การดูแลผู้สูงอายุ วถิ พี ทุ ธ โดย ดร.นายแพทยอ์ ุทยั สุดสุข ปลดั กระทรวงสาธารณสุข คนท่ี 16 ประธานท่ีปรึกษามูลนิธิอุทยั สุดสุข ประธานที่ปรึกษาสมาคมคลงั ปัญญา อาวโุ สแห่งประเทศไทย
หัวข้อนาเสนอ• โครงสร้างประชากรผู้สูงอายุ• สภาวะสุขภาพและคุณภาพชีวติ ของผู้สูงอายุ• เหตุผลความจาเป็ นในการนาพทุ ธธรรมมาบูรณาการในการดูแล สุขภาพ• หลกั การบูรณาการพทุ ธธรรมกบั หลกั การแพทย์แผนปัจจุบัน• เครื่องมือ 3ส. 3อ. 1น.• กรณศี ึกษา : โครงการพฒั นาศักยภาพพงึ่ ตนของผู้สูงอายุเพื่อ สร้างสุขภาพ และป้องกนั ควบคุมโรคเรื้อรัง วถิ พี ทุ ธ : ภาพกจิ กรรม
โครงสร้างประชากรผู้สูงอายุจานวนประชากรท้งั ประเทศ (กลางปี 2557) 64,871,000 คนจานวนประชากรเขตเมือง (ในเขตเทศบาลทุกประเภท) 30,325,000 คน ร้อยละ 46.75จานวนประชากรเขตชนบท 34,546,000 คน ร้อยละ 53.26จานวนประชากรสูงอายุ (60ปี ขนึ้ ไป) 9,928,000 คน ร้อยละ 15.3อายุคาดเฉลย่ี เม่ือแรกเกดิ - ชาย 71.3 ปี - หญิง 78.2 ปีอายุคาดเฉลยี่ ทอ่ี ายุ 60 ปี - ชาย 20.0 ปี - หญงิ 23.2 ปีทมี่ า : สถาบันวจิ ยั ประชากรและสังคม มหาวทิ ยาลยั มหิดล ประชากรของประเทศไทยพ.ศ. 2557
โครงสร้างประชากรผู้สูงอายุ (ต่อ)จานวนและแนวโน้มของประชากรผู้สูงอายุตารางท่ี 1 ขนาดและแนวโน้มของประชากรสูงอายุ ปี พ.ศ.2555 – 2573ปี พ.ศ. จานวนประชากร รวมจานวนประชากรอายุ 60 ร้อยละของประชากรอายุ ปี ขนึ้ ไป 60 ปี ขนึ้ ไป2553 67,313,000 8,011,000 11.92557 64,871,000 9,928,000 15.32563 70,100,000 12,272,000 17.52573 70,629,000 17,763,000 25.1ทม่ี า : ข้อมูลปี 2553 – 2573 การคาดประมาณประชากรของไทย 2543 – 2573 (ข้อสมมตภิ าวะ เจริญพนั ธ์ปานกลาง) สานักงานคณะกรรมการพฒั นาเศรษฐกจิ และสังคมแห่งชาติ,2550 คดั ลอกจาก http://www.m-society.go.th/doucument/statistic/statistic_7722pdf
โครงสรา้ งประชากรผสู้ งู อายุ (ต่อ)กรงุ เทพมหานครปี พ.ศ.2557• ประชากรผสู้ งู อายุ 922,600 คน หรอื รอ้ ยละ 11.6 ของประชากรทงั้ หมด• อายรุ ะหวา่ ง 60-69 ปี 548,000 คน หรอื รอ้ ยละ 58.4 ของผสู้ งู อายทุ งั้ หมด• อายรุ ะหวา่ ง 70-79 ปี 258,000 คน หรอื รอ้ ยละ 28 ของผสู้ งู อายทุ งั้ หมด• อายุ 80 ปีขน้ึ ไป 111,600 คน หรอื รอ้ ยละ 12.1 ของผสู้ งู อายทุ งั้ หมด• ปี พ.ศ.2577 คาดการณ์ว่าประเทศไทยจะมีประชากร สงู อายรุ ้อยละ29
โครงสร้างประชากรผู้สูงอายุ (ต่อ)อายคุ าดเฉลย่ี เมื่อแรกเกดิ อายคุ าดเฉลย่ี เม่ือ 60 ปี และ 80 ปี ในช่วงปี พ.ศ. 2493 – 2593รวม แรกเกดิ 2493 - 2498 2518 - 2523 2548 - 2553 2568 - 2573 2588 – 2593 60 ปี 52.0 63.1 71.7 76.4 79.165 ปี 19.0 20.9 22.580 ปี 15.2 16.9 18.4หญงิ แรกเกดิ 54.3 65.7 75.0 79.1 81.560 ปี 20.4 22.9 24.365 ปี 16.4 18.7 20.080 ปี 7.0 8.5 9.4ชาย แรกเกดิ 49.8 60.6 68.5 73.6 76.560 ปี 17.4 18.6 20.365 ปี 13.9 14.9 16.380 ปี 5.9 6.2 7.1ทม่ี า : United Nations World Population Aging,2007 page471
โครงสร้างประชากรผู้สูงอายุ (ต่อ)ตารางท่ี 3 ร้อยละผสู้ ูงอายุ จาแนกตามกลุ่มอายุ (สารวจปี 2551 –2552) อายุ (ปี ) ร้อยละของผสู้ ูงอายุลาดบั กลุ่มผสู้ ูงอายุ1. ผสู้ ูงอายขุ ้นั ตน้ 60.69 602. ผสู้ ูงอายปุ านกลาง 70-79 313. ผสู้ ูงอายมุ ากท่ีสุด 80+ 9ที่มา : การสารวจการตรวจสุขภาพของชาติ ปี 2551 - 2552
โครงสร้างประชากรผู้สูงอายุ (ต่อ)ตารางท่ี 4 ร้อยละผู้สูงอายุจาแนกตามภาวะความสามารถในการปฏิบตั กิ จิ วตั รประจาวนั(สารวจปี 2551 – 2552)ลาดบั กล่มุ ผู้สูงอายุ จานวนท้งั หมด ร้อยละของผู้สูงอายุ (คน) ท้งั หมด1. กลุ่มทชี่ ่วยตนเองได้และช่วยคนอ่ืนได้ 6,990,000 85.02. กล่มุ ทชี่ ่วยตนเองได้บางส่วน ตดิ บ้าน 1,150,000 14.03. กล่มุ ทช่ี ่วยตนเองไม่ได้ ต้องพง่ึ พาคนอื่น 80,000 1.0 - ติดเตียง - ยากจน - ถูกทอดทงิ้ทีม่ า : การสารวจการตรวจสุขภาพของชาติ ปี 2551 - 2552
สภาวะสุขภาพและคุณภาพชีวติ ของผู้สูงอายุในประเทศไทยประเภทเจบ็ ป่ วยทเี่ ป็ นสาเหตุการนอนโรงพยาบาลของผู้สูงอายุ ปี 25521. โรคระบบไหลเวยี นโลหิต ร้อยละ 15.02. โรคระบบทางเดนิ หายใจ ร้อยละ 14.03. โรคระบบทางเดนิ อาหาร ร้อยละ 10.04. โรคติดเชื้อ ร้อยละ 10.05. โรคทางเดนิ ปัสสาวะและอวยั วะสืบพนั ธ์ ร้อยละ 8.06. โรคเนื้องอก ร้อยละ 8.07. โรคตา ร้อยละ 7.08. โรคต่อมไร้ท่อ ร้อยละ 6.09. อ่ืนๆ ร้อยละ 11.0ทีม่ า : สานักงานวจิ ยั เพื่อการพฒั นาหลกั ประกนั สุขภาพไทย 2552
สภาวะสุขภาพและคุณภาพชีวติ ของผู้สูงอายุในประเทศไทย (ต่อ)ตารางที่ 5 ร้อยละของโรคเรื้อรังในผู้สูงอายุเปรียบเทยี บระหว่างเพศชายและเพศหญงิ ปี 2550ลาดบั ประเภทของโรค ร้อยละ ชาย หญิง1. โรคความดนั โลหิตสูง 26.7 35.72. โรคเบาหวาน 9.5 16.43. โรคหัวใจ 5.0 10.04. โรคเส้นเลือดสมองตบี / ตนั เป็ นลมปัจจุบัน 2.7 2.35. โรคหลอดเลือด 1.5 1.66. โรคมะเร็ง 0.4 0.6ที่มา : การสารวจประชากรผู้สูงอายใุ นประเทศไทย พ.ศ.2550 สานักงานสถติ แิ ห่งชาติ
สภาวะสุขภาพและคุณภาพชีวติ ของผู้สูงอายใุ นประเทศไทย (ต่อ)ตารางที่ 6 ความชุกของโรคเรื้อรังในผู้สูงอายุ ปี 2552 ภาวะเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด ความชุกต่อประชากร 1 แสนคน1) ความดนั โลหิตสูง 48.12) เบาหวาน 15.93) ไขมนั ในเลือดสูง 26.14) โรคอ้วน 29.95) ภาวะอ้วนลงพงุ 36.06) กล่มุ อาการเมแทบอลกิ 36.8ทมี่ า : การคาดประมาณความชุก คานวณจากประชากร 60 ปี ขนึ้ ไป 7.3 ล้านคนในปี 2552
สภาวะสุขภาพและคุณภาพชีวติ ของผู้สูงอายุในประเทศไทย (ต่อ) ความต้องการของผู้สูงอายุ• ด้านร่างกาย – ต้องการมสี ุขภาพร่างกายทแี่ ขง็ แรงสมบูรณ์ – ต้องการได้รับการตรวจสุขภาพและรักษาพยาบาลทีส่ ะดวก รวดเร็ว ทนั ท่วงที – ต้องการผู้ช่วยเหลือดูแลอย่างใกล้ชิดในยามปกตแิ ละเม่ือเจบ็ ป่ วย – ต้องการส่ิงอานวยความสะดวกเพ่ือป้องกนั อบุ ัตเิ หตุ• ด้านจิตใจ – ต้องการความอบอ่นุ ในครอบครัว – ต้องการเยย่ี มเยือนจากเพ่ือนบ้าน ลกู หลาน ญาติ เจ้าหน้าทแ่ี ละอาสาสมัครสาธารณสุข – ต้องการทาบุญ ทากศุ ล ปฏิบตั ธิ รรม
สภาวะสุขภาพและคุณภาพชีวติ ของผู้สูงอายใุ นประเทศไทย (ต่อ)• ด้านสังคม – เศรษฐกจิ – ต้องการเป็ นส่วนหน่ึงของครอบครัว สังคม และหมู่คณะ – ต้องการการสนับสนุนช่วยเหลือจากครอบครัวและสังคม ทางด้านความ เป็ นอยู่ รายได้ การบริการจากรัฐ – ต้องการมสี ่วนร่วมในกจิ กรรมต่างๆ ของชุมชน และสังคม – ต้องการลดการพง่ึ พาคนอ่ืน – ต้องการประกนั รายได้ และมอี าชีพเสริมเพ่ือเลยี้ งชีพ รักษาตัวและทาบุญ
เหตุผลและความจาเป็ นในการนาหลกั พทุ ธธรรม มาบูรณาการในการดูแลสุขภาพ• ปัญหาสุขภาพของผู้สูงอายสุ ่วนใหญ่คือโรคเรื้อรังซ่ึงเกดิ จากพฤตกิ รรมทม่ี เี หตุปัจจัยท่ี สลบั ซับซ้อน เช่น อาหารหวาน มัน เคม็ ผกั น้อย ไม่ออกกาลงั กาย ซึมเศร้าภาวะเครียด• จาเป็ นต้องใช้สหวทิ ยาการ เทคโนโลยแี ละศิลปะในการป้องกนั และรักษาพยาบาล โรคเรื้อรัง – การแพทย์ การสาธารณสุข การสังคม การเศรษฐกจิ พอเพยี ง การศาสนา• พระพทุ ธศาสนามกี ารศึกษาวจิ ยั ทางวทิ ยาศาสตร์ ยืนยนั ว่ามอี านุภาพในการสร้าง สุขภาพ ป้องกนั ควบคุมและรักษาพยาบาลหลายโรค รวมท้งั โรคเรื้อรัง• มีเคร่ืองมือ 3ส. (สวดมนต์ สมาธิ สนทนาธรรม) 3อ. (อาหาร ออกกาลงั กาย อารมณ์ วิถี พทุ ธ) 1น. (นาฬิกาชีวติ วถิ พี ทุ ธ)• ลดโรค ลดยา ลดเวลาไปพบแพทย์ ลดค่าใช้จ่ายในการดูแลสุขภาพของปัจเจกบุคคล ครอบครัว ชุมชนและประเทศชาติ• พงึ่ พาตนเองได้ บุคคลเข้มแขง็ ครอบครัวเข้มแขง็ สังคมประเทศชาตมิ นั่ คง มง่ั คง่ั และ ยง่ั ยืน
เหตุผลและความจาเป็ นในการนาหลกั พทุ ธธรรม มาบูรณาการในการดูแลสุขภาพ (ต่อ)หลกั การบูรณาการพทุ ธธรรมกบั การแพทย์แผนปัจจุบัน• ร่างกายและจติ ใจของมนุษย์มคี วามสัมพนั ธ์อย่างแนบแน่น• การแพทย์แผนปัจจุบนั เน้นการดูแลร่างกายมากกว่าจติ ใจและแยกส่วนกนั ดูแล พทุ ธศาสนาเน้นการดูแลท้งั ร่างกายและให้จติ ใจควบคุมร่างกาย• ในช่วง 3 ทศวรรษทผ่ี ่านมาโรคเรื้อรังมอี ตั ราป่ วยและความชุกมากขนึ้ จาก พฤตกิ รรมเส่ียงหลายเหตุปัจจยั• แพทย์และนักวทิ ยาศาสตร์ได้ศึกษาวจิ ยั กลไกของจติ ท่ีมีผลต่อการทางานของ ร่างกาย• มกี ารค้นพบปฏสิ ัมพนั ธ์ระหว่างกระบวนการของจิตและประสาทอตั โนมัติ ระบบ ภูมติ ้านทาน ระบบประสาท
เหตุผลและความจาเป็ นในการนาหลกั พทุ ธธรรม มาบูรณาการในการดูแลสุขภาพ (ต่อ)หลกั การบูรณาการพทุ ธธรรมกบั การแพทย์แผนปัจจุบัน (ต่อ)• การค้นพบเร่ืองของการทางานของจติ ประสานกาย หรือจติ ประสาท ภูมคิ ุ้มกนั วทิ ยา (Psychoneuroimmunology) PNI• เป็ นวทิ ยาศาสตร์แผนใหม่ ทพี่ ยายามทาความเข้าใจถงึ ปฏิกริ ิยา และการควบคุม การทางานของร่างกายที่เกดิ ขึน้ ระหว่าง – ระบบภูมคิ ุ้มกนั ของร่างกาย – ระบบประสาท – ระบบจิตใจ ทมี่ า : รศ.ดร.สมพร กนั ทรดุษฎี เตรียมชัยศรี . การปฏิบัติสมาธิเพื่อการเยยี วยา สุขภาพ
เหตุผลและความจาเป็ นในการนาหลกั พทุ ธธรรม มาบูรณาการในการดูแลสุขภาพ (ต่อ)หลกั การบูรณาการพทุ ธธรรมกบั การแพทย์แผนปัจจุบัน ในการสร้างสุขภาพ ป้องกนั และรักษาพยาบาลโรคเรื้อรัง ตามโครงการพฒั นาศักยภาพพง่ึ ตน วถิ พี ทุ ธ ของ ผู้สูงอายุฯ 1. พทุ ธธรรม(ธรรมโอสถ)ทใ่ี ช้ในการสร้างเสริมสุขภาพ และป้องกนั โรคเรื้อรัง เพ่ือสร้างเสริมสุขภาพและป้องกนั โรค 1.1 ปฏิบตั ิ 3ส. 3อ. 1น. 1.2 ปฏิบัติข้อธรรม เฉพาะโรคเรื้อรังแต่ละโรค เช่น 1) โรคเบาหวาน ป้องกนั ได้ด้วยการน้อมนาหลกั ธรรมข้อทร่ี ู้จกั ประมาณ ในการบริโภค (โภชเนมตั ตญั ญตุ า) และธรรมข้อท่พี จิ ารณาก่อนกนิ อาหาร เช่นกนิ อาหารทมี่ คี ุณภาพไม่หวาน มนั เคม็ ด้วยข้อธรรมโยนิโสมนสิการ คือการพจิ ารณา โดยละเอยี ดแยบคาย ด้วยเหตุผล เข้าถงึ ความจริงในคุณค่าอาหารทถี่ ูกต้อง เจริญ สมาธิ เดนิ จงกรม เป็ นต้น
เหตุผลและความจาเป็ นในการนาหลกั พทุ ธธรรม มาบูรณาการในการดูแลสุขภาพ (ต่อ)หลกั การบูรณาการพุทธธรรมกบั การแพทย์แผนปัจจุบันฯ (ต่อ) 2) โรคความดนั โลหิตสูง ป้องกนั ด้วยการปฏิบตั ศิ ีล 5 ข้อ 5 เว้นจากการด่ืมสุรา เมรัย เครื่องดองของเมา เจริญสมาธิ วปิ ัสสนากมั มัฏฐาน เป็ นต้น 3) ภาวะไขมนั ในเลือดสูง ป้องกนั ด้วยการน้อมนาหลกั ธรรมข้อทรี่ ู้จกั ประมาณ ในการบริโภค (โภชเนมตั ตญั ญตุ า) และธรรมข้อที่พจิ ารณาปัจจัย4 เรื่องอาหารก่อนบริโภค เข้าถงึ ความจริง เหตุผล และประโยชน์เพ่ือหล่อเลยี้ งร่างกายให้สมบูรณ์ มใิ ช่บริโภคด้วยกเิ ลส (ปัจจยปัจจาเวกขณะ) เป็ นต้น 4) โรคหัวใจและหลอดเลือด ป้องกนั ได้ด้วยการปฏบิ ตั ิธรรมข้อศีล สมาธิ ปัญญา เดินจงกรม 5) โรคมะเร็ง ป้องกนั ด้วยการปฏบิ ตั ิธรรมข้อ ศีล สมาธิ ปัญญา เดนิ จงกรม การไม่ประมาท (อปั ปมาทะ) วปิ ัสสนากมั มฏั ฐาน 6) โรคเอดส์ ป้องกนั ด้วยการรักษาศีล 5 ข้อ 3 ละเว้นจากการส่าส่อนทางเพศ และศีล 5 ข้อ 5 ต่อด้วยสมาธิ ปัญญา การไม่ประมาท (อปั ปมาทะ) เป็ นต้น
เหตุผลและความจาเป็ นในการนาหลกั พทุ ธธรรม มาบูรณาการในการดูแลสุขภาพ (ต่อ)หลกั การบูรณาการพุทธธรรมกบั การแพทย์แผนปัจจุบนั ฯ (ต่อ) 2. พทุ ธธรรมทใี่ ช้ในการรักษาพยาบาล(ธรรมบาบัด)โรคเรื้อรัง เพื่อให้โรคหายทุเลาลดอาการ แทรกซ้อนอยู่กบั โรคได้ด้วยความสุขตามอตั ภาพ 2.1 ปฏิบัติ 3ส. 3อ. 1น. 2.2 ปฏิบัตขิ ้อธรรมเฉพาะโรคเรื้อรังแต่ละโรค เช่น 1) โรคเบาหวาน รักษาได้ด้วยการน้อมนาหลกั ธรรมข้อ ทร่ี ู้จกั ประมาณในการบริโภค (โภชเนมตั ตญั ญุตา) และธรรมข้อทีพ่ จิ ารณาอาหารท่ีกนิ มาก ทาให้เกดิ ภาวะอ้วน ซ่ึงไม่สวยงาม (อสุภะ) เจริญสมาธิ เดนิ จงกรม ธรรมข้อที่ทาให้มี กาลงั กายกาลงั ใจต่อสู้โรค (พละ 5) 2) โรคความดนั โลหิตสูง รักษาได้ด้วยการปฏิบตั ิ ศีล 5 ข้อ 5 เว้นจากการดื่มสุราเมรัย เคร่ืองดองของเมายาเสพตดิ ธรรมข้อทาให้มพี ลงั กายพลงั ใจต่อสู้โรค(พละ 5) เจริญสมาธิ วปิ ัสสนากมั มัฏฐาน
เหตุผลและความจาเป็ นในการนาหลกั พทุ ธธรรม มาบูรณาการในการดูแลสุขภาพ (ต่อ)หลกั การบูรณาการพทุ ธธรรมกบั การแพทย์แผนปัจจุบนั ฯ (ต่อ) 3) ภาวะไขมนั ในเลือดสูง รักษาได้ด้วยการน้อมนาหลกั ธรรมข้อทใ่ี ห้รู้จกั ประมาณในการบริโภค (โภชเนมตั ตญั ญตุ า) และธรรมข้อท่ีทาให้พจิ ารณาโดยแยบ คายเข้าถงึ ความจริงท้งั เหตุและผล คดิ ถูกต้อง ทาถูกต้อง (โยนิโสมนสิกา 5) 4) โรคหัวใจและหลอดเลือด รักษาได้ด้วยการปฏบิ ตั ธิ รรมข้อ ศีล สมาธิ ปัญญา เดนิ จงกรม การไม่ประมาท (อปั ปมาทะ)เจริญสติความระลกึ ได้ สัมปชัญญะ ความรู้ตวั ธรรมข้อทที่ าให้เกดิ ความสาเร็จ(อทิ ธิบาท 4) 5) โรคมะเร็ง รักษาได้ด้วยการปฏบิ ัตธิ รรมข้อ ศีล สมาธิ ปัญญา เดินจงกรม การไม่ประมาท เจริญวปิ ัสสนากมั มฏั ฐาน 6) โรคเอดส์ รักษาได้ด้วยการรักษาศีล 5 ข้อ 3 ละเว้นจากการส่าส่อนทาง เพศ และศีล 5ข้อ 5 เจริญสติสัมปชัญญะ ความไม่ประมาท(อปั ปมาทะ)
เคร่ืองมือปฏบิ ตั เิ พื่อสร้างสุขภาพ ป้องกนั และแก้ไขปัญหาโรค เรื้อรัง วถิ พี ทุ ธ– 4ส. (สีล สวดมนต์ สมาธิ สนทนาธรรม)– 4อ. (อาหาร ถูกหลกั โภชนาการ ออกกาลงั กาย อารมณ์ อดเิ รก-วถิ พี ทุ ธ)– 1น. (นาฬิกาชีวติ - วถิ พี ทุ ธ)
เครอ่ื งมอื ปฏบิ ตั เิ พอ่ื สรา้ งสขุ ภาพ ป้องกนั และแกไ้ ข ปัญหาโรคเรอ้ื รงั วถิ พี ทุ ธ (ต่อ)• สลี หรอื ศลี หมายถงึ ความประพฤตทิ างกายและ วาจา ขอ้ ปฏบิ ตั สิ าหรบั ควบคมุ กายและวาจาให้ ตงั้ อยใู่ นความดงี าม ศลี มาจากคาวา่ สลี ะ แปลวา่ ผมู้ ศี ลี จงึ หมายถงึ ผทู้ เ่ี ป็นคนปกติ• การปฏบิ ตั ขิ องผรู้ กั ษาศลี จะเป็นไปดว้ ยความมสี ติ• ศลี สาหรบั ทกุ คนคอื ศลี 5
ประโยชน์ของศลี ตอ่ การสรา้ งสขุ ภาพและป้องกนั โรค โดยตรง• การรกั ษาศลี 5 ขอ้ 3 เวน้ จากประพฤตผิ ดิ ในกามและการรกั ษาศลี 8 ขอ้ 3 เวน้ จากการประพฤตผิ อดพรหมจรรย์ คอื เวน้ จากการรว่ มประเวณี สามารถป้องกนั โรคไดห้ ลายชนิด เชน่ กามโรค โรคเอดส์ โรคตบั อกั เสบบี เป็นตน้• การรกั ษาศลี 5 ขอ้ 5 เวน้ จากของเมา คอื สรุ าเมรยั อนั เป็นทต่ี งั้ แหง่ ความ ประมาทสามารถป้องกนั โรคไดห้ ลายชนิด เชน่ ความดนั โลหติ สงู ตบั แขง็ มะเรง็ ตบั โรคกลุ่มเมตาโอลกิ อุบตั เิ หตุ เป็นตน้• การรกั ษาศลี 8 ขอ้ 6 เวน้ จากบรโิ ภคอาหารในเวลาวกิ าล คอื เทย่ี งแลว้ ไป สามารถป้องกนั โรคอว้ น โรคเบาหวาน ไขมนั ในเลอื ดสงู เป็นตน้
ประโยชน์ของศีลต่อคณุ ภาพชีวิตทวั่ ไป• ความปลอดภยั และมนั่ คงของชวี ติ• - ไมม่ งุ่ รา้ ยผอู้ น่ื• - ไมท่ จุ รติ ไมล่ ะเมดิ ทรพั ยส์ นิ ผอู้ น่ื• - ไมล่ ะเมดิ จรยิ ธรรมทางเพศ• - ไมก่ ลา่ วถอ้ ยคาทป่ี ราศจากเหตุผล ขาดสติ• - ไมด่ ม่ื เครอ่ื งดม่ื ทม่ี แี อลกอฮอลแ์ ละเสพสงิ่ เสพตดิ ทุกชนิด• - มคี วามเป็นอยเู่ รยี บงา่ ย พอเพยี ง
เคร่ืองมือปฏิบัตเิ พื่อสร้างสุขภาพ ป้องกนั และแก้ไขปัญหา โรคเรื้อรัง วถิ พี ทุ ธ (ต่อ)การสวดมนต์ มนต์หมายถึง คาพูดท่ีศักด์ิสิทธ์ิที่ต้องอาศัยการสวด หรือบริกรรมพร่าบ่น จึงจะทาให้เกิดอานุภาพในการป้องกันเหตุต่างๆ สวดมนต์เป็ นการเรียนรู้พุทธธรรม หลังจากสวดมนต์ไปได้ระยะเวลาหนึ่ง จิตใจจะเงียบสงบลง ซึ่งเป็ นจุดประสงค์ของการเจริญสมาธินั่นเอง ช่วยปลดปล่อยความเครียดและช่ วยพัฒนาการใช้ ชีวิตให้ เป็ นปกติส่ งผลให้สุขภาพดขี นึ้ ด้วย
เคร่ืองมือปฏบิ ตั เิ พื่อสร้างสุขภาพ ป้องกนั และแก้ไข ปัญหาโรคเรื้อรัง วถิ พี ทุ ธ (ต่อ)การสวดมนต์ บาบดั• การสวดมนต์ บาบัด คือ หลกั การของการใช้คุณสมบัติ ของคล่ืนมาบาบดั ความเจบ็ ป่ วย เป็ นคล่ืนจากสิ่งทมี่ ีชีวติ• มกี ารใช้คล่ืนหลายวธิ ี เช่น เก้าอไี้ ฟฟ้า เครื่องนวด เป็ นสิ่งไม่มีชีวติ
เคร่ืองมือปฏบิ ัตเิ พ่ือสร้างสุขภาพ ป้องกนั และแก้ไขปัญหาโรค เรื้อรัง วถิ พี ทุ ธ (ต่อ)การเปลย่ี นแปลงของผลกึ นา้ กบั การสวดมนต์ คาพดู และเสียงดนตรีในหนังสือสุดยอดเดอะซีเคร็ท (The Meta Secret)ได้กล่าวถึงผลงานวจิ ัยของ ดร.มาซารุ อโี มโตะ (Dr.Masaru Emoto)ที่โด่งดังไปท่ัวโลก และทาให้คนสนใจเร่ืองคุณภาพของน้ามากขึ้นเม่ือพบว่า รูปผลึกน้ามีความสวยงามและหลากหลายตามสภาวะสิ่งแวดล้อม ภาพของผลึกนา้ แสดงถึง “ใบหน้าต่างๆ ของนา้ ” และผลกึ น้าพยายามท่ีจะ “ทาตัวให้มีรูปร่างงดงาม” เพียงแค่พูดคาว่า“ขอบคุณครับ” และ “โง่” ภาพของผลกึ นา้ ทแ่ี ตกต่างกนั แล้ว
เครื่องมือปฏิบตั เิ พื่อสร้างสุขภาพ ป้องกนั และแก้ไขปัญหาโรค เรื้อรัง วถิ พี ทุ ธ (ต่อ)การเปลย่ี นแปลงของผลกึ นา้ กบั การสวดมนต์ คาพดู และเสียงดนตรี (ต่อ) ความมหัศจรรย์แห่งน้า ยังมีอะไรบางส่ิงบางอย่างที่ซ่อนไว้อีก มาก เกินท่ีเราคาดคดิ ไว้ ดร.มาซารุ อโี มโตะ ได้ทดลองกบั เสียงดนตรี ท่ีมีความรุนแรง จนไปถึงทานองคลาสสิค รูปร่ างของผลึกก็มี ผลกระทบเปลี่ยนแปลงไปตามทานองของเพลง จนมาถึงการทดลอง กบั เสียงบทสวดมนต์ ความมหัศจรรย์กไ็ ด้เกดิ ขนึ้ อกี คร้ัง โดย เกดิ ผลกึ นา้ ทม่ี ีความสวยงาม งดงาม กว่าการทดลองทผ่ี ่านมา อย่าลืมว่าร่างกายคนเราประกอบด้วยน้าถึง 70 % เพราะน้าเป็ น องค์ประกอบของเซลล์ทุกเซลล์ ดังน้ัน ถึงเรา คิดดี พูดดี ทาดี “รับ” และ “ให้” ในส่ิงดๆี สิ่งเหล่านีจ้ ะเป็ นผลดกี บั ตวั เราแน่นอน
เครื่องมือปฏบิ ัตเิ พ่ือสร้างสุขภาพ ป้องกนั และแก้ไขปัญหา โรคเรื้อรัง วถิ พี ทุ ธ (ต่อ) การเปลยี่ นแปลงของผลกึ นา้ กบั การสวดมนต์ คาพูดและเสียงดนตรี (ต่อ)ตวั อย่าง การทดลองของผลกึ นา้ รูปผลกึ นา้ ก่อนและหลงั สวดมนต์ การกล่าวกล่าวถ้อยคาและเสียงเพลงรูปผลกึ นา้ จากเขื่อนฟูจวิ าร่าก่อนนามาทานา้ มนต์ รูปผลกึ นา้ จากเขื่อนฟูจวิ าร่าหลงั ผ่านการสวดมนต์ รูปผลกึ นา้ จากการกล่าวคาว่า รัก / หรือคายกย่องชมเชย
เครื่องมือปฏิบตั เิ พ่ือสร้างสุขภาพ ป้องกนั และแก้ไขปัญหา โรคเรื้อรัง วถิ พี ทุ ธ (ต่อ)การเปลยี่ นแปลงของผลกึ นา้ กบั การสวดมนต์ คาพูดและเสียงดนตรี (ต่อ)ผลกึ นา้ จากการเปิ ดเพลงเนื้อหารุนแรง ผลกึ นา้ จากเพลงเพราะๆผลกึ นา้ ท่ีไหลผ่านคาว่า \"ฉันจะฆ่าคุณ\" ผลกึ นา้ ที่ไหลผ่านคาว่า \"ขอบคุณ
เครื่องมือปฏิบตั เิ พื่อสร้างสุขภาพ ป้องกนั และแก้ไขปัญหา โรคเรื้อรัง วถิ พี ทุ ธ (ต่อ) การเปลยี่ นแปลงของผลกึ นา้ กบั การสวดมนต์ คาพดู และเสียงดนตรี (ต่อ)การเปลยี่ นแปลงของผลกึ นา้ กบั การสวดมนต์ คาพูดและเสียงดนตรี (ต่อ)จะสังเกตได้ว่าลักษณะของน้าจะดูสวยงามเม่ือผ่านส่ิงดีดี ทุกคนลองย้อนคิดว่า ใน โลกนี้มีน้าเป็ นส่วนประกอบถึง3 ใน4 ส่วน รวมท้ังภายในร่างกายของเราด้วย เพราะเฉพาะหากเราพูดดี คิดดี อารมณ์ดี อยู่ในสถานที่ดีดี ย่อมจะทาให้น้าใน ร่างกายเรา และตัวเราเองดี มีความสุขไปด้วย ในขณะเดียวกนั หากเราจ้องแต่จะ แค้นเคือง อาฆาต ด่าทอหรือพากันไปหมกมุ่นกับส่ิงไม่ดี น้าในร่างกาย และ ตัวเองก็พลอยไม่ดี ไม่สวยงามไปด้วย อาจเป็ นคาเฉลยสาคญั ว่าทาไมคนยุคสมัย นีถ้ งึ เป็ นโรคร้ายอย่าง เช่น มะเร็งกลบั เพม่ิ มากขนึ้ กไ็ ด้ทม่ี า : ดร.มาซารุ อโี มโต๊ะ (Dr.Masaru Emoto) , Message from water.
เคร่ืองมือปฏิบตั เิ พ่ือสร้างสุขภาพ ป้องกนั และแก้ไขปัญหา โรคเรื้อรัง วถิ พี ทุ ธ (ต่อ) การเปลยี่ นแปลงของผลกึ นา้ กบั การสวดมนต์ คาพดู และเสียงดนตรี จากผลงานวจิ ัยของ ดร.มาซารุ อโี มโตะ ทว่ี ่า คลื่นเสียงสวดมนต์ทาให้ผลกึ นา้ ในร่างกายเรามีลกั ษณะสวยงามและเรียงตวั เรียบร้อยผู้บรรยายจงึ มคี วามเห็นว่า นา้ ในร่างกายของเรา ย่อมหมายถงึ เลือดในหลอดเลือดใหญ่ หลอดเลือดเลก็ หลอดเลือดฝอย เม่ือเมด็ เลือดมีลกั ษณะสวยงามและเรียงตวั เป็ นระเบียบเรียบร้อยย่อมทาให้เลือดไหลเวยี นคล่องตวั ดี โอกาสจะเกาะกนั เป็ นก้อนเลือด เกาะผนัง หลอดเลือดเกดิ การอุดตนั น่าจะน้อยลง ความเส่ียงจากภาวะหลอดเลือดอุดตันกน็ ่าจะน้อยลง สมควรทาการศึกษาวจิ ยั เกย่ี วกบั เรื่องนี้
สวดมนต์ มีประโยชน์ อย่างไร ?• เสียงสวดมนต์ด้วยสมาธิเป็ นยา – สมองของเรา เมื่อได้รับการกระตุ้นด้วยคลื่นเสียงช้าๆ สมา่ เสมอ ประมาณ 15 นาที – บริเวณก้านสมองจะหลงั่ สารส่ือประสาท ชื่อ ซีโรโทนิน (Serotonin) ซ่ึงมฤี ทธ์ิคล้ายยา นอนหลบั ช่วยการเรียนรู้ ลดความเครียด ลดอาการซึมเศร้า ลดระดบั นา้ ตาลในเลือดทา ให้เซลล์สดชื่น
สวดมนต์ มีประโยชน์ อย่างไร ? (ต่อ)• โดพามีน มีฤทธ์ิลดความก้าวร้าว อาการพาร์กนิ สัน ช่วยขยายเส้นเลือด ทาให้ ความดนั โลหิตลดลง ร่างกายรู้สึกผ่อนคลาย ไม่เครียด
สวดมนต์ มีประโยชน์ อย่างไร ? (ต่อ)• เสียงสวดมนต์กระตุ้นอวยั วะ – อาจารย์เสถยี รพงษ์ วรรณปก ราชบัณฑิต อธิบายว่า เวลาเราสวดมนต์ เสียงสวดมนต์ ช่วยกระตุ้นต่อมต่างๆ ช่วยปราบเชื้อโรค บทสวดมนต์ พทุ ธศาสนา เสียง อกั ขระ แต่ละ คาหนักเบาไม่เท่ากนั มกี ารสั่นสะเทือนมาก – น้อย ทาให้ต่อมในร่างกายถูกระตุ้น ต่อมท่ี ฝ่ อถูกกระตุ้น บ่อยๆ กค็ งคืนสภาพ
สวดมนต์ มีประโยชน์ อย่างไร ? (ต่อ) การเปล่งเสยี ง กระตุน้ หน้าผาก กระตุน้ คอ โอม กระตุน้ หวั ใจ + ลน้ิ ป่ี ฮมั กระตุน้ สะดอื ยมั กระตุน้ กน้ กบ วมั สมั สาคญั การสวดมนตใ์ หป้ ระโยชน์ทางใจ ทม่ี คี ณุ คา่ กบั ผสู้ วด
สวดมนต์ มีประโยชน์ อย่างไร ? (ต่อ)รศ.จุฑาทติ ย์ อมุ ะวชิ ุนีภาควชิ าปรัชญาและศาสนา คณะศิลปะศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์ - การสวดมนต์ มีประโยชน์ 2 ขอ้ 1. ทาใหเ้ กิดสมาธิ ตอ้ งสวดเสียงดงั ใหห้ ูไดย้ นิ เสียงตวั เอง จิตตอ้ งจดจ่อไม่ฟุ้ง 2. เขา้ ใจความหมายของบทสวดส้นั ๆ ทาใหเ้ กิดความศรัทธา
สวดมนต์ มีประโยชน์ อย่างไร ? (ต่อ)• สวดมนต์บาบดั อาการป่ วยและโรคร้าย1. โรคหัวใจ 7. โรคไมเกรน2. โรคความดนั โลหิตสูง 8. โรคออทสิ ติก3. โรคเบาหวาน 9. โรคยา้ คดิ ยา้ ทา4. โรคมะเร็ง 10. โรคอ้วน5. โรคอลั ไซเมอร์ 11. นอนไม่หลบั6. โรคซึมเศร้า 12. โรคพาร์กนิ สัน
สวดมนต์ มีประโยชน์ อย่างไร ? (ต่อ) • สวดมนต์ตอนไหนดี ทาให้หายจากโรค – ปกตสิ วดมนต์เช้า และหรือ สวดมนต์เยน็ – ดร.สมพร กนั ทรดุษฎี เตรียมชัยศรี ภาควชิ าพยาบาล สาธารณสุข มหาวทิ ยาลยั มหิดล • เวลาก่อนเข้านอน สวดบทส้ันๆ 3 – 4 พยางค์ เวลา 10 – 15 นาที ทา ให้ร่างกายหลง่ั สารซีโรโทนิน • สวดบทยาว จะได้สมาธิ ผ่อนคลาย
การเจริญสมาธิ การเจริญสมาธิ ได้แก่ การกระทาให้เกิดภาวะ ท่ีจิตแน่วแน่ต่อสิ่งที่กาหนด คือการท่ีจิตกาหนดแน่วแน่อยู่กับส่ิงใดสิ่งหนึ่ง ไม่ฟุ้งซ่าน โดยพิจารณาสิ่งน้ันอย่างเคร่งครัด เพื่อให้เกิดปัญญารู้แจ้ง ในสิ่งน้ันและการปฏิบัติสมาธิจะต้องมสี ตสิ ัมปชัญญะกากับด้วยเสมอ
การเจริญสมาธิ (ต่อ) การเจริญสมาธิ ทาให้จิตใจสงบ ใจสบายคลายทุกข์หนักแน่น มั่นคง อารมณ์แจ่มใส นอนหลับสบายความจาดี ทางานมีประสิทธิภาพ มีผลงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ว่าการเจริญสมาธิต่อเน่ืองช่วยให้ ปรับสมดุลของร่ างกายและสารเคมีในร่ างกายสร้ างสารสุ ขและภูมิคุ้มกันโรค สามารถสร้างสุขภาพและบาบัดโรคให้หายหรือทุเลาได้หลายชนิด
การเจริญสมาธิ (ต่อ) ความหมายของสมาธิ สมาธิในความหมายของพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานแปลว่า “ท่ีต้ังม่ันแห่งจิต” คือ อาการสารวมใจให้แน่วแน่ เพ่ือเพ่งเล็งในส่ิงใด ส่ิงหน่ึง โดยพจิ ารณาสิ่งน้ันอย่างเคร่งครัด เพ่ือให้เกดิ ปัญญารู้แจ้งในส่ิงน้ัน พระธรรมปิ ฎก ( ป.อ.ปยุตฺโต ) ได้อธิบายความหมายของสมาธิแปลว่า ความต้ังมั่นของจิตหรือภาวะทจี่ ิตแน่วแน่ต่อสิ่งท่กี าหนด หรือเอกคั คตา ซึ่งแปลว่า ภาวะทจ่ี ิตมีอารมณ์เป็ นหน่ึง คือ การที่จิตกาหนดแน่วแน่อยู่กบั สิ่งใด สิ่งหน่ึง ไม่ฟุ้งซ่านหรือส่ายไป
การเจริญสมาธิ (ต่อ)ลกั ษณะของจติ ทเ่ี ป็ นสมาธิ1. แขง็ แรง มพี ลงั มาก ท่านเปรียบไว้ว่าเหมือนกระแสนา้ ทถี่ ูกควบคุมให้ไหล พ่งุ ไปในทศิ ทางเดยี ว ย่อมมกี าลงั แรงกว่านา้ ทถี่ ูกปล่อยให้ไหลพร่ากระจาย ออกไป2. ราบเรียบ สงบซึ้ง เหมือนสระหรือบึงนา้ ใหญ่ท่ีมนี า้ นิ่งไม่มีลมพดั ต้องไม่มี ส่ิงรบกวนให้กระเพื่อมไหว3. ใส กระจ่าง มองเห็นอะไรๆได้ชัด เหมือนนา้ สงบน่ิง ไม่เป็ นริ้วคล่ืน และฝ่ ุน ละอองทมี่ กี ็ ตกตะกอน นอนก้นหมด4. นุ่มนวล ควรแก่งาน หรือเหมาะแก่การใช้งาน เพราะไม่เครียด ไม่กระด้าง ไม่ว่นุ ไม่ขุ่น มวั ไม่ สับสน ไม่เร่าร้อน ไม่กระวนกระวาย
การเจริญสมาธิ (ต่อ)ประโยชน์ของสมาธิตามหลกั ของพทุ ธศาสนา1. ประโยชนท์ ี่เป็นจุดหมายหรืออดุ มคติทางศาสนา : ประโยชน์ที่เป็ นความมุ่งหมายแทจ้ ริงของสมาธิตามหลกั พระพุทธศาสนา คือ เป็ นส่วนสาคญั อย่างหน่ึงแห่งการปฏิบตั ิเพื่อบรรลุจุดหมายสูงสุด อนั ไดแ้ ก่ ความหลุดพน้ จากกิเลสและทุกขท์ ้งั ปวง2. ประโยชน์ในดา้ นการสร้างความสามารถพิเศษเหนือสามญั วสิ ยั ท่ีเป็นผลสาเร็จ อยา่ งสูงในทางจิต หรือเรียกส้ัน ๆ ว่า ประโยชน์ในดา้ นอภิญญา ไดแ้ ก่การใช้ สมาธิระดบั ฌานสมบตั ิเป็นฐาน ทาใหเ้ กิดฤทธ์ิและอภิญญาข้นั โลกียอ์ ยา่ งอ่ืน ๆ คือ หูทิพย์ ตาทิพย์ ทายใจคนอื่นได้ ระลึกชาติได้
การเจริญสมาธิ (ต่อ)4. ประโยชน์ในชีวติ ประจาวนั ฝึกสมาธิแลว้ จะไดป้ ระโยชน์อะไรใน ชีวติ ประจาวนั ดงั น้ี 1) ทาใหใ้ จสบาย ไม่เครียด มีความสุข ผอ่ งใส 2) หายหวาดกลวั หายกระวนกระวายโดยไม่จาเป็น 3) นอนหลบั ง่ายไม่ฝันร้าย สงั่ ตวั เองได้ (เช่นสง่ั ใหห้ ลบั หรือต่ืนตามเวลาท่ี กาหนด ไวไ้ ด)้ 4) กระฉบั กระเฉง วอ่ งไว รู้จกั เลือกและตดั สินใจเหมาะแก่สถานการณ์ 5) มีความแน่วแน่ในจุดหมาย มีความใฝ่ สมั ฤทธ์ิสูง 6) มีสติสมั ปชญั ญะดี รู้เท่าปรากฏการณ์ และยบั ย้งั ใจไดด้ ีเยย่ี ม 7) มีประสิทธิภาพในการทางาน ทากิจกรรมสาเร็จดว้ ยดี
การเจริญสมาธิ (ต่อ)8) ส่งเสริมสมรรถภาพมนั สมอง เรียนหนังสือเก่ง ความจาดเี ยย่ี ม9) เกือ้ กลู ต่อสุขภาพร่างกาย เช่นชะลอความแก่ หรืออ่อนกว่าวยั10) รักษาโรคบางอย่าง เช่น โรคเครียด โรคท้องผูก โรคความดนั โลหิต โรคหืด หรือ โรคกายจิต อย่างอื่น โรคกายจติ (อ่านว่าโรค กา-ยะ-จติ ) หมายถงึ ไม่เป็ นโรค แต่ใจคดิ ว่าเป็ นคดิ บ่อยๆเข้าก็เลย เป็ นจริงๆ อาการอย่างนีฝ้ ึ กสมาธิสักครู่เดยี วกห็ าย โรคการเต้น ผดิ ปกติของหัวใจ โรคเบาหวาน ไขมนั ในเลือดสูง เสพยาเสพตดิ อดบุหรี่ ติดเกมส์ ติดการพนัน มกี ารศึกษาวจิ ยั คุณประโยชน์ ของการเจริญสมาธิในการสร้างสุขภาพป้องกนั และรักษาโรคเรื้อรัง ในหลายโรงพยาบาลและสถาบนั การศึกษาท้ังในและต่างประเทศ
การเจริญสมาธิ (ต่อ) สมพร กนั ทรดุษฎี – เตรียมชัยศรี ได้กล่าวว่าการปฏบิ ตั สิ มาธิในทางวทิ ยาศาสตร์ เป็ นการประยุกต์รูปแบบการปฏบิ ตั สิ มาธิจากทุกศาสนามาใช้เป็ นแนวทางให้บุคคลสามารถปฏิบัตสิ มาธิเพ่ือการสร้างเสริมสุขภาพได้ร่วมกนั จากการวจิ ยั ในอดตี จนถงึ ปัจจุบนั พบว่าการปฏิบัตสิ มาธิหลากหลายรูปแบบมผี ลต่อการทางานของร่างกายทุกระบบ ดงั ต่อไปนี้1. ผลการปฏบิ ตั สิ มาธิต่อการทางานของระบบหัวใจและหลอดเลือด 1.1 การปฏบิ ัตสิ มาธิทาให้การทางานของระบบประสาทอตั โนมตั ิ ( parasympathetic system ) ลดลงมผี ลทาให้ความดนั โลหิตลดลงในผู้ป่ วยความดนั โลหิตสูงในเวลาท่ี ปฏิบัติ 4 สัปดาห์ วนั ละ 2 คร้ัง 1.2 ลดการกระตุ้นการทางานของร่างกาย ได้แก่ ลดอตั ราการเต้นของหัวใจ ทาให้ความ ดนั โลหิต ลดลง 1.3 การปฏบิ ตั ิสมาธิในระยะเวลา 2 สัปดาห์ ช่วยลดความเสี่ยงโรคหลอดเลือดหัวใจ ทาให้ ความดนั ลดลง และในระยะเวลา 2 – 8 เดือน ช่วยให้ระดบั โคเลสเตอรอล และการอยากสูบบุหรี่ลดลง
การเจริญสมาธิ (ต่อ)2. ผลของการปฏิบตั ิสมาธิต่อการเปล่ียนแปลงของฮอร์โมนและสารเคมี การปฏิบตั ิทาใหเ้ กิดการเปล่ียนแปลงของระดบั ฮอร์โมนและสารเคมีใน ร่างกายของคนปกติได้ เช่น 2.1 การปฏิบตั ิสมาธิ 40 นาที ระดบั ฮอร์โมนเครียด (คอร์ติซอล) หลงั่ จาก ต่อมหมวกไต ลดลง ทาให้ คลายเครียด และสารเคมีต่างๆ ในร่างกาย เช่น น้าตาลในเลือดและอินซูลีน มีการเปลี่ยนแปลง ( ช่วยในการควบคุมในผปู้ ่ วย เบาหวาน ) 2.2 การปฏิบตั ิสมาธิทาใหภ้ ูมิตา้ นทานในร่างกายเพมิ่ ข้ึน และฮอร์โมนเม ลาโทนินท่ีผลิต จากต่อมไพเนียลในสมอง ที่ควบคุมการหลบั การตื่น ทาใหม้ ีผล ต่อการป้องกนั และ รักษาโรค
การเจริญสมาธิ (ต่อ)3. ผลของการปฏิบัติสมาธิต่อการเปลยี่ นแปลงด้านจิตใจ การปฏบิ ัตสิ มาธิทาให้ความเครียดลดลง และการทางานของหัวใจ และจิตใจดีขึน้ และ ทาให้การสร้างภูมิคุ้มกันดีขึ้น การปฏิบัติ สมาธิ เป็ นวิธีหน่ึงในการรักษาความวิตก กังวล เพื่อให้กากับ ควบคุมตนเองได้ และเพื่อส่งเสริมสุขภาพกายและสุขภาพจิต และช่วยในการ พืน้ ฟูสุขภาพของผู้ป่ วยโรคหัวใจ ลดความเครียด ทาให้พฤตกิ รรมดขี นึ้ โดยเฉพาะการปฏิบัติ สมาธิ ทมี่ ี การออกกาลงั กายร่วมด้วย เช่น โยคะ4. ผลการปฏิบตั สิ มาธิต่อสภาพร่างกายและสุขภาพของคนปกติ การปฏิบัติสมาธิ และวธิ ีการผ่อนคลายหลายรูปแบบได้มีการนามาใช้อย่างแพร่หลาย ในการลดความเครียด และโรคทีเ่ กย่ี วข้องกบั ความเครียด เน่ืองจากเป็ นวธิ ีที่ง่ายในการ นามา ประยุกต์ใช้ และ วิธีการ ถ่ายทอดไม่ยุ่งยากซับซ้อน การปฏิบัติสมาธิโดยการสวดมนต์ และ การคิดในทางบวก เป็ นวิธีที่ได้รับ การยอมรับ เพื่อดูแลสุขภาพจิต วิญญาณของผู้ป่ วยและ ครอบครัว
การสนทนาธรรมการสนทนาธรรม เป็ นวธิ ีการถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ การปฏบิ ัตเิ กย่ี วกบั พทุ ธธรรม ธรรมชาติ การดาเนินวถิ ชี ีวติ สุขภาพ การแก้ไขความทุกข์ และอ่ืนๆ ทเี่ ป็ นสื่อสารสองทาง ระหว่างผู้สนทนา ซ่ึงอาจมจี านวนผู้สนทนา ต้งั แต่ 2 คนขนึ้ ไป ระหว่างผู้รู้หรือผู้ทรงคุณวุฒิด้านทส่ี นใจด้วยกนั ซึ่งอาจเป็ น บรรพชิตด้วยกนั หรือบรรพชิตกบั ฆราวาส หรือฆราวาสกับ ฆราวาสด้วยกนั กไ็ ด้ ท้งั ทีเ่ ป็ นแบบทางการหรือไม่เป็ นทางการ กไ็ ด้
Search