Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หน่วยการเรียนรู้ที่-4-เย็นศิระเพราะพระบริบาล

หน่วยการเรียนรู้ที่-4-เย็นศิระเพราะพระบริบาล

Published by KAGIROON, 2021-02-06 05:30:08

Description: แผนการจัดการเรียนรู้วิชาภาษาไทยพื้นฐาน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 (ท 22101) หน่วยที่ 4 เรื่อง เย็นศิระเพราะพระบริบาล

Search

Read the Text Version

แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี ๒๕ กล่มุ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชัน้ มัธยมศึกษาปีที่ ๒ ภาคเรยี นท่ี ๑ หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ๔ เยน็ ศิระเพราะพระบรบิ าล (บันทึกทอ่ งโลก) เร่อื ง การวิเคราะหเ์ น้อื หา จานวน ๑ ช่ัวโมง ช่อื ครผู สู้ อน นางสาวจิราพร กุลให้ สอนวันที่..................................................... ๑. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ท ๑.๑ใช้กระบวนการอา่ นสร้างความร้แู ละความคิดเพ่ือนาไปใช้ตัดสินใจ แกป้ ัญหาในการ ดาเนินชวี ติ และมีนิสยั รกั การอา่ น ๒. สาระสาคัญ การวิเคราะห์เน้ือหา เป็นการอ่านหรือฟังสารแล้วสามารถพิจารณาไตร่ตรอง แยกแยะสารออกเป็น ส่วน ๆ อย่างถี่ถว้ น เพ่ือให้เขา้ ใจเน้อื เรอื่ ง รู้ข้อเทจ็ จรงิ ข้อคดิ เห็น และประเมนิ ค่านาไปใชใ้ นชีวติ ประจาวนั ได้ ๓. ตวั ช้ีวัด ท ๑.๑ ม.๒ / ๕ วิเคราะห์และจาแนกข้อเท็จจริง ข้อมูลสนับสนุน และข้อคิดเห็นจากบทความที่ อา่ น ๔. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ ๑. นกั เรียนอธบิ ายเน้อื หาและความรเู้ กี่ยวกับเรือ่ ง บนั ทึกทอ่ งโลกได้ ๒. นักเรยี นสามารถจับประเดน็ สาคัญ บอกจุดประสงค์ของเร่ือง จัดลาดับเหตุการณ์ และสรปุ เนื้อ เร่อื ง บนั ทกึ ท่องโลกได้ ๓. มีมารยาทในการอ่าน ๕. สาระการเรยี นรู้ การอ่านวเิ คราะห์เรอ่ื ง บันทึกท่องโลก ๖. กิจกรรมการเรียนรู้ ขน้ั นาเข้าสูบ่ ทเรียน ๑. ครสู นทนากบั นกั เรยี นเรื่อง “ บันทึกการทอ่ งโลก ” ว่าเม่ือเขียนบันทกึ ควรทาอยา่ งไรบ้าง ขน้ั สอน ๒. จากน้ันครูแบ่งนักเรียนออกเป็น ๔ กลุ่ม ให้แต่ละกลุ่มอ่านและศึกษาเรื่องต่อไปนี้ (โดยวิเคราะห์ จากเรอื่ ง บันทึกทอ่ งโลก ในหนงั สอื เรียน รายวิชาพ้ืนฐาน ภาษาไทยชดุ วิวิธภาษา ม. ๒ หนา้ ๖๐ กลุม่ ๑ จับประเดน็ สาคญั ของเรอ่ื ง กลมุ่ ๒ บอกจดุ ประสงคข์ องเร่ือง กลุม่ ๓ จดั ลาดับเหตกุ ารณข์ องเร่ือง กลุ่ม ๔ สรุปเนื้อเรือ่ ง ๓. จากน้ันให้ตวั แทนนักเรยี นแตล่ ะกลุม่ ออกมารายงานหน้าชน้ั เรียนให้ครูและเพ่ือน ๆ ฟัง

ข้นั สรุป ๔. นักเรียนและครูชว่ ยกนั ซักถามเร่ืองราวทง้ั หมดจากกลุ่มตา่ ง ๆ เพือ่ เป็นการสรปุ บทเรยี น ๗. ส่ือการเรียนรู้ หนังสอื เรียน รายวชิ าพืน้ ฐาน ภาษาไทยชดุ วิวิธภาษา ม. ๒ ๘. การวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้ วิธกี ารวดั ๑. สงั เกตการอธิบายความรแู้ ละเนอื้ หาเกีย่ วกับเรอื่ งบันทึกท่องโลก (K) ๒. ประเมินผลการจับประเด็นสาคัญ บอกจุดประสงค์ของเรื่อง จัดลาดับเหตุการณ์ และสรุปเนื้อ เรือ่ ง บันทึกท่องโลก (P) ๓. ประเมนิ การมมี ารยาทในการอ่าน (A) เครอื่ งมอื วัด ๑. แบบสงั เกตการอธบิ ายความรแู้ ละเนอื้ หาเก่ียวกับเรอ่ื งบันทกึ ทอ่ งโลก (K) ๒. แบบประเมนิ ผลการจบั ประเด็นสาคัญ บอกจุดประสงค์ของเรื่อง จดั ลาดบั เหตุการณ์ และสรุป เน้ือเรอื่ ง บันทกึ ท่องโลก (P) ๓. แบบประเมนิ การมีมารยาทในการอ่าน (A) เกณฑก์ ารประเมิน ๑. นักเรียนมีความรู้ และสามารถอธิบายความรู้และเน้ือหาเก่ียวกับเร่ืองบันทึกท่องโลก (K) อยู่ใน ระดบั คณุ ภาพ ๒ ขนึ้ ไป (พอใช)้ ถอื วา่ ผ่านเกณฑ์ ๒. นักเรียนมีทักษะกระบวนการในการจับประเด็นสาคัญ บอกจุดประสงค์ของเร่ือง จัดลาดับ เหตกุ ารณ์ และสรปุ เนื้อเรอื่ ง บนั ทึกท่องโลก (P) อย่ใู นระดบั คุณภาพ ๒ ขนึ้ ไป (พอใช้) ถือว่าผ่านเกณฑ์ ๓. นักเรียนมมี ารยาทในการอ่าน (A) อย่ใู นระดบั คุณภาพ ๒ ข้ึนไป (พอใช)้ ถอื ว่าผ่านเกณฑ์ เกณฑ์ระดับคณุ ภาพ ระดับ ๔ ดีมาก คะแนน ๙ - ๑๐ ระดับ ๓ ดี คะแนน ๗ - ๘ คะแนน ๕ - ๖ ระดบั ๒ พอใช้ คะแนน ๐ - ๔ ระดับ ๑ ควรปรับปรุง

๘. การวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้ จดุ ประสงค์ วธิ กี ารวัด เคร่อื งมือวัดผล เกณฑก์ ารประเมนิ ดา้ นความรู้ความเขา้ ใจ (K) สังเกตการอธบิ ายความรู้ แบบสงั เกตการอธบิ าย นกั เรียนมคี วามรู้ และ นกั เรยี นอธิบายเน้ือหาและความรู้ และเน้ือหาเก่ียวกบั เร่อื ง ความรแู้ ละเนื้อหาเกีย่ วกบั สามารถอธบิ ายความรู้และ เก่ียวกบั เร่ือง บนั ทกึ ท่องโลกได้ บนั ทกึ ท่องโลก เร่ืองบันทกึ ท่องโลก เน้ือหาเกย่ี วกับเรื่องบันทึก ทอ่ งโลก อยูใ่ นระดับ ด้านทักษะกระบวนการ (P) ประเมนิ ผลการจับประเดน็ แบบประเมนิ ผลการจับ คณุ ภาพ ๒ ข้นึ ไป (พอใช)้ นักเรียนสามารถจับประเดน็ สาคญั สาคญั บอกจุดประสงคข์ อง ประเด็นสาคญั บอก ถือว่าผ่านเกณฑ์ บอกจุดประสงค์ของเรื่อง เรอ่ื ง จดั ลาดบั เหตกุ ารณ์ จดุ ประสงคข์ องเร่ือง จดั ลาดบั เหตุการณ์ และสรปุ เน้ือ และสรปุ เนือ้ เร่อื ง บันทึก จดั ลาดับเหตุการณ์ และ นักเรียนมีทกั ษะ เรอ่ื ง บนั ทกึ ทอ่ งโลกได้ ท่องโลก สรุปเนอื้ เรื่อง บันทึกท่อง กระบวนการในการจับ โลก ประเด็นสาคญั บอก จุดประสงคข์ องเรื่อง ดา้ นคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ ประเมนิ การมมี ารยาทใน แบบประเมนิ การมมี ารยาท จดั ลาดบั เหตกุ ารณ์ และ (A) การอา่ น ในการอ่าน สรปุ เนอื้ เรือ่ ง บันทึกทอ่ ง มมี ารยาทในการอ่าน โลก อยใู่ นระดับคณุ ภาพ ๒ ขน้ึ ไป (พอใช้) ถือวา่ ผ่าน เกณฑ์ นกั เรียนมมี ารยาทในการ อ่าน อยู่ในระดบั คณุ ภาพ ๒ ขนึ้ ไป (พอใช)้ ถือว่าผา่ น เกณฑ์

การประเมินผลตามสภาพจรงิ ด้านความรู้ ทกั ษะกระบวนการ และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ (Rubrics) ๑. แบบสังเกตการอธิบายความร้แู ละเนอื้ หาเกี่ยวกับเรอ่ื งบันทกึ ท่องโลก (K) รายการ ระดับคณุ ภาพ ประเมนิ ดีมาก ดี พอใช้ ควรปรบั ปรงุ ๔๓๒๑ อธบิ ายความรแู้ ละ อธิบายความรแู้ ละ อธบิ ายความรแู้ ละ อธิบายความรูแ้ ละ อธิบายความรู้และ เนื้อหาเกยี่ วกบั เรอื่ ง เนื้อหาเกี่ยวกับเร่ือง เนื้อหาเก่ียวกบั เร่ือง เนอ้ื หาเก่ียวกับเรอ่ื ง เนื้อหาเกย่ี วกบั เรือ่ ง บันทึกทอ่ งโลก ได้ บันทึกท่องโลก ได้ บันทกึ ทอ่ งโลก ได้ บนั ทึกทอ่ งโลก ได้ บนั ทึกท่องโลก (K) ถูกต้อง ละเอียด ค่อนข้างถกู ต้องดี ถูกต้องบา้ งบางส่วน อย่างครา่ วๆ ถกู ต้อง ชัดเจน ดีมาก เพยี งเล็กน้อย ๒. แบบประเมินผลการจบั ประเด็นสาคัญ บอกจุดประสงคข์ องเร่ือง จัดลาดบั เหตุการณ์ และสรุปเน้อื เรอ่ื ง บนั ทึกท่องโลก (P) รายการ ระดับคณุ ภาพ ประเมิน ดีมาก ดี พอใช้ ควรปรบั ปรุง ๔๓๒๑ จับประเดน็ สาคัญ จบั ประเดน็ สาคัญ จับประเด็นสาคญั จับประเดน็ สาคญั จบั ประเดน็ สาคัญ บอกจุดประสงค์ของ บอกจุดประสงค์ของ บอกจดุ ประสงคข์ อง บอกจุดประสงค์ของ บอกจุดประสงคข์ อง เรือ่ ง จดั ลาดับ เรอ่ื ง จดั ลาดับ เร่อื ง จัดลาดับ เรื่อง จดั ลาดบั เรอื่ ง จัดลาดับ เหตุการณ์ และสรปุ เหตกุ ารณ์ และสรปุ เหตุการณ์ และสรปุ เหตกุ ารณ์ และสรปุ เหตกุ ารณ์ และสรปุ เนื้อเรอื่ ง บนั ทึกท่อง เนอื้ เร่ือง บนั ทกึ ทอ่ ง เนอ้ื เรือ่ ง บันทกึ ท่อง เนือ้ เร่ือง บนั ทกึ ทอ่ ง เน้ือเรอ่ื ง บนั ทกึ ท่อง โลกได้ถูกตอ้ ง โลกได้คอ่ นขา้ งถูกต้อง โลกได้ถูกตอ้ งบา้ ง โลกได้อยา่ งครา่ วๆ โลก (P) ละเอียด ชดั เจน ดี ดี บางสว่ น ถกู ต้องเพียงเล็กนอ้ ย มาก ๓. แบบประเมนิ การสังเกตพฤตกิ รรมมมี ารยาทในการอ่าน (A) รายการ ระดับคณุ ภาพ ประเมนิ ดีมาก ดี พอใช้ ควรปรบั ปรุง ๑ ๔๓๒ พยายามท่จี ะอ่านออก พยายามทีจ่ ะอ่านออก พยายามท่ีจะอ่านออก ไมค่ อ่ ยพยายามที่จะอ่าน มีมารยาทในการอา่ น เสียงบทร้อยกรองให้ได้ใน เสียงบทร้อยกรองใหไ้ ด้ใน เสียงบทร้อยกรองใหไ้ ด้ใน ออกเสยี งบทรอ้ ยกรองให้ (A) ระดับทด่ี ีเปน็ ประจา ระดับทด่ี ีอยู่บอ่ ยครั้ง ระดับทด่ี บี ้างบางคร้งั ไดใ้ นระดบั ทีด่ ี รวมท้ัง รวมทง้ั รจู้ ักเห็นคุณคา่ รวมทั้งรู้จกั เห็นคุณคา่ รวมท้งั รู้จักเห็นคณุ ค่า รจู้ ักเห็นคุณคา่ ของการ ของการอา่ นบทรอ้ ยกรอง ของการอ่านบทร้อยกรอง ของการอา่ นบทรอ้ ยกรอง อา่ นบทร้อยกรอง และมี และมีมารยาทในการอา่ น และมีมารยาทในการอา่ น และมีมารยาทในการอา่ น มารยาทในการอา่ น

แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี ๒๖ กลมุ่ สาระการเรียนร้ภู าษาไทย ช้ันมัธยมศึกษาปที ี่ ๒ ภาคเรียนที่ ๑ หน่วยการเรียนรูท้ ่ี ๔ เย็นศิระเพราะพระบรบิ าล (บนั ทึกทอ่ งโลก) เร่อื ง บันทกึ ดี ต้องมีมารยาท จานวน ๑ ชั่วโมง ชื่อครผู สู้ อน นางสาวจิราพร กลุ ให้ สอนวนั ท่ี..................................................... ๑. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ท ๒.๑ใช้กระบวนการเขียนเขียนส่ือสาร เขยี นเรยี งความ เขียนย่อความ และเขยี นเรอ่ื งราว ในรปู แบบต่างๆ เขยี นรายงานขอ้ มลู สารสนเทศและรายงานการศกึ ษาค้นควา้ อยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ ๒. สาระสาคญั การมีมารยาทเกี่ยวกับการเขียนบันทึก นั้นควรท่ีจะใช้ถ้อยคาภาษาท่ีสุภาพเพราะเป็นภาษาเขียน การนาเร่ืองราวเหตุการณ์เกี่ยวกับผู้อื่นมาเขียนบันทึก ควรพิจารณาให้รอบคอบ เช่น ไม่กล่าวร้าย ไม่ดูถูก เหยียดหยามผู้อื่น เพราะอาจเกิดผลกระทบที่ไม่คาดคิดตามมา และการอ่านบันทึกส่วนตัวของบุคคลอ่ืนก็เป็น ส่ิงท่ีไม่ควรกระทา ยกเวน้ กรณที ่ีเจา้ ของบนั ทึกนน้ั เปน็ ผู้อนุญาตดว้ ยความเต็มใจ ๓. ตัวช้ีวัด ท ๒.๑ ม. ๒ / ๘ มมี ารยาทในการเขียน ๔. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ ๑. อธบิ ายมารยาทเก่ยี วกับการเขียนบันทึกได้ ๒. เขยี นบนั ทึกตา่ งๆ อยา่ งมมี ารยาทตามหลกั มารยาทในการเขยี นบนั ทึก ๓. มมี ารยาทในการเขยี น ๕. สาระการเรยี นรู้ มารยาทเก่ียวกบั การเขยี นบนั ทกึ ๖. กจิ กรรมการเรยี นรู้ ขั้นนาเขา้ สูบ่ ทเรียน ๑. นักเรียนชมภาพข่าวเกี่ยวกับการละเมิดลิขสิทธ์ิเกี่ยวกับงานเขียน โดยครูเป็นผู้นาเสนอ และให้ นักเรียนชว่ ยกนั แสดงความคิดเห็นจากภาพและขอ้ มลู ขา่ วดงั กล่าว ๒. จากนัน้ ครจู ึงอธบิ ายว่าการกระทาตามข่าวเชน่ นั้น ถือว่าผิดกฎหมาย ไมค่ วรทจี่ ะเอาเป็นแบบอย่าง ขั้นสอน ๓. นักเรียนและครูร่วมกันศึกษาในเรื่อง มารยาทเกี่ยวกับการเขียนบันทึก ในหนังสือเรียน รายวิชา พ้ืนฐาน ภาษาไทยชุด วิวิธภาษา ม. ๒ หน้าที่ ๗๒ โดยครูเป็นผู้อธิบาย ซักถาม ตอบคาถาม และยกตัวอย่าง ประกอบ จนกว่านักเรียนจะเกดิ ความเข้าใจ

๔. จากนั้นให้นักเรียนเขียนบันทึกประจาวันของตนเอง โดยยกตัวอย่างเหตุการณ์มา ๑ วัน สาหรับที่ จะเขียนบนั ทกึ เม่อื เรยี บร้อยแล้วให้นาส่งครู ประเมินผลและให้คะแนนตามลาดบั ขน้ั สรุป ๕. นักเรยี นและครูร่วมกันสรุปความรู้ ดงั น้ี การมีมารยาทเก่ียวกับการเขียนบันทึก น้ันควรท่ีจะใช้ถ้อยคาภาษาที่สุภาพเพราะเป็นภาษา เขียน การนาเร่ืองราวเหตุการณ์เกี่ยวกับผู้อื่นมาเขียนบันทึก ควรพิจารณาให้รอบคอบ เช่น ไม่กล่าวร้าย ไม่ดู ถูกเหยียดหยามผู้อื่น เพราะอาจเกิดผลกระทบท่ีไม่คาดคิดตามมา และการอ่านบันทึกส่วนตัวของบุคคลอื่นก็ เปน็ สงิ่ ท่ไี มค่ วรกระทา ยกเว้นกรณีทเี่ จ้าของบันทึกนน้ั เปน็ ผูอ้ นญุ าตด้วยความเตม็ ใจ ๗. สือ่ การเรยี นรู้ ๑. หนงั สือเรียน รายวชิ าพื้นฐาน ภาษาไทยชุด วิวิธภาษา ม. ๒ ๒. ภาพและขอ้ มลู ข่าวเกย่ี วกับการละเมดิ ลิขสิทธเ์ิ กี่ยวกับงานเขียน ๘. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ วธิ ีการวัด ๑. สงั เกตการอธบิ ายความรู้เรอ่ื งมารยาทเกี่ยวกบั การเขยี นบนั ทกึ (K) ๒. ประเมนิ ผลการเขียนบนั ทึกต่างๆ อยา่ งมมี ารยาทตามหลักมารยาทในการเขยี นบันทึก (P) ๓. ประเมินการมีมารยาทในการเขียน (A) เครอื่ งมอื วดั ๑. แบบสงั เกตการอธบิ ายความรเู้ รื่องมารยาทเก่ียวกบั การเขยี นบันทึก (K) ๒. แบบประเมนิ ผลการเขยี นบันทกึ ต่างๆ อยา่ งมมี ารยาทตามหลกั มารยาทในการเขียนบันทกึ (P) ๓. แบบประเมินการมีมารยาทในการเขยี น (A) เกณฑก์ ารประเมนิ ๑. นักเรียนมีความรู้ และสามารถอธิบายความรู้เร่ืองมารยาทเกี่ยวกับการเขียนบันทึก (K) อยู่ใน ระดับคณุ ภาพ ๒ ข้นึ ไป (พอใช)้ ถอื วา่ ผ่านเกณฑ์ ๒. นักเรียนมีทักษะกระบวนการในการเขียนบันทึกต่างๆ อย่างมีมารยาทตามหลักมารยาทในการ เขยี นบนั ทกึ (P) อยู่ในระดับคุณภาพ ๒ ขึ้นไป (พอใช)้ ถอื ว่าผา่ นเกณฑ์ ๓. นกั เรียนมมี ารยาทในการเขยี น(A) อยใู่ นระดบั คณุ ภาพ ๒ ข้ึนไป (พอใช)้ ถอื ว่าผ่านเกณฑ์ เกณฑ์ระดบั คณุ ภาพ คะแนน ๙ - ๑๐ ระดบั ๔ ดีมาก คะแนน ๗ - ๘ ระดับ ๓ ดี คะแนน ๕ - ๖ ระดับ ๒ พอใช้ คะแนน ๐ - ๔ ระดับ ๑ ควรปรับปรุง

๘. การวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้ จุดประสงค์ วธิ ีการวัด เครอื่ งมอื วัดผล เกณฑ์การประเมนิ ด้านความรู้ความเขา้ ใจ (K) สงั เกตการอธบิ ายความรู้ แบบสงั เกตการอธิบาย นักเรียนมีความรู้ และสามารถ อธิบายมารยาทเกีย่ วกบั การเขยี น เร่ืองมารยาทเก่ยี วกบั การ ความร้เู รื่องมารยาทเกย่ี วกับ อธบิ ายความรู้เรื่องมารยาท บันทึกได้ เขยี นบนั ทกึ การเขยี นบนั ทึก เก่ียวกบั การเขียนบนั ทึก อย่ใู น ระดบั คณุ ภาพ ๒ ขนึ้ ไป (พอใช)้ ถอื วา่ ผ่านเกณฑ์ ดา้ นทกั ษะกระบวนการ (P) ประเมินผลการเขยี นบนั ทึก แบบประเมินผลการเขียน นกั เรียนมที กั ษะกระบวนการ เขียนบันทกึ ตา่ งๆ อย่างมมี ารยาท ต่างๆ อย่างมีมารยาทตาม บนั ทกึ ตา่ งๆ อยา่ งมีมารยาท ในการเขียนบนั ทกึ ต่างๆ อย่าง ตามหลกั มารยาทในการเขียน หลกั มารยาทในการเขยี น ตามหลักมารยาทในการ มีมารยาทตามหลกั มารยาทใน บันทึก บันทกึ เขยี นบันทึก การเขยี นบันทึก อยใู่ นระดบั คุณภาพ ๒ ขึน้ ไป (พอใช)้ ถอื ว่าผา่ นเกณฑ์ ด้านคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ ประเมินการมมี ารยาทใน แบบประเมนิ การมมี ารยาท นกั เรียนมมี ารยาทในการเขยี น (A) การเขยี น ในการเขยี น อยใู่ นระดับคณุ ภาพ ๒ ข้ึนไป มีมารยาทในการเขยี น (พอใช้) ถอื วา่ ผ่านเกณฑ์ การประเมินผลตามสภาพจรงิ ดา้ นความรู้ ทักษะกระบวนการ และคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ (Rubrics) ๑. แบบสงั เกตการอธิบายความร้เู รอ่ื งมารยาทเก่ียวกับการเขียนบันทกึ (K) รายการ ระดบั คณุ ภาพ ประเมนิ ดมี าก ดี พอใช้ ควรปรับปรงุ ๔๓๒๑ อธบิ ายความรู้เร่อื ง อธบิ ายความรู้เรอ่ื ง อธิบายความรูเ้ รือ่ ง อธบิ ายความรูเ้ รือ่ ง อธบิ ายความรเู้ ร่ือง มารยาทเกยี่ วกับการ มารยาทเกยี่ วกับการ มารยาทเกยี่ วกบั การ มารยาทเกยี่ วกับการ มารยาทเกย่ี วกบั การ เขยี นบันทึก ได้ เขยี นบันทึก ได้ เขยี นบันทึก ได้ เขยี นบันทึก ได้อยา่ ง เขยี นบันทึก (K) ถกู ต้อง ละเอียด ค่อนข้างถูกตอ้ งดี ถกู ต้องบา้ งบางส่วน คร่าวๆ ถูกต้องเพียง ชัดเจน ดีมาก เล็กน้อย ๒. แบบประเมนิ ผลการเขียนบันทกึ ต่างๆ อยา่ งมมี ารยาทตามหลักมารยาทในการเขียนบนั ทึก (P) รายการ ระดบั คุณภาพ ประเมนิ ดมี าก ดี พอใช้ ควรปรับปรงุ ๔๓๒๑ เขยี นบนั ทึกประจาวนั เขยี นบันทกึ ประจาวัน เขียนบันทึกประจาวนั เขยี นบันทึกประจาวนั เขียนบันทกึ ประจาวัน อยา่ งมีมารยาทตาม อยา่ งมมี ารยาทตาม อยา่ งมีมารยาทตาม อย่างไม่มีมารยาท อย่างมมี ารยาทตาม หลกั มารยาทในการ หลกั มารยาทในการ หลกั มารยาทในการ ตามหลักมารยาทใน หลกั มารยาทในการ เขียนบันทกึ ดีมาก เขยี นบันทกึ ดี แต่ยังมี เขียนบนั ทึกไดพ้ อใช้ การเขียนบนั ทกึ เขยี นบนั ทกึ (P) การใช้ถ้อยคาภาษา เพราะยงั มีการใช้ ปากในการเขยี นอยู่ ถ้อยคาภาษาปากใน บ้าง การเขียนอยู่บ้าง และ ใช้ภาษายังไม่ สละสลวย

๓. แบบประเมนิ การมีมารยาทในการเขียน (A) รายการ ระดบั คณุ ภาพ ประเมนิ ดีมาก ดี พอใช้ ควรปรับปรุง ๑ ๔๓๒ มมี ารยาทในการเขยี น เขยี นดว้ ยลายมือ เขียนดว้ ยลายมือพอ เขยี นด้วยลายมือ เขียนบันทกึ ประจาวนั (A) สวยงามเป็นระเบยี บ งามตา สะอาด มีการ พอใช้ มีการแบง่ วรรค อย่างไม่มีมารยาท ตามหลกั มารยาทใน เรยี บร้อย สะอาด มี แบง่ วรรคตอน ใช้ ตอนบ้าง ใช้ การเขยี นบนั ทึก การแบ่งวรรคตอน เคร่ืองหมายวรรค เคร่ืองหมายวรรค ถกู ต้องเหมาะสม ไม่ ตอนได้เหมาะสม ตอนไดบ้ า้ ง ไมค่ อ่ ย เขยี นท่ีเปน็ การใหร้ ้าย อา้ งองิ ขอ้ มลู ได้ สะอาด เขยี นพาดพงิ ผอู้ นื่ หรือเขียนความ ถึงผู้อนื่ มากเกนิ ไป ใส่ คิดเหน็ สว่ นตวั ใช้ ความคิดเห็นสว่ นตวั เครื่องหมายวรรค มากเกินไป มอี ้างอิง ตอนถกู ตอ้ ง อ้างอิง ข้อมลู บา้ ง ขอ้ มูลไดถ้ กู ต้อง

แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ ๒๗ กล่มุ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี ๒ ภาคเรียนที่ ๑ หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี ๔ เย็นศริ ะเพราะพระบรบิ าล (บนั ทึกทอ่ งโลก) เรอื่ ง การเขียนบรรยาย จานวน ๑ ช่ัวโมง ช่ือครูผูส้ อน นางสาวจิราพร กลุ ให้ สอนวนั ที่..................................................... ๑. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ท ๒.๑ ใชก้ ระบวนการเขยี นเขยี นสื่อสาร เขยี นเรยี งความ เขยี นย่อความ และเขยี น เรื่องราวในรปู แบบต่างๆ เขียนรายงานข้อมลู สารสนเทศและรายงานการศกึ ษาคน้ ควา้ อย่างมีประสทิ ธภิ าพ ๒. สาระสาคญั การเขียนบรรยาย เป็นการเขียนเล่าเรื่องราว การกล่าวถึงเหตุการณ์ใด เหตุการณ์หน่ึงอย่างต่อเน่ือง เป็นลาดับ แสดงให้เห็นภาพ ฉาก บรรยากาศเหตุการณ์น้ันทั้งหมดอย่างชัดเจนว่า ใคร ทาอะไร ที่ไหน เมื่อไร อย่างไร เพ่ืออะไร และผลเป็นอย่างไร ชี้ให้ผู้อ่านเห็น เข้าใจความเป็นมา และผลของเหตุการณ์อย่างกระจ่าง ชัดเจน สามารถวาดภาพในใจตามได้อย่างถูกต้อง การเขียนบรรยายที่ดีนั้น ผู้เขียนต้องมีความรู้ในเร่ืองท่ีจะ บรรยาย ใชก้ ลวิธใี นการดาเนนิ เรื่องเหมาะสม เพื่อให้ผรู้ บั สารเข้าใจและสนใจอา่ น ๓. ตัวช้ีวดั ท ๒.๑ ม. ๒ / ๒ เขยี นบรรยายและพรรณนา ๔. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ ๑. นกั เรยี นสามารถอธิบายวธิ กี ารเขยี นบรรยายได้ ๒. นกั เรยี นสามารถเขยี นบรรยายเร่ืองที่กาหนดให้ได้ ๓. เห็นความสาคัญของการเขยี นบรรยายและมีมารยาทในการเขยี น ๕. สาระการเรียนรู้ การเขยี นบรรยาย ๖. กิจกรรมการเรยี นรู้ ข้นั นาเข้าสบู่ ทเรยี น ๑. นักเรียนรว่ มกนั สนทนาและแสดงความคดิ เห็น โดยครูใช้คาถาม ดงั นี้ - นักเรยี นต้องการใหส้ ภาพบ้านเมอื งของประเทศเป็นอย่างไร ๒. จากน้นั ให้นกั เรยี นชมภาพสภาพปญั หาสังคมในปจั จบุ นั โดยครูเปน็ ผนู้ าเสนอภาพดงั กลา่ ว แล้วให้ นักเรียนร่วมกันเขียนบรรยายจากส่ิงที่เห็น จากน้ันออกมานาเสนอหน้าชั้นเรียน ครูและนักเรียนร่วมกัน ประเมนิ ผลงาน โดยบอกขอ้ ดแี ละจุดบกพร่องของงานเขยี น

ขั้นสอน ๓. หลังจากน้ันนักเรียนและครูร่วมกันศึกษาความรู้เกี่ยวกับการเขียนบรรยาย จากหนังสือเรียน รายวิชาพ้ืนฐาน ภาษาไทยชุด วิวิธภาษา ม. ๒ หน้า ๗๒ – ๗๕ โดยครูเป็นผู้อธิบาย ซักถาม ตอบคาถาม และ ยกตวั อย่างจนกว่านกั เรยี นจะเกดิ ความเข้าใจ ๔. เม่ือศึกษาความรู้เก่ียวกับการเขียนบรรยายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ให้นักเรียนทาแบบฝึกหัด เรื่อง การเขยี นบรรยาย เมอ่ื เสรจ็ แล้วให้นาสง่ ครตู รวจ ประเมินผลและใหค้ ะแนนตามลาดบั ขนั้ สรปุ ๕. นักเรียนและครรู ว่ มกนั สรปุ ความรู้ ดังนี้ การเขียนบรรยาย หมายถึง การเขียนเล่าเรื่องราว การกล่าวถึงเหตุการณ์ใด เหตุการณ์หน่ึง อย่างต่อเนอื่ งเปน็ ลาดบั แสดงใหเ้ หน็ ภาพ ฉาก บรรยากาศเหตกุ ารณน์ นั้ ทงั้ หมดอย่างชดั เจนว่า ใคร ทาอะไร ท่ี ไหน เม่ือไร อย่างไร เพ่ืออะไร และผลเป็นอย่างไร ชี้ให้ผู้อ่านเห็น เข้าใจความเป็นมา และผลของเหตุการณ์ อย่างกระจ่างชัดเจน สามารถวาดภาพในใจตามได้อย่างถูกต้อง การเขียนบรรยายที่ดีนั้น ผู้เขียนต้องมีความรู้ ในเรือ่ งทจ่ี ะบรรยาย ใช้กลวธิ ใี นการดาเนนิ เร่อื งเหมาะสม เพอ่ื ให้ผูร้ บั สารเขา้ ใจและสนใจอ่าน ๗. สอ่ื การเรียนรู้ ๑. หนังสอื เรียน รายวิชาพื้นฐาน ภาษาไทยชดุ ววิ ธิ ภาษา ม. ๒ ๒. เอกสารแบบฝึกหดั เรอ่ื ง การเขยี นบรรยาย ๓. ภาพสภาพปญั หาสังคมในปัจจุบนั ๘. การวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้ วธิ ีการวัด ๑. สงั เกตการอธิบายความรู้เก่ยี วกบั วธิ กี ารเขียนบรรยาย (K) ๒. ประเมินผลการเขียนบรรยายเรื่องทก่ี าหนดให้ โดยตรวจแบบฝกึ หดั เร่อื ง การเขยี นบรรยาย (P) ๓. ประเมนิ การมมี ารยาทในการเขียน (A) เครื่องมือวัด ๑. แบบสงั เกตการอธบิ ายความรู้เก่ยี วกับวธิ ีการเขยี นบรรยาย (K) ๒. แบบประเมินผลการเขียนบรรยายเรอ่ื งท่ีกาหนดให้ โดยใหน้ ักเรียนทาแบบฝึกหัดเร่ือง การเขยี น บรรยาย (P) ๓. แบบประเมินการมีมารยาทในการเขยี น (A) เกณฑก์ ารประเมิน ๑. นักเรยี นมีความรู้ และสามารถอธบิ ายความรู้เก่ียวกบั วธิ ีการเขียนบรรยาย (K) อยู่ในระดับคุณภาพ ๒ ขึน้ ไป (พอใช)้ ถอื วา่ ผา่ นเกณฑ์ ๒. นักเรียนมีทักษะกระบวนการในการเขียนบรรยายเร่ืองท่ีกาหนดให้ โดยทาแบบฝึกหัดเร่ือง การ เขยี นบรรยาย (P) อยใู่ นระดบั คุณภาพ ๒ ขึน้ ไป (พอใช)้ ถอื วา่ ผา่ นเกณฑ์ ๓. นกั เรยี นมีมารยาทในการเขียน (A) อย่ใู นระดบั คณุ ภาพ ๒ ขน้ึ ไป (พอใช้) ถือวา่ ผ่านเกณฑ์ เกณฑร์ ะดับคุณภาพ คะแนน ๙ - ๑๐ ระดับ ๔ ดมี าก

คะแนน ๗ - ๘ ระดบั ๓ ดี คะแนน ๕ - ๖ ระดับ ๒ พอใช้ คะแนน ๐ - ๔ ระดับ ๑ ควรปรับปรุง ๘. การวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้ จดุ ประสงค์ วธิ ีการวดั เครอื่ งมอื วดั ผล เกณฑก์ ารประเมนิ ดา้ นความรู้ความเข้าใจ (K) สงั เกตการอธิบายความรู้ แบบสงั เกตการอธบิ าย นักเรยี นมีความรู้ และ อธบิ ายมารยาทเกีย่ วกับการเขยี น เรอื่ งมารยาทเก่ยี วกับการ บนั ทึกได้ เขยี นบนั ทึก ความร้เู รอ่ื งมารยาทเกย่ี วกบั สามารถอธิบายความรูเ้ รอื่ ง การเขยี นบนั ทึก มารยาทเกยี่ วกบั การเขยี น บนั ทึก อยูใ่ นระดบั คณุ ภาพ ๒ ขน้ึ ไป (พอใช)้ ถือวา่ ผา่ น เกณฑ์ ดา้ นทกั ษะกระบวนการ (P) ประเมนิ ผลการเขยี นบนั ทึก แบบประเมินผลการเขียน นักเรยี นมีทักษะ เขยี นบนั ทึกต่างๆ อยา่ งมีมารยาท ตา่ งๆ อย่างมีมารยาทตาม ตามหลกั มารยาทในการเขียน หลกั มารยาทในการเขยี น บนั ทกึ ต่างๆ อยา่ งมมี ารยาท กระบวนการในการเขยี น บนั ทึก บันทกึ ตามหลกั มารยาทในการ บันทกึ ต่างๆ อยา่ งมีมารยาท เขยี นบนั ทึก ตามหลักมารยาทในการ เขียนบันทกึ อยูใ่ นระดับ คุณภาพ ๒ ขึน้ ไป (พอใช้) ถอื วา่ ผ่านเกณฑ์ ด้านคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ ประเมินการมมี ารยาทใน แบบประเมนิ การมมี ารยาท นกั เรียนมมี ารยาทในการ (A) การเขียน มีมารยาทในการเขยี น ในการเขยี น เขยี น อยู่ในระดับคณุ ภาพ ๒ ขึ้นไป (พอใช้) ถอื วา่ ผา่ น เกณฑ์

การประเมนิ ผลตามสภาพจรงิ ด้านความรู้ ทักษะกระบวนการ และคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ (Rubrics) ๑. แบบสังเกตการอธบิ ายความร้เู ก่ียวกับวธิ ีการเขยี นบรรยาย (K) รายการ ระดบั คณุ ภาพ ประเมิน ดมี าก ดี พอใช้ ควรปรับปรงุ ๔๓๒๑ อธบิ ายความรู้ อธบิ ายความรู้ อธิบายความรู้ อธบิ ายความรู้ อธิบายความรู้ เกยี่ วกบั วธิ กี ารเขียน เกย่ี วกบั วิธกี ารเขยี น เกี่ยวกับวธิ กี ารเขยี น เกีย่ วกับวิธีการเขียน เก่ียวกบั วิธกี ารเขยี น บรรยาย ไดถ้ กู ต้อง บรรยาย ไดค้ ่อนข้าง บรรยาย ได้ถกู ต้อง บรรยาย ได้อยา่ ง บรรยาย (K) ละเอียด ชดั เจน ดี ถกู ตอ้ งดี บา้ งบางสว่ น คร่าวๆ ถูกต้องเพยี ง มาก เล็กน้อย ๒. แบบประเมินผลการเขียนบรรยายเรอ่ื งที่กาหนดให้ โดยใหน้ กั เรียนทาแบบฝึกหัดเรือ่ ง การเขียน บรรยาย (P) รายการ ระดับคุณภาพ ประเมนิ ดีมาก ดี พอใช้ ควรปรับปรุง ๔๓๒๑ แบบฝกึ หัดเรื่อง การ เขียนบรรยาย เขยี นบรรยาย เขียนบรรยายโดยมี เขียนบรรยายโดย เขยี นบรรยาย (P) โดยมรี ายละเอียด โดยมรี ายละเอยี ด รายละเอยี ดพอสมควร มรี ายละเอียด ชดั เจน เรียบเรยี ง ชัดเจน เรียบเรียง เรียบเรยี งเร่อื งราวดี ไมม่ ากนัก เร่ืองราวได้ตอ่ เนื่อง เร่ืองราวได้ดี การใช้ภาษาปรับปรงุ ลาดับเนอ้ื หา สมั พนั ธก์ นั ใชภ้ าษา ใช้ภาษาได้ดี เพยี งเล็กนอ้ ย วกวนเลก็ น้อย ได้ดี ทาใหน้ ่าอ่าน และยงั ต้องปรับปรุง การใช้ภาษา ๓. แบบประเมินการมีมารยาทในการเขียน (A) รายการ ระดบั คณุ ภาพ ประเมนิ ดีมาก ดี พอใช้ ควรปรบั ปรุง ๑ ๔๓๒ มมี ารยาทในการเขยี น เขยี นด้วยลายมอื เขียนดว้ ยลายมือพอ เขียนด้วยลายมือ เขยี นบันทกึ ประจาวัน (A) สวยงามเปน็ ระเบยี บ งามตา สะอาด มีการ พอใช้ มกี ารแบ่งวรรค อย่างไม่มมี ารยาท ตามหลักมารยาทใน เรยี บรอ้ ย สะอาด มี แบง่ วรรคตอน ใช้ ตอนบ้าง ใช้ การเขยี นบันทึก การแบง่ วรรคตอน เคร่ืองหมายวรรค เคร่อื งหมายวรรค ถกู ตอ้ งเหมาะสม ไม่ ตอนไดเ้ หมาะสม ตอนได้บ้าง ไม่ค่อย เขียนที่เปน็ การใหร้ ้าย อ้างอิงข้อมลู ได้ สะอาด เขยี นพาดพงิ ผู้อ่นื หรือเขยี นความ ถงึ ผู้อ่นื มากเกนิ ไป ใส่ คิดเหน็ สว่ นตวั ใช้ ความคิดเหน็ ส่วนตัว เครื่องหมายวรรค มากเกนิ ไป มอี ้างองิ ตอนถกู ตอ้ ง อ้างองิ ข้อมลู บ้าง ข้อมลู ได้ถูกต้อง

แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี ๒๘ กลุ่มสาระการเรยี นรูภ้ าษาไทย ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ ๒ ภาคเรยี นท่ี ๑ หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ ๔ เยน็ ศิระเพราะพระบรบิ าล (บันทึกทอ่ งโลก) เร่อื ง การเขียนพรรณนา จานวน ๑ ช่ัวโมง ชื่อครผู ู้สอน นางสาวจิราพร กุลให้ สอนวนั ที่..................................................... ๑. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ท ๒.๑ ใช้กระบวนการเขยี นเขียนสอ่ื สาร เขียนเรยี งความ เขยี นย่อความ และเขยี น เร่ืองราวในรปู แบบต่างๆ เขยี นรายงานขอ้ มลู สารสนเทศและรายงานการศึกษาคน้ คว้าอย่างมีประสทิ ธภิ าพ ๒. สาระสาคญั การเขียนพรรณนา หมายถึงการเขียนอธิบาย การให้รายละเอียดของสิ่งใดสิ่งหน่ึง ไม่ว่าจะเป็นการ พรรณนาเกียรติคุณ ความงาม บุคคล วัตถุ สถานท่ี ภูมิประเทศ พรรณนาความรู้สึก หรือเหตุการณ์ช่วงใด ชว่ งหนึง่ แสดงใหเ้ หน็ ภาพ ลักษณะหรอื การเคล่อื นไหวของส่งิ ๆ นน้ั อย่างแจม่ ชดั ละเอียดลออด้วยถอ้ ยคาภาษา ที่เลือกสรรอย่างประณีต แสดงความหมายเด่นชัด การเขียนพรรณนาเป็นการเพ่ิมรายละเอียดของเรื่องให้น่า อา่ น เลอื กใชถ้ ้อยคาให้สละสลวย และใช้การเปรียบเทียบเพอื่ ใหผ้ ูอ้ า่ นเกดิ ภาพพจน์ ๓. ตวั ชีว้ ัด ท ๒.๑ ม. ๒ / ๒ เขยี นบรรยายและพรรณนา ๔. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ ๑. นกั เรยี นสามารถอธิบายวิธกี ารเขยี นบรรยายได้ ๒. นกั เรยี นสามารถเขียนบรรยายเร่ืองท่ีกาหนดให้ได้ ๓. เหน็ ความสาคญั ของการเขยี นบรรยายและมีมารยาทในการเขยี น ๕. สาระการเรยี นรู้ การเขียนพรรณนา ๖. กิจกรรมการเรียนรู้ ขน้ั นาเขา้ สบู่ ทเรยี น ๑. นกั เรยี นร่วมกนั แสดงความคิดเหน็ โดยครใู ชค้ าถาม ดงั นี้ - ครา่ ครวญ ราพึงราพนั เพ้อเจอ้ เหมือนกับพรรณนาหรอื ไม่ อย่างไร ขั้นสอน ๒. นักเรียนและครรู ว่ มกนั ศึกษาความรู้เก่ียวกบั การเขียนพรรณนา จากหนงั สอื เรียน รายวชิ าพนื้ ฐาน ภาษาไทยชดุ วิวธิ ภาษา ม. ๒ หน้า ๗๒ – ๗๕ โดยครูเปน็ ผู้อธบิ าย ซกั ถาม ตอบคาถาม และยกตัวอย่างจนกว่า นักเรียนจะเกิดความเขา้ ใจ แล้วร่วมกนั ตอบคาถามต่อไปนี้

 การเขยี นพรรณนามลี กั ษณะอยา่ งไร (การเขียนรายละเอียดสง่ิ ใดสิ่งหนง่ึ โดยสอดแทรกความรสู้ ึกของ ผเู้ ขยี นลงไปด้วย)  การเขยี นพรรณนาใชเ้ ขยี นถึงส่ิงใด (ตัวอยา่ งคาตอบ ชมความงามของธรรมชาติ ชมโฉม ชมบ้านเมอื ง ถา่ ยทอดความรู้สกึ ตา่ ง ๆ)  จดุ ประสงคข์ องการเขยี นพรรณนาคอื อะไร (ต้องการใหผ้ อู้ า่ นเกดิ ภาพพจน์หรอื อารมณ์คล้อยตาม)  การพรรณนามกั ใชค้ าเปรียบเทยี บเพือ่ อะไร (เพ่ือใหเ้ กดิ จนิ ตนาการเห็นภาพได้อย่างแจม่ ชัด) ๓. ใหน้ ักเรียนพิจารณาข้อความทีก่ าหนดแลว้ ชว่ ยกันอธบิ ายวา่ เป็นพรรณนาโวหารหรอื ไม่ เพราะเหตุใด ไผซ่ อออ้ เอียดเบียดออด ลมลอดไลเ่ ลีย้ วเรียวไผ่ ออดแอดแอดออดยอดไกว แพใบไลน้ ำ้ ลำคลอง (เป็นพรรณนาโวหาร เพราะอธบิ ายรายละเอียดชดั เจน ใชค้ าแสดงภาพพจน์ เชน่ คาเลียนเสยี งธรรมชาติ ออด แอดแอดออด) สถำนท่ีท่องเท่ียวในจงั หวดั พระนครศรีอยธุ ยำ มีพระรำชำนสุ ำว รียส์ มเดจ็ พระสรุ โิ ยทยั ซง่ึ สรำ้ งขนึ้ เพ่ือรำลกึ ถงึ สมเดจ็ พระสรุ โิ ยทยั วีร กษตั รียข์ องไทย พระองคไ์ ดท้ รงสละพระชนมช์ ีพเพ่ือพระรำชสำมี คือ สมเดจ็ พระมหำจกั รพรรดิใหท้ รงปลอดภยั จำกอรริ ำชศตั รู (ไมใ่ ชพ่ รรณนาโวหาร เพราะเปน็ การบรรยายเรอ่ื งราวทางประวัติศาสตร)์ ดวงอำทิตยล์ บั ทวิ ไมไ้ ปแลว้ ลมเย็นพดั มำเบำ ๆ อำกำศบรสิ ทุ ธิ์ ไรม้ ลพษิ แมน่ ำ้ บำงปะกงยำมสนธยำตำ่ งกบั อำกำศกรุงเทพฯ สองฟำกฝ่ัง แมน่ ำ้ เตม็ ไปดว้ ยตน้ ลำพู (ไม่ใช่พรรณนาโวหาร เพราะเปน็ การบรรยายสถานท่ีอย่างครา่ ว ๆ ว่ามีส่งิ ใดบา้ ง ไม่มรี ายละเอียดท่ีชัดเจน เพยี งพอ) จนผมโกรน๋ โลน้ เกลีย้ งถงึ เพียงหู ดเู งำในนำ้ แลว้ รอ้ งไห้ ฮดึ ฮดั ขดั แคน้ แนน่ ใจ ตำแดงด่งั แสงไฟฟำ้

(เป็นพรรณนาโวหาร เพราะเขยี นแสดงความรู้สกึ เสียใจ แคน้ ใจ ของตัวละครไดช้ ดั เจน มีการใชอ้ ุปมา เปรียบเทยี บอยา่ งเห็นภาพ) วรรณคดไี ทยมีประวตั คิ วำมเป็นมำยำวนำนมำกกว่ำ ๗๐๐ ปี นบั ตงั้ แตส่ มยั สโุ ขทยั อยธุ ยำ ธนบรุ ี มำจนถงึ รตั นโกสนิ ทร์ (ไมใ่ ชพ่ รรณนาโวหาร เพราะเป็นการอธิบายความรู้ให้เข้าใจไมใ่ ช่การอธบิ ายตามความรู้สกึ ) ๔. จากนั้นให้นักเรียนเขียนพรรณนาความยาว ๓ - ๕ บรรทัด ในกระดาษที่ครูแจกให้ โดยให้นักเรียน ออกไปดูธรรมชาตนิ อกหอ้ งเรยี น หรือครูจะพานักเรียนออกไปเรยี นนอกหอ้ งเรียนก็ได้ ๕. ใหน้ กั เรียนอาสาสมคั ร ๓ - ๔ คน อ่านการเขยี นพรรณนาของตนให้เพื่อนฟัง ครูและเพ่อื นรว่ มกัน ประเมินผลงานเขยี นพร้อมทั้งใหก้ าลงั ใจ ขั้นสรุป ๖. นักเรียนและครูรว่ มกันสรุปความรู้ ดังนี้ การพรรณนา หมายถึงการอธิบาย การให้รายละเอียดของสิ่งใดส่ิงหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นการ พรรณนาเกียรติคุณ ความงาม บุคคล วัตถุ สถานที่ ภูมิประเทศ พรรณนาความรู้สึก หรือเหตุการณ์ช่วงใด ช่วงหน่ึง แสดงให้เห็นภาพ ลักษณะหรือการเคลื่อนไหวของสิ่งๆ น้ันอย่างแจ่มชัดละเอียดลออด้วยถ้อยคา ภาษาที่เลือกสรรอย่างประณีต แสดงความหมายเด่นชัด การเขียนพรรณนาเป็นการเพิ่มรายละเอียดของเรื่อง ให้น่าอ่าน เลอื กใช้ถ้อยคาให้สละสลวย และใช้การเปรียบเทียบเพ่ือใหผ้ ้อู ่านเกดิ ภาพพจน์ ๗. ส่อื การเรยี นรู้ ๑. หนงั สอื เรียน รายวิชาพนื้ ฐาน ภาษาไทยชุด ววิ ธิ ภาษา ม. ๒ ๒. กระดาษ ๘. การวดั และประเมินผลการเรียนรู้ วิธีการวดั ๑. สงั เกตการอธบิ ายความรเู้ ก่ียวกับลกั ษณะการเขียนแบบพรรณนา (K) ๒. ประเมินผลการวิเคราะหง์ านเขยี นแบบพรรณนา และเขียนความเรียงแบบพรรณนา (P) ๓. ประเมินการมมี ารยาทในการเขียน (A) เครือ่ งมอื วัด ๑. แบบสงั เกตการอธบิ ายความรเู้ กยี่ วกับลักษณะการเขยี นแบบพรรณนา (K) ๒. แบบประเมนิ ผลการวเิ คราะหง์ านเขียนแบบพรรณนา และเขียนความเรียงแบบพรรณนา (P) ๓. แบบประเมินการมีมารยาทในการเขยี น (A) เกณฑก์ ารประเมิน ๑. นักเรียนมีความรู้ และสามารถอธิบายความรู้เก่ียวกับลักษณะการเขียนแบบพรรณนา (K) อยู่ใน ระดับคุณภาพ ๒ ขึ้นไป (พอใช้) ถือว่าผ่านเกณฑ์

๒. นักเรียนมีทักษะกระบวนการในการวิเคราะห์งานเขียนแบบพรรณนา และเขียนความเรียงแบบ พรรณนา (P) อยู่ในระดบั คณุ ภาพ ๒ ข้ึนไป (พอใช้) ถอื ว่าผา่ นเกณฑ์ ๓. นักเรียนมีมมี ารยาทในการเขยี น(A) อยู่ในระดับคุณภาพ ๒ ข้ึนไป (พอใช้) ถอื ว่าผ่านเกณฑ์ เกณฑร์ ะดบั คณุ ภาพ คะแนน ๙ - ๑๐ ระดับ ๔ ดมี าก คะแนน ๗ - ๘ ระดับ ๓ ดี คะแนน ๕ - ๖ ระดบั ๒ พอใช้ คะแนน ๐ - ๔ ระดับ ๑ ควรปรบั ปรุง ๘. การวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู้ จดุ ประสงค์ วิธีการวัด เครื่องมอื วดั ผล เกณฑก์ ารประเมนิ ด้านความรู้ความเข้าใจ (K) สังเกตการอธบิ ายความรู้ แบบสงั เกตการอธบิ าย นกั เรียนมคี วามรู้ และ นกั เรยี นสามารถอธบิ ายวธิ ีการ เกย่ี วกบั ลกั ษณะการเขยี น ความรูเ้ กยี่ วกับลักษณะการ สามารถอธิบายความรู้ เขยี นบรรยายได้ แบบพรรณนา เขียนแบบพรรณนา เก่ียวกบั ลกั ษณะการเขยี น แบบพรรณนา อยู่ในระดบั ด้านทักษะกระบวนการ (P) ประเมินผลการวิเคราะห์ แบบประเมินผลการ คณุ ภาพ ๒ ขึ้นไป (พอใช้) นกั เรยี นสามารถเขียนบรรยาย งานเขยี นแบบพรรณนา วเิ คราะหง์ านเขยี นแบบ ถือว่าผ่านเกณฑ์ เรือ่ งที่กาหนดให้ได้ และเขียนความเรียงแบบ พรรณนา และเขยี นความ พรรณนา เรียงแบบพรรณนา นกั เรียนมที ักษะ กระบวนการในการ ด้านคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ ประเมนิ การมมี ารยาทใน แบบประเมนิ การมมี ารยาท วเิ คราะหง์ านเขียนแบบ (A) การเขยี น ในการเขียน พรรณนา และเขียนความ เห็นความสาคัญของการเขียน เรยี งแบบพรรณนา อย่ใู น บรรยายและมีมารยาทในการ ระดับคณุ ภาพ ๒ ขึ้นไป เขียน (พอใช้) ถอื ว่าผา่ นเกณฑ์ นกั เรยี นมมี มี ารยาทในการ เขียน อยู่ในระดับคณุ ภาพ ๒ ขน้ึ ไป (พอใช้) ถอื วา่ ผา่ น เกณฑ์ การประเมินผลตามสภาพจริง ด้านความรู้ ทกั ษะกระบวนการ และคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ (Rubrics) ๑. แบบสังเกตการอธบิ ายความรู้เกีย่ วกับลกั ษณะการเขียนแบบพรรณนา (K) รายการ ระดบั คณุ ภาพ ประเมนิ ดมี าก ดี พอใช้ ควรปรบั ปรงุ ๔๓๒๑ อธิบายความรู้ อธบิ ายความรู้ อธบิ ายความรู้ อธบิ ายความรู้ อธบิ ายความรู้ เกย่ี วกับลกั ษณะการ เกี่ยวกับลกั ษณะการ เกย่ี วกับลักษณะการ เกี่ยวกับลกั ษณะการ เกย่ี วกบั ลักษณะการ เขยี นแบบพรรณนา เขยี นแบบพรรณนา เขยี นแบบพรรณนา เขยี นแบบพรรณนา เขยี นแบบพรรณนา ไดถ้ กู ตอ้ ง ละเอียด ไดค้ ่อนขา้ งถกู ต้องดี ได้ถกู ต้องบ้าง ได้อยา่ งครา่ วๆ (K) ชดั เจน ดีมาก บางสว่ น ถูกตอ้ งเพยี งเล็กนอ้ ย

๒. แบบประเมินผลการวิเคราะหง์ านเขยี นแบบพรรณนา และเขยี นความเรียงแบบพรรณนา (P) รายการ ระดับคุณภาพ ประเมนิ ดีมาก ดี พอใช้ ควรปรบั ปรุง ๔๓๒๑ วิเคราะหง์ านเขยี น วเิ คราะหง์ านเขียน วิเคราะห์งานเขยี น วิเคราะหง์ านเขยี น วิเคราะหง์ านเขียน แบบพรรณนาได้ แบบพรรณนาได้ แบบพรรณนาได้ แบบพรรณนาไมไ่ ด้ แบบพรรณนา ถูกต้องทงั้ หมด พรอ้ ม ถูกต้องเกือบท้ังหมด ถกู ต้องบ้างบางส่วน เลย บอกเหตุผล พรอ้ มบอกเหตผุ ล ไมค่ ่อยยกเหตผุ ล ประกอบดว้ ย ประกอบดว้ ย ประกอบ เขียนความเรียงแบบ เขียนพรรณนาได้ เขยี นพรรณนาไดด้ ี เขยี นพรรณนาได้ เขยี นความเรียง พรรณนา นา่ อา่ น เนือ้ หามีเอกภาพ เนอื้ หามีเอกภาพ ตามทีก่ าหนด เน้ือหามีเอกภาพ บางช่วงใช้ เขียนรายละเอยี ด แตส่ านวน ใช้ภาษาสละสลวย ภาษาอยา่ งสละสลวย ถงึ ส่งิ ที่ พรรณนาไม่ชัดเจน สานวนพรรณนาลกึ ซึง้ มกี ารเปรียบเทียบ ตอ้ งการพรรณนา ใชก้ ารเปรยี บเทียบ ชว่ ยเสริม เนอื้ ความให้ อยา่ งชัดเจน อยา่ งเหมาะสมทาให้ ผอู้ ่านเหน็ ภาพ ใช้การเปรียบเทยี บ ผู้อ่านเห็นภาพชัดเจน หรือเขา้ ใจอารมณ์ หลายแหง่ แตบ่ างแห่ง เกิดอารมณ์คลอ้ ยตาม ชัดเจนยงิ่ ข้นึ ไม่เขา้ กบั เนอ้ื ความ ๓. แบบประเมินการมีมารยาทในการเขยี น (A) รายการ ระดบั คุณภาพ ประเมิน ดมี าก ดี พอใช้ ควรปรับปรงุ ๑ ๔๓๒ มมี ารยาทในการเขยี น เขียนดว้ ยลายมอื เขียนดว้ ยลายมอื พอ เขียนด้วยลายมือ เขียนบนั ทกึ ประจาวนั (A) สวยงามเปน็ ระเบยี บ งามตา สะอาด มกี าร พอใช้ มีการแบ่งวรรค อย่างไม่มีมารยาท ตามหลักมารยาทใน เรยี บร้อย สะอาด มี แบง่ วรรคตอน ใช้ ตอนบ้าง ใช้ การเขยี นบนั ทึก การแบ่งวรรคตอน เครื่องหมายวรรค เครอื่ งหมายวรรค ถูกตอ้ งเหมาะสม ไม่ ตอนได้เหมาะสม ตอนไดบ้ า้ ง ไมค่ อ่ ย เขยี นทีเ่ ปน็ การใหร้ ้าย อ้างองิ ข้อมลู ได้ สะอาด เขยี นพาดพงิ ผู้อื่น หรือเขียนความ ถงึ ผ้อู ่นื มากเกินไป ใส่ คิดเห็นส่วนตวั ใช้ ความคดิ เห็นสว่ นตวั เครอื่ งหมายวรรค มากเกนิ ไป มีอา้ งองิ ตอนถกู ต้อง อ้างองิ ข้อมูลบา้ ง ขอ้ มลู ไดถ้ ูกต้อง

แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ ๒๙ กล่มุ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๒ ภาคเรยี นท่ี ๑ หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี ๔ เย็นศิระเพราะพระบรบิ าล (บนั ทึกท่องโลก) เรือ่ ง การเขยี นบันทึก จานวน ๑ ช่ัวโมง ช่ือครูผ้สู อน นางสาวจิราพร กลุ ให้ สอนวันที.่ .................................................... ๑. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ท ๒.๑ใช้กระบวนการเขยี นเขยี นส่ือสาร เขียนเรียงความ เขียนย่อความ และเขยี นเรื่องราว ในรูปแบบตา่ งๆ เขียนรายงานข้อมลู สารสนเทศและรายงานการศึกษาคน้ คว้าอย่างมีประสทิ ธิภาพ ๒. สาระสาคัญ การเขยี นบันทึกเหตุการณ์เป็นการบันทึกความรู้ ความจา ความนกึ คิด สามารถนาไปใช้ประโยชน์ใน ชีวิตประจาวนั ไดด้ ี การเขียนบันทึกเหตุการณ์ประจาวัน เป็นการบันทึกเร่ืองราวส่วนตัว หรือเหตุการณ์ท่ีเกิดข้ึนหรือได้ พบเห็น ทาใหเ้ ตอื นความจา เกดิ ความรู้ และให้ข้อคิดทเ่ี หน็ ประโยชน์ ๓. ตัวชีว้ ัด ท ๒.๑ ม.๒ / ๔ เขยี นยอ่ ความ ๔. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ ๑. นักเรียนอธิบายความรเู้ กีย่ วกบั การเขยี นบนั ทึกได้ ๒. นักเรยี นสามารถเขียนบนั ทึกได้ ๓. นกั เรยี นมีมารยาทในการเขียน ๕. สาระการเรยี นรู้ การเขียนพรรณนา ๖. กิจกรรมการเรยี นรู้ ข้นั นาเข้าส่บู ทเรียน ๑. นักเรียนและครรู ว่ มกันสนทนาถึงการเขียนบนั ทึกทีด่ ี ควรมหี ลกั การอยา่ งไรบ้าง ๒. จากน้ันนักเรยี นและครูร่วมกนั อ่านและทาความเขา้ ใจตัวอย่างการเขยี นบันทกึ เร่ือง แอนตาร์กติกา : หนาวหน้าร้อน ของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี แล้วร่วมกันแสดง ความคิดเหน็ ข้นั สอน ๓. แบ่งนักเรียนออกเป็นกลุ่ม ๓ กลุ่ม (สมาชิกกลุ่มตามความเหมาะสม) โดยให้แต่ละกลุ่มศึกษา ความรู้ เรื่องการเขยี นบันทึก จากหนงั สือเรียนภาษาไทย วิวิธภาษา หน้า ๖๗ – ๗๑ ดงั นี้

กลุม่ ที่ ๑ การเขียนบนั ทกึ เหตกุ ารณส์ าคญั ในประวัติศาสตร์ กลุ่มท่ี ๒ การเขียนบันทกึ เหตุการณ์สาคญั ครั้งหนง่ึ ในชวี ิต กล่มุ ที่ ๓ การเขียนบนั ทกึ ประวัติชีวิต ๔. จากนั้นให้ตัวแทนนักเรียนแต่ละกลุ่มออกมานาเสนอส่ิงที่ได้ศึกษา โดยนักเรียนในชั้นช่วยกัน วิเคราะห์วิจารณ์ แลกเปล่ียนเรียนรู้ โดยครูเติมเต็มในส่วนท่ีขาดเก่ียวกับ เรื่อง การเขียนบันทึกเหตุการณ์ และบนั ทึกประจาวนั ๕. หลังจากนั้นให้นักเรียนทาแบบฝึกหัด บันทึกการท่องเท่ียวที่ฉันประทับใจที่สุด โดยให้นักเรียน เขียนบันทกึ การทอ่ งเที่ยวที่นกั เรยี นเคยไดม้ ีโอกาสไปท่องเทีย่ วมา เมื่อเสร็จแลว้ ให้นาส่งครปู ระเมนิ ผลงาน ขน้ั สรปุ ๖. นกั เรียนและครูรว่ มกนั สรุปความร้ทู ่ีได้จากบทเรียน ดังนี้ ๑. การเขียนบันทึกเหตุการณ์เป็นการบันทึกความรู้ ความจา ความนึกคิด สามารถนาไปใช้ ประโยชน์ในชีวิตประจาวันได้ดี ๒. การเขียนบันทึกเหตุการณ์ประจาวัน เป็นการบันทึกเรื่องราวส่วนตัว หรือเหตุการณ์ท่ี เกดิ ขึ้นหรือไดพ้ บเห็น ทาใหเ้ ตือนความจา เกิดความรู้ และให้ข้อคดิ ท่ีเห็นประโยชน์ ๗. สอ่ื การเรียนรู้ ๑. หนงั สอื เรียน รายวิชาพน้ื ฐาน ภาษาไทยชุด ววิ ิธภาษา ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ี่ ๒ ๒. เอกสารแบบฝึกหัด บันทกึ การทอ่ งเทยี่ วท่ฉี นั ประทับใจท่ีสดุ ๘. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ วธิ ีการวัด ๑. สงั เกตการอธิบายความรเู้ กี่ยวกบั การเขียนบนั ทึก (K) ๒. ประเมินผลการเขียนบนั ทึก (P) ๓. ประเมินการมมี ารยาทในการเขียน (A) เคร่ืองมือวัด ๑. แบบสังเกตการอธบิ ายความรเู้ ก่ียวกบั การเขยี นบันทึก (K) ๒. แบบประเมนิ ผลการเขียนบนั ทึก (P) ๓. แบบประเมินการมีมารยาทในการเขียน (A) เกณฑก์ ารประเมิน ๑. นักเรียนมีความรู้ และสามารถอธิบายความรู้เก่ียวกับการเขียนบันทึก (K) อยู่ในระดับคุณภาพ ๒ ข้ึนไป (พอใช)้ ถือว่าผา่ นเกณฑ์ ๒. นักเรียนมีทักษะกระบวนการในการเขียนบันทึก (P) อยู่ในระดับคุณภาพ ๒ ข้ึนไป (พอใช้) ถือว่า ผา่ นเกณฑ์ ๓. นักเรยี นมีมารยาทในการเขยี น (A) อยใู่ นระดับคณุ ภาพ ๒ ขนึ้ ไป (พอใช)้ ถอื วา่ ผา่ นเกณฑ์ เกณฑร์ ะดบั คุณภาพ คะแนน ๙ - ๑๐ ระดบั ๔ ดมี าก

คะแนน ๗ - ๘ ระดบั ๓ ดี คะแนน ๕ - ๖ ระดับ ๒ พอใช้ คะแนน ๐ - ๔ ระดับ ๑ ควรปรบั ปรุง ๘. การวัดและประเมินผลการเรยี นรู้ จุดประสงค์ วิธีการวดั เครือ่ งมือวัดผล เกณฑ์การประเมนิ ดา้ นความร้คู วามเข้าใจ (K) สงั เกตการอธบิ ายความรู้ แบบสงั เกตการอธิบาย นักเรยี นมีความรู้ และ นกั เรยี นอธบิ ายความรเู้ กยี่ วกับ เก่ียวกบั การเขยี นบันทึก ความรูเ้ กี่ยวกับการเขียน สามารถอธบิ ายความรู้ การเขียนบนั ทกึ ได้ บนั ทกึ เกีย่ วกับการเขียนบนั ทกึ อยู่ ในระดับคณุ ภาพ ๒ ขึน้ ไป (พอใช)้ ถอื ว่าผา่ นเกณฑ์ ดา้ นทกั ษะกระบวนการ (P) ประเมนิ ผลการเขยี นบนั ทึก แบบประเมนิ ผลการเขียน นกั เรยี นมีทกั ษะ นกั เรยี นสามารถเขียนบนั ทกึ ได้ บันทึก กระบวนการในการเขียน ประเมนิ การมมี ารยาทใน บันทึก อยู่ในระดบั คณุ ภาพ ด้านคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ การเขียน แบบประเมินการมมี ารยาท ๒ ขึ้นไป (พอใช้) ถอื วา่ ผา่ น (A) ในการเขยี น เกณฑ์ นกั เรยี นมมี ารยาทในการเขียน นกั เรียนมมี ารยาทในการ เขียน อยู่ในระดบั คณุ ภาพ ๒ ขน้ึ ไป (พอใช้) ถอื ว่าผ่าน เกณฑ์ การประเมินผลตามสภาพจริง ด้านความรู้ ทกั ษะกระบวนการ และคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ (Rubrics) ๑. แบบสงั เกตการอธิบายความรเู้ กี่ยวกับการเขียนบันทึก (K) รายการ ระดับคณุ ภาพ ประเมนิ ดมี าก ดี พอใช้ ควรปรับปรุง ๔๓๒๑ อธบิ ายความรู้ อธบิ ายความรู้ อธิบายความรู้ อธิบายความรู้ อธบิ ายความรู้ เกีย่ วกบั การเขียน เกย่ี วกบั การเขียน เก่ียวกบั การเขยี น เก่ยี วกบั การเขียน เกี่ยวกบั การเขียน บนั ทึก ไดถ้ ูกตอ้ ง บนั ทกึ ได้คอ่ นขา้ ง บนั ทกึ ได้ถูกต้องบ้าง บนั ทึก ได้อย่างคร่าวๆ บันทึก (K) ละเอยี ด ชดั เจน ดี ถูกตอ้ งดี บางส่วน ถูกตอ้ งเพียงเล็กนอ้ ย มาก ๒. แบบประเมนิ ผลการเขียนบันทึก (P) รายการ ระดับคณุ ภาพ ประเมิน ดมี าก ดี พอใช้ ควรปรับปรงุ ๑ ๔ ๓๒ เขียนความเรียง การเขยี นบนั ทึก (P) เขียนบรรยายหรอื เขยี นบรรยายหรอื เขียนบรรยายหรือ ตามท่ีกาหนด แต่สานวน พรรณนาได้ พรรณนาไดด้ ี พรรณนาได้ น่าอา่ น เนือ้ หามี เนือ้ หามีเอกภาพ ดเี น้อื หามเี อกภาพ

เอกภาพ ใชภ้ าษา บางชว่ งใชภ้ าษา เขียนรายละเอยี ด พรรณาไมช่ ัดเจน สละสลวย อย่างสละสลวย ถึงสงิ่ ทตี่ อ้ งการ สานวนพรรณนา มีการเปรียบเทยี บ พรรณาอยา่ งชัดเจน ลกึ ซง้ึ ใชก้ าร ชว่ ยเสรมิ เนอื้ ความ ใชก้ ารเปรยี บเทยี บ เปรยี บเทยี บ ใหผ้ อู้ ่านเหน็ ภาพ หลายแหง่ แต่บางแห่ง อยา่ งเหมาะสม หรือเข้าใจอารมณ์ ไมเ่ ข้ากับเนือ้ ความ ทาใหผ้ ้อู ่าน ชดั เจนย่ิงขนึ้ เหน็ ภาพชัดเจน เกิดอารมณค์ ลอ้ ยตาม ๓. แบบประเมนิ การมีมารยาทในการเขียน (A) รายการ ระดบั คุณภาพ ประเมนิ ดมี าก ดี พอใช้ ควรปรบั ปรงุ ๑ ๔๓๒ มมี ารยาทในการเขยี น เขยี นดว้ ยลายมอื เขียนด้วยลายมือพอ เขียนดว้ ยลายมือ เขยี นบนั ทกึ ประจาวนั (A) สวยงามเปน็ ระเบยี บ งามตา สะอาด มกี าร พอใช้ มีการแบง่ วรรค อย่างไม่มีมารยาท ตามหลกั มารยาทใน เรยี บรอ้ ย สะอาด มี แบง่ วรรคตอน ใช้ ตอนบา้ ง ใช้ การเขยี นบันทกึ การแบ่งวรรคตอน เคร่ืองหมายวรรค เคร่อื งหมายวรรค ถูกตอ้ งเหมาะสม ไม่ ตอนได้เหมาะสม ตอนได้บ้าง ไม่ค่อย เขียนทเ่ี ป็นการใหร้ ้าย อ้างอิงขอ้ มลู ได้ สะอาด เขยี นพาดพิง ผอู้ นื่ หรอื เขียนความ ถึงผู้อน่ื มากเกนิ ไป ใส่ คิดเหน็ ส่วนตัว ใช้ ความคดิ เห็นสว่ นตวั เครื่องหมายวรรค มากเกินไป มีอา้ งองิ ตอนถกู ต้อง อา้ งอิง ขอ้ มลู บ้าง ข้อมลู ไดถ้ กู ตอ้ ง

แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี ๓๐ กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ชั้นมธั ยมศึกษาปที ี่ ๒ ภาคเรยี นท่ี ๑ หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี ๔ เย็นศิระเพราะพระบริบาล (เยน็ ศิระเพราะพระบรบิ าล) เร่อื ง วิเคราะห์เนื้อหา จานวน ๑ ช่ัวโมง ชอ่ื ครูผู้สอน นางสาวจริ าพร กลุ ให้ สอนวนั ที่..................................................... ๑. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ท ๑.๑ใช้กระบวนการอ่านสร้างความรู้และความคิดเพื่อนาไปใช้ตัดสินใจ แก้ปัญหาในการ ดาเนินชีวติ และมนี สิ ัยรักการอา่ น ๒. สาระสาคญั ศิลาจารึกหลักท่ี ๑ เป็นจารึกในพ่อขุนรามคาแหงมหาราช เป็นวรรณคดีท่ีมีคุณค่ามากในด้านเน้ือหา วรรณศิลป์ และสังคม เพราะเป็นหลักฐานในการที่ให้เราทราบถึงการประดิษฐ์อักษรไทย ทาให้ได้เรียนรู้ถึง สภาพสังคม วัฒนธรรม การเมืองการปกครองในสมัยนั้น นับเป็นการศึกษาประวตั ิศาสตรแ์ ละความสาคัญของ ภาษา ทีบ่ อกเลา่ เร่อื งราวในอดตี ศิลาจารกึ หลกั ที่ ๑ จึงเปน็ จารกึ ที่เป็นวรรณคดีท่มี ีค่านานัปการ ๓. ตัวชีว้ ัด ท ๑.๑ ม.๒ / ๕ วิเคราะห์และจาแนกข้อเท็จจริง ข้อมูลสนับสนุน และข้อคิดเห็นจากบทความที่ อา่ น ๔. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ ๑. นักเรยี นสามารถอธบิ ายเนอ้ื หาและความรูเ้ กี่ยวกับเรอ่ื ง เยน็ ศริ ะเพราะพระบรบิ าลได้ ๒. นกั เรียนสามารถจบั ประเด็นสาคัญ บอกจุดประสงค์ของเร่ือง จัดลาดบั เหตกุ ารณ์ และสรุปเน้ือ เรือ่ ง เย็นศิระเพราะพระบริบาลได้ ๓. รกั ชาติ ศาสนา พระมหากษตั รยิ ์ ๕. สาระการเรยี นรู้ การอ่านวเิ คราะหเ์ รอ่ื ง เยน็ ศริ ะเพราะพระบรบิ าล ๖. กิจกรรมการเรียนรู้ ข้ันนาเขา้ สู่บทเรียน ๑. นกั เรยี นชมวดี โี อ ชุด เพลงสรรเสรญิ พระบารมี ๒. จากนั้นใหน้ กั เรยี นแสดงความคิดเหน็ รว่ มกนั ในคาถามดงั น้ี - “เพลงสรรเสรญิ พระบารมี” มีความสาคัญอย่างไร ทาไมเราจงึ ต้องรอ้ ง เพลงสรรเสริญพระ บารมี - มีใครบ้างไม่รจู้ กั และไม่เคยได้ยินเพลงสรรเสริญพระบารมี

- ทาไมจงึ ต้องยนื ตรงเม่ือได้ยินเพลงสรรเสรญิ พระบารมี - นกั เรยี นอาสาสมคั รคนใดคนหนงึ่ หรอื หลายคน ออกมาสาธิตรอ้ งเพลง เพลงสรรเสรญิ พระ บารมี ให้เพื่อนนกั เรียนฟงั ขน้ั สอน ๓. จากนนั้ ครูแบ่งนักเรียนออกเป็น ๔ กลุ่ม ใหแ้ ตล่ ะกลุ่มอ่านและศึกษาเรื่องต่อไปนี้ (โดยวิเคราะห์ จากเร่ือง บนั ทึกท่องโลก ในหนังสือเรยี น รายวิชาพืน้ ฐาน ภาษาไทยชดุ ววิ ิธภาษา ม. ๒ หนา้ ๗๙ – ๘๖ กลุม่ ๑ จบั ประเดน็ สาคญั ของเรอ่ื ง กลุ่ม ๒ บอกจดุ ประสงค์ของเรอ่ื ง กล่มุ ๓ จัดลาดบั เหตุการณ์ของเรือ่ ง กลมุ่ ๔ สรปุ เนอ้ื เร่อื ง ๔. จากน้นั ใหต้ วั แทนนกั เรียนแตล่ ะกลุ่มออกมารายงานหน้าชัน้ เรียนใหค้ รูและเพื่อน ๆ ฟัง ข้นั สรุป ๕. นักเรียนและครูช่วยกันซกั ถามเร่ืองราวท้ังหมดจากกลุ่มตา่ ง ๆ เพ่อื เปน็ การสรุปบทเรียน ๗. สื่อการเรียนรู้ ๑. หนงั สอื เรยี น รายวิชาพนื้ ฐาน ภาษาไทยชุด วรรณคดีวจิ ักษ์ ชน้ั มัธยมศึกษาปที ่ี ๒ ๒. วีดีโอ ชดุ เพลงสรรเสรญิ พระบารมี ๘. การวดั และประเมินผลการเรียนรู้ วิธีการวดั ๑. สงั เกตการอธบิ ายความรู้และเนื้อหาเกีย่ วกบั เรอ่ื ง เย็นศริ ะเพราะพระบรบิ าล (K) ๒. ประเมินผลการจับประเด็นสาคัญ บอกจุดประสงค์ของเรื่อง จัดลาดับเหตุการณ์ และสรุปเน้ือ เร่ือง เย็นศิระเพราะพระบริบาล (P) ๓. ประเมินการสงั เกตพฤติกรรมรกั ชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์ และใฝ่เรียนรู้ (A) เครือ่ งมือวดั ๑. แบบสงั เกตการอธิบายความรแู้ ละเน้ือหาเก่ียวกบั เร่อื ง เย็นศริ ะเพราะพระบรบิ าล (K) ๒. แบบประเมนิ ผลการจับประเด็นสาคัญ บอกจดุ ประสงค์ของเร่ือง จดั ลาดบั เหตุการณ์ และสรุป เนอื้ เร่อื ง เยน็ ศิระเพราะพระบรบิ าล (P) ๓. แบบประเมนิ การสังเกตพฤติกรรมรักชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์ และใฝ่เรียนรู้ (A) เกณฑก์ ารประเมิน ๑. นักเรียนมีความรู้ และสามารถอธิบายความรู้และเน้ือหาเกี่ยวกับเรื่อง เย็นศิระเพราะพระบริบาล (K) อยใู่ นระดับคุณภาพ ๒ ขนึ้ ไป (พอใช้) ถือว่าผา่ นเกณฑ์ ๒. นักเรียนมีทักษะกระบวนการในการจับประเด็นสาคัญ บอกจุดประสงค์ของเร่ือง จัดลาดับ เหตกุ ารณ์ และสรปุ เนอ้ื เรื่อง เย็นศริ ะเพราะพระบริบาล (P) อยใู่ นระดับคณุ ภาพ ๒ ขึ้นไป (พอใช)้ ถอื ว่าผ่าน เกณฑ์ ๓. นักเรียนมีพฤติกรรมรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และใฝ่เรียนรู้ (A) อยู่ในระดับคุณภาพ ๒ ขึ้นไป (พอใช้) ถือว่าผ่านเกณฑ์

เกณฑ์ระดบั คณุ ภาพ คะแนน ๙ - ๑๐ ระดบั ๔ ดมี าก คะแนน ๗ - ๘ ระดบั ๓ ดี คะแนน ๕ - ๖ ระดบั ๒ พอใช้ คะแนน ๐ - ๔ ระดับ ๑ ควรปรบั ปรุง ๘. การวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้ จุดประสงค์ วิธกี ารวดั เคร่อื งมอื วดั ผล เกณฑก์ ารประเมนิ ด้านความรคู้ วามเข้าใจ (K) แบบสังเกตการอธบิ าย แบบสงั เกตการอธบิ าย นกั เรยี นมคี วามรู้ และ นกั เรยี นสามารถอธบิ ายเน้ือหา ความรแู้ ละเน้ือหาเกยี่ วกับ ความร้แู ละเน้ือหาเก่ยี วกับ สามารถอธิบายความร้แู ละ และความรู้เกย่ี วกบั เรือ่ ง เยน็ ศริ ะ เรื่อง เย็นศริ ะเพราะพระ เรื่อง เยน็ ศริ ะเพราะพระ เนอ้ื หาเกีย่ วกับเรอื่ ง เย็น เพราะพระบรบิ าลได้ บริบาล บรบิ าล ศริ ะเพราะพระบรบิ าล อยู่ ในระดับคณุ ภาพ ๒ ขึ้นไป (พอใช)้ ถอื วา่ ผ่านเกณฑ์ ดา้ นทักษะกระบวนการ (P) แบบประเมินผลการจับ แบบประเมินผลการจบั นกั เรียนมที ักษะ นักเรยี นสามารถจับประเดน็ สาคัญ ประเดน็ สาคญั บอก ประเดน็ สาคญั บอก กระบวนการในการจบั บอกจุดประสงค์ของเรื่อง จดุ ประสงค์ของเรอ่ื ง จดุ ประสงค์ของเรือ่ ง ประเดน็ สาคญั บอก จัดลาดับเหตกุ ารณ์ และสรุปเน้ือ จดั ลาดบั เหตุการณ์ และ จดั ลาดบั เหตุการณ์ และ จุดประสงคข์ องเร่ือง เร่อื ง เยน็ ศิระเพราะพระบริบาลได้ สรปุ เน้อื เร่อื ง เยน็ ศริ ะเพราะ สรปุ เนอื้ เรอื่ ง เยน็ ศริ ะเพราะ จัดลาดับเหตุการณ์ และ พระบรบิ าล พระบรบิ าล สรุปเน้ือเรื่อง เยน็ ศริ ะเพราะ พระบริบาล อยใู่ นระดบั คณุ ภาพ ๒ ข้ึนไป (พอใช)้ ถอื วา่ ผา่ นเกณฑ์ ด้านคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ แบบประเมนิ การสงั เกต แบบประเมินการสงั เกต นกั เรียนมีพฤตกิ รรมรักชาติ (A) พฤตกิ รรมรกั ชาติ ศาสน์ พฤตกิ รรมรกั ชาติ ศาสน์ ศาสน์ กษตั รยิ ์ และใฝเ่ รยี นรู้ รกั ชาติ ศาสนา พระมหากษัตรยิ ์ กษตั ริย์ และใฝเ่ รยี นรู้ กษัตริย์ และใฝ่เรียนรู้ อย่ใู นระดับคณุ ภาพ ๒ ขนึ้ ไป (พอใช้) ถือวา่ ผ่านเกณฑ์ การประเมินผลตามสภาพจริง ดา้ นความรู้ ทกั ษะกระบวนการ และคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ (Rubrics) ๑. แบบสังเกตการอธบิ ายความร้แู ละเน้อื หาเกี่ยวกับเร่อื ง เยน็ ศริ ะเพราะพระบริบาล (K) รายการ ระดบั คณุ ภาพ ประเมิน ดีมาก ดี พอใช้ ควรปรบั ปรุง ๔๓๒๑ อธิบายความร้แู ละ อธิบายความรู้และ อธิบายความรู้และ อธิบายความรูแ้ ละ อธิบายความรูแ้ ละ เน้อื หาเกีย่ วกบั เรอ่ื ง เนือ้ หาเกีย่ วกบั เร่ือง เนื้อหาเกย่ี วกับเรื่อง เน้ือหาเก่ียวกบั เรอื่ ง เนอ้ื หาเก่ยี วกับเรื่อง เยน็ ศิระเพราะพระ เยน็ ศิระเพราะพระ เย็นศริ ะเพราะพระ เย็นศิระเพราะพระ เย็นศิระเพราะพระ บรบิ าล ได้ถูกตอ้ ง บริบาล ไดค้ ่อนข้าง บริบาล ไดถ้ ูกตอ้ งบา้ ง บรบิ าล ได้อยา่ ง บรบิ าล (K) ละเอยี ด ชดั เจน ดี ถูกตอ้ งดี บางส่วน ครา่ วๆ ถกู ตอ้ งเพียง มาก เล็กน้อย

๒. แบบประเมนิ ผลการจบั ประเดน็ สาคัญ บอกจดุ ประสงค์ของเร่อื ง จัดลาดบั เหตุการณ์ และสรุปเนื้อ เรื่อง เย็นศริ ะเพราะพระบริบาล (P) รายการ ระดบั คุณภาพ ประเมิน ดมี าก ดี พอใช้ ควรปรับปรุง ๔๓๒๑ จับประเด็นสาคัญ จบั ประเดน็ สาคัญ จบั ประเดน็ สาคญั จบั ประเด็นสาคญั จับประเดน็ สาคญั บอกจดุ ประสงค์ของ บอกจุดประสงค์ของ บอกจดุ ประสงคข์ อง บอกจุดประสงคข์ อง บอกจดุ ประสงคข์ อง เรื่อง จัดลาดับ เร่อื ง จดั ลาดบั เรอื่ ง จดั ลาดบั เรื่อง จัดลาดับ เร่ือง จัดลาดบั เหตุการณ์ และสรปุ เหตกุ ารณ์ และสรปุ เหตกุ ารณ์ และสรุป เหตกุ ารณ์ และสรปุ เหตกุ ารณ์ และสรุป เนอ้ื เร่อื ง เยน็ ศริ ะ เนื้อเรื่อง เยน็ ศิระ เน้อื เรือ่ ง เยน็ ศิระ เนื้อเรอ่ื ง เย็นศิระ เนอ้ื เรือ่ งเยน็ ศริ ะ เพราะพระบริบาล ได้ เพราะพระบริบาล ได้ เพราะพระบรบิ าล ได้ เพราะพระบริบาล ได้ เพราะพระบรบิ าล (P) ถกู ตอ้ ง ละเอยี ด ค่อนขา้ งถกู ต้องดี ถูกต้องบา้ งบางส่วน อยา่ งครา่ วๆ ถูกตอ้ ง ชดั เจน ดมี าก เพยี งเลก็ น้อย ๓. แบบประเมนิ การสงั เกตพฤตกิ รรมรักชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์ และใฝเ่ รยี นรู้ (A) รายการ ระดบั คุณภาพ ประเมนิ ดมี าก ดี พอใช้ ควรปรับปรุง ๑ ๔๓๒ รักชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์ ต้งั ใจยืนตรงรอ้ งเพลง ต้งั ใจยนื ตรงร้องเพลง ตงั้ ใจยืนตรงรอ้ งเพลง ไม่ต้ังใจยืนตรงร้อง (A) เคารพธงชาตแิ ละ เคารพธงชาติและ เคารพธงชาติและ เพลงเคารพธงชาติ และเพลงสรรเสริญ เพลงสรรเสรญิ พระ เพลงสรรเสรญิ พระ เพลงสรรเสรญิ พระ พระบารมขี ณะร่วม บารมีเป็นประจา บารมีบ่อยครง้ั ขณะ บารมีบ้างบางครัง้ กจิ กรรมหนา้ เสาธง ขณะรว่ มกิจกรรม รว่ มกิจกรรมหนา้ เสา ขณะร่วมกิจกรรม หน้าเสาธง ธง หนา้ เสาธง

แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี ๓๑ กลมุ่ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี ๒ ภาคเรียนที่ ๑ จานวน ๑ ช่ัวโมง หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ๔ เยน็ ศิระเพราะพระบริบาล (เยน็ ศิระเพราะพระบรบิ าล) เร่ือง การอ่านจบั ใจความ ชื่อครผู ู้สอน นางสาวจริ าพร กุลให้ สอนวนั ท่.ี .................................................... ๑. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ท ๑.๑ใช้กระบวนการอ่านสร้างความรู้และความคิดเพื่อนาไปใช้ตัดสินใจ แก้ปัญหาในการ ดาเนินชวี ิต และมนี ิสยั รักการอา่ น ๒. สาระสาคญั การอ่านจับใจความสาคัญเป็นการอ่านเพ่ือแยกประเด็นสาระสาคัญหลักของเรื่อง ใจความหลักกับ ใจความรอง เป็นพ้ืนฐานที่จาเป็นในการศึกษาหาความรู้ จึงควรฝึกฝนให้เกิดความชานาญจนสามารถจับ ใจความสาคญั ในงานเขียนทกุ ประเภท ๓. ตัวชวี้ ดั ท ๑.๑ ม.๒ / ๒ จบั ใจความสาคญั สรปุ ความ และอธิบายรายละเอยี ดจากเรอื่ งท่ีอา่ น ๔. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ ๑. นักเรยี นอธิบายหลักการจับใจความสาคัญได้ ๒. นักเรยี นจบั ใจความสาคัญได้ ๓. มีมารยาทในการอ่าน ๕. สาระการเรียนรู้ การอ่านจับใจความบทเรียนเรื่อง เย็นศิระเพราะพระบริบาล : แสดงความคิดเห็นเชิงวิเคราะห์และ ประเมินค่า ๖. กิจกรรมการเรียนรู้ ขนั้ นาเข้าสู่บทเรยี น ๑. นักเรียนและครูร่วมกันทบทวนเน้ือหาที่ได้เรียนไปในช่ัวโมงท่ีแล้ว โดยครูเขียนคาศัพท์จากเนื้อ เร่ือง เยน็ ศิระเพราะพระบรบิ าล แล้วใหน้ กั เรยี นช่วยกนั ค้นหาความหมาย เช่น มโน แปลว่า ใจ ศิระ แปลว่า ศรี ษะ ดเิ รก แปลว่า มากลน้ ฯลฯ

ขน้ั สอน ๒. แบ่งนักเรียนออกเป็นกลุ่ม กลุ่มละ ๕ - ๖ คน (หรือตามความเหมาะสม) แล้วให้แต่ละกลุ่ม อ่านในใจ เรียนรู้เร่ือง “เพลงสรรเสริญพระบารมี” จากหนังสือเรยี นภาษาไทย วิวิธภาษา ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ ๒ หน้า ๗๙ – ๘๖ แลว้ สรุปใจความสาคญั และแสดงความคดิ เห็นจากเรือ่ ง เย็นศิระเพราะพระบรบิ าล ๓. ให้นักเรียนแตล่ ะกลุ่มออกมานาเสนอผลของการระดมสมองให้เพือ่ นฟงั โดยใชว้ ิธจี บั สลาก เม่ือ เสนอดว้ ยการพูดจบแลว้ ครูประเมินผลและใหค้ ะแนนตามลาดับ ๔. จากน้ันนาส่ิงที่เหมือนกัน และแตกต่างกัน ของแต่ละกลุ่มมาแสดงให้นักเรียนเห็นถึงความ หลากหลายของความคิด ซง่ึ ข้ึนอยกู่ บั เหตุผล ๕. ใหน้ ักเรียนทาแบบฝกึ หดั ชดุ เยน็ ศริ ะเพราะพระบริบาล โดยแบ่งเปน็ ๒ ตอน - ตอนท่ี ๑ ใหน้ กั เรียนบอกความหมายของคาจากบทเรียนเรื่อง เยน็ ศริ ะเพราะพระบริบาล - ตอนท่ี ๒ ให้นักเรียนแปลบทเพลง “ สรรเสริญพระบารมี” เป็นร้อยแก้วด้วยสานวนของ ตนเอง ๖. เมื่อนักเรียนทาแบบฝกึ หัดเรียบร้อยแลว้ ให้นาส่งครตู รวจสอบความถกู ต้อง ข้นั สรุป ๗. นักเรียนและครูร่วมกันสรุปความรู้เก่ียวกับเนื้อหาจากบทเรียนเรื่อง เย็นศิระเพราะพระบริบาล และความรู้เกีย่ วกบั การอ่านจบั ใจความ ๗. สอ่ื การเรียนรู้ ๑. หนงั สอื เรียน รายวชิ าพื้นฐาน ภาษาไทยชดุ วิวธิ ภาษา ชนั้ มัธยมศึกษาปีท่ี ๒ ๒. เอกสารแบบฝกึ หดั ชดุ เยน็ ศิระเพราะพระบริบาล ๘. การวดั และประเมินผลการเรียนรู้ วิธีการวัด ๑. สงั เกตการอธิบายความร้เู กย่ี วกับการจับใจความและเนอ้ื หาจากเรื่อง เยน็ ศิระเพราะพระบรบิ าล (K) ๒. ประเมินผลการจับใจความสาคัญ แสดงความคิดเห็นเชิงวิเคราะห์ และประเมินค่าได้อย่างมีเหตุผล จาก การอา่ นเรื่อง เยน็ ศริ ะเพราะพระบรบิ าล (P) ๓. ประเมนิ การมมี ารยาทในการอา่ น (A) เครอื่ งมอื วัด ๑. แบบสังเกตการอธบิ ายความรู้เกี่ยวกบั การจบั ใจความและเน้อื หาจากเรอ่ื ง เย็นศิระเพราะพระบริบาล (K) ๒. แบบประเมินผลการจับใจความสาคัญ แสดงความคดิ เห็นเชิงวิเคราะห์ และประเมินคา่ ได้อยา่ งมีเหตุผล จากการอ่านเรอ่ื ง เยน็ ศริ ะเพราะพระบรบิ าล (P) ๓. แบบประเมนิ การมีมารยาทในการอา่ น (A) เกณฑ์การประเมิน ๑. นักเรียนมีความรู้ และสามารถอธิบายความรู้เก่ียวกับการจับใจความและเนื้อหาจากเรื่อง เย็นศิระเพราะ พระบริบาล (K) อยู่ในระดับคณุ ภาพ ๒ ข้ึนไป (พอใช้) ถือว่าผา่ นเกณฑ์

๒. นักเรียนมีทักษะกระบวนการในการจับใจความสาคัญ แสดงความคิดเห็นเชิงวิเคราะห์ และประเมินค่าได้ อย่างมีเหตุผล จากการอ่านเรื่อง เย็นศิระเพราะพระบริบาล (P) อยู่ในระดับคุณภาพ ๒ ข้ึนไป (พอใช้) ถือว่า ผ่านเกณฑ์ ๓. นักเรียนมีมารยาทในการอ่าน (A) อยู่ในระดับคุณภาพ ๒ ขึน้ ไป (พอใช)้ ถือวา่ ผา่ นเกณฑ์ เกณฑ์ระดับคุณภาพ คะแนน ๙ - ๑๐ ระดบั ๔ ดมี าก คะแนน ๗ - ๘ ระดบั ๓ ดี คะแนน ๕ - ๖ ระดบั ๒ พอใช้ คะแนน ๐ - ๔ ระดับ ๑ ควรปรบั ปรุง ๘. การวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้ จุดประสงค์ วิธกี ารวัด เครื่องมือวดั ผล เกณฑก์ ารประเมนิ ดา้ นความรคู้ วามเข้าใจ (K) สงั เกตการอธบิ ายความรู้ แบบสงั เกตการอธบิ าย นกั เรียนมคี วามรู้ และ นักเรียนอธบิ ายหลักการจับ ใจความสาคญั ได้ เกย่ี วกบั การจบั ใจความและ ความรู้เก่ยี วกบั การจบั สามารถอธิบายความรู้ ด้านทักษะกระบวนการ (P) เน้ือหาจากเรอื่ ง เย็นศริ ะ ใจความและเนือ้ หาจากเรอื่ ง เกีย่ วกับการจับใจความและ นกั เรียนจับใจความสาคญั ได้ เพราะพระบริบาล เยน็ ศิระเพราะพระบรบิ าล เนอ้ื หาจากเร่ือง เย็นศริ ะ ดา้ นคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ (A) เพราะพระบรบิ าล อยใู่ น มีมารยาทในการอา่ น ระดบั คณุ ภาพ ๒ ขึน้ ไป (พอใช)้ ถือว่าผ่านเกณฑ์ ประเมินผลการจบั ใจความ แบบประเมินผลการจบั นกั เรยี นมที ักษะ สาคญั แสดงความคดิ เห็น ใจความสาคญั แสดงความ กระบวนการในการจบั เชิงวเิ คราะห์ และประเมิน คดิ เหน็ เชิงวเิ คราะห์ และ ใจความสาคญั แสดงความ คา่ ไดอ้ ย่างมเี หตผุ ล จากการ ประเมินคา่ ไดอ้ ย่างมเี หตุผล คิดเหน็ เชงิ วิเคราะห์ และ อ่านเร่อื ง เย็นศริ ะเพราะ จากการอา่ นเรอ่ื ง เย็นศริ ะ ประเมนิ ค่าไดอ้ ยา่ งมเี หตุผล พระบริบาล เพราะพระบริบาล จากการอา่ นเรือ่ ง เย็นศริ ะ เพราะพระบริบาล อยูใ่ น ระดับคณุ ภาพ ๒ ขน้ึ ไป (พอใช้) ถือวา่ ผ่านเกณฑ์ ประเมินการมมี ารยาทใน แบบประเมินการมมี ารยาท นกั เรียนมมี ารยาทในการ การอา่ น ในการอา่ น อา่ น อยู่ในระดับคณุ ภาพ ๒ ข้นึ ไป (พอใช้) ถือวา่ ผ่าน เกณฑ์

การประเมนิ ผลตามสภาพจรงิ ด้านความรู้ ทักษะกระบวนการ และคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ (Rubrics) ๑. แบบสังเกตการอธิบายความรู้เก่ียวกับการจับใจความและเนื้อหาจากเรื่อง เย็นศิระเพราะพระบริบาล (K) รายการ ระดับคณุ ภาพ ประเมนิ ดมี าก ดี พอใช้ ควรปรับปรุง ๔๓๒๑ อธิบายความรู้ อธบิ ายความรู้ อธบิ ายความรู้ อธบิ ายความรู้ อธบิ ายความรู้ เกี่ยวกบั การจบั เกี่ยวกับการจับ เก่ยี วกบั การจับ เกี่ยวกับการจับ เกี่ยวกบั การจบั ใจความและเน้อื หา ใจความและเน้ือหา ใจความและเนอ้ื หา ใจความและเนือ้ หา ใจความและเนอ้ื หา จากเรอื่ ง เย็นศริ ะ จากเร่ือง เย็นศริ ะ จากเรื่อง เย็นศริ ะ จากเรอื่ ง เยน็ ศริ ะ จากเรือ่ ง เยน็ ศริ ะ เพราะพระบรบิ าล ได้ เพราะพระบริบาล ได้ เพราะพระบริบาล ได้ เพราะพระบรบิ าล ได้ เพราะพระบรบิ าล (K) ถกู ตอ้ ง ละเอยี ด ค่อนข้างถกู ตอ้ งดี ถูกตอ้ งบา้ งบางส่วน อยา่ งคร่าวๆ ถกู ต้อง ชัดเจน ดมี าก เพียงเลก็ นอ้ ย ๒. แบบประเมินผลการจับใจความสาคัญ แสดงความคิดเห็นเชิงวิเคราะห์ และประเมินค่าได้อย่างมี เหตุผล จากการอ่านเร่อื ง เยน็ ศริ ะเพราะพระบรบิ าล (P) รายการ ระดบั คณุ ภาพ ประเมนิ ดีมาก ดี พอใช้ ควรปรับปรุง ๔๓๒๑ การจับใจความสาคญั จับใจความสาคญั ได้ จับใจความสาคญั ได้ จบั ใจความสาคญั ได้ จับใจความสาคัญได้ แสดงความคดิ เห็นเชิง ถกู ตอ้ ง สรปุ ความ ถกู ตอ้ ง สรปุ ความ ถกู ต้อง เกอื บทงั้ หมด ถกู ตอ้ งเปน็ ส่วนใหญ่ วเิ คราะห์ และ ชดั เจนอธบิ าย ชัดเจนอธิบาย สรุปความและอธบิ าย สรุปความและอธบิ าย ประเมนิ คา่ ไดอ้ ยา่ งมี รายละเอยี ดได้ถูกตอ้ ง รายละเอยี ดได้ถูกต้อง รายละเอียดไดด้ แี ม้จะ รายละเอยี ดสนั้ ๆ เหตุผล จากการอา่ น แสดงความคดิ เหน็ แสดงความคดิ เหน็ มีขอ้ มลู บางสว่ นขาด พอเข้าใจและแสดง เรื่อง เย็นศิระเพราะ อย่างสร้างสรรค์ อย่างสร้างสรรค์ หายไปบ้าง และแสดง ความคดิ เหน็ ไดส้ มั พนั ธ์ พระบรบิ าล (P) สามารถนาไปใช้ ความคิดเหน็ กบั เนอื้ เรอื่ งทอ่ี ่าน ในชีวิตจริงได้ ทเ่ี ปน็ ประโยชน์ เป็นอย่างดี ๓. แบบประเมินการสังเกตพฤติกรรมมีมารยาทในการอา่ น (A) รายการ ระดบั คุณภาพ ประเมนิ ดมี าก ดี พอใช้ ควรปรบั ปรงุ ๑ ๔๓๒ พยายามที่จะอ่านออก พยายามทจ่ี ะอ่านออก พยายามทจ่ี ะอา่ นออก ไมค่ ่อยพยายามทีจ่ ะอา่ น มมี ารยาทในการอา่ น เสียงบทร้อยกรองให้ไดใ้ น เสียงบทรอ้ ยกรองใหไ้ ดใ้ น เสยี งบทรอ้ ยกรองให้ไดใ้ น ออกเสียงบทร้อยกรองให้ (A) ระดบั ท่ดี ีเปน็ ประจา ระดบั ท่ีดอี ยบู่ อ่ ยครัง้ ระดับทด่ี ีบ้างบางครั้ง ไดใ้ นระดบั ท่ดี ี รวมท้งั รวมทง้ั รู้จกั เห็นคณุ ค่า รวมท้งั รู้จกั เหน็ คณุ คา่ รวมทง้ั รจู้ ักเห็นคุณค่า รจู้ กั เหน็ คณุ คา่ ของการ ของการอา่ นบทร้อยกรอง ของการอ่านบทร้อยกรอง ของการอ่านบทรอ้ ยกรอง อา่ นบทร้อยกรอง และมี และมีมารยาทในการอา่ น และมีมารยาทในการอา่ น และมีมารยาทในการอา่ น มารยาทในการอ่าน

แบบฝกึ หัด ชุด เยน็ ศิระเพราะพระบริบาล ตอนที่ ๑ ช่ือ – สกุล…………………………………………………เลขท…่ี ……ชน้ั ……… คาชแ้ี จง ใหน้ กั เรียนบอกความหมายของคาต่อไปนี้ ที่ คา ความหมาย ๑ พุทธ ๒ มโน ๓ ศิระ ๔ ภูมบิ าล ๕ บญุ ญะ ๖ ดิเรก ๗ จักรนิ ๘ สยามนิ ทร์ ๙ บรบิ าล ๑๐ ศานต์ ๑๑ หฤทยั ๑๒ เอก ๑๓ บรม ๑๔ ยศ ๑๕ ประสงค์

แบบฝึกหดั ชดุ เย็นศิระเพราะพระบริบาล ตอนท่ี ๒ คาชแี้ จง ใหน้ กั เรียนแปลบทเพลง “ สรรเสรญิ พระบารมี” เป็นรอ้ ยแก้วดว้ ย สานวนของตนเอง ความหมายของเพลง “ สรรเสริญพระบารมี” ………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………………..

แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ ๓๒ กลุม่ สาระการเรียนร้ภู าษาไทย ช้ันมัธยมศึกษาปที ี่ ๒ ภาคเรยี นที่ ๑ หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี ๔ เยน็ ศริ ะเพราะพระบรบิ าล (เย็นศิระเพราะพระบรบิ าล) เรือ่ ง คายมื ภาษาบาลี-สันสกฤต จานวน ๔ ชวั่ โมง ชอ่ื ครผู ู้สอน นางสาวจิราพร กลุ ให้ สอนวนั ท.ี่ .................................................... ๑. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปล่ียนแปลงของภาษาและพลัง ของภาษา ภมู ิปญั ญาทางภาษา และรกั ษาภาษาไทยไว้เป็นสมบตั ิของชาติ ๒. สาระสาคัญ คายืมจากภาษาบาลี สันสกฤต ปรากฏมากในภาษาไทย เป็นเพราะอิทธิพลทางด้านศาสนา การใช้ ภาษา ผู้เรียนต้องเรียนรู้ให้ชัดเจนในเร่ืองของกฎเกณฑ์ทางภาษาและความหมาย จึงจะทาให้การส่ือสาร เป็นไปอย่างมปี ระสิทธิภาพ ๓. ตวั ช้ีวัด ท ๔.๑ ม. ๒ / ๕ รวบรวมและอธบิ ายความหมายของคาภาษาต่างประเทศทีใ่ ชใ้ นภาษาไทย ๔. จุดประสงค์การเรียนรู้ ๑. นักเรียนอธิบายลักษณะของคาท่มี าจากภาษาบาลแี ละสันสกฤตได้ ๒. นกั เรียนจาแนกภาษาบาลีและสนั สกฤตได้ ๓. นกั เรยี นบอกความหมายของคาบาลี สันสกตไทย ๔. ใฝ่เรียนรู้ รักความเปน็ ไทย มุ่งมนั่ ในการทางาน ๕. สาระการเรียนรู้ ภาษาบาลี – สันสกฤต ๖. กจิ กรรมการเรยี นรู้ (ชว่ั โมงท่ี ๑) ขั้นนาเข้าส่บู ทเรยี น ๑. ครูและนักเรียนร่วมสนทนา ทักทาย ครูยกเรียกชื่อ นักเรียนแต่ละคน แล้วสอบถามที่มา ความหมาย แล้วจึงถามวา่ นักเรยี นทราบหรือไม่ ชอ่ื นกั เรยี นเป็นภาษาอะไร แลว้ มีทีม่ าอยา่ งไร ขัน้ สอน ๒. จากนั้นนักเรยี นและครรู ่วมกันศึกษาความรู้เกี่ยวกับคายืมภาษาบาลี – สนั สกฤต จากหนังสอื เรียน รายวิชาพ้ืนฐาน ภาษาไทยชุด วิวิธภาษา ม. ๒ หน้า ๘๗ – ๘๙ เกี่ยวกับลักษณะของคา การจาแนกคา ท่ีมา

จากภาษาบาลี – สันสกฤต รวมถึงการนาคาไปใชด้ ว้ ย โดยครูเป็นผู้อธิบาย ซักถาม ตอบคาถามและยกตวั อย่าง ประกอบ จนกว่านกั เรียนจะเกดิ ความเขา้ ใจในเรอ่ื งดังกล่าว ๓. เม่ือนักเรียนเกิดความเข้าใจดีในเรื่อง คายืมภาษาบาลี – สันสกฤตแล้ว ให้นักเรียนทาแบบฝึกหัด เรื่อง คายมื ภาษาบาลี – สนั สกฤต เม่ือเสร็จเรยี บรอ้ ยแลว้ ให้นาสง่ ครูตรวจสอบความถกู ตอ้ ง ขั้นสรุป ๔. นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบความถูกต้องของแบบฝึกหัด เร่ือง คายืมภาษาบาลี – สันสกฤต โดยครูเปน็ ผู้เฉลยบนกระดาน พรอ้ มท้ังอธิบายให้นักเรียนฟงั ทลี ะข้อ (ชัว่ โมงที่ ๒) ขัน้ นาเขา้ สู่บทเรียน ๑. นกั เรยี นและครูรว่ มกันทบทวนเนือ้ หาความรเู้ กย่ี วกับ คายืมภาษาบาลี – สนั สกฤต ที่ไดเ้ รยี นไปใน ชั่วโมงทแ่ี ล้ว ขนั้ สอน ๒. จากน้นั นักเรยี นและครูร่วมกนั ศึกษาความร้เู ก่ียวกับรายละเอียดหวั ข้อ ดงั ต่อไปน้ี - ความสาคัญของการยืมคาในภาษาบาลีและสันสกฤต - การยมื คาในภาษาบาลี - การยืมคาในภาษาสนั สกฤต โดยครเู ปน็ ผ้อู ธบิ าย ซกั ถาม ตอบคาถามและยกตัวอยา่ งจนกวา่ นักเรียนจะเกิดความเขา้ ใจในเรือ่ งดังกล่าว ๓. เมอื่ นกั เรียนเกิดความเข้าใจในเรือ่ งดังกล่าวพอสมควรแลว้ ให้นกั เรียนทาแบบฝกึ หัด เรื่อง คายมื ภาษาบาลี – สนั สกฤต ชดุ ที่ ๒ โดยใหน้ กั เรยี นนาคาท่ีกาหนดใหไ้ ปแต่งประโยคให้ถกู ต้องตามความหมายเพื่อฝึก ความสามารถในการใช้คายืมภาษาบาลี – สันสกฤต เมือ่ เรียบร้อยแลว้ ให้นาสง่ ครูตรวจสอบความถูกต้อง ขนั้ สรุป ๔. นักเรยี นและครูรว่ มกันสรุปความร้เู ก่ยี วกับคายมื ภาษาบาลี – สนั สกฤต อีกคร้งั (ชัว่ โมงท่ี ๓) ขน้ั นาเขา้ สู่บทเรียน ๑. นักเรียนและครรู ว่ มกนั ทบทวนความรู้ท้งั หมดเกยี่ วกับบทเรยี นเรอื่ ง เย็นศริ ะเพราะพระบริบาล ดว้ ยการ ซกั ถาม ตอบคาถาม และยกตัวอยา่ ง จนนกั เรียนจาได้และเกดิ ความเข้าใจอีกคร้ัง ขั้นสอน ๒. จากนน้ั ใหน้ กั เรียนทาแบบทดสอบหลงั เรียนเร่ือง เยน็ ศิระเพราะพระบรบิ าล จานวน ๑๐ ข้อ เขียนตอบ เม่ือ เสรจ็ แล้วใหเ้ ปลี่ยนกันตรวจสอบความถกู ต้อง โดยครูเป็นผเู้ ฉลยคาตอบทถ่ี ูกตอ้ ง และอธิบายทลี ะข้อไปว่าทาไม จงึ ตอบเชน่ นนั้ ข้ันสรุป ๓. นกั เรยี นและครูร่วมกนั สรุปความรู้จากบทเรยี นเรอื่ ง เย็นศริ ะเพราะพระบรบิ าลอีกคร้ัง

(ชัว่ โมงที่ ๔) ขน้ั นาเข้าสู่บทเรยี น ๑. นักเรียนและครูรว่ มกันทบทวนเนอื้ หาความรเู้ ก่ียวกบั คายืมภาษาบาลี – สันสกฤต ทีไ่ ด้เรยี นไปใน ชั่วโมงท่ีผ่านมาโดยการสุ่มตอบคาถามเป็นรายบคุ คล ขัน้ สอน ๒. จากนัน้ ให้นกั เรยี นทาแบบทดสอบหลงั เรยี น จานวน ๑๕ ข้อ ขั้นสรุป ๓. เมื่อนักเรียนทาแบบทดสอบหลังเรียนเสร็จเรียบร้อยแล้วให้นาเปลี่ยนกันกับเพ่ือนนักเรียนตรวจ โดยครูเป็นผู้เฉลยคาตอบ และอธิบายทีละข้อว่าเพราะเหตุใดจึงตอบเช่นนั้น เมื่อตรวจเรียบร้อยแล้ว ให้ นักเรียนบอกคะแนนผลท่ไี ด้ ครูบันทกึ ผลคะแนนไว้ ๔.ครกู ล่าวคาชมเชยสาหรับนักเรียนทที่ าคะแนนไดด้ ตี ามเกณฑ์การประเมนิ ๗. ส่ือการเรียนรู้ ๑. หนงั สือเรยี น รายวชิ าพื้นฐาน ภาษาไทยชดุ ววิ ิธภาษา ชนั้ มธั ยมศึกษาปีท่ี ๒ ๒. เอกสารแบบฝึกหัด เร่อื ง คายมื ภาษาบาลี – สันสกฤต ชุดที่ ๑ ๓. เอกสารแบบฝึกหัด เรือ่ ง คายมื ภาษาบาลี – สันสกฤต ชุดท่ี ๒ ๔. เอกสารแบบทดสอบหลังเรียนเย็นศิระ เพราะพระบริบาล ๕.แบบทดสอบหลังเรยี น เรอื่ ง คาท่ีไทยเรารับมาจากภาษาบาลกี ับสนั สกฤต ๘. การวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้ วิธีการวดั ๑. สงั เกตการอธบิ ายความรู้เก่ียวกับลกั ษณะของคาท่มี าจากภาษาบาลแี ละสนั สกฤต (K) ๒. ประเมนิ ผลการจาแนกและบอกความหมายของคาที่มาจากภาษาบาลแี ละสันสกฤต โดยการตรวจ แบบฝึกหดั เร่อื ง คายมื ภาษาบาลี – สันสกฤต (P) ๓. ประเมนิ การสงั เกตพฤติกรรมใฝ่เรยี นรู้ (A) ๔. สงั เกตการบอกคาในภาษาคาในภาษาบาลี – สันสกฤต และตรวจแบบทดสอบหลังเรียนเรื่อง เยน็ ศิระเพราะพระบริบาล (K) ๕. ประเมินผลการใช้คายืมภาษาบาลี – สันสกฤต โดยตรวจแบบฝึกหัด เรื่อง คายืมภาษาบาลี – สนั สกฤต ชดุ ท่ี ๒ (P) ๖. ประเมนิ การสังเกตพฤติกรรมรกั ความเป็นไทย (A) เครอ่ื งมือวดั ๑. แบบสังเกตการอธบิ ายความรู้เก่ียวกับลกั ษณะของคาที่มาจากภาษาบาลีและสนั สกฤต (K) ๒. แบบประเมนิ ผลการจาแนกและบอกความหมายของคาที่มาจากภาษาบาลแี ละสนั สกฤต โดยใช้ แบบฝึกหดั เรอ่ื ง คายืมภาษาบาลี – สนั สกฤต (P) ๓. แบบประเมินการสงั เกตพฤติกรรมใฝ่เรยี นรู้ (A) ๔. แบบสังเกตการบอกคาในภาษาคาในภาษาบาลี – สันสกฤต และแบบประเมินการตรวจ แบบทดสอบหลังเรยี นเรอื่ ง เยน็ ศริ ะเพราะพระบรบิ าล (K)

๕. แบบประเมินผลการใช้คายืมภาษาบาลี – สันสกฤต โดยใช้แบบฝึกหัด เร่ือง คายืมภาษาบาลี – สนั สกฤต ชุดท่ี ๒ (P) ๖. แบบประเมนิ การสงั เกตพฤตกิ รรมรักความเปน็ ไทย (A) เกณฑก์ ารประเมิน ๑. นักเรียนมีความรู้ และสามารถอธิบายความรู้เกี่ยวกับลักษณะของคาท่ีมาจากภาษาบาลีและ สนั สกฤต (K) อยู่ในระดบั คุณภาพ ๒ ขน้ึ ไป (พอใช)้ ถือวา่ ผา่ นเกณฑ์ ๒. นักเรียนมีทักษะกระบวนการในการจาแนกและบอกความหมายของคาท่ีมาจากภาษาบาลีและ สันสกฤต โดยการทาแบบฝึกหัด เรื่อง คายืมภาษาบาลี – สันสกฤต (P) อยู่ในระดับคุณภาพ ๒ ขึ้นไป (พอใช้) ถอื ว่าผ่านเกณฑ์ ๓. นักเรยี นมีพฤตกิ รรมใฝเ่ รยี นรู้ (A) อยใู่ นระดับคณุ ภาพ ๒ ขน้ึ ไป (พอใช)้ ถอื ว่าผ่านเกณฑ์ ๔. นักเรียนมีความรู้ และสามารถบอกคาในภาษาคาในภาษาบาลี – สันสกฤต รวมทั้งสามารถทา แบบทดสอบหลังเรียนเรื่อง เย็นศิระเพราะพระบริบาล (K) อยู่ในระดับคุณภาพ ๒ ข้ึนไป (พอใช้) ถือว่าผ่าน เกณฑ์ ๕. นักเรียนมีทักษะกระบวนการในการใช้คายืมภาษาบาลี – สันสกฤต โดยการทาแบบฝึกหัด เร่ือง คายมื ภาษาบาลี – สันสกฤต ชุดท่ี ๒ (P) อยู่ในระดับคณุ ภาพ ๒ ขึ้นไป (พอใช้) ถือว่าผ่านเกณฑ์ ๖. นักเรียนมพี ฤติกรรมรักความเปน็ ไทย (A) อยใู่ นระดบั คุณภาพ ๒ ขึน้ ไป (พอใช)้ ถือวา่ ผา่ นเกณฑ์ เกณฑร์ ะดับคุณภาพ คะแนน ๙ - ๑๐ ระดบั ๔ ดมี าก คะแนน ๗ - ๘ ระดับ ๓ ดี คะแนน ๕ - ๖ ระดบั ๒ พอใช้ คะแนน ๐ - ๔ ระดบั ๑ ควรปรับปรุง

๘. การวัดและประเมินผลการเรยี นรู้ จุดประสงค์ วธิ กี ารวัด เครือ่ งมอื วดั ผล เกณฑ์การประเมิน ดา้ นความรูค้ วามเขา้ ใจ (K) สังเกตการอธบิ ายความรู้ แบบสงั เกตการอธบิ าย นกั เรียนมีความรู้ และ นกั เรยี นอธบิ ายลักษณะของคา เกย่ี วกบั ลกั ษณะของคาทมี่ า ความรเู้ กีย่ วกบั ลักษณะของ สามารถอธิบายความรู้ ท่ีมาจากภาษาบาลแี ละสันสกฤต จากภาษาบาลีและสันสกฤต คาทีม่ าจากภาษาบาลีและ เกีย่ วกับลักษณะของคาท่ีมา ได้ สนั สกฤต จากภาษาบาลีและสันสกฤต อยู่ในระดับคณุ ภาพ ๒ ขน้ึ สงั เกตการบอกคาในภาษา แบบสงั เกตการบอกคาใน ไป (พอใช)้ ถอื ว่าผา่ นเกณฑ์ คาในภาษาบาลี – สนั สกฤต ภาษาคาในภาษาบาลี - และตรวจแบบทดสอบหลงั สนั สกฤต และแบบประเมนิ นกั เรียนมีความรู้ และ เรยี นเร่อื ง เย็นศิระเพราะ การตรวจแบบทดสอบหลัง สามารถบอกคาในภาษาคา พระบรบิ าล เรียนเรือ่ ง เย็นศริ ะเพราะ ในภาษาบาลี - สนั สกฤต พระบริบาล รวมทงั้ สามารถทา ด้านทักษะกระบวนการ (P) ประเมนิ ผลการจาแนกและ แบบทดสอบหลงั เรยี นเรอื่ ง - นกั เรียนจาแนกภาษาบาลีและ บอกความหมายของคาทีม่ า แบบประเมินผลการจาแนก เยน็ ศริ ะเพราะพระบรบิ าล สนั สกฤตได้ จากภาษาบาลแี ละสันสกฤต และบอกความหมายของคา อยู่ในระดบั คณุ ภาพ ๒ ข้นึ - นักเรียนบอกความหมายของคา โดยการตรวจแบบฝึกหดั ท่มี าจากภาษาบาลแี ละ ไป (พอใช)้ ถือว่าผา่ นเกณฑ์ บาลี สันสกตไทย เร่ือง คายมื ภาษาบาลี - สนั สกฤต โดยใช้แบบฝกึ หดั สนั สกฤต เรอื่ ง คายมื ภาษาบาลี - นักเรียนมีทักษะ สันสกฤต กระบวนการในการจาแนก ประเมินผลการใชค้ ายมื และบอกความหมายของคา ภาษาบาลี - สนั สกฤต โดย แบบประเมินผลการใช้คายมื ท่มี าจากภาษาบาลแี ละ ตรวจแบบฝึกหดั เร่อื ง คา ภาษาบาลี - สนั สกฤต โดย สันสกฤต โดยการทา ยืมภาษาบาลี - สนั สกฤต ใช้แบบฝึกหัด เรือ่ ง คายืม แบบฝึกหัด เร่อื ง คายืม ชุดท่ี ๒ ภาษาบาลี - สันสกฤต ชุดท่ี ภาษาบาลี - สันสกฤต อยู่ใน ๒ ระดบั คณุ ภาพ ๒ ขนึ้ ไป (พอใช้) ถอื วา่ ผา่ น นักเรยี นมีทกั ษะ กระบวนการในการใช้คายมื ภาษาบาลี - สันสกฤต โดย การทาแบบฝกึ หดั เรือ่ ง คา ยืมภาษาบาลี - สันสกฤต ชดุ ท่ี ๒ อยู่ในระดบั คณุ ภาพ ๒ ขน้ึ ไป (พอใช้) ถอื วา่ ผา่ น เกณฑ์ จดุ ประสงค์ วธิ กี ารวัด เครื่องมอื วัดผล เกณฑก์ ารประเมนิ ดา้ นคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ ประเมินการสงั เกต แบบประเมินการสังเกต นกั เรยี นมพี ฤตกิ รรมใฝ่ พฤตกิ รรมใฝเ่ รยี นรู้ เรียนรู้ อยูใ่ นระดบั คณุ ภาพ (A) พฤตกิ รรมใฝเ่ รยี นรู้ ๒ ขนึ้ ไป (พอใช)้ ถือว่าผ่าน แบบประเมนิ การสงั เกต เกณฑ์ ใฝ่เรียนรู้ รักความเป็นไทย มุ่งม่ัน พฤตกิ รรมรักความเป็นไทย นกั เรยี นมพี ฤติกรรมรกั ในการทางาน ความเป็นไทย อยู่ในระดับ คุณภาพ ๒ ขนึ้ ไป (พอใช้) ประเมินการสังเกต ถือว่าผา่ นเกณฑ์ พฤติกรรมรักความเป็นไทย

การประเมินผลตามสภาพจริง ดา้ นความรู้ ทักษะกระบวนการ และคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ (Rubrics) ๑. แบบสังเกตการอธบิ ายความรเู้ กย่ี วกบั ลักษณะของคาท่มี าจากภาษาบาลแี ละสนั สกฤต (K) รายการ ระดบั คณุ ภาพ ประเมนิ ดมี าก ดี พอใช้ ควรปรับปรงุ ๔๓๒๑ อธบิ ายความรู้ อธิบายความรู้ อธบิ ายความรู้ อธบิ ายความรู้ อธบิ ายความรู้ เกยี่ วกบั ลักษณะของ เกี่ยวกับลักษณะของ เก่ยี วกับลกั ษณะของ เก่ียวกับลกั ษณะของ เก่ยี วกบั ลักษณะของ คาที่มาจากภาษาบาลี คาทม่ี าจากภาษาบาลี คาที่มาจากภาษาบาลี คาท่มี าจากภาษาบาลี คาท่ีมาจากภาษาบาลี และสันสกฤต ได้ และสันสกฤต ได้ และสันสกฤต ได้ และสันสกฤต ได้ และสนั สกฤต (K) ถกู ต้อง ละเอียด คอ่ นข้างถกู ตอ้ งดี ถูกตอ้ งบา้ งบางสว่ น อย่างครา่ วๆ ถูกตอ้ ง ชัดเจน ดมี าก เพียงเล็กน้อย ๒. แบบสงั เกตการบอกคาในภาษาคาในภาษาบาลี – สันสกฤต และแบบประเมินการตรวจแบบทดสอบ หลงั เรยี นเรือ่ ง เยน็ ศริ ะเพราะพระบริบาล (K) รายการ ระดบั คุณภาพ ประเมิน ดมี าก ดี พอใช้ ควรปรบั ปรุง ๔๓๒๑ บอกคาในภาษาคาใน บอกคาในภาษาคาใน บอกคาในภาษาคาใน บอกคาในภาษาคาใน บอกคาในภาษาคาใน ภาษาบาลี – ภาษาบาลี – ภาษาบาลี – ภาษาบาลี – ภาษาบาลี – สนั สกฤต ได้ถกู ต้อง สนั สกฤต ไดค้ อ่ นขา้ ง สันสกฤต ได้ถกู ตอ้ ง สนั สกฤต ไดอ้ ย่าง สันสกฤต (K) ละเอียด ชัดเจน ดี ถกู ตอ้ งดี บา้ งบางส่วน ครา่ วๆ ถูกต้องเพียง มาก เล็กนอ้ ย แบบทดสอบหลงั ทาแบบทดสอบได้ ทาแบบทดสอบได้ ทาแบบทดสอบได้ ทาแบบทดสอบได้ เรยี นเรื่อง เย็นศิระ คะแนน ๙ – ๑๐ คะแนน ๗ – ๘ คะแนน ๕ – ๖ คะแนน ๐ – ๔ เพราะพระบริบาล ๓. แบบประเมินผลการจาแนกและบอกความหมายของคาทีม่ าจากภาษาบาลแี ละสันสกฤต โดยใช้ แบบฝกึ หดั เรื่อง คายืมภาษาบาลี – สันสกฤต (P) รายการ ระดบั คณุ ภาพ ประเมิน ดีมาก ดี พอใช้ ควรปรบั ปรุง ๔๓๒๑ จาแนกคายืมภาษา จาแนกคายืมภาษา จาแนกคายืมภาษา จาแนกคายืมภาษา การจาแนกคายมื บาลี – สนั สกฤต บาลี – สนั สกฤต บาลี – สันสกฤต บาลี – สนั สกฤต ภาษาบาลี – ได้ ๙ – ๑๐ คา ได้ ๗ – ๘ คา ได้ ๕ – ๖ คา ได้ ๐ – ๔ คา สันสกฤต บอกความหมายของ บอกความหมายของ บอกความหมายของ บอกความหมายของ บอกความหมายของ คาที่มาจากภาษาบาลี คาทม่ี าจากภาษาบาลี คาท่มี าจากภาษาบาลี คาที่มาจากภาษาบาลี คาท่ีมาจากภาษาบาลี และสนั สกฤต และสันสกฤต และสนั สกฤต และสนั สกฤต และสนั สกฤต ได้ ๙ – ๑๐ คา ได้ ๗ – ๘ คา ได้ ๕ – ๖ คา ได้ ๐ – ๔ คา

๔. แบบประเมนิ ผลการใชค้ ายมื ภาษาบาลี – สันสกฤต โดยใช้แบบฝกึ หัด เร่อื ง คายมื ภาษาบาลี – สันสกฤต ชุดที่ ๒ (P) รายการ ระดับคณุ ภาพ ประเมนิ ดีมาก ดี พอใช้ ควรปรับปรงุ ๔๓๒๑ การใชค้ ายืมภาษา การใช้คายืมภาษา การใชค้ ายมื ภาษา การใช้คายมื ภาษา การใชค้ ายมื ภาษา บาลี - สันสกฤต แต่ง บาลี - สันสกฤต แต่ง บาลี - สนั สกฤต แต่ง บาลี - สนั สกฤต แต่ง บาลี - สันสกฤต โดย ประโยคได้ถกู ตอ้ ง ประโยคไดถ้ ูกต้อง ประโยคได้ถกู ต้อง ประโยคไดถ้ กู ต้อง ใชแ้ บบฝกึ หัด เรอ่ื ง ตามโครงสรา้ ง ตามโครงสรา้ ง ตามโครงสรา้ ง ตามโครงสรา้ ง คายืมภาษาบาลี - ประโยค ๙ – ๑๐ ข้อ ประโยค ๗ – ๘ ข้อ ประโยค ๕ – ๖ ขอ้ ประโยค ๐ – ๔ ขอ้ สนั สกฤต ชดุ ท่ี ๒ (P) ๕. แบบประเมินการสงั เกตพฤตกิ รรมใฝ่เรยี นรู้ (A) รายการ ระดับคุณภาพ ประเมิน ดีมาก ดี พอใช้ ควรปรบั ปรงุ ๑ ๔๓๒ ต้ังใจเรยี น และให้ ตั้งใจเรยี น และให้ ต้ังใจเรียน และให้ ไมค่ อ่ ยต้ังใจเรียน ใฝเ่ รียนรู้ (A) ความรว่ มมือในการ ความร่วมมือในการ ความรว่ มมือในการ และไม่ให้ความ รว่ มมอื ในการทา ทากิจกรรม เป็น ทากิจกรรม บอ่ ยคร้งั ทากิจกรรม บ้าง กิจกรรม เพยี ง ประจา บางครั้ง เล็กนอ้ ยเท่านนั้ รายการ ระดบั คณุ ภาพ ประเมนิ ดีมาก ดี พอใช้ ควรปรบั ปรุง รกั ความเปน็ ไทย (A) ๔ ๑ ๓๒ เห็นคณุ คา่ และ เห็นคุณคา่ และ เหน็ คุณคา่ และ ขาดการเหน็ คุณคา่ ความสาคญั ของภาษา ความสาคญั ของภาษา ความสาคญั ของภาษา และความสาคญั ของ และหลกั ภาษาไทย และหลักภาษาไทย และหลักภาษาไทย ภาษาและหลัก รวมท้งั รจู้ กั รกั ษา รวมท้งั รจู้ ักรักษา รวมทงั้ รจู้ ักรักษา ภาษาไทย รวมทง้ั ไม่ ภาษาไทยไวเ้ ป็น ภาษาไทยไว้เปน็ ภาษาไทยไว้เปน็ ร้จู กั รกั ษาภาษาไทยไว้ สมบัตขิ องชาติ ด้วย สมบตั ิของชาติ ดว้ ย สมบตั ขิ องชาติ ดว้ ย เปน็ สมบตั ขิ องชาติ การอา่ น เขียน และ การอ่าน เขยี น และ การอา่ น เขยี น และ อ่าน เขียน และใช้คา ใชค้ าไทยอยา่ งถูกต้อง ใชค้ าไทยอยา่ งถกู ต้อง ใช้คาไทยอย่างถูกตอ้ ง ไทยอยา่ งไม่ถูกตอ้ ง เปน็ ประจา บอ่ ยครง้ั บ้างบางคร้ัง เสมอ

แบบฝกึ หดั เร่อื ง คายืมภาษาบาลี – สันสกฤต ชดุ ท่ี ๑ ชอื่ – สกุล……………………………………………..เลขท…ี่ ….ชน้ั …….. ตอนท่ี ๑ คาชี้แจง ให้นักเรียนบอกว่าคาต่อไปนี้เป็นคาท่ีมาจากภาษาบาลีหรือภาษาสันสกฤต พรอ้ มทัง้ บอกความหมาย ท่ี คา ภาษาบาลี / ความหมาย สนั สกฤต ๑ บริบาล ๒ สฤษฏ์ ๓ ศริ ะ ๔ กตกิ า ๕ เทศนา ๖ เกษตร ๗ เวฬวุ ัน ๘ ทฤษฎี ๙ ปรัชญา ๑๐ ปัญญา

ตอนท่ี ๒ คาช้แี จง ใหน้ ักเรยี นคน้ หา ค่คู าบาลี สนั สกฤตท่มี คี วามหมายเหมือนกนั ใหไ้ ด้มากที่สดุ เชน่ อัคคี-อัคนี เปน็ ต้น .......................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... ชอ่ื .....................................................................ชั้น.................เลขที่...........

แบบฝึกหัดเร่ือง คายมื ภาษาบาลี – สนั สกฤต ชุดท่ี ๒ ชื่อ – สกุล……………………………………………..เลขท…่ี ….ชน้ั …….. คาชแ้ี จง ให้นักเรียนนาคาทีก่ าหนดใหไ้ ปแตง่ ประโยคให้ถกู ตอ้ งตามความหมาย ๑. บรบิ ำล ๒. กรุณำ ๓. ยตุ ิธรรม ๔. ทรุ กนั ดำร ๕. บำเพญ็ ๖. พอ่ เลีย้ ง ๗. มหศั จรรย์ ๘. ซ่อื สตั ย์ ๙. เกษตร ๑๐. ทฤษฎี

แบบทดสอบหลังเรยี นเยน็ ศริ ะ เพราะพระบริบาล ๑. งานเขยี น “เย็นศิระเพราะพระบริบาล” ผเู้ ขียนมีจุดมุง่ หมายอยา่ งไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ๒. “เยน็ ศิระเพราะพระบรบิ าล ” มเี นื้อหาเกย่ี วกับสิ่งใด ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ๓. ผู้ประพันธเ์ พลง “ สรรเสริญพระบารมี” คือใคร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ๔. เพลง “ สรรเสรญิ พระบารมี” ใช้ขับร้องหรอื บรรเลงในโอกาสใดบ้าง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ๕. ในเน้ือเพลง “ สรรเสรญิ พระบารมี” สะท้อนสิ่งใดใหเ้ ราไดร้ ับรูบ้ า้ ง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ๖. คาว่า “ ข้าพระพทุ ธเจ้า” เป็นคาชนดิ ใด ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ๗. คารอ้ งในเพลง “ สรรเสรญิ พระบารมี” มีภาษาใดปนอย่มู าก ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ๘. เมื่อนักเรียนไดย้ นิ เพลง “ สรรเสรญิ พระบารมี” ตอ้ งปฏิบตั ิอย่างไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ๙. เวลาพดู กบั พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยูห่ วั ต้องใช้คาแทนพระองค์วา่ อย่างไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ๑๐. นกั เรยี นได้ข้อคิดใดจากการศึกษาเร่ือง “ เย็นเพราะพระบริบาล” ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ชื่อ – สกลุ …………………………. เลขที่……….ช้นั …………..

แบบทดสอบหลังเรียน เรือ่ ง คาทไ่ี ทยเรารบั มาจากภาษาบาลกี บั สันสกฤต คาช้ีแจง ใหน้ กั เรยี นทาเครอ่ื งหมาย  ทับตัวเลขหน้าคาตอบทถ่ี ูกต้อง ๑. คาท่ีไทยเรารับมาจากภาษาบาลีกับสันสกฤต คู่ใดไม่ถูกต้อง ๑. วชิ า – วิทยา ๒. วิตถาร – พสิ ดาร ๓. สิริ – ศิริ ๔. เวช - แพทย์ ๒. คาท่ีไทยเรารบั มาจากภาษาบาลีกับสันสกฤต คใู่ ดไม่ถูกตอ้ ง ๑. สามี – สวามี ๒. สิลป์ – ศิลป์ ๓. สิกขา – ศึกษา ๔. หทยั - หฤทยั ๓. สระในขอ้ ใดมีใช้แต่ในภาษาสนั สกฤต ๑. อะ – อา ๒. อิ – อี ๓. อุ – อู ๔. ไอ - เอา ๔. ศ - ษ ๔. พยัญชนะในข้อใดมีใช้แตใ่ นภาษาสันสกฤต ๔. อธิษฐาน ๔. สจั จะ ๑. ก – ข ๒. จ – ฉ ๓. ต – ถ ๔. อาชญา ๔. พุทธ ๕. คาในขอ้ ใดเปน็ คาทม่ี าจากภาษาบาลี ๔. มัตสยา ๔. ทิชะ ๑. พศิ วาส ๒. ประดษิ ฐ์ ๓. บปุ ผา ๖. คาในขอ้ ใดเปน็ คาท่ีมาจากภาษาสนั สกฤต ๑. เมตตา ๒. วตั ถุ ๓. ฤทธ์ิ ๗. ข้อใดเปน็ คาที่มาจากภาษาบาลี ๑. บรรยงก์ ๒. กญั ญา ๓. มิตร ๘. ข้อใดเปน็ คาท่ีมาจากภาษาสันสกฤต ๑. อสั สาสะ ๒. อุกกาบาต ๓. รกั ษา ๙. ภาษาบาลวี ่า “มัจฉา” ภาษาสนั สกฤตวา่ อย่างไร ๑. มารษา ๒. มศิ ยา ๓. มัสยา ๑๐.ภาษาสันสกฤตว่า “ทฤษฎี” ภาษาบาลวี า่ อย่างไร ๑. ทฏิ ฐิ ๒. นติ ิ ๓. นธิ ิ ๑๑.คาทไี่ ทยเรารับมาจากภาษาบาลกี ับสันสกฤต คใู่ ดไม่ถูกต้อง ๑. กริ ิยา – กรยิ า ๒. การุญ – การุณย์ ๓. กติ ติ – กรี ติ ๔. จริยา – เจรจา ๑๒.คาทไี่ ทยเรารับมาจากภาษาบาลีกบั สนั สกฤต ค่ใู ดไมถ่ ูกตอ้ ง ๑. จักขุ – จักษุ ๒. นิจ – นิตย์ ๓. ปญั ญา – ปรชี า ๔. ปฐม - ประถม ๑๓.คาท่ีไทยเรารบั มาจากภาษาบาลีกบั สันสกฤต คู่ใดไมถ่ ูกตอ้ ง ๑. กฬี า – กรฑี า ๒. เขต – เกศ ๓. จฬุ า – จุฑา ๔. ครุฬ – ครุฑ

๑๔.คาท่ีไทยเรารบั มาจากภาษาบาลีกับสันสกฤต คูใ่ ดไม่ถกู ตอ้ ง ๑. ถาวร – เสถยี ร ๒. กปั – กลั ป์ ๓. ปกติ – ปรกติ ๔. ดัชนี - ดรรชนี ๑๕.คาทไี่ ทยเรารับมาจากภาษาบาลกี ับสนั สกฤต คใู่ ดไมถ่ ูกตอ้ ง ๑. นิจ – นติ ย์ ๒. บุญ – บณุ ย์ ๓. ปฐม – ประถม ๔. ปฐพี - ธรณี

เฉลย แบบทดสอบหลงั เรียน เรอื่ ง คาทไ่ี ทยเรารับมาจากภาษาบาลีกับสนั สกฤต ๑. (๒) ๒. (๔) ๓. (๑) ๔. (๔) ๕. (๒) ๖. (๓) ๗. (๔) ๘. (๑) ๙. (๔) ๑๐. (๓) ๑๑. (๒) ๑๒. (๑) ๑๓. (๔) ๑๔. (๓) ๑๕. (๔)

แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี ๓๓ กลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาไทย ช้ันมัธยมศึกษาปที ี่ ๒ ภาคเรียนที่ ๑ จานวน ๑ ชั่วโมง หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี ๔ เยน็ ศิระเพราะพระบรบิ าล (พรที่สัมฤทธ์ิ) เรื่อง การวิเคราะห์เนือ้ หา ช่อื ครูผ้สู อน นางสาวจริ าพร กุลให้ สอนวนั ท่.ี .................................................... ๑. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ท ๑.๑ใชก้ ระบวนการอา่ นสร้างความรู้และความคิดเพอื่ นาไปใชต้ ัดสินใจ แก้ปญั หาในการ ดาเนนิ ชวี ติ และมนี สิ ัยรักการอ่าน ๒. สาระสาคัญ การวิเคราะห์เนื้อหา เป็นการอ่านหรือฟังสารแล้วสามารถพิจารณาไตร่ตรอง แยกแยะสารออกเป็น ส่วน ๆ อยา่ งถ่ถี ว้ น เพือ่ ใหเ้ ข้าใจเนอื้ เร่อื ง รู้ข้อเทจ็ จริง ขอ้ คดิ เหน็ และประเมินค่านาไปใชใ้ นชีวติ ประจาวันได้ ๓. ตัวชวี้ ดั ท ๑.๑ ม.๒ / ๕ วิเคราะห์และจาแนกข้อเท็จจริง ข้อมูลสนับสนุน และข้อคิดเห็นจากบทความที่ อ่าน ๔. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ ๑. นักเรยี นอธบิ ายเนอ้ื หาและความร้เู กยี่ วกับเรือ่ ง พรทีส่ ัมฤทธิไ์ ด้ ๒. นักเรียนสามารถจับประเด็นสาคัญ บอกจดุ ประสงค์ของเรื่อง จดั ลาดบั เหตกุ ารณ์ และสรุปเน้ือ เรือ่ ง พรทีส่ มั ฤทธิ์ได้ ๓. มีมารยาทในการอา่ น ๕. สาระการเรยี นรู้ การอา่ นวิเคราะห์เร่ือง พรทส่ี ัมฤทธ์ิ ๖. กจิ กรรมการเรยี นรู้ ข้นั นาเขา้ ส่บู ทเรียน ๑. ครูและนักเรียนกล่าวทักทายและทบทวนเน้ือหาชั่วโมงที่แล้ว เร่ือง เย็นศิระเพราะพระบริบาล และคายืมจากภาษาบาลี-สันสกฤต และใหน้ กั เรยี นลองยกตัวอยา่ งการใหพ้ ร คาอวยพรท่มี กั อวยพรกนั บ่อยๆ ขน้ั สอน ๒. จากนั้นครูแบ่งนักเรียนออกเป็น ๔ กลุ่ม ให้แต่ละกลุ่มอ่านและศึกษาเรื่องต่อไปนี้ (โดยวิเคราะห์ จากเรอ่ื ง พรท่สี ัมฤทธ์ิ ในหนงั สือเรยี น รายวิชาพน้ื ฐาน ภาษาไทยชดุ ววิ ิธภาษา ม. ๒ หนา้ ๖๐

กลมุ่ ๑ จบั ประเดน็ สาคญั ของเรอ่ื ง กลุ่ม ๒ บอกจดุ ประสงคข์ องเรื่อง กลุ่ม ๓ จัดลาดบั เหตุการณ์ของเรอ่ื ง กล่มุ ๔ สรุปเนอ้ื เร่ือง ๓. จากนัน้ ให้ตวั แทนนักเรียนแตล่ ะกลมุ่ ออกมารายงานหนา้ ชน้ั เรียนให้ครูและเพื่อน ๆ ฟัง ข้นั สรปุ ๔. นักเรยี นและครูชว่ ยกันซกั ถามเรือ่ งราวทง้ั หมดจากกลุ่มตา่ ง ๆ เพื่อเป็นการสรุปบทเรยี น ๗. ส่ือการเรียนรู้ ๑.หนังสอื เรยี น รายวิชาพ้นื ฐาน ภาษาไทยชุด วิวธิ ภาษา ม. ๒ ๒.กระดาษ ๘. การวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู้ วธิ ีการวดั ๑. สงั เกตการอธิบายความรแู้ ละเนือ้ หาเก่ียวกบั เรื่องพรท่สี ัมฤทธ์ิ (K) ๒. ประเมินผลการจับประเด็นสาคัญ บอกจุดประสงค์ของเรื่อง จัดลาดับเหตุการณ์ และสรุปเนื้อ เรอ่ื ง พรทีส่ มั ฤทธ์ิ (P) ๓. ประเมินการมีมารยาทในการอา่ น (A) เครื่องมือวดั ๑. แบบสังเกตการอธบิ ายความรูแ้ ละเนอื้ หาเกยี่ วกับเร่อื งพรทีส่ มั ฤทธิ์ (K) ๒. แบบประเมนิ ผลการจับประเด็นสาคัญ บอกจดุ ประสงค์ของเรื่อง จดั ลาดับเหตุการณ์ และสรุป เนอื้ เร่ือง พรทีส่ ัมฤทธ์ิ (P) ๓. แบบประเมนิ การมีมารยาทในการอา่ น (A) เกณฑก์ ารประเมนิ ๑. นักเรียนมีความรู้ และสามารถอธิบายความรู้และเน้ือหาเกี่ยวกับเร่ืองพรท่ีสัมฤทธ์ิ (K) อยู่ใน ระดบั คณุ ภาพ ๒ ข้นึ ไป (พอใช้) ถอื ว่าผา่ นเกณฑ์ ๒. นักเรียนมีทักษะกระบวนการในการจับประเด็นสาคัญ บอกจุดประสงค์ของเร่ือง จัดลาดับ เหตุการณ์ และสรปุ เนอื้ เรื่อง พรที่สัมฤทธ์ิ (P) อยใู่ นระดับคณุ ภาพ ๒ ข้ึนไป (พอใช้) ถอื ว่าผ่านเกณฑ์ ๓. นักเรยี นมมี ารยาทในการอา่ น (A) อยใู่ นระดับคุณภาพ ๒ ขึ้นไป (พอใช)้ ถือว่าผา่ นเกณฑ์ เกณฑร์ ะดบั คณุ ภาพ คะแนน ๙ - ๑๐ ระดบั ๔ ดมี าก คะแนน ๗ - ๘ ระดบั ๓ ดี คะแนน ๕ - ๖ ระดับ ๒ พอใช้ คะแนน ๐ - ๔ ระดับ ๑ ควรปรบั ปรุง

๘. การวัดและประเมินผลการเรยี นรู้ จุดประสงค์ วิธกี ารวดั เครือ่ งมือวดั ผล เกณฑก์ ารประเมนิ ดา้ นความรคู้ วามเขา้ ใจ (K) สังเกตการอธิบายความรู้ แบบสังเกตการอธบิ าย นกั เรยี นมีความรู้ และ นกั เรียนอธบิ ายเน้อื หาและความรู้ และเนื้อหาเกี่ยวกับเรอื่ งพร ความรูแ้ ละเนอ้ื หาเกยี่ วกับ สามารถอธิบายความรู้และ เก่ยี วกบั เรอ่ื ง พรทสี่ มั ฤทธ์ิได้ ทส่ี ัมฤทธิ์ เรอื่ งพรท่สี มั ฤทธิ์ เน้อื หาเกี่ยวกบั เรื่องพรที่ สมั ฤทธ์ิ อยู่ในระดับคณุ ภาพ ด้านทักษะกระบวนการ (P) ประเมนิ ผลการจบั ประเด็น แบบประเมนิ ผลการจบั ๒ ขนึ้ ไป (พอใช้) ถือว่าผา่ น ประเดน็ สาคญั บอก เกณฑ์ นักเรียนสามารถจับประเด็นสาคญั สาคัญ บอกจดุ ประสงค์ของ จดุ ประสงค์ของเรื่อง จัดลาดบั เหตุการณ์ และ นกั เรียนมที กั ษะ บอกจดุ ประสงคข์ องเร่ือง เรอ่ื ง จดั ลาดบั เหตุการณ์ สรปุ เนื้อเรือ่ ง พรทีส่ มั ฤทธ์ิ กระบวนการในการจับ ประเด็นสาคญั บอก จัดลาดับเหตกุ ารณ์ และสรุปเนอ้ื และสรุปเนื้อเร่ือง พรท่ี แบบประเมินการมมี ารยาท จุดประสงค์ของเร่ือง ในการอ่าน จัดลาดบั เหตุการณ์ และ เร่อื ง พรท่ีสัมฤทธไิ์ ด้ สัมฤทธิ์ สรุปเนือ้ เรือ่ ง พรที่สัมฤทธิ์ อย่ใู นระดบั คณุ ภาพ ๒ ขน้ึ ดา้ นคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ ประเมนิ การมมี ารยาทใน ไป (พอใช้) ถอื ว่าผ่านเกณฑ์ (A) การอา่ น มมี ารยาทในการอ่าน นกั เรยี นมมี ารยาทในการ อ่าน อยู่ในระดบั คณุ ภาพ ๒ ขึน้ ไป (พอใช)้ ถอื วา่ ผา่ น เกณฑ์ การประเมนิ ผลตามสภาพจรงิ ด้านความรู้ ทักษะกระบวนการ และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ (Rubrics) ๑. แบบสังเกตการอธบิ ายความร้แู ละเน้อื หาเกี่ยวกับเรื่องพรทีส่ ัมฤทธ์ิ (K) รายการ ระดบั คุณภาพ ประเมิน ดมี าก ดี พอใช้ ควรปรบั ปรุง ๔๓๒๑ อธบิ ายความรแู้ ละ อธิบายความรูแ้ ละ อธบิ ายความร้แู ละ อธิบายความรแู้ ละ อธิบายความรแู้ ละ เนอื้ หาเกย่ี วกับเรื่อง เนื้อหาเก่ยี วกบั เรอ่ื ง เน้อื หาเกีย่ วกบั เร่อื ง เนื้อหาเก่ียวกับเรื่อง เน้ือหาเกีย่ วกับเรอ่ื ง พรทส่ี มั ฤทธิ์ ได้ พรทส่ี มั ฤทธ์ิ ได้ พรทส่ี ัมฤทธ์ิ ได้ พรที่สัมฤทธ์ิ ไดอ้ ยา่ ง ถูกต้อง ละเอียด ค่อนขา้ งถูกตอ้ งดี ถูกต้องบา้ งบางสว่ น ครา่ วๆ ถกู ต้องเพียง พรท่สี มั ฤทธิ์ (K) ชัดเจน ดมี าก เล็กน้อย

๒. แบบประเมินผลการจับประเดน็ สาคัญ บอกจุดประสงค์ของเรอ่ื ง จัดลาดับเหตุการณ์ และสรุปเน้อื เรอ่ื ง พรท่ีสัมฤทธิ์ (P) รายการ ระดับคุณภาพ ประเมิน ดีมาก ดี พอใช้ ควรปรับปรุง ๔๓๒๑ จบั ประเด็นสาคญั จับประเดน็ สาคญั จบั ประเด็นสาคญั จบั ประเด็นสาคญั จบั ประเดน็ สาคัญ บอกจุดประสงคข์ อง บอกจุดประสงคข์ อง บอกจดุ ประสงค์ของ บอกจุดประสงคข์ อง บอกจุดประสงคข์ อง เร่อื ง จดั ลาดบั เร่อื ง จัดลาดับ เร่อื ง จัดลาดบั เร่ือง จัดลาดับ เรื่อง จดั ลาดับ เหตุการณ์ และสรปุ เหตุการณ์ และสรุป เหตุการณ์ และสรปุ เหตกุ ารณ์ และสรปุ เหตกุ ารณ์ และสรปุ เนอ้ื เร่อื ง พรที่สัมฤทธ์ิ เน้ือเรื่อง พรทีส่ มั ฤทธ์ิ เนอื้ เรือ่ ง พรทส่ี ัมฤทธ์ิ เนอื้ เร่ือง พรท่ีสัมฤทธ์ิ เนอ้ื เรื่อง พรที่สัมฤทธิ์ ไดถ้ กู ต้อง ละเอยี ด ได้คอ่ นขา้ งถูกต้องดี ไดถ้ ูกตอ้ งบ้าง ครา่ วๆ ถกู ต้องเพียง (P) ชัดเจน ดมี าก บางส่วน เล็กนอ้ ย ๓. แบบประเมินการสงั เกตพฤตกิ รรมมีมารยาทในการอ่าน (A) รายการ ระดบั คณุ ภาพ ประเมนิ ดมี าก ดี พอใช้ ควรปรับปรงุ ๔๓๒๑ มีมารยาทในการอ่าน ลกั ษณะท่าทาง ลักษณะทา่ ทาง การ ลกั ษณะทา่ ทาง การ ลกั ษณะท่าทาง การ (A) การวางและการจับ วางและการจบั วางและการจบั วางและการจับ หนงั สือถูกต้อง เป็น หนังสอื ถกู ต้อง เป็น หนงั สือไม่ถกู ตอ้ ง หนงั สือถกู ตอ้ ง กวาดสายตาจากซ้าย ส่วนมากกวาดสายตา ส่วนนอ้ ยกวาดสายตา กวาดสายตาจากซา้ ย ไปขวาได้ถกู ตอ้ ง จากซา้ ยไปขวาได้ จากซ้ายไปขวาได้ ไปขวาไดไ้ ม่ถูกต้อง สม่าเสมอและรวดเรว็ ถูกตอ้ ง แต่ช้า ถูกตอ้ ง แตช่ า้ มากส่ง ช้ามากสง่ เสยี ง ไม่ส่งเสียงดงั รบกวน ไมส่ ง่ เสยี งดงั รบกวน เสยี งดงั และเลน่ ดัง และเลน่ ในขณะ ผอู้ ื่น ไมเ่ ลน่ ในขณะ ผู้อ่นื ไมเ่ ลน่ ในขณะ ในขณะอา่ น ไมเ่ กบ็ อา่ น ไมเ่ ก็บหนงั สอื อา่ น และเกบ็ หนังสือ อา่ น แตไ่ มเ่ กบ็ หนงั สอื เขา้ ที่เมอ่ื อา่ น เขา้ ทเ่ี มือ่ อา่ นเสรจ็ จบั เข้าทเ่ี มือ่ อ่านเสร็จ หนังสอื เขา้ ทเ่ี มอ่ื อา่ น เสร็จจบั ใจความ ใจความสาคญั ของ จบั ใจความสาคัญของ เสรจ็ อา่ นในใจแล้วตงั้ สาคญั ของเรอ่ื งทอี่ า่ น เรือ่ งทอ่ี ่านไมไ่ ด้ อา่ น เรือ่ งทอ่ี า่ นได้ครบทกุ คาถามและตอบ ได้บา้ ง อา่ นในใจแลว้ ในใจแล้วต้งั คาถาม ประเดน็ ตงั้ แต่ตน้ จน คาถามจากเร่อื งทีอ่ า่ น ตงั้ คาถามและตอบ และตอบคาถามจาก จบเรือ่ งอ่านในใจแลว้ ไดถ้ กู ตอ้ งบางเร่ือง คาถามจากเร่ืองทีอ่ า่ น เรอื่ งทีอ่ า่ นไมไ่ ดแ้ ละ ต้งั คาถามและตอบ บางประเดน็ ไดบ้ ้าง ไม่ถกู ตอ้ ง คาถามจากเรอื่ งท่อี า่ น จับใจความสาคัญของ ไดถ้ กู ตอ้ งทุกเรอื่ ง ทุก เรอ่ื งท่อี ่านได้เปน็ บาง ประเด็น ประเดน็


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook