ชดุ ฝึกอบรมด้วยตนเอง การสรา้ งเครือ่ งมอื วดั และประเมินผล วชิ าวิทยาศาสตร์ เล่มที่ 2 ความร้พู ้นื ฐานเกย่ี วกับการวดั และประเนมินผผลล
ชุดฝกึ อบรมดว้ ยตนเอง การสรา้ งเครอื่ งมอื วัดและประเมนิ ผล วิชาวทิ ยาศาสตร์ เล่มที่ 2 ความรพู้ ้นื ฐานเก่ยี วกบั การวดั และประเมินผล เอกสาร ศน.ท่ี 47/2562 นางสาวนุชจริ า แดงวนั สี สำนกั งานเขตพน้ื ทก่ี ารศึกษาประถมศกึ ษาสุราษฎร์ธานี เขต 2 สำนักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขัน้ พ้ืนฐาน กระทรวงศึกษาธกิ าร
ชุดฝกึ อบรมดว้ ยตนเอง การสรา้ งเครือ่ งมอื วดั และประเมนิ ผล วชิ าวิทยาศาสตร์ คำนำ การประเมินคุณภาพทางการศึกษา ถือเป็นกลไกทสี่ ำคัญในการสะท้อนให้เหน็ ถึงความสำเร็จ ของการพัฒนาคุณภาพ รวมท้ังเป็นข้อมูลพ้ืนฐานประกอบการวางแผนและพัฒนาคุณภาพของของ ครผู ู้สอนถงึ แม้การจัดการเรียนการเรียนรู้ ทำให้นักเรียนเกิดทักษะหลายๆ ด้านเพียงใดก็ตาม แต่มี สิ่งหนึ่งที่ต้องควบคู่กับการจดั การเรยี นการรู้นนั่ คือ การวดั และประเมินผล ในการตรวจสอบคุณภาพ ผู้เรียน วัดและประเมินในสิ่งท่ีต้องการวัดได้ จัดลำดับความสามารถได้ ทำให้ผู้เรียนทราบถึง ความสามารถของตนเอง รวมท้ังให้ความสำคัญของการนำผลการประเมินคุณภาพการศึกษาไปใช้ใน การวางแผนเพ่ือพฒั นาและปรับปรุงคุณภาพการศึกษาอยา่ งเปน็ ระบบต่อเน่ือง จึงไดจ้ ัดทำชดุ เอกสาร ความรู้พ้ืนฐานเกี่ยวกับการวดั และประเมินการศึกษาขึ้น เพื่อใหค้ รูครวู ิทยาศาสตร์ได้มีความรู้พื้นฐาน ในการเป็นแนวทางในการปฏิบัติในการวัดผลและประเมินผลผู้เรียน และในชุดฝึกอบรมด้วยตนเอง การสร้างเครื่องมือวัดและประเมินผล วิชาวิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ตามหลักสูตร แกนกลางการศึกษาขัน้ พื้นฐาน 2551 เป็นเอกสารใหค้ รูศกึ ษาด้วยตนเอง มีท้งั หมด 5 เล่ม ไดแ้ ก่ คู่มอื การใช้ชุดฝึกอบรมดว้ ยตนเอง การสร้างเคร่ืองมือวัดและประเมนิ ผล วิชาวิทยาศาสตร์ เลม่ ท่ี 1 แนวทางการจัดการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ เลม่ ท่ี 2 ความรพู้ นื้ ฐานเก่ยี วกับการวัดและประเมนิ ผล เล่มท่ี 3 การสร้างขอ้ สอบแบบเลือกตอบ เลม่ ท่ี 4 การสรา้ งข้อสอบแบบเขยี นตอบ เล่มที่ 5 การหาคุณภาพของเครอ่ื งมอื วัดและประเมินผล เอกสารเล่มนี้ เป็นเอกสารเล่มที่ 2 ผู้จัดทำหวังว่าชุดฝึกอบรมด้วยตนเองเล่มนี้ จะเป็น ประโยชน์ต่อการพัฒนาครูวิทยาศาสตร์ ในด้านการสร้างเครื่องมือวัดผลและประเมินผล ซ่ึงนำไปสู่ เป้าหมาย คือการยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิทยาศาสตร์ให้สูงขึ้น ขอให้ผู้ศึกษาได้ศึกษาใบ ความรู้และใบกจิ กรรมให้ครบทุกใบกิจกรรม เพ่ือนำความรู้ไปใช้พัฒนาผู้เรียนให้เกดิ ประโยชน์สูงสุด ต่อไป เลม่ ที่ 2 ความรพู้ ้นื ฐานเกี่ยวกับการวัดและประเมินผล ก
ชุดฝึกอบรมดว้ ยตนเอง การสร้างเคร่อื งมือวัดและประเมนิ ผล วิชาวิทยาศาสตร์ สารบัญ หน้า ก คำนำ สารบัญ ข คำชแ้ี จง 1 คำแนะนำในการศึกษา 2 วัตถปุ ระสงค์ 3 ขอบขา่ ยเนอ้ื หา 3 แนวคดิ 3 สาระสำคญั 4 แบบทดสอบกอ่ นศึกษาชุดฝึกอบรม 5 ใบความร้ทู ี่ 1 ความรู้พื้นฐานเกย่ี วกบั การวดั และประเมนิ ผล 7 ใบกิจกรรมที่ 1 11 ใบความรู้ที่ 2 หลักการวัดและประเมนิ ผลการศกึ ษา ใบกิจกรรมที่ 2 12 ใบความรู้ที่ 3 ประเภทการประเมนิ ผล 13 ใบกิจกรรมท่ี 3 ใบความรทู้ ี่ 4 ความมุ่งหมายของการประเมินผล 14 ใบกจิ กรรมที่ 4 17 ใบความรทู้ ่ี 5 กระบวนการประเมนิ ผลการศึกษา 19 ใบกจิ กรรมที่ 5 ใบความรทู้ ่ี 6 คุณธรรมของผู้ประเมนิ 21 ใบกิจกรรมท่ี 6 22 ใบความรู้ที่ 7 ประโยชน์การประเมินผล ใบกิจกรรมที่ 7 29 แบบทดสอบหลงั การศกึ ษาชุดฝกี อบรม 31 บรรณานุกรม 32 คณะทำงาน 33 39 40 43 44 เลม่ ที่ 2 ความรูพ้ ้นื ฐานเกยี่ วกบั การวัดและประเมินผล ข
ชุดฝึกอบรมด้วยตนเอง การสร้างเครอ่ื งมอื วดั และประเมนิ ผล วชิ าวทิ ยาศาสตร์ คำชแี้ จง ชุดฝึกอบรมด้วยตนเอง การสร้างเครื่องมือวัดและประเมินผล วิชาวิทยาศาสตร์ เล่มท่ี 2 ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการวัดและประเมินผล ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน 2551 เปน็ เอกสารฝึกอบรมให้ครูได้ศึกษาด้วยตนเอง มเี นื้อหาท่ีเก่ยี วข้องกันและตอ่ เนื่องกัน ผู้ฝึกอบรมควร ทำความเขา้ ใจศกึ ษาเอกสารโดยละเอียด พรอ้ มท้ังปฏิบตั ิตามคำแนะนำการใชช้ ุดฝกึ ดว้ ยตนเอง ทุกขัน้ ตอน ผู้รบั การฝกึ อบรบควรศึกษาตามขนั้ ตอนดงั ตอ่ ไปน้ี ศึกษาภาพรวมเอกสาร/คำแนะนำ ศกึ ษาวัตถปุ ระสงค์ ขอบขา่ ยเน้ือหา และสาระสำคัญ ศึกษารายละเอียดการดำเนนิ ใช้ชดุ ฝกึ อบรม ประเมนิ ตนเองดว้ ยการทดสอบก่อนใชช้ ุดฝึกอบรม ศกึ ษาใบความรู้และทำใบกิจกรรม สรุปองค์ความรู้ดว้ ยตนเองด้วยผังความคดิ ไม่ผ่าน ประเมนิ ตนเองดว้ ยการทดสอบหลังฝกึ อบรม ผา่ น ศึกษาเอกสารเลม่ ท่ี 3 แผนภาพ ขั้นตอนการศกึ ษาชดุ ฝึกอบรมดว้ ยตนเอง เล่มท่ี 2 ความรพู้ ้ืนฐานเกี่ยวกบั การวัดและประเมินผล 1
ชดุ ฝึกอบรมด้วยตนเอง การสร้างเครือ่ งมอื วดั และประเมนิ ผล วิชาวทิ ยาศาสตร์ คำแนะนำในการศึกษา การศึกษาชุดฝึกอบรมด้วยตนเอง ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการวัดและประเมินผล เล่มนี้ พฒั นาข้ึนสำหรบั ครูวิทยาศาสตร์ เพื่อเป็นแนวทางการออกแบบการจัดการเรยี นรู้ ผู้ศึกษาควรปฏบิ ัตดิ ังน้ี 1. การเตรยี มตัวเพ่ือศึกษาชดุ ฝึกอบรมดว้ ยตนเอง 1.1 กำหนดเวลาในการศกึ ษาชดุ ฝึกอบรมดว้ ยตนเอง แนวทางการจดั การเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ 4 ชั่วโมง 1.2 ศึกษาเอกสารเพ่ิมเติมที่ระบุในชุดฝึกอบรมด้วยตนเอง จะทำให้ผู้ศึกษามีความรู้และ เข้าใจเรว็ ขนึ้ 2. การศึกษาชุดฝึกอบรมด้วยตนเอง 2.1 ทำแบบทดสอบก่อนศกึ ษา และตรวจคำตอบด้วยตนเองจากเฉลยแบบทดสอบโดยให้ คะแนน 1 คะแนน สำหรับคำตอบท่ถี ูกตอ้ ง และให้ 0 คะแนนสำหรบั คำตอบทีผ่ ิด 2.2 ควรอ่านเนื้อหาสาระในใบความรู้ในแต่ละเล่มอย่างนอ้ ย 1 จบ แลว้ สรุปความคิดรวบยอด 2.3 ทำกิจกรรมในใบกิจกรรมแต่ละตอนและตรวจคำตอบด้วยตนเองจากแนวคำตอบใน ใบความรู้ โดยให้คะแนน 1 คะแนน สำหรบั คำตอบทีถ่ กู ต้อง และให้ 0 คะแนน สำหรับคำตอบท่ผี ดิ 2.4 ทำแบบทดสอบหลังศึกษาชุดฝึกอบรมด้วยตนเองและ ตรวจคำตอบด้วยตนเองจาก แบบทดสอบโดยให้คะแนน 1 คะแนน สำหรบั คำตอบท่ถี กู ตอ้ งและให้ 0 คะแนน สำหรบั คำตอบทีผ่ ดิ 2.5 ใหศ้ กึ ษาชดุ ฝกึ อบรมดว้ ยตนเองตอ่ เนื่องให้จบเลม่ 2.6 ชุดฝึกอบรมดว้ ยตนเองนี้สามารถท่ีศึกษาด้วยตนเองไดท้ ุกท่ีทกุ เวลาทุกสถานที่ 3 การประเมนิ ผล 3.1 ในตอนทา้ ยของชุดฝึกอบรมด้วยตนเอง จะมกี ารประเมินผลเพอ่ื วัดความรคู้ วามเขา้ ใจ แล้วตรวจสอบคำตอบด้วยตนเองจากเฉลย ให้คะแนน 1 คะแนน สำหรับคำตอบท่ีถูกและ 0 คะแนน สำหรบั คำตอบทผี่ ดิ โดยต้องผ่านเกณฑ์ 80% ขน้ึ ไป 3.2 เปรยี บเทียบความแตกต่างของค่าเฉลี่ยคะแนนก่อนศกึ ษาและหลังศึกษาชดุ ฝกึ อบรม เล่มท่ี 2 ความร้พู นื้ ฐานเกีย่ วกบั การวัดและประเมินผล 2
ชดุ ฝกึ อบรมด้วยตนเอง การสร้างเครอื่ งมอื วดั และประเมนิ ผล วชิ าวิทยาศาสตร์ วตั ถปุ ระสงค์ เม่อื ศกึ ษาชุดฝกึ อบรมด้วยตนเองนี้แลว้ ผรู้ ับการอบรมมีความร้คู วามเข้าใจเก่ียวกับ ความร้พู ้นื ฐานการวดั และประเมนิ ผล ขอบข่ายเนอ้ื หา 1. ความรพู้ ืน้ ฐานเกยี่ วกบั การวดั และประเมนิ ผล 2. หลกั การวัดและประเมนิ ผลการศกึ ษา 3. ประเภทการประเมนิ ผล 4. แนวคิดใหม่เก่ียวกับการวดั และประเมนิ ผล 5. ความม่งุ หมายการประเมินผล 6. ขัน้ ตอนการดำเนินการวัดและประเมินผลการเรียนร้ขู องครู 7. กระบวนประเมินผล 8. คณุ ธรรมของผู้ประเมนิ แนวคดิ การพัฒนาครูโดยชุดฝึกอบรมด้วยตนเอง ใช้แนวคิดการสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง (Construction Knowledge) ครูเป็นผู้ศึกษาเรียนรู้และลงมือทำกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยตนเอง (Learning by Doing) ไม่มีวิทยากรบรรยายให้ความรู้ การปฏิบัติกิจกรรมเป็นไปตามขั้นตอนที่ ออกแบบไว้ เป็นการสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง ตามกระบวนการเรียนรู้แบบซิปปา (CIPPA MODEL) เริ่มจากการทบทวนความรู้เดิมในเร่ืองท่ีจะเรียนรู้ การศึกษาหาความรู้เพ่ิมเติมจากชุด ฝกึ อบรมแลว้ นำความรู้เดิม ไปเชื่อมโยงกับความรู้ใหม่ แลกเปล่ียนเรียนรู้ก่อนที่จะสรุปความรู้ ความ เข้าใจของตนเอง เป็นทฤษฎีการเรียนร้ทู ่ีเน้นผู้ศกึ ษาเป็นผู้สร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง ประสบการณใ์ หม่ / ความรู้ใหม่ + ประสบการณ์เดมิ / ความร้เู ดมิ = องค์ความรใู้ หม่ เลม่ ที่ 2 ความร้พู นื้ ฐานเก่ียวกับการวัดและประเมินผล 3
ชุดฝกึ อบรมด้วยตนเอง การสรา้ งเคร่อื งมือวัดและประเมนิ ผล วชิ าวิทยาศาสตร์ โดยเร่ิมจากการทบทวนความรู้เดิมในเรือ่ งท่จี ะเรยี นรู้ การศกึ ษาหาความร้เู พมิ่ เติมจากแหล่งเรียนรู้ ตา่ ง ๆ นำความเข้าใจขอ้ มูลเชอื่ มโยงความรู้เดมิ กับความรู้ใหม่ และเปลยี่ นเรยี นรู้ก่อนที่จะสรปุ องค์ ความรแู้ ละทำความเขา้ ใจด้วยตนเอง สาระสำคัญ การจัดการเรียนรู้และการวัดประเมินผลเป็นกระบวนการที่มีความสัมพันธ์ต่อเน่ืองกัน การ ประเมินผลเป็นการตัดสินคุณคา่ จากการวัดผล การวัดผลเป็นการกำหนดตัวเลขหรือสัญลักษณ์ให้กับ สิ่งที่วัด หรือการทดสอบเป็นเทคนิคของการวัดผลท่ีใช้แบบทดสอบเป็นเคร่ืองมือ ธรรมชาติของการวัดผล การศึกษาเป็นการวัดเพ่ือค้นหาและพัฒนาสมรรถนะของมนุษย์หรอื ผู้เรียนประเภทของการประเมินผล ถ้าแบ่งตามวัตถุประสงค์ของการประเมิน มีการประเมินผลก่อนเรียน ระหว่างเรียนหรือประเมิน ความก้าวหน้า และประเมินผลหลังเรียน ถ้าแบ่งตามระบบการวัดผลแบ่งเป็นแบบอิงกลุ่ม และอิง เกณฑ์ การประเมนิ ผลมีจุดมุ่งหมายเพื่อตรวจสอบความรู้หรือปรับปรงุ การเรียนการสอนและยังสร้าง แรงจูงใจในการเรียนได้ เพอื่ วินิจฉัยขอ้ บกพร่องเพ่ือตัดสนิ ผลการเรียน และเพอ่ื ประเมินคา่ ซ่ึงจะเป็น ประโยชน์ต่อผู้เรียน ครู ผูบ้ รหิ าร ผู้ปกครอง ดังนั้นผู้ทำหน้าที่ประเมินผลควรมีคุณธรรมในด้านความ ยุติธรรม ความซ่ือสัตย์ ความรับผิดชอบ ความละเอียดรอบคอบ มีความรู้ในหลักวิชาการวัดและ ประเมนิ ผล ....ไปทำแบบทดสอบก่อนศกึ ษาชดุ ฝึกอบรมกอ่ นนะคับ.... เล่มที่ 2 ความรู้พ้ืนฐานเก่ยี วกับการวัดและประเมินผล 4
ชุดฝึกอบรมดว้ ยตนเอง การสรา้ งเครอื่ งมอื วัดและประเมนิ ผล วชิ าวิทยาศาสตร์ แบบทดสอบก่อนศกึ ษาชุดฝกึ อบรม อบรม คำส่งั ให้ท่านเลอื กคำตอบท่ถี ูกตอ้ งที่สุดเพยี งคำตอบเดียว 1. องค์ประกอบของการประเมินผล มีองคป์ ระกอบ 3 ประการ ได้แก่ ข้อมลู เกณฑ์ การตัดสนิ ใจ 1. ถกู ต้อง 2. ผิด 2. หลกั การของการวดั ผลการศกึ ษาตอ้ งวัดใหต้ รงกบั จดุ ประสงค์ 1. ถกู ต้อง 2. ผิด 3. การวัดและประเมินผลแบบอิงเกณฑ์ คอื การวดั ความสามารถของผเู้ รียนแตล่ ะคนโดยเปรียบเทยี บ กบั เพื่อนในกล่มุ เดียวกัน 1. ถูกตอ้ ง 2. ผดิ 4. การวัดและประเมนิ ผลแบบอิงกลมุ่ คอื การวัดความสามารถของผู้เรียนแตล่ ะคนโดยเปรยี บเทยี บ กับมาตรฐาน 1. ถูกต้อง 2. ผดิ 5. กระบวนการประเมนิ ผลขนั้ ตอนท่สี ำคญั ท่สี ดุ คือ การตัดสินผลการเรยี น 1. ถูกต้อง 2. ผดิ 6. การวดั และประเมนิ ผลทางการศกึ ษามกี ีป่ ระเภท ข้อใดตอ่ ไปนีถ้ กู ตอ้ ง 1. 2 ประเภท ไดแ้ ก่ การวดั และประเมนิ ผลแบบอิงกลุ่ม และแบบอิงเกณฑ์ 2. 2 ประเภท ได้แก่ การวัดและประเมินผลกอ่ นเรยี น และหลงั เรยี น 3. 3 ประเภท ได้แก่ การวดั และประเมนิ ผลกอ่ นเรียน และหลังเรยี น 4. 3 ประเภท ได้แก่ การวัดและประเมนิ ผลแบบอิงกลมุ่ แบบองิ เกณฑ์และองิ มาตรฐาน 7. ข้อใดกล่าวถึงจุดมุง่ หมายของการประเมินผล ไมถ่ กู ตอ้ ง 1. เพ่ือสรา้ งกำลังใจในการเรียน 2. เพอ่ื วินจิ ฉัยข้อบกพร่อง 3. เพือ่ จดั ตำแหน่งหรือจดั ประเภท 4. เพอื่ เปรียบเทยี บระดบั พฒั นาการ เล่มที่ 2 ความรู้พนื้ ฐานเก่ยี วกับการวัดและประเมินผล 5
ชดุ ฝึกอบรมดว้ ยตนเอง การสร้างเครอื่ งมอื วดั และประเมนิ ผล วิชาวทิ ยาศาสตร์ 8. ขน้ั ตอนแรกของกระบวนการวัดผลและประเมินผลการศึกษาคือข้อใด 1. การออกแบบการสรา้ งเครอ่ื งมือวดั ผลการเรียนรู้ 2. การกำหนดเกณฑ์การประเมินผล 3. การทดสอบเพ่ือเกบ็ รวบรวมข้อมลู 4. กำหนดวตั ถุประสงค์ 9. คณุ ธรรมของผู้ประเมนิ ข้อใดสำคญั ทส่ี ุด 1. ความยุตธิ รรม 2. ความละเอยี ดรอบคอบ 3. ความอดทน 4. ความซอ่ื สตั ย์ 10. จดุ มุ่งหมายของการวัดและประเมินผลผู้เรียนคอื ขอ้ ใด 1. การประเมินทักษะ 2. การประเมนิ ความรู้ 3. การประเมินกระบวนการ 4. การประเมนิ สมรรถนะ เล่มที่ 2 ความรพู้ ้ืนฐานเกี่ยวกบั การวัดและประเมนิ ผล 6
ชุดฝกึ อบรมด้วยตนเอง การสร้างเครื่องมอื วดั และประเมนิ ผล วิชาวทิ ยาศาสตร์ ใบความรทู้ ่ี 1 ความรู้พ้นื ฐานเกยี่ วกับการวดั และประเมนิ ผล การวัดและประเมินผลเป็นองค์ประกอบที่สำคัญในการจัด การศึกษา โดยเฉพาะกระบวนการจัดการเรียนการสอนครูผู้สอน จะต้องกำหนดวัตถปุ ระสงค์การเรยี นรู้ แลว้ จงึ จดั กิจกรรมการสอนหลัง จากน้ันจึงทำการวัดและประเมินผลการสอน ว่าเป็นไปตาม วัตถุประสงค์ท่ีกำหนดไว้หรือไม่ ดังน้ันครูต้องวัดและประเมินผลทุก คร้งั ทมี่ กี ารสอน ครจู ึงจำเป็นตอ้ งเรียนรู้เข้าใจหลักการ และกระบวนการวัดและประเมินผลการเรยี นรู้ เพอ่ื ให้สามารถปฏบิ ตั ิ ไดอ้ ย่างถกู ต้อง 1.1 การทดสอบ การทดสอบ ไดม้ ีผู้ให้นยิ ามไว้ดงั นี้ ภัทรา นิคมอานนท์ (2538:8) กล่าวว่า การทดสอบเป็นการใช้เครื่องมือวัดประเภทหนึ่งท่ี เรียกว่าแบบทดสอบ เพอื่ รวบรวมขอ้ มูลจากผ้ทู ต่ี อ้ งการวัด อุทุมพร จามรมาน (2530:6) กล่าวว่า การทดสอบคือการวัดลักษณะโดยการสุ่มลักษณะ บางอยา่ งออกมาทำการวัดเพ่ือประโยชน์ในการบรรยายสรปุ พชิ ิต ฤทธ์ิจรูญ (2552:2) กล่าวว่า การทดสอบคือเทคนิคอย่างหน่ึงของการวัดซึ่งเครอ่ื งมือที่ ใช้วดั คือแบบทดสอบ ดังนั้นสรุปได้ว่า การทดสอบ หมายถึงการใช้เคร่ืองมือ หรือแบบทดสอบเปน็ ส่ิงเร้า ให้แสดง ลกั ษณะของพฤติกรรมท่ีตอ้ งการออกมา การทดสอบจึงเป็นการวัดและประเมนิ ผลอย่างหน่ึง 1.2 การวดั ผล การวัดผล ไดม้ ีผใู้ ห้นยิ ามไว้ ดังน้ี เคอรล์ งิ เจอร์ (Kerlinger ) (1986:391) กล่าวว่า การวดั ผลเป็นการกำหนดจำนวนให้กับวตั ถุ หรือเหตุการณ์ตามเกณฑ์ท่ีวางไว้โดยคำว่า จำนวน หมายถึง สัญลักษณ์ท่ีเป็นตัวเลข เช่น 1 2 3 4 เป็นต้น ซึ่งแท้ท่ีจริงตัวเลขเหล่าน้ีไม่ไดม้ ีความหมายเชิงปรมิ าณ หรือคุณภาพในตัวมันเองแต่อย่างใด จะมีความหมายก็ตอ่ เม่ือไดก้ ำหนดกฎเกณฑข์ ้ึน เช่น เพศชายใหเ้ ปน็ เลข 1 เพศหญงิ ให้เปน็ เลข 2 หรือ กำหนดปริมาณมากทส่ี ดุ เป็น 5 มากใหเ้ ป็น 4 ปานกลางใหเ้ ปน็ 3 น้อยใหเ้ ป็น 2 นอ้ ยท่สี ุดให้เป็น 1 เป็นตน้ บุญธรรม กจิ ปรดี าบรสิ ุทธิ์ (2535:15) กลา่ วว่า การวัดเป็นกระบวนการเชงิ ปรมิ าณ ในการกำหนดค่าเป็นตัวเลขหรือสัญลักษณ์ท่ีมีความหมายแทนคุณลักษณะของส่ิงที่วัดโดยอาศัย กฎเกณฑอ์ ยา่ งใดอย่างหน่ึง เล่มที่ 2 ความรูพ้ ืน้ ฐานเกย่ี วกับการวัดและประเมินผล 7
ชุดฝกึ อบรมดว้ ยตนเอง การสร้างเครือ่ งมอื วดั และประเมนิ ผล วชิ าวทิ ยาศาสตร์ พิชิต ฤทธิ์จรูญ (2552:2) กล่าวว่า การวัดผล หมายถึงกระบวนการกำหนดตัวเลขหรือ สัญลักษณ์ให้กับบุคคลส่ิงของหรือเหตุการณ์อย่างมีกฎเกณฑ์เพื่อให้ได้ข้อมูลที่แทนปริมาณหรือ คณุ ภาพของคณุ ลักษณะทจี่ ะวัด ศิริชัย กาญจนวาสี (2556) ได้ให้ความหมายว่า กระบวนการกำหนดค่าเป็นตัวเลขให้แก่ส่ิง ตา่ ง ๆ อยา่ งมกี ฎเกณฑ์ การวัดว่ิงใดกต็ ามจะเกิดข้ึนไดต้ ้องอาศยั องคป์ ระกอบ 3 สว่ น ไดแ้ ก่ เคร่ืองมือ หน่วยการวัด และมาตรฐานเปรยี บเทียบ องคป์ ระกอบของการวัดผล มี 3 ประการ ดังนี้ 1. ปัญหาหรอื สิ่งทีจ่ ะวดั 2. เคร่ืองมอื วัดหรือเทคนคิ วิธกี ารรวบรวมข้อมลู 3. ข้อมูลเชิงปริมาณหรือคุณภาพหากเป็นเชิงปริมาณจะต้องมีจำนวนและหน่วยวัด หากเป็นข้อมูลเชิงคุณภาพจะต้องมีรายละเอียดที่แสดงคุณลักษณะซึ่งอาจไม่ใช่ตัวเลข ตัวอย่าง องค์ประกอบของการวัดผลแสดงได้ดังตารางนี้ ตาราง ตัวอย่างองค์ประกอบของการวัดผล ปัญหา (ส่ิงทจี่ ะวัด) เครือ่ งมอื วัด (วธิ ีการวดั ) ผลการวดั (ขอ้ มลู ) 1. เดก็ หญิงขวัญเรียมสอบได้กีค่ ะแนน แบบทดสอบ 70 คะแนน 2. เดก็ ชายปรญิ หนกั เทา่ ไหร่ ตาช่ัง 35 กโิ ลกรมั 3. รองเท้าคู่นรี้ าคาเทา่ ไหร่ 500 บาท 4. นักเรียนในห้องนมี้ ีจำนวนกค่ี น การสอบถาม 5. คณุ พ่อของซาซา่ มีอาชีพอะไร การนับ 30 คน 6. คณุ อนงคร์ ัตน์ทำงานท่ไี หน รับราชการครู 7. หมายเลขโทรศัพท์ของเจนน่ี การสอบถาม มหาวทิ ยาลยั การสอบถาม 02 318 9500 หมายเลขอะไร การสอบถาม 8. ขณะนคี้ ณุ อรนภาหนา้ ตาเป็น ผอม ผวิ ดำ ตาลึก ผมร่วง อยา่ งไรบ้าง การสงั เกต จากตวั อย่างขา้ งตน้ เห็นว่าปัญหาที่ 1-4 เป็นการวดั ข้อมลู เชิงปรมิ าณ ข้อมูลท่ีไดเ้ ป็นตัวเลขท่ีมี หน่วยวดั ซ่งึ ตัวเลข ตวั แทนขนาดของส่งิ ทว่ี ัด สว่ นปัญหาที่ 5-8 เป็นการวัดข้อมลู เชิงคุณภาพ ผลการวัดทไ่ี ด้ เปน็ รายละเอียดของสิ่งทีว่ ัด ไมม่ ีหนว่ ยหรอื อาจเปน็ ตัวเลขท่ีไม่มหี น่วย ดังตัวอย่าง ปัญหาในข้อ 7 ซ่ึง ตวั เลขทว่ี ัดออกมาได้นี้ไม่มีความหมายเชิงปริมาณ เปน็ เพียงจัดประเภทหรือจัดกลุ่มเท่านั้นการวัดไม่ ว่าจะเปน็ ข้อมูลเชงิ ปริมาณหรือเชงิ คุณภาพ กใ็ ช้เครื่องมือวดั หรือวิธีการวดั เหมอื นกนั ซงึ่ เคร่ืองมอื ท่ีใช้ วัดมีทั้งเคร่อื งมอื ทางวทิ ยาศาสตร์ เชน่ ไม้เมตร ถว้ ยตวง ตาชั่งเคร่ืองมอื ทางจติ วทิ ยา เช่น แบบสงั เกต แบบสอบถาม แบบสัมภาษณเ์ ปน็ ตน้ เลม่ ท่ี 2 ความรู้พืน้ ฐานเก่ียวกบั การวัดและประเมินผล 8
ชดุ ฝกึ อบรมดว้ ยตนเอง การสรา้ งเคร่ืองมือวดั และประเมนิ ผล วชิ าวทิ ยาศาสตร์ ดังนั้นสรุปได้ว่า การวัดผล หมายถึงกระบวนการกำหนดจำนวน ปริมาณอันดับ หรือ รายละเอียดของพฤติกรรมความสามารถของบุคคล โดยใช้เคร่ืองมือต่าง ๆ ในการวัดเพอ่ื ใหไ้ ด้ตัวเลขหรอื ข้อมลู รายละเอยี ดตา่ ง ๆ ท่ใี ช้แทนจำนวนและลักษณะทว่ี ัดนน้ั 1.3 การประเมินผล การประเมินผล ได้มผี ูใ้ หน้ ิยามไว้ดงั น้ี ศิริชัย กาญจนวาสี (2552) กล่าวว่า การประเมินผลเป็นกระบวนการตัดสินคุณค่าของสิง่ ตา่ ง ๆ โดยการเปรียบเทยี บกบั เกณฑ์ หรือมาตรฐานการประเมนิ จึงเป็นเรื่องเก่ียวกบั \"คุณค่า\" ของสิ่งต่าง ๆ การประเมนิ ส่ิงใดก็ตามจะต้องอาศัยองค์ประกอบ 3 ส่วน ได้แก่ 1) ผลจากการวัด 2) เกณฑท์ ่ีตง้ั ไว้ และ 3) การตดั สนิ คณุ คา่ สมหวัง พิธิยานุวัฒน์ (2541) กล่าวว่า การประเมินผลเป็นกระบวนการใช้ดุลยพินิจ (Judgment) และ/หรือคา่ นิยมและขอ้ จำกดั ต่าง ๆ ในการพจิ ารณาตัดสินคณุ ค่าของสงิ่ ใดส่งิ หน่ึง โดย การเปรียบเทียบผลท่ีวัดได้กับเกณฑ์ท่ีกำหนดอาจเป็นเกณฑ์แบบสัมพัทธ์หรืออิงกลุ่มหรือเกณฑ์ สมั บูรณ์ อีเบลและไฟร์สไบย์ (Ebel and Frisbie 1986:13) กล่าวว่า การประเมินผลเป็นการตัดสิน เกี่ยวกบั คุณภาพหรอื คณุ คา่ ของสง่ิ ทต่ี ้องการประเมิน แซค (Sax 1989: 24) กลา่ วว่า การประเมนิ ผลเปน็ กระบวนการตัดสนิ คณุ คา่ หรือตัดสนิ ใจ ที่เกิดจากการสงั เกตจากประสบการณแ์ ละจากการฝึกฝนของผู้ประเมนิ บุญธรรม กิจปรีดาบรสิ ุทธิ์ (2535:17) กล่าวว่า การประเมนิ ผลเป็นกระบวนการในการตดั สิน คุณคา่ ของส่ิงหน่ึงส่ิงใดอย่างมีหลักเกณฑ์ เพือ่ สรปุ ว่าส่ิงนนั้ ดีเลวปานใด พชิ ิต ฤทธ์ิจรูญ (2552:2) กลา่ วว่า การประเมินผล เป็นการตดั สินคุณค่าหรอื คุณภาพของผล ที่ไดจ้ ากการวดั โดยเปรยี บเทียบกับผลการวัดอื่น ๆ หรอื เกณฑ์ที่ตงั้ ไว้ สามารถเขียนเปน็ สมการได้ ดงั นี้ การประเมินผล = การวดั ผล + การตัดสินคณุ คา่ Evaluation = (measurement) + (judgement) องคป์ ระกอบของการประเมินผล มอี งค์ประกอบ 3 ประการ ดังน้ี 1. ขอ้ มลู 2. เกณฑ์ 3. การตดั สินคุณค่าหรือการตดั สินใจ เล่มที่ 2 ความรู้พนื้ ฐานเก่ียวกบั การวัดและประเมนิ ผล 9
ชดุ ฝกึ อบรมดว้ ยตนเอง การสรา้ งเครือ่ งมือวัดและประเมนิ ผล วชิ าวทิ ยาศาสตร์ ตวั อยา่ งองค์ประกอบ ของการประเมนิ ผลแสดงไดต้ าราง ตาราง ตัวอย่างองค์ประกอบของการประเมนิ ผล ขอ้ มูล เกณฑ์ การตดั สินคณุ คา่ สมคิดสอบได้ 70 คะแนน เปรยี บเทยี บกับข้อมูลทม่ี ีอยู่ สมศรไี ด้คะแนนสงู สุด สมใจสอบได้ 40 คะแนน เปรียบเทียบกับเกณฑ์ที่กำหนดคือ สมควรได้คะแนนต่ำสดุ สมปองสอบได้ 60 คะแนน - คะแนน ≥ 80 ถือวา่ เก่งให้เกรด A สมศรีได้เกรด A สมศรสี อบได้ 80 คะแนน - คะแนน 70-79 ถือวา่ ค่อนข้างเก่ง สมคิดได้เกรด B สมควรสอบได้ 30 คะแนน ให้เกรด B สมปองได้เกรด C สมบรู ณส์ อบได้ 55 - คะแนน 60-69 ถือว่าปานกลางให้ สมบรู ณ์ได้เกรด D คะแนน เกรด C สมใจและสมควรไดเ้ กรด E - คะแนน 50-59 ถือวา่ ออ่ นใหเ้ กรด D - คะแนนตำ่ กวา่ 50 หรือวา่ ออ่ นมาก ให้เกรด E จากตัวอย่างข้างต้นการประเมินผลประกอบด้วยองคป์ ระกอบ 3 ส่วน คอื ข้อมูลจากการวัด เกณฑ์ และการตดั สินคุณคา่ หรือการตดั สนิ ใจ ซ่งึ ขอ้ มลู เดียวกัน หากใชเ้ กณฑ์ตา่ งกันดงั ตวั อยา่ ง การตดั สนิ คุณค่าหรอื การตัดสนิ ใจย่อมแตกต่างกันดว้ ย ดังนั้นสรุปได้ว่า การประเมินผล (evaluation) หมายถึง กระบวนการตัดสินใจ ตีราคา ลง ข้อสรุปหรือคุณค่าโดยการเปรียบเทียบกับเกณฑ์หรือมาตรฐานการประเมินจึงเป็นเร่ืองเกี่ยวกับ \"คณุ ค่า\" ของสิง่ ต่าง ๆ เล่มท่ี 2 ความร้พู ้นื ฐานเก่ยี วกบั การวัดและประเมนิ ผล 10
ชดุ ฝึกอบรมด้วยตนเอง การสร้างเคร่อื งมอื วดั และประเมนิ ผล วชิ าวิทยาศาสตร์ ใบกิจกรรมท่ี 1 จากทา่ นไดศ้ ึกษาใบความรู้แลว้ ลองตอบคำถามนะคะ คำส่ัง จงตอบคำถามใหถ้ กู ตอ้ ง 1. จงบอกความหมายของ 1.1 การทดสอบ ............................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ 1.2 การวัดผล ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ 1.3 การประเมนิ ผล ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ 2. จากรายการท่ีกำหนดใหต้ อ่ ไปน้ี ให้พจิ ารณาว่าเป็นการวัดผล หรอื การประเมินผล 2.1 ม้าเบอร์ 4 ว่ิงชา้ ทสี่ ดุ …………………………………………………………………………………………..… 2.2 อนนั ต์เป็นนกั ฟตุ บอล……………………………………………………………………………….……………. 2.3 ลมพัดด้วยความเรว็ 40 ไมล์/ช่วั โมง………………………………………………………………………… 2.4 สมพงษ์สอบเข้าโรงเรยี นสวนกหุ ลาบ……………………………………………………………….………. 2.5 บัตรชมดนตรหี มายเลข 102………………………………………………………………………….……….. ....ตอ่ ไป...ใหท้ ่านศึกษาใบความรทู้ ่ี 2 กนั ต่อเลยครบั .... เล่มท่ี 2 ความรู้พืน้ ฐานเก่ยี วกับการวัดและประเมินผล 11
ชุดฝกึ อบรมดว้ ยตนเอง การสรา้ งเครื่องมอื วัดและประเมนิ ผล วชิ าวทิ ยาศาสตร์ ใบความรู้ที่ 2 หลักการวัดและประเมนิ ผลการศกึ ษา การวัดและประเมินผลการศึกษาเป็นไปอย่างถูกต้อง มี ประสิทธภิ าพ ควรยึดหลกั ในการปฏิบตั กิ ารดังน้ี 2.1 วัดให้ตรงกับจุดประสงค์ การวัดผลแต่ละคร้ังต้องมั่นใจว่า สามารถวดั ส่ิงท่ีตอ้ งการจะวัดไดอ้ ย่างแท้จริง ผลการวดั จงึ จะตรงกบั ความ เป็นจริง หรือตรงตามสภาพจริงกล่าวคือ ถ้าต้องการวัดความสามารถใน การแก้โจทย์ปัญหาทางวิทยาศาสตร์ ถ้าผู้สอบได้คะแนนสูงก็แปลว่าเก่ง วิทยาศาสตร์จรงิ 2.2 เคร่ืองมือมีคุณภาพ ผลจากการวัดขึ้นอยู่กับคุณภาพของเคร่ืองมือท่ีใช้ในการวัดถ้า เคร่ืองมือดีมีคุณภาพผลการวัดจะตรงกับความเป็นจริงเช่ือถอื ได้สงู การวดั ผลการเรยี นรูต้ ้องนำผลไป ใช้แต่ความสามารถของผู้เรียนประเมินผลการเรยี นรูร้ วมทง้ั นำไปใช้ในการวิจยั จึงต้องเลอื กเคร่ืองมือ วัดผลสร้างและตรวจสอบเครื่องมือวัดผลให้มีคุณภาพเหมาะสมกับระดับของผู้เรียน และสิ่งท่ีต้องการวัด จงึ จะไดผ้ ลการวดั ที่ถกู ต้องและเช่ือถือได้ 2.3 มีความยุตธิ รรม การวัดผลการเรียนรู้ผู้เรียนทุกคนตอ้ งได้รับความยุติธรรมเคร่ืองมอื ทีใ่ ช้ ในการวัดผลตอ้ งไม่ทำให้เกิดความไดเ้ ปรียบเสยี เปรียบกันระหว่างผถู้ ูกวัด ตอ้ งใช้เครอื่ งมือชนิดเดียวกัน มสี ภาพเหมือนกัน การนำเครอ่ื งมือไปใช้ตอ้ งใช้อย่างยุติธรรม การดำเนินการวัดผลต้องอยู่ในสถานการณ์ เดียวกันสภาพแวดล้อมเหมือนกันเวลาและกระบวนการเดยี วกันทกุ ประการ 2.4 แปลผลได้ถูกต้อง การนำผลไปใช้อธิบายหรือเปรียบเทียบคุณลักษณะ ความสามารถ ต่าง ๆ ของผู้เรียนท้ังเปรียบเทียบกับเกณฑ์หรือมาตรฐานที่กำหนดไว้ และการเปรียบเทียบภายใน กลมุ่ ของผู้เรียนย่อมแปรได้อย่างถกู ตอ้ งโดยไมค่ ลาดเคล่อื นไปจากความจรงิ 2.5 ใชผ้ ลการวดั ไดค้ ุ้มค่า การวัดผลนอกจากเป็นการวัดคุณภาพและคณุ ลักษณะของผู้เรียน แล้วยังสามารถใช้ในการค้นหาความสามารถที่เด่นและด้อย เพ่ือจะได้ปรับปรุงพัฒนาความสามารถ ของผู้เรียนแต่ละคนท่ีด้อยให้ดีขึ้น และท่ีเด่นให้เด่นย่ิงขึ้น นอกจากน้ันยังนำไปใช้ในการปรับปรุง พัฒนาการจัดการเรียนรู้ของครูและใช้ประเมินคณุ ภาพของเครอ่ื งมอื วดั ผลเองอีกดว้ ย เล่มที่ 2 ความรพู้ ้ืนฐานเก่ยี วกบั การวัดและประเมนิ ผล 12
ชดุ ฝึกอบรมดว้ ยตนเอง การสรา้ งเครื่องมือวดั และประเมนิ ผล วิชาวทิ ยาศาสตร์ ใบกิจกรรมท่ี 2 จากทา่ นได้ศกึ ษาใบความรแู้ ล้ว ลองตอบคำถามนะคะ คำส่งั จงตอบคำถามใหถ้ ูกต้อง 1. จงบอกหลกั การของการวัดผลการศกึ ษา พอมาสงั เขป ………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. ท่านคดิ ว่าหลกั ในการวดั ผลท่สี ำคญั คืออะไร เพราะเหตุใด ………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………… ....ตอ่ ไป...ใหท้ า่ นศกึ ษาใบความรู้ท่ี 3 กนั ตอ่ เลยครับ.... เล่มท่ี 2 ความรพู้ ้นื ฐานเกี่ยวกบั การวัดและประเมนิ ผล 13
ชดุ ฝึกอบรมดว้ ยตนเอง การสร้างเคร่ืองมอื วดั และประเมนิ ผล วิชาวิทยาศาสตร์ ใบความรทู้ ี่ 3 ประเภทการประเมินผล การประเมนิ ผล สามารจำแนกประเภทไดด้ ังน้ี ( พิชติ ฤทธิจ์ รูญ , 2552) 3.1 จำแนกตามวัตถุประสงค์ของการประเมินผล แบ่งเป็น 3 ประเภท ดังนี้ 1) การวัดและประเมินผลก่อนเรียน (Pre-evaluation) เป็นการวัดและ ประเมนิ ผลกอ่ นที่จะมีการเรยี นการสอนเกิดข้นึ เพ่อื ตรวจสอบความรพู้ ้ืนฐานและทักษะของผ้เู รียนว่า มีความรเู้ พียงพอที่จะเรียนในรายวิชาใหม่หรือไม่ ตัวอย่างของเครื่องมือวัดประเภทนี้ เช่น แบบสอบ แบบสังเกต แบบสมั ภาษณ์ เปน็ ตน้ 2) การวัดและประเมินผลระหว่างเรียน (Formative evaluation) เป็นการวัดและ ประเมินผลระหว่างที่มีการเรียนการสอน เพ่ือตรวจสอบความก้าวหน้าของผู้เรียนว่าบรรลุ วตั ถุประสงค์ของการเรียนร้หู รือไม่ หากพบว่ามีขอ้ บกพร่องในเร่ืองใดหรือในจุดประสงค์ใด ตัวอย่าง ของเครอื่ งมอื วัดประเภทนี้ เชน่ แบบสอบ แบบสงั เกต แบบสมั ภาษณ์ แบบสอบปากเปล่าเปน็ ตน้ 3) การวัดและประเมินผลหลังเรียน (Summative evaluation) เป็นการวัดและ ประเมินผลหลังจากท่ีสิ้นสุดการเรียนการสอนเพื่อตัดสิ้นผลการเรียนทั้งหมดของผู้เรียนว่ารอบรู้ใน เน้ือหามากน้อยเพียงใด มีความสามารถในระดับใด ควนตัดสินได้-ตก ผ่าน-ไม่ผ่าน ตัวอย่างของ เครือ่ งมือวดั ประเภทนี้ เชน่ แบบสอบ มาตรประมาณคา่ 3.2 จำแนกตามระบบการวัดผล แบ่งเป็น 2 ประเภทดังนี้ 1) การวัดและประเมนิ ผลแบบอิงกลมุ่ (Norm-Referenced evaluation) เปน็ การตัดสินคุณค่าของคุณลักษณะ หรือพฤติกรรมโดยเปรยี บเทยี บกับผู้เรียนท่ีอยู่ในกลุ่มเดยี วกันที่ทำ การทดสอบ ข้อสอบฉบับเดียวกนั โดยมีจดุ มุ่งหมายเพอ่ื จำแนกหรือจดั ลำดับบุคคลในกลุม่ น้ัน ๆ เช่น การสอบคัดเลือกเข้าศึกษาตอ่ ในสถานศึกษา การสอบชิงทุนการศึกษา เป็นต้น การวิเคราะห์ข้อสอบ เพือ่ หาความตรง ความเท่ียง ความยาก และอำนาจจำแนกมีความสำคญั อย่างยิง่ โดยเฉพาะแบบสอบ ท่ดี ี ตอ้ งจำแนกผูเ้ รยี นเกง่ -ออ่ นได้ 2) การวัดและประเมินผลแบบอิงเกณฑ์ (Criterion-Referenced evaluation) เป็น การตัดสินคุณค่าของคุณลักษณะหรือพฤติกรรมโดยเปรียบเทียบกับเกณฑ์ ซึ่งเกณฑ์มีทั้งเกณฑ์ มาตรฐาน หรือเกณฑ์ท่ีผู้ประเมินกำหนดขึ้น เพื่อรู้วา่ ผูเ้ รียนมีความรูค้ วามสามารถอะไร ทำอะไรไดบ้ ้าง คะแนนท่ีได้แทนความรู้ความสามารถของผู้เรียน ในขอบเขตของเนื้อหาท่ีสำคัญของวิชา การวัด ความรู้ความสามารถของผู้เรยี นจึงเป็นการเปรยี บเทียบกบั เกณฑ์มาตรฐาน เลม่ ท่ี 2 ความรู้พน้ื ฐานเก่ียวกับการวัดและประเมินผล 14
ชุดฝึกอบรมดว้ ยตนเอง การสร้างเครอื่ งมือวัดและประเมนิ ผล วิชาวิทยาศาสตร์ การประเมินผลแบบอิงเกณฑ์มีจุดมงุ่ หมายเพ่อื บ่งชี้สถานภาพของผู้เรยี นแตล่ ะคน เม่ือ เทียบเปรียบเทียบกับเกณฑ์ท่ีทดสอบเพ่ือตัดสินว่าผู้เรียนบรรลุตามวัตถุประสงค์ท่ีกำหนดไว้หรือไม่ และมากน้อยเพียงใด อันจะนำไปสู่การปรับปรงุ การเรียนการสอน เมื่อผู้เรียนไม่สามารถทำข้อสอบได้ถึง เกณฑต์ อ้ งมกี ารสอนซอ่ มเสรมิ จนกว่าจะผ่านถึงเกณฑ์ ตาราง การเปรยี บเทียบความแตกต่างระหว่างการประเมนิ ผลแบบอิงกลมุ่ และองิ เกณฑ์ ประเด็น อิงกลุ่ม องิ เกณฑ์ 1. หลกั การ 2. จุดมงุ่ หมาย ยึดความแตกต่างระหว่างบุคคล ผู้เรียนทุกคนสามารถเรียนรู้จน 3. การแปลความหมาย ผลการประเมิน ผเู้ รยี นทกุ คนเรยี นรูไ้ ดไ้ ม่เท่ากนั บรรลุเป้าหมายได้แต่อาจใช้เวลา 4. คะแนนที่ได้จากการ ตา่ งกนั วัดผล เพื่อวัดความสามารถของผู้เรียนแต่ เพ่ือวดั ความสามารถของผู้เรียนแต่ 5. การนำไปใช้ ละคนโดยเปรียบเทียบกับเพื่อนใน ละคนโดยเปรียบเทียบกับเกณฑ์ กล่มุ เดียวกัน หรอื มาตรฐาน - แปลโดยใชค้ ะแนนมาตรฐาน - แปลโดยใชค้ ะแนนดิบ - ผลก ารป ระ เมิน จะ อ อ ก ม าใน - ผลการประเมินจะออกมาใน รปู แบบทวภิ าคี เชน่ ได้-ตก รปู แบบเกรด A B C D E เหมาะสม-ไมเ่ หมาะสม แต่กส็ ามารถ - แสดงให้ทราบว่าผู้เรียนมีความ แปลงเป็นระบบเกรดได้ เช่น A B C สามารถเทา่ ใดเม่อื เทยี บกับเกณฑ์ DE - แสดงให้ทราบว่าผู้เรียนมีความ สามารถเท่าใดเมื่อเทียบกับปริมาณ ทั้งหมดที่ทดสอบ - ลักษณะและรูปแบบการกระจาย - ลักษณะและรูปแบบของ ของคะแน น เป็น สาระที่จะต้อ ง การกระจายของคะแน นไม่มี พิจารณาควรมีการกระจายมากเพื่อ ความสำคัญ ให้ได้คา่ อำนาจจำแนกทส่ี งู - บอกได้เพียงวา่ ผู้เรียนทำอะไรได้ - บอกได้ว่าผู้เรียนทำได้มากน้อย บา้ งเม่ือเทยี บกับเกณฑ์ เพียงใดแต่บอกไม่ได้ว่าทำอะไรได้ บ้าง - ใช้แบ บ ท ดสอ บ ฉบั บ เดี ยวกั น - ใช้ใน ก รณี ต้อ งก ารท ราบ ว่า สำหรับผเู้ รยี นทกุ คน ผู้เรียนได้บรรลุจุดมุ่งหมายของ - ใช้ในกรณีต้องการคัดเลือกผู้เรียน ห ลั ก สูต ร เพี ย งใด แล ะ ใช้ เพื่ อ หรือใช้จดั ตำแหน่ง ปรับปรงุ การเรียนการสอน - ไม่จำเป็นต้องใช้แบบทดสอบ ฉบั บ เดี ยวกั น เพ ราะ ไม่ มีก าร เลม่ ที่ 2 ความร้พู ืน้ ฐานเกีย่ วกบั การวัดและประเมินผล 15
ชดุ ฝึกอบรมดว้ ยตนเอง การสรา้ งเครือ่ งมือวดั และประเมนิ ผล วชิ าวทิ ยาศาสตร์ ประเดน็ องิ กลุ่ม อิงเกณฑ์ เปรียบเทยี บกบั คนอ่นื 6. การสร้างเคร่อื งมือ เขียนตามจุดประสงค์ท่ัวไป และต้อง เขี ย น ต า ม จุ ด ป ร ะ ส ง ค์ เชิ ง สมุ่ เนอ้ื หามาเป็นอยา่ งดี พฤตกิ รรม 7. การหาคุณภาพของ -ไม่ ค ำ นึ ง ถึ ง ค ว า ม ย า ก ง่ า ย ข อ ง เครื่องมือ ขอ้ สอบ 7.1 การวเิ คราะหร์ ายขอ้ -เน้นความยากง่ายและค่าอำนาจ -เนน้ ความแตกต่างระหว่าง จำแนกของขอ้ สอบเปน็ สำคัญ การสอบก่อนเรียนและหลังเรียน 7.2 ความเที่ยงตรง -เน้นความเทย่ี งตรงทกุ ประเภท เป็นสำคัญ 7.3 ความเชอื่ มน่ั -วิเคราะห์ผลจากการวัดคร้ังเดียว -เนน้ ความเท่ียงตรงเชิงเน้ือหาและ หรือวัด 2 ครั้งหลังสอนก็ได้ เพื่อดู โครงสรา้ ง ความคงทแ่ี ละความคงที่ของคะแนน -วิเคราะห์ที่ผลจากการวัดก่อน เรียนและหลังเรียนว่าผู้ท่ีมีความ รอบรู้แล้วกับไม่รอบรู้แตกต่างกัน อย่างไร เลม่ ท่ี 2 ความรู้พ้นื ฐานเกย่ี วกบั การวัดและประเมินผล 16
ชดุ ฝึกอบรมดว้ ยตนเอง การสร้างเคร่อื งมือวัดและประเมนิ ผล วชิ าวทิ ยาศาสตร์ ใบกจิ กรรมท่ี 3 จากทา่ นได้ศกึ ษาใบความรแู้ ลว้ ลองตอบคำถามนะคะ จงตอบคำถามตอ่ ไปน้ี 1. การประเมินผลกอ่ นเรียน การประเมนิ ผลระหวา่ งเรยี น และการประเมนิ หลงั เรยี น มีจุดมุง่ หมายและมีความสำคญั อย่างไร ............................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. จากการกระทำต่อไปนี้ให้พิจารณาว่าควรใช้การประเมินผลแบบอิงเกณฑห์ รือแบบอิงกลุ่ม 2.1 การสอบคดั เลอื กเข้าโรงเรยี น…………………………………………………………………………… 2.2 การวินจิ ฉยั ข้อบกพร่องในการอา่ นของผูเ้ รยี น ………………………………………………….… 2.3 การตัดสนิ การประกวดนางสาวไทย…………………………………………………………………… 2.4 การตดั สิทธผิ์ ูส้ มัครสมาชกิ วฒุ สิ ภา (ส.ว) …………………………………………………………… 2.5 การกำหนดระดับเสยี งของท่อไอเสียรถยนต์…………..…………………………………………… 3. จงเปรยี บเทียบความแตกตา่ งระหว่างการประเมินผลแบบอิงกลุ่มและอิงเกณฑ์ ................................................................................................................................................................ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… เล่มที่ 2 ความรูพ้ ้ืนฐานเกี่ยวกบั การวัดและประเมินผล 17
ชุดฝึกอบรมด้วยตนเอง การสรา้ งเคร่ืองมอื วัดและประเมนิ ผล วิชาวทิ ยาศาสตร์ 5. จงเปรยี บเทียบข้อดแี ละข้อเสีย ของการประเมนิ แบบองิ กลุ่มและแบบอิงเกณฑ์ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ....ต่อไป...ให้ทา่ นศึกษาใบความรูท้ ี่ 4 กนั ตอ่ เลยครับ.... เลม่ ที่ 2 ความรู้พนื้ ฐานเก่ยี วกบั การวัดและประเมนิ ผล 18
ชุดฝึกอบรมดว้ ยตนเอง การสรา้ งเคร่อื งมือวัดและประเมนิ ผล วิชาวทิ ยาศาสตร์ ใบความรทู้ ี่ 4 ความม่งุ หมายของการประเมนิ ผล พิชติ ฤทธจิ์ รญู (2552) ได้กลา่ วถงึ จุดมุ่งหมายของการประเมินผล การเรียนการสอนมีความมุ่งหมายหลายประการ ซ่ึงครูอาจเลือกใช้ให้ตรง กับความต้องการไดด้ งั น้ี 4.1 เพ่ือสร้างแรงจงู ใจในการเรียน ผลการประเมินระหว่างการเรียนการสอน สามารถนำมาใช้เพ่ิมประสิทธิภาพการเรียนให้สูงขึ้น โดยนำผลมาแจ้งให้ผู้เรียนทราบ เพ่ือกระตุ้นให้ ผู้เรียนเกิดความอยากรู้อยากเห็น หรืออาจใช้วิธีการซักถามหรือกำหนดปัญหาให้ฝึกฝนเพ่ือจูงใจให้ ผ้เู รยี นเสาะแสวงหาความร้เู พ่ิมเติม 4.2 เพ่ือตรวจสอบความรู้พ้ืนฐาน การตรวจสอบความรู้พ้ืนฐาน เป็นการประเมินเพ่ือ ตรวจสอบความรู้ความสามารถและทักษะพื้นฐานของผู้เรียน ก่อนท่ีจะเริ่มเรียนรู้บทเรียนใหม่ เนื่องจาก เน้ือหาบางบทเรียนอาจจำเป็นต้องใช้ความรหู้ รอื ทักษะพื้นฐานบางประการ ครูจึงต้องตรวจสอบก่อน ว่าผู้เรยี นมีความรู้หรือทกั ษะพน้ื ฐานเพยี งใดหากพบวา่ ไม่มคี วามรูห้ รือมีความรูไ้ ม่เพียงพอในเรอื่ งใดก็ จะได้ปรับพ้นื ฐานเสียก่อน การตรวจสอบความรพู้ ้นื ฐาน อาจทำไดโ้ ดยใชแ้ บบทดสอบหรือใช้ การซักถามก็ได้ 4.3 เพื่อปรับปรุงการเรียนการสอน ผลการประเมินท้ังก่อนการเรียนการสอนและระหว่าง การเรียนการสอน สามารถนำมาปรับปรุงการเรยี นการสอนไดโ้ ดยนำมาพิจารณาว่า ผลการสอนไม่ทำ ให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ตามวัตถุประสงค์ อาจเป็นเพราะวิธีสอน หรือกิจกรรมที่ครูผู้สอนกำหนดไว้ อาจไม่เหมาะสม หรือเพราะสื่อการเรียนการสอนไม่เหมาะสม นอกจากนั้นผู้เรียนก็ยังได้ทราบ สถานะภาพการเรียนของตนเองว่าอยู่ในระดับใด หากอยู่ในระดับไม่น่าพึงพอใจจะได้ปรับปรุงการเรียน ของตนเองใหด้ ขี ึ้น 4.4 เพอ่ื วินจิ ฉัยข้อบกพร่อง การวินิจฉัยข้อบกพรอ่ งเป็นการวิเคราะห์หาสาเหตุข้อบกพร่อง ในการเรียนของผู้เรียนและการสอนของครู รวมท้ังเป็นข้อมูลให้ครูได้พิจารณาทบทวนการสอนของ ตนเองว่าบกพรอ่ งอยา่ งไรแลว้ หาทางปรับปรุงต่อไป 4.5 เพอ่ื ตดั สินผลการเรยี น โดยเม่อื สิ้นสุดการเรยี นการสอน หรอื การประเมินผลรวม กส็ รุป คุณภาพการจัดการเรียนการสอนว่าผู้เรียนบรรลุตามวัตถุประสงค์ของรายวิชาหรือในระดับช้ันน้ัน เพียงใด โดยนำผลการวัดท้ังหมดตลอดภาคเรียนหรือตลอดปีมาเป็นข้อมูลตัดสินผลขั้นสุดท้าย โดย การใหเ้ กรด 4 3 2 1 หรือ A B C D หรือยอดเยยี่ ม ผ่าน ไม่ผา่ น หรอื สอบได้ สอบตก เปน็ ต้น เล่มท่ี 2 ความรพู้ ืน้ ฐานเกีย่ วกบั การวัดและประเมนิ ผล 19
ชดุ ฝึกอบรมดว้ ยตนเอง การสรา้ งเครอื่ งมอื วัดและประเมนิ ผล วิชาวทิ ยาศาสตร์ 4.6 เพ่ือจัดตำแหน่งหรือจัดประเภท โดยการนำผลที่ได้จากการวัดมาเปรียบเทียบหรือจัด อันดบั ความสามารถในกลุ่มเดียวกัน เพื่อจะตอบว่ามีความรู้ความสามารถ อยู่ในระดับของกลุ่ม เช่น สอบไดอ้ ันดบั ทเี่ ท่าไหร่ได้ เกรดเทา่ ไหร่ 4.7 เพ่ือเปรียบเทียบระดบั พัฒนาการ การสอบหรือตรวจวัดดูว่าผเู้ รียนมีพัฒนาการเพียงใด มีความงอกงามหรือเปล่ยี นแปลงไปในทางท่ีดขี ึ้นหรอื ไม่ โดยเปรียบเทยี บความสามารถของผู้เรยี นคน เดียวหรือกลุ่มเดียวกัน ในระยะเวลาท่ีต่างกัน เช่น ก่อนเรียนกำลังเรียนภาคเรยี นที่ 1 กบั ภาคเรียนที่ 2 เป็นต้น ถ้าผลการเรียนต่ำลงก็จะช้ีว่า ผู้เรียนคนน้ันหรือกลุ่มนั้นควรจะต้องปรับปรุง และครูผู้สอน รายวิชานั้นควรจะต้องทบทวนการจัดการเรียนการสอนของตนเอง ขณะเดียวกันหากผลการเรียนมี พฒั นาการดีข้ึนก็เป็นการสรา้ งขวัญกำลังใจใหแ้ กผ่ เู้ รียนคนนั้นหรอื กลุม่ นน้ั ต่อไป 4.8 เพื่อประเมนิ ค่า การประเมนิ คา่ เป็นการประเมินท่ีมุ่งสรุปคุณภาพการศกึ ษาโดยส่วนรวม เช่น ดูความเหมาะสมของหลักสูตรกับโรงเรียนดูการจัดบริบทในโรงเรียนว่าเหมาะสมสอดคล้องกับ ความต้องการของบุคลากรในโรงเรียนหรือไม่ ดูแนวโน้มการจัดบริการทางการศึกษาของโรงเรียนใน อนาคตเป็นตน้ ซึ่งการประเมิน ลักษณะนจี้ ะเป็นประโยชน์สำหรับผูบ้ รหิ ารให้พัฒนาคุณภาพการศกึ ษา ได้เปน็ อย่างดี เล่มท่ี 2 ความรพู้ ้นื ฐานเกีย่ วกับการวัดและประเมินผล 20
ชดุ ฝกึ อบรมด้วยตนเอง การสร้างเครอื่ งมอื วัดและประเมนิ ผล วชิ าวิทยาศาสตร์ ใบกจิ กรรมท่ี 4 จากทา่ นไดศ้ ึกษาใบความรแู้ ลว้ ลองตอบคำถามนะคะ จงตอบคำถามตอ่ ไปนี้ ครแู ก้วกาญสอนรายวิชาวิทยาศาสตร์ ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 6 เรือ่ งสารและสมบัตขิ องสาร เมอื่ สอนจบ บทเรยี น ครูแกว้ วกาญทดสอบผูเ้ รียนด้วยขอ้ สอบเขียนตอบและเลือกตอบ ครแู ก้วกาญทำการวดั และ ประเมนิ ผลผู้เรยี น เพ่ืออะไร ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ....ต่อไป...ให้ท่านศกึ ษาใบความรทู้ ี่ 5 กนั ตอ่ เลยครับ.... เล่มที่ 2 ความรพู้ ื้นฐานเกยี่ วกบั การวัดและประเมินผล 21
ชุดฝึกอบรมด้วยตนเอง การสรา้ งเคร่อื งมือวดั และประเมนิ ผล วิชาวทิ ยาศาสตร์ ใบความรู้ท่ี 5 กระบวนการประเมนิ ผลการศกึ ษา กระบวนการประเมินผลการศึกษา มีความเช่ือมโยงกับจุดมงุ่ หมายการศึกษากิจกรรมการเรยี น การสอนครแู ละผูเ้ รียนการประเมนิ ผล 5.1 กระบวนการประเมินผลการศกึ ษา มี 6 ข้ันตอน ดงั นี้ กำหนดวัตถปุ ระสงค์ร่วมกันระหวา่ งครกู บั ผู้เรยี น กำหนดจุดประสงคเ์ ชงิ พฤตกิ รรม สรา้ งเครอ่ื งมอื วัดผลการเรียนรู้ ทดสอบได้เก็บรวบรวมขอ้ มลู จัดกระทำข้อมลู ตดั สนิ ผลการเรียน ภาพ : กระบวนการประเมนิ ผล เลม่ ที่ 2 ความรู้พนื้ ฐานเกย่ี วกบั การวัดและประเมินผล 22
ชดุ ฝึกอบรมดว้ ยตนเอง การสรา้ งเครือ่ งมอื วัดและประเมนิ ผล วิชาวทิ ยาศาสตร์ รายละเอยี ดของกระบวนการประเมนิ ผลแตล่ ะขั้นตอนมดี งั น้ี ข้ันท่ี 1 กำหนดวตั ถุประสงค์รว่ มกันระหว่างครกู ับผู้เรยี น ขน้ั นี้เป็นการวางแผนร่วมกันระหว่างครูกับผูเ้ รียนก่อนเริ่มจัดกจิ กรรมการเรียนการสอน โดยครู จะนำเสนอกิจกรรมตลอดภาคเรียน ซ่ึงเรียกว่าแนวการสอน Course syllabus เพื่อให้ผู้เรียนร่วมกัน พิจารณา และตกลงกันตั้งแต่ต้นภาคเรยี นว่าจุดประสงค์ของวิชาวทิ ยาศาสตร์เป็นอย่างไร มมี าตรฐาน การเรียนรแู้ ละตวั ชี้วดั กี่ขอ้ อะไรบา้ ง แลว้ กิจกรรมการเรยี นการสอนต้องทำอะไรบ้าง เกณฑ์การตดั สิน ผลการเรียนมีวิธีการอย่างไร เพื่อให้ผู้เรียนเห็นภาพตลอดท้ังภาคเรียนและมีสิทธ์ิที่จะขอเพ่ิมหรือลด หรือปรบั สาระและกจิ กรรมท่ีครูนำเสนอให้ ขัน้ ท่ี 2 กำหนดจุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม ขั้นนี้เป็นการกำหนดพฤติกรรมและคุณลักษณะที่ต้องการให้เกิดกับผู้เรียน และเพื่อให้ สามารถวัดได้สังเกตได้ โดยยึดทฤษฎีการเรียนรู้ของบลูม ระดับพฤติกรรม 6 ขั้น รายละเอียดจะได้ กลา่ วในบทต่อไป ขั้นท่ี 3 สร้างเครือ่ งมือวัดผลการเรยี นรู้ ข้นั นีค้ รูต้องรู้วา่ เคร่ืองมือวัดผลมกี ปี่ ระเภท แต่ละประเภทมลี ักษณะเฉพาะข้อดี และขอ้ จำกัด อยา่ งไร เพื่อที่จะเลือกใช้ให้เหมาะ กบั จุดประสงค์เชงิ พฤตกิ รรมที่จะวัดเครื่องมือท่ใี ช้วัดผลการเรียนรู้ ของผู้เรียน เช่น แบบทดสอบ แบบวัดเจตคติ แบบสังเกต แบบสัมภาษณ์ แบบสอบถาม เป็นต้น ซ่ึง โดยท่ัวไปครูมักนิยมใช้แบบทดสอบ โดยมีการการออกแบบการสร้างเคร่ืองมือวัดและประเมินผลการเรียนรู้ เปน็ การวางแผนท่จี ะสร้างเคร่ืองมือวัดและประเมินผล ใหเ้ หมาะสมกับผู้เรียนในรายวิชาวิทยาศาสตร์ มีข้ันตอนการออกแบบด้งนี้ การออกแบบการสรา้ งเครือ่ งมือวดั และประเมินผลการเรียนรู้ ประกอบด้วยกิจกรรม ดงั น้ี ข้ันท่ี 1 การวางแผนการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ ก่อนการสร้างเคร่ืองมือวัดและ ประเมนิ ผลจำเป็นต้องมีการวางแผนการวัดและประเมินผลกอ่ นเปน็ ลำดับแรก ทง้ั น้ีผสู้ อนควรยดึ ตาม แนวทางหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐานพุทธศักราช 2551 ได้กำหนดไว้ว่า ในการวางแผนการวัด และประเมินผลการเรียนรู้ มสี ิ่งที่ผสู้ อนต้องพจิ ารณาคือ 1. ส่ิงท่ีต้องการวัด เป็นการพิจารณาถึงขอบเขตของส่ิงท่ีต้องการวัดและประเมินผล ผู้เรียน ว่าครอบคลุมตัวชวี้ ดั มาตรฐานสาระการเรยี นรใู้ ดตามทร่ี ะบไุ วใ้ นหลกั สตู ร 2. วิธีการวัด ผู้สอนต้องคิดวางแผนถึงวิธีการวดั ให้สอดคล้องและครอบคลมุ สง่ิ ท่ีต้องการ วัด เช่น ใช้วิธีการสอบ การประเมิน การปฏิบัติ การสังเกตพฤติกรรม เป็นต้น กรณีท่ีใช้การทดสอบทดสอบ อาจจะต้องวางแผนไวล้ ว่ งหนา้ เก่ียวกบั รูปแบบของแบบทดสอบ เลม่ ที่ 2 ความรู้พน้ื ฐานเกยี่ วกบั การวัดและประเมินผล 23
ชดุ ฝกึ อบรมด้วยตนเอง การสรา้ งเครื่องมือวดั และประเมนิ ผล วชิ าวทิ ยาศาสตร์ 3. สัดส่วนการประเมิน เป็นการกำหนดสัดส่วนคะแนนตามวิธีการประเมินการวัด เช่น วิชาวิทยาศาสตร์กำหนดสัดส่วนการประเมินระหว่างภาคและปลายภาคกำหนด ร้อยละ 70 ต่อ 30 โดยระหว่างภาคประกอบด้วยการทดสอบย่อยร้อยละ 10 การประเมินภาคปฏิบัติร้อยละ 30 การประเมิน ผลงานร้อยละ 20 การสงั เกตพฤติกรรมรอ้ ยละ 10 ส่วนปลายภาคใชก้ ารทดสอบร้อยละ 30 เปน็ ตน้ 4. จำนวนครั้งในการวัดและประเมิน เป็นการคิดวางแผนเก่ียวกับจำนวนครั้ง ในการวัดและประเมินผลผู้เรียนด้วยวิธีการวัดต่าง ๆ เช่น มีการทดสอบก่อนเรียน การประเมิน การทดสอบย่อยร้อยละ 10 หรือแบ่งเป็นการทดสอบจำนวน 3 คร้ัง ครั้งละ 30 นาทีหรือมีการทดสอบ ย่อย เม่ือสิ้นสุดหน่วยการเรียนรู้แต่ละหน่วยหรือการสังเกตพฤติกรรม ให้มีการบันทึกผลการสังเกต พฤติกรรมทุกคาบสอน และมกี ารสรปุ ผลการสงั เกตพฤติกรรมเดือนละครั้ง เปน็ ต้น ขนั้ ที่ 2 การสร้างตารางวิเคราะห์ขอ้ สอบ(Test Blueprint) มีเปา้ หมายสำคัญเพอ่ื ใหส้ ่ิงที่ ต้องการวดั ไดแ้ ก่ ตัวชี้วัด มาตรฐานการเรียนรู้และการสร้างเครอ่ื งมือวัดและประเมินผลการเรียนรู้ มี ความสัมพันธ์และสอดคล้องกันอย่างเป็นระบบ เป็นการสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้สอน ว่าจะมีการวัด และประเมินผลครอบคลุมในทุกตัวช้ีวัดในแต่ละรายวิชาวิทยาศาสตร์ และยงั มีความสำคัญในแง่ของ การวเิ คราะห์การสอน และการสอบให้สอดคล้องกับตัวชว้ี ดั ของหลักสูตร ดังน้ี คอื 1. วเิ คราะห์ตัวชีว้ ัดก่อนสร้างเคร่ืองมือวดั และประเมินผลการเรียนรู้ ผสู้ อนควร พิจารณาว่าพฤติกรรมท่ีระบุไว้ในตัวชี้วัด ชั้นปี ช่วงชั้นน้ันเป็นพฤติกรรมใดบ้าง ท่ีเป็นพฤติกรรมใน ด้านความรู้ ด้านคุณลักษณะหรอื กระบวนการ ทั้งนี้ผู้สอนควรพิจารณาควบคู่ไปกับสาระการเรียนรู้ แกนกลางตามทีห่ ลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐานกำหนดไว้ 2. วเิ คราะหจ์ ดุ ประสงค์การเรียนรู้ เป็นการกำหนดจุดมุ่งหมายถงึ พฤตกิ รรม ท่ีต้องการจะวัดจากผู้เรียนซึ่งต้องสอดคล้องกับตัวช้ีวัดภายใต้มาตรฐานการเรียนรู้ และขอบเขตของ สาระการเรียนรู้แกนกลางท้ังนี้ต้องพิจารณาควบคู่กันไปกับขอบข่ายพฤติกรรมการเรียนรู้ ว่า จุดประสงค์การเรียนรู้ที่กำหนดขึ้นสอดคล้องกับขอบข่ายพฤติกรรมการเรียนรู้ใดคือความรู้ ด้าน คุณลักษณะ และกระบวนการ ซงึ่ บางจุดประสงคอ์ าจครอบคลุมพฤตกิ รรมใด พฤติกรรมหน่ึงในขณะท่ี บางจดุ ประสงค์ อาจครอบคลุมทุกขอบเขตพฤติกรรมการเรยี นรู้ 3. กำหนดน้ำหนักความสำคัญภายใตข้ อบขา่ ยพฤติกรรมการเรียนรู้ ของแต่ละ จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ทวี่ เิ คราะห์ไว้ ขั้นตอ่ ไปเปน็ การกำหนดนำ้ หนักความสำคัญของในแตล่ ะขอบเขต พฤติกรรมการเรยี นรูโ้ ดยมีแนวทาง คือ - ความรู้ (Knowledge) คือ ความรู้ ความจำ ความเข้าใจ การนำไปใช้ การวิเคราะห์ การประเมนิ ค่า การสรา้ งสรรค์ เลม่ ท่ี 2 ความรู้พื้นฐานเกย่ี วกับการวัดและประเมินผล 24
ชดุ ฝึกอบรมดว้ ยตนเอง การสรา้ งเครือ่ งมือวัดและประเมนิ ผล วิชาวทิ ยาศาสตร์ - คุณลักษณะ (Attribute) และกระบวนการจะมีลกั ษณะเฉพาะแตกต่างกันไป ตามลักษณะธรรมชาติ ของสาระการเรียนรู้ จึงไม่จำแนกระดับแต่ให้การกำหนดความสำคัญของ ขอบเขตพฤตกิ รรมการเรียนรดู้ ้านนไ้ี วด้ ้วย 4. พิจารณาวิธีการและเครื่องมือวัด เม่ือวิเคราะห์ตวั ชี้วัดชั้นปี ช่วงช้ัน ว่าเน้น ด้านใดแล้วจากนั้นผู้สอนต้องมาพิจารณาว่าควรใช้วิธีวัดและเครื่องมือวัดประเภทใด ให้สัมพันธ์และ สอดคล้องตามจุดประสงค์การเรยี นรู้ในแตล่ ะตัวช้วี ดั 5. ระบผุ ู้มีหนา้ ที่ในการวัด ข้ันตอนนี้ให้ระบุผู้มีสว่ นร่วมหรือมหี น้าท่ีในการวัด ซึ่งอาจเก่ียวข้องกับครูผู้สอน เพื่อน นักเรียนและผู้ปกครอง เป็นต้นรายละเอียดของการกำหนด แผนผงั เคร่อื งมือวดั และประเมนิ ผลการเรยี นร้มู ีรปู แบบดงั ต่อไปนี้ ตัวช้วี ัด คำสำคญั พฤตกิ รรม วิธีวัด เครื่องมอื วัด KAP -ทดสอบ แบบทดสอบ 1.สืบค้นข้อมูลและอภิปราย - สืบคน้ ข้อมลู ✓ ✓ แหล่งทรัพยากรธรรมชาติใน - อ ภิ ป ร า ย แ ห ล่ ง แต่ละท้องถิ่นท่ีเป็นประโยชน์ ทรพั ยากรธรรมชาติ ตอ่ การดำรงชวี ติ 2.วเิ คราะหผ์ ลของการเพิ่มข้ึน - วิเคราะห์ผลของการ ✓ ✓ -ทดสอบ แบบทดสอบ ของประชากรมนุษย์ต่อการใช้ เพิ่มข้ึนของประชากร ทรพั ยากรธรรมชาติ มนษุ ย์ 3.อภิปรายผลต่อสิ่งมีชีวิต - อ ภิ ป ร า ย ผ ล ต่ อ ✓ -ทดสอบ แบบทดสอบ จ า ก ก า ร เป ล่ี ย น แ ป ล ง ส่งิ มชี ีวิต สิ่งแวดล้อม ทั้งโดยธรรมชาติ และโดยมนุษย์ 4.อภิปรายแนวทางในการ - อภปิ รายแนวทาง ✓✓ -ทดสอบ แบบทดสอบ ดู แ ล รั ก ษ า ทรัพ ยากรธรรมชาติแล ะ ✓ ✓ -ทดสอบ -แบบทดสอบ สง่ิ แวดลอ้ ม -สงั เกต -แบบบันทกึ 5.มีส่วนร่วมในการดูแลรักษา - มีส่วนร่วม -แบบสังเกต ส่ิ ง แ ว ด ล้ อ ม ใ น ท้ อ ง ถ่ิ น เลม่ ที่ 2 ความรู้พื้นฐานเกยี่ วกบั การวัดและประเมนิ ผล 25
ชุดฝกึ อบรมด้วยตนเอง การสรา้ งเครอื่ งมือวดั และประเมนิ ผล วชิ าวิทยาศาสตร์ เม่ือสร้างตารางวิเคราะห์ข้อสอบ(Test Blueprint)แล้ว ครผู ้สู อนจะมองเห็นภาพรวมทง้ั หมด ของส่ิงที่ต้องการประเมิน หรือเป้าหมายปลายทางของสิ่งที่ผู้เรียนจะต้องไปถึง ในแต่ละระดับชั้น รวมถงึ ลกั ษณะของเคร่ืองมือท่จี ะนำไปใชใ้ นการประเมินในแตล่ ะขอบขา่ ยพฤตกิ รรมการเรยี นรู้ ขนั้ ที่ 4 ทดสอบและเก็บรวบรวมข้อมูล เมื่อครูสร้างเครื่องมอื เสร็จแล้วก่อนนำไปใช้ ควรมี การตรวจสอบหาคุณภาพของเครื่องมอื หลังจากนน้ั ก็นำไปรวบรวมขอ้ มูล ซ่ึงสามารถดำเนนิ การได้ 3 ระยะ คือ ระยะกอ่ นเรยี น ระหว่างการเรยี นการสอน และเมือ่ สน้ิ สดุ การเรยี นการสอน ข้ันท่ี 5 จัดกระทำข้อมูล ในข้ันน้ีครูจะต้องรู้ว่าจะจัดกระทำข้อมูลเพื่อจุดประสงค์ใด เพ่ือ บรรยายเก่ียวกับนักเรียนเปน็ รายบคุ คล หรือต้องการบรรยายเป็นกลุ่ม หากตอ้ งการบรรยายเปน็ กลุ่ม จะบรรยายเฉพาะกลุ่มหรือสรุปอ้างอิงไปยังกลุม่ ใหญ่ โดยอาศัยกลุ่มที่ศึกษาน้ี เป็นกลุ่มตัวอย่างและ ข้อมูลท่ีวัดมาได้น้ีอยู่ในระดบั มาตราใด บอกประเภทลำดับทห่ี รือบอกช่วงนน้ั คือครูต้องมีความรู้เร่ือง มาตรการวัดและมีความรู้เรื่องสถิติทั้งสถิติบรรยาย (descriptive statistics) และสถิติอ้างอิง (inferential statistics) ขั้นท่ี 6 ตัดสินผลการเรียน การประเมนิ ผลการเรียนของผ้เู รียนในปจั จุบันก็คอื การตัดเกรด หรอื การให้ระดับผลการเรยี น ซึง่ การกระทำเมือ่ ประเมนิ ภายหลงั สนิ้ สุดการเรยี นการสอน และอาจจะ กระทำเฉพาะสิ้นสุดการเรียนการสอนแต่ละตอนก็ได้ เช่น ให้เกรดการสอบย่อยแต่ละครั้ง ให้เกรด ผลงาน การให้เกรดตอนท้ายของบทเรียน แต่ละบทเรียนเป็นต้น ซึ่งครูจำเป็นต้องมีความรู้เก่ียวกับ หลกั ในการตัดเกรดและวิธีการตดั เกรดที่ดี ตัวอยา่ ง วธิ กี ารวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรแู้ ละตัวอยา่ งเครอ่ื งมือ วธิ กี ารวดั ตวั อยา่ งเครอ่ื งมอื การทดสอบ (Testing) แบบสอบขอ้ เขียน (Written Test) แบบสอบภาคปฏิบัติ (Performance Test) การสมั ภาษณ์ (Interview) การสัมภาษณ์ (interview) การสอบถาม (Inquiry) แบบสอบถาม (Questionnaire) การสังเกต (Observation) แบบตรวจสอบรายการ (Checklist) แบบมาตรประเมนิ ค่า (Rating scale) แบบบนั ทกึ (Record) การตรวจผลงาน (Check the results) แบบประเมินผลงาน เลม่ ท่ี 2 ความรู้พ้ืนฐานเกย่ี วกับการวัดและประเมินผล 26
ชดุ ฝึกอบรมดว้ ยตนเอง การสรา้ งเครื่องมอื วดั และประเมนิ ผล วิชาวิทยาศาสตร์ วิธีการวดั ตัวอยา่ งเคร่อื งมอื การใช้แฟม้ สะสมผลงาน (Portfolio) แบบบนั ทึก (Record) แบบประเมินผลงาน การใช้ศนู ยก์ ารประเมิน (Assessment แบบประเมนิ ตนเอง Center Method) แบบตรวจสอบรายการ (Checklist) แบบบันทึก (Record) แบบมาตรประมาณค่า (Rating scale) แบบประเมนิ พฤตกิ รรม แบบประเมินผลงาน เล่มท่ี 2 ความรพู้ ้นื ฐานเก่ยี วกับการวัดและประเมินผล 27
ชดุ ฝกึ อบรมด้วยตนเอง การสร้างเคร่ืองมือวดั และประเมนิ ผล วิชาวิทยาศาสตร์ 5.2 ข้ันตอนการดำเนนิ การวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรูข้ องครู ศึกษาวิเคราะห์ มาตรฐาน/ตวั ช้ีวดั จากหลักสูตร - กำหนดภาระงาน สถานศกึ ษา และโครงสร้างรายวิชา - เลือกวธิ กี ารประเมิน - สรา้ ง/จดั หาเคร่อื งมอื / ออกแบบหน่วยการเรียนรู้ และแผนการประเมิน เกณฑ์การประเมิน ชีแ้ จงรายละเอียดของแผนการประเมินแกผ่ ูเ้ รียน ประเมนิ วิเคราะหผ์ เู้ รยี น ประเมินความก้าวหนา้ ระหวา่ งเรยี น ประเมินความสำเร็จหลังเรียน สอนซอ่ มเสรมิ ประเมินผลปลายปี/ปลายภาค ผา่ น ตัดสนิ ผลการเรียน ไมผ่ ่าน สอนซ่อมเสรมิ ผ่าน สง่ ผลการเรียนให้ สอบแก้ตัว - ครูประจำชั้น/ครูที่ปรกึ ษา ดำเนินการตาม ระเบียบสถานศกึ ษา - คณะอนกุ รรมการกลมุ่ สาระฝา่ ยทะเบียน - ฝา่ ยทะเบยี นวดั ผล อนุมัติผลการเรยี น เรยี นซำ้ รายวชิ าตาม รายงานผลการเรียนตอ่ ผู้ท่ีเก่ยี วขอ้ ง ระเบยี บสถานศึกษา ภาพ : ขั้นตอนการดำเนนิ การวัดและประเมินผลการเรียนรขู้ องครู เล่มท่ี 2 ความรู้พน้ื ฐานเกยี่ วกบั การวัดและประเมินผล 28
ชุดฝึกอบรมด้วยตนเอง การสร้างเครอื่ งมอื วัดและประเมนิ ผล วชิ าวิทยาศาสตร์ ใบกิจกรรมท่ี 5 จากท่านไดศ้ ึกษาใบความรแู้ ลว้ ลองตอบคำถามนะคะ จงตอบคำถามต่อไปน้ี 1. จงใหเ้ หตุผลจากหลักการประเมินผล อธบิ ายเกี่ยวกบั สถานการณ์ตอ่ ไปนี้ว่าเปน็ ไปไดห้ รอื ไม่ เพราะเหตใุ ด 1.1 พรพนาสอบเขา้ แพทย์ได้เมือ่ เขา้ ไปเรยี นแล้วปรากฏวา่ เขาสอบตก ………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 1.2 อรอนงค์สอบได้ใบขับขีร่ ถยนต์แต่ขับรถไมเ่ ป็น ………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 1.3 กรรมการตัดสินให้สมรกั ษ์แพค้ ะแนนในการชกมวยแต่ประชาชนทม่ี าดไู ม่เหน็ ดว้ ย ………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… เล่มที่ 2 ความรู้พ้นื ฐานเกยี่ วกับการวัดและประเมนิ ผล 29
ชดุ ฝึกอบรมด้วยตนเอง การสร้างเคร่ืองมอื วดั และประเมนิ ผล วิชาวทิ ยาศาสตร์ ใบกจิ กรรมที่ 5 (ต่อ) 2. ให้ศกึ ษากรณีตวั อย่างต่อไปน้ีและวจิ ารณ์การประเมินผลการเรียน สถานการณ์ : ครูนพดลอายุ 45 ปี รับราชการมา 20 ปี สอนวิชาวิทยาศาสตร์ด้วยความ มุ่งม่ันและทุ่มเทครูนพดลไม่เคยขาดสอนเลย สอนด้วยวิธีบรรยายทุกชั่วโมง ในภาคเรียนท่ี 1 ครู นพดลสอนนักเรียนชั้น ป.6 จำนวน 3 ห้องๆ เรียนละ 40 คน หลังจากการสอนส้ินสุดลง ครูนพดล ออกขอ้ สอบอัตนัย 5 ข้อใหเ้ วลา 2 ชว่ั โมงโดยกำหนดเกณฑใ์ นการให้ระดบั ผลการเรยี นดังนี้ คะแนน เกรด 90 ขน้ึ ไปได้ 4 3 80-89 2 70-79 1 60-69 0 ต่ำกว่า 60 ครูนพดลตรวจสอบด้วยความตั้งใจและอดทนได้แม้จะใช้เวลาหลายวัน ครูนพดลรู้สึก ภาคภูมิใจมากท่ีผลการให้คะแนนระดับผลการเรียน ไม่มีนักเรียนคนใดได้เกรด 4 เลย ส่วนใหญ่ได้ 1 กบั 0 โดยคิดว่าวิชาความรู้วิชาวิทยาศาสตร์ เป็นวิชาท่ีค่อนข้างยากนักเรียนคนใดได้ 3 หรือ 2 ก็เก่ง ครูนพดลจึงคดิ ว่าวิธนี ีด้ ที ส่ี ดุ และจะใชต้ ลอดไป จากสถานการณ์ จงตอบคำถามต่อไปนี้ ท่านคิดว่าครูนพดลใช้วิธีการประเมินผลการเรียนเหมาะสมหรือไม่ เพราะเหตุใด ถ้าไม่ เหมาะสมทา่ นจะแนะนำครูนพดลทำอยา่ งไร …………………………………………………………………………………………………………………………………. …………….……………………………………………………………………………………………………………………………….. .……………...…………………………………………………………………………………………………………………………….. …………….……………………………………………………………………………………………………………………………….. .……………...…………………………………………………………………………………………………………………………….. …………….……………………………………………………………………………………………………………………………….. .……………...…………………………………………………………………………………………………………………………….. เลม่ ที่ 2 ความร้พู ้นื ฐานเก่ยี วกับการวัดและประเมินผล 30
ใบความรู้ท่ี 6 คุณ ผู้ทำหนา้ ทีป่ ระเมนิ ผลจำเป็นท่ีจะตอ้ งมคี ณุ ธรรม เพราะผู้ทำหนา้ ทป่ี ร เพยี งใดขน้ึ อย่กู ับความมีคุณธรรมของผูท้ ี่ทำหนา้ ท่ีประเมินผล ดังน้ี (พชิ ติ ฤทธ 2. มคี วามซ่อื สตั ย์ 3. นักวัดผลต้องมีความซ่ือสัตย์ต่อการวัดผลและ เป็นคุณ ธรรมส หน้าทข่ี องตน ไม่นำความรู้ความสามารถของตนไปใช้ ประเมินผลทำงานสำ ในทางทุจริตหรือเกิดผลเสียหายต่อหน้าท่ี เช่น ได้รับมอบหมายให้ทัน เปลี่ยนแปลงคะแนนหรือผลการเรียนโดยไม่ยึดหลัก ตามเวลาที่กำหนด วิชา เป็นต้น เปน็ ไปตามระเบยี บ เป คณุ ธ 1. ความยุติธรรม การดำเนินงานไม่ว่าจะเป็นกระบวนการวัดหรอื การประเมิน หากข้นั ตอน ใดข้ันตอนหนึ่ง ขาดความยุติธรรมแล้ว ผลการวัดและประเมินย่อมขาดความ เชือ่ ถอื ได้ และหากนำผลการประเมินไปใช้ในการตัดสนิ ใจ ยอ่ มก่อให้เกดิ ความ ผดิ พลาดซ้ำสอง ดังน้นั สิง่ ที่ครูควรคำนึงก็คือ ทำหน้าที่วัดและประเมินผลตาม หลักวิชาตดั สินดว้ ยความบรสิ ทุ ธิ์ใจไม่มีความลำเอยี ง
ชดุ ฝกึ อบรมด้วยตนเอง การสรา้ งเครอ่ื งมือวดั และประเมนิ ผล วิชาวิทยาศาสตร์ ณธรรมของผ้ปู ระเมินผล ระเมนิ ผลเปรยี บเสมอื นผู้พพิ ากษาต้องตดั สินให้คณุ ใหโ้ ทษ การประเมินผลจะมคี ุณภาพ ทธจ์ิ รญู , 2558) มคี วามรับผดิ ชอบ 4. มคี วามละเอียดรอบคอบ ส ำ คั ญ ท่ี ท ำ ให้ ผู้ ท ำ ห น้ า ท่ี วั ด แ ล ะ เป็นงานที่ต้องใช้ความละเอียดรอบคอบใน การ ำเร็จ ลุล่วง ไปด้วยดี ปฏิบัติงานที่ ตัดสินใจเพื่อให้การวัดและประเมินผล มีความเท่ียงตรง นตามกำหนดเวลา เช่น การประเมิน และเช่ือถือได้มากท่ีสุด กิจกรรมท่ีต้องการความละเอียด ปฏิบัติหน้าที่ควบคุมการสอบให้ รอบคอบ เช่นการออกข้อสอบ การให้คะแนนการ ปน็ ต้น ตรวจทานคะแนน การรวมคะแนน การตดั เกรด เปน็ ตน้ ธรรมของผูป้ ระเมนิ 5. มคี วามอดทน เปน็ งานท่ีตอ้ งการความละเอยี ดรอบคอบ อดทน ทุ่มเท กำลังกายกำลังใจ และกำลังสติปัญญาเพ่ือให้งานบรรลุ เป้าหมายกิจกรรม เช่น การตรวจข้อสอบอัตนัย ซ่ึงต้องใช้ เวลามากการตรวจ เป็นตน้ เลม่ ที่ 2 ความร้พู น้ื ฐานเกย่ี วกับการวัดและประเมนิ ผล 31
ชดุ ฝกึ อบรมด้วยตนเอง การสร้างเครอ่ื งมือวดั และประเมนิ ผล วชิ าวิทยาศาสตร์ ใบกจิ กรรมที่ 6 จากทา่ นได้ศึกษาใบความรู้แลว้ ลองตอบคำถามนะคะ จงตอบคำถามตอ่ ไปน้ี 1.ใหท้ า่ นชมคลิปวิดโี อ http://gg.gg/jpcz5 http://gg.gg/jpcz5 แล้วท่านมคี วามคดิ เห็นอยา่ งไร ทา่ นคดิ ว่าครู ควรมคี ณุ ธรรมในการวดั และประเมนิ ผล อย่างไร ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ....ตอ่ ไป...ใหท้ า่ นศึกษาใบความรู้ที่ 7 กันตอ่ เลยครับ.... เล่มท่ี 2 ความรพู้ ้นื ฐานเกีย่ วกับการวัดและประเมนิ ผล 32
ใบความรู้ท่ี 7 ประโ ประโยชน์ของการประเมนิ ผลท่ีสำคัญ คอื มุ่งนำผลการประเมินม เพียงใด ขึ้นอยูก่ ับผทู้ ่เี กยี่ วขอ้ งจะนำไปใชก้ ับใครในกิจการใด หรืออยา่ งไร 1.ทำให้เกิดการพัฒนาตนเองในแนวทางที่ เหมาะสมยิ่งขึน้ โดยพิจารณาจากผลการประเมิน ความสามารถตนเอง 2. นักเรียนรู้ระดับความสามารถในแต่ละ ประ ดา้ นของตนเอง 3. ทำให้เกิดแรงจูงใจในการเรียนเพิ่มขึ้น เพื่อท่ีจะรักษามาตรฐานไว้เพื่อช่วยให้ผลการ เรียนดีข้ึนตามลำดับ 4. นกั เรียนรู้ข้อบกพรอ่ งของตนเองทีจ่ ะต้องนำไปปรบั ปรุงแก้ไข ภาพ ประโยชน์ขอ
ชดุ ฝึกอบรมด้วยตนเอง การสรา้ งเครื่องมอื วัดและประเมนิ ผล วิชาวทิ ยาศาสตร์ โยชนก์ ารวัดและประเมนิ ผล มาปรับปรุงและพฒั นาคุณภาพการศึกษา ซึ่งผลจากการประเมนิ จะคุ้มค่ามากน้อย รบา้ งดังนี้ 7.ทำให้ทราบจดุ มุ่งหมายในการเรยี นชดั เจนยิ่งขน้ึ เพราะ ก่อนสอนครูจะแจ้งจุดประสงค์ที่จะประเมินให้ทราบ และ นักเรียนตัดสินใจเลือกสาขาวิชาที่เรียนได้เหมาะสมกับ ความสามารถและความถนัด ะโยชนต์ ่อผูเ้ รยี น 6. เรียนมีความต่ืนตัวกระตือรือรน้ ในการเรยี น 5. ทำให้เกิดความเข้าใจในเน้ือหาท่ีเรียนชัดเจน ยง่ิ ขึ้นเพราะการสอบแต่ละครั้งทำให้ผู้เรียนต้องอ่าน ห นั ง สื อ ท บ ท ว น เนื้ อ ห า มี ก า ร ค้ น ค ว้ า ห า ค ว า ม รู้ ข เพ่ิมเตมิ ทำให้เกดิ การเรียนรเู้ พมิ่ เติม องการวดั และประเมนิ ผลต่อผู้เรียน เล่มที่ 2 ความรพู้ น้ื ฐานเกีย่ วกับการวัดและประเมนิ ผล 33
1) ทำให้ครไู ด้ทราบผลการเรียนของผู้เรียน ป วา่ เกง่ อ่อนเพียงใดเพอื่ หาทางช่วยเหลือ 2) ทำให้ครูทราบผลการบรรลุจุดประสงค์ ก าร เรีย น ข อ ง ผู้ เรีย น ว่ ามี ผู้ เรี ย น ผ่ าน จุดประสงค์มากน้อยเพียงใด ซึ่งสะท้อนให้ เห็นว่าครูมีประสิทธิภาพในการจัดการเรียน ก า ร ส อ น เพี ย ง ใด เท ค นิ ค วิ ธี ส อ น ที่ ค รู ใช้ เหมาะสมเพียงใดอันจะนำไปสู่การปรับปรุง ตนเองของครู 3) ผลการประเมินจะทำ ให้ผเู้ รยี นเกิดความสนใจใน ภาพ ประโยชน
ชุดฝึกอบรมด้วยตนเอง การสรา้ งเคร่ืองมอื วดั และประเมนิ ผล วชิ าวทิ ยาศาสตร์ 5) ทำให้เลือกวิธีการและกิจกรรมการ จั ด ก า ร เรี ย น ก า ร ส อ น ไ ด้ เห ม า ะ ส ม แ ล ะ มี ประสทิ ธิภาพ ประโยชน์ตอ่ ครู 4) ช่วยให้ครูได้ตรวจสอบคุณภาพของ ขอ้ สอบว่ามีความยากง่ายเพียงใดมีค่าอำนาจ ำให้ครูใช้เป็นแรงกระตุ้น จำแนกความเชื่อมั่นและ มีความเท่ียงตรง นการเรียนยิ่งข้ึน เพียงใด ถ้าเป็นข้อมูลท่ีช่วยในการปรับปรุง แก้ไขและพัฒนาผู้เรียนและตรงตามสภาพ จรงิ น์ของการวัดและประเมินผลต่อครู เล่มท่ี 2 ความรู้พน้ื ฐานเกยี่ วกับการวัดและประเมนิ ผล 34
1) ทำใหท้ ราบมาตรฐานการศกึ ษาของโรงเรยี น ประ ในด้านตา่ ง ๆ เชน่ มาตรฐานความ สามารถของ ผเู้ รียนมาตรฐานความสามารถของครเู ป็นตน้ 2) ใชเ้ ป็นข้อมูลในการประชาสมั พันธ์ โรงเรียนให้ผู้ปกครองและประชาชนได้รับ ทราบ 3) ใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจแก้ปัญหา 4) ชว่ ยในการส พัฒนาและดำเนินงานการบริหารโรงเรียนใน ด้านต่าง ๆ ให้มีประสทิ ธภิ าพยง่ิ ขึน้ ภาพ ประโยชน์ขอ
ชดุ ฝกึ อบรมดว้ ยตนเอง การสรา้ งเคร่ืองมอื วดั และประเมนิ ผล วชิ าวทิ ยาศาสตร์ ะโยชน์ต่อผ้บู รหิ าร 7) เป็น ข้อ มูลสำหรับวางแผน พัฒ น า สถานศึกษาและก่อให้เกิดการวิจัยเพ่ื อ แก้ปัญหาเพอื่ พัฒนาสถานศึกษา 6) ทำให้ทราบข้อบกพร่องต่าง ๆ เก่ียวกับ การเรียนการสอนท่ีควรปรับปรุงแก้ไขและ พัฒนา 5) ช่วยให้ทราบถงึ สภาพหรอื คุณภาพ การศกึ ษาของสถานศึกษา สอบคดั เลอื กและคัดสรรผูเ้ รียน องการวัดและประเมนิ ผลต่อผู้บรหิ าร เลม่ ท่ี 2 ความรพู้ น้ื ฐานเกี่ยวกบั การวัดและประเมนิ ผล 35
1) ใช้เป็นข้อมูลให้คำปรึกษาแนะนำผู้เรียน ท้ังในด้านการเลือกอาชีพ การศึกษาต่อและ ปญั หาส่วนตัว 2) เป็นขอ้ มลู พน้ื ฐานสำหรบั โรงเรยี น ประโยชน ใชใ้ นการประชาสัมพันธ์แนะนำโรงเรียน 3) เป็นข้อมูลในการวินิจฉัยผู้เรียนเป็น รายบุคคล 4) เป็นขอ้ มลู ที่ทำให้ทราบปัญหา หรอื ขอ้ บกพร่องของผ ภาพ ประโยชนข์ องก
ชดุ ฝึกอบรมด้วยตนเอง การสรา้ งเครอ่ื งมอื วัดและประเมนิ ผล วิชาวทิ ยาศาสตร์ 7) ช่วยให้ครูผู้สอนผู้บริหารและผู้ปกครองรับรู้ และยอมรับสภาพท่ีแท้จริงของผู้เรียนเพ่ือร่วมมือ กันปรับปรุงแก้ไขปัญหาและส่งเสริมผู้เรียนให้ ได้รบั การพฒั นาเต็มศักยภาพ นใ์ นการแนะแนว 6) ช่วยให้ผู้ปกครองรู้ และเข้าใจลูกหลาน ของตนอย่างแท้จริง 5) ชว่ ยใหท้ ราบปญั หาสาเหตขุ องการเรยี น การสอน และการปรบั ตัวของนักเรียนจะชว่ ย ใหก้ ารสำรวจความสามารถความถนดั และ ผู้เรียน ความสนใจของผเู้ รยี น แต่ช่วยในการแนะแนว ดา้ นการเรียนและการอาชีพ การวดั และประเมนิ ผลตอ่ การแนะแนว เลม่ ท่ี 2 ความรูพ้ ้นื ฐานเก่ียวกบั การวัดและประเมนิ ผล 36
1) ทำให้ทราบความสามารถหรือสมรรถภาพ ในการเรียนของบุตรหลาน ประโยช 2) ชว่ ยให้ผปู้ กครอ ภาพ ประโยชน์ของ
ชุดฝกึ อบรมดว้ ยตนเอง การสร้างเครือ่ งมอื วัดและประเมนิ ผล วชิ าวทิ ยาศาสตร์ 3) เป็นข้อมลู สำหรับผ้ปู กครองใช้ในการตัดสนิ ใจ เกี่ยวกบั การทำงานหรอื การศกึ ษาต่อของลกู หลาน ชนต์ อ่ ผู้ปกครอง องรู้จกั และเขา้ ใจบตุ รหลานไดด้ ยี งิ่ ขึน้ งการวดั และประเมนิ ผลตอ่ ผปู้ กครอง เล่มท่ี 2 ความรูพ้ ื้นฐานเก่ยี วกบั การวัดและประเมินผล 37
1) เคร่ืองมือในการวัดและประเมินผล สามารถนำไปใช้เป็นเคร่ืองมือในการทำวิจัย ได้ ประโยชนต์ 2) ข้อมูลจากการวัดและประเม นำไปเปน็ ข้อมูลพืน้ ฐานในการทำ ภาพ ประโยช
ชุดฝึกอบรมดว้ ยตนเอง การสรา้ งเครอื่ งมือวดั และประเมนิ ผล วิชาวทิ ยาศาสตร์ ตอ่ การวิจัย 3) ทำให้ทราบปัญหาต่าง ๆ เก่ียวกับการเรียน การสอนการบริหารจัดการเพ่ือนำไปสู่การศึกษา มินผลสามารถ คน้ ควา้ หาความจรงิ ซ่ึงเป็นแนวทางนำไปสู่การวิจัย ำวจิ ัยตอ่ ไป สถาบันหรือวิจัยในโรงเรียนสอนทำให้ได้ขอ้ มูลต่าง ๆ ท่จี ำเป็นสำหรบั ใชใ้ นการวิเคราะห์ผลการวิจัยใน ระดับต่าง ๆ ชนข์ องการวัดและประเมนิ ผลต่ เล่มท่ี 2 ความรู้พ้ืนฐานเกีย่ วกับการวัดและประเมนิ ผล 38
ชุดฝึกอบรมด้วยตนเอง การสรา้ งเคร่อื งมอื วดั และประเมนิ ผล วิชาวทิ ยาศาสตร์ ใบกจิ กรรมท่ี 7 จากทา่ นได้ศึกษาใบความรู้แล้ว ลองตอบคำถามนะคะ จงตอบคำถามตอ่ ไปนี้ จงบอกประโยชน์ของการประเมินผล ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… เยี่ยมมากเลยครับ....ท่านศกึ ษาจบเล่มแล้วครับ.. ทำแบบทดสอบหลังศกึ ษาชดุ ฝกึ อบรมกอ่ นนะครบั ... เลม่ ท่ี 2 ความรพู้ น้ื ฐานเกีย่ วกับการวัดและประเมินผล 39
Search