Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการจัดการเรียนรู้ รายวิชาสังคมศึกษา 3

แผนการจัดการเรียนรู้ รายวิชาสังคมศึกษา 3

Published by artitaya211157, 2022-06-28 07:14:13

Description: แผนการจัดการเรียนรู้รายวิชาสังคมศึกษา 3

Search

Read the Text Version

แผนการจัดการเรียนรู้ รายวิชาสังคมศึกษา 3 (รหัสวิชา ส22103) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ปีการศึกษา 2564 นายสายชล ชังอินทร์ ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะ ครูชำนาญการ โรงเรียนปากเกร็ด อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษานนทบุรี

แผนการจัดการเรียนรู้ ฉบบั ในช่วงการแพร่ COVID-19 ระบาดระลอกใหม่ เดือนพฤศจกิ ายน 2564 ช่ือ ครูผสู้ อน นายสายชล ชังอนิ ทร์ รหัสวิชา ส 22103 ช่ือวิชา สังคมศกึ ษา 3 ******************************************* 1.หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 1 เรื่อง ระบบเศรษฐกจิ เวลา 6 ช่ัวโมง แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 1 เรื่อง ระบบเศรษฐกิจ วนั ท่ี 1-7 พฤศจกิ ายน 2564 (ช่ัวโมงท่ี 1-2) 2. สาระสำคัญ คอื ระบบเศรษฐกิจเปน็ ความสัมพันธ์ของหนว่ ยเศรษฐกจิ ต่าง ๆ ภายใตร้ ะเบยี บ กฎเกณฑ์ และ แนวปฏบิ ัตขิ องสงั คมท่ยี ึดถอื เปน็ แนวทางปฏบิ ตั ิในการดำเนนิ กิจกรรมทางเศรษฐกจิ ระบบเศรษฐกจิ แบ่งออกเป็น 3 ระบบ ไดแ้ ก่ ระบบเศรษฐกิจแบบทนุ นิยม ระบบเศรษฐกิจแบบสงั คมนยิ ม และระบบเศรษฐกจิ แบบผสม 3. มาตรฐานและตัวชี้วดั ส 3.2 (1) อภิปรายระบบเศรษฐกจิ แบบต่างๆ 4. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ นกั เรียนสามารถ 1. อธิบายระบบเกี่ยวกบั ระบบเศรษฐกิจได้ (K) 2. เห็นความสาคญั ของระบบเศรษฐกิจ (A) 3. มีส่วนร่วมในการอภิปรายเกี่ยวกบั ระบบเศรษฐกิจ (p) 5. สาระการเรียนรู้ คือเนื้อเร่ือง หรือองคค์ วามรู้ ทักษะกระบวนการของผเู้ รยี นท่ีจะต้องเรียนรใู้ นรายวิชาน้นั ๆ 1. อธิบายระบบเกี่ยวกบั ระบบเศรษฐกิจได้ (K) 2. เห็นความสาคญั ของระบบเศรษฐกิจ (A) 3. มีส่วนร่วมในการอภิปรายเก่ียวกบั ระบบเศรษฐกิจ (p) 6. การบวนการการเรยี นรู้ คือ การระบุกจิ กรรมการเรียนรูท้ ่ีจดั ขึ้น เพอื่ ให้ผเู้ รยี นเกิดการเรยี นรู้ โดยแบ่งเป็น ขนั้ ช่ัวโมงท่ี 1-2 ระบบเศรษฐกจิ ในรปู แบบต่างๆ นำเข้าส่บู ทเรียน 1. ครถู ามนกั เรยี นวา่ ระบบเศรษฐกจิ ในความเข้าใจของนักเรียนคอื อยา่ งไร นักเรยี นชว่ ยกนั ตอบ ครู อธบิ ายเพ่มิ เติมแลว้ สรปุ เพ่ือเช่ือมโยงเข้าสู่เนื้อหาทีจ่ ะเรยี น กิจกรรมการเรยี นรู้ 2. ครูสนทนากับนักเรยี นเกย่ี วกับระบบเศรษฐกจิ 3. ครูใหน้ กั เรียนอภิปรายร่วมกันในประเดน็ ต่อไปน้ี 1) การแข่งขันทางเศรษฐกิจที่ทำกันอย่างเสรเี ปน็ ลักษณะของระบบเศรษฐกิจแบบใด 2) รฐั บาลมีบทบาทในระบบเศรษฐกจิ แบบทุนนยิ มอยา่ งไร 3) ระบบเศรษฐกิจแบบสังคมนยิ มมขี ้อดีอย่างไร

4) เพราะเหตุใดรัฐบาลจงึ ต้องไปเกีย่ วข้องกับธุรกิจของเอกชน 5) รัฐวสิ าหกจิ เกย่ี วข้องกบั ระบบเศรษฐกจิ แบบใด เพราะอะไร จากน้นั บนั ทกึ ผลการอภปิ ราย 4. ครูอธิบายเร่ือง ระบบเศรษฐกิจ 5. ให้คน้ ควา้ ความรเู้ พิม่ เติมจากแหล่งการเรยี นร้ตู ่าง ๆ เช่น หอ้ งสมดุ อนิ เทอรเ์ น็ต ในเรื่องทตี่ นไดศ้ ึกษา มาในขณะที่อย่ใู นกลุ่มพ้ืนฐาน เพ่ือเตรยี มการทจี่ ะนำไปสอน อธิบายหรือใหค้ วามรู้แกเ่ พ่ือน ๆ 6. ใหแ้ ต่ละคนผลัดเปล่ียนหมุนเวยี นกันอธิบายใหค้ วามรูเ้ พ่ือนสมาชิก โดยใหม้ ีการซักถามขอ้ สงสัย ตอบ ปญั หา และทบทวนใหเ้ กิดความเขา้ ใจท่ชี ัดเจน 7. ครตู ้ังคำถามในทุกหวั ข้อที่ไดท้ ำการเรียนรเู้ พอ่ื ให้สมาชกิ ของแต่ละกลุ่มตอบ เช่น 1) ระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยมมลี ักษณะอย่างไร 2) ระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยมมีข้อดี–ข้อเสียอย่างไร 3) ระบบเศรษฐกิจแบบสังคมนยิ มมีลกั ษณะอย่างไร 4) ระบบเศรษฐกจิ แบบสังคมนยิ มมขี ้อดี–ข้อเสียอย่างไร 5) ระบบเศรษฐกจิ แบบผสมมีลักษณะอยา่ งไร 6) ระบบเศรษฐกจิ แบบผสมมีข้อดี–ข้อเสยี อย่างไร 7) ประเทศไทยมีระบบเศรษฐกิจแบบใด เหมาะสมกบั ประเทศอย่างไร 8. ในขณะปฏิบัติกจิ กรรมของนักเรยี น ใหค้ รูสังเกตพฤติกรรมในการทำงานและการนำเสนอผลงานของ นักเรยี นตามแบบประเมนิ พฤติกรรมในการทำงานเป็นรายบคุ คลหรอื เป็นกลุ่ม สรุป 9. ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกันสรุปเรอ่ื ง ระบบเศรษฐกจิ โดยให้นักเรยี นสรปุ เปน็ แผนทค่ี วามคิด การประเมนิ ผล - ชิน้ งานเรอ่ื ง วัฒนธรรมและภูมปิ ญั ญาไทย การมอบหมายการเรียนรู้เพม่ิ เตมิ ในรูปแบบส่ือ ON line ส่อื การเรยี นรูร้ ูปแบบ เชน่ คลิปวิดโี อ/เอกสารเน้ือหา/เวบ็ ไซต์ คลปิ วดี ีโอ / powerpoint / pakkredlearningcyber / Google sites เรื่อง ระบบเสณษฐกิจ ใบงาน liveworksheets เรือ่ งระบบเศรษฐกจิ pakkredlearningcyber เร่ือง ระบบเศรษฐกจิ 7. สื่อ/อปุ กรณ/์ แหล่งการเรียนรู้ คือ เคร่ืองมอื ในการสง่ เสริมการเรยี นรู้ที่ใช้ตามทก่ี ำหนดในกจิ กรรมการเรยี นรู้ - โปรแกรมนำเสนอเร่ือง ระบบเศรษฐกจิ - Google Meet pakkredlearningcyber

8. การวดั และประเมนิ ผล คือ การประเมินผลผู้เรียนตามจุดประสงค์การเรยี นรู้ ซึ่งควรระบเุ ครือ่ งมือวดั และ เกณฑ์การใหค้ ะแนน ซ่ึงสามารถศึกษาได้จากคู่มอื หลกั สูตร 1. การร่วมมอื จากการตอบคำถาม 2. วดั จากแบบสังเกตพฤติกรรม ระดับพฤตกิ รรมระดับดขี นึ้ ไปถือวา่ ผ่าน 3 .ใบงาน liveworksheets เรอ่ื งระบบเศรษฐกจิ 9. บันทึกผลหลงั การจัดการเรยี นรู้ คอื การบนั ทึกของครผู ู้สอนจากสิง่ ท่ีพบในการนำแผนจัดการเรยี นรู้มาใช้ โดยแบ่งเป็น ผลการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ ปญั หาและอุปสรรค และ ขอ้ เสนอแนะ - นกั เรียนไมส่ ามารถรายงานจบได้ในครง้ั เดียวเน่อื งจากการเขา้ ระบบออนไลน์ต้องใชเ้ วลาในการรวม นกั เรยี นพอสมควร

1.หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 2 เรือ่ ง การผลติ สินค้าและบริการ เวลา 4 ชั่วโมง แผนการจัดการเรยี นร้ทู ่ี 2 เรอ่ื ง การผลิตสินคา้ และบริการ วันที่ ............. พฤศจกิ ายน 2564 (ชั่วโมงที่ 3-6) 2. สาระสำคญั คอื การผลติ เปน็ กระบวนการเปล่ียนแปลงหรือแปรรูปปัจจยั การผลติ เป็นสนิ คา้ และบริการเพ่ือ ตอบสนองความต้องการของผ้บู รโิ ภค ดังนน้ั ผูผ้ ลติ ท่ดี จี งึ ตอ้ งคำนึงถึงการใช้ทรัพยากรทมี่ ีอยู่อยา่ งจำกัด โดยใช้ อย่างประหยัด ส้นิ เปลืองน้อยทสี่ ดุ และเกดิ ประโยชน์สูงสุด สว่ นการบรกิ ารเป็นส่วนหนึ่งของสนิ ค้าหรอื ผลติ ภัณฑ์ ซึ่งไมส่ ามารถจับต้องไดแ้ ตส่ ามารถตอบสนองความต้องการของผู้บรโิ ภคได้ 3. มาตรฐานและตัวชี้วดั ส 3.1 (2) อธิบายปัจจัยการผลิตสนิ คา้ และบรกิ าร และปัจจัยที่มอี ิทธพิ ลต่อการผลิตสนิ คา้ และบรกิ าร 4. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ นักเรียนสามารถ 1. อธิบายปัจจัยทใ่ี ช้ในการผลติ สนิ ค้าและบรกิ ารได้ (K) 2. บอกปัจจยั ที่มีอิทธิพลตอ่ การผลติ สนิ คา้ และบรกิ ารไดถ้ ูกต้อง (K) 3. เหน็ ความสำคญั ของการผลิตสินคา้ และบริการ (A) 4. มสี ว่ นรว่ มในการอภปิ รายเกีย่ วกับการผลติ สินคา้ และบริการ (P) 5. สาระการเรียนรู้ คอื เน้ือเรอื่ ง หรือองคค์ วามรู้ ทักษะกระบวนการของผู้เรียนท่ีจะตอ้ งเรยี นรใู้ นรายวชิ านั้น ๆ 1. อธิบายปัจจัยทใี่ ชใ้ นการผลิตสินคา้ และบริการได้ (K) 2. บอกปัจจัยท่มี ีอิทธิพลตอ่ การผลิตสนิ คา้ และบรกิ ารไดถ้ ูกตอ้ ง (K) 3. เหน็ ความสำคัญของการผลิตสนิ ค้าและบริการ (A) 4. มสี ว่ นรว่ มในการอภปิ รายเกีย่ วกบั การผลิตสินคา้ และบริการ (P) 6. การบวนการการเรยี นรู้ คอื การระบุกจิ กรรมการเรยี นรูท้ ่ีจดั ขนึ้ เพื่อใหผ้ ู้เรียนเกดิ การเรยี นรู้ โดยแบ่งเปน็ ช่ัวโมงที่ 1-2 การผลิตสินค้าและบริการ นำเข้าสบู่ ทเรยี น 1. ครูใหน้ ักเรยี นดูภาพโรงงานกำลงั ผลติ สินคา้ และภาพพนักงานโรงแรมกำลงั ใหบ้ รกิ ารลูกคา้ แลว้ ให้ นักเรียนร่วมกนั อภปิ รายในประเดน็ ต่อไปน้ี 1) ภาพดงั กลา่ วเกย่ี วข้องกบั การผลิตสนิ คา้ อะไร 2) ภาพดงั กลา่ วมคี วามสำคัญตอ่ เราอย่างไร 3) จากภาพเปน็ การบริการเกี่ยวกับอะไร 4) การผลติ สินค้าและบรกิ ารมผี ลดตี ่อการดำเนนิ ชวี ิตของเราอยา่ งไร 2. ครูสรุปและเช่ือมโยงให้นักเรียนเหน็ ถงึ ความสำคัญของการผลติ สินคา้ และบรกิ ารต่อการดำเนินชีวติ

กิจกรรมการเรยี นรู้ 3. หลงั จากสืบค้นขอ้ มลู และศึกษาจนเข้าใจดแี ล้ว ใหส้ มาชิกแตล่ ะคนอธิบายในหัวข้อทต่ี นศกึ ษามาให้ เพื่อนในกลุ่มฟังจนครบทกุ คน เพอ่ื เตรยี มตวั ตอบคำถามของครู 4. ครใู หน้ ักเรยี นแตล่ ะกลุ่มแขง่ ขนั กันตอบปัญหา โดยแจกแบบบนั ทกึ คำถาม–คำตอบ แล้วใหส้ มาชกิ ช่วยกนั ตอบคำถาม โดยเขียนคำตอบลงในแบบบันทึกคำถาม–คำตอบ ตวั อยา่ งคำถาม เชน่ 1) การผลติ หมายถึงอะไร 2) การผลิตสินคา้ และบริการมกี ี่ขนั้ ตอน อะไรบ้าง 3) หลกั การผลิตสินคา้ และบริการอยา่ งมปี ระสิทธภิ าพทำได้อยา่ งไร 5. ครสู รปุ ความรูจ้ ากการแงขันตอบปญั หา 6. ครใู หน้ ักเรยี นดภู าพโรงงานผลติ เสอ้ื ผ้า ภาพรถโดยสารประจำทางใหบ้ รกิ ารผโู้ ดยสาร แล้วรว่ มกนั อภิปรายในประเดน็ ตอ่ ไปน้ี 1) การผลติ สนิ คา้ และการบริการมีความสำคญั อย่างไร 2) เพราะเหตุใดจงึ ต้องมีการผลิตสนิ ค้าและบรกิ าร 3. หลักการผลิตสนิ ค้าและบรกิ ารเพื่อให้ได้ประสิทธภิ าพสูงสุดตอ้ งคำนึงถึงอะไรบ้าง 4) ถา้ ไม่มีการผลติ สนิ คา้ และบริการจะมผี ลเปน็ อย่างไร 7. ครูใหน้ ักเรียนศึกษาเร่ือง การผลิตและบริการ 8. ในขณะปฏิบตั ิกจิ กรรมของนักเรียน ใหค้ รสู ังเกตพฤตกิ รรมในการทำงานและการนำเสนอผลงานของ นักเรยี นตามแบบประเมินพฤตกิ รรมในการทำงานเป็นรายกลุม่ หรือรายบุคคล 9. ครูให้นักเรยี นนำความรูเ้ รื่อง การผลติ สนิ คา้ และบริการ ไปประยกุ ต์ใช้ในชีวติ ประจำวนั สรปุ 10. ครูและนักเรียนรว่ มกันสรุปเรือ่ ง การผลิตสนิ คา้ และบริการ โดยใหน้ ักเรียนเขยี นสรปุ ลงในแบบบนั ทึก ความรู้ การประเมินผล - ชนิ้ งานเรื่อง การผลติ สนิ ค้าและบริการ การมอบหมายการเรยี นรูเ้ พิ่มเติมในรูปแบบสื่อ ON line สื่อการเรียนรู้รูปแบบ เชน่ คลปิ วิดีโอ/เอกสารเนื้อหา/เว็บไซต์ คลปิ วีดีโอ / powerpoint / pakkredlearningcyber / Google sites เรืองการผลติ สนิ ค้าและบริการ ใบงาน liveworksheets เรอื่ งการผลิตสินค้าและบรกิ าร pakkredlearningcyber เร่ือง การผลิตสินค้า และบรกิ าร

กจิ กรรมเสนอแนะ ครูให้นกั เรยี นสมั ภาษณเ์ จา้ ของโรงงานหรอื เจ้าของรถโดยสารประจำทางว่ามีหลักการผลติ สินค้าและ ให้บริการแก่ประชาชนอยา่ งไร และมีวธิ กี ารประหยดั ต้นทุนอยา่ งไร นำมาร่วมกันอภปิ รายแสดงความคิดเหน็ ชวั่ โมงที่ 3 - 4 ปจั จยั ผลิตสนิ คา้ และบรกิ าร นำเขา้ สบู่ ทเรยี น 1. ครูใหน้ กั เรยี นดูภาพขา่ วคนงานกำลงั ทำงานพร้อมสนทนาเก่ียวกบั ข่าวดงั กลา่ ว แลว้ ถามนกั เรียนวา่ ปจั จัยใดมผี ลตอ่ การผลิตสินค้าและบริการมากที่สดุ เพราะเหตใุ ด ใหน้ ักเรยี นชว่ ยกนั ตอบ จากนั้นครสู รปุ เพ่ือ เชือ่ มโยงเข้าสู่เนื้อหาท่ีจะเรยี น กิจกรรมการเรียนรู้ 2. ครสู นทนากบั นกั เรยี นเก่ยี วกับ ปจั จยั การผลิตสินคา้ และบรกิ าร 3. ครูให้นกั เรียนศึกษา สืบค้นขอ้ มลู เก่ยี วกบั ปัจจยั การผลิตสนิ คา้ และบริการตามหัวข้อท่ีไดจ้ ากสื่อและ แหลง่ การเรยี นรูต้ ่าง ๆ เช่น เอกสารความรู้ อินเทอรเ์ นต็ สอบถามผูร้ ู้ และอภปิ รายในหัวข้อต่อไปน้ี 1) ปจั จยั ท่มี ีอิทธิพลต่อการผลิตสินค้าและบรกิ ารในท้องถิ่น 2) เทคโนโลยีที่นำมาใช้ในการผลิตสนิ ค้าและบรกิ าร พร้อมดแู ผนภมู ิความเช่ือมโยงของทุนทางสงั คมใน การปรับสมดุลการพัฒนาประกอบ 3) การผลิตสนิ คา้ และบรกิ ารในท้องถิ่น 4. ครูแจ้งวัตถุประสงค์การอภปิ ราย กฎกตกิ า และเวลาในการอภิปราย จากนนั้ ให้แต่ละดำเนินการ อภิปรายตามประเด็นท่ีจบั สลากได้ตามเวลาทก่ี ำหนด โดยครคู อยเปน็ ผู้ดแู ลและใหค้ ำแนะนำในการอภิปรายให้ ดำเนินไปด้วยความเรียบร้อย 5. บนั ทึกผลการอภิปราย พร้อมท้ังเตรียมตัวนำเสนอผลการอภปิ รายในรปู แบบท่หี ลากหลาย เชน่ ภาพประกอบ แผ่นใส PowerPoint 6. ครใู ห้นกั เรยี นชว่ ยกนั ระดมสมองวิเคราะหเ์ กย่ี วกบั ปัจจยั การผลิตสินคา้ และบริการ ตวั อย่างคำถาม เชน่ 1) การผลิตสนิ คา้ ต้องคำนึงถงึ ปจั จัยอะไรบ้าง 2) ปัจจยั ทีม่ ีอิทธพิ ลต่อการผลติ สินค้าและบริการมหี ลกั การท่ีสำคัญคืออะไร 3) เทคโนโลยีมีความสำคัญต่อการผลติ สินคา้ และบริการอย่างไร 4) เทคโนโลยีได้มาจากท่ีใดบา้ ง 5) การนำเทคโนโลยมี าใชผ้ ลิตสินค้าและบริการมีผลเปน็ อย่างไร 6) ปจั จัยใดที่มีอทิ ธิพลตอ่ การผลติ สินค้าและบรกิ ารในท้องถนิ่ จากนั้นครใู หน้ ักเรียนรว่ มกันสรุปผล

7. ครูใหน้ ักเรียน รว่ มกนั วิเคราะห์ว่าปจั จยั ท่ีมีอทิ ธพิ ลต่อการผลติ สินคา้ และบรกิ ารมอี ะไรบา้ ง บนั ทกึ ผล ออกมานำเสนอผลงาน 8. ในขณะปฏิบัติกิจกรรมของนกั เรยี น ใหค้ รสู ังเกตพฤติกรรมในการทำงานและการนำเสนอผลงานของ นักเรยี นตามแบบประเมนิ พฤตกิ รรมในการทำงานเป็นรายบคุ คลหรือเป็นกลุ่ม สรุป 9. ครูและนกั เรยี นสรุปความรเู้ ร่อื ง ปจั จัยการผลติ สินคา้ และบริการ โดยให้นักเรียนสรปุ เป็นแผนที่ความคิดสรุป การประเมินผล - ชน้ิ งานเรือ่ ง ปจั จัยการผลติ สินค้าและบรกิ าร การมอบหมายการเรียนร้เู พิม่ เตมิ ในรูปแบบส่ือ ON line ส่ือการเรียนรู้รูปแบบ เชน่ คลิปวิดโี อ/เอกสารเนื้อหา/เวบ็ ไซต์ คลิปวีดีโอ / powerpoint / pakkredlearningcyber / Google sites เร่ือง ปัจจัยการผลติ และบริการ ใบงาน liveworksheets เรอ่ื งปัจจยั การผลติ สนิ คา้ และบรกิ าร pakkredlearningcyber เรอ่ื ง ปจั จัย การผลติ และบรกิ าร กิจกรรมเสนอแนะ ครใู ห้นกั เรียนศึกษาค้นควา้ เพิ่มเติมเกย่ี วกับปจั จัยการผลติ สินค้าแลว้ บรกิ าร แลว้ นำมารว่ มกันอภิปราย แสดงความคิดเหน็ 7. ส่อื /อปุ กรณ/์ แหลง่ การเรียนรู้ คือ เคร่อื งมือในการสง่ เสรมิ การเรยี นรู้ทใี่ ชต้ ามท่กี ำหนดในกจิ กรรมการเรยี นรู้ - โปรแกรมนำเสนอเร่ือง การผลติ สินค้าแลว้ บริการ - Google Meet pakkredlearningcyber เรือ่ ง ปัจจัยการผลติ และบรกิ าร 8. การวดั และประเมินผล คือ การประเมินผลผ้เู รยี นตามจุดประสงค์การเรยี นรู้ ซึ่งควรระบเุ ครื่องมือวดั และ เกณฑ์การใหค้ ะแนน ซง่ึ สามารถศึกษาได้จากคู่มอื หลักสูตร 1. การรว่ มมือจากการตอบคำถาม 2. วดั จากแบบสงั เกตพฤติกรรม ระดบั พฤตกิ รรมระดับดขี ึ้นไปถือว่าผ่าน 9. บนั ทึกผลหลงั การจดั การเรยี นรู้ คือการบันทกึ ของครผู ู้สอนจากสงิ่ ท่ีพบในการนำแผนจดั การเรียนรู้มาใช้ โดยแบ่งเปน็ ผลการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ ปัญหาและอุปสรรค และ ข้อเสนอแนะ - นกั เรียนไมส่ ามารถรายงานจบได้ในครง้ั เดียวเนือ่ งจากการเขา้ ระบบออนไลนต์ ้องใชเ้ วลาในการรวม นกั เรียนพอสมควร

1.หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 3 เรื่อง การค้มุ ครองสิทธิของผู้บริโภค เวลา 2 ชั่วโมง แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 3 เร่ือง การคุ้มครองสิทธขิ องผู้บรโิ ภค วนั ที่ ........... พฤศจกิ ายน 2564 (ชั่วโมงที่ 7-8) 2. สาระสำคัญ คอื ผู้บรโิ ภคเปน็ ผู้ทมี่ คี วามสามารถในการซือ้ สินค้าและบรกิ ารเพื่อนำไปใช้ประโยชน์สว่ นตัวและใน ครัวเรอื น ทกุ คนจึงสามารถท่ีจะซอ้ื สินคา้ และบริการได้ตามความตอ้ งการ ผบู้ ริโภคจำเป็นต้องรกู้ ฎหมายเก่ียวกบั สทิ ธขิ องผบู้ รโิ ภคเพื่อจะไดค้ วามค้มุ ครองเมอื่ ถูกเอารัดเอาเปรยี บจากผู้ผลิต 3. มาตรฐานและตัวชี้วัด ส 3.1 (4) อภิปรายแนวทางการคมุ้ ครองสทิ ธิของตนเองในฐานะผบู้ รโิ ภค 4. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ นกั เรยี นสามารถ 1. อธิบายเก่ยี วกบั การค้มุ ครองสทิ ธขิ องผู้บรโิ ภค (K) 2. เห็นคณุ ค่าและความสำคญั ของการคุ้มครองสทิ ธิของผ้บู รโิ ภค (A) 3. รว่ มกนั อภปิ รายแสดงความคิดเหน็ เกี่ยวกบั การคมุ้ ครองสิทธขิ องผู้บรโิ ภค (P) 5. สาระการเรียนรู้ 1. อธิบายเกย่ี วกบั การคมุ้ ครองสทิ ธิของผูบ้ ริโภค (K) 2. เห็นคณุ คา่ และความสำคญั ของการคมุ้ ครองสทิ ธิของผู้บรโิ ภค (A) 3. รว่ มกนั อภปิ รายแสดงความคดิ เหน็ เกย่ี วกบั การคุ้มครองสิทธขิ องผบู้ รโิ ภค 6. การบวนการการเรียนรู้ คือ การระบุกจิ กรรมการเรียนร้ทู จี่ ดั ข้นึ เพอ่ื ให้ผู้เรยี นเกดิ การเรียนรู้ โดยแบง่ เปน็ ชว่ั โมงที่ 1-2 การคุ้มครองผู้บรโิ ภค นำเข้าสู่บทเรียน 1. ครใู ห้นักเรียนดูข่าวเกี่ยวกับเครื่องสำอางคทีผ่ ู้ซ้ือนำไปใชแ้ ล้วหน้าบวม เป็นจุดด่างดำบนใบหน้า แล้ว ถามนักเรยี นวา่ เคยเห็นหรอื เคยซื้อมาใชแ้ ล้วเป็นเหมอื นในภาพหรอื ไม่ แลว้ ตอ้ งทำอยา่ งไร นักเรียนชว่ ยกันตอบ แลว้ ครูสรปุ เพือ่ เช่ือมโยงเข้าสู่เน้อื หาทจี่ ะเรียน กจิ กรรมการเรยี นรู้ 2. ครูสนทนากบั นักเรยี นเกีย่ วกบั การคุ้มครองสทิ ธขิ องผ้บู รโิ ภค จากนน้ั ตง้ั คำถามให้นักเรียนชว่ ยกันตอบ เช่น 1) ผู้บรโิ ภคมหี ลักการเลอื กซ้ือสินคา้ และบริการอย่างไร 2) การตดั สนิ ใจเลือกซอ้ื สนิ คา้ และบรกิ ารจะใชส้ ่งิ ใดมาพจิ ารณา 3) ถา้ เราเลอื กซื้อสนิ คา้ และบริการโดยไม่คำนึงถึงฤดูกาลจะมีผลเปน็ อย่างไร 4) ถ้าผู้บรโิ ภคถกู เอารดั เอาเปรยี บจะตอ้ งทำอยา่ งไร 3. ครูสนทนากบั นักเรียนเก่ยี วกบั การรกั ษาและคุ้มครองสทิ ธปิ ระโยชนข์ องผู้บริโภค

ขัน้ ดำเนินการอภิปราย 1) ครแู จ้งหัวข้อ วตั ถุประสงค์ และรูปแบบการอภิปรายใหน้ กั เรียนทราบหวั ข้ออภิปราย: การรกั ษาและ คุ้มครองสทิ ธปิ ระโยชน์ของผู้บรโิ ภควัตถปุ ระสงค์ของการอภปิ ราย: เพอ่ื ให้นกั เรียนเหน็ ความสำคัญของสิทธขิ อง ผู้บริโภค 2) ดำเนินการอภิปรายตามหวั ข้อทีก่ ำหนด ในขณะที่กลุ่มดำเนินการอภิปราย ครูคอยสงั เกตและกระตุ้น ให้ทกุ คนไดแ้ สดงความคิดเห็นกนั อยา่ งเตม็ ท่ี ขั้นสรปุ อภปิ ราย 3) บนั ทึกผลการอภิปรายและเปดิ โอกาสให้ผ้ฟู ังซักถาม ผู้อภิปรายตอบคำถาม ครูคอยชว่ ยเหลอื ให้ คำแนะนำ ข้นั สรุปผล สรปุ ผลการอภปิ รายว่า การรกั ษาและคุ้มครองสทิ ธิประโยชน์ของผ้บู รโิ ภคมปี ระโยชน์อย่างไรบา้ ง ในขณะนักเรียนปฏบิ ัติกิจกรรม ให้ครสู งั เกตพฤติกรรมในการทำงานและการนำเสนอผลงานของนักเรยี นตามแบบ ประเมนิ พฤติกรรมในการทำงานเป็นรายบคุ คลหรือเปน็ กลุ่ม 4. ครแู ละนกั เรียนรว่ มกนั สรุปความรู้เรื่อง การคุ้มครองสิทธิของผบู้ ริโภค 5. ครูใหน้ กั เรยี นทำแบบทดสอบ แลว้ ใหน้ ักเรียนเขยี นเครื่องหมาย  ทับตวั อักษรหน้าคำตอบท่ีถกู ต้อง ท่ีสดุ เพยี งคำตอบเดียว จากน้ันตรวจให้คะแนน เพอ่ื ประเมินผลการเรยี นรู้ของนักเรยี น การประเมินผล การมอบหมายการเรยี นรูเ้ พม่ิ เติมในรปู แบบสื่อ ON line ส่อื การเรยี นรู้รูปแบบ เช่น คลิปวิดีโอ/เอกสารเนื้อหา/เว็บไซต์ คลิปวีดีโอ / powerpoint / pakkredlearningcyber / Google sites เรือ่ ง การคุ้มครองผู้บรโิ ภค ใบงาน liveworksheets เรือ่ งปจั จยั การผลติ สินค้าและบรกิ าร pakkredlearningcyber เร่อื ง การ ค้มุ ครองผูบ้ รโิ ภค กิจกรรมเสนอแนะ นักเรยี นสืบค้นข้อมลู เพ่มิ เติมเกีย่ วกบั การคุ้มครองสิทธขิ องผู้บริโภครวบรวมขา่ วและบทความเกี่ยวกบั การ คุ้มครองผู้บรโิ ภค แลว้ นำมาจดั ป้ายนิเทศทำแผน่ พับเก่ียวกับการคมุ้ ครองสิทธิของผบู้ รโิ ภคเพื่อเผยแพร่ความรู้ 7. สอื่ /อปุ กรณ์/แหล่งการเรียนรู้ คอื เครอื่ งมอื ในการส่งเสรมิ การเรียนรู้ที่ใช้ตามท่กี ำหนดในกจิ กรรมการเรยี นรู้ - โปรแกรมนำเสนอเรือ่ ง รอบร้ภู ูมิปญั ญาไทย pakkredlearningcyber - Google Meet

8. การวัดและประเมนิ ผล คือ การประเมินผลผ้เู รียนตามจดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ซ่งึ ควรระบุเครื่องมือวดั และ เกณฑก์ ารให้คะแนน ซ่งึ สามารถศึกษาได้จากคูม่ ือหลักสตู ร 1. การร่วมมอื จากการตอบคำถาม 2. วดั จากแบบสังเกตพฤติกรรม ระดับพฤติกรรมระดบั ดีขนึ้ ไปถือวา่ ผา่ น 9. บนั ทึกผลหลังการจดั การเรยี นรู้ คอื การบันทึกของครูผู้สอนจากสงิ่ ท่ีพบในการนำแผนจัดการเรยี นร้มู าใช้ โดยแบ่งเปน็ ผลการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ ปัญหาและอุปสรรค และ ขอ้ เสนอแนะ - นักเรยี นไม่สามารถรายงานจบได้ในคร้งั เดียวเนอ่ื งจากการเข้าระบบออนไลน์ต้องใชเ้ วลาในการรวม นกั เรียนพอสมควร

1.หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 4 เร่ือง ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง เวลา 2 ช่วั โมง แผนการจัดการเรยี นร้ทู ่ี 4 เร่ือง ภูมปิ ญั ญากับการแปรรูปผลิตภัณฑ์ วันที่ …………………………… (1-2) 2. สาระสำคญั คือ เศรษฐกจิ พอเพียงเป็นปรชั ญาท่ีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอย่หู ัวมพี ระราชดำรัสชีแ้ นะแนว ทางการดำเนนิ ชวี ิตแกป่ ระชาชนชาวไทยโดยเน้นความพอประมาณ ความมีเหตุผล และการมีภมู คิ มุ้ กนั ในตัวท่ดี ี โดยมีความรแู้ ละคุณธรรมเปน็ เง่อื นไขในการดำเนนิ ชีวิต 3. มาตรฐานและตัวชี้วดั ส 3.1 (3) • เสนอแนวทางการพฒั นาการผลิตในทอ้ งถ่ินตามปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง 4. จุดประสงค์การเรียนรู้ นกั เรียนสามารถ 1. อธิบายหลกั การและเปา้ หมายของปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียงได้ (K) 2. เหน็ คณุ ค่าและความสาคญั ของหลกั การและเปา้ หมายปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง (A) 3. สืบคน้ และวิเคราะหเ์ กี่ยวกบั หลกั การและเปา้ หมายปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง (P) 5. สาระการเรยี นรู้ 1. อธิบายหลกั การและเปา้ หมายของปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี งได้ (K) 2. เห็นคณุ ค่าและความสาคญั ของหลกั การและเปา้ หมายปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง (A) 3. สืบคน้ และวเิ คราะหเ์ กี่ยวกบั หลกั การและเปา้ หมายปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง (P) 6. การบวนการการเรยี นรู้ คอื การระบกุ จิ กรรมการเรียนรทู้ จ่ี ดั ข้นึ เพ่ือให้ผู้เรียนเกดิ การเรยี นรู้ โดยแบ่งเปน็ ช่วั โมงที่ 1-2 ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง นำเข้าสูบ่ ทเรยี น 1. ครนู ำภาพชาวสวนท่นี ำหลกั ปรชั ญาของศรษฐกจิ พอเพียงมาใช้ พร้อมซักถามนักเรยี นวา่ มีแนวทางนำ หลกั การและเป้าหมายปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี งมาใชใ้ นการดำเนนิ ชวี ติ อย่างไรครูและนกั เรยี นชว่ ยกันสรุป เพ่ือเช่ือมโยงเขา้ สู่เน้ือหาทจี่ ะเรียน กจิ กรรมการเรียนรู้ 2. ครูสนทนากบั นกั เรยี นเก่ยี วกับปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง โดยให้นักเรียนดูการ์ตอู ัลนิเมชัน่ เกย่ี วกบั หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง พร้อมซักถามความเข้าใจของนักเรยี น

3. ใหค้ น้ ควา้ ความรูเ้ พม่ิ เติมจากแหลง่ การเรยี นรู้ต่าง ๆ เชน่ หอ้ งสมดุ อนิ เทอร์เนต็ ในเรื่องท่ีตนได้ศึกษา มาในขณะท่ีอยูใ่ นกล่มุ พื้นฐาน เพื่ออธิบายหรอื ให้ความรูแ้ ก่เพ่ือน ๆ โดยครูจะต้องดแู ลและคอยใหค้ ำปรึกษาแก่ นักเรียนอย่างใกลช้ ิด 4. จากนัน้ แตล่ ะคนผลัดเปล่ยี นหมุนเวยี นกนั อธบิ ายให้ความรแู้ กเ่ พือ่ นสมาชิก โดยใหม้ กี ารซักถามข้อ สงสยั ตอบปัญหา และทบทวนให้เกิดความเข้าใจที่ชดั เจน 5. ครตู ้งั คำถามในทุกหัวขอ้ ที่ไดท้ ำการเรยี นรู้ เช่น 1) ความพอเพียงหมายถงึ อะไร 2) ในปจั จุบนั เศรษฐกจิ พอเพียงมีความสำคัญต่อเราอย่างไรบ้าง 3) ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี งมหี ลกั พจิ ารณากี่ประการ อะไรบ้าง 4) การมภี มู ิคมุ้ กันในตวั ทดี่ หี มายถึงอะไร 6. ในขณะปฏบิ ัติกจิ กรรมของนักเรยี น ให้ครูสังเกตพฤติกรรมในการทำงานและการนำเสนอผลงานของ นักเรียนตามแบบประเมนิ พฤตกิ รรมในการทำงานเปน็ รายบุคคลหรอื เป็นกลุม่ สรุป 7. ครูให้นกั เรียนจัดปา้ ยนเิ ทศเกยี่ วกับหลักการและเป้าหมายปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง 8. ครูแนะนำใหน้ ักเรียนทำแผ่นพับเกย่ี วกับหลักการและเป้าหมายปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งเพอื่ เผยแพรค่ วามรู้ 9. ครแู ละนักเรยี นร่วมกนั สรุปเรื่อง หลักการและเป้าหมายปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียงโดยให้นักเรียน สรปุ เป็นแผนทีค่ วามคดิ กิจกรรมเสนอแนะ ให้นกั เรียนแบ่งกลุ่ม กลุม่ ละ 4–6 คน รว่ มกนั อภิปรายแสดงความคดิ เหน็ เรื่อง หลักการและเป้าหมาย ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงวา่ มีความสำคัญอยา่ งไรตอ่ การดำเนินชวี ิตในปัจจุบันเป็นท่ีร้จู กั อย่างแพร่หลาย การมอบหมายการเรียนรู้เพมิ่ เติมในรูปแบบส่ือ ON line ส่ือการเรยี นรู้รปู แบบ เช่น คลปิ วดิ โี อ/เอกสารเน้ือหา/เว็บไซต์ คลิปวีดีโอ / powerpoint / pakkredlearningcyber / Google sites เรอื่ ง หลกั ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียง ใบงาน liveworksheets เรอ่ื งปจั จยั การผลติ สนิ คา้ และบริการ pakkredlearningcyber เรื่อง หลัก ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง

7. ส่อื /อุปกรณ/์ แหลง่ การเรียนรู้ คือ เคร่ืองมอื ในการส่งเสรมิ การเรยี นรทู้ ใ่ี ช้ตามท่กี ำหนดในกิจกรรมการเรียนรู้ - โปรแกรมนำเสนอเร่อื ง ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง - Google Mee t pakkredlearningcyber 8. การวดั และประเมินผล คือ การประเมนิ ผลผเู้ รียนตามจดุ ประสงค์การเรียนรู้ ซง่ึ ควรระบเุ ครอื่ งมือวัดและ เกณฑ์การให้คะแนน ซ่ึงสามารถศกึ ษาไดจ้ ากคมู่ อื หลักสตู ร 1. การรว่ มมอื จากการตอบคำถาม 2. วดั จากแบบสังเกตพฤติกรรม ระดับพฤติกรรมระดับดีขึน้ ไปถือวา่ ผ่าน 9. บันทึกผลหลงั การจดั การเรยี นรู้ คือการบนั ทึกของครูผู้สอนจากส่ิงท่ีพบในการนำแผนจดั การเรียนรู้มาใช้ โดยแบง่ เปน็ ผลการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ ปัญหาและอุปสรรค และ ขอ้ เสนอแนะ - นักเรียนไมส่ ามารถรายงานจบไดใ้ นครัง้ เดยี วเนือ่ งจากการเข้าระบบออนไลนต์ ้องใช้เวลาในการรวม นกั เรยี นพอสมควร 1.หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 5 เรอื่ ง การออมและการลงทนุ เวลา 2 ชั่วโมง แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 5 เร่อื ง การออมและการลงทนุ วนั ที่ ..................................... (3-4) 2. สาระสำคญั คือ การออมเปน็ การเก็บสะสมเงินรายไดท้ ีเ่ หลือจากการใชจ้ า่ ยไวใ้ ชใ้ นอนาคตหรอื ยามจำเป็น การ ออมถือเปน็ ปัจจยั ทสี่ ำคัญของการพฒั นาเศรษฐกิจ กล่าวคือ เงนิ ออมจะถูกนำไปใชเ้ ป็นแหลง่ ท่มี าของเงินลงทนุ หากการลงทุนในประเทศมีการพ่ึงพาเงินออมในประเทศอย่างเพียงพอโดยไมต่ ้องพงึ่ พาเงินจากตา่ งประเทศแลว้ ระบบเศรษฐกิจกจ็ ะมีการพัฒนาไปอยา่ งมีเสถยี รภาพ 3. มาตรฐานและตัวชี้วัด ส 3.1 (3) วิเคราะหป์ ัจจยั ท่ีมีผลต่อการลงทนุ และการออม 4. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ นกั เรยี นสามารถ 1. บอกวิธีการออมไดถ้ กู ตอ้ ง (K, P) 2. เหน็ คณุ คา่ และความสาคญั ของการออม (A) 3. อธิบายความสาคญั ของการลงทนุ ได้ (K) 4. เหน็ คณุ คา่ และความสาคญั ของการลงทนุ (A) 5. นาความรูเ้ ร่ืองการลงทนุ มาปรบั ประยกุ ตใ์ ชใ้ นการดาเนินชีวิตได้ (P) 5. สาระการเรียนรู้ การออมเปน็ การเกบ็ สะสมเงินรายได้ทีเ่ หลอื จากการใชจ้ า่ ยไว้ใช้ในอนาคตหรอื ยามจำเป็น การออมถือ เป็นปัจจัยท่ีสำคัญของการพัฒนาเศรษฐกิจ กล่าวคือ เงินออมจะถูกนำไปใช้เปน็ แหลง่ ที่มาของเงินลงทุน หากการ

ลงทุนในประเทศมีการพึ่งพาเงินออมในประเทศอย่างเพียงพอโดยไม่ต้องพึ่งพาเงินจากต่างประเทศแล้ว ระบบ เศรษฐกิจกจ็ ะมกี ารพฒั นาไปอยา่ งมเี สถยี รภาพ 6. การบวนการการเรียนรู้ คอื การระบกุ ิจกรรมการเรยี นรทู้ ีจ่ ัดข้ึน เพ่ือใหผ้ เู้ รยี นเกิดการเรยี นรู้ โดยแบง่ เป็น ชั่วโมงท่ี 1 การออม นำเขา้ ส่บู ทเรยี น 1. ครถู ามนกั เรียนว่า ในแต่ละวันเงนิ ทเ่ี หลอื จากคา่ ใชจ้ ่ายจะทำอย่างไร นักเรยี นตอบ แลว้ ครอู ธบิ าย เพิ่มเติม กจิ กรรมการเรียนรู้ 2. ครูสนทนากบั นักเรยี นเก่ยี วกับการออมและการลงทุน ตัวอย่างคำถาม เช่น 1) การออมมปี ระโยชน์อยา่ งไร 2) อะไรคือปจั จยั สำคัญของการออม 3) อะไรคือปัญหาของการออม 4) เพราะเหตุใดในปัจจุบันจงึ มีการเพิม่ มากขนึ้ 5) การออมมผี ลดีอยา่ งไรบา้ ง 3. นกั เรียนชว่ ยกันตอบแล้วครูอธิบายเพิม่ เติมเกีย่ วกับการออม 4. ครูใหน้ ักเรียนแตล่ ะคนสำรวจวา่ เพื่อน ๆ มีการออมเงนิ กันอยา่ งไร (สำรวจนอกเวลา) บนั ทกึ ผล 5. นกั เรียนแตล่ ะคนเสนอเลา่ เรือ่ งใหเ้ พอ่ื น ๆ พร้อมทั้งบอกประโยชน์ของการออม จากนั้นครอู ธิบาย เพิม่ เติม 6. ในขณะปฏิบัติกิจกรรมของนกั เรียน ให้ครสู ังเกตพฤติกรรมในการทำงานและการนำเสนอผลงานของ นกั เรียนตามแบบประเมนิ พฤติกรรมในการทำงานเป็นรายบุคคล สรุป นักเรียนแต่ละคนออกมาเล่าประสบการณ์ในการออมเงนิ ของตนเองวา่ มีวิธกี ารเกบ็ ออมอยา่ งไรบ้าง และ ใหท้ ำแผนทีค่ วามคดิ . ครูใหน้ ักเรยี นเขียนบทความเชิญชวนใหเ้ พ่อื น ๆ ร้จู ักการออม. สอื่ การเรียนรู้รูปแบบ เช่น คลิปวิดโี อ/เอกสารเน้ือหา/เวบ็ ไซต์ คลิปวดี โี อ / powerpoint / pakkredlearningcyber / Google sites เรอ่ื ง การออม ใบงาน liveworksheets เร่อื ง การออม pakkredlearningcyber เรอ่ื ง การออม

กจิ กรรมเสนอแนะ . ครูแนะนำให้นักเรียนนำข้อคิดท่ีได้จากเรอ่ื ง การออม ไปประพฤตปิ ฏบิ ัติในชวี ติ ประจำวัน และแนะนำ ผอู้ น่ื ใหน้ ำไปปฏิบัติได้ ครแู ละนกั เรียนรว่ มกนั สรุปเรอื่ ง การออม โดยใหน้ กั เรยี นสรปุ เปน็ แผนท่ีความคดิ ************************************************** ชวั่ โมงงที่ 2 การลงทนุ นำเข้าส่บู ทเรยี น 1. ครสู นทนากบั นกั เรยี นเกย่ี ว กบั การลงทุน จากนนั้ ครูสรุปเพ่อื เชื่อมโยงเข้าส่เู นื้อหาทีจ่ ะเรยี น กิจกรรมการเรยี นรู้ 2. ครูสนทนากับนักเรียนเกย่ี วกับความหมายและความสำคัญของการลงทนุ โดยใชข้ ้อมลู จากสื่อ/แหล่ง การเรยี นรตู้ ่าง ๆ แล้วครสู นทนาซกั ถามนกั เรยี นในประเด็นต่าง ๆ เช่น 1) การลงทนุ หมายถงึ อะไร 2) การลงทนุ มคี วามสำคัญอย่างไร 3) การลงทนุ มกี ีป่ ระเภท อะไรบ้าง 4) รปู แบบของการลงทนุ มีอะไรบ้าง 5) ปัจจยั ท่กี ำหนดการลงทุนมีอะไรบา้ ง จากนนั้ นักเรียนตอบคำถาม แลว้ ครอู ธิบายเพ่ิมเติม 3. ครูให้นกั เรยี นสืบค้นข้อมลู เกี่ยวกับการลงทนุ 4. นักเรียน แต่ละคนคน้ หาข่าวเก่ียวกับการลงทุนจากหนงั สือพิมพ์ วารสาร หรอื อนิ เทอรเ์ น็ต 5. ครูใหแ้ ตล่ ะคนข่าวหน้า google meet และให้เพ่ือนในชั้นเรียนร่วมกันวเิ คราะห์ในประเด็นตา่ ง ๆ ดงั นี้ 1) ขา่ วน้ีเก่ียวข้องกับการลงทุนประเภทใด 2) จากขา่ วเปน็ รูปแบบของการลงทนุ ประเภทใด 3) จากขา่ วปจั จัยท่ีกำหนดการลงทุนคืออะไร จากนน้ั รว่ มกนั วิเคราะหว์ า่ การลงทนุ มีผลดอี ย่างไรบา้ ง ปจั จัยใดทีเ่ ปน็ ตวั กำหนดใหม้ กี ารลงทุน แลว้ สง่ ตวั แทนออกมาสรุปผล ครอู ธิบายเพม่ิ เติม 6. นกั เรียนบันทึกลงในแบบบันทึกกิจกรรม 7. ในขณะปฏบิ ัตกิ ิจกรรมของนกั เรียน ให้ครสู ังเกตพฤตกิ รรมในการทำงานและการนำเสนอผลงานของ นกั เรียนตามแบบประเมินพฤติกรรมในการทำงานเปน็ รายบุคคล สรุป ครแู ละนกั เรยี นสรุปความรเู้ รื่อง การลงทุน โดยใหน้ ักเรียนสรุปเปน็ แผนท่คี วามคดิ ลงในสมดุ กิจกรรมเสนอแนะ

ครใู หน้ กั เรยี นสืบคน้ ขอ้ มลู เกย่ี วกับการลงทุน แล้วนำผลมาแลกเปล่ียนเรยี นรกู้ ันในช้นั เรียน ส่ือการเรยี นรรู้ ูปแบบ เช่น คลปิ วิดโี อ/เอกสารเนื้อหา/เว็บไซต์ คลิปวดี โี อ / powerpoint / pakkredlearningcyber / Google sites เร่ือง การลงทุน ใบงาน liveworksheets เรือ่ ง การลงทนุ pakkredlearningcyber เรือ่ ง การลงทนุ 7. ส่ือ/อุปกรณ/์ แหลง่ การเรียนรู้ คือ เครื่องมือในการสง่ เสรมิ การเรยี นรทู้ ่ใี ช้ตามที่กำหนดในกิจกรรมการเรยี นรู้ - โปรแกรมนำเสนอเร่อื ง การออมและการลงทนุ - Google Meet pakkredlearningcyber เรอ่ื ง การลงทุน 8. การวัดและประเมนิ ผล คือ การประเมินผลผเู้ รยี นตามจดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ซึ่งควรระบเุ ครอื่ งมือวดั และ เกณฑ์การให้คะแนน ซ่ึงสามารถศกึ ษาไดจ้ ากคู่มือหลกั สตู ร 1. การร่วมมอื จากการตอบคำถาม 2. วัดจากแบบสังเกตพฤติกรรม ระดับพฤตกิ รรมระดับดีขนึ้ ไปถือวา่ ผ่าน 9. บันทึกผลหลังการจดั การเรยี นรู้ คือการบันทกึ ของครูผู้สอนจากสงิ่ ที่พบในการนำแผนจัดการเรียนรู้มาใช้ โดยแบ่งเป็น ผลการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ ปญั หาและอุปสรรค และ ข้อเสนอแนะ - นักเรียนไม่สามารถรายงานจบได้ในคร้งั เดียวเน่อื งจากการเขา้ ระบบออนไลนต์ ้องใช้เวลาในการรวม นักเรียนพอสมควร 1.หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 3 เรือ่ ง ปญั หาของการออมและการลงทนุ ในสงั คมไทย เวลา 3 ช่ัวโมง แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 6 เร่ือง ปญั หาของการออมและการลงทุนในสงั คมไทยวันท่ี ............................ (1-3) 2. สาระสำคญั คือ การออมและการลงทุนในสงั คมไทยมปี ัญหาหลายด้าน ปญั หาของการออม เชน่ รายได้ตำ่ ผลตอบแทนตำ่ ความไม่รู้ เปา้ หมายของการออม ส่วนปญั หาของการลงทนุ เชน่ ผลิตภาพการผลิต การพ่งึ พา เทคโนโลยจี ากต่างประเทศ โครงสรา้ งพืน้ ฐานด้านขนสง่ และโลจิสตกิ ส์ การให้สทิ ธพิ ิเศษทางการคา้ 3. มาตรฐานและตัวช้ีวัด ส 3.1 (1) วเิ คราะหป์ จั จัยทมี่ ีผลต่อการลงทนุ และการออม 4. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ นกั เรยี นสามารถ 1.อธิบายและวเิ คราะห์ปัญหาของการออมและการลงทุนในสังคมไทยได้ (K) 2.เห็นความสำคญั ของปญั หาของการออมและการลงทุนในสังคมไทย (K, A) 3.มีทกั ษะในการแสวงหาความรู้เร่อื ง ปัญหาของการออมและการลงทนุ ในสงั คมไทย (P) 5. สาระการเรียนรู้ 1.อธิบายและวเิ คราะหป์ ัญหาของการออมและการลงทนุ ในสงั คมไทยได้ (K)

2.เห็นความสาคญั ของปัญหาของการออมและการลงทนุ ในสงั คมไทย (K, A) 3.มที กั ษะในการแสวงหาความรูเ้ ร่อื ง ปัญหาของการออมและการลงทนุ ในสงั คมไทย (P) 6. การบวนการการเรยี นรู้ คือ การระบกุ จิ กรรมการเรยี นรทู้ ี่จดั ข้ึน เพ่อื ให้ผ้เู รยี นเกดิ การเรียนรู้ โดยแบง่ เป็น ชั่วโมงที่ 1-3 นำเข้าส่บู ทเรียน 1. ครูสนทนากับนักเรยี นทบทวนในเร่อื งปจั จัยของการออมมที ี่มาอย่างไร นำไปสู่การวเิ คราะหป์ ญั หา ของการออมและการลงทุนในสงั คมไทย แลว้ ถามนักเรยี นวา่ อะไรเป็นปญั หาของการออมและการ ลงทนุ ในสงั คมไทย นักเรยี นตอบ ครูเฉลยคำตอบและเชอ่ื มโยงเขา้ สู่เนอ้ื หาทจี่ ะเรยี น กิจกรรมการเรยี นรู้ 2. ครอู ธิบายปัญหาของการออมและการลงทุนในสังคมไทย จากนัน้ ต้ังคำถามและให้นักเรยี นชว่ ยกันตอบ เช่น 1) อะไรคือปญั หาของการออมและการลงทนุ ในสังคมไทย 2) ปัญหาของการออมและการลงทุนในสงั คมไทยมอี ะไรบา้ ง 3) เราจะมวี ธิ ีแก้ไขปัญหาของการออมและการลงทนุ ในสังคมไทยได้อยา่ งไรบ้าง 3. นักเรยี นคิด ปจั จุบนั ปญั หาของการออมและการลงทนุ ในสังคมไทยเกิดจากปัจจัยใดเป็นสำคญั พร้อม ยกตวั อย่างประกอบ บันทึกผล 4. ครูและนักเรยี นรว่ มกนั สรุปผลการนำเสนอผลงานของนักเรยี น และครูใหค้ วามรู้เพ่ิมเตมิ เก่ยี วกับปัญหา ของการออมและการลงทุนในสังคมไทย 5. ครสู นทนากับนักเรียนเกี่ยวกับปัญหาของการออมและการลงทุนในสังคมไทยพรอ้ มท้งั บอกแนว ทางแก้ไข 6. ครจู ดั การเรยี นการสอนแบบอภิปราย โดยปฏิบตั ติ ามข้นั ตอนดงั นี้ ขน้ั ดำเนนิ การอภปิ ราย .1) ครแู จง้ หัวข้อ วตั ถปุ ระสงค์ และรูปแบบการอภปิ รายให้นกั เรียนทราบ โดยเขียนลงบนกระดาน แผน่ ใส หรอื PowerPoint ให้นกั เรียนดู 2) ใหน้ ักเรียนแบง่ กล่มุ กลุ่มละ 6–8 คน โดยแต่ละกลุม่ เลือกประธาน 1 คน เลขานุการกลมุ่ 1 คน เปน็ ผ้จู ดบันทึกความคิดเหน็ ของกลุ่ม 3) ให้แต่ละกลุ่มดำเนินการอภิปรายตามหวั ข้อทกี่ ำหนด ในขณะทีก่ ลุ่มดำเนินการอภิปราย ครูคอย สังเกตและกระตุ้นให้ทุกคนได้แสดงความคิดเห็นกนั อยา่ งเต็มท่ี ข้นั สรุปอภิปราย 1) ให้แต่กลุ่มบันทึกผลการอภปิ ราย

2) ตวั แทนกล่มุ นำเสนอผลการอภปิ รายต่อที่ประชุมหรือหนา้ ชั้นเรยี น 3) เปดิ โอกาสใหผ้ ู้ฟงั ซกั ถาม ผอู้ ภิปรายตอบคำถาม ครูคอยชว่ ยเหลือคำแนะนำ 7. ในขณะปฏบิ ตั ิกจิ กรรมของนกั เรียน ใหค้ รสู งั เกตพฤติกรรมในการทำงานและการนำเสนอผลงานของ นักเรยี นตามแบบประเมินพฤติกรรมในการทำงานเป็นรายบุคคลหรือเปน็ กล่มุ 9. ครูใหน้ กั เรยี นทำกจิ กรรมที่เก่ียวกบั ปญั หาของการออมและการลงทุนในสงั คมไทย แล้วชว่ ยกัน เฉลยคำตอบ สรุป ครแู ละนักเรียนรว่ มกันสรปุ ความรู้เรอ่ื ง ปัญหาของการออมและการลงทุนในสังคมไทย กิจกรรมเสนอแนะ ศึกษาคน้ คว้าเกยี่ วกบั ปัญหาของการออมและการลงทุนในสงั คมไทย จากนนั้ สรปุ จดั ทำเปน็ รายงาน สื่อการเรยี นรรู้ ูปแบบ เชน่ คลปิ วดิ ีโอ/เอกสารเน้ือหา/เว็บไซต์ คลิปวดี ีโอ / powerpoint / pakkredlearningcyber / Google sites เร่อื งปัญหาการออมและการลงทนุ ในสังคมไทย ใบงาน liveworksheets เร่ือง ปัญหาการออมและการลงทุนในสงั คใมไทย pakkredlearningcyber เรอื่ ง ปญั หาการออมและการลงทนุ ในสงั คมไทย 7. สอ่ื /อุปกรณ์/แหล่งการเรียนรู้ คือ เครื่องมือในการสง่ เสริมการเรียนร้ทู ีใ่ ช้ตามทกี่ ำหนดในกจิ กรรมการเรยี นรู้ - โปรแกรมนำเสนอเร่ือง ปัญหาของการออมและการลงทนุ ในสงั คมไทย - Google Meet pakkredlearningcyber 8. การวัดและประเมนิ ผล คือ การประเมินผลผเู้ รียนตามจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ ซงึ่ ควรระบเุ คร่ืองมือวัดและ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ซง่ึ สามารถศกึ ษาไดจ้ ากคู่มอื หลกั สูตร 1. การรว่ มมือจากการตอบคำถาม 2. วดั จากแบบสงั เกตพฤติกรรม ระดับพฤตกิ รรมระดบั ดีขน้ึ ไปถือวา่ ผ่าน 9. บันทกึ ผลหลงั การจดั การเรียนรู้ คอื การบนั ทกึ ของครผู ู้สอนจากสิ่งที่พบในการนำแผนจัดการเรียนร้มู าใช้ โดยแบง่ เปน็ ผลการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ ปัญหาและอุปสรรค และ ขอ้ เสนอแนะ - นกั เรยี นไม่สามารถรายงานจบไดใ้ นครง้ั เดยี วเนื่องจากการเข้าระบบออนไลนต์ ้องใชเ้ วลาในการรวม นักเรียนพอสมควร

1.หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 7 เรือ่ ง การคา้ ระหวา่ งประเทศ เวลา 2 ชว่ั โมง แผนการจัดการเรยี นรูท้ ี่ 7 เรอื่ ง การคา้ ระหวา่ งประเทศ วนั ที่ ............................................. (1-2) 2. สาระสำคัญ คือ การค้าระหว่างประเทศเป็นการซื้อขายแลกเปลย่ี นสนิ คา้ และบรกิ ารระหว่างประเทศทั้งภาครฐั ต่อรัฐ หรือเอกชนกับเอกชน หรือรัฐกบั เอกชน เกดิ การซอ้ื ขายสินค้าและบรกิ ารระหวา่ งประเทศขน้ึ ทำใหป้ ระเทศ คู่คา้ ไดร้ ับประโยชนเ์ พิ่มข้ึน 3. มาตรฐานและตัวชี้วัด ส 3.2 (2) ยกตวั อยา่ งที่สะท้อนให้เหน็ การพึ่งพาอาศยั กันและการแข่งขันกนั ทางเศรษฐกจิ ในภมู ิภาคเอเชีย 4. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ นกั เรยี นสามารถ 1. อธบิ ายและยกตัวอยา่ งการค้าระหวา่ งประเทศได้ (K, P) 2. เห็นความสำคญั ของการค้าระหวา่ งประเทศ (A) 3. อภิปรายและยกตัวอย่างการคา้ ระหว่างประเทศ (P) 5. สาระการเรียนรู้ การค้าระหว่างประเทศเปน็ การซ้อื ขายแลกเปลยี่ นสินค้าและบริการระหวา่ งประเทศทั้งภาครัฐต่อรัฐ หรอื เอกชนกับเอกชน หรอื รฐั กับเอกชน เกดิ การซื้อขายสินค้าและบริการระหว่างประเทศขน้ึ ทำให้ประเทศคู่คา้ ไดร้ บั ประโยชน์เพม่ิ ข้นึ 6. การบวนการการเรยี นรู้ คือ การระบุกิจกรรมการเรยี นรู้ทจ่ี ดั ขึน้ เพ่ือให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ โดยแบ่งเป็น ชัว่ โมงที่ 1-3 นำเขา้ สู่บทเรียน 1. ครนู ำภาพข่าวเกี่ยวกบั การคา้ ขายระหวา่ งประเทศมาสนทนากบั นักเรยี น แลว้ ถามนักเรียนว่าเคยเหน็ หรือเคยได้ยินเก่ยี วกบั ภาพข่าวน้ีหรอื ไม่ อย่างไร ครูและนักเรยี นรว่ มกันสรุป กจิ กรรมการเรียนรู้ 2. ครูนำภาพเก่ยี วกบั การสง่ สินคา้ ออกและการนำสินค้าเข้าให้นักเรยี นดูแล้วร่วมอภปิ รายหาความ แตกตา่ งของสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจากภาพ 3. ครตู ัง้ คำถามเพื่อให้นักเรยี นชว่ ยกันหาคำตอบ เช่น 1) การค้าระหว่างประเทศมคี วามสำคญั อย่างไร 2) ปัจจยั ที่ทำให้เกิดการค้าระหวา่ งประเทศมอี ะไรบา้ ง 3) สาเหตขุ องการคา้ และการกระจายทรัพยากรในโลกมีอะไรบ้าง 4) การค้าระหวา่ งประเทศมผี ลดีต่อประเทศคคู่ ้าอยา่ งไรบ้าง

4. ครูยกตัวอยา่ งเร่ือง การคา้ ชายแดนระหวา่ งไทยกับพม่า ให้นักเรยี นฟัง แล้วตัง้ คำถาม ถามนักเรียนวา่ การคา้ ชายแดนระหว่างไทยกับพมา่ มรี ปู แบบการคา้ อยา่ งไร ถ้าพน้ื ท่ีดังกล่าวไมม่ ีการตดิ ต่อคา้ ขายกันจะมี ผลกระทบต่อชายแดนของทง้ั สองประเทศอยา่ งไร นายเชาวลิต เอกบตุ ร กรรมการผู้จดั การใหญ่ บรษิ ทั เอสซีจี เปเปอร์ เปดิ เผยภายหลังการเปิดโรงงานวนี า คราฟท์ เปเปอร์ ในประเทศเวยี ดนามว่า บริษัทได้ใชง้ บลงทุนรวม 6,000 ลา้ นบาท ในการสรา้ งโรงงานวีนา คราฟท์ เปเปอร์ เพ่ือผลิตกระดาษคราฟทร์ ายใหญ่และทันสมยั สุดในประเทศเวยี ดนามเนือ่ งจากรัฐบาลมีนโยบายสง่ เสรมิ การลงทนุ ประกอบกบั ความต้องการกระดาษเพ่มิ สูงขึ้นตามการขยายตัวทางเศรษฐกจิ ทั้งนบ้ี ริษทั วนี า คราฟท์ เปเปอร์ ใช้วงเงินลงทุน 6,000 ลา้ นบาท ซึ่งรว่ มทุนกับบรษิ ัทญี่ปุ่น โดยบริษัท เอสซีจี เปเปอร์ สดั สว่ น 70% และบริษัท เรนโก จำกัด ประเทศญีป่ นุ่ สดั ส่วน 30% มพี นกั งานเวียดนามกว่า 200 คน เพอ่ื ผลติ กระดาษคราฟท์คุณภาพสงู ให้ผู้ผลติ บรรจภุ ัณฑใ์ นเวียดนามนำไปผลิตกล่องบรรจสุ นิ คา้ สำหรบั อุตสาหกรรม เชน่ อาหารและเครื่องดื่ม สินคา้ อุปโภคบรโิ ภค เส้ือผา้ เคร่ืองนงุ่ ห่ม รองเทา้ เครอ่ื งใช้ไฟฟา้ และ เฟอร์นเิ จอร์ กำลงั การผลิต 2.2 แสนตนั ต่อปี บริษัทได้ขยายฐานการผลิตกระดาษคราฟท์ท่ีเวยี ดนามเพ่ือรองรับตลาดที่กำลงั เจริญเตบิ โตขน้ึ อยา่ ง รวดเรว็ รวมถงึ ชว่ ยรองรับการขยายธุรกจิ บรรจภุ ณั ฑต์ ามกลยุทธ์ของเอสซีจี เปเปอร์ท่มี ่งุ ผลักดนั ธุรกิจบรรจภุ ณั ฑ์ ก้าวสคู่ วามเป็นผนู้ ำในอาเซียน ซง่ึ ที่ผา่ นมา เอสซจี ี เปเปอรไ์ ด้รกุ ตลาดบรรจุภัณฑ์ในอาเซียนแล้ว รวมถงึ การเขา้ ไป ซอื้ ห้นุ บริษทั นิวเอเชยี อินดัสทรยี ์ ท่ีเวียดนาม ท่มี า: เดลินิวส์, วันท่ี 30 มกราคม 2553 ประเด็นอภปิ ราย 1) บริษัทนร้ี ่วมทนุ กบั ญีป่ ่นุ ทำธรุ กจิ อะไร 2) สาเหตุสำคญั ทีท่ ำใหเ้ อสซีจรี ่วมทุนกับญปี่ ุ่นคืออะไร 3) การร่วมลงทนุ ระหว่างประเทศมีความสำคัญอย่างไร 4) การร่วมลงทนุ ระหวา่ งประเทศมีปัญหาอะไรบา้ ง 6. ในขณะปฏบิ ัติกจิ กรรมของนกั เรยี น ครูสงั เกตพฤติกรรมในการทำงานและการนำเสนอผลงานของ นักเรยี นตามแบบประเมนิ พฤติกรรมในการทำงานเปน็ รายบุคคล สรุป ครูและนักเรยี นร่วมกันสรุปเรอ่ื ง การค้าระหวา่ งประเทศ โดยใหน้ ักเรียนสรุปเปน็ แผนที่ความคดิ กิจกรรมเสนอแนะ ครูให้นกั เรยี นสบื คน้ ขอ้ มลู เพิ่มเติมแล้วทำรายงานเก่ียวกบั การคา้ ระหวา่ งประเทศนำมาจัดปา้ ยนเิ ทศหน้า ชนั้ เรียนครแู นะนำใหน้ ักเรยี นทำแผ่นพบั เกี่ยวกับการค้าระหวา่ งประเทศเพ่ือเผยแพร่ความรู้

สอื่ การเรียนรู้รูปแบบ เช่น คลปิ วดิ โี อ/เอกสารเน้ือหา/เวบ็ ไซต์ คลิปวดี โี อ / powerpoint / pakkredlearningcyber / Google sites เรือ่ งการค้าระหว่างประเทศ ใบงาน liveworksheets เรอ่ื ง เรือ่ งการคา้ ระหวา่ งประเทศ pakkredlearningcyber เรอื่ ง การค้า ระหว่างประเทศ 7. สอ่ื /อปุ กรณ/์ แหล่งการเรียนรู้ คอื เคร่ืองมอื ในการสง่ เสรมิ การเรียนรทู้ ใี่ ชต้ ามท่ีกำหนดในกิจกรรมการเรียนรู้ - โปรแกรมนำเสนอเรอื่ ง การค้าระหวา่ งประเทศ - Google Meet pakkredlearningcyber 8. การวัดและประเมินผล คือ การประเมนิ ผลผเู้ รียนตามจุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ ซง่ึ ควรระบเุ คร่อื งมือวัดและ เกณฑ์การให้คะแนน ซง่ึ สามารถศกึ ษาไดจ้ ากคู่มอื หลกั สตู ร 1. การร่วมมอื จากการตอบคำถาม 2. วดั จากแบบสงั เกตพฤติกรรม ระดับพฤตกิ รรมระดับดขี ้นึ ไปถือวา่ ผ่าน 9. บนั ทึกผลหลงั การจดั การเรียนรู้ คอื การบันทกึ ของครูผู้สอนจากส่งิ ที่พบในการนำแผนจัดการเรียนรมู้ าใช้ โดยแบง่ เปน็ ผลการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ ปญั หาและอุปสรรค และ ขอ้ เสนอแนะ - นักเรียนไมส่ ามารถรายงานจบได้ในครัง้ เดยี วเนื่องจากการเข้าระบบออนไลน์ต้องใชเ้ วลาในการรวม นกั เรียนพอสมควร

1.หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 8 เรื่อง การรวมกลุ่มทางเศรษฐกจิ จำนวน 2 ชม แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 8 เรื่อง การรวมกล่มุ ทางเศรษฐกิจ วันท่ี ............................................. (ช่ัวโมงท่ี 1-2) 2. สาระสำคญั คอื การรวมกลมุ่ ประเทศทางด้านเศรษฐกิจเป็นการประสานประโยชนร์ ะหวา่ งประเทศสมาชิกด้าน เศรษฐกิจ การรวมกลุ่มประเทศมี 5 ระดับ คือ เขตการค้าเสรี สหภาพศุลกากร ตลาดร่วม สหภาพเศรษฐกิจ และ สหภาพเหนือชาติ กลุ่มทางเศรษฐกิจในภูมิภาคมีหลายกลุ่ม เช่น สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เขตการคา้ เสรอี าเซยี น ความรว่ มมอื ทางเศรษฐกจิ ในภูมิภาคเอเชีย–แปซฟิ ิก 3. มาตรฐานและตัวชี้วดั ส 3.2 (2) ยกตัวอยา่ งท่ีสะท้อนใหเ้ หน็ การพ่งึ พาอาศัยกนั และการแข่งขนั กนั ทางเศรษฐกิจในภมู ิภาคเอเชีย ส 3.2 (3) วิเคราะหก์ ารกระจายของทรพั ยากรในโลกทสี่ ่งผลต่อความสัมพันธท์ างเศรษฐกจิ ระหว่างประเทศ 4. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ นกั เรียนสามารถ 1. อธบิ ายและยกตวั อย่างการรวมกลุม่ ทางเศรษฐกจิ (K, P) 2. เห็นความสำคัญของการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจ (A) 3. ร่วมสบื คน้ และวิเคราะห์ขอ้ มูลเก่ยี วกบั การรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจ (P) 5. สาระการเรยี นรู้ การรวมกล่มุ ประเทศทางดา้ นเศรษฐกจิ เป็นการประสานประโยชนร์ ะหว่างประเทศสมาชกิ ด้านเศรษฐกิจ การรวมกลมุ่ ประเทศมี 5 ระดับ คอื เขตการคา้ เสรี สหภาพศุลกากร ตลาดร่วม สหภาพเศรษฐกิจ และสหภาพ เหนือชาติ กลมุ่ ทางเศรษฐกิจในภูมิภาคมหี ลายกลมุ่ เชน่ สมาคมประชาชาติแหง่ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เขต การค้าเสรีอาเซียน ความรว่ มมือทางเศรษฐกจิ ในภูมภิ าคเอเชีย–แปซฟิ กิ 6. การบวนการการเรียนรู้ คอื การระบกุ ิจกรรมการเรียนร้ทู ่จี ดั ข้นึ เพื่อใหผ้ เู้ รียนเกิดการเรียนรู้ โดยแบง่ เปน็ ช่ัวโมงที่ 1-2 ขั้นนำ 1. ครูนำข่าวเกี่ยวกับการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียมาสนทนาซักถามนักเรียนว่า เคยอ่าน หรอื เคยได้ยินขา่ วน้ีหรือไม่ อยา่ งไร นักเรียนตอบ แลว้ ครูกับนักเรียนรว่ มกันสรปุ กิจกรรมการเรียนรู้ 2. ครสู นทนากับนักเรียนเรื่อง การรวมกลุม่ ทางเศรษฐกิจตามหัวข้อ 1) หลกั การและลักษณะของกลุ่มประเทศทางเศรษฐกิจ 2) ผลกระทบจากการพง่ึ พาอาศัยทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชยี 3) ตัวอย่างกล่มุ ทางทางเศรษฐกจิ ในภมู ิภาคเอเชยี 3 .ครูอธิบายรายละเอียดของเนื้อหาและใช้สื่อ Power Point เกี่ยวกับการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจให้ นกั เรยี นดปู ระกอบการบรรยาย พรอ้ มสนทนาและซักถามนักเรยี นเป็นระยะ ๆ ประเด็นคำถาม เชน่

1) การรวมกลุม่ ทางเศรษฐกิจมีความสำคญั อย่างไร 2) การรวมกลมุ่ ทางเศรษฐกิจมลี ักษณะอยา่ งไร 3) เขตการค้าเสรีอาเซยี นเก่ยี วข้องกับการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจหรือไม่ อยา่ งไร 4) การพงึ่ พาอาศัยกันทางเศรษฐกิจในภูมิภาคมีผลดีและผลเสยี ต่อประเทศท่ีทำการคา้ อย่างไร 5) ปญั หาท่ีเกิดข้ึนจากการค้าระหว่างประเทศมีอะไรบ้าง 6) อาเซียนจดั ตง้ั ขนึ้ มาเพ่ืออะไร 7) ปจั จุบนั อาเซยี นมีสมาชิกกี่ประเทศ ประเทศอะไรบ้าง ในขณะท่ีอธิบาย นอกจากใหน้ ักเรียนดูวีดิทัศน์แลว้ ครคู วรใหน้ ักเรียนดภู าพอื่น ๆ ด้วย 4. เมื่ออธิบายครบทุกเนื้อหาแล้ว ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปสาระสำคัญของเนื้อหาอีกครั้ง พร้อมเปิด โอกาสให้นกั เรียนซักถามข้อสงสัยต่าง ๆ 6. นักเรียน สืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจว่า ก่อนมีการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจในอดีต เปน็ อย่างไร และในปจั จบุ ันเม่ือมีการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจแล้วเป็นอย่างไร 7. ครใู หน้ กั เรียนแตล่ ะกลุ่มเก็บรวบรวมข้อมลู เก่ียวกบั การรวมกล่มุ ทางเศรษฐกิจท่ีได้สบื ค้นข้อมลู มา 8. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มระดมสมองเพื่อศึกษาเกี่ยวกับเรื่อง การรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจ ทั้งในอดีตและ ปัจจบุ ันที่ได้สืบค้นขอ้ มลู มา 9. ครใู ห้แตล่ ะกลุ่มเขียนแนวความคิดที่ได้จากการระดมสมองนำผลมาร่วมกันวิเคราะห์ว่า การรวมกลุ่มกันทาง เศรษฐกจิ ในอนาคตจะเป็นอย่างไร ถ้าไม่มีการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร บนั ทกึ ผลการวเิ คราะห์ 10. ในขณะปฏิบัติกิจกรรมของนักเรียน ให้ครูสังเกตพฤติกรรมในการทำงานและการนำเสนอผลงานของนักเรียน ตามแบบประเมินพฤติกรรมในการทำงานเป็นรายบุคคลหรือเป็นกลุ่ม สรุป ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปความรู้เรื่อง การรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจ โดยให้นักเรียนสรุปเป็นแผนที่ ความคดิ ครใู หน้ ักเรยี นทำกิจกรรมท่ีเก่ียวกับการรวมกลุ่มทางเศรษฐกจิ และชว่ ยกันเฉลยคำตอบ กิจกรรมเสนอแนะ ครูให้นักเรียนสืบค้นข้อมูลเพ่ิมเติมเกีย่ วกับการรวมกลุ่มทางเศรษฐกจิ แล้วนำมาจัดป้ายนิเทศหนา้ ชั้นเรยี นเพ่ือ เผยแพร่ความรู้ครแู นะนำใหน้ ักเรียนทำแผ่นพับเก่ียวกับการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจเพ่ือเผยแพรค่ วามรู้ สื่อการเรยี นรู้รปู แบบ เช่น คลิปวิดีโอ/เอกสารเน้ือหา/เว็บไซต์ คลิปวดี ีโอ / powerpoint / pakkredlearningcyber / Google sites เรอ่ื งการรวมกลมุ่ ทางเศรษฐกจิ ใบงาน liveworksheets เรอ่ื ง เรอ่ื งการรวมตัวทางเศรษฐกิจ pakkredlearningcyber เรือ่ ง การ รวมตัวทางเศรษฐกิจ

7. ส่ือ/อุปกรณ์/แหลง่ การเรียนรู้ คอื เครอ่ื งมือในการส่งเสรมิ การเรียนรทู้ ีใ่ ชต้ ามท่ีกำหนดในกิจกรรมการเรยี นรู้ - โปรแกรมนำเสนอเร่ือง การรวมกลุม่ ทางเศรษฐกิจ - Google Meet pakkredlearningcyber 8. การวดั และประเมินผล คือ การประเมินผลผเู้ รียนตามจดุ ประสงค์การเรียนรู้ ซึ่งควรระบเุ ครอื่ งมือวดั และ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ซ่ึงสามารถศกึ ษาไดจ้ ากคมู่ ือหลกั สูตร 1. การรว่ มมอื จากการตอบคำถาม 2. วัดจากแบบสังเกตพฤติกรรม ระดบั พฤตกิ รรมระดับดีขึ้นไปถือวา่ ผา่ น 9. บันทกึ ผลหลังการจดั การเรียนรู้ คอื การบันทกึ ของครูผู้สอนจากสิ่งท่ีพบในการนำแผนจดั การเรยี นรู้มาใช้ โดยแบง่ เปน็ ผลการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ ปญั หาและอุปสรรค และ ข้อเสนอแนะ - นักเรยี นไม่สามารถรายงานจบได้ในครัง้ เดยี วเน่อื งจากการเขา้ ระบบออนไลน์ต้องใช้เวลาในการรวม นกั เรยี นพอสมควร

1.หน่วยการเรียนรู้ท่ี 9 เรอื่ ง การแขง่ ขนั ทางการคา้ จำนวน 2 ชม แผนการจัดการเรียนร้ทู ี่ 9 เรื่อง การแข่งขันทางการค้า วันที่ ................................................(ชั่วโมงที่ 1-2) 2. สาระสำคัญ คือ การแข่งขันทางการค้าเกิดแนวคิดที่เชื่อมั่นว่าระบบเศรษฐกิจแบบเสรีนิยมที่มีการแข่งขันเป็น ระบบเศรษฐกิจทดี่ ีท่ีสดุ การแข่งขันทางการค้ามที ัง้ การแขง่ ขนั ในประเทศและการแข่งขันตา่ งประเทศ 3. มาตรฐานและตัวช้ีวดั ส 3.2 (4) • วิเคราะหก์ ารแขง่ ขนั ทางการค้าในประเทศและตา่ งประเทศทสี่ ่งผลต่อคุณภาพสินค้า ปริมาณ การผลิต และราคาสินค้า 4. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ นักเรียนสามารถ 1. อธบิ ายและวเิ คราะห์เกย่ี วกับการแข่งขนั ทางการค้าได้ (K, P) 2. เห็นความสำคัญของการแขง่ ขนั ทางการค้า (A) 3. มสี ่วนรว่ มกันการวิเคราะหแ์ ละแสดงความคดิ เห็นเก่ียวกับการแขง่ ขนั ทางการคา้ (P) 5. สาระการเรยี นรู้ การแข่งขนั ทางการคา้ เกิดแนวคิดทเ่ี ชื่อมั่นว่าระบบเศรษฐกิจแบบเสรีนิยมทีม่ ีการแขง่ ขันเป็นระบบ เศรษฐกิจที่ดีท่ีสุด การแขง่ ขันทางการคา้ มีทั้งการแข่งขันในประเทศและการแข่งขนั ตา่ งประเทศ 6. การบวนการการเรียนรู้ คือ การระบุกจิ กรรมการเรยี นรูท้ ่ีจดั ขน้ึ เพือ่ ใหผ้ ู้เรยี นเกิดการเรยี นรู้ โดยแบง่ เป็น ชวั่ โมงที่ 1-2 นำเข้าสูบ่ ทเรยี น 1. ครูสรา้ งบรรยากาศการเรยี นรู้ให้เหมาะสมและนำข่าวหรอื บทความเกย่ี วกับการแขง่ ขันทางการคา้ จาก หนังสือพมิ พ์หรือวารสารต่าง ๆ มาใหน้ กั เรียนอา่ นแลว้ ถามนกั เรียนวา่ การแข่งขนั ทางการคา้ มี ประโยชน์อย่างไร นักเรยี นตอบ ครแู ละนกั เรียนช่วยกันสรปุ กิจกรรมการเรียนรู้ 3. ครูอธบิ ายเกย่ี วกับการแข่งขนั ทางการคา้ 5. ครใู ห้แตล่ ะกลุ่มวิเคราะห์ข่าวว่าเปน็ อยา่ งไร บันทึกผลการวิเคราะห์ จากนัน้ ให้แต่ละกลมุ่ อภิปราย

แสดงความใน google meetในรปู แบบทีน่ ่าสนใจ ครเู สนอแนะเพ่ิมเติม 6. ในขณะปฏบิ ัติกจิ กรรมของนกั เรยี น ใหค้ รสู ังเกตพฤติกรรมในการทำงานและการนำเสนอผลงานของ นักเรยี นตามแบบประเมนิ พฤตกิ รรมในการทำงานเปน็ รายบุคคลหรือเปน็ กลุ่ม ขนั้ ที่ 3 ฝึกฝนผเู้ รียน 7. ครูแนะนำให้นักเรียนนำความรเู้ รอื่ ง การแขง่ ขนั ทางการการคา้ มาประยกุ ต์ใช้ในการดำเนินชีวติ สรปุ 8. ครูและนกั เรยี นชว่ ยกันสรุปความรเู้ ร่อื ง การแข่งขนั ทางการคา้ โดยใหน้ กั เรยี นสรปุ เป็นแผนท่ีความคิด 9. ครูให้นกั เรยี นทำแบบทดสอบหลงั เรียน โดยแจกแบบทดสอบใหน้ กั เรียนทกุ คน แล้วให้นกั เรยี นเขยี น เคร่ืองหมาย ทับตัวอักษรหนา้ คำตอบทถ่ี ูกตอ้ งทส่ี ุดเพยี งคำตอบเดียว จากน้นั ตรวจให้คะแนน พร้อมเฉลย คำตอบของแบบทดสอบก่อนเรยี นและหลังเรยี น เพื่อประเมินผลการเรยี นรขู้ องนักเรียน ส่ือการเรียนรรู้ ปู แบบ เชน่ คลปิ วิดโี อ/เอกสารเน้ือหา/เว็บไซต์ คลปิ วีดีโอ / powerpoint / pakkredlearningcyber / Google sites เรอ่ื งการแข่งขันทางการค้า ใบงาน liveworksheets เรื่อง เรื่องการแข่งขันทางการคา้ pakkredlearningcyber เร่ือง การแขง่ ขันท่ ทางการคา้ 7. ส่ือ/อุปกรณ/์ แหล่งการเรียนรู้ คือ เคร่ืองมอื ในการส่งเสริมการเรยี นรู้ท่ีใชต้ ามทกี่ ำหนดในกิจกรรมการเรยี นรู้ - โปรแกรมนำเสนอเรอ่ื ง การแขง่ ขันทางการการค้า - Google Meet pakkredlearningcyber 8. การวดั และประเมนิ ผล คือ การประเมนิ ผลผเู้ รยี นตามจุดประสงค์การเรียนรู้ ซงึ่ ควรระบุเครื่องมือวดั และ เกณฑ์การให้คะแนน ซ่งึ สามารถศกึ ษาไดจ้ ากคู่มือหลักสตู ร 1. การร่วมมอื จากการตอบคำถาม 2. วัดจากแบบสงั เกตพฤติกรรม ระดับพฤตกิ รรมระดับดีข้นึ ไปถือว่าผา่ น 9. บนั ทึกผลหลงั การจดั การเรียนรู้ คือการบันทกึ ของครผู ู้สอนจากสง่ิ ท่ีพบในการนำแผนจดั การเรยี นร้มู าใช้ โดยแบ่งเป็น ผลการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ ปัญหาและอุปสรรค และ ข้อเสนอแนะ - นักเรียนไม่สามารถรายงานจบไดใ้ นครงั้ เดียวเนอื่ งจากการเข้าระบบออนไลน์ต้องใชเ้ วลาในการรวม นักเรยี นพอสมควร

1.หน่วยการเรยี นรู้ที่ 10 เรอื่ ง พลเมืองดตี ามวถิ ีประชาธิปไตย จำนวน 6 ชม แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 10 เรื่อง พลเมืองดตี ามวิถีประชาธปิ ไตย วนั ที่ ................................... (ชว่ั โมงที่ 1-6) 2. สาระสำคัญ คอื พลเมอื งดตี ามวิถปี ระชาธิปไตยจะต้องมวี ิถชี วี ติ แบบประชาธิปไตย คือ มคี วามเคารพซง่ึ กันและ กัน มีความเชื่อในปัญญา มีการแบ่งปัน ร่วมมือ และประสานงานกัน นอกจากนี้ยังต้องปฏิบัติตนตามสถานภาพ บทบาท สิทธิและเสรภี าพ รวมท้งั หนา้ ท่ขี องพลเมอื งทอี่ ยูใ่ นสงั คมประชาธปิ ไตย 3. มาตรฐานและตัวชี้วดั ส 2.1 (2) เห็นคุณคา่ ในการปฏิบตั ิตนตามสถานภาพ บทบาท สิทธิ เสรีภาพ หน้าท่ีในฐานะพลเมืองดตี ามวถิ ี ประชาธปิ ไตย 4. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ นักเรยี นสามารถ 1. อธิบายความหมายลกั ษณะของพลเมืองดตี ามวิถปี ระชาธิปไตยได้ (K) 2. เหน็ คุณค่าในการปฏิบัติตนตามสถานภาพ บทบาท สิทธิ เสรีภาพ และหนา้ ทีใ่ นฐานะพลเมืองดตี ามวถิ ี ประชาธปิ ไตย (A) 3. ส่อื สารและปฏิบัติตนตามสถานภาพ บทบาท สิทธิ เสรีภาพ และหนา้ ท่ีในฐานะพลเมืองดีตามวถิ ี ประชาธิปไตยได้ (P) 5. สาระการเรียนรู้ พลเมืองดีตามวิถีประชาธิปไตยจะตอ้ งมวี ถิ ีชีวติ แบบประชาธิปไตย คือ มีความเคารพซ่งึ กันและกนั มี ความเชือ่ ในปัญญา มกี ารแบง่ ปัน ร่วมมอื และประสานงานกนั นอกจากนีย้ งั ต้องปฏิบัตติ นตามสถานภาพ บทบาท สทิ ธแิ ละเสรภี าพ รวมท้งั หน้าท่ีของพลเมืองที่อยใู่ นสงั คมประชาธิปไตย 6. การบวนการการเรียนรู้ คือ การระบกุ จิ กรรมการเรยี นรู้ทจ่ี ัดข้ึน เพอื่ ให้ผเู้ รยี นเกิดการเรียนรู้ โดยแบง่ เป็น ชวั่ โมงท่ี 1-2 ความหมายและความสำคัญสถานภาพ บทบาท สิทธิ เสรีภาพ และหน้าท่พี ลเมืองดีตามวิถี ประชาธิปไตย นำเข้าสูบ่ ทเรียน 1. ครใู หน้ กั เรียนดภู าพกิจกรรมภายในโรงเรยี น พร้อมซักถามเพื่อกระตุ้นความคดิ และตรวจสอบความเขา้ ใจ ของผเู้ รยี น เชน่ - การอยู่ในโรงเรียนจะต้องปฏบิ ตั ิตนตามสถานภาพ บทบาท และหนา้ ที่ของนักเรียนที่ดี อย่างไร - เม่ือปฏิบตั แิ ล้วก็จะก่อใหเ้ กิดผลดีแก่ตนเองและโรงเรยี นอยา่ งไร กิจกรรมการเรียนรู้ 2. ครูและนักเรยี นร่วมกันอภิปรายถงึ ความสำคญั และความหมายของสถานภาพ บทบาท หน้าท่ีของการเปน็ สมาชิกท่ีดีภายในโรงเรยี น นำไปสู่การเป็นพลเมืองดขี องสังคมนำไปส่ปู ระเทศชาติ

4. นักเรียนแตล่ ะคนรว่ มกันวิเคราะหภ์ าพและเหตุการณจ์ ากภาพขา่ วหนงั สือพิมพ์ที่ครนู ำไปให้ออกมาใน รูปแบบแผนทีค่ วามคดิ นำเสนอ หวั ขอ้ อภิปราย: พลเมืองดีตามวิถปี ระชาธิปไตย วัตถปุ ระสงคข์ องการอภปิ ราย: เพือ่ ใหน้ ักเรยี นเหน็ ความสำคญั และคณุ ค่าของการปฏิบตั ิตนเป็นพลเมืองดี ตามวถิ ีประชาธปิ ไตย และสามารถปฏิบตั ติ นเป็นพลเมืองดีตามวถิ ีประชาธิปไตยได้อย่างถกู ต้อง 5. ให้แตล่ ะคนดำเนนิ การอภิปรายตามหัวข้อทก่ี ำหนด ครูคอยสงั เกตและกระตุ้นให้ทุกคนได้แสดงความ คิดเห็นกนั อย่างเต็มท่ี 6. ให้แต่ละกลุ่มสรุปบันทึกผลการอภปิ รายลงในแบบบันทึกผลการอภปิ รายเร่อื ง พลเมืองดีตามวถิ ี ประชาธิปไตย แลว้ การอภิปรายต่อท่ปี ระชุม พร้อมท้ังเปิดโอกาสใหผ้ ู้ฟงั ซักถาม ผู้อภิปรายตอบคำถาม ครูคอย ชว่ ยเหลือใหค้ ำแนะนำ 7. ในขณะปฏิบตั ิกิจกรรมของนักเรียน ใหค้ รสู งั เกตพฤติกรรมในการทำงานและการนำเสนอผลงานของ นักเรยี นตามแบบประเมนิ พฤติกรรมในการทำงานเปน็ รายบคุ คล สรปุ 8. ครแู ละนักเรียนร่วมกนั สรปุ ความรเู้ รอ่ื ง ความสำคัญของสถานภาพ บทบาท หนา้ ที่ของพลเมืองดตี ามวถิ ี ประชาธิปไตย พร้อมบันทกึ ลงในสมุดครแู นะนำให้นักเรยี นทำแผน่ พบั เพอื่ รณรงค์ใหค้ นในทอ้ งถ่นิ เห็นคณุ คา่ และ ปฏบิ ัตติ นตามวถิ ีประชาธปิ ไตย ******************************************* ชว่ั โมงท่ี 3-4 คุณคา่ และประโยชนข์ องการปฏิบตั ิตนตามสถานภาพ บทบาท สิทธิ เสรภี าพและหน้าทพี่ ลเมือง ดี นำเข้าสบู่ ทเรยี น 1. ครใู หน้ กั เรียนดภู าพยนตร์สน้ั ทำดเี พ่ือพ่อ พร้อมซักถามนกั เรยี นเพ่ือกระตนุ้ การเรยี นรู้พรอ้ มทบทวน เนื้อหาเกยี่ วกับ สถานภาพ บทบาท สทิ ธแิ ละเสรีภาพหน้าทีข่ องพลเมืองดี ดังนี้ - จากภาพยนตร์ ตวั ละครมสี ถานภาพใดและแตกตา่ งกนั อย่างไร สง่ ผลตอ่ บทบาทหนา้ ท่ีอยา่ งไร - จากภาพยนตร์ท่ีได้ชม เป็นเร่อื งทเี่ กีย่ วกับสิทธิและเสรีภาพของพลเมืองดีอย่างไรบ้าง กิจกรรมการเรียนรู้ 2. ครแู ละนักเรียนร่วมกนั อภิปรายถงึ คุณคา่ ของการปฏบิ ัติตนตามสถานภาพ บทบาท สิทธิ เสรีภาพหน้าที่ ของการเป็นพลเมอื งดขี องสังคมนำไปสปู่ ระเทศชาติ 3. ครูให้รว่ มกนั อภิปรายสรุปลงใน ดว้ ยบทบาทสมมุติ ตามหัวขอ้ ทค่ี รูกำหนดใหด้ ังน้ี 3.1 หนา้ ทข่ี องพลเมืองดตี ามรฐั ธรรมนูญ

3.2 คุณค่าและประโยชนต์ ่อตนเอง และครอบครัว 3.3 คุณคา่ และประโยชน์ต่อโรงเรียน 3.4 คณุ ค่าและประโยชนต์ ่อชมุ ชน 3.5 คุณคา่ และประโยชน์ตอ่ ประเทศชาติ 3.6 คณุ ค่าและประโยชนต์ อ่ โลก วตั ถปุ ระสงคข์ องการอภปิ ราย: เพอื่ ใหน้ กั เรยี นเห็นความสำคัญและคุณค่าของการปฏิบัติตนเป็นพลเมืองดี ตามวถิ ีประชาธปิ ไตย และสามารถปฏบิ ตั ติ นเปน็ พลเมืองดีตามวิถปี ระชาธิปไตยได้อย่างถูกต้อง 4. ใหแ้ ต่ละกลุ่มดำเนินการอภปิ รายตามหวั ข้อทก่ี ำหนด ในขณะที่กลุ่มดำเนินการอภิปราย ครูคอยสงั เกต และกระตุ้นใหท้ ุกคนไดแ้ สดงความคดิ เห็นกันอยา่ งเต็มท่ี 5. ใหแ้ ตล่ ะกลุ่มสรปุ บันทกึ ผลการอภิปรายลงในแบบบนั ทึกผลการอภปิ รายเรือ่ ง ประโยชนแ์ ละคุณค่าของ การปฏบิ ตั ิตนตามสถานภาพ บทบาท สิทธิ เสรีภาพและหน้าทพี่ ลเมืองดี ครูคอยชว่ ยเหลือใหค้ ำแนะนำ 6. ในขณะปฏบิ ัติกิจกรรมของนกั เรียน ให้ครูสงั เกตพฤตกิ รรมในการทำงานและการนำเสนอผลงานของ นักเรยี นตามแบบประเมินพฤติกรรมในการทำงานเปน็ รายบคุ คลหรือเปน็ กลุม่ สรปุ 7. ครูและนกั เรยี นรว่ มกนั สรุปความรเู้ ร่ือง ประโยชนแ์ ละคุณค่าของการปฏิบัตติ นตามสถานภาพ บทบาท หนา้ ทขี่ องพลเมืองดี พร้อมบันทกึ ลงในสมุดครแู นะนำให้นักเรียนทำแผ่นพบั เพ่ือรณรงค์ใหค้ นในท้องถ่ินเห็นคุณค่า และปฏบิ ัติตนตามวิถีประชาธิปไตย ******************************************* ช่ัวโมงท่ี 5 -6 แนวทางส่งเสรมิ ให้ปฏิบตั ิตนเปน็ พลเมืองดตี ามวิถีประชาธิปไตย นำเข้าสู่บทเรียน 1. ครใู หน้ ักเรยี นดภู าพการใช้สิทธเิ ลอื กตง้ั การชุมนุมประท้วงอยา่ งสงบ การแสดงความคิดเหน็ ในทปี่ ระชุม แลว้ ซกั ถามนักเรียนว่าเคยพบเหตกุ ารณ์เหลา่ นใ้ี นชุมชนของตนเองหรือไม่ ครอู ธบิ ายเพ่ือเชอ่ื มโยงเขา้ เนื้อหา กิจกรรมการเรยี นรู้ 2. ครูอธบิ ายเก่ียวกบั แนวทางสง่ เสริมการปฏิบัตติ นเป็นพลเมืองดีตามวถิ ปี ระชาธปิ ไตยให้นกั เรยี นฟงั จากนนั้ ให้นักเรียนเขียนคำถามคนละ 1 ข้อใส่กระดาษท่ีครูแจกให้ แล้วครเู กบ็ คำถาม 3. ครูนำคำถามของนักเรยี นมาอ่านแล้วให้นกั เรียนยกมือตอบ ใครตอบถกู ได้ 1 คะแนน เมอ่ื ตอบครบทุก คำถามแล้วครูรวบรวมคะแนน แลว้ ประกาศช่อื ผู้ที่ได้คะแนนมากท่ีสดุ 3 อนั ดบั แรก 4. ครกู ล่าวชมเชยนกั เรยี น ครูและนักเรยี นรว่ มกนั สรปุ ความร้ทู ่ีไดร้ บั

5. ครูใหน้ กั เรยี นสรุปความรูท้ ี่ไดจ้ ากการศึกษาเรื่อง บทบาทของสถาบันตา่ ง ๆ ในการส่งเสรมิ การปฏิบตั ติ น เป็นพลเมืองดีตามวถิ ีประชาธิปไตยตามแบบบนั ทึกความรเู้ รอ่ื ง แนวทางส่งเสรมิ การปฏิบตั ติ นเปน็ พลเมืองดตี ามวถิ ี ประชาธปิ ไตยเปน็ การบ้าน 6. ครูใหน้ ักเรียนทำกิจกรรมท่ีเกีย่ วกับแนวทางสง่ เสริมการปฏิบตั ติ นเป็นพลเมืองดีตามวิถีประชาธิปไตย และช่วยกนั เฉลยคำตอบ สรุป 7. ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกนั สรุปความรูเ้ รอ่ื ง แนวทางส่งเสริมการปฏบิ ตั ิตนเปน็ พลเมืองดีตามวิถีประชาธิปไตย โดยให้นักเรยี นสรุปลงในสมุดหรือเขยี นเปน็ แผนท่คี วามคิด 8. ครใู หน้ กั เรียนทำแบบทดสอบหลงั เรยี น และชว่ ยกันเฉลยคำตอบ เพอ่ื ตรวจสอบและประเมินผลการ เรยี นรขู้ องนักเรียน กจิ กรรมเสนอแนะ ครูให้นักเรียนสำรวจในชมุ ชนของตนเองวา่ มีกิจกรรมใดบา้ งทีแ่ สดงถึงการสง่ เสริมให้คนในชุมชนปฏบิ ตั ติ น เปน็ พลเมืองดตี ามวิถีประชาธิปไตย สรุปเปน็ แผนทคี่ วามคดิ แลว้ นำเสนอผลงานหน้าช้ันเรยี น ส่ือการเรยี นรู้รูปแบบ เชน่ คลปิ วิดโี อ/เอกสารเน้ือหา/เว็บไซต์ คลปิ วดี ีโอ / powerpoint / pakkredlearningcyber / Google sites เรื่อง การเป็นพลเมอื งดีตามวถิ ีประชาธิปไตย ใบงาน liveworksheets เรอื่ ง เรอ่ื งการเปน็ พลเมอื งดีตามวถิ ีประชาธปิ ไตย pakkredlearningcyber เรื่อง การเป็นพลเมืองดีตามวิถีประชาธิปไตย 7. ส่อื /อปุ กรณ/์ แหล่งการเรียนรู้ คอื เครื่องมือในการส่งเสรมิ การเรยี นร้ทู ใ่ี ช้ตามท่ีกำหนดในกิจกรรมการเรยี นรู้ - โปรแกรมนำเสนอเร่อื ง การสง่ เสริมให้คนในชมุ ชนปฏบิ ตั ิตนเปน็ พลเมืองดตี ามวิถปี ระชาธิปไตย - Google Meet pakkredlearningcyber 8. การวดั และประเมินผล คือ การประเมินผลผเู้ รียนตามจุดประสงคก์ ารเรียนรู้ ซึ่งควรระบุเคร่อื งมือวดั และ เกณฑ์การให้คะแนน ซึ่งสามารถศึกษาไดจ้ ากค่มู อื หลักสูตร 1. การรว่ มมือจากการตอบคำถาม 2. วัดจากแบบสังเกตพฤติกรรม ระดับพฤตกิ รรมระดับดีขนึ้ ไปถือวา่ ผา่ น 9. บนั ทึกผลหลังการจดั การเรยี นรู้ คือการบันทึกของครูผู้สอนจากสิ่งท่ีพบในการนำแผนจัดการเรยี นรูม้ าใช้ โดยแบง่ เป็น ผลการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ ปญั หาและอุปสรรค และ ขอ้ เสนอแนะ - นกั เรยี นไม่สามารถรายงานจบได้ในคร้งั เดยี วเนื่องจากการเขา้ ระบบออนไลน์ต้องใชเ้ วลาในการรวม นกั เรียนพอสมควร

1.หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 11 เร่ือง สถาบันทางสังคม จำนวน 5 ชม แผนการจดั การเรียนรูท้ ี่ 11 เร่ือง สถาบนั ทางสงั คม วนั ท่ี ................................... (ชว่ั โมงที่ 1-5) 2. สาระสำคัญ คือ สถาบันทางสังคมที่สำคัญ ๆ มี 7 สถาบัน ได้แก่ สถาบันครอบครัว สถาบันการศึกษา สถาบัน ศาสนา สถาบันเศรษฐกิจ สถาบันการเมืองการปกครอง สถาบันสื่อสารมวลชน และสถาบันนันทนาการแต่ละ สถาบันก็จะมีบทบาทหน้าที่และระเบียบแบบแผนความสัมพันธ์ของสมาชิกที่แตกต่างกันไป แต่ทุกสถาบันล้วนมี ความเกี่ยวข้องสัมพันธก์ ัน เนื่องจากมวี ัตถปุ ระสงค์เดยี วกัน คอื เพ่ือสนองความต้องการของสมาชิกในสงั คมท้ังด้าน ร่างกายและจิตใจ เพอื่ ให้สงั คมคงอยูแ่ ละเกดิ ความเปน็ ระเบยี บเรียบร้อย 3. มาตรฐานและตัวช้ีวดั ส 2.1 (3) วเิ คราะหบ์ ทบาท ความสำคัญและความสัมพนั ธข์ องสาบันทางสังคม 4. จุดประสงค์การเรยี นรู้ นกั เรียนสามารถ 1. อธบิ ายความหมาย บทบาท ความสำคัญ และความสมั พันธ์ของสถาบนั ทางสงั คมได้ (K) 2. เห็นคุณคา่ และความสำคัญของสถาบนั ทางสังคมแตล่ ะสถาบนั รวมท้งั ตระหนกั ถึงความจำเปน็ ที่จะต้อง ปฏบิ ัติตามบทบาทหน้าทใี่ นฐานะสมาชิกของสถาบันน้นั ๆ (A) 3. วเิ คราะห์และอภิปรายความสำคัญและประโยชน์ของสถาบนั ทางสงั คมได้ (P) 5. สาระการเรยี นรู้ สถาบนั ก็จะมบี ทบาทหนา้ ท่ีและระเบยี บแบบแผนความสัมพนั ธ์ของสมาชกิ ท่ีแตกตา่ งกนั ไป แตท่ กุ สถาบนั ลว้ นมคี วามเก่ียวข้องสัมพันธ์กัน เน่ืองจากมีวตั ถปุ ระสงค์เดียวกัน คือ เพื่อสนองความต้องการของสมาชิก ในสงั คมท้ังด้านร่างกายและจิตใจ เพอ่ื ใหส้ งั คมคงอยูแ่ ละเกิดความเปน็ ระเบียบเรยี บร้อย 6. การบวนการการเรยี นรู้ คือ การระบกุ จิ กรรมการเรยี นร้ทู จ่ี ัดขึน้ เพอ่ื ใหผ้ ้เู รยี นเกิดการเรียนรู้ โดยแบง่ เปน็ ช่ัวโมงที่ 1-2 องค์ประกอบ บทบาทและความสำคญั ของสถาบนั ทางสังคม นำเข้าสู่บทเรยี น 1. ครนู ำภาพของบุคคลหลากหลายกลมุ่ หลากหลายอาชีพใหน้ ักเรยี นดู แลว้ ให้นกั เรียนช่วยกันจดั กลมุ่ คนใน ภาพว่าใครบา้ งทีอ่ ยู่กลมุ่ เดียวกัน โดยอาจจะใชเ้ กณฑข์ องอาชพี สถานภาพในครอบครวั การนับถือศาสนา เม่ือ นักเรียนจัดกลุม่ เสร็จแลว้ ครูอธิบายว่าบคุ คลในภาพเหล่านล้ี ้วนเป็นสมาชกิ ของสถาบันทางสังคมหลากหลาย สถาบัน และนกั เรียนเองกเ็ ป็นสมาชกิ ของสถาบนั ทางสงั คมหลายสถาบันด้วยเชน่ กนั

กจิ กรรมการเรียนรู้ 2. ครอู ธิบายเกย่ี วกับสถาบันทางสังคมให้นักเรียนฟงั แล้วซักถามนกั เรียนเก่ยี วกับเรอ่ื งทอ่ี ธบิ าย หลังจากนั้นใหส้ มาชกิ แตล่ ะกลุม่ สืบค้นขอ้ มลู และศึกษาจากหนังสอื เรยี น หอ้ งสมุด หรืออินเทอร์เนต็ 4. หลงั จากสืบคน้ ขอ้ มลู และศึกษาจนเข้าใจดีแลว้ ใหส้ มาชกิ แต่ละคนอธิบายในหวั ข้อที่ตนศกึ ษามาให้เพอ่ื น ในกลุม่ ฟัง จนครบทุกคน เพ่ือเตรียมตัวตอบคำถามของครู 5. ครใู หน้ กั เรยี นแต่ละกลุ่มแขง่ ขันกนั ตอบปัญหา แล้วใหส้ มาชิกแต่ละกลมุ่ ชว่ ยกนั ตอบคำถาม โดยเขยี น คำตอบลงในแบบบันทึกคำถาม-คำตอบ ตวั อย่างคำถาม เช่น 1) สถาบนั ทางสังคมคืออะไร 2) สถาบันทางสังคมมบี ทบาทอย่างไร 3) สถาบันทางสังคมมีความสำคัญตอ่ สงั คมไทยอย่างไรบา้ ง 6. ครใู ห้แตล่ ะกลุ่มสง่ แบบบันทึกคำถาม-คำตอบ แลว้ เฉลยคำตอบ พร้อมทง้ั รวบรวมคะแนนของแต่ละกลุ่ม กลมุ่ ทไ่ี ด้คะแนนสูงสุดเป็นผูช้ นะ 7. ครใู ห้รางวัลหรือกลา่ วคำชมเชยแกก่ ลุ่มทชี่ นะพรอ้ มสรุปความรู้จากการแขง่ ขันตอบปัญหา 8 ครแู นะนำให้นกั เรียนหาข่าวที่เกี่ยวข้องกับสถาบนั ทางสงั คม แลว้ นำมาวิเคราะห์ถงึ ความสำคัญและ บทบาทของสถาบนั ทางสังคมจากขา่ วนัน้ สรปุ 9. ครูและนกั เรยี นร่วมกนั สรุปความร้เู รื่อง สถาบันทางสงั คม โดยให้นักเรียนบันทกึ ขอ้ สรุปลงในสมดุ ***************************************** ชัว่ โมงที่ 3-4 องค์ประกอบ บทบาทและความสำคญั ของสถาบนั ทางสังคม นำเขา้ สู่บทเรียน 1. ครูใหน้ กั เรียนดูภาพของสถาบันตา่ ง ๆ เชน่ ครอบครัว โรงเรยี น วัด การประกอบอาชีพต่าง ๆ องค์กรทาง การเมือง แลว้ ซักถามนักเรยี นวา่ นักเรียนมคี วามเก่ยี วข้องกับภาพใดบ้าง หลงั จากนน้ั ครูอธบิ ายเพื่อเชอื่ มโยงเขา้ สู่ เน้อื หา กจิ กรรมการเรยี นรู้ 2. นกั เรยี นรว่ มกนั ศกึ ษาค้นควา้ เรื่องสถาบันสงั คมทีส่ ำคัญ 3. เมือ่ นักเรยี นศึกษาคน้ คว้าแลว้ ครูอธบิ ายเพิม่ เติม และซักถามนักเรียนเก่ยี วกบั ความรู้เร่ืองสถาบนั ทาง สังคมทสี่ ำคัญ 4. ครใู ห้นกั เรยี นแบ่งกลมุ่ ออกเป็น 7 กลุม่ เพอื่ ให้แต่ละกลมุ่ อภปิ รายเก่ยี วกับบทบาทหน้าที่ ความสำคญั และความสมั พนั ธ์ของสมาชิกในสถาบนั ทางสังคม กลุ่มละ 1 สถาบนั ดงั นี้ กลมุ่ ท่ี 1 สถาบันครอบครัว

กลุ่มท่ี 2 สถาบันการศึกษา กลุ่มที่ 3 สถาบนั ศาสนา กลมุ่ ท่ี 4 สถาบันเศรษฐกจิ กลุ่มท่ี 5 สถาบันการเมืองการปกครอง กลุ่มท่ี 6 สถาบันส่ือสารมวลชน กลมุ่ ที่ 7 สถาบนั นันทนาการ 5. ใหแ้ ตล่ ะกล่มุ ดำเนนิ การอภิปรายพร้อมแสดงบทบาทสมมุตติ ามหัวข้อทีก่ ำหนด ในขณะที่กลุม่ ดำเนนิ การอภิปราย ครคู อยสังเกตและกระตุ้นใหท้ ุกคนแสดงความคิดเหน็ กนั อย่างเต็มท่ี 6. ให้แตล่ ะกลุม่ สรปุ บันทกึ ผลการอภปิ รายลงในแบบบันทึกผลการอภปิ รายเรอื่ ง สถาบันทางสังคมท่ีสำคัญ 7. ครสู รปุ ขอ้ มูลความรจู้ ากการอภิปราย ขั้นสรปุ 8. ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปความรเู้ รือ่ ง สถาบันทางสงั คมท่ีสำคัญ โดยใหน้ ักเรียนสรุปลงในสมดุ หรอื เขียน เป็นแผนทคี่ วามคดิ ***************************************** ชวั่ โมงท่ี 5-6 ความสัมพันธข์ องสถาบันทางสงั คม นำเขา้ สู่บทเรียน 1. ครูให้นักเรยี นดูภาพขา่ วของสภาพสังคมในยุคปจั จบุ นั แลว้ ซักถามนกั เรยี นว่า จากเนื้อข่าวเกยี่ วของกับ สถาบันใดบา้ ง และมีความเก่ียวข้องกนั อยา่ งไร หลังจากนั้นครอู ธบิ ายเพ่ือเช่อื มโยงเข้าสู่เน้ือหา กจิ กรรมการเรยี นรู้ 2. ครูอธิบายทบทวนในเรื่องบทบาท หนา้ ที่ ของสถาบนั ต่าง ๆ และคนในสถาบนั โดยยกตวั อย่างจาก สถาบันทางการศึกษา เพ่ือเชื่อมโยงกับสถาบันอ่นื ๆ ในรูปแบบของแผนผังความคดิ 3. นกั เรยี นแบง่ กล่มุ ละๆ 5 จำนวน 10 กล่มุ เพื่อศึกษาข่าวจากหนังสือ พร้อมทำแผนท่ีความคิด ความสมั พนั ธ์ของสถาบันตา่ งๆ ในสงั คม 4. ให้แตล่ ะกลุ่มนำเสนอผลงานของตนเอง ในขณะท่ีกลมุ่ ดำเนินการอภปิ ราย ครูคอยสังเกตและกระตุน้ ให้ ทุกคนแสดงความคิดเห็นกันอยา่ งเต็มที่ 5. ครแู ละนกั เรียนร่วมกันสรุปความสำคัญ บทบาทหนา้ ท่ีและความสัมพนั ธ์ของสถาบันตา่ ง ๆ ในสงั คม ผลดผี ลเสียของการปฏิบัตติ นในสังคม ข้นั สรุป 6. ครแู ละนกั เรยี นร่วมกนั สรุปความรูเ้ รื่อง สถาบันทางสังคมที่สำคัญ โดยให้นกั เรยี นสรุปลงในสมดุ หรอื เขียน เป็นแผนที่ความคิด

7. ครูให้นักเรียนทำแบบทดสอบหลังเรยี น และชว่ ยกนั เฉลยคำตอบ เพ่อื ตรวจสอบและประเมนิ ผลการ เรยี นรู้ของนักเรยี น กจิ กรรมเสนอแนะ ครใู หน้ ักเรยี นสำรวจบทบาทของสถาบันทางสงั คมต่าง ๆ ในชมุ ชนของตนเองว่า ไดป้ ฏิบตั ิตามบทบาทหน้าท่ี ของสถาบันนนั้ ได้อยา่ งถูกต้องครบถ้วนหรือไม่ อยา่ งไร สรปุ เป็นแผนทคี่ วามคิด แลว้ นำเสนอผลงานหนา้ ชน้ั เรียน สื่อการเรยี นร้รู ปู แบบ เชน่ คลปิ วิดโี อ/เอกสารเน้อื หา/เวบ็ ไซต์ คลปิ วีดโี อ / powerpoint / pakkredlearningcyber / Google sites เรอ่ื ง สถาบนั ทางสงั คม ใบงาน liveworksheets เร่ือง สถาบนั ทางสังคม pakkredlearningcyber เร่ือง สถาบนั ทางสังคม 7. สอื่ /อุปกรณ/์ แหล่งการเรียนรู้ คอื เครอื่ งมอื ในการสง่ เสริมการเรียนรูท้ ่ใี ชต้ ามท่ีกำหนดในกิจกรรมการเรียนรู้ - โปรแกรมนำเสนอเรอื่ ง สถาบันทางสงั คม- Google Meet pakkredlearningcyber 8. การวัดและประเมินผล คือ การประเมนิ ผลผูเ้ รียนตามจุดประสงค์การเรยี นรู้ ซ่งึ ควรระบุเครอ่ื งมือวัดและ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ซง่ึ สามารถศกึ ษาไดจ้ ากคู่มือหลกั สตู ร 1. การร่วมมอื จากการตอบคำถาม 2. วดั จากแบบสังเกตพฤติกรรม ระดับพฤตกิ รรมระดับดขี นึ้ ไปถือว่าผ่าน 9. บันทกึ ผลหลงั การจัดการเรยี นรู้ คือการบันทึกของครผู ู้สอนจากส่งิ ที่พบในการนำแผนจัดการเรียนรมู้ าใช้ โดยแบ่งเป็น ผลการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ ปัญหาและอุปสรรค และ ขอ้ เสนอแนะ - นกั เรียนไมส่ ามารถรายงานจบไดใ้ นครง้ั เดียวเนื่องจากการเข้าระบบออนไลนต์ ้องใช้เวลาในการรวม นักเรยี นพอสมควร

1.หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 11 เรอื่ ง เหตกุ ารณ์และการเปลย่ี นแปลงทางการเมืองการปกครองของไทย จำนวน 6 ชม แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 11 เรือ่ ง เหตุการณ์และการเปล่ียนแปลงทางการเมืองการปกครองของไทย วันที่ ................................... (ชั่วโมงท่ี 1-6) 2. สาระสำคัญ คอื การเมืองการปกครองของไทยมีการเปลีย่ นแปลงใหเ้ หมาะสมกบั ยุคสมัย นับต้งั แตก่ ารปกครอง ในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ในสมัยอยธุ ยา ธนบุรี และสมยั รัตนโกสินทร์ ซ่ึงในช่วงสมัยรัชกาลที่ 4 และรัชกาล ท่ี 5 ไดม้ ีการปฏิรูปประเทศให้ทันสมัยอย่างตะวันตก จนกระท่งั ในสมัยรชั กาลท่ี 7 เกิดการเปล่ียนแปลงคร้ังสำคัญ คือ การเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสทิ ธิราชยม์ าเป็นระบอบประชาธิปไตย โดยคณะราษฎร ซึ่งนับแต่นั้นมาประเทศไทยก็ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งช่วงนี้ก็มีเหตุการณ์สำคัญ เกิดขน้ึ หลาย ๆ เหตุการณ์ 3. มาตรฐานและตัวช้ีวดั ส 2.1 (2) วเิ คราะหข์ ้อมูลข่าวสารทางการเมืองการปกครองที่มีผลกระทบต่อสงั คมไทยสมัยปจั จุบนั 4. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ นกั เรียนสามารถ 1. ระบุเหตกุ ารณ์และการเปล่ียนแปลงสำคญั ของระบอบการปกครองไทยได้ (K) 2. เหน็ ความสำคญั ของเหตุการณ์และการเปลยี่ นแปลงที่สำคญั ของระบอบการปกครองไทย (A) 3. สื่อสารและเผยแพร่เก่ยี วกับเหตกุ ารณ์และการเปลี่ยนแปลงสำคัญของระบอบการปกครองไทย (P) 4. อธบิ ายหลกั ในการเลอื กข้อมูลขา่ วสารเพื่อนำมาวเิ คราะหไ์ ด้ (K) 5. เหน็ ความสำคญั ของการเลือกข้อมลู ข่าวสารเพื่อนำมาวิเคราะห์ (A) 6. เลอื กขอ้ มูลขา่ วสารทจ่ี ะนำมาวเิ คราะห์ได้อย่างถูกต้อง เหมาะสม (P) 5. สาระการเรยี นรู้ การเมืองการปกครองของไทยมีการเปล่ียนแปลงให้เหมาะสมกับยุคสมยั นับต้ังแต่การปกครองใน ระบอบสมบรู ณาญาสิทธริ าชย์ในสมยั อยธุ ยา ธนบรุ ี และสมยั รัตนโกสนิ ทร์ 6. การบวนการการเรยี นรู้ คอื การระบกุ จิ กรรมการเรียนรู้ที่จดั ขึ้น เพื่อใหผ้ ู้เรียนเกดิ การเรียนรู้ โดยแบ่งเป็น ชั่วโมงที่ 1-3 เหตกุ ารณ์การเปล่ียนแปลงท่ีสำคัญทางการเมอื ง นำเข้าสูบ่ ทเรียน 1. ครใู หน้ กั เรยี นดูภาพเหตุการณ์การชมุ นมุ ทางการเมือง พรอ้ มซักถามนักเรียนเพอ่ื เชื่อมโยงเข้าส่บู ทเรียน ดงั คำถามต่อไปนี้ - จากภาพเป็นเหตกุ ารณท์ เี่ ป็นการกระทำที่ถกู ต้องหรือไมเ่ พราะเหตุใด - ประชาชนสามารถออกมาเรยี กร้องทางการเมืองไดห้ รือไม่ เพราะเหตุใด กิจกรรมการเรียนรู้

2. ครูเชอื่ มโยงเขา้ สู่การปกครองในระบอบประชาธปิ ไตย พร้อมอธบิ ายหลักการในระบอบประชาธปิ ไตย รูปแบบ และนำเข้าสกู่ ารเปน็ มาการปกครองในระบอบประชาธปิ ไตย 3. ครูนำภาพในหลวงรชั กาลที่ 7 และคณะราษฎรใ์ ห้นักเรียนดพู รอ้ มอธิบายเหตุการณ์สำคญั การ เปล่ยี นแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 พอสงั เขป 4. หลังจากนั้นให้สมาชิกแต่ละกลุ่มสบื ค้นขอ้ มลู และศึกษาจากหนงั สือเรียน หอ้ งสมุด หรอื อินเทอรเ์ นต็ 5. ครูให้นกั เรียนนำเสนอในรูปแบบของภาพ สไลด์ คลปิ เร่ืองส้ัน สมดุ ภาพ ให้ครบทกุ กล่มุ 6. ตวั แทนกลุม่ นำเสนอผลการอภิปรายต่อท่ีประชุมหรือหน้าชนั้ เรียน พร้อมทั้งเปิดโอกาสใหผ้ ฟู้ ังซักถาม ผู้ อภปิ รายตอบคำถาม ครคู อยชว่ ยเหลือให้คำแนะนำ 7. ในขณะที่นักเรยี นปฏิบัติกิจกรรม ให้ครูสงั เกตพฤตกิ รรมในการทำงานและการนำเสนอผลงานของ นกั เรียนตามแบบประเมินพฤตกิ รรมในการทำงานเปน็ รายบุคคลหรอื เปน็ กลุ่ม 8. ครสู รปุ เหตกุ ารณ์สำคัญจากเหตกุ ารณ์การปกครองต่าง ๆ ในรปู แบบของ Time line พรอ้ มรว่ มกนั วิเคราะหจ์ ุดเปลี่ยน พฒั นา นำไปสู่เหตกุ ารณ์ในปจั จบุ ัน สรปุ 9. นกั เรยี นร่วมกนั สรุปประเด็นการเปลย่ี นแปลงจากประเด็นสำคญั ๆ ของแตล่ ะเหตกุ ารณน์ ำไปสู่การ เหตุการณท์ างการเมืองในยคุ ปัจจุบันในด้านข้อดีและข้อเสีย ในรปู แบบแผนผังความคดิ โดยใหน้ กั เรยี นบนั ทึก ขอ้ สรุปลงในสมดุ ***************************************** ช่ัวโมงที่ 4-5 หลักการเลือกรับข้อมลู ขา่ วสารทางการเมือง นำเขา้ ส่บู ทเรยี น 1. ครูนำเขา้ สบู่ ทเรียนโดยให้นักเรยี นดูข่าวในเร่ืองใดเร่ืองหน่งึ จากหนังสือพิมพ์ฉบบั ตา่ ง ๆ แล้วถาม นกั เรยี นวา่ เราจะรู้ได้อยา่ งไรว่าข่าวที่นำเสนอตามหนังสือพิมพน์ ถ้ี กู ตอ้ งและเปน็ ขอ้ มูลข่าวสารท่ีดี กิจกรรมการเรียนรู้ 2. ครูสุม่ นักเรียน ออกมาอธบิ ายหลกั การเลือกรับข้อมูลข่าวสารของตนเอง แลว้ ครูสรุปข้อมูลต่าง ๆ ลงบน กระดาน โดยครยู งั ไม่เฉลยว่าข้อมูลทน่ี ำเสนอนั้นถกู หรอื ผดิ 3. ให้นกั เรียนเขยี นคำถามทตี่ ้องการทราบเกี่ยวกบั หลักการเลือกรับข้อมลู ข่าวสาร จากน้ันใหน้ กั เรียนไป ศกึ ษาค้นคว้าหาคำตอบจากหนงั สือเรยี น หอ้ งสมุด หรืออนิ เทอรเ์ น็ต 4. ให้นกั เรยี นออกมานำเสนอสาระความรู้ท่ีไดไ้ ปศกึ ษาค้นคว้ามาให้เพ่ือนฟังหน้าชัน้ เรยี น 5. ให้นกั เรียนช่วยกนั วเิ คราะห์ว่าขอ้ มลู ทเ่ี พ่อื นได้ออกมานำเสนอไวใ้ นข้อ 3 ถูกหรือผิด ถ้าผดิ คำตอบท่ีถูก คืออะไร จากนัน้ ครูอธบิ ายเนื้อหาเกี่ยวกบั หลักการเลือกรบั ข้อมูลขา่ วสาร โดยใช้สือ่ ต่าง ๆ ประกอบ เชน่ หนังสอื พิมพ์ นติ ยสาร

6. หลังจากอธบิ ายจบแลว้ ครูซกั ถามนกั เรยี นเกี่ยวกบั หลักการเลอื กรบั ข้อมลู ข่าวสาร 7. ครใู ห้นกั เรียนสรปุ ความรูท้ ่ีไดจ้ ากการศึกษาเร่ือง หลักการเลอื กรับข้อมูลข่าวสารลงในแบบบนั ทกึ ความรู้ สรปุ 8. ครแู ละนักเรยี นรว่ มกันสรปุ ความรเู้ ร่อื ง หลกั การเลอื กรับขอ้ มูลขา่ วสาร โดยใหน้ กั เรียนสรุปเปน็ เรยี งความ แผนท่ีความคิด หรือผังมโนทัศน์ พร้อมตกแตง่ ให้สวยงาม 9. ครใู ห้นักเรียนทำแบบทดสอบหลังเรยี น และชว่ ยกันเฉลยคำตอบ เพ่อื ตรวจสอบและประเมินผลการ เรยี นร้ขู องนักเรยี น กิจกรรมเสนอแนะ ครูใหน้ กั เรยี นสำรวจและรวบรวมขา่ วสารต่าง แลว้ นำข่าวน้นั มาช่วยกันวิเคราะหว์ า่ ขา่ วใดท่ีสมควรเลอื กรับ หรอื ขา่ วใดที่ไมส่ มควรเลอื กรับ เพราะอะไร แล้วนำสรปุ ผ่าน google meet สือ่ การเรียนร้รู ปู แบบ เช่น คลปิ วดิ โี อ/เอกสารเน้ือหา/เว็บไซต์ คลิปวีดีโอ / powerpoint / pakkredlearningcyber / Google sites เรือ่ ง ใบงาน liveworksheets เหตกุ ารณแ์ ละการเปลย่ี นแปลงทางการเมอื งการปกครองของไทย เรื่อง pakkredlearningcyber เร่ือง เหตุการณแ์ ละการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองการปกครองของไทย 7. สอ่ื /อุปกรณ/์ แหล่งการเรียนรู้ คือ เครือ่ งมือในการส่งเสริมการเรียนรู้ท่ีใชต้ ามทก่ี ำหนดในกจิ กรรมการเรยี นรู้ - โปรแกรมนำเสนอเรอ่ื ง เหตุการณแ์ ละการเปลีย่ นแปลงทางการเมืองการปกครองของไทย - Google Meet pakkredlearningcybe 8. การวดั และประเมินผล คือ การประเมินผลผู้เรียนตามจดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ซ่ึงควรระบเุ คร่ืองมือวดั และ เกณฑ์การให้คะแนน ซึง่ สามารถศกึ ษาไดจ้ ากคู่มือหลักสูตร 1. การรว่ มมอื จากการตอบคำถาม 2. วัดจากแบบสงั เกตพฤติกรรม ระดับพฤติกรรมระดบั ดีข้ึนไปถือวา่ ผ่าน 9. บนั ทกึ ผลหลังการจดั การเรียนรู้ คือการบนั ทกึ ของครูผู้สอนจากส่งิ ท่ีพบในการนำแผนจดั การเรียนรู้มาใช้ โดยแบ่งเป็น ผลการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ปญั หาและอุปสรรค และ ขอ้ เสนอแนะ - นกั เรยี นไม่สามารถรายงานจบได้ในคร้งั เดยี วเนื่องจากการเขา้ ระบบออนไลน์ต้องใชเ้ วลาในการรวม นักเรยี นพอสมควร

1.หน่วยการเรียนรู้ที่ ……. เรอื่ ง กระบวนการตรากฎหมายกบั กฎหมายน่ารู้ จำนวน 6 ชม แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ ……… เร่ือง กระบวนการตรากฎหมายกับกฎหมายน่ารู้ วนั ท่ี ................................... (ชัว่ โมงท่ี 1-5) 2. สาระสำคัญ คือ กฎหมาย คือ ข้อบังคับที่รัฐกำหนดให้ประชาชนปฏิบตั ิตาม หากฝ่าฝืนจะถูกลงโทษ กฎหมาย เป็นสิ่งที่ทำให้บ้านเมืองเกิดความสงบและเป็นระเบียบเรียบร้อย กฎหมายมีหลายประเภท ถ้าแบ่งตามข้อความที่ บัญญัติในกฎหมายจะแบ่งเป็นกฎหมายมหาชนและกฎหมายเอกชนกฎหมายแตล่ ะประเภทจะมีกระบวนการหรอื ขั้นตอนในการตราที่แตกต่างกัน ทั้งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ พระราชบัญญัติ พระราชกำหนด พระ ราชกฤษฎีกา และข้อบัญญัติท้องถิ่นโดยประชาชนสามารถมีส่วนร่วมในการตราพระราชบัญญัติและข้อบัญญัติ ทอ้ งถิน่ ไดต้ ามวธิ ีการทก่ี ฎหมายกำหนด 3. มาตรฐานและตัวชี้วดั ส 2.1 (2) วิเคราะหข์ ้อมูลข่าวสารทางการเมืองการปกครองท่ีมีผลกระทบต่อสังคมไทยสมยั ปัจจบุ ัน ส 2.2 (1) อธบิ ายกระบวนการในการตรากฎหมาย 4. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ นกั เรยี นสามารถ 1. อธิบายความหมาย ความสำคัญของกฎหมายและกระบวนการในการตรากฎหมายได้ ได้ (K) 2. เหน็ คุณค่าและตระหนักในความสำคญั ของกฎหมาย และกระบวนการในการตรากฎหมาย (A) 3. วเิ คราะหแ์ ละปฏิบัติตนตามกฎหมายไดอ้ ย่างถกู ตอ้ ง (P) 4. ระบุแนวทางในวิธปี ฏบิ ตั ใิ นกระบวนการตรากฎหมาย และการมีสว่ นร่วมในการตรากฎหมายของ ประชาชนได้อย่างถูกตอ้ ง (K, P) 5. สาระการเรียนรู้ กฎหมาย คือ ขอ้ บงั คบั ท่รี ฐั กาหนดใหป้ ระชาชนปฏบิ ตั ิตาม หากฝ่าฝืนจะถกู ลงโทษ กฎหมายเป็นสง่ิ ท่ที าให้ บา้ นเมืองเกิดความสงบและเป็นระเบยี บเรียบรอ้ ย 6. การบวนการการเรียนรู้ คอื การระบุกิจกรรมการเรยี นรูท้ ่จี ัดขน้ึ เพอ่ื ใหผ้ เู้ รยี นเกิดการเรียนรู้ โดยแบง่ เปน็ ช่วั โมงที่ 1-2 ความหมายและความสำคัญของกฎหมายกฎหมายทเี่ ก่ยี วข้องกับตนเอง ครอบครวั นำเขา้ สู่บทเรยี น 1. ครูซกั ถามนักเรียนว่า เพราะอะไรคนในสังคมจึงต้องปฏบิ ัติตามกฎเกณฑ์และกฎระเบียบท่ีสังคมกำหนด ไว้ และมสี ง่ิ ใดบ้างท่ีใช้ควบคุมใหค้ นประพฤติและปฏิบัตติ ามกฎเกณฑห์ รือกฎระเบยี บเหล่านี้จากน้ันครูอธิบายเพื่อ เข้าส่เู น้ือหา กจิ กรรมการเรียนรู้

2. ครเู ขียนคำวา่ กฎหมาย บนกระดาน แลว้ ใหน้ ักเรยี นระดมสมองหานยิ ามของคำนี้ แล้วชว่ ยกันเรียบเรียง ให้ถูกต้อง 3. นักเรยี นร่วมกนั ระดมสมองเพอื่ นค่คู ิด บอกความสำคัญ และกฎหมายท่ีเกีย่ วข้องกับประชาชนตอ้ งปฏบิ ตั ิ คู่ละ 1 ข้อ พร้อมบนั ทึกลงบนกระดาน 4. ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกนั สรปุ ความหมาย ความสำคัญ และประเภทของกฎหมาย ให้เกดิ ความเข้าใจ ตรงกัน ลงใบงาน 5. ครูแสดงบตั รประจำตวั ประชาชนให้นกั เรยี นดู แล้วซกั ถามนักเรยี นในประเด็นต่อไปนี้ 1) เราจะตอ้ งมบี ตั รประจำตวั เม่ืออายุเทา่ ใด 2) เราจะตอ้ งไปทำบตั รประจำตวั ประชาชนทไี่ หน และตอ้ งเตรยี มเอกสารใดไปบ้าง 3) หากไปทำบตั รประจำตัวประชาชนช้าเราจะมีความผิดตามกฎหมายหรือไม่ อย่างไร 6. ครูอธบิ ายสรุปว่า การทำบัตรประจำตวั ประชาชนเป็นตัวอยา่ งหน่งึ ของการปฏบิ ตั ติ ามกฎหมายที่ เกยี่ วข้องกบั ตนเองและครอบครัว ซงึ่ ทกุ คนต้องรู้และปฏบิ ัตไิ ด้อย่างถูกต้อง 7. ครใู หน้ ักเรยี นศึกษาเรื่อง กฎหมายทเ่ี กี่ยวข้องกบั ตนเองและครอบครัว หลงั จากทน่ี ักเรียนอา่ นจบแล้ว ครู สนทนาซกั ถามนักเรยี นเกย่ี วกับความรทู้ ่ไี ดศ้ ึกษามา 8. ครูให้นกั เรียนแบ่งกลมุ่ กลุ่มละ 4 คน คละความสามารถและเพศ ออกมาจบั สลากซองคำถามเกย่ี วกับ กฎหมายท่ีเกี่ยวข้องกับตนเองและครอบครัว แลว้ ให้แตล่ ะกลมุ่ ไปคน้ คว้าหาคำตอบจากหนังสือเรยี น ในหอ้ งสมุด หรอื อินเทอร์เนต็ ตวั อย่างคำถาม เช่น 1) นิพัฒนม์ อี ายุ 15 ปี เขาสามารถซ้ือจกั รยานเพื่อใช้เป็นพาหนะไปโรงเรียนได้หรือไม่ อยา่ งไร 2) นายอนชุ าอายุ 18 ปี จะทำการสมรสกับนางสาวดารุณีอายุ 17 ปี ไดห้ รอื ไม่ อย่างไร 3) ใครบา้ งทีต่ ้องมบี ัตรประจำตวั ประชาชน และผทู้ ี่ศึกษาอย่ใู นต่างประเทศต้องมีบัตรประจำตวั ประชาชนหรือไม่ อยา่ งไร 4) บุตรนอกสมรสมีสทิ ธิเหมือนหรอื แตกต่างจากบุตรบญุ ธรรมหรือไม่ อย่างไร 9. หลงั จากน้ันใหแ้ ตล่ ะกล่มุ ตอบคำถามลงในแบบบนั ทึกคำถาม-คำตอบ แล้วส่งตัวแทนนำเสนอผลงานหนา้ ชั้นเรียน 10. ในขณะปฏิบัตกิ ิจกรรมของนักเรยี น ให้ครูสงั เกตพฤติกรรมในการทำงานและการนำเสนอผลงานของ นกั เรียนตามแบบประเมินพฤตกิ รรมในการทำงานเปน็ รายบุคคลหรือเปน็ กลุม่ 11. ครูใหแ้ ตล่ ะกลมุ่ ส่งแบบบันทกึ คำถาม-คำตอบ แลว้ เฉลยคำตอบ พร้อมทง้ั รวบรวมคะแนนของแตล่ ะกลุ่ม กลุ่มทไ่ี ดค้ ะแนนสงู สุดเป็นผู้ชนะ จากนน้ั ครูให้รางวัลหรือกล่าวคำชมเชยแก่กลมุ่ ทชี่ นะ 12. ครูสรปุ ความรจู้ ากการตอบคำถามเรอ่ื ง กฎหมายทเ่ี กีย่ วข้องกบั ตนเองและครอบครัว สรุป

13. ครแู ละนกั เรียนร่วมกันสรุปความรู้เรอื่ ง กฎหมาย โดยใหน้ ักเรยี นสรปุ ลงในสมดุ หรอื สรุปเปน็ เรียงความ แผนทีค่ วามคิด หรือผังมโนทัศน์พร้อมทั้งตกแต่งใหส้ วยงาม กจิ กรรมเสนอแนะ 14. ครูแนะนำให้นกั เรียนนำความร้ทู ี่ได้จากการเรยี นเรื่อง กฎหมาย ไปประยุกต์ใชใ้ นชวี ิตประจำวันและ เผยแพร่ให้กับบุคคลอื่น ***************************************** ชั่วโมงที่ 3 กฏหมายที่เกี่ยวข้องกับชมุ ชนและประเทศชาติ นำเขา้ สบู่ ทเรยี น 1. ครูให้นักเรยี นดภู าพประชาชนกำลังย่ืนเรือ่ งเสยี ภาษีอากร แล้วซักถามนกั เรียนว่าเป็นภาพอะไร ทำไมจงึ ตอ้ งปฏิบัตติ ามภาพน้ี แลว้ อธิบายวา่ ภาพน้ีเปน็ การเสียภาษีของประชาชน ซ่งึ เปน็ การปฏิบตั ติ ามที่กฎหมายภาษี อากรกำหนดไว้ กิจกรรมการเรียนรู้ 2. ครูอธิบายเร่ือง กฎหมายท่ีเกี่ยวข้องกับชมุ ชนและประเทศชาติ แล้วสนทนาซกั ถามนกั เรยี นเกี่ยวกับเรอ่ื ง ท่ีอธิบาย 3. ครูใหน้ กั เรียนจากนั้นใหแ้ ต่ละกลุม่ ศึกษาและสบื ค้นข้อมูล ตามหัวขอ้ ที่กำหนด 4. เม่อื ศึกษาค้นคว้าและสบื ค้นขอ้ มูลเสรจ็ แลว้ ใหแ้ ต่ละกลุ่มดำเนนิ การอภิปรายตามหัวข้อท่กี ำหนด ในขณะดำเนนิ การอภปิ ราย ครูคอยสงั เกตและกระตนุ้ ให้ทกุ คนแสดงความคิดเห็นกนั อยา่ งเต็มที่ 5. ใหแ้ ต่ละกลุ่มสรุปบันทึกผลการอภปิ รายลงในแบบบันทึกผลการอภิปรายเรอื่ ง กฎหมายท่เี กย่ี วข้องกับ ชมุ ชนและประเทศ 6. ตวั แทนกล่มุ นำเสนอผลการอภปิ รายต่อที่ประชมุ หรือหนา้ ช้นั เรยี น พร้อมทั้งเปดิ โอกาสใหผ้ ฟู้ งั ซักถาม ผู้ อภิปรายตอบคำถาม ครคู อยช่วยเหลอื ให้คำแนะนำ 7. ในขณะทน่ี ักเรยี นปฏิบัติกิจกรรม ใหค้ รสู งั เกตพฤติกรรมในการทำงานและการนำเสนอผลงานของ นกั เรียนตามแบบประเมนิ พฤตกิ รรมในการทำงานเป็นรายบคุ คลหรือเปน็ กลุม่ 8. ครูสรุปขอ้ มูลความรจู้ ากการอภิปราย สรปุ 9. ครแู ละนักเรียนรว่ มกันสรปุ ความรู้เรื่อง กฎหมายท่เี กยี่ วข้องกบั ชมุ ชนและประเทศ โดยให้นักเรยี นสรุปลง ในสมุดหรือเขยี นเป็นแผนท่คี วามคดิ พร้อมท้ังตกแตง่ ให้สวยงาม 10. ครใู ห้นกั เรยี นทำแบบทดสอบหลงั เรยี น และช่วยกันเฉลยคำตอบ เพอื่ ตรวจสอบและประเมินผลการ เรยี นรูข้ องนักเรยี น กจิ กรรมเสนอแนะ

ครูใหน้ ักเรียนสำรวจตนเองและบุคคลในครอบครัววา่ ได้ปฏิบัติตามกฎหมายท่ีเกี่ยวข้องกับชมุ ชนและ ประเทศอยา่ งถูกต้องและครบถ้วนหรือไม่ อยา่ งไร บนั ทกึ ผล แล้วนำเสนอผลงานหน้าชนั้ เรยี น ชว่ั โมงท่ี 4-5 กระบวนการตรากฎหมาย นำเขา้ สบู่ ทเรียน 1. ครูให้นกั เรยี นดภู าพการประชมุ รฐั สภาในการพิจารณารา่ งพระราชบัญญตั ิ แลว้ อธิบายวา่ ในการตรา กฎหมาย การพิจารณารา่ งพระราชบญั ญัตเิ ปน็ ขั้นตอนหนึ่งในกระบวนการตรากฎหมาย ซึ่งมขี น้ั ตอนอ่ืน ๆ อีก หลายขนั้ ตอน แล้วนำเข้าสู่เน้ือหา กจิ กรรมการเรยี นรู้ 2. ครูอธบิ ายเกี่ยวกบั กระบวนการตรากฎหมายใหน้ กั เรียนฟัง จากนั้นสนทนาซักถามความรู้นกั เรยี นในเรื่อง ที่อธิบาย 3. ครกู ล่าวชมเชยนกั เรยี น ครูและนกั เรยี นร่วมกันสรุปความรทู้ ่ไี ดร้ บั 4. ครูใหน้ กั เรยี น แตล่ ะกลุ่มร่วมกันอภิปรายและสรปุ ความรู้ที่ได้รบั แล้วสง่ ตัวแทนออกมานำเสนอผลงาน หน้าชน้ั เรียน 5. ในขณะปฏบิ ัติกิจกรรมของนกั เรยี น ใหค้ รสู งั เกตพฤติกรรมในการทำงานและการนำเสนอผลงานของ นกั เรยี นตามแบบประเมินพฤติกรรมในการทำงานเป็นรายบคุ คลหรอื เปน็ กลุ่ม 6. ครูให้นกั เรียนสรปุ ความรทู้ ่ีได้จากการศึกษาเรื่อง กระบวนการตรากฎหมายลงในแบบบันทกึ ความรูเ้ ป็น การบ้าน 7. ครทู บทวนความร้เู รื่อง กระบวนการตรากฎหมาย จากน้ันอธบิ ายเร่ือง การมสี ่วนร่วมในการตรากฎหมาย ของประชาชน อยา่ งกวา้ ง ๆ ใหน้ ักเรียนฟัง 8. ครใู หน้ ักเรยี นแบ่งออกเปน็ 2 ฝา่ ย ศกึ ษาเร่ือง การมสี ่วนรว่ มในการตรากฎหมายของประชาชน จากนั้น ใหน้ ักเรียนเล่มเกมปจุ ฉา–วสิ ัชนา (ถาม–ตอบ) โดยใหแ้ ตล่ ะฝ่ายผลดั กนั ต้งั คำถามถามเพื่ออีกฝา่ ยตามเวลาท่ี กำหนด ฝา่ ยใดถามและตอบไดม้ ากกว่า ฝ่ายนน้ั เป็นฝา่ ยชนะ 9. ครูสรุปความร้เู รือ่ งการมีส่วนร่วมในการตรากฎหมายของประชาชน แล้วให้นักเรยี นเขียนสรปุ ความรูท้ ี่ ได้รบั ลงในแบบบันทึกความรเู้ ปน็ การบ้าน สรุป 10. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปความรเู้ รอ่ื ง กระบวนการตรากฎหมาย โดยใหน้ กั เรียนสรุปลงในสมดุ หรือ จัดทำในรูปแบบของ Power Point 11. นักเรยี นทำแบบทดสอบหลังเรยี น กิจกรรมเสนอแนะ

ครใู ห้นกั เรียนสบื คน้ การมีส่วนร่วมในการตรากฎหมายของประชาชนชาวไทย สรปุ แลว้ นำเสนอผลงานหนา้ ชน้ั เรยี น สื่อการเรยี นรูร้ ูปแบบ เชน่ คลิปวิดีโอ/เอกสารเนื้อหา/เว็บไซต์ คลิปวดี ีโอ / powerpoint / pakkredlearningcyber / Google sites เรอ่ื ง กฏหมายที่เกยี่ วข้องกับชมุ ชนและประเทศชาติ ใบงาน liveworksheets กฏหมายท่เี กี่ยวขอ้ งกบั ชมุ ชนและประเทศชาติเร่ือง pakkredlearningcyber เร่ือง กฏหมายท่ีเก่ียวข้องกับชุมชนและประเทศชาติ 7. สือ่ /อปุ กรณ/์ แหล่งการเรียนรู้ คือ เครอื่ งมือในการส่งเสรมิ การเรยี นรู้ท่ีใช้ตามท่ีกำหนดในกจิ กรรมการเรียนรู้ - โปรแกรมนำเสนอเรอ่ื ง กระบวนการตรากฎหมาย - Google Meet pakkredlearningcyber 8. การวดั และประเมินผล คือ การประเมินผลผูเ้ รยี นตามจุดประสงค์การเรียนรู้ ซงึ่ ควรระบุเครอื่ งมือวัดและ เกณฑ์การให้คะแนน ซึง่ สามารถศึกษาไดจ้ ากคู่มอื หลกั สตู ร 1. การร่วมมือจากการตอบคำถาม 2. วัดจากแบบสงั เกตพฤติกรรม ระดับพฤติกรรมระดบั ดีขนึ้ ไปถือว่าผ่าน 9. บันทกึ ผลหลงั การจัดการเรียนรู้ คือการบันทึกของครูผู้สอนจากสิ่งท่ีพบในการนำแผนจัดการเรียนรมู้ าใช้ โดยแบ่งเป็น ผลการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ ปญั หาและอุปสรรค และ ขอ้ เสนอแนะ - นกั เรียนไม่สามารถรายงานจบได้ในครัง้ เดยี วเน่อื งจากการเข้าระบบออนไลนต์ ้องใชเ้ วลาในการรวม นักเรยี นพอสมควร

1.หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี …….. เร่ือง วัฒนธรรมไทยและวัฒนธรรมของภูมภิ าคเอเชีย จำนวน 5 ชม แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี ……. เรือ่ ง วัฒนธรรมไทยและวัฒนธรรมของภมู ิภาคเอเชยี วันที่ ...................... ( 1-5) 2. สาระสำคญั คอื วฒั นธรรมของประเทศในภมู ิภาคเอเชยี เช่น ญป่ี นุ่ เกาหลี จนี อินเดีย และซาอุดีอาระเบยี ล้วน มีความโดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ วัฒนธรรมเหล่านี้มีทั้งส่วนที่คล้ายคลึงและแตกต่างกับวัฒนธรรมไทย ทั้งด้าน การแต่งกาย ภาษา ความเชื่อ และอาหาร วัฒนธรรมเป็นสิ่งหนึ่งที่สามารถสร้างความเข้าใจอันดีระหว่างคนต่าง วฒั นธรรมได้ ไม่ว่าจะเป็น วัฒนธรรมที่เก่ียวกับภาษา ความเชือ่ และขนบธรรมเนียมประเพณี การเรยี นร้วู ัฒนธรรม เหลา่ น้จี ะทำใหเ้ กดิ ความเขา้ ใจกันและอยรู่ ว่ มกันได้อย่างสนั ติสขุ 3. มาตรฐานและตัวช้ีวัด ส 2.1 (4) อธบิ ายความคล้ายคลงึ และความแตกตา่ งของวฒั นธรรมไทยและวัฒนธรรมของประเทศใน ภมู ภิ าคเอเชีย เพอื่ นำไปส่คู วามเข้าใจอันดรี ะหวา่ งกัน 4. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ นักเรียนสามารถ 1. อธบิ ายความคล้ายคลึงและความแตกต่างของวัฒนธรรมไทยและวฒั นธรรมในภมู ิภาคเอเชียได้ (K) 2. อธิบายวฒั นธรรมทนี่ ำไปสู่ความเข้าใจอนั ดีระหวา่ งกนั ได้ (K) 3. เหน็ คณุ ค่าของวัฒนธรรมไทยและชาตติ า่ ง ๆ (A) 4. เหน็ ความสำคญั ของวัฒนธรรมทน่ี ำสคู่ วามเข้าใจอนั ดีระหวา่ งกัน (A) 5. ส่อื สารและวิเคราะหว์ ัฒนธรรมของชาตติ ่าง ๆ ท่คี ลา้ ยคลงึ กบั วัฒนธรรมไทย รวมถึงวัฒนธรรมที่ นำไปสู่ ความเขา้ ใจอันดีระหว่างกนั ได้ (P) 5. สาระการเรยี นรู้ วัฒนธรรมไทย ทง้ั ดา้ นการแต่งกาย ภาษา ความเชือ่ และอาหาร วัฒนธรรมเป็นสิ่งหน่ึงที่สามารถสร้าง ความเข้าใจอันดีระหว่างคนต่างวฒั นธรรมได้ ไมว่ า่ จะเปน็ วฒั นธรรมท่ีเกยี่ วกับภาษา ความเชอื่ และ ขนบธรรมเนียมประเพณี การเรยี นร้วู ัฒนธรรมเหล่านจี้ ะทำให้เกิดความเขา้ ใจกันและอย่รู ่วมกนั ได้อยา่ งสนั ติสุข 6. การบวนการการเรียนรู้ คือ การระบกุ จิ กรรมการเรียนร้ทู ่จี ัดข้ึน เพ่อื ให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ โดยแบง่ เปน็ ชั่วโมงที่ 1-3 ความคลา้ ยคลงึ และความแตกตา่ งทางวัฒนธรรมของไทยและประเทศในภูมิภาคเอเชีย นำเข้าสบู่ ทเรียน 1. ครูใหน้ กั เรยี นดภู าพวฒั นธรรมของประเทศตา่ ง ๆ ในภูมิภาคเอเชยี เชน่ ภาพชดุ กิโมโน ฮนั บก ก่ีเพา้ สา่ หรี ภาพอาหารของแต่ละชาติ ภาพประเพณีและวัฒนธรรม แลว้ ซักถามนักเรียนว่า วัฒนธรรมตามภาพเหลา่ นี้ คลา้ ยคลึงหรอื แตกตา่ งจากวัฒนธรรมไทยอยา่ งไรบ้าง จากนนั้ อธิบายวา่ ภาพเหล่านเี้ ป็นภาพของวฒั นธรรมของ ประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคเอเชยี ซ่งึ มีทงั้ ในสว่ นทีค่ ล้ายคลึงและแตกต่างกับวฒั นธรรมไทย

กจิ กรรมการเรยี นรู้ 2. ครูอธบิ ายเร่ืองความคลา้ ยคลงึ และความแตกต่างทางวฒั นธรรมของไทยและประเทศในภูมภิ าคเอเชยี โดยเนน้ ในส่วนของวัฒนธรรมไทย 3. เมอื่ อธบิ ายจบแลว้ ครสู นทนาซักถามความรู้กับนักเรียนในเร่อื งที่ศกึ ษา 5. ครูมอบหมายใหส้ มาชิกแต่ละคนศึกษาคน้ ควา้ เรอื่ ง ความคลา้ ยคลึงและความแตกต่างทางวฒั นธรรมของ ไทยกับประเทศในภูมิภาคเอเชยี คนละ 1 ประเทศ 6. ครู โดยให้นกั เรียนทีศ่ กึ ษาเร่อื งเดียวกนั ในแต่ละกล่มุ พื้นฐานมาอยู่กลุ่มเดยี วกนั 7. ให้กลมุ่ ผูเ้ ชี่ยวชาญเฉพาะช่วยกนั คน้ ควา้ ความรู้เพม่ิ เติมจากแหล่งการเรียนรู้ต่าง ๆ เชน่ หอ้ งสมุด อินเทอรเ์ น็ต ในเรอ่ื งทต่ี นไดศ้ ึกษามาในขณะทีอ่ ยู่ในกลมุ่ พ้ืนฐาน เพอ่ื เตรยี มการท่จี ะนำไปสอน อธิบาย หรอื ให้ ความรู้แกเ่ พอื่ น ๆ ในกลุม่ พื้นฐานหรอื กลมุ่ เดมิ ของตน โดยครจู ะต้องดแู ล และคอยใหค้ ำปรกึ ษาแกน่ กั เรยี นอยา่ ง ใกล้ชิด 8. ให้สมาชกิ กลมุ่ ผ้เู ชย่ี วชาญแต่ละคนกลบั เขา้ กลุ่มเดิมท่เี ป็นกลมุ่ พ้ืนฐานของตน จากนั้นแต่ละคน ผลัดเปล่ียนหมนุ เวียนกนั อธิบายใหค้ วามรเู้ พื่อนสมาชิกในกลมุ่ จนครบ โดยใหม้ ีการซักถามขอ้ สงสัย ตอบปญั หา และทบทวนใหเ้ กดิ ความเข้าใจทช่ี ดั เจน 9. ครตู ั้งคำถามในทุกหวั ขอ้ ที่ไดท้ ำการเรยี นรเู้ พอ่ื ใหส้ มาชิกของแตล่ ะกลุ่มตอบ เช่น 1) วัฒนธรรมดา้ นการแตง่ กายของไทยคลา้ ยคลึงหรอื แตกตา่ งจากวัฒนธรรมญ่ีป่นุ อย่างไรบ้าง 2) วฒั นธรรมดา้ นความเชอื่ ของไทยคลา้ ยคลงึ หรือแตกต่างกบั วฒั นธรรมเกาหลีอยา่ งไรบ้าง 3) วฒั นธรรมด้านภาษาของไทยคล้ายคลึงหรือแตกต่างกับวัฒนธรรมอนิ เดียอยา่ งไรบ้าง 4) วัฒนธรรมดา้ นอาหารของไทยเหมอื นหรือแตกตา่ งกับวัฒนธรรมจีนอยา่ งไรบ้าง 5) วฒั นธรรมไทยดา้ นใดบ้างทแี่ ตกตา่ งจากวัฒนธรรมซาอุดอี าระเบีย ใหแ้ ต่ละกลุ่มเขียนคำตอบลงในแบบบันทึกคำถาม–คำตอบ และเม่ือเขยี นคำตอบเสร็จแลว้ ส่งตัวแทน นำเสนอหน้าช้นั เรยี น แล้วรวบรวมสง่ ครู 10. ในขณะปฏิบตั กิ ิจกรรมของนักเรยี น ให้ครูสังเกตพฤตกิ รรมในการทำงานและการนำเสนอผลงานของ นักเรียนตามแบบประเมินพฤตกิ รรมในการทำงานเปน็ รายบุคคลหรอื เป็นกลุ่ม 11. ครูเฉลยคำตอบให้นักเรยี นฟัง โดยกล่มุ ท่ตี อบถูก 1 ข้อ จะได้ 1 คะแนน 12. ครูสรปุ คะแนนที่แตล่ ะกลุ่มได้ลงบนกระดานดำ จากนั้นกล่าวชมเชยกลมุ่ ทไ่ี ด้คะแนนมากที่สดุ สรปุ 13. ครแู ละนกั เรยี นร่วมกนั สรุปความร้เู รือ่ ง ความคล้ายคลึงและความแตกต่างทางวฒั นธรรมของไทยและ ประเทศในภูมภิ าคเอเชีย โดยให้นักเรียนสรปุ เปน็ แผนท่ีความคิด หรือในรปู แบบของเพาเวอรพ์ อยท์ (Power Point)

กจิ กรรมเสนอแนะ 14. ครูให้นักเรียนแบ่งกล่มุ กลมุ่ ละ 4–6 คน ค้นหาข่าวเกี่ยวกบั วฒั นธรรมของประเทศในภมู ิภาคเอเชีย แล้วร่วมกันแสดงความคิดเห็น 15. ครูแนะนำใหน้ ักเรียนทำป้ายนเิ ทศรณรงค์ใหเ้ พ่ือนในโรงเรยี นเห็นความสำคัญของวฒั นธรรมไทยและ วฒั นธรรมของประเทศตา่ ง ๆ ในภมู ิภาคเอเชยี ***************************************** ชว่ั โมงที่ 4-5 วัฒนธรรมนำสูค่ วามเข้าใจอนั ดรี ะหวา่ งกัน นำเข้าสู่บทเรียน 1. ครูใหน้ ักเรยี นหันไปยิ้มใหก้ ับเพอ่ื นทีน่ ่งั ขา้ ง ๆ พร้อมกบั ยกมอื ไหว้ และกลา่ วคำว่า สวสั ดีครบั /สวัสดคี ่ะ หลงั จากนน้ั ครูซักถามนักเรยี นว่า เมอ่ื มคี นยิ้มและไหวท้ ักทายเรา เรามคี วามรสู้ กึ อยา่ งไร หลังจากน้นั ครูอธบิ ายว่า การยิม้ และการไหวเ้ ป็นวฒั นธรรมอยา่ งหนงึ่ ของไทยทจี่ ะช่วยสรา้ งความเขา้ ใจอันดีระหว่างกนั ได้ กจิ กรรมการเรยี นรู้ 2. ครอู ธบิ ายเกี่ยวกบั วฒั นธรรมนำส่คู วามเข้าใจอนั ดรี ะหวา่ งกนั ใหน้ กั เรียนฟังพอสงั เขป แล้วสนทนาซักถาม นกั เรียนเกย่ี วกบั เรื่องท่ีอธบิ าย 3. ใหน้ กั เรียนเก่ียวกบั วัฒนธรรมนำสคู่ วามเข้าใจ คนละ 1 หวั ข้อ ดงั น้ี หมายเลข 1 วฒั นธรรมทเ่ี กีย่ วกับภาษา หมายเลข 2 วฒั นธรรมท่เี ก่ยี วกับความเช่อื หมายเลข 3 วัฒนธรรมที่เกี่ยวกับขนบธรรมเนยี มประเพณี จากน้นั ใหน้ กั เรยี นศกึ ษาหวั ข้อของตนจากหนังสอื เรียน หรือหนงั สือตา่ ง ๆ ในหอ้ งสมุด หรอื จากอินเทอร์เนต็ โดยผู้ทจี่ ับสลากไดห้ ัวขอ้ เดียวกันจะต้องไปศกึ ษาคน้ ควา้ ร่วมกนั จนแมน่ ยำ หลงั จากนนั้ ให้แต่ละคนกลบั มาที่กล่มุ เดิม แล้วอธบิ ายสาระสำคัญท่ีตนศกึ ษามาให้เพื่อนรว่ มช้ันฟังหน้าช้ันเรียน 4. หลังจากทีฟ่ งั เพ่ือนอธิบายจนเขา้ ใจแล้ว ใหแ้ ตล่ ะกลุ่มร่วมกนั อภปิ รายในหัวขอ้ วฒั นธรรมนำสคู่ วาม เขา้ ใจอันดีระหวา่ งกนั แล้วส่งตวั แทนนำเสนอหนา้ ชั้นเรียน 5. ในขณะปฏบิ ตั ิกิจกรรมของนกั เรยี น ให้ครูสังเกตพฤติกรรมในการทำงานและการนำเสนอผลงานของ นกั เรียนตามแบบประเมินพฤติกรรมในการทำงานเป็นรายบุคคลหรอื เป็นกลุ่ม 6. ครูใหน้ ักเรียนสรปุ ความร้ทู ี่ได้รับจากการอภิปรายเร่ือง วัฒนธรรมนำสู่ความเข้าใจอันดีระหวา่ งกนั ลงใน แบบบนั ทึกผลการอภปิ รายเร่ือง วัฒนธรรมนำสู่ความเขา้ ใจอนั ดีระหวา่ งกนั 7. ครูและนักเรยี นร่วมกนั สรุปความร้ทู ่ีได้จากการศึกษาเรื่อง วฒั นธรรมนำสคู่ วามเข้าใจอนั ดีระหวา่ งกนั สรุป

8. ครูและนักเรียนรว่ มกนั สรุปความรู้เรือ่ ง วัฒนธรรมนำสู่ความเข้าใจอันดรี ะหว่างกัน โดยใหน้ ักเรียนสรปุ ลงในสมุด พรอ้ มทั้งวาดภาพประกอบและตกแต่งให้สวยงาม 9. ครใู ห้นกั เรยี นทำแบบทดสอบหลังเรียน และชว่ ยกันเฉลยคำตอบ เพอ่ื ตรวจสอบและประเมนิ ผลการ เรยี นรู้ของนักเรยี น กิจกรรมเสนอแนะ 10. ครใู หน้ กั เรยี นสำรวจวฒั นธรรมในท้องถ่ินของตนท่ีทำใหเ้ กดิ ความเข้าใจอันดรี ะหว่างคนในท้องถนิ่ และ คนตา่ งท้องถ่ิน สรปุ แล้วนำเสนอหน้าชน้ั เรียน 11. ครใู หน้ ักเรยี นนำประโยชนจ์ ากการเรียนเรื่องวัฒนธรรมนำสู่ความเขา้ ใจอันดีระหว่างกันไปปฏบิ ัติและ เผยแพร่ความร้ใู ห้กับผ้อู นื่ ได้ ส่ือการเรยี นร้รู ปู แบบ เชน่ คลปิ วดิ ีโอ/เอกสารเนื้อหา/เว็บไซต์ คลปิ วีดีโอ / powerpoint / pakkredlearningcyber / Google sites เรอ่ื ง วฒั นธรรมไทยและวัฒนธรรมของภมู ิภาคเอเชยี ใบงาน liveworksheets เร่ือง วฒั นธรรมไทยและวฒั นธรรมของภูมิภาคเอเชีย pakkredlearningcyber เร่ือง วัฒนธรรมไทยและวัฒนธรรมของภมู ภิ าคเอเชยี 7. ส่ือ/อุปกรณ/์ แหล่งการเรียนรู้ คือ เครอื่ งมือในการสง่ เสริมการเรียนรู้ทใ่ี ช้ตามทีก่ ำหนดในกิจกรรมการเรยี นรู้ - โปรแกรมนำเสนอเรื่อง วฒั นธรรมไทยและวัฒนธรรมของภูมภิ าคเอเชยี - Google Meet pakkredlearningcyber 8. การวัดและประเมินผล คือ การประเมินผลผู้เรียนตามจดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ ซ่งึ ควรระบุเคร่ืองมือวดั และ เกณฑ์การให้คะแนน ซง่ึ สามารถศึกษาไดจ้ ากคู่มือหลักสตู ร 1. การรว่ มมือจากการตอบคำถาม 2. วดั จากแบบสงั เกตพฤติกรรม ระดบั พฤตกิ รรมระดับดีขึ้นไปถือว่าผ่าน 9. บนั ทกึ ผลหลงั การจัดการเรียนรู้ คอื การบนั ทกึ ของครูผู้สอนจากสิง่ ท่ีพบในการนำแผนจัดการเรยี นรมู้ าใช้ โดยแบง่ เปน็ ผลการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ ปญั หาและอุปสรรค และ ขอ้ เสนอแนะ - นักเรียนไม่สามารถรายงานจบไดใ้ นครัง้ เดยี วเนอื่ งจากการเข้าระบบออนไลนต์ ้องใช้เวลาในการรวม นกั เรียนพอสมควร


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook