ค่มู ือ การจัดการอนามยั ส่งิ แวดลอ้ มในโรงเรยี น 7. พฤติกรรมการใช้สว้ มอยา่ งถูกต้อง ควรปฏิบัติ ดังนี้ 7.1 ควรใชห้ อ้ งสว้ มใหเ้ หมาะสมตามประเภทของสว้ มเชน่ กรณสี ว้ มนงั่ ราบ ไมค่ วรขน้ึ ไปเหยยี บบนโถสว้ ม เปน็ ตน้ เพ่ือป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ และรักษาความสะอาด ลดการปนเปื้อนเชื้อจากอุจจาระ เป็นการรักษาอายุ การใช้งานของสุขภณั ฑ์ และบ่งบอกถึงวัฒนธรรมการใชส้ ้วมทีด่ ี 7.2 ไมท่ ง้ิ วสั ดอุ ื่นใด ลงในโถสว้ ม ยกเวน้ กระดาษชำ� ระส�ำหรบั ใชใ้ นห้องส้วม เพ่ือป้องกันวสั ดอุ ดุ ตันทอ่ 7.3 ราดนำ�้ หรอื กดชกั โครกทกุ ครงั้ หลงั การใชส้ ว้ ม เพอื่ สขุ อนามยั ทดี่ เี พราะอจุ จาระหรอื ปสั สาวะจะมเี ชอื้ โรคปนเปอ้ื น จำ� นวนมากรวมทง้ั เปน็ แหลง่ อาหารและแพรก่ ระจายเชอื้ โรคโดยพาหะนำ� โรคตา่ งๆเชน่ แมลงวนั แมลงสาบเปน็ ตน้ อกี ทง้ั บ่งบอกถึงสุขวิทยาสว่ นบคุ คลในการใช้สว้ ม 50 7.4 ลา้ งมือด้วยสบู่ หรอื น้�ำยาลา้ งมอื ทกุ ครั้งหลังการใช้สว้ ม 8. การพัฒนาสว้ มโรงเรยี นใหไ้ ด้เกณฑ์มาตรฐาน 8.1 มาตรฐาน HAS การพฒั นาสว้ มในโรงเรยี นใหไ้ ดม้ าตรฐาน เพอ่ื ไมใ่ หเ้ ปน็ แหลง่ แพรโ่ รคตดิ ตอ่ จะเนน้ พฒั นาสว้ มใหบ้ รรลุ 3 เรอ่ื ง คอื สะอาด เพยี งพอ ปลอดภยั (Health Accessibility Safety: HAS) ● สะอาด (Health) หมายถึง สว้ มโรงเรยี นตอ้ งไดร้ บั การปรับปรุงซอ่ มแซมให้ มีลักษณะตามเกณฑ์ ต้องได้รับการด�ำเนินการให้ถูกหลักสุขาภิบาล (Sanitation Conditions) เชน่ หอ้ งสว้ มและสขุ ภณั ฑท์ ง้ั หมดจะตอ้ งสะอาด ไม่มีกลน่ิ เหม็น มวี ัสดุอปุ กรณบ์ รกิ าร เชน่ น�้ำสะอาด สบูล่ ้างมือ กระดาษ ช�ำระ เป็นต้น ต้องเพียงพอ การเก็บกักหรือบ�ำบัดส่ิงปฏิกูลถูกต้องและ มีสภาพแวดล้อมสวยงาม ซ่ึงจะส่งผลดีต่อท้ังทางร่างกาย และจิตใจของ ผ้ใู ชส้ ว้ ม ● เพยี งพอ (Accessibility) หมายถึง โรงเรียนต้องมีสว้ มใหเ้ พียงพอแก่ความ ต้องการของผ้ใู ช้ รวมถงึ ผูพ้ ิการหรอื ผู้ด้อยโอกาส
● ปลอดภยั (Safety) หมายถงึ โรงเรยี นต้องปรับภมู ิทศั นใ์ ห้สวยงาม ดูแลสถานท่ีตัง้ ไมเ่ ปลยี่ ว หอ้ งสว้ ม 51 แยกเพศชาย-หญงิ และมีแสงสวา่ งเพยี งพอ เกณฑ์มาตรฐานส้วมสาธารณะระดับประเทศ ส�ำหรับใช้ในการประเมินโอกาสเสี่ยงของปัญหาเรื่องส้วมใน ค่มู ือ การจัดการอนามยั ส่งิ แวดลอ้ มในโรงเรยี น โรงเรียนมดี งั นี้ ● ความสะอาด (Healthy: H) 1) พน้ื ผนงั เพดาน โถสว้ ม ทก่ี ดโถสว้ ม โถปสั สาวะ สะอาด ไมม่ คี ราบสกปรก อยใู่ นสภาพดี ใชง้ านได้ 2) นำ�้ ใชส้ ะอาด เพยี งพอ และไมม่ ลี กู นำ�้ ยงุ ภาชนะเกบ็ กกั นำ�้ ขนั ตกั นำ้� สะอาด อยใู่ นสภาพดี ใชง้ านได้ 3) กระดาษชำ� ระเพยี งพอตอ่ การใชง้ านตลอดเวลาทเ่ี ปดิ ใหบ้ รกิ าร (อาจจำ� หนา่ ยหรอื บรกิ ารฟร)ี หรอื สายฉีดนำ�้ ช�ำระทส่ี ะอาด อยู่ในสภาพดี ใชง้ านได้ 4) อ่างล้างมอื ก๊อกน้ำ� กระจก สะอาด ไม่มีคราบสกปรก อยใู่ นสภาพดีและใช้งานได้ 5) สบลู่ า้ งมือ พร้อมใหใ้ ชต้ ลอดเวลาทเี่ ปิดให้บรกิ าร 6) ถงั รองรบั มลู ฝอยสะอาดมฝี าปดิ อยใู่ นสภาพดีไมร่ ว่ั ซมึ ตง้ั อยใู่ นบรเิ วณอา่ งลา้ งมอื หรอื บรเิ วณใกลเ้ คยี ง 7) มีการระบายอากาศดี และไมม่ ีกลน่ิ เหมน็ 8) สภาพท่อระบายสิง่ ปฏกิ ูลและถงั เก็บกักไม่รว่ั แตก หรือชำ� รดุ 9) จดั ใหม้ ีการทำ� ความสะอาด และระบบการควบคมุ ตรวจตราเป็นประจำ� ● ความเพยี งพอ (Accessibility: A) 10) จดั ให้มีส้วมน่งั ราบส�ำหรับผพู้ ิการ ผูส้ ูงวยั หญิงตงั้ ครรภแ์ ละประชาชนทว่ั ไปอย่างน้อย 1 ท่ี 11) สว้ มสาธารณะพร้อมใช้งานตลอดเวลาทเี่ ปดิ ใหบ้ รกิ าร ● ความปลอดภยั (Safety: S) 12) บรเิ วณทต่ี ้ังส้วมต้องไมอ่ ย่ทู ลี่ ับตา/เปลยี่ ว 13) กรณที มี่ หี อ้ งสว้ มตง้ั แต่ 2 หอ้ งขน้ึ ไป ใหแ้ ยกเปน็ หอ้ งสว้ มสำ� หรบั ชาย-หญงิ โดยมปี า้ ยหรอื สญั ลกั ษณ์ ที่ชดั เจน 14) ประตทู ่จี ับเปิด-ปดิ และทลี่ อ็ คด้านใน สะอาด อย่ใู นสภาพดี ใชง้ านได้ 15) พื้นห้องส้วมแห้ง 16) แสงสว่างเพียงพอ สามารถมองเห็นได้ท่วั บริเวณ
52 ค่มู ือ การจัดการอนามยั ส่งิ แวดลอ้ มในโรงเรยี น
8.2 กฎกระทรวงกำ� หนดสง่ิ อำ� นวยความสะดวกภายในอาคารสำ� หรบั ผพู้ กิ าร ทพุ พลภาพ และคนชรา พ.ศ.2548 53 หมายถึง เน้ือหาสาระกฎกระทรวงดังกล่าวตามหมวด 7 ว่าด้วยเรื่องห้องส้วม ซึ่งก�ำหนดส่ิงอ�ำนวย ความสะดวกหลัก ๆ ดงั น้ี ค่มู ือ การจัดการอนามยั ส่งิ แวดลอ้ มในโรงเรยี น 8.2.1 ประตขู องหอ้ งทตี่ งั้ โถสว้ มเปน็ แบบบานเปดิ ออกสภู่ ายนอก โดยตอ้ งเปดิ คา้ งไดไ้ มน่ อ้ ยกวา่ 90 องศา หรอื เปน็ แบบบานเลอ่ื น และมสี ญั ลกั ษณร์ ปู ผพู้ กิ ารตดิ ไวท้ ปี่ ระตดู า้ นหนา้ หอ้ งสว้ ม ความกวา้ งของ ประตไู มน่ อ้ ยกวา่ 90 เซนตเิ มตร 8.2.2 มพี น้ื ทว่ี า่ งภายในหอ้ งสว้ มเพอื่ ใหเ้ กา้ อลี้ อ้ สามารถหมนุ ตวั กลบั ไดซ้ งึ่ มเี สน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง ไมน่ อ้ ยกวา่ 1.5 เมตร 8.2.3 พื้นห้องส้วมต้องมีระดับเสมอกับพ้ืนภายนอก ถ้าเป็นพ้ืนต่างระดับต้องมีลักษณะเป็นทางลาดตาม หมวด 2 และวสั ดปุ พู นื้ หอ้ งสว้ มตอ้ งไมล่ น่ื 8.2.4 มโี ถสว้ มชนดิ นงั่ ราบสงู จากพนื้ ไมน่ อ้ ยกวา่ 45 เซนตเิ มตร แตไ่ มเ่ กนิ 50 เซนตเิ มตร มพี นกั พงิ หลงั ทใ่ี ห้ คนพิการหรือทุพพลภาพ และคนชราท่ีไม่สามารถนั่งทรงตัวได้เองใช้พิงและท่ีปล่อยน�้ำชนิดเป็น คนั โยก ปมุ่ กดขนาดใหญ่ หรอื ชนดิ อน่ื ทผี่ พู้ กิ าร หรอื ทพุ พลภาพ และคนชราสามารถใชไ้ ดอ้ ยา่ งสะดวก มีด้านข้างหนึ่งของโถส้วมอยู่ชิดผนัง โดยมีระยะห่างวัดจากก่ึงกลางโถส้วมถึงผนังไม่น้อยกว่า 45 เซนตเิ มตร แตไ่ มเ่ กนิ 50 เซนตเิ มตร ตอ้ งมรี าวจบั ทผ่ี นงั สว่ นดา้ นทไ่ี มช่ ดิ ผนงั ใหม้ ที ว่ี า่ งมากพอทผ่ี พู้ กิ าร หรอื ทพุ พลภาพ และคนชรา ทนี่ งั่ เกา้ อล้ี อ้ สามารถเขา้ ไปใชโ้ ถสว้ มไดโ้ ดยสะดวก ในกรณที ด่ี า้ นขา้ งของ โถสว้ มทง้ั สองดา้ นอยหู่ า่ งจากผนงั เกนิ 50 เซนตเิ มตร ตอ้ งมรี าวจบั 8.2.5 มรี าวจบั บรเิ วณดา้ นทช่ี ดิ ผนงั เพอ่ื ชว่ ยในการพยงุ ตวั เปน็ ราวจบั ในแนวนอนและแนวดงิ่ โดยมลี กั ษณะ ดงั ตอ่ ไปน้ี 1) ราวจบั ในแนวนอนมคี วามสงู จากพนื้ ไมน่ อ้ ยกวา่ 65 เซนตเิ มตร แตไ่ มเ่ กนิ 70 เซนตเิ มตร และให้ ยนื่ ลำ�้ ออกมาจากดา้ นหนา้ โถสว้ มอกี ไมน่ อ้ ยกวา่ 25 เซนตเิ มตร แตไ่ มเ่ กนิ 30 เซนตเิ มตร 2) ราวจบั ในแนวดง่ิ ตอ่ จากปลายของราวจบั ในแนวนอนดา้ นหนา้ โถสว้ มมคี วามยาววดั จากปลายของ ราวจบั ในแนวนอนขนึ้ ไปอยา่ งนอ้ ย 60 เซนตเิ มตร
ค่มู ือ การจัดการอนามยั ส่งิ แวดลอ้ มในโรงเรยี น 8.2.6 ตดิ ตง้ั ระบบสญั ญาณแสง และสญั ญาณเสยี งใหผ้ ทู้ อ่ี ยภู่ ายนอกแจง้ ภยั แกผ่ พู้ กิ าร หรอื ทพุ พลภาพ และ คนชรา และระบบสญั ญาณแสงและสญั ญาณเสยี งใหผ้ พู้ กิ าร หรอื ทพุ พลภาพ และคนชรา สามารถแจง้ เหตุ หรอื เรยี กหาผชู้ ว่ ยในกรณที เ่ี กดิ เหตฉุ กุ เฉนิ ไวใ้ นหอ้ งสว้ ม โดยมปี มุ่ กดหรอื ปมุ่ สมั ผสั ใหส้ ญั ญาณทำ� งาน ซง่ึ ตดิ ตงั้ อยใู่ นตำ� แหนง่ ทผ่ี พู้ กิ าร หรอื ทพุ พลภาพ และคนชราสามารถใชง้ านไดส้ ะดวก 8.2.7 มอี า่ งลา้ งมอื โดยมลี กั ษณะดงั ตอ่ ไปนี้ 1) ใตอ้ า่ งลา้ งมอื ดา้ นทต่ี ดิ ผนงั ไปจนถงึ ขอบอา่ งเปน็ ทว่ี า่ งเพอ่ื ใหเ้ กา้ อล้ี อ้ สามารถสอดเขา้ ไปได้ และ ตอ้ งอยใู่ นตำ� แหนง่ ทผ่ี พู้ กิ าร หรอื ทพุ พลภาพ และคนชราเขา้ ประชดิ ไดโ้ ดยไมม่ สี ง่ิ กดี ขวาง 2) มคี วามสงู จากพน้ื ถงึ ขอบบนของอา่ ง ไมน่ อ้ ยกวา่ 75 เซนตเิ มตร แตไ่ มเ่ กนิ 80 เซนตเิ มตร และมี ราวจบั ในแนวนอนแบบพบั เกบ็ ไดใ้ นแนวดงิ่ ทง้ั สองขา้ งของอา่ งกอ็ กนำ�้ เปน็ ชนดิ กา้ นโยกหรอื กา้ นกด 54 หรอื กา้ นหมนุ หรอื ระบบอตั โนมตั ิ รปู ที่ 34 ลกั ษณะห้องสว้ มผพู้ ิการ
บทที่ การสุขาภบิ าลอาหาร อาหารเปน็ ปจั จยั สำ� คญั ทส่ี นองตอ่ ความตอ้ งการพนื้ ฐานทางรา่ งกาย ทจี่ ะนำ� ไปสพู่ ฒั นาการดา้ นตา่ ง ๆ ของชวี ติ 55 การบรโิ ภคอาหารจงึ จำ� เปน็ ตอ้ งมคี ณุ ภาพ สะอาด ปลอดภยั และปราศจากสารปนเปอ้ื น ทงั้ นเ้ี พอ่ื เสรมิ สรา้ งสขุ ภาพของ ประชาชนให้มีคณุ ภาพชวี ิตทดี่ ี โดยเฉพาะเดก็ วยั เรยี นในโรงเรียนที่จะเติบโตเปน็ ผู้ใหญ่ในอนาคต และเปน็ ทรัพยากรท่ี ค่มู ือ การจัดการอนามยั ส่งิ แวดลอ้ มในโรงเรยี น มคี ุณค่าตอ่ สังคม เป็นรากฐานส�ำคญั ในการพัฒนาประเทศ (ศากนุ เอ่ยี มศิลา, 2547: 4-11) เดก็ ๆ สว่ นใหญ่ใชเ้ วลา ในช่วงกลางวันอยู่ท่ีโรงเรียน เป็นช่วงเวลาที่เด็ก ๆ มีกิจกรรมต่าง ๆ มากมาย รวมทั้งการรับประทานอาหารกลางวัน จงึ จ�ำเปน็ อยา่ งย่ิงที่ทางโรงเรยี นควรเอาใจใสด่ แู ลเปน็ พเิ ศษ ซึง่ นอกจากจะคำ� นงึ ถงึ ความพอเพยี ง และความครบถ้วน ของสารอาหารตามหลกั โภชนาการแลว้ ยงั ตอ้ งคำ� นงึ ถงึ ความสะอาดและความปลอดภยั ของอาหาร คอื อาหารนนั้ ตอ้ ง ปราศจากเชอ้ื โรค พยาธิ หรอื สารเคมี ทอี่ าจเปน็ พษิ ซงึ่ กอ่ ใหเ้ กดิ อนั ตรายตอ่ สขุ ภาพได้ ดงั นนั้ การดำ� เนนิ งานสขุ าภบิ าล อาหารในโรงเรียนจงึ มีความจ�ำเปน็ อยา่ งยิง่ ต่อทกุ คนในโรงเรียน 1. ความหมาย อาหาร ตามพระราชบญั ญัตอิ าหาร พ.ศ.2522 หมายความวา่ ของกนิ หรือ เคร่ืองดมื่ ค้ำ� จุนชีวติ ได้แก่ 1.1 วตั ถุทกุ ชนดิ ท่คี นกิน ดม่ื อม หรือนำ� เขา้ สู่ร่างกายไมว่ ่าด้วยวธิ ใี ด ๆ หรอื ในรปู ลกั ษณะใด ๆ แตไ่ มร่ วมถงึ ยา วตั ถอุ อกฤทธติ์ อ่ จติ ประสาท หรอื ยาเสพตดิ ให้โทษตามกฎหมายว่าด้วยการนัน้ แล้วแตก่ รณี 1.2 วตั ถทุ ีม่ ุ่งหมายส�ำหรับใช้ หรือใชเ้ ปน็ ส่วนผสมในการผลิตอาหาร รวมถึงวตั ถุเจือปนอาหาร สี และเคร่อื งด่ืมปรุงแต่งกลนิ่ รส
56 ค่มู ือ การจัดการอนามยั ส่งิ แวดลอ้ มในโรงเรยี น
ผสู้ มั ผสั อาหาร หมายถงึ ผปู้ รงุ ผเู้ สริ ฟ์ ผจู้ ำ� หนา่ ยอาหาร และหมายรวมถงึ ผลู้ า้ งภาชนะอปุ กรณ์ ผลู้ ำ� เลยี งอาหาร 57 แม่บ้านที่ปรุงอาหารให้นักเรียน ต้องเป็นผู้ท่ีมีความรู้ความเข้าใจในการปฏิบัติตัวอย่างถูกต้อง ทั้งในเร่ืองสุขวิทยา ส่วนบคุ คล และสุขนิสยั ท่ีดใี นการประกอบ ปรงุ อาหาร โดยยึดหลกั วา่ จะตอ้ งทำ� ให้อาหารสะอาด ปลอดภยั ปราศจาก ค่มู ือ การจัดการอนามยั ส่งิ แวดลอ้ มในโรงเรยี น การปนเปือ้ นทุกขนั้ ตอนของการปรงุ ประกอบ และจ�ำหน่าย ภาชนะอปุ กรณ์ หมายถงึ อปุ กรณต์ า่ ง ๆ ทใี่ ชใ้ ส่อาหาร หรือหยบิ จับอาหารระหวา่ งการเตรยี ม การปรงุ ประกอบ และการจ�ำหน่ายอาหาร เชน่ จาน ช้อน ส้อม ตะเกยี บ มีด เขียง หมอ้ กระทะ ทีค่ บี อาหาร เป็นตน้ ตอ้ งสะอาด ทำ� จาก วัสดุที่ปลอดภัย และเลือกใช้ให้ถูกต้องเหมาะสมกับอาหารแต่ละชนิด เพราะภาชนะอุปกรณ์บางชนิดอาจท�ำให้เกิด อันตรายตอ่ สุขภาพได้หากใชไ้ มถ่ กู ตอ้ ง นอกจากนก้ี ารลา้ ง การเกบ็ ภาชนะอปุ กรณ์ที่ถกู ต้อง กม็ สี ่วนทีจ่ ะทำ� ให้อาหาร สะอาด ปลอดภยั ไม่ถูกปนเปือ้ นเชอ้ื โรคได้ สถานทป่ี รุง ประกอบ และจำ� หน่ายอาหาร หมายถึง บริเวณทีเ่ ตรยี ม ปรงุ ประกอบ จำ� หน่ายอาหาร รวมถึง บรเิ วณท่รี บั ประทานอาหารด้วย บรเิ วณที่เตรียม ปรุง ประกอบ จ�ำหนา่ ยอาหาร ควรจดั ใหส้ ะอาด เปน็ ระเบียบ สะดวก ต่อการท�ำงาน ไม่น�ำวัตถุมีพิษ ซ่ึงเป็นอันตราย เช่น สารเคมีก�ำจัดแมลงและศัตรูพืชมาเก็บไว้ในบริเวณนี้เด็ดขาด มีการระบายอากาศที่ดโี ดยมีปล่องระบายควัน กลนิ่ จากการประกอบอาหาร การปนเปอ้ื นของอาหาร หมายถงึ การทมี่ สี งิ่ แปลกปลอม หรอื สงิ่ ทเ่ี ปน็ อนั ตราย ทไี่ มใ่ ชส่ ว่ นประกอบของอาหาร เช่น เช้ือโรค สารเคมี หรือสิ่งของต่าง ๆ เป็นต้น ปะปนลงในอาหาร หรือเคร่ืองด่ืม ซึ่งจะท�ำให้เกิดความเสี่ยงต่อการ เจบ็ ปว่ ย การบาดเจ็บ หรอื ไมส่ บายของบคุ คลท่บี ริโภคอาหารทไี่ ด้รบั การปนเปื้อนเขา้ ไป สตั ว์และแมลงพาหะนำ� โรค หมายถึง หนู แมลงวนั แมลงสาบ มด รวมท้ังสตั ว์เลี้ยง เชน่ สนุ ัข แมว นก เปน็ ต้น ซึง่ สามารถนำ� เช้อื โรคตา่ ง ๆ มาปนเปือ้ นในอาหาร และภาชนะอปุ กรณ์ได้ ดังนนั้ จงึ ต้องมกี ารควบคุมและป้องกัน โดย การจดั สภาพแวดลอ้ มของสถานท่ใี ห้สะอาด เปน็ ระเบยี บ เพอ่ื ไม่ใหเ้ ป็นแหลง่ ท่ีอยู่อาศัยของสตั วแ์ มลงน�ำโรค การสุขาภบิ าลอาหาร หมายถงึ การจดั การและควบคุมเพื่อให้อาหารสะอาดปลอดภัยจากเชอื้ โรค พยาธิ และ สารเคมที เี่ ปน็ พิษตา่ ง ๆ ซ่ึงเปน็ อนั ตราย หรอื อาจเป็นอันตรายต่อการเจริญเตบิ โตของรา่ งกาย สขุ อนามัย และการด�ำรง ชวี ติ ของมนษุ ย์ สุขวิทยาส่วนบุคคลของผู้สัมผัสอาหาร คือ การดูแลส่งเสริมสุขภาพร่างกายของบุคคลที่ท�ำหน้าที่เกี่ยวข้อง กบั อาหารทง้ั หมดใหส้ มบรู ณแ์ ขง็ แรง ไมเ่ ปน็ โรค และมกี ารปฏบิ ตั ติ นใหอ้ ยใู่ นสภาวะทปี่ ลอดภยั ไมแ่ พรก่ ระจายเชอื้ โรค ไปสู่ผบู้ ริโภค
ค่มู ือ การจัดการอนามยั ส่งิ แวดลอ้ มในโรงเรยี น 2. การปนเปื้อนของอาหาร การปนเปื้อนของอาหารอาจเกิดข้ึนได้ทุกขั้นตอนต้ังแต่การเพาะปลูก เล้ียงสัตว์ การฆ่า/ช�ำแหละ เก็บเก่ียว การแปรรปู การบรรจุ การขนสง่ การเกบ็ รกั ษา การจดั เตรยี ม การปรงุ การวางแสดงเพอ่ื รอจำ� หนา่ ย การจำ� หนา่ ยและบรกิ าร ถึงแม้จะพยายามลดข้ันตอนการผลิตอาหารให้ง่ายหรือส้ันท่ีสุด เพื่อลดการปนเปื้อนของอาหารก่อนจะถึงมือผู้บริโภค แตส่ งิ่ สำ� คญั ในการปอ้ งกนั อนั ตรายทอี่ าจจะเกดิ ขน้ึ คอื ผสู้ มั ผสั อาหารจะตอ้ งรวู้ า่ ความเสย่ี งตอ่ การปนเปอ้ื นทางกายภาพ และทางเคมสี ามารถเกิดขน้ึ ได้ที่ไหน อย่างไร ซ่งึ การปนเป้ือนอาจเกิดขนึ้ ในข้นั ตอนเดียว หรือหลายข้ันตอน เช่น การไม่ ระมัดระวังในการบ�ำรุงรักษาเครื่องจักรส�ำหรับผลิตอาหาร อาจท�ำให้ชิ้นส่วนการบ�ำรุงรักษาปนเปื้อนลงในอาหารได้ ซ่ึงอาจมองเห็นได้ง่าย ในขณะที่การปนเปื้อนจากเช้ือจุลินทรีย์ไม่สามารถมองเห็นได้ แต่สามารถก่อให้เกิดปัญหาที่ เปน็ อนั ตรายตอ่ สุขภาพได้ เป็นต้น 58 แหลง่ ปนเปื้อนของอาหาร แบง่ โดยอาศัยหลักการด้านสุขาภิบาลอาหารออกเปน็ 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ 2.1 แหลง่ ปนเปอ้ื นโดยตรง ไดแ้ ก่ การปนเปอ้ื นของจลุ นิ ทรยี ์ ซง่ึ มกั จะเปน็ แหลง่ สะสมของเชอ้ื โรคทจี่ ะอาศยั อยู่ ในคน ตวั อาหาร สัตว์และแมลงน�ำโรค ส่ิงแวดลอ้ ม เช่น ดนิ น้ำ� อากาศ และนำ�้ เสีย 2.2 แหลง่ ปนเปอ้ื นโดยออ้ ม ได้แก่ ภาชนะอุปกรณ์ เคร่ืองมือท่ีใช้ในการเตรียม ปรุง บริการ และเก็บอาหาร เปน็ ต้น และโครงสรา้ งของสถานท่เี ตรียม ปรงุ เก็บ และบรกิ ารอาหาร
สารเคมกี ำจัดศตั รพู ชื /ปยุ แหลง เพาะปลูก/เลี้ยงสัตว ฮอรโมน/ยาปฏิชวี นะ สถานที/่ กรรมวธิ ี/ชำแหละ การเกบ็ เกแ่ยี ปว/รฆราปู /ชำแหละ/ การเกบ็ ไมถ กู สขุ ลักษณะ ภาชนะ/การเก็บไมถูกตอ ง บรรจ/ุ ขนสง พาหนะไมไดม าตรฐาน สถานท/ี่ การวางจำหนาย/ จำหนาย ขายสง /ขายปลกี /ซปุ เปอรม ารเก็ต 59 การเก็บ เตรียม/ปรุง/ผลิต สถานที/่ ภาชนะ/การเกบ็ /ผูป รุง สุขนสิ ัยการบรโิ ภคไมด ี ค่มู ือ การจัดการอนามยั ส่งิ แวดลอ้ มในโรงเรยี น ภาชนะ/การเกบ็ อาหารไมถูก บรโิ ภค สขุ ลกั ษณะ รปู ท่ี 35 ข้นั ตอนที่สามารถเกดิ การปนเปือ้ นของอาหาร 3. อันตรายท่เี กิดจากการปนเปื้อนของอาหาร การปนเปอ้ื นของอาหารทำ� ใหเ้ กดิ อนั ตรายตอ่ สขุ ภาพรา่ งกายของผบู้ รโิ ภคได้ ซง่ึ อนั ตรายนน้ั แบง่ ออกได้ 3 ประเภท ไดแ้ ก่ 3.1 อันตรายทางกายภาพ เป็นอันตรายท่ีเกิดจากการมีวัตถุปลอมปนอยู่ในอาหาร และท�ำให้ผู้บริโภคได้รับ บาดเจบ็ หรอื เกดิ ความระคายเคอื ง ซง่ึ อาจทำ� ใหก้ ารทำ� งานของอวยั วะตา่ ง ๆ ในรา่ งกายฉกี ขาด หรอื ทำ� งาน ผดิ ปกติ แหลง่ อนั ตรายทางกายภาพมาจากหลายแหลง่ เชน่ ปะปนกบั วตั ถดุ บิ การใชเ้ ครอื่ งมอื ทมี่ คี ณุ ภาพตำ่� หรือออกแบบไม่ดี เกิดความผิดพลาดข้ึนในระหว่างการผลิต เกิดจากข้อบกพร่องในการปฏิบัติงาน ของพนกั งาน เป็นต้น
ค่มู ือ การจัดการอนามยั ส่งิ แวดลอ้ มในโรงเรยี น 3.2 อันตรายทางเคมี สามารถเกิดข้ึนได้ในทุกข้ันตอนของห่วงโซ่อาหาร ตั้งแต่การเพาะปลูก การเล้ียงสัตว์ การดูแลหลังการเก็บเก่ียว ตลอดจนถึงการบริโภคของผู้บริโภค ท้ังน้ีอาจเป็นสารเคมีท่ีติดมากับดิน น้�ำ ส่ิงแวดล้อม หรือปนเปื้อนจากกิจกรรมทางการเกษตร หรือเติมลงไปเพื่อช่วยในกรรมวิธีการผลิต ชะลอ การเนา่ เสยี ตลอดจนเพื่อปกปิด หรอื บดบงั ความดอ้ ยคุณภาพของอาหาร อันเน่ืองมาจากความเหน็ แก่ได้ ของผู้ขาย โดยไม่ค�ำนึงถึงสุขภาพและความปลอดภัยของประชาชน การปนเปื้อนของสารเคมีในอาหาร จำ� แนกออกได้ดังนี้ 3.2.1 สารเคมที เี่ กดิ ขน้ึ เองตามธรรมชาติ สามารถเกดิ ขน้ึ ในอาหารทม่ี าจากพชื และสตั ว์ บอ่ ยครง้ั ทพ่ี บวา่ สารเคมีเกิดข้นึ ก่อน ระหว่าง และภายหลังการเกบ็ เกีย่ ว โดยเฉพาะสารพษิ จากเชอ้ื รา สารพิษจาก พืช และสารพษิ จากสตั ว์ 60 3.2.2 สารเคมีท่ีเติมลงในอาหารโดยเจตนา สารเคมีเหล่านี้เป็นสารเคมีท่ีจงใจเติมลงไปในอาหาร เพอ่ื จดุ ประสงคบ์ างอยา่ ง เชน่ เปลยี่ นแปลงรส กลนิ่ สี การบดู เสยี เปน็ ตน้ และเพอื่ วตั ถปุ ระสงคอ์ นื่ ๆ ดา้ นการผลติ และจำ� หนา่ ยสารเคมเี หลา่ นจี้ ะปลอดภยั ในการใช้หากใชต้ ามชนดิ และปรมิ าณทอี่ นญุ าต ใหใ้ ช้ แต่ถา้ ใช้อยา่ งไม่ระมัดระวงั หรอื ใชม้ ากเกินไป อาจท�ำให้เกิดอันตรายแก่ผูบ้ รโิ ภคได้ สารเคมี ท่ีเติมลงในอาหารโดยเจตนา แบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ สารปรุงแต่งอาหาร และวัตถุเจือปนใน อาหาร 3.2.3 สารเคมีที่เติมลงในอาหารโดยมิได้เจตนา/หรือเกิดข้ึนโดยบังเอิญ สารเคมีอาจปนเปื้อนมากับ อาหารและเข้าสู่กระบวนการผลิตโดยมิได้ต้ังใจเติมลงไป หรืออาจติดมากับบรรจุภัณฑ์ที่น�ำมาใช้ บรรจอุ าหาร รวมทง้ั การปนเปอ้ื นเขา้ สอู่ าหารในระหวา่ งกระบวนการผลติ เชน่ สารเคมที ำ� ความสะอาด โลหะหนกั จากหมึกพมิ พ์ หรือนำ�้ เสยี จากโรงงานอุตสาหกรรม เปน็ ต้น 3.3 อนั ตรายทางชวี ภาพ หมายถงึ อนั ตรายทเี่ กดิ ขน้ึ จากสงิ่ มชี วี ติ ทกี่ อ่ ใหเ้ กดิ โรคหรอื เปน็ อนั ตรายตอ่ สขุ ภาพได้ จลุ ินทรีย์ ไวรัส และปรสิต อนั ตรายเหล่านี้อาจมาจากวตั ถุดิบหรือจากขัน้ ตอนต่าง ๆ ของกระบวนการผลติ ซง่ึ หากบรโิ ภคอาหารท่มี กี ารปนเปอ้ื นจากเช้อื จลุ นิ ทรีย์ ไวรสั หรือปรสิต เข้าไปกจ็ ะท�ำให้เกิดการเจ็บปว่ ยได้
4. สขุ าภบิ าลอาหารในโรงเรียน 61 4.1 โรงอาหาร ควรจดั การใหถ้ กู สุขลกั ษณะ โดยปฏิบตั ติ ามมาตรฐานการสขุ าภบิ าลอาหารส�ำหรบั โรงอาหาร ซึง่ มขี ้อก�ำหนด ดังน้ี 4.1.1 สถานทร่ี บั ประทานอาหาร และบรเิ วณท่วั ไป ● ต้องสะอาด เป็นระเบียบ ● พื้น ท�ำด้วยวัสดุ แข็ง เรียบ ไม่ดูดซึมน้�ำ ท�ำความสะอาดง่าย ผนัง เพดาน ควรใช้สีอ่อน สภาพดี สะอาด บริเวณโดยรอบเปน็ ระเบยี บ สะอาด ไม่มีน�ำ้ เสยี ไม่มีขยะ ไม่มสี ตั ว์น�ำโรค ● โต๊ะ เกา้ อี้ ส�ำหรบั รบั ประทานอาหาร อย่ใู นสภาพดี มน่ั คง แข็งแรง พนื้ ผิวเรยี บ ไม่มหี ลุม หรือ เปน็ รอ่ ง ไมห่ ลดุ ลอกหรอื ถลอกจนกอ่ ใหเ้ กดิ ความสกปรก ไมม่ คี ราบเศษอาหาร หรอื คราบสกปรก ทีท่ ิง้ ไว้นานจนท�ำความสะอาดไดย้ าก และจดั เปน็ ระเบียบ ค่มู ือ การจัดการอนามยั ส่งิ แวดลอ้ มในโรงเรยี น รูปท่ี 36 การจัดโต๊ะ เก้าอใ้ี หส้ ะอาด และเป็นระเบียบ ● บริเวณท่ีรับประทานอาหาร ควรโปร่ง มีการระบายอากาศที่ดี ไม่ร้อนอบอ้าว ไม่มีฝุ่น ไม่มี กลนิ่ ควนั จากการทำ� อาหารรบกวน ควรมกี ารปอ้ งกนั สตั วต์ า่ ง ๆ เชน่ สนุ ขั แมว เปน็ ตน้ ไมใ่ ห้ มาอาศยั หรอื หาอาหารในโรงอาหาร และไมค่ วรเลย้ี งสตั วท์ กุ ชนดิ ในบรเิ วณโรงอาหารทงั้ นตี้ อ้ งเกบ็ เศษอาหารใหม้ ดิ ชดิ ไมใ่ หเ้ ป็นแหล่งอาหารของสัตว์ตา่ ง ๆ
ค่มู ือ การจัดการอนามยั ส่งิ แวดลอ้ มในโรงเรยี น 4.1.2 บริเวณท่ีเตรียม-ปรุงอาหาร ● ตอ้ งสะอาด เปน็ ระเบยี บ พน้ื ทำ� ดว้ ยวสั ดถุ าวร แขง็ เรยี บ สภาพดี ควรจดั สถานทใ่ี หเ้ ปน็ ระเบยี บ และเป็นสัดส่วน สามารถท�ำความสะอาดได้ง่ายและทั่วถึง พ้ืน ผนัง เพดาน ใช้วัสดุที่ท�ำ ความสะอาดงา่ ย และสขี าวหรอื สอี อ่ นซงึ่ จะชว่ ยใหเ้ หน็ สงิ่ สกปรกไดง้ า่ ยมสี ง่ิ อำ� นวยความสะดวก ในการเตรยี ม ปรงุ อาหารอยา่ งเพยี งพอ เชน่ อา่ งลา้ งอาหาร อา่ งลา้ งภาชนะ ตเู้ ยน็ โตะ๊ เตรยี มปรงุ อาหาร เป็นต้น และควรแยกบริเวณที่เตรียมปรุงอาหารประเภทต่าง ๆ ไม่ให้ปะปนกัน เช่น บริเวณทเ่ี ตรยี มเนือ้ สตั ว์แยกจากบรเิ วณท่เี ตรยี มผัก-ผลไม้ เป็นตน้ ● มีการระบายอากาศ รวมท้ังกล่นิ และควันจากการท�ำอาหารไดด้ ี ในบริเวณทมี่ ีกลน่ิ ควันจาก การทำ� อาหารตอ้ งโปรง่ มกี ารระบายกลนิ่ ควนั และความรอ้ นไดด้ ี หรอื ใชพ้ ดั ลมดดู อากาศและ 62 ปล่องระบายควัน ต้องไม่รบกวนบริเวณข้างเคียง และต้องท�ำความสะอาดปล่องระบายควัน เป็นประจ�ำ ไม่ใหม้ คี ราบไขมนั สะสม ซึ่งอาจเปน็ เชือ้ เพลิงได้ ● หา้ มวางอาหารและภาชนะทใี่ สอ่ าหารบนพนื้ และไมเ่ ตรยี ม และปรงุ อาหารบนพน้ื ทง้ั นจ้ี ะชว่ ย ป้องกนั อาหารปนเป้อื น ● โตะ๊ เตรียม-ปรงุ และผนงั บริเวณเตาไฟ ตอ้ งท�ำด้วยวัสดุทท่ี �ำความสะอาดง่าย (เชน่ สแตนเลส กระเบ้อื ง) มสี ภาพดี และพน้ื โต๊ะตอ้ งสูงจากพืน้ อย่างนอ้ ย 60 เซนติเมตร รูปที่ 37 การเตรียมและปรุงอาหารบนโต๊ะทถ่ี ูกหลกั สุขาภิบาล
4.1.3 ตัวอาหาร นำ้� นำ้� แข็ง เคร่ืองดืม่ 63 ● อาหารและเครื่องด่ืมในภาชนะบรรจุที่ปิดสนิท ต้องมีเครื่องหมายแสดงการได้รับอนุญาต ท่ถี กู ต้องของสำ� นกั งานคณะกรรมการอาหารและยา ค่มู ือ การจัดการอนามยั ส่งิ แวดลอ้ มในโรงเรยี น ● กอ่ นเลอื กซือ้ ให้สงั เกตทีฉ่ ลากต้องระบปุ ระเภทของอาหาร สว่ นประกอบ ปรมิ าณสทุ ธิ ชอ่ื และ ท่ตี ั้งของสถานท่ผี ลิต วันผลิต วนั หมดอายุ มเี คร่ืองหมายแสดงการได้รบั อนญุ าตทถี่ กู ต้องของ สำ� นักงานคณะกรรมการอาหารและยา ไดแ้ ก่ เลขสารบบอาหาร ● อาหารสด เชน่ เนอ้ื สัตว์ ผกั สด ผลไม้ และอาหารแหง้ เป็นตน้ มีคณุ ภาพดี แยกเก็บเป็นสัดส่วน ไม่ปะปนกนั วางสงู จากพน้ื อย่างน้อย 60 เซนตเิ มตร ● ผัก ผลไม้ ต้องสด ไมม่ ีคราบสารพษิ ที่ใชใ้ นการเกษตร ไมม่ ีสขี าวผดิ ธรรมชาติ ไดร้ บั การรับรอง จากหน่วยงานราชการ ● เนื้อสัตว์สด ไมม่ ีสีเขยี วคล้�ำหรือกล่ินเน่าเสยี หรือสแี ดงผดิ ปกติ หรือผดิ ธรรมชาติ ● อาหารแห้ง ต้องไม่มีเช้ือรา ไม่มีสีผิดธรรมชาติ เก็บเป็นระเบียบในท่ีโปร่ง สะอาด ไม่มีสัตว์ น�ำโรครบกวน ● อาหารสดต้องล้างให้สะอาดอย่างทั่วถึง ใส่ภาชนะและจัดวางแยกจากกันให้เป็นสัดส่วน เพ่ือป้องกันการปนเปื้อนระหว่างเน้ือสัตว์และผักสด ควรเก็บไว้ในอุณหภูมิท่ีเหมาะสม ผกั ผลไมเ้ กบ็ ไวใ้ นอณุ หภมู ปิ ระมาณ 7-10 องศาเซลเซยี ส และเนอื้ สตั ว์ หนั่ เปน็ ชิ้นเลก็ ๆ หนาไม่เกนิ 3 นิ้ว เกบ็ ในอณุ หภูมติ �่ำกวา่ 5 องศาเซลเซียส ● อาหารและเครือ่ งด่ืมในภาชนะบรรจทุ ี่ปดิ สนทิ มคี ณุ ภาพดี เกบ็ เปน็ ระเบยี บสูงจากพืน้ อย่างนอ้ ย 30 เซนติเมตร
ค่มู ือ การจัดการอนามยั ส่งิ แวดลอ้ มในโรงเรยี น รูปท่ี 38 การเก็บอาหารสด และอาหารในภาชนะบรรจุทป่ี ิดสนิท 64 ● ก่อนใช้ต้องตรวจดู วันผลิต วันหมดอายุ สภาพของภาชนะบรรจุ และอาหารภายในจะต้องมี ลักษณะท่ไี ม่ผิดปกติ เก็บในบรเิ วณทแี่ ห้ง สะอาด ไมม่ ีสตั ว์น�ำโรครบกวน ● สารเคมอี น่ื ทไ่ี มใ่ ชอ่ าหาร จะตอ้ งแยกเกบ็ ไมใ่ หป้ ะปนกบั อาหาร จะตอ้ งมบี รเิ วณทเ่ี กบ็ โดยเฉพาะ ทีม่ ีป้ายบอกชดั เจนปอ้ งกนั การน�ำไปใช้ผดิ ● หา้ มนำ� บรรจุภณั ฑท์ ่ีใส่อาหารทใ่ี ช้หมดแลว้ หรือบรรจุภณั ฑ์ทมี่ ลี ักษณะคลา้ ยกบั บรรจุภณั ฑ์ที่ ใสอ่ าหารมาใสส่ ารเคมเี ดด็ ขาด เพราะอาจเกดิ ความผดิ พลาดนำ� ไปรบั ประทานเปน็ อนั ตรายได้ ● อาหารที่ปรุงส�ำเร็จแล้ว เก็บในภาชนะที่สะอาด มีการปกปิด วางสูงจากพ้ืนอย่างน้อย 60 เซนตเิ มตร ● อาหารท่ีเตรียมหรือปรุงแล้ว ต้องมีการปกปิด โดยใช้ฝาภาชนะและไม่เปิดทิ้งไว้ ควรตักเสิร์ฟ โดยเร็ว แล้วต้องรบี ปิดฝาทันที ไมค่ วรใชผ้ ้าคลมุ อาหาร เพราะผ้ามกั จะไม่สะอาด และสัมผสั กบั อาหาร ทำ� ใหอ้ าหารปนเปอ้ื นได้ ทงั้ น้ี ตอ้ งไมว่ างอาหารทป่ี รงุ สำ� เรจ็ แลว้ ไวใ้ กลก้ บั อาหารดบิ หรือสงิ่ สกปรกตา่ ง ๆ ซ่ึงอาจท�ำใหเ้ กดิ การปนเปือ้ น ● ส�ำหรับโรงอาหารที่มีร้านจ�ำหน่ายอาหาร ต้องมีตู้เก็บอาหาร โดยตู้ควรมีขนาดท่ีไม่สูงเกินไป ต้องสามารถส่งอาหารผ่านด้านบนของตู้ได้ ยกเว้นร้านก๋วยเตี๋ยวที่ปรุงแล้วเสิร์ฟเลย อาจใช้ ตู้แคบและสูง โดยเหลือพน้ื ที่ไว้ เพ่อื สง่ อาหารดา้ นข้างของตู้ได้
● สำ� หรบั โรงอาหารทม่ี กี ารจดั ทำ� อาหารโดยหนว่ ยงานเอง เชน่ มโี ครงการอาหารกลางวนั เปน็ ตน้ ค่มู ือ การจัดการอนามยั ส่งิ แวดลอ้ มในโรงเรยี น เมื่อปรุงแล้วควรตักเสิร์ฟโดยเร็ว แต่ถ้าต้องตักอาหารใส่ถาดต้ังรอไว้นาน ควรใช้ฝาชีครอบ ปอ้ งกันแมลงวันและฝุ่นละออง 65 รปู ที่ 39 ตสู้ ำ� หรบั ปกปิดอาหารท่ปี รงุ สำ� เรจ็ แลว้ ● นำ�้ ดม่ื เคร่อื งดม่ื น้�ำผลไม้ ต้องสะอาด ใส่ในภาชนะทส่ี ะอาด มฝี าปิด มีกอ๊ กหรอื ทางเทรินนำ้� หรือมอี ุปกรณ์ท่ีมดี ้ามสำ� หรับตกั โดยเฉพาะ และวางสูงจากพืน้ อย่างน้อย 60 เซนติเมตร ● ควรสง่ เสรมิ การดมื่ นำ�้ ผลไม้ โดยควรเลอื กนำ�้ ผลไมท้ ผี่ า่ นความรอ้ น เชน่ นำ้� กระเจยี๊ บ นำ�้ สบั ปะรด นำ้� แหว้ นำ�้ ลกู ตาล เปน็ ตน้ และใสใ่ นภาชนะทมี่ ที างเทรนิ นำ้� หรอื หากมกี ารตกั ควรตกั ทางดา้ น นอกภาชนะ และเมือ่ ตักเสร็จควรปดิ ฝาทนั ที เก็บที่ตกั ไวใ้ นทสี่ ะอาด ● ส�ำหรบั นำ�้ ดม่ื ควรจดั ใหบ้ รกิ ารนำ้� ดมื่ ทสี่ ะอาด ถา้ ใชน้ ำ�้ ชนดิ ถงั ตอ้ งมเี ลขสารบบอาหารของ อย. และตรวจดูสภาพถังต้องสะอาด ไม่มีตะกอน ไม่มตี ะไครน่ �้ำ ฝาผนกึ ปิดสนทิ ภาชนะทีใ่ สต่ อ้ ง สะอาด มีฝาปดิ และมกี อ๊ กเปดิ นำ้� เชน่ คูลเลอร์ ตู้เยน็ เปน็ ต้น ● ถ้าใช้ถังน้�ำเย็นต่อกับเครื่องกรองน้�ำ ต้องมีประสิทธิภาพที่เหมาะสม และมีระบบการดูแล ล้างเครอื่ งกรอง ถังน�้ำเยน็ และกอ๊ กน้�ำตามก�ำหนดเวลาอยา่ งสมำ่� เสมอ
รูปท่ี 40 การจัดใหบ้ ริการถงั น�ำ้ ด่ืม 66 ● น�ำ้ แข็งทใ่ี ช้บริโภคตอ้ งสะอาด ใสใ่ นภาชนะท่ีสะอาด มฝี าปดิ มอี ปุ กรณ์ที่มดี ้ามสำ� หรับคีบหรือ ค่มู ือ การจัดการอนามยั ส่งิ แวดลอ้ มในโรงเรยี น ตักโดยเฉพาะ วางสงู จากพื้นอยา่ งน้อย 60 เซนติเมตร และต้องไมม่ สี ิ่งของอืน่ แชร่ วมไว้ ● นำ้� แขง็ ทใี่ ชบ้ รโิ ภคตอ้ งเปน็ นำ�้ แขง็ ทผี่ ลติ ขนึ้ เพอื่ ใชใ้ นการบรโิ ภคโดยตรง ไมม่ ตี ะกอนเมอื่ ละลาย แลว้ ควรเปน็ นำ้� ทสี่ ะอาดไดม้ าตรฐานนำ�้ ดม่ื ตามประกาศกระทรวงสาธารณสขุ ภาชนะทใี่ สต่ อ้ ง เป็นภาชนะท่ีสะอาด สามารถเก็บความเย็นได้ มีฝาปิด ต้องมีอุปกรณ์ส�ำหรับคีบ หรือตักท่ีมี ดา้ มท่ียาวเพยี งพอทจี่ ะสามารถหยบิ จบั ไดโ้ ดยไมท่ ำ� ใหเ้ กดิ การปนเปอ้ื น และในภาชนะใส่น้�ำแข็งต้องไม่มีส่ิงของอื่นใดแช่ปนอยู่ ยกเว้น ท่ตี ักน้ำ� แขง็
4.1.4 ภาชนะอุปกรณ์ ค่มู ือ การจัดการอนามยั ส่งิ แวดลอ้ มในโรงเรยี น ● ภาชนะอุปกรณ์ เช่น จาน ชาม ชอ้ น ส้อม ฯลฯ ตอ้ งทำ� ดว้ ยวัสดุท่ีไมเ่ ปน็ อนั ตราย เชน่ สแตนเลส กระเบื้องเคลือบขาว แก้ว อะลูมิเนียม เมลามีนสีขาว หรือสีอ่อน ส�ำหรับตะเกียบต้องเป็นไม้ ไมต่ กแตง่ สี หรอื พลาสติกขาว 67 รูปที่ 41 การเลอื กใช้ภาชนะใสอ่ าหารทส่ี ะอาด ● ภาชนะใส่เครื่องปรงุ รสทม่ี ีฤทธก์ิ ดั กรอ่ นได้ เช่น น�้ำส้มสายชู นำ้� ปลา น้ำ� จ้ิมต่าง ๆ ต้องใช้วัสดทุ ี่ ทนทานตอ่ การกัดกรอ่ นได้ดี ไดแ้ ก่ แก้ว กระเบ้ืองเคลือบขาว และตอ้ งมฝี าปดิ สำ� หรบั ช้อนตกั ควรใช้เป็นช้อนกระเบ้ืองเคลือบขาวจะดีท่ีสุด ส�ำหรับสแตนเลส ต้องเลือกใช้สแตนเลสท่ีมี สว่ นผสมทถ่ี กู ตอ้ งโดยสงั เกตทต่ี วั สแตนเลสจะมอี ตั ราสว่ นบอกไวเ้ ปน็ เลข 18-8สำ� หรบั เครอื่ งปรงุ รส ชนดิ อน่ื ทไี่ มก่ ดั กรอ่ น เชน่ นำ�้ ตาล พรกิ ปน่ ถวั่ ปน่ ใหเ้ ลอื กใชภ้ าชนะอปุ กรณท์ ท่ี ำ� ความสะอาดงา่ ย และตอ้ งมฝี าปดิ หรอื ใช้ฝาชปี ิด และอย่ใู นสภาพทีส่ ะอาด ไมม่ ีคราบสกปรก
● การล้างภาชนะอุปกรณ์ตามหลักสุขาภิบาลอาหาร จะต้องล้าง ดว้ ยวิธกี ารอยา่ งน้อย 2 ขั้นตอน คือ ขั้นตอนที่ 1 การก�ำจัดเศษอาหารและคราบไขมนั โดยใช้น�้ำยา ล้างภาชนะ (หมายถึง สารเคมีท่ีผลิตข้ึนโดยมีวัตถุประสงค์ เพอื่ ใชใ้ นการลา้ งภาชนะโดยเฉพาะ) ขัน้ ตอนท่ี 2 การลา้ งน�้ำยาล้างภาชนะหรือสารเคมที ่ีใช้ทำ� ความ สะอาดใหห้ มดไป โดยใชน้ ำ้� สะอาดซงึ่ อาจใชน้ ำ�้ จากกอ๊ กไหลผา่ น ภาชนะทุกช้นิ หรอื ล้างดว้ ยน้ำ� สะอาด 2 ครง้ั ทั้งนต้ี ้องพจิ ารณา รปู ที่ 42 การลา้ งภาชนะ น้ำ� ทใ่ี ช้ล้างด้วยวา่ ต้องสะอาดทงั้ 2 ครงั้ อปุ กรณ์ 68 ● อ่างที่ใชล้ า้ งภาชนะอุปกรณ์ เป็นอ่างที่มชี อ่ งส�ำหรบั ระบายน้ำ� และตอ่ ท่อหรือสายยาง เพอ่ื ให้ น้�ำระบายลงสู่ท่อระบายน�้ำได้โดยสะดวก ไม่กระเด็นหรือไหลเปียกแฉะ และต้องมีอย่างน้อย ค่มู ือ การจัดการอนามยั ส่งิ แวดลอ้ มในโรงเรยี น 2 อ่าง เพื่อล้างภาชนะอยา่ งนอ้ ย 2 ขน้ั ตอน และควรจดั ใหม้ กี อ๊ กน้�ำไว้เหนอื อ่างล้างภาชนะเพือ่ ความสะดวกในการเปดิ นำ�้ ใชด้ ว้ ย จาน ชาม ถว้ ย แกว้ นำ้� ถาดหลมุ ฯลฯ ใหเ้ กบ็ ในลกั ษณะควำ่� ในภาชนะโปร่งสะอาด เพือ่ ให้ภาชนะแห้ง และวางสงู จากพ้ืนอย่างน้อย 60 เซนตเิ มตร หรอื ถ้า ไมไ่ ดเ้ กบ็ ในลกั ษณะควำ�่ กอ่ นเกบ็ ตอ้ งควำ่� ใหแ้ หง้ กอ่ น แลว้ นำ� ไปเรยี งกนั เปน็ ระเบยี บในภาชนะ หรือสถานท่ีท่ีสะอาดและมีการปกปดิ
● ช้อน ส้อม ตะเกียบ ต้องวางในลักษณะต้ังโดยเอาส่วนท่ีมือจับไว้ด้านบน หรือวางเรียงเป็น ระเบียบ โดยวางเรียงนอนไปในทางเดียวกันแล้วเก็บไว้ในท่ีสะอาดมิดชิดหรือมีผ้าหรือกล่อง ปกปิดโดยเฉพาะ และวางสงู จากพนื้ อย่างน้อย 60 เซนติเมตร 69 รูปท่ี 43 การเกบ็ ภาชนะอปุ กรณ์ท่ถี กู ตอ้ ง ค่มู ือ การจัดการอนามยั ส่งิ แวดลอ้ มในโรงเรยี น ● เขียงท่ีใช้ห่ันอาหารต้องไม่แตกร้าวหรือเป็นร่อง ไม่ขึ้นรา ไม่มีคราบไขมันหรือคราบสกปรกท่ี ฝงั แนน่ มเี ขยี งแยกใชเ้ ฉพาะอาหารสกุ และอาหารดบิ ไมใ่ ชเ้ ขยี งปะปนกนั และตอ้ งมฝี าชคี รอบ เปน็ ประจำ� (ไมใ่ หใ้ ช้ผา้ หรือฝาหม้อปกปิด) ยกเว้นครวั ทีม่ กี ารป้องกนั แมลงวนั แล้ว 4.1.5 การรวบรวมขยะ และน้ำ� โสโครก ● ใชถ้ งั ขยะทไี่ มร่ ว่ั ซมึ และมฝี าปดิ ไมเ่ ชน่ นนั้ พ้ืนจะเปรอะเปื้อนจากเศษขยะ และน้�ำ จากขยะได้ และฝาปิดภาชนะรองรบั ขยะ ตอ้ งมกี ารปดิ ไวเ้ สมอในชว่ งพกั ใชง้ าน และ ควรใช้ถงุ พลาสติกสวมไว้ดา้ นใน รูปที่ 44 ภาชนะบรรจมุ ลู ฝอยอยใู่ นสภาพดี
ค่มู ือ การจัดการอนามยั ส่งิ แวดลอ้ มในโรงเรยี น ● มที อ่ หรอื รางระบายนำ�้ ทม่ี สี ภาพดี ไมแ่ ตกรา้ ว ระบายนำ�้ จากหอ้ งครวั และทลี่ า้ งภาชนะอปุ กรณ์ ลงสทู่ อ่ ระบายหรอื แหล่งบำ� บดั ไดด้ ี และตอ้ งไม่ระบายน้�ำเสียลงสู่แหล่งน้�ำสาธารณะโดยตรง 70 รูปท่ี 45 รางระบายนำ�้ ● มบี อ่ ดกั เศษอาหารและดกั ไขมนั ทใี่ ชก้ ารไดด้ ี ตอ้ งมขี นาดทพ่ี อเพยี งทจี่ ะไมก่ อ่ ใหเ้ กดิ การอดุ ตนั และตอ้ งมกี ารตักเศษอาหาร และคราบไขมันท้ิงทกุ วนั รูปท่ี 46 บอ่ ดักไขมัน
4.1.6 ผปู้ รงุ ผูเ้ สิร์ฟ ค่มู ือ การจัดการอนามยั ส่งิ แวดลอ้ มในโรงเรยี น ● ผู้ปรุง ผู้เสริ ฟ์ ต้องแตง่ กายสะอาด และสวมเสื้อมีแขนทสี่ ะอาด ● ผู้ปรุง ผกู ผ้ากนั เปื้อนสขี าว หรอื มเี ครอ่ื งแบบ และสวมหมวก หรือเนท็ คลุมผมดว้ ย ● ผู้ปรุง ผู้เสริ ์ฟ ตอ้ งเปน็ ผมู้ สี ขุ ภาพดี ไมเ่ ป็นโรคตดิ ต่อ ไมเ่ ป็นโรคผวิ หนัง ส�ำหรับผ้ปู รุงจะตอ้ งมี หลักฐานการตรวจสขุ ภาพในปนี ้ันใหต้ รวจสอบได้ ● ผปู้ รงุ ผเู้ สริ ฟ์ มสี ขุ นสิ ยั ทด่ี ี เชน่ ตดั เลบ็ สน้ั ไมส่ บู บหุ รใ่ี นขณะปฏบิ ตั งิ าน ไมใ่ ชม้ อื หยบิ จบั อาหาร ที่ปรงุ เสร็จแล้วโดยตรง ไมส่ วมใส่เครอ่ื งประดบั ทกุ ชนิด เปน็ ต้น 71 รปู ที่ 47 การแต่งกายผปู้ รงุ ผูเ้ สริ ฟ์ อาหาร 4.2 สขุ นิสัยในการบริโภค อาหารและน้�ำดื่มเป็นสิ่งจ�ำเป็นส�ำหรับมนุษย์ เป็นท่ีทราบกันดีว่าปัจจุบันโรคที่เกิดจากอาหารและน้�ำ เป็นสื่อ เปน็ สาเหตุส�ำคัญของการเจบ็ ปว่ ยและเสียชวี ิตของประชาชนในประเทศไทย เชน่ อหวิ าตกโรค อาหารเปน็ พิษ บดิ ไทฟอยด์ เปน็ ตน้ การปอ้ งกนั โรคเหลา่ นจ้ี งึ เปน็ สงิ่ สำ� คญั ทนี่ กั เรยี นสามารถปอ้ งกนั ตนเองได้ดว้ ยการมพี ฤตกิ รรมอนามยั ในการบริโภคอาหารให้ปลอดภยั ดงั น้ี
ค่มู ือ การจัดการอนามยั ส่งิ แวดลอ้ มในโรงเรยี น 4.2.1 กนิ ร้อน ชอ้ นกลาง ล้างมอื 1) การกินร้อน (1) กนิ อาหารท่ปี รุงสุกใหม่ กนิ อาหารทนั ทหี ลังจากปรงุ อาหารให้สุกดว้ ยความรอ้ น (2) ปรุงอาหารด้วยความร้อนให้สุกอย่างทั่วถึง อาหารประเภทเน้ือสัตว์ ต้องใช้ความร้อน อยา่ งน้อย 70 องศาเซลเซยี ส เพ่ือท�ำใหอ้ าหารสุกทั่วถงึ ทุกสว่ น ไมป่ รุงอาหารแบบสกุ ๆ ดิบ ๆ (3) เกบ็ อาหารปรงุ สกุ อยา่ งเหมาะสม อาหารทีเ่ หลือจากการกนิ เก็บไว้นานเกินกว่า 4 ชั่วโมง ต้องน�ำมาอุ่นใหร้ อ้ นอยา่ งทั่วถงึ กอ่ นนำ� มากินอกี คร้งั 2) การใชช้ อ้ นกลาง การสรา้ งสขุ นสิ ยั ในการกนิ อาหารรว่ มกนั กบั ผอู้ นื่ ดว้ ยการใชช้ อ้ นกลางทกุ ครงั้ 72 สามารถชว่ ยปอ้ งกนั โรคตดิ ตอ่ ตา่ ง ๆ โดยเฉพาะโรคทต่ี ดิ ตอ่ ผา่ นทางนำ้� ลาย ไดแ้ ก่ ไขห้ วดั ใหญ่ คอตบี คางทูม วณั โรค โปลิโอ ไวรัสตบั อกั เสบ ไมใ่ ห้แพร่กระจายระหว่างบุคคลได้ ช้อนกลาง เปน็ ชอ้ นทม่ี ีไวใ้ นส�ำรับกับข้าว เพ่ือใชต้ ักแบง่ อาหารมาใส่จานของตนเอง โดยอาจเป็นอุปกรณ์ อ่ืนท่ีเหมาะสมกบั ประเภทของอาหารน้นั ๆ ก็ได้ เช่น ช้อน ส้อม ท่คี บี ตะเกียบ เป็นตน้ ซ่ึงตอ้ ง มีการจัดวางไว้ในจานของอาหารทุกจาน ช้อนกลาง นอกจากจะช่วยป้องกันโรคติดต่อแล้ว ยังช่วยป้องกันน�้ำลายของผู้กินไม่ให้ลงไปปนเปื้อนอาหารท�ำให้บูดเน่าเสียง่ายอีกด้วย ท้ังยัง เป็นการสรา้ งพฤตกิ รรมอนามยั ท่ถี ูกตอ้ ง ให้เป็นวฒั นธรรมท่ีดีงามในการกินอาหารร่วมกนั 3) การลา้ งมือ มอื เปน็ อวัยวะทใี่ ชท้ �ำกิจกรรมต่าง ๆ มากมาย เรามโี อกาสท่ีจะใช้มอื สมั ผัสส่งิ ของ รอบ ๆ ตัว เชน่ ลกู บดิ ประตู แก้วน้�ำ ผา้ เช็ดหนา้ โทรศพั ท์ ราวบันได เป็นตน้ ซึ่งจะทำ� ให้มือ สกปรก และไดร้ บั เชอื้ โรคปนเปอ้ื นเขา้ สรู่ า่ งกายได้ โดยเชอ้ื โรคจะสามารถเขา้ สรู่ า่ งกายผา่ นทาง เยอ่ื บุจมูก ตา และปาก ฉะน้ันจึงต้องดแู ลมอื ให้สะอาด เพอ่ื ไมใ่ หม้ อื เปน็ สอ่ื น�ำเชือ้ โรค โดยการ ลา้ งมอื ให้สะอาดดว้ ยนำ�้ และสบ่ทู ุกครั้ง ในช่วงเวลาดงั นี้ (1) ก่อนรบั ประทานอาหาร (2) ก่อนและหลังการเตรยี มปรุงอาหาร (3) หลงั เข้าหอ้ งสว้ ม
(4) หลงั สัมผัสส่งิ สกปรก เช่น หลงั การไอ จาม สั่งนำ้� มูก สัมผัสมลู ฝอย เป็นตน้ ค่มู ือ การจัดการอนามยั สิ่งแวดลอ้ มในโรงเรยี น (5) หลังการสมั ผสั สตั ว์ทกุ ชนิด โดยเฉพาะสตั ว์เลี้ยงในบ้านตา่ ง ๆ 73 รูปท่ี 48 สขุ นิสยั ในการบริโภคอาหาร 5. การด�ำเนินงานเฝ้าระวังสขุ าภิบาลอาหาร การเฝ้าระวังสุขาภิบาลอาหาร หมายถึง กระบวนการติดตาม สังเกตและพินิจพิจารณาปัจจัยที่มีผลต่อความ สะอาด ปลอดภัยของอาหารอย่างมีระบบ ซ่ึงมีผลมาจากสุขลักษณะของสถานประกอบการด้านอาหาร การปนเปื้อน ของอาหาร ภาชนะอุปกรณ์ และสุขอนามัยของผู้สัมผัสอาหาร การเฝ้าระวังสุขาภิบาลอาหาร ประกอบด้วยข้ันตอน การรวบรวม เรยี บเรยี ง วเิ คราะห์ แปลผลและกระจายขอ้ มลู เพอ่ื นำ� ไปสกู่ ารดำ� เนนิ การควบคมุ ปอ้ งกนั ทม่ี ปี ระสทิ ธภิ าพ 5.1 วัตถุประสงค์ของการเฝ้าระวังสุขาภบิ าลอาหาร 5.1.1 เพ่ือประเมินสถานการณ์ความเสี่ยงด้านสุขาภิบาลอาหาร และความปลอดภัยของอาหารในพ้ืนที่ โรงเรยี น 5.1.2 เพื่อวางแผนการด�ำเนินงานควบคุมการสุขาภิบาลอาหาร และความปลอดภัยของอาหารในพ้ืนที่ โรงเรยี นไดอ้ ย่างมปี ระสทิ ธิภาพ 5.1.3 เพอ่ื สอื่ สารความเสีย่ งดา้ นสุขาภิบาลอาหารกบั ภาคีเครอื ขา่ ยและผบู้ ริโภค
ค่มู ือ การจัดการอนามยั ส่งิ แวดลอ้ มในโรงเรยี น 5.2 ประโยชน์ของการเฝา้ ระวงั สุขาภิบาลอาหาร 5.2.1 ทราบปจั จัยและแนวโนม้ ของปัญหา (Trend & Forecasting) 5.2.2 ทราบความผดิ ปกติหรอื สาเหตุของปญั หาทเี่ กิดขน้ึ ไดอ้ ยา่ งรวดเร็ว (Problem Detection) 5.2.3 ทราบพน้ื ทีแ่ ละประชากรทมี่ โี อกาสเสย่ี งต่อการเกิดปัญหา (Place & Population at Risk) 5.2.4 ประเมินผลส�ำเรจ็ ของการดำ� เนนิ งานสุขาภบิ าลอาหาร (Evaluation of Food Sanitation) การด�ำเนินงานเฝ้าระวังที่มีประสิทธิภาพ ต้องมีการเก็บรวบรวมข้อมูลอย่างต่อเนื่อง เพ่ือให้ทราบแนวโน้มของ สถานการณท์ ่เี กิดขึ้น และหากเกดิ ปัญหาหรอื ความผดิ ปกติกจ็ ะทำ� ใหท้ ราบได้อยา่ งรวดเรว็ นอกจากน้ี ขอ้ มูลจากการ เฝ้าระวงั ก็จะน�ำไปใช้ในการก�ำหนดนโยบาย และแผนการดำ� เนินงานด้านสขุ าภิบาลอาหาร ให้สอดคล้องเหมาะสมกับ บริบทของโรงเรียน โดยประโยชน์สูงสุดที่ได้รับจากระบบการเฝ้าระวังสุขาภิบาลอาหารนั้น จะท�ำให้สามารถทราบถึง 74 พฤตกิ รรมการบรโิ ภคของนกั เรยี นภายใตส้ ภาพแวดลอ้ มทเ่ี ปน็ อยใู่ นปจั จบุ นั ผลกระทบทเ่ี กดิ ขน้ึ จากสถานการณป์ ญั หา ท้ังในระยะสั้นและระยาว ท้ังทางตรงและทางอ้อม สามารถจ�ำแนกปัจจัยเส่ียง และประชากรกลุ่มเส่ียง ตามลักษณะ ของพ้ืนท่ีได้ สามารถคาดเดาสถานการณท์ ี่อาจเกดิ ขนึ้ ในอนาคต
บทที่ การจดั การคุณภาพน้ำ�บริโภค โรงเรียนเป็นสถานท่ีส�ำคัญต่อพัฒนาการของเด็ก ถือได้ว่าเป็นบ้านหลังที่สองท่ีพ่อแม่และผู้ปกครองไว้วางใจ 75 มอบเดก็ ใหค้ รเู ปน็ ผดู้ แู ล การจดั การอนามยั สง่ิ แวดลอ้ มทดี่ ภี ายในโรงเรยี นจงึ เปน็ สง่ิ จำ� เปน็ ทจี่ ะปลกู ฝงั พฤตกิ รรมอนามยั และส่งเสริมการเรียนรู้อย่างต่อเน่ือง ในแต่ละปีมีรายงานว่าพบเด็กป่วยจากโรคที่เกี่ยวกับการบริโภคอาหารและน้�ำ ค่มู ือ การจัดการอนามยั ส่งิ แวดลอ้ มในโรงเรยี น ท่ีไม่สะอาด โดยเฉพาะโรคอุจจาระร่วงเฉียบพลันในอัตราที่สูง ซ่ึงสาเหตุเกิดจากน�้ำบริโภคท่ีไม่สะอาดมีการปนเปื้อน ของแบคทีเรีย เน่ืองจากขาดการดูแลท�ำความสะอาดภาชนะเก็บกักน�้ำ การใช้ภาชนะดื่มน้�ำร่วมกัน และสุขอนามัยท่ี ไม่ถูกต้อง รวมทั้งมีแร่ธาตุและสารเคมีเกินมาตรฐานก�ำหนด ส่ิงเหล่าน้ีล้วนแต่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของเด็กท้ังสิ้น การจัดการคณุ ภาพนำ้� บริโภคในโรงเรียนถือเปน็ การจดั บรกิ ารขน้ั พนื้ ฐานซง่ึ ตอ้ งมปี รมิ าณเพยี งพอสำ� หรบั ดม่ื คอื 2 ลติ รตอ่ นกั เรยี น 1 คนตอ่ 1 วนั และ ตอ้ งมคี ณุ ภาพไดต้ ามมาตรฐานคณุ ภาพนำ้� บรโิ ภคกรมอนามยั โดยมกี าร บำ� รงุ รกั ษาและเฝา้ ระวงั คณุ ภาพนำ�้ อยา่ งตอ่ เนอื่ งตง้ั แตจ่ ดุ เรมิ่ ตน้ จนถงึ จดุ ทน่ี ำ� ไปดม่ื เพอื่ เปน็ หลกั ประกนั วา่ นำ้� บรโิ ภคมคี วามสะอาดปลอดภยั อย่ตู ลอดเวลา น�้ำบริโภค หมายถึง น�้ำสะอาดที่ประชาชนใช้บริโภคได้อย่าง ปลอดภยั มปี รมิ าณเพยี งพอสำ� หรบั ใชด้ มื่ ประกอบอาหาร ลา้ งหนา้ แปรงฟนั ไมน่ ้อยกวา่ 5 ลติ รตอ่ คนตอ่ วนั
ค่มู ือ การจัดการอนามยั ส่งิ แวดลอ้ มในโรงเรยี น 1. แหล่งน้�ำบริโภค น�้ำบรโิ ภคในโรงเรยี นสว่ นใหญ่จะใชน้ �้ำประปา นำ�้ บอ่ บาดาล นำ�้ บ่อตืน้ นำ�้ ฝน และน�ำ้ บรรจุขวด 1.1 นำ้� ประปา เปน็ รปู แบบการใหบ้ รกิ ารนำ้� สะอาด โดยการนำ� นำ�้ ผวิ ดนิ หรอื นำ้� ใตด้ นิ ผา่ นกระบวนการตกตะกอน การกรองและการฆา่ เชื้อโรค บริการใหแ้ กช่ ุมชนและครวั เรือนตามระบบท่อ ส�ำหรับกลิ่นคลอรีนท่ีมักจะมาพร้อมน้�ำประปาน้ัน ในความเป็นจริงกล่ินคลอรีนเป็นสัญลักษณ์ของความ สะอาด ซึ่งกรมอนามัยได้ก�ำหนดไว้ว่า ในน�้ำประปาที่บ้านผู้ใช้น้�ำต้องตรวจพบคลอรีนในน้�ำอย่างน้อย 0.2 มิลลิกรัม ต่อลิตรจงึ จะปลอดภัย หากต้องการใหก้ ลน่ิ คลอรีนหมดไปใหร้ องน�ำ้ ใสภ่ าชนะท่สี ะอาดทง้ิ ไวป้ ระมาณคร่งึ ชั่วโมง กล่นิ คลอรีนกจ็ ะระเหยหมดไปเอง 1.2 น้�ำบรรจุขวด หรือน�้ำบริโภคในภาชนะบรรจุท่ีปิดสนิท หมายถึง น�้ำบรรจุขวดชนิดแก้ว ขวดพลาสติก 76 ถงั แกลลอน ควรไดร้ บั อนญุ าตตามประกาศของกระทรวงสาธารณสขุ กำ� หนดใหเ้ ปน็ อาหารควบคมุ เฉพาะทจี่ ะตอ้ งมกี าร ควบคมุ คณุ ภาพและมาตรฐานจะตอ้ งไดร้ บั อนญุ าตการผลติ จากสำ� นกั งานคณะกรรมการอาหารและยา หรอื สำ� นกั งาน สาธารณสขุ จงั หวัด การเลอื กซือ้ น้�ำบรโิ ภคบรรจขุ วดควรพจิ ารณา ดังนี้ ● ลกั ษณะของน�ำ้ บรโิ ภคต้องใสสะอาด ไม่มตี ะกอน ไม่มสี ี ไมม่ ีสีกลน่ิ และรสทผ่ี ิดปกติ ● ลกั ษณะภาชนะบรรจนุ ำ้� บริโภคต้องใสสะอาด ไมร่ ั่วซมึ หรือมีคราบสกปรก และฝาปิด ตอ้ งปดิ ผนกึ เรยี บร้อยไม่มีรอ่ งรอยการฉีกขาด ● มเี ครอ่ื งหมายรบั รองจากสำ� นกั งานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กำ� กบั ไวอ้ ยา่ งชดั เจน ● ไมซ่ อื้ นำ้� ทวี่ างไวใ้ กลก้ บั สารเคมหี รอื วตั ถอุ นั ตรายหรอื ผงซกั ฟอก เนอ่ื งจากขวดพลาสตกิ จะดูดกล่ินสารเคมีเข้าไปได้ ท�ำให้มีกลิ่นไม่ชวนดื่มและโอกาสท่ีสารนั้นอาจปนเปื้อน สนู่ ำ�้ บรโิ ภคเรากจ็ ะไดร้ บั สารเคมไี ปดว้ ยและไมซ่ อ้ื นำ้� ทถ่ี กู แสงแดดหรอื ความรอ้ นเวลานาน จะทำ� ใหส้ ารเคมใี นขวดพลาสตกิ สลายตวั และละลายปนในน�ำ้ บริโภค ● นำ�้ ชนดิ บรรจถุ งั ขนาด 20 ลติ ร ควรตรวจสอบฉลากทถ่ี งั กบั พลาสตกิ ทร่ี ดั ปาก ถังต้องเป็นชอ่ื ผ้ผู ลิตรายเดยี วกนั ซึง่ สว่ นใหญพ่ บว่าผผู้ ลติ มกั จะนำ� ถงั ของ ผผู้ ลติ รายอน่ื มาบรรจนุ ำ้� ของตนออกจำ� หนา่ ย การผลติ กข็ าดความระมดั ระวงั และส่งผลตอ่ คณุ ภาพน�ำ้ ได้
1.3 น้�ำฝน เป็นน้�ำท่ีจัดว่าสะอาดท่ีสุดซ่ึงจะหาได้ตามธรรมชาติ แต่น�้ำฝนจะถูกปนเปื้อนด้วยส่ิงสกปรกได้ โดยเฉพาะในพื้นท่ีเขตเมือง ส�ำหรับพื้นที่ชนบทควรท�ำที่เก็บกักน�้ำฝนไว้ใช้ประโยชน์และควรมีการป้องกันสิ่งสกปรก โดยคำ� นงึ ถงึ องคป์ ระกอบ 3 ประการ ได้แก่ สถานทแี่ ละสิ่งแวดล้อมทรี่ ับน�้ำฝน (หลงั คา) และภาชนะท่ีเกบ็ กกั น้ำ� ฝน 1.4 นำ�้ บาดาลและนำ้� บอ่ ตนื้ ไดจ้ ากนำ้� ใตด้ นิ ซง่ึ เปน็ แหลง่ นำ�้ ทม่ี คี ณุ สมบตั คิ อ่ นขา้ งดี โดยชน้ั ของดนิ จะทำ� หนา้ ท่ี เป็นตัวกรองเช้อื จลุ ินทรยี ์และความขุ่นไว้ แต่คณุ สมบตั ิของน�้ำใต้ดนิ ทางเคมีมักจะมีสารเคมีและแร่ธาตตุ า่ ง ๆ เจือปน อยมู่ ากกวา่ น้�ำผวิ ดนิ 2. แนวทางการเฝ้าระวังคุณภาพน้ำ� บรโิ ภคในโรงเรยี น 77 องคก์ ารอนามยั โลก ได้ให้ความหมาย การเฝ้าระวังคณุ ภาพนำ�้ บรโิ ภค หมายถึง การติดตามตรวจสอบทางด้าน สาธารณสุข เพื่อให้การจัดบริการน�้ำบริโภคส�ำหรับชุมชนมีความปลอดภัยต่อสุขภาพซ่ึงการตรวจสอบทางด้าน ค่มู ือ การจัดการอนามยั ส่งิ แวดลอ้ มในโรงเรยี น สาธารณสุข เพ่ือให้เกิดความปลอดภัยต่อสุขภาพของการจัดบริการน้�ำบริโภคน้ัน จะต้องด�ำเนินการตรวจสอบให้ ครอบคลมุ ทุกขน้ั ตอน ตง้ั แต่แหล่งน�้ำดบิ ระบบการผลติ การเก็บรกั ษา และการจา่ ยไปให้ผู้บรโิ ภค ซึ่งทกุ ข้ันตอนมผี ล ต่อการผลิตนำ�้ บริโภคท่สี ะอาดไดม้ าตรฐาน
การเฝ้าระวังคุณภาพน�้ำบริโภคในโรงเรียนเป็นการติดตามดูแลให้น�้ำบริโภค สะอาดปลอดภยั โดยการดแู ลปจั จยั ตา่ ง ๆ ทเ่ี กย่ี วขอ้ งเพอ่ื ปอ้ งกนั มใิ หน้ ำ้� บรโิ ภคใน โรงเรียนมีการปนเปื้อนเช้ือโรคและมลพิษที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ การเฝ้าระวัง คณุ ภาพนำ�้ บรโิ ภคจงึ เปน็ สง่ิ จำ� เปน็ ในเบอื้ งตน้ ทใี่ ชใ้ นการควบคมุ ปอ้ งกนั อยา่ งมี ประสิทธิภาพ และส่งผลให้การด�ำเนินการจัดการน�้ำสะอาดของโรงเรียนมี ประโยชน์สูงสดุ โดยมีการเฝ้าระวงั คณุ ภาพน�ำ้ ดังน้ี 2.1 การเฝา้ ระวังทางสขุ าภิบาล การเฝา้ ระวงั ทางสขุ าภบิ าลของระบบนำ�้ บรโิ ภค เปน็ การเฝา้ ระวงั เกย่ี วกบั โครงสร้างของระบบนำ�้ บรโิ ภคใหถ้ ูกหลักสขุ าภบิ าล ไดแ้ ก่ แหล่งนำ�้ บรโิ ภค ระบบจา่ ยนำ้� ทเี่ กบ็ กกั นำ้� บรโิ ภค ภาชนะสำ� หรบั ดม่ื นำ�้ และเครอื่ งกรองนำ�้ กรณปี รับปรงุ คณุ ภาพนำ้� โดยใช้ 78 เคร่ืองกรองนำ้� ซงึ่ จะบอกไดถ้ ึงความเปล่ยี นแปลงของคณุ ภาพน�ำ้ และประสิทธผิ ลของกระบวนการจัดการ ค่มู ือ การจัดการอนามยั ส่งิ แวดลอ้ มในโรงเรยี น น�้ำบรโิ ภคของโรงเรียน 2.2 การเฝา้ ระวงั คุณภาพน�ำ้ 2.2.1 การเฝา้ ระวงั คณุ ภาพนำ�้ ทางกายภาพ หมายถงึ การเฝา้ ระวงั คณุ ภาพนำ�้ ทอ่ี าจเปลยี่ นไปเปน็ ลกั ษณะ ท่สี ามารถรับรูไ้ ดด้ ว้ ยประสาทสัมผัส เชน่ สี กลิ่น รส โดยจะตอ้ งมีลักษณะใส ไมม่ ีสี ไม่ขนุ่ และไมม่ ี รสเปน็ ทร่ี ังเกียจ 2.2.2 การเฝา้ ระวงั คณุ ภาพนำ�้ ทางเคมี หมายถงึ การเฝา้ ระวงั การปนเปอ้ื นของสารเคมแี ละแรธ่ าตใุ นนำ้� บริโภคของโรงเรียนถ้ามีสารเคมีและแร่ธาตุในน้�ำบริโภคเกินกว่าเกณฑ์มาตรฐานที่ก�ำหนดก็อาจ กอ่ ใหเ้ กิดผลกระทบต่อสุขภาพแก่นกั เรยี นได้ เช่น ฟลูออไรด์ สารหนู แมงกานสี เหล็ก แคดเมยี ม ตะกั่ว เปน็ ต้น 2.2.3 การเฝ้าระวังคุณภาพน้�ำทางชีวภาพ หมายถึง การเฝ้าระวังการปนเปื้อนด้านแบคทีเรีย โดยใช้ โคลฟิ อรม์ แบคทเี รยี เปน็ ดชั นแี ทนการเฝา้ ระวงั เชอ้ื โรคทกี่ อ่ ใหเ้ กดิ โรค ซง่ึ เชอื้ แบคทเี รยี กลมุ่ นมี้ าจาก ล�ำไส้ หรืออจุ จาระ ดงั นัน้ การตรวจคณุ ภาพนำ�้ ถา้ พบโคลิฟอร์มแบคทเี รยี แสดงวา่ นำ�้ นน้ั ไม่สะอาด อาจมีเช้อื โรคอืน่ ๆ ทกี่ อ่ ให้เกดิ โรคทางระบบทางเดินอาหารปนเป้อื นอยดู่ ว้ ย เช่น โรคอจุ จาระร่วง บดิ ไทฟอยด์ พยาธติ ่าง ๆ เป็นต้น
79 ค่มู ือ การจัดการอนามยั ส่งิ แวดลอ้ มในโรงเรยี น
ขอ้ พจิ ารณาจุดตรวจสอบคุณภาพน�้ำบริโภค โรงเรยี นสว่ นใหญจ่ ดั บรกิ ารนำ้� บรโิ ภค โดยใชน้ ำ้� ประปา นำ้� บาดาล นำ�้ ฝน นำ�้ บอ่ บาดาล นำ้� บอ่ ตนื้ และนำ�้ บรรจขุ วด แหล่งน้�ำเหล่าน้ีอาจมีสิ่งเจือปนท�ำให้คุณภาพน้�ำไม่อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานของน�้ำด่ืมจึงจ�ำเป็นต้องเฝ้าระวังคุณภาพ น�้ำบรโิ ภคตามเสน้ ทางของระบบน้ำ� บรโิ ภคแตล่ ะประเภท โดยจดุ ตรวจสอบและความถใี่ นการตรวจสอบ ดังตารางที่ 3 ตารางที่ 3 แหล่งน้�ำดม่ื จุดตรวจสอบคณุ ภาพน้�ำ และความถ่ีในการตรวจสอบคณุ ภาพนำ้� แหล่งน้ำ�บริโภค จดุ ตรวจสอบคุณภาพน้ำ� การตรวจสอบคุณภาพนำ้ �และความถี่ ภาคสนาม ห้องปฏบิ ัตกิ าร 80 นำ้ �ประปา ● ปลายทอ่ กอ่ นเขา้ ระบบนำ้ �บริโภคของ ● ตครงวเหจลระอื ดในบั นค้ำล�ใอหร้มนี ีคอ่าิสอระยู่ใน ● เตกรณวจฑสม์ อาบตครณุฐาภนาคพณุ นภ้ำ�ตาพามนำ้ � โรงเรียน ค่มู ือ การจัดการอนามยั ส่งิ แวดลอ้ มในโรงเรยี น ● ก๊อกน้ำ�ด่ืมทนี่ ักเรยี นใชจ้ ำ�นวนมาก เช่น ชว่ ง 0.2-0.5 มิลลกิ รัม/ลิตร โบรรคโิ รภะคบทาุกด4นเำ้ ด�ทือว่ นมแภลยั ะแกลร้งณมี ี โรงอาหาร สถานทอ่ี อกกำ�ลงั กาย เปน็ ตน้ ทุก 1 สัปดาห์ ● ตรวจสอบโคลิฟอร์มแบคทเี รียด้วยชดุ ● สงั เกตลักษณะคุณภาพนำ้ � ทดสอบอย่างง่าย (อ11) ทกุ 1 สัปดาห์ ทางกายภาพ เช่น ความขุน่ ● นำ้ �บรโิ ภคหลังเครอ่ื งกรองน้ำ� สี กลน่ิ เปน็ ตน้ ● คนลู้ำ�เบลรอิโรภ์ คตจนู้ า้ำ�กเยทน็ ่ีเกเ็บปกน็ กัตนน้ ้ำ� เชน่ ● ตรวจสอบโคลิฟอร์ม แบคทเี รยี ด้วยชุดทดสอบ อย่างง่าย (อ11) ทกุ 1 สัปดาห์ นำ้ �บอ่ บาดาล ● นำ้ �จากบอ่ โดยตรง ● สงั เกตลกั ษณะคุณภาพนำ้ � ● เตกรณวจฑส์มอาบตครุณฐาภนาคพณุ นภ้ำ�ตาพามนำ้ � น้ำ�บอ่ ตื้น/น้ำ�ฝน ● ก๊อกน้ำ�ด่มื หรอื ภาชนะเกบ็ กกั น้ำ�ดื่ม ทางกายภาพ เชน่ ความข่นุ โบรรคิโรภะคบทากุ ด4นเำ้ ด�ทอื ่วนมแภลัยะแกลร้งณมี ี ● ก๊อกนำ้ � สี กล่นิ เปน็ ตน้ ● ภาชนะเก็บนำ้ �ดืม่ ● ตรวจสอบโคลิฟอร์ม ● นำ้ �จากบอ่ โดยตรง แบคทเี รียดว้ ยชดุ ทดสอบ ● ก๊อกนำ้ �ดม่ื หรอื ภาชนะเกบ็ กกั นำ้ �ดื่ม อย่างงา่ ย (อ11) ทกุ 1 สปั ดาห์ น้ำ�บรรจุขวด ● นำ้ �บรรจุขวดจากตู้ทำ�ความเยน็
2.3 การตรวจสอบคณุ ภาพน�้ำ 81 การตรวจสอบคุณภาพน�ำ้ การสมุ่ เก็บตัวอยา่ งน้ำ� มีกระบวนการ ดงั น้ี 2.3.1 การตรวจทางห้องปฏบิ ัตกิ าร มีขั้นตอนดงั ต่อไปนี้ ค่มู ือ การจัดการอนามยั ส่งิ แวดลอ้ มในโรงเรยี น 1) การเลือกจุดสุ่มเก็บตัวอย่าง แหล่งน้�ำบริโภคมีหลายประเภท การเลือกจุดสุ่มเก็บเพื่อเป็น ตวั แทนทดี่ ี ควรพจิ ารณาดังน้ี ● นำ�้ ประปา เนอื่ งจากระบบนำ้� ประปามรี ะบบทอ่ ในการจา่ ยน�ำ้ ควรสุ่มเก็บตวั อย่างน�ำ้ จาก จดุ ที่น้�ำออกจากระบบปรบั ปรุงคณุ ภาพนำ้� ต้นทอ่ ระบบจา่ ยนำ�้ 1 ตัวอยา่ ง และปลายทอ่ บา้ นผใู้ ช้น�ำ้ สมุ่ เกบ็ 1 ตวั อยา่ ง ต่อผูใ้ ช้น�ำ้ 5,000 คน โดยกระจายใหค้ รอบคลุม ตัวกอ๊ กน้ำ� ท่ีใช้สุ่มเก็บตัวอย่างควรอยู่สูงจากพ้ืน 60 เซนติเมตร หลีกเลี่ยงก๊อกน้�ำท่ีร่ัวหรือหยด ควรเปน็ ตวั แทนของนำ�้ ประปาโดยเกบ็ จากกอ๊ กนำ�้ โดยตรงไมค่ วรเกบ็ ผา่ นสายยางเครอ่ื งกรองนำ�้ ถงั พกั น้�ำ ลักษณะการไหลของน�้ำควรให้น�ำ้ ไหลเป็นลำ� ไม่กระจาย ● บ่อตืน้ หรอื บอ่ บาดาล สุ่มเกบ็ ตวั อยา่ งน�้ำจากบ่อโดยตรง ถ้าจำ� เป็นใหใ้ ชภ้ าชนะท่สี ะอาด ส่มุ เก็บ หรือรองรับแล้วถา่ ยใสข่ วดเกบ็ ตวั อย่างน้ำ� ● นำ้� ฝน ควรสมุ่ เกบ็ ตวั อยา่ งนำ้� จากภาชนะเกบ็ นำ้� ฝนโดยตรง ถา้ จำ� เปน็ ใหใ้ ชภ้ าชนะทส่ี ะอาด สมุ่ เก็บหรือรองรบั แลว้ ถ่ายใส่ขวดเกบ็ ตัวอย่างน้ำ� 2) วิธีการสุ่มเก็บตัวอย่างน�้ำ การสุ่มเก็บตัวอย่างน�้ำในข้ันต้น ควรตรวจวัดความเป็นกรด-ด่าง และคา่ คลอรีนอสิ ระคงเหลอื ในน�้ำกอ่ น และบันทึกผลลงในใบสง่ กรวดนำ�้ ทนั ที กรณตี รวจพบ คลอรนี อสิ ระคงเหลอื ในนำ้� ใหใ้ ชข้ วดบรรจตุ วั อยา่ งแบคทเี รยี ชนดิ ทเี่ ตมิ สารโซเดยี มไธโอซลั เฟต ความเขม้ ขน้ 10% ปรมิ าตร 0.1 มิลลิลติ ร เพือ่ หยุดปฏิกริ ยิ าของคลอรนี ในการฆา่ เชือ้ โรคใน น�ำ้ ประปา ● การสมุ่ เกบ็ ตวั อย่างน�ำ้ เพอื่ ตรวจวิเคราะห์ทางกายภาพและเคมี มขี ้ันตอน ดังนี้ ➤ เขียนรายละเอียด จุดสุม่ เก็บตัวอย่างน�ำ้ ปิดขา้ งขวด ➤ ลา้ งภาชนะบรรจตุ วั อยา่ งนำ�้ ขนาด2ลติ รดว้ ยนำ�้ ทจี่ ะเกบ็ 2–3ครง้ั กอ่ นสมุ่ เกบ็ ตวั อยา่ งนำ�้ ➤ เก็บตวั อย่างน้ำ� จนเกอื บเตม็ ขวด เหลอื ทว่ี า่ งไว้ประมาณ 1 นิ้ว ➤ ปดิ ฝาขวดใหส้ นทิ ก่อนแชเ่ ย็น
ค่มู ือ การจัดการอนามยั ส่งิ แวดลอ้ มในโรงเรยี น ● การสุม่ เก็บตัวอยา่ งนำ�้ เพ่ือวิเคราะห์ทางโลหะหนกั มขี ั้นตอน ดงั นี้ ➤ เขียนรายละเอียดจุดสมุ่ เก็บตัวอย่างน้�ำ ปิดขา้ งขวด ➤ ล้างภาชนะบรรจุตัวอย่างน้�ำขนาด 1 ลิตร ด้วยน้�ำที่จะสุ่มเก็บ 2–3 คร้ัง ก่อนสุ่ม เก็บตัวอยา่ งนำ�้ ➤ บรรจุตวั อยา่ งน้�ำจนเกือบเต็มขวด เหลอื ท่ีว่างไวป้ ระมาณ 1 นิ้ว ➤ เติมกรดไนตรกิ 1.5 มิลลิลติ ร ปิดฝาขวด เขยา่ ให้เข้ากนั (ไม่จ�ำเปน็ ตอ้ งแช่เยน็ ) ● การสุ่มเก็บตัวอย่างน�้ำ เพื่อตรวจสอบทางแบคทีเรีย ระหว่างการสุ่มเก็บตัวอย่างน้�ำ ควรระมดั ระวงั เป็นพเิ ศษ เพอ่ื ป้องกันการปนเปือ้ น โดยท�ำตามข้นั ตอนดังนี้ ➤ เขยี นรายละเอยี ดจดุ สมุ่ เกบ็ ตวั อยา่ งนำ�้ ปดิ ขา้ งกระปอ๋ งสว่ นบนของกระปอ๋ งบรรจขุ วด 82 แบคทเี รยี ซึ่งเป็นภาชนะขวดแก้วปากกวา้ ง มคี วามจุประมาณ 125 มิลลลิ ติ ร มีฝา จกุ แกว้ เก็บบรรจใุ นกระป๋องสแตนเลส ซง่ึ ฝาและคอขวดหุม้ ด้วยกระดาษอะลูมิเนยี ม (แบบกราวนจ์ อยท์ซงึ่ ผ่านการฆ่าเชอื้ แลว้ ) ➤ ควำ�่ กระปอ๋ งทบ่ี รรจขุ วดลง ดงึ กระปอ๋ งสว่ นลา่ งออก จบั ขวดตง้ั ขนึ้ และหงายกระปอ๋ งขนึ้ ทัง้ 2 ส่วน วางบนทสี่ ะอาด ➤ เปิดฝาขวดโดยจับบนแผ่นอะลูมิเนียมเก็บตัวอย่างน้�ำ ประมาณ 4/5 ของขวด (ประมาณ 100 มิลลลิ ติ ร) ➤ ปดิ ฝาขวดใหส้ นทิ โดยควำ�่ ขวดลงในฝากระปอ๋ งสแตนเลส แลว้ ปดิ กระปอ๋ งใหเ้ รยี บรอ้ ย ➤ ใชก้ ระดาษกาวย่นพันรอบบริเวณรอยต่อของกระป๋อง ประมาณ 2-3 รอบ ➤ บรรจลุ งในถุงพลาสตกิ มดั ปากถุงใหแ้ น่นกนั นำ�้ ซมึ เข้า ➤ แช่ตัวอยา่ งนำ�้ ลงในหบี บรรจุน้ำ� แขง็ 3) การเกบ็ รกั ษาสภาพตวั อยา่ งนำ้� ตวั อยา่ งนำ�้ ทส่ี มุ่ เกบ็ เพอ่ื ตรวจสอบคณุ ภาพนำ้� มกี ารเปลยี่ นแปลง อยตู่ ลอดเวลา ดังนนั้ วิธีท่ีถูกตอ้ ง คือ ตรวจวิเคราะห์ทันทที ่เี ก็บตวั อย่างได้ แตใ่ นทางปฏบิ ตั ิ มขี ีดจ�ำกัดในหลาย ๆ ด้าน ไม่สามารถวเิ คราะห์ตัวอยา่ งได้พร้อมกันหมดทุกข้อมูล บางขอ้ มลู สามารถวิเคราะห์ในภาคสนามได้ แต่บางข้อมูลต้องน�ำไปตรวจวิเคราะห์ท่ีห้องปฏิบัติการจึง ตอ้ งมกี ารรกั ษาคณุ ภาพนำ้� ใหเ้ ปลยี่ นแปลงนอ้ ยทส่ี ดุ โดยการแชเ่ ยน็ ดว้ ยนำ�้ แขง็ ขณะเดยี วกนั
ตอ้ งสง่ ตวั อยา่ งนำ�้ ใหถ้ งึ หอ้ งปฏบิ ตั กิ ารใหเ้ รว็ ทส่ี ดุ เทา่ ทจี่ ะทำ� ได้ การสง่ ตวั อยา่ งควรอยภู่ ายใน 83 ระยะเวลา 8 ชวั่ โมง ไมค่ วรเกนิ 24 ชว่ั โมง โดยเกบ็ รกั ษาตวั อยา่ งในความเยน็ 4-10 องศาเซลเซยี ส 4) การเก็บรักษาตัวอย่างขณะขนส่งไปยังห้องปฏิบัติการ เมื่อสุ่มเก็บตัวอย่างน�้ำเสร็จแล้ว ค่มู ือ การจัดการอนามยั ส่งิ แวดลอ้ มในโรงเรยี น จะต้องส่งตัวอย่างน้�ำไปตรวจวิเคราะห์ยังห้องปฏิบัติการขณะขนส่ง จะต้องไม่ให้ตัวอย่างถูก แสงแดด และต้องรักษาสภาพคุณภาพน�้ำ โดยการแช่เย็นในภาชนะที่เก็บความเย็นได้ วางเรียงขวดเก็บตัวอย่างน้�ำในภาชนะแช่เย็นให้เป็นระเบียบ ระวังขวดตัวอย่างล้ม การใส่ นำ�้ แขง็ แชต่ วั อยา่ งใหใ้ สเ่ สมอระดบั ปากขวดเกบ็ ตวั อยา่ งนำ�้ ไมใ่ หม้ ากเกนิ ไปจนลน้ ขณะขนสง่ ตอ้ งเติมนำ�้ แขง็ และไขนำ้� ทลี่ ะลายท้งิ เป็นระยะ ๆ 5) การเขยี นฉลากและใบส่งตวั อย่าง ฉลากปดิ ภาชนะเก็บตัวอยา่ งน�ำ้ ควรมรี ายละเอยี ดดงั นี้ ● รหัสตวั อย่าง หมายถึง รหัส หรือสัญลักษณข์ องตัวอย่างน�้ำท่ผี ้สู ง่ ใช้ ซ่งึ กำ� หนดเป็นตัวเลข เชน่ 1/1 (เปน็ ชอื่ จังหวดั /พนื้ ทีท่ ีเ่ กบ็ ตวั อย่าง) ● หน่วยงานที่สง่ หมายถึง หนว่ ยงานที่สง่ ตวั อยา่ งนำ้� ตรวจ ● ประเภทของแหลง่ นำ้� หมายถงึ รายละเอยี ดตวั อยา่ งนำ�้ ทเี่ กบ็ เปน็ ประเภทใด เชน่ นำ�้ ประปา (สว่ นภูมภิ าค) น�ำ้ ประปา (เทศบาล) น้ำ� ประปา (หมู่บ้าน) นำ�้ ฝน และน�ำ้ บ่อต้นื เปน็ ต้น ● สถานทเ่ี กบ็ ตวั อยา่ งนำ้� ระบจุ ดุ เกบ็ ตวั อยา่ งทก่ี ำ� หนด เชน่ ตน้ ทอ่ ระบบจา่ ยนำ้� หรอื ปลายทอ่ บา้ นเลขท่ี 20 ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นนทบรุ ี เป็นต้น ● วนั ท่เี ก็บตวั อย่างนำ�้ และเวลาที่เกบ็ ตวั อย่างนำ�้ ● ชอื่ ผสู้ ุ่มเก็บตวั อยา่ ง
ค่มู ือ การจัดการอนามยั ส่งิ แวดลอ้ มในโรงเรยี น 3. การจัดการน้�ำบริโภคในโรงเรียน 3.1 การจัดบรกิ ารน้�ำบริโภค การจัดบรกิ ารน�้ำบรโิ ภคในโรงเรียน ต้องมปี ริมาณเพยี งพอสำ� หรับดมื่ คอื 2 ลติ รตอ่ นกั เรียน 1 คนตอ่ 1 วัน สามารถด�ำเนินการในลกั ษณะต่าง ๆ ดงั น้ี 3.1.1 น้�ำบริโภคแบบน้�ำพุ การจัดการน้�ำบริโภคในรูปแบบของน�้ำพุ เป็นวิธีการท่ีเหมาะสมปลอดภัย แกน่ ักเรยี นไม่ต้องจัดหาภาชนะสำ� หรบั ดื่มน้�ำ สามารถดื่มนำ้� โดยให้นำ�้ พ่งุ เขา้ ปากโดยตรง เปน็ การ ป้องกนั ไม่ใหน้ �้ำและก๊อกน�้ำปนเปื้อนได้ดี 3.1.2 น�้ำบริโภคแบบจัดใส่ภาชนะ จัดใส่ภาชนะโดยน�ำน้�ำประเภทต่าง ๆ ใส่ภาชนะ ขนาดเลก็ เชน่ คลู เลอร์ ภาชนะดงั กล่าวต้องมีฝาปดิ ปอ้ งกันสิง่ สกปรกตา่ ง ๆ 84 ทที่ �ำให้เกิดการปนเปอ้ื น มกี อ๊ กสำ� หรบั เปิด ไมใ่ ชภ้ าชนะตกั นำ�้ โดยตรง นกั เรยี นตอ้ ง มภี าชนะสำ� หรบั ดมื่ นำ้� เปน็ สว่ นตวั เพอ่ื ปอ้ งกนั การเเพรเ่ ชอ้ื โรค 3.2 การจัดการระบบน้�ำบริโภคในโรงเรยี น 3.2.1 ระบบจา่ ยน�้ำ 1) ระบบท่อ ระบบท่อจ่ายน�้ำบริโภคต้องอยู่ในสภาพท่ีไม่เป็นสนิม ไม่รั่วซึม หากช�ำรดุ ต้องซอ่ มแซมให้ใชง้ านไดโ้ ดยเรว็ 2) เคร่ืองกรองน้�ำ ต้องล้างและเปล่ียนไส้กรองตามระยะเวลาหรือ ตามคำ� แนะนำ� ของผลติ ภณั ฑ์ หรอื เมอื่ นำ้� ทผ่ี า่ นการกรองมสี ี กลน่ิ เปลยี่ นไป นำ้� ทไ่ี หลผา่ นเครอื่ งกรองความเรว็ ผดิ ไปจากเดมิ หรอื มตี ะกอน เพราะสาร อนิ ทรยี ท์ ส่ี ะสมมากเกนิ เกณฑม์ าตรฐานเปน็ ตน้ เหตขุ องกลนิ่ รส สี และความชา้ ของนำ้� ทไี่ หลผา่ น 3) ภาชนะเก็บกกั น�้ำ และภาชนะใส่นำ�้ บริโภค ต้องระมดั ระวังเก่ยี วกบั การปนเป้ือน ต้องมีฝาปดิ ปอ้ งกนั ฝนุ่ ละออง สิ่งสกปรกท่ีทำ� ใหเ้ กิดการปนเป้ือน มีกอ๊ กสำ� หรับเปดิ นำ�้ ออกใช้ ไมใ่ ชภ้ าชนะ ดม่ื นำ้� ตกั โดยตรง กรณที โ่ี รงเรยี นจดั บรกิ ารนำ้� บรโิ ภคเปน็ นำ�้ บรรจขุ วดจะต้องท�ำความสะอาดขวด กอ่ นวางบนตนู้ ำ�้ แบบควำ่� ควรลา้ งทำ� ความสะอาดภาชนะใสน่ ำ�้ บรโิ ภคและฆา่ เชอ้ื โรคดว้ ยการ แชด่ ว้ ยคลอรนี 1 ชอ้ นชาตอ่ นำ�้ 20 ลติ รเปน็ ประจำ� ทกุ สปั ดาห์
4) ก๊อกน้�ำบริโภคและภาชนะส�ำหรับด่ืมน้�ำ ก๊อกน้�ำบริโภคความสกปรกอาจเกิดจากฝุ่นละออง 85 เศษดนิ จากมอื ทไี่ มส่ ะอาด และนกั เรยี นใชป้ ากอมกอ๊ กนำ้� จงึ ตอ้ งดแู ลรกั ษาความสะอาดทกุ วนั และส่งเสริมให้นักเรียนมีสุขอนามัยท่ีถูกต้อง ส่วนลักษณะของภาชนะส�ำหรับดื่มน�้ำควรท�ำ ความสะอาดไดง้ า่ ย ตอ้ งเปน็ ของสว่ นตวั ไมค่ วรใชร้ ว่ มกบั ผอู้ น่ื มกี ารลา้ งทำ� ความสะอาดทกุ วนั และเกบ็ รกั ษาไวท้ มี่ ดิ ชดิ มฝี าปดิ เพอ่ื ปอ้ งกนั การปนเปอ้ื นจากฝนุ่ ละออง สง่ิ สกปรกและพาหะนำ� โรค 5) จัดจุดบริการน�้ำบริโภคให้ถูกสขุ ลักษณะ 6) ประชาสมั พนั ธอ์ งคค์ วามรนู้ ำ�้ บรโิ ภคปลอดภยั สขุ อนามยั และจดั กจิ กรรมตา่ ง ๆ เพอ่ื สง่ เสรมิ การมสี ว่ นร่วมของนกั เรยี น 7) ประสานความร่วมมอื กับหนว่ ยงานที่เกีย่ วขอ้ ง หรือองค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถนิ่ และชมุ ชน ค่มู ือ การจัดการอนามยั สิ่งแวดลอ้ มในโรงเรยี น
จดุ บรกิ ารนำ้ ดมื่ เพยี งพอและท่ัวถงึ (1 ท/่ี 75คน) จุดบริการน้ำดื่ม บรกิ ารนำ้ รอน/น้ำอนุ ถูกสุขลักษณะและสวยงาม ณ หองพยาบาล ประชาสัมพันธอ งคค วามรู การจดั การทว่ั ไป เครื่องกรองน้ำตอ งลาง และสขุ อนามัย และเปลย่ี นไสกรองตามคำแนะนำ ของผลติ ภณั ฑ ค่มู ือ การจัดการอนามยั ส่งิ แวดลอ้ มในโรงเรยี น86 ประสานขอความรวมมือ ดแู ลความสะอาดทีเ่ ก็บน้ำและภาชนะ ดื่มน้ำอยา งสม่ำเสมอ กบั หนว ยงานทเี่ กย่ี วขอ ง ● องคก รปกครองสว นทอ งถ่นิ ● ชมุ ชน ตรวจสอบคณุ ภาพนำ้ ดม่ื ● ตรวจวัดคุณภาพทางดา นกายภาพ เคมี และแบคทเี รีย ● คลอรนี อสิ ระคงเหลอื (ชุด อ31 กรมอนามัย) คา มาตรฐาน 0.2-0.5 มลิ ลิกรัมตอลติ ร ● โคลิฟอรม แบคทีเรยี (อ11 กรมอนามยั ) คามาตรฐาน: ตอ งตรวจไมพ บ) รปู ท่ี 49 การจัดการน�ำ้ บริโภคในโรงเรียน 3.3 บทบาทการดำ� เนินงานของผเู้ ก่ยี วขอ้ งในการจดั การน้ำ� บรโิ ภคในโรงเรียน การด�ำเนินงานการจัดการน�้ำบริโภคในโรงเรียนจะประสบผลส�ำเร็จได้ต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายฝ่าย ทงั้ โรงเรยี น ผูบ้ รหิ ารโรงเรียน ครู นกั การภารโรง ผปู้ ระกอบการค้ารา้ นอาหาร นักเรียนแกนนำ� ส�ำนักงานสาธารณสขุ จงั หวดั ศนู ยอ์ นามยั และกรมอนามยั ซงึ่ บคุ ลากรเหลา่ นม้ี คี วามสำ� คญั เปน็ อยา่ งยง่ิ ดงั นน้ั ผมู้ สี ว่ นเกยี่ วขอ้ งควรมบี ทบาท ร่วมกนั ดงั นี้
3.3.1 โรงเรียน 87 1) สำ� รวจโครงสรา้ งระบบน�้ำบรโิ ภค 2) ควบคุมคุณภาพน�้ำบริโภคในโรงเรยี นให้ได้มาตรฐานตามท่กี ำ� หนด ค่มู ือ การจัดการอนามยั ส่งิ แวดลอ้ มในโรงเรยี น 3) เผยแพร่ความรู้ ประชาสัมพนั ธก์ จิ กรรมต่าง ๆ เพ่ือใหน้ กั เรียนและชุมชนมีส่วนรว่ ม 4) ส่งเสรมิ สนบั สนนุ ให้นกั เรยี นแกนน�ำมบี ทบาทในการเฝ้าระวงั คุณภาพน้�ำบริโภคในโรงเรียน 3.3.2 ผู้บริหารโรงเรียน 1) ส่งเสริมสนับสนุนการด�ำเนินงานพัฒนาคุณภาพน�้ำบริโภคในโครงการต่าง ๆ ของนักเรียน กระตนุ้ บคุ ลากรอน่ื ๆ ใหเ้ หน็ ความสำ� คญั และมสี ว่ นรว่ มในการดำ� เนนิ การรว่ มกบั นกั เรยี นอยา่ ง มีประสทิ ธิภาพ 2) สนับสนุนงบประมาณในการพัฒนา ปรับปรุงระบบน้�ำบริโภคในโรงเรียนให้มีคุณภาพได้ มาตรฐาน 3.3.3 ครู 1) เปน็ ทีป่ รึกษาใหค้ ำ� แนะนำ� และสนับสนุนการดำ� เนินงานโครงการต่าง ๆ ของนกั เรยี น 2) ดแู ลการจัดบรกิ ารนำ้� บริโภคให้ถูกสขุ ลักษณะ และมีคณุ ภาพอย่ใู นเกณฑ์มาตรฐาน 3) เสรมิ สรา้ งความรู้ ทกั ษะ และทศั นคติแก่บคุ ลากรภายในโรงเรียน 3.3.4 นกั การภารโรง 1) ดูแลรกั ษา ซอ่ มแซมอุปกรณ์ตา่ ง ๆ ใหอ้ ยู่ในสภาพท่ีใช้งานได้ 2) ดูแลความสะอาดของบริเวณจดุ บริการนำ้� บริโภคใหส้ ะอาด 3.3.5 ผปู้ ระกอบการ/ร้านคา้ 1) ปฏิบัติตามกฎระเบียบข้อบังคับของโรงเรียน และมีสุขอนามัยที่ถูกต้อง อีกทั้งเป็นผู้ประสาน ระหว่างผปู้ ระกอบการคา้ 2) รักษามาตรฐาน รวมทงั้ คณุ ค่า และการบรกิ าร 3.3.6 นักเรียนแกนน�ำ 1) เผยแพรค่ วามรู้ ประชาสมั พนั ธแ์ ละจดั กจิ กรรมต่าง ๆ ภายในโรงเรียนและชุมชน
ค่มู ือ การจัดการอนามยั ส่งิ แวดลอ้ มในโรงเรยี น88 2) เฝ้าระวังคุณภาพน�้ำบริโภคในโรงเรียนให้ได้มาตรฐานตามเกณฑ์ก�ำหนด ด้วยการตรวจสอบ คณุ ภาพน�ำ้ บรโิ ภคโดยชดุ ทดสอบอย่างง่าย 3) ส�ำรวจ ตรวจสอบ และแจ้งเหตุกรณีพบปัญหา โดยประสานความร่วมมือในการปฏิบัติงาน ตามลำ� ดบั ● ประสานงานผทู้ เ่ี กยี่ วขอ้ ง ไดแ้ ก่ ผบู้ รหิ ารโรงเรยี น คณะกรรมการพฒั นาโรงเรยี น ครู ภารโรง ผปู้ ระกอบการรา้ นคา้ ใหก้ ารดำ� เนนิ งานไดร้ บั การสนบั สนนุ เกดิ ความรว่ มมอื และมสี ว่ นรว่ ม ในการด�ำเนินงาน เช่น การรายงานผลการตรวจสอบคุณภาพน�้ำบริโภคแก่ผู้บริหาร คณะกรรมการพฒั นาโรงเรยี นหรอื การแนะนำ� ดา้ นสขุ ลกั ษณะแกผ่ ปู้ ระกอบการรา้ นคา้ เปน็ ตน้
● บนั ทกึ ขอ้ มลู และรายงานผลแก่ครูผดู้ แู ล 89 ● เปน็ แบบอยา่ งที่ดีในการมพี ฤติกรรมอนามัยท่ถี ูกต้อง 4) จัดทำ� โครงงานสขุ ภาพเพอื่ แกไ้ ขปญั หาเรื่องน�้ำบริโภคโรงเรียน ค่มู ือ การจัดการอนามยั ส่งิ แวดลอ้ มในโรงเรยี น 3.3.7 ส�ำนกั งานสาธารณสุขจงั หวดั และศนู ย์อนามยั 1) พฒั นารปู แบบการดำ� เนินงานในพืน้ ท่ี 2) พัฒนาศกั ยภาพผ้เู ก่ยี วข้อง 3) ถ่ายทอดองค์ความรแู้ ละเทคโนโลยี 4) จดั เวทีแลกเปล่ยี นเรียนรู้ 5) ประสานความร่วมมือกับทกุ ภาคสว่ นทีเ่ กย่ี วข้อง 6) ประสานและจดั หาแหลง่ งบประมาณและทรัพยากร 7) เปน็ ที่ปรึกษาดา้ นวชิ าการ 8) สนับสนุนให้บุคลากรท้ังในโรงเรียน ชุมชน และทุกภาคส่วนท่ีเกี่ยวข้องมีบทบาทในการ เฝ้าระวังคุณภาพน้�ำบรโิ ภค 3.3.8 สว่ นกลาง 1) ประสานความรว่ มมอื ในระดับนโยบายระหวา่ งกระทรวง กรม และกองต่าง ๆ 2) ศึกษาวิจยั พัฒนาองค์ความรูแ้ ละเทคโนโลยี 3) จดั ทำ� คูม่ ือเอกสารวชิ าการ เพอื่ สนบั สนนุ การด�ำเนนิ งานในพืน้ ที่ 4) จัดทำ� ฐานข้อมูล 5) สรา้ งกระแสผา่ นสอื่ มวลชนและส่อื ต่าง ๆ 6) เสริมแรงจงู ใจโดยการประกาศเกียรตคิ ณุ 7) จดั เวทีแลกเปลีย่ นเรียนรู้ระดบั ประเทศ 8) เปน็ ทป่ี รกึ ษาทางดา้ นวิชาการ
ค่มู ือ การจัดการอนามยั ส่งิ แวดลอ้ มในโรงเรยี น บทท่ี การจดั การสัตว์และแมลงพาหะนำ�โรค สัตว์และแมลงพาหะน�ำโรค เช่น หนู ยุง แมลงวัน แมลงสาบ เป็นต้น มักอาศัยและหากินตามกองขยะ ถังใส่ เศษอาหาร รางระบายนำ�้ และสง่ิ สกปรกตา่ ง ๆ เมอ่ื สตั วด์ งั กลา่ วมาไตต่ อม กนิ อาหารทม่ี กี ารเกบ็ หรอื ปกปดิ ไมม่ ดิ ชดิ จงึ นำ� เชอื้ โรคปนเปอ้ื นสอู่ าหารและตดิ ตอ่ มาสผู่ บู้ รโิ ภคอาหารนน้ั ๆ ทำ� ใหเ้ กดิ โรคภยั ไขเ้ จบ็ ได้ เชน่ โรคบดิ อหวิ าตกโรค ไทฟอยด์ 90 และโรคพยาธิต่าง ๆ ดังนั้น เพื่อเป็นการป้องกันการเกิดโรคติดต่อทางระบบทางเดินอาหารกับเด็กนักเรียน จึงต้องมี การจัดโรงเรียนใหส้ ะอาด ปลอดภยั เพื่อให้เกิดสขุ ภาพอนามัยท่ดี ีของเด็กนกั เรยี น 1. การควบคุมและป้องกันสัตวแ์ ละแมลงพาหะนำ� โรค สัตวแ์ ละแมลงพาหะนำ� โรคท่เี ป็นปญั หาสาธารณสขุ และพบเห็นได้บอ่ ย ได้แก่ แมลงสาบ หนู แมลงวัน และยุง ที่มักเข้ามาอาศัยหลบซ่อน ท�ำรัง และแพร่พันธุ์ ภายในอาคารเรียน ซึ่งเชื้อโรคมักติดตามขนขา ล�ำตัว หรือมีเชื้อโรค ปะปนอยใู่ นนำ้� ลาย ปสั สาวะ หรอื อจุ จาระของสตั วพ์ าหะนำ� โรคเหลา่ นี้ ซง่ึ สามารถกอ่ ใหเ้ กดิ โรคภยั ไขเ้ จบ็ แกน่ กั เรยี น เชน่ โรคฉี่หนู โรคพยาธิ โรคติดเชื้อระบบทางเดินอาหาร ตลอดจนไวรัส เช้ือรา เป็นต้น นอกจากน้ียังก่อให้เกิดผลเสียทาง เศรษฐกจิ ท�ำลายอาหาร พืช และส่งิ ของเครอ่ื งใชต้ ่าง ๆ ดังนน้ั การควบคมุ และปอ้ งกนั แมลงและสตั ว์พาหะนำ� โรคจงึ มี ความส�ำคัญและควรใสใ่ จปฏิบัตอิ ย่างสม่ำ� เสมอ ดงั นี้
1. ยงุ 91 ยงุ เปน็ แมลงทพ่ี บไดท้ วั่ โลก แตพ่ บมากในเขตรอ้ นและเขตอบอนุ่ ยงุ บางชนดิ กอ่ ความรำ� คาญ บางชนดิ เปน็ พาหะนำ� โรค เชน่ ยงุ ลายเปน็ พาหะนำ� โรคไขเ้ ลอื ดออกและชคิ นุ กนุ ยา ยงุ กน้ ปลอ่ งเปน็ พาหะนำ� โรคมาลาเรยี ยงุ เสอื เปน็ ค่มู ือ การจัดการอนามยั ส่งิ แวดลอ้ มในโรงเรยี น พาหะน�ำโรคเทา้ ช้าง ยงุ รำ� คาญเป็นพาหะนำ� โรคไขส้ มองอักเสบ เป็นต้น การควบคุมและป้องกันยุง เพ่ือลดการแพร่กระจายของเช้ือโรคท่ีน�ำโดยยุง สามารถด�ำเนินการได้หลาย แนวทาง ดังนี้ 1.1 การท�ำลายแหล่งเพาะพันธุ์โดยการปรับสุขาภิบาลสิ่งแวดล้อม การควบคุมและป้องกันไม่ให้มีแหล่ง เพาะพันธุ์ของยุง ต้องมีความรู้เก่ียวกับชีววิทยาและนิเวศวิทยาของยุงท่ีต้องการก�ำจัด เพราะยุงแต่ละ ชนิดมแี หลง่ เพาะพันธแุ์ ตกตา่ งกนั 1.2 การจดั การโดยวธิ กี ล ลดการสมั ผสั ระหวา่ งคนกบั ยงุ เชน่ การตดิ มงุ้ ลวดตามประตู หนา้ ตา่ ง และชอ่ งลม การใชม้ งุ้ การสวมเสอื้ ผา้ ท่ปี ้องกนั รา่ งกายใหม้ ิดชิด 1.3 การจดั การโดยวธิ ที างชวี ภาพ ใชส้ ง่ิ มชี วี ติ มาควบคมุ ยงุ แตต่ อ้ งมปี รมิ าณมากพอทจี่ ะควบคมุ ประชากร ยงุ ได้ สามารถหาไดใ้ นทอ้ งถน่ิ โดยไมเ่ ปน็ อนั ตรายตอ่ สง่ิ มชี วี ติ อนื่ ๆ การใชว้ ธิ ที างชวี ภาพในการควบคมุ ลูกน�้ำยุง เชน่ ● การปลอ่ ยปลากนิ ลกู นำ้� ยงุ ลงในแหลง่ เพาะพนั ธ์ุ หรอื แหลง่ ทมี่ ลี กู นำ�้ ยงุ มาก ๆ เชน่ ปลาหางนกยงู ปลาจะกนิ ลูกน�้ำสามารถท�ำลายยงุ ในระยะที่ วงจรชวี ิตอยใู่ นนำ้� ได้ ทง้ั ในระยะเป็นไข่ ระยะ ลูกน้�ำ หรือระยะตัวโม่ง อัตราการใช้ปลากิน ลกู นำ�้ ทไี่ ด้ผล คอื ใชป้ ลากนิ ลูกน�้ำ 3-5 ตวั ต่อพ้นื ท่ี ผวิ น้�ำ 1 ตารางเมตร ● การใชไ้ สเ้ ดอื นฝอยเขา้ ไปทำ� ลายลกู นำ�้ ยงุ เมอ่ื ลกู นำ�้ ยงุ กนิ ไสเ้ ดอื นฝอยเขา้ ไป มนั จะเจรญิ เตบิ โตในกระเพาะอาหารของ ยุง ท�ำให้ลูกนำ�้ ท้องแตกตาย
ค่มู ือ การจัดการอนามยั ส่งิ แวดลอ้ มในโรงเรยี น 1.4 การจัดการโดยใช้สารเคมี การใช้มาตรการควบคุม โดยใชส้ ารเคมนี จี้ ะตอ้ งมกี ารวางแผนอยา่ งรดั กมุ โดยอาศัยความรู้ทางชีววิทยาและนิเวศวิทยา ของยุง การระบาดวิทยาของโรค ความเป็นพิษ ของสารเคมีที่นำ� มาใช้ สารเคมีที่นำ� มาใช้ควรพจิ ารณาถงึ ปจั จัยทสี่ �ำคัญ คือ มปี ระสทิ ธภิ าพในการควบคมุ ได้สูง ไม่มีพษิ ตอ่ คนและสตั ว์ และไมม่ ผี ลกระทบตอ่ สิ่งแวดลอ้ ม ไม่สะสมในดนิ และน�้ำ ดังน้นั การควบคมุ ยุงพาหะโดยการใช้สารเคมจี งึ ควรใช้รว่ มกบั มาตรการอื่นดว้ ย ● สารจากธรรมชาติ (natural products) เช่น สารไพรีทรินส์ ซ่ึงสกัดจากดอกเบญจมาศ สารนิโคติน จากใบยาสบู สารสกัดจากสะเดา (Neem) โลต่ น๊ิ (Rotenone) เป็นตน้ ● การใช้สารเคมีก�ำจัดลูกน้�ำยุง (larvicides) เช่น เทมีฟอส (temephos) เฟนไธออน (fenthion) คลอร์ไพรีฟอส (chlorpyrifos) เป็นต้น ส่วนใหญ่ไม่เป็นอันตรายต่อสัตว์เล้ียงลูกด้วยนมและปลา สารเคมีบางชนิดมีอายุการใช้งานส้ัน ท�ำให้ต้องเพิ่มความถี่ในการด�ำเนินการควบคุมจึงจะได้ผล 92 บางชนิดมีความคงทนเป็นระยะเวลาหลายเดือน เช่น เทมีฟอส (temephos) 1% เคลือบทราย (sand granules) หรือเคลือบซีโอไลท์ (zeolite granules) ความเข้มข้นที่แนะน�ำให้ใช้ 1 พีพีเอ็ม ในนำ้� (10 กรัมในนำ�้ 100 ลติ ร) มีฤทธก์ิ ำ� จดั ลูกน้ำ� ยงุ ลายได้ 8-20 สปั ดาห์ ● สารไล่แมลง (repellents) ใช้ในกรณีท่ีจัดการยุงแล้วแต่ยังมียุงเหลืออยู่ หรือระหว่างท่ีมีการระบาด ของโรค ซง่ึ จำ� เปน็ ตอ้ งใชว้ ธิ ปี อ้ งกนั ไมใ่ หย้ งุ กดั ดว้ ยการใชส้ ารไลแ่ มลงทผี่ ลติ ขน้ึ มาเพอื่ ใชใ้ นการปอ้ งกนั ตัวเอง โดยการทาบรเิ วณผวิ หนงั หรอื ชุบเสื้อผ้า เครือ่ งนุง่ ห่ม ชบุ มุ้ง ● การพ่นสารเคมีก�ำจัดยุงตัวเต็มวัย การพ่นสารเคมีแบบมีฤทธ์ิตกค้าง โดย เนน้ ทยี่ ุงชนิดทีช่ อบหากนิ ในบ้าน ชอบดูดเลอื ดคน และชอบเกาะพกั ในบา้ น เมือ่ ยุงเกาะพักบนพนื้ ผิวท่ีพ่นสารเคมีไว้จะได้รบั สารพษิ ของสารเคมี และ ตายก่อนที่จะน�ำเชือ้ โรคไปแพร่สู่คน และมีผลลดความหนาแนน่ ของ จ�ำนวนยุง และการพ่นสารเคมีแบบฟุ้งกระจายในอากาศ เมื่อยุงบินผ่าน หรือเกาะพกั อยู่ สัมผสั กบั ละอองสารเคมีที่ฟุง้ กระจายในอากาศ จะทำ� ใหย้ งุ ตายได้
รูปท่ี 50 การปอ้ งกันและควบคมุ ยงุ 2. แมลงสาบ 93 แมลงสาบ เปน็ พาหะนำ� โรคชนดิ หนงึ่ ทมี่ กั พบไดใ้ นอาคารบา้ นเรอื นทวั่ ไป แมลงสาบ มกั ชอบอาศยั อยรู่ ว่ มกบั มนษุ ยแ์ ละกอ่ ใหเ้ กดิ ความรำ� คาญ ชอบออกหากนิ ในเวลากลางคนื ค่มู ือ การจัดการอนามยั ส่งิ แวดลอ้ มในโรงเรยี น และสามารถกินอาหารได้ทุกประเภท ต้ังแต่เศษอาหาร เศษผักผลไม้ ซากสัตว์ หรือ แมลงท่ีตายแล้ว น้�ำลาย เสมหะ อุจจาระ กระดาษ รวมทัง้ พวกใยผ้าตา่ ง ๆ นอกจากน้ี แมลงสาบยงั กอ่ ใหเ้ กดิ ความสกปรกและกลน่ิ เหมน็ อกี ดว้ ย เพราะเมอ่ื มนั กดั กนิ หรอื เดนิ ผ่านอาหารมันจะส�ำรอกหรือถ่ายลงบนอาหารนนั้ ทำ� ใหเ้ ชอื้ โรคตา่ ง ๆ รวมทง้ั พยาธิ ปนเปอ้ื นสอู่ าหาร แมลงสาบเปน็ พาหะนำ� เชอื้ โรคหลากหลายชนดิ ทง้ั เชอ้ื ไวรสั แบคทเี รยี เชอ้ื รา หรอื โปรโตซวั เชอ้ื โรคเหลา่ นม้ี กั ตดิ มากบั ขาหรอื ลำ� ตวั ของแมลงสาบ ขณะทพี่ วกมนั ออกหากนิ ตามบริเวณทส่ี กปรก ดังนั้น แมลงสาบจึงพรอ้ มจะแพรเ่ ชือ้ สคู่ นได้ทันทีเมอื่ พวกมันไต่ไปบน เสอ้ื ผ้าที่คนสวมใสห่ รอื ภาชนะรองอาหารและอาหารที่คนรับประทาน การควบคมุ และปอ้ งกนั แมลงสาบ เพอื่ ลดการแพรก่ ระจายของเชอื้ โรคทนี่ ำ� โดยแมลงสาบ สามารถดำ� เนนิ การ ไดห้ ลายแนวทาง ดังนี้ 2.1 รกั ษาความสะอาด ความเปน็ ระเบียบของอาคารเรยี นให้ทว่ั ถึงอย่างสมำ�่ เสมอ 2.2 ทำ� ความสะอาดหอ้ งครวั โรงอาหาร มภี าชนะปกปดิ มดิ ชดิ อยา่ ใหม้ เี ศษอาหารตกคา้ งซง่ึ อาจเปน็ อาหาร แมลงสาบได้ รวมถงึ ท�ำความสะอาดหอ้ งน�้ำหอ้ งส้วมเป็นประจ�ำ
ค่มู ือ การจัดการอนามยั ส่งิ แวดลอ้ มในโรงเรยี น 2.3 อาหารแห้งตา่ ง ๆ เช่น แป้ง นำ�้ ตาลควรบรรจุในขวดโหลหรือกระป๋องท่ีมีฝาปดิ มดิ ชดิ และเกบ็ ใส่ตู้ 2.4 ถงั ขยะทม่ี ีฝาปดิ มิดชิดไมร่ ั่วไมซ่ มึ และนำ� ขยะไปทงิ้ ทุกวัน ไมใ่ ห้ตกคา้ ง 2.5 ปอ้ งกนั ไมใ่ หแ้ มลงสาบเขา้ มาอาศยั และเพาะพนั ธภ์ุ ายในอาคารเรยี น โดยการปดิ หรอื อดุ ชอ่ งโหวบ่ รเิ วณ ประตหู นา้ ตา่ งหรือรอยแตกร้าวบนผนงั ห้องเรยี น 94 รูปท่ี 51 การทำ� ความสะอาดห้องเรียนและโรงอาหารเพอื่ การป้องกันแมลงสาบ 3. หนู หนู เปน็ สตั วเ์ ลยี้ งลกู ดว้ ยนม สามารถคลอดลกู ไดต้ ลอดปี ชอบออกหากนิ เวลากลางคนื โดยจะเรม่ิ ออกหากนิ ตง้ั แตเ่ วลาพระอาทติ ยต์ กดนิ หนจู ะใชจ้ มกู ดมหาแหลง่ อาหาร มกั หากนิ ในบรเิ วณใกลท้ พ่ี กั อาศยั อยใู่ นรศั มี 100-150 ฟตุ มคี วามสามารถทจ่ี ะหาอาหารได้ทัง้ ในน้�ำและบนบก การควบคมุ และปอ้ งกนั หนู เพอื่ ลดการแพรก่ ระจายของเชอื้ โรค ท่นี ำ� โดยหนู สามารถดำ� เนินการไดห้ ลายแนวทาง ดังนี้ 3.1 การปรับปรุงอนามัยสิ่งแวดลอ้ ม เพอื่ ปอ้ งกนั และกำ� จัด ทพ่ี กั อาศยั ของหนู เชน่ การป้องกนั ไมใ่ ห้หนเู ขา้ ภายใน อาคารเรียน โดยการปิดชอ่ งโหว่ หรอื ทางเปดิ ทีห่ นูจะเข้าไปได้ อาจกรุ ด้วยตาขา่ ยหรือวสั ดทุ ปี่ ้องกนั การกดั แทะของหนไู ด้ เชน่ คอนกรีต อฐิ หนิ เหลก็ เปน็ ตน้ การรวบรวมและกำ� จัดมลู ฝอย ซ่ึงเป็นแหล่งอาหารและ
ทพ่ี กั อาศยั ของหนู ดงั นนั้ ควรเกบ็ มลู ฝอยในภาชนะรองรบั ทท่ี ำ� ดว้ ยวสั ดแุ ขง็ แรง ไมร่ ว่ั ซมึ มฝี าปดิ มดิ ชดิค่มู ือ การจัดการอนามยั ส่งิ แวดลอ้ มในโรงเรยี น การปรบั ปรงุ อาคารใหถ้ กู สขุ ลกั ษณะ การเกบ็ อาหารไวใ้ นทยี่ กพน้ื ขาโตะ๊ สงู จากพน้ื อยา่ งนอ้ ย 12-18 นว้ิ ไมค่ วรวางชิดข้างฝา และไม่ควรซอ้ น ๆ กันจนถงึ เพดาน เพราะหนูชอบวิ่งตามแนวข้างฝา บริเวณพนื้ ดา้ นทตี่ ดิ ฝาผนงั ควรทาสขี าวเปน็ แนวยาวตลอดฝาผนงั ทงั้ หอ้ งโดยใหม้ คี วามกวา้ ง 6 นว้ิ เพอื่ ใชป้ ระโยชน์ ในการตรวจรอ่ งรอยต่าง ๆ ของหนแู ละสะดวกในการท�ำความสะอาด เป็นตน้ 3.2 การทำ� ลายหนโู ดยตรง มอี ยหู่ ลายวธิ ี ไดแ้ ก่ วธิ กี ล เชน่ การใชก้ รงดกั การวางกาว เปน็ ตน้ การใชส้ ารเคมี จำ� แนกได้ 2 ชนดิ ตามการออกฤทธ์ิ คอื สารก�ำจัดหนูออกฤทธ์ิเรว็ เชน่ ซิงค์ฟอสไฟด์ 0.8%-1% และ ซลิ มรู ิน 0.05% เปน็ ต้น และสารก�ำจัดหนูออกฤทธิ์ช้า 95 รปู ที่ 52 วิธกี ารปอ้ งกนั และควบคมุ หนโู ดยการใช้กรงดกั
ค่มู ือ การจัดการอนามยั ส่งิ แวดลอ้ มในโรงเรยี น 4. แมลงวนั แมลงวัน สามารถปรับตัวให้อยู่ในสิ่งแวดล้อมตามธรรมชาติได้ดีและกินอาหารได้ แทบทกุ ชนดิ ทง้ั เศษอาหาร อจุ จาระ มลู สตั ว์ ซากสตั ว์ อาหารบดู เนา่ ตามกองขยะ แมลงวนั มี บทบาทสำ� คญั ทำ� ใหเ้ กดิ การแพรร่ ะบาดของโรคทสี่ ำ� คญั หลายชนดิ ไดแ้ ก่ อหวิ าตกโรค บดิ มเี ชอื้ บดิ มีตวั ไขร้ ากสาด อาหารเปน็ พิษ พยาธิเส้นด้าย พยาธิตัวกลม พยาธปิ ากขอ การควบคุมและป้องกันแมลงวัน เพื่อลดการแพร่กระจายของเชื้อโรคที่น�ำโดยแมลงวัน สามารถดำ� เนินการได้หลายแนวทาง ดงั น้ี 4.1 การปรับปรงุ สุขาภบิ าลสง่ิ แวดล้อม เช่น จัดให้มแี ละใช้สว้ มที่ถูกสุขลกั ษณะ รวมทั้งมกี ารบำ� รงุ รกั ษาให้ สะอาดอยเู่ สมอ จดั เกบ็ เศษอาหาร และขยะมลู ฝอยในภาชนะทเ่ี หมาะสม ไมร่ ว่ั ซมึ มฝี าปดิ มดิ ชดิ และนำ� 96 ไปก�ำจัดให้เหมาะสม ก�ำจัดมูลสัตว์ไม่ให้เหลือตกค้าง หม่ันเก็บกวาดรวบรวมมูลสัตว์ที่เกิดขึ้นทุกวัน ไปกำ� จดั โดยการนำ� ไปตากแดดใหแ้ หง้ เผา ฝงั หรอื หมกั ทำ� ปยุ๋ เกบ็ อาหารในตแู้ ละภาชนะทปี่ กปดิ มดิ ชดิ 4.2 การควบคมุ โดยใชส้ ารเคมี แบง่ ไดเ้ ปน็ 2 ระยะ คอื การทำ� ลายตวั ออ่ นของแมลงวนั โดยใชส้ ารเคมที ำ� ลาย ตวั ออ่ นของแมลงวนั โดยตรง การทำ� ลายตวั แกข่ องแมลงวนั โดยวธิ กี ารพน่ หรอื การใชเ้ หยอื่ พษิ เปน็ ตน้ ทงั้ นต้ี อ้ งเลอื กใชใ้ หเ้ หมาะสมกบั สภาพแวดลอ้ ม คำ� นงึ ถงึ ความปลอดภยั ตอ่ มนษุ ยแ์ ละสตั วเ์ ลยี้ งเปน็ สำ� คญั 4.3 การควบคมุ ดว้ ยวธิ กี ล เชน่ ใชก้ รงดกั แมลงวนั ใชก้ าวดกั แมลงวนั
บทที่ การจัดการสาธารณภัย โรงเรียนเปรียบเสมือนบ้านหลังท่ีสองของนักเรียนและครูทุกคน หากโรงเรียนต้องเสียหายไปกับการเกิดเหตุ 97 สาธารณภยั ยอ่ มสรา้ งความสญู เสยี และสง่ ผลกระทบตอ่ ชวี ติ ทรพั ยส์ นิ และสภาพจติ ใจของทกุ คนในโรงเรยี นเปน็ อยา่ งมาก นอกจากน้ียังสร้างผลกระทบด้านอนามัยส่ิงแวดล้อม เช่น การสูญเสียทรัพยากรต่าง ๆ การขาดแคลนน้�ำสะอาด ค่มู ือ การจัดการอนามยั ส่งิ แวดลอ้ มในโรงเรยี น ส�ำหรับอุปโภค บริโภค การสุขอนามัยไม่ดี การจัดการมูลฝอย การจัดการส่ิงปฏิกูลต่าง ๆ เป็นต้น และอาจส่งผล ตอ่ สขุ ภาพทำ� ใหเ้ กดิ โรคตา่ ง ๆ เชน่ โรคอจุ จาระรว่ ง โรคระบบทางเดนิ อาหาร โรคระบบทางเดนิ หายใจ โรคผวิ หนงั เปน็ ตน้ ถงึ แมก้ ารเกดิ สาธารณภยั จะเปน็ เหตกุ ารณท์ ส่ี ามารถเกดิ ขน้ึ ไดแ้ ทบทกุ ทท่ี กุ เวลา แตถ่ า้ เรามคี วามรคู้ วามเขา้ ใจเกย่ี วกบั การจดั การสาธารณภยั รวมถงึ ปจั จยั เสย่ี งตา่ ง ๆ ทท่ี ำ� ใหเ้ กดิ สาธารณภยั และจะตอ้ งมกี ารบรหิ ารจดั การทม่ี ปี ระสทิ ธภิ าพ เพ่อื ไมใ่ หม้ ผี ลกระทบตอ่ ครู อาจารย์ เจ้าหนา้ ที่ และนกั เรียนในโรงเรียนที่ประสบภัย หรอื มีผลกระทบน้อยที่สุด
ค่มู ือ การจัดการอนามยั ส่งิ แวดลอ้ มในโรงเรยี น 1. ประเภทของสาธารณภัย หมอกควัน เกิดขึ้นจากการเผาไหม้ท่ีไม่สมบูรณ์ท�ำให้เกิดมลพิษอากาศ โดยเฉพาะ ฝนุ่ ละอองขนาดเลก็ กวา่ 10 ไมครอน หรอื ทเ่ี รยี กวา่ พเี อม็ เทน็ ซงึ่ มเี สน้ ผา่ นศนู ยก์ ลางเลก็ กวา่ เสน้ ผม ถึง 6 เท่า ซ่ึงสาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากการเผาป่า เผาพ้ืนที่เกษตร เผาขยะ กิจกรรมจากภาค อุตสาหกรรม การจราจร และหมอกควันข้ามแดน ภยั ร้อน หมายถงึ สถานการณข์ องอุณหภมู ทิ ่ีสงู กว่า 40 องศาเซลเซยี ส เม่อื รา่ งกายไดร้ ับ ความรอ้ นจะทำ� ใหอ้ ณุ หภมู ขิ องรา่ งกายสงู กวา่ ปกติ(ปกตคิ นมอี ณุ หภมู ริ า่ งกายอยทู่ ่ี37องศาเซลเซยี ส) ระบบของร่างกายจะท�ำงานอย่างหนักเพื่อควบคุมอุณหภูมิในร่างกายให้ลดลงมาในระดับปกติ 98 หากร่างกายไม่สามารถปรบั ตัวไดก้ ็จะสง่ ผลกระทบตอ่ สุขภาพ ภัยแล้ง หมายถึง ภัยธรรมชาติอันเกิดจากการมีฝนตกน้อยหรือฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาล ท�ำให้เกิดสภาวะการขาดแคลนน้�ำส�ำหรับการอุปโภคบริโภค ซ่ึงเป็นสาเหตุให้พืชพรรณต่าง ๆ ได้รับผลกระทบ ท�ำให้พืชหยุดการเจริญเติบโต ผลผลิตไม่สมบูรณ์ เกิดภาวะขาดแคลนอาหาร สง่ ผลต่อเศรษฐกจิ และสังคม นำ�้ ทว่ ม หมายถงึ ลกั ษณะทเ่ี กดิ ขน้ึ จากปรมิ าณนำ้� สะสมจำ� นวนมากทไ่ี หลบา่ ในแนวระนาบ จากทสี่ งู ไปยงั ทต่ี ำ�่ เขา้ ทว่ มอาคารบา้ นเรอื น เรอื กสวนไรน่ า ไดร้ บั ความเสยี หายหรอื เกดิ จากสภาพ นำ้� ทว่ มขงั ในเขตเมอื งใหญท่ ม่ี สี าเหตจุ ากฝนตกหนกั ตอ่ เนอื่ งเปน็ เวลานาน และระบบการระบาย น�ำ้ ในเมืองไม่ดีพอ มสี ง่ิ ก่อสรา้ งกีดขวางทางระบายน�้ำ หรอื เกดิ น�ำ้ ทะเลหนนุ สูงกรณีพ้ืนทอ่ี ยใู่ กล้ ชายฝัง่ ทะเล แผ่นดินไหว หมายถึง การส่ันสะเทือนของพื้นดิน ซึ่งมีสาเหตุมาจากการเคลื่อนที่อย่าง ฉับพลันของเปลือกโลก เน่ืองจากพลังงานความร้อนภายในโลกทําให้เกิดแรงเครียด แรงเครียด ท่ีสะสมอยู่ในโลกทําให้เกิดการแตกหักของหิน เมื่อหินแตกออกเป็นแนวจะเกิดเป็นรอยเลื่อน และการเคลือ่ นท่ีอย่างฉบั พลันของรอยเล่อื น เปน็ สาเหตุหลักของการเกดิ แผน่ ดนิ ไหว
2. ขนั้ ตอนการปฏบิ ตั ิเม่ือเกิดสาธารณภัย 99 2.1 ระยะกอ่ นเกิดภัย 2.1.1 สำ� รวจความเส่ียงภยั ของโรงเรียน ค่มู ือ การจัดการอนามยั ส่งิ แวดลอ้ มในโรงเรยี น 2.1.2 เตรียมเครื่องมือ อุปกรณ์แจ้งเตือนภัย เช่น วิทยุส่ือสาร ถังดับเพลิงและตรวจสอบสัญญาณ แจ้งเตือนสาธารณภยั สม�ำ่ เสมอ 2.1.3 ส�ำรวจเส้นทางอพยพและจดุ ปลอดภัย 2.1.4 เฝ้าระวงั เหตุ 2.1.5 แจ้งขา่ วสารและใหค้ วามรแู้ กส่ มาชิกในโรงเรยี นเกี่ยวกบั การเกดิ เหตุสาธารณภัย 2.1.6 จัดท�ำระบบแจง้ เตอื นภัยในโรงเรียน 2.1.7 ก�ำหนดวิธีการอพยพเส้นทางอพยพและจุดปลอดภยั 2.2 ระยะเกดิ ภัย 2.2.1 ด�ำเนินการอพยพตามแผนฯ 2.2.2 สำ� รวจจำ� นวนนกั เรียนและบคุ ลากร 2.2.3 ดำ� เนนิ การรกั ษาพยาบาลผ้เู จ็บป่วย 2.2.4 นำ� ผ้บู าดเจบ็ ส่งโรงพยาบาล 2.2.5 ดแู ลเรอ่ื งความปลอดภยั และทรพั ยส์ นิ ของ โรงเรยี น 2.2.6 ประสานหน่วยงานท่ีเกี่ยวขอ้ งเข้ามา ชว่ ยเหลือบรรเทาภัย 2.3 ระยะหลงั เกิดภัย 2.3.1 ตดิ ต่อผู้ปกครองนกั เรียนใหม้ ารับกลับบา้ นในกรณี ทีน่ ักเรยี นไม่สามารถเข้าเรยี นไดต้ ามปกติ 2.3.2 สำ� รวจความเสียหายด้านอาคารทรพั ย์สนิ เพื่อขอรับความช่วยเหลอื จากทางราชการที่เก่ียวข้อง 2.3.3 ประสานหน่วยงานทเ่ี ก่ยี วขอ้ งสำ� รวจความเสียหายดา้ นสาธารณปู โภคในโรงเรยี น
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122