Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการจัดการเรียนรู้หน่วยที่ 2

แผนการจัดการเรียนรู้หน่วยที่ 2

Published by จันจิรา ธนันชัย, 2022-08-07 17:42:08

Description: แผนการจัดการเรียนรู้หน่วยที่ 2

Search

Read the Text Version

ม.4 หนว่ ยการเรยี นรู้ ที่ 2 เรือ่ ง การรักษาดลุ ยภาพ ของร่างกายมนษุ ย์ โดย นางสาวจนั จริ า ธนันชยั ตำแหน่งครผู ชู้ ่วย โรงเรยี นรำชประชำนเุ ครำะห์ 31 จังหวดั เชยี งใหม่ สำนักบริหำรงำนกำรศึกษำพิเศษ

แผนการจัดการเรยี นรูท้ ่ี 3 เร่อื ง การรักษาดลุ ภาพของนำ้ และสารในร่างกาย สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวชิ า รายวิชาวทิ ยาศาสตรช์ วี ภาพ รหัสวชิ า ว 30101 ชน้ั มัธยมศึกษาปที ี่ 4 ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2565 หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี 2 เรื่อง การรักษาดลุ ยภาพของร่างกายมนษุ ย์ เวลา 4 ชั่วโมง ครูผู้สอน นางสาวจันจิรา ธนนั ชัย มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด สาระท่ี 1 วิทยาศาสตรช์ วี ภาพ มาตรฐาน ว 1.2 เข้าใจสมบัติของส่ิงมชี ีวติ หน่วยพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต การลำเลียงสารเข้าและออก จากเซลล์ ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าที่ของระบบต่าง ๆของสัตว์และมนุษย์ที่ทำงานสัมพันธ์กัน ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าที่ของอวัยวะต่าง ๆ ของพืชที่ทำงานสัมพันธ์กัน รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ ประโยชน์ ตัวช้วี ัด ม.4/2 อธิบายการควบคมุ ดลุ ยภาพของนำ้ และสารในเลือดโดยการทำงานของไต สาระสำคญั มนุษย์จะดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างปกติจะต้องรักษาดุลยภาพในร่างกาย การรักษาดุลยภาพของร่างกาย ได้แก่ การรักษาดุลยภาพของน้ำและสารในเลือดโดยการทำงานของไต การรักษาดุลยภาพของกรด-เบส ของเลอื ดโดยการทำงานของไตและปอด การรกั ษาดุลยภาพของอุณหภมู ิในร่างกายโดยการทำงานร่วมกันของ ระบบหมุนเวียนเลือด ตอ่ มเหง่อื เสน้ ขนทผ่ี ิวหนัง กลา้ มเนือ้ โครงร่าง และระบบประสาท สาระการเรียนรู้ - การรักษาดลุ ภาพของนำ้ และสารในร่างกาย จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1. ด้านความรู้ (K) 1.1 นักเรียนสามารถระบุโครงสรา้ งและอธบิ ายการทำงานของไตมนษุ ย์ได้ 1.2 นกั เรยี นสามารถอธิบายกลไกการรักษาดลุ ยภาพของนำ้ และสารในร่างกายโดยการทำงานของไตได้ 2. ดา้ นทกั ษะกระบวนการ (P) นกั เรียนสามารถทำกจิ กรรม 2.1 การรักษาดลุ ยภาพของของเหลวในรา่ งกายได้ 3. ด้านคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ (A) นักเรียนมีความรอบคอบ และต้ังใจตอบคำถามในช้ันเรยี น

สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน 1. ความสามารถในการสอื่ สาร 2. ความสามารถในการคิด คณุ ลักษณะของวชิ า 1. ความรอบคอบ 2. กระบวนการกลมุ่ ชิ้นงาน/ภาระงาน กจิ กรรม 2.1 การรักษาดุลยภาพของของเหลวในรา่ งกาย กจิ กรรมการเรยี นรู้ รูปแบบการสอนทีใ่ ช้ในการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ คอื การสอนแบบสบื เสาะหาความรู้ 5E 1. ข้ันสร้างความสนใจ (Engagement) 1.1 ครูนำเขา้ สู่บทเรยี นโดยอาจใชภ้ าพเปดิ บทในหนงั สอื เรยี น และใชค้ ำถามเพ่ือใหน้ กั เรยี นรว่ มกัน อภิปรายเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของร่างกายในขณะออกกำลังกายและไม่ได้ออกกำลังกายเช่น ขณะท่ีนกั เรยี นกำลังออกกำลังกายร่างกายมีการเปล่ียนแปลงใดเกดิ ขึน้ บา้ ง (แนวคำตอบ ขณะออกกำลังกายจะรู้สึกเหนื่อย หายใจเร็วและถี่ขึ้น เหงื่อออกเป็นจำนวนมาก รู้สึกร้อน และมีอาการกระหายน้ำ แต่หากหยุดออกกำลังกายและได้ดื่มน้ำเข้าไป ร่างกายจะ กลับมาสู่ภาวะปกตไิ ด้ ทำให้นักเรียนเกิดความสนใจว่าร่างกายมกี ารรกั ษาดุลยภาพให้เขา้ สู่ภาวะ ปกตไิ ด้อยา่ งไร) 1.2 จากน้ันครูทบทวนความรูเ้ ดมิ เกยี่ วกับกระบวนการเมแทบอลซิ มึ ของรา่ งกาย และกระบวนการ สลายสารอาหารว่าจะไดผ้ ลิตภัณฑห์ รือสารใดบา้ ง โดยให้นักเรียนรว่ มกันอภิปราย และวิเคราะห์ วา่ สารตา่ งๆท่ไี ดจ้ ากกระบวนการเหลา่ น้ันมปี ระโยชน์และโทษต่อร่างกายอย่างไร 2. ข้ันสำรวจและค้นหา (Exploration) 2.1 ครเู ชอ่ื มโยงเรือ่ งการรักษาดุลภาพของน้ำและแร่ธาตุ การกำจัดของเสยี ในเลอื ดโดยการทำงาน ของไต..โดยให้นักเรียนสืบค้นเกี่ยวกับอวัยวะในระบบขับถ่าย..โครงสร้างของไต..หน่วยไต..และ การทำงานของหนว่ ยไต แล้วร่วมกนั สรุปถึงหนา้ ท่ีของอวัยวะในระบบขับถ่าย โดยใช้รูปในหนังสือ เรียน รูป 2.2 ไตและอวัยวะในระบบขับถ่าย รูป 2.3 ไตของมนุษย์ และรูป 2.4 การทำงานของ หนว่ ยไต 2.2 ครูใชค้ ำถามใหน้ ักเรยี นร่วมกนั อภิปรายเพือ่ เชอ่ื มโยงไปถึงการรักษาดุลยภาพของนำ้ ในรา่ งกาย ดังน้ี • ร่างกายรูไ้ ดอ้ ย่างไรว่าปรมิ าณน้ำทร่ี ับเขา้ และขบั ออกมีเท่าใดจงึ จะรักษาดลุ ยภาพของน้ำ ในรา่ งกายได้ จากนั้นครูให้นักเรียนสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับการรักษาดุลยภาพของน้ำในร่างกาย และทำ กิจกรรม 2.1 เรอื่ ง การรักษาดุลยภาพของของเหลวในร่างกายในหนังสือเรยี น

2.3 หลังจากนกั เรียนทำกิจกรรม 2.1 แล้ว ครูให้นักเรียนร่วมกันอภิปราย และสรุปเกีย่ วกับกลไก การรกั ษาดุลยภาพของน้ำในร่างกาย โดยใช้รูป 2.6 กลไกการรกั ษาดลุ ยภาพของนำ้ ในร่างกาย ใน หนังสือเรียนประกอบการอภิปราย โดยเน้นให้เห็นถึงความสัมพันธ์ของการทำงานของสมองส่วน ไฮโพทาลามัสและ ADH เซลล์ที่ท่อหน่วยไตและท่อรวม แล้วให้นักเรียนตอบคำถามตรวจสอบ ความเขา้ ใจในหนงั สือเรยี น 3. ข้ันอธิบายและลงขอ้ สรปุ (Explanation) 3.1 ครแู ละนักเรียนร่วมกันอธิบายและลงข้อสรุปเก่ยี วกับระบบที่ทำหน้าที่ในการกำจัดของเสียท่ีมี ไนโตรเจนเป็นองคป์ ระกอบ เชน่ ยเู รยี แอมโมเนียมไอออน และรักษาดุลยภาพของน้ำและแร่ธาตุ หรือสารอื่นๆ ในร่างกายคือ ระบบขับถ่าย อวัยวะในระบบขับถ่ายได้แก่ ไต ท่อไต กระเพาะ ปสั สาวะและทอ่ ปัสสาวะโดยภายในไตแต่ละขา้ งมีหนว่ ยไตประมาณ 1 ล้านหนว่ ย ทำหนา้ ที่ในการ กรอง การดูดกลับ และการหลงั่ สารจากระบบหมนุ เวยี นเลือด ทอ่ ไตทำหน้าท่ลี ำเลยี งปัสสาวะไปที่ กระเพาะปัสสาวะ กระเพาะปัสสาวะทำหน้าท่ีสะสมปัสสาวะก่อนขับออกนอกร่างกายผ่านทางท่อ ปสั สาวะ 3.2 ครูเชื่อมโยงความรู้เรื่องการดูดกลับและการหลั่งกับการลำเลียงสารเข้าและออกจากเซลล์ท่ี นักเรียนได้ศึกษามาจากบทที่ 1 เรื่อง การลำเลียงสารเข้าและออกจากเซลล์ เช่น การดูดกลับน้ำ เป็นการลำเลียงแบบออสโมซิส การดูดกลับกรดแอมิโน กลูโคส โซเดียมไอออน ไฮโดรเจนไอออน เป็นการลำเลยี งแบบแอกทฟี ทรานสปอร์ต 3.3 ครูอธบิ ายกิจกรรม 2.1 การรักษาดลุ ยภาพของของเหลวในร่างกาย จากกราฟที่ได้อธิบายเชื่อมโยงเกี่ยวกับการรักษาดุลยภาพของของเหลวในร่างกาย โดยกล่าวถึง บทบาทของไฮโพทาลามัส ADH ไต และหน่วยไต (แนวคำตอบ เมื่อร่างกายมีปริมาณน้ำมากหรอื ปริมาณนำ้ ในเลือดเพ่ิมขึ้น ความเข้มข้นของเลือด จะลดลง ทำใหล้ ดการกระต้นุ ของสมองสว่ นไฮโพทาลามัสซงึ่ ควบคมุ สมดุลของของเหลวในร่างกาย ส่งผลให้ตอ่ มใต้สมองสว่ นหลังหล่ัง ADH น้อยลง เซลลท์ ี่ทอ่ หน่วยไตและท่อรวมจึงลดการดูดกลับ น้ำเข้าสู่หลอดเลือด ร่างกายจึงขับของเหลวออกมาในรูปของปัสสาวะปริมาณมากและเจือจางใน

นาทีที่ 60 และ 90 และเมื่อเวลาผ่านไปปริมาณปสั สาวะจะลดลงจนปกติ เนื่องจากร่างกายรักษา ดลุ ยภาพของของเหลวในร่างกายได้เป็นปกตแิ ล้ว ) 4. ข้นั ขยายความรู้ (Elaboration) 4.1 ครูเชื่อมโยงกับประสบการณ์ของนกั เรียน เช่น การออกกำลังกายอยา่ งหนักทำให้มีเหงื่อออก จำนวนมาก หรือการอยใู่ นหอ้ งปรับอากาศแลว้ ปัสสาวะบ่อยกว่าปกติ เพื่อใหน้ กั เรียนอธิบายกลไก การรักษาดลุ ยภาพของน้ำเมอื่ อยูใ่ นเหตุการณ์ดังกล่าว 4.2 ครูเสริมความรู้เรื่อง โรคเบาจืด เพื่อให้นักเรียนเข้าใจถึงความสำคัญของ ADH ต่อการรักษา ดุลยภาพของน้ำในร่างกายย่ิงขนึ้ โรคเบาจืด (Diabetes insipidus) เป็นภาวะทีม่ กี ารถ่ายปสั สาวะ บ่อยและปริมาณมากในแต่ละครั้ง ผู้ที่มีอาการของโรคนีจ้ ะเสียนำ้ มากและกระหายน้ำตลอดเวลา ถ้าดื่มน้ำทดแทนไม่ทันจะเกิดภาวะขาดน้ำ (dehydration) ทำให้มีอาการอ่อนเพลีย ความดัน เลอื ดลดลงอาจถงึ ขั้นหมดสติชอ็ คและอาจเสยี ชีวิตได้ สาเหตุของโรคนี้เนื่องจากร่างกายขาด ADH ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่สร้างจากเซลล์ในสมองส่วน ไฮโพทาลามัส และหลั่งโดยต่อมใต้สมองส่วนหลัง ฮอร์โมนนี้มีหน้าที่กระตุ้นให้ท่อขดส่วนท้าย (distal convoluted tubule) ของหน่วยไตและท่อรวม (collecting duct) ดูดกลับน้ำเข้าหลอด เลอื ด ดังนน้ั เม่ือขาดฮอรโ์ มนน้ีจงึ ทำใหน้ ้ำไม่ถูกดดู กลบั เขา้ หลอดเลอื ด จงึ ขับถา่ ยปัสสาวะมากและ เจือจาง 5. ขนั้ ประเมนิ (Evaluation) 5.1 สังเกตพฤติกรรมขณะทำกิจกรรมร่วมกบั ผ้อู น่ื ในห้องเรียน 5.2 ประเมนิ จากการทำแบบฝกึ หัดในหนงั สือเรยี น 5.3 ครูสงั เกตการตอบคำถามในชน้ั เรยี น เมื่อมนี ักเรียนไม่เขา้ ใจ ครแู นะนำเพมิ่ เติม สอื่ / แหลง่ เรียนรู้ รายการสือ่ จำนวน สภาพการใช้สื่อ 1. หนังสือเรยี นรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และ ตามจำนวน ขน้ั สำรวจและค้นหา (Exploration) เทคโนโลยี ผู้เรียน ข้นั อธบิ ายและลงข้อสรุป (Explanation) 2. เพาเวอร์พอยด์ เรอื่ ง การลำเลียงสารเขา้ ออก 1 ชดุ ผา่ นเซลล์

10. การวัดและประเมนิ ผล จุดประสงค์การเรียนรู้ วธิ ีวดั ผล เครอื่ งมือวัด เกณฑ์การผา่ นจุดประสงค์ ผา่ นเกณฑร์ ้อยละ 60 ขึ้นไป ดา้ นความรู้ (K) ตรวจแบบฝกึ หัดใน หนังสอื เรียน 1. ด้านความรู้ (K) รายวชิ าพนื้ ฐาน วทิ ยาศาสตรแ์ ละ 1. สามารถระบโุ ครงสรา้ งและอธบิ ายการ ทำแบบฝึกหดั ใน เทคโนโลยี ทำงานของไตมนษุ ย์ หนังสอื เรยี น 2. นักเรียนสามารถอธิบายกลไกการ รายวชิ าพื้นฐาน รักษาดุลยภาพของน้ำและสารในร่างกาย วิทยาศาสตรแ์ ละ เทคโนโลยี โดยการทำงานของไตได้ ดา้ นทักษะกระบวนการ (P) สามารถทำกิจกรรม 2.1 การรักษาดุลย ทำกจิ กรรม 2.1 แบบประเมนิ ทักษะ ระดับคุณภาพ 3 หรอื กระบวนการ ระดับดีขน้ึ ไป ภาพของของเหลวในร่างกาย การรกั ษาดลุ ย แบบประเมนิ ระดับคณุ ภาพ 3 หรอื ภาพของ คณุ ลักษณะอนั พงึ ระดับดีขึ้นไป ประสงคด์ ้าน ของเหลวใน ระดับคุณภาพ 3 หรอื ระดบั ดีขน้ึ ไป รา่ งกาย ด้านคุณลักษณะทพ่ี ึงประสงค์ (A) มีความรอบคอบ และตั้งใจตอบคำถามใน การสงั เกต ช้นั เรียน พฤติกรรมในช้นั เรยี น สมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น การสงั เกต แบบประเมนิ 1. ความสามารถในการคิด พฤติกรรมในชัน้ สมรรถนะดา้ นการ 2. ความสามารถในการแก้ปญั หา เรยี น ส่ือสาร การคิด การแกป้ ัญหา

เกณฑก์ ารประเมิน เกณฑ์การประเมินด้านความรู้ (K) 1. สามารถระบุโครงสรา้ งและอธิบายการทำงานของไตมนุษย์ 2. นักเรยี นสามารถอธบิ ายกลไกการรกั ษาดลุ ยภาพของนำ้ และสารในร่างกายโดยการทำงานของไตได้ ประเด็นการประเมนิ 4 ระดับคณุ ภาพ 1 32 1. สามารถระบุโครงสร้าง เนือ้ หาครบถว้ น เน้ือหาครบถว้ น เนื้อหาบางสว่ น เนอ้ื หาไม่ และอธิบายการทำงานของ ตามทีก่ ำหนด ตามท่กี ำหนด ไม่สมบรู ณต์ ามที่ สมบูรณ์ ไตมนุษย์ ตอบคำถามได้ กำหนด ตอบ คำถามได้ไม่ 2. นักเรยี นสามารถอธบิ าย ตรงประเดน็ และ ตอบคำถามได้ตรง กลไกการรักษาดุลยภาพ ถูกต้องทุกคำถาม ประเด็น และตอบ คำถามได้ไมค่ อ่ ย ตรงประเด็น ของน้ำและสารในร่างกาย ถูกตอ้ งเปน็ ส่วน ตรงประเด็น และตอบ โดยการทำงานของไตได้ ใหญ่ และตอบถูกตอ้ ง คำถามไม่ นอ้ ยขอ้ ถกู ต้อง เกณฑก์ ารตัดสนิ ระดบั 4 หมายถึง มีระดับคณุ ภาพดีเยย่ี ม ระดบั 3 หมายถึง มีระดบั คุณภาพดี ระดบั 2 หมายถึง มรี ะดบั คณุ ภาพพอใช้ ระดับ 1 หมายถึง มีระดับคุณภาพปรบั ปรุง เกณฑ์การผ่าน ได้ระดบั 3 ขึ้นไป ถอื ว่าประสบผลสำเรจ็ ในการสอน

เกณฑ์การประเมนิ ด้านทักษะกระบวนการ (P) ด้านทกั ษะกระบวนการ (P) สามารถทำกิจกรรม 2.1 การรักษาดลุ ยภาพของของเหลวในรา่ งกาย ประเด็นการประเมิน ระดับคุณภาพ 4 3 21 สามารถทำกจิ กรรม 2.1 การรักษาดุลยภาพของ เน้ือหาครบถว้ น เนอ้ื หาครบถว้ น เน้ือหาบางส่วน เนอื้ หาไม่ ของเหลวในรา่ งกาย ตามที่กำหนด ตามทกี่ ำหนด ไม่สมบูรณ์ตามท่ี สมบรู ณ์ ตอบคำถามได้ ตรงประเด็น และ ตอบคำถามไดต้ รง กำหนด ตอบ คำถามไดไ้ ม่ ประเด็น และตอบ คำถามไดไ้ มค่ ่อย ตรงประเดน็ ถกู ตอ้ งทกุ คำถาม และตอบ ถกู ตอ้ งเปน็ สว่ น ตรงประเด็น ใหญ่ คำถามไม่ และตอบถูกตอ้ ง ถกู ต้อง นอ้ ยข้อ เกณฑ์การตัดสนิ ระดับ 4 หมายถึง มรี ะดับคณุ ภาพดีเย่ียม ระดบั 3 หมายถงึ มรี ะดับคุณภาพดี ระดบั 2 หมายถึง มีระดับคุณภาพพอใช้ ระดบั 1 หมายถงึ มรี ะดับคุณภาพปรบั ปรุง เกณฑ์การผา่ น ได้ระดบั 3 ขนึ้ ไป ถือว่าประสบผลสำเร็จในการสอน

เกณฑก์ ารประเมนิ ดา้ นคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ ด้านคณุ ลกั ษณะท่ีพงึ ประสงค์ (A) มีความรอบคอบ และตงั้ ใจตอบคำถามในช้ันเรียน ประเดน็ การประเมิน 4 ระดับคณุ ภาพ 1 32 รบั ผดิ ชอบใน มีความรอบคอบ และ ตง้ั ใจและ ต้งั ใจและ รับผิดชอบใน การปฏิบัติ หน้าที่ที่ไดร้ ับ ตั้งใจตอบคำถามในช้ัน รับผดิ ชอบใน การ รับผิดชอบในการ การปฏบิ ตั ิ มอบหมายไม่ เรยี น ปฏิบตั ิหนา้ ท่ีท่ี ปฏิบตั หิ นา้ ท่ีที่ หนา้ ทีท่ ี่ได้รับ สำเร็จ ไดร้ ับมอบหมายให้ ไดร้ บั มอบหมาย มอบหมายให้ สำเร็จ มีการ ให้สำเรจ็ มีการ สำเร็จ มกี าร ปรับปรุงและ ปรบั ปรงุ และ ปรับปรงุ และ พฒั นาการทำงาน พฒั นา พฒั นา ให้ดีขนึ้ ดว้ ยตนเอง การทำงานใหด้ ขี ึ้น การทำงานดีขนึ้ เกณฑ์การตัดสิน ระดบั 4 หมายถงึ มรี ะดบั คุณภาพดีเยย่ี ม ระดับ 3 หมายถึง มีระดับคณุ ภาพดี ระดบั 2 หมายถงึ มรี ะดับคณุ ภาพพอใช้ ระดบั 1 หมายถึง มีระดบั คุณภาพปรบั ปรงุ เกณฑ์การผา่ น ได้ระดบั 3 ข้ึนไป รอ้ ยละ 60 ถือวา่ ประสบผลสำเร็จในการสอน

บนั ทกึ ผลหลังการสอน แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 3 รายวิชาวิทยาศาสตร์ชวี ภาพ รหสั ว30101 เรื่อง การรักษาดลุ ยภาพของน้ำและสารในร่างกาย สรปุ ผลการเรียนการสอน นักเรียนจำนวน .....................................คน ผา่ นจดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ ................... คน คดิ เป็นรอ้ ยละ .................................................. ไม่ผา่ นจดุ ประสงค์ ................................คน คิดเปน็ ร้อยละ ................................................. ไดแ้ ก่ 1................................................................................................................................................ 2................................................................................................................................................ นกั เรยี นที่มีความสามารถพิเศษ ไดแ้ ก่ 1................................................................................................................................................ 2................................................................................................................................................ ผลการเรยี นรู้ของนกั เรยี นและปญั หาท่ีเกิดขนึ้ ในระหว่างการเรียนการสอน .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. แนวทางการการแกป้ ญั หาหรือปรับปรุงแผนการจดั การเรียนรู้คร้ังต่อไป (Action plan) .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ......................................................................................................................................................................... ลงชอื่ ....................................... ครูผู้สอน ............/............../..............

ความเหน็ ของหัวหน้าสถานศกึ ษา/ผทู้ ไี่ ดร้ ับมอบหมาย ไดท้ ำการตรวจแผนการจัดการเรียนร้ขู อง ......................................................แลว้ มีความคดิ เห็นดงั น้ี 1. องค์ประกอบของแผนการจัดการเรียนรู้  ครบถว้ นและถูกต้อง  ยังไมค่ รบถว้ นหรอื ไม่ถกู ต้อง ควรปรบั ปรุงพฒั นาตอ่ ไป 2. ความสอดคล้องของแผนการจดั การเรยี นรู้กับหลกั สูตรสถานศึกษา  สอดคล้อง  ยังไมส่ อดคล้อง ควรปรบั ปรุงพฒั นาต่อไป 3. รปู แบบของการจดั การเรยี นรู้  เน้นผเู้ รียนเปน็ สำคัญ  ยังเน้นผูเ้ รยี นเปน็ สำคัญ ควรปรับปรงุ พฒั นาตอ่ ไป 4. สื่อการเรียนรู้  เหมาะสมกับรูปแบบการจัดการเรยี นรู้  ยังไมเ่ หมาะ ควรปรับปรงุ พัฒนาตอ่ ไป 5. การประเมนิ ผลการเรยี นรู้  ครอบคลมุ จดุ ประสงค์การเรียนรู้  ยังไมค่ รอบคลมุ ประสงค์การเรยี นรู้ ควรปรบั ปรงุ พัฒนาตอ่ ไป 6. ข้อเสนอแนะอ่นื ๆ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงช่อื ................................................................ ตำแหนง่ ........................................................... ............/............../..............

แบบประเมินสมรรถนะผเู้ รยี น คำชแ้ี จง : ใหผ้ ู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรยี น แล้วขดี ✓ ลงใน ช่องท่ตี รงกบั ระดบั คะแนน สมรรถนะทปี่ ระเมิน ระดับคะแนน 321 1. 1. ความสามารถในการส่ือสาร 1.1 มคี วามสามารถในการรับ – ส่งสาร 1. 1.2 มีความสามารถในการถ่ายทอดความรู้ ความคิด ความเขา้ ใจของตนเอง โดยใช้ ภาษาอย่างเหมาะสม 1.3 ใช้วิธีการสอ่ื สารทีเ่ หมาะสม 2. 2. ความสามารถในการคดิ 2.1 มคี วามสามารถในการคดิ วเิ คราะห์ เพือ่ การสรา้ งองค์ความรู้ 2.2 มคี วามสามารถในการคดิ เปน็ ระบบ เพื่อการสรา้ งองคค์ วามรู้ เกณฑ์การให้คะแนน ลงชือ่ ...........................................................ผู้ประเมิน พฤติกรรมทีป่ ฏิบัตชิ ัดเจนและสม่ำเสมอ ......................../........................./................ พฤตกิ รรมทีป่ ฏิบตั ิชัดเจนและบ่อยครง้ั พฤติกรรมท่ีปฏิบัติบางครงั้ ให้ 3 คะแนน ให้ 2 คะแนน ให้ 1 คะแนน

กจิ กรรม 2.1 การรกั ษาดุลยภาพของของเหลวในร่างกาย จดุ ประสงค์ วธิ ีทำกจิ กรรม ผลการทดลอง สรุปผลการทดลอง

แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 4 เรื่อง การรักษาดลุ ยภาพของกรด – เบสของเลือด สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ า รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ชวี ภาพ รหสั วชิ า ว 30101 ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ่ี 4 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศกึ ษา 2565 หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 2 เรื่อง การรักษาดุลยภาพของรา่ งกายมนุษย์ เวลา 4 ชั่วโมง ครผู ู้สอน นางสาวจันจิรา ธนันชัย มาตรฐานการเรียนรแู้ ละตวั ช้วี ัด สาระที่ 1 วิทยาศาสตรช์ วี ภาพ มาตรฐาน ว 1.2 เข้าใจสมบัติของสงิ่ มีชีวิต หนว่ ยพ้ืนฐานของสงิ่ มีชวี ิต การลำเลยี งสารเขา้ และ ออกจากเซลล์ ความสัมพันธข์ องโครงสรา้ งและหนา้ ท่ีของระบบต่าง ๆของสัตว์และมนษุ ย์ทีท่ ำงานสมั พนั ธ์กัน ความสัมพันธ์ของโครงสรา้ งและหนา้ ที่ของอวยั วะตา่ ง ๆ ของพชื ทีท่ ำงานสัมพันธ์กนั รวมทง้ั นำความรู้ ไปใชป้ ระโยชน์ ตวั ช้วี ัด ม.4/3 อธิบายการควบคุมดุลยภาพของกรด-เบสของเลือดโดยการทำงานของไตและปอด สาระสำคญั มนุษย์จะดำรงชวี ิตอยู่ได้อยา่ งปกตจิ ะต้องรักษาดลุ ยภาพในร่างกาย การรกั ษาดลุ ยภาพของร่างกาย ได้แก่ การรกั ษาดุลยภาพของน้ำและสารในเลือดโดยการทำงานของไต การรักษาดลุ ยภาพของกรด-เบส ของเลือดโดยการทำงานของไตและปอด การรักษาดุลยภาพของอณุ หภูมิในร่างกายโดยการทำงานร่วมกัน ของระบบหมนุ เวียนเลอื ด ตอ่ มเหงือ่ เสน้ ขนท่ีผิวหนัง กล้ามเนือ้ โครงร่าง และระบบประสาท สาระการเรียนรู้ - การรักษาดลุ ยภาพของกรด – เบสของเลือด จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. ดา้ นความรู้ (K) 1.1 นักเรียนสามารถอธิบายกลไกการรกั ษาดลุ ยภาพของกรด-เบสของเลอื ดโดยการทำงานของไต และปอดได้ 1.2 นักเรียนสามารถอธิบายสาเหตุ และแนวทางป้องกันหรอื รักษาโรคไตและโรคท่เี กีย่ วกับ ทางเดนิ ปัสสาวะได้ 2. ด้านทักษะกระบวนการ (P) 2.1 สืบค้นขอ้ มูล สาเหตุ และแนวทางป้องกันหรอื รักษาโรคไตและโรคท่เี กีย่ วกบั ทางเดนิ ปัสสาวะ 3. ดา้ นคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ (A) 3.1 นกั เรยี นมีความรับผิดชอบตอ่ งานที่ได้รับมอบหมายและมคี วามสามคั คีในหม่คู ณะ

สมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น 1. ความสามารถในการสอื่ สาร 2. ความสามารถในการคดิ คณุ ลักษณะของวิชา 1. ความรอบคอบ 2. กระบวนการกลมุ่ ชิ้นงาน/ภาระงาน สืบค้นขอ้ มูลแนวทางป้องกนั หรอื รักษาโรคไตและโรคทีเ่ กย่ี วกบั ทางเดนิ ปัสสาวะ กจิ กรรมการเรียนรู้ รปู แบบการสอนที่ใช้ในการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ คือ การสอนแบบสบื เสาะหาความรู้ 5E 1. ขัน้ สรา้ งความสนใจ (Engagement) 1.1 ครูนำเขา้ สูบ่ ทเรียนโดยทบทวนกระบวนการต่างๆ ทีเ่ กดิ ขึ้นในรา่ งกายของมนุษย์ เชน่ การหายใจระดับเซลล์ การสลายสารอาหารต่าง ๆ เพื่อใหไ้ ด้พลงั งานซ่ึงล้วนเป็นกระบวนการเมแทบอลซิ ึม ทตี่ อ้ งอาศยั เอนไซมใ์ นการเกดิ ปฏกิ ริ ิยาเคมี เอนไซม์เปน็ โปรตีน โดยเอนไซม์แตล่ ะชนิดจะทำงานไดด้ ขี ึน้ อยู่กบั ปจั จัยต่างๆแล้วครูใช้คำถามวา่ ปัจจยั ใดบ้างทม่ี ผี ลตอ่ การทำงานของเอนไซม์ จากนน้ั ให้นกั เรียน ศึกษารปู 2.8 กราฟแสดงอตั ราการทำงานของเอนไซม์เพปซนิ และเอนไซม์อะไมเลสทีค่ า่ pH ต่าง ๆแลว้ ตอบ คำถามในหนงั สือเรียน 1.2 ครทู บทวนความรูเ้ ร่ืองการหายใจของมนษุ ย์โดยอาจใช้วีดิทัศนเ์ กย่ี วกบั การแลกเปลยี่ นแกส๊ ท่ีปอดแล้วใช้คำถาม ดังน้ี - การแลกเปล่ยี นแกส๊ คารบ์ อนไดออกไซดก์ บั แก๊สออกซเิ จนเกิดขึ้นทอ่ี วยั วะใด และบรเิ วณใด (แนวคำตอบ เกิดขึน้ ท่ปี อด บริเวณถุงลมปอด) - เหตุใดนกั เรยี นจึงกล้ันหายใจไม่ได้นาน (แนวคำตอบ ขณะทก่ี ล้ันหายใจปรมิ าณแก๊สคาร์บอนไดออกไซดใ์ นรา่ งกายจะสงู ขน้ึ จนถงึ จดุ หนง่ึ ท่ีรา่ งกายทนไมไ่ ด้ ทำให้ต้องหายใจออกเพ่ือนำแกส๊ คาร์บอนไดออกไซดอ์ อกจากรา่ งกายและ หายใจเอาแก๊สออกซเิ จนเข้าไป โดยการตอบสนองนี้เปน็ กลไกท่ีอยู่นอกเหนอื อำนาจจิตใจ จึงไม่สามารถกล้ันหายใจได้นาน) 2. ขน้ั สำรวจและค้นหา (Exploration) 2.1 ครใู ห้นักเรยี นแบง่ กลมุ่ 4-5 คน สืบค้นขอ้ มูลเก่ียวกับกลไกการควบคมุ ดุลยภาพของกรด- เบสของเลือดโดยการทำงานของปอดจากหนังสือเรียนหรอื แหลง่ การเรยี นร้อู น่ื ๆ 2.2 ครูให้นกั เรยี นสบื คน้ กลไกการรักษาดุลยภาพความเปน็ กรด-เบสในเลือดโดยการทำงานของไต และศกึ ษารปู 2.9 การทำงานของทอ่ หน่วยไตเมือ่ เลือดมีภาวะเป็นกรดในหนังสือเรียน แล้วตอบ คำถามตรวจสอบความเขา้ ใจในหนังสอื เรียน 2.3 ครูอาจแบ่งนกั เรยี นออกเป็นกล่มุ ๆ ละ 3-4 คน พอ่ื ใหส้ ืบค้นหาขอ้ มลู โรคไตและโรคทีเ่ กี่ยวกบั

ทางเดินปัสสาวะมาล่วงหน้าจากโรงพยาบาลสถานีอนามยั ในท้องถิ่นหรือจากบุคคลท่ีเปน็ โรคไตและ ผู้ที่เปน็ โรคที่เกย่ี วกบั ทางเดินปัสสาวะรวมทั้งสืบค้นขอ้ มูลจากแหลง่ ต่างๆและศกึ ษาถึงความก้าว หนา้ ของการรกั ษาโรคไตและการใช้ไตเทียม จากนั้นใหน้ กั เรียนนำขอ้ มูลต่างๆ มาเสนอและ อภปิ รายรว่ มกันในชั้นเรยี นเพื่อสรปุ เปน็ ขอ้ มลู ของทอ้ งถนิ่ 3. ขนั้ อธบิ ายและลงขอ้ สรปุ (Explanation) 3.1 ครูและนกั เรยี นรว่ มกนั อธบิ ายและลงขอ้ สรปุ การหายใจชว่ ยในการรกั ษาดลุ ยภาพของกรด- เบสในเลอื ดถ้าปริมาณแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์หรือไฮโดรเจนไอออนสะสมอยูใ่ นเลือดมากจะส่งผล ใหเ้ ลือดมีความเปน็ กรดเพม่ิ ข้นึ การเปล่ยี นแปลงนีจ้ ะส่งสัญญาณไปกระต้นุ ศนู ย์ควบคุมการหายใจ ทส่ี มอง ทำให้เพ่มิ อตั ราการหายใจเพ่ือขับแกส๊ คาร์บอนไดออกไซดอ์ อกจากปอดเร็วขน้ึ แตถ่ า้ เลือด เป็นเบสอตั ราการหายใจจะลดลงเพ่ือเพม่ิ ปรมิ าณไฮโดรเจนไอออนให้สูงขึน้ โดยการสะสมคาร์บอน ไดออกไซดใ์ นเลอื ด ทำให้ความเป็นกรด-เบสของเลือดเข้าสู่ภาวะสมดุล 3.2 ครใู ช้คำถามถามนกั เรียนวา่ ถา้ เลือดมีภาวะเป็นเบส ท่อหน่วยไตจะมีการหลัง่ และดดู กลบั สารต่าง ๆ อยา่ งไร เพ่ือรักษาดุลยภาพของกรด-เบสของเลือด (แนวคำตอบ เซลล์ทท่ี อ่ หน่วยไตจะลดการหล่ังไฮโดรเจนไอออนเพอื่ ให้มีปริมาณไฮโดรเจนไอออน ในเลอื ดเพิ่มข้ึน และหลั่งไฮโดรเจนคาร์บอเนตไอออนเขา้ สู่ของเหลวในท่อหนว่ ยไตเพอ่ื ขับออกนอก ร่างกายพร้อมกับปัสสาวะทำให้ความเปน็ กรด-เบสของเลือดกลับเข้าส่ภู าวะสมดุล) 3.3 ครูยกตัวอยา่ งโรคทีเ่ ก่ียวกับไตและโรคท่ีเก่ยี วกบั ทางเดนิ ปัสสาวะ ดงั นี้ 1. โรคไตวาย (renal failure) โรคไตวายเป็นภาวะท่ีไตสญู เสียหน้าทกี่ ารทำงาน เกดิ การ สะสมของเสียในร่างกายโรคไตวายแบง่ ได้เปน็ 2 ประเภท คือ โรคไตวายเฉยี บพลัน (acute renal failure) และโรคไตวายเรอ้ื รัง (chronic renal failure) 2. โรคน่วิ ในไต (kidney stone) นิ่วเกดิ จากตะกอนของสารตา่ ง ๆ เช่น แคลเซยี มฟอสเฟต ในปสั สาวะตะกอนเหล่าน้ไี มล่ ะลายน้ำและรวมตวั กันเปน็ ก้อนแขง็ มขี นาดเล็กจนถงึ ขนาดใหญ่ ทำให้อดุ ตนั ทบ่ี ริเวณต่างๆของไต ตัวอยา่ งโรคทเ่ี ก่ียวกับทางเดินปสั สาวะ โรคกระเพาะปสั สาวะอักเสบ (cystitis) กระเพาะปสั สาวะอักเสบ เกิดจากการติดเชือ้ แบคทีเรียทอ่ี าศัยอยู่ในลำไสใ้ หญ่ เช่น Escherichia coli (E. coli)โรคนพ้ี บมาก ในเพศหญิงเนือ่ งจากมีท่อปสั สาวะส้นั กว่าเพศชายและมรี เู ปิดใกล้กับทวารหนกั เชื้อโรคจงึ เข้าสู่ ท่อปัสสาวะและผ่านขึ้นไปทกี่ ระเพาะปัสสาวะได้ 4. ข้ันขยายความรู้ (Elaboration) ครูขยายความรู้โดยการเชื่อมโยงเกี่ยวกับการตรวจสุขภาพประจำปีงอให้นักเรียนตระหนัก ถึงสุขภาพของตนเอง โดยเนน้ ประเด็นท่ีวา่ การตรวจน้มี วี ตั ถุประสงค์เพอ่ื ปอ้ งกนั โรคหรอื ตรวจหา ความเสย่ี งในการเกิดโรค ซึง่ สถานพยาบาลสว่ นใหญจ่ ะมีการตรวจปสั สาวะรวมอยู่ใน การตรวจสขุ ภาพประจำปดี ้วย การตรวจปสั สาวะน้ีทำใหท้ ราบการทำงานของไตว่ายงั เปน็ ปกติ

อยู่หรือไม่ โดยจะตรวจหาค่าความเป็นกรด-เบส ความถ่วงจำเพาะ โปรตีน และกลูโคส รวมทั้งตรวจตะกอนในปัสสาวะ เพื่อตรวจหาเซลล์เม็ดเลือดแดง เซลล์เม็ดเลือดขาว เยื่อบุผิว แบคทเี รยี และผลึกแคลเซยี มออกซาเลตนอกจากน้ีการตรวจเลือดก็สามารถบอกภาวะการ ทำงานของไตได้เช่นกัน โดยตรวจค่ายูเรียไนโตรเจนในเลือด (Blood Urea Nitrogen : BUN) และการตรวจหาสารที่เกิดจากเมแทบอลิซึมของเซลล์กล้ามเนื้อหรือที่เรียกว่า ครีเอทินีน (creatinine) 5. ขัน้ ประเมิน (Evaluation) 5.1 สงั เกตพฤติกรรมขณะทำกิจกรรมร่วมกบั ผ้อู ืน่ ในห้องเรยี น 5.2 ประเมนิ จากการทำแบบฝกึ หัดในหนงั สือเรียน 5.3 ครสู งั เกตการตอบคำถามในช้ันเรยี น เมอ่ื มีนกั เรียนไม่เขา้ ใจ ครูแนะนำเพิ่มเตมิ สื่อ / แหลง่ เรยี นรู้ รายการสอ่ื จำนวน สภาพการใช้ส่อื 1. หนงั สอื เรียนรายวชิ าพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์และ ตามจำนวน ข้นั สำรวจและค้นหา (Exploration) เทคโนโลยี ผเู้ รยี น 2. คอมพวิ เตอร์ท่ใี ชใ้ นการสบื ค้นขอ้ มูล 1 ชดุ ขั้นอธิบายและลงขอ้ สรปุ (Explanation) 3. เพาเวอร์พอยด์ เรอ่ื ง 1 ชดุ ข้ันอธิบายและลงข้อสรุป การรักษาดุลยภาพของร่างกายมนษุ ย์ (Explanation)

10. การวัดและประเมินผล จุดประสงค์การเรยี นรู้ วิธวี ัดผล เคร่อื งมอื วัด เกณฑ์การผ่านจุดประสงค์ ด้านความรู้ (K) 1. ทำแบบฝึกหดั ใน ตรวจแบบฝึกหัดใน ผ่านเกณฑร์ ้อยละ 60 ข้นึ ไป อธบิ ายกลไกการรักษาดลุ ยภาพของกรด- เบสของเลอื ดโดยการทำงานของไตและ หนงั สือเรยี นราย หนังสอื เรียน ปอด วชิ าพนื้ ฐานวทิ ยา รายวิชาพื้นฐาน 2. สืบค้นข้อมูล อธบิ ายสาเหตุ ศาสตร์และเทค วทิ ยาศาสตรแ์ ละ และแนวทางป้องกันหรือรกั ษาโรคไตและ โนโลยี เทคโนโลยี โรคท่ีเกีย่ วกับทางเดินปัสสาวะ ด้านทกั ษะกระบวนการ (P) สบื คน้ ข้อมลู สาเหตุและแนวทางปอ้ งกัน สังเกตพฤติกรรม แบบประเมินทกั ษะ ระดบั คณุ ภาพ 3 หรือ หรือรักษาโรคไตและโรคที่เกย่ี วกบั ทางเดิ การสืบคน้ และนำ กระบวนการ ระดบั ดีขึ้นไป นปัสสาวะ เสนอขอ้ มลู ด้านคณุ ลักษณะทพี่ ึงประสงค์ (A) มคี วามรบั ผดิ ชอบต่องานที่ไดร้ ับมอบหม การสงั เกตพฤติ แบบประเมนิ ระดบั คณุ ภาพ 3 หรอื คณุ ลกั ษณะอันพงึ ระดบั ดีขนึ้ ไป ายและมคี วามสามัคคใี นหม่คู ณะ กรรมในชน้ั เรยี น ประสงค์ สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี น การสังเกตพฤติก แบบประเมนิ สมรร ระดบั คุณภาพ 3 หรือ 1. ความสามารถในการคิด รรมในชนั้ เรยี น ถนะดา้ นการสื่อ ระดับดขี นึ้ ไป 2. ความสามารถในการแก้ปัญหา สารการคิดการแก้ ปญั หา

เกณฑ์การประเมิน เกณฑก์ ารประเมนิ ด้านความรู้ (K) 1. อธบิ ายกลไกการรกั ษาดุลยภาพของกรด-เบสของเลอื ดโดยการทำงานของไตและปอด 2. สบื ค้นขอ้ มูล อธิบายสาเหตุ และแนวทางป้องกนั หรือรกั ษาโรคไตและโรคท่เี ก่ยี วกับทางเดินปัสสาวะ ประเด็นการประเมนิ ระดบั คณุ ภาพ 3 21 4 เนอื้ หาครบถ้วน 1. ตามที่กำหนด ตอบคำถามได้ อธิบายกลไกการรักษาดลุ ย ตรงประเดน็ และตอบถูกต้อง ภาพของกรด- เนอ้ื หาครบถ้วน เป็นสว่ นใหญ่ เน้ือหาบางสว่ น เน้ือหาไม่สม เบสของเลือดโดยการทำงา ตามที่กำหนด ไมส่ มบรู ณต์ าม นของไตและปอด ตอบคำถามได้ ท่กี ำหนด บรู ณ์ คำถาม ตอบคำถามได้ ไดไ้ มต่ รงประ 2. สืบค้นข้อมูล ตรงประเด็น อธบิ ายสาเหตุ และถกู ตอ้ งทกุ ไม่คอ่ ยตรงประ เด็น และตอบ เดน็ และตอบ คำถามไมถ่ กู และแนวทางป้องกันหรือรั คำถาม ถูกตอ้ งน้อยขอ้ ต้อง กษาโรคไตและโรคทเ่ี กี่ยวกั บทางเดนิ ปสั สาวะ เกณฑก์ ารตัดสนิ ระดบั 4 หมายถึง มรี ะดบั คุณภาพดีเยย่ี ม ระดับ 3 หมายถึง มรี ะดบั คุณภาพดี ระดบั 2 หมายถึง มีระดบั คณุ ภาพพอใช้ ระดบั 1 หมายถงึ มีระดบั คุณภาพปรบั ปรงุ เกณฑ์การผา่ น ไดร้ ะดับ 3 ขน้ึ ไป ถอื วา่ ประสบผลสำเร็จในการสอน

เกณฑ์การประเมนิ ดา้ นทกั ษะกระบวนการ (P) ดา้ นทกั ษะกระบวนการ (P) สืบค้นขอ้ มูล สาเหตุ และแนวทางป้องกันหรอื รกั ษาโรคไตและโรคท่ีเก่ยี วกบั ทางเดนิ ปสั สาวะ ประเดน็ การประเมนิ ระดับคุณภาพ 3 21 4 สบื ค้นข้อมูล สาเหตุ เน้อื หาบางส่วน ไม่สมบูรณ์ตามที่ และแนวทางป้องกันหรือ เนอื้ หาครบถ้วน เน้อื หาครบถว้ น เนอื้ หาไมส่ ม รักษาโรคไตและโรคทเ่ี กี่ยว ตามที่กำหนด กำหนด ตามท่กี ำหนด ตอบคำถามได้ไม่ บูรณ์ กบั ทางเดินปสั สาวะ ตอบคำถามได้ ตอบคำถามไดต้ รง คำถามไดไ้ ม่ ประเด็น ค่อยตรงประเดน็ ตรงประเด็น ตรงประเด็น และตอบถกู ตอ้ ง และตอบถูกตอ้ ง น้อยขอ้ และตอบคำ และถูกตอ้ งทุก เป็นส่วนใหญ่ ถามไม่ถูกต้อง คำถาม เกณฑก์ ารตัดสิน ระดับ 4 หมายถึง มีระดับคุณภาพดีเยีย่ ม ระดับ 3 หมายถึง มีระดบั คุณภาพดี ระดับ 2 หมายถึง มรี ะดับคณุ ภาพพอใช้ ระดบั 1 หมายถงึ มรี ะดบั คณุ ภาพปรบั ปรุง เกณฑก์ ารผา่ น ได้ระดับ 3 ขนึ้ ไป ถอื ว่าประสบผลสำเร็จในการสอน

เกณฑก์ ารประเมินด้านคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ ด้านคุณลกั ษณะท่ีพึงประสงค์ (A) มีความรับผดิ ชอบตอ่ งานที่ไดร้ บั มอบหมายและมีความสามัคคีในหมคู่ ณะ ประเดน็ การประเมิน ระดับคณุ ภาพ 32 1 มคี วามรบั ผิดชอบต่อ 4 ตง้ั ใจและรับผดิ รบั ผิดชอบใน รบั ผิดชอบใน งานทไ่ี ด้รับมอบหมาย ชอบในการปฏบิ ัติ การปฏบิ ตั ิหนา้ การปฏบิ ัตหิ นา้ และมีความสามัคคีใน ต้ังใจและรบั ผดิ หนา้ ท่ีทีไ่ ดร้ บั มอบ ทที่ ่ไี ดร้ บั มอบ ท่ที ไี่ ดร้ บั มอบ หม่คู ณะ ชอบใน การปฏบิ ัติ หมายใหส้ ำเร็จ หมายใหส้ ำเรจ็ หมายไมส่ ำเร็จ หน้าท่ีทไ่ี ด้รบั มอบ มีการปรับปรงุ และ มกี ารปรบั ปรงุ หมายให้สำเรจ็ พัฒนาการทำงาน และพฒั นา มกี ารปรับปรุงและ ใหด้ ขี ึน้ การทำงานดีขนึ้ พัฒนาการทำงาน ให้ดีขึน้ ดว้ ยตนเอง เกณฑก์ ารตัดสิน ระดบั 4 หมายถงึ มีระดับคณุ ภาพดีเยย่ี ม ระดับ 3 หมายถึง มีระดับคณุ ภาพดี ระดบั 2 หมายถงึ มีระดับคณุ ภาพพอใช้ ระดบั 1 หมายถึง มีระดับคุณภาพปรับปรงุ เกณฑก์ ารผ่าน ได้ระดบั 3 ข้ึนไป ร้อยละ 60 ถือว่าประสบผลสำเร็จในการสอน

บันทึกผลหลังการสอน แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 4 รายวชิ าวิทยาศาสตร์ชีวภาพ รหัส ว30101 เรอื่ ง การรักษาดลุ ยภาพของกรด – เบสของเลอื ด สรปุ ผลการเรยี นการสอน นกั เรยี นจำนวน .....................................คน ผ่านจุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ ................... คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ .................................................. ไม่ผา่ นจดุ ประสงค์ ................................คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ ................................................. ไดแ้ ก่ 1................................................................................................................................................ 2................................................................................................................................................ นกั เรียนท่มี ีความสามารถพเิ ศษ ได้แก่ 1................................................................................................................................................ 2................................................................................................................................................ ผลการเรียนรู้ของนกั เรียนและปญั หาที่เกิดขน้ึ ในระหวา่ งการเรียนการสอน .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. แนวทางการการแก้ปญั หาหรอื ปรบั ปรงุ แผนการจัดการเรียนรคู้ รั้งต่อไป (Action plan) .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ......................................................................................................................................................................... ลงชอ่ื ....................................... ครผู ูส้ อน ............/............../..............

ความเหน็ ของหัวหน้าสถานศึกษา/ผู้ทไี่ ดร้ ับมอบหมาย ไดท้ ำการตรวจแผนการจัดการเรียนรู้ของ ......................................................แล้วมคี วามคิดเหน็ ดังน้ี 1. องคป์ ระกอบของแผนการจดั การเรียนรู้ ◻ ครบถ้วนและถกู ต้อง ◻ ยังไมค่ รบถว้ นหรอื ไม่ถูกตอ้ ง ควรปรับปรงุ พัฒนาต่อไป 2. ความสอดคล้องของแผนการจดั การเรยี นรู้กบั หลักสูตรสถานศึกษา ◻ สอดคล้อง ◻ ยงั ไม่สอดคล้อง ควรปรับปรงุ พัฒนาตอ่ ไป 3. รปู แบบของการจัดการเรยี นรู้ ◻ เน้นผ้เู รยี นเป็นสำคัญ ◻ ยงั เน้นผู้เรียนเปน็ สำคัญ ควรปรับปรงุ พฒั นาตอ่ ไป 4. ส่ือการเรยี นรู้ ◻ เหมาะสมกบั รูปแบบการจัดการเรยี นรู้ ◻ ยังไมเ่ หมาะ ควรปรบั ปรงุ พัฒนาต่อไป 5. การประเมนิ ผลการเรียนรู้ ◻ ครอบคลมุ จุดประสงค์การเรยี นรู้ ◻ ยังไมค่ รอบคลมุ ประสงค์การเรียนรู้ ควรปรับปรงุ พฒั นาต่อไป 6. ข้อเสนอแนะอน่ื ๆ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงช่อื ................................................................ ตำแหน่ง ........................................................... ............/............../..............

แบบประเมินสมรรถนะผู้เรยี น คำชีแ้ จง : ใหผ้ ู้สอนสงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรยี น แล้วขดี ✔ ลงในช่องที่ตรงกับระดับคะแนน สมรรถนะที่ประเมิน ระดบั คะแนน 321 1. 1. ความสามารถในการส่อื สาร 1.1 มีความสามารถในการรับ – สง่ สาร 1. 1.2 มคี วามสามารถในการถ่ายทอดความรู้ ความคดิ ความเขา้ ใจของตนเอง โดยใชภ้ าษาอย่างเหมาะสม 1.3 ใช้วิธกี ารสื่อสารท่ีเหมาะสม 2. 2. ความสามารถในการคดิ 2.1 มคี วามสามารถในการคิดวิเคราะห์ เพ่อื การสรา้ งองคค์ วามรู้ 2.2 มคี วามสามารถในการคิดเป็นระบบ เพอ่ื การสรา้ งองค์ความรู้ เกณฑ์การใหค้ ะแนน ลงช่อื ...........................................................ผปู้ ระเมิน พฤติกรรมทป่ี ฏิบตั ิชัดเจนและสม่ำเสมอ ......................../........................./................ พฤติกรรมท่ีปฏบิ ัตชิ ัดเจนและบอ่ ยครงั้ พฤตกิ รรมที่ปฏิบัติบางคร้งั ให้ 3 คะแนน ให้ 2 คะแนน ให้ 1 คะแนน



แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 5 เร่ือง การรกั ษาดลุ ยภาพของอุณหภูมิภายในร่างกาย สาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวชิ า รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ชีวภาพ รหสั วิชา ว 30101 ชัน้ มัธยมศึกษาปที ี่ 4 ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศึกษา 2565 หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 2 เรอื่ ง การรักษาดุลยภาพของรา่ งกายมนษุ ย์ เวลา 4 ชว่ั โมง ครผู ู้สอน นางสาวจันจิรา ธนนั ชยั มาตรฐานการเรียนรู้และตัวช้วี ัด สาระท่ี 1 วิทยาศาสตร์ชีวภาพ มาตรฐาน ว 1.2 เข้าใจสมบัติของส่ิงมีชีวิต หน่วยพ้ืนฐานของส่ิงมีชีวิต การลำเลียงสารเข้าและออก จากเซลล์ ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าท่ีของระบบต่าง ๆของสัตว์และมนุษย์ที่ทำงานสัมพันธ์กัน ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าที่ของอวัยวะต่าง ๆ ของพืชท่ีทำงานสัมพันธ์กัน รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ ประโยชน์ ตัวชวี้ ัด ม.4/4 อธบิ ายการควบคุมดุลยภาพของอุณหภมู ภิ ายในร่างกายโดยระบบหมนุ เวยี นเลือด ผวิ หนงั และกล้ามเนอ้ื โครงรา่ ง สาระสำคัญ มนษุ ยจ์ ะดำรงชีวติ อยไู่ ด้อยา่ งปกตจิ ะตอ้ งรกั ษาดลุ ยภาพในรา่ งกาย การรกั ษาดลุ ยภาพของร่างกาย ได้แก่ การรกั ษาดลุ ยภาพของนำ้ และสารในเลอื ดโดยการทำงานของไต การรักษาดลุ ยภาพของกรด-เบส ของเลือดโดยการทำงานของไตและปอด การรกั ษาดุลยภาพของอณุ หภมู ิในรา่ งกายโดยการทำงานร่วม กนั ของระบบหมุนเวยี นเลือด ต่อมเหงอื่ เส้นขนที่ผิวหนัง กล้ามเนื้อโครงร่าง และระบบประสาท สาระการเรยี นรู้ - การรกั ษาดุลยภาพของอุณหภูมิภายในรา่ งกาย จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 1. ด้านความรู้ (K) นักเรียนสามารถอธบิ ายกลไกการรักษาดุลยภาพของอุณหภูมิภายในร่างกายโดยการทำงานของหลอด เลือดฝอย ต่อมเหงื่อ เสน้ ขนทีผ่ วิ หนงั และกล้ามเนื้อโครงรา่ งได้ 2. ด้านทกั ษะกระบวนการ (P) นกั เรียนสามารถเขียนกลไกการรกั ษาดลุ ยภาพของอุณหภมู ภิ ายในรา่ งกายได้ 3. ดา้ นคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ (A) นักเรียนมีความใฝเ่ รียนใฝร่ แู้ ละชว่ ยเหลอื เพ่ือนในการทำกิจกรรม

สมรรถนะสำคัญของผ้เู รยี น 1. ความสามารถในการส่อื สาร 2. ความสามารถในการคดิ คุณลกั ษณะของวิชา 1. ความรอบคอบ 2. กระบวนการกลมุ่ ชนิ้ งาน/ภาระงาน เขยี นกลไกการรักษาดลุ ยภาพของอณุ หภมู ิภายในรา่ งกาย กิจกรรมการเรียนรู้ รปู แบบการสอนทีใ่ ชใ้ นการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ คอื การสอนแบบสบื เสาะหาความรู้ 5E 1. ขนั้ สรา้ งความสนใจ (Engagement) ครูเชื่อมโยงความรูเ้ กย่ี วกับอตั ราการทำงานของเอนไซม์ท่ีค่า pH ต่าง ๆ โดยใช้รูป 2.8 ในหนงั สือ เรียน กับตัวอย่างการทำงานของเอนไซม์อะไมเลสท่ีอุณหภูมิต่าง ๆ กัน จากรูป 2.12 อัตรา การทำงานของเอนไซม์อะไมเลสที่อุณหภูมิต่าง ๆ ในหนังสือเรียนว่านอกจากจะขึ้นกับความเป็น กรด-เบสท่ีเหมาะสมแล้วยังเกี่ยวขอ้ งกับอุณหภูมิอีกด้วย จากนั้นให้นักเรียนตอบคำถามในหนังสือ เรยี น 2. ขั้นสำรวจและคน้ หา (Exploration) 2.1 ครูใหน้ กั เรียนสืบค้นขอ้ มลู และเขียนกลไกการรกั ษาดลุ ยภาพของอณุ หภูมิภายในร่างกาย 2.2 ครูให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายถงึ การเกิดความร้อนในรา่ งกาย โดยใช้คำถามว่า กิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวันทำให้เกิดความร้อนในร่างกายได้อยา่ งไร และรา่ งกายมีการรักษาอุณหภูมิให้คงท่ี ไดอ้ ยา่ งไร 3. ขัน้ อธบิ ายและลงขอ้ สรปุ (Explanation) 3.1 ครใู ห้นกั เรยี นรว่ มกนั อภิปรายถึงการเกดิ ความรอ้ นในรา่ งกาย โดยใชค้ ำถามวา่ กิจกรรมตา่ งๆ ในชีวติ ประจำวนั ทำให้เกิดความรอ้ นในรา่ งกายไดอ้ ย่างไร และร่างกายมกี ารรักษาอุณหภมู ิใหค้ งที่ ไดอ้ ย่างไร (แนวคำตอบ ความรอ้ นในร่างกายเกดิ จากกระบวนการสลายสารอาหารระดบั เซลลเ์ พื่อใหไ้ ด้ พลังงานไปใช้ในการทำกิจกรรมต่าง ๆ ซึ่งร่างกายจำเป็นต้องมีการรักษาอุณหภูมิให้คงที่อยู่เสมอ เพ่ือเป็นการรักษาสภาพการทำงานของเอนไซม์ไว้ นอกจากนี้การเปล่ียนแปลงอุณหภูมิของ สิง่ แวดล้อมภายนอกก็ทำให้ร่างกายตอ้ งรกั ษาอุณหภมู ิไมใ่ หเ้ ปลีย่ นไปตามสง่ิ แวดลอ้ มภายนอกดว้ ย เชน่ กัน)

3.2 ครูใช้คำถามภามนักเรยี นว่ามนุษย์มีพฤติกรรมใดอีกบ้างเพื่อช่วยรักษาดุลยภาพของอุณหภูมิ ในรา่ งกาย (แนวคำตอบ เมื่ออากาศร้อนควรสวมใส่เสอื้ ผ้าท่ีบาง หลีกเล่ียงแสงแดดโดยอยู่ใต้ร่มไม้หรืออยู่ใน อาคาร อาบน้ำบ่อยคร้ัง อยู่ในห้องท่ีมีเคร่ืองปรับอากาศหรือพัดลม เมื่ออากาศเย็นควรสวมใส่ เส้ือผ้าทหี่ นาข้นึ ก่อกองไฟเพอ่ื ผงิ ไฟ ออกกำลังกายเพอ่ื เพมิ่ ความร้อนให้กับรา่ งกาย) 3.3 ครูอธิบายกลไกการรักษาดุลยภาพของอุณหภูมิภายในร่างกายพร้อมให้นักเรียนร่วมกัน อภปิ ราย 4. ข้ันขยายความรู้ (Elaboration) ครูขยายความรู้ท่ีเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันว่าเพราะเหตุใดเมื่อออกกำลังกายอย่างหนัก จะมี อาการหนา้ แดง เหงอื่ ออกมาก และหายใจแรงและถข่ี ึ้น (แนวคำตอบ เม่ือออกกำลังกายอย่างหนักเซลล์ในร่างกายจะต้องใช้พลังงานอย่างมาก จึงเกิด กระบวนการเมแทบอลิซึมเพิ่มขน้ึ ทำให้เกดิ ความรอ้ นในร่างกายมากกวา่ ปกตศิ นู ยค์ วบคมุ อณุ หภูมิ ที่สมองส่วนไฮโพทาลามัสจะส่งสัญญาณไปกระตุ้นให้หลอดเลือดฝอยที่ผิวหนังขยายตัว เลือด หมุนเวียนได้เร็วขึ้น ทำให้มีอาการหน้าแดง ขณะเดียวกนั ต่อมเหง่ือมีการขับเหง่ือเพ่ิมข้ึนเพื่อช่วย ระบายความร้อน และกระบวนการเมแทบอลิซึมก็ทำให้เกิดแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ในเลือด ร่างกายจึงต้องขับแก๊สนี้ออกโดยการหายใจแรงและถ่ีขึ้นเพ่ือนำแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ออกจาก รา่ งกายให้เร็วท่ีสุด) 5. ขั้นประเมิน (Evaluation) 5.1 สังเกตพฤติกรรมขณะทำกิจกรรมร่วมกบั ผอู้ ่ืนในหอ้ งเรียน 5.2 ประเมนิ จากการทำแบบฝึกหัดในหนังสอื เรียน 5.3 ครสู ังเกตการตอบคำถามในชัน้ เรียน เมื่อมนี ักเรยี นไมเ่ ข้าใจ ครูแนะนำเพิม่ เติม สอ่ื / แหลง่ เรียนรู้ รายการสอื่ จำนวน สภาพการใช้ส่ือ 1. หนังสือเรียนรายวชิ าพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร์และ ตามจำนวน ขนั้ สำรวจและคน้ หา (Exploration) เทคโนโลยี ผู้เรยี น 2. คอมพวิ เตอรท์ ่ใี ช้ในการสบื คน้ ข้อมลู 6 ชดุ ขน้ั สำรวจและค้นหา (Exploration) 3. เพาเวอร์พอยด์ เรอื่ ง การรกั ษาดุลยภาพของ 1 ชุด ข้ันอธบิ ายและลงขอ้ สรปุ ร่างกายมนษุ ย์ (Explanation)

10. การวัดและประเมนิ ผล จุดประสงค์การเรยี นรู้ วธิ วี ดั ผล เคร่อื งมือวดั เกณฑก์ ารผ่านจดุ ประสงค์ ผา่ นเกณฑ์รอ้ ยละ 60 ข้นึ ไป ด้านความรู้ (K) ตรวจแบบฝึกหัดใน หนงั สือเรยี น สามารถอธิบายกลไกการรักษาดุลยภาพ ทำแบบฝึกหัดใน รายวิชาพ้นื ฐาน ของอุณหภูมิภายในร่างกายโดยการ หนงั สอื เรยี น วทิ ยาศาสตร์และ ทำงานของหลอดเลือดฝอย ต่อมเหง่ือ รายวิชาพืน้ ฐาน เทคโนโลยี เส้นขนที่ผิวหนัง และกล้ามเน้ือโครงร่าง วทิ ยาศาสตรแ์ ละ ได้ เทคโนโลยี ด้านทักษะกระบวนการ (P) สามารถเขียนกลไกการรักษาดุลยภาพ เขียนกลไกการ ตรวจการเขียน ระดบั คุณภาพ 3 หรอื กลไกการรักษาดุลย ระดบั ดีข้นึ ไป ของอณุ หภูมภิ ายในร่างกาย รักษาดลุ ยภาพ ภาพของอุณหภูมิ ของอณุ หภมู ิ ภายในร่างกาย ระดับคุณภาพ 3 หรอื ระดับดขี ึ้นไป ภายในร่างกาย แบบประเมนิ คณุ ลักษณะอันพึง ระดบั คุณภาพ 3 หรอื ดา้ นคุณลกั ษณะทพี่ งึ ประสงค์ (A) ประสงคด์ า้ น ระดับดีขนึ้ ไป มีความใฝเ่ รียนใฝร่ ู้และช่วยเหลือเพอื่ นใน การสังเกต การทำกิจกรรม พฤตกิ รรมในชน้ั เรยี น สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน การสงั เกต แบบประเมิน 1. ความสามารถในการคิด พฤติกรรมในชั้น สมรรถนะดา้ นการ 2. ความสามารถในการแกป้ ัญหา เรียน สื่อสาร การคิด การแกป้ ัญหา

เกณฑก์ ารประเมนิ เกณฑก์ ารประเมนิ ด้านความรู้ (K) สามารถอธิบายกลไกการรักษาดุลยภาพของอุณหภูมิภายในร่างกายโดยการทำงานของหลอดเลือด ฝอย ตอ่ มเหงื่อ เส้นขนที่ผวิ หนัง และกลา้ มเน้ือโครงรา่ งได้ ประเด็นการประเมิน 4 ระดับคณุ ภาพ 1 32 เน้ือหาไม่ สามารถอธิบายกลไกการ เนือ้ หาบางสว่ น สมบรู ณ์ ไมส่ มบูรณต์ ามที่ คำถามไดไ้ ม่ รั ก ษ า ดุ ล ย ภ า พ ข อ ง เนื้อหาครบถ้วน เนือ้ หาครบถว้ น กำหนด ตอบ ตรงประเดน็ อณุ หภูมิภายในรา่ งกายโดย ตามที่กำหนด ตามท่กี ำหนด และตอบ การทำงานของหลอดเลือด ตอบคำถามได้ตรง คำถามไดไ้ ม่คอ่ ย คำถามไม่ ฝอย ต่อมเหง่ือ เส้นขนท่ี ตอบคำถามได้ ตรงประเดน็ ถกู ตอ้ ง ผวิ หนัง และกล้ามเนื้อโครง ตรงประเด็น และ ประเดน็ และตอบ ร่างได้ ถกู ตอ้ งทุกคำถาม ถูกต้องเป็นสว่ น และตอบถูกตอ้ ง น้อยขอ้ ใหญ่ เกณฑก์ ารตัดสนิ ระดับ 4 หมายถงึ มีระดับคุณภาพดีเยยี่ ม ระดบั 3 หมายถงึ มรี ะดบั คุณภาพดี ระดับ 2 หมายถงึ มีระดับคณุ ภาพพอใช้ ระดบั 1 หมายถงึ มรี ะดับคณุ ภาพปรบั ปรงุ เกณฑ์การผา่ น ไดร้ ะดับ 3 ขึ้นไป ถอื วา่ ประสบผลสำเร็จในการสอน

เกณฑก์ ารประเมนิ ด้านทกั ษะกระบวนการ (P) ด้านทกั ษะกระบวนการ (P) สามารถเขียนกลไกการรกั ษาดุลยภาพของอุณหภูมิภายในร่างกาย ประเดน็ การประเมนิ 4 ระดบั คุณภาพ 1 32 เน้อื หาไม่ ส า ม า ร ถ เขี ย น ก ล ไ ก ก า ร เนื้อหาบางสว่ น สมบูรณ์ ไม่สมบรู ณ์ตามท่ี คำถามไดไ้ ม่ รั ก ษ า ดุ ล ย ภ า พ ข อ ง เนอื้ หาครบถ้วน เนอ้ื หาครบถว้ น ตรงประเดน็ อณุ หภูมิภายในรา่ งกาย ตามที่กำหนด ตามท่กี ำหนด กำหนด ตอบ และตอบ ตอบคำถามได้ คำถามไดไ้ มค่ ่อย คำถามไม่ ตรงประเดน็ และ ตอบคำถามไดต้ รง ถกู ต้อง ประเด็น และตอบ ตรงประเด็น ถูกต้องทุกคำถาม ถกู ตอ้ งเป็นสว่ น และตอบถกู ตอ้ ง ใหญ่ นอ้ ยขอ้ เกณฑก์ ารตัดสิน ระดับ 4 หมายถึง มีระดบั คณุ ภาพดีเยีย่ ม ระดับ 3 หมายถึง มรี ะดับคุณภาพดี ระดบั 2 หมายถึง มีระดับคุณภาพพอใช้ ระดับ 1 หมายถงึ มรี ะดับคณุ ภาพปรับปรุง เกณฑก์ ารผา่ น ได้ระดบั 3 ข้นึ ไป ถือวา่ ประสบผลสำเร็จในการสอน

เกณฑ์การประเมินดา้ นคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ด้านคณุ ลักษณะทพี่ ึงประสงค์ (A) มีความใฝ่เรียนใฝร่ ูแ้ ละช่วยเหลือเพอ่ื นในการทำกจิ กรรม ประเดน็ การประเมิน 4 ระดับคณุ ภาพ 1 32 รับผดิ ชอบใน มีความใฝ่เรียนใฝ่รู้และ ต้งั ใจและ ต้งั ใจและ รบั ผดิ ชอบใน การปฏิบตั ิ ช่วยเหลือเพ่ือนในการ รบั ผดิ ชอบใน การ รบั ผิดชอบในการ การปฏบิ ัติ หนา้ ทที่ ไ่ี ด้รับ ทำกจิ กรรม ปฏิบัตหิ น้าท่ีที่ หน้าที่ทไ่ี ดร้ ับ มอบหมายไม่ ปฏิบัติหน้าท่ีที่ได้รบั มอบหมายให้สำเรจ็ ได้รับมอบหมายให้ มอบหมายให้ สำเรจ็ มกี ารปรับปรุงและ สำเรจ็ มกี าร สำเร็จ มกี าร พัฒนาการทำงาน ปรับปรงุ และ ปรบั ปรุงและ ให้ดีข้นึ ดว้ ยตนเอง พฒั นา พฒั นา การทำงานให้ดขี น้ึ การทำงานดขี นึ้ เกณฑก์ ารตัดสิน ระดับ 4 หมายถึง มีระดับคณุ ภาพดีเย่ียม ระดับ 3 หมายถึง มีระดบั คุณภาพดี ระดบั 2 หมายถงึ มีระดับคณุ ภาพพอใช้ ระดบั 1 หมายถงึ มีระดบั คณุ ภาพปรบั ปรุง เกณฑก์ ารผ่าน ไดร้ ะดบั 3 ขึ้นไป ร้อยละ 60 ถือวา่ ประสบผลสำเรจ็ ในการสอน

บนั ทกึ ผลหลงั การสอน แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 5 รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ชีวภาพ รหัส ว30101 เรื่อง การรักษาดลุ ยภาพของอุณหภูมิในร่างกาย สรปุ ผลการเรยี นการสอน นกั เรยี นจำนวน .....................................คน ผ่านจดุ ประสงค์การเรียนรู้ ................... คน คิดเป็นร้อยละ .................................................. ไมผ่ า่ นจดุ ประสงค์ ................................คน คดิ เป็นรอ้ ยละ ................................................. ได้แก่ 1................................................................................................................................................ 2................................................................................................................................................ นักเรยี นท่มี คี วามสามารถพิเศษ ไดแ้ ก่ 1................................................................................................................................................ 2................................................................................................................................................ ผลการเรียนรขู้ องนักเรยี นและปญั หาทีเ่ กดิ ข้นึ ในระหว่างการเรียนการสอน .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. แนวทางการการแก้ปญั หาหรอื ปรบั ปรงุ แผนการจัดการเรยี นรคู้ รั้งตอ่ ไป (Action plan) .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ......................................................................................................................................................................... ลงช่ือ ....................................... ครผู ้สู อน ............/............../..............

ความเหน็ ของหัวหน้าสถานศกึ ษา/ผทู้ ไี่ ดร้ ับมอบหมาย ไดท้ ำการตรวจแผนการจัดการเรียนรู้ของ ......................................................แลว้ มคี วามคิดเหน็ ดังนี้ 1. องค์ประกอบของแผนการจัดการเรียนรู้  ครบถว้ นและถกู ต้อง  ยังไมค่ รบถว้ นหรอื ไม่ถกู ตอ้ ง ควรปรบั ปรุงพัฒนาตอ่ ไป 2. ความสอดคล้องของแผนการจดั การเรียนรกู้ ับหลักสูตรสถานศึกษา  สอดคล้อง  ยังไมส่ อดคล้อง ควรปรบั ปรุงพัฒนาตอ่ ไป 3. รปู แบบของการจดั การเรยี นรู้  เน้นผเู้ รียนเปน็ สำคญั  ยังเน้นผูเ้ รยี นเปน็ สำคัญ ควรปรับปรงุ พฒั นาตอ่ ไป 4. สื่อการเรียนรู้  เหมาะสมกับรูปแบบการจัดการเรยี นรู้  ยังไมเ่ หมาะ ควรปรบั ปรงุ พัฒนาตอ่ ไป 5. การประเมนิ ผลการเรยี นรู้  ครอบคลมุ จดุ ประสงค์การเรียนรู้  ยังไมค่ รอบคลมุ ประสงค์การเรียนรู้ ควรปรับปรุงพัฒนาตอ่ ไป 6. ข้อเสนอแนะอ่นื ๆ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงช่อื ................................................................ ตำแหนง่ ........................................................... ............/............../..............

แบบประเมินสมรรถนะผูเ้ รยี น คำช้แี จง : ใหผ้ ู้สอนสงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขดี ✓ ลงใน ช่องท่ีตรงกับระดับคะแนน สมรรถนะที่ประเมิน ระดับคะแนน 321 1. 1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 1.1 มคี วามสามารถในการรับ – ส่งสาร 1. 1.2 มีความสามารถในการถา่ ยทอดความรู้ ความคดิ ความเขา้ ใจของตนเอง โดยใช้ ภาษาอย่างเหมาะสม 1.3 ใช้วิธีการสอื่ สารท่เี หมาะสม 2. 2. ความสามารถในการคิด 2.1 มคี วามสามารถในการคิดวเิ คราะห์ เพื่อการสร้างองคค์ วามรู้ 2.2 มีความสามารถในการคิดเปน็ ระบบ เพอ่ื การสรา้ งองคค์ วามรู้ เกณฑ์การใหค้ ะแนน ลงชือ่ ...........................................................ผู้ประเมิน พฤตกิ รรมท่ปี ฏิบัติชัดเจนและสม่ำเสมอ ......................../........................./................ พฤตกิ รรมที่ปฏบิ ตั ชิ ัดเจนและบ่อยครัง้ พฤติกรรมทีป่ ฏบิ ัตบิ างคร้ัง ให้ 3 คะแนน ให้ 2 คะแนน ให้ 1 คะแนน



แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 6 เร่อื ง กลไกการตอ่ ต้านหรอื ทำลายสงิ่ แปลกปลอมแบบไม่จำเพาะ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชา รายวชิ าวิทยาศาสตร์ชวี ภาพ รหัสวิชา ว 30101 ช้นั มัธยมศึกษาปที ี่ 4 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 2 เร่อื ง การรักษาดุลยภาพของรา่ งกายมนษุ ย์ เวลา 4 ชัว่ โมง ครูผู้สอน นางสาวจันจิรา ธนนั ชยั มาตรฐานการเรยี นรู้และตัวชี้วัด สาระท่ี 1 วิทยาศาสตร์ชวี ภาพ มาตรฐาน ว 1.2 เข้าใจสมบัติของส่ิงมีชีวิต หน่วยพื้นฐานของส่ิงมีชีวิต การลำเลียงสารเข้าและออก จากเซลล์ ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าท่ีของระบบต่าง ๆของสัตว์และมนุษย์ท่ีทำงานสัมพันธ์กัน ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าท่ีของอวัยวะต่าง ๆ ของพืชท่ีทำงานสัมพันธ์กัน รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ ประโยชน์ ตัวชวี้ ัด ม.4/5 อธิบายและเขียนแผนผงั เกยี่ วกับการตอบสนองของร่างกายทไ่ี มต่ ำเพาะเพาะและแบบ จำเพาะตอ่ สิ่งแปลกปลอมของร่างกาย สาระสำคัญ เมื่อร่างกายได้รับเช้ือโรคหรือส่ิงแปลกปลอมทำให้ไม่สามารถรักษาดุลยภาพได้ ร่างกายจะมีกลไก การต่อต้านหรือทำลายโดยการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ซ่ึงแบ่งได้เป็น 2 แบบคือ กลไกการต่อต้านหรือ ทำลายสิ่งแปลกปลอมแบบไม่จำเพาะ โดยเป็นการป้องกันไม่ให้เชื้อโรคเข้าสู่เน้ือเยื่อในร่างกายหรือกำจัดสิ่ง แปลกปลอมท่ีเขา้ สูร่ ่างกายโดยกระบวนการต่าง ๆ สาระการเรยี นรู้ - กลไกการต่อต้านหรอื ทำลายส่งิ แปลกปลอมแบบไม่จำเพาะ จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. ดา้ นความรู้ (K) 1.1 นักเรียนสามารถอธิบายบทบาทของอวยั วะหรอื เน้ือเยอ่ื ที่ทำหน้าท่ีป้องกันและทำลายเชื้อโรคหรือ ส่ิงแปลกปลอมได้ 1.2 นักเรียนสามารถ อธบิ ายและเขยี นแผนผังเก่ยี วกบั กลไกการตอ่ ต้านหรือทำลายส่ิงแปลกปลอมแบบ ไม่จำเพาะและแบบจำเพาะ 2. ดา้ นทักษะกระบวนการ (P) นักเรียนสามารถสืบค้นข้อมูล และเขียนแผนผังเก่ียวกับกลไกการต่อต้านหรือทำลายส่ิงแปลกปลอม แบบไม่จำเพาะและแบบจำเพาะได้ 3. ดา้ นคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ (A) นักเรียนสามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะหนา้ ไดแ้ ละมีทักษะกระบวนการคิด

สมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น 1. ความสามารถในการส่อื สาร 2. ความสามารถในการคิด คณุ ลักษณะของวชิ า 1. ความรอบคอบ 2. กระบวนการกลมุ่ ชิ้นงาน/ภาระงาน สืบค้นข้อมูล และเขียนแผนผังเก่ียวกับกลไกการต่อต้านหรือทำลายสิ่งแปลกปลอมแบบไม่จำเพาะ และแบบจำเพาะ กิจกรรมการเรยี นรู้ รปู แบบการสอนทใ่ี ช้ในการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ คอื การสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5E 1. ขนั้ สร้างความสนใจ (Engagement) ครูนำเข้าสู่บทเรียนโดยนำภาพหรอื ขา่ วการแพร่ระบาดของโรคที่กำลังเป็นที่สนใจ เชน่ โรคติดเชื้อ ไวรัสซิก้า (ziga virus) โรคไข้เลือดออก หรือโรคไข้หวัดใหญ่ เพื่อให้นักเรียนร่วมกันแสดงความ คิดเห็นเกี่ยวกับสาเหตุ และการป้องกันโรค จากนั้นครูใช้คำถามเพื่อให้นักเรียนร่วมกันอภิปราย ดังน้ี • เชื้อโรคหรือสิ่งแปลกปลอมเข้าสู่ร่างกายมนุษย์ได้อย่างไร เช้ือโรคและสิ่งแปลกปลอมที่ ก่อให้เกดิ อนั ตรายไดแ้ กอ่ ะไรบ้าง • นักเรยี นเคยป่วยเป็นไข้หวัดหรอื ไม่ ถ้านักเรียนมีอาการปว่ ยควรจะปฏบิ ัติตนอย่างไรเพื่อให้ ร่างกายกลับมาเป็นปกติ (แนวคำตอบ จากนนั้ ครูให้คำอธบิ ายเพ่ิมเติมว่าร่างกายมีกลไกในการต่อต้านและทำลายสิ่ง แปลกปลอมท่ีเข้าสู่ร่างกาย แต่ถ้าสิ่งแปลกปลอมหรือเชื้อโรคสามารถเข้าสู่ภายในร่างกายได้ก็จะ เกิดการเจ็บป่วยข้ึน แต่การที่บางคนมีสุขภาพแข็งแรงหรือบางคนท่ีมีอาการป่วยแต่สามารถหาย ปว่ ยไดร้ วดเรว็ เน่อื งจากรา่ งกายของคนน้ันมภี มู ิคุม้ กัน) 2. ขัน้ สำรวจและคน้ หา (Exploration) 2.1 ครใู ห้นักเรียนศึกษาเก่ียวกับอวัยวะและเน้ือเย่อื ที่เก่ยี วข้องกับระบบภูมิคุ้มกันโดยใชร้ ูป 2.15 อวัยวะและเน้ือเย่ือที่เก่ียวข้องกับระบบภูมิคุ้มกันในหนังสือเรียน จากนั้นใช้คำถามให้นักเรียน รว่ มกนั อภปิ รายถึงบทบาทและหน้าท่ขี องอวยั วะและเนอื้ เย่อื ที่เกย่ี วข้องกบั ระบบภูมิคุ้มกนั 2.2 ครูให้นักเรียนศกึ ษารูป 2.16 การตอ่ ต้านหรือทำลายสิ่งแปลกปลอมแบบไม่จำเพาะ ในหนงั สือ เรียนแล้วให้นักเรียนยกตวั อยา่ งเก่ียวกบั อวัยวะและสารที่ร่างกายสรา้ งขึ้นซงึ่ มีสมบตั ิในการตอ่ ต้าน หรือทำลายสิ่งแปลกปลอม ทั้งนี้อาจให้นักเรียนสืบค้นข้อมูลเพ่ิมเติมเกี่ยวกับความสำคัญของ

ผิวหนังซึ่งเป็นด่านแรกท่ีมีความสำคัญในการต่อต้านหรือทำลายส่ิงแปลกปลอม ครูอาจใช้ภาพ โครงสร้างของผิวหนังให้นักเรียนศึกษาเพ่ือเชื่อมโยงถึงการขับของเหลวที่ออกจ ากรูขุมขนซ่ึงทำ หนา้ ท่ตี ่อตา้ นหรือทำลายสงิ่ แปลกปลอมด้วยเชน่ กนั 2.3 จากนั้นครใู หน้ ักเรยี นอธบิ ายและเขียนแผนผงั สรปุ กลไกการตอ่ ต้านหรือทำลายส่ิงแปลกปลอม แบบไม่จำเพาะ 3. ข้นั อธบิ ายและลงข้อสรุป (Explanation) 3.1 ครแู ละนักเรียนอธิบายและลงข้อสรุปโครงสร้างของระบบภูมิคุ้มกันประกอบด้วยอวัยวะและ เน้ือเย่ือต่าง ๆ เช่น ทอนซิล ไทมัส ม้าม ต่อมน้ำเหลือง คอยดักจับหรือทำลายเช้ือโรคและส่ิง แปลกปลอมโดยมกี ลไกการต่อต้านหรือทำลายสิ่งแปลกปลอมแบบไม่จำเพาะและกลไกการตอ่ ต้าน หรอื ทำลายสิ่งแปลกปลอมแบบจำเพาะ 3.2 ตวั อยา่ งแผนผัง กลไกการตอ่ ตา้ นหรือทำลายส่งิ แปลกปลอมแบบไม่จำเพาะ 4. ขน้ั ขยายความรู้ (Elaboration) ครขู ยายความรู้ว่าแผลหรอื สวิ อกั เสบมลี กั ษณะเป็นอย่างไร ของเหลวหรือหนองเกดิ ได้อยา่ งไร (แนวคำตอบ การอักเสบเกิดข้ึนได้เพราะร่างกายมีการตอบสนองต่อเช้ือโรคหรือสิ่ง แปลกปลอมแบบไม่จำเพาะ โดยจะมีอาการบวม แดง อุณหภูมิสูงกว่าปกติ และรู้สึกเจ็บปวด ซ่ึง กระบวนการอักเสบนี้เกิดขึ้นโดยการทำงานของเซลล์เม็ดเลือดขาวกลุ่มฟาโกไซต์ เช่น นิวโทรฟิล และโมโนโซต์ที่เข้ากินเชื้อโรคและเน้ือเย่ือส่วนที่เสยี หายโดยวิธีฟาโกไซโทซิส จนสุดท้ายเซลล์เม็ด เลอื ดขาวท่ตี ายแล้วจะรวมตัวกันเป็นหนองและถกู กำจดั ออกทางบาดแผล

5. ข้ันประเมนิ (Evaluation) 5.1 สงั เกตพฤตกิ รรมขณะทำกจิ กรรมรว่ มกับผู้อื่นในหอ้ งเรยี น 5.2 ประเมนิ จากการทำแบบฝึกหดั ในหนงั สือเรยี น 5.3 ครูสังเกตการตอบคำถามในชั้นเรยี น เมือ่ มนี กั เรยี นไมเ่ ข้าใจ ครูแนะนำเพิม่ เตมิ สอื่ / แหล่งเรยี นรู้ รายการสือ่ จำนวน สภาพการใช้สอื่ 1. หนงั สือเรยี นรายวิชาพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์และ ตามจำนวน ขั้นสำรวจและคน้ หา (Exploration) เทคโนโลยี ผ้เู รียน 2. คอมพวิ เตอรท์ ใี่ ช้ในการสบื ค้นข้อมูล ข้นั สำรวจและคน้ หา (Exploration) 6 ชุด ขน้ั อธบิ ายและลงข้อสรปุ 3. เพาเวอรพ์ อยด์ เร่ือง การรักษาดลุ ยภาพของ (Explanation) ร่างกายมนษุ ย์ 1 ชดุ

10. การวดั และประเมนิ ผล จดุ ประสงค์การเรียนรู้ วิธีวัดผล เคร่ืองมอื วดั เกณฑก์ ารผ่านจดุ ประสงค์ ผ่านเกณฑ์รอ้ ยละ 60 ขน้ึ ไป ดา้ นความรู้ (K) ตรวจแบบฝึกหัดใน หนังสือเรียน 1. นักเรียนสามารถอธิบายบทบาทของ รายวชิ าพน้ื ฐาน วทิ ยาศาสตร์และ อวัยวะหรือเน้ือเยื่อที่ทำหน้าที่ป้องกัน ทำแบบฝึกหัดใน เทคโนโลยี และทำลายเชือ้ โรคหรือส่งิ แปลกปลอมได หนังสือเรยี น 2. นักเรียนสามารถ อธิบายและเขียน รายวชิ าพื้นฐาน แผนผังเกี่ยวกับกลไกการต่อต้านหรือ วิทยาศาสตรแ์ ละ ทำลายส่ิงแปลกปลอมแบบไม่จำเพาะ เทคโนโลยี และแบบจำเพาะ ดา้ นทักษะกระบวนการ (P) สามารถสืบค้นข้อมูล และเขียนแผนผัง สืบคน้ ขอ้ มลู และ แบบประเมินทักษะ ระดบั คุณภาพ 3 หรือ ระดับดีข้ึนไป เก่ียวกับกลไกการต่อต้านหรือทำลายส่ิง เขยี นแผนผงั กระบวนการ แปลกปลอมแบบไม่จำเพาะและแบบ เกยี่ วกับกลไกการ ระดับคุณภาพ 3 หรอื ตอ่ ต้านหรอื ระดบั ดีข้นึ ไป จำเพาะ ทำลายส่งิ ระดับคณุ ภาพ 3 หรอื ระดบั ดีขึ้นไป แปลกปลอมแบบ ไม่จำเพาะและ แบบจำเพาะ ดา้ นคณุ ลกั ษณะทพ่ี ึงประสงค์ (A) สามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้และมี การสงั เกต แบบประเมนิ ทกั ษะกระบวนการคิด พฤตกิ รรมในชั้น คณุ ลกั ษณะอันพึง เรยี น ประสงค์ดา้ น สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน การสงั เกต แบบประเมนิ 1. ความสามารถในการคดิ พฤตกิ รรมในช้ัน สมรรถนะด้านการ 2. ความสามารถในการแกป้ ัญหา เรยี น สื่อสาร การคิด การแกป้ ญั หา

เกณฑ์การประเมิน เกณฑ์การประเมินดา้ นความรู้ (K) 1. นักเรียนสามารถอธิบายบทบาทของอวัยวะหรือเน้ือเยื่อที่ทำหนา้ ที่ปอ้ งกันและทำลายเชื้อโรคหรือ สง่ิ แปลกปลอม 2. นักเรียนสามารถ อธิบายและเขียนแผนผงั เกย่ี วกับกลไกการตอ่ ต้านหรือทำลายส่ิงแปลกปลอมแบบ ไม่จำเพาะและแบบจำเพาะ ประเดน็ การประเมิน 4 ระดบั คณุ ภาพ 1 32 เนือ้ หาไม่ 1. นักเรียนสามารถอธิบาย สมบรู ณ์ คำถามได้ไม่ บ ท บ า ท ข อ ง อ วั ย ว ะ ห รื อ ตรงประเด็น และตอบ เน้ือเย่ือที่ทำหน้าท่ีป้องกัน เน้อื หาครบถว้ น เน้อื หาครบถว้ น เนื้อหาบางสว่ น คำถามไม่ และทำลายเช้ือโรคหรือสิ่ง ตามทีก่ ำหนด ตามที่กำหนด ถูกตอ้ ง แปลกปลอมได ตอบคำถามไดต้ รง ไมส่ มบูรณต์ ามท่ี 2…นั ก เรี ย น ส า ม า ร ถ ตอบคำถามได้ กำหนด ตอบ อธิบายและเขียนแผนผัง ตรงประเด็น และ ประเดน็ และตอบ คำถามได้ไมค่ ่อย เก่ียวกับกลไกการต่อต้าน ถกู ตอ้ งทกุ คำถาม ถกู ต้องเป็นส่วน ตรงประเด็น หรือทำลายสิ่งแปลกปลอม และตอบถกู ต้อง ใหญ่ น้อยขอ้ แบบไม่จำเพาะและแบบ จำเพาะ เกณฑ์การตัดสนิ ระดับ 4 หมายถงึ มรี ะดบั คุณภาพดีเยีย่ ม ระดบั 3 หมายถงึ มีระดับคณุ ภาพดี ระดับ 2 หมายถึง มีระดบั คณุ ภาพพอใช้ ระดบั 1 หมายถึง มีระดบั คณุ ภาพปรับปรุง เกณฑก์ ารผา่ น ไดร้ ะดบั 3 ข้ึนไป ถอื วา่ ประสบผลสำเร็จในการสอน

เกณฑก์ ารประเมินดา้ นทักษะกระบวนการ (P) ด้านทักษะกระบวนการ (P) สามารถสบื คน้ ขอ้ มลู และเขยี นแผนผงั เกยี่ วกบั กลไกการต่อต้านหรอื ทำลายส่ิงแปลกปลอมแบบไม่ จำเพาะและแบบจำเพาะ ประเด็นการประเมนิ 4 ระดบั คณุ ภาพ 1 32 เน้ือหาไม่ สามารถสืบค้นข้อมูล และ เน้ือหาบางสว่ น สมบรู ณ์ ไม่สมบรู ณ์ตามท่ี คำถามได้ไม่ เขียนแผนผังเกี่ยวกับกลไก เน้อื หาครบถว้ น เน้อื หาครบถ้วน กำหนด ตอบ ตรงประเด็น การต่อต้านหรือทำลายส่ิง ตามท่ีกำหนด คำถามไดไ้ มค่ ่อย และตอบ แ ป ล ก ป ล อ ม แ บ บ ไ ม่ ตอบคำถามได้ ตามทก่ี ำหนด คำถามไม่ จำเพาะและแบบจำเพาะ ตอบคำถามได้ตรง ตรงประเด็น ถกู ตอ้ ง ตรงประเดน็ และ และตอบถูกตอ้ ง ถูกตอ้ งทุกคำถาม ประเด็น และตอบ ถกู ตอ้ งเปน็ สว่ น นอ้ ยขอ้ ใหญ่ เกณฑก์ ารตัดสิน ระดบั 4 หมายถงึ มรี ะดบั คณุ ภาพดีเยีย่ ม ระดบั 3 หมายถึง มีระดบั คณุ ภาพดี ระดบั 2 หมายถงึ มีระดบั คุณภาพพอใช้ ระดับ 1 หมายถงึ มีระดับคุณภาพปรับปรุง เกณฑก์ ารผ่าน ได้ระดับ 3 ข้นึ ไป ถอื วา่ ประสบผลสำเร็จในการสอน

เกณฑ์การประเมนิ ด้านคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ ด้านคุณลักษณะที่พงึ ประสงค์ (A) สามารถแก้ไขปญั หาเฉพาะหน้าได้และมีทกั ษะกระบวนการคิด ประเด็นการประเมนิ 4 ระดบั คณุ ภาพ 1 32 รับผิดชอบใน สามารถแก้ไขปัญ ห า ต้งั ใจและ ตั้งใจและ รบั ผดิ ชอบใน การปฏบิ ตั ิ เฉพ าะห น้ าได้ และ มี รับผดิ ชอบใน การ รับผิดชอบในการ การปฏิบตั ิ หนา้ ที่ทไี่ ดร้ ับ ปฏบิ ตั ิหนา้ ท่ีท่ีไดร้ บั มอบหมายไม่ ทกั ษะกระบวนการคิด มอบหมายให้สำเร็จ ปฏิบตั หิ นา้ ท่ีท่ี หนา้ ท่ีทไี่ ดร้ บั มีการปรบั ปรุงและ ได้รับมอบหมายให้ มอบหมายให้ สำเรจ็ พฒั นาการทำงาน ใหด้ ขี ึน้ ดว้ ยตนเอง สำเรจ็ มกี าร สำเรจ็ มกี าร ปรบั ปรุงและ ปรบั ปรงุ และ พัฒนา พฒั นา การทำงานใหด้ ขี น้ึ การทำงานดขี ึ้น เกณฑก์ ารตัดสิน ระดับ 4 หมายถงึ มรี ะดบั คุณภาพดีเยย่ี ม ระดบั 3 หมายถึง มรี ะดับคณุ ภาพดี ระดับ 2 หมายถงึ มีระดับคุณภาพพอใช้ ระดับ 1 หมายถึง มีระดบั คณุ ภาพปรับปรงุ เกณฑก์ ารผ่าน ได้ระดบั 3 ขน้ึ ไป รอ้ ยละ 60 ถือวา่ ประสบผลสำเรจ็ ในการสอน

บนั ทึกผลหลงั การสอน แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 6 รายวิชาวิทยาศาสตร์ชีวภาพ รหัส ว30101 เรื่อง กลไกการตอ่ ตา้ นหรอื ทำลายส่งิ แปลกปลอมแบบไม่ จำเพาะ สรปุ ผลการเรยี นการสอน นักเรียนจำนวน .....................................คน ผ่านจุดประสงค์การเรยี นรู้ ................... คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ .................................................. ไม่ผ่านจุดประสงค์ ................................คน คิดเปน็ รอ้ ยละ ................................................. ไดแ้ ก่ 1................................................................................................................................................ 2................................................................................................................................................ นกั เรียนที่มคี วามสามารถพิเศษ ไดแ้ ก่ 1................................................................................................................................................ 2................................................................................................................................................ ผลการเรียนรู้ของนักเรียนและปัญหาทีเ่ กดิ ข้ึนในระหวา่ งการเรียนการสอน .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. แนวทางการการแกป้ ัญหาหรือปรบั ปรุงแผนการจัดการเรยี นร้คู ร้ังตอ่ ไป (Action plan) .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ......................................................................................................................................................................... ลงชือ่ ....................................... ครูผสู้ อน ............/............../..............

ความเหน็ ของหัวหน้าสถานศกึ ษา/ผทู้ ไี่ ดร้ ับมอบหมาย ไดท้ ำการตรวจแผนการจัดการเรียนรู้ของ ......................................................แลว้ มคี วามคิดเหน็ ดังนี้ 1. องค์ประกอบของแผนการจัดการเรียนรู้  ครบถว้ นและถกู ต้อง  ยังไมค่ รบถว้ นหรอื ไม่ถกู ตอ้ ง ควรปรบั ปรุงพัฒนาตอ่ ไป 2. ความสอดคล้องของแผนการจดั การเรียนรกู้ ับหลักสูตรสถานศึกษา  สอดคล้อง  ยังไมส่ อดคล้อง ควรปรบั ปรุงพัฒนาตอ่ ไป 3. รปู แบบของการจดั การเรยี นรู้  เน้นผเู้ รียนเปน็ สำคญั  ยังเน้นผูเ้ รยี นเปน็ สำคัญ ควรปรับปรงุ พฒั นาตอ่ ไป 4. สื่อการเรียนรู้  เหมาะสมกับรูปแบบการจัดการเรยี นรู้  ยังไมเ่ หมาะ ควรปรบั ปรงุ พัฒนาตอ่ ไป 5. การประเมนิ ผลการเรยี นรู้  ครอบคลมุ จดุ ประสงค์การเรียนรู้  ยังไมค่ รอบคลมุ ประสงค์การเรียนรู้ ควรปรับปรุงพัฒนาตอ่ ไป 6. ข้อเสนอแนะอ่นื ๆ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงช่อื ................................................................ ตำแหนง่ ........................................................... ............/............../..............

แบบประเมินสมรรถนะผูเ้ รยี น คำช้แี จง : ใหผ้ ู้สอนสงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขดี ✓ ลงใน ช่องท่ีตรงกับระดับคะแนน สมรรถนะที่ประเมิน ระดับคะแนน 321 1. 1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 1.1 มคี วามสามารถในการรับ – ส่งสาร 1. 1.2 มีความสามารถในการถา่ ยทอดความรู้ ความคดิ ความเขา้ ใจของตนเอง โดยใช้ ภาษาอย่างเหมาะสม 1.3 ใช้วิธีการสอื่ สารท่เี หมาะสม 2. 2. ความสามารถในการคิด 2.1 มคี วามสามารถในการคิดวเิ คราะห์ เพื่อการสร้างองคค์ วามรู้ 2.2 มีความสามารถในการคิดเปน็ ระบบ เพอ่ื การสรา้ งองคค์ วามรู้ เกณฑ์การใหค้ ะแนน ลงชือ่ ...........................................................ผู้ประเมิน พฤตกิ รรมท่ปี ฏิบัติชัดเจนและสม่ำเสมอ ......................../........................./................ พฤตกิ รรมที่ปฏบิ ตั ชิ ัดเจนและบ่อยครัง้ พฤติกรรมทีป่ ฏบิ ัตบิ างคร้ัง ให้ 3 คะแนน ให้ 2 คะแนน ให้ 1 คะแนน



แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 7 เรอื่ ง กลไกการตอ่ ต้านหรือทำลายสิ่งแปลกปลอมแบบจำเพาะ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวชิ า รายวชิ าวทิ ยาศาสตรช์ ีวภาพ รหสั วิชา ว 30101 ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 4 ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศกึ ษา 2565 หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 2 เร่อื ง การรกั ษาดลุ ยภาพของรา่ งกายมนษุ ย์ เวลา 4 ชัว่ โมง ครผู ูส้ อน นางสาวจันจิรา ธนนั ชยั มาตรฐานการเรยี นรู้และตวั ชวี้ ัด สาระท่ี 1 วิทยาศาสตร์ชีวภาพ มาตรฐาน ว 1.2 เขา้ ใจสมบัติของสิง่ มีชีวิต หนว่ ยพื้นฐานของส่ิงมีชีวติ การลำเลยี งสารเข้าและออกจาก เซลล์ ความสมั พันธข์ องโครงสรา้ งและหน้าท่ีของระบบต่าง ๆของสัตวแ์ ละมนุษย์ท่ีทำงานสมั พนั ธ์กนั ความสัมพันธข์ องโครงสร้างและหนา้ ทข่ี องอวัยวะตา่ ง ๆ ของพืชทท่ี ำงานสมั พนั ธ์กนั รวมท้ังนำความรไู้ ปใช้ประโยชน์ ตวั ช้ีวัด ม.4/5 อธิบายและเขยี นแผนผังเกี่ยวกับการตอบสนองของร่างกายแบบไม่จำเพาะและ แบบจำเพาะตอ่ สงิ่ แปลกปลอมของรา่ งกาย สาระสำคญั เมอ่ื รา่ งกายได้รับเชอื้ โรคหรือสิ่งแปลกปลอมทำให้ไม่สามารถรักษาดลุ ยภาพได้ ร่างกายจะมกี ลไก การตอ่ ตา้ นหรอื ทำลายโดยการทำงานของระบบภูมคิ มุ้ กนั ซึง่ แบง่ ได้เปน็ 2 แบบคือ กลไกการตอ่ ต้านหรือ ทำลายสง่ิ แปลกปลอมแบบไม่จำเพาะ โดยเป็นการปอ้ งกนั ไม่ใหเ้ ช้ือโรคเข้าสเู่ น้อื เยอ่ื ในร่างกายหรอื กำจัด สิง่ แปลกปลอมทีเ่ ข้าสรู่ ่างกายโดยกระบวนการต่าง ๆ สำหรับกลไกการต่อต้านหรือทำลายสิง่ แปลกปลอม แบบจำเพาะเปน็ การทำงานโดยเซลล์เม็ดเลอื ดขาวลมิ โฟไซต์ คือ เซลล์บี และเซลลท์ ีขณะเดยี วกันมนษุ ย์ ยงั สามารถเสริมสร้างภูมิคุ้มกนั ให้กับรา่ งกายได้ สามารถแบ่งไดเ้ ปน็ 2 แบบคือภมู ิคุ้มกนั รบั มาและ ภูมคิ ุม้ กนั ก่อเอง สาระการเรียนรู้ - กลไกการต่อตา้ นหรือทำลายส่งิ แปลกปลอมแบบจำเพาะ จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1. ดา้ นความรู้ (K) นกั เรยี นสามารถอธบิ ายและเขยี นแผนผงั เกี่ยวกับกลไกการตอ่ ต้านหรือทำลายสิ่งแปลกปลอมแบบจำ เพาะได้ 2. ด้านทกั ษะกระบวนการ (P) นกั เรยี นสามารถสบื คน้ ข้อมูล สาเหตุ อาการ แนวทางปอ้ งกัน และการรักษาโรคทเี่ กดิ จากความผดิ ปกตขิ องระบบภมู คิ ้มุ กนั ได้ 3. ดา้ นคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ (A) นกั เรยี นมีความกระตือรือรน้ และมีรอบคอบในการทำงาน

สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี น 1. ความสามารถในการส่ือสาร 2. ความสามารถในการคดิ คณุ ลักษณะของวชิ า 1. ความรอบคอบ 2. กระบวนการกล่มุ ช้ินงาน/ภาระงาน สืบคน้ ขอ้ มลู สาเหตุ อาการ แนวทางปอ้ งกนั และการรักษาโรคทเ่ี กิดจากความผิดปกติของ ระบบภูมคิ ุ้มกัน กิจกรรมการเรยี นรู้ รปู แบบการสอนทใ่ี ชใ้ นการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ คอื การสอนแบบสบื เสาะหาความรู้ 5E 1. ขน้ั สรา้ งความสนใจ (Engagement) 1.1 ครูใช้คำถามเพื่อใหน้ กั เรียนร่วมกนั อภปิ รายแลว้ เชอ่ื มโยงเข้าสกู่ ลไกการตอ่ ตา้ นหรือทำลาย สงิ่ แปลกปลอมแบบจำเพาะดังน้ี - ถ้าเชอื้ โรคหรือสง่ิ แปลกปลอมสามารถเขา้ สู่เนื้อเยือ่ หรือเซลลต์ า่ งๆ ในร่างกายได้ รา่ งกาย จะยงั ทำกิจกรรมตา่ ง ๆ ได้ตามปกตหิ รอื ไม่ 2. ขน้ั สำรวจและคน้ หา (Exploration) 2.1 ครูให้นกั เรียนสบื คน้ ข้อมูลเกย่ี วกับกลไกการต่อตา้ นหรอื ทำลายสงิ่ แปลกปลอมแบบจำเพาะ จากหนังสือเรียน หรือแหลง่ การเรียนรู้อนื่ ๆ เชน่ อนิ เทอร์เน็ต แพทย์ สถานีอนามยั โดยเน้น คำสำคญั ตอ่ ไปนี้ แอนตเิ จน แอนติบอดเี ซลลบ์ ี เซลลท์ ี รวมทั้งกลไกการทำงาน โดยใหน้ กั เรยี น อธิบายและเขยี นแผนผังสรปุ กลไกการต่อตา้ นหรือทำลายสิ่งแปลกปลอมแบบจำเพาะตามที่นักเรีย นเข้าใจโดยใช้รูป 2.18 กลไกการต่อต้านหรือทำลายสิ่งแปลกปลอมแบบจำเพาะในหนังสือเรียน แลว้ ตอบคำถามตรวจสอบความเข้าใจในหนังสอื เรยี น 2.2 จากน้นั ครูนำเข้าสเู่ รื่องการสรา้ งภมู ิค้มุ กนั ให้กบั ร่างกายโดยอาจนำข่าวหรอื สถานการณ์การแพร่ระ บาดของโรคไข้หวดั ใหญ่สายพนั ธ์ใุ หม่ชนิดต่าง ๆ เชน่ สายพันธ์ุ A (H1N1) สายพันธ์ุ A Hong Kong (H3N2) ให้นกั เรยี นร่วมกนั แสดงความคดิ เห็นโดยใช้คำถามดังน้ี • เหตุใดวัคซีนสำหรับปอ้ งกนั โรคไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ุใหม่ จงึ ตอ้ งฉดี เป็นประจำทกุ ปี • นกั เรียนคดิ ว่าเชอื้ ไวรสั โรคไขห้ วัดใหญ่สายพนั ธใ์ุ หม่น้เี ข้าสู่รา่ งกายไดอ้ ย่างไร • นักเรยี นจะปฏบิ ัตติ นอย่างไรในการป้องกนั ไม่ใหต้ นเองป่วยเป็นโรคไข้หวัดใหญ่ สายพนั ธใุ์ หม่ 2.3 ครูให้นักเรียนศึกษารปู 2.19 การสร้างภูมิคมุ้ กนั จากหนงั สอื เรียน แล้วใช้คำถามในหนังสอื


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook