Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ทุกข์แค่ไหนก็ดับได้

ทุกข์แค่ไหนก็ดับได้

Description: ทุกข์แค่ไหนก็ดับได้
โดย พระภาวนาเขมคุณ วิ. (พระอาจารย์สุรศักดิ์ เขมรังสี)
วัดมเหยงคณ์ จ.พระนครศรีอยุธยา

Keywords: ทุกข์แค่ไหนก็ดับได้,พระภาวนาเขมคุณ วิ.,พระอาจารย์สุรศักดิ์ เขมรังสี,วัดมเหยงคณ์

Search

Read the Text Version

ทกุ ข์แคไ่ หนกด็ บั ได้ โดย : พระภาวนาเขมคุณ (หลวงพ่อสุรศกั ดิ์ เขมรงั ส)ี บรรณาธิการสาระ : ศกั ด์ิสทิ ธ์ิ พนั ธสุ์ ัทธ์ สรรคส์ าระ : ไพโรจน์ โรจนปัญญาวัชร์ ออกแบบปก : อนชุ ติ คำ� ซองเมอื ง รปู เลม่ : วิฑรู ย์ โถนอ้ ย ภาพประกอบ : ชิชกาน ทองสงิ ห,์ สมควร กองศิลา พสิ จู นอ์ ักษร : อุธร นามวงศ,์ หนูคลา้ ย กกุ ญั ยา ISBN : 978-616-268-206-3 พิมพ์ครงั้ แรก : มถิ นุ ายน 2559 สร้างสรรค์และลิขสิทธิ์ บรษิ ัท ส�ำนกั พมิ พเ์ ลีย่ งเชยี ง เพยี รเพือ่ พทุ ธศาสน์ จำ� กดั 105/95-96 ถนนประชาอุทศิ ซอย 45 แขวงบางมด เขตทงุ่ ครุ กรงุ เทพฯ 10140 โทร./แฟกซ์ 02-872-7667 เชญิ ร่วมเผยแผ่เป็นธรรมทาน สาขาทงุ่ ครุ : โทร. 02-872-9191, 02-872-8181, 02-872-7227, 02-872-9898 [email protected], [email protected] WWW.LC2U.COM, WWW.พุทธะ.NET สาขาสำ� ราญราษฎร์ : โทร. 02-221-1050, 02-221-4446 พิมพท์ ี่ : หจก. แอลซีพี ฐติ ิพรการพมิ พ์ 105/110-112 ถนนประชาอุทิศ ซอย 45 แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กรุงเทพฯ 10140 โทร./แฟกซ์ 02-872-9577 www.thitiporn.com

ค�ำนำ� ค�ำว่า “หนี” ถือเป็นวิธีการท่ีทุกคนเลือกใช้ในยามท่ีชีวิตเจอ เรื่องคับขันหรอื ไร้ทางออก ความจริง ท่ที ุกคนกำ� ลังหนีหรอื หาทางหน ี คือ ความทุกข์ ต่างหาก เพราะถ้าเป็นความสุขคงไม่มีใครคิดหนี แตเ่ ราจะมเี วลาในชวี ติ เหลอื อกี สกั เทา่ ไหรเ่ พอ่ื หนที กุ ข์ ทสี่ ำ� คญั การหนี กลบั กลายเปน็ ทกุ ขท์ บี่ บี คนั้ จติ ใจอยตู่ ลอดเวลา มคี ำ� พดู ทปี่ ระดจุ แสงที่ สอ่ งเขา้ มาจากปลายอโุ มงคว์ า่ “ทกุ ขม์ ที ส่ี ดุ ” เพยี งแตอ่ ยา่ ปลอ่ ยให้ ทกุ ขย์ ำ่� ยเี พยี งฝา่ ยเดยี ว ไมว่ า่ ทกุ ขน์ นั้ จะมากนอ้ ยสกั เพยี งใด ควรหนั หน้าเผชญิ ทกุ ข์ อาศัยทุกข์เรียนรทู้ ุกข์ ทุกขน์ นั้ ก็จัก ดับไปในท่สี ุด น่าเสียดายหากต้องพลาดอ่านหนังสือเลม่ นี้ บริษัท ส�ำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพ่ือพุทธศาสน์ จ�ำกัด ไดน้ ำ� พระธรรมเทศนาของ พระภาวนาเขมคณุ (หลวงพอ่ สรุ ศกั ด์ิ เขมรงั ส)ี ทแี่ สดงไว้ ณ ลานธรรมเลย่ี งเชยี งใน “งานไตรสกิ ขามหา- บญุ ” ซ่งึ จดั ขึ้นในวันอาทติ ย์ทีส่ องของทกุ ๆ เดอื น มาจัดพิมพ์เป็นเล่ม ทางคณะผู้จัดท�ำได้ท�ำหัวข้อ ย่อหน้า เน้นค�ำ และวาดภาพประกอบ ใหมเ่ พือ่ ให้ผ้อู า่ นได้เขา้ ใจเน้อื หาง่าย รวดเรว็ ลกึ ซ้ึงยงิ่ ข้ึน จึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่า หนังสือ “ทุกข์แค่ไหนก็ดับได้” เล่มน้ี จักเอื้อประโยชน์ให้ผู้อ่านเข้าถึงวิธีการดับทุกข์ทั้งมวล เพอื่ ประโยชนค์ อื ความสขุ ในปจั จบุ นั ชาติ ตราบเทา่ เขา้ ถงึ พระนพิ พาน ไพโรจน์ โรจนปญั ญาวชั ร์ มถิ ุนายน ๒๕๕๙

อดตี ที่ขมขืน่ ตอ้ งสดชน่ื ในปจั จบุ ัน อดีตทผ่ี กผนั ปจั จบุ นั ตอ้ งมน่ั คง อดีตทล่ี ุ่มหลง ตอ้ งปลดปลงในปจั จบุ นั โอวาทธรรม พระภาวนาเขมคุณ (หลวงพอ่ สุรศกั ด์ิ เขมรงั สี)

5 วนั นี้ กเ็ ปน็ โอกาสดี ทท่ี า่ นทงั้ หลายไดม้ าฟงั ธรรมะในสถานท่ี ท่ีเป็นท่ีเกิดแห่งบุญกุศล ท่ีส่ังสมบารมี ท่ีบริษัท ส�ำนักพิมพ์ เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จ�ำกัด ได้จัดให้มีการบ�ำเพ็ญ บุญกุศลต่างๆ น�ำพาพยายามชักชวนญาติโยมทง้ั หลายไดป้ ฏิบัติธรรม กัน ทั้งพนักงาน เจ้าหน้าท่ี และผู้บริหารทุกฝ่ายได้ช่วยกัน อาตมา กอ็ นโุ มทนาสาธุ ที่ท่านทง้ั หลายได้มใี จเปน็ กศุ ล บริษัท สำ�นักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำ�กัด

6 จากนไ้ี ปจะไดพ้ าใหท้ ่านทัง้ หลาย ทุกข์แค่ไหนก็ดับได้ ได้ปฏบิ ตั ธิ รรมไปในตัว ฟังธรรมและก็ปฏิบตั ธิ รรมได้ดว้ ย เพราะว่า การทจ่ี ะให้เขา้ ถงึ ความสขุ สงบ ความพ้นทุกข์ ดับทุกขไ์ ดด้ ้วยตวั เองน้นั เราตอ้ งอาศัยการเจริญภาวนา เนอ่ื งจากในศาสนามีทง้ั ปรยิ ัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ ปรยิ ตั ิ กเ็ ปน็ การศึกษาเลา่ เรยี น จากการอ่าน ฟงั สอบถาม เรียนรู้ เหมอื นเรียนรู้ทฤษฎี เรยี นแผนท่ี ปฏิบัติ คือการลงมอื ท�ำ เจริญภาวนาสติปัฏฐาน เจริญวปิ ัสสนากรรมฐาน ปฏิเวธ คอื ผลที่จะเกิดขึ้นจากการปฏบิ ตั ิ หรอื เขา้ ถงึ เป้าหมายในการปฏบิ ัติ เพอ่ื ความพ้นทกุ ข์ ดบั ทุกข์ทงั้ มวล

7 น่ันแสดงว่า ชวี ิตของเรานีม้ ีความทุกขด์ ้วยกนั ทัง้ น้นั เรามีความทกุ ข์อะไรบ้าง ? ความแก่เป็นทกุ ขไ์ หม ? ความเจบ็ ไขไ้ ด้ป่วยเป็นทุกข์ไหม ? ความตายความพลัดพรากเป็นทกุ ขไ์ หม ? ความไม่สมปรารถนาเปน็ ทุกขไ์ หม ? ความเผชิญกบั ส่งิ ไม่พึงปรารถนาเป็นทุกขไ์ หม ? กนิ ไดเ้ ปล่า ทกุ ข์ มันเกดิ มา นา่ กลวั ครับ... เยอะจัง จากไหน? จงั พ่อ.... กองทกุ ข์ทงั้ หลายเหล่าน้มี ีข้ึนมาไดอ้ ย่างไร ? กเ็ พราะยังมกี ารเกดิ ขึ้นมาน่นั เอง ทำ� ไม เราจึงตอ้ งเกิดขึ้นมาอีก ? ก็เพราะเรามีกรรม คือการกระทำ� ท่ีท�ำไว้เป็น กุศลกรรม และ อกศุ ลกรรม บา้ ง บริษัท สำ�นักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำ�กัด

8 จ�ำพวกที่เกิดเปน็ สตั วเ์ ดรจั ฉาน เปรต อสรุ กาย สตั วน์ รก ก็เพราะอกศุ ลกรรมบาปกรรมท่ที ำ� ไว้ จ�ำพวกทม่ี าเกิดเปน็ มนษุ ยอ์ ยา่ งพวกเรา เพราะกศุ ลกรรม มา ดว้ ยกรรมดี เปน็ มนษุ ยถ์ อื ว่าเป็น สุคติภูมิ ข้อสำ� คญั คอื มันยังต้องเกิด เกิดมาแล้ว ยังตอ้ งแก่ ยงั ต้องเจบ็ และตอ้ งตาย ยังมที ุกข์เหน็ ปานนัน้ อยู่ก็เพราะมกี รรม ชวี ติ เรา ชวี ติ เรา ประมาทไมไ่ ด้แล้ว ประมาทไมไ่ ด้แล้ว เรามีกรรม ก็เพราะมี กเิ ลส ตัณหา อปุ าทาน ความ ทะยานอยาก ความยึดม่ันถือม่ัน จึงท�ำอกุศลกรรม ท�ำบาป ฆ่าสัตว์ ลกั ทรพั ย์ ประพฤตผิ ิดในกาม โกหก ด่มื สรุ าเมรัย เพราะอกศุ ลกรรม จิตก็เศร้าหมอง จึงไม่น่าแปลกอะไร เม่ือโทสะเกิดข้ึนมาก็ฆ่ากันได้ โลภข้ึนมา กล็ ักขโมย ฉ้อโกงกันได้ ทุกข์แค่ไหนก็ดับได้

9 ในความเปน็ จรงิ แมจ้ ะยงั มกี เิ ลส มคี วามโลภ มคี วามยดึ มน่ั ถอื มัน่ อยู่ ก็สามารถทำ� กุศลกรรมได้ ทำ� กรรมดไี ด้ เช่น คนอยากจะรวย กใ็ ห้ทาน คนอยากสวยก็รักษาศลี คนอยากเกดิ บนสวรรคก์ ็ ท�ำบญุ เราจะหนี ออกไปได้อย่างไร? การท�ำบุญท�ำกุศลของคนซ่ึงยังมีตัณหาอยู่ ยังมีอวิชชา ยังมี อุปาทาน ยงั มคี วามยึดมั่นถอื ม่นั บญุ กุศลอันนนั้ ก็ยงั เปน็ วฏั ฏคามินี คอื กศุ ลทยี่ งั เปน็ ไปในการเวยี นวา่ ยตายเกดิ ยงั ไมเ่ ปน็ เปน็ ววิ ฏั ฏ- คามนิ กี ศุ ล คือ กุศลทน่ี �ำไปสูก่ ารออกจากวัฏฏะ กรรม กเิ ลส ตัณหา อปุ าทานเกิดข้นึ มาไดอ้ ยา่ งไร ? เพราะเรามี อวิชชา แปลว่า ความไม่รู้ ไม่รู้ตามความเป็นจริง จงึ ทำ� ใหม้ ีกเิ ลส บริษัท สำ�นักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำ�กัด

10 ความจรงิ ของชวี ติ หรอื ชวี ติ จรงิ ๆ นน้ั เปน็ แบบไหน อยา่ งไร ? เพราะฉะนนั้ ทางทจ่ี ะพ้นทุกข์จรงิ ๆ นัน้ เราตอ้ งมาตดั เหตุ เหตุ ของมันคือ อวิชชา คือความไมร่ ู้ ตณั หา ความทะยานอยาก การจะท�ำลายความไม่รจู้ ึงตอ้ งอาศัยปญั ญา ปัญญาที่กลา่ วถึงนน้ั เอง จะท�ำลายอวิชชา ทา่ นทง้ั หลาย คอื กเิ ลส ตณั หา ต้องตัด อปุ าทานก่อน ท่อน�้ำเลี้ยง... เม่อื กรรมไมม่ อี าหาร สาธ.ุ ... หลอ่ เลย้ี งกเ็ ห่ยี วเฉา มลายหายไปเอง ปัญญา ก็คือ ความรู้ตามความเป็นจริง รู้จักสภาพชีวิตของ ตัวเองจริงๆ ว่า “แท้จริงเป็นเพียงธรรมชาติ ธรรมดาๆ นี้เอง” ธรรมชาติอันน้ี เรียกตามภาษาธรรมะว่า รปู ธรรม นามธรรม ทุกข์แค่ไหนก็ดับได้

11 ธรรมดาของชีวิตกค็ ือ อนิจจงั ทกุ ขัง อนัตตา ชวี ิตนจ้ี รงิ ๆ แลว้ เปน็ เพยี งธาตุธรรมชาติ ที่เปลยี่ นแปลงเกดิ ขน้ึ ดบั ไป ไมเ่ ทย่ี ง เปน็ ทกุ ข์ เปน็ ไปตามเหตุตามปัจจยั เพราะความหลงปดิ กัน้ จึงไมพ่ บความจริง จงทำ� ลายความหลงนน้ั เถดิ ออกแรงกัน หนอ่ ย... ถา้ ใครสามารถเขา้ ไปรู้ตามความเป็นจรงิ ของชวี ิตอยา่ งน้ีได้ ก็ จะท�ำลายความหลง ท�ำลายความยึดม่นั ถือม่นั ออกไปจากจติ ใจได้ บริษัท สำ�นักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำ�กัด

12 อวชิ ชาดบั กิเลส ตณั หา อุปาทานกด็ ับ เมื่อกิเลสตัณหา อุปาทานดบั กส็ น้ิ กรรม เมื่อสิ้นกรรม ก็สน้ิ การอุบตั บิ ังเกิด เมอ่ื ไม่มีการอุบตั บิ งั เกดิ ข้ึน ความแก่จะมมี าจากไหน ความเจ็บ ความตาย ความพลัดพราก กเ็ ป็นอันว่า หมดไป กองทุกข์ท้งั หลายกด็ ับลง อ๋อ..เม่ือเหตุถูกตดั ขาด ผลก็ไม่เกดิ กเ็ ท่าน้ันเอง เราจะทำ� อยา่ งไรใหป้ ัญญาเกดิ ขึ้น ? หลักการก็คือต้องเข้าสู่ขบวนการของการปฏิบัติ ท่เี รียกว่า เจริญสติปฏั ฐานหรอื เจรญิ วปิ สั สนากรรมฐาน การเจริญวิปัสสนากรรมฐานน้ัน ตัวเจริญ ตัวปฏิบัติแท้จริง กค็ อื สติ สัมปชัญญะ ความเพียรหรือองคม์ รรคน้นั เป็นขบวนการ ทุกข์แค่ไหนก็ดับได้

13 เราจะออกจาก ความวนุ่ วาย ของโลกไดอ้ ยา่ งไร หนอ...? ปฏบิ ตั ทิ ่ีไหน กำ� หนดรสู้ ่งิ ใด ? ตามหลักของการเจริญวิปัสสนาสติปัฏฐานนั้นจะต้องระลึกรู้ ทร่ี ปู นามทกี่ ำ� ลงั ปรากฏซง่ึ เรยี กวา่ สภาวะ หรอื รปู ธรรม นามธรรม วันนี้จะให้ท่านท้ังหลายฝึกเจริญวิปัสสนากรรมฐานเพียง ๑ นาที ในแต่ละขน้ั ตอนจะให้ท�ำความรู้จกั สภาวะหนงึ่ อย่าง บริษัท สำ�นักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำ�กัด

14 แบบฝึกหัดที่ ๑ จะใหท้ า่ นทงั้ หลายไดเ้ จรญิ สตทิ ำ� ความรจู้ กั สภาวธรรมทางกาย ก่อนคอื ความเยน็ ความร้อน ใน ๔ ธาตคุ อื ดนิ นำ้� ลม ไฟ ความเยน็ เปน็ ธาตอุ ะไร ? ความรอ้ นเปน็ ธาตไุ ฟ ความเยน็ เปน็ ธาตนุ ำ้� แตค่ วามจรงิ ความเย็น ก็คือ ธาตไุ ฟ ใชแ่ ลว้ .. ถ้าอยากเขา้ ใจสงิ่ ไหน ต้องท�ำความรู้จักส่งิ นั้น ให้ถอ่ งแท้ ท�ำไม ความเย็นจึงเป็นธาตไุ ฟ ? เพราะความร้อนน้อยลง เช่น อุณหภูมิเพิ่มข้ึนหรือลดลง เทา่ ไร ก็หมายถงึ ความรอ้ นลดระดับลงหรอื เพ่มิ ข้นึ ดังนั้น ความเย็น ก็คือ ธาตุไฟ ท้ังร้อนและเย็นจึงเป็น ธาตไุ ฟ ทุกข์แค่ไหนก็ดับได้

15 ขัน้ ตอนนี้ จะใหร้ ะลึกสังเกตธาตไุ ฟ ฝกึ โดยการทำ� จิตใจของ เราเหมอื นเปน็ เครอื่ งสแกน สอ่ งเอกซเรยด์ สู ภาวะความเยน็ ความ รอ้ น ในรา่ งกายตัวเอง ต้ังโปรแกรมในใจว่าจะดูกายตัวเอง หลบั ตา ลงเรมิ่ สำ� รวจส่องสงั เกตดูท่ัวๆ ร่างกายมีสมั ผัสเยน็ ร้อนไหม “โลกทงั้ ใบหรอื แมแ้ ต่ ร่างกายมนษุ ย์ แทจ้ รงิ เป็นเพยี งการประกอบกัน ของธาตทุ ง้ั ๔ นเี้ ท่านั้น” ความเยน็ มากระทบกร็ ู้สกึ เย็น บางสว่ นรอ้ น บางส่วนเย็น ดู ท่ีการหายใจวา่ หายใจเข้า - ออกให้รู้ สังเกตดูทีโ่ พรงจมกู ดูว่า หายใจเขา้ รสู้ ึกเย็นหรอื อุ่นที่โพรงจมกู หายใจออกร้อนหรือเย็น หายใจเขา้ เยน็ หรือรอ้ น บริษัท สำ�นักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำ�กัด

16 แบบฝึกหัดท่ี ๒ จะใหส้ แกนระลึกดู ธาตทุ ี่ ๒ คอื ความแคน่ แขง็ ส�ำรวจดูใน รา่ งกาย สมั ผัสแข็งอ่อนตรงไหนบา้ ง นีค่ อื ธาตดุ นิ ความรสู้ ึกวา่ แคน่ แข็งเป็นธาตุดิน ความอ่อนเปน็ ธาตุดินเช่นกัน ท�ำไม ความอ่อนจึงเป็นธาตดุ นิ เพราะเมอ่ื ธาตดุ ินมีจำ� นวนนอ้ ย ความอ่อนก็จะปรากฏขึน้ ใหห้ ลับตาท�ำความระลกึ สงั เกตหย่ังดู มือ แขน ขากระทบกนั ร้สู ึกสมั ผัส ความแค่นแข็ง ความออ่ นน่ิมบ้างหรอื ไม่ ทุกข์แค่ไหนก็ดับได้

17 ให้กำ� หนดดเู บาๆ สบายๆ ไมต่ ้องเกร็ง ไม่ตอ้ งเพง่ แตใ่ ช้ความประณตี แยบคายในการสังเกต ใครระลกึ เจอความแค่นแขง็ บา้ ง ใครยังหาไม่เจอแสดงวา่ เคร่ืองยังไมต่ ิด ทา่ นมองเห็น ธาตุดินในสองคนนห้ี รอื ไม่ ? ขยบั ตวั เจอความออ่ นไหม โยกตวั เนอ้ื ตวั สมั ผสั ผา้ รสู้ กึ อยา่ งไร เอามอื แตะผา้ ดอู อ่ นหรอื แขง็ แตะทเี่ สน้ ผมดแู ขง็ หรอื ออ่ น ถา้ แขง็ ก็แสดงวา่ ไมไ่ ด้สระ ความแขง็ ความออ่ น คอื ธาตดุ นิ มนั เปน็ เพยี งสกั แตว่ า่ ธาตุ ใหร้ ะลกึ วา่ นี่ คอื ตัวสภาวะ บริษัท สำ�นักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำ�กัด

18 แบบฝึกหัดที่ ๓ จะให้ระลกึ รู้ สภาวะที่ ๓ คือ ความตงึ ความหย่อน หรืออาการไหว ความตงึ เปน็ ธาตุอะไร ? เวลาหายใจเข้าไปตึงไหม ? หายใจเอาอะไรเขา้ ไป ? ลม ความหย่อนเป็นธาตุอะไร ? ลม ทำ� ไม ความหยอ่ นจึงเปน็ ธาตลุ ม ? เพราะความตงึ นอ้ ยลง ให้หลับตาก�ำหนดระลึกดู ท่านมองเหน็ ความตึง ความหย่อน ความไหว ธาตุลมในสองคนนห้ี รือไม่ ? ดูระบบการหายใจ หายใจเขา้ หน้าอกตงึ หรือหย่อน หายใจออก หย่อนหรือตงึ ไหวหรือกระเพื่อม หายใจเขา้ หนา้ ทอ้ งตึงหรอื หยอ่ น ใครระลกึ เจอความตงึ ความหย่อน ความไหวบา้ ง ใครยงั หาไม่เจอแสดงวา่ เครือ่ งไมท่ ำ� งาน ทุกข์แค่ไหนก็ดับได้

19 แบบฝึกหัดท่ี ๔ จะให้ระลกึ ดูความร้สู ึกความสบายและไมส่ บาย ความรู้สึก ทั้งสองอย่างน้ีเป็นธาตุชนิดหน่ึงเรียกว่า ธรรมธาตุ หรือเรียกโดย ขันธ์วา่ เวทนาขันธ์ คือ ความรู้สึกสุขและทกุ ข์ หลับตาส่องดคู วามร้สู กึ ในร่างกาย มีความสบายหรือไมส่ บาย บางสว่ นเม่อื ย ปวด เจ็บ บางส่วนก็รสู้ กึ สบาย เม่ือกอ่ นยังหลอ่ เฟย้ี วฟ้าวอยู่เลย ดูทลี่ มหายใจเข้า - ออก มีความสบายหรือไม่ สังเกตดู ใครหายใจเข้าแล้วรู้สกึ สบายบ้าง ใครหายใจออกร้สู ึกสบายบา้ ง ใครไมส่ บายทัง้ เขา้ ทง้ั ออกบ้าง ใครหาความรู้สกึ ไมเ่ จอบา้ ง ความสวยอยไู่ ด้ อยา่ งนีเ้ รยี กว่า ไมน่ านจรงิ ๆ เจรญิ วิปัสสนา สอ่ งดูสภาวะเวทนา บริษัท สำ�นักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำ�กัด

20 แบบฝึกหัดที่ ๕ จะให้ก�ำหนดดู ใครที่หายใจเข้ารู้สึกสบาย ก็ให้หายใจเข้าไป เร่ือยๆ ใครท่หี ายใจออกรู้สึกสบาย ก็ให้หายใจออกไปเร่อื ยๆ หลบั ตาลงทดลองพสิ จู น์ หายใจเขา้ ไปแลว้ หยดุ ไว้ หรอื หายใจ ออกแลว้ หยุดไว้ ทนไหวไหม ? ไม่ไหว เป็นสุขหรือเป็นทุกข์ ? ทกุ ข์ขนาดไหน ทนได้หรอื ไม่ได้ ? ไมใ่ ช่ความแก่ ใชค่ ่ะ..แมแ้ ตใ่ น เทา่ นน้ั นะทเี่ ป็นทุกข์ ลมหายใจก็มีทกุ ข์ หายใจเขา้ แล้ว เพราะทกุ ข์ ต้องหายใจออก บงั คบั ค่ะ.. หายใจออกแลว้ คอื ..ตายแนๆ่ .. ต้องหายใจเข้า ค่ะ เพราะ สมมตวิ า่ มใี ครมาขู่ ถา้ หายใจเขา้ หรอื หายใจออกจะโดนยงิ เราจะหายใจเขา้ –ออกไหม ? ตกลงว่า ทนไดไ้ หม ? ไม่ได้ สุขหรอื ทกุ ข์ ? ทกุ ขข์ นาดทนได้หรือไมไ่ ด้ ? ไมไ่ ด้ หายใจเขา้ แลว้ ตอ้ งหายใจออก เพราะอะไร ? เพราะทกุ ขม์ ันบังคับ ทนไมไ่ ดต้ ้องหายใจออก หายใจออกแล้ว ตอ้ งหายใจเขา้ เพราะอะไร ? เพราะทกุ ขม์ ันบงั คับ ทนไมไ่ ด้ต้องหายใจเขา้ ทุกข์แค่ไหนก็ดับได้

21 เราดแู คน่ ก้ี ไ็ ดป้ ญั ญาแลว้ ลมหายใจเขา้ แลว้ ทนไมไ่ ดต้ อ้ งออก ออกแลว้ ทนไมไ่ ดต้ อ้ งเขา้ เหน็ ความทนอยไู่ มไ่ ด้ เรยี กวา่ เหน็ ทกุ ข์ เห็นความไมเ่ ท่ยี ง เหน็ การเปลี่ยนแปลง เขา้ ไป ออกมา การ เปลยี่ นแปลงน้ี เรียกวา่ อนจิ จงั ความไมเ่ ที่ยง ทุกขัง ความเป็นทกุ ข์ อนตั ตา ความไม่ใชต่ ัวตน ถือว่าเปน็ ธรรมดา เราสองคน ใช่ค่ะ..แตม่ าบัดนี้ เคยหล่อ เคยสวย เราสองคนกแ็ กแ่ ลว้ ครับ น่าเสยี ดายนะครับ เพราะว่า...เป็น เราน่าจะหลอ่ สวย เรื่องธรรมดา อย่างนั้นตลอดไป ของทุกส่งิ ที่ตอ้ ง แต่ก็เป็นไปไม่ได้ เปล่ียนแปลงไป เพราะ ทำ� ไม ธรรมดาจงึ ไม่เทีย่ ง ? ทำ� ไม ความเปลยี่ นแปลง จงึ เรยี กวา่ เป็นธรรมดา ? ท�ำไม ตอ้ งเปลย่ี นแปลง ? ท�ำไม จงึ ไม่เทย่ี ง ? ทำ� ไม จึงตอ้ งมเี กิดมดี บั ? เพราะมันทนไม่ได้ใชไ่ หม ? ท�ำไม มนั จงึ ทนไม่ได้ ? บริษัท สำ�นักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำ�กัด

22 ความแปรปรวน ความเปล่ียนแปลง ความเกิดดับ มันต้องมี เพราะยังมีเหตุมีปัจจัยอยู่ เช่น ไฟฟ้ามีแสงสว่างได้เพราะอะไร เพราะมหี ลอดไฟ มกี ระแสไฟ มสี ายไฟ มสี วติ ชไ์ ฟมาเปน็ สว่ นประกอบ เรยี กว่า เปน็ เหตเุ ปน็ ปจั จยั ใหก้ นั และกนั ถ้ากดเปิดสวิตช์ก็เกิดแสงสว่างขึ้นมา ถ้ากดปิดสวิตช์ ไฟก็จะ ดับ ท�ำไมไฟจงึ ดบั ? เพราะว่า เหตปุ จั จัยหมดไป น้จี ึงเป็นเรื่องธรรมดา คอื เป็นไปตามเหตุปัจจัย เหตุกับผลมนั ตรงกัน เหตอุ ยา่ งไร ผลก็ออกมาอยา่ งน้ัน ทุกสง่ิ ก่อกำ� เนิดขน้ึ จากเหตแุ ละผล เมือ่ ดบั เหตไุ ด้ผลกไ็ ม่เกดิ ไม่มสี ิ่งใด เกิดขน้ึ มาโดยปราศจากเหตแุ ละผลเลย...จำ� ไว้นะโยม สาธุค่ะ สาธุครับ ทุกข์แค่ไหนก็ดับได้

23 สภาพธรรมเหลา่ นี้ ถา้ ปฏบิ ตั เิ ขา้ ไปเหน็ ความจรงิ กค็ อื เหตขุ อง ความเปน็ ธรรมดา เหน็ วา่ เกดิ เปน็ ธรรมดา ดบั ไปเปน็ ธรรมดา ไมเ่ ทีย่ งเปน็ ธรรมดา ธรรมดา คืออย่างไร ? ความเปลี่ยนแปลง การเกิดดับเป็น ธรรมดา ท�ำไม จงึ เปล่ยี นแปลง เพราะเปน็ ไปตามเหตุปัจจยั เมอื่ เหตปุ ัจจัยท�ำให้เกดิ ก็ต้องเกิด บงั คบั ไมไ่ ด้วา่ \"อยา่ เกดิ \" เมือ่ เหตุปัจจยั หมดไปก็ตอ้ งดับ บังคบั ไมไ่ ด้วา่ \"อย่าดบั \" นค้ี ือ “อนตั ตา” บริษัท สำ�นักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำ�กัด

24 การเข้าไปเห็นอนัตตาก็จะเห็นความจริงว่า ความแปรปรวน การเปล่ียนแปลง เกิดดบั บังคับไมไ่ ด้ ถา้ เขา้ ไปเหน็ ความจรงิ วา่ บังคบั ไม่ได้ มนั ตอ้ งเกิด มนั ต้องดับไปตามเหตุตามปจั จยั เรายังจะยืนยันฝืนส่ังว่า อย่าเกิด อย่าดับนะ อีกหรือไม่ ไม่ฝนื แล้ว สุดทา้ ยก็ ปลอ่ ยวาง เท่านน้ั เอง คงไม่หรอกค่ะคุณปา้ เพราะพวกเรา สวยด้วยธรรมอยแู่ ล้ว ถ้ามนั จะแก่ ก็คงไมม่ สี ่งิ ไหนห้ามไดห้ รอกค่ะ อยุ๊ ตายแล้ว... สวยๆ อย่างพวก หนเู นีย่ ะ ถ้าได้ เขา้ ไปเสรมิ ความงามในร้าน ปา้ นะ พวกหนจู ะ สวยมากกวา่ น้อี ีก ทุกข์แค่ไหนก็ดับได้

25 เมอื่ ใจเราวางลงปลงไดส้ ง่ิ เหลา่ นน้ั เปลยี่ นแปลงจะทกุ ขไ์ หม ? ไมท่ กุ ข์ เพราะอะไร ? เพราะเราวางไดส้ งิ่ เหลา่ นน้ั เกดิ ขนึ้ มาอกี จะทกุ ข์ ไหม ? ไมท่ กุ ข์ เพราะอะไร ? เพราะยอมรบั ได้ เวลาทเ่ี ราสญู เสียของรักจะทกุ ข์ไหม ? ไม่ทกุ ข์ เพราะอะไร ? เพราะเราวางได้ ท�ำไม จงึ วางได้ ? เพราะรู้ว่าการเปลี่ยนแปลง นัน้ เปน็ ไปตามเหตุปจั จยั สมควรแกเ่ หตปุ จั จัย เพราะส่ิงเหล่า นัน้ เขาไม่เทยี่ ง ความเสียใจ มนั เกดิ มาจากอะไร ? ความไม่สมปรารถนา ผิดหวัง ไมไ่ ดด้ ังใจ ผิดหวังเพราะอะไร ? ทุกทา่ นคะ ทเ่ี ราเปน็ ทุกข์ จึ๋ยย ผดิ หวงั เพราะเราไป หวงั แบบผิดๆ นั่นเองคะ่ เพราะหวงั ผดิ คือหวังสงิ่ ที่ตอ้ งเปลี่ยนแปลงไปตามเหตุตาม ปัจจัย หวังให้คงท่ีซื่อตรงจะต้องอยู่กับเราไม่เปล่ียนแปลงตลอดไป ความจรงิ ส่ิงเหลา่ นี้ต้องแตกดับ อย่าไปหวังผิดจะได้ไม่ผิดหวัง จะหวังต้องหวังให้ถูกให้ได้ตาม เหตุตามปัจจัย เม่ือเราทำ� เหตุปจั จัยใหถ้ กู ต้อง มันกไ็ ด้ เมอ่ื เราทำ� เหตุ ปจั จัยไมถ่ ูกต้อง เรากไ็ ม่ได้ บริษัท สำ�นักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำ�กัด

26 แบบฝึกหัดที่ ๖ จะให้ระลึกรู้ ธาตุน้�ำ ซ่ึงมีลักษณะไหลและเกาะกุม มีความเอิบอาบ ท�ำให้วัตถุเกาะกุมกันอยู่หรือไหลไปได้ ให้หลับตา ระลกึ รู้สภาพของนำ้� ที่มนั เอิบอาบที่มันไหลและเกาะกมุ เวลาอาบน้�ำ สมั ผสั น�ำ้ ทร่ี าดตวั รู้สกึ อย่างไร ? เย็น อุ่น ร้อน เปน็ ธาตอุ ะไร ? ธาตุไฟ ความแข็ง ความอ่อนเป็นธาตุอะไร ? ธาตดุ ิน ใครระลกึ เจอธาตนุ ำ้� บา้ ง ? ไมเ่ จอ ไมม่ ใี ครระลกึ เจอนนั้ ถกู แลว้ เพราะธาตนุ ้�ำไม่สามารถสมั ผสั ทางกายได้ ธาตนุ �ำ้ เป็นรปู ทล่ี ะเอยี ด ไมส่ ามารถสัมผัสทางกายได้ รูไ้ ด้ทางใจ ทุกข์แค่ไหนก็ดับได้

27 แบบฝึกหัดท่ี ๗ จะให้ระลกึ รู้ สภาวะทางใจ คือ ความนกึ คดิ ใหห้ ลบั ตา จับดคู วามนกึ คิดในใจมีความนึกคดิ ไหม คดิ กใ็ ห้รวู้ ่าคิด ไม่คดิ ก็รู้ ว่าไม่คดิ อย่างนีเ้ รยี กวา่ มสี ติ คนไมเ่ จรญิ สตจิ ะไมร่ ู้ตวั วา่ จิตคิดหรือไม่คดิ ถ้าเราเจริญสติ เวลาจิตมันคิดจะรู้ตัว ประโยชน์ของการรู้ตวั สามารถควบคมุ รกั ษา จิตไวไ้ ด้ ใครเจอความนึกคิดที่มี อยู่ในจติ บ้าง ใครรู้สึกจิตไม่คิดเลย นง่ิ ตลอดบา้ ง “ความคิด” มักจะคิดถึงเรื่องราวต่างๆ เร่ืองราวกับ ความคิดเป็นคนละอย่างกัน เร่ืองราว เป็นธรรมารมณ์ มา ปรากฏทางใจ มาอยูท่ ใ่ี จ แต่มนั ก็ไมใ่ ช่ใจ บริษัท สำ�นักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำ�กัด

28 ตวั จติ ใจเปน็ ตัวคิด เปน็ ตวั ไปรู้เรอ่ื งราว เรอื่ งราวเปน็ ตวั ถูกรู้ ความคิดเป็นตวั ไปรู้ เร่ืองมาหาความคิด หรอื ความคิดไปหาเรอื่ ง ใครคดิ บ่อยแสดงวา่ ไปหาเรอ่ื งบ่อย ทกุ เร่ืองราวที่เกดิ ขน้ึ กบั เราท้ังดแี ละไมด่ ี ผา่ นมาแลว้ นานแค่ไหน ไมเ่ คยลืม จากน้ีไป แกตอ้ งฟงั ค�ำสง่ั 5ฉนั 5เทา่ 5น้นั คดิ ถงึ เมื่อไร โกรธเม่ือน้ัน ใครเปน็ ทุกข์ ? เรา คนท่ีเราโกรธเขานอนหลับสบาย วนั ใดทเ่ี รานอนคดิ โกรธใครสกั คนทง้ั คนื เราทกุ ขเ์ พราะเขาทำ� ไมด่ กี บั เรา หรือทุกขเ์ พราะความคิด เราทุกขเ์ พราะความคิดของ เราเอง เพราะเรื่องราวท้งั หมดจบไปแลว้ ฉะนั้น ถา้ หากเราสามารถหยดุ ความคดิ สลายความคดิ จะดี จะสบายใช่ไหม ? ดมี าก นอนหลบั สบายด้วย ทุกข์แค่ไหนก็ดับได้

29 รู้ทนั ความคดิ วธิ ีทจ่ี ะหยดุ ความคดิ ทกุ ข์ก็ม5าไม5่ถึงเ5ราแล้ว ก็คือใหท้ ำ� อย่างที่ทำ� กนั อยูน่ ี้ แลว้ จะได้ปญั ญาดว้ ยคอื ตวั รู้ พอคดิ ขึ้นมาก็รู้ พอรบู้ อ่ ยๆ มันจะตัดเร่ืองความคดิ ออกไป เมอื่ เรอ่ื งราวถูกตดั ออกไป ใจจะเบาสบาย ไมใ่ ชเ่ ป็นเรอ่ื งยาก การทำ� ความระลกึ รู้ ๑ นาที ตามแบบฝึกหัด น่ันเป็นวิชาการดับทกุ ข์ ในปัจจุบนั แบบง่ายๆ ความทุกข์ท่เี กดิ จากความคิด ก็แคเ่ พยี งให้รูท้ ันเทา่ น้นั ถ้ากำ� หนดหรอื ระลกึ รู้เฉยๆ ไมไ่ ด้ ใหใ้ ชว้ ธิ ีพดู ไปด้วยว่า คดิ หนอ คิดหนอ ฝกึ อย่างนกี้ ไ็ ด้ พอกำ� หนดรู้ มันก็จะตัดเรอ่ื งออกไป บริษัท สำ�นักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำ�กัด

30 แบบฝึกหัดที่ ๘ จะให้ดสู ภาวะทางใจ อีกประการคือ มีอะไรแอบเข้าไปอยู่ ความรสู้ กึ สบายใจ ไม่สบายใจ ในหวั ใจเราบา้ ง หรอื เฉยๆ มคี วามฟุง้ ซ่าน หรอื สงบ ให้หลบั ตากำ� หนดดูความรู้สึกของจิตใจ คำ� วา่ จติ ใจกับวญิ ญาณ เปน็ เร่อื งเดียวกัน การระลึกร้ดู ูทใ่ี จ เปน็ การอ่านจิตใจตวั เองวา่ ขณะน้ี จติ ใจมคี วามรู้สกึ อยา่ งไร ? สบาย ไม่สบายใจ เฉยๆ ไมส่ ขุ ไมท่ ุกข์ ใครพบความรู้สึกอะไรในใจบา้ ง ? วธิ กี ารอยา่ งน้ีเรียกวา่ การมีสติอ่านใจตัวเอง รสู้ กึ อยา่ งไรให้ก�ำหนดรู้อยา่ งนน้ั เฉย กใ็ หร้ วู้ า่ เฉย นี่คอื การเจริญสติเจรญิ วปิ ัสสนา การมีสตอิ ่านใจตัวเอง อยตู่ ลอดเวลา น้ีเเหละคะ่ จึงเปน็ การเจริญวิปสั สนา อยา่ งถูกตอ้ ง... ดว้ ยการกำ� หนดรู้ความรสู้ กึ ที่จิต แต่ก็มีปัญหาอยวู่ ่า มสี ติรู้แตต่ อ้ งรูใ้ ห้ถกู ต้อง สติรู้อย่างไร จึงเป็นการรทู้ ถ่ี กู ตอ้ ง ทุกข์แค่ไหนก็ดับได้

31 เม่ือเกิดความฟ้งุ ซ่านข้นึ มาในจิตใจรู้อย่างไรจงึ จะถูกต้อง ? ก. พยายามให้มันหยุดฟงุ้ ข. พยายามใหฟ้ งุ้ เรื่อยๆไป ไม่ถูกนะค่ะ ค. ดูมันเฉยๆ ไมว่ ่าอะไร หากทำ� อย่างนั้น จะเป็นการ เพ่มิ จำ� นวนกิเลส ขนึ้ มาอกี ตวั หนง่ึ คือ กิเลสทว่ี ่า ฉนั ตอ้ งหาวิธี ความอยาก คืออะไร... จัดการแกให้ออก ค่ะ ไปจากใจให้ได้ ฟงุ้ ค�ำตอบท่ถี ูกตอ้ งคือ ข้อ ค. ดูเฉยๆ ใครทตี่ อบถกู กลับไป ทำ� ให้ถูกด้วย กลัววา่ ตอบถูกแตจ่ ะทำ� ไมถ่ กู เมอื่ เกดิ ความฟงุ้ ซา่ นขน้ึ ในใจ ถา้ เราไปกำ� หนดรดู้ ว้ ยการบงั คบั ใหม้ ันหยุด แล้วถ้ามนั ไมห่ ยดุ จะฟ้งุ ซ่านมากกว่าเดิม ความร้สู ึกไมช่ อบความฟงุ้ ซ่าน ความอยากหายจากความฟงุ้ ซ่าน โทษของมนั ยงิ่ ไปกนั ใหญ่ โมโหเดอื ดดาลเปน็ การกำ� หนดรคู้ วาม ฟงุ้ ซา่ นแบบโลภะ ภาษาธรรมเรียกวา่ อภชิ ฌาและโทมนสั บริษัท สำ�นักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำ�กัด

32 พระพทุ ธเจา้ สอนวา่ ให้ระลึกรู้อยา่ งไมม่ ีอภชิ ฌาและโทมนสั ไมย่ ินดยี ินร้าย กค็ ือใหว้ างเฉย สักแตว่ า่ ... ไม่วา่ อะไร อยา่ งคนกำ� ลงั ทะเลาะกนั ถา้ มีใครมาชวนเราไปทะเลาะ ถ้าไปเราก็เดอื ดรอ้ น เราอย่เู ฉยๆ เขาก็เลิกไปเอง เมื่อก�ำหนดถูกแล้วต้องก�ำหนดตรงด้วย หมายถึง ตรง ตัวลักษณะความฟงุ้ ซ่าน กค็ อื มสี ตดิ ูท่ีอารมณฟ์ ุ้งซา่ นทค่ี ำ� สั่ง ปรากฏและดเู ฉยๆ ไมบ่ งั คบั ใหห้ ยดุ ฟงุ้ เพราะหากบงั คบั ใหห้ ยดุ ความฟุ้งจะตีกลบั มาให้วุน่ วายหนักกวา่ เกา่ ก�ำหนดรคู้ วามฟุ้งต้องวางเฉยใหไ้ ด้ ต้องหัดวางเฉย ปล่อยวาง อปุ มาเหมอื นเราเห็นคนอ่นื ทะเลาะกัน เขาชวนเราไปทะเลาะด้วย ถ้าเราไปทะเลาะด้วย เราก็จะเดือดร้อน ถ้าเราวางเฉยซะ ข้าไม่เอาดว้ ย สบาย คนอ่นื อยากทะเลาะกท็ ะเลาะไป เดยี๋ วเขากห็ ยุด ทะเลาะเอง ทุกข์แค่ไหนก็ดับได้

33 การเจริญวปิ สั สนา จะต้องมีสตริ ะลึกร้ดู จู ิตตนเอง อา่ นใจตัวเองดูใจตวั เองเสมอ ดูเพอ่ื จะไดอ้ ่านตวั เองออก “การมีสติดูใจอยูเ่ สมอ จงึ จะ บอกตัวเองถูก เปน็ การเจริญสตอิ ย่างถกู ต้อง” ดวู า่ จติ มอี ารมณแ์ บบไหน เศรา้ หมอง ขนุ่ มวั ผอ่ งใส หรอื คอ่ น ข้างไปทางไหน ดเู บาๆ ดูสบายๆ เกิดความประมาท พลงั้ เผลอ เพราะไมม่ ีสตริ ะลกึ รู้ อยูต่ ลอด แต่ถ้าคนเคยฝึกสติจะร้วู า่ จิตมีการเผลอ แต่กร็ ตู้ วั ว่า เผลอ ปกตคิ นไมเ่ คยปฏบิ ตั จิ ะไมร่ เู้ ลยวา่ ตนเองเผลอ แตถ่ า้ เผลอแลว้ รู้ จะท�ำให้เรามสี ติสมบูรณ์ คือ ความเผลอจะน้อยลงจะมสี ตเิ ขา้ มาไว ข้ึน นค้ี ือวธิ ปี ฏิบตั ิเจริญสติ บริษัท สำ�นักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำ�กัด

34 คราวน้ี หันมาดูร่างกายบ้าง เป็นสุขหรือเป็นทุกข์ นั่งนานจึง เป็นทกุ ข์เพราะปวดเม่ือย ลองถามใจตัวเองวา่ ถ้ายืนขนึ้ หรือเปล่ียนอริ ิยาบถจะดไี หม ? ถา้ ดี ก็บอกใจตัวเองด้วยว่า ตอนนส้ี ังขารเปน็ ทุกข์จ�ำเป็นต้องแกท้ กุ ข์ จะต้องแกท้ กุ ข์ด้วยการเปล่ียนอิรยิ าบถ คอ่ ยๆ ขยบั ลุกขึน้ ต้องร้ตู ัวด้วย ระหวา่ งขยับดใู จไปดว้ ย พอรู้ วา่ ตัดสินใจจะขยบั ลุกขนึ้ ยืน กายสว่ นไหนขยบั ก่อน ส่วนไหนขยับต่อ มาใหร้ ู้ มีสติรู้กายเคลอื่ นไหว นัง่ นานๆ สังขารเปน็ ทกุ ข์ พอลุกขึ้นยืนรู้สึก จะตอ้ งแก้ทกุ ข์ดว้ ย สบายขนึ้ ยิม้ ออก การเปลย่ี นอิริยาบถ ทรี่ สู้ กึ สบายเพราะ ความปวดเมอื่ ยมนั เบาบาง ความจริง แต่ความจริง มัน ทุกข์ก็ยังมอี ยู่ ยังมีอยู่ แตเ่ บาลงค่ะ ทุกข์มันลดลง ซึ่ง ความจรงิ มนั ยงั ทกุ ขอ์ ยู่ ทุกขเ์ ท่านน้ั เกิดข้นึ ทกุ ข์เท่าน้นั ต้ังอยู่ ทกุ ขเ์ ทา่ นัน้ ดบั ไป ทุกข์แค่ไหนก็ดับได้

35 ความจริง ทุกข์มอี ยู่ตลอดเวลา แตม่ ันทกุ ขม์ ากทกุ ขน์ ้อยเท่านนั้ เช่น เราปวดอจุ จาระพอถา่ ยออกจะร้สู ึกสบาย อนั ท่ีจริง ถา้ พจิ ารณาให้ดยี ังปวดยังแสบอยู่ เพยี งแต่มนั ลดลง ฉะนัน้ เวลาเจอหนา้ กนั ตอ้ งถามว่า ยังพอทนได้ เป็นไง ยังพอทนไหวไหม ? คนตอบก็ต้องพดู ว่า เม่ือยืนข้ึนก็ “ยังพอทนไดอ้ ยู่” ปฏิบัตใิ นทา่ ยืนได้ เพราะคนส่วนใหญท่ ่ีตายไป ยืนนิง่ ๆ ดกู าย เพราะทนพิษบาดแผลไมไ่ หว ท่นี ิ่งและดูความไมน่ งิ่ กค็ ือทนไมไ่ ดแ้ ลว้ ฝ่าเท้ากระทบ พ้ืนรสู้ กึ อยา่ งไร ? โอย้ ... ก�ำหนดดูตาม ขอ้ เท้า ฝา่ เท้า นอ่ ง ทนไมไ่ หว เจอธาตุอะไร แล้ว ปวดขา แขง็ เย็น รอ้ น เหลอื เกนิ บริษัท สำ�นักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำ�กัด

36 ธาตุลมจะมีลักษณะตึง ส�ำรวจร่างกายลงไปตามล�ำดับ ไลล่ งตั้งแต่ศีรษะไปถึงข้อเทา้ ถ้าร้สู ึกตึง แสดงว่า มธี าตลุ ม หายใจเข้า - ออกมีลมอยไู่ หม ? อย่าลมื ดูลมหายใจ เวลาหายใจทอ้ งกระเพ่อื มไหม ? ปฏิบัตใิ นท่ายนื จะมสี ภาวะอยา่ งนี้ ขณะก�ำลังเคลอื่ นไหวปฏิบัตไิ ดไ้ หม ? ได.้ ..ให้มสี ตดิ ูการขยับเคล่ือนไหวของรา่ งกาย ควรมสี ตริ ้สู องอยา่ ง คือ รู้ความเคลือ่ นไหว กับ รใู้ จทีร่ ับรู้ ขณะก�ำลงั แมก้ ายกำ� ลังเคลือ่ นไหว เคลือ่ นไหว ตอ้ งมใี จเป็นตัวรับรคู้ ะ่ แบบน้ี มวี ิธี ก�ำหนดรู้ กายทเ่ี คลอื่ นไหวมใี จทร่ี บั รไู้ หม? อยา่ งไร ? หรือมีแต่กายที่เคล่ือนไหวแต่ ไมม่ ีใจท่รี ับรู้ ต้องก�ำหนดดูท้ังสองอย่าง คอื กายเคลอ่ื นไหว ใจทีร่ บั รู้ เรียกว่า อาศัยสิ่งหนึ่งเพื่อ ไปรูส้ ่ิงหนึ่ง ทุกข์แค่ไหนก็ดับได้

การบรหิ ารกาย ต้อง 37 ไมใ่ ชก่ ารคะนองทางกาย อาศยั สิง่ หน่งึ กค็ ืออาศยั กายทเ่ี คลอ่ื นไหว เพือ่ ไปรอู้ กี สง่ิ หนง่ึ การบริหารกาย ก็คอื ใจทีร่ ับรู้ ตอ้ งเป็นไปเพือ่ แก้ทกุ ข์ทางกาย มนั ต้องรใู้ นขณะน้นั ดว้ ย โดยมใี จก�ำกบั รตู้ วั เป็นสว่ นสำ� คญั ของการรู้ อยคู่ ะ่ เวลายืนนานๆ เกดิ ทกุ ข์ จึงจะไม่เป็นการ เมอื่ ทกุ ข์เกิด คะนองกาย จิตใจกป็ รารถนาจะแกท้ กุ ข์ การแกท้ กุ ขใ์ ห้บอกตัวเองว่า กายกำ� ลงั เป็นทกุ ข์ จ�ำเปน็ ตอ้ งแก้ทุกข์ ก่อนจะนั่งเราต้องดทู ุกขก์ อ่ น ออ้ ..กายเปน็ ทกุ ข์ แล้วตดั สินใจลงน่ังให้ดูวา่ อันไหนขยบั กอ่ น อนั ไหนขยบั ต่อมา คอ่ ยๆ ยอ่ ตัวลง ดูการขยบั ถ้าไมร่ กู้ ็ยืนขน้ึ ใหม่ลุกข้นึ ยืนน่ัง พอนง่ั ลงไปแลว้ รู้สึกยิ้มได้ เพราะทกุ ขม์ ันลดลง บริษัท สำ�นักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำ�กัด

38 การเจริญวิปัสสนาต้องระลึกรู้ต่อสภาวะตรงๆ ท่ีปรากฏ ทางกาย มีเยน็ ร้อน ออ่ น แข็ง หยอ่ น ตึง สบาย ไมส่ บายเป็นต้น สภาวะทปี่ รากฏทางใจ มีความนึกคดิ ความรู้สึก สบายใจ ไมส่ บายใจ เฉยๆ ฟงุ้ ซ่าน สงบ ขุ่นมวั ผ่องใส ความเผลอ ไมเ่ ผลอ ความรู้ ความพอใจ ไม่พอใจ ชอบใจ ไมช่ อบใจเป็นต้น รา่ งกายของเรา เหมอื นกับเรือนหลงั หน่งึ มีจิตใจเป็นเจ้าของบ้าน มีประตูเขา้ - ออกอยู่ ๖ ประตู คอื ตา หู จมูก ลน้ิ กาย ใจ ท่ีจิตใจสามารถผา่ นเขา้ ออกได้ ภาษาธรรมประตูเขาเรยี กวา่ ทวาร จติ ใจจะผา่ นประตนู ีเ้ พือ่ ออกไปรบั แขก ทุกข์แค่ไหนก็ดับได้

39 ประตูจมกู ประตตู า เรยี กวา่ เรียกวา่ ฆานทวาร จกั ขทุ วาร ประตลู นิ้ ประตูหู เรียกว่า เรยี กวา่ ชิวหาทวาร โสตทวาร ประตกู าย ประตใู จ เรียกวา่ เรยี กวา่ กายทวาร มโนทวาร แขก กค็ อื อารมณ์ต่างๆ ที่จติ เข้าไปรับรู้ ส่งิ ใดทจ่ี ิตเขา้ ไปรับรู้ เรยี กว่า อารมณ์ แขกท่มี าทางตา คือ รูปหรอื สตี ่างๆ เรยี กว่า รูปารมณ์ แขกทม่ี าทางหู คอื เสยี ง เรยี กวา่ สทั ทารมณ์ กค็ อื เสยี งตา่ งๆ แขกทม่ี าทางจมกู คอื กลนิ่ เรยี กวา่ คนั ธารมณ์ กค็ อื กลนิ่ ตา่ งๆ แขกทมี่ าทางกาย คอื โผฏฐัพพะ เรยี กว่า โผฏฐัพพารมณ์ ได้แก่ เยน็ รอ้ น อ่อน แขง็ หย่อน ตงึ บริษัท สำ�นักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำ�กัด

40 แขกท่มี าทางใจ คอื ธรรม เรยี กวา่ ธรรมารมณ์ ก็คอื สง่ิ ท่มี าปรากฏทางใจ มีทงั้ ทเี่ ป็นบญั ญตั ิ เช่น เรอ่ื งราวต่างๆ ท่ี เปน็ ปรมัตถ์ กค็ อื จติ เจตสิก รูป นพิ พาน ทกุ คนมเี รอื นชวี ติ กนั คนละหลงั มจี ติ ใจเปน็ เจา้ ของบา้ นมปี ระตู อยู่ ๖ ประตู ทกุ วนั จะมแี ขกมาเยอื นมากมาย มาทางตา หู จมกู ลน้ิ กาย ใจ โดยเฉพาะทางใจแอบเขา้ มาถึงในบ้าน ทกุ วันน้ี เรือนชีวติ ของทา่ นท้งั หลาย มักจะมปี ัญหาอย่างน้ี บอ่ ยไหม ? เจา้ ของบ้านพอออกรับแขกแลว้ มกั จะทะเลาะกับแขก หรอื ไปรกั ไปหลงแขก รูป บางทอี าจตามแขกไป กลนิ่ เสียง รส โผฏฐัพพะ ธรรมารมณ์ ทุกข์แค่ไหนก็ดับได้

41 เสยี งดงั เสยี งดา่ หนวกหู รู้สึกไม่ชอบ เสียงไพเราะ ภาพสวยๆ งามๆ รู้สึกรกั ชอบ ถา้ ภาพไมด่ ี รสู้ ึก ไม่ชอบ โกรธ เกลียด กล่นิ มากระทบจมูก รสู้ กึ ชอบไม่ชอบ รสอรอ่ ย ไมอ่ ร่อย รสู้ กึ ชอบไมช่ อบ ฉันยม้ิ แย้มแจม่ ใส เพราะ รปู สวย เสยี งไพเราะ กลนิ่ หอม รสอร่อย สิง่ มากระทบกาย เยน็ ร้อน ออ่ น แขง็ หยอ่ น ตึง ถา้ ร้อนเกินไป เยน็ เกนิ ไป แข็งเกินไป ตึงเกินไป ทำ� ให้เจ็บปวด ไมส่ บาย ร้สู กึ ไมช่ อบ ถา้ พอดี ๆ สบายรู้สกึ ชอบ ทะเลาะ รกั หลง คดิ ถงึ อาลัยอาวรณ์ กระวนกระวายใจ ห่วงหวงบา้ นกับแขก ใครเปน็ ทกุ ข์ เจา้ ของบ้านเป็นทุกข์ เราหนา้ ตาบดู บง้ึ เราทุกขเ์ พราะเขา เพราะ รปู ขี้เหร่ เสยี งดงั กล่ินเหม ็น รสขม ตอ้ งเอาเขาออกจากหัวซะจะไดส้ บาย เอาเขามาสวมไว้ที่หัวมนั จึงทุกข์ บริษัท สำ�นักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำ�กัด

42 ต้องรู้ตวั วา่ ก�ำลงั ตอ้ นรับแขกนะ ทำ� อยา่ งไร จะไม่ให้เจ้าของบา้ น ทะเลาะกับแขก หลงรกั แขก ไมต่ ามแขกไป เพอ่ื จะไดไ้ มเ่ ปน็ ทกุ ข์ ต้องฝกึ เจ้าของบา้ นให้มสี ติ รตู้ วั ในทกุ ขณะท่กี ำ� ลงั ท�ำหน้าท่ี ฝึกใหร้ กู้ าย ร้ใู จตวั เอง ต้องรตู้ วั วา่ หวั ใจกำ� ลงั รูส้ ึก อย่างไร...และกำ� ลัง จะทำ� อะไร.. รู้ ๓ อย่าง คือ ๑. รู้ตวั ว่า เป็นเจา้ ของบ้านกำ� ลังรับแขก ๒. รตู้ ัวว่า เจ้าของบ้านก�ำลังรู้สกึ อย่างไร ๓. รูต้ วั วา่ เจ้าของบา้ นกำ� ลังจะตามแขกไปแลว้ เมอื่ ใจเราออกนอกตวั กภ็ าวนาทนั ทวี า่ “คดิ หนอ” เปน็ การดงึ ใจใหก้ ลบั เขา้ บา้ น ไมท่ ง้ิ บา้ นตวั เอง จะทำ� ใหอ้ ยเู่ ปน็ สขุ ไมท่ กุ ขร์ อ้ น ทุกข์แค่ไหนก็ดับได้

43 ตั้งแต่วนั นเี้ ปน็ ต้นไป ให้อธษิ ฐานจิตเพ่อื เปดิ โอกาสให้ ตนเองได้มชี วี ติ ใหม่ทกุ วนั ประนมมอื ขึ้นตงั้ ใจกลา่ ววา่ ขา้ พเจา้ ขอตัง้ ปณิธาน อธิษฐานจิต จะตง้ั ใจละความชัว่ จะต้ังตวั ไวโ้ ดยชอบ จะประกอบแต่กรรมดี จะท�ำชีวิตนีใ้ ห้มีสาระ จะเอาชนะความเหน็ แก่ตวั จะไม่เกลือกกลว้ั อบายมุข จะมีความสุขอยกู่ บั การให้ จะเปน็ ผู้ไม่ม่วั กาม จะไมท่ ำ� ตามความเห็นผิด จะพัฒนาจิตใหบ้ ริสทุ ธิ์ เพือ่ ความอิจฉาหมดไป ฝกึ เจรญิ มทุ ิตา เพือ่ แก้ไขความเห็นผิด ฝึกฝนจนเข้าใจ เพอ่ื หลดุ พน้ ความเยอ่ หยง่ิ ถอื ตวั ฝกึ ออ่ นนอ้ มถ่อมตน เพื่อแก้ไขความตระหนี่ ฝกึ การให้ เพื่อหลีกหนคี วามชว่ั ฝกึ ส่ังสมความดี เพ่อื เอาชนะความออ่ นแอ ฝกึ ขันติเปน็ ตบะ ฝกึ เอาชนะความเหน็ แกต่ วั ต้องไมก่ ลวั การเสียสละ บริษัท สำ�นักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำ�กัด

44 อาศยั เกิดเปน็ คน เพื่อมาคน้ สจั ธรรม อาศยั ความเปน็ คน เพอ่ื ฝึกฝนตนเอง อาศัยความเกดิ เพ่ือมาแก้กเิ ลส อาศยั ความแก่ เพื่อแชรป์ ระสบการณ์ อาศยั ความตาย เพ่อื สลายตัวตน อาศยั ประสบการณ์รา้ ย เพื่อให้กลับกลายเปน็ ดี อาศยั ความพลัดพราก เพื่อให้มากด้วยความสังเวช อาศัยความผิดหวัง เพอ่ื อนจิ จงั ประจกั ษแ์ จ้ง อาศัยความเป็นมนษุ ย์ เพอ่ื มาท�ำที่สดุ แห่งทกุ ข์ อาศัยความทกุ ข์ยาก เพอ่ื ให้มากดว้ ยความบากบ่ัน อาศัยความจน เพ่ือสร้างคนขยัน อาศัยถูกเยย้ หยนั เพื่อสานฝนั ให้เปน็ จรงิ อาศยั ถูกทอดทิง้ เพือ่ ความจริงประจักษแ์ จง้ อาศยั ความยาก เพอื่ ใหม้ ากดว้ ยความสามารถ อาศยั ปญั หา เพื่อปัญญาบรรเจิด อาศัยอุปสรรค เพอ่ื เป็นนกั ตอ่ สู้ อาศยั ศตั รู เพอ่ื เปน็ อย่อู ย่างเขม้ แขง็ อาศัยปลดเกษียณ เพือ่ เรียนรชู้ วี ิตตน อาศยั พ้นตำ� แหนง่ เพื่อไม่ตอ้ งแขง่ กับใครๆ อาศยั พน้ อำ� นาจ เพื่อเป็นนักปราชญท์ ่แี ท้จริง ทุกข์แค่ไหนก็ดับได้

45 ตอ้ งฝกึ เจรญิ เมตตาเพอ่ื แกป้ ญั หาความโกรธ พจิ ารณาเหน็ โทษ วา่ ความโกรธเป็นเหตุประทษุ ร้าย และเป็นทกุ ข์ ท่องคาถาไวว้ า่ ใจเอ๋ยใจ ท�ำไมเจา้ จงึ ข้ีโกรธ ใหเ้ ปน็ ทกุ ข์ เปน็ โทษ ไมส่ กุ ใส โกรธโกรธเขา แล้วเรา จะไดอ้ ะไร มแี ตไ่ ฟ ไหม้อก นรกทง้ั เป็น คาถากันความเสียใจท่องจ�ำให้ขึ้นใจวา่ \"เสยี อะไรกเ็ สยี ไป แต่อยา่ เสยี ใจ\" ถ้าเสียใจจะเปน็ ทกุ ข์ จงปลุกจติ สำ� นกึ สรา้ งความรสู้ กึ ดๆี ขึน้ มาใหม่ เม่ือมเี กิด ตอ้ งมีแก่ มีเจบ็ มีตาย เมื่อมีพบ กม็ ีการพลัดพราก เมอ่ื มหี วัง ก็ตอ้ งมกี ารผดิ หวงั เป็นด่งั นี้ธรรมดา ธรรมดาของทกุ ชีวิต ชีวิตนี้เกิดมาชั่วแป๊ปๆ รกั ษาใจไว้ให้ได้ นะ เด๋ยี วก็แก่ เจบ็ ตาย แลว้ จะเอาอะไรกันนกั กันหนา ไม่ใชเ่ รา ไม่ใชข่ องเรา เราก็ไมใ่ ช่ ของของเรากไ็ ม่ใช่ เรากไ็ มม่ ี ของของเราก็ไม่มี บริษัท สำ�นักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำ�กัด

46 สง่ิ ท่ีมคี ณุ ค่าของชีวติ คืออะไร ทอ่ งคาถาไว้ว่า อดตี ทข่ี มข่นื ต้องสดชน่ื ในปจั จุบัน อดตี ท่ีผกผัน ปจั จุบนั ต้องมั่นคง อดตี ทีล่ มุ่ หลง ต้องปลดปลงในปัจจบุ นั ขอบคุณคะ่ เปน็ ผ้ยู อม แตไ่ ม่แย่ เป็นผแู้ พ้ แต่ไมอ่ าภัพ ทำ� ดีเป็นพร ออ้ นวอนเป็นพาล ฤกษด์ ียามดี สทู้ ำ� ดไี มไ่ ด้ ฤกษร์ า้ ยยามรา้ ย ยังไม่ฉบิ หายเท่ากับทำ� ชัว่ ขอบคุณความทุกข์ ท่ที �ำให้ถงึ ธรรม ขอบคุณความยุ่งยาก ทท่ี ำ� ให้มากด้วยความสามารถ ขอบคณุ ทท่ี อดทง้ิ ทำ� ใหพ้ บความจรงิ วา่ เปน็ เชน่ นนั้ เอง ทุกข์แค่ไหนก็ดับได้

47 อนุโมทนาสาธกุ าร ในโอกาสท่ไี ดม้ าปฏิบตั ิธรรม ขอให้เป็นกศุ ล เป็นบารมี ใหท้ ่านไดม้ คี วามเจรญิ ใน ธรรมย่งิ ๆ ข้ึนไป น�ำพาชวี ติ ตนเองใหอ้ ยรู่ อดปลอดภยั ให้ ถงึ สขุ อันไพบลู ย์ ขอใหท้ า่ นท้ังหลาย เจริญดว้ ยอายุ วรรณะ สุขะ พละ ปฏิภาณธนสารสมบตั ิ ปรารถนาสงิ่ ใดเป็นไปในทางท่ชี อบ ประกอบดว้ ยธรรม ขอใหส้ ง่ิ นน้ั จงพลนั สำ� เรจ็ สมดงั ปรารถนา ทุกๆ ประการเทอญ. บริษัท สำ�นักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำ�กัด

จากรุ่นสู่รุ่น จากยุคสู่ยุค ไม่หยุดย้ังการพัฒนา สรา้ งสรรคส์ อ่ื ธรรม รงั สรรค์สังคม อดุ มปญั ญาบารมี จากพุทธศกั ราช ๒๔๕๙ สำ� นกั พมิ พเ์ ลีย่ งเชยี ง ดำ� รงความเพียรเพอ่ื พทุ ธศาสน์ ตอ่ ไป ไมส่ ิ้นสุด เพ่อื จรรโลงพระพทุ ธศาสนา พฒั นาไมห่ ยดุ ยง้ั แตกหน่อ กิง่ กา้ นสาขา เปน็ บริษัท สำ� นักพิมพ์เลยี่ งเชยี ง เพยี รเพื่อพทุ ธศาสน์ จ�ำกดั และแตกหน่อต่อไป พัฒนาสังคมให้ม่ันคง สงบสุข เจริญรุ่งเรืองย่ิงขึ้น ตกทอด เปน็ มรดกธรรม มรดกความดจี นถึงลกู หลาน เหลน ล่อื ลบื ลดื สบื ไป ขอขอบคุณ ฝ่ายต่างๆ ที่มีส่วนร่วมสร้างสรรค์หนังสือเล่มนี้ ให้ส�ำเร็จสมบูรณ์ อาทิ ทป่ี รกึ ษาหลกั คณุ มณฑนจ์ ติ ตเ์ กษม จงพพิ ฒั นย์ ง่ิ ผจู้ ดุ ประกายความคดิ สะกดิ จดุ ออ่ น สะทอ้ นจดุ แขง็ เสนอขอ้ ปรกึ ษา สมานสาระและศลิ ปะ, คณุ อาทติ ย์ จติ นยิ ม ทปี่ รกึ ษาการดแู ลสงั คม, คณุ ไชยภทั ร แกว้ นลิ ฝ่ายการตลาด, คุณอรทัย จิตงาม ที่ปรึกษาฝ่ายศิลปะ, และที่ส�ำคัญคือ ผู้มีอุปการคุณทุกท่านที่ให้ คำ� แนะนำ� ตชิ ม หนงั สือสือ่ ธรรมของสำ� นักพมิ พ์ ท�ำให้ทมี งานมีกำ� ลังใจและพร้อมแก้ไข ปรับปรุง และ สรา้ งสรรคส์ ือ่ ธรรมะดี ดี ให้ดยี ิ่งๆ ขน้ึ ตอ่ ไป ธรรมทานสานสุข ปัจจุบันมนุษย์ก�ำลังผจญกับภาวะจิตขาดธรรม ส่งผลให้ มนุษย์ถูกแผดเผาด้วยไฟกิเลส จิตขาดความชุ่มช้ืน แห้งแล้ง เป็นทุกข์ง่าย ไร้ชีวิตชีวา ธรรมะเปรียบ เสมอื นน้�ำท่ีฉ่�ำเย็น เหมือนปา่ ไมท้ ีอ่ ุดมสมบูรณ์ การชว่ ยให้ผอู้ ่ืนได้เขา้ ถงึ และสมั ผัสกบั ธรรม จึงเท่ากบั การคนื ความสุข มอบความสดชนื่ แก่เพอ่ื นมนุษย์ แก่สังคม และแก่โลก ทกุ ทา่ นสามารถชว่ ยเพอ่ื นรว่ มโลกใหเ้ ขา้ ถงึ ธรรมะไดง้ า่ ยๆ ดว้ ยการบอกกลา่ วใหค้ นรอบขา้ งให้ รู้จกั นำ� ธรรมะไปใชใ้ นชวี ิตประจ�ำวัน ชว่ ยแนะน�ำหรือพมิ พห์ นังสือธรรมะเลม่ นี้ แจกเป็นธรรมทาน เพ่อื เปิดโอกาสให้เขาได้เรียนรู้ธรรมะและใช้ธรรมะได้อย่างถูกต้อง เป็นสุข และเป็นก�ำลังขยายธรรมทานสู่ผู้ อื่นต่อๆ ไปไม่สนิ้ สุด = Dhamma (ธรรมะ) = ถูกต้องตามหลักคำ�สอน, ถูกอกถูกใจ, ถูกต้อง เหมาะสมกบั ทกุ เพศทกุ วยั , ราคาถูก = ดมี าก, ดีอกดีใจ, ดจี ัง, ดเี ลศิ , ดเี ย่ยี ม ท่านผู้ประสงค์จะเผยแผ่หนังสือเล่มน้ี หรือหนังสือเล่มอื่นๆ เป็นธรรมทาน โปรดตดิ ตอ่ : ส�ำนักพิมพ์เล่ียงเชียง เพียรเพ่ือพุทธศาสน์ ๑h๐t๕tp/๗:/๕/wถนwนปwระช.พาอทุทุ ศิ ธะซอ.nยe๔t๕ แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กรงุ เทพฯ ๑๐๑๔๐ นะจะ๊ ) (พิมพ์ช่อื ไทย จ�ำงา่ ย ใช้ดี ไม่ลืม อย่าลมื พทุ ธะ.net E-mail : [email protected], [email protected] WWW.LC2U.COM ซ้ือหนงั สือ สาขาทงุ่ ครุ : โทร. ๐๒-๘๗๒-๗๒๒๗, ๐๒-๘๗๒-๘๒๒๘, ๐๒-๘๗๒-๙๘๙๘, สาขาส�ำราญราษฎร์ : โทร. ๐๒-๒๒๑-๑๐๕๐, ๐๒-๒๒๑-๔๔๔๖ เผยแผ่เป็นธรรมทาน โทร. ๐๒-๘๗๒-๘๘๗๓, ๐๒-๘๗๒-๙๑๙๑, ๐๒-๘๗๒-๘๑๘๑, ๐๒-๘๗๒-๘๐๘๐, ๐๒-๘๗๒-๕๙๗๘ ๏ พมิ พท์ ่ี หจก. แอลซพี ี ฐติ พิ ร การพมิ พ์ ๑๐๕/๑๑๐-๑๑๒ ถนนประชาอทุ ศิ ซอย ๔๕ แขวงบางมด เขตทงุ่ ครุ กรงุ เทพฯ ๑๐๑๔๐ LC59-20