี ารเขียนรายงาน ๑ ๓ นทิ ำน ๓๓ การเขียนรายงาน ๑ พนื้ บ้ำน ๓๔ การพูดรายงาน ๑ ๓๕ คุณค่ากาพยเ์ หช่ มเครื่องคาวหวาน ๑ ๓๖ โครงเรอื่ งการเขียนเรียงความ ๑ ๓๗ การเขยี นเรียงความ ๑ ๓๘ การเขยี นย่อความ ๑ ๓๙ การพูดสรุปแนวคิดจากการฟังการดู ๑ ๔๐ ความหมายขยายคาศัพท์ ๑ ๔๑ คาไวพจน์ ๑ ๔๒ นทิ านพ้นื บ้าน : สังขท์ อง ๑ ๔๓ สังข์ทองกับวถิ ีชีวิตคนไทย ๑ ๔๔ นิทานพื้นบ้านสะท้อนชวี ิต ๑ ๔๕ นทิ านพ้นื บา้ นสะท้อนชวี ิต ๑ ๔๖ นทิ านพน้ื บา้ นภาคตะวนั ออกเฉียงเหนอื ๑ ๔๗ นทิ านพืน้ บ้านภาคกลาง ๑ ๔๘ นทิ านพื้นบา้ นภาคตะวนั ออก ๑ ๔๙ นทิ านพน้ื บา้ นภาคใต้ ๑ ๕๐ การย่อนทิ านพื้นบ้าน ๑ ๕๑ การเล่านิทาน ๑ ๕๒ ขอ้ คิดจากนิทานพน้ื บ้าน ๑ ๕๓ คาและการใชค้ า ๑ ๕๔ การใชส้ านวน ๑ ๕๕ สานวนสภุ าษติ คาพงั เพย ๑ ๕๖ ค้นหาขอ้ มูลดว้ ยจดหมาย ๑ ๕๗ การเขียนรายงานโครงงาน ๑ ๕๘ การวางแผนการทาโครงงาน ๑ ๕๙ ๑

๖๐ การนาเสนอโครงงาน ๑ รวม ๖๐

แผนการจดั การเรยี นรู้ กลุ่มสาระการเรยี นร้ภู าษาไทย รหสั วชิ า ท ๒๑๑๐๒ ชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี ๑ เวลา ๒๐ ชว่ั โมง หน่วยที่ ๑ ราชาธริ าช ตอนสมงิ พระรามอาสา เวลา ๑ ช่ัวโมง ภาคเรยี นท่ี ๒ แผนการเรียนรทู้ ่ี ๑ ปรศิ นาอักษรไขว้ ใชค้ วามหมายไขคาศัพท์ ครูผู้สอน นางสาวจิราพร กลุ ให้ วนั ท่ีสอน.................................................................................. ๑.สาระสาคญั วรรณคดีเร่อื ง ราชาธริ าช แปลมาจากพงศาวดารมอญ และนามาเรียบเรียงใหมส่ อดแทรกวิถชี วี ิต ความเปน็ ไทย เรือ่ ง ราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสา มีคาศพั ท์ที่ควรศึกษามากมายเพื่อเป็นประโยชนใ์ น การอ่านเร่ืองให้เขา้ ใจมากยิง่ ขน้ึ ๒.มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ท ๑.๑ ใชก้ ระบวนการอ่านสร้างความรูแ้ ละความคิดเพื่อนาไปใช้ตัดสนิ ใจ แก้ปัญหาในการดาเนินชีวติ และมนี สิ ยั รักการอา่ น ๓.ตวั ชีว้ ัด ท ๑.๑ ม. ๑/๔ ระบุและอธิบายคาเปรยี บเทยี บและคาทีม่ ีหลายความหมายในบรบิ ทตา่ ง ๆ จากการอ่าน ๔.จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1. ความรู้ (K) อธบิ ายความเป็นมาของเร่ือง ราชาธิราช 2. ทักษะกระบวนการ (P) - อธิบายความหมายคาศพั ท์ - เขียนและอา่ นคาศัพท์ 3. คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ (A) เห็นความสาคญั ของการเขียน อ่าน และเข้าใจความหมายคาศพั ท์ทถี่ ูกต้อง 5. สาระการเรยี นรู้ คาศัพทแ์ ละความหมายจากเรื่อง ราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสา 6. กระบวนการจัดการเรยี นรู้ ขนั้ นาเข้าสู่บทเรียน นักเรยี นรว่ มกนั แสดงความคดิ เหน็ โดยครใู ชค้ าถามทา้ ทายว่า การเข้าใจคาศัพท์มีประโยชน์ใน การศกึ ษาวรรณคดีอยา่ งไร ขัน้ พฒั นาผ้เู รยี น ๑. นักเรยี นศึกษาบทนาเรือ่ ง ราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสา โดยให้นกั เรยี นร่วมกนั สนทนาใน ประเดน็ ต่อไปน้ี - วรรณคดเี รือ่ ง ราชาธิราช มคี วามเปน็ มาอยา่ งไร - มกี ารประพนั ธใ์ นลกั ษณะใด - เนอ้ื เรอ่ื งมีการกล่าวถึงเร่ืองใดบา้ ง

- ตัวละครเดน่ ในเรื่อง ราชาธริ าช ตอน สมงิ พระรามอาสา น่าจะเป็นใคร และเรอื่ งราว ตอนนีน้ า่ จะมเี หตกุ ารณ์ใด ๓. นกั เรยี นสรุปความรแู้ ละบันทึกสาระสาคญั ๔. ครูนาความหมายให้นกั เรยี นค้นหาคาศัพท์ โดยการจับฉลากหมายเลข ใครได้ข้อความท่ีตรงกบั หมายเลขใด ใหค้ ้นหาคาศพั ท์จากข้อความนั้น ให้ครูแยกข้อความเปน็ แนวตงั้ และแนวนอน ๕. ครูเขียนตารางปริศนาอักษรไขว้บนกระดานตามจานวนคาศพั ท์ท่ีกาหนด ใหน้ ักเรยี นค้นหา พรอ้ ม เขียนหมายเลขกากับช่องตารางบนกระดาน แล้วให้นักเรียนออกไปเขียนคาศัพท์ลงในช่องตารางทีต่ นเองจบั ฉลากได้ทงั้ แนวตง้ั และแนวนอน ๖. ครแู ละนกั เรียนร่วมกนั ตรวจสอบความถกู ต้องของตารางบนกระดาน ๗. นักเรยี นอ่านและอธิบายความหมายคาศัพท์บนกระดานร่วมกัน และครูอธิบายสรปุ เพิ่มเติม ขัน้ สรุป นกั เรยี นและครูรว่ มกนั สรุปความรู้ วรรณคดีเรอ่ื ง ราชาธริ าช แปลมาจากพงศาวดารมอญ และนามา เรยี บเรยี งใหมส่ อดแทรกวถิ ชี ีวิตความเปน็ ไทย เรื่อง ราชาธริ าช ตอน สมงิ พระรามอาสา มีคาศัพท์ที่ควรศึกษา มากมายเพ่ือเป็นประโยชนใ์ นการอ่านเรื่องให้เข้าใจมากยง่ิ ขนึ้ 7. สือ่ การเรียนรู้ ๑. ตารางปรศิ นาอกั ษรไขว้ ๒. ฉลากหมายเลข 8. การวัดผลประเมินผล เป้าหมาย หลกั ฐาน เครอื่ งมือวดั เกณฑ์การประเมนิ ร้อยละ ๖๐ ผ่านเกณฑ์ สาระสาคญั ใบงานเร่ือง “ตาราง แบบประเมินใบงาน คาศัพท์และความหมายจาก ปริศนาอักษรไขว้” เรอ่ื ง “ตาราง เรอ่ื ง ราชาธิราช ตอน สมงิ พระราม ปรศิ นาอักษรไขว้” อาสา ตวั ชวี้ ัด ใบงานเรอื่ ง “ตาราง แบบประเมินใบงาน ร้อยละ ๖๐ ผ่านเกณฑ์ - ท ๑.๑ ม. ๑/๔ ปริศนาอักษรไขว้” เรือ่ ง “ตาราง ระบแุ ละอธิบายคาเปรียบเทยี บ และคาที่มหี ลายความหมายใน ปรศิ นาอักษรไขว้” บรบิ ทต่าง ๆ จากการอ่าน คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ - เห็นความสาคญั ของการเขียน ใบงานเรอื่ ง “ตาราง แบบประเมินใบงาน ร้อยละ ๖๐ ผ่านเกณฑ์ อ่าน และเข้าใจความหมายคาศัพท์ ปริศนาอักษรไขว้” เร่อื ง “ตาราง ท่ีถูกต้อง ปริศนาอักษรไขว้”

เกณฑก์ ารประเมินผล (รบู รกิ ส)์ ประเดน็ การประเมนิ (๔) ดีมาก ระดบั คณุ ภาพ (๑) ปรับปรุง ๑. นักเรยี นอธบิ าย ความเป็นมาของเรื่อง แสดงเหตผุ ลในการ (๓) ดี (๒) พอใช้ ตอบคาถามได้ ราชาธิราช (K) ตอบคาถาม แต่ไม่แสดงเหตผุ ลใน ตอบคาถามได้อยา่ ง ตอบคาถามไดถ้ ูกต้อง ตอบคาถามได้ การตอบคาถาม ๒. นกั เรียนเขียน ตอ่ เน่อื งครบถ้วน และแสดงเหตุผลใน ถกู ต้อง อธิบายความหมาย ตอบคาถามได้ การตอบคาถามได้ และแสดงเหตุผล คาศัพท์ เขยี นและอา่ น สมั พันธก์ ับหวั ข้อท่ี ชัดเจน ในการตอบ คาศัพทไ์ ด้ (P) กาหนด ตอบคาถามไดอ้ ยา่ ง คาถามได้ ต่อเน่ืองครบถ้วน อธบิ ายความหมาย ของถ้อยคาสานวน อธบิ ายความหมาย อธิบายความหมาย อธิบายความหมาย และคาศัพทจ์ ากเร่ือง ราชาธิราชตอนสมิง ของถอ้ ยคาสานวน ของถอ้ ยคาสานวน ของถอ้ ยคาสานวน พระรามอาสาได้ ถูกต้องทง้ั หมด และคาศัพท์จากเร่ือง และคาศัพท์จาก และคาศัพทจ์ ากเร่ือง ราชาธริ าชตอนสมิง เร่ืองราชาธริ าช ราชาธริ าช ตอนสมิง พระรามอาสาไดแ้ ต่ยัง ตอนสมิงพระราม พระราม แต่ไม่แสดง ไม่ถูกตอ้ งท้ังหมด ได้ เหตุผลในการตอบ คาถาม ๓. เหน็ ความสาคญั ของ นักเรยี นเขียนสะกด นกั เรียนสะกดคาได้ นักเรยี นสะกด นักเรียนสะกดคาได้ ถกู ต้องทุกคา คาผิดเล็กน้อย ไมไ่ ด้ และเลอื กใช้คา การเขยี น อ่าน และ คาได้ถูกต้องทุกคา เลอื กใชค้ าได้ เลอื กใชค้ าได้ ไม่ถูกต้องและ เหมาะสม เหมาะสม เหมาะสม เขา้ ใจความหมาย เลอื กใชค้ าได้ คาศัพท์ที่ถูกต้อง เหมาะสม สือ่ (A) ความหมายได้ดี เกณฑ์การประเมินการผ่าน ๑๐ – ๑๒ ดมี าก ๗ –๙ ดี ๔ –๖ พอใช้ ๐ –๓ ควรปรับปรุง คะแนนรอ้ ยละ ๖๐ ถือวา่ ผ่านเกณฑ์

บนั ทกึ หลังสอน ๑. ผลการสอน ๒. ปญั หาและอุปสรรค ๓. ขอ้ เสนอแนะ ลงชอื่ ...................................................ผสู้ อน (นางสาวจิราพร กลุ ให้) ความเหน็ ของผู้อานวยการโรงเรียน ................................................................................................................ .......................................................... ............................................................................................................................. ............................................. ลงช่ือ................................................................ (นางสาวนภัสนันท์ นลิ บุตร) ผูอ้ านวยการโรงเรียนบ้านหนองเป็ด

แผนการจดั การเรียนรู้ กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย รหัสวิชา ท ๒๑๑๐๒ ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี ๑ เวลา ๒๐ ชว่ั โมง หนว่ ยที่ ๑ ราชาธิราช ตอนสมงิ พระรามอาสา เวลา ๑ ชั่วโมง ภาคเรียนที่ ๒ แผนการเรียนรู้ที่ ๒ วิธกี ารอ่านออกเสียงร้อยแก้ว ครผู ู้สอน นางสาวจิราพร กุลให้ วนั ทส่ี อน.................................................................................. 1. สาระสาคัญ การอา่ นออกเสียงบทร้อยแกว้ ตอ้ งออกเสียงคาให้ถกู ต้อง ชัดเจน ตามอักขรวธิ ี และแบง่ วรรคตอนให้ ถูกต้อง เพื่อให้ผู้ฟังเข้าใจเนอ้ื หาของเร่ือง 2. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ท ๑.๑ ใชก้ ระบวนการอ่านสรา้ งความรู้และความคิดเพื่อนาไปใชต้ ัดสินใจ แก้ปัญหาในการดาเนนิ ชวี ติ และมนี สิ ัยรกั การอ่าน 3. ตัวชี้วดั ท ๑.๑ ม. ๑/๑ อ่านออกเสียงบทรอ้ ยแก้วและบทร้อยกรองได้ถกู ต้องเหมาะสมกบั เร่ืองที่อา่ น ท ๑.๑ ม. ๑/๙ มีมารยาทในการอา่ น 4. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. ความรู้ (K) อธิบายวธิ กี ารอา่ นออกเสียงบทร้อยแกว้ 2. ทักษะกระบวนการ (P) - แบง่ วรรคตอนเนื้อเร่ืองราชาธริ าช ตอน สมงิ พระรามอาสา - อา่ นออกเสียงเร่ืองราชาธริ าช ตอน สมงิ พระรามอาสา 3. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A) เหน็ ความสาคญั ของการอ่านออกเสยี งบทร้อยแกว้ และมมี ารยาทในการอา่ น 5. สาระการเรยี นรู้ วิธีการอ่านออกเสยี งบทรอ้ ยแก้ว 6. กระบวนการจดั การเรยี นรู้ ข้ันนาเขา้ สบู่ ทเรยี น ครรู ว่ มกนั สนทนากบั นกั เรียนวา่ การแบ่งวรรคตอนบทร้อยแก้วมีความสาคญั ในการอา่ นออกเสยี ง อย่างไร

ข้ันพัฒนาผู้เรยี น ๑. นกั เรยี นฟังและสงั เกตการอา่ นออกเสยี งบทรอ้ ยแกว้ จากแถบข้อความทคี่ รูติดบนกระดาน ดงั นี้ คร้ันเวลาเช้าพระเจ้ามณเฑียรทองจึงมีรับสั่งให้หาเจ้าสมิงพระรามเข้ามากินเลี้ยง บนพระราชมนเทียร สมิงพระรามรับพระราชทานเครอื่ งเลี้ยงพอควรแล้วก็เข้ามากราบถวายบังคม เฝ้า อยู่โดยลาดับ พระเจ้ามณเฑียรทองจึงตรัสวา่ เราเป็นกษัตริย์อันประเสรฐิ ได้ออกวาจาแล้ว ถึงจะ ตายกห็ าเสยี ดายชวี ิตไม่ เพราะรักสัตย์ยง่ิ กว่ารักชวี ิตไดร้ ้อยเท่า... ๒. นักเรียนร่วมกันสนทนาจากข้อสังเกตท่ีฟังครอู า่ นในประเด็นตอ่ ไปน้ี - การอ่านออกเสยี งคาตามอักขรวธิ ี เช่น ความสน้ั ยาวของเสียงสระ ความสูงตา่ ของเสยี ง วรรณยกุ ต์ คาท่ีมพี ยัญชนะควบกลา้ คาทม่ี ี ร ล - การแบง่ วรรคตอนของข้อความ - การเนน้ เสยี งถ้อยคาหรือข้อความท่ีเป็นใจความสาคญั - การใชน้ า้ เสียงใหส้ อดคลอ้ งกับเนอ้ื หา ๓. นักเรียนฝกึ อ่านออกเสยี งบทรอ้ ยแก้วในแถบข้อความพรอ้ มกนั ครูสงั เกตการอา่ นออกเสยี งของ นักเรียนและให้คาแนะนา ๔. นักเรยี นแบง่ กลุม่ ๘ กลุ่ม ส่งตวั แทนออกมาเลอื กหมายเลขท่ีมีบทอ่าน กล่มุ ละ ๑ หมายเลข เมอ่ื ไดร้ บั บทอา่ นแลว้ แต่ละกลมุ่ ร่วมกนั อา่ นสารวจเพื่อจับใจความ คน้ หาคายาก และถ้อยคาหรือข้อความท่ี ควรเน้นเสียง แบง่ วรรคตอน และฝึกฝนการอา่ นออกเสยี งให้ถกู ต้อง คลอ่ งแคลว่ ข้อความทีแ่ ต่ละกลมุ่ ได้รับมี ดงั นี้ ๑ เรายกพยุหเสนามาคร้ังน้ี ด้วยมีความปรารถนาสองประการ ประการหน่ึงจะให้ พระเจ้าอังวะอยู่ในอานาจออกมาถวายบังคมเรา ประการหนึ่งจะใครด่ ูทหารขีม่ ้าราทวนสูก้ ันตัว ต่อตัวชมเล่นเป็นขวัญตา แม้นทหารกรุงรัตนบุระอังวะแพ้ก็ให้ยอมถวายเมืองแก่เราโดยดี อย่า ให้สมณชีพราหมณ์ อาณาประชาราษฎร์ได้ความเดือดร้อนเลย ถ้าทหารฝ่ายเราแพ้ก็จะ เลิกทัพกลับไปยังพระนคร และราษฎรในกรุงรัตนบุระอังวะนั้น โดยต่าลงไปแต่กระท่อมน้อย หลงั หนง่ึ ก็มิใหเ้ ป็นอันตราย พระเจา้ องั วะจะคดิ ประการใดก็เร่งบอกออกมา ๒ ซ่ึงพระเจ้ากรุงจนี มีพระทยั ปรารถนาจะใคร่ชมฝมี ือทหารฝ่ายพม่าขม่ี ้าราทวนสู้กัน เป็น สงครามธรรมยุทธ์นั้น เราเห็นชอบด้วยมีความยินดียิ่งนัก เพราะสมควรแก่พระองค์เป็นกษัตริย์ ผู้ใหญ่อนั ประเสรฐิ แต่การสงครามครั้งนี้เป็นมหายุทธนาการใหญ่หลวง จะด่วนกระทาโดยเร็วนั้น มิได้ ของดไว้ภายในเจ็ดวัน อน่ึง พระองค์ก็เสด็จมาแต่ประเทศไกล ไพร่พลทั้งปวงยังเหน็ด เหน่ือยเม่ือยล้าอยู่ ขอเชิญพระองค์พักพลทหารระงับพระกายให้สาราญพระทัยก่อนเถิด แล้ว เราจึงจะให้มกี าหนดนัดหมายออกไปแจ้ง ตามมีพระราชสาสน์ มานนั้

๓ ...สมิงพระรามก็เข้ามากราบถวายบังคมหน้าพระที่น่ัง พระเจ้าฝรั่งมังฆ้อง ทอดพระเนตรเห็นสมิงพระรามก็มีพระทัยยินดนี ัก จงึ ตรสั ถามว่า ศึกมาตดิ กรุงอังวะคร้ังนี้ หา ผู้ใดท่ีจะอาสาออกสู้กับทหารจีนมิได้ ท่านจะรับอาสาเราหรือประการใด สมิงพระรามจึงกราบ ทูลว่า อันการสงครามเพียงน้ีมิพอเป็นไรนัก ข้าพเจ้าจะขอรับอาสาพระองค์ออกไปต่อสู้ด้วยกา มะนี สนองพระเดชพระคุณมิให้อัปยศแก่พระเจ้ากรุงจีนนั้นพอจะได้อยู่ แต่ข้าพเจ้า จะขอรับ พระราชทานม้าที่ดีมีฝีเท้าตัวหน่ึง ถ้าได้สมคะเนแล้ว อย่าว่าแต่กามะนีเลย เว้นไว้แต่เทพยดา นอกกวา่ นัน้ ข้าพเจ้าจะสไู้ ด้สิ้น ๔ ...สมิงพระรามจึงทูลว่า ลักษณะช้างดีต่อเม่ือขี่จึงจะรู้ว่าดี ม้าดีได้ต้องเอามือต้องหลัง ดูก่อน จึงจะรู้ว่าดี ทแกล้วทหารก็ดี ถ้าอาสาออกสงครามทาศึกจึงจะรู้ว่าดี ทองนพคุณเล่า ขีดลงหน้าศิลาก่อนจึงจะรู้ว่าดี สตรีรูปงามถ้าพร้อมด้วยลักษณะกิริยามารยาทต้องอย่าง จึงควรนับว่างาม ถ้าจะให้รู้รสอร่อยได้สัมผัสถูกต้องก่อนจึงนับถือว่ามีโอชาอร่อย ถ้าใจดี ตอ้ งทดลองให้สิ้นเชงิ ปัญญาก่อนจึงจะนบั ว่าดี... ๕ คร้ันสมิงพระรามแลเห็นกามะนีควบม้าเต็มกาลังแล้วมิทัน ก็แสร้งรอม้าไว้หวังจะ ดู ท่วงที เห็นกามะนียังไกลเชิงนักอยู่ สาคัญได้ว่าเหง่ือม้ากามะนีตกจนถึงกีบ ก็รู้ว่าม้า หย่อนกาลังลงแล้ว จึงชักม้าวกเป็นเพลงโคมเวียน เข้ารับกามะนี ๆ ชักม้าเป็นเพลงผ่าหมาก แลกเปล่ียนกันต่าง ๆ ฝ่ายม้ากามะนีหอบรวนหย่อนกาลังลงกลับตัวตามเพลงไม่ทัน สมิงพระรามได้ทีก็สอดทวนแทงถูกซอกรักแร้กามะนี ๆ เอนตัวลง สมิงพระรามจึงชักดาบ กระทืบม้าเข้าฟันย้อนตามกลีบเกราะข้นึ ไป ต้องศีรษะกามะนีขาดออกตกลงมายังมิทันถึงดิน ก็ เอาขอเหล็กสับเอาศีรษะกามะนีได้ ใสต่ ะกรวยแล้วก็ชักม้าฟ้อนราเป็นเพลงทวนเข้ามาตรงหน้า พลับพลาพระเจา้ ฝร่งั มงั ฆ้อง ๖ ...ซงึ่ ข้าพเจ้าจะผูกจิตสมิงพระรามให้อยู่ด้วยยางรักน้นั ก็คือจะให้ใจสมิงพระรามมาผูก รักอยู่ด้วยส่ิงน้ี อันจะผูกด้วยมนตราคมและโซ่ตรวนเชือกพวนสรรพเครื่องจองจาทั้งส้ินน้ัน ก็ พลันที่จะหลุดถอนเคลื่อนคลายไม่แน่นเหนียวเหมือนยางรัก ถ้าผู้ใดผูกติดอยู่ด้วยยางรักแล้ว ถึง จะเอาเชือกพวนเข้ามาฉุดชักก็มิอาจจะหลุดเคล่ือนคลายได้ เห็นสมิงพระรามจะสวามิภักด์ิอยู่ ด้วยพระองค์เพราะสงิ่ นีเ้ ป็นมั่นคง

๗ ...อน่ึงเราเกรงคนทั้งปวงจะครหานินทาได้ ท่านรับอาสากู้พระนครไว้มีความชอบเป็น อันมาก มิได้รับบาเหน็จรางวัลสิ่งใด นานไปเบ้ืองหน้าถ้าบ้านเมืองเกิดจลาจลหรือข้าศึกมาย่ายี เหลือกาลัง ก็จะไม่มีผู้ใดรับอาสาอีกแล้ว เหน็ เราจะได้ความขัดขวางเป็นมั่นคง ตรัส แล้วจึงส่ังให้พระราชธิดายกพานพระศรีมาต้ัง ให้เจ้าสมิงพระรามกินต่อหน้าพระท่ีน่ัง พระราช ธดิ าก็อายพระทัยยง่ิ นักด้วยเป็นราชบุตรีกษัตรยิ ์ แต่ทรงพระเยาว์มาจนเจริญพระชนม์ ยงั ไม่เคย ยกพานพระศรีให้ทหารและขุนนางผู้ใดกิน แต่ขยับขย้ันย้ังพระองค์อยู่มิใคร่จะแหวกพระวิสูตร ออกมาได้ พระเจ้าฝร่ังมังฆ้องก็ตรัสเตือนว่ามาเร็ว ๆ พระราชธิดาเกรงพระราชอาญา ขัดรับส่ัง สมเดจ็ พระราชบิดามไิ ด้ ก็ยกพานพระศรีมาตัง้ ลงเฉพาะหน้าสมิงพระรามแต่ห่าง ๆ ชอ้ ยชาเลือง ดูสมงิ พระรามไม่ทนั จะเตม็ พระเนตร ด้วยความอายกเ็ สดจ็ กลบั เข้าไป... ๘ ...ฝ่ายพระราชกุมารเป็นทารกยังทรงพระเยาว์ไม่แจ้งความ กาดัดคะนองลุกจาก พระเพลา ยืนขึ้นยดุ พระองั สาพระเจา้ มณเฑยี รทองไวแ้ ล้ว เอ้ือมพระหตั ถ์ข้ึนไปเล่นบนทีส่ ูง พระ เจ้ามณเฑียรทองผันพระพักตร์มา ทอดพระเนตรเห็นดังนั้นก็ตรัสพลั้งพระโอษฐ์ออกไปว่าลูก อา้ ยเชลยนี้กล้าหาญนัก นานไปเห็นองอาจแทนมังรายกะยอฉะวาได้ สมงิ พระรามได้ยนิ พระเจ้า ฝร่งั มังฆอ้ งดงั นั้นก็นอ้ ยใจ จงึ คิดวา่ คร้งั น้สี นิ้ วาสนากันแล้ว เป็นผลทีเ่ ราจะได้กลบั ไปเมืองหงสาว ดดี ว้ ยความสตั ย์ ๕. นกั เรยี นออกมาอ่านออกเสียงหนา้ ช้ันเรยี นทลี ะกลุ่ม โดยออกมาอ่านพร้อมกันทุกคน กลมุ่ ท่ีเปน็ ผู้ฟังรว่ มกนั ประเมนิ การอ่าน ครเู สนอแนะเพิ่มเติม ข้นั สรปุ นักเรียนและครรู ่วมกนั สรปุ ความรู้ การอา่ นออกเสียงบทร้อยแกว้ ต้องออกเสียงคาให้ถูกต้อง ชดั เจน ตามอักขรวิธี และแบ่งวรรคตอนใหถ้ ูกตอ้ ง เพ่ือให้ผู้ฟังเขา้ ใจเนือ้ หาของเรอื่ ง และครมู อบหมายใหน้ ักเรียนทุก คนไปเลอื กเน้ือความทช่ี อบจากราชาธริ าชตอนนี้ ประมาณ ๔-๖ บรรทัด แลว้ ฝึกฝนอ่านออกเสียงสาหรับ ประกวดในชวั่ โมงต่อไป 7.สอ่ื การเรียนรู้ ๑. แถบข้อความ ๒. บทอา่ น

8. การวัดผลประเมนิ ผล หลักฐาน เครื่องมือวดั เกณฑก์ ารประเมนิ ร้อยละ ๖๐ ผา่ นเกณฑ์ เปา้ หมาย บทอ่าน เร่ือง แบบประเมนิ ราชาธริ าช ตอนสมิง การอา่ นออกเสียง รอ้ ยละ ๖๐ ผ่านเกณฑ์ สาระสาคัญ รอ้ ยละ ๖๐ ผา่ นเกณฑ์ การอา่ นออกเสยี งบทร้อย พระราม บทรอ้ ยแกว้ แก้วตอ้ งออกเสียงคาให้ถูกต้อง บทอา่ น เรื่อง แบบประเมนิ ชดั เจน ตามอกั ขรวิธี และแบ่งวรรค ราชาธริ าช ตอนสมิง การอา่ นออกเสียง ตอนใหถ้ ูกต้อง เพื่อให้ผู้ฟังเขา้ ใจ เนือ้ หาของเร่ือง พระราม บทรอ้ ยแก้ว ตัวชีว้ ัด บทอา่ นออกเสยี ง แบบประเมนิ - ท ๑.๑ ม. ๑/๑ อา่ นออกเสียง ร้อยแกว้ เรอื่ ง การอา่ นออกเสยี ง บทรอ้ ยแกว้ และบทร้อยกรองได้ ราชาธิราช ตอนสมิง ถูกต้องเหมาะสมกบั เร่ืองที่อา่ น บทร้อยแก้ว - ท ๑.๑ ม. ๑/๙ มมี ารยาทใน พระราม การอา่ น คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ เหน็ ความสาคญั ของการอ่านออก เสียงบทร้อยแก้วและมีมารยาทใน การอา่ น

เกณฑก์ ารประเมนิ ผล (รบู ริกส์) ประเดน็ การประเมิน ระดับคณุ ภาพ ๑. นักเรียนอธิบาย วธิ กี ารอ่านออกเสียง (๔) ดีมาก (๓) ดี (๒) พอใช้ (๑) ปรับปรุง บทรอ้ ยแก้ว (K) แสดงเหตผุ ลในการ ตอบคาถามได้ถูกต้อง ตอบคาถามได้ ตอบคาถามได้ ๒. นักเรยี นอ่านออก เสยี งบทรอ้ ยแก้ว เรื่อง ตอบคาถาม และแสดงเหตผุ ลใน ถกู ต้อง แต่ไม่แสดงเหตผุ ลใน ราชาธริ าช ตอน สมงิ พระรามอาสา (P) ตอบคาถามไดอ้ ย่าง การตอบคาถามได้ และแสดงเหตผุ ล การตอบคาถาม ๓. นกั เรียนเหน็ ตอ่ เนอ่ื งครบถว้ น ชดั เจน ในการตอบ ความสาคญั ของการ อา่ นออกเสียงบทร้อย ตอบคาถามได้ ตอบคาถามได้อย่าง คาถามได้ แกว้ และมีมารยาทใน การอา่ น(A) สัมพนั ธ์กับหัวข้อที่ ตอ่ เน่อื งครบถ้วน กาหนด อา่ นออกเสยี ง อา่ นออกเสียง อา่ นออกเสียง อา่ นออกเสยี ง ถูกต้อง ถกู ต้อง ถูกต้อง ถูกต้อง ตามอักขรวธิ ี ตามอักขรวิธี ตามอักขรวิธี ตามอักขรวิธี เสยี งดงั ชัดเจน เสยี งดังชดั เจน เสียงดังชดั เจน เสียงดงั ชดั เจน เวน้ วรรคตอน เว้นวรรคตอน เว้นวรรคตอน แตย่ ังต้อง เหมาะสม เหมาะสม เหมาะสม ปรบั ปรุงเร่อื ง น้าเสียงน่าฟงั นา้ เสยี งนา่ ฟัง แตน่ ้าเสยี ง การเวน้ วรรคตอน และเหมาะสม แต่บางช่วง ราบเรยี บ กบั เร่ืองทอ่ี า่ น ต้องปรบั ปรงุ ไมน่ ่าสนใจ ลลี าการอา่ น ใหส้ อดคล้อง เปน็ ธรรมชาติ กบั เน้ือหา นกั เรียน อา่ นในใจ นักเรียน อา่ นในใจ นักเรียนอ่านในใจ นกั เรียนอ่านในใจ ไมอ่ ่านเสยี งดงั ไม่อ่านเสยี งดัง สง่ เสียงดงั รบกวน เปน็ บางครง้ั แต่สง่ รบกวนผอู้ ่นื รบกวนผู้อนื่ ผู้อน่ื เลก็ นอ้ ย น่ัง เสียงดงั รบกวนผู้อ่นื หยิบจบั หรอื เปดิ นั่งอ่านในท่าทาง อา่ นในท่าทาง ไม่ค่อยอยู่กบั ที่ หนังสอื อย่างเบามือ สบาย ตวั ตรง ท่าทาง สบาย ของตัวเอง นง่ั อา่ นในทา่ ทาง สุภาพ สบาย ตัวตรง ทา่ ทาง สภุ าพ เกณฑก์ ารประเมินการผ่าน ๑๐ – ๑๒ ดมี าก ๗ –๙ ดี ๔ –๖ พอใช้ ๐ –๓ ควรปรับปรงุ คะแนนรอ้ ยละ ๖๐ ถอื ว่าผา่ นเกณฑ์

บนั ทกึ หลังสอน ๑. ผลการสอน ๒. ปัญหาและอปุ สรรค ๓. ขอ้ เสนอแนะ ลงช่ือ...................................................ผสู้ อน (นางสาวจิราพร กุลให)้ ความเหน็ ของผู้อานวยการโรงเรียน .............................................................................................................. ................................................... ......... ............................................................................................................................. ............................................. ลงช่อื ................................................................ (นางสาวนภสั นนั ท์ นลิ บุตร) ผอู้ านวยการโรงเรียน

แผนการจดั การเรยี นรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย รหัสวชิ า ท ๒๑๑๐๒ ชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ ๑ เวลา ๒๐ ช่ัวโมง หนว่ ยท่ี ๑ ราชาธริ าช ตอนสมิงพระรามอาสา เวลา ๑ ช่ัวโมง ภาคเรยี นที่ ๒ แผนการเรียนรู้ท่ี ๓ อา่ นออกเสยี งร้อยแก้ว ครผู ูส้ อน นางสาวจิราพร กุลให้ วันท่ีสอน.................................................................................. 1.สาระสาคญั แนวทางทจี่ ะทาให้อ่านออกเสียงบทร้อยแก้วท่ีเป็นวรรณคดีไดด้ ีน้นั ตอ้ งศกึ ษาเนื้อเร่ืองให้เข้าใจ สงั เกตถ้อยคาและข้อความที่เปน็ ใจความสาคัญเพื่อเนน้ เสียง และฝึกอ่านออกเสยี งคาท่ีอ่านยากให้ถูกต้อง 2.มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอา่ นสรา้ งความรแู้ ละความคิดเพ่ือนาไปใช้ตัดสนิ ใจ แก้ปัญหาในการดาเนนิ ชีวิต และมีนิสยั รักการอา่ น 3.ตวั ช้ีวัด ท ๑.๑ ม. ๑/๑ อ่านออกเสยี งบทร้อยแก้วและบทร้อยกรองได้ถกู ต้องเหมาะสมกบั เรื่องที่อา่ น ท ๑.๑ ม. ๑/๙ มมี ารยาทในการอา่ น 4.จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1. ความรู้ (K) อธบิ ายแนวทางการอ่านออกเสียงบทรอ้ ยแกว้ 2. ทักษะกระบวนการ (P) - อา่ นออกเสยี งคาศพั ท์ยากจากเน้ือเร่ือง - จับใจความเรื่อง ราชาธริ าช ตอน สมิงพระรามอาสา 3. คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ (A) กระตือรอื รน้ ในการอา่ นและการทากจิ กรรมเพ่ือให้เขา้ ใจเนื้อเรื่อง 5.สาระการเรยี นรู้ แนวทางการอ่านออกเสยี งบทรอ้ ยแก้ว 6.กระบวนการจดั การเรยี นรู้ ข้ันนาเขา้ ส่บู ทเรยี น นกั เรยี นรว่ มกันแสดงความคดิ เห็น โดยครใู ชค้ าถามท้าทายว่า การอา่ นแบบนกแกว้ นกขนุ ทองเปน็ อยา่ งไร ขั้นพัฒนาผู้เรียน ๑. นักเรยี นศกึ ษาความรเู้ ร่ือง การอา่ นออกเสียงบทร้อยแก้ว แล้วรว่ มกันสรปุ ความเข้าใจ ครเู ปน็ ผู้ อธบิ ายเพม่ิ เตมิ ๒. ครเู ล่าเน้อื เร่ืองราชาธิราชก่อนถึงตอนสมงิ พระรามอาสา และเรื่องยอ่ ของตอนสมิงพระราม อาสา ใหน้ กั เรยี นฟงั

๓. นกั เรยี นแบ่งกลุม่ ๘ กล่มุ อ่านเร่ือง ราชาธริ าช ตอน สมิงพระรามอาสา เพ่ือจับใจความ เนอื้ เรื่อง ในแต่ละชว่ ง ดังน้ี กลุ่มท่ี ๑ ตง้ั แตพ่ ระเจา้ กรุงจนี มีพระราชประสงคจ์ ะทอดพระเนตรทหารข่มี า้ สู้กับ กามะนีตวั ต่อตัว จนถึงพระจา้ กรงุ จนี ได้อ่านพระราชสาสน์ ตอบของ พระเจ้าฝร่งั มังฆ้องวา่ จะให้มกี าหนดนดั หมายออกไปแจ้งภายในเจด็ วัน กล่มุ ที่ ๒ ตงั้ แต่พระเจ้ามณเฑยี รทองตรัสปรกึ ษาเหลา่ ขา้ ราชบริพารทั้งปวงเกีย่ วกับ การหาผู้รบั อาสาข่ีม้าแทงทวนสกู้ บั กามะนี จนถงึ พระเจ้าฝรัง่ มังฆ้องตรสั ส่ัง เสนาบดีใหจ้ ัดหาม้าเชลยศักดิ์ทั้งในพระนครและนอกพระนครเพ่ือให้ สมงิ พระรามเลือก กลุ่มที่ ๓ ตั้งแตเ่ สนาข้าหลวงทจี่ ัดหามา้ เชลยศักดิไ์ ปพบม้าสองตวั แม่ลูกของหญงิ มา่ ย จนถึงพระเจา้ ฝรั่งมงั ฆอ้ งให้มังมหาราชานาพระราชสาส์นกาหนดนดั หมาย พรอ้ มดว้ ยเครอ่ื งราชบรรณาการไปถวายพระเจ้ากรุงจนี กลุ่มที่ ๔ ตัง้ แตม่ งั มหาราชาถือพระราชสาส์นกาหนดไปถวายพระเจ้ากรุงจนี จนถึง สมิงพระรามตัดศีรษะกามะนีได้ กลมุ่ ท่ี ๕ ตั้งแต่พระเจา้ กรุงจีนใหท้ หารนาศพกามะนมี าทาศรี ษะต่อเข้าแลว้ ใส่หีบ ไปฝัง จนถงึ พระเจ้ามณเฑยี รทองตรสั แกพ่ ระอคั รมเหสีว่า ทาไฉนจงึ จะให้ สมิงพระรามรบั ราชสมบตั ิอยู่ด้วยได้ กลมุ่ ที่ ๖ ตง้ั แตพ่ ระอัครมเหสีถวายคาแนะนาตอ่ พระเจา้ มณเฑยี รทอง จนถงึ พระนาง มพี ระราชเสาวนยี ใ์ หแ้ ต่งโภชนาหารเตรยี มไว้ กลุม่ ที่ ๗ ตง้ั แต่พระเจ้ามณเฑียรทองมรี ับสง่ั ใหห้ าเจา้ สมงิ พระรามเขา้ มากนิ เล้ยี ง บนพระราชมนเทยี ร จนถงึ สมิงพระรามได้อภเิ ษกกับพระราชธดิ าและไดร้ บั ตาแหน่งมหาอุปราช กลุ่มท่ี ๘ ตง้ั แตพ่ ระราชธดิ าทรงพระครรภ์ จนถงึ สมงิ พระรามกลับกรุงหงสาวดแี ละ ได้ปกครองเมอื งวาน ๔. นักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ สง่ ตวั แทนออกมานาเสนอใจความสาคัญ โดยเรยี งลาดบั ต้งั แต่ กลุ่มที่ ๑ เพื่อใหไ้ ดใ้ จความทีต่ ่อเนื่องกัน ๕. นักเรยี นร่วมกนั สรปุ เนอื้ เรื่องทั้งหมดอีกคร้งั โดยเรียงลาดับเหตกุ ารณ์ แลว้ บนั ทึกเปน็ แผนภาพ ความคดิ ๖. นักเรียนแต่ละกลมุ่ พจิ ารณาคาที่อ่านยากจากเนื้อเร่ืองทไี่ ด้รับมอบหมาย แลว้ ออกมาช่วยกัน เขยี นคาบนกระดาน เชน่ พลพยหุ เสนา วสนั ตฤดู เครื่องราชบรรณาการ เสนาพฤฒามาตยร์ าชปุโรหิต สุปะเพียญชนาหาร พระราชมนเทียร เยาวรูปสิริวลิ าสลกั ษณ์ กณั หสปั ปะชาติ กลั ปาวสาน ตณั ฑุลา

ทแกลว้ ทหาร ธรรมยทุ ธ์ นอระมาด บาทบริจาริกา พนั ธนาการ พทิ ยาธร เพลงโคมเวยี น เพลงผา่ หมาก มหายทุ ธนาการ รัชนียารมณ์ วสิ ูตร การ วเิ สท สมเดจ็ อมรินทร์ ๗. นักเรยี นช่วยกนั อ่านออกเสยี งคาบนกระดานทลี ะคาให้ถกู ต้อง ครชู ว่ ยแนะนาและอธบิ าย เพมิ่ เติม ขัน้ สรุป นกั เรยี นและครรู ว่ มกนั สรุปความรู้ แนวทางทีจ่ ะทาให้อา่ นออกเสียงบทร้อยแกว้ ที่เปน็ วรรณคดีไดด้ ีน้ัน ตอ้ งศึกษาเนื้อเรื่อง ให้เขา้ ใจ สังเกตถ้อยคาและข้อความท่เี ป็นใจความสาคัญเพ่ือเน้นเสียง และฝกึ อ่านออกเสียง คาท่อี ่านยากให้ถูกต้อง 7.ส่อื การเรียนรู้ บตั รคา 8. การวดั ผลประเมินผล หลักฐาน เคร่อื งมอื วดั เกณฑก์ ารประเมิน ร้อยละ ๖๐ ผ่านเกณฑ์ เปา้ หมาย บทอา่ น เร่ือง แบบประเมนิ ราชาธริ าช ตอนสมิง การอ่านออกเสยี ง ร้อยละ ๖๐ ผ่านเกณฑ์ สาระสาคัญ ร้อยละ ๖๐ ผ่านเกณฑ์ การอา่ นออกเสียงบทร้อย พระราม บทร้อยแกว้ แกว้ ต้องออกเสยี งคาใหถ้ ูกตอ้ ง บทอ่าน เร่ือง แบบประเมิน ชัดเจน ตามอกั ขรวิธี และแบ่งวรรค ราชาธิราช ตอนสมิง การอ่านออกเสียง ตอนให้ถูกต้อง เพ่ือใหผ้ ูฟ้ ังเขา้ ใจ เนือ้ หาของเรื่อง พระราม บทร้อยแกว้ ตวั ชี้วัด บทอา่ น เร่ือง แบบประเมนิ - ท ๑.๑ ม. ๑/๑ อ่านออกเสยี ง ราชาธิราช ตอนสมิง การอา่ นออกเสยี ง บทรอ้ ยแกว้ และบทร้อยกรองได้ ถกู ต้องเหมาะสมกบั เรื่องท่ีอา่ น พระราม บทร้อยแก้ว - ท ๑.๑ ม. ๑/๙ มีมารยาทใน การอ่าน คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ กระตือรอื ร้นในการอ่านและการทา กิจกรรมเพ่อื ให้เขา้ ใจเน้ือเรื่อง

เกณฑก์ ารประเมินผล (รบู รกิ ส์) ประเด็นการประเมิน ระดับคุณภาพ ๑. นกั เรยี นอธิบาย วิธีการอา่ นออกเสยี ง (๔) ดีมาก (๓) ดี (๒) พอใช้ (๑) ปรับปรงุ บทร้อยแก้ว (K) ตอบคาถามได้ แสดงเหตุผลในการ ตอบคาถามไดถ้ ูกต้อง ตอบคาถามได้ แต่ไม่แสดงเหตุผลใน ๒. นักเรียนอ่านออก การตอบคาถาม เสยี งบทร้อยแก้ว เร่อื ง ตอบคาถาม และแสดงเหตผุ ลใน ถกู ต้อง ราชาธริ าช ตอน สมงิ อา่ นออกเสียง พระรามอาสา (P) ตอบคาถามได้อย่าง การตอบคาถามได้ และแสดงเหตุผล ถูกต้อง ตามอักขรวธิ ี ๓. นักเรยี น ตอ่ เนื่องครบถว้ น ชัดเจน ในการตอบ เสียงดังชดั เจน กระตือรือร้นในการ แตย่ งั ต้อง อ่านและการทา ตอบคาถามได้ ตอบคาถามไดอ้ ยา่ ง คาถามได้ ปรบั ปรุงเร่ือง กิจกรรมเพื่อใหเ้ ขา้ ใจ การเวน้ วรรคตอน เน้อื เรื่อง (A) สัมพันธ์กับหัวข้อที่ ต่อเน่อื งครบถ้วน ไม่ต้ังใจเรยี น ไม่ กาหนด สนใจร่วมกิจกรรม มกั จะชวนเพื่อนคุย อา่ นออกเสยี ง อา่ นออกเสียง อ่านออกเสยี ง เล่นอยเู่ สมอ ถกู ต้อง ถูกต้อง ถกู ต้อง ตามอักขรวิธี ตามอักขรวธิ ี ตามอักขรวิธี เสยี งดังชดั เจน เสียงดงั ชัดเจน เสียงดังชัดเจน เว้นวรรคตอน เวน้ วรรคตอน เว้นวรรคตอน เหมาะสม เหมาะสม เหมาะสม นา้ เสยี งนา่ ฟงั นา้ เสยี งนา่ ฟงั แต่น้าเสยี ง และเหมาะสม แตบ่ างชว่ ง ราบเรียบ กบั เรื่องที่อา่ น ต้องปรบั ปรงุ ไมน่ า่ สนใจ ลีลาการอ่าน ใหส้ อดคล้อง เป็นธรรมชาติ กับเนื้อหา มีความตง้ั ใจใฝ่รดู้ ี มีความตัง้ ใจดี ถาม มคี วามต้ังใจดี มาก จะคอยถามเม่ือ บา้ งเปน็ บางครัง้ ถามบา้ งเป็น ไมเ่ ขา้ ใจรว่ มกจิ กรรม รว่ มกิจกรรมดี บางครงั้ ร่วม การเรียนรูเ้ ป็นอย่างดี กิจกรรมดี คุย เล่นกับเพื่อนบ้าง เกณฑก์ ารประเมินการผา่ น ๑๐ – ๑๒ ดีมาก ๗ –๙ ดี ๔ –๖ พอใช้ ๐ –๓ ควรปรับปรงุ คะแนนรอ้ ยละ ๖๐ ถือว่าผา่ นเกณฑ์

บนั ทกึ หลังสอน ๑. ผลการสอน ๒. ปญั หาและอุปสรรค ๓. ขอ้ เสนอแนะ ลงช่อื ...................................................ผสู้ อน (นางสาวจริ าพร กลุ ให)้ ความเหน็ ของผู้อานวยการโรงเรยี น ............................................................................................................................. ............................................. .......................................................................................................................................................................... ลงชอ่ื ................................................................ (นางสาวนภสั นันท์ นลิ บตุ ร) ผ้อู านวยการโรงเรยี น

แผนการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนร้ภู าษาไทย รหัสวชิ า ท ๒๑๑๐๒ ชน้ั มัธยมศึกษาปที ่ี 1 เวลา ๒๐ ช่วั โมง หนว่ ยท่ี ๑ ราชาธริ าช ตอนสมิงพระรามอาสา เวลา ๑ ชั่วโมง ภาคเรียนท่ี ๒ แผนการเรยี นรู้ท่ี ๔ ทกั ษะอ่านออกเสยี งร้อยแก้ว ครูผูส้ อน นางสาวจิราพร กุลให้ วันท่ีสอน.................................................................................. 1.สาระสาคัญ แนวทางทจ่ี ะทาให้อ่านออกเสยี งบทร้อยแก้วท่ีเปน็ วรรณคดีได้ดีนนั้ ต้องศกึ ษาเน้ือเรื่องให้ เข้าใจ สงั เกตถอ้ ยคาและข้อความที่เป็นใจความสาคัญเพอ่ื เนน้ เสียง และฝกึ อ่านออกเสียงคาที่อ่านยากให้ ถกู ต้อง 2.มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ท ๑.๑ ใชก้ ระบวนการอา่ นสร้างความรู้และความคิดเพอ่ื นาไปใชต้ ัดสนิ ใจ แก้ปญั หาในการดาเนินชวี ติ และมนี สิ ยั รกั การอ่าน 3.ตวั ชีว้ ดั ท ๑.๑ ม. ๑/๑ อ่านออกเสียงบทร้อยแกว้ และบทรอ้ ยกรองได้ถูกต้องเหมาะสมกบั เรื่องท่อี า่ น ท ๑.๑ ม. ๑/๙ มีมารยาทในการอ่าน 4.จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1.ความรู้ (K) สรุปแนวทางการอา่ นออกเสียงบทร้อยแก้ว 2.ทักษะกระบวนการ (P) อ่านออกเสียงบทรอ้ ยแก้ว 3.คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ (A) เหน็ ความสาคัญของการอ่านออกเสยี งบทร้อยแกว้ ทีส่ ามารถนาไปปฏิบัติในชีวติ ประจาวนั อยา่ งถูกต้องเหมาะสม 5.สาระการเรยี นรู้ ทกั ษะการอ่านออกเสยี งบทร้อยแก้ว 6.กระบวนการจัดการเรียนรู้ ข้ันนาเข้าสู่บทเรยี น นกั เรียนรว่ มกันทบทวนแนวทางการอ่านออกเสยี งบทรอ้ ยแกว้ แลว้ สรปุ ความรู้ ข้ันพัฒนาผเู้ รยี น ๑. นกั เรียนร่วมกันสนทนาเกี่ยวกับขอ้ บกพร่องหรือปญั หาที่พบจากการอา่ นออกเสยี ง บทร้อยแก้ว ในชวั่ โมงที่ผา่ นมา จากนน้ั เสนอแนะแนวทางการปรบั ปรงุ ๒. นักเรียนประกวดการอ่านออกเสียงเน้ือเร่ืองราชาธิราชที่เลือกไว้ ซึ่งครูมอบหมายไปในชั่วโมงที่ แล้ว โดยครูจับฉลากหมายเลขประจาตัวนักเรียนให้ออกมาอ่านหน้าชั้นเรียนทีละคน นักเรียนท่ีน่ังฟังช่วยกัน สังเกตการอ่านของเพื่อน พร้อมทั้งประเมินประสิทธิภาพในการอ่านเขียนบันทึกไว้เพ่ือใช้เป็นข้อมูล ประกอบการคัดเลือกผู้ทอ่ี า่ นออกเสยี งไดด้ ี

๓. เม่อื นกั เรยี นทุกคนได้อา่ นออกเสยี งครบแลว้ ใหน้ ักเรยี นรว่ มกันคดั เลอื กผทู้ ่ีอา่ นออกเสยี งไดด้ ี ท่ีสดุ ๓ คน พร้อมทัง้ ให้เหตผุ ลในขนั้ ตอนนีใ้ ห้ครชู ่วยเสนอแนะเพมิ่ เตมิ ๔. นักเรยี นร่วมกันประเมินและแนะนาการอ่านออกเสยี งของตัวแทนทัง้ ๓ คน ครชู ่วยเสนอแนะ เพิ่มเติม ขั้นสรปุ นักเรียนและครรู ว่ มกนั สรุปความรู้ การอา่ นออกเสียงบทร้อยแก้วท่มี ักเกิดข้ึนในชีวิตประจาวนั จะ เป็นการอ่านโดยไม่ได้ เตรยี มตัวลว่ งหน้า ซึง่ ผู้อา่ นจะต้องใชท้ ักษะและความสามารถท่เี คยฝึกฝนมาเพื่อให้ การอา่ นออกเสยี งนน้ั มปี ระสิทธิภาพ ดงั นัน้ ผทู้ ีจ่ ะอา่ นออกเสียงบทร้อยแกว้ ได้ดี จึงตอ้ งฝึกฝนและพัฒนาตน อยู่เสมอ 7.ส่ือการเรียนรู้ ๑. ฉลาก ๒. แถบข้อความ 8. การวดั ผลประเมนิ ผล หลักฐาน เคร่ืองมอื วัด เกณฑ์การประเมิน ร้อยละ ๖๐ ผา่ นเกณฑ์ เป้าหมาย บทอา่ น เร่ือง แบบประเมนิ รอ้ ยละ ๖๐ ผ่านเกณฑ์ ราชาธริ าช ตอนสมงิ การอา่ นออกเสียง ร้อยละ ๖๐ ผา่ นเกณฑ์ สาระสาคัญ การอ่านออกเสยี งบทร้อย พระราม บทรอ้ ยแก้ว แกว้ ตอ้ งออกเสยี งคาใหถ้ ูกต้อง บทอ่าน เรื่อง แบบประเมนิ ชดั เจน ตามอักขรวธิ ี และแบ่งวรรค ราชาธิราช ตอนสมงิ การอ่านออกเสียง ตอนใหถ้ ูกต้อง เพ่ือใหผ้ ฟู้ ังเขา้ ใจ เนอื้ หาของเรื่อง พระราม บทรอ้ ยแก้ว ตัวชว้ี ดั บทอา่ น เรื่อง แบบประเมนิ - ท ๑.๑ ม. ๑/๑ อ่านออกเสยี ง ราชาธริ าช ตอนสมิง การอ่านออกเสยี ง บทรอ้ ยแก้วและบทร้อยกรองได้ ถกู ต้องเหมาะสมกับเร่อื งทอี่ า่ น พระราม บทรอ้ ยแก้ว - ท ๑.๑ ม. ๑/๙ มมี ารยาทใน การอ่าน คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ เห็นความสาคญั ของการอ่านออก เสยี งบทรอ้ ยแก้วทสี่ ามารถนาไป ปฏิบัตใิ นชีวิตประจาวัน อยา่ งถูกต้องเหมาะสม

เกณฑก์ ารประเมนิ ผล (รูบริกส)์ ประเด็นการประเมนิ (๔) ดีมาก ระดับคณุ ภาพ (๑) ปรับปรุง (๓) ดี (๒) พอใช้ ตอบคาถามได้ แต่ไม่แสดงเหตผุ ลใน ๑. นักเรียนอธบิ าย แสดงเหตผุ ลในการ ตอบคาถามได้ถูกต้อง ตอบคาถามได้ การตอบคาถาม วธิ กี ารอ่านออกเสยี ง ตอบคาถาม และแสดงเหตุผลใน ถูกต้อง อ่านออกเสียง ถูกต้อง บทรอ้ ยแกว้ (K) ตอบคาถามได้อยา่ ง การตอบคาถามได้ และแสดงเหตผุ ล ตามอักขรวิธี เสียงดงั ชัดเจน ต่อเน่ืองครบถ้วน ชัดเจน ในการตอบ แต่ยังต้อง ปรบั ปรงุ เรื่อง ตอบคาถามได้ ตอบคาถามได้อยา่ ง คาถามได้ การเว้นวรรคตอน สัมพันธ์กับหัวข้อท่ี ต่อเนือ่ งครบถว้ น น่งั อา่ นในลักษณะที่ ไมถ่ ูกต้อง กาหนด ๒. นักเรยี นอา่ นออก อา่ นออกเสียง อา่ นออกเสียง อา่ นออกเสียง เสียงบทรอ้ ยแกว้ เร่ือง ถูกต้อง ถูกต้อง ถกู ต้อง ราชาธิราช ตอน สมิง ตามอักขรวธิ ี ตามอักขรวิธี ตามอักขรวธิ ี พระรามอาสา (P) เสยี งดงั ชัดเจน เสียงดังชดั เจน เสียงดงั ชัดเจน เว้นวรรคตอน เว้นวรรคตอน เวน้ วรรคตอน เหมาะสม เหมาะสม เหมาะสม น้าเสยี งนา่ ฟัง น้าเสียงน่าฟงั แตน่ า้ เสยี ง และเหมาะสม แตบ่ างชว่ ง ราบเรียบ กบั เรอ่ื งที่อา่ น ต้องปรับปรุง ไม่น่าสนใจ ลลี าการอา่ น ใหส้ อดคล้อง เปน็ ธรรมชาติ กับเนอ้ื หา ๓. นกั เรียนเหน็ หยิบจบั หรอื เปิด นั่งอ่านในทา่ ทาง นง่ั อ่านในทา่ ทาง ความสาคญั ของการ หนงั สืออย่างเบามือ สบาย ตัวตรง ทา่ ทาง สบาย ของตัวเอง อ่านออกเสียงบทร้อย นั่งอา่ นในทา่ ทาง สุภาพ แก้วทส่ี ามารถนาไป สบาย ตวั ตรง ทา่ ทาง ปฏบิ ตั ิในชีวิตประจาวัน สภุ าพ อยา่ งถูกต้องเหมาะสม (A) เกณฑก์ ารประเมินการผา่ น ๑๐ – ๑๒ ดมี าก ๗ –๙ ดี ๔ –๖ พอใช้ ๐ –๓ ควรปรับปรุง คะแนนร้อยละ ๖๐ ถอื วา่ ผา่ นเกณฑ์

บนั ทกึ หลังสอน ๑. ผลการสอน ๒. ปญั หาและอุปสรรค ๓. ขอ้ เสนอแนะ ลงช่อื ...................................................ผสู้ อน (นางสาวจริ าพร กลุ ให)้ ความเหน็ ของผู้อานวยการโรงเรยี น ............................................................................................................................. ............................................. .......................................................................................................................................................................... ลงชอ่ื ................................................................ (นางสาวนภสั นันท์ นลิ บตุ ร) ผ้อู านวยการโรงเรยี น

แผนการจัดการเรยี นรู้ กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย รหัสวิชา ท ๒๑๑๐๒ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๑ เวลา ๒๐ ชัว่ โมง หน่วยที่ ๑ ราชาธิราช ตอนสมงิ พระรามอาสา เวลา ๑ ชั่วโมง ภาคเรียนที่ ๒ แผนการเรยี นรทู้ ี่ ๕ การเขียนย่อความ ครผู ้สู อน นางสาวจริ าพร กลุ ให้ วันทสี่ อน.................................................................................. 1.สาระสาคญั การเขียนย่อความเป็นการนาใจความสาคัญของเร่ืองที่อ่าน ฟัง หรือดู มาเรียบเรียงใหม่ให้กระชับ เข้าใจงา่ ย และได้ใจความถูกตอ้ ง ครบถ้วนตามเรอ่ื งเดมิ 2.มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอา่ นสรา้ งความรู้และความคดิ เพ่อื นาไปใช้ตัดสนิ ใจ แกป้ ัญหาในการดาเนินชวี ิต และมนี สิ ยั รกั การอ่าน มาตรฐาน ท ๒.๑ ใช้กระบวนการเขียนเขยี นส่ือสาร เขยี นเรียงความ ยอ่ ความ และเขยี น เรือ่ งราวในรปู แบบต่าง ๆ เขียนรายงานข้อมูลสารสนเทศและรายงาน การศึกษาคน้ ควา้ อยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ 3.ตัวช้ีวัด ท ๑.๑ ม. ๑/๒ จับใจความสาคัญจากข่าวหรือเหตกุ ารณ์ต่าง ๆ ในประเทศกลุม่ อาเซียนหรือ เรื่องราวทอ่ี ่าน ท ๒.๑ ม. ๑/๕ เขยี นย่อความจากเร่ืองท่ีอา่ น ท ๒.๑ ม. ๑/๙ มีมารยาทในการเขียน 4.จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. ความรู้ (K) อธิบายวิธกี าร องคป์ ระกอบ และรูปแบบการเขยี นย่อความ 2. ทักษะกระบวนการ (P) เขยี นย่อความรปู แบบต่าง ๆ 3. คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ (A) เหน็ ความสาคัญของการเขยี นยอ่ ความ 5.สาระการเรยี นรู้ การเขียนย่อความ 6.กระบวนการจดั การเรียนรู้ ขั้นนาเข้าสู่บทเรยี น นักเรยี นรว่ มกันแสดงความคิดเหน็ โดยครใู ช้คาถามทา้ ทายว่า สง่ิ สาคญั ในการเขยี นยอ่ ความคอื อะไร ขัน้ พฒั นาผู้เรยี น

๑. นกั เรยี นศึกษาเรื่องการเขยี นย่อความ โดยรว่ มกนั สนทนาในประเด็นต่อไปนี้ และนกั เรียนบนั ทึก สาระสาคัญ - การเขยี นย่อความคอื อะไร - การเขียนย่อความมวี ิธีการอย่างไรบ้าง - องคป์ ระกอบสาคัญของการเขียนย่อความมีอะไรบ้าง - การเขยี นย่อความมกี ่ีรปู แบบ - การเขยี นย่อความมีจดุ ประสงคใ์ ด - การเขยี นย่อความมปี ระโยชนอ์ ย่างไร ๒. ครนู าตวั อย่างการเขียนย่อความมาให้นักเรียนร่วมกนั ศกึ ษาเป็นแนวทาง ดงั นี้ ตัวอย่างการเขียนย่อความ กษัตรยิ น์ ักบรหิ ำร การปฏิรูปการปกครองในสมยั รชั กาลที่ ๕ นับเป็นภารกิจอันยงิ่ ใหญแ่ ละเป็นรากฐานแห่งระบบการ ปกครอง ระเบียบการบริหาร มาตราบจนทุกวันน้ี รูปแบบของการปกครองแบบใหม่โดยย่อคือ การ ยกเลกิ การปกครองแบบจตุสดมภ์ โดยจัดระเบยี บการบริหารเป็นส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ส่วนกลางได้ จัดต้ังกระทรวง ทบวง กรมแบบตะวันตก มีเสนาบดีประจาแต่ละกระทรวงรับผิดชอบและบังคับ บัญชาการปฏิบัติราชการตามภาระหน้าท่ีซึ่งแตกต่างกันออกไป ส่วนการบริหารส่วนภูมิภาคนั้นได้ จัดรปู แบบการปกครองแบบมณฑลเทศาภิบาล มีเทศาภิบาล (เทียบเท่ากับผู้ว่าราชการจังหวดั ในปจั จบุ ัน) ซงึ่ ได้รบั การแตง่ ตัง้ จากส่วนกลางไปปฏิบัตหิ น้าท่ีบังคับบัญชา ระบบการบริหารแบบใหม่นี้ย่อมต้องอาศัย ข้าราชการที่มีประสิทธิภาพเป็นกาลังสาคัญจึงจะบังเกิดผลสาเร็จในการปกครอง พระบาทสมเด็จ พระจลุ จอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงคานึงถึงปญั หาตัวบุคคลโดยตลอดมา หากแต่พระบรมราโชบาย ที่รอบคอบ การปฏิบัติพระราชภารกิจในฐานะหัวหน้าคณะบริหารท่ีทรงอุทิศเวลาให้กับงานอย่างเต็มที่ ท้ังความเอา พระทัยใส่ในการแก้ปัญหาต่าง ๆ อย่างละเอียดถ่ีถ้วน ยังผลให้ระบบการบริหารอย่างใหม่สาเร็จสมพระ ราชประสงคใ์ นท่สี ุด ย่อความเรอ่ื ง กษตั ริย์นักบรหิ าร โดย อัจฉราพร กมุทพสิ มยั ในหนังสือแนวพระราชดาริ เกา้ รชั กาล จดั พมิ พเ์ ม่ือ พ.ศ. ๒๕๒๘ พมิ พ์ที่โรงพิมพค์ รุ สุ ภาลาดพรา้ ว หนา้ ๑๓๓ ความวา่ การปฏิบัติระบบบริหารราชการแผ่นดินในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า-เจ้าอยู่หัวเป็น รากฐานของระบบราชการในปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างย่ิงการแบ่งการบริหารแบบใหม่เป็นส่วนกลางและส่วน ภูมภิ าค ด้วยเหตุนี้ พระองค์จึงทรงใหค้ วามสาคัญกบั การสรรหาบุคคลเพื่อเขา้ รับราชการเปน็ อย่างยิง่

๓. นกั เรยี นแบ่งกลุ่ม ๔ กล่มุ เขยี นย่อความทีก่ าหนดให้ ดงั น้ี - กลุม่ ท่ี ๑ เขียนย่อความจากหนงั สือหรือหนงั สอื พมิ พ์ เช่น เรือ่ งส้นั ข่าว - กลุ่มที่ ๒ เขียนยอ่ ความจากการฟัง เชน่ พระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จ- พระเจ้าอย่หู วั - กลุม่ ท่ี ๓ การย่อความจากการดู เช่น รายการโทรทัศน์ - กลุ่มท่ี ๔ การยอ่ ความจากข้อมลู อ่นื ๆ เช่น ประกาศต่าง ๆ โดยใหแ้ ต่ละกล่มุ สบื คน้ ข้อมลู หรอื เรื่องท่ีจะนามาเขียนย่อความจากหอ้ งสมดุ หรอื แหลง่ ข้อมลู สารสนเทศของ โรงเรยี น ๔. แต่ละกลุม่ สง่ ตวั แทนออกมานาเสนอผลงานหน้าช้นั เรียน ให้นกั เรียนรว่ มกันแสดง ความ คดิ เหน็ และวจิ ารณ์ ครอู ธบิ ายสรุปเปน็ ความรู้เพิ่มเตมิ ขั้นสรุป นกั เรียนและครูร่วมกนั สรุปความรู้ การเขียนย่อความเปน็ การนาใจความสาคัญของเรื่องที่อ่าน ฟัง หรือดู มาเรยี บเรียงใหม่ใหก้ ระชบั เข้าใจง่าย และได้ใจความถกู ต้อง ครบถว้ นตามเร่ืองเดิม 7.ส่อื การเรยี นรู้ ๑. ตวั อย่างการเขยี นย่อความ ๒. หนังสอื หรือหนังสือพิมพ์ ๓. แหล่งข้อมลู สารสนเทศ 8.การวดั ผลประเมินผล เป้าหมาย หลักฐาน เคร่ืองมือวดั เกณฑก์ ารประเมิน ร้อยละ ๖๐ ผา่ นเกณฑ์ สาระสาคัญ แบบฝึกหัด แบบประเมนิ การเขียนย่อความเป็นการ การเขยี นย่อความ แบบฝกึ หดั การเขยี นย่อความ น า ใจ ค ว า ม ส า คั ญ ข อ งเร่ื อ ง ท่ี อ่ า น ฟัง หรือดู มาเรียบเรียงใหม่ให้ กระชับ เข้าใจง่าย และได้ใจความ ถกู ตอ้ ง ครบถว้ นตามเร่อื งเดิม ตัวชีว้ ัด แบบฝกึ หดั แบบประเมนิ รอ้ ยละ ๖๐ ผา่ นเกณฑ์ - ท ๒.๑ ม. ๑/๕ การเขยี นย่อความ แบบฝกึ หัด เขียนย่อความจากเร่ืองที่อา่ น การเขยี นย่อความ - ท ๒.๑ ม. ๑/๙ มีมารยาทในการเขียน คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ แบบฝึกหัด แบบประเมิน ร้อยละ ๖๐ ผ่านเกณฑ์ เห็นความสาคญั ของการเขียน การเขียนย่อความ แบบฝกึ หัด ย่อความ การเขยี นย่อความ

เกณฑ์การประเมินผล (รูบริกส)์ ประเด็นการประเมนิ (๔) ดีมาก ระดับคณุ ภาพ (๑) ปรับปรงุ (๓) ดี (๒) พอใช้ ๑. นกั เรยี นอธิบาย แสดงเหตุผลในการ ตอบคาถามไดถ้ ูกต้อง ตอบคาถามได้ ตอบคาถามได้ วิธีการ องคป์ ระกอบ ตอบคาถาม และแสดงเหตผุ ลใน ถกู ต้อง แต่ไม่แสดงเหตผุ ลใน และรูปแบบการเขียน ตอบคาถามไดอ้ ย่าง การตอบคาถามได้ และแสดงเหตุผล การตอบคาถาม ยอ่ ความ (K) ต่อเนอื่ งครบถ้วน ชัดเจน ในการตอบ ตอบคาถามได้ ตอบคาถามได้อยา่ ง คาถามได้ สมั พนั ธก์ บั หวั ข้อที่ ตอ่ เน่อื งครบถว้ น กาหนด ๒. นักเรยี นเขยี นเขยี น เขียนรปู แบบของ เขยี นรปู แบบของ เขียนรูปแบบของ เขยี นรูปแบบของ ยอ่ ความรปู แบบต่าง ๆ ย่อความไดถ้ ูกต้อง ย่อความไดถ้ ูกตอ้ ง ย่อความได้ ยอ่ ความไดถ้ ูกตอ้ งแต่ (P) สรปุ ใจความสาคญั สรปุ ใจความสาคัญ ถูกต้องสรุป ยังสรปุ ใจความสาคญั ได้ครบถ้วน ชัดเจน ได้ครบถ้วนและ ใช้ ใจความสาคัญได้ ได้ไม่ดี และ โดยใชภ้ าษาของ ภาษาของตนเอง แต่เป็นการนา ข้อความสว่ นใหญ่ ตนเอง เป็นส่วนใหญ่ ขอ้ ความในเรอื่ ง คัดลอกมาจาก มาตดั ตอ่ กนั เนื้อเร่อื ง โดยใชค้ าเชอื่ มหรือ ขอ้ ความบางตอน ของตนเอง ๓. นักเรยี นเหน็ นกั เรยี นเขยี นได้ดี มี นักเรยี นเขียนได้ดี นักเรยี นเขียนดว้ ย นกั เรียนมี ความสาคญั ของการเขยี น ชีวิตชวี า ประโยคมี ชวนติดตาม อ่าน ความต้งั ใจ ประสบการณ์การ ยอ่ ความ (A) ความหลาก หลาย ความหลากหลายของ ไม่ได้เน้น เขียนน้อย ชัดเจน ควบคุมการ ประโยคชัดเจน จดุ สาคญั ใชค้ าคลมุ เครือและ ใชศ้ พั ท์และการวาง เลือกศัพทเ์ หมาะ สม ใช้ประโยคงา่ ย ๆ สับสน ใชโ้ ครงสรา้ ง ประโยค ไม่มี ชวนใหอ้ า่ น มี และซ้า ๆ กนั ประโยคง่ายใชศ้ ัพท์ ข้อผิดพลาดในการ ขอ้ ผิดพลาดเลก็ น้อย มขี อ้ ผิดพลาดใน จากดั ข้อผิดพลาด เขียนและสะกดคา มี ในการเขียน รูปแบบและการ เกดิ ขนึ้ บ่อยครั้งใน คณุ ภาพท่ีแน่นอนใน และสะกดคาแตล่ ะ สะกด แตย่ ังดูนา่ รูปแบบและการ การเขยี นแต่ละหน้า หนา้ มีคุณภาพไม่ อา่ นไมม่ เี ทคนคิ สะกด ทาใหไ้ มน่ า่ แนน่ อน กระต้นุ ผู้อ่ืน อ่าน เกณฑ์การประเมินการผา่ น ๑๐ – ๑๒ ดีมาก ๗ –๙ ดี ๔ –๖ พอใช้ ๐ –๓ ควรปรับปรงุ คะแนนร้อยละ ๖๐ ถอื วา่ ผา่ นเกณฑ์

บนั ทกึ หลังสอน ๑. ผลการสอน ๒. ปัญหาและอปุ สรรค ๓. ข้อเสนอแนะ ลงชือ่ ...................................................ผสู้ อน (นางสาวจิราพร กุลให้) ความเห็นของผู้อานวยการโรงเรยี น ............................................................................................................................. ............................................. .......................................................................................................................................................................... ลงชอื่ ................................................................ (นางสาวนภัสนันท์ นลิ บุตร) ผู้อานวยการโรงเรยี นบ้านหนองเป็ด

แผนการจัดการเรยี นรู้ กลมุ่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย รหัสวชิ า ท ๒๑๑๐๒ ช้นั มัธยมศึกษาปที ี่ 1 เวลา ๒๐ ช่ัวโมง หน่วยท่ี ๑ ราชาธริ าช ตอนสมิงพระรามอาสา เวลา ๑ ชั่วโมง ภาคเรยี นท่ี ๒ แผนการเรยี นรทู้ ี่ ๖ อ่านได้เขา้ ใจเรื่อง (ย่อความ) ครผู ู้สอน นางสาวจิราพร กลุ ให้ วนั ท่สี อน.................................................................................. 1.สาระสาคัญ การเขยี นย่อความจากเรื่องท่ีอา่ นทาใหส้ รปุ ใจความสาคัญได้กระชับ จงึ เขา้ ใจเนื้อเรื่องชัดเจน 2.มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ท ๑.๑ ใชก้ ระบวนการอ่านสรา้ งความรแู้ ละความคดิ เพื่อนาไปใชต้ ัดสนิ ใจ แกป้ ัญหาในการดาเนินชวี ิต และมนี ิสัยรกั การอา่ น มาตรฐาน ท ๒.๑ ใช้กระบวนการเขียนเขยี นสื่อสาร เขยี นเรียงความ ยอ่ ความ และเขียน เร่อื งราวในรูปแบบต่าง ๆ เขียนรายงานขอ้ มูลสารสนเทศและรายงาน การศกึ ษาคน้ คว้าอยา่ งมปี ระสิทธิภาพ มาตรฐาน ท ๕.๑ เข้าใจและแสดงความคดิ เหน็ วิจารณว์ รรณคดีและวรรณกรรมไทย อยา่ งเห็นคุณคา่ และนามาประยกุ ต์ใชใ้ นชวี ิตจรงิ 3.ตัวช้วี ัด จบั ใจความสาคัญจากเรอื่ งท่ีอ่าน ท ๑.๑ ม. ๑/๒ เขยี นย่อความจากเร่ืองที่อา่ น ท ๒.๑ ม. ๑/๕ มมี ารยาทในการเขยี น ท ๒.๑ ม. ๑/๙ สรุปเน้ือหาวรรณคดีและวรรณกรรมท่ีอ่าน ท ๕.๑ ม. ๑/๑ 4.จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 1.ความรู้ (K) สรปุ วิธีการเขียนยอ่ ความ 2.ทกั ษะกระบวนการ (P) - จบั ใจความสาคัญจากเร่ือง ราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสา - เขยี นย่อความเรื่อง ราชาธริ าช ตอน สมงิ พระรามอาสา 3.คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ (A) เห็นความสาคัญของการเขยี นย่อความเพื่อนาไปใช้ในชีวติ ประจาวัน 5.สาระการเรียนรู้ การย่อความ

6.กระบวนการจดั การเรียนรู้ ขั้นนาเข้าสูบ่ ทเรยี น ๑. นกั เรยี นร่วมกนั แสดงความคดิ เหน็ โดยครูใช้คาถามท้าทาย ผู้ทีจ่ ะเขียนย่อความได้ดีต้องฝกึ ฝน ทกั ษะใดบ้าง ขั้นพัฒนาผู้เรียน ๑. นกั เรียนทบทวนเรื่อง ราชาธริ าช ตอน สมงิ พระรามอาสา โดยชว่ ยกนั ตอบคาถามต่อไปน้ี - เหตุใดสมงิ พระรามจึงตกเป็นเชลยของพม่า - เหตุใดพระเจ้ากรุงจนี จึงยกทัพมาพมา่ - เหตุใดจึงกลา่ ววา่ สงครามครัง้ น้ีเปน็ ธรรมยุทธอ์ ันยงิ่ ใหญ่ - เหตผุ ลใดทีท่ าใหส้ มิงพระรามอาสาราทวนต่อสู้กบั กามะนี - มา้ ดีจะร้เู ม่ือใด - พระเจ้ามณเฑียรทองประกาศจะใหส้ ่งิ ใดตอบแทนผอู้ าสารบชนะกามะนี - สมิงพระรามใช้วธิ ใี ดหาจดุ อ่อนกามะนี - คุณธรรมทชี่ ัดเจนทีส่ ุดในการสู้รบระหวา่ งกามะนีกับสมงิ พระรามคือคุณธรรมใด - พระอคั รมเหสีใช้วิธีใดในการเกล้ียกลอ่ มสมงิ พระราม - ความปรารถนา ๒ ประการ ของสมิงพระรามมีอะไรบา้ ง - สมงิ พระรามหนีกลบั เมอื งหงสาวดเี พราะสาเหตุใด - “สมเดจ็ พระราชบดิ าปลูกเลยี้ งใหเ้ ราทั้งสองอยคู่ รองกันเป็นสุขสถาพรแล้ว บัดนี้พระองค์เสยี สัตย์ทาใหเ้ ราไดค้ วามอปั ยศ” พฤตกิ รรมของสมเด็จพระราชบดิ าตรงกับสานวนใด - คณุ ธรรมที่ปรากฏชดั เจนทส่ี ุดจากการสงั เกตพฤติกรรมตัวละครในเร่ือง ราชาธริ าช ตอน สมงิ พระรามอาสา คือข้อใด ๒. นกั เรียนทาแบบฝกึ หดั เร่อื ง การเขียนย่อความสมิงพระรามอาสา โดยเขียนให้ถูกต้องตาม รูปแบบของการเขยี นย่อความ ๓. ครคู ัดเลือกผลงานที่ดที ่ีสดุ ๕ ตัวอย่าง ติดแสดงใหน้ กั เรียนศกึ ษาเป็นแนวทางและวจิ ารณ์รว่ มกัน ข้ันสรปุ นักเรยี นและครูรว่ มกันสรปุ ความรู้ การเขียนย่อความจากเรื่องท่ีอา่ นทาใหส้ รุปใจความสาคัญได้ กระชบั จงึ เข้าใจเนื้อเรื่องชัดเจน 7.ส่อื การเรียนรู้ ตัวอยา่ งการย่อความ 8.การวัดผลประเมนิ ผล เป้าหมาย หลักฐาน เคร่ืองมอื วดั เกณฑก์ ารประเมนิ รอ้ ยละ ๖๐ ผา่ นเกณฑ์ สาระสาคญั แบบฝกึ หดั แบบประเมิน การเขียนย่อความเป็นการ การเขยี นย่อความ แบบฝกึ หัด การเขยี นย่อความ น า ใจ ค ว า ม ส า คั ญ ข อ งเร่ื อ ง ท่ี อ่ า น ฟัง หรือดู มาเรียบเรียงใหม่ให้ กระชับ เข้าใจง่าย และได้ใจความ ถูกตอ้ ง ครบถ้วนตามเรื่องเดมิ

ตวั ชวี้ ัด แบบฝกึ หัด แบบประเมิน ร้อยละ ๖๐ ผ่านเกณฑ์ - ท ๒.๑ ม. ๑/๕ การเขยี นย่อความ แบบฝึกหัด เขยี นยอ่ ความจากเรื่องท่ีอา่ น การเขยี นย่อความ - ท ๒.๑ ม. ๑/๙ มีมารยาทในการเขียน คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ แบบฝกึ หัด แบบประเมนิ เหน็ ความสาคัญของการเขียนยอ่ การเขยี นย่อความ แบบฝึกหดั รอ้ ยละ ๖๐ ผ่านเกณฑ์ ความเพ่ือนาไปใชใ้ นชวี ติ ประจาวัน การเขยี นย่อความ เกณฑก์ ารประเมนิ ผล (รบู ริกส์) ประเด็นการประเมนิ (๔) ดีมาก ระดบั คณุ ภาพ (๑) ปรับปรุง ๑. นกั เรียนอธบิ ายสรุป แสดงเหตุผลในการ (๓) ดี (๒) พอใช้ ตอบคาถามได้ แตไ่ ม่แสดงเหตผุ ลใน วธิ ีการเขียนย่อความ ตอบคาถาม ตอบคาถามได้ถูกต้อง ตอบคาถามได้ การตอบคาถาม และแสดงเหตผุ ลใน ถูกต้อง (K) ตอบคาถามได้อยา่ ง การตอบคาถามได้ และแสดงเหตผุ ล ชดั เจน ในการตอบ ตอ่ เนื่องครบถ้วน ตอบคาถามได้อย่าง คาถามได้ ตอ่ เนอ่ื งครบถ้วน ตอบคาถามได้ สมั พนั ธก์ ับหวั ข้อที่ กาหนด ๒. นักเรียนเขียนเขยี น เขียนรปู แบบของ เขียนรูปแบบของ เขยี นรปู แบบของ เขียนรปู แบบของ ย่อความไดถ้ ูกตอ้ ง ย่อความเรื่อง ย่อความไดถ้ ูกตอ้ ง สรุปใจความสาคญั ย่อความได้ ยอ่ ความได้ถูกต้องแต่ ได้ครบถ้วนและ ใช้ ราชาธิราช ตอน สมิง สรปุ ใจความสาคญั ภาษาของตนเอง ถกู ต้องสรุป ยังสรุปใจความสาคัญ เป็นส่วนใหญ่ พระรามอาสา (P) ไดค้ รบถ้วน ชัดเจน ใจความสาคญั ได้ ได้ไมด่ ี และ โดยใชภ้ าษาของ แต่เปน็ การนา ขอ้ ความสว่ นใหญ่ ตนเอง ขอ้ ความในเรื่อง คดั ลอกมาจาก มาตัดต่อกนั เนอ้ื เรอ่ื ง โดยใช้คาเชอ่ื มหรือ ข้อความบางตอน ของตนเอง

นกั เรียนจับใจความ วเิ คราะหโ์ ครงเรอ่ื ง วเิ คราะหโ์ ครงเร่ือง วิเคราะห์โครงเรื่อง วิเคราะห์โครงเรือ่ ง สาคัญจากเร่ือง ฉาก และแกน่ เร่ืองได้ ฉาก และแก่นเรื่องได้ และฉาก ได้ แต่ยัง และฉากได้ ราชาธริ าช ตอน สมงิ ถกู ต้อง ถูกต้อง วเิ คราะห์ตวั วิเคราะห์ แตย่ งั วเิ คราะห์ พระรามอาสา (P) วเิ คราะหต์ วั ละครทกุ ละครทุกตวั ไดถ้ ูกต้อง แก่นเร่อื งไม่ตรงนัก โครงเรอื่ งและ ตัวได้ละเอียดทกุ แงม่ ุม ยกตวั อย่างประกอบ วเิ คราะหแ์ กน่ เรือ่ ง ยกตวั อยา่ ง ชัดเจน ไม่ชดั เจน ประกอบชดั เจน แตว่ ิเคราะห์เฉพาะ ลกั ษณะนสิ ยั ทีเ่ ดน่ ชัด เท่านั้น ๓. นกั เรียนเห็น นักเรียนเขียนได้ดี มี นักเรยี นเขยี นไดด้ ี นกั เรยี นเขยี นดว้ ย นักเรยี นมี ความสาคญั ของการเขยี น ชีวิตชีวา ประโยคมี ชวนติดตาม อ่าน ความตง้ั ใจ ประสบการณ์การ ย่อความเพือ่ นาไปใช้ใน ความหลาก หลาย ความหลากหลายของ ไมไ่ ด้เน้น เขียนน้อย ชีวิตประจาวัน (A) ชดั เจน ควบคมุ การ ประโยคชดั เจน จดุ สาคญั ใชค้ าคลมุ เครือและ ใชศ้ ัพท์และการวาง เลือกศัพท์เหมาะ สม ใช้ประโยคงา่ ย ๆ สับสน ใชโ้ ครงสรา้ ง ประโยค ไม่มี ชวนให้อา่ น มี และซ้า ๆ กนั ประโยคง่ายใชศ้ ัพท์ ขอ้ ผิดพลาดในการ ขอ้ ผดิ พลาดเลก็ น้อย มขี ้อ ผิดพลาดใน จากดั ข้อผิดพลาด เขียนและสะกดคา มี ในการเขยี น รปู แบบและการ เกิดขนึ้ บ่อยครัง้ ใน คุณภาพที่แน่นอนใน และสะกดคาแตล่ ะ สะกด แตย่ งั ดนู ่า รปู แบบและการ การเขยี นแตล่ ะหน้า หน้ามคี ณุ ภาพไม่ อ่านไมม่ ีเทคนคิ สะกด ทาให้ไม่น่า แน่นอน กระตุน้ ผู้อ่ืน อ่าน เกณฑ์การประเมนิ การผ่าน ๑๐ – ๑๒ ดมี าก ๗ –๙ ดี ๔ –๖ พอใช้ ๐ –๓ ควรปรับปรุง คะแนนร้อยละ ๖๐ ถอื ว่าผ่านเกณฑ์

บนั ทกึ หลังสอน ๑. ผลการสอน ๒. ปญั หาและอปุ สรรค ๓. ขอ้ เสนอแนะ ลงช่ือ...................................................ผสู้ อน (นางสาวจริ าพร กลุ ให้) ความเห็นของผู้อานวยการโรงเรยี น ................................................................................................................................................................ .......... ........................................................................................................................ .................................................. ลงชือ่ ................................................................ (นางสาวนภัสนันท์ นลิ บุตร) ผ้อู านวยการโรงเรียนบ้านหนองเป็ด

แผนการจัดการเรยี นรู้ กลุ่มสาระการเรยี นร้ภู าษาไทย รหสั วิชา ท ๒๑๑๐๒ ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี ๑ เวลา ๒๐ ช่วั โมง หนว่ ยท่ี ๑ ราชาธิราช ตอนสมิงพระรามอาสา เวลา ๑ ช่ัวโมง แผนการเรียนร้ทู ่ี ๗ วเิ คราะหค์ าจากวรรณกรรม ภาคเรียนท่ี ๒ ครผู ู้สอน นางสาวจริ าพร กลุ ให้ วันที่สอน.................................................................................. 1. สาระสาคัญ คาซอ้ น เป็นคาที่เกดิ จากการนาคามลู ที่มีความหมายเหมอื นกัน คลา้ ยคลงึ กัน หรือตรงข้ามกนั ตง้ั แต่ ๒ คามารวมกนั ทาให้เกิดคาใหม่ทมี่ คี วามหมายใหมห่ รือมีเค้าของความหมายเดิม คาประสม เป็นคาที่เกดิ จากการนาคาที่มีความหมายต่างกันต้งั แต่ ๒ คามารวมกนั เป็นคาใหม่ท่ีมี ความหมายใหม่ หรือมเี ค้าของความหมายเดิม ลกั ษณนาม เปน็ คาท่ีใชบ้ อกลักษณะของส่งิ ต่าง ๆ เพ่ือแสดงรูปร่าง ลกั ษณะ หรือปริมาณของสงิ่ น้นั 2. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปล่ียนแปลง ของภาษา และพลังของภาษา ภมู ปิ ญั ญาทางภาษา และรกั ษาภาษาไทย ไว้เป็นสมบัตขิ องชาติ 3. ตวั ช้วี ดั ท ๔.๑ ม. ๑/๒ สรา้ งคาในภาษาไทย ท ๔.๑ ม. ๑/๓ วิเคราะหช์ นิดและหนา้ ทขี่ องคาในประโยค 4. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1. ความรู้ (K) อธิบายลกั ษณะของคาซ้อนและคาประสม 2. ทักษะกระบวนการ (P) - จาแนกคาซ้อนกบั คาประสม (P) - หาคาจากเร่อื งราชาธริ าชมาสรา้ งคาซ้อน (P) - วเิ คราะห์การใช้ลกั ษณนาม (P) 3. คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ (A) เหน็ ความสาคัญของการเรียนรคู้ าในภาษาไทยเพี่อนาไปใช้อยา่ งถูกต้อง 5. สาระการเรยี นรู้ ๑. การสรา้ งคาซ้อน คาประสม ๒. ลกั ษณนาม

6. กระบวนการจดั การเรยี นรู้ ขั้นนาเขา้ สบู่ ทเรยี น นกั เรียนรว่ มกันแสดงความคิดเหน็ โดยครใู ช้คาถามท้าทายว่า เพียงแค่รู้ความหมายของคากส็ ามารถใช้ ภาษาสอ่ื สารได้จริงหรือไม่ เพราะเหตุใด ข้ันพัฒนาผู้เรยี น ๑. นกั เรียนทบทวนความรูเ้ ก่ียวกบั คาซ้อน คาประสม และลักษณนาม ๒. ครนู าคาซ้อนและคาประสมจากเรอ่ื ง ราชาธริ าช ตอน สมงิ พระรามอาสา มาให้นักเรยี นจาแนก แลว้ นาไปเขียนลงในกรอบทีก่ าหนดให้ ดังน้ี เยอ้ื งกราย ฝึกหดั เจ้าของ เสียแรง ค้นุ เคย กลอุบาย ขวัญตา หายใจ เกยี่ วพัน ฝีมือ ขบกัด จนใจ รบั สง่ั ห่างไกล ต้านทาน แก้ไข คอยทา่ นับถือ แผน่ ดนิ เวยี นวน รูปร่าง จองจา ข้าศึก กลา้ หาญ แปรปรวน คคู่ รอง ใจความ หา้ มปราม หนว่ งเหน่ยี ว เสื่อมเสีย เครอื่ งประดบั ขา้ ราชการ ถอ้ ยคา ฟอ้ นรา บา้ นเมือง เปรยี บเทยี บ ใหญ่หลวง มนั่ คง ล่วงเลย กราบทลู คำซ้อน คำประสม ________________________ ________________________ ________________________ ________________________ ________________________ ________________________ ________________________ ________________________ ________________________ ________________________ ________________________ ________________________ ________________________ ________________________ ________________________ ________________________ ________________________ ________________________ ๓. ครูและนักเรยี นรว่ มกันตรวจสอบความถูกต้อง ๔. ครูนาคาทก่ี าหนด ใหน้ ักเรียนหาคาทมี่ ีความหมายตรงข้ามกนั ตามท่ีปรากฏในเรื่อง ราชาธริ าช ตอน สมิงพระรามอาสา มาซ้อนลงในคาท่ีกาหนดให้ ๑. หนา้ ________ ๒. สูง___________ ๓. ซอ้ื ___________ ๔. ผใู้ หญ่_______ ๕. ยาก__________

๕. ครูและนกั เรียนร่วมกนั ตรวจสอบความถูกต้อง ๖. ครูยกตัวอยา่ งคาซอ้ น ๓ คาหรอื ๔ คามาอธิบายให้นักเรียนฟงั หรือให้นักเรียนชว่ ยกนั ยกตวั อยา่ งคาซ้อน ๓ คาหรือ ๔ คาท่ตี นเองรจู้ ักมาแลกเปล่ียนความรู้กนั ๗. ครูเขยี นคาท่ีปรากฏในเร่ือง ราชาธิราช ตอน สมงิ พระรามอาสา แล้วใหน้ กั เรียนหาคาที่ปรากฏ ในเนื้อเรื่องมาเติมให้เป็นคาซ้อน ๓ คาหรือ ๔ คา ดงั นี้ ๑. อย่เู ย็น______________ ๖. สมณ_____________ ๒. ตฆี ้อง_______________ ๗. ชาวบา้ น___________ ๓. กาหนด______________ ๘. พระเดช___________ ๔. ยศฐา________________ ๙. ลาบาก____________ ๕. เหน็ดเหน่ือย__________ ๑๐. นายทพั ____________ ๘. ครแู ละนกั เรยี นร่วมกันตรวจสอบความถกู ต้อง ๙. ครูนาข้อความหรือประโยคท่ีปรากฏในเน้อื เรื่อง ราชาธริ าช ตอน สมิงพระรามอาสา ให้นักเรยี นหาลกั ษณนามมาเติมลงในชอ่ งว่าง ดังน้ี ๑. แพรลายมังกรร้อย ___________________ ๒. ฝนตก ___________ ใหญ่ ๓. เครื่องยศประดบั หยก __________________ หนง่ึ ๔. กระท่อมน้อย ______________ หนงึ่ ๕. ผา้ สกั หลาดยส่ี ิบ _____________ ๖. นอระมาดหา้ สิบ ____________ ๗. นา้ ดอกไมเ้ ทศสามสบิ _____________ ๘. ชา้ งพลายผูกเคร่ืองทอง_____________ หนงึ่ ๙. ต้นตาลมผี ลสกุ ต้นละสี่ _____________ บา้ ง ห้า ____________ บา้ ง ๑๐. แล้วพุ่งผลตาลสกุ ทัง้ สามต้นหล่นลงทีละ ___________________ ๑๐. ครแู ละนักเรยี นรว่ มกันตรวจสอบความถกู ตอ้ ง และให้นักเรียนรว่ มกนั ตรวจสอบว่า ปจั จุบันสงิ่ ตา่ ง ๆ ในข้อความจากเรอื่ ง ราชาธริ าช ตอน สมงิ พระรามอาสา ยังใชล้ กั ษณนามเช่นเดมิ หรือไม่ แลว้ บนั ทึก เปน็ ความรู้ ขนั้ สรปุ นกั เรียนและครรู ่วมกนั สรปุ ความรเู้ กย่ี วกับ คาซ้อน เปน็ คาทเ่ี กิดจากการนาคามูลที่มคี วามหมาย เหมอื นกัน คล้ายคลงึ กัน หรือตรงขา้ ม กัน ต้ังแต่ ๒ คามารวมกัน ทาให้เกิดคาใหม่ท่มี ีความหมายใหมห่ รือมเี คา้ ของความหมายเดิม

คาประสม เปน็ คาทเ่ี กิดจากการนาคาท่มี ีความหมายต่างกันต้งั แต่ ๒ คามารวมกนั เปน็ คาใหมท่ ี่มี ความหมายใหม่ หรือมีเคา้ ของความหมายเดิม ลกั ษณนาม เปน็ คาท่ีใช้บอกลักษณะของสิ่งต่าง ๆ เพ่ือแสดงรปู รา่ ง ลกั ษณะ หรอื ปริมาณของส่ิงนนั้ 7. ส่ือการเรยี นรู้ ๑. คาศัพท์ ๒. ตัวอยา่ งข้อความหรือประโยค 8. การวัดผลประเมินผล เป้าหมาย หลักฐาน เครอื่ งมอื วดั เกณฑก์ ารประเมิน ร้อยละ ๖๐ ผา่ นเกณฑ์ สาระสาคญั แบบฝกึ หดั แบบประเมิน คาซอ้ น เปน็ คาทเี่ กิดจาก “วิเคราะห์คาจาก แบบฝกึ หัด “วิเคราะหค์ าจาก การนาคามลู ตง้ั แต่ ๒ คามารวมกนั วรรณกรรม” วรรณกรรม” ทาให้เกดิ คาใหม่ คาประสม เป็นคาทเ่ี กิด จากการนาคาทม่ี ีความหมายตา่ งกนั ตั้งแต่ ๒ คามารวมกันเป็นคาใหม่ทมี่ ี ความหมายใหม่ ลักษณนาม เป็นคาที่ใช้ บอกลกั ษณะของส่ิงตา่ ง ๆ ตัวชี้วัด แบบฝกึ หดั แบบประเมินการ ร้อยละ ๖๐ ผ่านเกณฑ์ -ท ๔.๑ ม. ๑/๒ สร้างคาใน “วิเคราะหค์ าจาก “วเิ คราะห์คาจาก ภาษาไทย - ท ๔.๑ ม. ๑/๓ วิเคราะห์ชนดิ และ วรรณกรรม” วรรณกรรม” หน้าทขี่ องคาในประโยค คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ แบบฝกึ หัด แบบประเมิน รอ้ ยละ ๖๐ ผ่านเกณฑ์ เห็นความสาคัญของการเรยี นรู้ การจาแนกคา แบบฝกึ หดั การจาแนกคา คาในภาษาไทยเพ่ีอนาไปใช้อย่าง ถูกต้อง

เกณฑ์การประเมนิ ผล (รูบริกส)์ ประเดน็ การประเมิน (๔) ดีมาก ระดับคณุ ภาพ (๑) ปรับปรุง ๑. นักเรยี นอธบิ าย ตอบคาถามได้ ลักษณะของคาซอ้ น แสดงเหตผุ ลในการ (๓) ดี (๒) พอใช้ แต่ไม่แสดงเหตผุ ลใน และคาประสม (K) ตอบคาถาม การตอบคาถาม ตอบคาถามไดอ้ ยา่ ง ตอบคาถามได้ถูกต้อง ตอบคาถามได้ 2. นกั เรียนวเิ คราะหค์ า ต่อเน่ืองครบถว้ น และแสดงเหตผุ ลใน ถูกต้อง ตอบคาถามกระตุน้ จากวรรณกรรม (K) ตอบคาถามได้ การตอบคาถามได้ และแสดงเหตผุ ล ความคิดและ สมั พันธก์ บั หัวข้อท่ี ชัดเจน ในการตอบ วิเคราะหค์ าจากเรอ่ื ง กาหนด ตอบคาถามได้อยา่ ง คาถามได้ เร่ืองไม่ได้ ต่อเนอ่ื งครบถ้วน ตอบคาถามกระตุ้น ความคดิ และ ตอบคาถามกระตนุ้ ตอบคาถาม วเิ คราะหค์ าจากเรือ่ ง ความคิดและและ กระตุ้นความคิด ได้ดีถูกต้องสมบูรณ์ วิเคราะหค์ าจากเร่อื ง ไดถ้ ูกต้องเพียง จากเรือ่ งได้ถูกต้อง บางส่วนและและ เพียงบางส่วน วเิ คราะหค์ าจาก เรื่องไมไ่ ด้ ทาคะแนนได้ ทาคะแนนได้ ทาคะแนนได้ ทาคะแนนได้ 10-9 คะแนน 8-7 คะแนน 6-5 คะแนน 4-0 คะแนน ๓. นักเรยี นเห็น นักเรียนใชค้ าใน นกั เรยี นใชค้ าใน นกั เรยี นใชค้ าใน นกั เรียนใชค้ าใน ความสาคัญของการ ภาษาไทยได้ถูกต้อง ภาษาไทยได้ถูกต้อง ภาษาไทยได้ ภาษาไทยไม่ถูกต้อง เรยี นร้คู าในภาษาไทย ตามอักขรวธิ ี ใช้คาได้ ตามอักขรวิธี ใช้คาได้ ถูกต้อง เขยี นยงั เขยี นคาพื้นฐาน เพอ่ี นาไปใช้อย่างถูกต้อง ถูกบริบทและ ถกู บรบิ ทและ ไม่ถูกตอ้ งตาม ภาษาไทยไมถ่ ูกต้อง (A) กาลเทศะ เขียนคา กาลเทศะ เขยี นคา อักขรวธิ ี เขียนคา พน้ื ฐานได้ถกู ต้อง พน้ื ฐานมีข้อผิดพลาด พน้ื ฐานได้ถูกต้อง ทง้ั หมด เลก็ นอ้ ย บ้าง เกณฑ์การประเมินการผ่าน ๑๐ – ๑๒ ดีมาก ๗ –๙ ดี ๔ –๖ พอใช้ ๐ –๓ ควรปรบั ปรุง คะแนนรอ้ ยละ ๖๐ ถือว่าผ่านเกณฑ์


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook