ชดุ ฝึกอบรมดว้ ยตนเอง การสร้างเครือ่ งมอื วดั และประเมนิ ผล วชิ าวทิ ยาศาสตร์ เล่มท่ี 4 การสรา้ งขอ้ สอบแบบเขียนตอบ นางสาวนชุ จริ า แดงวันสี สำนกั งานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุราษฎรธ์ านี เขต 2 สำนกั งานคณะกรรมการการศึกษาข้นั พื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ
ชดุ ฝึกอบรมด้วยตนเอง การสรา้ งเครอื่ งมอื วัดและประเมนิ ผล วิชาวิทยาศาสตร์ เลม่ ท่ี 4 การสรา้ งขอ้ สอบแบบเขยี นตอบ เอกสาร ศน.ที่ 49/2562 นางสาวนุชจิรา แดงวนั สี สำนกั งานเขตพน้ื ทก่ี ารศึกษาประถมศึกษาสุราษฎรธ์ านี เขต 2 สำนกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพน้ื ฐาน กระทรวงศึกษาธิการ
ชุดฝึกอบรมด้วยตนเอง การสรา้ งเครื่องมือวดั และประเมนิ ผล วิชาวทิ ยาศาสตร์ คำนำ การประเมินคุณภาพทางการศึกษาถือเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จของการพัฒนาคุณภาพ การศกึ ษา เคร่ืองมือที่ใช้เป็นส่วนหน่ึงในการวดั ผลประเมินการศึกษาน่ันคือข้อสอบซ่ึงต้องมีความหลากหลาย สามารถวดั ได้ ทั้งด้านพุทธิพิสยั ด้านทักษะพิสัย และด้านจิตพิสัย ดังนั้น การสรา้ งขอ้ สอบทีด่ ีจะตอ้ งอาศัยทั้ง ความรู้ความเข้าใจและการฝึกฝนการสร้างข้อสอบ ซึ่งชุดฝึกอบรมฉบับนี้กล่าวถึงคุณสมบัติของข้อสอบแบบ เขียนตอบ ขั้นตอนและแนวทางการสร้างข้อสอบ การสร้างเคร่ืองมือวัดความรู้ความสามารถของผู้เรียนตาม มาตรฐานและตัวช้ีวัดของหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ไปสูการพัฒนาคุณภาพ นกั เรียน จึงได้จัดทำชุดฝึกอบรมการสร้างเครื่องมือวัดและประเมินผล วชิ าวิทยาศาสตรเ์ พ่ือเป็นแนวทางในการสร้าง ข้อสอบแบบเขียนตอบ ให้ครูผู้สอนได้ใช้เป็นชุดฝึกอบรมในการฝกึ สร้างข้อสอบ เพื่อนำข้อสอบไปให้นักเรียน ฝกึ ปฏิบัติในห้องเรียน ซึ่งจะทำให้นักเรียนมีความคุ้นเคยในการทำข้อสอบ อันจะส่งผลให้นกั เรียนสามารถทำ ขอ้ สอบ ONET ไดอ้ ย่างมีประสิทธิภาพ พัฒนาทักษะการคิดตอ่ ไป ชุดฝกึ อบรมด้วยตนเอง การสร้างเครื่องมือ วดั และประเมินผล วิชาวทิ ยาศาสตร์ ชัน้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 6 มที ั้งหมด 5 เลม่ ไดแ้ ก่ คู่มือ การใช้ชุดฝกึ อบรมดว้ ยตนเอง การสรา้ งเครอื่ งมอื วดั และประเมินผล วชิ าวิทยาศาสตร์ เลม่ ท่ี 1 แนวทางการจัดการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์ เลม่ ที่ 2 ความรพู้ ื้นฐานเกี่ยวกบั การวดั และประเมนิ ผล เลม่ ที่ 3 การสร้างข้อสอบแบบเลือกตอบ เล่มที่ 4 การสร้างขอ้ สอบแบบเขียนตอบ เล่มที่ 5 การหาคุณภาพของเครอ่ื งมอื วัดและประเมนิ ผล เอกสารเลม่ น้ี เปน็ เอกสารเล่มท่ี 4 ผู้จัดทำหวังว่าชุดฝึกอบรมดว้ ยตนเองเล่มน้ี จะเป็นประโยชนต์ อ่ การพฒั นาครผู ู้สอนวทิ ยาศาสตร์ มีความรู้ ความเขา้ ใจ สามารถสรา้ งขอ้ สอบเขยี นตอบ สอดคล้องกับมาตรฐาน การเรยี นรู้และตัวชี้วดั ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาข้ันพ้นื ฐาน พทุ ธศักราช 2551 ขอให้ผู้ศึกษาไดศ้ กึ ษา ใบความรู้และใบกิจกรรมใหค้ รบทุกใบกจิ กรรม เพื่อนำความรูไ้ ปใชพ้ ฒั นาผเู้ รยี นใหเ้ กดิ ประโยชน์สงู สุดตอ่ ไป เลม่ ที่ 4 การสร้างขอ้ สอบแบบเขยี นตอบ ก
ชุดฝึกอบรมดว้ ยตนเอง การสรา้ งเครือ่ งมอื วัดและประเมนิ ผล วชิ าวิทยาศาสตร์ สารบัญ หน้า ก คำนำ สารบัญ ข คำชี้แจง 1 คำแนะนำในการศึกษา 2 วัตถุประสงค์ ขอบขา่ ยเนือ้ หา 3 สาระสำคญั 3 แนวคิด แบบทดสอบก่อนศึกษาชุดฝึกอบรม 3 ใบความร้ทู ี่ 1 ประเภทของแบบทดสอบเขยี นตอบ 4 ใบกจิ กรรมท่ี 1 5 ใบความร้ทู ่ี 2 การวิเคราะห์มาตรฐานและตัวชว้ี ดั ใบกจิ กรรมท่ี 2 7 ใบความรู้ที่ 3 แนวคิดทฤษฎีของบลมู 11 ใบกิจกรรมที่ 3 ใบความรทู้ ่ี 4 การสร้างข้อสอบแบบเขียนตอบ 12 ใบกจิ กรรมท่ี 4 18 ใบความรู้ที่ 5 การเขยี นเกณฑก์ ารใหค้ ะแนน (Rubric) 20 ใบกิจกรรมท่ี 5 ใบความรู้ที่ 6 ตวั อย่างขอ้ สอบแบบเขียนตอบ 28 แบบทดสอบหลงั ใช้ชุดฝีกอบรม 31 บรรณานกุ รม คณะทำงาน 39 44 48 52 57 60 61 เล่มท่ี 4 การสรา้ งขอ้ สอบแบบเขยี นตอบ ข
ชุดฝึกอบรมดว้ ยตนเอง การสร้างเครือ่ งมอื วัดและประเมินผล วิชาวทิ ยาศาสตร์ คำชีแ้ จง ชดุ ฝกึ อบรมด้วยตนเอง การสรา้ งเครอ่ื งมอื วดั และประเมินผล วชิ าวทิ ยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เล่มที่ 4 การสร้างข้อสอบแบบเขียนตอบ เป็นเอกสารฝึกอบรมให้ครูได้ศึกษา ดว้ ยตนเอง เพ่ือให้เกดิ ความรู้ความข้าใจและเกิดแนวคิดในการจัดประสบการณ์ในห้องเรยี นให้แก่ผู้เรียน ได้สอดคลอ้ งกบั มาตรฐานการเรียนรแู้ ละตัวชวี้ ัด สาระการเรยี นร้วู ทิ ยาศาสตร์ ตามหลักสูตรแกนกลาง การศึกษาขั้นพื้นฐาน 2551 อันจะส่งผลให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อนำไปสู่แนว ทางการปฏิบัติจริง ทุกชุดฝึกอบรมมีเนื้อหาทีเ่ ก่ียวข้องกันและต่อเนื่องกนั ผู้ศึกษาควรทำความเขา้ ใจ ศึกษาเอกสารโดยละเอียด พร้อมทั้งปฏิบัติตามคำแนะนำการใช้ชุดฝึกด้วยตนเอง ตามขั้นตอน ดังตอ่ ไปน้ี ศกึ ษาภาพรวมเอกสาร คำแนะนำ ศึกษาวตั ถุประสงค์ ขอบข่ายเนื้อหา และสาระสำคัญ ศกึ ษารายละเอยี ดการดำเนนิ ใช้ชุดฝกึ อบรม ประเมนิ ตนเองด้วยการทดสอบกอ่ นใช้ชุดฝกึ อบรม ศกึ ษาใบความรู้และทำใบกจิ กรรม สรุปองค์ความรู้ด้วยตนเองด้วยผังความคดิ ไมผ่ า่ น ประเมินตนเองด้วยการทดสอบหลงั ฝึกอบรม ผ่าน ศึกษาเอกสารเล่มที่ 5 แผนภาพ ขั้นตอนการศึกษาชดุ ฝกึ อบรมดว้ ยตนเอง 1 เลม่ ที่ 4 การสรา้ งข้อสอบแบบเขยี นตอบ
ชุดฝกึ อบรมดว้ ยตนเอง การสร้างเครอ่ื งมือวดั และประเมินผล วชิ าวิทยาศาสตร์ คำแนะนำในการศกึ ษา การศึกษาชดุ ฝกึ อบรมดว้ ยตนเอง เรือ่ งแนวทางการจัดการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์พัฒนาข้ึน สำหรบั ครูวทิ ยาศาสตร์ เพอื่ เปน็ แนวทางการออกแบบการจดั การเรียนรู้ ผู้ศึกษาควรปฏบิ ตั ิดังน้ี 1. การเตรยี มตัวเพ่อื ศึกษาชุดฝึกอบรมด้วยตนเอง 1.1 กำหนดเวลาในการศึกษาชุดฝกึ อบรมด้วยตนเอง แนวทางการจัดการเรยี นร้วู ิทยาศาสตร์ 1.2 ศึกษาเอกสารเพมิ่ เตมิ ทรี่ ะบุในชุดฝึกอบรมด้วยตนเองจะทำให้ผู้ศึกษามีความรู้และเข้าใจเร็วขน้ึ 2. การศึกษาชดุ ฝึกอบรมด้วยตนเอง 2.1 ทำแบบทดสอบก่อนศึกษา และตรวจคำตอบดว้ ยตนเองจากเฉลยแบบทดสอบโดยให้ คะแนน 1 คะแนน สำหรบั คำตอบที่ถูกต้องและให้ 0 คะแนนสำหรับคำตอบที่ผดิ 2.2 ควรอ่านเนื้อหาสาระในใบความรู้ในแต่ละเลม่ อยา่ งนอ้ ย 1 จบ แลว้ สรุปความคิดรวบยอด 2.3 ทำกจิ กรรมในใบงานแตล่ ะตอนและตรวจคำตอบด้วยตนเองจากแนวคำตอบในใบ ความรู้ โดยให้คะแนน 1 คะแนนสำหรบั คำตอบท่ีถกู ตอ้ ง ให้ 0 คะแนนสำหรับคำตอบที่ผดิ 2.4 ทำแบบทดสอบหลังศึกษาชดุ ฝึกอบรมด้วยตนเอง และตรวจคำตอบด้วยตนเองจาก แบบทดสอบ โดยให้คะแนน 1 คะแนนสำหรบั คำตอบทถี่ กู ตอ้ ง ให้คะแนน 0 คะแนน สำหรับคำตอบ ทผี่ ดิ 2.5 ใหศ้ กึ ษาชดุ ฝึกอบรมด้วยตนเองต่อเนื่องใหจ้ บเลม่ 2.6 ชุดฝึกอบรมด้วยตนเองน้ี เป็นชุดฝกึ อบรมดว้ ยตนเองที่ศึกษาด้วยตนเองไดท้ ุกสถานท่ี ทกุ เวลา 3 การประเมินผล 3.1 ในตอนทา้ ยของชุดฝกึ อบรมดว้ ยตนเอง จะมีการประเมนิ ผลเพอ่ื วดั ความรคู้ วามเขา้ ใจ แล้วตรวจสอบคำตอบด้วยตนเองจากเฉลย ให้คะแนน 1 คะแนน สำหรบั คำตอบท่ถี กู และ 0 คะแนน สำหรับคำตอบทผี่ ดิ โดยตอ้ งผ่านเกณฑ์ 80% ข้นึ ไป 3.2 เปรยี บเทยี บความแตกต่างของคา่ เฉลี่ยคะแนนกอ่ นศึกษาและหลังศึกษาชุดฝึกอบรม 2 เล่มท่ี 4 การสร้างขอ้ สอบแบบเขยี นตอบ
ชดุ ฝึกอบรมดว้ ยตนเอง การสรา้ งเครื่องมือวัดและประเมินผล วชิ าวทิ ยาศาสตร์ วัตถปุ ระสงค์ เมอ่ื ศกึ ษาชุดฝึกอบรมด้วยตนเองชุดนี้แล้ว ผศู้ ึกษามีความรู้ความเข้าใจและสามารถสร้างขอ้ สอบ แบบเขยี นตอบได้ ขอบข่ายเนอื้ หา มีขอบข่ายของเน้ือหาดังน้ี 1. ประเภทของแบบทดสอบเขียนตอบ 2. การวเิ คราะหม์ าตรฐานและตัวช้วี ัด 3. แนวคดิ ทฤษฎีความร้ขู องบลูม 4. การสร้างขอ้ สอบแบบเขยี นตอบ 5. การเขียนเกณฑก์ ารให้คะแนน (Rubric) 6. ตัวอย่างข้อสอบแบบเขียนตอบ วิชาวิทยาศาสตร์ สาระสำคัญ การสร้างข้อสอบแบบเขียนตอบนั้น สร้างให้ตรงกับสิ่งที่ต้องการจะวัดให้สอดคล้องกับ มาตรฐานการเรียนรู้ และตัวชี้วัดตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน 2551 ซึ่งเป็น แบบทดสอบที่ผู้สอบจะต้องเรียบเรียงแนวความคิดและความรู้ท่ีได้เรียนมา เขียนบรรยายหรือแสดง ความคิดเห็น ตลอดจนเรียบเรียงภาษาเป็นรูปประโยคให้เป็นข้อความที่ชัดเจน ข้อคำถามของ แบบทดสอบแบบเขียนตอบโดยท่วั ไปจะไม่จำกดั เสรีภาพของผู้ตอบ ซึ่งลักษณะของแบบทดสอบแบบ เขยี นตอบประกอบด้วย สถานการณ์ คำถามและเกณฑ์ 3 เลม่ ที่ 4 การสร้างขอ้ สอบแบบเขยี นตอบ
ชุดฝกึ อบรมด้วยตนเอง การสรา้ งเครอื่ งมือวัดและประเมนิ ผล วิชาวิทยาศาสตร์ แนวคิด การพัฒนาครูโดยชุดฝึกอบรมด้วยตนเอง ใช้แนวคิดการสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง (Construction Knowledge) ครูเป็นผู้ศึกษาเรียนรู้และลงมือทำกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยตนเอง (Learning by Doing) ไม่มีวิทยากรบรรยายให้ความรู้ การปฏิบัติกิจกรรมเป็นไปตามขั้นตอนท่ี ออกแบบไว้ เป็นขั้นตอนหลักของการสร้างองค์ความรูด้ ้วยตนเอง ตามกระบวนการเรยี นรู้แบบซิปปา (CIPPA MODEL) เร่ิมจากการทบทวนความรู้เดิมในเรอ่ื งท่ีจะเรียนรู้ การศึกษาหาความรู้เพ่ิมเติมจาก ชุดฝึกอบรมแล้วนำความรู้เดิม ไปเชื่อมโยงกับความรู้ใหม่ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ก่อนที่จะสรุปความรู้ ความเขา้ ใจของตนเอง เปน็ ทฤษฎีการเรียนรู้ทเ่ี นน้ ผู้ศึกษาเปน็ ผู้สร้างองคค์ วามรูด้ ้วยตนเอง ประสบการณ์ใหม่ / ความรู้ใหม่ + ประสบการณ์เดมิ / ความรู้เดิม = องคค์ วามรู้ใหม่ โดยเริ่มจากการทบทวนความรู้เดิมในเรื่องทีจ่ ะเรียนรู้ การศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมจากแหล่งเรียนรู้ ต่าง ๆ นำความเข้าใจข้อมูลเชื่อมโยงความรู้เดิมกับความรูใ้ หม่ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ก่อนที่จะสรปุ องค์ ความรแู้ ละทำความเข้าใจด้วยตนเอง 4 เล่มที่ 4 การสรา้ งข้อสอบแบบเขยี นตอบ
ชดุ ฝึกอบรมด้วยตนเอง การสร้างเคร่ืองมือวดั และประเมนิ ผล วชิ าวิทยาศาสตร์ แบบทดสอบก่อนศึกษาชุดฝกึ อบรม คำส่งั ให้ทา่ นเลอื กคำตอบท่ีถูกต้องท่สี ุดเพียงคำตอบเดียว 1. เพราะเหตใุ ดจึงนยิ มออกขอ้ สอบแบบเขยี นตอบ 1. วัดความสามารถระดบั การวิเคราะหข์ ้ึนไปได้ 2. ขอ้ สอบมีความเท่ยี งตรง 3. ตรวจง่ายและสะดวกรวดเร็ว 4. วดั ได้ครอบคลุมเนือ้ หาท้ังหมด 2. ตวั ชว้ี ัดใดเหมาะที่จะวัดและประเมินผลดว้ ยขอ้ สอบแบบเขียนตอบ 1. ตระหนกั ถงึ ความสำคัญของระบบยอ่ ยอาหาร 2. สร้างแบบจำลองการหมนุ ของโลก 3. ปลูกฝักปลอดสารพษิ ไดถ้ ูกตอ้ งตามหลกั วิชาการ 4. ทดลองการแยกสารละลายของสารเน้ือผสม3. 3. ขอ้ ใดคอื ความแตกตา่ งระหว่างขอ้ สอบเลอื กตอบกบั ข้อสอบเขียนตอบท่ีชดั เจนท่ีสุด 1. ความเป็นปรนยั ของขอ้ คำถาม 2. การกำหนดเกณฑก์ ารให้คะแนน 3. ความครอบคลมุ ของเนอ้ื หาทอ่ี อกข้อสอบ 4. สถานการณ์ท่ีใช้เป็นขอ้ มูลในการตอบคำถาม 4. ขอ้ ใดไม่ใช่ องคป์ ระกอบสำคญั ของขอ้ สอบเขียนตอบ 1. สถานการณ์ทีเ่ ปน็ ข้อมูล 2. ประเด็นคำถาม 3. ตัวเลอื กและตัวลวง 4. เกณฑก์ ารให้คะแนน 5. ข้ันตอนแรกของสรา้ งเคร่อื งมือแบบเขยี นตอบคือขอ้ ใด 1. การกำหนดเกณฑก์ ารประเมนิ คุณภาพ 2. วิเคราะหม์ าตรฐานและตัวช้วี ัดตามหลักสูตร 3. เลือกวิธกี ารวดั และประเมินผล 4. เลอื กรูปแบบของข้อสอบ 5 เลม่ ที่ 4 การสรา้ งขอ้ สอบแบบเขยี นตอบ
ชุดฝึกอบรมด้วยตนเอง การสรา้ งเครือ่ งมือวัดและประเมนิ ผล วชิ าวทิ ยาศาสตร์ 6. ข้อใดกล่าวไม่ถกู ตอ้ งเกีย่ วกบั ข้อสอบเขียนตอบ 1. มีเน้อื หาและคำตอบทช่ี ัดเจนตายตัว 2. สามารถวัดพฤตกิ รรมระดับการประเมินค่าได้เป็นอยา่ งดี 3. สามารถวดั ได้ในทุกระดบั พฤตกิ รรมทางสติปญั ญาของบลูม 4. สามารถวัดระดับพฤตกิ รรมทเ่ี ป็นการคิดขั้นสูง ได้ 7. ตัวชี้วัดใด ไมเ่ หมาะ ท่จี ะวัดและประเมนิ ผลดว้ ยแบบทดสอบแบบเขยี นตอบ 1. ออกแบบการทดลองเร่ืองแรงดันอากาศ 2. บอกความแตกต่างระหวา่ งของแข็ง ของเหลวและแกส๊ 3. จงวัดปริมาตรของสารลาย A ในบีกเกอร์ขนาด 250 ml 4. อธบิ ายการเคล่อื นทข่ี องอนุภาคมวลสาร 8. นักเรยี นเขยี นขั้นตอนการวางแผนการแก้ปญั หา อยู่ในระดับพฤติกรรมด้านใดของทฤษฎีบลูม 1. การประเมินค่า 2. การคดิ วเิ คราะห์ 3. การสงั เคราะห์ 4. การคิดสร้างสรรค์ 9. ข้อดีของข้อสอบแบบเขยี นตอบ ไดแ้ กข่ ้อใด 1. สามารถวดั พฤตกิ รรมขนั้ สูง 2. ใช้เวลาในการสอบไมม่ าก 3. ตรวจให้คะแนนได้ง่าย 4. วัดไดค้ รอบคลมุ เน้อื หา 10. การออกขอ้ สอบแบบเขียนตอบ เมือ่ ต้องการวดั สิ่งใด 1. ใครฉลาดกว่ากนั 2. ใครมคี วามคิดริเริม่ ดี 3. ใครคล่องกว่ากนั 4. ใครมคี วามรูค้ วามจำดี 6 เลม่ ที่ 4 การสร้างขอ้ สอบแบบเขียนตอบ
ชุดฝึกอบรมด้วยตนเอง การสรา้ งเครอ่ื งมือวัดและประเมนิ ผล วชิ าวทิ ยาศาสตร์ ใบความรทู้ ี่ 1 ประเภทของแบบทดสอบเขยี นตอบ แบบทดสอบแบบเขียนตอบ หมายถึง แบบทดสอบที่ผู้สอบ ต้องเขียนเรียบเรียงความคิดและความรู้ให้สอดคล้องกับคำถาม เขียน บรรยายหรือแสดงความคิดเห็น จากความรู้และประสบการณ์ที่ได้รับมา (สำนักทดสอบทาง การศึกษา, 2561) ใช้วดั ความสามารถในการบรรยาย อธบิ ายและแสดงเหตุผลตามความคิดอาจ จำกัดความยาวหรือไม่ก็ได้ (ล้วน สายยศและอังคณา สายศ, 2543) ลักษณะของแบบทดสอบ เขียนตอบนี้ อาจจะเป็นโจทย์หรือคำถามที่กำหนดสถานการณ์ หรือปัญหาอย่างกว้างๆ หรือ เฉพาะเจาะจง โดยจุดมงุ่ หมายของการใชแ้ บบทดสอบแบบเขียนตอบ มดี งั น้ี 1.1 ตอ้ งการให้ผู้เขา้ สอบแสดงความสามารถด้านความคิดสร้างสรรค์ (Creativity) และ บรรยายความคิดออกมาได้อยา่ งเป็นอิสระ และต้องคำนึงถึงความสามารถทักษะการเขียนของ นกั เรียนด้วย 1.2 ต้องการเน้นการวัดความรู้ขั้นลึกซึ้ง เช่น ความสามารถในการสังเคราะห์หรือ ต้องการวดั ความเข้าใจในเน้อื หาทเี่ รียนมาทง้ั หมด 1.ประเภทของแบบทดสอบเขยี นตอบ แบบทดสอบแบบเขียนตอบเป็นแบบทดสอบประเภทเสนอคําตอบ ซึ่งผู้สอบจะต้องอ่าน คําถาม และเขียนคําตอบด้วยตนเอง ซึ่งอาจเป็นการเรียบเรียงคําตอบ แบบความเรียง ตอบสั้นหรือ เติมคําตอบ แบบทดสอบแบบเขียนตอบ จาํ แนกออกเปน็ 2 ประเภท (ศริ ชิ ยั กาญจนวาสี, 2552; เยา วดี วิบูลย์ศรี, 2548; บุญธรรม กิจปรีดาบริสุทธ์ิ, 2535) คือแบบทดสอบแบบเขียนตอบ แบบจํากัด คําตอบ (essay restricted response) และแบบทดสอบแบบเขียนตอบ แบบไม่จำกดั คาํ ตอบ (essay extended response) ดงั นี้ 7 เล่มท่ี 4 การสร้างขอ้ สอบแบบเขียนตอบ
ชุดฝึกอบรมด้วยตนเอง การสรา้ งเครอื่ งมอื วัดและประเมนิ ผล วชิ าวทิ ยาศาสตร์ 1. แบบจาํ กัดคําตอบ เปน็ แบบทดสอบเขยี นตอบท่ีมกี ารจํากัดกรอบของ เนี้อหา(content) หรอื รูปแบบ (form) ของแนวทางคาํ ตอบ และความยาวของคําตอบ กำหนดขอบเขตของประเด็นใหผู้ตอบทำการตอบใน เนือ้ หาท่ีแคบและสน้ั ขอดคี ือ สามารถใชวัดความรูความสามารถที่เฉพาะเจาะจงไดค้ รอบคลุม 2. แบบไม่จาํ กดั คําตอบ เปน็ แบบทดสอบเขียนตอบที่เปิดโอกาสให ผตู้ อบได้แสดงความสามารถในความรู ความคิด คิดเห็น และเรียบเรียงผสมผสานออกมาเป็นคำตอบตามความคิดและเหตุผลของตน โดยไม่จํากัด ขอบเขตของคําตอบ แต่ภายใตเวลาที่จํากัด จึงสามารถใชวัดความสามารถระดับการวิเคราะห์ การสงั เคราะหแ์ ละการประเมินผลได้อย่างดี ขอดีคือ สามารถใชวัดผลการเรียนรูท่ีซับซ้อน สามารถสร้างได้ง่าย แต่มีปญหาใน การควบคมุ ทศิ ทางการตอบของผู้สอบและการตรวจใหคะแนน สำนักทดสอบทางการศกึ ษา (2561) ได้จำแนกประเภทของแบบทดสอบแบบเขยี นตอบดังนี้ 1. แบบทดสอบแบบไม่จำกัดคำตอบหรือตอบอย่างอิสระ(Unrestricted Response) เป็น แบบทดสอบที่ไม่จำกัดคำตอบ เป็นแบบทดสอบที่เปิดโอกาสให้ผู้ตอบแสดงความคิดเห็น อธิบาย บรรยาย อภปิ รายได้อย่างเตม็ ท่ี ขอดีคอื สามารถใช้วัดความสามารถระดับการวเิ คราะห์ การสังเคราะห์และการประเมินผล ได้เป็นอย่างดี จึงมักใช้กับผู้เรียนในระดับชั้นสูง ลักษณะคำถามมักมีคำว่า “จงอธิบาย อภิปราย เปรียบเทียบ วิเคราะห์ สรุปประเด็นสำคัญ แสดงความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ ประเมินผล วางแผน ออกแบบการทดลอง แนวทางแกป้ ญั หา” เป็นตน้ เช่น จากการศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับดินเค็มของสถานีวิจัยดินเค็มเพื่อการพัฒนาและ สง่ เสรมิ ใหเ้ กษตรกรปลูกพชื ทเ่ี หมาะสมกบั สภาพดนิ ได้อย่างยั่งยืน ได้ขอ้ มลู ดงั น้ี ระดับความเค็ม ปรมิ าณเกลือในดนิ (%) ชนิดของพชื ผกั สวนครัวท่ปี ลกู ได้ นอ้ ย 0.12 -0.25 ผกั กาด, ถ่ัวฝกั ยาว, แตงกวา 0.26 -0.50 ผักชี, บวบ, หอมใหญ่ ปานกลาง 0.51 -1.00 คะนา้ , ผกั บุ้งจีน, กะหล่ำปลี เค็มจัด 8 เลม่ ที่ 4 การสรา้ งข้อสอบแบบเขียนตอบ
ชดุ ฝกึ อบรมดว้ ยตนเอง การสร้างเคร่ืองมอื วดั และประเมนิ ผล วิชาวทิ ยาศาสตร์ นดิ มีบ้านอยใู่ นภาคกลาง เมอ่ื ตรวจสอบสภาพของดนิ บรเิ วณบ้าน พบว่า มปี รมิ าณเกลือ ในดนิ 0.68% แต่ครอบครวั ของนดิ ต้องการปลกู ผักชี ซึ่งกำลังเป็นท่ีต้องการของตลาดและเป็นผักทโี่ ต เร็ว ขายได้ราคาดี คำถาม นดิ ตอ้ งวางแผนเตรียมดนิ ใหเ้ หมาะแกก่ ารปลูกผักชีอย่างไร พร้อมใหเ้ หตุผลประกอบ ............................................................................................................................................................ 2. แบบทดสอบแบบจำกัดคำตอบหรือตอบแบบสั้น (Restricted Response or Shot Essay Item) เปน็ แบบทดสอบท่ีจำกัดกรอบของเนอื้ หาหรือรปู แบบของแนวทางคำตอบ และกำหนด ขอบเขตของประเด็นให้ตอบในเนือ้ หาท่แี คบลงและส้ันกว่าแบบทดสอบทีไ่ ม่จำกัดความยาว ข้อดคี อื ใช้วัดความรู้ความสามารถท่ีเฉพาะเจาะจงไดด้ ีกว่าแบบทดสอบแบบไม่จำกัดความยาว ซึง่ เหมาะทีจ่ ะวดั ผลการเรียนที่สำคญั โดยทผ่ี ้สู อบจะต้องเลือกความรทู้ ี่ดที ี่สดุ สำหรบั คำถามนั้น ๆ ลักษณะคำตอบมักอยู่ในรูป “จงอธิบายสั้นๆ จงบอกประโยชน์ จงอธิบายสาเหตุ หรือจงบอกขน้ั ตอน” แตแ่ บบทดสอบนีไ้ มไ่ ด้เปดิ โอกาสใหผ้ ู้ตอบได้แสดงความรู้ ความสามารถอย่างเต็มที่ ตวั อย่างเช่น สภาพแวดล้อมของส่ิงมีชวี ิตแห่งหน่ึง ประกอบดว้ ย ต้นขา้ ว หนอน งู ต๊ักแตน หนู นา ซง่ึ อาศยั อยรู่ ่วมกนั 1. หว่ งโซอ่ าหารของสิ่งมีชีวิตดังสถานการณ์ดังกล่าว เปน็ อย่างไร 2. สายใยอาหารของสิ่งมชี ีวิตกลุ่มน้ี กำหนดไดเ้ ปน็ อย่างไร 3. สิ่งมีชวี ติ ชนิดใดในสภาพแวดล้อมแห่งน้จี ัดเป็นผู้ผลิต ผ้บู ริโภค ผู้ล่า เหย่ือ และเป็นทั้งผู้ล่า และเหยอ่ื NRC (2012) โดยศูนย์ PISA สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ได้กำหนด รูปแบบของข้อคำถามจะมีสถานการณ์ที่ใช้เป็นข้อมูลในการตอบคำถามและมีคำถามให้ผู้เข้าสอบ พจิ ารณา และนำเสนอคำตอบใน 3 แบบ ไดแ้ ก่ 3.2.1 แบบสร้างคำตอบแบบปิด มีลักษณะเปน็ ข้อสอบที่มีขอ้ คำถามแล้วให้ผู้เข้าสอบ เขยี นคำตอบที่เป็นคำตอบถูกต้องท่ีมีลักษณะเฉพาะและชดั เจน เช่น คำถาม การเปลีย่ นแปลงสถานะ ของสาร มกี สี่ ถานะ อะไรบ้าง 3.2.2 แบบเขียนตอบสั้นๆมีลักษณะเป็นข้อสอบที่มีข้อคำถาม และให้ผู้เข้าสอบเขียน คำตอบสั้น ๆ ในที่ว่างที่เตรียมไว้ในแบบทดสอบ ซึ่งอาจเขียนคำตอบเป็นตัวหนังสือ วาดภาพ และ/ หรอื เขียนตัวเลข เชน่ คำถาม “หนว่ ยทเ่ี ล็กท่สี ุดของสง่ิ มชี ีวิตเรยี กว่า......” 3.2.3 แบบสร้างคำตอบแบบอิสระ มีลักษณะเป็นข้อสอบที่มีข้อคำถามแลว้ ใหผ้ ู้เข้า สอบอธิบายคำตอบหรือให้เหตุผลประกอบคำตอบที่แสดงความเข้าใจที่มีต่อคำถาม ผู้เข้าสอบควร เขยี นคำตอบในเส้นบรรทดั ท่กี ำหนดไว้ให้ จำนวนเสน้ บรรทดั จะเป็นตวั บอกความยาวอย่างคร่าว ๆ ที่ ควรเขยี นตอบ ดังนน้ั เมอื่ พจิ ารณาลกั ษณะของขอ้ สอบที่ใช้ทดสอบในการทดสอบทั่วไปและการทดสอบ ในระดับนานาชาตมิ คี วามคลา้ ยคลึงซง่ึ สามารถสรปุ ไดด้ ังตารางต่อไปนี้ 9 เลม่ ท่ี 4 การสรา้ งข้อสอบแบบเขยี นตอบ
ชดุ ฝึกอบรมด้วยตนเอง การสร้างเครอ่ื งมือวดั และประเมินผล วิชาวทิ ยาศาสตร์ ขอ้ สอบทใี่ ชใ้ นการทดสอบโดยทว่ั ไป ขอ้ สอบทใี่ ช้ในการทดสอบในระดบั นานาชาติ (PISA) 1. แบบจำกัดคำตอบ 1. แบบสร้างคำตอบแบบปิด 2. แบบไม่จำกดั คำตอบหรือตอบอย่าง 2. แบบเขียนตอบส้ันๆ อสิ ระ 3. แบบสรา้ งคำตอบแบบอสิ ระ ดังนั้นสรุปได้ว่า แบบทดสอบแบบเขียนตอบ เป็นแบบทดสอบแบบเขียนความเรียง เขียน ตอบส้ันหรอื เติมคําตอบ เขียนบรรยายหรือแสดงความคดิ เหน็ ลงไปได้ มี 2 แบบคอื แบบเขยี นตอบสั้น มลี ักษณะท่ผี ้ตู อบสามารถเขยี นตอบได้แบบจำกัดขอ้ ความ และแบบเขยี นตอบอย่างอิสระมีลักษณะที่ ผตู้ อบเขียนบรรยาย อภิปราย แสดงความคดิ เห็น ไดอ้ ย่างเต็มที่ 2. ข้อดแี ละข้อจำกัดของแบบทดสอบแบบเขียนตอบ ขอ้ ดี ข้อจำกัด 1. สามารถวัดพฤติกรรม ด้านการคิดวิเคราะห์ 1. การวัดไม่ครอบคลุมเนื้อหาท้ังหมด เนื่องจาก สังเคราะห์ การประเมินค่า และแสดงความคิด จำนวนขอ้ มีจำกัด เปน็ การยากที่จะสมุ่ เนื้อหาให้ สรา้ งสรรคไดเ้ ป็นอย่างดี ครอบคลุมความร้ทู ตี่ อ้ งการจะวัดได้ครบถว้ น 2. ผู้ตอบมีโอกาสใช้ความรู้แสดงความคิดเห็น 2. การตรวจให้คะแนนยาก ไม่มีความคงที และความสามารถในการใชภ้ าษา มักมีความคลาดเคลื่อนมาก และควบคุมให้เกิด 3. ผู้ตอบที่ไม่มีความรู้ในเรื่องนั้น สามารถปอง ความยตุ ิธรรมได้ยาก กันการเดาได้ดี จะช่วยลดความคาดเคลื่อนใน 3.ไม่เหมาะที่จะใช้กับผู้สอบจำนวนมาก ๆ การวดั ได้เปน็ อย่างดี เพราะใชเ้ วลาในการตรวจ 4. สร้างไดง้ า่ ยและประหยดั คา่ ใช้จ่าย 4. ลายมอื ของผู้ตอบและความสามารถใน 5. ช่วยตรวจสอบความรู้พื้นฐานของผู้เรียนได้ การถา่ ยทอดความคิดอาจจะมีผลตอ่ คะแนน เปน็ อย่างดี 5. มีความเชือ่ มั่นตำ่ และมักขาดความเท่ยี งธรรม 6. เขยี นไม่ครอบคลมุ เนื้อหา ตอ่ ไป..ทำใบกิจกรรมกันดกี วา่ คะ่ 10 เลม่ ที่ 4 การสรา้ งข้อสอบแบบเขียนตอบ
ชดุ ฝกึ อบรมด้วยตนเอง การสร้างเคร่ืองมอื วดั และประเมนิ ผล วิชาวิทยาศาสตร์ ใบกิจกรรมที่ 1 คำชแ้ี จง จงตอบคำถามตอ่ ไปนี้ 1. แบบทดสอบแบบไม่จำกดั คำตอบและแบบทดสอบแบบจำกัดคำตอบ แตกตา่ งกันอยา่ งไร จงยกตัวอยา่ ง ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ 2. เพราะเหตุใด การสรา้ งแบบทดสอบแบบเขียนตอบจงึ สามารถวดั ได้ในระดบั พฤตกิ รรมของบลมู ขน้ั การวิเคราะหใ์ ชข้ ้ึนไป ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ 3. ข้อสอบแบบเขียนตอบมีข้อดีและข้อเสียอยา่ งไร ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ...ไม่ยากใชไ่ หมคะ...งัน้ ทำ ใบกิจกรรมตอ่ ไปกันเลยค่ะ 11 เล่มท่ี 4 การสรา้ งขอ้ สอบแบบเขยี นตอบ
ชดุ ฝกึ อบรมดว้ ยตนเอง การสรา้ งเครื่องมอื วดั และประเมนิ ผล วชิ าวทิ ยาศาสตร์ ใบความรู้ที่ 2 การวเิ คราะห์มาตรฐานและตัวชี้วัด ปัจจุบันการวัดและประเมินผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรียนตามหลักสูตรแกนกลาง การศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ยึดมาตรฐานและตัวชี้วัดในแต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตรเ์ ปน็ กรอบในการสร้างเครอื่ งวัดและประเมนิ ผลสมั ฤทธผ์ิ ู้เรยี น จำแนกออกไดเ้ ปน็ 3 กลุ่ม พฤติกรรม ไดแ้ ก่ 1) พฤติกรรมดา้ นความรู้ (Knowledge: K) เปน็ พฤตกิ รรมทางสติปญั ญาของมนษุ ย์โดยผ่าน กระบวนการทำงานของสมอง ความรู้ที่เป็นข้อเท็จจริง ความคิดรวบยอด วิธีและกระบวนการและ กระบวนการความคดิ ของตนเอง (อภปิ ญั ญา) 2) พฤติกรรมด้านทักษะกระบวนการ (Process & skill: P) เป็นพฤติกรรมที่เกิดจากการที่ อวัยวะของร่างการหลายส่วนทำงานร่วมกนั อย่างแคลว่ คลอ่ งและเป็นระบบ 3) พฤติกรรมด้านคุณลักษณะ (Attribute: A) เป็นพฤติกรรมที่เป็นค่านิยม เจตคติ และ คุณลกั ษณะเชงิ คุณธรรมและจรยิ ธรรมที่แฝงอยูภ่ ายในไม่สามารถตรวจสอบไดโ้ ดยตรง ดังนั้น ครูจะต้องออกแบบการเรียนรู้และการวัดและประเมินผลให้สอดคล้องกับมาตรฐาน และตัวชี้วัดของหลักสูตรฯ ที่เป็นเป้าหมายในการจัดการเรียนรู้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการวัดและ ประเมินผลคุณภาพผู้เรียน ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน ครูผู้สอนจะต้องเลือกใช้ วธิ ีการวัดและประเมนิ ผลที่สอดคล้องกบั พฤติกรรมของตัวชวี้ ดั วธิ ีการวัดและประเมินผลผเู้ รียน ความรู้ความสามารถทางสมอง องคค์ วามรู้ตามตัวชวี้ ัด (Knowledge) ทกั ษะกระบวนการ ขัน้ ตอน/ วิธีการ/หลกั การ/ (Process Skill) กระบวนการตามตวั ช้วี ัด คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ พฤติกรรมทแ่ี สดงออกตามตัวชีว้ ดั (Attribute) ภาพ วิธกี ารวัดและประเมนิ ผล 12 เลม่ ที่ 4 การสร้างข้อสอบแบบเขียนตอบ
ชดุ ฝึกอบรมด้วยตนเอง การสร้างเครอื่ งมอื วดั และประเมินผล วิชาวทิ ยาศาสตร์ 1. ด้านความรู้ (Knowledge: K) 1.การจำ ความสามารถ (Remembering) ในการระลึกได้ 2.การเขา้ ใจ ความสามารถใน (Understanding)) การแปลความหมาย 3.การประยุกต์ใช้ ความสามารถใน (Applying) การนำไปใช้ใน สถานการณ์ใหม่ 4. การวิเคราะห์ (Analyzing) ความสามารถใน การแยกความรูเ้ ปน็ 5) การประเมินคา่ ส่วนๆ (Evaluating) ความสามารถใน การตัดสิน ตีค่า เปรียบเทียบผล 6) การคิดสร้างสรรค์ ความสามารถในการออกแบบ (Creating) การสร้างผลผลิตทไ่ี ม่เหมือนใคร ภาพ พฤตกิ รรมการเรียนรู้ด้านความรู้ ตามแนวคิดของบลมู 13 เลม่ ที่ 4 การสรา้ งขอ้ สอบแบบเขียนตอบ
ชุดฝึกอบรมด้วยตนเอง การสรา้ งเครื่องมอื วัดและประเมินผล วิชาวิทยาศาสตร์ 2.ด้านกระบวนการและทกั ษะ ทักษะการสือ่ สาร (Process and Skill: P) ทกั ษะการฟัง การพูด การอ่านและการเขยี น ทักษะและ กระบวนการทำงาน การกำหนดและควบคุมตัวแปร การคำนวณ ทักษะและกระบวน ความสมารถในการแกป้ ัญหา การจดั ทำและสอ่ื ความหมายขอ้ มูล การจำแนก การคณิตศาสตร์ การให้เหตุผล การสอ่ื สาร การตั้งสมมติฐาน การตีความหมายข้อมูล สอ่ื ความหมาย นำเสนอ การทดลอง การกำหนดนยิ ามเชงิ ปฏิบตั ิ กระบวนการทาง การพยากรณ์ การลงความเหน็ ข้อมลู การวัด วิทยาศาสตร์ การต้งั ประเด็นทีจ่ ะศึกษา การสังเกต การหาความสัมพันธ์ระหว่างมิติ สบื คน้ และรวบรวมข้อมูล กับมติ แิ ละมติ ิกับเวลา กระบวนการวธิ ีการ การวิเคราะห์และตีความ ทางประวตั ศิ าสตร์ ขอ้ มลู ทางประวตั ิศาสตร์ การทำความเขา้ ใจปัญหา วางแผน การคดั เลือกและประเมิน ออกแบบแก้ปญั หา ดำเนินการตาม กระบวนการคิด ข้อมลู การเรยี บเรยี ง รายงาน แผน สรปุ และตรวจสอบการ แกป้ ัญหา ขอ้ เท็จจรงิ ทางประวัติศาสตร์ แก้ปญั หา ทักษะการปฏบิ ัติงาน การเข้าใจและใชร้ ะบบ การวเิ คราะหง์ าน การวางแผน เทคโนโลยี เลือกและใช้ การทำงาน ลงมอื ทำงาน ทักษะการใช้ โปรแกรม ประยกุ ตอ์ ย่าง ประเมนิ ผลการทำงาน เทคโนโลยี เหมาะสม ภาพ พฤตกิ รรมการเรียนรดู้ ้านกระบวนการและทกั ษะ ตามแนวคดิ ของบลูม 14 เล่มที่ 4 การสร้างข้อสอบแบบเขยี นตอบ
ชดุ ฝกึ อบรมดว้ ยตนเอง การสร้างเครื่องมอื วดั และประเมนิ ผล วชิ าวทิ ยาศาสตร์ คนดี 3.ด้านคณุ ลักษณะ คนมคี วามสขุ (Attribute: A) คนทป่ี ฏิบัตติ นอย่บู น คนที่มสี ขุ ภาพร่างกาย พื้นฐานความถกู ต้อง คนเก่ง แข็งแรงและสุขภาพจิตดี เหมาะสม มคี ุณภาพ คนทม่ี ีสมรรถนะและ จติ ใจเข้มแข็ง จิตใจทีด่ ีงาม สมรรถภาพสูงใน มมี นษุ ยสมั พันธ์ที่ดี มีคุณธรรมจรยิ ธรรม การดำเนินชีวิต สามารถดำรงชวี ติ ได้ มคี ุณลักษณะอนั พึง โดยมคี วามสามารถ พิเศษรอบด้าน อยา่ งพอเพยี ง ประสงค์ทงั้ ด้าน ตามอตั ภาพ พฤติกรรม และจติ ใจ ภาพ พฤติกรรมการเรียนร้ดู า้ นคณุ ลักษณะ ตามแนวคดิ ของบลมู มาตรฐานการเรยี นรู้และตัวชวี้ ดั มาตรฐานและตัวชว้ี ดั ของหลักสูตร ตัวช้ีวัด 1 มาตรฐาน 1 ตัวชี้วดั 2 ความรู้ (Knowledge) หลักสตู ร มาตรฐาน 2 ตวั ช้วี ดั 3 ทักษะกระบวนการ(Process & Skill) มาตรฐาน 3 ตวั ชี้วดั 4 คณุ ลักษณะ (Attribute) ภาพ มาตรฐานตวั ชี้วัดและหลกั สตู ร 15 เล่มที่ 4 การสร้างข้อสอบแบบเขียนตอบ
ชดุ ฝึกอบรมด้วยตนเอง การสร้างเครอื่ งมอื วัดและประเมินผล วิชาวิทยาศาสตร์ องคป์ ระกอบของตวั ชีว้ ดั 1. ตวั ชวี้ ัด ว1.2 ป 6/2 บอก แนวทางในการเลือกรับประทานอาหารใหไ้ ด้สารอาหารครบถ้วน ในสดั ส่วนทีเ่ หมาะสมกับเพศและวยั รวมทัง้ ความปลอดภยั ต่อสุขภาพ คำสำคญั (key word) หรือ พฤตกิ รรมทีต่ ้องการแสดง สถานการณ์ หรอื บรบิ ทเนอ้ื หา 2. ตวั ช้วี ัด ว2.2 ป 6/1 อธิบาย การเกิดเงามืดเงามวั จากหลกั ฐานเชงิ ประจักษ์ สถานการณ์ หรือ บริบทเน้ือหา คำสำคัญ (key word) หรือ พฤตกิ รรมทต่ี ้องการแสดง ภาพ องค์ประกอบของตวั ช้วี ดั 4.2 ตัวอย่าง มาตรฐาน ว 3.1 เข้าใจองค์ประกอบ ลกั ษณะ กระบวนการเกิด และววิ ฒั นาการของเอกภพ กาแล็กซี ดาวฤกษ์ และ ระบบสุริยะ รวมทั้งปฏิสัมพันธ์ภายในระบบสุริยะที่ส่งผลต่อส่ิงมีชีวิตและ การประยกุ ต์ใช้เทคโนโลยี อวกาศ ตวั ชวี้ ัด ว3.2 ป 6/1 เปรียบเทยี บ กระบวนการเกิดหนิ อัคนี หนิ ตะกอน และหินแปร และ อธบิ าย วฏั จกั รหินจากแบบจำลอง Knowledge ตัวชวี้ ดั ว3.2 ป 6/3 สร้าง แบบจำลองที่อธิบายการเกิดซากดกึ ดำบรรพ์และ คาดคะเน สภาพแวดลอ้ มในอดตี ของซากดกึ ดำบรรพ์ Process & Skill Knowledge 16 เล่มที่ 4 การสร้างขอ้ สอบแบบเขยี นตอบ
ชุดฝึกอบรมด้วยตนเอง การสร้างเครอ่ื งมือวัดและประเมนิ ผล วิชาวทิ ยาศาสตร์ ตวั ชวี้ ดั ว4.2 ป 6/1 ใช้เหตุผล เชิงตรรกะในการอธิบายและ ออกแบบ วธิ กี ารแกป้ ญั หาทพ่ี บใน ชวี ติ ประจำวัน Knowledge Process & Skill ตัวชว้ี ดั ว4.2 ป 6/2 ออกแบบ และ เขยี นโปรแกรม อยา่ งง่ายเพื่อแก้ปญั หาในชีวติ ประจำวัน ตรวจหาขอ้ ผิดพลาดของโปรแกรมและแกไ้ ข Process & Skill 17 เลม่ ท่ี 4 การสรา้ งขอ้ สอบแบบเขยี นตอบ
ชุดฝกึ อบรมดว้ ยตนเอง การสร้างเคร่อื งมอื วัดและประเมนิ ผล วิชาวทิ ยาศาสตร์ ใบกิจกรรมที่ 2 คำชแี้ จง จงตอบคำถามตอ่ ไปนี้ 1. ใหท้ า่ นระบพุ ฤตกิ รรมทป่ี รากฏในตัวชวี้ ดั และประเภทของพฤตกิ รรมการเรยี นรู้ 5 ตัวช้วี ัด ท่ีนักเรยี นแสดงออก หรือคำสำคญั (key word) รหัสตวั ชี้วดั ตัวชี้วัด คำสำคญั ประเภทของพฤติกรรม การเรียนรู้ KA P 1.ว3.2 ป 6/5 อธิบายผลของมรสุมต่อการเกิด 2.ว3.2 ป 6/6 ฤดูของประเทศไทย จากข้อมูลที่ 3.ว3.2 ป 6/7 รวบรวมได้ บรรยายลักษณะและผลกระทบ 4.ว3.2 ป 6/8 ของน้ำท่วม การกัดเซาะชายฝ่ัง 5.ว3.2 ป 6/9 ดนิ ถลม่ แผน่ ดินไหว สึนามิ ตระหนักถึงผลกระทบของภัย ธรรมชาติและธรณีพิบัติภัย โดย นำเสนอแนวทางในการเฝ้าระวงั และปฏิบัติตนให้ปลอดภัยจาก ภัยธรรมชาติและธรณีพิบัติภัยที่ อาจเกิดในทอ้ งถ่ิน สร้างแบบจำลองที่อธิบายการเกิด ปรากฏการณ์เรือนกระจกและ ผลของปรากฏการณเ์ รือนกระจก ตอ่ สงิ่ มชี วี ิต ตระหนักถึงผลกระทบของ ปรากฏการณ์เรือนกระจกโดย นำเสนอแนวทาง การปฏิบัติตน เพื่อลดกิจกรรมที่ก่อให้เกิดแก๊ส เรือนกระจก 18 เล่มที่ 4 การสรา้ งข้อสอบแบบเขยี นตอบ
ชุดฝกึ อบรมดว้ ยตนเอง การสรา้ งเครือ่ งมอื วดั และประเมินผล วชิ าวิทยาศาสตร์ 2. คดั เลอื กพฤติกรรมการเรียนรู้ ดา้ นความรู้ เพ่อื ระบุลำดับขน้ั พฤติกรรมตามทฤษฏีความรู้ ของบลมู และประเภทของขอ้ สอบเขยี นตอบตามแนวทางการทดสอบทั่วไป 5 ตัวชวี้ ดั ตัวชว้ี ัด ลำดับขั้นพฤติกรรม ประเภทของขอ้ สอบเขยี นตอบ ตามทฤษฎีความร้ขู องบลูม ตอบสัน้ / ตอบอสิ ระ/ จำกดั คำตอบ ไมจ่ ำกดั คำตอบ 1.ว3.2 ป 6/5 อธิบายผลของมรสุมต่อ การเกิดฤดูของประเทศไทย จากข้อมูล ทีร่ วบรวมได้ 2.ว3.2 ป 6/6 บรรยายลักษณะและ ผลกระทบของน้ำท่วม การกัดเซาะ ชายฝงั่ ดนิ ถล่ม แผน่ ดนิ ไหว สึนามิ 3.ว3.2 ป 6/7 ตระหนักถึงผลกระทบ ของภัยธรรมชาติและธรณีพิบัติภัย โดย นำเสนอแนวทางในการเฝ้าระวังและ ปฏิบัติตนให้ปลอดภยั จากภัยธรรมชาติ และธรณีพบิ ตั ภิ ัยท่อี าจเกิดในท้องถ่ิน 4.ว3.2 ป 6/8 สร้างแบบจำลองที่ อธิบายการเกิดปรากฏการณ์เรือน กระจกและผลของปรากฏการณ์เรือน กระจกตอ่ สิ่งมชี วี ติ 5.ว3.2 ป 6/9 ตระหนักถึงผลกระทบ ของปรากฏการณ์เรือนกระจกโดย นำเสนอแนวทาง การปฏิบัติตนเพื่อลด กิจกรรมทกี่ อ่ ใหเ้ กิดแกส๊ เรอื นกระจก ใหท้ า่ นศกึ ษาใบความรู้ถัดไปเลยคะ่ .... 19 เลม่ ที่ 4 การสรา้ งขอ้ สอบแบบเขยี นตอบ
ชุดฝึกอบรมด้วยตนเอง การสร้างเคร่ืองมอื วัดและประเมนิ ผล วิชาวิทยาศาสตร์ ใบความร้ทู ี่ 3 แนวคดิ ทฤษฎีความร้ขู องบลูม 1. พฤตกิ รรมการเรียนรู้ตามแนวคดิ ทฤษฎคี วามรขู้ องบลูม (Bloom Taxonomy’s Revised) พฤติกรรมการเรียนรู้ด้านความรู้ ตามแนวคิดของบลูม (Bloom Taxonomy’s Revised) เป็น พื้นฐานในการศึกษาพฤติกรรมการเรียนรู้ของผู้เรียน (Bloom,1957) ปัจจุบันพฤติกรรมการเรียนรู้ มีการปรับปรุงใหม่ โดย Anderson and Krathwohl และคณะ (Anderson and Krathwohl , 2001) ได้ปรับปรุงกลมุ่ พฤติกรรมข้ึนมาใหม่และสะท้อนผลงานในศตวรรษท่ี 21 แสดงรูปภาพ ที่เป็นตัวแทนของคำกริยาใหม่ที่มีความเกี่ยวเนื่องกับ Bloom’s Taxonomy ที่เราคุ้นเคยมานาน โดยการปรบั ปรงุ ลำดบั ข้ันทางสตปิ ัญญาของบลมู ทไ่ี ดเ้ สนอไว้ คือ เปลี่ยนช่อื ที่เรยี กในแต่ละระดับ ความรู้ ความคิด จากคำนามเป็นกิริยาเพือ่ สะท้อนความเป็นกระบวนการของสมองหรอื สติปญั ญา ที่ช่วยใหม้ นุษยเ์ กิดความรู้ แสดงดังภาพประกอบดังนี้ ภาพประกอบ: ระดบั พฤตกิ รรมทางสมองของบลมู ตามแนวคดิ เดิมและท่ปี รบั ปรุงใหม่ (สำนกั ทดสอบ ทางการศึกษา, 2560) 20 เลม่ ที่ 4 การสร้างข้อสอบแบบเขยี นตอบ
ชดุ ฝึกอบรมด้วยตนเอง การสร้างเครอ่ื งมือวัดและประเมนิ ผล วชิ าวทิ ยาศาสตร์ ภาพประกอบ: ระดับพฤตกิ รรมทางสมองของบลูม ตามแนวคิดเดิมและทป่ี รบั ปรงุ ใหม่ (สำนักทดสอบ ทางการศกึ ษา, 2561) กระบวนการทางปญั ญา เป็นพฤติกรรมทเี่ ก่ยี วกับสติปัญญาดา้ นความรู้ ความสามารถใน การคิด เรื่องราวตา่ ง ๆ และการใชส้ ตปิ ัญญาของมนุษยโ์ ดยผ่านกระบวนการทางสมอง ซ่ึงประกอบด้วย ความรู้ที่เป็นข้อเท็จจริง ความรู้ที่เป็นความคิดรวบยอด ความรู้เกี่ยวกับวิธีและกระบวนการ และ ความรู้ท่เี ก่ียวกับทักษะหรือกระบวนการความคิดของตนเอง (อภิปัญญา) โดยดา้ นความรู้ส่วนใหญ่จะ ยดึ ตามแนวคิดทฤษฎที างความรูข้ องบลูม (Bloom Taxonomy) ซ่ึงสามารถอธิบายได้ดงั น้ี 21 เล่มที่ 4 การสร้างข้อสอบแบบเขยี นตอบ
การจำ หมายถึง ความสามารถในการระลกึ ได้ การจำได้ถงึ การจ ข้อมูลสารสนเทศ เหตุการณ์ ที่เก็บไว้ในสมอง เช่น ความรู้ด้านเน้อื หา ศัพท์ นยิ าม ความรเู้ กยี่ วกับความจริง ข้อเท็จจริง ความรู้เกี่ยวกับวิธีดำเนินการ การจัดระบบ วิธีการแสวงหาความรู้และลำดับขั้นตอน เช่นความรู้ เกี่ยวกับประเพณี วัฒนธรรม ธรรมเนียม ลำดับขั้นตอน เรื่องใดเรื่องหนึ่ง เกณฑ์ต่าง ๆ ความคิดรวบยอด หลัก วชิ าการทฤษฎี เปน็ ตน้ พฤตกิ รรม สตั วน์ ำ้ ชนิดใดบ้า รจู้ กั จำได้ นักเรยี นเขียนราย จดั ทำรายการ การเปลย่ี นแปลง อธิบาย นกั เรียนระบุประ การระบุ สัตวน์ ำ้ แตกตา่ งก บอกความแตกตา่ ง ภาพ ตัวอยา่ งระดับพฤติกร
ชดุ ฝึกอบรมด้วยตนเอง การสรา้ งเคร่อื งมอื วดั และประเมินผล วิชาวทิ ยาศาสตร์ จำ (Remembering) พฤติกรรมที่บ่งช้ี ได้แก่ นักเรียนสามารถใน การจำได้ บอก/ระบุชื่อได้ บงชี้ บรรยาย เลือก การแสดงรายการได้ การบอกตำแหนง่ การให้สัญลักษณ์ ยกตัวอย่าง บอก ความสัมพันธ์ การจัดกลุ่ม คัดเลือก อธิบายใต้ รูปภาพ เรียงลำดับ จับคู่ บันทึกข้อมูล ทบทวน อ้างอิง เรียงลำดับ เปน็ ตน้ ตัวอย่างคำถาม างออกลกู เปน็ ตัว ยการสารที่นำไปใชใ้ นชวี ิตประจำวนั งสถานะของสารเกดิ ขน้ึ ได้อยา่ งไรจงอธิบาย ะเภทของใบเลีย้ งเดีย่ วและใบเลยี้ งค่มู าทั้งหมด กับสัตว์บกอยา่ งไรบ้าง รรมทางสติปญั ญาของบลูมขนั้ การจำ 22 เล่มท่ี 4 การสรา้ งขอ้ สอบแบบเขยี นตอบ
การเขา้ ใจ หมายถงึ ความสามารถทาง สมองในการแปลความหมาย การสร้าง ความหมาย สร้างความรู้จากสื่อหรือ เคร่อื งมือทางการศึกษาดว้ ยตนเอง การเขา้ ใจ (Understa พฤตกิ รรม จากข้อความเรอื่ งภยั ธรรม การสรปุ ความ จงอธบิ ายกราฟ ปริมาณออ การแปลความหมาย จงวาดรูประบบย่อยอาหาร จงเปรยี บเทยี บการเจริญเต การเปรยี บเทียบ จงอธบิ ายว่าหวั ใจมีความเห จงอธิบายการเปล่ียนแปลง อธิบาย วาดแผนผงั อธบิ ายความดัน จากภาพวงจรชีวติ ของผีเส บรรยาย ภาพ ตวั อยา่ งระดับพฤต
ชดุ ฝกึ อบรมด้วยตนเอง การสร้างเครอ่ื งมือวัดและประเมนิ ผล วชิ าวิทยาศาสตร์ anding) พฤติกรรมที่บ่งชี้ ได้แก่ ผู้เรียนอธิบายความหมาย สารสนเทศ โดยการแปลความหมาย ตีความ และขยาย ความสิ่งที่เคยเรียน ยกตัวอย่าง สรุปอ้างอิง การเรียบเรียง ใหม่ การจำแนกหมวดหมู่ ให้คำจำกัดความ แปล ความหมาย ประมาณคา่ เขยี นขอ้ ความ ใหม่ อภิปราย ตวั อย่างคำถาม 23 มชาติ นกั เรยี นสามารถสรปุ สาระสำคัญได้อยา่ งไร อกซเิ จนทีพ่ บในนำ้ กบั จำนวนส่งิ มีชีวิตทพี่ บ รของมนุษย์ ตบิ โตของต้นดาวเรือง 2 แห่ง ทีไ่ ดร้ ับแสงและไมไ่ ดร้ บั แสง หมือนกับป๊มั นำ้ อย่างไร งสถานะของสารประกอบต่อไปนี้ นความดันอากาศสง่ ผลอยา่ งไรต่ออากาศ สื้อใหน้ กั เรยี นบรรยายรายละเอยี ด ติกรรมทางสติปญั ญาของบลูมขัน้ การเข้าใจ เล่มที่ 4 การสรา้ งข้อสอบแบบเขียนตอบ
การประยุกต์ใช้ หมายถึง การประยุกต์ใช้ (Ap กระบวนการทางสมองในการใช้ กระบวนการที่ได้เรียนรู้มาใช้ใน สถานการณ์ใหม่หรือคล้ายคลึง กัน ความสามารถในการนำไปใช้ ประยุกต์ใช้ แก้ไขปัญหาใน สถานการณต์ า่ ง ๆ พฤติกรรม นักเรียนสามารถใชค้ วามรู้ในการแกป้ ัญ การนำไปปฏิบัติ ถา้ นกั เรียนจะขนลังท่มี ีนำ้ หนกั มากๆ จ การลงมอื ทำ จงยกอาหารทม่ี คี ุณค่าและราคาถกู ในช ออกแบบการทดลองเกีย่ วกับการศกึ ษ การนำไปใช้ ถา้ นักเรียนตอ้ งการแยกขยะแล้วสามา จงอธบิ ายกราฟของผลการทดลองการ การจัดการ การแปลความหมาย ภาพ ตัวอย่างระดับพฤติกรรมทา
ชดุ ฝกึ อบรมด้วยตนเอง การสร้างเครอ่ื งมือวัดและประเมนิ ผล วชิ าวิทยาศาสตร์ พฤติกรรมที่บ่งชี้ ได้แก่ ผู้เรียนใช้ ความรู้และประสบการณ์จากที่เคยเรียนมา ก่อนไปใช้ในการลงมือปฏิบัติหรือแก้ไข ปญั หาการจัดการ การคำนวณ การคาดคะเน เหตกุ ารณ์ pplying) ตวั อยา่ งคำถาม ญหาได้อย่างไร จะต้องทำอย่างไร ชีวติ ประจำวันและอธบิ ายด้วยว่ามคี ณุ ค่าต่อรา่ งกายอยา่ งไร ษาการสงั เคราะหแ์ สงของพืช ารถนำไปใชป้ ระโยชนไ์ ด้ นกั เรียนจะจดั การอยา่ งไร รเกิดปฏิกิรยิ าระหว่างโลหะกบั กรด างสตปิ ญั ญาของบลูมขน้ั การประยุกต์ใช้ 24 เล่มที่ 4 การสรา้ งข้อสอบแบบเขยี นตอบ
การวเิ คราะห์ หมายถึง ความสามารถในการแยก ความรู้ออกเป็นสว่ นๆ แตกองคป์ ระกอบเน้ือหาสู่ สว่ นประกอบยอ่ ยและเข้าใจว่าแต่ละสว่ นสัมพันธ์ กันอยา่ งไร รวมถงึ โครงสรา้ งในการสรา้ งภาพรวม ดว้ ย การวิเคราะห์ (A พฤตกิ รรม จงเรียงลำดับการจดั ร การจัดระบบ นักเรียนมีวธิ ีการใดบ พชื มกี ารเจรญิ โต จงใ การสืบเสาะ สืบสวน นกั เรียนบอกความแต การใหเ้ หตุผล การอา้ งเหตผุ ล พฤติกรรมใด เป็นกา จำแนกความแตกตา่ ง การตีคา่ ภาพ ตวั อย่างระดับพฤติกรรมทางสต
ชุดฝกึ อบรมด้วยตนเอง การสร้างเครื่องมือวัดและประเมินผล วชิ าวทิ ยาศาสตร์ พฤติกรรมที่บ่งชี้ ได้แก่ ผู้เรียนย่อยความรู้ หรือข้อมูลสารสนเทศออกเป็นส่วนย่อย เพือ่ ใหเ้ กิดความรู้ความเขา้ ใจเกี่ยวกับข้อมูล สารสนเทศนั้นอย่างลึกซึ้ง เปรียบเทียบ แยกแยะเพื่อหาส่วนย่อย ๆ ของเหตุการณ์ ได้แก่ อธิบายลักษณะ การจัดการทดลอง แยกกลุ่ม คำนวณ วิพากษ์ วิจารณ์ ลำดับ เร่อื ง ทำแผนผงั หาความสัมพันธ์ Analyzing) ตวั อยา่ งคำถาม 25 ระบบในรา่ งกายจากหนว่ ยเล็กไปหาหนว่ ยใหญใ่ ห้ถกู ต้อง บ้างในการทำนำ้ ใหส้ ะอาด ใหเ้ หตผุ ลสนับสนนุ ตกตา่ งระหวา่ งกบกับปลามาตามเกณฑท์ ีน่ ักเรียนกำหนด ารอนรุ กั ษ์สงิ่ แวดล้อม ตปิ ัญญาของบลูมขน้ั การวิเคราะห์ เลม่ ท่ี 4 การสร้างข้อสอบแบบเขียนตอบ
การประเมินคา่ หมายถึง ความสามารถ ทางสตปิ ญั ญา เกย่ี วกับการตรวจสอบ และการวพิ ากษต์ า่ ง ๆ การตดั สิน คุณค่าบนพ้นื ฐานของเกณฑ์และ มาตรฐาน การประเมินค่า (Evalua พฤตกิ รรม ภาชนะบรรจุแกงส้ม ภาชน การตรวจสอบ ตัง้ สมมตฐิ าน ถ้าท้องฟ้ามดื ครึ้มแลว้ ฝนจะ วพิ ากษ์วิจารณ์ ทำไมจึงควรรบั ประทานอาห ทดลอง นกั เรยี นคนหนง่ึ ทำการทดล เท่า ๆ กัน เพอ่ื ทดลองเร่อื งอ ตัดสนิ นักเรยี นสามารถตดั สนิ คณุ ค ภาพ ตวั อย่างระดับพฤติกรรมทางสติป
ชดุ ฝกึ อบรมด้วยตนเอง การสร้างเครื่องมอื วัดและประเมนิ ผล วิชาวทิ ยาศาสตร์ พฤติกรรมที่บ่งช้ี ได้แก่ ผู้เรียนสามารถ ตรวจสอบ อภิปราย ตัดสินใจ วิพากษ์วิจารณ์ คัดเลือกหรือประเมินค่า อย่างสมเหตุสมผล และน่าเชื่อถือ ให้ คะแนน เปรียบเทียบผล ตีค่า สรุป แนะนำ ตดั สนิ ใจ คัดเลือก ating) ตวั อยา่ งคำถาม นะควรมคี ณุ สมบัติอยา่ งไร ะตก นกั เรียนคดิ ว่าเปน็ เชน่ นนั้ หรอื ไม่เพราะเหตุใด หารทที่ ำเสรจ็ ใหม่ๆ ลอง ใสห่ นิ อา่ นชน้ิ เล็ก ๆ ในนำ้ บรสิ ทุ ธแ์ ละน้ำอัดลมอยา่ งละ อะไร ค่าของน้ำอดั ลมและนำ้ บรสิ ุทธิไ์ ดอ้ ย่างไร ปญั ญาของบลูมขั้นการประเมินคา่ 26 เล่มที่ 4 การสรา้ งข้อสอบแบบเขียนตอบ
ก า ร ค ิ ด ส ร ้ า ง ส ร ร ค ์ ห ม า ย ถึ ง ความสามารถในการออกแบบ (Design) การสรา้ งผลผลติ ท่ีไม่เหมือน ใคร การคิดสร้างสรรค์ (C พฤตกิ รรม ใหน้ กั เรียนออกแบบห้องนอนท ออกแบบ ให้นักเรยี นนำเสนอวิธกี ารสร้าง สรา้ งส่งิ ใหม่ ตัง้ สมมตฐิ านเพ่ืออธบิ ายว่าทำไม นกั เรียนเขยี นขนั้ ตอนการวางแผ วางแผน จงบอกวิธปี รบั ปรุงดินใหเ้ หมาะ ปรับปรุง จากขอ้ มูลของกราฟเสน้ ตรง นกั พยากรณ์ ภาพ ตัวอย่างระดบั พฤตกิ รรมทา
ชุดฝึกอบรมด้วยตนเอง การสร้างเครอ่ื งมือวัดและประเมนิ ผล วิชาวิทยาศาสตร์ Creating) พฤติกรรมที่บ่งชี้ ได้แก่ นักเรียน สามารถออกแบบ (Design) วางแผน ผลิต ประดิษฐ์ พยากรณ์ ทำนาย สร้าง สูตร จินตนาการสิ่งใหม่ๆ โดยใช้ ประสบการณ์เดิมเป็นฐานคิด สร้างส่ิง ใหม่ หรือผลิตภัณฑ์ ชิ้นงานที่แปลก ใหม่ ตัวอย่างคำถาม ทนี่ กั เรยี นคิดวา่ เหมาะสมและถูกสุขลักษณะ งห่นุ ยนตใ์ หม่ทแี่ ตกต่างไปจากหนุ่ ยนต์เดิม มพชื ต้องการแสง และนำ้ ผนการแกป้ ัญหา ะกบั การปลูกขา้ ว กเรียนคิดวา่ แนวโน้มในปตี ่อไปจะเปน็ อยา่ งไร างสตปิ ญั ญาของบลูมขน้ั การสรา้ งสรรค์ 27 เลม่ ที่ 4 การสรา้ งข้อสอบแบบเขียนตอบ
ชุดฝึกอบรมดว้ ยตนเอง การสรา้ งเครอื่ งมอื วัดและประเมนิ ผล วชิ าวิทยาศาสตร์ ใบกิจกรรมที่ 3 1. จงยกตวั อย่างคำถามท่แี สดงถึงพฤติกรรมตามระดับแนวคิดทฤษฎีความร้ขู องบลมู 1.การจำ พฤติกรรม คำถาม 1. บอกความสัมพันธ์ 2. บอก/ระบชุ ื่อ 3. การบอกตำแหน่ง 4. การให้สัญลกั ษณ์ 5. ยกตวั อย่าง 2.การเข้าใจ คำถาม พฤติกรรม 1. การสรุปความ 2. การแปลความหมาย 3. การเปรียบเทียบ 4. บรรยาย 5. ยกตวั อยา่ ง 28 เลม่ ที่ 4 การสร้างข้อสอบแบบเขยี นตอบ
ชุดฝกึ อบรมดว้ ยตนเอง การสรา้ งเคร่ืองมือวัดและประเมนิ ผล วชิ าวทิ ยาศาสตร์ 3.การประยกุ ต์ใช้ ใบกิจกรรมที่ 3 (ตอ่ ) พฤติกรรม คำถาม 1. การนำไปปฏิบัติ 2. การลงมอื ทำ คำถาม 3. การจดั การ 4. แก้ไขปัญหา 5. ประยกุ ต์ใช้ 4. การวิเคราะห์ พฤติกรรม 1. การจัดระบบ 2. การสบื เสาะ สบื สวน 3. การจัดการทดลอง 4. จำแนกความแตกต่าง 5. การตคี า่ 29 เลม่ ที่ 4 การสร้างข้อสอบแบบเขียนตอบ
5. การประเมนิ ค่า ชุดฝึกอบรมดว้ ยตนเอง การสรา้ งเคร่ืองมอื วัดและประเมนิ ผล วชิ าวิทยาศาสตร์ พฤติกรรม ใบกิจกรรมท่ี 3 (ต่อ) 1. การตรวจสอบ 2. ตงั้ สมมตฐิ าน คำถาม 3. วิพากษว์ จิ ารณ์ 4. ทดลอง คำถาม 5. ตดั สิน 6. การคิดสร้างสรรค์ พฤติกรรม 1. ออกแบบ 2. สรา้ ง 3. วางแผน 4. ปรบั ปรงุ 5. ตั้งสมมติฐาน ให้ท่านศึกษาใบความรถู้ ดั ไปเลยคะ่ .... 30 เลม่ ที่ 4 การสรา้ งขอ้ สอบแบบเขียนตอบ
ชุดฝึกอบรมด้วยตนเอง การสรา้ งเครื่องมือวัดและประเมนิ ผล วิชาวิทยาศาสตร์ ใบความรทู้ ี่ 4 การสร้างข้อสอบแบบเขยี นตอบ ข้อสอบแบบเขียนตอบ เป็นแบบทดสอบท่มี ีเฉพาะคำถามผู้สอบจะตอ้ งบรรยายคำตอบ ดว้ ยตนเอง โดยการเขยี นแสดงความคิดเหน็ จงึ เหมาะสำหรับการวดั ทักษะการคิดขน้ั สูง (Higher–order thinking) สำนักทดสอบทางการศึกษา (2561) ได้กล่าวถงึ หลกั การสร้างขอ้ สอบแบบเขียนตอบดังน้ี 4.1 หลักในการสรา้ งขอ้ สอบเขียนตอบ 1) เขียนคำช้ีแจงเกี่ยวกับวธิ ีการตอบให้ชัดเจนระบุจำนวนขอ้ คำถามเวลาท่ีใช้สอบและคะแนน เต็มของแต่ละข้อเพื่อใหผ้ ตู้ อบสามารถวางแผนการตอบได้ถกู ตอ้ ง 2) ขอ้ คำถามตอ้ งพจิ ารณาให้เหมาะสมกับพนื้ ความรู้ของผ้ตู อบ 3) ควรถามเฉพาะเรื่องที่สำคัญและเป็นเรื่องที่ข้อสอบเลือกตอบวัดได้ไม่ดีเท่า เนื่องจาก ข้อสอบเลือกตอบไม่สามารถถามได้ทุกเนื้อหาที่เรียนหรือทุกระดับพฤติกรรมตามทฤษฎีการเรียนรู้ ของบลูมควรถามในระดับพฤติกรรมที่สูง เช่น ระดับการนำไปใช้การวิเคราะห์ การสังเคราะห์ ความคิด สร้างสรรค์ การแสดงความคดิ เห็น การวิพากษ์ วจิ ารณ์ เปน็ ตน้ 4) กำหนดขอบเขตของคำถามเพื่อให้ผู้ตอบทราบถึงจุดมุ่งหมายในการวัดสามารถตอบได้ ตรงประเด็น 5) การกำหนดเวลาในการสอบจะตอ้ งสอดคล้องกบั ความยาวและลักษณะคำตอบที่ต้องการ ระดบั ความยากงา่ ยและจานวนขอ้ สอบ 6) ไม่ควรมีข้อสอบไว้ให้เขียนตอบ เป็นบางข้อเพราะอาจมีการได้เปรียบเสียเปรียบกัน เนอ่ื งจากแต่ละข้อคำถามจะมีความยากง่ายไม่เทา่ กนั และวัดเน้อื หาแตกตา่ งกนั รวมทงั้ จะไมย่ ตุ ธิ รรมกับ ผู้ท่สี ามารถตอบได้ทกุ ข้อ ซ่งึ มโี อกาสไดค้ ะแนนเท่ากบั ผ้ทู ี่ตอบไดเ้ พยี งบางขอ้ 7) หลกี เลีย่ งคำถามทีว่ ัดความรู้การจำหรือถามเร่ืองท่ีผู้เรียนเคยทำหรือเคยอภิปรายมาก่อน หรอื ถามเร่ืองท่ีมีคำตอบในหนังสือเพราะจะเป็นการวัดการจำ ควรถามในเรื่องท่ีผู้เรียนต้องนำความรู้ไปใช้ ในสถานการณ์ใหม่ 8) พยายามเขียนคำถามใหม้ ีจำนวนมากขอ้ โดยจำกดั ให้ตอบสน้ั ๆ เพ่ือจะได้วดั ไดค้ รอบคลุม เนอ้ื หาซ่ึงจะทำใหแ้ บบทดสอบมคี วามเชอ่ื มนั่ สงู 31 เลม่ ท่ี 4 การสร้างข้อสอบแบบเขยี นตอบ
ชดุ ฝกึ อบรมดว้ ยตนเอง การสรา้ งเคร่ืองมอื วดั และประเมนิ ผล วิชาวิทยาศาสตร์ 9) ควรเตรียมเฉลยคำตอบและกำหนดเกณฑ์การให้คะแนนตามขั้นตอนและน้ำหนักที่ต้องการ เน้นไว้ 10) ถ้าแบบทดสอบมหี ลายขอ้ ควรเรยี งลำดับจากขอ้ งา่ ยไปหายาก 4.2 ลักษณะคำถามของแบบทดสอบเขียนตอบ 1) ถามใหน้ ิยามหรอื อธบิ ายความหมาย 2) ถามใหจ้ ัดลำดับเรือ่ งราวหรอื ลำดับเหตุการณ์ 3) ถามให้จัดหรือแยกประเภทส่งิ ของหรอื เรือ่ งราวตา่ ง ๆ 4) ถามใหอ้ ธิบายเหตุการณ์หรือกระบวนการ 5) ถามให้เปรยี บเทียบเหตกุ ารณ์ความคลา้ ยคลงึ และความแตกตา่ ง 6) ถามใหอ้ อกแบบเขียนเค้าโครงหรอื วางแผนการดำเนินงานตา่ ง ๆ 7) ถามให้อธบิ ายเหตผุ ลในการสนบั สนนุ หรอื คัดคา้ น 8) ถามให้วเิ คราะหเ์ ร่ืองราวหรือวิเคราะหค์ วามสมั พันธ์ 9) ถามให้ชี้แจงหลักการหรือจดุ ประสงค์ 10) ถามให้อภิปรายแสดงความคดิ เหน็ วิพากษ์วจิ ารณอ์ ย่างกว้างขวาง 11) ถามให้นำหลักการไปใช้ในการแก้ปญั หาในสถานการณต์ ่าง ๆ 4.3 ขน้ั ตอนการสร้างเครอื่ งมอื แบบเขยี นตอบ 1) วเิ คราะหต์ ัวช้ีวดั เพ่อื หาคำสำคญั ทเี่ ปน็ เปา้ หมายในการเรยี นรู้ 2) กำหนดพฤติกรรมทตี่ ้องการวดั ให้ชดั เจน ควรวดั พฤติกรรมตั้งแต่ระดบั นำไปใชข้ นึ้ ไป 3) เลอื กรปู แบบของข้อสอบ คอื แบบจำกัดคำตอบหรือแบบไมจ่ ำกดั คำตอบ 4) เขียนคำถามใหช้ ัดเจนว่าตอ้ งการใหผ้ ู้ตอบทำอะไร อย่างไร เช่น อธบิ าย เปรียบเทียบให้ เหตผุ ล แสดงวธิ ีทำ เป็นต้นโดยใชส้ ถานการณ์ใหม่ให้ต่างจากทีเ่ คยเรียนหรอื ท่อี ยู่ในตำรา 5) ถามเฉพาะสง่ิ ที่เป็นประเดน็ สำคัญของเรอ่ื ง 6) กำหนดความซับซอ้ นและความยากให้เหมาะกบั วยั ของผูต้ อบ 7) ควรเฉลยคำตอบไปพรอ้ ม ๆกบั การเขียนข้อสอบ 8) ไมค่ วรให้มีการเขยี นตอบ บางข้อ 32 เลม่ ที่ 4 การสรา้ งข้อสอบแบบเขยี นตอบ
ชดุ ฝึกอบรมด้วยตนเอง การสร้างเครอ่ื งมอื วัดและประเมนิ ผล วชิ าวิทยาศาสตร์ 4.4 หลักการตรวจใหค้ ะแนน 1) เขียนแนวเฉลยไว้กอ่ นและระบุคะแนนวา่ ประเด็นใดตอนใดควรได้กคี่ ะแนน 2) ไมค่ วรดชู ื่อผ้สู อบเพอ่ื ปอ้ งกันไม่ให้เกดิ อคตใิ นการให้คะแนน 3) การตรวจให้คะแนนควรตรวจทีละข้อของทกุ ๆคนจนครบหมดทุกขอ้ แลว้ จึงตรวจขอ้ ใหม่ เพื่อจะได้เปรยี บเทียบระหวา่ งคำตอบของแต่ละคน เช่น ตรวจขอ้ ท่ี 1 ของทกุ คนแล้วจงึ คอ่ ยตรวจขอ้ ตอ่ ไป เปน็ ต้น 4) การตรวจให้คะแนนควรยดึ ในส่วนท่เี ป็นความรูท้ ่ีตอ้ งการวดั มาเป็นส่วนสำคัญใน การพจิ ารณาใหค้ ะแนนไม่ควรใหค้ ะแนนความถูกตอ้ งในการสะกดคาหรือการใช้ไวยากรณ์ 5) เกณฑใ์ นการตรวจให้คะแนนควรใชท้ ั้งเกณฑ์ด้านเน้ือหาเกณฑ์ด้านการจดั ลำดับความคิด 6) การเรียบเรียงเรอ่ื งและเกณฑ์ดา้ นกระบวนการทางสมองนอกจากน้ตี อ้ งพจิ ารณาในเรอ่ื ง - ความถกู ต้องตรงประเดน็ ทถ่ี าม - ความสมบรู ณ์ครบถว้ นของประเดน็ ทถ่ี าม - ความสมเหตุสมผลของคาตอบ 33 เล่มท่ี 4 การสรา้ งข้อสอบแบบเขยี นตอบ
ชุดฝกึ อบรมด้วยตนเอง การสร้างเคร่ืองมือวดั และประเมนิ ผล วิชาวิทยาศาสตร์ ดังนั้นสรุปข้นั ตอนการสร้างข้อสอบแบบเขียนตอบไดด้ ังน้ี ศกึ ษาวิเคราะห์ มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ช้ีวัด ของหลกั สตู ร การกำหนด test blueprint ระบุพฤตกิ รรมทนี่ กั เรียนแสดงออก พจิ ารณาพฤติกรรมวา่ สอดคลอ้ งกับลำดับข้ันใด ตามทฤษฎีความร้ขู องบลูม วเิ คราะห์หลกั การเขียนขอ้ สอบ แบบตอบสนั้ หรือจำกดั คำตอบ ระบุประเภทของขอ้ สอบแบบ แบบตอบแบบอิสระหรือไม่จำกัดคำตอบ สรา้ งขอ้ สอบแบบเขยี นตอบตามแบบฟอร์ม บตั รข้อสอบ (Item Card) ตรวจทานข้อสอบ ผู้เชยี่ วชาญตรวจสอบ (IOC) ปรับปรงุ ข้อสอบ/ตรวจสอบคณุ ภาพขอ้ สอบ คดั เลอื กข้อสอบท่ีมีคุณภาพ 34 ภาพ แสดงขัน้ ตอนในการสรา้ งและการวเิ คราะห์ขอ้ สอบ เล่มท่ี 4 การสรา้ งข้อสอบแบบเขยี นตอบ
ชุดฝึกอบรมด้วยตนเอง การสรา้ งเครอื่ งมือวัดและประเมนิ ผล วชิ าวิทยาศาสตร์ 4.5 ตารางวเิ คราะหก์ ารออกแบบการสร้างแบบทดสอบ (Test Blueprint) การจดั ทำตารางวิเคราะห์การออกแบบการสร้างแบบทดสอบ (Test Blueprint) ซง่ึ มขี นั้ ตอนดงั นี้ 1. กำหนดตัวชว้ี ดั หรือจุดประสงค์ โดยกรอกรายละเอยี ดลงในตารางวเิ คราะห์ 2. กำหนดจำนวนขอ้ สอบเพอื่ ทดสอบพฤติกรรมทางสมองระดบั ใด และพิจารณาลำดับความสำคัญ ของระดบั พฤตกิ รรมว่าระดบั ใดมีความสำคัญเปน็ ลำดับท่ี 1 และรองลง ไป ตามลำดบั โดยดูจากคา่ ร้อยละ ของแต่ละระดับพฤติกรรม ดังตัวอย่าง ตารางวิเคราะห์ข้อสอบ รายวิชาวิทยาศาสตร์พื้นฐาน ชั้น ประถมศกึ ษาปที ี่ 6 ตามพฤติกรรมทีต่ ้องการวัดให้สอดคล้องกับจุดประสงค์ ตามระดับความสามารถของ บลูม แสดงดงั ตารางน้ี ตาราง วเิ คราะหก์ ารออกแบบการสร้างแบบทดสอบ (Test Blueprint) จำนวนขอ้ สอบแตล่ ะระดบั พฤตกิ รรม (ข้อ) เรอื่ ง ตัวชวี้ ดั การจำ ขอ้ สอบ รูปแบบ การเ ้ขาใจ (ข้อ) ข้อสอบ การประ ุยก ์ตใช้ การ ิวเคราะห์ การประเ ิมนค่า การคิดสร้างสรรค์ ว2.1 ป 6/1 อธิบายและเปรียบเทียบการแยกสาร - 2 3 1 - 6 เขยี นตอบ ผสมโดยการหยิบออก การร่อน การใช้ (1 ข้อ)/ แม่เหล็กดึงดูด การรินออก การกรอง เลือกตอบ และการตกตะกอน โดยใช้หลักฐานเชิง (5 ขอ้ ) ประจักษ์ รวมทั้งระบุวิธีแก้ปัญหาใน ชีวติ ประจำวนั เกีย่ วกบั การแยกสาร ว2.2 ป 6/1 อธบิ ายการเกดิ และผลของแรงไฟฟ้าซง่ึ - 1 2 2 2 - 7 เขยี นตอบ เกดิ จากวตั ถุที่ผ่านการ ขัดถโู ดยใช้ (3 ขอ้ )/ หลกั ฐานเชิงประจกั ษ์ เลือกตอบ (4 ขอ้ ) ว2.3 ป 6/1 ระบสุ ่วนประกอบและบรรยายหน้าที่ - 2 3 2 - 7 เขียนตอบ ของแตล่ ะสว่ นประกอบของวงจรไฟฟ้า (2 ขอ้ )/ เลือกตอบ อย่างงา่ ยจากหลักฐานเชงิ ประจักษ์ (5 ขอ้ ) รวมจำนวนข้อ 1 6 8 5 - 20 รอ้ ยละ 5 30 40 25 - 100 อันดบั ความสำคัญ 42 1 3 35 เล่มท่ี 4 การสรา้ งข้อสอบแบบเขยี นตอบ
ชุดฝึกอบรมดว้ ยตนเอง การสรา้ งเครื่องมือวดั และประเมนิ ผล วชิ าวิทยาศาสตร์ 4.6 การวเิ คราะหม์ าตรฐานการเรยี นรู้และตวั ชวี้ ดั เพือ่ การสรา้ งเคร่ืองมือวดั ผลสัมฤทธทิ์ างการเรียนแบบเขยี นตอบในการวเิ คราะหม์ าตรฐาน การเรียนรู้และตวั ชี้วดั เพอื่ นำไปสร้างเคร่อื งมือวดั ผลสัมฤทธท์ิ างการเรยี นแบบเขียนตอบตามแนว การทดสอบระดับนานาชาติดำเนินการ ดังนี้ ข้ันที่ 1 ระบุ คำสำคัญ (key word) หรือ พฤตกิ รรมทน่ี ักเรยี นแสดงออกจากตวั ชี้วัด รหสั ตวั ช้ีวัด คำสำคญั ตัวชวี้ ัด อธิบายและเปรียบเทียบการแยกสารผสมโดยการหยิบ - อธิบาย ว2.1 ป 6/1 ออก การร่อน การใชแ้ มเ่ หลก็ ดงึ ดดู การรินออก - เปรยี บเทียบการแยกสารผสม ว2.2 ป 6/1 ว2.3 ป 6/1 การกรอง และการตกตะกอน โดยใช้หลักฐานเชิง - ระบุวิธีแก้ปัญหาในชวี ิตประจำวนั ประจักษ์ รวมทั้งระบุวิธีแก้ปัญหาในชีวิตประจำวัน เก่ียวกบั การแยกสาร อธบิ ายการเกิดและผลของแรงไฟฟา้ ซงึ่ เกิดจากวตั ถทุ ผ่ี ่าน - อธิบายการเกิด การขดั ถูโดยใช้หลักฐานเชงิ ประจักษ์ ระบุส่วนประกอบและบรรยายหน้าที่ของแต่ละ - ระบุสว่ นประกอบ ส่วนประกอบของวงจรไฟฟ้าอย่างง่ายจากหลักฐานเชิง - บรรยายหนา้ ที่ ประจักษ์ ต่อไปเปน็ ขนั้ ท่ี 2 คะ่ 36 เล่มท่ี 4 การสร้างขอ้ สอบแบบเขยี นตอบ
ชุดฝกึ อบรมด้วยตนเอง การสรา้ งเครอ่ื งมอื วดั และประเมนิ ผล วิชาวิทยาศาสตร์ ขั้นที่ 2 พิจารณาคำสำคัญ (key word) หรือพฤติกรรมที่นักเรียนแสดงออกตามตัวชี้วัดว่าเป็น พฤตกิ รรมการเรยี นรู้ในด้านความรู้ (K) ดา้ นคุณลักษณะ (A) หรอื ด้านกระบวนการและทกั ษะ (P) รหสั คำสำคัญ ประเภทพฤติกรรมการเรยี นรู้ ตวั ชวี้ ัด ความรู้ คุณลกั ษณะ ทกั ษะ (K) (A) (P) ว2.1 ป 6/1 - อธิบาย - - - เปรียบเทียบการแยกสารผสม ว2.2 ป 6/1 - - ว2.3 ป 6/1 - ระบวุ ธิ แี ก้ปญั หาในชวี ติ ประจำวัน - - - อธิบายการเกดิ - ระบุสว่ นประกอบ - บรรยายหนา้ ที่ ขั้นที่ 3 เลือกคำสำคัญ (key word) หรือพฤติกรรมที่นักเรียนแสดงออก จากตัวชี้วัดใน พฤติกรรมการเรยี นรู้ ในดา้ นความรู้ (K) แลว้ พจิ ารณาว่าคำสำคญั ดังกลา่ วสอดคล้องกับลำดับข้ันใด ตามทฤษฎีความร้ขู องบลมู (Bloom’s Taxonomy) พฤติกรรม ลำดับขั้นของพฤตกิ รรมตามทฤษฎคี วามรขู้ องบลมู รหัสตวั ชว้ี ดั คำสำคัญ การเรยี นรู้ จำ เขา้ ใจ ประยกุ ตใ์ ช้ วเิ คราะห์ ประเมินค่า คิด (K) สร้างสรรค์ ว2.1 ป 6/1 - อธิบาย ความรู้ (K) - เปรียบเทยี บ การแยกสารผสม - ระบุวธิ ีแกป้ ัญหา ในชีวิตประจำวัน ว2.2 ป 6/1 - อธบิ ายการเกิด ความรู้ (K) ว2.3 ป 6/1 - ระบสุ ว่ น ความรู้ (K) ประกอบ - บรรยายหน้าท่ี 37 เล่มท่ี 4 การสร้างขอ้ สอบแบบเขยี นตอบ
ชุดฝกึ อบรมดว้ ยตนเอง การสร้างเคร่ืองมือวดั และประเมนิ ผล วชิ าวิทยาศาสตร์ ข้ันที่ 4 ระบปุ ระเภทของขอ้ สอบเขียนตอบตามแนวทางการทดสอบทว่ั ไปในตัวชวี้ ัด โดย พิจารณาจากลำดับขั้นของพฤติกรรมตามทฤษฎกี ารเรยี นรขู้ องบลมู ดงั น้ี ลำดบั ขัน้ ของพฤติกรรม ประเภทของข้อสอบเขียนตอบ ตามทฤษฎีความรู้ของบลูม ตามแนวทางการทดสอบทวั่ ไป การสร้างสรรค์ แบบไม่จำกดั คำตอบ การประเมนิ ค่า แบบไม่จำกัดคำตอบ การวเิ คราะห์ แบบไม่จำกัดคำตอบ การประยุกตใ์ ช้ แบบจำกัดคำตอบ และแบบไม่จำกัดคำตอบ แบบจำกัดคำตอบ การเขา้ ใจ แบบจำกัดคำตอบ การจำ ตวั อย่าง การกำหนดรูปแบบข้อสอบใหส้ อดคลอ้ งกบั ระดบั พฤติกรรมตามทฤษฎีความรขู้ องบลมู รหัสตวั ช้ีวดั คำสำคัญ พฤติกรรมตามทฤษฎีความรู้ ประเภทของขอ้ สอบเขยี นตอบ ของบลูม ว2.1 ป 6/1 - อธบิ าย ตามการทดสอบท่ัวไป ว2.2 ป 6/1 - เปรยี บเทียบการแยกสารผสม วิเคราะห์ ว2.3 ป 6/1 เขียนตอบแบบสัน้ เขยี นตอบแบบ - ระบุวธิ แี กป้ ัญหาในชวี ติ ประจำวนั วิเคราะห์ วิเคราะห์ หรอื แบบจำกดั อิสระหรอื แบบไม่ - อธิบายการเกดิ - ระบุส่วนประกอบ คำตอบ จำกัดคำตอบ - บรรยายหน้าท่ี - - - 38 เลม่ ที่ 4 การสรา้ งข้อสอบแบบเขียนตอบ
ชุดฝึกอบรมด้วยตนเอง การสรา้ งเครอื่ งมอื วดั และประเมนิ ผล วชิ าวิทยาศาสตร์ ใบกิจกรรมท่ี 4 คำชแี้ จง จงเติมขอ้ มลู ของความสำคญั ของข้อสอบแบบเขียนตอบต่อไปนี้ “แบบทดสอบเขยี นตอบสำคญั อยา่ งไรในห้องเรยี น” ............................................................ ............................................................ ............................................................ ............................................................ ............................................................ ............................................................ ............................................................ ............................................................ ............................................................ ............................................................ ............................................................ ............................................................ นกั เรียน คณุ ครู ผสู้ อน แบบทดสอบ เขียนตอบ การจดั การเรยี นการสอน การวัดและประเมนิ ผล ฯ ................................................................ ................................................................ .............................................................. ................................................................ .............................................................. ................................................................ .............................................................. ................................................................ .............................................................. ................................................................ .............................................................. .............................................................. 39 เลม่ ท่ี 4 การสร้างขอ้ สอบแบบเขยี นตอบ
ชดุ ฝึกอบรมดว้ ยตนเอง การสร้างเครอ่ื งมอื วดั และประเมนิ ผล วชิ าวิทยาศาสตร์ 2. จงบอกหลักการสรา้ งข้อสอบแบบเขียนตอบ ............................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ 3. เมอื่ ทา่ นจะออกข้อสอบแบบเขียนตอบ จะมขี ัน้ ตอนการสรา้ งข้อสอบอยา่ งไร ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ 4. ทา่ นมีหลักการตรวจให้คะแนนการสอบด้วยแบบทดสอบเขยี นตอบอยา่ งไร ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ 5. ทา่ นมีวธิ ีการวิเคราะหม์ าตรฐานการเรียนรู้และตัวช้วี ดั อย่างไร ............................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ 40 เลม่ ท่ี 4 การสรา้ งข้อสอบแบบเขียนตอบ
Search