รายงานวิจัยในชั้นเรยี น เรื่อง “การพัฒนากิจกรรมการเรียนรอู้ อนไลน์ผ่านระบบ Facebook Live ในรายวิชาฟิสิกส์เพมิ่ เติม 2 สาหรบั นกั เรยี นช้ันมธั ยมศกึ ษาปีที่ 4 โรงเรยี นธรรมศาสตรค์ ลองหลวงวทิ ยาคม ภาคเรยี นที่ 2 ปีการศกึ ษา 2563 ภายใตส้ ถานการณ์การแพรร่ ะบาดของโรคติดเชอื้ ไวรสั โคโรนา 2019” นางสาววจิ ิตตา อาไพจิตต์ ครูชานาญการ กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรยี นธรรมศาสตร์คลองหลวงวทิ ยาคม สานักงานเขตพื้นที่การศกึ ษามธั ยมศกึ ษาปทมุ ธานี สานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาข้ันพืน้ ฐาน กระทรวงศึกษาธกิ าร
การพฒั นากจิ กรรมการเรียนรอู้ อนไลนผ์ ่านระบบ Facebook Live ในรายวชิ าฟสิ กิ ส์เพิ่มเติม 2 สำหรับนักเรยี นช้นั มัธยมศึกษาปที ่ี 4 โรงเรยี นธรรมศาสตร์คลองหลวงวิทยาคม ภาคเรียนที่ 2 ปีการศกึ ษา 2563 ภายใตส้ ถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคตดิ เชอ้ื ไวรสั โคโรนา 2019 ผู้วิจยั นางสาววิจิตตา อำไพจติ ต์ ครชู ำนาญการ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรยี นธรรมศาสตร์คลองหลวงวิทยาคม ปกี ารศึกษา 2563
ก ชื่อวิจัย การพฒั นากจิ กรรมการเรียนรู้ออนไลน์ผา่ นระบบ Facebook Live ในรายวชิ าฟิสิกสเ์ พ่ิมเตมิ 2 สำหรบั นักเรียนชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 4 โรงเรียนธรรมศาสตรค์ ลองหลวงวิทยาคม ภาคเรยี นที่ 2 ปีการศกึ ษา 2563 ภายใต้สถานการณ์การแพรร่ ะบาดของโรคตดิ เชื้อไวรสั โคโรนา 2019 ผูว้ จิ ัย นางสาววิจติ ตา อำไพจิตต์ สาขาวจิ ยั การสอนวิทยาศาสตร์ ปีทว่ี ิจัย ภาคเรียนท่ี 2 ปีการศึกษา 2563 บทคัดย่อ การวิจัย เรื่อง การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้ออนไลน์ผ่านระบบ Facebook Live ในรายวิชาฟิสิกส์ เพิ่มเติม 2 สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนธรรมศาสตร์คลองหลวงวิทยาคม ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) สรา้ งกิจกรรมการเรียนรู้ออนไลน์ผา่ นระบบ Facebook Live 2) เพอ่ื หาคา่ ประสิทธิภาพกิจกรรมการเรียนรู้ ออนไลน์ผ่านระบบ Facebook Live 3) เพื่อศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรยี นของผู้เรียน เทียบกับเกณฑ์ร้อยละ 70 และ 4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้ออนไลน์ โดยกลุ่ม ตัวอย่าง ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนธรรมศาสตร์คลองหลวงวิทยาคม แผนการเรียนเน้น วิทยาศาสตร์ ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 จำนวน 4 ห้องเรียน ได้มาจากการเลือกแบบเจาะจง (purposive sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลในการรายงานครัง้ นี้ประกอบด้วย 1) สื่อและ ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ออนไลน์ผ่านระบบ Facebook Live 2) แผนการจัดการเรียนรู้ 3) แบบทดสอบ จากระบบ Virtual School Online และ 4) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อกิจกรรมการ เรียนรู้ออนไลน์ สถติ ิทีใ่ ชใ่ นการวิเคราะหข์ ้อมูล ประกอบดว้ ย รอ้ ยละ ค่าเฉล่ยี และสว่ นเบย่ี งเบนมาตรฐาน ผลการวจิ ัยพบว่า 1) การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้ออนไลน์ผ่านระบบ Facebook Live ในรายวิชาฟิสิกส์เพิ่มเติม 2 สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนธรรมศาสตร์คลองหลวงวิทยาคม ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรสั โคโรนา 2019 ได้กิจกรรมการเรียนรู้ สำหรับการ จัดการเรียนการสอนออนไลน์ โดยใช้โปรแกรม PowerPoint เป็นสื่อในการนำเสนอเนื้อหาบทเรียน ใช้ควบคู่ ไปกับเอกสารประกอบบทเรียนซึ่งมีการจัดวางล ำดับเนื้อหาบทเรียนเป็นลำดับขั้นตอนการจัดการเร ียนรู้ ประกอบดว้ ย 1.ข้ันนำ เป็นการกระต้นุ ความสนใจ (Engage) 2. ข้นั สอน เปน็ การสำรวจค้นหา (Explore) และ อธิบายความรู้ (Explain) 3.ขั้นสรุป เป็นการขยายความเข้าใจ (Elaborate) และ ตรวจสอบผล (Evaluate) โดยการจัดการเรียนรู้ จะเปิดโอกาสให้ผู้เรียนใช้วิธีการสื่อสาร ผ่าน comment ในระบบ FACEBOOK LIVE เป็นระยะ 2) ค่าประสิทธิภาพของกิจกรรมการเรียนรู้ออนไลน์ผ่านระบบ Facebook Live ในรายวิชาฟิสิกส์ เพิ่มเติม 2 สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนธรรมศาสตร์คลองหลวงวิทยาคม ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 มีค่าสูงกว่าเกณฑ์ 70/70 3) การศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน รายวิชาฟิสิกส์เพิ่มเติม 2 พบว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของ นักเรียนกลุม่ ตัวอย่างทกุ หอ้ งเรยี น สูงกวา่ เกณฑ์รอ้ ยละ 70 4) ผลการประเมินความพึงพอใจของนักเรียนท่ีมีต่อกิจกรรมการเรียนรู้ออนไลน์ ภาพรวมนักเรียนมี ความพึงพอใจอยใู่ นระดบั มากท่ีสดุ (������̅= 4.22 S.D. = 0.83)
ข สารบัญ หน้า ก บทคดั ย่อ ข สารบัญ ง สารบัญตาราง บทท่ี 1 2 1 บทนำ 3 1.1 ความเปน็ มาและความสำคัญ 4 1.2 วตั ถุประสงค์ของการวจิ ยั 4 1.3 ขอบเขตการวิจัย 1.4 นิยามเชิงปฏิบัติการ 1.5 กรอบแนวคดิ ในการวจิ ัย 2 เอกสารและงานวจิ ัยที่เกีย่ วข้อง 1. หลักสตู รสถานศกึ ษา โรงเรยี นธรรมศาสตรค์ ลองหลวงวิทยาคม พุทธศกั ราช 2561 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพนื้ ฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. 2560) กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 5 2. การเรยี นการสอนออนไลน์ 10 3. หลักการหาคุณภาพ และประสทิ ธิภาพ 13 4. แผนการจดั การเรียนรู้ 24 5. ผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรียน 28 6. ความพงึ พอใจ 28 7. งานวิจัยท่ีเก่ยี วขอ้ ง 31 3 วธิ ีดำเนนิ การวิจยั 34 1. ประชากรและกลมุ่ ตัวอย่าง 34 2. เคร่อื งมือทใี่ ช้ในการศึกษา 35 3. การสร้างและหาคุณภาพของเครื่องมือท่ีใช้ในการศึกษา 39 4. การเก็บรวบรวมข้อมูล 40 5. การวเิ คราะห์ข้อมลู 4 ผลการวิเคราะห์ข้อมลู ตอนที่ 1 ผลการพัฒนากจิ กรรมการเรยี นร้อู อนไลนผ์ า่ นระบบ Facebook Live ภายใตส้ ถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชอ้ื ไวรัสโคโรนา 2019 41 ตอนท่ี 2 การหาค่าประสิทธิภาพกิจกรรมการเรยี นรู้ออนไลนผ์ ่านระบบ Facebook Live ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคตดิ เช้ือไวรสั โคโรนา 2019 43 ตอนท่ี 3 การศึกษาผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียน รายวชิ าฟิสิกส์เพม่ิ เติม 2 เทียบกบั เกณฑ์ร้อยละ 70 43
สารบัญ (ตอ่ ) ค หน้า บทที่ 4 ผลการวเิ คราะหข์ ้อมลู (ต่อ) ตอนที่ 4 ผลการศกึ ษาความพึงพอใจของนกั เรียนที่มีต่อการพัฒนากจิ กรรมการเรยี นรู้ ออนไลน์ผา่ นระบบ Facebook Live ภายใตส้ ถานการณ์การแพรร่ ะบาด ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 44 5 สรปุ ผล อภิปราย และข้อเสนอแนะ 45 สรปุ ผลการวจิ ัย 46 อภปิ รายผล 48 ข้อเสนอแนะ 50 55 บรรณานุกรม ภาคผนวก
ง สารบญั ตาราง ตารางท่ี หน้า 1 การหาค่าประสทิ ธภิ าพกจิ กรรมการเรียนรู้ออนไลน์ผ่านระบบ Facebook Live ภายใต้สถานการณก์ ารแพร่ระบาดของโรคตดิ เชอ้ื ไวรสั โคโรนา 2019 43 2 ผลสัมฤทธท์ิ างการเรยี น รายวิชาฟสิ กิ สเ์ พมิ่ เติม 2 เทยี บกบั เกณฑ์ร้อยละ 70 43 3 ผลการศกึ ษาความพึงพอใจของนกั เรยี นทมี่ ตี ่อการพฒั นากิจกรรมการเรยี นรู้ออนไลน์ ผ่านระบบ Facebook Live ภายใต้สถานการณก์ ารแพร่ระบาดของโรคตดิ เชอื้ ไวรสั โคโรนา 2019 44
1 บทที่ 1 บทนำ 1.1 ความเป็นมาและความสำคัญ การจัดการศึกษาตามพระราชบัญญัติการศึกษาแหงชาติพ.ศ. 2542 แกไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545 หมวด 1 มาตรา 8 (3) การจัดการศึกษาจะตองมีการพัฒนาสาระและกระบวนการเรยี นรูใหเป็นไปอย่าง ต่อเนื่องและในหมวด 4 มาตรา 22 การจัดการศึกษาตองยึดหลักวานักเรียนทุกคนมีความสามารถเรียนรูและ พฒั นาตนเองได้และถือวานักเรยี นมีความสำคัญมากทสี่ ุด และหมวด 9 มาตรา 66 ระบุวานักเรียนมีสิทธิได้รับ การพัฒนาขีดความสามารถในการใช เทคโนโลยีเพื่อการศึกษาในโอกาสแรกที่ทำได้เพื่อให มีความรูและทักษะ เพยี งพอท่ีจะใชเทคโนโลยเี พ่ือการศึกษาในการแสวงหาความรูด้วยตนเองได้อย่างต่อเน่ืองตลอดชวี ิต ในมาตรา 24 (5) (6) ยังกล่าวไววาการจัดกระบวนการเรียนรูใหสถานศึกษาตองสงเสริมสนับสนุนใหผู้สอนสามารถจัด บรรยากาศสภาพแวดลอม สือ่ การเรยี น และอํานวยความสะดวกเพ่ือใหนักเรียนเกิดการเรียนรูและมีความรอบ รรู วมทัง้ สามารถใชการวิจยั เปน็ สวนหนง่ึ ของกระบวนการเรียนรูท้ังนผี้ ูส้ อนและนักเรียนอาจเรียนรูไปพรอมกัน จากสื่อการเรียนการสอนและแหล่งวิทยาการประเภทต่าง ๆ และยังใหจัดการเรียนรูใหเกิดขึ้นได้ทุกเวลาทุก สถานที่มีการประสานความร่วมมือกับบิดามารดาผู้ปกครองนักเรียนและบุคคลในชุมชนทุกฝ่ายเพื่อร่วมกัน พฒั นานักเรียนตามศกั ยภาพ (กระทรวงศึกษาธิการ, 2542) หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ได้กำหนดตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้ แกนกลาง กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2560) สำหรับสาระที่ 2 วิทยาศาสตร์ กายภาพ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับวชิ าฟิสิกส์ สำหรับนำไปสู่การออกแบบการเรียนรู้รายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ กายภาพ ที่ผู้เรียนจำเป็นต้องเรียนเป็นพื้นฐาน เพื่อให้สามารถนำความรู้และทักษะที่ได้ไปใช้ในการดำรงชีวิต หรือศึกษาต่อ อีกทั้ง ได้มีการนำเสนอผลการเรียนรูแ้ ละสาระการเรียนรู้เพิ่มเติม สาระฟิสิกส์ สำหรับนำไปสู่ การออกแบบการเรียนรู้รายวิชาเพิ่มเติม ฟิสิกส์ ที่ผู้เรียนในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย แผนการเรียน วทิ ยาศาสตร์ ตอ้ งใช้เป็นพื้นฐานสำคัญสำหรบั การศึกษาต่อในระดบั อุดมศึกษาในดา้ นวิทยาศาสตร์ ด้วยสถานการณ์ปัจจุบัน ที่มีการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ( Coronavirus Disease 2019-COVID-19) โดยองค์การอนามัยโลกได้ประกาศเป็นภาวะฉุกเฉินทางด้านสาธารณสุขทำให้ สถาบันการศึกษาไม่สามารถจัดการเรียนการสอนได้ตามปกติ หนึ่งในมาตรการเพื่อการควบคุมการ แพร่กระจายเชื้อ COVID-19 ภายใต้สถานการณ์ภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขนั้น ได้แก่ วิธีการเว้นระยะห่าง ทางสังคม (Social Distancing) เป็นการเว้นระยะห่างในการ ทำกิจกรรมต่างๆ ระหว่างบุคคล ทำให้เกิด กระแสของการปรับเปลีย่ นวิถชี ีวิตการทำงานและการศึกษาจำนวนมาก แนวทางการจัดการเรียนการสอนของโรงเรียนสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID 19) ปกี ารศึกษา 2563 โดยท่ี ( สำนกั งานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐาน, 2563, หน้า 6 ) นำเสนอรปู แบบการสอนตามความเหมาะสม ของบรบิ ท โดยความควบคมุ ของมาตรการจากกระทรวงสาธารณสุข ไดแ้ ก่ การเรียนในช้นั เรียน (On-Site) ใน ชั้นเรียนตามปกติการเรียนผ่านโทรทศั น์ (On-Air) ในลักษณะการเรียนการสอนทางไกลผ่านโทรทัศน์ในระบบ ดิจิทัล และระบบดาวเทียม การเรียนการสอนแบบออนไลน์ (Online) ที่เรียนผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต โดย นักเรียนสามารถเลือกเรียนตามความสนใจ หรือครูอาจกำหนดเนื้อหาการเรียนรู้ ใช้แพลตฟอร์มการเรีย นรู้ ดจิ ทิ ัล (Digital Learning Platform) จากส่อื สังคมออนไลน์ทีเ่ ปดิ ให้ใช้แบบไม่คิดค่าบริการ โดยการลงทะเบยี น
2 ระบุตัวตนเพื่อใช้งาน เช่น Website, Fan page Facebook, Line Open Chat, LINE Official Account, Google Sites, Instagram, Twitter, YouTube เป็นตน้ เพื่อให้นักเรยี นเข้าถงึ เนื้อหาบทเรยี น ด้วยตนเองได้ ทุกที่ทุกเวลา และจากการรายงานโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ของกรมควบคุมโรคกระทรวงสาธารณสุข รายงานผู้ติดเชื้อมีที่พักอาศัยและประกอบอาชีพอยู่ในจังหวัดปทุมธานี ช่วงปลายปี 2563 ทำให้โรงเรียน ธรรมศาสตรค์ ลองหลวงวทิ ยาคมมีประกาศแจง้ หยดุ เรยี นกรณีพิเศษ ระหวา่ งวนั ที่ 23-30 ธันวาคม ลงวันที่ 22 ธันวาคม 2563 ประกาศหยุดเรียนด้วยเหตพุ ิเศษ (ฉบับที่ 2) ระหว่างวันที่ 4-8 มกราคม ลงวันที่ 29 ธันวาคม 2563 และ ประกาศหยุดเรียนด้วยเหตุพิเศษ (ฉบับที่ 3) ระหว่างวันที่ 4-30 มกราคม ลงวันที่ 4 มกราคม 2564 ประกาศ หยุดเรียน โดยกำหนดให้นักเรียนสามารถเรียนรู้แบบออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์มการเรียนรู้ ดิจิทัล Facebook Live, ระบบ virtual school online และสื่อการเรียนอื่น ๆ โดยมีนโยบายให้ครูผู้สอนใน รายวิชาเดียวกันหรือการบริหารจัดการตามความ เหมาะสมของบริบทรายวิชาให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับ นกั เรยี นดว้ ยจัดการเรยี นเรยี นการสอนออนไลน์ผา่ นแพลตฟอร์มการเรียนร้ดู จิ ิทลั Facebook Live รว่ มกนั เมื่อทราบแนวนโยบายเป็นเบื้องต้นกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้ดำเนินการ ประชุมบริหารจัดการกำหนดครูผู้รับผิดชอบในแต่ละรายวิชาทั้งรายวิชาพื้นฐาน และรายวิชาเพิ่มเติมให้ สอดคลอ้ งกับหลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนธรรมศาสตร์คลองหลวงวิทยาคม พุทธศักราช 2561 ตามหลักสูตร แกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ผู้วิจัยได้รับมอบหมายให้ ปฏบิ ัตกิ ารสอนรายวิชาฟสิ ิกสเ์ พิ่มเติม ระดบั ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ 4 จงึ มคี วามตระหนกั ท่ีจะการจัดการเรียนรู้ที่มี ประสิทธิภาพ เพื่อนำมาพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณลักษณะตามที่หลักสูตรต้องการภายใต้สถานการณ์ การแพร่ ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID 19) โดยร่วมกับครูผู้สอนสาขาวิชาฟิสิกส์รวมร่วมเรียนรู้ ร่วมกันทั้งสิ้น 7 คน ในการดำเนินงานใช้กระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันผ่านชุมชนแห่งการเรียนรู้ทาง วิชาชีพ (PLC) ตามแนวนโยบายของโรงเรียนเพื่อดำเนินการจัดการเรียนการสอน ติดตาม วัดและประเมินผล ผู้เรียนด้วยระบบ ออนไลน์ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด จากความเป็นมาและสภาพปัญหาดังกล่าว ผู้วิจัย จึงมี ความสนใจการพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้ออนไลน์ผ่านระบบ Facebook Live ในรายวิชาฟิสิกส์เพิ่มเติม 2 สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนธรรมศาสตร์คลองหลวงวิทยาคม ซึ่งผลการวิจัยในคร้ังนีจ้ ะเป็น แนวทางในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ออนไลน์ ที่สามารถพัฒนาผู้เรียนให้เป็นไปตามเป้าหมายของการศึกษา ภายใตส้ ถานการณก์ ารแพรร่ ะบาดของโรคตดิ เชื้อไวรัสโคโรนา 2019 1.2 วัตถุประสงค์การวิจยั 1) เพื่อการพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้ออนไลน์ผ่านระบบ Facebook Live ในรายวิชาฟิสิกส์เพิ่มเติม 2 สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนธรรมศาสตร์คลองหลวงวิทยาคม ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 ภายใต้สถานการณ์การแพรร่ ะบาดของโรคติดเชอ้ื ไวรัสโคโรนา 2019 2) เพ่ือหาคา่ ประสทิ ธิภาพกจิ กรรมการเรียนรู้ออนไลน์ผ่านระบบ Facebook Live ในรายวชิ าฟสิ ิกส์ เพ่ิมเติม 2 สำหรับนักเรยี นช้ันมัธยมศกึ ษาปที ่ี 4 โรงเรียนธรรมศาสตรค์ ลองหลวงวิทยาคม ภาคเรยี นที่ 2 ปี การศึกษา 2563 ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชอื้ ไวรสั โคโรนา 2019 3) เพื่อศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรยี น รายวชิ าฟิสิกสเ์ พ่มิ เติม 2 เทียบกบั เกณฑร์ อ้ ยละ 70 4) ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้ออนไลน์ผ่านระบบ Facebook Live ในรายวิชาฟิสกิ สเ์ พ่ิมเตมิ 2 สำหรับนกั เรยี นชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี 4 โรงเรยี นธรรมศาสตร์คลอง หลวงวิทยาคม ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคตดิ เชื้อไวรัสโคโร นา 2019
3 1.3 ขอบเขตการวจิ ัย 1.3.1 ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง การวจิ ยั ครงั้ น้ีผวู้ จิ ัยแบ่งประชากรและกลุ่มตวั อยา่ งท่ใี ชใ้ นการวิจัยออกเปน็ 2 กลุ่ม ดังน้ี 1) ผู้เชี่ยวชาญ เป็นประชากรที่ใช้ในการรวบรวมข้อมูลความคิดเห็น ในการประเมินและให้ ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับกิจกรรมการเรียนรู้ออนไลน์ผ่านระบบ Facebook Live ในรายวิชาฟิสิกส์เพิ่มเติม 2 สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนธรรมศาสตร์คลองหลวงวิทยาคม ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 ภายใตส้ ถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเช้ือไวรสั โคโรนา 2019 และการสอนวิทยาศาสตร์สาขา ฟสิ กิ ส์ หรือวทิ ยาศาสตรส์ าขากายภาพ ผา่ นกระบวนการ PLC (Professional Learning Community) โดย การคัดเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง จากครูผู้สอนกลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี โรงเรียน ธรรมศาสตรค์ ลองหลวงวิทยาคม ที่มีประสบการณ์สอนในรายวิชาวทิ ยาศาสตร์ไม่ตำ่ กว่า 5 ปี ได้กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 4 คน 2) นักเรียน เป็นประชากรที่ใช้ศึกษาผลการพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้ออนไลน์ผ่านระบบ Facebook Live ในรายวชิ าฟสิ กิ สเ์ พิ่มเติม 2 สำหรบั นักเรียนช้ันมธั ยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนธรรมศาสตร์คลอง หลวงวิทยาคม ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส โคโรนา 2019 จำนวน 21 ห้องเรียน โดยการคดั เลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง จากที่ลงทะเบยี นเรียนรายวิชา ฟิสิกส์เพิ่มเติม จำนวน 4 หอ้ งเรียน ได้แก่ นักเรยี นชน้ั มัธยมศึกษาปที ่ี 4/2 , 4/4 , 4/16 และ 4/18 1.3.2 ตัวแปรทีใ่ ชใ้ นการวจิ ัย ตวั แปรทใี่ ชใ้ นการศกึ ษา ประกอบด้วย 1) ตวั แปรต้น ไดแ้ ก่ กิจกรรมการเรียนรอู้ อนไลน์ผ่านระบบ Facebook Live ในรายวิชา ฟิสกิ สเ์ พ่ิมเติม 2 สำหรับนกั เรยี นช้ันมัธยมศกึ ษาปีที่ 4 โรงเรียนธรรมศาสตร์คลองหลวงวทิ ยาคม ภาคเรยี นท่ี 2 ปีการศึกษา 2563 ภายใตส้ ถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 2) ตัวแปรตาม ได้แก่ 3.2.1 ผลสมั ฤทธทิ์ างการเรียน รายวชิ าฟสิ ิกสเ์ พิ่มเติม2 3.2.2 ความพงึ พอใจของนักเรียนทีม่ ตี อ่ กิจกรรมการเรียนรู้ออนไลน์ผา่ นระบบ Facebook Live ในรายวิชาฟสิ ิกสเ์ พ่ิมเตมิ 2 สำหรับนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 4 โรงเรยี นธรรมศาสตรค์ ลอง หลวงวทิ ยาคม ภาคเรยี นท่ี 2 ปีการศกึ ษา 2563 ภายใตส้ ถานการณ์การแพรร่ ะบาดของโรคติดเช้อื ไวรสั โคโร นา 2019 1.3.3 ระยะเวลา ระยะเวลาที่ใช้ในการศึกษาการพฒั นากจิ กรรมการเรียนรู้ออนไลนผ์ า่ นระบบ Facebook Live ในรายวชิ าฟิสกิ ส์เพิ่มเติม 2 สำหรับนกั เรียนชัน้ มัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนธรรมศาสตร์คลองหลวง วทิ ยาคม ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเช้อื ไวรัสโคโรนา 2019 คอื ภาคเรยี นท่ี 2 ปี การศึกษา 2563
4 1.3.4 ขอบเขตดา้ นเน้ือหา เนื้อหาที่ใช้ในการศึกษาวิจัยการพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้ออนไลน์ผ่านระบบ Facebook Live ในรายวิชาฟิสิกส์เพิ่มเติม 2 สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนธรรมศาสตร์คลองหลวง วิทยาคม ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ยดึ ตามหลกั สูตรสถานศึกษา โรงเรียนธรรมศาสตรค์ ลองหลวงวทิ ยาคม พุทธศักราช 2561 ตามหลักสูตร แกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560 ) กลุ่มสาระการเรียนรู้ วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวิชาฟสิ ิกส์เพ่มิ เติม2 ว31206 หนว่ ยการเรยี นรู้ เรือ่ ง งานและพลังงาน 1.4 นิยามเชิงปฏบิ ตั ิการ 1. กิจกรรมการเรียนรู้ออนไลน์ คือ กิจกรรมประกอบการจัดการเรียนรู้ในรายวิชาฟิสิกส์เพิ่มเติม2 สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนธรรมศาสตร์คลองหลวงวิทยาคม ภายใต้สถานการณ์การแพร่ ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่การจัดการเรียนการสอนผ่านแพลตฟอร์มการเรียนรู้ดิจิทัล Facebook Live ในกลุม่ ปิด และในระบบ virtual school online 2. ผลสมั ฤทธิท์ างการเรยี นรายวิชาฟสิ กิ ส์เพมิ่ เติม 2 ได้จากคะแนนของนักเรียนช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี4 ที่ 3. ประสิทธิภาพของกิจกรรมการเรียนรู้ออนไลน์ หมายถึง เกณฑ์คุณภาพของการจัดการเรียนรู้ ออนไลน์ ผ่านระบบ Facebook Live ในรายวิชาฟิสกิ สเ์ พม่ิ เตมิ 2 ทผ่ี ้วู ิจยั ไดก้ ำหนดไว้ 70/70 70 ตัวแรก คือ ค่าประสิทธภิ าพของกระบวนการการจัดการเรยี นร้อู อนไลน์ ผา่ นระบบ Facebook Live ในรายวิชาฟิสิกส์เพิ่มเติม 2 คิดเป็นร้อยละ 70 ของคะแนนเฉลี่ยเทียบคะแนนเต็มของคะแนนระหว่าง เรยี น 70 ตัวหลัง คือ ค่าประสิทธิภาพของผลลัพธ์ที่เกิดจากการเรียนรู้ออนไลน์ ผ่านระบบ Facebook Live ในรายวิชาฟิสิกส์เพิ่มเติม 2 คิดเป็นร้อยละ 70 ของคะแนนเฉลี่ยเทียบกับคะแนนเต็มของคะแนนสอบ สุดทา้ ยจากระบบ virtual school online 4. ความพึงพอใจ ได้จากการตอบแบบสอบถามความพึงพอใจที่มีต่อกิจกรรมการเรียนรู้ออนไลน์ผ่าน ระบบ Facebook Live ในรายวิชาฟิสิกสเ์ พม่ิ เติม 2 สำหรับนกั เรยี นช้ันมัธยมศึกษาปที ่ี 4 โรงเรียนธรรมศาสตร์ คลองหลวงวิทยาคม ภาคเรียนท่ี 2 ปีการศกึ ษา 2563 ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเช้ือไวรัส โคโรนา 2019 โดยนกั เรียนเปน็ ผูป้ ระเมินผา่ นระบบออนไลน์ Google Form 1.5 กรอบแนวคิดในการวิจัย ตัวแปรตาม ตวั แปรต้น • ผลสัมฤทธ์ทิ างการเรยี น • ความพงึ พอใจ กจิ กรรมการเรยี นรอู้ อนไลน์ผ่านระบบ Facebook Live ใน รายวิชาฟิสกิ สเ์ พิ่มเติม 2 สำหรบั นักเรยี นชัน้ มัธยมศึกษาปีที่ 4 ภายใตส้ ถานการณก์ ารแพรร่ ะบาดของไวรัสโควดิ 19 ภาพที่ 1.1 กรอบแนวคดิ การพฒั นากิจกรรมการเรียนรู้ออนไลน์ผ่านระบบ Facebook Live ในรายวิชาฟสิ กิ ส์ เพิ่มเติม 2 สำหรบั นักเรยี นชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4 โรงเรียนธรรมศาสตร์คลองหลวงวทิ ยาคม ภาคเรียนท่ี 2 ปีการศกึ ษา 2563 ภายใต้สถานการณ์การแพรร่ ะบาดของโรคตดิ เชื้อไวรัสโคโรนา 2019
5 บทท่ี 2 เอกสารและงานวจิ ยั ทเ่ี ก่ยี วข้อง การวจิ ัยคร้ังนผี้ ู้วจิ ยั ไดศ้ ึกษาเอกสาร แนวคิด ทฤษฎี งานวิจยั ที่เกี่ยวขอ้ งกบั พัฒนากิจกรรมการเรียนรู้ ออนไลน์ผ่านระบบ Facebook Live ในรายวิชาฟิสิกส์เพิ่มเติม 2 สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรยี นธรรมศาสตรค์ ลองหลวงวิทยาคม ภาคเรียนท่ี 2 ปีการศึกษา 2563 ภายใตส้ ถานการณก์ ารแพร่ระบาด ของโรคติดเชือ้ ไวรสั โคโรนา 2019 ประกอบด้วยหัวข้อดงั น้ี 1. หลกั สตู รสถานศึกษา โรงเรยี นธรรมศาสตรค์ ลองหลวงวิทยาคม พุทธศักราช 2561 ตามหลกั สูตร แกนกลางการศึกษาขนั้ พ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรงุ พ.ศ. 2560) กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี 2. การเรียนการสอนออนไลน์ 2.1 องคป์ ระกอบการจัดการเรยี นการสอนแบบออนไลน์ 2.2 รูปแบบการเรยี นการสอนแบบออนไลน์ 2.3 การเลือกแพลตฟอร์มการจดั การเรียนการสอน 2.4 การออกแบบบทเรียนออนไลน์ 2.5 การจดั การห้องเรียนออนไลน์ 2.6 การใช้สือ่ ในการเรยี นการสอนออนไลน์ 2.7 การวัดและประเมินผลการจดั การเรยี นการสอน 2.8. การประยกุ ต์ใชก้ ารเรียนการสอนแบบออนไลน์ 3. หลกั การหาคณุ ภาพ และประสทิ ธิภาพ 4. แผนการจดั การเรียนรู้ 4.1 ความหมายของแผนการจดั เรยี นรู้ 4.2 ลกั ษณะของแผนการจดั การเรยี นรูท้ ดี่ ี 4.3การทำแผนการจดั การเรียนรู้ 4.4 รายละเอียดแผนการจดั การเรยี นรู้ 4.5 ลกั ษณะของแผนการจดั การเรียนรู้ 5. ผลสัมฤทธ์ทิ างการเรยี น 6. ความพงึ พอใจ 6.1 ความหมายของความพึงพอใจ 6.2 การวัดความพงึ พอใจ 6.3 แบบวัดความพึงพอใจ 7. งานวิจัยทเี่ กี่ยวขอ้ ง
6 1. หลกั สตู รสถานศกึ ษา โรงเรยี นธรรมศาสตรค์ ลองหลวงวทิ ยาคม พุทธศกั ราช 2561 ตามหลกั สูตร แกนกลางการศกึ ษาข้ันพน้ื ฐาน พทุ ธศักราช 2551 (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560) กลุ่มสาระการเรียนรู้ วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี วิสัยทัศนห์ ลักสตู รกลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 1. พัฒนานกั เรียนให้ไดท้ ั้งความรู้กระบวนการและเจตคตทิ างวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 2. สนับสนนุ การจดั กิจกรรมการเรยี นการสอนทสี่ อดคล้องกับสภาพจริงในชีวิตโดยใช้แหลง่ การเรียนรู้ หลากหลายในท้องถน่ิ 3. ส่งเสรมิ การเรียนรูเ้ พื่อความเขา้ ใจ ซาบตู้งและเห็นความสำคญั ของธรรมชาติและสิง่ แวดลอ้ ม เป้าประสงค์กลุ่มสาระการเรียนรูว้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 1. เพือ่ ให้ผเู้ รยี นทุกคนได้รบั การปลูกฝังคณุ ธรรม จริยธรรม มีคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ มีการพัฒนา เต็มตามศกั ยภาพ มีทกั ษะชีวิต มีสขุ ภาพกายและสขุ ภาพจิตดี นำหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็น แนวทางการดำเนินชีวติ เป็นผู้นำที่ดขี องสงั คมและมีความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยีเพื่อการเรียนรูแ้ ละ การ ส่อื สารอย่างหลากหลาย ผู้เรยี นมศี กั ยภาพเป็นพลโลก (World Citizen) 2. เพ่อื ใหส้ ถานศึกษามรี ะบบการบริหารและจัดการศึกษาด้วยระบบคุณภาพ ( Quality System Management) เพ่อื รองรบั การกระจายอำนาจอยา่ งทว่ั ถึง 3. เพอ่ื ใหบ้ ุคลากรทุกคนมีทักษะวชิ าชพี ในการพัฒนาการเรียนการสอนและใชน้ วตั กรรมเทคโนโลยที ่ี ทนั สมัยยกระดับการจัดการเรียนการสอนเทยี บเคียงมาตรฐานสากล (World Class standard) 4. เพ่อื ให้การใช้งบประมาณและทรพั ยากรของทุกหน่วยงานเปน็ ไปตามเป้าหมายได้อย่างมี ประสิทธิภาพและประสิทธผิ ลสงู สดุ สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน หลกั สตู รกลมุ่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรยี นธรรมศาสตร์คลองหลวงวิทยาคม พทุ ธศกั ราช 2561 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้นื ฐาน พทุ ธศักราช 2551 (ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560) มงุ่ ใหผ้ ้เู รยี นเกิดสมรรถนะสำคญั 5 ประการ ดงั นี้ 1. ความสามารถในการสอ่ื สาร เป็นความสามารถในกรรบั และส่งสารมวี ฒั นธรรมในการใช้ภาษา ถ่ายทอดความคิด ความร้คู วามเข้าใจ ความรู้สึก และทศั นะของตนเองเพ่ือแลกเปล่ียนข้อมูลขา่ วสารและ ประสบการณ์อนั จะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาตนเองและสังคม รวมทัง้ การเจรจาตอ่ รองเพอ่ื ขจดั และลด ปัญหาความขดั แยง้ ต่าง ๆ การเลือกรับหรอื ไม่รบั ข้อมูลขา่ วสารดว้ ยหลักเหตุผลและความถูกต้อง ตลอดจนการ เลอื กใชว้ ธิ กี ารส่ือสาร ท่ีมีประสทิ ธิภาพโดยคำนึงถึงผลกระทบทม่ี ีต่อตนเองและสังคม 2. ความสามารถในการคดิ เป็นความสามารถในการคดิ วเิ คราะห์ การคิดสังเคราะห์ การคดิ อยา่ ง สรา้ งสรรค์ การคิดอย่างมวี ิจารณญาณ และการคิดเป็นระบบ เพอ่ื นำไปสู่การสร้างองค์ความร้หู รือสารสนเทศ เพ่ือการตดั สินใจเกย่ี วกับตนเองและสังคมได้อย่างเหมาะสม 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา เปน็ ความสามารถในการแกป้ ัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ ที่เผชิญได้ อยา่ งถูกต้องเหมาะสมบนพื้นฐานของหลกั เหตุผล คุณธรรมและข้อมลู สารสนเทศ เขา้ ใจความสัมพันธแ์ ละการg เปลี่ยนแปลงของเหตุการณ์ต่าง ๆ ในสงั คม แสวงหาความรู้ ประยุกต์ความรูม้ าใช้ในการป้องกนั และแก้ไข ปัญหาและมีการตัดสนิ ใจท่ีมีประสิทธิภาพโดยคำนึงถงึ ผลกระทบทีเ่ กิดขึน้ ต่อตนเอง สงั คมและสิง่ แวดล้อม 4. ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวิต เป็นความสามารถในการนำกระบวนการต่าง ๆ ไปใช้ในการ ดำเนินชวี ติ ประจำวนั การเรยี นรดู้ ว้ ยตนเอง การเรยี นรู้อย่างตอ่ เน่ือง การทำงาน และการอยรู่ ่วมกนั ในสังคม
7 ด้วยการสร้างเสรมิ ความสมั พันธอ์ นั ดรี ะหว่างบุคคล การจดั การปญั หาและความขดั แยง้ ต่าง ๆ อย่างเหมาะสม การปรบั ตัวให้ทนั กับการเปล่ยี นแปลงของสังคมและสภาพแวดล้อม และการรู้จกั หลกี เล่ยี งพฤติกรรมไม่พึง ประสงค์ ทส่ี ง่ ผลกระทบต่อตนเองและผ้อู น่ื 5. ความสามารถในกรใชเ้ ทคโนโลยี เนความสามารถในการเลอื ก และใช้ เทคโนโลยีดา้ นต่าง ๆ และมี ทักษะกระบวนการทางเทคโนโลยี เพอ่ื การพัฒนาตนเองและสงั คม ในดา้ นการเรยี นรู้ การสอื่ สาร การทำงาน การแกป้ ัญหาอย่างสร้างสรรค์ ถกู ตอ้ ง เหมาะสม และมีคุณธรรม สาระและมาตรฐานการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ สาระที่ 1 วิทยาศาสตรช์ ีวภาพ มาตรฐาน ว 1.1 เขา้ ใจความหลากหลายของระบบนิเวศ ความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งสิ่งไมม่ ชี วี ิต กับ ส่ิงมชี วี ติ และความสัมพันธร์ ะหวา่ งส่ิงมีชีวติ กับสง่ิ มีชวี ติ ตา่ ง ๆ ในระบบนเิ วศ การถา่ ยทอดพลังงาน การ เปลยี่ นแปลงแทนที่ในระบบนิเวศความหมายของ ประชากร ปัญหาและผลกระทบท่ีมีต่อทรัพยากรธรรมชาติ และส่ิงแวดลอ้ ม แนวทางในการอนุรกั ษ์ทรพั ยากรธรรมชาติและการแก้ไขปัญหาสง่ิ แวดล้อม รวมทั้งนำความรู้ ไปใชป้ ระโยชน์ มาตรฐาน ว 1.2 เข้าใจสมบตั ิของส่ิงมีชวี ิต หนว่ ยพื้นฐานของสง่ิ มีชีวิต การลำเลียงสาร เข้าและออก จากเซลลค์ วามสมั พนั ธข์ องโครงสรา้ ง และหนา้ ท่ีของระบบตา่ ง ๆ ของสัตวแ์ ละมนุษย์ที่ทำงานสัมพนั ธ์กนั ความสมั พนั ธข์ องโครงสร้างและหนา้ ท่ี ของอวัยวะต่าง ๆ ของพืชท่ีทำงานสมั พนั ธ์กนั รวมท้งั นำความรไู้ ปใช้ ประโยชน์ มาตรฐาน ว 1.3 เขา้ ใจกระบวนการและความสำคัญของการถา่ ยทอดลกั ษณะทางพนั ธกุ รรม สาร พันธุกรรม การเปล่ยี นแปลงทางพันธุกรรมท่ีมผี ลตอ่ สงิ่ มชี ีวิต ความหลากหลาย ทางชวี ภาพและวิวฒั นาการ ของสง่ิ มีชีวติ รวมทง้ั นำความรูไ้ ปใชป้ ระโยชน์ สาระท่ี 2 วิทยาศาสตรก์ ายภาพ มาตรฐาน ว 2.1 เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพนั ธร์ ะหว่างสมบัติ ของ สสารกับโครงสรา้ งและแรงยดึ เหนยี่ วระหวา่ งอนุภาค หลักและธรรมชาติ ของการเปลยี่ นแปลงสถานะของ สสาร การเกิดสารละลาย และการเกิดปฏกิ ริ ิยาเคมี มาตรฐาน ว 2.2 เขา้ ใจธรรมชาตขิ องแรงในชวี ิตประจำวัน ผลของแรงท่กี ระทำต่อวตั ถุลักษณะ การ เคลื่อนทแี่ บบตา่ ง ๆ ของวตั ถุรวมท้งั นำความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ มาตรฐาน ว 2.3 เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปลีย่ นแปลงและการถ่ายโอนพลงั งาน ปฏิสมั พันธร์ ะหวา่ งสสารและพลงั งาน พลังงานในชวี ติ ประจำวนั ธรรมชาติของคล่ืน ปรากฎการณ์ ท่เี กย่ี วขอ้ ง กับเสียง แสงและคลน่ื แมเ่ หล็กไฟฟา้ รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ สาระท่ี 3 วิทยาศาสตรโ์ ลก และอวกาศ มาตรฐาน ว 3.1 เขา้ ใจองคป์ ระกอบ ลกั ษณะ กระบวนการเกดิ และววิ ัฒนาการของเอกภพ กาแลกซ่ี ดาวฤกษแ์ ละระบบสรุ ิยะ รวมทง้ั ปฏสิ ัมพนั ธ์ภายในระบบสุริยะ ทีส่ ่งผลต่อสิ่งมชี ีวติ และการประยุกต์ใช้ เทคโนโลยีอวกาศ มาตรฐาน ว 3.2 เข้าใจองค์ประกอบและความสัมพันธข์ องระบบโลก กระบวนการเปลยี่ นแปลง ภายในโลก และบนผวิ โลก ธรณพี บิ ัตภิ ัย กระบวนการเปล่ยี นแปลงลมฟา้ อากาศและภมู ิอากาศโลก รวมทง้ั ผล ตอ่ ส่ิงมชี ีวติ และส่ิงแวดล้อม สาระที่ 4 เทคโนโลยี
8 มาตรฐาน ว 4.1 เขา้ ใจแนวคิดหลกั ของเทคโนโลยีเพ่ือการดำรงชวี ติ ในสังคมที่มกี ารเปล่ียนแปลง อย่างรวดเร็ว ใชค้ วามรแู้ ละทักษะทางด้านวิทยาศาสตร์ คณติ ศาสตร์และ ศาสตรอ์ ่ืน ๆ เพ่อื แกป้ ัญหาหรือ พฒั นางานอยา่ งมีความคดิ สร้างสรรคด์ ว้ ยกระบวนการ ออกแบบเชงิ วศิ วกรรม เลือกใชเ้ ทคโนโลยีอย่าง เหมาะสม โดยคำนึงถงึ ผลกระทบตอ่ ชวี ิต สังคม และสิ่งแวดล้อม มาตรฐาน ว 4.2 เขา้ ใจและใช้แนวคดิ เชงิ คำนวณในการแก้ปัญหาทพ่ี บในชีวติ จรงิ อย่างเป็นข้ันตอน และเป็นระบบ ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในการเรยี นรูก้ ารทำงาน และการแกป้ ัญหาไดอ้ ย่างมี ประสิทธภิ าพ รู้เทา่ ทนั และมีจริยธรรม คณุ ภาพผเู้ รยี น จบชัน้ มธั ยมศึกษาปที ่ี ๖ 1. เข้าใจการลำเลียงสารเข้าและออกจากเซลล์ กลไกการรักษาดุลยภาพของมนุษย์ ภูมิคุ้มกันใน ร่างกายของมนุษย์และความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน การใช้ประโยชน์จากสารต่าง ๆ ที่พืชสร้างขึ้น การ ถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม การเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรม วิวัฒนาการที่ทำให้เกิดความหลากหลายของ ส่ิงมีชวี ติ ความสำคัญและผลของเทคโนโลยีทางดีเอ็นเอต่อมนุษย์ ส่งิ มชี ีวิต และสง่ิ แวดล้อม 2. เขา้ ใจความหลากหลายของไบโอมในเขตภมู ิศาสตรต์ า่ ง ๆ ของโลก การเปล่ียนแปลงแทนท่ใี นระบบ นิเวศ ปัญหาและผลกระทบที่มีต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แนวทางในการอนุรักษ์ ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละการแกไ้ ขปญั หาส่ิงแวดลอ้ ม 3. เข้าใจชนิดของอนุภาคสำคัญที่เป็นส่วนประกอบในโครงสร้างอะตอม สมบัติบางประการของธาตุ การจัดเรยี งธาตใุ นตารางธาตุ ชนดิ ของแรงยดึ เหนีย่ วระหวา่ งอนุภาคและสมบัตติ า่ ง ๆ ของสารที่มีความสมั พันธ์ กับแรงยดื เหน่ยี ว พนั ธะเคมี โครงสร้างและสมบัตขิ องพอลิเมอร์ การเกิดปฏกิ ริ ิยาเคมี ปัจจัยท่มี ผี ลตอ่ อัตราการ เกดิ ปฏกิ ริ ยิ าเคมี และการเขียนสมการเคมี 4. เข้าใจปรมิ าณทเี่ กี่ยวกับการเคลอ่ื นที่ ความสัมพนั ธ์ระหวา่ งแรง มวลและความเรง่ ผลของความเร่งที่ มตี อ่ การเคลอ่ื นทีแ่ บบต่าง ๆ ของวัตถุ แรงโน้มถ่วง แรงแม่เหลก็ ความสัมพนั ธ์ระหวา่ งสนามแม่เหลก็ และ กระแสไฟฟา้ และแรงภายในนิวเคลียส 5. เขา้ ใจพลังงานนวิ เคลียร์ ความสัมพนั ธร์ ะหว่างมวลและพลังงาน การเปล่ียนพลังงานทดแทนเปน็ พลังงานไฟฟ้า เทคโนโลยีด้านพลงั งาน การสะท้อน การหกั เห การเลย้ี วเบน และการรวมคล่นื การได้ยิน ปรากฏการณท์ ่เี กย่ี วข้องกบั เสียง สีกบั การมองเห็นสี คลนื่ แม่เหลก็ ไฟฟ้าและประโยชน์ของคลืน่ แม่เหล็กไฟฟ้า 6. เข้าใจการแบ่งชั้นและสมบัติของโครงสร้างโลก สาเหตุ และรูปแบบการเคลื่อนที่ของแผ่นธรณีที่ สมั พันธ์กบั การเกดิ ลกั ษณะธรณีสัณฐาน สาเหตุ กระบวนการเกดิ แผ่นดนิ ไหว ภเู ขาไฟระเบดิ สึนามิ ผลกระทบ แนวทางการเฝา้ ระวงั และการปฏบิ ตั ิตนให้ปลอดภัย 7. เข้าใจผลของแรงเนื่องจากความแตกต่างของความกดอากาศ แรงคอริออลิส ที่มีต่อการหมุนเวียน ของอากาศ การหมุนเวียนของอากาศตามเขตละติจดู และผลที่มีต่อภมู อิ ากาศ ความสัมพันธ์ของการหมุนเวียน ของอากาศ และการหมุนเวียนของกระแสน้ำผิวหน้าในมหาสมุทร และผลต่อลักษณะลมฟ้าอากาศ สิ่งมีชี วิต และสิ่งแวดล้อม ปัจจัยต่าง ๆ ที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศโลก และแนวปฏิบัติเพื่อลดกิจกรรมของ มนุษย์ที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศโลก รวมทั้งการแปลความหมายสัญลักษณ์ลมฟ้าอากาศที่สำคัญ จากแผนทีอ่ ากาศ และข้อมลู สารสนเทศ 8. เข้าใจการกำเนิดและการเปลี่ยนแปลงพลังงาน สสาร ขนาด อุณหภูมิของเอกภพ หลักฐานที่ สนับสนุนทฤษฎีบิกแบง ประเภทของกาแล็กซี่ โครงสร้างและองค์ประกอบของกาแล็กซี่ทางช้างเผือก กระบวนการเกดิ และการสรา้ งพลงั งาน ปจั จัยทส่ี ่งผลตอ่ ความส่องสวา่ งของดาวฤกษ์ และความสัมพันธร์ ะหว่าง ความส่องสว่างกับโชติมาตรของดาวฤกษ์ ความสัมพันธ์ระหว่างสี อุณหภูมิผิว และสเปกตรัมของดาวฤกษ์
9 วิวัฒนาการและการเปลี่ยนแปลงสมบัติบางประการของดาวฤกษ์ กระบวนการเกิดระบบสุริยะ การแบ่งเขต บริวารของดวงอาทิตย์ลักษณะของดาวเคราะห์ที่เอื้อต่อการดำรงชีวิต การเกิดลมสุริยะ พายุสุริยะและผลที่มี ตอ่ โลก รวมทง้ั การสำรวจอวกาศและการประยกุ ตใ์ ชเ้ ทคโนโลยอี วกาศ หลกั สตู รรายวิชาฟิสกิ สเ์ พ่ิมเติม กลุ่มสาระการเรียนรูว้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ข้อมูลจำเพาะรายวิชา รายวชิ า เพม่ิ เตมิ ชอ่ื วิชา ฟสิ กิ ส์เพิ่มเติม 2 รหสั วิชา ว 31206 ระดบั ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ 4 ภาคเรยี นที่ 2 จำนวน 2.0 หน่วยกิต เวลาเรียน 80 ชวั่ โมง / ภาคเรยี น คำอธบิ ายรายวิชา ศึกษา สืบค้นและอธิบาย หลกั การของกลศาสตรในเรื่อง งานของแรงคงตัว กำลังเฉลี่ย พลังงานจลน์ พลงั งานศักย์ พลังงานกล กฎการอนุรักษ์พลงั งานกล การทำงาน ประสทิ ธภิ าพและการได้เปรียบเชิงกลของ เครื่องกลอยา่ งงา่ ย โมเมนตัมของวตั ถุและการดล ความสัมพนั ธ์ระหว่างแรงดลกบั โมเมนตมั การชนของวัตถุ ในหน่ึงมิติ กฎการอนุรกั ษ์โมเมนตมั การเคลอื่ นท่ีแบบโพรเจกไทล์ ปรมิ าณต่างๆ ที่เกี่ยวขอ้ งกบั การเคล่ือนท่ี แบบโพรเจกไทล์ การเคลื่อนท่ีแบบวงกลม ปริมาณทเ่ี ก่ยี วข้องกบั การเคลือ่ นท่แี บบวงกลม การเคลือ่ นที่แบบ ฮาร์มอนิกอย่างงา่ ย ปริมาณที่เกีย่ วข้องกบั การเคลือ่ นทีแ่ บบฮารม์ อนกิ อย่างงา่ ย แรงกบั การสนั่ ของมวลตดิ ปลายสริงและลกู ตุ้มอยา่ งงา่ ย ความถ่ีธรรมชาตแิ ละการสั่นพอ้ ง โดยใชก้ ระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การ สบื เสาะหาความรู้ การสบื ค้นขอ้ มลู การสงั เกต วิเคราะห์ เปรยี บเทยี บ อธบิ าย อภิปราย และสรปุ เพือ่ ให้เกิด ความรู้ ความเข้าใจ มีความสามารถในการตดั สนิ ใจ มีทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ รวมทงั้ ทกั ษะแหง่ ศตวรรษที่ 21 ในด้านการใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศ ดา้ นการคิดและการแก้ปญั หา สามารถสื่อสารส่ิงทเี่ รยี นรู้ และนำความรู้ไปใช้ในชีวิตของตนเอง มจี ิตวทิ ยาศาสตร์ จรยิ ธรรม คณุ ธรรม และคา่ นยิ มท่ีเหมาะสม ผลการเรียนรู้ 1. วิเคราะห์ และคำนวณงานของแรงคงตวั จากสมการและพ้นื ทีใ่ ต้กราฟความสมั พนั ธ์ ระหว่างแรง กับตำแหนง่ รวมทั้งอธิบายและ คำนวณกำลงั เฉล่ีย 2. อธิบายและคำนวณพลังงานจลน์ พลงั งานศกั ย์ พลังงานกล ทดลองหาความสัมพันธ์ระหว่างงานกบั พลงั งานจลน์ ความสมั พันธร์ ะหว่างงานกบั พลังงานศักย์โน้มถว่ ง ความสมั พันธร์ ะหวา่ งขนาดของแรงท่ใี ช้ดึง สปรงิ กับระยะทีส่ ปริงยืดออกและความสัมพนั ธ์ ระหวา่ งงานกับพลังงานศักย์ยืดหยุน่ รวมทง้ั อธิบาย ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งงานของแรงลพั ธ์ และพลงั งานจลน์ และคำนวณงานท่เี กดิ ข้นึ จากแรงลพั ธ์ 3. อธิบายกฎการอนุรักษ์พลงั งานกลรวมท้งั วิเคราะห์และคำนวณปริมาณตา่ งๆ ที่เกยี่ วข้องกบั การ เคลอ่ื นที่ของวตั ถุในสถานการณ์ตา่ งๆ โดยใชก้ ฎการอนรุ ักษ์พลังงานกล 4. อธิบายการทำงานประสทิ ธิภาพและการได้ เปรียบเชิงกลของเครอ่ื งกลอย่างงา่ ยบางชนิด โดยใช้ ความรเู้ รื่องงานและสมดลุ กลรวมทั้งคำนวณประสิทธิภาพและการไดเ้ ปรียบเชงิ กล 5. อธบิ ายและคำนวณโมเมนตมั ของวตั ถุและการดล จากสมการและพน้ื ท่ีใตก้ ราฟความสมั พนั ธ์ ระหวา่ งแรงลัพธ์กับเวลา รวมท้งั อธบิ ายความสัมพันธร์ ะหว่างแรงดลกับโมเมนตัม 6. ทดลองอธิบายและคำนวณปริมาณต่างๆ ที่เกยี่ วกับการชนของวตั ถุในหน่ึงมติ ทิ ัง้ แบบยืดหยนุ่ ไม่ ยืดหยนุ่ และการดีดตวั แยกจากกนั ในหนึ่งมิติซ่งึ เป็นไปตามกฎการอนุรักษ์ โมเมนตัม 7. อธิบาย วเิ คราะห์ และคำนวณปรมิ าณตา่ งๆ ทเ่ี ก่ียวข้องกับการเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทลแ์ ละ ทดลองการเคลอื่ นทแี่ บบโพรเจกไทล์
10 8. ทดลองและอธิบายความสัมพันธร์ ะหวา่ ง แรงสู่ศูนยก์ ลางรศั มขี องการเคลื่อนท่ี อัตราเร็วเชงิ เสน้ อัตราเร็วเชงิ มมุ และมวลของวตั ถ ุในการเคล่ือนท่ีแบบวงกลมในระนาบ ระดับรวมท้งั คำนวณปรมิ าณต่างๆ ท่ีเกย่ี วข้องและประยุกตใ์ ชค้ วามรู้การเคล่ือนทแ่ี บบวงกลมในการอธบิ ายการโคจรของดาวเทียม 9. ทดลองและอธิบายการเคลื่อนท่ีแบบฮาร์มอนกิ อย่างงา่ ยของวตั ถุตดิ ปลายสปริงและลูกต้มุ อยา่ งงา่ ย รวมท้งั คำนวณปรมิ าณต่างๆ ทีเ่ กย่ี วข้อง 10. อธิบายความถธี่ รรมชาติของวตั ถแุ ละการเกดิ การส่ันพ้อง 2. การเรียนการสอนออนไลน์ Taylor (2014) กล่าวถึงการเรียนการสอนออนไลน์เหมือนกับการเรียนการสอนในชั้นเรียนตรงท่ี ครูผู้สอนจะต้องจัดเตรียมกิจกรรมและประสบการณ์เรียนให้กับผูเ้ รียนโดยคำนงึ ถึง และการเรียนการสอนที่ดี น้นั ผู้เรยี นและผู้สอนควรต้องปฏสิ ัมพนั ธ์ระหวา่ งกนั ดังนั้นการเรียนการสอนออนไลน์จึงไม่ได้เป็นเพียงแค่การ สร้างบทเรียนบนเว็บ เพื่อให้ผู้เรียนเข้ามาศึกษาเนื้อหาบทเรียนเท่านั้น หากแต่ยังต้องมีการจัดกิจกรรมการ เรียนการสอนโดยคำนึงถึงผเู้ รยี นเป็นสำคัญ Worathan Technology (ม.ป.ป.) ได้อธิบายไว้ว่า การเรียนการสอนออนไลน์ (Online learning) จดั เปน็ นวตั กรรมทางการศึกษาในอีกรปู แบบหนง่ึ ซงึ่ สามารถเปลยี่ นแปลงวธิ เี รียนในรปู แบบเดิม ๆ ให้เป็นการ เรียนใหม่ ท่ีใช้เทคโนโลยเี ขา้ มาช่วยทำการสอน นอกจากนีค้ วามหมายอีกในหนึ่งยังหมายถึง การเรยี นทางไกล, การเรียนผา่ นเว็บไซต์ อีกด้วย สอดคล้องกับ Calder & McCollum (1988) กล่าวว่า คำจำกัดความโดยทัว่ ไป ของการเรียนรู้แบบเปิด คือการเรยี นร้ตู ามเวลา ตามความต้องการ และสถานท่ขี องตนเอง จักรกฤษณ์ โพดาพล (2563 ) กล่าวถึง การเรียนการสอนแบบออนไลน์ เป็นการศึกษาผ่านเครือข่าย อินเทอร์เน็ต ด้วยตนเอง ผู้เรียนสามารถเลือกเรียนตามความชอบของตนเอง ในส่วนของเนื้ อหาของเรียน ประกอบด้วย ขอ้ ความ , รูปภาพ , เสยี ง , DO และMultimedia อ่ืน ๆ สงิ่ เหลา่ นจี้ ะถูกสง่ ตรงไปยังผู้เรียนผ่าน Web Browser ทั้งผู้เรียน , ผู้สอน และเพื่อนร่วมชั้นทุกคน สามารถติดต่อ สื่อสาร ปรึกษา แลกเปลี่ยนความ คิดเห็นแบบเดียวกับการเรยี นในชั้นเรียนทั่วไป โดยการใช้ E-mail, Chat, Social Network เปน็ ต้น ดว้ ยเหตุนี้ การเรียนรู้แบบออนไลน์ จึงเหมาะสำหรับทุกคน เรียนได้ทุกเวลา ลักษณะสำคัญของการเรียนการสอนแบบ ออนไลน์ (Online learning) ผู้เรียนเป็นใครก็ได้ อยู่ที่ใดก็ได้ เรียนเวลาก็ใด เอาตามความสะดวกของผู้เรียน เป็นสำคัญ เนื่องจากโรงเรียนออนไลน์ได้เปิดเว็บไซตใ์ ห้บริการตลอด 24 ชั่วโมง มีสื่อทุกประเภทที่นำเสนอใน เว็บไซต์ ไม่ว่าจะทั้ง ข้อความ ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว เสียง VDO ซึ่งจะช่วยกระตุ้นความสนใจ ในการเรียนรู้ ของผู้เรียนได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังทำให้เหตุภาพของเนื้อหาต่าง ๆ ง่ายดายมากขึ้น ผู้เรียนสามารถเลือกวิชา เรียนได้ตามความต้องการ เอกสารบนเว็บไซต์ที่มี Links ต่อไปยังแหล่งความรู้อื่น ๆ ทำให้ขอบเขตการเรียนรู้ กว้างออกไป และเรยี นอยา่ งรูล้ กึ มากขึ้น จะพบว่า ประโยชนข์ องการเรียนการสอนแบบออนไลน์ (Online learning) ช่วยเพิ่มประสทิ ธิภาพใน การเรียนการสอน เนื่องจากไม่ได้จำกัดอยู่ในสถานที่เดียวเท่านั้น เกิดเครือข่ายความรู้ โยงใยออกไปไกล เน้น การเรยี นแบบผเู้ รยี นเป็นศนู ย์กลาง ช่วยลดช่องว่างระหวา่ งการเรยี นรู้ในเมืองกบั ทอ้ งถิน่ ดังนั้น ในการเรียนรู้แบบออนไลน์ จึงเป็นการเรียนที่มีความมีความยึดหยุ่นสูง เป็นการเตรียมการ เรยี นรู้ใหก้ ับผเู้ รียนทม่ี ีความใฝเ่ รียนรู้ สำหรบั นกั เรยี นนกั ศึกษาทวั่ ไปท่ีตอ้ งเขา้ เรียนตามหลักสูตร ผู้เรยี นจำต้อง มีความรับผดิ ชอบในการเรยี นมากกว่าปกติ เพราะเป็นการเรยี นรดู้ ว้ ยตวั เอง
11 2.1 องคป์ ระกอบการจดั การเรยี นการสอนแบบออนไลน์ การจัดการเรียนการสอนแบบออนไลน์ เปน็ การจดั การเรยี นรูท้ ผ่ี สมผสานองคค์ วามรรู้ ว่ มกับนวัตกรรม การเรียนร้แู ละเทคโนโลยที ่ีทันสมยั มรี ปู แบบการสอนทห่ี ลากหลาย องคป์ ระกอบของการจัดการเรยี นการสอน แบบออนไลน์ สรปุ ได้ดงั นี้ 1. ผู้สอน (Instructor) เป็นผู้ถ่ายทอดเนื้อหา องค์ความรู้ต่างๆให้กับผู้เรียนให้เกิดความเข้าใจใน เนื้อหาประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญของผู้สอน มีส่วนทำให้การสอนออนไลน์บรรลุเปา้ หมาย Belarmino JA, (2019) กล่าวถึง บทบาทของผู้สอนเป็นผู้ให้คำแนะนำ (Guide) พี่เลี้ยง (Mentor) เป็นผู้ฝึก (Coach) อำนวย ความสะดวก (Facilitators) เพื่อช่วยให้ผู้เรียนสามารถเล็งเห็นศักยภาพของตนเองในด้านการเรียนรู้ รวมถึง การพัฒนาสมรรถนะในการเรียนทักษะด้านความรู้ที่ใช้ในการทำงาน ความสามารถในการใช้เทคนิคต่างๆใน การทำงานที่สอนกันได้ (Hard Skill)เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติงานที่เหมาะสม และการพัฒนาทักษะด้านอารมณ์ ความสามารถในการอยู่ร่วมกับผู้อื่น รวมถึงการพัฒนาตนเอง (Soft Skill) เพื่อให้สามารถอยู่ในสังคมร่วมกับ ผู้อื่นได้อย่างมีความสุข รวมทั้งการส่งเสริมใหเ้ กิดความเข้าใจเนื้อหาการเรยี นได้รวดเร็วและนานขึ้น อย่างไรก็ ตามผู้สอนต้องพัฒนาสมรรถนะด้านการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อส่งเสริมกระบวนการจัดการเรียนรู้ได้ อย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยใหม้ ีความพร้อมในการแก้ไขปญั หาเฉพาะหนา้ ขณะทส่ี อน และควรมีการติดตาม การเข้าเรียนของผู้เรียนอย่างต่อเนื่อง เช่น ความถี่ของการเข้าเรียน จำนวนชั่วโมงการเรียน ปัญหาอุปสรรค ความต้องการในการช่วยเหลือเพิ่มเติมในการเรียน เพื่อให้ผู้เรียนได้รับประโยชน์จากการเรียนการสอนแบบ ออนไลน์เพิ่มขึ้น จากการศึกษาของ วิทยา วาโย และคณะ (2563) การได้เตรียมความพร้อมก่อนดำเนินการ สอน โดยเรียนรู้การใช้งานในระบบ และทดสอบการสอนออนไลน์เพื่อประเมินปัญหาอุปสรรค แนวทางแก้ไข ปัญหาขณะดำเนินการสอน รวมทั้งได้ปรับบทบาทการสอนโดยเน้นเป็นผู้ให้แนะนำ ผู้อำนวยความสะดวกกับ ผ้เู รียนเพ่มิ ข้นึ เช่น เนอ้ื หาการเรียน การสืบคันงาน รวมทงั้ มกี ารตดิ ตามการเข้าเรียนของผูเ้ รยี นอย่างตอ่ เนอื่ ง 2. ผู้เรียน (Student) เป็นผู้รับเนื้อหาและองค์ความรู้จากผู้สอน ซึ่ง กิตติชัย สุธาสิโนบล (2562) กล่าวถึงผู้เรียนว่า ผู้เรียนจำเป็นต้องมีความพร้อมในด้านการใช้เทคโนโลยีและสารสนเทศ การรู้เท่าทันสื่อ (Digital Literacy) สามารถสืบค้น วิเคราะห์ข้อมูลประเมินเนื้อหาอย่างเป็นระบบ โดยใช้วิจารณญาณในการ ตัดสินใจเกี่ยวกับข้อมูลได้อย่างเหมาะสม มีการเตรียมความพร้อมในการเรียนรู้ เช่น การศึกษาขอบเขตของ เนื้อหาก่อนเข้าเรียน การสืบค้นข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการเรียนรู้จากแหล่งเรียนรู้ต่างๆ การเตรียมระบบ เครือข่ายอินเตอร์เน็ตให้พร้อมใช้งาน การเตรียมสถานที่สำหรับการเรียนที่เหมาะสม การติดต่อสื่อสารแบบ ดจิ ทิ ลั กับผสู้ อนเพ่อื ให้สามารถมีปฏิสัมพันธ์ กับผู้สอนไดเ้ หมาะสม รวมทง้ั มีความฉลาดทางอารมณ์ในการใช้ส่ือ (Digital Emotional Intelligence) อย่างเหมาะสม เชน่ การแบง่ ปันข้อมูลขา่ วสารให้กับคนอื่น การมีน้ำใจใน โลกออนไลน์ เป็นต้น รวมทั้งควรเป็นผู้ที่มีความรับผิดชอบในการเรียนรู้ด้วยตนเอง และมีคุณธรรม จริยธรรม ในการเรยี นรู้ มีสว่ นร่วมในการเรียน การส่งงานตามกำหนด มีการทบทวนความรู้อย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ผู้เรียน ไดร้ ับประโยชน์จากการเรยี นการสอนแบบออนไลน์เพมิ่ ข้นึ ซง่ึ จากการศึกษาของ วิทยา วาโย และคณะ (2563) ในช่วงแรกของการเริ่มจัดการเรียนการสอนแบบออนไลน์ ผู้เรียนยังมีปัญหาขาดความเข้าใจในการเข้าใช้งาน ความพร้อมของอุปกรณ์รองรับและระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต ภายหลังที่ผู้สอนให้คำแนะนำในการเตรียม ความพร้อมสำหรับการเรียนรู้ พบว่าผู้เรียนสามารถปรับตัวเข้ากับการเรียนการสอนแบบออนไลน์เพิ่มมากข้ึน มกี ารเขา้ เรียนออนไลน์ผา่ นโปรแกรมตา่ งๆ ไดอ้ ยา่ งคลอ่ งแคลว่ รวมทั้งมกี ารเตรียมความพร้อมของตนเองก่อน เรียนเชน่ เตรยี มเอกสาร เตรียมบทความวิชาการ เป็นต้น ทำใหเ้ กิดการแลกเปลย่ี นเรยี นรู้ในระหว่างการเรียน รว่ มกับผ้สู อนและเพื่อนรว่ มชั้นเรยี น
12 3. เนื้อหา (Content) เป็นส่วนสำคญั ที่ทำให้การเรียนการสอนบรรลุตามวตั ถุประสงค์ เนื้อหาควรมี การออกแบบโครงสร้างตามวัตถุประสงค์ของรายวิชา มีการวางแผนผังรายวิชาเพื่อเป็นระบบนำทางเชื่อมโยง ไปส่เู น้อื หาตา่ งๆในบทเรียน สำหรับข้อความของเนือ้ หาควรมีความชดั เจน กระชบั เข้าใจงา่ ย มกี ารปรบั ปรุงให้ ทันสมยั อย่ตู ลอดเวลา เพอ่ื ให้ผเู้ รยี นศกึ ษาทำความเข้าใจได้ด้วยตนเองอยา่ งเหมาะสม ( Picciano AG ,2017 ) รวมทั้งควรมีการจัดลำดับข้อมูล หัวข้อย่อยต่างๆให้มีการเชื่อมโยงกัน และเนื้อหาในบทเรียนสามารถที่จะ ส่งเสรมิ ใหผ้ ู้เรยี นศกึ ษาค้นควา้ เพมิ่ เตมิ ได้ภายหลงั จากการเรียนออนไลน์ 4. สื่อการเรียนและแหล่งเรียนรู้ (Instructional Media & Resources) มีความสำคัญเป็นอย่าง ย่งิ ต่อการจดั การศึกษา สอ่ื การสอนท่ดี จี ะเปน็ สว่ นชว่ ยให้ผู้เรยี นสามารถทำความเขา้ ใจในเนื้อหาขณะท่ีเรียนได้ สื่อที่ใช้ในการสอนควรที่มีความแปลกใหม่ ดึงดูดความสนใจของผู้เรียนและกระตุ้นการเรียนรู้ เช่น วิดีโอ ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว สถานการณ์จำลอง บทความวิชาการ เป็นต้น ( Rao BJ, 2019) อย่างไรก็ตามผู้สอน ควรเลือกใชส้ อ่ื ให้เหมาะสม เช่น ขนาดตวั หนังสือ สี ความคมชดั ของรูปภาพ ความถูกตอ้ งของข้อมลู รวมทง้ั ส่อื ที่นำมาใช้ควรมีความสอดคล้องกับเนื้อหาของรายวิชาเพื่อให้ผู้เรียนเกิดความเข้าใจเพิ่มมากขึ้น นอกจาก น้ี แหล่งเรียนรู้ (Resources) ได้แก่ หนังสือ ตำรา E-book E -Journal ห้องสมุด เป็นทางเลือกที่ทำให้ผู้เรียน สามารถเข้าถึงสื่อการเรียนรู้ ด้วยการสืบค้นข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อนำมาประกอบการเรียน ซึ่งแหล่งเรียนรู้ควรมี ความหลากหลายให้ผู้เรียนสืบค้นได้อย่างเพียงพอ ทำให้ผู้สอนไม่จำเป็นต้องใส่เนื้อหาในบทเรียนทั้งหมด (Sadykova G, 2019) 5. กระบวนการจัดการเรียนรู้ (Learning Process) เป็นกระบวนการออกแบบการเรียนรู้ให้กับ ผู้เรียนตามหัวข้อ วัตถุประสงค์ เนื้อหา สื่อการสอน กิจกรรมการเรียนรู้ วิธีการวัดประเมินผล โดยอาศัย เทคโนโลยีสารสนเทศ มาออกแบบวิธีการจัดการเรียนรู้ภายใต้กระบวนการวิเคราะห์ (Analysis) วางแผน อ อ ก แ บ บ ( Planning Design) น ำ ไ ป ใ ช ้ ( Implement) พ ั ฒ น า ( Development) ป ร ะ เ ม ิ น ผ ล (Evaluation)หลักสูตรการเรียนรู้ให้กับผู้เรียน ซึ่งกระบวนการจัดการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ ควรส่งเสริมให้ ผ้เู รยี นไดส้ ามารถนำเนือ้ หาไปประยุกตส์ ู่การเรยี นรู้ตามสภาพจริง (Authentic Learning) 6. ระบบการติดต่อสื่อสาร (Communication Systems) มีส่วนสำคัญทำให้การจัดการเรียนการ สอนแบบออนไลน์ประสบความสำเร็จได้ ซึ่งการติดต่อสื่อสารแบ่งออกเป็น 2 ชนิด ( Haugen K , 2018 ) ได้แก่ 1) การสื่อสารทางเดียว (One-Way Communication) เป็นการถ่ายทอดเนื้อหาผ่านสื่อการสอน เช่น วิดีโอ (Video) PowerPoint ภาพน่ิง (Slide) สถานการณจ์ ำลอง (Scenario) กรณศี ึกษา (Case Study โดยไม่ มีปฏิสมั พันธร์ ะหว่างผูส้ อนกบั ผู้เรยี น 2) การสื่อสารสองทาง (Two-Way Communication) เป็นการถ่ายทอด เนื้อหาผ่านสื่อการสอน เช่น คอมพิวเตอร์ช่วยสอน (Computer Assisted Instruction : CAI) ระบบการจัด บทเรียน (Learning Management System: LMS) หรือการเรียนโดยผา่ นแอปพลเิ คชั่นการประชุมทางวิดโี อ เชน่ Google Hangout Meet, Zoom Meeting, Schoology, Webex, Microsoft Teams เป็นตน้ ซ่งึ ผู้สอน และผู้เรียนสามารถพูดคุย ซักถามร่วมกันได้ในขณะที่สอนและตรวจสอบความเข้าใจของผู้เรียนได้จาก การศึกษาจัดการเรียนการสอนแบบออนไลน์ของวิทยา วาโย และคณะ (2563) พบว่า การพิจารณาเลือก ระบบการติดต่อสื่อสาร ทำให้เกิดการเรียนรู้ถึงจุดเด่น ข้อจำกัดของโปรแกรม ได้แก่ จำนวนผู้เข้าใช้งาน ระยะเวลาใช้งาน ความคมชัดของภาพ เสียง ทำให้การเรียนการสอนแบบออนไลน์มีประสิทธิภาพและ เหมาะสม รวมทั้งการเลือกระบบการติดต่อสื่อสารชนิดสองทางผ่านโปรแกรมต่างๆ สามารถส่งเสริมให้ผู้สอน และผู้เรียนได้มีปฏิสมั พันธร์ ว่ มกันเพ่มิ ข้นึ ทำใหผ้ เู้ รียนกล้าทจี่ ะพดู คุยหรอื ซกั ถามกับผ้สู อนได้สะดวกมากข้นึ 7. ระบบเครือข่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ (Network Systems) เป็นชอ่ งทางในการอำนวยความ สะดวกให้การเรยี นการสอนมีความราบรนื่ ได้ ระบบเครอื ข่ายสารสนเทศ ประกอบดว้ ย 1) ระบบเครือขา่ ย
13 ภายในสถาบัน (Intranet) เป็นระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ภายในสถานศึกษา ซึ่งให้ผู้เรียนสามารถเข้ามาใช้ เครือข่ายภายในสถานศึกษาสำหรับการเรียนออนไลน์ได้ 2) ระบบเครือข่ายภายนอกสถาบัน (Internet)ท่ี เชื่อมต่อระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ทั่วโลกเพื่อให้สามารถติดต่อสื่อสารได้รวดเร็ว ซึ่งผู้เรียนสามารถใช้ เครอื ข่ายอนิ เตอร์เน็ตสำหรบั การเขา้ เรยี นออนไลน์ได้ทุกที่ ทกุ เวลา รวมท้ังสืบคน้ ข้อมูลประกอบการเรียนร้ไู ด้ อย่างไรก็ตาม อาจมีข้อจำกัดเกี่ยวกับความพร้อมของนักศึกษาในเรื่องการเตรียมอุปกรณ์เชื่อมต่อกับระบบ เครือข่ายเทคโนโลยีสารสนเทศและพน้ื ท่ีท่ีไม่มสี ญั ญาณเครือข่ายอินเตอร์เน็ต รวมถึงความเรว็ ของอินเตอร์เน็ต อาจทำใหก้ ารจดั การเรยี นการสอนแบบออนไลน์ไม่ราบรืน่ ได้ 8. การวัดและการประเมินผล (Measurement and Evaluation) จำเป็นต้องมีการวัดและ ประเมินผล โดยมกี ารวดั และประเมินผลทัง้ ระหว่างเรียน (Formative Assessment) เชน่ การตงั้ คำถาม การ สังเกตพฤติกรรมผู้เรยี น สะท้อนคิด เป็นต้น และภายหลังจัดการเรียน (Summative Assessment) เช่น การ ทดสอบด้วยแบบทดสอบต่างๆ เพื่อตรวจสอบความเข้าใจของผู้เรียน ประสิทธิผลของการเรียน เพื่อสะท้อน ความสามารถการเรียนรู้ของผู้เรียน ซึ่งควรมีความหลากหลาย เพื่อวัดประเมินผลผู้เรียนให้สอดคล้องตาม สภาพจรงิ (Shaban W ,2020 ) อยา่ งไรกต็ ามผ้สู อนจำเปน็ ต้องออกแบบเคร่ืองมอื วธิ ีการวัดและประเมินผลให้ มีประสิทธิภาพรวมทั้งควรมีการส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรมในการทดสอบออนไลน์ เพื่อป้องกันการทุจริตใน ระหว่างการสอบจากประสบการณ์การจัดทดสอบแบบออนไลน์ พบว่าปัญหาของการทจุ ริตในการทำข้อสอบมี น้อย เนื่องจากผู้สอนมีการกำหนดวิธกี ารสอบชัดเจน มีระบบการจัดเรียงข้อสอบแบบสุ่ม ทำให้การเรียงลำดับ ข้อสอบแต่ละชุดที่ส่งให้ผู้เรียนทำการสอบนัน้ จะไม่เหมือนกัน พร้อมทั้งมีเวลาเป็นตัวกำหนดการสิ้นสุดใช้งาน ในระบบและผู้เรียนต้องเปิดกล้องตลอดเวลาขณะที่มีการทดสอบเพื่อให้ผู้สอนได้สังเกตพฤติกรรมของผู้เรียน แตล่ ะคนได้ ดังน้ันจงึ กลา่ วไดว้ า่ องคป์ ระกอบของการจัดการเรยี นการสอนแบบออนไลน์ เป็นสว่ นสำคญั ที่จะทำให้ การเรียนการสอนนั้นเกิดประสิทธิภาพ ซึ่งองค์ประกอบดังกล่าวจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องออกแบบให้มีความ สอดคล้องกับสถานการณ์จริง สามารถปรับเปลี่ยนให้เหมาะกับผู้เรียนได้ ทั้งนี้ควรประเมินความพร้อมของ องค์ประกอบดังกล่าว การวิเคราะห์จุดแข็ง จุดอ่อนของการนำไปใช้ เพื่อนำไปสู่การประยุกต์ใช้กับการเรียน การสอนแบบออนไลน์ให้มีความเหมาะสม อย่างไรก็ตามความท้าทายของการจัดการเรียนการสอนแบบ ออนไลน์ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเทคโนโลยีสารสนเทศเพียงอย่างเดียว แต่การเตรียมตัวของผู้เรียนและผู้สอนก็มีส่วน สำคัญที่จำเป็นต้องปรบั มมุ มอง แนวความคิด รวมทั้งไม่ควรยึดติดวิธีการเรียนการสอนรปู แบบเดมิ แต่ควรเปิด มมุ มอง แนวความคิด วธิ ีการเรียนการสอนใหท้ ันต่อการเปลย่ี นแปลงทเ่ี กิดข้นึ 2.2 รปู แบบการเรียนการสอนแบบออนไลน์ เมื่อสถานการณ์ที่ส่งผลทำให้ผู้สอนและผู้เรียนมีปฏิสัมพันธ์ทางด้านวิชาการลดลง ไม่สามารถจัด กระบวนการเรียนการสอนตามปกติได้ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการปรับรูปแบบการเรียนการสอนให้มี ความเหมาะสม ซึ่งการเรียนการสอนแบบออนไลน์ถือว่าเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้เกิดการเรียนรู้และสามารถ ดำเนนิ การได้อย่างต่อเนื่อง แตส่ ิ่งทต่ี ้องคำนึงถึงคือการคงไว้ซึ่งการมปี ฏิสมั พันธ์ระหว่างผู้สอนกับผู้เรียนเพราะ การมีปฏิสัมพันธ์ของผู้สอนและผู้เรียนจะส่งผลทำให้ผู้เรียนมีแรงจูงใจในการเรียนรู้เพื่อนำไปสู่การพัฒนา ตนเองและยังส่งผลให้การเรียนรู้มีคุณภาพ (Hussin WNTW, 2019) ปัจจุบันรูปแบบการเรียนการสอนแบบ ออนไลน์มีหลากหลายวิธที ่ที ำให้ผูส้ อนและผู้เรยี นมปี ฏิสัมพนั ธร์ ่วมกนั สรปุ ไดด้ งั น้ี 1. การเรียนการสอนออนไลน์ด้วยรูปแบบ Massive Open Online Courses: MOOC เป็น รูปแบบการเรียนการสอนออนไลน์ที่มีการปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้สอนและผู้เรียน ซึ่งเป็นห้องเรียนออนไลน์ที่มี
14 ขนาดใหญ่สำหรบั นักเรยี น นสิ ิต นกั ศกึ ษา ประชาชนทว่ั ไปท่ีสนใจเขา้ เรยี นในสาขาที่ตนเองต้องการพัฒนาโดย มีองค์ประกอบ (ชโรชีนยี ์ ชัยมินทร , 2562 ) ได้แก่ วิดีโอการสอนบรรยายเนื้อหาและการยกตัวอยา่ งประกอบ เอกสารการสอนแบบออนไลน์ การตอบโต้แสดงความคิดเห็นระหว่างผู้สอนและผู้เรียน การประเมินผลการ เรียน และการทดสอบผลจากการสอนออนไลน์ด้วยรูปแบบ MOOC ของกชพรรณ นุ่นสังข์, วิภาวรรณ ชะอุ่ม เพ็ญสุขสันต์ และสายฝน เอกวรางกู (2019) พบว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาจิตวิทยาพัฒนาการวัย ผสู้ ูงอายุ เทา่ กบั 80.9 ส่วนรายวชิ าจติ วิทยาพัฒนาการวยั รนุ่ เท่ากับ 86.6 รวมทั้งผเู้ รียนมีพฤตกิ รรมการมีส่วน ร่วมในการเรียนรู้ตั้งแต่ต้นจนจบรายวิชาจิตวทิ ยาพัฒนาการวัยผู้สูงอายุและรายวิชาจิตวิทยาพัฒนาการวยั รนุ่ ค่าเฉลี่ย 47.21และ 49.46 ตามลำดับ และสอดคล้องกับการศึกษาของวณิชา พึ่งชมภู, ณัฐธยาน์ สุวรรณ คฤหาสน์ และบำเหน็จ แสงรัตน์ (2560) พบว่า พฤติกรรมการเรียนรู้ออนไลน์ในระบบ Thai MOOC ในการ ทำกิจกรรมการเรียนการสอนอยู่ในระดับมาก และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังการเรียนรู้มีความ แตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ จากผลการวิจัยท่ีมีการประยุกต์ใช้วิธีการสอนออนไลน์ด้วยรูปแบบ MOOC มีประเด็นที่สำคัญที่ต้องมีการพัฒนาต่อจากการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้สอนและผู้เรียน เช่น การพัฒนา กระบวนการคิดขั้นสูง การคิดแก้ไขปัญหาอย่างสร้างสรรค์ เพื่อให้ผู้เรียนสามารถนำองค์ความรู้ไปใช้ในการ ปฏบิ ัติงานต่อไป อยา่ งไรกต็ ามการออกแบบเนื้อหาในการเรียนมีความสำคญั เนื่องจากเป็นรปู แบบการเรียนรู้ที่ ประชาชนทว่ั ไปสามารถเข้าเรียนได้ จงึ ควรออกแบบเน้ือหาให้สอดคล้องกับผู้เรียนเพ่ือให้สามารถนำความรู้ไป ใชใ้ นการดำเนนิ ชีวิตตอ่ ไดอ้ ย่างเหมาะสม 2. การสอนด้วยรูปแบบ Modular Object Oriented Dynamic Learning Environment (Moodle) ซึ่งเป็นระบบการจัดการเรียนการสอนแบบเปิดเสมือนห้องเรียนจริง ทำให้ผู้สอนและผู้เรียน สามารถมีปฏสิ ัมพนั ธ์ระหว่างกันและกันได้ โดยผู้สอนสามารถออกแบบเน้ือหา กิจกรรมการเรียน แบบทดสอบ ช่องทางมอบหมายงานและการส่งงาน นอกจากนั้นมีสามารถสร้างห้องสำหรับการตอบโต้ระหว่างผู้สอนและ ผู้เรียนได้ จากการศึกษาของธัญญธร เมธาลักษณ์ และคณะ (2562) พบว่ากลุ่มตัวอย่างที่เรียนด้วยโปรแกรม Moodle มีคะแนนผลการสอบสูงกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ อย่างไรก็ตามจากการศึกษาของ วริศา วรวงศ์, พูลทรัพย์ ลาภเจียม และวราภรณ์ บุญยงค์ (2562) พบว่า กลุ่มทดลองที่ได้รับการจัดการเรยี น การสอนด้วยโปรแกรม Moodle กับกลมุ่ ควบคุมมีคะแนนความรู้ไม่แตกต่างกัน จะเหน็ ไดว้ า่ การการเรียนด้วย โปรแกรม Moodle ในบางสาขายังจำเป็นต้องมีการวิเคราะห์ปัญหา อุปสรรค และความเป็นไปได้ของการใช้ รูปแบบการเรียนด้วยโปรแกรม Moodle โดยเฉพาะสาขาวิชาชีพที่จำเป็นต้องมีการฝึกทักษะร่วมขณะเรียน เพื่อให้การเรียนบรรลุวัตถุประสงค์ได้ ดังนั้นกรณีที่จำเป็นต้องฝึกทักษะปฏิบัติในระหวา่ งการเรียน ผู้สอนควร สาธิต วิธีการปฏิบัติอย่างละเอียด ชัดเจน เพื่อให้ผู้เรียนสามารถที่จะทำความเข้าใจและปฏิบัติตามได้อย่าง ถูกตอ้ ง 3. วิธีการเรียนการสอนออนไลน์ผ่านโปรแกรมการประชุมออนไลน์ได้ เช่น โปรแกรม Zoom โปรแกรม Google Meeting Hangout เป็นต้น ซึ่งเป็นโปรแกรมการประชุมวิดีโอทางไกลที่ผู้สอนสามารถ เตรียมเอกสารประกอบการสอน เช่น PowerPoint วิดีโอ รูปภาพ เอกสารการสอนในรูปของไฟล์ Word Excel เป็นต้น โดยท่ผี ้สู อนและผู้เรยี นสามารถมปี ฏสิ ัมพนั ธ์ระหวา่ งการเรยี นการสอนได้ รวมทั้งสามารถบันทึก ไฟล์ภายหลังการสอนเพื่อให้สามารถเรียนย้อนหลังได้ จากการศึกษาของเครือหยก แย้มศรี (2560 )พบว่า ภายหลังการใช้แอปพลิเคชั่น Zoom Cloud Meeting ช่วยสอนในรายวิชาปฏิบัติการผดุงครรภ์ ส่งผลให้ คะแนนความรู้และทักษะทางการพยาบาลสูงกว่าก่อนการเรียนอย่างมีนยั สำคัญทางสถิติ อย่างไรก็ตามก่อนท่ี จะมีการเรียนการสอนผ่านโปรแกรมการประชุมออนไลน์ ผู้สอนควรออกแบบเนื้อหาให้สอดคล้องกับสื่อการ
15 สอน ระยะเวลารวมทั้งควรมีการประเมินผลระหว่างและภายหลังการเรียนการสอน เพ่อื ตรวจสอบความเข้าใจ เน้อื หาของผู้เรียน จากกระบวนการจัดการเรียนการสอนแบบออนไลน์ที่ส่งเสริมให้ผู้สอนและผู้เรียนได้มีปฏิสัมพันธ์ ระหว่างกันและกันด้วยกระบวนการต่างๆข้างต้นนั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้สอนต้องมีการวิเคราะห์ถึงหลักสูตร วัตถุประสงค์ เนื้อหา วิธีการจัดการเรียนการสอน การวัดประเมินผล ปัญหาและอุปสรรคต่างๆ เพื่อออกแบบ การสอนออนไลน์ให้มีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตามหัวใจสำคัญของการจัดการเรียนการสอนแบบออนไลน์คือ ผ้เู รยี น สามารถทจ่ี ะนำความรู้ท่ีได้ไปต่อยอดองค์ความรู้ใหมแ่ ละนำไปใชใ้ นการดำเนินชีวิต ซ่ึงเป็นส่ิงท่ีท้าทาย ให้ผสู้ อนจำเปน็ ต้องออกแบบการสอนใหม้ ผี ลลัพธ์ที่เหมาะสมกับผเู้ รียนต่อไป 2.3 การเลือกแพลตฟอร์มการจัดการเรียนการสอน ในการจดั การเรียนการสอนออนไลน์ ส่ิงสำคัญคอื “ระบบส่ือสาร” ต้องมคี วามเข้าใจท่ตี รงกันระหว่าง “ผู้บริหารกับครูผู้สอน” “ผู้สอนด้วยกันเอง” และ “ผู้สอนกับผู้เรียน” การเลือกใช้แพลตฟอร์มในการใช้สอน จึงเปน็ สง่ิ สำคัญ ดงั นี้ 1. การใช้แพลตฟอร์มการสอนในแต่ละแพลตฟอร์มมีค่าใช้จ่ายในการเปิดใช้ Account ซึ่งผู้บริหาร จำเป็นต้องทำเรอื่ งจัดซือ้ จดั จ้างเพื่อขอเปดิ ใชง้ านเพื่อให้เกดิ ประสิทธิภาพการทำงานของแพลตฟอร์มอยา่ งเต็ม ประสทิ ธภิ าพ จึงจำเปน็ ตอ้ งเลือกใช้เพยี งแพลตฟอรม์ เดยี ว 2. การเลอื กใชแ้ พลตฟอร์มจะต้องเปน็ ไปตามความต้องการของบคุ ลากรสว่ นใหญท่ ่ีมีความถนัดและใช้ งานสะดวก 3. การเลือกใช้แพลตฟอร์มเดียวทำให้เกิดความสะดวกแก่ผู้เรียน หากให้สิทธิ์ผู้สอนเลือกใช้งานตาม ตัวเองถนัด ต่างคนต่างใช้ จะเกิดปัญหาการเรียนของผู้เรียนที่ต้องตามเรียนกับรายวิชาต่าง ๆ ของผู้สอนที่ใช้ แพลตฟอรม์ ตา่ ง ๆ กันไป 4. การเลือกใช้แพลตฟอรม์ ใด ๆ ก็ตาม จำเป็นต้องมีการฝกึ อบรมในการใชง้ านให้ทัง้ ผสู้ อน และผูเ้ รียน ใหส้ ามารถใชง้ านคล่องและมปี ระสิทธิภาพ 2.4 การออกแบบบทเรยี นออนไลน์ ความต้องการในการออกแบบ การนำเสนอการจัดการเรียนการสอนและการฝึกอบรมผ่านเครือข่าย อินเทอร์เน็ตจำเป็นที่จะต้องทำการวิเคราะห์อย่างละเอียดรอบคอบ เพื่อความรู้และความเข้าใจทั้งในด้าน ศักยภาพของอินเทอรเ์ น็ตและทรัพยากรแหล่งเรียนรูต้ า่ ง ๆ ทอี่ ยบู่ นเครือข่ายอนิ เทอร์เน็ต กระบวนการและวิธี ในการประยุกต์ทฤษฎีการออกแบบการเรียนการสอนเพื่อให้สามารถดึงเอาศักยภาพที่มีอยู่ของอินเทอร์เน็ต ออกมา (Ritchie & Hoffman,1977) โดยทั่วไปการออกแบบจะใช้หลักการ ADDIE Model ซึ่งเป็น กระบวนการพัฒนารูปแบบการสอนที่นักออกแบบการเรียนการสอนและนกั พัฒนาการฝึกอบรมนิยมใช้กัน ซ่ึง ADDIE Model มลี ำดบั การพฒั นาเป็น 5 ขน้ั ซงึ่ ประกอบดว้ ย ขั้นที่ 1 ขั้นวิเคราะห์ (Analysis Phase) ในขั้นนี้เป็นการทำความเข้าใจปัญหาการเรียนการสอน เป้าหมายของรูปแบบการสอนและวัตถุประสงค์ที่จะสร้างขึ้นตลอดจนสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ และความรู้ พนื้ ฐานและทักษะของผู้เรยี นท่ีจำเปน็ ตอ้ งมี โดยพจิ ารณาจากคำถามเพื่อการวเิ คราะห์ดังน้ี - ใครคอื กล่มุ เป้าหมายและเขาตอ้ งมีคุณลักษณะอย่างไร - ระบพุ ฤติกรรมใหม่ทค่ี าดหวงั ว่าจะเกดิ ข้นึ กบั ผเู้ รียน
16 - มขี อ้ จำกดั ในการเรยี นร้ทู ่มี ีอยู่อะไรบ้าง - อะไรท่เี ป็นทางเลอื กสำหรับการเรยี นรทู้ ่ีมอี ยู่บ้าง - หลักการสอนทีพ่ จิ ารณาเป็นแบบไหน อยา่ งไร - มีชว่ งเวลาการพัฒนาเปน็ อย่างไร ขั้นที่ 2 ขั้นการออกแบบ (Design Phase) ขั้นตอนการออกแบบประกอบด้วย การสร้าง จุดประสงค์การเรียนรู้ กำหนดเครื่องมือวัดประเมินผล แบบฝึกหัด เนื้อหา วางแผนการสอน และเลือกสื่อการ สอน ขั้นตอนการออกแบบควรจะทำอย่างเป็นระบบและมีเฉพาะเจาะจง โดยความเป็นระบบนห้ี มายถึงตรรกะ มีระเบียบแบบแผนของการจำแนก การพัฒนา และการประเมินแผนยุทธวิธีที่วางไว้เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย สำหรับความเฉพาะเจาะจงหมายถึงแต่ละองค์ประกอบของการออกแบบรูปแบบการสอนจะต้องเอาใจใส่ทุก รายละเอยี ด ซง่ึ มขี น้ั ตอนดังนี้ - จำแนกเอกสารของการออกแบบการสอนให้เป็นหมวดหมู่ทั้งด้านเทคนคิ ยุทธวิธีในการออกแบบการ สอนและส่อื - กำหนดยุทธศาสตร์การเรียนการสอนให้สอดคล้องกับพฤติกรรมที่คาดหวังในแต่ละกลุ่ม (cognitive, affective, psychomotor) - สร้างสตอรีบอร์ด - ออกแบบ User interface และ User Experiment - สรา้ งสอื่ ต้นแบบ ขั้นที่ 3 ขั้นการพัฒนา (Development Phase) ขั้นตอนการพัฒนาคือขั้นที่ผู้ออกแบบสร้างส่วน ต่างๆ ท่ีได้ออกแบบไว้ในข้ันของการออกแบบซง่ึ ครอบคลุมการ สร้างเครือ่ งมือวัดประเมินผล สร้างแบบฝึกหัด สร้างเนื้อหา และการพัฒนาโปรแกรมสำหรับสื่อการสอน เมื่อเรียบร้อยทำการทดสอบเพือ่ หาข้อผิดพลาดเพื่อ นำผลไปปรบั ปรงุ แก้ไข ขั้นที่ 4 ขั้นการนำดำเนินการ (Implementation Phase) ในขั้นตอนการดำเนินการนี้ หมายถึง ขั้นของการสอนโดยอาจจะเป็นรูปแบบชั้นเรียน การฝึกอบรม หรือห้องทดลอง หรือรูปแบบการเรียนการสอน ที่ใช้คอมพิวเตอร์ โดยจุดมุ่งหมายของขั้นตอนนี้คือ การสอนอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล จะต้องให้ การส่งเสริมความเข้าใจของผู้เรียนสนบั สนุนการเรยี นรอบรู้ของผู้เรยี นตามวตั ถุประสงค์ต่าง ๆ ทต่ี ัง้ ไว้ ขั้นที่ 5 ขั้นการประเมินผล (Evaluation Phase) ขั้นการประเมนิ ผลประกอบด้วย 2 ส่วน คือการ ประเมินผลรูปแบบ (Formative) และการประ เมินผลในภาพรวม (Summative) การประเมินผลรปู แบบ คือ การนำเสนอในแต่ละขั้นของ ADDIE Process ซึ่งเป็นการประเมินผลเพื่อพัฒนา และการประเมินผลใน ภาพรวมจะทำเมื่อการสอนเสร็จสิ้นเพื่อประเมินผลประสทิ ธิผลการสอนทั้งหมดข้อมูลจากการประเมินผลรวม โดยปกติมกั จะถูกใช้เพือ่ การตัดสนิ ใจเกีย่ วกับรูปแบบการสอน 2.5 การจัดการหอ้ งเรียนออนไลน์ ในการเรียนการสอนออนไลน์จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีการทำความเข้าใจถึงรายละเอียดการเรียนการ สอนในแต่ละครั้งทเี่ ข้าเรียน โดยผู้สอนจะต้องกำหนดกรอบเวลาการเรียนการสอนไวอ้ ยา่ งชดั เจน ดังน้ี 1. กำหนดกจิ กรรมการเรียนการสอนในแต่ละคร้งั ให้ชัดเจนวา่ มอี ะไรบ้าง เชน่ ในการบรรยาย 1 ครงั้ อาจมีกจิ กรรม ทกั ทาย เช็คช่ือ บรรยาย แบง่ กลุ่มทำงาน นำเสนอ อภปิ ราย สรุป ทำแบบทดสอบ เป็นต้น
17 2. กำหนดสื่อการเรียนการสอนในแต่ละกิจกรรมการเรียนการสอน เช่น การการบรรยาย ผู้สอนอาจ ไม่จำเป็นต้องเป็นการใช้บรรยายแบบออนไลน์ แต่ใช้การบรรยายอัดเป็นวิดีโอ ไว้สำหรับให้ผู้เรียนได้เปิดดูได้ ตลอด 3. กำหนดระยะเวลาของแต่ละกิจกรรมการเรียนการสอนว่าใช้เวลาเท่าไหร่ ในแต่ละกิจกรรมจะต้อง แบ่งเวลาให้เหมาะสม และเป็นไปได้ในการเรียนการสอน เพราะการกำหนดเวลาต้องชัดเจนเพื่อไม่ให้กินเวลา ของรายวชิ าอ่นื ๆ ดงั น้ันในกจิ กรรมตา่ ง ๆ จะตอ้ งดำเนินการไมเ่ กินเวลาของการบรรยายรวม 4. กำหนดว่ากิจกรรมการเรียนการสอนใดบ้างที่จะควรจะเป็นการออนไลน์ กิจกรรมใดบ้างควรจะ ออฟไลน์เช่น กิจกรรมบางกิจกรรม อาจไม่จำเป็นต้องออนไลน์ แต่เป็นการให้ผู้เรียนศึกษาด้วยตนเองก่อน ก่อนที่จะเข้าสกู่ ารออนไลน์ ดงั นน้ั ในการบรรยาย อาจจะแบง่ เป็นกิจกรรมท่ีออฟไลน์ได้ เช่น การศึกษาเน้ือหา ด้วยเอกสารประกอบการสอน การฟังบรรยายจากสือ่ วดิ ีโอ เป็นต้น สำหรับการออนไลน์ เลือกเฉพาะกิจกรรม ท่ีต้องการพบปะเห็นหน้ากนั เช่น การบรรยายสรปุ เน้ือหาสำคัญ การนำเสนอ การอภิปราย เป็นต้น 2.6 การใช้สื่อในการเรยี นการสอนออนไลน์ ในการจัดการเรียนการสอนออนไลน์ตามทฤษฎีของกาเย่ (Robert Gagne) ต้องสร้างความน่าสนใจ ใหก้ ับการจัดการเรยี นการสอน ดงั น้นั การเลือกใชส้ อ่ื มีความสำคัญ ผ้สู อนสามารถใช้สอ่ื ไดห้ ลากหลาย ประเภท ตา่ ง ๆ ทใ่ี ช้มีดงั นี้ 1. สื่อเอกสาร โดยทั่วไป คือ สื่อประเภทตัวหนังสือท่ีเป็นเนื้อหาหลกั และเนื้อหาประกอบที่เกีย่ วขอ้ ง กับเนื้อหาบทเรียนทีท่ ำการเรยี นการสอนออนไลน์ สอื่ ประเภทนมี้ ีไว้สำหรับใหผ้ ู้เรยี นไดศ้ กึ ษาด้วยต้นเอง 2. สื่อรูปภาพ โดยทั่วไปอาจเป็นภาพ Inforgraphic ที่เป็นการประมวลภาพรวมของเนื้อหาที่ผู้สอน ต้องการใหผ้ เู้ รยี นเขา้ ใจในเนื้อหาองค์รวมของบทเรยี น หรือภาพไดอะแกรมของเน้ือหาบาสว่ นทตี่ ้องการให้เห็น ความเชื่อมโยงของเนื้อหา ตลอดจนรูปภาพทั่วไปที่ผู้สอนนำมาประกอบเพื่อความชัดเจนของเนือ้ หา ซึ่งผู้สอน อาจจะสรา้ งขึ้นมาเอง หรือนำมาจากแหล่งข้อมลู อนื่ กไ็ ด้ 3. Link URL ของข้อมูลในอินเตอร์เน็ต โดยทั่วไป ผสู้ อนใช้สำหรับให้ผู้เรียนได้ศึกษาเพิ่มเติมเน้ือหาที่ เกี่ยวขอ้ งกบั บทเรยี น 4. สื่อวิดีโอ โดยทั่วไปสื่อวิดีโอถือว่าสำคัญมากในการจัดการเรียนการสอนออนไลน์ เพราะเป็นการ สร้างความน่าสนใจให้กับเนื้อหาของบทเรียน โดยในการเรียนการสอนออนไลน์ในระบบ MOOC ของ Thailand Cyber University ได้กำหนดเนื้อหาส่วนที่เป็น วิดีโอไว้ ร้อยละ 35 ขอเนื้อหาในแต่ละบทเรียน Skilllane (ม.ป.ป.) อธิบาย การสร้างวิชาออนไลน์ใน 4 ขั้นตอนงา่ ย ๆ ดงั น้ี ขั้นตอนที่ 1 วางโครงสร้างหลักสูตร ขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุดของการสร้างวิชาเรียนขึ้นมา วชิ าหนง่ึ (ไมว่ ่าจะเปน็ วชิ าออนไลนห์ รือไม่กต็ าม) คำถามท่ีผูส้ อนตอ้ งตอบใหไ้ ด้คือ เราจะสอนใคร? และ เขาจะ ไดร้ บั ประโยชน์อะไร? เนื่องจากกลุ่มเป้าหมายนักเรียนตา่ งกนั เนอื้ หาของสองวิชานี้ก็จะแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เมอ่ื หากลมุ่ เปา้ หมายเจอแล้ว ผูส้ อนต้องวางแผนวิชาออนไลนข์ องตนว่าจะมีจำนวนวีดีโอเท่าไร และแต่ละวีดีโอ มีเนอื้ หาอย่างไร โดยความยาวของแตล่ ะวดี ีโอนน้ั ไมม่ จี ำกดั แตข่ อใหจ้ ำไว้ว่า ความตัง้ ใจของนกั เรียนน้ันมีจำกัด ความยาวของวีดโี อจงึ ควรจะกระชบั ท่สี ุดเท่าทจ่ี ะเปน็ ไปได้ ขั้นตอนที่ 2 เตรียมบทพูดและเอกสารประกอบให้พร้อม ผู้สอนควรจะเตรยี มสอนเสมือนกับว่าตัวเอง ต้องไปพูดที่หน้าห้อง ควรจะต้องมีสคริปท์ในระดับหนึ่ง คือ ไม่จำเป็นต้องละเอียดยิบ แต่ต้องรู้ในภาพใหญ่วา่ เราจะพูดอะไรในแต่บท และมีลำดับขั้นตอนอย่างไร การเตรียมตัวที่ดีจะเป็นประโยชน์ต่อการเรียนรู้ของ นกั เรยี นมาก และทส่ี ำคัญ มนั จะช่วยให้ผสู้ อนประหยดั เวลา จากการที่ไมต่ อ้ งมาอัดวีดโี อซำ้ แล้วซำ้ อกี
18 ขน้ั ตอนที่ 3 ถ่ายวดี โี อ เม่อื เตรียมตวั พร้อมแล้ว ข้นั ตอนต่อไปก็คือการถ่ายวีดีโอ โดยการถ่ายวีดีโอน้ัน สามารถทำได้หลากหลายรูปแบบ คือ ถ่ายวีดีโอโดยการบันทึกหน้าจอคอมพิวเตอร์ถ่ายวีดีโอแบบเห็นหน้า ผู้สอน แบบผสมผสาน และถ่ายวดี ีโอจากงานสัมมนา ขั้นตอนที่ 4 ตัดต่อวีดีโอ การตัดต่อวีดีโอนั้นมีความสำคัญต่อการถ่ายทำวีดีโอในรูปแบบผสมผสาน รูปแบบสัมมนา และผู้ที่ต้องการให้เสียงมีคุณภาพที่ดี โปรแกรมตัดต่อสามารถทำให้เราสลับภาพไปมาได้ ใส่ เอฟเฟค และการ synchronize เสียงที่ถูกบันทึกจากเครื่องอัดเสียงภายนอก ซึ่งการตัดต่อวีดีโอนั้นไม่ยากอีก ต่อไป หลายๆบรษิ ทั ยักษ์ใหญ่อยา่ ง Apple ไดอ้ อกโปรแกรมตดั ตอ่ วดี ีโอ อาทิ iMovie และ Final Cut Pro ซง่ึ ง่ายสำหรับผู้ใช้งานทั่วไป ส่วนโปรแกรมบันทึกหน้าจอ เช่น Screenflow และ Camtasia ก็รองรับการตัดต่อ วีดีโอเช่นเดียวกัน โดยทุกโปรแกรมมีหลักการใช้งานที่ไม่ต่างกัน ถ้าเราใช้อันใดอันหนึ่งเป็นแล้ว การหัดใช้ โปรแกรมของคา่ ยอืน่ กเ็ ป็นเรือ่ งงา่ ย 2.7 การวัดและประเมนิ ผลการจดั การเรียนการสอน ในการวัดผลประเมินผลการเรียนการสอนแบบออนไลน์จะแตกต่างจากการจัดการเรยี นการสอนท่ัวไป ทั้งนี้เพราะการจัดการเรียนการสอนออนไลน์ มีความคาดหวังในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมกรรมของผู้เรียนที่ เด่นชัด โดยเฉพาะด้านทักษะ การวัดผลและประเมินผลการเรียนจึงไม่ควรเน้นการสอบโดยวิธีทั่วไป ในการ ดำเนินการวดั ผลและประเมินผลการเรียนแบบออนไลน์แบ่งเป็น 2 ระดับ ดงั นี้ 1. ระดบั รายวิชา ควรมกี ารวดั ผลประเมินผลแบบ 360 องศา คือ นำความสนใจ ใสใ่ จในการเรียนการ สอน การส่งงานสม่ำเสมอ การเข้าเรียนสม่ำเสมอ การร่วมทำงานกลุ่มกับเพื่อน การประเมินจากเพื่อร่วมห้อง เข้ามาช่วยในการประเมิน ดังนั้น การเก็บคะแนนในแต่ละครั้งในการเรียนจึงถือว่าเป็นหัวใจสำคัญ ของการ ประเมิน 2. ระดับชั้นเรียน ระดับชั้นเรียน หมายถึง อาจารย์ผู้รับผิดชอบหลักสูตร ควรมีการวางแผนในการ ประเมินอย่างเป็นระบบ โดยดวู ่า ในระดบั ชน้ั เรียนน้ันมกี ารจดั การเรยี นการสอนก่รี ายวิชา มีวิชาอะไรบา้ ง เม่อื ทราบแล้วควรมีการจัดทำการวัดประเมินร่วม ในเชิงการทำ Project Based Learning โดยการวางแผนรวม รายวชิ าเพอ่ื ทำการประเมนิ ร่วมกัน ซึง่ จะเป็นประโยชนส์ ำหรับผ้เู รยี นในการลดงานลง และเป็นการประเมนิ ผล เชงิ ทกั ษะของผูเ้ รยี น 2.8 การประยุกตใ์ ช้การเรยี นการสอนแบบออนไลน์ การเรียนการสอนภายใต้สถานการณ์ฉุกเฉินทางด้านสุขภาพ ภัยพิบัติทางธรรมชาติ รวมทั้งภาวะ หยุดชะงักทางการศึกษา (Education Disruption) ทเี่ กิดข้นึ จากปัญหาอนื่ ๆ ทำให้ไม่สามารถจัดการเรียนการ สอนในชัน้ เรยี นไดต้ ามปกติ ส่งิ เหลา่ น้มี ีความท้าท้ายกับผู้สอนในยุคปจั จบุ ันท่ีจำเปน็ ต้องมีการปรับตัวให้เข้ากับ การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น เพื่อส่งเสริมให้เกิดความเข้าใจเนือ้ หาการเรียนได้รวดเร็วและนานขึ้น อันจะนำไปสู่ การพัฒนาศักยภาพของตนเองในการเรียนรู้ตลอดชีวิต (Life Long Learning) เพื่อเป็นผู้ใหญ่ที่มคี ุณภาพของ สังคมต่อไป การประยกุ ต์ใช้การเรียนการสอนแบบออนไลน์ แบ่งออกเปน็ 3 ระยะ สรุปไดด้ ังน้ี ระยะก่อนการสอนออนไลน์ 1. ออกแบบวิธีการจัดการเรียนการสอนแบบออนไลน์ โดยพิจารณารูปแบบการเรียนการสอนให้ เหมาะสมกับลักษณะรายวิชา คำนึงถึงความแตกต่างของผู้เรียนแต่ละคน เพื่อให้จัดการเรียนการสอนแบบ ออนไลน์ได้สอดคล้องกับผู้เรียน โดยผู้สอนควรวิเคราะห์เนื้อหาวิชาให้เหมาะสมสำหรับการเลือกใช้วิธีการ
19 จัดการเรียนรู้ โดยเฉพาะวิชาที่จำเป็นต้องใช้ทักษะปฏิบัติ ควรเลือกใช้วิธีการจัดการเรียนรู้แบบผสมผสาน เพื่อให้ผู้เรียนสามารถฝึกทักษะปฏิบัติร่วมกับผู้สอนและแก้ไขปัญหาหรือข้อสงสัยกับผู้สอนได้ทันที โดยก่อน สอนควรทดสอบการใช้ระบบการเรียน พร้อมทั้งปฐมนิเทศหรือชี้แจงให้ผู้เรียนได้เข้าใจระบบการเรียนผ่าน จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ วิธีการตอบโต้สำหรับการเรียนการสอนแบบออนไลน์ รวมทั้งให้ผู้เรียนได้ทดสอบการ ใช้ระบบการเรียนก่อนถึงชั่วโมงสอนจริง อย่างไรก็ตามวิธีการติดต่อสื่อสารโดยการตอบโต้ระหว่างผู้สอนกับ ผู้เรียน ทำให้การเรียนออนไลน์ได้ประโยชน์รวมทั้งผู้เรียนสามารถสอบถามในประเด็นทีส่ งสัยเพื่อให้เกิดความ กระจ่างได้ จากประสบการณ์การจัดการเรียนการสอนแบบออนไลน์ ผู้สอนได้ชี้แจงวิธีการเรียนให้กับผู้เรียน ผ่านจดหมายอิเล็กทรอนิกส์และผ่านกลุ่มสื่อสังคมออนไลน์ (Line) เพื่อให้ผู้เรียนเตรียมความพร้อมก่อนการ เรยี นรู้ รวมทง้ั ผู้สอนไดอ้ อกแบบการจัดการเรียนการสอนแบบออนไลน์ทีส่ ง่ เสรมิ ให้ผูเ้ รยี นสามารถมสี ่วนรว่ ม มี ปฏิสัมพันธ์กับผู้สอนและเพื่อนร่วมชั้นเรียนในกิจกรรมท่ีหลากหลาย โดยพิจารณาจากรายละเอียดเนื้อหาวชิ า และผลลัพธก์ ารเรียนรู้ ได้แก่ การแบ่งกลุ่มนำเสนอ การจัดทำวิดโี อคลปิ การเล่มเกมส์ การร่วมอภิปรายแสดง ความคิดเห็น ซักถาม ตอบคำถาม สรุปบทเรียน เป็นต้น และผู้สอนได้คำนึงถึงการบริหารเวลาท่ีเหมาะสม มี ความยืดหยุ่น เนื่องจากพบว่าขณะที่นักศึกษากำลังมีส่วนร่วมในการเรียนการสอนในบางครั้งอาจมีปัญหา อุปสรรคในการใช้ระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต ทำให้การเรียนการสอนไม่เป็นไปตามแผน ทำให้ผู้สอนต้อง ทดสอบระบบการเรยี นก่อนช่วั โมงสอนจรงิ จึงทำใหก้ ารจดั การเรียนเกิดความราบรืน่ และสอดคล้องกับผลลัพธ์ การเรียนรตู้ ามวตั ถปุ ระสงค์รายวชิ า 2. ออกแบบสื่อการเรียนการสอน ที่มีความทันสมัยหลากหลาย และเข้าใจง่าย เช่น รูปภาพ วิดีโอ คลิป การ์ตูนแอนิเมชัน ข้อความกราฟิก เสียงพูด ดนตรีประกอบ เพื่อกระตุ้นความสนใจ รวมทั้งสื่อที่ใช้ควรมี การเชื่อมโยงกับเนื้อหาเพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้น โดยเฉพาะอาจเลือกใช้สื่อที่มีอิทธิพลต่อผู้เรียน เช่น ข่าวสาร สถานการณเ์ ดน่ ดารานักแสดง เครอื ข่ายสังคมออนไลน์ เปน็ ตน้ รว่ มกับเทคนิคการถ่ายทอดผา่ นส่ืออยา่ งหมาะ สมจะส่งเสริมให้ผู้เรียนเกิดความสนใจและกระตุ้นการเรียนรู้ได้ แต่สิ่งสำคัญสำหรับการนำสือ่ มาใช้นัน้ ผู้สอน ควรมีการวางแผน ออกแบบ ตรวจสอบ รวมทั้งนำสื่อไปทดลองใช้ก่อนแล้วนำมาปรับปรุงแก้ไข เพื่อให้สื่อการ สอนมีประสิทธภิ าพสอดคลอ้ งกับหัวข้อการเรยี นรู้เพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ตามยังพบว่าปัญหาของการทำส่ือการ สอนออนไลน์ของผู้สอนเก่ียวกับขนาดตัวอักษรและสีของข้อความท่ีอ่อน ขนาดเล็ก จำนวนข้อความในสื่อมาก เกินไป ทำให้มีผลต่อการมองเห็นและความสนใจเรียนรู้ลดลง จากการศึกษาของพีรนันท์ วิศาลสกุลวงษ์,สุมิต ตา สว่างทุกข์ และมณีรัตน์ พราหมณี (2563) พบว่า สื่อการสอนออนไลน์ที่ดี (Good Media) มีความ หลากหลาย ร่วมกับวธิ กี ารส่อื สารของผูส้ อนท่ีดีถึงผเู้ รียนให้เกิดความเข้าใจในการใชส้ ่ือ ส่งเสริมให้การเรียนรู้มี ประสิทธิภาพและผู้เรียนมีความตระหนักในการเรียนรู้ด้วยตนเองเพิ่มขึ้น จากการศึกษาจัดการเรียนการสอน แบบออนไลน์ของวิทยา วาโย และคณะ (2563) การออกแบบสื่อการเรียนการสอน ได้แก่ PowerPoint โดย ออกแบบขนาดตัวอักษรที่ชัดเจน ความเข้มของตัวอักษร ปริมาณเนื้อหาที่เหมาะสม มีรูปภาพที่เกี่ยวข้องกับ หวั ข้อน้ันๆโดยเลือกจากรูปภาพจริงที่ผ่านการ ขออนญุ าตในการนำรูปมาใช้เป็นสื่อการสอน เพื่อให้ผู้เรียนเกิด ความเข้าใจง่ายขึ้น รวมทั้งมีวิดีโอที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ในปัจจุบันและภาพข่าวที่เป็นประเด็นที่เด่น เช่น โรคตดิ เช้ือไวรัสโคโรนา 2019 สถานการณ์ผ้สู งู อายุ เปน็ ต้น 3. ออกแบบเป้าหมายของการเรียน เพื่อให้ผู้เรียนได้รับการพัฒนาในด้านการเรียนรู้ตามหลัก3 R7C อย่างเหมาะสม โดยสมรรถนะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 มีความสัมพันธ์อย่างยิ่งกับการปรับตัวเป็นวิถีชีวิต แบบใหม่ (New Normal) ทางการศึกษา จากการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศมาประยุกต์กับการเรียนการสอน แบบออนไลน์ของศราวุธ เรืองสวัสด์ิ, ปภาสินี แซ่ติ๋ว และปิยะรัตน์ ชูมี (2563) พบว่าภายหลังการจัดเรียนรู้ แบบผสมผสาน (Blended Learning) โดยการสอนท้งั ในชั้นเรยี นและการสอนแบบออนไลน์ส่งผลทำให้ผู้เรียน
20 มีทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 สูงกว่าก่อนการเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ และจากการศึกษาของ นีรนาท จุลเนียม พบว่าการเรียนรู้รว่ มกับสื่อสงั คมออนไลนข์ องนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษาส่งผลทำใหท้ ักษะ การคิดอย่างมีวิจารณญาณสูงกว่ากอ่ นเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถติ ิ ซึ่งทักษะการคิดอย่างมวี ิจารณญาณเป็น ส่วนหนึ่งของทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ที่สามารถต่อยอดไปสู่การคิดแก้ไขปัญหาอย่างสร้างสรรค์ รวมทัง้ การพฒั นานวัตกรรมต่อไป จากผลการศึกษาดังกล่าวทำให้เห็นว่าการเรียนการสอนแบบออนไลน์ทำให้ผู้เรียนได้รับการพัฒนา ทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 เป็นโอกาสของผู้สอนทีจ่ ะสามารถออกแบบเป้าหมายของการเรียน เช่น ให้ ผู้เรียนศึกษาเนื้อหาผ่านบทเรียนออนไลน์ ร่วมกับการฝึกปฏิบัติทักษะร่วมกับผู้สอนในชั้นเรียน รวมทั้งผู้สอน สามารถให้คำแนะนำกบั ผู้เรียนเพ่ือการปรบั ปรงุ แก้ไข ทำให้ผู้เรียนสามารถที่จะพัฒนาการปรบั ปรุงการเรยี นรู้ ของตนเองให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น และจากการศึกษาของ วิทยา วาโย และคณะ (2563) พบว่า การเรียน การสอนแบบออนไลน์โดยให้ผู้เรียนได้ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการเรียนรู้ เช่น การใช้โปรแกรมประชุม ออนไลน์ การใช้โปรแกรม Moodle ในการเรียน รวมทั้งการใช้ฐานข้อมูลและมอบหมายให้สืบค้นข้อมูลต่างๆ ประกอบการเรียนรู้เพิ่มเติมจากฐานข้อมูลวารสารวิชาการทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทำให้ผู้เรียนมี สมรรถนะการเรยี นรใู้ นศตวรรษท่ี 21 มากข้นึ ระยะระหวา่ งการสอนออนไลน์ ในระหวา่ งทมี่ ีการเรยี นการสอนนัน้ ผสู้ อนควรมกี ารจัดกระบวนการสอนให้เหมาะสม เพื่อให้การเรียน การสอนเกดิ ความราบร่ืน สอดคล้องตามแผนการสอน รวมทงั้ ผูเ้ รียนให้ความร่วมมือตลอดระยะเวลาของ การ เรียน ซึ่งจากทฤษฎีการเรียนรู้ของกาเย่ (Gagne's Theory of Instruction) (Gagne RM,1992) ที่ผู้สอน สามารถนำมาประยุกตใ์ ช้ระหวา่ งการสอนออนไลน์ ดังน้ี 1. เรง่ เรา้ ความสนใจ (Gain Attention) ก่อนเข้าสู่เนื้อหา เช่น วดิ โี อ รูปภาพกราฟิก สถานการณ์เด่น ในปจั จบุ นั หรอื การจัดสิ่งแวดล้อมในการสอนให้มีความแปลกใหม่ เพอื่ ให้เกิดการเร่งเร้าความสนใจของผู้เรียน และอยากติดตามการเรยี นเพ่ิมขนึ้ 2. บอกวัตถุประสงค์การเรียนรู้ (Specify Objective) เป้าหมายของการเรียน เพื่อให้ผู้เรียนสามารถ เตรียมความพร้อมของตนเองในการเรยี นให้บรรลุวัตถุประสงค์ 3. ทบทวนความรู้เดิม (Activate Prior Knowledge) เป็นการกระตุ้นให้ผู้เรียนสามารถทบทวนองค์ ความรู้เดิมของตนเองและเชื่อมโยงสู่การเรียนเนื้อหาใหม่ไดง้ ่ายข้ึน เช่น การถาม -ตอบ การเล่าประสบการณ์ เรียน การสอบกอ่ นเรียน (Pre-Test) เปน็ ต้น 4. นำเสนอเนื้อหาใหม่ (Present New Information) ผู้สอนควรนำเสนอเนื้อหาที่กระชับ มี ภาพประกอบหรือมีผังความคิด (Mind Mapping) เพื่อให้มีเรียนมีความเข้าใจสามารถสืบค้นเนื้อหาจากแหลง่ เรยี นรู้อน่ื ๆได้ 5. ช้ีแนะแนวทางการเรยี นรู้ (Guide Learning) วิธีการและขั้นตอนของการเรียนออนไลน์ ซ่งึ เป็นการ แนะนำวธิ กี ารบรู ณาการความรู้เดมิ ทีม่ ีเช่ือมโยงเขา้ กบั ความร้ใู หม่ เพอื่ นำไปสกู่ ารใชค้ วามรูท้ ี่เหมาะสม 6. ตอบสนองบทเรียน (Elicit Response) ด้วยการมีส่วนร่วมระหว่างเรียน เช่น การตอบคำถามการ แสดงความคิดเห็นระหว่างเรียน ทั้งการพูดและการเขียน (Chat Box) เพื่อตรวจสอบความเข้าใจเนื้อหาของ ผ้เู รยี น 7. ใหข้ ้อมูลย้อนกลับ (Provide Feedback) เป็นสะท้อนการรบั การสง่ ข้อมูลของผสู้ อนให้กบั ผู้เรียน เพ่ือทบทวนเป้าหมายและวตั ถุประสงคก์ ารเรียนรู้
21 8. ประเมินเพื่อการปรับปรุงระหว่างการเรียน (Formative Evaluation) เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพ ของการเรียนการสอนทำให้ผู้สอนสามารถปรับเนื้อหาบทเรียนให้สอดคล้องกับผู้เรียน และจำแนกผู้เรียนตาม ระดับความรู้ความเข้าใจได้ (อิสระ กุลวุฒ และคณะ,2561) ได้แก่ การตั้งคำถาม การให้ข้อมูลย้อนกลับ การ สงั เกตผูเ้ รียนขณะท่ีมีการสอนแบบออนไลน์ เปน็ ต้น เพ่อื ให้ผสู้ อนสามารถที่จะปรับการสอนให้มีประสิทธิภาพ รวมทัง้ ตรวจสอบความรู้ของผเู้ รียนเพื่อไม่ใหเ้ กิดความเขา้ ใจที่คลาดเคลอื่ น 9. เตรียมกลยุทธ์การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า (Preparing Strategies) สามารถทำได้โดยการกำหนด ตัวเชื่อม (Links)ที่อนุญาตให้ผู้เรียนเลือกเข้าไปศึกษาเนื้อหาเพิ่มเติมในสิ่งที่น่าจะเป็นประโยชน์ในการนำองค์ ความรู้ที่ไดร้ บั มาไปใช้ กรณีที่มีข้อจำกัดเกดิ ขึ้นระหวา่ งการเรียนการสอน อาจมีสาเหตุมาจากระบบเครือขา่ ย ไม่เสถยี ร ผู้เรียนไม่สามารถเขา้ ถึงเนื้อหาการเรียนจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ไม่เพยี งพอ หรือผู้เรียนมีข้อจำกัด เรื่องค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นจากการใช้งานอินเตอร์เน็ต รวมทั้งผู้สอนไม่สามารถจัดการสอนออนไลน์แบบ ถ่ายทอดสดได้ ซึ่งเป็นปัญหาที่จำเป็นต้องเร่งแก้ไขตามสาเหตุ เพื่อให้สามารถจัดการเรียน การสอนได้อย่างมี ประสิทธิภาพ โดยสิ่งเหล่านี้ภาครัฐและสถานศึกษาควรมีการจัดบริการพื้นที่สำหรับเรียนรู้ในชุมชนเพื่อให้ ผู้เรียนสามารถที่จะเข้าไปใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์ในการเรียนรู้ได้ รวมทั้งการสนับสนุนแหล่งเรียนรู้เพิ่มเติม เช่น ห้องสมดุ ชุมชน อินเตอร์เนต็ ชุมชน เพอื่ ใหผ้ ้เู รียนสามารถเขา้ ไปใช้งานและศึกษาความรู้เพิ่มเติม ดา้ นผสู้ อนควร มีการวางแผนรูปแบบการสอน เช่น การบันทึกวิดีโอ การออกแบบกิจกรรมการสอน ที่ให้ผู้เรียนสามารถที่จะ เรยี นรู้ดว้ ยตนเองแลว้ นำความรทู้ ีไ่ ดม้ าแลกเปล่ียนกับผู้สอนและสมาชกิ ในชัน้ เรียนตอ่ ไปได้ 10. สรุปผลการเรียนและการนำความรู้ไปใช้ (Enhance and Transfer) เป็นการสรุปมโนมติการ เรียน หวั ขอ้ ท่สี ำคัญรวมท้ังเปดิ โอกาสให้ผเู้ รยี นถามข้อสงสัยเพ่ือนำไปประยุกต์ใช้ความรู้ต่อไป (Picciano AG, 2017) และจากการศึกษาของ วิทยา วาโย , อภิรดี เจริญนุกูล , ฉัตรสุดา กานกายันต์ และ จรรยา คนใหญ่ (2563) พบว่า ในระยะระหว่างสอนแบบออนไลน์พบว่า เมื่อเข้าสู่การเรียนการสอนแบบออนไลน์การกระตุ้น ผู้เรียนด้วยสถานการณ์เด่นในปัจจบุ ันเพื่อเชื่อมโยงเข้าสู่บทเรียน รวมทั้งมีเกมส์ให้ผูเ้ รียนเล่น ช่วยกระตุน้ และ ดึงดูดให้ผู้เรียนสนใจการเรียนเพิม่ ขึ้น การแจ้งวัตถุประสงค์การเรียน เนื้อหาการเรียน และเชื่อมโยงเน้ือหาใน หวั ข้อท่ผี ่านมากบั หัวข้อปจั จบุ ัน ชว่ ยเปน็ การทบทวนและเตรยี มความพร้อมสำหรับการเรยี นในเน้ือหาปัจจุบัน การสังเกตผู้เรียนอย่างต่อเนื่อง โดยให้ผู้เรียนเปิดกล้องจากคอมพิวเตอร์ หรือโทรศัพท์มือถือ ช่วยเป็นการ ประเมินผู้เรียนในระหว่างเรียน เช่น การถามคำถามในชั้นเรียน การสุ่มผู้เรียนให้ยกตัวอย่างในหัวข้อนั้นๆ รวมทั้งให้ข้อมูลย้อนกลับผู้เรียน ซึ่งทำให้เกิดความเข้าใจที่ตรงกันเพิ่มขึ้น และ การสรุปผลการเรียน ปัญหา อุปสรรคการเรียน ข้อเสนอแนะอื่นๆ ก่อนการจบหัวข้อการเรียน ช่วยเป็นประโยชน์ในการปรับปรุงการสอน คร้ังถดั ไปใหม้ ปี ระสิทธิภาพมากขนึ้ ระยะภายหลงั การสอนออนไลน์ 1. วัดประเมินผลการเรียนเพื่อสรุปผล (Summative Evaluation) หรือทดสอบความรู้ของผู้เรียน (Assess Performance) เป็นการทดสอบความรู้ความเข้าใจภายหลังการเรียนรู้ (อิสระ กุลวุฒิ และคณะ ,2561) ได้แก่ การเก็บคะแนนภายหลังการเรียน การส่งชิ้นงาน การทดสอบด้วยข้อสอบ เช่น ข้อสอบอัตนัย ข้อสอบปรนัย การเติมคำ เป็นต้น (Shaban W, 2020) เพื่อวัดประเมินผลผู้เรียนภายหลังการเรียนรู้และ จำแนกผูเ้ รียนตามระดับการวดั ประเมนิ ผล 2. สะท้อนคิด (Reflection) และทบทวนหลังการปฏิบัติ (After Action Review: AAR) แบ่งเป็น 2 ขั้นตอน ขั้นตอนที่ 1 การสรุปบทเรียนของผู้สอนร่วมกับผูเ้ รียน เกี่ยวกับเนือ้ หาการเรียนรู้ ผลลัพธ์ การเรียนรู้ ปัญหาอุปสรรคของการเรียน เพื่อนำมาพัฒนาปรับปรุงการเรียนการสอนให้มีประสิทธภิ าพ ขั้นตอนที่ 2 การ สรุปผลการสอนโดยการพิจารณาภาพรวมของการสอนตัง้ แตก่ ารเตรียมความพร้อมก่อนการสอน ระหว่างการ
22 สอนวา่ มีความสอดคล้องของเนื้อหาและวธิ ีการสอนตามแผนการสอนมากน้อยเพียงใด ปัญหาทเ่ี กิดข้ึนระหว่าง การสอน เพื่อนำมาพัฒนาปรับปรุงการสอนให้สอดคล้องกับสถานการณ์จริงมากขึ้น เช่นเดียวกับการศึกษา ของขวญั ตา บุญวาศ, ลำเจียก กำธร และ จณิ ฐั ตา ศภุ ศรี (2559) พบวา่ การสนทนา การใชค้ ำถามกระตุ้น การ คิดรวบยอด การอภิปรายแลกเปลี่ยนความคิดเกี่ยวกับการเรียนรู้ ส่งผลทำให้เกิดการพัฒนาการเรียนรู้ การ ปรับรปู แบบการเรียนการสอน รวมท้งั สามารถสรา้ งเสรมิ แรงบวกให้กับผู้เรยี นได้ จากการศึกษาของ วิทยา วาโย และคณะ (2563) พบว่าภายหลังการเรียนการสอนแบบออนไลน์ ผู้สอนประเมินผลผู้เรียน จากการส่งชิ้นงานเพื่อเก็บคะแนน โดยให้ส่งผ่านห้องเรียนออนไลน์ (Google Class Room) และสะท้อนคิดหัวข้อการเรียนในประเด็น ได้เรียนรู้อะไร นำไปใช้อย่างไร บรรยากาศการเรียนรู้เป็น อย่างไร ปัญหาและอุปสรรคของการเรียนรู้คืออะไร ข้อเสนอแนะเพิ่มเติม ซึ่งเป็นประโยชน์ในการนำผลการ สะท้อนคิดของผู้เรียนมาปรับปรุงการจัดการเรียนการสอนให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น รวมทั้งมีการทดสอบ ผเู้ รียนด้วยแบบทดสอบปรนัย ซง่ึ เป็นการทดสอบแบบออนไลนเ์ พื่อนำมาวดั ประเมนิ ผลผ้เู รยี นแตล่ ะคน แต่การ สอบออนไลน์นั้นมีความเสี่ยงที่ผู้เรียนจะเปิดเอกสารระหว่างการทดสอบ ผู้สอนจึงใช้วิธีการแก้ปัญหา คือ ให้ ผู้เรียนเปิดกลอ้ งตลอดเวลาของการทดสอบเพื่อใหผ้ ู้สอนไดส้ งั เกตพฤติกรรมของผู้เรียนในระหว่างการทดสอบ อันจะนำมาสู่การวัดผลสัมฤทธท์ิ ่สี อดคลอ้ งตามสภาพจริงระยะภายหลงั การสอนออนไลน์ การประยุกต์การเรียนการสอนแบบออนไลน์ เป็นสิ่งสำคัญที่จำเป็นต้องมีการออกแบบกิจกรรมการ เรยี นการสอนทง้ั 3 ระยะ ได้แก่ กอ่ น ระหว่าง และหลงั สอน ใหม้ คี วามเหมาะสม รวมทัง้ ควรมกี ารปรบั บทบาท ของผ้สู อน ผูเ้ รียน วธิ กี ารสอน ส่ือการเรียนการสอน การวัดประเมินผล และสรุปแก้ไขปญั หาจากการเรียนการ สอนแบบออนไลน์อยา่ งต่อเน่อื ง เพือ่ ใหส้ ามารถนำไปประยุกต์ใช้อย่างมีประสิทธภิ าพตอ่ ไป 3. หลกั การหาคุณภาพ และประสิทธิภาพ การหาประสทิ ธิภาพของกิจกรรมการเรยี นรู้ วาโร เพ็งสวสั ดิ์ (2546 : 42 - 45) เสนอเกณฑ์ประกันประสิทธิภาพ หมายถึง ระดับประสิทธิภาพของ นวัตกรรมที่จะช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ เป็นระดับที่ผู้ผลิตพอใจว่า ถ้าหากนวัตกรรมมีประสิทธิภาพถึง ระดับที่กำหนดแล้ว ก็มีคุณค่านำไปใช้ได้ และมีคุณค่าแก่การลงทุน ผลิตออกมากำหนดเกณฑ์ประสิทธิภาพ กระทำไดโ้ ดยการประเมนิ ผลพฤตกิ รรมผ้เู รียน 2 ประเภท คือพฤตกิ รรมตอ่ เน่ือง (กระบวนการ) และพฤตกิ รรม (ผลลพั ธ)์ 1. ประเมินพฤตกิ รรมต่อเนื่อง (transitional behavior หรอื E1) คือประเมินผลตอ่ เนอ่ื งประกอบด้วย พฤติกรรมย่อย ๆ พฤติกรรมนี้เรียกว่า “กระบวนการ” (process) ของผู้เรียนที่สังเกต จากการประกอบ กิจกรรมกลุ่ม และรายบุคคล ซงึ่ ได้แก่ งานท่ีไดร้ บั มอบหมายและกิจกรรมอ่นื ทีผ่ ้อู ่นื ไดก้ ำหนดไว้ 2. การประเมินพฤติกรรมขั้นสุดท้าย (terminal behavior หรือ E2) คือประเมินผลลัพธ์ของผู้เรียน (products) โดยพิจารณาจากการทดสอบหลงั เรยี น การกำหนดค่าการหาประสิทธิภาพเป็น E1 คือ ประสิทธิภาพของกระบวนการ และ E2 คือ ประสิทธิภาพของผลลัพธ์ ซึ่งการที่กำหนดเกณฑ์ E1/E2 มีค่าเท่าใดนั้น ผู้ที่สอนเป็นผู้พิจารณา โดยเนื้อหาท่ี เป็นความรู้ความจำ มักจะตั้งคา่ ไวเ้ ปน็ 80/80 , 85/85 และ 90/90 สว่ นเนือ้ หา ทเี่ ป็นทักษะอาจตง้ั ไว้ต่ำกว่าน้ี เช่น 75/75 เป็นต้น ซึ่งเมื่อผลิตนวัตกรรมเสร็จแล้ว จะต้องนำนวัตกรรม ไปหาประสิทธิภาพตามขั้นตอน ต่อไปนี้ 1. แบบเดี่ยว (หรือ1 : 1) คือการทดลองกับผู้เรียน 1 คน โดยใช้เด็กอ่อน ปานกลาง และเก่ง โดย ทดลองกับเดก็ ออ่ นก่อน ท าการปรับปรุงแลว้ น าไปทดลองกบั เดก็ ปานกลาง แล้วจึงน าไปทดลองกบั เดก็ เก่ง
23 2. แบบกลุ่ม (หรือ1 : 10) คือทดลองกับผู้เรียน 6 – 10 คน คละผู้เรียนทั้งเก่งและอ่อนคำนวณหา ประสิทธิภาพและปรับปรุง ซึ่งในแต่ละครั้งคะแนนจะเพิ่มขึ้นเกือบเท่าเกณฑ์ หรือห่างจากเกณฑ์ประมาณ 10 % นนั้ คอื ค่า E1/E2 ประมาณ 70/70 3. ภาคสนาม (หรือ1 : 100) คือทดลองกับผู้เรียน 40 – 100 คนคละผู้เรียนทั้งเก่งและออ่ น คำนวณหา ประสิทธิภาพและปรับปรงุ ซงึ่ ในคร้ังนี้ผลทีไ่ ด้ควรใกล้เคียงกับเกณฑท์ ตี่ ้ังไวเ้ มอ่ื ทดสอบนวตั กรรมแล้ว ให้เทียบ กบั คา่ เพอื่ ดวู ่าเรายอมรับประสทิ ธิภาพหรือไม่ ซ่ึงการยอมรบั ประสิทธิภาพของนวัตกรรมม3ี ระดบั 1. สูงกวา่ เกณฑ์เมอ่ื นวตั กรรมของประสิทธภิ าพสงู กวา่ เกณฑ์ทต่ี ้ังไว้มคี ่าไมเ่ กิน 2.5 % 2. เทา่ กบั เกณฑเ์ ม่ือประสทิ ธภิ าพของนวัตกรรมเท่ากับที่ตงั้ ไว้ 3. ต่ำกวา่ เกณฑ์ แตย่ อมรบั ว่ามีประสทิ ธภิ าพ เม่อื ประสิทธิภาพของนวตั กรรมต่ำกว่าเกณฑ์ท่ีตั้งไว้ มีคา่ ไม่เกนิ 2.5 % ชยั ยงค์ พรหมวงศ์ (2545 : 494) ไดก้ ล่าวถงึ 1. ความจำเปน็ ของการทดสอบหาประสิทธิภาพของชุดการสอน ดงั ตอ่ ไปนี้ 1.1 สำหรบั หนว่ ยงานผลิตชดุ กิจกรรม เป็นการประกนั คุณภาพของชดุ กิจกรรมวา่ อยู่ในข้ันสูง เหมาะสมที่จะลงทุนผลิตออกมาเป็นจำนวนมาก หากไม่ทดสอบประสิทธิภาพ และผลิตออกมาใช้ประโยชน์ได้ ไมด่ ีก็ตอ้ งทำใหม่ เป็นการสิน้ เปลอื งทั้งเวลา แรงงาน และเงนิ ทอง 1.2 สำหรับผู้ใช้ชุดกิจกรรม ชุดกิจกรรมช่วยให้ผู้เรียนเปลี่ยนพฤติกรรมตามที่มุ่งหวังดังนั้น ก่อนการนำชุดกิจกรรมไปใช้ ครูควรมั่นใจว่าชุดกิจกรรมนั้นมีประสิทธิภาพ ในการช่วยให้ได้ชุดกิ จกรรมที่มี คณุ ค่าตามเกณฑ์ทกี่ ำหนด 1.3 สำหรบั ผู้ผลิตชุดกจิ กรรม การทดสอบหาประสิทธภิ าพจะทำใหผ้ ู้ผลิตมั่นใจได้ว่าเนื้อหาท่ี บรรจุในชุดกิจกรรมมีความเหมาะสมและง่ายต่อการเข้าใจ อันจะช่วยให้ผู้ผลิต มีความชำนาญสูงขึ้น เป็นการ ประหยดั แรงงาน เวลา และเงนิ ทองในการเตรียมต้นแบบ 2. การกำหนดเกณฑ์หาประสิทธิภาพ หมายถึง การกำหนดระดับประสิทธิภาพของชุดกิจกรรมท่จี ะ ชว่ ยให้ผ้เู รยี นเกิดการเรยี นรู้ การกำหนดเกณฑจ์ ะประเมินจากพฤติกรรม ของผเู้ รียน 2 ประเภท คอื 2.1 ประเมินพฤติกรรมต่อเนื่อง เป็นการประเมินจากพฤติกรรมย่อย ๆ หลายพฤติกรรม เรียกว่า \"กระบวนการ\" (process) ของผู้เรียนที่สังเกตจากการประกอบ กิจกรรมกลุ่มกิจกรรมรายบุคคล และ กจิ กรรมอนื่ ๆ ตามทีผ่ ูส้ อนกำหนด 2.2 พฤติกรรมขั้นสุดท้าย เป็นการประเมินผลลัพธ์ (product) ของผู้เรียนโดยพิจารณาจาก การสอบหลังเรียน ชัยยงค์ พรหมวงศ์ (2545 : 495) กล่าวว่า การกำหนดเกณฑ์ E1/E2 ให้มีค่าเท่าใดนั้น ควรพิจารณา ตามความเหมาะสม โดยปกติเนอ้ื หาที่เปน็ ความรู้ ความจำ มักจะตง้ั ไว้ 80/80, 85/85 หรอื 90/90 สว่ นเน้อื หา ที่เป็นทักษะอาจตั้งไว้ต่ำกว่านี้ เช่น 75/75 เป็นต้น เมื่อกำหนดเกณฑ์แล้วนำไปทดลองจริง อาจได้ผลไม่ตรง ตามเกณฑ์แต่ไม่ควรต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้เกินร้อยละ 5 เช่น ถ้ากำหนดไว้ 90/90 ก็ควรได้ไม่ต่ำกว่า 85.5/85.5 3. การทดสอบประสทิ ธิภาพของชุดการสอน ชัยยงค์ พรหมวงศ์2545 496-497) ไดเ้ สนอขัน้ ตอนการทดสอบประสทิ ธิภาพของชุดการสอนได้ดังน้ี 1. ขั้นหาประสิทธิภาพ 1 : 1 (แบบเดี่ยว) เป็นการทดลองกับผู้เรียนครั้งละ 1 คน โดยทดลอง 3 คร้ัง กับเด็กอ่อน ปานกลาง และเด็กเก่ง คำนวณหาประสิทธิภาพเสร็จแล้วปรับปรุงให้ดีขึ้น โดยปกติคะแนนที่ได้ จากการทดลองแบบเดย่ี วนจี้ ะได้คะแนนต่ำกว่าเกณฑม์ าตรฐานมาก
24 2. ขั้นหาประสิทธิภาพ 1 : 10 (แบบกลุ่ม) เป็นการทดลองกับผู้เรียน 6 - 10 คน (คละผู้เรียนที่เก่ง ปานกลาง และอ่อน) คำนวณหาประสทิ ธิภาพแล้วปรับปรุงในคราวนี้คะแนนของผ้เู รยี นจะเพิ่มข้นึ 3. ขั้นหาประสิทธภิ าพ 1 : 100 (ภาคสนาม) เป็นการทดลองกบั ผูเ้ รียนทัง้ ช้ัน 30 - 40 คน คำนวณหา ค่าประสิทธิภาพของผู้เรียน แล้วทำการปรับปรุงผลลัพธ์ที่ได้ควรใกล้เคียงกับเกณฑ์ที่ตั้งไว้ หลังการทดลอง คำนวณหาประสิทธิภาพแลว้ ปรบั ปรงุ แก้ไข ผลลพั ธ์ทไี่ ดค้ วรจะใกลเ้ คียงกบั เกณฑ์ท่ีตั้งไว้ ตำ่ กวา่ เกณฑ์ได้ไม่เกิน 2.5% บุญชม ศรสี ะอาด (2553 : 25 - 29) จำแนกวธิ ีการหาประสิทธิภาพ เป็น 3 วธิ ีคอื 1. การหาประสิทธิภาพโดยผู้เชี่ยวชาญ หรือครู โดยจะใช้แบบประเมินผลให้ ผู้เชี่ยวชาญหรือครู พิจารณาทั้งด้านคุณภาพ เนื้อหาสาระ และเทคนิคการจัดทำสื่อนั้น ๆ แบบประเมินอาจเป็นแบบมาตราส่วน ประมาณค่า (rating scale) หรือเป็นแบบเห็นด้วย ไม่เห็นด้วย สรุปผลเป็นความถี่ แล้วอาจทดสอบความแตก ตำ่ ระหวา่ งความถีด่ ว้ ยคา่ ไค-สแควร์ 2. การหาประสิทธภิ าพโดยผูเ้ รียน มีลักษณะเช่นเดียวกันกับการหาประสิทธิภาพโดยผู้เช่ียวชาญหรอื ครู แต่เน้นการรับรู้คุณค่าที่ได้จากการเรียนเป็นสำคัญประสิทธิภาพของสื่อการสอนที่มี ความเที่ยงตรงที่จะ พิสูจน์คุณภาพ และคุณค่าของสื่อการสอนนั้น ๆ โดยจะวัดว่าผู้เรียนเกิดการเรียนรู้อะไรขึ้นบ้าง เป็นการวัด เฉพาะผลท่เี ป็นจุดประสงค์ของการสอนโดยใช้ ชุดกิจกรรมน้ันอาจจำแนกได้เปน็ 2 วธิ ี คอื 2.1 กำหนดเกณฑ์ข้นั ตำ่ ไว้ เชน่ เกณฑ์ 80/80 หรอื 90/90 2.2 ไม่ได้กำหนดเกณฑ์ไว้ล่วงหน้า แต่จะพิจารณาการเปรียบเทียบผลการสอบหลังเรียนสูงกว่าก่อน เรียนอย่างมีนัยสำคัญหรือไม่ หรือเปรียบเทียบว่าผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนด้วยชุดกิจกรรมนั้นสูงกว่า หรือ เทา่ กบั สอ่ื หรือเทคนิคการสอนอยา่ งอื่นหรอื ไม่ โดยใช้สถติ ทิ างคณิตศาสตร์ทดสอบ ค่าที (t - test) จากการศึกษาค้นคว้าเอกสารเกีย่ วกับการหาประสิทธภิ าพของการจดั การเรียนรู้ออนไลน์ สรุปได้วา่ ผู้วิจัยการทดสอบประสิทธิภาพของกิจกรรมการจัดการเรียนรู้ออนไลน์ การหาประสิทธิภาพโดยผู้เชี่ยวชาญ และหาประสทิ ธภิ าพโดยผูเ้ รียน และการต้ังเกณฑป์ ระสิทธิภาพของการจดั การเรียนรู้ออนไลน์ ในครง้ั นโ้ี ดยการ ประเมินผลพฤติกรรมผู้เรียน 2 ประเภท คอื พฤตกิ รรมต่อเนอื่ ง(กระบวนการ) และพฤตกิ รรม (ผลลพั ธ)์ E1/E2 และทำการทดสอบประสิทธิภาพแบบ แบบ 1 : 100 (หรือภาคสนาม) คือทดลองกับนักเรียน 100 คน คละ ผูเ้ รยี นทั้งเกง่ ปานกลาง และอ่อน โดยตง้ั เกณฑป์ ระสิทธภิ าพไวท้ ่เี กณฑ์ 80/80 4. แผนการจดั การเรียนรู้ 4.1 ความหมายของแผนการจัดเรยี นรู้ กรมวิชาการ (2544 : 10) ได้ให้ความหมายของแผนการจัดการเรียนรู้ คือ การนำวิชาหรือกลุ่มวิชาที่ จะต้องทำการสอนตลอดภาคเรียน มาสร้างเป็นแผนการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน การใช้สื่ออุปกรณ์การ สอนและการวัดผลประเมินผล สำหรับเนื้อหาสาระและจุดประสงค์การเรียนย่อย ๆให้สอดคล้องกับ วัตถุประสงค์หรือจุดเน้นของหลักสูตร สภาพของผู้เรียน ความพร้อมของโรงเรียนในด้านวัสดุอุปกรณ์และตรง กับชีวิตจริงในท้องถิ่น ซึ่งถ้ากล่าวอีกนัยหนึ่ง แผนการจัดการเรียนรู้ หมายถึง การเตรียมการสอนเป็นลาย ลกั ษณ์อักษรลว่ งหนา้ หรอื คอื บนั ทกึ การสอนตามปกตนิ ัน่ เอง สำลี รักสทุ ธ์ิ และคณะ (2546 : 16) ได้ให้ความหมายของแผนการจดั การเรยี นรู้ว่า คอื การนำวชิ าหรือ กลุ่มประสบการณ์ที่จะตอ้ งทำการสอนตลอด ทั้งภาคเรียน มาสร้างเป็นแผนการจดั กิจกรรมการเรยี นการสอน การใช้ส่ืออุปกรณ์และการวดั และประเมินผลสำหรับเน้ือหาสาระและจดุ ประสงค์การเรยี นย่อย ๆ ให้สอดคล้อง
25 กบั วัตถุประสงค์หรอื จดุ เน้นของหลักสูตร สภาพผูเ้ รยี นความพร้อมของโรงเรียนในด้านวสั ดุอปุ กรณ์และตรงกับ ชวี ิตจริงในท้องถิ่น สุวิทย์ มูลคำและคณะ (2549 : 58) กล่าวว่า แผนการจัดการเรียนรู้ คือ แผนการเตรียมการสอนหรอื การกำหนดกจิ กรรมการเรยี นร้ไู วล้ ่วงหน้าอย่างเป็นระบบและจัดทำไว้เปน็ ลายลักษณเ์ พ่ือให้ผูเ้ รยี นบรรลุ อักษร โดยมีการรวบรวมข้อมูลต่าง ๆมากำหนดกิจกรรมการเรียนการสอนจุดมุ่งหมายที่กำหนดไว้ โดยเริ่มจาก วัตถุประสงค์ว่าจะให้ผู้เรียนเกิดการเปลี่ยนแปลงด้านใด(สติปัญญา'/เจตคติ/ทักษะ) จัดกิจกรรมการเรียนการ สอนวิธีใด ใชส้ อ่ื การสอนหรอื แหล่งเรยี นรู้ใด และประเมินผลอย่างไร จากความหมายของนักวชิ าการข้างตนั สรปุ ไดว้ า่ แผนการจดั การเรียนรู้ คอื แผนการหรือโครงสร้างที่ จัดทำไว้เป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อการปฏิบัติการสอนในวิชาหนึ่ง เป็นการเตรียมการสอนอย่างเป็นระบบและ เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ครูพัฒนาการจัดการเรียนการสอนไปสู่จุดมุ่งหมายการเรียนรู้และจุดมุ่งหมายของ หลกั สูตร อย่างมปี ระสทิ ธิภาพ 4.2 ลักษณะของแผนการจดั การเรยี นรทู้ ดี่ ี แผนการจัดการเรียนรู้หรือแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ควรประกอบด้วยกิจกรรมหลาย ๆ อย่าง และหลาย ๆ วธิ กี าร กอ่ นท่จี ะใชแ้ ผนการจัดการเรยี นรู้ใด ควรจะมกี ารประเมนิ ผู้เรยี นก่อนเพ่ือใช้เป็นข้อมูลใน การเลอื กวิธกี ารและกจิ กรรมการเรยี นการสอนทีเ่ หมาะสม เพอ่ื ผเู้ รียนจะได้ไปสู่พฤติกรรมทคี่ าดหวงั แผนการจดั การเรียนรู้ทด่ี ีจะตอ้ งมีรายละเอียดชัดเจนถึงกิจกรรมนักเรยี น บทบาทของครูการใชส้ ่ือการ วัดผล จนผู้อ่านมองเห็นภาพพฤติกรรมจรงิ ๆ ในห้องเรียนไดส้ มบรู ณ์ จึงถือว่าเป็นแผนการจดั การเรียนรู้ทีด่ ี และไม่จำเป็นต้องทำบันทึกการสอนอีกก็ได้ เพราะแผนการจัดการเรียนรู้ที่ชัดเจนใช้แทนบันทึกการสอนได้ แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ดีควรมีกิจกรรมการเรียนรู้ที่เข้าลักษณะ 4 ประการ คือ (สุวิทย์ มูลคำและ คณะ. 2549 : 55 - 56) 1. เป็นแผนการจัดการเรียนรูท้ ี่มีกิจกรรมให้ผู้เรียนเป็นผูไ้ ด้ลงมือปฏิบัติให้มากที่สุดโดยครูเป็นเพียงผู้ คอยชนี้ ำส่งเสรมิ หรือกระตุน้ ให้กจิ กรรมดำเนนิ ไปตามความมุง่ หมาย 2. เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ที่เปิดโอกาสให้ผู้เรียนเป็นผู้ค้นพบคำตอบหรือทำสำเร็จด้วยตนเองโดย ครูพยายามลดบทบาทจากผู้บอกคำตอบ มาเป็นผู้คอยกระตุ้นด้วยคำถามหรือปัญหาให้ผู้เรียนคิดแก้หรือหา แนวทางไปสู่ความสำเรจ็ ในการทำกิจกรรมเอง 3. เปน็ แผนการจดั การเรยี นรู้เนน้ ทักษะกระบวนการมุ่งใหผ้ ูเ้ รียนรับรู้และนำกระบวนการไปใชจ้ รงิ 4. เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ที่ส่งเสริมการใช้วัสดุอุปกรณ์ที่สามารถจัดหาได้ในท้องถิ่นหลีกเลี่ยงการ ใชว้ สั ดอุ ปุ กรณ์สำเร็จรูปราคาสูง สำลี รักสุทธ์ิ และคณะ (2546 : 16) ได้กล่าวถึง คำตอบจากที่มีผู้สงสัยว่า จะประเมินตัดสินคุณภาพ ของแผนการจัดการเรยี นรู้ไดอ้ ย่างไร วา่ เหมาะสมดแี ลว้ หรอื ไม่ วา่ ได้ตดั สนิ โดยการนำแผนการจดั การเรยี นรู้น้ัน ไปใช้จริงในการจัดการเรียนการสอน ว่าสามารถดำเนินการให้นักเรียนไดม้ ีส่วนร่วมปฏบิ ัติกิจกรรมต่าง ๆ ได้ดี เพียงใดและสามารถให้นักเรียนได้เกิดทักษะกระบวนการและ เกิดการเรียนรู้ต่าง ๆ ครบถ้วนตามจุดประสงค์ เพียงใด ถา้ ครูมบี ทบาทมากในการเป็นผู้ใหค้ วามร้โู ดยตรงและนักเรียนไม่มโี อกาสแสดงพฤติกรรมที่สะท้อนการ ฝึกปฏิบตั ิให้เกดิ ทกั ษะกระบวนการกจ็ ะเปน็ เครื่องแสดงความด้อยคุณภาพของแผนการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ จากขอ้ มูลดงั กล่าวสรปุ ไดว้ ่า แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ดนี ้ัน นอกจากตอ้ งครอบคลุมกิจกรรมการเรียนรู้ 4 ลักษณะ คือ ใหผ้ ้เู รียนลงมือปฏิบัติเอง เปิดโอกาสให้ผู้เรียนค้นพบความรู้ ด้วยตนเอง เนน้ ทักษะกระบวนการ และส่งเสริมให้ผู้เรียน เน้นการใช้วัสดุอุปกรณ์ในท้องถิ่นแล้ว แผนการจัดการเรียนรู้ที่ดีต้องผ่านขั้นตอนการ
26 ตรวจสอบคณุ ภาพจากผู้เช่ยี วชาญดว้ ย จึงจะทำใหก้ ารจดั กจิ กรรมประสบผลสำเรจ็ ตามแผนการจัดการเรียนรู้ที่ กำหนดไว้ 4.3การทำแผนการจดั การเรียนรู้ สำลี รกั สุทธิและคณะ (2546 : 18)กล่าวว่า การทำแผนการจัดการเรียนรมู้ ีขั้นตอน ดังน้ี 1. ศึกษาหลักสูตร ต้องศึกษาหลักสูตรอย่างกว้างขวางและอย่างลึกในวิชาและรายวิชาที่สอน เช่น ศกึ ษาโครงสรา้ งของวิชา จดุ ประสงคข์ องวชิ า สือ่ การเรียนการสอนท่ีกำหนดในรายวชิ า คำอธิบายรายวิชาและ ธรรมชาติของวชิ า เป็นตน้ 2. วิเคราะห์จุดประสงค์การเรียนรู้ เนื้อหา เวลาและกิจกรรม วิเคราะห์ได้จากคำอธบิ ายรายวิชา โดย ใหส้ ัมพนั ธก์ บั จุดประสงคข์ องวิชาและจุดประสงค์ของหลักสตู ร 3. หากลวิธีสอน กลวิธีสอนจะต้องสอดคล้องกับหลักสูตร โดยใช้ทักษะกระบวนการและทฤษฎี การ เรียนรู้ต่าง ๆ ตลอดทั้งประสมประสานระหวา่ งประสบการณ์และจินตนาการของผู้สอนเองคงจะไม่มีวิธีสอนใด วิเศษสดุ ในโลก แตว่ ธิ ีการสอนทีเ่ หมาะสมและสอดคล้องกับทฤษฎีการเรียนรู้มากที่สุดจะต้องยึดหลักให้ผู้เรียน เป็นผู้ปฏิบัติ ให้ค้นพบคำตอบด้วยตนเอง ให้รู้จักการวางแผนและฝึกทักษะเป็นกลุ่มและรายบุคคล เพื่อให้ นกั เรยี นได้เป็นผู้คิดเปน็ ทำเป็นและเหน็ ช่องทางในการทำงานอย่างมปี ระสทิ ธิภาพ 4. จัดทำส่ือการเรยี นการสอน ส่ือการเรียนการสอนจะต้องสอดคลอ้ งกับกจิ กรรมการเรยี นการสอน ซึ่ง อาจจะเป็นสอื่ ที่ใช้อยแู่ ลว้ หรือสอ่ื ที่คดิ ข้ึนใหมก่ ็ได้ แต่ตอ้ งให้เหมาะสมและสอดคล้องกบั เนื้อหาดว้ ย 5. จัดทำเคร่อื งมอื วดั ผลและประเมนิ ผล เครอ่ื งมือวัดผลและประเมินผลใหส้ อดคล้องกบั หลักสตู ร โดย เคร่ืองมอื นน้ั จะต้องวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้ของผูเ้ รยี นในดา้ นพทุ ธพิ สิ ยั จติ พิสัยและทักษะพิสยั ตลอดท้ัง ครอบคลมุ ถึงกระบวนการวางแผนของนักเรยี นทั้งจากสถานการณจ์ รงิ และสถานการณจ์ ำลองด้วย 6. กำหนดโครงสรา้ งสำหรับ 1 รายวชิ า การกำหนดโครงสร้างสำหรับหนงึ่ รายวชิ าสามารถปฏิบัติได้ 2 ลักษณะ กล่าวคือ โครงสร้างอย่างสังเขปและโครงสร้างอย่างละเอียด เป็นการวางโครงสร้างโดยสัมพันธ์กับ จุดประสงค์การเรียนรู้และเนื้อหาเวลา กระบวนการ สื่อการเรียนการสอนการวัดผลและประเมินผลให้เห็น ภาพรวมตลอดใน 1รายวิชา ส่วนโครงสร้างอย่างสังเขปเป็นการวางโครงสร้างโดยสัมพันธ์กับจุดประสงค์การ เรยี นรู้ เนอื้ หาและเวลา เพอื่ ใหเ้ หน็ ภาพรวมท้ังหมดใน 1 รายวชิ า 7. เขียนแผนการจดั การเรียนรขู้ ยายจากโครงสรา้ ง เป็นการเขยี นแผนการจดั การเรยี นรู้ทจ่ี ะนำไปใช้ใน แตล่ ะคาบ/ชั่วโมงอย่างละเอียดและปฏิบัติไดจ้ ริง ทั้งนีโ้ ดยมีสว่ นประกอบในแผนการจดั การเรียนรู้ที่จะช่วยให้ การดำเนินการสอนบรรลุเป้าหมาย ตามจุดประสงค์การเรียนรู้ซึ่งมีมากมายหลากหลายข้อแตกต่างกันไป แต่ ส่วนสำคัญทขี่ าดไมไ่ ดจ้ ะตอ้ งมึในแผนการจัดการเรียนรู้ คือ 7.1 สาระสำคัญ 7.2 จุดประสงค์การเรยี นรู้ 7.3 กิจกรรมการเรียนการสอน 7.4 สือ่ การเรยี นการสอน 7.5 การวดั ผลและประเมินผล ส่วนประกอบของแผนการจัดการเรียนรู้ที่นำเสนอโดยได้แนวคิดจากการดำเนินการสอนของกรม วชิ าการก็จะเพิม่ กจิ กรรมเสนอแนะเขา้ เพิ่มอกี ด้วย
27 สรุปได้ว่า ขั้นตอนการจัดทำแผนการเรียนรู้จะเริ่มจากการศึกษาหลักสูตร วิเคราะห์จุดประสงค์การ เรียนรู้ เนื้อหา เวลาและกิจกรรม หาเทคนิควิธีการสอนที่เหมาะสมกับเนื้อหาวิชา จัดทำสื่อการเรียนการสอน จัดทำวธิ กี ารวัดและประเมนิ ผล จากน้ันจึงเขา้ สู่กระบวนการเขียนแผนการจดั การเรยี นรู้ 4.4 รายละเอียดแผนการจดั การเรยี นรู้ แผนการจัดการเรียนรู้ (lesson plan) ประกอบด้วย 9 หัวข้อโดยการบูรณาการของหน่วย ศึกษานิเทศก์ สำนักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ 7 หัวข้อเพิ่มเติมของคณะกรรมการ ข้าราชการครู 9 หัวขอ้ ดังน้ี (สำลี รักสทุ ธี และคณะ. 2546 : 21) 1. สาระสำคัญ (concept) เป็นความคิดรวบยอดหรือหลักการของเรื่องที่ต้องการให้เกิดกับนักเรียน ตามแผนการจัดการเรยี นรูน้ ้ีแล้ว 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ (learning objective) เป็นการกำหนดจุดประสงค์ที่ต้องการให้เกิดกับ ผเู้ รียนเม่ือเรียนตามแผนการจัดการเรยี นรู้นแี้ ลว้ 3. เนอื้ หา (content) เปน็ เนอ้ื หาท่ีจดั กจิ กรรมและต้องการใหน้ กั เรียนเกิดการเรียนรู้ 4. กิจกรรมการเรียนการสอน (instructional activities) เป็นการเสนอขั้นตอนหรือกระบวนการจดั กิจกรรมการเรียนการสอน ซ่ึงจะนำไปสูจ่ ุดประสงคท์ ่กี ำหนดไว้ 5. สอ่ื และอุปกรณ์ (instructional media) เปน็ สอ่ื และวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียน การสอนทกี่ ำหนดไว้ในแผนการจัดการเรียนรู้ 6. การวัดผลประเมินผล (measurement and evaluation) เป็นการกำหนดขั้นตอนหรือวิธีการ วัดผลประเมินผลว่า นักเรียนบรรลุจุดประสงค์ตามกำหนดในกิจกรรมการเรียนการสอนแยกประเมินผลเป็น ประเมนิ ผลก่อนสอน ขณะสอนและหลงั การสอน 7. กจิ กรรมเสนอแนะ เปน็ กิจกรรมการบันทกึ กรสอนก่อนนำไปใช้สอน 8. ข้อเสนอแนะของผู้บังคับบัญชา เป็นการบันทึกการตรวจแผนการจัดการเรียนรู้เพื่อเสนอแนะ หลงั จากไดต้ รวจสอบความถกู ต้อง การกำหนดรายละเอียดในหวั ข้อ ในแผนการเรยี นรมู้ คี วามสมบรู ณ์ เช่นการ กำหนดจุดประสงค์การเรียนรู้ เนือ้ หากจิ กรรมการเรียนการสอน การใช้ส่ือและการวดั ผลประเมินผลให้มีความ สอดคล้อง ส่งเสรมิ การเรยี นรู้กิจกรรมการเรยี นการสอน 9. บันทึกการสอน เป็นการบันทึกของผู้สอน บันทึกหลังจากนำแผนการใช้สื่อและการวัดผล ประเมนิ ผลไปใชแ้ ล้วเพ่อื นำแผนไปปรับปรงุ และใช้สอนในคราวต่อไป สรุปไดว้ า่ รปู แบบของแผนการจัดการเรียนรู้ประกอบด้วย สาระสำคญั จดุ ประสงค์การเรียนรู้ เนื้อหา กิจกรรมการเรยี นการสอน สอื่ การเรยี นรู้ อุปกรณก์ ารเรียนรู้ การวัดผลประเมินผลและกจิ กรรมเสนอแนะ 4.5 ลักษณะของแผนการจัดการเรียนรู้ แผนการจัดการเรยี นรอู้ าจเขยี นได้ 3 รูปแบบ คือ แบบรายงาน แบบตารางและแบบบรรยายกึ่งตาราง สว่ นมากนิยมเขียนแบบบรรยาย และแผนการจดั การเรยี นรู้อาจเขียนได้ 3 ลกั ษณะ ดงั น้ี (สวุ ิทย์ มูลคำและคณะ. 2549 : 55 - 56) 1. แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ยึดเวลาเรยี นเปน็ หลกั เช่น แผนจัดการเรียนรู้รายคาบหรือรายชั่วโมง โดย เขียน 1 แผน และนำแผนไปใช้จัดกิจกรรม 1 ครั้ง หรือ 1 ชั่วโมง หรือ 2 ชั่วโมง ติดต่อกันก็ได้ และแผนการ จัดการเรียนรู้รายวัน ได้แก่ แผนการจัดกิจกรรมของนักเรียนอนุบาล โดยเขียนแผน 1 แผน และนำไปใช้จัด กจิ กรรม 1 วนั
28 2. แผนการจัดการเรียนรู้ที่ยึดสาระการเรียนรู้ หรือเนื้อหาสาระเป็นหลัก เช่น การจัดการเรียนรู้ราย เรอื่ ง/รายหนว่ ย โดยเขยี นแผน 1 แผน สามารถนำไปจัดกจิ กรรมได้ 1 เรอ่ื ง/หนว่ ย จะใชเ้ วลากช่ี วั่ โมงกไ็ ด้ 3. แผนการจัดกจิ กรรมท่ียึดกระบวนการเรียนรู้เป็นหลัก โดยเขยี นแผน 1 แผน จะใชเ้ วลาจัดกิจกรรม การเรยี นรูก้ ชี่ วั่ โมงกไ็ ด้ จนกวา่ จะเสร็จสิ้นกระบวนการเรยี นรู้ สรุปได้ว่า ผู้วิจัยสนใจที่จะศึกษาแผนการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ ในการสอนออนไลน์ด้วย Facebook live ที่ยึดกระบวนการเรียนรู้เป็นหลัก โดยการเขียนแผนการจัดการเรียนรู้ 1 แผน จะใช้เวลาจัดกิจกรรมการ เรียนรู้ออนไลน์จนกว่าจะเสร็จสน้ิ กระบวนการเรยี นรู้ เนื่องจากกจิ กรรมการเรียนรู้แต่ละหัวข้อต้องเวลาในการ ทำกจิ กรรมนานและเป็นกิจกรรมต่อเนื่อง การประเมินผลจะประเมินเม่ือทำกจิ กรรมเสรจ็ ส้ิน ดังน้ันเพ่ือผู้วิจัย จงึ เหน็ ว่าแผนการจดั กจิ กรรมท่ียดึ กระบวนการเรียนรู้เป็นหลกั เหมาะสมมากที่สดุ 5. ผลสัมฤทธิท์ างการเรียน ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เป็นความสามารถของนักเรียนในด้านต่างๆ ซึ่งเกิดจากนักเรียนได้รับ ประสบการณ์จากกระบวนการเรียนการสอนของครู โดยครูต้องศึกษาแนวทางในการวัดและ ประเมินผล การ สรา้ งเครื่องมอื วดั ใหม้ ีคณุ ภาพนั้น ได้มผี ูใ้ ห้ความหมายของผลสัมฤทธท์ิ างการเรียนไว้ ดงั น้ี กัญจนา ลินทรัตนกุล (2540 : 286) กล่าวว่า \"ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหรือผลการเรียนรู้ห มายถึง ความรู้หรอื ทักษะทีไ่ ดจ้ ากการเรยี นรใู้ นรายวชิ าต่าง ๆ ท่กี ำหนดไว้ในหลักสตู รแตล่ ะระดับไดก้ ำหนดหลักการไว้ แตกต่างกัน แต่หลักการที่สำคัญที่มุ่งเน้นคือเพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้ความสามารถและนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ ได้ เพราะฉะนนั้ ในการที่จะพิจารณาวา่ ผู้เรยี นสัมฤทธผิ์ ลตามหลักสูตรหรือไม่ก็ตอ้ งใช้เคร่ืองมอื วดั \" นิภา เมธธาวชี ัย (2540 : 63) ไดก้ ล่าวเกย่ี วกบั ความหมายของผลสัมฤทธ์ทิ างการเรียนไวว้ ่า\"ผลสมั ฤทธ์ิ ทางการเรียน หมายถึง ความรู้และทักษะที่ได้รับและพัฒนามาจากการเรียนการสอนวิชาต่าง ๆ ครูอาศัย เครอ่ื งมอื วดั ผลช่วยในการศึกษาว่านักเรยี นมีความรู้และทักษะมากน้อยเพียงใด วธิ ีวัดผลทีใ่ ช้มากทส่ี ุด คือ การ ทดสอบอาจทดสอบโดยการใหเ้ ขยี นตอบหรอื ทดสอบภาคปฏบิ ัติ \" ภพ เลาหไพบูลย์ (2542 : 329) ให้ความหมายผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคือ \"พฤติกรรมที่แสดงออกถึง ความสามารถในการกระทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่ไดจ้ ากทีไ่ ม่เคยกระทำหรือได้กระทำได้น้อยก่อนที่จะมีการเรยี นการ สอน ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่วัดได้ \"ในวิจัยครั้งนี้ การวัดผลผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ในรายวิชาฟิสิกส์เพิ่มเติม 2 ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ที่เรียนออนไลน์ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด 19 จะใช้การทำแบบทดสอบผ่านระบบ Virtual School Online ที่โรงเรียนนำมาใช้ในการวัดและประเมินผล ผูเ้ รยี นเปน็ หลกั 6. ความพึงพอใจ 6.1 ความหมายของความพงึ พอใจ ในการทำงานเป็นปัจจยั สำคัญประการหนึ่งในการผลักดัน ให้บุคคลทำงานสำเรจ็ บรรลุเป้าหมายท่ีวาง ไว้อยา่ งมีประสิทธิภาพอันเป็นผลจากการได้รับการตอบสนองต่อแรงจูงใจหรือความตอ้ งการของแต่ละบุคคลใน แนวทางท่ปี ระสงค์ ซึง่ ในเรือ่ งความพึงพอใจน้ี ได้มีผ้ใู ห้ความหมายไว้หลายทา่ น ดังน้ี มารเซ ( Morse, อ้างถึงใน พินิจ บุญอนันต์, 2541) ให้ความหมายว่า ความพึงพอใจในการ ทำงาน หมายถึง ทุกสิ่งทุกอย่างที่สามารถลดความเครยี ดของผ้ทู ำงานใหน้ อ้ ยลงถา้ มีความเครยี ดมากจะทำให้เกิดความ ไม่พึงพอใจในการทำงานและความเครยี ดน้ีจะมีผลมาจากความต้องการของมนษุ ย์ เมื่อมนุษย์มีความ ต้องการ
29 มากจะเกิดปฏิกิรยิ าเรียกรอ้ งถ้าเม่ือใดความต้องการได้รับการตอบสนองความเครยี ดนั้นก็จะลดลงหรือหมดไป ทำใหเ้ กดิ ความพงึ พอใจในการทำงานได้ วอลเลอร์สเตน ( Wallerstein, อ้างถึงใน พินิจ บุญนันต์, 2541) ให้ความหมายของความพึงพอใจไว้ ว่า หมายถึง ความรู้สึกที่เกิดขึ้นเมื่อได้รับผลสำเร็จตามความมุ่งหมายสตรอสและเซเลส ( Strauss & Sayles, อ้างถึงใน พินิจ บุญอนันต์, 2541 ) ให้ความหมายของความพึงพอใจในการทำงานไว้ว่า หมายถึง ความรู้สึก พอใจในงานที่ทำเมื่องานนั้นให้ผลประโยชน์ตอบแทนทั้งทางด้าน วัตถุและด้านจิตใจ ซึ่งสามารถตอบสนอง ความต้องการขน้ั พ้ืนฐานของเขาได้ สมิธ ( Snith, อ้างถึงใน พินิจ บุญอนันต์, 2541ได้ให้ความหมายของความพึงพอใจในการทำงานว่า เป็นผลรวมทางจิตวิทยา สรีรวิทยา และสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะทำให้ผู้ทำงานในหน่วยงานนั้นพูดได้อย่างจริงใจว่า เขาพอใจในการทำงาน โยเดอร์ ( Yoder, อ้างอิงใน พินิจ บุญอนันต์, 2541 ) ให้ความหมายของความพึงพอใจของความร้สู ึก ของคนงานคนใดคนหน่งึ วา่ ชอบหรอื ไม่ชอบตอ่ สภาพต่างๆ ในการทำงานของเขาและมรี ะดับมากน้อยเพียงใด สรุปได้ว่า ความพึงพอใจ หมายถงึ ความรู้สกึ ของบุคคลต่อสง่ิ ใดสิ่งหน่ึงบคุ คลหรือสภาพการณ์อย่างใด อย่างหนึ่งซึ่งอาจเป็นความรู้สึกในทางบวกเป็นกลาง หรือ ทางลบความรู้สึกเหล่านี้มีผลต่อประสิทธิภาพของ การทำงาน กล่าวคือ หากความรู้สึกโน้มเอียงไปในทางบวก การปฏิบัติงานจะมีประสิทธิภาพสูงแต่หาก ความรสู้ ึกโน้มเอียงไปในทางลบการปฏิบัติงานจะมปี ระสิทธภิ าพต่ำได้โดยสามารถวดั ได้จากองค์ประกอบต่างๆ ท่ีเข้ามาเกย่ี วข้อง 6.2 การวดั ความพึงพอใจ เนื่องจากความพึงพอใจ เป็นทัศนคติในทางบวกของบุคคลที่มีต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง การที่จะวัดว่าบุคคลมี ความรู้สึกพึงพอใจหรือไม่พึงพอใจ จึงมีความจาเป็นจะสร้างเครื่องมือที่ช่วยในการวัดความพึงพอใจนั้น ซึ่ง นักวิชาการหลายคนไดก้ ล่าวถงึ การวัดความพงึ พอใจไว้สรุปได้ ดงั นี้ ปุณยาพร ปฐมพฒั นา (2550 : 33) ไดก้ ล่าวสรุปไว้ว่า การวดั ความพงึ พอใจเป็นการตรวจสอบทัศนคติ ของบคุ คลที่มีต่อส่ิงหน่ึงส่ิงใด ซึ่งสามารถใช้เคร่ืองมอื วดั ไดห้ ลายแบบ เชน่ การสงั เกตการสมั ภาษณ์ และการใช้ แบบสอบถาม เปน็ ตน้ สมนึก ภัททิยธนี (2541 : 36-42) ได้กล่าวถึงการวัดความพึงพอใจไว้ว่า การวัดความรู้สึกนั้นจะวัด ออกมาในลักษณะของทิศทาง มีอยู่ 2 ทิศทาง คือ ทางบวกหรือทางลบ ทางบวกหมายถึง การประเมินค่า ความรู้สึกไปในทางที่ดี ชอบหรือพอใจ ส่วนทางลบ จะเป็นการประเมินค่าความรู้สึกไปในทางที่ไม่ดี ไม่ชอบ หรอื ไม่พอใจ และการวดั ในลักษณะปริมาณ เป็นความเข้มขน้ ความรุนแรง หรือระดับทศั นคติไปในทิศทางที่พึง ประสงค์หรือไม่พึงประสงค์นั่นเอง วิธีการวัดมีอยู่หลายวิธี เช่น การสังเกต การสัมภาษณ์ การใช้แบบทดสอบ และใชแ้ บบสอบถาม โดยมี รายละเอียดดังน้ี (1) วธิ กี ารสงั เกต เปน็ วธิ กี ารใชต้ รวจสอบบุคคลอ่นื โดยการเฝ้ามอง และจดบนั ทึกอยา่ งมแี บบแผน วิธี นี้เปน็ วธิ ีการศึกษาท่ีเก่าแก่ และยังเป็นทีน่ ิยมใช้อยา่ งแพร่หลายจนถึงปัจจุบัน แตก่ เ็ หมาะสมกับการศึกษาเป็น รายกรณเี ท่านนั้ (2) วธิ ีการสัมภาษณ์ เปน็ วธิ ีการทผี่ วู้ ิจยั จะตอ้ งออกไปสอบถามโดยการพดู คยุ กับบุคคลนน้ั ๆ โดยมีการ เตรียมแผนงานล่วงหน้าเพ่ือให้ได้ขอ้ มลู ทเ่ี ป็นจรงิ มากทส่ี ดุ (3) วิธีการใช้แบบสอบถาม วิธีการนี้จะเป็นการใช้แบบสอบถามที่มีข้อคาอธิบายไว้อย่างเรียบร้อย เพื่อให้ผู้ตอบทุกคนตอบมาเปน็ แบบแผนเดียวกันมักใช้ในกรณีที่ต้องการข้อมูลจากกลุ่มตวั อย่างจานวนมาก ๆ วิธีนี้นับเป็นวิธีที่นิยมใช้กันมากที่สุดในการวัดทัศนคติ รูปแบบของแบบสอบถามจะใช้มาตราวัดทัศนคติ ซึ่งท่ี
30 นิยมใช้ในปัจจุบันวิธีหนึ่ง คือ มาตราส่วนแบบลิเคิร์ท (Likert Scales) ประกอบด้วย ข้อความที่แสดงถึง ทัศนคติของบุคคลมากทสี่ ุด มาก ปานกลาง นอ้ ย และนอ้ ยท่ีสดุ จากที่กล่าวมาข้างต้น สรุปได้ว่าการวัดความพึงพอใจเป็นการตรวจสอบความรู้สกึ ของบุคคลที่มีต่อสิง่ ใด ส่งิ หนง่ึ ซึง่ มอี ยู่ 2 ทศิ ทาง คือ ทางบวกหรอื ทางลบ ถ้าเป็นทางบวกจะแสดงออกมาว่าชอบพอใจ ถ้าเปน็ ทาง ลบจะแสดงออกไม่ดี ไม่ชอบ ไม่พอใจ เครื่องมือที่ใช้วัดมีหลายวิธี เช่น การสังเกตการสัมภาษณ์ การใช้ แบบทดสอบและการใช้แบบสอบถาม เปน็ ตน้ 6.3 แบบวัดความพงึ พอใจ หทัยรตั น์ ประทุมสตู ร (2542 : 14) กล่าววา่ การวัดความพงึ พอใจ เป็นเร่อื งทีเ่ ปรยี บเทยี บได้กับความ เข้าใจทว่ั ๆ ไป ซง่ึ ปกติจะวัดไดโ้ ดยการสอบถามจากบุคคลที่ต้องการจะถาม มเี ครื่องมือที่ต้องการจะใช้ในการ วิจัยหลาย ๆ อย่าง อย่างไรก็ดีถึงแม้ว่าจะมีการวัดอยู่หลายแนวทางแต่การศึกษาความพึงพอใจอาจแยกตาม แนวทางวดั ได้สองแนวคดิ ตามความคดิ เห็นของ ซาลซี นิคค์ คริสเทนส์ กล่าวคือ 1. วัดจากสภาพทั้งหมดของแต่ละบุคคล เช่น ที่ทำงานที่บ้าน และทุก ๆ อย่างที่เกี่ยวข้องกับชีวิต การศกึ ษาตามแนวทางนี้จะได้ขอ้ มูลทีส่ มบรู ณ์ แตท่ ำให้เกิดความยุ่งยากกับการท่ีจะวัดและเปรียบเทียบ 2. วัดได้โดยแยกออกเป็นองค์ประกอบ เช่น องค์ประกอบที่เกี่ยวกับงาน การนิเทศงานเกี่ยวกับ นายจ้าง ระพนิ ทร์ โพธ์ศิ รี (2549 : 33) ให้ความหมายของแบบวัดความพงึ พอใจว่าเปน็ เครื่องมือวัดความพอใจ ตอ่ สง่ิ ต่าง ๆ เชน่ ความพึงพอใจต่อการทำงาน ความพึงพอใจที่มีต่อชุดการสอนท่ีใช้ประกอบการเรียนรู้แบบวัด ความพึงพอใจท่ีดคี วรมลี กั ษณะดังนี้ (บุญชม ศรีสะอาด, 2553 : 74) 1. ความถกู ต้องในส่ิงท่ตี ้องการจะวัดซง่ึ เปน็ แบบวดั ท่ีขอ้ คำถามตา่ ง ๆ จะมคี วามสมั พันธก์ นั สูงมาก 2. ความเชอ่ื ถอื ได้แบบวัดชนิดนีต้ ้องมีผลลัพธ์ที่แนน่ อน สามารถนำมาวิเคราะห์ได้ง่ายและจะมีคำถาม หลายขอ้ ทีว่ ัดแต่ละลกั ษณะของความพอใจในการทำงาน 3. ภาษา ขอ้ คำถามจะตอ้ งใชภ้ าษาชัดเจน ไมค่ ลุมเครือและเขา้ ใจงา่ ย 4. เนอ้ื หาแบบวัดจะต้องมีขอ้ คำถามทุกข้อครอบคลุมประเด็นของวัตถปุ ระสงค์การวจิ ัย สมนึก ภัททิยธนี (2549 : 37 - 43) การวัดความพึงพอใจจะใช้แบบสอบถามมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) เป็นเครื่องมือ โดยเฉพาะการเก็บรวบรวมข้อมูลทางสงั คมศาสตร์ เพราะเป็นวิธที ี่สะดวก และ สามารถใช้วัดได้อย่างกว้างขวาง ทั้งข้อมูล ข้อเท็จจริง โดยมีคำถามเป็นตัวกระตุ้นเร่งเร้าให้บุคคลแสดง พฤติกรรมต่าง ๆ ออกมาใช้ในการประเมินหรือพิจารณาตนเอง หรือสิ่งอื่น ๆ ใช้ทั้งในการประเมินการปฏิบัติ กจิ กรรมทกั ษะต่าง เช่น ความพึงพอใจ เจตคติ แรงจงู ใจ ใฝส่ มั ฤทธ์ิ ความสนใจ เป็นตน้ การวัดความพึงพอใจของนักเรียนท่ีมีตอ่ เอกสารประกอบการเรียน กำหนดรูปแบบเป็นแบบสอบถาม ประมาณค่า มี 5 ระดับ และนำค่าเฉลีย่ ที่ได้จากแบบสอบถามมาแปลความหมาย เป็นระดับ โดยเปรียบเทยี บ เกณฑ์แปลความหมาย ดงั น้ี ค่าเฉลี่ย ระดบั ความพงึ พอใจ 4.50 - 5.00 มากที่สดุ 3.50 - 4.49 มาก 2.50 - 3.49 ปานกลาง 1.50 - 2.49 นอ้ ย 1.00 - 1.49 นอ้ ยท่สี ุด
31 สรุป การวัดความพึงพอใจผู้วิจัยออกแบบการวัดแยกองค์ประกอบ จัดทำเป็นแบบสอบถามความพึง พอใจ เป็นแบบมาตราส่วนประมาณคา่ 5 ระดับและนำผลทีไ่ ด้ไปวิเคราะห์ข้อมูลความพึงพอใจในการเรียนซง่ึ ผลการเรียนจะมคี วามสัมพันธก์ นั ในทางบวก ทงั้ น้ขี ้ึนอยกู่ บั กิจกรรมท่ีผู้เรียนได้ปฏิบตั ิ ในการวดั ความพึงพอใจของการเรียนออนไลน์ในรายวิชาฟสิ ิกส์เพ่ิมเติม2 ของนกั เรียนชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 4 ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด 19 ใช้แบบสอบถามความพึงพอใจ เป็นแบบมาตรา สว่ นประมาณคา่ 5 ระดบั โดยผูเ้ รยี นจะตอบแบบสอบถามผ่าน Google Form 7. งานวิจัยที่เกยี่ วขอ้ ง จุฑามาศ ใจสบาย (2561) ศึกษาการสร้างบทเรียนออนไลน์ วิชา เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อชีวิต โดย ใช้ Google Classroom ในการจัดการเรียนการสอนบนเครือข่าย ผลการวิจัยพบว่าผลการวิจัยพบว่า มีค่า ประสิทธภิ าพของกระบวนการและประสทิ ธิภาพของผลสัมฤทธห์ิ ลงั เรยี น (E1/ E2) เท่ากับ 80.25/84.88 ดา้ น ผลสมั ฤทธก์ิ ่อนเรยี นและหลังเรยี นของนักเรยี นมีคะแนนเฉลีย่ เทา่ กบั 37.80 คะแนน และ 41.10 คะแนน เม่ือ เปรียบเทียบระหว่างคะแนนก่อนและหลังเรียน พบว่า คะแนนสอบหลังเรยี นสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญ ทางสถิติที่ระดับ .05 และ พบว่าระดับความพึงพอใจของผู้เรียนที่มีต่อบทเรียนออนไลน์ โดยใช้ Google Classroom รายวิชา เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อชีวิต โดยรวมมีค่าเฉลี่ย 3.70 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน มีค่า เท่ากบั 0.27 อยใู่ นระดับความพึงพอใจมากที่สุด พิพัฒน์ คงสัตย์ (2546) ได้ศึกษาเรื่องบทเรียนออนไลน์ภาษาราชการและบทเรยี นออนไลน์ภาษาปาก วิชาคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศพื้นฐาน เรื่องเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ที่พัฒนาขึ้นมีประสิทธิภาพ เปน็ ไปตามเกณฑ์ 80/80 อัครศาสตร์ ศาสตร์สูงเนิน (2550) ได้ศึกษาเรื่องการศึกษาผลสัมฤทธิ์ในการเรียนและความพึงพอใจ ด้วยบทเรียนออนไลน์ที่ออกแบบตามแนวคิดการสร้างความรู้ด้วยตนเอง วิชาวิทยาศาสตร์ ระดับชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนปริยตั สิ ามัญ นครราชสีมา ที่พัฒนาขึ้นมีประสิทธิภาพเปน็ ไปตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ 80/80 จักรพงษ์ เจือจันทร์ (2550) ได้พัฒนาระบบการจัดการเรียนรู้ วิชาเทคโนโลยีสารสนเทศเพ่ือชีวิตด้วย โปรแกรม Moodle สำหรับนักศึกษาช้ันปีที่ 1 โปรแกรมคอมพิวเตอร์ศึกษา คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราช ภฏั สรุ นิ ทร์ ภาคเรียนที่ 2/2550 ผลการทดสอบพบว่าบทเรียน มปี ระสทิ ธภิ าพ 84.20/ 81.45 เก้า จันทรเกษม และคณะ (2551) ได้พัฒนาบทเรียนอเี ลิร์นนิง วิชาหลักการและเทคนิคการพยาบาล วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี พระพุทธบาท พบว่าคุณภาพของบทเรียน อยู่ในระดับดี ( X = 3.83) มี ประสิทธิภาพ เท่ากับ 85.05 / 88.72 สอดคล้องกับ งานวิจัยของ จุฑามาศ ใจสบาย (2561) ศึกษาสร้าง บทเรียนออนไลน์ วิชา เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อชีวิต โดยใช้ Google Classroom ในการจัดการเรียนการ สอนบนเครือขา่ ย อนุโรจน์ นันทิวัถพงศ์ (2554) ซึ่งได้ศึกษาเรื่องอิเล็กทรอนิกส์เบื้องต้น ระหว่างนักเรียนที่เรียนด้วย บทเรียนคอมพิวเตอร์ผ่านเครือข่ายกับนักเรียนที่เรียนด้วยวิธีสอนปกติ พบว่านักเรียนที่สอนด้วยบทเรีย น คอมพิวเตอร์ผา่ นเครือข่าย มีผลสัมฤทธิท์ างการเรยี นรสู้ ูงกวา่ นักเรียนดว้ ยวธิ ีสอนปกติอยา่ งมนี ยั สำคัญทางสถิติ ทร่ี ะดับ .05 สุคนธ์ทิพย์ สุภาจันทร์ (2556) ศึกษาเรื่อง การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนโดยการสอนที่ใช้ สื่อการสอน E-Book และการสอนปกติ วิชาการวิเคราะห์ข้อมูลธุรกิจ พบว่าผลสัมฤทธิ์การจัดการเรียนการ
32 สอนแบบใช้สื่อ E-Book มีค่าเฉลี่ยของคะแนนสูงกว่าการจัดการเรียนการสอนแบบปกติ อย่างมีนัยสำคัญทาง สถิตทิ ร่ี ะดบั .05 พนิดา ทรงรัมย์ และคณะ (2561) ศึกษา การพัฒนาระบบจัดการเรียนการสอนบนเฟซบุ๊ก โดยมี วัตถุประงสงค์ เพื่อ 1) พัฒนาระบบจัดการเรียนการสอนบนเฟซบุ๊ก 2) ให้ผู้ใช้สามารถจัดการเรียนการสอน บนเฟซบุ๊กได้ ซึ่งเปน็ เครอื ข่ายสงั คมออนไลน์ทีไ่ ดร้ ับความนิยมมากท่สี ุดในประเทศไทย โดยกลมุ่ ตัวอยา่ งทใี่ ช้ใน งานวิจัยนี้แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ ผู้เชี่ยวชาญที่ทำหน้าที่ในการประเมินคุณภาพของระบบจัดการเรียนการ สอนบนเฟซบุ๊ก จำนวน 5 คน และผู้ใช้เฟซบุ๊ก จำนวน 108 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบไปด้วย ระบบจัดการเรยี นการสอนบนเฟซบุ๊ก, แบบประเมนิ คุณภาพของระบบ และแบบประเมินความพงึ พอใจ สถิติที่ ใช้ คือ ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานผลจากการวิจัย พบว่า 1) ระบบสามารถจัดการข้อมูลสมาชิก รายวิชา บทเรียน ข้อสอบ แบบทดสอบการประชาสัมพันธ์ และแบบฝึกหัดได้ 2) คุณภาพของระบบจัดการ เรียนการสอนบนเฟซบุ๊กอยู่ในระดับมาก และ3) ผู้ใช้มีความพึงพอใจในการใช้งานระบบจัดการเรียนการสอน บนเฟซบุ๊กในระดับมาก ภูวดล บัวบางพลู (2554) นำเสนอการพัฒนาและหาประสิทธิภาพของระบบบริหารจัดการการเรียน การสอนผา่ นระบบเครือขา่ ย ระดบั อดุ มศึกษา และทำการประเมินระบบท่ีพัฒนาขน้ึ โดยผู้เชี่ยวชาญ จากนั้นทำ การสร้างบทเรียนออนไลน์วิชาวิเคราะห์และออกแบบระบบที่มีประสิทธิภาพ แล้วทำการวิเคราะห์ผลสัมฤทธิ์ ก่อนเรียนและหลังเรียนของนักศึกษา จำนวน 30 คน ผลการวิจัยแสดงให้เห็นว่า ระบบที่พัฒนาขึ้นมีความ เหมาะสมในการบริหารจัดการเรียนการสอน และประสิทธิภาพของระบบในภาพรวมอยู่ในระดับมาก นอกจากนแ้ี ล้วผลสัมฤทธิ์ทางการเรยี นของนักศึกษาก่อนและหลังเรียนแตกตา่ งกัน อยา่ งมีนยั สำคัญทางสถิติที่ ระดบั 0.01 ศรายุทธ เนียนกระโทก และอษุ านาฏ เออื้ อภสิ ิทธ์วิ งศ์ (2558) พัฒนาระบบจดั การเรยี นการสอนแบบ ออนไลน์สำหรับอาจารย์และนักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา เพื่อแก้ไขปัญหาของระบบจัดการ เรียนการสอนระบบเดิมที่มีความซับซ้อนเกินความต้องการและไม่สวยงาม ระบบจัดการเรียนการสอนใหม่ที่ พัฒนาขึ้นประกอบไปด้วย 6 ระบบ คือ ระบบเชื่อมรายวิชา ระบบข้อมูลรายวิชา ระบบควบคุมผู้ใช้ ระบบ จัดเกบ็ คะแนน ระบบแก้ไขขอ้ มูล และกระทูถ้ ามตอบ ระบบถกู พัฒนาข้ึนโดยใชภ้ าษา PHP และ SQL จากนัน้ ทำการประเมินผลโดยการสัมภาษณ์อาจารย์ 5 คน และใชแ้ บบสอบถามสำหรบั นักศึกษา จำนวน 420 คน ผล การประเมนิ แสดงใหเ้ หน็ ว่าอาจารย์และนักศึกษามีความพงึ พอใจในการใช้ระบบ อยู่ในระดบั ดี อนิรุทธ์ โชติถนอม (2557) นำเสนอการพัฒนาระบบจัดการเรียนการสอนอิเลคทรอนิกส์เพื่อรองรับ กรอบการประกันคุณภาพการศึกษาไทย โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มความสะดวกรวดเร็วให้กับอาจารย์ในการ จัดทำ มคอ.3 และ มคอ.5 โดยเพิ่มรายละเอียดของวิชา เอกสารการสอน สั่งงาน แนะนำเว็บไซต์ แนะนำ หนงั สอื และขอ้ มลู นักเรียน จากน้นั ทำการประเมินความพึงพอใจของระบบท่ีได้พัฒนาขนึ้ โดยอาจารย์ จำนวน 10 คน ผลการประเมิ้นแสดงใหเ้ ห็นว่า อาจารย์มคี วามพึงพอใจมากในการใช้งานระบบ และมีคะแนนความพึง พอใจเฉลี่ยสูงสดุ คอื 4.50ในด้านการจัดทำ มคอ. อลิศรา พูลทอง (2560) ศึกษาความพึงพอใจของนักศึกษาระดับชั้นประกาศนียบัตรวิชาชีพ ปีที่ 2 ปี การศึกษา 2560 เกี่ยวกับการจัดการเรียนการสอนวิชานันทนาการเพื่อ การท่องเที่ยว (2702-2007 ) โดยใช้ Facebook เปน็ เครือ่ งมือในการติดตอ่ สือ่ สาร และเพ่ือนำข้อมูลทไ่ี ดเ้ ป็นแนวทางในการจดั การเรียนการสอนใน รายวิชาอน่ื ๆ ต่อไป กลุม่ ตัวอยา่ งจำนวน 20 คน สำหรับการศกึ ษาวจิ ัยเคร่ืองมือท่ใี ช้คือ แบบสอบถามความพึง พอใจ สถิตทิ ใี่ ช้ แบ่งออกเป็น 2 สว่ น สว่ นท่ี 1 คอื ข้อมูลทว่ั ไปของผู้ตอบแบบสอบถาม วเิ คราะห์ ขอ้ มลู โดยใช้ ค่าความถี่และร้อยละ ส่วนที่ 2 ความพึงพอใจของนักศึกษา วิเคราะห์ ข้อมูลโดยใช้ค่าเฉลี่ย ( Mean)ค่าส่วน
33 เบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) ผลการวิจัย พบวา่ ความพึงพอใจของนกั ศึกษาเกย่ี วกับการจัดการ เรียนการสอนโดยใช้ Facebook เป็นเครื่องมือในการติดต่อสื่อสาร พบว่า ด้านการจัดการเรียนการสอน ใน ประเด็นย่อย การจัดการเรียนการสอนใน Facebook ช่วยให้ผู้เรียนเรียนอย่างมีความสุขมีค่าเฉลี่ยสูงที่สุด เท่ากับ 4.78 ระดับความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด รองลงมาคือ ในเรื่องของการจัดการเรียนการสอนใน Facebook ช่ายใหผ้ ้เู รยี นเรียนด้ายความสนุกสนานนีคา่ เฉลี่ยเท่ากบั 4.68 ระดับความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก ที่สุด น้อขที่สุดคือ ในเรื่องของการจัดการเรียนการสอนในFacebook ทำให้ผู้เรียนเข้าใจบทเรียนมากขึ้น มี ค่าเฉลีย่ เท่ากบั 4.50 ระดบั ความพึงพอใจอยใู่ นระดบั มากทสี่ ดุ พิชญ์ฌาภรณ์ เมืองงาม และคณะ (2557 ) ศึกษาผลการใช้สังคมออนไลน์ในการเรียนการสอนแบบ โมเดลซิปปาที่มีต่อสัมฤทธท์ิ างการเรียน ของนักศกึ ษาระดับปริญญาตรี พบวา่ ความคดิ เหน็ ของนักศึกษาที่มีต่อ การใช้กระบวนการกลุ่มผ่านสังคมออนไลน์ในการเรยี นการสอนแบบโมเดลซิปปาอยู่ในระดบั มาก ทั้งนี้อาจเป็น เพราะ การจัดการเรียนการสอนผ่านเฟสบุ๊ค (Facebook) ทำให้มีความรับผิดชอบมากขึ้นเพราะต้องติดตาม การเปล่ียนแปลงต่างๆ ตลอดเวลา การจดั การเรยี นการสอนผา่ นเฟสบคุ๊ (Facebook) ทำให้มีการตดิ ต่อสื่อสาร เกดิ ขึ้นได้ ตลอดเวลาระหวา่ งผูส้ อน เพอ่ื นร่วมชัน้ และผู้เรียน การจัดการเรยี นการสอนผา่ นสังคมออนไลน์แบบ โมเดลซิปปาช่วยในการประยุกต์ใช้ความรู้การใช้กระบวนการกลุ่มผ่านสังคมออนไลน์ในการเรียนการสอนแบบ โมเดลซิปปา อันส่งผลให้เกิดการเรียนรู้ดีขึ้น กิจกรรมการเรียนรู้ที่ดีทำให้เกิดความพึงพอใจในการเรียนรู้ สอดคล้องกับสุดารัตน์ ไผ่พงศาวงศ์ (2543) พบว่า การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ เป็นแรงจูงใจให้เกิดการเรียนรู้ เป็นอย่างดี ท าให้นกั เรยี นมผี ลสมั ฤทธิท์ างการเรยี นสงู ขึน้ เกิดการสนใจและพึงพอใจต่อวิชาทเ่ี รียน จากการศกึ ษาเอกสารและงานวิจัยที่เกย่ี วข้องกบั การใชส้ ื่อสังคม และการสอนออนไลน์ ผู้วิจัยใช้เป็น แนวทางในการพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้ออนไลน์ผ่านระบบ Facebook Live ในรายวิชาฟิสิกส์เพิ่มเติม 2 สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนธรรมศาสตร์คลองหลวงวิทยาคม ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โดยคำนึงถึงบริบท ของสถานศึกษาซึ่งกำหนดใหจ้ ัดกจิ กรรมการเรียนการสอน ในรูปแบบออนไลน์ ผ่าน Facebook Live ในกลุ่ม ปิด โดยแบ่งกลุ่มตามระดับช้ัน โดยจัดตารางเวลาใหน้ กั เรียนเข้าเรียนออนไลน์ตามช่วงเวลาทีก่ ำหนด เป็นการ ลดระยะเวลาในการเรียนบางรายวิชา และปรบั ลดภาระงานของผเู้ รียนโดยเน้นที่การวัดและประเมินผลผู้เรียน ผ่านระบบ Virtual School Online ในรายวิชาหลัก เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้เรียนที่จะสามารถเข้าเรียน ได้ และพัฒนาผลการเรียนได้ตามศกั ยภาพ
34 บทท่ี 3 วิธีดำเนินการ การวิจัยเรื่อง การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้ออนไลน์ผ่านระบบ Facebook Live ในรายวิชาฟิสิกส์ เพิ่มเติม 2 สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนธรรมศาสตร์คลองหลวงวิทยาคม ภาคเรียนที่ 2 ปีการศกึ ษา 2563 ภายใต้สถานการณก์ ารแพรร่ ะบาดของโรคติดเชือ้ ไวรสั โคโรนา 2019 ผู้วิจยั ได้ดำเนนิ การ ตามข้นั ตอน ดงั นี้ 1. ประชากรและกลุ่มตวั อย่าง 2. เคร่อื งมือท่ีใชใ้ นการศึกษา 3. การสร้างและหาคุณภาพของเคร่ืองมือท่ีใชใ้ นการศึกษา 4. การเกบ็ รวบรวมข้อมลู 5. การวเิ คราะหข์ ้อมูล 1. ประชากรและกลมุ่ ตัวอย่าง การวจิ ยั ครง้ั นผี้ ู้วจิ ยั แบ่งประชากรและกลุ่มตัวอย่างท่ีใช้ในการวจิ ยั ออกเป็น 2 กลุม่ ดังน้ี 3) ผู้เชี่ยวชาญ เป็นประชากรที่ใช้ในการรวบรวมข้อมูลความคิดเห็น ในการประเมินและให้ ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการจัดการเรียนการสอนออนไลน์ เกี่ยวกับการจัดการเรียนการสอนออนไลน์ และการ สอนวิทยาศาสตร์สาขาฟิสิกส์ หรือวิทยาศาสตร์สาขากายภาพ ผ่านกระบวนการ PLC (Professional Learning Community) คัดเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง จากครูผู้สอนกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี โรงเรียนธรรมศาสตร์คลองหลวงวิทยาคม ที่มีประสบการณ์สอนในรายวิชาวิทยาศาสตร์ไม่ตำ่ กว่า 5 ปี ไดก้ ลุ่มตัวอยา่ ง จำนวน 4 คน 4) นักเรียน เป็นประชากรที่ใช้ศึกษาผลการจัดการเรียนรู้ออนไลน์ รายวิชาฟิสิกส์เพิ่มเติม ซึ่งซึ่งคัดเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง จากนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนธรรมศาสตร์คลองหลวง วิทยาคม ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 จำนวน 21 ห้องเรียน ที่ลงทะเบียนเรียนรายวิชาฟิสิกส์เพิ่มเตมิ จำนวน 4 ห้องเรียน ได้แก่ นกั เรียนช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 4/2 , 4/4 , 4/16 , และ 4/18 2. เคร่อื งมือทใ่ี ชใ้ นการวิจยั ในการวจิ ยั เรอ่ื ง การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้ออนไลน์ผ่านระบบ Facebook Live ในรายวชิ าฟสิ กิ ส์ เพ่มิ เติม 2 สำหรบั นักเรียนชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี 4 โรงเรียนธรรมศาสตรค์ ลองหลวงวทิ ยาคม ภาคเรียนที่ 2 ปี การศกึ ษา 2563 ภายใต้สถานการณก์ ารแพรร่ ะบาดของโรคตดิ เช้ือไวรสั โคโรนา 2019 นไ้ี ด้ใชเ้ ครอ่ื งมอื ดังน้ี 2.1 สื่อและชดุ กจิ กรรมการเรยี นรู้ออนไลน์ผ่านระบบ Facebook Live ในรายวชิ าฟสิ กิ สเ์ พ่ิมเติม 2 สำหรับนกั เรยี นช้ันมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4 โรงเรียนธรรมศาสตรค์ ลองหลวงวิทยาคม ภาคเรียนท่ี 2 ปกี ารศึกษา 2563 ภายใตส้ ถานการณ์การแพรร่ ะบาดของโรคติดเช้อื ไวรัสโคโรนา 2019 2.2 แผนการจดั การเรียนรู้ รายวชิ าฟิสิกสเ์ พิ่มเตมิ 2 สำหรบั นักเรยี นชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ 4 โรงเรียนธรรมศาสตร์คลองหลวงวิทยาคม ที่ใช้ในประกอบการจดั การเรยี นรู้ออนไลน์
35 2.3 แบบทดสอบกอ่ นเรยี น หลังเรียน และแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิ จากระบบ Virtual School Online 2.4 แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อกิจกรรมการเรียนรู้ออนไลน์ผ่านระบบ Facebook Live ในรายวชิ าฟสิ กิ ส์เพิ่มเติม 2 สำหรับนกั เรยี นชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนธรรมศาสตร์คลอง หลวงวิทยาคม ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส โคโรนา 2019 ประกอบด้วย ส่วนของข้อคำถาม จำนวน 3 ดา้ น ไดแ้ ก่ 1) ดา้ นใชเ้ ทคโนโลยีในการเรียนการสอนออนไลน์ 2) ด้านการวดั และประเมนิ ผล 3) ด้านการมปี ฏสิ ัมพนั ธ์ 3. การสรา้ งและหาคุณภาพของเครื่องมือท่ใี ชใ้ นการวจิ ัย ในการพัฒนากิจกรรมการเรยี นร้อู อนไลนผ์ ่านระบบ Facebook Live ในรายวิชาฟิสกิ สเ์ พมิ่ เติม 2 สำหรับนักเรยี นชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรยี นธรรมศาสตร์คลองหลวงวิทยาคม ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 ภายใตส้ ถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชอื้ ไวรัสโคโรนา 2019 ผู้วจิ ยั จะดำเนนิ ตามลำดบั ขนั้ ตอนดงั น้ี 1) การออกแบบกิจกรรมการเรียนร้แู บบออนไลน์ ศึกษาเอกสาร แนวคิด ทฤษฎี และงานวิจัยที่เกีย่ วข้องกับการพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้ออนไลน์ผ่าน ระบบ Facebook Live ในรายวิชาฟสิ กิ สเ์ พ่มิ เตมิ 2 สำหรบั นกั เรียนช้นั มัธยมศึกษาปที ่ี 4 โรงเรียนธรรมศาสตร์ คลองหลวงวทิ ยาคม ภาคเรียนท่ี 2 ปีการศกึ ษา 2563 ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเช้ือไวรัส โคโรนา 2019 และเนอ้ื หารายวชิ าฟิสิกสเ์ พ่มิ เตมิ 2 เรอ่ื ง งานและพลังงาน โดยได้นำความรู้ด้านการจัดการ เรียนการสอนด้วยวิธีการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น (5Es) และนำเนื้อหาสิ่งพิมพ์ข้อมูลความรู้ ท่ี หน่วยงานทางการศึกษาได้ทำไว้แล้วมาประยุกต์ใช้ ได้แก่ หนังสือเรียนรายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตร์ ฟิสิกส์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 ของสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี คู่มือครูจากสถาบัน ส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์ สื่อวิดีโอสาธิตการทดลอง เว็บไซต์การทดลองเสมือน มาดำเนินการพัฒนา กิจกรรมการเรียนรู้ออนไลน์ โดยนำเสนอผา่ น โปรแกรม PowerPoint และนำชุดกิจกรรมการเรียนรูออนไลน์ ไปใช้ ตามลำดับขน้ั ตอนต่อไปน้ี 1.1 ศึกษาหลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนธรรมศาสตร์คลองหลวงวิทยาคม พุทธศักราช 2561 ตาม หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) จัดทำตารางการ วิเคราะห์หลกั สตู ร เพอ่ื ตรวจสอบความสอดคลอ้ งสัมพนั ธก์ บั หลักการ จุดหมาย มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชว้ี ัด/ ผลการเรียนรู้ และคำอธิบายรายวชิ า เพ่อื จดั ทำหนว่ ยการเรียนรู้ และออกแบบการจดั การเรียนรู้ 1.2 วิเคราะห์เนื้อหา วิเคราะห์ผู้เรียน และวิเคราะห์ภารกิจการเรียนรู้ กำหนดเทคนิควิธีสอนและ กิจกรรมการสอนที่สอดคล้องธรรมชาติของวชิ า 1.3 สำรวจองค์ประกอบทีใ่ ชใ้ นการจดั การเรียนรู้ 1) จัดเตรียมสื่อ เอกสารประกอบบทเรียนและแหล่งการเรียนรู้ สำหรับใช้ในการจัดการ เรียนรู้ออนไลน์ 2) จัดเตรียมเครื่องมือวัดผลประเมินผลที่หลากหลายครอบคลุม ทั้งด้านพุทธิพิสัย ทักษะ พสิ ยั จติ พิสัยและเน้นการประเมินตามสภาพจริง
36 1.4 กำหนดหน่วยการเรียนรู้ และกิจกรรมการเรียนรู้ โดยผู้วิจัยได้กำหนด หน่วยการเรียนรู้ เรื่อง งานและพลังงาน แล้วออกแบบกิจกรรมจากผลการเรียนรู้ โดย การแบ่งเนื้อหาการเรียนรู้ กำหนดระยะเวลา โดยแบ่งออกเป็น 6 เร่อื ง ดงั นี้ เรื่องที่ 1 แรงและงาน เรอ่ื งที่ 2 กำลงั เรอ่ื งท่ี 3 พลงั งานกล เร่อื งท่ี 4 กฎการอนรุ ักษ์พลังงาน เรื่องที่ 5 การประยุกต์ใชก้ ฎการอนรุ ักษ์พลงั งานกล เรื่องท่ี 6 เครื่องกล 1.5 เขียนโครงสร้างการออกแบบกิจกรรม กำหนดเนื้อหา แล้วนำเสนอต่อผู้เชี่ยวชาญ ตรวจสอบ ความถกู ตอ้ งเหมาะสม และนำมาปรับปรุงแกไ้ ข 1.6 ดำเนินการสร้างกิจกรรมการเรียนรู้ ตามโครงสร้างการออกแบบกิจกรรมที่ปรับปรุงแก้ไขแล้ว มาสร้างเป็นเค้าโครงการนำเสนอ(Story boards) เพื่อสร้างงานนำเสนอผ่าน โปรแกรม PowerPoint ให้ สอดคล้องกับขั้นตอนการสอน และกำหนดเป็นบทพูดสำหรับการสื่อสารในการดำเนินการสอนผ่านระบบ Facebook Live 1.7 นำเค้าโครงการนำเสนอ (Story boards) เสนอผ้เู ชี่ยวชาญ ตรวจสอบความถกู ต้องของรูปแบบ การนำเสนอ และ การใชภ้ าษา การนำเสนอ 1.8 จัดทำเครื่องมือวัดประสิทธิภาพของกจิ กรรมการเรียนรู้ออนไลน์ โดยผู้วิจัยได้ทำการศกึ ษาการ สร้างแบบประเมินคุณภาพของการจดั การเรยี นรู้ โดยใช้แบบประเมินการตรวจสอบแบบประเมิน กรมวิชาการ กระทรวงศกึ ษาธกิ าร โดยมีหัวข้อการประเมินดงั น้ี 1) สว่ นนำของบทเรียน 2) เน้ือหาบทเรียน 3) การใชภ้ าษา 4) การออกแบบการเรียนการสอน 1.9 นำแบบประเมินคุณภาพกิจกรรมการเรียนรู้ออนไลน์ ที่สร้างเสร็จเรียบร้อยแล้วไปปรึกษา ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อพิจารณาความถูกต้องเหมาะสม แล้วนำข้อบกพร่องมาแก้ไขตามคำแนะนำ ผู้วิจัยได้กำหนด เกณฑก์ ารประเมินด้านความเหมาะสม ในการนำไปใช้ของชดุ กจิ กรรมเป็นแบบมาตราสว่ นประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดบั ตามแนวคดิ ของ ลเิ คอร์ท ซงึ่ ผูว้ จิ ัยได้ปรบั ปรุงมา จากแนวของกาญจนา วัฒายุ (2548 : 185 - 186) มีรายละเอียดดงั ต่อไปน้ี ระดบั คะแนน 5 หมายถงึ มีความเหมาะสมในระดับมากทส่ี ุด ระดบั คะแนน 4 หมายถงึ มคี วามเหมาะสมในระดับมาก ระดบั คะแนน 3 หมายถงึ มีความเหมาะสมในระดับปานกลาง ระดบั คะแนน 2 หมายถึง มีความเหมาะสมในระดบั นอ้ ย ระดับคะแนน 1 หมายถงึ มคี วามเหมาะสมในระดับน้อยทสี่ ุด 1.10 นำคะแนนที่ได้ที่ได้จากการประเมินของผู้เชี่ยวชาญ มาหาค่าเฉลี่ย (X) โดยมีการแปล ความหมายจากขอ้ มูลไวด้ งั น้ี (ปรับปรุงมาจาก กาญจนา วัฒายุ,2548 : 166) ระดับคะแนน 4.50 - 5.00 หมายถงึ มีคุณภาพระดับมากท่สี ดุ ระดับคะแนน 3.50 - 4.49 หมายถึง มคี ณุ ภาพระดับมาก
37 ระดบั คะแนน 2.50 - 3.49 หมายถึง มคี ุณภาพระดับปานกลาง ระดบั คะแนน 1.50 - 2.49 หมายถงึ มีคณุ ภาพระดบั นอ้ ย ระดับคะแนน 1.00 - 1.49 หมายถึง มีคณุ ภาพระดบั น้อยที่สุด จากการประเมินคุณภาพของกิจกรรมการเรียนรู้ออนไลน์ รายวิชาฟิสิกสเ์ พิม่ เติม 2 ช้นั มัธยมศกึ ษาปีที่ 4 โดยผู้เชี่ยวชาญด้านเนื้อหาและเทคโนโลยีการศึกษามีความเห็นว่าชุดกิจกรรมการเรียนรู้ออนไลน์ ใน ภาพรวมมคี ุณภาพอยูใ่ นระดับมากทสี่ ุด (X - 4.45, S.D. = 0.48) 1.11 นำชดุ กิจกรรมการเรียนรู้ ทีป่ รับปรุงแก้ไขข้อบกพร่องเรียบร้อยแล้วไปใช้ในการสอนออนไลน์ กบั นักเรยี นชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี 4 2) เขียนแผนการจดั การเรยี นรู้ การเขยี นแผนการจัดการเรียนรู้ประกอบการใช้กิจกรรมการเรียนร้อู อนไลน์ รายวิชาฟิสิกส์เพิม่ เติม 2 สำหรบั นักเรยี นชนั้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 4 ผ้วู จิ ัยไดจ้ ดั ทำแผนการจดั การเรยี นรู้ ดังนี้ 2.1 ศกึ ษาข้ันตอนวธิ ีการสอนจากเอกสารและงานวิจยั ต่าง ๆ 2.2 ศึกษาหลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนธรรมศาสตร์คลองหลวงวิทยาคม พุทธศักราช 2561 ตาม หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) จัดทำตารางการ วิเคราะห์หลกั สตู ร เพอ่ื ตรวจสอบความสอดคล้องสมั พันธก์ ับหลักการ จุดหมาย มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชีว้ ดั / ผลการเรียนรู้ และคำอธิบายรายวชิ า หน่วยการเรยี นรู้ และกิจกรรมการเรยี นรู้ 2.3 จัดทำแผนการจดั การเรียนรู้ ประกอบกจิ กรรมการเรยี นรอู้ อนไลน์ รายวชิ าฟิสกิ สเ์ พ่ิมเติม 2 ประกอบดว้ ยแผนการจัดการเรยี นรู้ จำนวน 6 แผน ใชเ้ วลาเรียน 18 ชั่วโมง ดังน้ี แผนจดั การเรียนรู้ ที่ 1 แรงและงาน จำนวน 4 ช่ัวโมง แผนจดั การเรียนรู้ ท่ี 2 กำลงั จำนวน 2 ช่วั โมง แผนจดั การเรยี นรู้ ท่ี 3 พลงั งานกล จำนวน 6 ชั่วโมง แผนจัดการเรยี นรู้ ท่ี 4 การอนุรักษ์พลงั งาน จำนวน 2 ชั่วโมง แผนจดั การเรยี นรู้ ที่ 5 การประยุกต์กฎการอนุรักษ์พลังงานกล จำนวน 2 ชั่วโมง แผนจดั การเรยี นรู้ ที่ 6 เคร่ืองกล จำนวน 2 ชัว่ โมง 2.4 นำแผนการจัดการเรียนรู้ ประกอบกิจกรรมการเรียนรู้ออนไลน์ ที่สร้างขึ้นไปให้ผู้เชี่ยวชาญ พิจารณาความสอดคล้องของแผนการจัดการเรียนรู้ในด้าน องค์ประกอบของแผนการเรียนรู้ กระบวนการ จัดการเรียนรู้ สื่อการเรียนรู้ และกระบวนการวัดผลประเมินผล แล้วนำข้อเสนอแนะจากผู้เชี่ยวชาญมา ปรับปรงุ แก้ไข 2.5 นำแผนการจัดการเรียนรู้ที่ปรับปรุงแล้ว ไปใช้ในการเรียนการสอนออนไลน์ ผ่านระบบ Facebook Live ในรายวิชาฟิสิกส์เพิ่มเติม2 สำหรับนักเรียนช้ันมัธยมศกึ ษาปีที่ 4 โรงเรียนธรรมศาสตร์คลอง หลวงวทิ ยาคม ภาคเรยี นที่ 2 ปกี ารศึกษา 2563 3) แบบสอบถามความพึงพอใจ การสร้างแบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อกิจกรรมการเรียนรู้ออนไลน์ ผ่านระบบ Facebook Live ในรายวิชาฟิสิกส์เพิ่มเติม2 สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนธรรมศาสตร์คลอง หลวงวิทยาคม ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรสั โคโร นา 2019 ผู้วิจัยได้ดำเนินการสร้างและหาคุณภาพของแบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อ
38 กิจกรรมการเรียนรู้ออนไลน์ ผ่านระบบ Facebook Live ในรายวิชาฟิสิกส์เพิ่มเติม2 สำหรับนักเรียนชั้น มธั ยมศึกษาปีท่ี 4 โรงเรียนธรรมศาสตรค์ ลองหลวงวิทยาคม โดยมขี น้ั ตอนดงั น้ี 3.1 ศึกษาเอกสารเกี่ยวกับแนวคิด และทฤษฎคี วามพงึ พอใจ แบบวัดความพงึ พอใจ การหาคุณภาพ ของเครื่องมือวัด และข้อมูลอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนดแนวทางการสร้างแบบสอบถามความพึงพอใจของ นักเรียนที่มีต่อกิจกรรมการเรียนรู้ออนไลน์ผ่านระบบ Facebook Live ในรายวิชาฟิสิกส์เพิ่มเติม2 สำหรับ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนธรรมศาสตร์คลองหลวงวิทยาคม ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 ภายใตส้ ถานการณ์การแพรร่ ะบาดของโรคตดิ เชื้อไวรัสโคโรนา 2019 3.2 สร้างแบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรยี นท่ีมีต่อการเรยี นรู้ออนไลนผ์ ่านระบบ Facebook Live ในรายวิชาฟิสิกส์เพิ่มเติม2 สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนธรรมศาสตร์คลองหลวง วิทยาคม ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ดงั น้ี แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนท่ี มีต่อการเรียนรู้ออนไลน์ผ่านระบบ Facebook Live ใน รายวิชาฟิสกิ สเ์ พ่ิมเติม 2 สำหรับนักเรยี นช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 4 โรงเรยี นธรรมศาสตร์คลองหลวงวทิ ยาคม ภาค เรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จำนวน 16 ข้อ โดยลักษณะของแบบสอบถามความพึงพอใจเป็น แบบมาตรส่วนประมาณค่า (Rating Scale) โดยแบง่ ระดบั ความพึงพอใจเป็น 5 ระดับ ดงั นี้ (กาญจนา วฒั ายุ, 2548 : 185-186) ระดบั คะแนน 5 หมายถึง มีความเหมาะสมในระดับมากทส่ี ุด ระดับคะแนน 4 หมายถงึ มีความเหมาะสมในระดบั มาก ระดับคะแนน 3 หมายถงึ มีความเหมาะสมในระดบั ปานกลาง ระดบั คะแนน 2 หมายถึง มคี วามเหมาะสมในระดับน้อย ระดับคะแนน 1 หมายถงึ มีความเหมาะสมในระดับน้อยที่สดุ นำคะแนนที่ได้ที่ได้จากการประเมินของผเู้ ชีย่ วชาญ มาหาค่าเฉลยี่ (X) โดยมกี ารแปลความหมายจาก ขอ้ มูลไวด้ ังน้ี (ปรับปรงุ มาจาก กาญจนา วฒั ายุ, 2548 : 166) ระดับคะแนน 4.50 - 5.00 หมายถงึ มีคณุ ภาพระดับมากท่ีสุด ระดับคะแนน 3.50 - 4.49 หมายถงึ มีคณุ ภาพระดับมาก ระดบั คะแนน 2.50 - 3.49 หมายถงึ มีคุณภาพระดับปานกลาง ระดบั คะแนน 1.50 - 2.49 หมายถึง มีคุณภาพระดบั น้อย ระดับคะแนน 1.00 - 1.49 หมายถึง มีคณุ ภาพระดบั น้อยท่ีสุด 3.3 นำแบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่ มีต่อการเรียนรู้ออนไลน์ผ่านระบบ Facebook Live ในรายวิชาฟิสิกส์เพิ่มเติม 2 สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนธรรมศาสตร์คลองหลวง วิทยาคม ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่ผู้วจิ ยั สรา้ งขึ้นให้ผู้เชีย่ วชาญจำนวน 3 ท่าน พิจารณาดัชนคี วามสอดคล้องระหวา่ งรายการสอบถาม กับความคิดเห็นที่ต้องการวัดดูความเหมาะสมในการเขียนข้อคำถาม ความครอบคลุมของเนื้อหาสาระแล้ว นำมาวเิ คราะหห์ าค่า I0C ซงึ่ ไดค้ า่ เทา่ กบั 0.95 ไปจัดพิมพ์ ในรปู แบบสอบถามออนไลน์ โดยใช้ Google Form แชรล์ งิ ค์ เตรยี มไวส้ ำหรบั ใหน้ กั เรียนตอบแบบสอบถาม
39 4. การเกบ็ รวบรวมขอ้ มูล 4.1 ขัน้ ดำเนินการ 1. ดำเนนิ การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ออนไลน์ โดยจัดกิจกรรมผา่ นระบบ Facebook Live ในกลุ่มปิด ตามช่วงเวลาเรียนออนไลน์ที่ทางโรงเรียนจัดไว้ โดยครูผู้สอนเป็นผู้ดำเนินรายการตามลำดับการจัดกิจกรรมท่ี กำหนดไวต้ ามแผนการจดั การเรยี นรู้ ด้วยการถ่ายทอดสัญญาณ (Steaming) ผา่ นโปรแกรม OBS Studio แลว้ นำเสนอกิจกรรมการเรียนรู้ผ่านสื่อจากโปรแกรม PowerPoint ตามลำดับหัวข้อในการเรียนการสอน ผู้วิจัย บันทึกผลการจัดการเรียนรู้ในแต่ละครั้ง โดยในระยะแรกของการจัดการเรียนรู้ ผู้สอนจะดำเนินการสำรวจ ความพร้อมของผู้เรียนในการเรียนออนไลน์ การทบทวนการใช้แอพพลิเคชันในการสอนออนไลน์และรูปแบบ การสอนด้านการเตรียม การสอน การสะทอ้ นผล การสร้างการมสี ่วนร่วมในการเรียนให้กบั นักเรียนเพ่ือให้เกิด ความพร้อมในการสอนออนไลน์และเป็นการสอนให้นักเรียนมีแรงจูงใจในการเรียน โดยมีการกำหนดเป็นแนว ปฏิบัติร่วมกันในระหว่างที่ต้องเรียนในรูปแบบ Online ที่บ้าน โดยต้องเข้าเรียนผ่านระบบ Facebook Live ในกลุ่มปดิ และนักเรียนเข้าเรียน ในระบบ Virtual School Online โดยสามารถทบทวนบทเรยี นได้ตลอดเวลา ตามความต้องการ 2. ครูผู้สอนแจ้งนัดหมายการเรียนในแต่ละครั้งของการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ออนไลน์ ซึ่งนักเรียน จะต้องเตรียมดาวน์โหลดเอกสารประกอบบทเรียน และศึกษาบทเรียนล่วงหน้าจากลิงค์ที่ครูผู้สอนแจ้งไว้ใน Facebook กลุ่มปิด ชื่อ Thkschool Online ม.4 สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนธรรมศาสตร์ คลองหลวงวทิ ยาคม ซ่ึงหลังจากจบบทเรยี น นักเรียนจะตอ้ งทำแบบทดสอบในระบบ Virtual School Online ทที่ างโรงเรียนกำหนดให้ใชว้ ัดและประเมนิ ผลการเรยี นรภู้ ายใตส้ ถานการณก์ ารแพรร่ ะบาดของโรคติดเชื้อไวรัส โคโรนา 2019 3. หลังจบหน่วยการเรียนรู้ ให้นักเรียนทำแบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนท่ี มีต่อการเรียนรู้ ออนไลน์ผ่านระบบ Facebook Live ในรายวิชาฟิสิกส์เพิ่มเติม 2 สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรยี นธรรมศาสตร์คลองหลวงวิทยาคม ภาคเรียนที่ 2 ปีการศกึ ษา 2563 ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาด ของโรคตดิ เชื้อไวรัสโคโรนา 2019 4.2 วิธีเก็บรวบรวมข้อมลู 1. เก็บข้อมูลเกี่ยวกับการหาค่าคุณภาพจากผู้เชี่ยวชาญ และประสิทธิภาพของกิจกรรมการ เรียนรู้ออนไลน์ผ่านระบบ Facebook Live ในรายวิชาฟิสิกส์เพิ่มเติม 2 สำหรับนักเรียนชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรยี นธรรมศาสตรค์ ลองหลวงวิทยาคม ภาคเรยี นที่ 2 ปกี ารศึกษา 2563 ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาด ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จากคะแนนระหว่างเรียน และคะแนนสอบสุดท้ายจากระบบ virtual school online ผู้เชี่ยวชาญตรวจเยี่ยมชั้นเรียนออนไลน์ โดยบันทึกการตรวจเยี่ยมชั้นเรียนและการสังเกต พฤติกรรมการสอนระหว่างทผี่ สู้ อนดำเนนิ กิจกรรมการเรียนร้อู อนไลน์ 2. เก็บข้อมูลเกี่ยวกับผลการเรียนรู้ของนักเรียน โดยหลังจากจบบทเรียนแล้ว ให้นักเรียนทำ แบบทดสอบหลังเรยี นในระบบ Virtual School Online อีกคร้ัง เพอื่ วเิ คราะห์หาค่าเฉลย่ี ร้อย 3. เก็บรวบรวมข้อมูลจากแบบสอบถามความพึงพอใจแบบสอบถามความพึงพอใจของ นกั เรียนที่ มตี อ่ การเรียนรูอ้ อนไลนผ์ า่ นระบบ Facebook Live ในรายวิชาฟสิ ิกส์เพิ่มเตมิ 2 สำหรับนักเรียนช้นั มัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนธรรมศาสตร์คลองหลวงวิทยาคม ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 ภายใต้ สถานการณก์ ารแพร่ระบาดของโรคติดเชอื้ ไวรัสโคโรนา 2019 โดยให้นักเรียนทำแบบสอบถามความพงึ พอใจ ทางออนไลน์ แล้วนำผลมาวเิ คราะหข์ ้อมูล
40 5. การวิเคราะหข์ ้อมลู ผวู้ จิ ยั ไดท้ ำการวิเคราะหข์ ้อมูล โดยไดด้ ำเนินการดังน้ี 1. วิเคราะห์หาค่าคุณภาพ และประสิทธิภาพของประสิทธิภาพของกิจกรรมการเรียนรู้ออนไลน์ผ่าน ระบบ Facebook Live ในรายวชิ าฟิสิกสเ์ พิม่ เตมิ 2 สำหรบั นักเรียนชัน้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 4 โรงเรยี นธรรมศาสตร์ คลองหลวงวิทยาคม ภาคเรียนท่ี 2 ปีการศึกษา 2563 ภายใตส้ ถานการณ์การแพรร่ ะบาดของโรคติดเช้ือไวรัส โคโรนา 2019 เพื่อหาประสิทธิภาพตามเกณฑ์มาตรฐาน 70/70 โดยการคำนวณค่าเฉลี่ยร้อยละ โดยใช้ โปรแกรม สำเร็จรปู 2. วิเคราะห์คะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน รายวิชาฟิสิกส์เพิ่มเติม 2 จากคะแนนสอบหลังเรียนใน ระบบ Virtual School Online หาค่าเฉลี่ยร้อยละ เพื่อนำมาเทียบกับเกณฑ์ร้อยละ 70 โดยใช้โปรแกรม สำเร็จรูป 3. วเิ คราะหข์ อ้ มลู จากแบบสอบถามความพงึ พอใจของนกั เรยี นที่มีต่อกิจกรรมการเรยี นร้อู อนไลน์ผ่าน ระบบ Facebook Live ในรายวิชาฟสิ ิกสเ์ พิม่ เตมิ 2 สำหรบั นักเรียนชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี 4 โรงเรียนธรรมศาสตร์ คลองหลวงวิทยาคม ภาคเรยี นที่ 2 ปีการศึกษา 2563 ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส โคโรนา 2019 มาคำนวณหาคา่ เฉลี่ย (X) และคำนวณหาค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S. D.) โดยใช้โปรแกรม สำเรจ็ รูป
41 บทที่ 4 ผลการวเิ คราะห์ข้อมลู การเสนอผลการวิจัย เรื่อง การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้ออนไลน์ผ่านระบบ Facebook Live ใน รายวิชาฟิสิกส์เพ่มิ เติม 2 สำหรบั นกั เรยี นชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 4 โรงเรียนธรรมศาสตรค์ ลองหลวงวิทยาคม ภาค เรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพื่อ 1) สร้างกิจกรรมการเรียนรู้ออนไลน์ผ่านระบบ Facebook Live ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติด เชื้อไวรัสโคโรนา 2019 2) เพื่อหาค่าประสิทธิภาพกิจกรรมการเรียนรู้ออนไลน์ผ่านระบบ Facebook Live 3) เพื่อศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรียน เทียบกับเกณฑ์ร้อยละ 70 ในรายวิชาฟิสิกส์เพิ่มเติม 2 ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และ 4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของ นกั เรยี นท่มี ีต่อการพฒั นากิจกรรมการเรยี นรู้ออนไลนผ์ ่านระบบ Facebook Live ในรายวชิ าฟิสิกส์เพ่ิมเติม 2 สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนธรรมศาสตร์คลองหลวงวิทยาคม ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ซึ่งผู้วิจัยนำเสนอผลการวิเคราะห์ ข้อมูลตามลำดบั ดงั นี้ ตอนที่ 1 ผลการพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้ออนไลน์ผ่านระบบ Facebook Live ภายใต้สถานการณ์ การแพรร่ ะบาดของโรคตดิ เชื้อไวรสั โคโรนา 2019 ตอนที่ 2 การหาค่าประสิทธิภาพกิจกรรมการเรียนรู้ออนไลน์ผ่านระบบ Facebook Live ภายใต้ สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคตดิ เชอ้ื ไวรสั โคโรนา 2019 ตอนที่ 3 การศกึ ษาผลสมั ฤทธทิ์ างการเรยี น รายวชิ าฟสิ ิกส์เพมิ่ เตมิ 2 เทียบกบั เกณฑร์ อ้ ยละ 70 ตอนที่ 4 ผลการศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้ออนไลน์ผ่าน ระบบ Facebook Live ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรสั โคโรนา 2019 ตอนท่ี 1 ผลการพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้ออนไลน์ผ่านระบบ Facebook Live ภายใต้สถานการณ์การ แพรร่ ะบาดของโรคติดเชอ้ื ไวรสั โคโรนา 2019 ผลการพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้ออนไลน์ผ่านระบบ Facebook Live ในรายวิชาฟิสิกส์เพิ่มเติม 2 สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนธรรมศาสตร์คลองหลวงวิทยาคม ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ทำให้ได้กิจกรรมการเรียนรู้ สำหรบั ดำเนนิ การจัดการเรียนการสอนออนไลน์ หนว่ ยการเรยี นรู้ เรอื่ ง งานและพลังงาน ซ่งึ เขียนในรูปแบบ ของแผนการจดั การเรียนรู้ สำหรับใช้ในการจัดการเรยี นรู้ จำนวน 6 แผน เวลารวม 18 ชั่วโมง และใชโ้ ปรแกรม PowerPoint เป็นส่ือในการนำเสนอเนอื้ หาบทเรยี น จำนวน 6 เรอื่ ง ประกอบดว้ ย เรอ่ื งท่ี 1 แรงและงาน จำนวน 4 ชว่ั โมง เรอ่ื งที่ 2 กำลงั จำนวน 2 ชั่วโมง เร่อื งท่ี 3 พลงั งานกล จำนวน 6 ชว่ั โมง เร่ืองที่ 4 การอนุรักษ์พลงั งาน จำนวน 2 ชัว่ โมง เรอ่ื งที่ 5 การประยุกต์กฎการอนุรกั ษ์พลังงานกล จำนวน 2 ช่ัวโมง เรือ่ งท่ี 6 เคร่ืองกล จำนวน 2 ช่ัวโมง
42 โดยลกั ษณะของสือ่ นำเสนอเน้ือหาบทเรียน อาจประกอบด้วยแผนภาพแสดงแนวแรง (Free body diagram) ภาพตวั อย่างสถานการณ์ หรือวดิ ีโอสถานการณ์ หรือวดิ ีโอสาธติ การทดลอง และตัวอยา่ งผลการ ทดลอง ใหน้ ักเรยี นได้ใช้เปน็ แนวทางในการฝึกวเิ คราะห์ผลการทดลอง ทง้ั นี้มเี อกสารประกอบบทเรียนในการ เรยี นออนไลน์ ตรงตามลำดบั เนื้อหาและตรงตามสื่อนำเสนอบทเรยี น แตล่ ะเนื้อหาจะประกอบดว้ ย ขนั้ ตอน การจดั การเรยี นรู้ และรายละเอยี ด ดังนี้ 1.ข้ันนำ กระต้นุ ความสนใจ (Engage) 1. ผู้สอนชักชวนนักเรียนพูดคุยกระตุ้นความสนใจของผู้เรียนโดย เป็นคำถามที่นำเข้าสู่บทเรียน แล้ว เปิดโอกาสให้ผู้เรียนตอบได้อย่างอิสระ นักเรียนช่วยกันแสดงความคิดเห็นผ่าน comment ใน ระบบ FACEBOOK LIVE โดยจะยังไมเ่ ฉลยวา่ ถูกหรือผิด 2.ขน้ั สอน สำรวจค้นหา (Explore) 2. ผสู้ อนแนะนำบทเรยี น และเป้าหมายในการเรียนรรู้ ่วมกนั 3. ผู้สอนใช้สื่อการนำเสนอ ให้ความรู้ส่วนที่เป็นเนื้อหา ประกอบกับผู้เรียนร่วมศึกษาจากเอกสาร ประกอบบทเรียน ผู้สอนดำเนินการสอบ โดยเปิดโอกาสให้ผู้เรียนใช้วิธีการส่ือสาร ผ่าน comment ในระบบ FACEBOOK LIVE เป็นระยะ 4. เนื้อหาส่วนของกิจกรรมการทดลอง ผู้สอนในวิดีโอสาธิตการทดลอง โดยการนำเสนอเป็นลำดับ ขั้นตอนของการทดลอง และนำเสนอตัวอย่างของผลการทดลองให้ผู้เรียนได้ใช้วิเคราะห์ผลการ ทดลองร่วมกัน โดยให้เวลาผู้เรียนได้ศึกษา และจัดกระทำกับข้อมูลที่เป็นผลการทดลอง เช่น การ เขียนกราฟ วเิ คราะหก์ ราฟ การคำนวณหาปรมิ าณท่ีเกี่ยวข้องกับตัวแปรในการทดลอง เปน็ ตน้ อธิบายความรู้ (Explain) 5. โดยหลังจากศกึ ษากิจกรรม เม่ือให้ผู้เรยี นทำกจิ กรรมเสรจ็ ผู้สอนนำนกั เรียนรว่ มกันสรุปผลจากการ ทำกจิ กรรม โดยเปดิ โอกาสให้ผ้เู รียนใช้วิธีการส่ือสาร ผา่ น comment ในระบบ FACEBOOK LIVE 3.ขน้ั สรปุ ขยายความเขา้ ใจ (Elaborate) 6. มกี จิ กรรมมอบหมายให้ผู้เรียนกลับไปทำแบบฝึกหัดหลังจบบทเรียน ตามหัวข้อท่ีกำหนด โดยผ้สู อนให้ คำแนะนำใน พร้อมตัวอย่างทีเ่ ป็นแนวทางในการหาคำตอบ 7. ผู้สอนนำอภปิ รายสรปุ เนอื้ หา 8. ผู้สอนอาจมอบหมายให้ผูเ้ รียนไปศกึ ษาเพิ่มเตมิ ผ่าน Clip VDO จาก ยูทูป หรือการทดลองเสมอื น ผ่าน เวบ็ https://phet.colorado.edu/th/ ตรวจสอบผล (Evaluate) 9. ผ้สู อนอาจให้การพูดคยุ สื่อสารกบั ผเู้ รียน เพ่ือเปน็ การตรวจสอบความเข้าใจของผู้เรียน 10. วดั และประเมินผลความรู้ของผู้เรยี น ผา่ นระบบ Virtual School Online ผ้เู รยี นเรียนสามารถเข้ามาเรยี นทบทวนความรู้ย้อนหลงั ได้ ร่วมกับการประเมนิ ผลการเรียนรู้ออนไลน์ ผ่านระบบ Virtual School Online มีลักษณะที่ยืดหยุ่นเวลา เป็นแบบประเมินเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ และ ผสู้ อนสามารถดูแล ตรวจสอบตดิ ตามนักเรยี น เพ่ือสะท้อนผลการเรียนรู้ อยา่ งตอ่ เน่ือง
43 ตอนท่ี 2 การหาค่าประสิทธิภาพกจิ กรรมการเรียนรู้ออนไลน์ผา่ นระบบ Facebook Live ภายใต้ สถานการณก์ ารแพร่ระบาดของโรคตดิ เช้อื ไวรสั โคโรนา 2019 ตารางท่ี 1 การหาคา่ ประสทิ ธภิ าพกจิ กรรมการเรยี นรู้ออนไลน์ผา่ นระบบ Facebook Live ภายใต้ สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชอ้ื ไวรัสโคโรนา 2019 คะแนน n คะแนนเตม็ X S.D. ร้อยละ E1 / E2 คะแนนระหวา่ งเรยี น 100 70 64.05 4.37 91.50 คะแนนการทดสอบหลังเรยี น 100 30 21.31 91.50 / 71.05 4.69 71.05 จากตารางท่ี 1 พบวา่ คะแนนเฉลยี่ ของคะแนนระหวา่ งเรยี น เท่ากับ 64.05 คะแนน คดิ เปน็ ร้อยละ 91.50 คะแนนเฉลีย่ ของการทดสอบหลงั เรยี นเท่ากบั 21.31 คะแนน คดิ เป็นรอ้ ยละ 71.05 คา่ E1 / E2 มคี ่า เท่ากับ 91.50 / 71.05 โดยเกณฑ์ประสิทธิภาพ เท่ากบั 70/70 ซงึ่ ค่า E1 สูงกวา่ เกณฑ์ และคา่ E2 สูงกวา่ กวา่ เกณฑ์ ตอนที่ 3 การศกึ ษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรยี น รายวชิ าฟิสิกส์เพิม่ เติม 2 เทยี บกบั เกณฑร์ ้อยละ 70 ตารางท่ี 2 ผลสัมฤทธิท์ างการเรียน รายวชิ าฟิสกิ สเ์ พิม่ เติม 2 เทยี บกับเกณฑ์ร้อยละ 70 จำนวน คะแนนเฉลีย่ S.D. เกณฑ์ รอ้ ยละของจำนวนนกั เรียน ระดับชน้ั นกั เรยี น (100) ร้อยละ 70 ทีม่ ีผลสมั ฤทธ์สิ ูงกว่า เกณฑ์ร้อยละ 70 (คน) ม.4/2 45 85.51 6.47 70 100 ม.4/4 45 86.16 6.86 70 100 ม.4/16 36 87.67 6.01 70 100 ม.4/18 36 81.89 10.74 70 100 รวม 162 85.36 7.84 70 100 จากตาราง ท2ี่ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน รายวชิ าฟิสกิ ส์เพิ่มเติม 2 ของนกั เรยี นชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ 4 ทเ่ี รียนออนไลนผ์ ่านระบบ Facebook Live ภาคเรยี นที่ 2 ปกี ารศกึ ษา 2563 ภายใต้สถานการณ์การแพร่ ระบาดของโรคติดเชื้อไวรสั โคโรนา 2019 พบวา่ คะแนนเฉล่ียของนักเรียน เท่ากับ 85.36 จากคะแนนเต็ม 100 และเมื่อพจิ ารณารายห้อง พบว่า ผลสมั ฤทธ์ิทางการเรยี นของนักเรยี นกลุม่ ตัวอย่างทกุ ห้องเรียนสงู กว่าเกณฑ์ รอ้ ยละ 70
44 ตอนที่ 4 ผลการศกึ ษาความพึงพอใจของนกั เรียนทมี่ ตี ่อการพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้ออนไลนผ์ า่ นระบบ Facebook Live ภายใต้สถานการณ์การแพรร่ ะบาดของโรคตดิ เชือ้ ไวรสั โคโรนา 2019 ตารางที่ 3 ผลการศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มตี ่อการพฒั นากิจกรรมการเรียนรู้ออนไลนผ์ า่ นระบบ Facebook Live ภายใตส้ ถานการณ์การแพรร่ ะบาดของโรคตดิ เชอื้ ไวรสั โคโรนา 2019 ท่ี รายการ ระดบั ความพงึ พอใจ ด้านใชเ้ ทคโนโลยีในการเรยี นการสอนออนไลน์ X S.D. แปลผล 1 สามารถเขา้ เรียนออนไลน์ไดไ้ ม่จำกดั ชว่ งเวลา ไมจ่ ำกัดสถานที่ 2 สามารถเรยี นร้ซู ้ำได้ด้วยตนเอง 4.17 0.99 มาก 3 สามารถใช้การเรยี นออนไลน์เปน็ ชอ่ งทางเสริมการเรียนรู้ได้ 4.19 0.86 มาก 4.10 0.89 มาก เฉลี่ย 4.15 0.91 มาก ด้านการวัดและประเมนิ ผล 4.48 0.71 มากที่สดุ 4 การประเมนิ ตนเองจาก ดว้ ยระบบ Virtual School Online 4.44 0.76 มากทส่ี ุด 5 แบบประเมินสอดคล้องกับเนื้อหาสาระท่ีสอนออนไลน์ 4.44 0.76 มากทส่ี ุด 6 การประเมนิ ตนเองออนไลน์ทำใหน้ กั เรียนสามารถหาความรู้เพมิ่ เตมิ ได้ 4.46 0.71 มากทีส่ ุด เฉล่ีย 3.92 0.83 มาก ดา้ นการมีปฏิสัมพนั ธ์ 4.10 0.84 มาก 7 มีส่วนร่วมในการตอบคำถามระหว่างเรยี น 4.05 0.89 มาก 8 ไดร้ บั การตอบกลบั จากทีมครูผูส้ อน 4.02 0.85 มาก 9 ได้รบั การชี้แจงในการเรียนและการประเมนิ ตนเองสม่ำเสมอ 4.32 0.71 มากทส่ี ุด 4.22 0.83 มากทส่ี ดุ เฉลี่ย 10 กิจกรรมการเรยี นการสอนผา่ นระบบ Facebook Live โดยภาพรวม เฉลี่ยรวม จากตารางที่ 3 พบว่า ผลการประเมินความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อกิจกรรมการเรียนรู้ออนไลน์ ผ่านระบบ Facebook Live ในรายวิชาฟิสิกส์เพิ่มเติม 2 สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียัน ธรรมศาสตร์คลองหลวงวทิ ยาคม ภาคเรยี นที่ 2 ปีการศึกษา 2563 ภายใตส้ ถานการณก์ ารแพร่ระบาดของโรค ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ภาพรวมนักเรียนมีความพึงพอใจอยู่ในระดับ มากที่สุด (���̅��� = 4.22 S.D. = 0.83) เม่ือพจิ ารณารายดา้ น พบว่า ด้านใชเ้ ทคโนโลยใี นการเรียนการสอนออนไลน์ มผี ลการประเมนิ ความพงึ พอใจอยู่ ในระดับ มาก มีค่าเฉลี่ย (���̅��� = 4.15 S.D. = 0.91) ด้านการวัดและประเมินผล ผลการประเมินพึงพอใจอยู่ใน ระดับ มากที่สุด มีค่าเฉลี่ย(���̅���= 4.46 S.D. = 0.71) เป็นด้านที่นักเรียนมีความพึงพอใจมากที่สุด โดยหัวข้อ “การประเมินตนเองจาก ด้วยระบบ Virtual School Online ค่า ���̅��� = 4.46 S.D. =0.71 ด้านการมีส่วนร่วม พบว่า ผลการประเมินพึงพอใจอยู่ในระดับ มาก มีค่าเฉลี่ย (���̅��� = 4.02 S.D. =0.85) จากผลการประเมินจะ เห็นได้ว่านักเรียนมีความพึงพอใจในด้านการมีส่วนร่วมน้อยที่สุด โดยหัวข้อ “มีส่วนร่วมในการตอบคำถาม ระหว่างเรยี น” มีผลการประเมนิ อยู่ในระดับ มาก โดยทม่ี ีค่าเฉล่ยี นอ้ ยทีส่ ุด (���̅��� = 3.92 S.D. =0.83)
Search