Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คำพระ (พ.อ.ปิ่น มุุทุกันต์)

คำพระ (พ.อ.ปิ่น มุุทุกันต์)

Published by 100p.pin2562, 2019-11-17 06:45:59

Description: คำพระ (พ.อ.ปิ่น มุุทุกันต์)

Search

Read the Text Version

100 (๒๒๒) ปณฺฑโิ ต ภว มา พาโล. ท่านจงเป็นบัณฑิต อยา่ เปน็ พาล (ธ.บ. ๗) โอกาสท่ีควรใช้:- เตือนใจคนทีก่ าํ ลังเดินทางผดิ ให้กลบั ตวั กอ่ นที่จะสายเกนิ ไป นิทาน:- ตาคนหน่ึงมีอาชีพทางฆ่าววั ขาย และมีรสนิยมเวรกรรมอะไรกไ็ ม่ทราบ จะกนิ ขา้ วแต่ ละม้อื จะต้องมเี นื้อวัวด้วยเสมอ อยู่มาวันหนึ่ง บังเอิญภรรยาเขาขายเน้ือหมด แม้แต่ชิ้นสุดท้ายท่ีผัวจะ ทํากินเอง นายโคฆาตพอรู้ว่าเน้ือไม่มี ก็คว้ามีดเข้าไปในคอกวัวล้วงเข้าไปในปากแล้วลากเอาลิ้นมัน ออกมาตดั ไปปงิ้ กินเป็นอาหาร มไิ ยว่าวัวจะได้ทุกข์ทรมานอย่างไรก็ตาม ทันใดน้ันเองลิ้นของเขาได้ขาด ออกจากปากตกลงในจานข้าว และถงึ แก่ความตาย ลูกชายของเขาหนไี ปเรยี นวชิ าชา่ งทองทก่ี รงุ ตักกศลิ า ก็บงั เอิญไปได้ลูกสาวของคนใจบาปเป็น ภรรยา ครั้นต่อมาสองผัวเมียตั้งตัวได้แล้ว จึงทําบุญอุทิศส่วนกุศลให้พ่อของภรรยา ผู้ซ่ึงไม่เคยทําบุญ เลย และขณะน้นั ก็ยงั มชี วี ิตอย่ดู ้วย ในคราวทําบุญนัน้ เอง และขณะนนั้ ก็ยงั มชี วี ติ อย่ดู ้วย ในคราวทําบุญ นั้นเอง พระพทุ ธเจา้ ได้ตรัสเตือนพ่อของภรรยา (พอ่ ตา) ของเขาดว้ ย “คาํ พระ” ข้างบนน้ี ความหมาย:- บณั ฑติ หมายถึงคนท่ีตัง้ อยู่ในทาํ นองคลองธรรม เกลียดกลัวบาปทจุ ริต ส่วนคน พาลก็ตรงกันข้าม มีแตส่ รา้ งกรรมทาํ บาป (๒๒๓) โย มุนาติ อโุ ภโลเก มุนิ เตนปวุจจฺ ติ. ผูใ้ ดรอู้ รรถทง้ั สองในโลกเรา (ตถาคต) เรียกผนู้ นั้ ว่าเป็นมุนี (ธ.บ. ๗) โอกาสที่ควรใช้:- กําหนดคุณลกั ษณะของคนท่เี ป็นมุนี นทิ าน:- ครงั้ หนึง่ พวกเดยี รถยี ไ์ ดโ้ ฆษณาโจมตพี ระสงฆ์พุทธสาวก โดยยกเหตุที่พระสงฆ์สวด อนโุ มทนา (ยถา-สพั พี) เมอ่ื ฉนั เสร็จแล้วเปน็ ข้ออ้างว่าพวกสาวกของพระพุทธเจ้าพูดมาก คนพูดมาก ๆ ไมใ่ ช่มุนี (นักปราชญ์) ส่วนพวกตนสินยิ มการนง่ิ เพราะเปน็ มุนีแท้ ความนี้ทราบถงึ พระพุทธเจ้า พระองค์ตรัสแก้ว่า การนิ่งน้ันจะเอาเป็นนิยายอะไรได้ บางคน นิง่ เพราะไมร่ ู้ว่าจะพูดอะไร บางคนอยากพดู แต่กลวั จะผิดก็เลยน่ิง บางพวกตระหนค่ี วามรู้จงึ ไม่ยอมพูด เพราะระแวงว่าคนอืน่ จะรู้ทันตน ในทส่ี ุดพระองค์จึงตรัส “คาํ พระ” บทน้ี ความหมาย:- คําว่า “อรรถทั้งสองในโลก” หมายถึง รู้เรื่องราวของขันธ์ห้า หรือชีวิตจิตใจ ของตนเอง คือร้วู ่าขันธใ์ ดเปน็ ภายนอก ขันธใ์ ดเป็นภายใน พดู อกี ทคี ือร้จู ักรปู – นาม (๒๒๔) อหสึ า สพพฺ ปาณาน อรโิ ยติ ปวุจฺจต.ิ คนที่บัณฑิตจะรอ้ งเรียกว่าอริยชนก็โดยทีเ่ ขาไม่เบยี ดเบียนสัตว์ทง้ั ปวง (ธ.บ. ๗) โอกาสท่ีควรใช้:-บรรยายคณุ ลกั ษณะของอรยิ ชน นทิ าน:- ครง้ั หนึง่ พระพทุ ธเจ้าเสด็จกลบั จากบณิ ฑบาตในเมืองสาวตั ถี มพี ระสาวกจํานวนมาก ติดตามมาดว้ ย ครั้นเสด็จมาถึงทีแ่ ห่งหนง่ึ ได้ทอดพระเนตรเห็นคนตกเบ็ดคนหนึ่ง จึงประทับยืนอยู่ใกล้ ๆ เขา ณ ที่นั้น พระองค์ได้เร่ิมแสดงธรรมโดยตรงทรงถามช่ือพระสาวกก่อน ว่าองค์ไหนชื่ออะไร พระสงฆ์ก็กราบทูลบอกชื่อของตน ๆ คนตกเบ็ดยืนฟ๎งอยู่ท่ีนั่นก็นึกในใจว่า เมื่อทรงถามพระหมดแล้ว พระพุทธเจ้าอาจทรงถามตน ก็เป็นความจรงิ พระองคต์ รัสถามชอ่ื เขา ๆ จงึ กราบทลู วา่ เขาชื่อ “อรยิ ”

101 พระองค์ตรสั ว่า ช่อื เขาไม่สมตวั เสยี แล้ว และตรัส “คาํ พระ” บทน้ีในที่สดุ ความหมาย:- คําว่าเบียดเบียนสัตว์โดยตรงได้แก่การฆ่าสัตว์ โดยอ้อมหมายถึงการทําให้คน อนื่ ได้รบั ความเดอื ดร้อนทุกทาง เช่น ด่าเขา นินทาเขา ยยุ งเขา ฯลฯ (๒๒๕) พาลสงคฺ ตฺจารหี ิฑีฆมทฺธานโสจติ. ผชู้ อบเทย่ี วกับคนพาล ยอ่ มจะเสยี ใจไปนาน (ธ.บ. ๖) โอกาสท่คี วรใช้:-เตอื นใจในการคบหาสมาคม การเลือกคนร่วมงาน การผูกสมัครรักใคร่ การ เข้าร่วมวง ตลอดจนการกินการเทย่ี วร่วมกบั คนอ่ืน นิทาน:- ในปีสุดท้ายที่พระพุทธเจ้าจะเสด็จปรินิพพาน พระองค์ได้ทรงประกาศให้พระสงฆ์ และประชาชนทราบล่วงหน้าเป็นเวลา ๓ เดือน ระหวา่ งน้ันพระองค์ทรงอาพาธด้วยพระโรคป๎กขันทิกา พาธ ในช่วงระยะเวลา ๓ เดือนน้ัน นอกจากพระองคไ์ ดท้ รงเปิดโอกาสให้ใคร ๆ ซักถามขอ้ สงสัยได้ แล้ว พระองค์ได้ทรงนําหลักธรรมปฏิบัติสําคัญ ๆ ท่ีทรงแสดงแล้วมาแสดงทบทวนอีกหลายเรื่อง ซึ่งก็ พอเหมาะกับระยะนัน้ มีพระสงฆแ์ ละประชาชนมาเฝาู เปน็ จํานวนมากด้วย “คาํ พระ” ข้างบนน้ีเปน็ พทุ ธ โอวาทข้อหนึ่งในคราวน้นั ความหมาย:- ที่ว่า “ชอบเท่ียวไปกับคนพาล” นั้นหมายความว่า ชอบทําอะไร ๆ กับคนพาล เชน่ ไปเที่ยวด้วยกัน รวมหุ้นกัน รักใคร่เป็นสามีภรรยากัน ให้ความไว้วางใจกัน ดังน้ีเป็นต้น ภาษาทาง ศาสนาใช้คําว่า “เท่ียวไป” คนพาลน้ันไม่เคยที่จะทําให้คนอ่ืนเสียใจ ต่างแต่ว่าจะช้าหรือเร็วเท่านั้น เพราะคนพาลเป็นเหมอื นอสรพิษร้าย สว่ นลกั ษณะของคนพาลมอี ย่างไร โปรดดูใน “คําพระ” ที่ ๓๘ (๒๒๖) น เตนปณฑฺ โิ ต โหติ ยาวตา พหุ ภาสติ. คนมใิ ชจ่ ะช่ือวา่ เป็นบัณฑติ เพราะเหตเุ พียงพดู มาก (ธ.บ. ๗) โอกาสท่คี วรใช้:-เตือนใจคนพดู มาก นิทาน:- ครั้งพุทธกาลมพี ระภิกษเุ กะกะเกเรอยพู่ วกหน่ึง จาํ นวน ๖ รปู เรียกว่าพวก “ฉัพพัค คีย”์ เท่ียวกอ่ เรอื่ งยงุ่ ยากทกุ หนทุกแห่ง อยู่มาวันหนึ่ง พวกฉัพพัคคีย์พากันไปพูดจาโอ้อวดตัวเองอยู่ท่ีโรงทาน และขมขู่พระภิกษุ สามเณรอื่น ๆ จนใคร ๆ อยู่ไม่ได้ มีผู้นําความนี้มากราบทูลพระพุทธเจ้า พระองค์จึงตรัส “คําพระ” ขา้ งบนนี้ ความหมาย:- คําว่า “บัณฑิต” ในท่ีนี้หมายถึงบัณฑิตในทรรศนะทางศาสนา ซ่ึงได้แก่คนดี งาม นา่ เคารพนับถือ (๒๒๗) น ตาวตา ธมฺมธโร ยาวตา พหุ ภาสติ. คนจะชอื่ วา่ มีศลี ธรรม เพราะเหตุท่ีพดู มากไม่ได้ (ธ.บ. ๗) โอกาสทค่ี วรใช้:- เตอื นใจผแู้ สดงธรรมปาฐกถาธรรม หรืออภปิ รายธรรม มิให้เข้าใจตัวเองผิว วา่ เปน็ คนมีศลี ธรรม

102 นทิ าน:- ระเถระรูปหนึ่งมนี วิ าสถานอยูใ่ นปาุ เปน็ นจิ วันหน่ึง ๆ เปล่งอุทานอยู่เร่ืองเดียวซํ้า ๆ ซาก ๆ ว่า “ความโศกยอ่ มไม่มีแกค่ นทม่ี ีใจมัน่ คงไม่ประมาท เป็นมนุ ี ศกึ ษาในวิธที างแห่งโมนปฏิบัติสงบ ระงบั และมีสติเสมอ” แตใ่ คร ๆ ก็เลอ่ื มใสทา่ น ท่านเปลง่ อุทานบทนท้ี ไี รเทวดาสาธุการกนั ทงั้ ราวปาุ คร้ันอยมู่ ามีพระเถระผูร้ อบร้ใู นพระไตรปฎิ กไปหาท่านสองรูป ท่านนิมนต์องค์พหุสูตท้งั สอง บรรยายธรรมะ ท่านท้งั สองก็ว่าเสียวจิ ติ รพิสดาร แตแ่ ลว้ หาเสียงสาธุการสักเสียงเดียวก็ไม่มี ความเร่ือง นที้ ําให้พระเถระผ้พู หุสูตทง้ั สองนอ้ ยใจ พวกลกู ศิษย์กห็ าว่าเทวดาปาุ นั้นเล่นพรรคเล่นพวก พอผิดสีแล้ว ไมย่ อมเชียรก์ นั เลย ท้งั ๆ ที่เก่งกว่า เพือ่ กําจดั ครหาใหเ้ ทวดา พระศาสดาจงึ ตรัส “คาํ พระ” บทนี้ ความหมาย:- คือคนทพี่ ูดธรรมะได้คล่อง อธิบายได้วิจิตรพิสดาร น้ันไม่แน่นักว่าจะเป็นคนมี ศลี ธรรม เพราะคนมีศลี ธรรมไม่จาํ เป็นจะตอ้ งรู้มากและพูดเก่งเสมอ (๒๒๘) น วากกฺ รณมตฺเตนวณณฺ โปกฺขรตาย วา, สาธุ รูโป นโรโหติ อสิ สฺ ุกมี จฉฺ รี สโฐ. คนท่ีมีความริษยา ตระหนี่ ข้ีอวด จะจัดว่าเป็นคนดีด้วยเหตุสักว่าพูดจัดจ้าน หรือเพราะ รูปรา่ งผิวพรรณเข้าที หาได้ไม่ (ธ.บ. ๗) โอกาสทีค่ วรใช้:-เตือนใจคนรมู้ ากเรยี นมาก ทมี่ กั จะตรี าคาค่าตัวสงู เกินไป นิทาน:- มีพระภิกษุจําพวกหน่ึงซ่ึงเป็นฝุายปริยัติคงแก่เรียน ทรงจําพระไตรปิฎกไว้ได้มาก และหย่ิงในความรู้ของตน อยู่มาพระเหล่าน้ันได้เห็นพระเถระฝุายปฏิบัติซ่ึงไม่แตกฉานนัก แต่ปฏิบัติ เคร่งครดั มพี ระภกิ ษสุ ามเณรเคารพนับถือมาก ไมว่ า่ จะเปน็ เรือ่ งซักสบงจีวร กวาดกุฏิ มีลูกศิษย์ช่วยทํา ให้ท้งั น้นั พวกพระพหูสูตอยากไดอ้ ย่างนนั้ บา้ งจึงคิดวางแผนผูกมัดพระภิกษุอ่ืนให้ง้อตน แล้วพากันเข้า ไปเฝูาพระพทุ ธเจ้า ทลู เสนอวา่ ขอใหพ้ ระองค์ทรงวางกฎบังคับพระสงฆ์ว่า พระทุกรูปต้องผ่านการสอน รับรองจากฝุายปรยิ ัติกอ่ น จงึ มสี ิทธทิ์ ่จี ะสวดมนต์ได้ โอกาสนั้นพระศาสดาจงึ ตรสั “คําพระ” บทนี้ ความหมาย:- คําว่ามีริษยา หมายความว่า กลัวว่าคนอื่นจะดีเกินตน, ตระหนี่ ก็คือหวง ความรขู้ ี้อวดก็คือคิดว่าตัวเก่งกวา่ คนอนื่ ซ่งึ อาการเหล่านี้มอี ยูใ่ นพระพวกท่ีไปกราบทูลตามนิทานนี้ (๒๒๙) อากาเสวปทนตุถ.ิ รอยเท้าในอากาศไม่มี (๒๓๐) สมโณนตุถิพาหิโร. สมณะภายนอกไม่มี (๒๓๑) สงฺขารา สสฺสตานตฺถิ. สังขารทเี่ ท่ยี งแท้ไมม่ ี(ธ.บ. ๗) โอกาสท่คี วรใช้:- ใหค้ วามแน่นอนแก่ผู้วิจัยหาความจรงิ นทิ าน:- ขณะทพ่ี ระพุทธเจ้ากําลังประชวรหนัก จวนจะปรินิพพานอยู่แล้ว และพระอานนท์ ห้ามใคร ๆ ทูลถามเรอ่ื งใด ๆ แลว้ ด้วย ไดม้ ีนักพรตนอกศาสนาคนหนึง่ ชอ่ื สภุ ทั (หรอื สภุ ัททปริพาชก) ได้ ไปเซา้ ซีข้ ออนุญาตพระอานนท์ เข้าไปถามป๎ญหา พระอานนท์ไม่อนุญาต แตพ่ ระศาสดาไดย้ นิ เสยี งจาก

103 นอกม่าน จึงทรงอนุญาตให้ปล่อยแกเข้ามาถึงข้างเตียงปรินิพพาน เขาทูลว่า เขาได้ถามใคร ๆ มามาก แล้วแต่ยังไม่ไดท้ ูลถามพระองค์ เกรงว่า พระองค์จะปรินิพพานเสียแล้วจะหมดโอกาสถาม คําถามของ เขามีว่า ๑. ในอากาศมีรอยเท้าได้ไหม? ๒. สมณะในศาสนาอื่นมีไหม? ๓.สังขารชนิดท่ีคงทนถาวรมี ไหม? “คาํ พระ” ข้างบนนเ้ี ปน็ พระดาํ รสั ตอบ ความหมาย:- ข้อแรกเป็นการตอบทางวิทยาศาสตร์ ข้อท่ี ๒. สมณะหมายถึงพระอรหันต์ (เฉพาะท่นี ้)ี ขอ้ ท่ี ๓. สงั ขารหมายถงึ ส่ิงทปี่ รุงขึ้นจากธาตหุ ลายอย่างรวมกนั (๒๓๒) สทฺโธ สเี ลน สมฺปนโฺ น ยโส โภคสม ปฺปโิ ตยยปเทสภชา ติ, ตตถฺ ตตเฺ ถว ปชู ิโต. คนมีศรทั ธา มศี ลี มยี ศ และมที รพั ย์ ไม่ว่าจะไปยังแห่งหนใด กม็ ีคนบูชา (ธ.บ. ๗) โอกาสท่คี วรใช้:- แนะวธิ ีบําเพญ็ ตัวใหค้ นอ่ืนเคารพนบั ถือ นิทาน:- คร้งั หนึง่ ท่านจิตต์คฤหบดี (คฤหบดีชื่อ จิตต์) เดินทางจากเมืองท่ีเป็นภูมิลําเนาของ ตนไปเฝาู พระพุทธเจ้าที่วัดเชตวนั เมืองสาวตั ถี ประชาชนตามตําบลท่ีท่านคฤหบดีเดินผ่านนั้น ได้ให้การ ตอ้ นรบั แก่ท่านอย่างเอกิ เกรกิ พระอานนท์สงสยั วา่ ท่านคฤหบดีคงจะได้รับการต้อนรับอย่างนั้นเฉพาะ ในเสน้ ทางท่ีตนมีอิทธิพล หรือเฉพาะบังเอิญประชาชนในเส้นทางนั้นเป็นคนใจดี เท่านั้นกระมัง จึงทูล ถามพระพทุ ธเจ้าดู พระองค์จึงตรสั “คาํ พระ” ข้างบนน้ี ความหมาย:- คนทมี่ คี ุณสมบัติครบ ๔ อย่าง ย่อมจะได้รับความเคารพนับถือจากประชาชน ทกุ หนทุกแหง่ คอื ๑. มีศรัทธา คือ เป็นคนมศี าสนา ๒. มศี ลี คอื มีศีลธรรม ๓. มยี ศ คือ มีเกยี รติยศ หรอื อิสรยิ ยศ หรอื บริวารยศ ๔. มีทรพั ย์ คือ มีเงนิ มีทองมาก (๒๓๓) กจิ โฺ ฉ มนสุ ฺสปฏลิ าโภ. การกลบั ไดอ้ ัตภาพเปน็ มนุษย์ยากมาก (๒๓๔) กิจฉมจฺจาน ชวี ิต. การมชี วี ติ อยขู่ องสตั ว์ซึ่งจะต้องตายก็ยากมาก (๒๓๕) กิจฉสทุ ธฺ มฺมสฺสวน. การท่ีจะไดฟ้ ๎งธรรมของสัตบรุ ษุ กย็ ากมาก (๒๓๖) กจิ โฺ ฉ พุทธฺ านมปุ ปฺ าโท. การเกิดขึ้นของพระพุทธเจ้ากม็ ไี ด้ยากมาก(ธ.บ. ๗) โอกาสท่คี วรใช้:- สอนให้รีบฉวยโอกาสทาํ ความดี ทาํ นอง “นาํ้ ข้นึ ใหร้ บี ตัก” นิทาน:- ท่ีพิภพของนาคา อันเป็นแดนลึกลับในชมพูทวีป พระราชาของพวกนาคาใฝุฝ๎นมา นานเหลอื เกินแล้ว ที่จะไดพ้ บพระอรหนั ต์สัมมาสมั พุทธะผ้รู แู้ จง้ เหน็ จรงิ จนกระทง่ั ตกรางวลั แก่ผู้นําข่าว มาบอกว่ามพี ระพทุ ธเจา้ อยทู่ ี่ไหน โดยยกธดิ าและทรพั ย์สมบัติให้ ต่อมานาคราชไดท้ ราบขา่ วจาก

104 มานพน้อยนักร้องเพลง ซ่ึงพระพุทธเจ้าทรงส่งเป็น “ธรรมทูต” ไปพิภพนาคา จึงมาเฝูาพระพุทธเจ้า นาคราชราํ พันความทีต่ นอาภัพโอกาส ท่ีจะได้ศึกษาอบรมจิตใจ พระพทุ ธเจ้าจงึ ตรสั “คาํ พระ”ขา้ งบนนี้ ความหมาย:- ๑. การได้อัตภาพเปน็ มนุษย์ คอื เกิดเป็นคนยากมาก เพราะต้องอาศัยบุญเก่า และทรรศนะ ของศาสนานว้ี ่า ตวั เชอื้ ที่ต้งั เคา้ ข้ึนในทอ้ งมารดาหลายพันล้านตัว กว่าจะรอดมาได้ตัวหน่ึง นอกนั้นตาย หมด ๒. ร่างกายของคนเรา มันมเี รอ่ื งทีอ่ าจตายไดท้ กุ ลมหายใจ แตท่ ี่เรายังไม่ตายนี้ นบั วา่ เป็นลาภ ทไ่ี ดโ้ ดยยาก ๓. การฟง๎ ธรรมยาก เพราะหาผู้แสดงก็ยากหาโอกาสทจ่ี ะฟ๎งก็ยาก ๔. พระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ ตอ้ งบาํ เพญ็ บารมนี บั ชาติไมถ่ ้วน จงึ ได้ตรัสรูแ้ ตล่ ะองค์ (๒๓๗) วเิ จยยฺ ทานสุคตปปฺ สตฺถ. การเลอื กใหพ้ ระสคุ ตเจา้ ทรงสรรเสริญ (ธ.บ. ๖) โอกาสทคี่ วรใช้:-แนะวิธีให้ทานท่ีมผี ลมาก นิทาน:- คร้ังหน่ึง พระพุทธเจ้าเสด็จข้ึนไปจําพรรษา ณ ดาวดึงสพิภพ เพ่ือโปรดพระพุทธ มารดา เพื่อพระองค์ไปประทับท่ามกลางเทวสมาคมอันย่ิงใหญ่นั้น อังกุรเทพบุตรได้กราบทูลถึงบุญ บารมขี องตน ว่าตนไดท้ ําทานมากก็จรงิ แตไ่ มไ่ ดท้ าํ ในทักขเิ ณยบุคคล (คนที่ควรได้รับทาน) ที่เหมาะสม จงึ มีอานุภาพดอ้ ยกว่าเทพบางองค์ และกล่าววา่ อชุ ฺชงคฺ เลยถาเขตเฺ ต พีชํพหปุ ิโรปิตํ น ผลํ วิปุลโํ หติ นปิ โตเสติ กสสฺ ก.ํ ข้าวปลกู มากมายที่หวา่ นลงในนาดอน ยอ่ มจะไมไ่ ดผ้ ลเต็มที่ ไม่ทําให้ชาวนาสบายใจได้ด้วย ตเถวทานพํ หุตํทสุ ฺสีเวสุ ปติฎฐฺ ติ ํ น ผลํ วิปลุ โํ หติ นปิ โตเสติ ทายก.ํ ทานมากมายทถ่ี วายแก่คนทุศีล กไ็ มไ่ ดผ้ ลเตม็ ที่ และไมท่ ําใหท้ ายกอม่ิ ใจได้เหมอื นกัน ในโอกาสนน้ั พระพทุ ธเจา้ ไดต้ รสั ตอบวา่ ความเขา้ ใจขององั กรุ เทพบุตรนั้นถูกตอ้ ง และว่า “วิ เจยยฺ ทานทํ าตพพฺ ํ-การให้ทาน คนควรจะเลือกที่ให้” และทรงเน้นลงดว้ ย “คําพระ” ข้างบนน้ี ความหมาย:- คําว่า “เลือกให้” หมายถึงเลือกผู้รับ ถวายทานเฉพาะแก่ผู้มีศีลบริสุทธิ์ หรือ เคร่งครดั ในสิกขาวินยั พระพทุ ธเจา้ จึงทรงสรรเสริญ. (๒๓๘) โย สหสฺสสหสเฺ สน สงคฺ าเม มานุเสม ชิโน เอกญฺจิ เชยยฺ มตตฺ าน ส เวสงฺคามชตุ ฺตโม. ผู้ชนะมนุษย์ในสงครามตั้งล้าน ก็ไม่วิเศษไปกว่าคนท่ีชนะตนคนเดียวได้ เขาแหละคือจอมผู้ พิชติ ในสงคราม (ธ.บ. ๔) โอกาสท่คี วรใช้:- เตือนใหช้ นะตวั เองเสียบ้าง แทนท่จี ะก้มหนา้ ก้มตาเอาชนะคนอ่นื รํ่าไป นิทาน:-(โปรดอา่ นนิทานประกอบ “คําพระ” ที่ ๑๓๐ ด้วย) ธิดาเศรษฐีเมืองราชคฤห์จะถูก ผัวฆา่ ไดใ้ ชอ้ บุ ายฆา่ ผัวเสียก่อน เสรจ็ แล้วก็หนไี ปบวชเป็นปริพาชิกา (หญิงนักบวชจําพวกหน่ึง) เพื่อจะ ให้พน้ โทษทางบา้ นเมอื ง ครั้นบวชแลว้ ไดศ้ ึกษาทางปรชั ญา สามารถถามตอบขอ้ ปญ๎ ญาได้ถึง ๑๐๐๐ ข้อ เสร็จแล้วก็ออกจาริกประชันวาทะกับใคร ๆ ในนามฉายาว่า “กุณฑลเกศี” ต่อมาได้กลายเป็นผู้มี ชอ่ื เสียงโดง่ ดงั เป็นท่ขี ยาดของนักอภิปรายทั่วไป และไม่มใี ครอยากตอ่ ปากต่อคําด้วย

105 กุลฑลเกศรี ู้สึกรําคาญใจท่ีหาคนไล่ปญ๎ หาไม่ได้ จงึ จารกิ ไปถึงแคว้นโกศล เที่ยวเอากิ่งไม้ป๎กไว้ ตามทางเดิน เพ่ือเป็นสัญญาณท้าทายให้ใคร ๆ มาโต้ป๎ญหาด้วย เช้าวันหน่ึง พระสารีบุตรให้เด็กๆ ทําลายกิ่งไม้น้ันเสีย แสดงว่าท่านพร้อมท่ีจะพบกับเธอ ในการพบกัน พระเถระให้เธอถามป๎ญหาก่อน ท่านกต็ อบไดห้ มด จนไม่มีคําถามเหลือ ครั้นแล้วพระเถระจึงถามเธอว่า “อะไรเอ่ย หน่ึง?” กุลฑลเกศี งุนงงตอบไม่ได้ พระเถระจึงเฉลยให้ฟ๎งว่า “สิ่งหนึ่งในโลกที่สําคัญท่ีสุด คือ อาหาร สรรพสัตว์ต้องกิน อาหาร” กุลฑลเกศียอมเรียนธรรม เลิกเอาชนะคนอ่ืน และบวชเป็นภิกษุณีในที่สุด พระพุทธเจ้าทรง ปรารภเรอ่ื งนี้ จึงตรัสพระคาถาขา้ งบน ความหมาย:-คําว่าชนะตน คือ ชนะกิเลสในใจของตนเอง เช่น ชนะความเกียจคร้าน และ นสิ ัยท่ีไมด่ ีตา่ งๆ ในตน. (๒๓๙) อตตฺ านญเฺ จ ปิยชญญฺ ารกเฺ ขยฺยนสรุ กขฺ ิต. ถา้ รวู้ ่าตนเป็นท่ีรกั จงรกั ษาตนไวใ้ ห้ดี (ธ.บ. ๖) โอกาสทคี่ วรใช้:- สอนให้คนรจู้ ักถนอมตวั มใิ ช่เกลือกกลั้วดว้ ยความผิด นิทาน:- โพธริ าชกมุ าร ว่าจ้างนายช่างให้สร้างปราสาทหลังหน่ึง ครั้นสร้างเสร็จแล้ว ปรากฏ วา่ ปราสาทหลงั น้ันวจิ ิตรงดงามมาก โพธิราชกมุ ารจึงเกดิ เจตนาอกุศล คดิ จะฆ่านายช่างเสีย เพื่อมิให้เขา ไปสร้างใหใ้ คร ๆ อีก ปราสาทของพระองค์จะไดเ้ ปน็ เลิศอยูห่ ลังเดยี วในภาคพืน้ ชมพทู วปี สหายของนาย ช่างทราบความใน จึงไปบอกนายช่างใหร้ ตู้ ัว นายช่างจึงแกล้งทําเป็นถ่วงเวลาส่งมอบงานไว้ แล้วเอาไม้ เน้อื เบาทาํ เครอื่ งร่อน มรี ปู คลา้ ยครุฑ ครั้นพรอ้ มแลว้ ก็พาลูกเมียขน้ึ เครอื่ งรอ่ น กระโจนออกจากดาดฟูา ช้นั บนของปราสาท แหวกวงล้อมไปได้ ฝาุ ยโพธริ าชกุมาร ได้ทรงทําบุญข้ึนปราสาทใหม่ โดยทูลนิมนต์พระพุทธเจ้ามาเสวย แต่เม่ือ เสดจ็ มาถงึ แล้ว พระพทุ ธเจา้ ไมท่ รงเหยยี บบนผ้าขาวท่ีพระกมุ ารลาดไว้ เปน็ การเสีย่ งทายวา่ ถา้ พระองค์ จะมโี อรสบ้างแล้ว ขอใหพ้ ระพทุ ธเจา้ ทรงเหยียบ โอกาสน้ันพระพุทธเจ้าทรงแสดงว่า พระกุมารจะไม่มี โอรสหรือธิดาตลอดชีพ เพราะพระองค์กับชายาได้ร่วมกันทําบาป เสวยไข่นก ลูกกา และแม่นก เป็น อาจิณ บาปน้นั กําลงั ใหผ้ ล และกย็ ังคิดทาํ บาปอยู่อกี เสรจ็ แล้วจึงทรงโอวาทด้วย “คําพระ” ขา้ งบนนี้ ความหมาย:- การรกั ษาตนท่ีดีกค็ ือ อย่าทําลายตน เช่น เสพสิ่งเสพติดให้โทษ หรือทําทุจริต ใหต้ นตดิ คุกตดิ ตาราง ให้ตนถูกตถี ูกฆ่า และใช้ตนทําบาปกรรมตา่ ง ๆ (๒๔๐) ๑. สพพฺ ทานธมมฺ ทาน ชนิ าติ การใหธ้ รรมชนะการใหท้ ้งั ปวง (๒๔๑) ๒. สพพฺ รสธมมฺ รโส ชนิ าติ รสพระธรรมชนะรสทกุ ชนิด (๒๔๒) ๓. สพพฺ รตึ ธมฺมรติ ชนิ าติ ความยนิ ดใี นธรรมชนะความยนิ ดีทั้งปวง (๒๔๓) ๔. ตณฺหกฺขโย สพฺพทกุ ข ชินาติ: ความสนิ้ ตณั หาชนะทกุ ขท์ ้ังปวง (ธ.บ. ๘)

106 โอกาสทคี่ วรใช้:- บรรยายความดขี องพระธรรม นิทาน:- ครั้งหน่ึงได้มีการถกเถียงป๎ญหากันในเทวสมาคมตกลงกันไม่ได้ ป๎ญหาน้ันมี ๔ ข้อ คือ - การใหอ้ ะไรชนะการให้ทั้งปวง? - รสอะไรชนะรสท้งั ปวง ? - ความยนิ ดีอะไรชนะความยินดที ั้งปวง ? - เหตใุ ดนกั ปราชญ์ จงึ สรรเสรญิ ความหมดส้ินแห่งตัณหา ? ท้าวสักกะเทวราชได้นําป๎ญหาเหล่าน้ีไปทูลถามพระพุทธเจ้า ที่วัดเชตวัน เมืองสาวัตถี “คํา พระ” ข้างบนนเี้ ป็นคําตอบปญ๎ หาดังกลา่ ว ความหมาย:- ท่ีวา่ ชนะ ๆ ในท่ีนี้หมายถงึ ดีกว่า ใหผ้ ลมากกว่า (๒๔๔) นตฺถพิ าเล สหายตา. ความเป็นสหายไมม่ ีในคนพาล(ธ.บ. ๗) โอกาสทีค่ วรใช้:- เตอื นใจในการคบมติ ร และการมอบความไวว้ างใจแกค่ นอน่ื นิทาน:- คร้ังหนึ่งพระเมืองโกสัมพีเกิดแตกสามัคคี และใส่ร้ายปูายสีโจมตีกันอย่างรุนแรง พระพทุ ธเจา้ ทรงห้ามก็ไมเ่ ชอ่ื พระองค์จงึ เสด็จหนีไปจําพรรษาท่ีปุารักขิตวันแต่พระองค์เดียว และทรง ปกปิดมใิ หผ้ ูใ้ ดทราบ (นอกจากพระอานนท์ กบั พระภิกษุอีกรูปหนึง่ ที่อยทู่ างชายปาุ นนั้ ) ทง้ั นเ้ี พอื่ ทรมาน พระทท่ี ะเลาะกนั จนกระทั่งออกพรรษา พระท่ีทะเลาะกันก็หมดทิฐิมานะ เพราะถูกชาวบ้านงดใส่บาตร พระ อานนทจ์ งึ ติดตามเข้าไปเฝูาพระพทุ ธเจ้ากบั พระสงฆ์จํานวนหนึ่ง พระสงฆ์เหล่านั้นเม่ือไปเห็นที่ประทับ ของพระพทุ ธเจา้ แล้วกพ็ ากันสงั เวชวา่ พระองคม์ าตกทกุ ขล์ าํ บากมากมาย พระพุทธเจา้ จึงตรสั ว่า “โน เจ ลเภถนปิ กสํ หายํ, สทธฺ ึจรํ สาธุวิหารธีรํ ฯลฯ” ความว่า “คนเราถ้าไม่ได้สหายที่มีป๎ญญาพอจะรักษา ตวั ได้ และมีคณุ ธรรมทจ่ี ะอยู่ดว้ ยกนั โดยเรยี บรอ้ ย ก็ควรจะเทีย่ วไปคนเดยี วเสียดีกว่าที่จะอยู่กับคนพาล เสรจ็ แล้วได้ทรงเน้นพระโอวาทลงดว้ ย “คําพระ” ข้างบนนี้ ความหมาย:- คนท่ีมีสันดานเป็นพาลแท้นั้น ท่ีจะดีกับคนอื่นโดยตลอดนั้นย่อมเป็นไปไม่ได้ จะต้องหักหลงั มติ รอยา่ งแนน่ อนเม่ือเขาได้ชว่ ย (๒๔๕) ทุคคฺ า อุทธฺ รตตตฺ านปงฺเก สนฺโนวกญุ ฺชโร. จงถอนตวั ขนึ้ จากหล่ม เหมือนชา้ งตกหลม่ แล้วถอนตวั ขึน้ ฉันนนั้ (ธ.บ. ๗) โอกาสท่ีควรใช้:- ใหก้ ําลงั ใจแก่คนท่ีกาํ ลังชว่ ยตัวเองใหห้ ลุดพน้ จากส่ิงทีไ่ ม่ดี เช่นเลิกด่ืมเหล้า เปน็ ตน้ นทิ าน:-ช้างพระที่น่ังของราชาแห่งประเทศโกศล ชื่อปาเวรกะ เมื่อยังหนุ่มมีกําลังมาก และ เป็นชา้ งรบท่เี กง่ กาจ ต่อมาในวยั ชรากาํ ลังจะลดถอยลงมา อยู่มาวันหน่ึงช้างปาเวรกะเดินไปตกหล่มขึ้น ไม่ไหว พระราชาจึงรบี สงั่ นายหัตถาจารย์ (อาจารยส์ อนชา้ ง) ใหไ้ ปช่วย

107 การชว่ ยชา้ งครง้ั น้นั นายหตั ถาจารยใ์ ชว้ ธิ ีทําให้ช้างช่วยตัวเอง คือนําช้างอ่ืนและทหารไปแสดงฉากการ รบข้ึนใกล้ ๆ กบั ทป่ี าเวรกะตกหล่ม พอปาเวรกะเห็นเข้าเลือดนักรบก็ฮึดขึ้น เผยอตัวเต็มแรง เลยหลุด ข้นึ จากหลม่ ข่าวน้ีระเบงเซ็งแซ่ไปมาก แม้พระสงฆ์ก็พูดคุยกัน พระศาสดาจึงยกเหตุนี้ข้ึนเป็นข้อปรารภ แลว้ ตรสั “คําพระ” ขา้ งบนนี้ ความหมาย:- คําว่า “หล่ม” ในพระบาลี หมายถึงความมัวเมาต่าง ๆ เช่นติดการพนัน กิน เหลา้ ติดเพศตรงข้าม ติดเพอื่ นเลว ตลอดจนรปู เสียง กล่ิน รส สัมผัส และอารมณ์ ซ่ึงใจของเราติดพัน อยู่ วัฏฏสงสาร กถ็ อื ว่าเป็น หล่ม ของสัตวโ์ ลกเหมอื นกนั (๒๔๖) สุขา สทธฺ าปตฏิ ฐติ า. ศรทั ธามัน่ คงแล้วนา้ สขุ มาให้ (ธ.บ. ๗) โอกาสทคี่ วรใช้:- บรรยายคณุ ค่าของศรัทธาและสรา้ งความสาํ เร็จในการจงู ใจคนอืน่ นิทาน:- เมอื่ พระพทุ ธเจ้ายังทรงพระชนม์อยู่ มีระยะหนึง่ ที่พวกข้าราชการพากันทุจริตฉ้อโกง กันท่ัวไป ตั้งแต่พระราชาลงมาจนกระทั่งเสนาอํามาตย์ผู้น้อย การกดข่ีข่มแห่งราษฎรได้เป็นไปอย่าง กว้างขวางปราศจากความเมตตากรุณา ประชาชนพลเมืองเดือดร้อนกันทั่วทุกหัวระแหง วันหน่ึง พระพุทธเจ้าประทับอยู่ในสํานักปุาหิมพานต์ ได้ทรงดําริถึงเร่ืองน้ี และทรงสงสารประชาชนอย่างย่ิง พระองค์ทรงตั้งป๎ญหาข้ึนในพระทัยว่า ถ้าพระองค์จะครอบครองประเทศเหล่าน้ันแล้ว เป็นพระราชา เสียเองจะได้หรอื ไม่ และจะสามารถปกครองประชาชนให้รม่ เย็นได้ไหม ก็ทรงเห็นว่าพระองค์อาจทําได้ ความจรงิ ขอ้ ดาํ รนิ ี้เกดิ จากความสังเวชพระทยั ทีไ่ ด้เห็นความเหลวแหลกของผู้ปกครองบ้านเมืองเท่านั้น แตม่ ารซ่งึ จอ้ งหาโอกาสอย่แู ล้วคิดวา่ พระองคท์ รง “อยากสึก” จึงเข้าไปเฝูา และกราบทลู เกลย้ี กล่อม ให้ พระองค์ทรงสละเพศไปครองราชย์ ดว้ ยคาํ ยกยอปอป๎น้ นานาประการ คร้ังนั้น พระพทุ ธเจ้าทรงตาํ หนิความคดิ ของมาร และตรัส “คําพระ” บทนี้ เพ่ือแสดงแก่มาร วา่ ความสุขของคนเรานัน้ ไม่ได้อยู่ที่การมีอํานาจเหนือคนอ่ืน ไม่ได้อยู่ที่มีเงินมีทองมาก ๆ แต่อยู่ท่ีเหตุ อน่ื ตามที่ทรงยกมาตรัส (ซ่งึ มีอยู่ด้วยกนั ๑๒ ประการ) ความหมาย:- ศรัทธา คือความเชื่อ ในท่ีน้ีหมายถึงความเชื่อที่มีเหตุผล ท่ีสําคัญท่ีสุด คือ ๑. เชอ่ื การตรัสร้ขู องพระพทุ ธเจ้า ๒. เชอ่ื กรรม ๓. เชื่อผลของกรรม (เช่นเชื่อว่า คนทําดีได้ดี – ทําชั่วได้ ชั่ว) ความเชื่อนี้ถ้ายังเหลาะแหละง่อนแง่นไม่จริงจัง ก็ไม่เกิดผลเต็มที่ คือไม่อาจช่วยปูองกันตัวเราให้ เดินทางในทางดีไดต้ ลอด แตถ่ า้ ศรทั ธาม่ันคงจรงิ แล้วคนเราจะไม่ทาํ ความชว่ั เลย (๒๔๗) โภคตณหฺ าย ทุมเฺ มโธหนตฺ ิ อญเฺ ญวอตฺตน. คนโง่ยอ่ มฆ่าตนเอง เหมือนกับทฆี่ ่าคนอ่ืน เพราะความอยากในโภคะ โอกาสท่ีควรใช้:- เตอื นใจคนมงั่ มที รพั ย์ใหร้ ้จู ักบรหิ ารทรัพยข์ องตนเอง นิทาน:- ครั้งหนึ่งพระราชาแห่งประเทศโกศล มีพระบรมราชโองการให้ขนทรัพย์สินกอง มรดกของผู้มอี นั จะกนิ คนหนง่ึ เขา้ ไปไวใ้ นทอ้ งพระคลงั หลวง เพราะเขาไมม่ ีทายาทรับมรดก ใช้เวลาขน อยถู่ งึ หนงึ่ สัปดาห์จึงหมด ครั้นแล้วไดเ้ สดจ็ เขา้ ไปเฝูาพระพทุ ธเจ้า ทูลเรอื่ งราวให้ทรงทราบว่า ผู้ตายเม่ือ

108 ยังมชี วี ิตอยู่ เปน็ คนตระหนี่แก่ตวั เอง ไมก่ ล้าแม้แตจ่ ะใชส้ อยทรพั ย์ จึงกนิ อย่อู ยา่ งคนอนาถา และงดเว้น การบริจาคเกอ้ื กูลใคร ๆ ดว้ ย พระพทุ ธองค์ทรงสดับแลว้ ได้ตรสั “คําพระ” ขา้ งบนน้ี ความหมาย:- ท่ีว่า “ฆ่าตนเองเหมือนกับที่ฆ่าคนอื่น” นั้น หมายถึงการไม่จ่ายทรัพย์เล้ียงดู ตวั เอง เหมือนกบั ที่ตนไมจ่ ่ายเพือ่ เลยี้ งดคู นอนื่ ซ่ึงเปน็ วธิ ีบริหารทรพั ย์ท่ีไมถ่ กู ตอ้ ง (๒๔๘) อสชฺฌายมลา มนฺตา. มนต์ทั้งหลายมกี ารไม่ท่องบ่นเปน็ มลทนิ (ธ.บ. ๗) โอกาสที่ควรใช้:-เตอื นนักเรยี นใหท้ อ่ งหนังสือ และแม้ผู้ท่ีเรียนจบแลว้ กใ็ ห้ทบทวนวิชาความรู้ เปน็ ครง้ั คราว นทิ าน:- พระภกิ ษรุ ูปหนึง่ ช่ือ โลฬทุ ายี เปน็ คนโง่แกมหยงิ่ มนี สิ ัยโอ้อวด ยกตนเทียมท่าน วัน หน่ึงกําลังกวาดกุฏิอยู่ ได้ยินผู้คนเขาคุยกันว่า พระอัครสาวกท้ังสองเทศน์เก่งมาก พระโลฬุทายีก็สอด ขึ้นวา่ เพยี งแตพ่ ระอัครสาวกยงั พากันสรรเสรญิ อย่างนี้ ถา้ ไดฟ้ ๎งเทศนข์ องตนบา้ งจะสรรเสริญแค่ไหน ? ! ครน้ั วันหลัง พวกอบุ าสก อุบาสกิ า นิมนต์ทา่ นเทศนบ์ า้ ง กลับขึ้นไปน่ังตัวส่ันอยู่บนธรรมาสน์ นกึ หาข้อธรรมท่ีเคยเรยี นไว้ไมไ่ ดส้ กั ข้อเดยี ว เลยถกู ชาวบ้านโหเ่ อา พระพทุ ธเจ้าจงึ ตรัส “คาํ พระ” บทน้ี เพือ่ ทรงเผยความจรงิ ว่า พระโลฬุทายนี ้นั เคยเรียนธรรมมาบ้าง แตไ่ ม่ทอ่ งบน่ ทบทวนความรเู้ ลย ถึงเวลา ทจี่ ะใช้จึงนกึ ไมอ่ อก ความหมาย:- คําว่ามนต์ในท่ีนี้หมายถึงวิชาความรู้ทุกแขนง ถ้าไม่ท่องบ่นตามกาลอันควรก็ จะเกดิ “สนิม” ถึงคราวจะใชก้ ใ็ ช้ไมไ่ ด้ (๒๔๙) ยาวชีวมปฺ ิ เจ ภาโลปณฑฺ ติ ปรริ ปุ าสต,ิ น โสธมฺม วชิ านาติ ทพพฺ ิสปู รสยถา. แม้วา่ คนพาลจะนัง่ ใกลบ้ ณั ฑติ จนตาย เขาก็ไมร่ ู้รสธรรม เหมือนชอ้ นไม่ร้รู สแกงฉันน้นั (ธ.บ. ๓) โอกาสที่ควรใช้:- ในการจาํ แนกประเภทของบคุ คลผู้ทเ่ี ราจะอบรมสง่ั สอนให้ได้ผล นทิ าน:- มีพระภกิ ษรุ ูปหนึง่ ช่ือพระอุททายี บวชนานแล้ว และอยู่ในสํานักของพระพุทธเจ้า เรือ่ ยมา แตไ่ ม่มีความรใู้ นทางสกิ ขาวนิ ยั เอาเสียเลย ไดแ้ ตท่ ําทา่ วางตวั ให้คนอนื่ เขา้ ใจว่าตนเป็นพระเถระ ผู้ใหญ่ รู้อะไร ๆ มาก แตใ่ ครถามอะไรไม่ไดเ้ รือ่ งสกั อย่าง เมอ่ื พระสงฆ์ พากัน พดู ติเตยี นพระอุททายีมากขนึ้ พระพุทธเจ้าตรัสพระบาลขี ้อนี้ ความหมาย:- ความพาลผู้โงเ่ ขลาน้ัน นอกจากตัวจะพาลแลว้ ยังคิดว่าตัวฉลาดเสียด้วย ถึงจะ อยู่ทีไ่ หนก็ไม่มีทีจ่ ะขวนขวายหาความรเู้ ขา้ ตัว เขาจงึ ไม่ร้รู สธรรม (คือความรู้ – ความดี) เหมือนช้อนแม้ จะถูกคนใช้ตักแกงจนสึกจนกร่อน มันเองก็ไม่รู้รสแกง (ในท่ีอ่ืนพระพุทธองค์ทรงเปรียบบัณฑิตว่า เหมอื นลิน้ ซ่งึ รู้รสได้เรว็ ) จากพระดาํ รัสน้ี ทําใหเ้ ราเหน็ ว่านักเรียนที่ครูสอนไม่ได้ก็ดี ศิษย์ที่อาจารย์สอน ไม่ได้ก็ดี ลูกที่พ่อแม่สอนไม่ได้ก็ดีกลายเป็น “ศิษย์นอกครู” – “ลูกนอกคอก” ผ่าเหล่าผ่ากอ มิใช่ ความผิดของพ่อแม่ครอู าจารย์เสมอไป แต่คนเหล่านั้นอาจเป็นเพยี ง “ช้อน” ตักแกงบา้ งกไ็ ด้

109 (๒๕๐) ยาวเทวอนตฺถายญตฺตพาลสฺส ชายต.ิ ความรยู้ อ่ มเกดิ แก่คนพาล เพียงเพอ่ื ความฉิบหายเท่านนั้ (ธ.บ. ๓) โอกาสท่ีควรใช้:- ยกข้ึนเพ่ือแสดงว่า วิชาความรู้ทั่วไปน้ัน หากผู้รู้ไม่มีศีลธรรมกํากับด้วย ก็ จะกลับเปน็ ภยั แกต่ วั เอง นทิ าน:- (โปรดอ่านต่อจากนิทานประกอบคําพระข้อว่า สาธุ โข สปฺปกนฺ นาม) ชายคนหน่ึง เห็นบรุ ุษเปลยี้ มีศลิ ปะในทางดีดก้อนกรวดแม่น แล้วได้รับพระราชทานรางวัล จึงไปเรียนศิลปะน้ันจาก เขาจนสําเรจ็ ครน้ั เรียนสาํ เร็จแลว้ กค็ ดิ จะลองวิชาเที่ยวหาว่าจะดีดใส่อะไรดี คราวน้ันเองเขาได้เห็นพระ ปจ๎ เจกพุทธเจา้ เดนิ ผา่ นมา นกึ ขึน้ ไดว้ ่าพระนีเ้ ป็นคนไมม่ มี ารดาบิดา ถึงจะตายก็ไม่เป็นไร ครั้นแล้วก็ดีด ก้อนกรวดเขา้ สู่ชอ่ งหเู บอ้ื งขวาของท่านทะลุออกทางเบื้องซ้าย พระป๎จเจกพุทธเจ้าทนต่อทุกข์เวทนาไม่ ไหว จึงดับขันธ์ปรินิพพาน ชายผู้นน้ั กถ็ ูกประชาชน ลงประชาทัณฑ์ ทุบตีจนตาย แล้วไปเกิดในอเวจี หลุดจากอเวจีไป เกดิ เปน็ เปรตตวั ยาวประมาณ ๓ โยชน์ มคี ้อนเหล็กแดง ๖๐ อันทุบหัวอยู่ตลอดเวลา พระโมคคัลลานะ ไปพบเปรตนเี้ ข้า จึงนาํ มาเลา่ ใหพ้ ระสงฆ์ฟ๎ง โอกาสนัน้ พระพทุ ธเจ้า จึงตรสั “คาํ พระ” ขอ้ นี้ ความหมาย:- คนที่มีนิสัยสันดานเป็นพาล พอมีความรู้เข้า ก็ใช้ความรู้ในทางผิดแล้วก็ได้รับ ความหายนะ พระพุทธเจา้ จึงตรสั ว่า ความรูน้ ้นั เกิดขน้ึ เพ่อื ทําใหเ้ ขาฉิบหายวายวอดแท้ ๆ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook